นางกลางไฟ ตอนที่ 22
มะปรางถือซองเอกสารไว้ในมือ ก้าวเข้ามาข้างโต๊ะของดวงสุดาในร้านอาหาร
"สวัสดีค่ะคุณดา…คุณวัล"
ดวงสุดากับวัลลภาสีหน้างงงวย
"มะปราง เธอมาทำอะไรที่นี่" ดวงสุดาถาม
มะปรางลงนั่งยิ้มๆ
"ชั้นก็มาตามคำเชิญของคุณน่ะสิ ก็ชั้นนี่แหละ…ผู้หวังดี"
สองน้าหลาน อึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ
"นี่เธอ…ชั้นไม่อยากจะเชื่อ"
"แต่… เธอเป็นเพื่อนรักกับนังตะวันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม" วัลลภาบอก
มะปรางแววตาแข็งกร้าว แสยะยิ้ม
"ก็เพราะจริงๆแล้ว…ชั้นไม่เคยคิดว่ามันเป็นเพื่อนรักของชั้นเลยน่ะสิ"
เรื่องราวในวันเด็ก
ตะวันฉายเมื่อตอน 10 ขวบ รับประกาศนียบัตรนักเรียนดีเด่นจากครูใหญ่บนเวทีแล้วเต้นนำหน้าเพื่อนๆในงานโรงเรียน ส่วนมะปรางเต้นอย่างน้อยใจอยู่ท้ายแถวบนเวที ครูและนักเรียนพากันตบมือห้อมล้อมชื่นชม
"ตั้งแต่เด็กๆ นังตะวันมันก็ชอบทำตัวเด่นทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือทำกิจกรรม มันจะต้องเป็นที่1…ต้องเป็นที่รักใคร่ของครูและเพื่อนๆตลอดเวลา"
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เดินคู่กันในโรงอาหาร ผ่านชายหนุ่มที่นั่งอยู่กับแฟน ชายหนุ่มแอบหันมองตามตะวัน โดนแฟนงอนใส่ ทั้งคู่เดินผ่านกลุ่มหนุ่มๆ ทุกคนต่างเข้ามารุมจีบตะวัน มะปรางเหลือบมองถูกใจหนุ่มคนหนึ่งในนั้น แต่ผู้ชายไม่สนแม้แต่นิด จนมะปรางถูกกันห่างออกไป ได้แต่ยืนมองตะวันอย่างอิจฉา
"แม้แต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มันก็หว่านเสน่ห์ไปทั่ว โดยไม่สนว่าใครจะโสดหรือมีเจ้าของอยู่แล้ว"
หลังเรียนจบ ตะวันกับมะปรางมาแคสงานสมัครเป็นนางแบบทั้งคู่ยืนโพสต์คู่กัน มะปรางพยายามเดินโชว์ ยิ้มมั่นใจในความสวยและรูปร่างของตัวเองเต็มที่ แต่โมเดลลิ่งชี้เลือกไปที่ตะวันฉาย
มะปรางทำดีใจด้วยที่ตะวันฉายกระโดดกอดอย่างดีใจ แต่เก็บความอิจฉาไว้ในใจ
"ไม่เว้นแม้แต่เรื่องงาน มันก็ยังแย่งอาชีพที่ชั้นรักและฝันไว้ไปอย่างหน้าตาเฉย"
เมื่อตะวันฉายถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ในฐานะนางแบบดัง แฟนๆรุมถ่ายรูป ขอลายเซ็น
"ตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้มันจะแย่งทุกอย่างไปจากชั้น แต่ชั้นก็ยังอยู่เคียงข้างมันเสมอ เพราะชั้นเห็นแก่ความเป็นเพื่อน ทั้งๆที่มัน…ไม่เคยสนใจว่าชั้นจะรู้สึกยังไง"
มะปรางมองตะวันด้วยสายตาอิจฉาเกลียดชัง
มะปรางในปัจจุบัน สีหน้า แววตา เต็มไปด้วยความอิจฉาเกลียดชัง เจ็บแค้น
"พอกันทีสำหรับเพื่อนเลวๆอย่างมัน ชั้นถึงอยากเห็นชีวิตของมันพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ยิ่งมันเจ็บเท่าไหร่ ชั้นก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น"
"ที่แท้…เธอตั้งตัวเป็นผู้หวังดีก็เพราะอยากจะทำลายนังตะวันมันนี่เอง" วัลลภาบอก
"ถ้าอย่างงั้นเราก็มีศัตรูคนเดียวกัน ชั้นจะร่วมมือกับเธอ และทำทุกอย่างให้นังตะวันมันมีชีวิตแบบตกนรกทั้งเป็น งานนี้ชั้นมีค่าตอบแทนให้เธออย่างงามเลยล่ะ เธอสนใจจะรับงานนี้ไหม"
ดวงสุดาเลื่อนเช็คให้ มะปรางรับมาดูแล้วตาโต ยิ้มถูกใจ
"ถ้าไม่สน...ชั้นคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่หรอก"
ดวงสุดายิ้มสะใจ
