รักต้องอุ้ม ตอนที่ 9
สิปาดันนั่งเล่นโทรศัพท์ระหว่างรอลันตา แพทเดินถือแก้วกาแฟที่เพิ่งไปซื้อมา เธอแปลกใจที่เห็นสิปาดัน
“สิปา...”
“แพท แกกลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” สิปาดันถามกลับ
“เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า แต่เพื่อนแกเขาบอกว่ามีธุระที่นี่ ฉันเลยต้องพ่วงมาด้วย ฉันง่วงจะง่วงจนต้องไปหาพึ่งไอ้นี่ล่ะ” แพทยกกาแฟดำอเมริกาโน่ให้ดู
สิปาดันแปลกใจ “ไอ้กบน่ะเหรอมีธุระที่นี่”
สิปาดันมองเข้าไปด้านใน
ลันตาเดินออกมากับกีรติ โดยมีอนุชิตเดินตามมา
“ลัน...ขอผมคุยกับคุณ” อนุชิตมองหน้ากีรติ “แค่สองคน” อนุชิตพูดกับลันตา “ได้ไหม?”
ลันตารำคาญเต็มที “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
“ชัดแล้วนะครับ ไปเถอะครับที่รัก”
กีรติกับลันตาจะเดินไป
อนุชิตถามทันที “หรือว่าคุณกลัวผม...”
ลันตาของขึ้นเลยหันกลับมา “คุยที่ไหนล่ะ?”
กีรติเป็นห่วงเพราะไม่อยากให้ไป “คุณลันครับ...”
“ไม่เป็นไรค่ะที่รัก ลันไม่มีวันกลับไปหาเขา” ลันตาจับมือกีรติแบบพยายามเล่นให้เนียน “เชื่อในตัวลันนะคะ”
กีรติมองลันตาก็รู้สึกว่าลันตาแกร่งพอตัว เขาจึงพยักหน้าแล้วยอมปล่อยให้ลันตาไป
“ผมให้แค่สิบนาทีนะครับ”
ลันตายิ้ม “ค่ะ”
ลันตาเดินไปกับอนุชิต
“ลัน”
กีรติเห็นสิปาดันกับแพทจะเดินตาม กีรติขยับมาขวาง
“ไม่ต้องตามหรอกเว้ย คุณลันเขารับมือได้” กีรติบอก
“ฉันไม่ตามก็ได้” แพทว่า
“แต่แกต้องตอบมาว่าไอ้ที่เรียกที่รัก ๆ เมื่อกี้น่ะ อธิบายมาเดี๋ยวนี้” สิปาดันเคือง
กีรติแค่ยิ้ม สิปาดันกับแพทมองอย่างคาดคั้น
ลันตาเดินเข้ามาที่ดาดฟ้า อนุชิตเดินตาม
“พูดมาค่ะ ฉันไม่มีเวลามาก”
“คนที่ผมรักคือคุณคนเดียว”
“ซ้ำซาก! ชีวิตคุณคิดจะพัฒนาบ้างไหม ผมรักคุณ ผมรักคุณ...เออ ฉันรู้แล้ว แต่ก่อนพูดหัดละอายหน่อยว่าคุณมีเมียแล้ว” ลันตาว่า
“ผมแต่งงานเพราะมันจำเป็น”
“ฉันไม่สนว่ามันจะเพราะอะไร วันนี้คุณมีเมียและฉันไม่ชอบแย่งของ ๆใคร มันบาป”
“แล้วถ้าผมหย่า! คุณจะกลับมาไหมลัน..”
“ฉันไม่ชอบโง่ซ้ำซ้อน” ลันตายิ้มเยาะ “ถ้าคุณกล้านอกใจแล้วครั้งนึง ครั้งที่สอง สาม สี่มันก็เกิดได้ไม่ยาก สันดอนขุดทิ้งได้แต่สันดานคงยาก”
“ลัน...คุณกลับมาเป็นลันที่น่ารักเหมือนเดิมได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เลิกยุ่งกับฉันเถอะค่ะ บอกตรง ๆ ฉันไม่เคยรังเกียจใครเท่าคุณเลย คุณอนุชิต”
อนุชิตมองอย่างมุ่งมั่นมากๆ “ผมจะทำให้คุณเห็นว่าคนที่ผมรักคือคุณ”
“ทำไมคุณ...” ลันตาเซ็งที่พูดไม่รู้เรื่องสักที “คุณอยากทำอะไรก็ตามสบาย แต่บอกเลยว่าไม่มีผล....เหนื่อยเปล่า”
“ผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากจะร่วมชีวิตด้วยคือคุณนะลัน”
ลันตารู้สึกเบื่อเต็มที “จบแล้วใช่ไหมคะ ฉันมีธุระ”
“ลัน!”