"นี่เป็นแค่เงินมัดจำ ถ้าเธอจัดการนังตะวันออกไปจากชีวิตชั้นกับธวัชได้เมื่อไหร่ ชั้นจะจ่ายให้เธออีก2 เท่า"
มะปรางกับดวงสุดาสบตาแล้วยิ้มร้ายให้กัน วัลลภามองนึกระแวงมะปรางอยู่ในใจ แล้วนึกขึ้นได้ยื่นซองเอกสารให้วัลลภา
"อ้อ เกือบลืมไปแน่ะ ชั้นมีของฝากมาให้ด้วยนะคะ พวกคุณจะได้เห็นธาตุแท้ของนังตะวัน ว่าคนอย่างมัน ถ้าอยากได้อะไร มันยอมทำได้ทุกอย่างเสมอ"
วัลลภาเปิดเอกสารดู เห็นรูปดำรงกับมะปรางสวีตริมทะเล ผู้หญิงในภาพถ่ายนั้น ไม่เห็นหน้ามะปราง
วัลลภาอึ้งช็อกค้างโกรธจนพูดไม่ออก ดวงสุดาเปิดรูปดูแล้วยิ่งแค้น มะปรางมองทั้งคู่แล้วแอบยิ้มสะใจ
"นังตะวัน"
วัลลภาทนไม่ไหว กรีดร้องออกมาสุดเสียงลั่นร้านด้วยความแค้นอย่างไม่อายใคร
"แอร๊ย"
ธวัชสูดหายใจเรียกความกล้า แล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้านนิคม ขณะนั้น... ตะวันฉายนั่งคุยโทรศัพท์ในห้องรับแขก มีกล้วยนั่งเล่นกับสายฟ้าอยู่ข้างๆ
"คุณทินควรจะพาป่านไปฝากท้องได้แล้วนะคะ จะได้ตรวจสุขภาพทั้งแม่ทั้งลูกด้วยว่าแข็งแรงดีไหม"
บนคอนโดฯ วาทินเปิดIPADเว็บไซด์momypediaกำลังหาข้อมูลแม่ท้อง รอบตัวมีแต่หนังสือกับนิตยสารแนวแม่และเด็ก
"แล้วไปฝากที่ไหนกับหมออะไรดีล่ะครับ"
"อืม ฝากที่เดียวกับชั้นไหมล่ะคะ"
"ดีๆ เดี๋ยวผมจะซักให้ละเอียดเลยว่าป่านต้องกินอะไร ทำตัวยังไง ผมต้องดูแลอะไรบ้าง"
ตะวันหัวเราะขำ
"แหม ขี้เห่อไปไหมคะคุณทิน"
ตะวันคุยโทรศัพท์ดูมีความสุข ธวัชได้ยินชื่อวาทินถึงกับชะงักหึงขึ้นมา
"งั้นเดี๋ยวชั้นพิมพ์ส่งSMSไปให้นะคะ"
"ขอบคุณมากนะตะวัน ไว้ผมจะโทร.มาปรึกษาใหม่นะครับ"
"ค่ะ"
วาทินวางสายไป ตะวันเหลือบมาเห็นธวัชแล้วแกล้งทำคุยต่อดูชื่นมื่นตั้งใจเอาคืน
"แหม สำหรับคุณทิน ชั้นยินดีเสมอค่ะ แล้วชั้นจะรอโทรศัพท์คุณนะคะ"
ธวัชมองอย่างหมั่นไส้ ตะวันฉายวางสายทำไม่สน
"ทั้งๆที่รู้ว่าคุณทินคบกับยัยป่าน คุณยังคิดจะกลับไปหาคนรักเก่าอีกหรอ หรือว่า…ที่คุณดาบอกว่าคุณกับนิคม…จะเป็นเรื่องจริง"
ธวัชมองเอาเรื่อง ตะวันถอนใจเหนื่อยเต็มทีกับเรื่องที่ดวงสุดาสร้างขึ้น
"ในเมื่อคุณเลือกที่จะเชื่อไปแล้วจะมาถามชั้นทำไม ต่อไปนี้ไม่ว่าใครจะพูดอะไรจะเป็นเรื่องจริงหรือกุขึ้นมา ชั้นก็จะไม่สนอีกต่อไป ชั้นจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของชั้น เพราะเรา… ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"
"ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็คุณเป็น…"
สุนทรีย์ยกของว่างออกมาขัดจังหวะ เห็นธวัชแล้วรีบวางของเข้ามากอดไว้
"อ้าวตาวัช หมอให้ออกมาได้แล้วหรอ หายดีแล้วหรอลูก"
"ครับแม่ ผมหายเป็นปกติดีแล้ว"
"แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ รีบกลับไปเถอะค่ะ เพราะถ้าภรรยาคุณรู้ว่าคุณมาที่นี่ ชั้นกับลูกต้องเดือดร้อนอีกแน่ เราอยู่กันตามลำพังแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว อย่าหาเรื่องให้ชั้นอีกเลย"
ทั้งคู่ตั้งท่าจะทะเลาะกัน สุนทรีย์รีบเข้ามาขวางห้ามไว้
"เอาละๆ ตาวัชเพิ่งจะอาการดีขึ้น อย่าเพิ่งมีเรื่องกันเลยนะ ป้าขอร้อง แล้วหมอว่ายังไงบ้าง วัชต้องไปให้หมอตรวจอีกหรือเปล่า
ตะวันฉายยอมอ่อนลงเลี่ยงไปดูสายฟ้า ธวัชกับสุนทรีย์นั่งลงคุยกัน
"หมอนัดไปตรวจอีกทีหลังจากตัดไหมน่ะครับ"
ธวัชคอยหลือบมองตะวันกับสายฟ้าอย่างคิดถึง สุนทรีย์มองรู้ทันช่วยหาโอกาสให้
"แล้ว…วัชมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าลูก"
ธวัชแก้เขิน
"คือ…ผม ผมนัดกับไอ้คมว่าจะมาคุยเรื่องงานน่ะครับ"
นิคมเดินเข้ามาเห็นธวัชแล้วทักอย่างงง
"อ้าว ไอ้วัช แกหายดีแล้วหรอ ไหนแกบอกว่าไม่อยากเห็นหน้า... แล้วแกมาบ้านชั้นทำไมวะ"
ธวัชหน้าแตกพูดไม่ออก สุนทรีย์เกือบหลุดขำออกมา
"วัชเคลียร์กับตาคมเองก็แล้วกันนะ แม่ขอไปเตรียมของว่างก่อนนะ"
สุนทรีย์ลุกไปที่โต๊ะกินข้าว ตะวันฉายทำเลี่ยงเข้าไปช่วย ไม่อยากอยู่ใกล้
"คุณป้าคะ ตะวันช่วยค่ะ"
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 22 (ต่อ)
สุนทรีย์กับนิคมมองทั้งคู่อย่างเหนื่อยใจ นิคมเพิ่งเข้าใจขยับกระซิบธวัช
"นี่มันอะไรกันวะ เมื่อวานแกยังไล่เขาปาวๆ วันนี้เกิดจะมาง้อซะงั้น ใครเขาจะยอมคืนดีง่ายๆล่ะ วันหลังก็ช่วยเตี๊ยมกันก่อนนะ ชั้นตามแกไม่ทันจริงๆว่ะ"
"ก็…ชั้นยังจำอะไรไม่ได้นี่หว่า ว่าแต่…ตะวันมาอยู่กับแกที่นี่ แก…คิดอะไรกับเขาหรือเปล่าวะ"
"คิด เฮ้ย…ไอ้วัช แกฟังคุณดาแต่งเรื่องมากไปแล้วมั้ง ชั้นจะไปคิดอะไรกับเมียเพื่อนได้ยังไงวะ ชั้นว่า…แกเลิกฟังคนอื่นซักที แล้วหัดเชื่อใจคุณตะวันซะบ้าง"
ธวัชอึ้งไป กล้วยแอบฟังทุกคนคุยกันแล้วคิดแผนในใจ ทำอุ้มสายฟ้าเข้ามาหาธวัช
"อุ๊ย คุณวัชคะ ช่วยอุ้มสายฟ้าทีค่ะ กล้วยปวดท้องจะเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ"
ธวัชทำรังเกียจ
"ไม่เอา ชั้นอุ้มไม่เป็น"
ตะวันฉายรีบหันจะเข้าไปอุ้ม สุนทรีย์แตะแขนห้ามไว้ เธอจำต้องนิ่งมองเป็นห่วงลูก
กล้วยรีบส่งสายฟ้าให้แล้วแกล้งวิ่งไป ธวัชจำต้องอุ้มสายฟ้าไว้ในท่าทางเกร็ง
"แม่ครับ"
ธวัชหันหาจะให้ช่วย สุนทรีย์แกล้งเลี่ยง
"แม่ไม่ว่าง ลูกชายแก แกก็อุ้มเองสิ"
สายฟ้าหัวเราะยิ้มอารมณ์ดี ธวัชมองหมั่นไส้
"ไม่ต้องมายิ้มเลย อย่างอแงล่ะ ไม่งั้น…พ่อจะปล่อยให้กลิ้งเป็นลูกขนุนเลย"
ตะวันได้ยินธวัชเรียกตัวเองว่าพ่อแล้วชะงักน้ำตารื้นขึ้นมา
สายฟ้าส่งเสียงอ้อแอ้ชวนคุย ธวัชมองลูกแล้วเผลอยิ้มตามหยอกเล่นกับลูกอย่างสนุก
ตะวันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สุนทรีย์มองตื้นตัน
กล้วยยิ้มดีใจที่แผนของตัวเองทำให้ทุกคนยิ้มออก นิคมหันไปยกนิ้วชมกล้วย มองธวัชเล่นกับลูกแล้วโล่งใจ
วัลลภาสะอึกสะอื้นเสียใจ สาลี่คอยนั่งนวดเอาใจอยู่ข้างๆ ดวงสุดามองอย่างสงสารเห็นใจ
"สาลี่ แล้วนี่คุณวัชอยู่ไหน"
"คุณวัชออกไปข้างนอกค่ะ"
ดวงสุดาโวยวาย
"ออกไปข้างนอก อย่าบอกนะว่าแอบไปหานังตะวันน่ะ"
วาทินเดินเข้ามาเห็นถึงกับตกใจ รีบเข้ามาหา
"คุณแม่"
วาทินรีบเข้าไปกอดปลอบแม่
"ตาทิน..ช่วยแม่ด้วย ฮือๆ พ่อแกเค้าได้นังตะวันเป็นเมียน้อย"
"หา! ผมว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ"
"นี่แกยังจะเข้าข้างมันอีกหรอ งานนี้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนเลยว่ามันนี่แหละเป็นเมียน้อยคุณพ่อ แถมมันยังจะแย่งวัชกลับไปให้ได้ นังนี่มันร้ายจริงๆ" ดวงสุดาว่า
วาทินยังไม่อยากเชื่อ วัลลภายังคร่ำครวญ
"แม่เจ็บเหลือเกิน ทำไมแม่ไม่ตายๆไปซะ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างงี้"
ดวงสุดาจับมือวัลลภา
"ไม่นะคะ..น้าวัลอย่าพูดแบบนี้ คนที่จะต้องตาย..คือมัน ไม่ใช่น้าวัล"
"แน่ใจหรอครับว่าเป็นตะวัน"
"นี่แกเป็นอะไรตาทินถึงเกิดญาติดีกับมันขึ้นมา ยัยป่านอีกคน วันนี้ชั้นนัดไปเจอผู้หวังดีด้วยกันยังไม่ยอมร่วมมือด้วยเลย แถมยังพูดเข้าข้างมันอีกต่างหาก"
วาทินไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองและสายป่าน ทำพูดเลี่ยง
"ก็…ผมแค่ไม่อยากปรักปรำใคร ถ้ามันไม่เป็นความจริง ผมจะถามคุณพ่อให้รู้เรื่อง"
วาทินควักมือถือขึ้นมาจะโทร.เอาเรื่องดำรง
"ไม่มีประโยชน์หรอก วันนี้พี่โทร.หาทั้งวันแต่คุณพ่อปิดมือถือ"
"คุณพ่อนะคุณพ่อ ก่อเรื่องทีไรก็หนีปัญหาแบบนี้ทุกที วันก่อนยังสัญญาว่าจะถอดเขี้ยวเล็บอยู่บ้านเลี้ยงหลาน แถมยังสวีตกับคุณแม่อยู่เลย ผมว่า…แค่ไปจู๋จี๋กับอีหนูทิ้งทวนหรือเปล่าครับ"
วัลลภาหยุดร้องไห้ นิ่งคิดเริ่มเอนเอียงเห็นด้วยกับวาทิน
"ทินคิดอย่างงั้นจริงๆหรอลูก"
ดวงสุดารีบพูดแซง
"ไม่จริงหรอกค่ะ อย่างคุณพ่อเนี่ยนะคะจะหักดิบแบบที่ตาทินบอก ไม่มีทาง! ดาบอกแล้วว่าถ้าจัดการมันตามแผนไม่ได้ละก็ มีวิธีเดียว"
"ใช่ ผมว่ามีวิธีเดียวที่คุณวัชกับคุณพ่อจะกลับมา คือ…พี่กับคุณแม่ต้องหยุดวางแผนแล้วก็เลิกตามหึงหวงกันซักที ผมไม่เห็นจะมีใครมีความสุขซักคน"
วาทินถอนใจแล้วเดินเลี่ยงไป ไม่อยากยุ่ง ดวงสุดาโวยไล่หลัง
"ไอ้ทิน แกไม่เป็นชั้น แกไม่รู้สึกหรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน ถ้าแผนของนังมะปรางมันไม่สำเร็จ ก็คงมีวิธีเดียวเท่านั้นล่ะค่ะที่จะจัดการมันได้"
ดวงสุดาหน้าเหี้ยม วัลลภานึกกลัวขึ้นมาเลยรีบปราม เตือนสติ
"แต่น้าว่าถ้าตะวันเป็นอะไรไปก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เผลอๆทั้งคุณดำรงและตาวัชอาจจะยิ่งถอยห่างเราออกไปก็ได้นะลูก"
ดวงสุดาโวยใส่
"เอ๊ะน้าวัล จะจัดการคนอย่างมันก็ต้องเอาให้ถึงที่สุดสิคะ แต่ถ้าน้าปอดละก็ ดาลุยเองคนเดียวก็ได้"
"เอ่อ…จ้ะๆๆ เรารอดูผลงานของแม่มะปรางก่อนก็แล้วกันนะ ให้เพื่อนรักของมันจัดการ สะใจกว่าลงมือเองตั้งเยอะ"
ดวงสุดายิ้มอย่างสะใจ
มะปรางขับรถตรงเข้ามาแล้วรีบจอดหลบ ธวัชเดินออกมาจากบ้านนิคมขึ้นรถไปกับสุนทรีย์ แล้วขับออกไป
"นั่นมันคุณวัชนี่ สงสัยข้างในนั่นต้องมีอะไรสนุกๆแน่"
มะปรางยิ้มกระหยิ่ม
มะปรางเดินเข้ามาเห็นตะวันนั่งเล่นกับลูก มีกล้วยนั่งอยู่ข้างๆ ตะวันดูเป็นปกติ มะปรางรีบถามอย่างสงสัย
"ตะวัน เมื่อกี๊ชั้นเห็นคุณวัชเพิ่งออกไป นี่เขามาหาเรื่องแกถึงนี่เชียวหรอ"
"เปล่า เขาแค่มาคุยงานกับคุณคมน่ะ"
มะปรางเจ็บใจที่ผิดแผนเผลอหลุดหงุดหงิดออกมา
"เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง"
ตะวันฉายมองสงสัย มะปรางรีบกลบเกลื่อน
"เอ่อ… ชั้น หมายถึงเรื่องของแกน่ะ มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง"
"ชั้นเริ่มปลงแล้วล่ะ ใครอยากจะทำอะไรก็เชิญ ชั้นขออยู่กับลูก2คนก็พอ"
มะปรางได้ทีเลยรีบยุ
"แต่ชั้นว่าแกย้ายที่อยู่เถอะ ขืนแกอยู่ที่นี่ต่อไป คุณวัชต้องตามรังควาญไม่เลิกแน่ เผลอๆอาจจะมีคุณดากับคุณวัลพ่วงมาด้วย แกอย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างเป็นสุขเลย"
มะปรางแอบหลอกด่า ตะวันฉายไม่รู้ตัวนิ่งคิดตาม กล้วยอดเป็นห่วงไม่ได้
"จริงของคุณมะปรางนะคะ 2 คนนั่นน่ะร้ายกาจน่าดู คุณตะวันลองปรึกษาพี่ซูซี่ดูไหมคะ"
มะปรางรีบขวาง
"โอ๊ย กล้วย ขืนวิ่งไปหานังซูซี่ก็เท่ากับหนีเสือปะจระเข้น่ะสิ รายนั้นน่ะจ้องจะแทงข้างหลังตะวันอยู่แล้ว"
"นี่หมายความว่าชั้นต้องหนีเขาไปตลอดชีวิตอย่างงั้นหรอ"
"แล้วที่แกโทร.คุยกับชั้นว่าคุณวัชเอาแต่ไล่ตะเพิดแกล่ะ ครั้งนี้มันเหมือนลิ้นชักความแค้นของคุณวัชที่มีกับแกถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง แล้วแกจะรับมือพวกเขาไหวหรอ ชั้นไม่อยากเห็นแกต้องช้ำใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เลย "
"ขอบใจนะมะปราง แต่ชั้นไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ชั้นตั้งใจไว้แล้วว่าจะอดทนทำงานเก็บเงินซักก้อน พร้อมเมื่อไหร่ชั้นจะออกไปอยู่กับกล้วยและลูกทันที"
"งั้นก็ตามใจแก แต่ถ้ามีอะไรที่ชั้นช่วยได้ แกรีบบอกมาเลยนะ ชั้นยินดีช่วยแกเสมอ"
"ขอบใจนะมะปรางที่แกคอยอยู่เคียงข้างชั้น"
มะปรางยิ้มเหี้ยม
ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่ ชั้นต้องไปทำงานแล้ว ไว้จะแวะมาหาแกใหม่นะ"
ตะวันยิ้มขอบใจ มะปรางหันไปแอ๊บยิ้มจริงใจให้ตะวันฉายแล้วเปลี่ยนสีหน้าดูแค้นก่อนเดินไป
"แต่ชั้นจะทำให้แกกับลูก…กลายเป็นพวกสัมภเวสีไม่มีที่ซุกหัวนอนให้ได้"
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 22 (ต่อ)
สำนักพิมพ์ใหม่ของสายป่าน พนักงานเดินนำสายป่านมานั่งที่โต๊ะทำงาน
พนักงานบอก
"ถ้ามีอะไรสงสัย ก็ถามพี่เลยนะคะน้องป่าน"
"ขอบคุณมากค่ะ"
สายป่านเปิดเอกสารบนโต๊ะดูอย่างตั้งใจ
ที่หน้าจอมือถือของสายป่าน เห็นวาทินส่ง sticker line มาบอกรัก สายป่านอมยิ้ม กด sticker ตอบ วาทินส่ง sticker line รัวมาอีก 3-4 ครั้ง
วาทินนั่งมองจ้องหน้าจอมือถือของตัวเองนิ่ง ไม่เห็นสายป่านส่งตอบมา เริ่มหงุดหงิดแล้วกดโทร.หา
"ป่าน ทำไมไม่ตอบผมล่ะ คุณไม่รักผมแล้วหรอ"
สายป่านเปิดเอกสารดูยุ่ง คุยกระซิบ
"คุณทิน เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ ชั้นเพิ่งจะมาทำงานวันแรกนะ ขืนมัวแต่เล่นกับคุณ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกพอดี"
"แหม ก็คนมันคิดถึงนี่"
"คุณเองก็เหมือนกัน ตั้งใจทำงานด้วยนะคะ รู้หรือเปล่าว่ามีลูกคนนึงน่ะต้องใช้เงินมากแค่ไหน"
"ครับคุณแม่ งั้นเก็บไว้สวีตตอนเจอกันก็ได้ เดี๋ยวเที่ยงนี้ผมจะรับไปกินข้าวนะครับ ฝากบอกลูกด้วยว่าพ่อคิดถึง"
"ค่ะ"
สายป่านกดวางสายยิ้มมีความสุข ตั้งใจเริ่มต้นชีวิตกับที่ทำงานใหม่อย่างเต็มที่
ดวงสุดากดโทร.หาธวัช ยิ้มมีแผนในใจ
ธวัชขับรถใส่บลูทูธ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เห็นดวงสุดาโทร.เข้าแล้วลังเลก่อนจะกดรับ
"ฮัลโหล ดา…มีอะไรหรือเปล่าครับ"
ดวงสุดาทำพูดเสียงตื่นเต้น
"วัชคะ ดามีธุระสำคัญจะคุยกับคุณ คุณรีบมาด่วนเลยนะคะ"
ธวัชสงสัย
"ธุระอะไร บอกผมมาเลยได้ไหมครับ"
"ไม่ได้ค่ะ แต่ชั้นรับรองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องรู้"
ธวัชยิ่งสงสัย จำต้องรับปากตามนัด
"ก็ได้ครับ…ครับ…งั้นอีกชั่วโมงนึงเจอกันที่ร้านนะครับ"
ธวัชวางสายไปยังนึกสงสัย ดวงสุดายิ้มอย่างมีเลศนัย
ภายในร้านกาแฟ ธวัชนั่งลงมองดวงสุดากับมะปรางอย่างสงสัย
"คุณดา…คุณมะปราง นี่มันเรื่องอะไรกันครับ"
"ชั้นอยากให้คุณฟังความลับบางอย่างจากปากเพื่อนรักของตะวันด้วยตัวเอง คุณจะได้เลิกคิดว่าชั้นใส่ร้ายนังตะวันซักที มะปราง เธอเล่ามาให้หมดว่าความจริงมันเป็นยังไง"
มะปรางทำอึดอัดใจ
"คือ…เรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับคุณธวัชโดยตรงเลยล่ะค่ะ"
"เกี่ยวข้องกับผม ยังไงครับ"
"ชั้นขอออกตัวก่อนนะคะว่าชั้นคิดอยู่นานมาก กว่าจะตัดสินใจบอกคุณดวงสุดา มันเป็นความลับที่ชั้นจำต้องเก็บเอาไว้เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน แต่ชั้นไม่อยากเห็นคุณถูกสวมเขาอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรจะตาสว่างกันซักที"
"หมายความว่ายังไงครับ"
"ตะวันกำลังสวมเขาให้คุณอยู่ แล้วผู้ชายที่ตะวันยุ่งด้วยก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล"
ดวงสุดาสีหน้าแค้น
"แต่…เป็นพ่อของชั้นเอง"
มะปรางส่งรูปดำรงสวีตที่ทะเลให้ ธวัชหยิบมาดูแล้วอึ้งช็อกไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
"ไม่จริง"
"ชั้นเองก็ไม่อยากเชื่อว่าตะวันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน ถึงขนาด…เป็นชู้กับคุณดำรง"
"คุณรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา คุณกำลังกล่าวหาเพื่อนตัวเองอยู่นะ"
"ชั้นกับตะวันเป็นเพื่อนรักกันก็จริง..แต่ถ้าเพื่อนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชั้นก็ไม่สนับสนุนหรอกค่ะ ชั้นทนเห็นเพื่อนเล่นชู้…หักหลังสามีตัวเองไม่ได้ แล้วยังทำลายครอบครัวของคนอื่นแบบนี้ ชั้นรับไม่ได้จริงๆ"
"คุณเห็นรึยังว่ามันทำลายชีวิตของเราจนพังพินาศขนาดไหน ชั้นขอร้องล่ะค่ะคุณธวัช เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงแพศยาคนนี้ซักที"
ดวงสุดาพูดใส่อารมณ์ มะปรางสะดุ้งเหมือนถูกด่าใส่แต่พยายามเก็บอาการไว้
"เรื่องมันเกิดช่วงที่คุณยังจำอะไรไม่ได้ แต่ชั้นขอยืนยันว่าตะวัน…ไม่ใช่ตะวันคนเดิมที่คุณรู้จักอีกต่อไป เขาเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมืออย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ"
"ผู้หญิงชั้นต่ำ ขอบคุณคุณมากนะมะปราง ที่ทำให้ผมไม่ต้องกลายเป็นคนโง่อีกต่อไป"
"แต่…ชั้นขอร้องนะคะคุณธวัช คุณดา อย่าบอกตะวันว่ารู้เรื่องนี้มาจากชั้น ยังไง ตะวันก็ยังคงเป็นเพื่อนรักของชั้นเสมอ"
"ครับ ผมสัญญา ผมขอตัวก่อนนะครับ"
ธวัชคว้ารูปผลุนผลันออกไปอย่างโมโห ดวงสุดาจะเรียกไว้
"คุณวัช…เดี๋ยวสิคะ"
ดวงสุดาจะตามไป มะปรางดึงเอาไว้
"ไม่ต้องตามหรอกค่ะคุณดา อีกไม่นาน นังตะวันมันก็จะกลายเป็นอดีตไปแล้ว ต่อจากนี้ก็ปล่อยให้คุณธวัชเป็นคนจัดการ รับรองว่านังตะวันมันจะต้องเจ็บเจียนตายเลยล่ะค่ะ"
ดวงสุดายอมนั่งลงแล้วยิ้มร้ายกับมะปราง
มะปรางกลับเปิดเข้ามานั่งอย่างมีความสุข แล้วเปิดดูพิกัดของดำรงที่ขึ้นที่บ้านนิคม
มะปรางเด้งตัวมองอย่างโมโห
"ไอ้แก่…พอแลนดิ้งปุ๊บก็แล่นไปหานังตะวันเชียวนะ เดี๋ยวชั้นจะจัดหนักเอาให้แกคลานกลับบ้านไม่ถูกเลย"
มะปรางคว้ากระเป๋าจะลุย แต่เปลี่ยนใจนึกขึ้นได้
"ฮึ แต่ปล่อยให้ผัวใหม่กับผัวเก่าเขาเคลียร์กับนังตะวันเองดีกว่า ขอให้โชคดีเพื่อนรัก"
มะปรางคิดแล้วยิ้มอย่างสะใจ
ดำรงวางของฝากจากต่างประเทศหอบใหญ่ลง ตะวันมองอย่างเกรงใจ
"ขอบคุณมากเลยนะคะคุณดำรง แต่คุณซื้อมาเยอะเกินไปหรือเปล่าคะเนี่ย"
"ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ คุณรู้หรือเปล่า เพราะคุณผมถึงได้ออร์เดอร์ลูกค้าใหม่มาเพียบเลย ผลตอบรับดีแบบนี้ ผมขอจองตัวคุณถ่ายคอลเล็กชั่นต่อไปเลยนะครับ"
"จริงหรอคะ ชั้นดีใจจังเลยค่ะ ที่จริงชั้นกลัวแทบแย่ว่าจะเป็นคนทำยอดขายคุณตก"
"ฟ้าหลังฝนมันย่อมสดใสเสมอ ตะวันกำลังจะกลับมาฉายแสง ต่อไปคุณต้องดังระเบิดแน่"
ตะวันยกมือไหว้ขอบคุณอย่างจริงใจ
"ชั้นต้องขอบคุณคุณมากเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ช่วย ตะวันคงไม่มีวันได้กลับเข้าวงการอีกครั้ง"
ดำรงจับมือตะวันกุมไว้
"ผมยินดีช่วยคุณเสมอ และจะดีใจมากถ้าคุณ…ยอมให้ผมเป็นคนดูแลไปตลอดชีวิต"
ตะวันชะงัก รีบออกตัว
"ขอโทษด้วยนะคะคุณดำรง ถึงคุณวัชจะยังจำเรื่องของชั้นไม่ได้ แต่ชั้นจะรักและรอเขาตลอดไป"
"คุณไม่ต้องรีบตอบผมตอนนี้หรอก เพราะผมเองก็ยินดีที่จะรอคุณเหมือนกัน"
ธวัชเดินโมโหเข้ามาเห็นทั้งคู่จับมือกันยิ่งโกรธ ตรงเข้าไปหาแล้วโยนรูปที่ได้จากมะปรางใส่
ตะวันกับดำรงรีบผละออกจากกัน
"นี่มันอะไรกันคุณธวัช"
" คุณไปทำอะไรไว้กับ…คุณพ่อบ้างล่ะ อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ เพราะหลักฐานมันชัดเจนออกอย่างนี้"
ตะวันงงหยิบรูปขึ้นดูแล้วถึงกับตกใจที่ตัวเองบังเอิญใส่ชุดเหมือนกับผู้หญิงในรูป ดำรงมองรูปตะลึงอึ้ง
"นี่มันรูปชั้นกับ…"
"ใช่ครับ รูปคุณพ่อกับ…ผู้หญิงคนนี้"
"ไม่จริง นี่ไม่ใช่ชั้นนะคะ"
"ขนาดหลักฐานตำตาแบบนี้ คุณยังกล้าปฏิเสธอีกหรอ"
ดำรงเห็นพูดไม่ออกกลัวว่า ตะวันรู้ว่าเป็นมะปรางเพื่อนรัก จะไม่ยอมรับรักตัวเอง
"ชั้นยืนยันได้ว่าผู้หญิงในรูปไม่ใช่ตะวันแน่นอน"
"ถ้าไม่ใช่ แล้วเป็นใครล่ะครับ"
"ชั้นไม่จำเป็นต้องบอกเธอ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของชั้น ว่าแต่…นี่เป็นฝีมือของใคร…ยัยดา…หรือว่าคุณวัล"
"คุณพ่ออย่ารู้เลยครับ เอาเป็นว่าได้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ก็แล้วกัน ผมแค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้นว่าผู้หญิงคนนี้แอบมีชู้กับผู้ชายอื่นจริงๆ"
ตะวันฉายพูดไม่ออก
"ไม่จริง ถึงผู้หญิงในรูปจะใส่ชุดแบบเดียวกับชั้น แต่นั่นไม่ใช่ชั้นจริงๆ ชั้นไม่เคยไปไหน2ต่อ2กับคุณดำรงแม้แต่ครั้งเดียวและไม่เคยนอกใจคุณด้วย"
"ยังจะปากแข็งอีกหรอ ทุกคนเขาเห็นธาตุแท้คุณหมดแล้ว มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละที่โง่ คิดว่าคุณยังซื่อสัตย์กับผม ผมขยะแขยงผู้หญิงอย่างคุณเต็มทีแล้ว"
"จะเอาชั้นไปสาบานที่ไหนก็ได้ แต่ชั้นยืนยันว่าชั้นไม่เคยเล่นชู้กับใคร ทำไมคุณถึง
ไม่เชื่อใจชั้นบ้าง"
"ก็เพราะคุณมันสำส่อน ไม่เคยทำให้ผมเชื่อใจได้เลยน่ะสิ"
ตะวันฉายอึ้งเสียใจอย่างที่สุด ตั้งใจประชดธวัชเต็มที่
"สำส่อนหรอ…ก็อาจจะจริงของคุณ เพราะชั้นมันเป็นแม่ม่ายลูกติด ก็ต้องปากกัดตีนถีบหาความมั่นคงให้ตัวเองแบบนี้ล่ะค่ะ ที่จริงชั้นกำลังลังเลกับคำขอของคุณดำรงอยู่พอดี แต่ตอนนี้…ชั้นตัดสินใจได้แล้ว…"
ตะวันดึงดำรงเข้ามาจูบต่อหน้าธวัชทันที ดำรงตะลึงค้างคิดไม่ถึง
"พอใจคุณรึยัง หรืออยากจะให้ชั้นโชว์มากกว่านี้อีก"
"คุณพ่อ…ผมไม่คิดเลยว่าคุณพ่อจะคว้าผู้หญิงแบบนี้มาเทียบชั้นกับน้าวัล คุณนี่มันนักล่ามืออาชีพจริงๆ"
ตะวันฉายตบหน้าธวัชฉาดใหญ่
"คุณกลับไปได้แล้ว และไม่ต้องมายุ่งกับชั้นอีก จากนี้ไป…เราขาดกัน!"
ตะวันฉายมองจ้องธวัชด้วยสายตาเด็ดขาด ธวัชเดินออกไปอย่างเจ็บปวดในใจ คล้อยหลังเธอทรุดตัวร่วงลงปล่อยโฮ ดำรงรีบเข้ามาพยุงไว้
"ตะวัน…คุณทำแบบนี้ทำไม มันยิ่งทำให้ตาวัชเข้าใจผิดไปกันใหญ่นะ"
"ยังไงเขากับชั้นก็คงไม่มีวันได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว"
"และผมก็คงไม่มีวันได้หัวใจคุณมาครอง"
"คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ชั้นอยากอยู่คนเดียว"
"แต่ว่า"
"ได้โปรดเถอะค่ะ ขอชั้นอยู่คนเดียวได้ไหม"
"ก็ได้ครับ ถ้ามีอะไรคุณโทร.หาผมได้ตลอดเลยนะตะวัน"
ดำรงเป็นห่วงเดินออกไป ตะวันฉายหมดแรงนั่งร้องไห้แทบขาดใจ
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 22 (ต่อ)
ตะวันฉายขนกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถทั้งน้ำตา สายฟ้านอนอยู่ในรถเข็น กล้วยหิ้วข้าวของเต็มมือยืนมองลังเล
"คุณตะวันใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ"
"แล้วจะให้ชั้นทำยังไง ชั้นไม่อยากหนีหรอกนะกล้วย แต่ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปก็จะมีแต่คนตามรังควาญดูถูกศักดิ์ศรีชั้นไม่หยุดหย่อน สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า"
"แล้วสายฟ้าจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีพ่อ"
ตะวันชะงัก นิ่งเครียดไปชั่วครู่ ก่อนจะมีแววตาแข็งกร้าวขึ้นมา
"ชั้นยอมให้ลูกกำพร้าพ่อ ดีกว่าต้องให้ลูกมีพ่อแบบนี้"
"แล้วงานคุณล่ะคะ คุณเพิ่งจะกลับเข้าวงการได้ไม่เสียดายโอกาสบ้างหรอ ลองคิดทบทวนอีกซักครั้งนะคะ"
"ไม่ ชั้นตัดสินใจดีแล้ว"
กล้วยหันมองบ้านอย่างอาลัย
"นี่ เราต้องไปจากบ้านนี้จริงๆเหรอคะเนี่ย ถ้าคุณป้ารู้จะต้องเป็นห่วงสายฟ้าแน่ๆเลยค่ะ"
"กล้วยพาสายฟ้าขึ้นรถ"
ตะวันขึ้นรถสตาร์ท กล้วยรีบพาสายฟ้าขึ้นรถ ตะวันขับรถออกไป
ดำรงขับรถมาตามทาง ยังกังวลนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วอดเป็นห่วงตะวันไม่ได้
"ตะวัน"
ดำรงตัดสินใจหักเลี้ยวรถกลับไปหาตะวันทันที
ตะวันขับรถน้ำตาเปื้อนหน้า กล้วยอุ้มสายฟ้านั่งอยู่ข้างๆมองตะวันอย่างสงสารเห็นใจ
"เราจะไปอยู่ที่ไหนกันคะคุณตะวัน"
"ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าต้องพาลูกไปให้ไกลที่สุด"
ตะวันเสียใจจนขับรถต่อไม่ไหวต้องจอดรถร้องไห้ กล้วยทำอะไรไม่ถูก
"เราไปขอให้พี่ซูซี่ช่วยดีไหมคะ เดี๋ยวกล้วยโทร.ให้เองค่ะ" กล้วยหยิบมือถือมากดโทร. "พี่ซูซี่ไม่รับสายค่ะ งั้นโทร.หาคุณมะปราง ... คุณมะปรางก็ปิดมือถือ เราจะทำยังไงกันดีคะ"
ตะวันฉายเครียดพูดไม่ออก สายฟ้าเริ่มงอแงร้องไห้จ้า
"สายฟ้าเป็นอะไรลูก"
"สงสัยคงจะหิวนม แต่เราจะไปหาน้ำร้อนที่ไหนมาชงนมให้สายฟ้ากินล่ะคะ"
"แม่ขอโทษนะสายฟ้าที่พาลูกมาลำบาก…แม่ขอโทษ"
ตะวันฉายกอดลูกแนบอกน้ำตาไหล สงสารลูกอย่างสุดหัวใจ กล้วยเห็นแล้วเศร้าพูดอะไรไม่ออก
ดำรงขับรถเข้ามาจอดเทียบรถตะวัน
"คุณตะวัน"
"คุณดำรง"
ดำรงมองสภาพตะวันแล้วก็ตกใจ
"นี่คุณจะไปไหนตะวัน"
ตะวันอึ้งน้ำตาไหลพรากแทนคำตอบ
กล้วยเข็นรถพาสายฟ้าเดินเล่น ตะวันนั่งคุยกับดำรง
"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตาวัชจะเป็นคนหูเบาแบบนี้ เขาน่าจะเชื่อใจคุณมากกว่าใคร แต่คุณเองก็ไม่น่าจะใช้วิธีนี้ประชดเขา คุณเห็นรึยังว่าถ้ามัวแต่ทิฐิเอาชนะกัน ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครมีความสุขซักคน"
"ขอโทษนะคะ ที่ชั้นใช้คุณเป็นเครื่องมือหวังจะทำร้ายเขา แต่กลับเป็นชั้นเองที่เจ็บ"
"ช่างมันเถอะตะวัน เรื่องมันแล้วไปแล้ว ว่าแต่ตอนนี้คุณจะไปอยู่ที่ไหน"
"ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ"
"เอาอย่างนี้ ถ้าคุณไม่มีที่ไป..ผมจะหาบ้านให้คุณอยู่เอง"
"อย่าเลยค่ะ ชั้นไม่รบกวนคุณ"
"ไม่ได้หรอก เพราะผมก็มีส่วนทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องคิดมาก ผมยินดีช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ "
"แต่ว่า"
" ถ้าคุณกลัวว่าผมจะฉวยโอกาสกับคุณละก็ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ชอบบังคับขืนใจใครและเป็นลูกผู้ชายพอ เชื่อใจผมเถอะนะ"
ดำรงยิ้มให้อย่างจริงใจ ตะวันมองดำรงอย่างชั่งใจ
อ่านต่อตอนที่ 23