อนุชิตจะจับแขน แต่ลันตาเบี่ยงหลบทำให้อนุชิตวืด
“ถ้าวุ่นวายกับฉันมาก ๆ ฉันจะบอกพี่นีว่าคุณตามก่อกวนฉัน แล้วฉันก็จะลาออก”
อนุชิตเห็นสายตาเอาจริงของลันตาก็ยอมนิ่งไม่ตาม ลันตาเดินไป อนุชิตมองอย่างมุ่งมั่น
ลันตาเดินลงบันไดมาแล้วก็ชะงักที่เห็นธัญญาเรศมายืนดัก ลันตากำลังจะทักแต่ชะงักที่ธัญญาเรศทำเสียงแข็งสวนมาก่อน
“แกคุยอะไรกับคุณนุ”
“แค่เคลียร์กันนิดหน่อย” ลันตาบอก
“แกคงไม่ได้ขอให้คุณนุช่วยแกกลับมาทำงานใช่ไหม”
“แล้วแกคิดว่าคนอย่างฉันจะทำแบบนั้นหรือเปล่า”
“พูดยาก...เวลาคนมันหน้ามืด ศักดิ์ศรีมันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว”
ลันตาไม่พอใจ “ดูแกจะเข้าใจดี แกคงจะหน้ามืดบ่อยๆสินะ”
“ไอ้ลัน! แกทนให้ทุกคนดูถูกแกว่าได้ดีเพราะผู้ชายดันได้เหรอ”
ลันตายิ่งโกรธ “ถ้าฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น ทำไมฉันต้องแคร์”
“ฉันยอมไม่ได้หรอกนะที่จะให้ใครมาด่าแกว่า เป็นพวกใช้ตัวเข้าแลกงาน”
“ไอ้ญ่า”
“ชื่อแกมันแย่แล้ว อย่าทำให้มันต้องเน่าเพราะแกเลือกผิดเลย”
เสียงแพทดังขึ้น “ฉันคิดว่าแกจะดีใจที่เพื่อนได้กลับมาทำงานที่เดียวกันซะอีก”
แพทเดินเข้ามาแล้วพูดต่อ
“เพราะลันไม่อยู่ แกถึงได้เป็นบ.ก.บ.ห. ยังไม่พอใจอีกเหรอ”
ธัญญาเรศโกรธมาก “แกดูถูกฉันอยู่นะแพท”
แพทพูดกวน “ดูไม่ผิดหรอก ฉันกับแกตามหลังไอ้ลันมาตลอด แต่ฉันไม่เคยเดือดร้อน เพราะถ้าเป็นเพื่อน เห็นเพื่อนได้ดี ฉันก็ร่วมยินดี แล้วแกล่ะเห็นเพื่อนได้ดีแล้วรู้สึกยังไง”
ธัญญาเรศอึ้กไปแต่ยังพยายามพูดให้ลันตาหยิ่งในศักดิ์ศรี
“พวกที่สมน้ำหน้าแกตอนถูกอรขจีมาประจานมีไม่น้อย ฉันไม่อยากให้แกพลาด เพราะจะมีแต่คนรอสมเพชแก”
ลันตาเริ่มมองธัญญาเรศอีกมุม “แกด้วยหรือเปล่า...ที่รอ”
“ไอ้ลัน..ฉันห่วงแกอยู่นะ” ธัญญาเรศว่า
“จากคำพูดแก ฉันว่าแกอินไปนะ น้ำเสียง สีหน้าดูเหมือนพวกตัวอิจฉาในละคร ที่ทนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวไม่ได้”
“ไอ้ลัน!”
“ฉันไม่สนว่าใครจะคิดยังไง ฉันจะให้งานมันพิสูจน์ตัวฉันเอง ไปเถอะ แพท”
แพทมองลันตาอึ้งๆ เพราะแปลกใจมากที่ลันตาโต้ตอบธัญญาเรศ ธัญญาเรศมองตามด้วยความแค้น แต่พอมองไปทางด้านบนก็เห็นอนุชิตหัวเราะแล้วเดินลงมา อนุชิตยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป ธัญญาเรศยิ่งแค้น
มิ้งค์เดินเข้ามาสีหน้าเครียด พอลกำลังละลายช็อคโกแลต พอเห็นสีหน้ามิ้งค์เขาก็เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเอาจานเล็ก ๆ ใส่ช็อกโกแลตทรัฟเฟิลซึ่งเป็นช็อคโกแลตสดถูกปั้นกลมคลุกด้วยผงโกโก้มาให้
“ของหวานช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้นะ” พอลบอก
“ใครเจออย่างฉันไม่มีทางอารมณ์ดีได้หรอก”
พอลยกถาดที่วางคว่ำอยู่ในครัว สีเงินที่สะท้อนจากถาดทำให้มิ้งค์เห็นหน้าตัวเอง
“ทำอะไรของคุณ” มิ้งค์ถาม
“เอาสิ จ้องเงาตัวเองแล้วก็คอยสะกดจิตว่าชีวิตฉันมันรันทดแค่ไหน ไม่มีใครชีวิตแย่ไปกว่าเธออีกแล้ว” พอลมองแบบเซ็งๆ “เธอเป็นพวกมาโซคิสต์ใช่ไหม ชอบคิด ทำให้ตัวเองเจ็บปวดตลอดเวลา”
“ไม่ตลก ฉันกำลังเครียดนะ”
พอลขำ “มองให้ชีวิตมันเหมือนช็อคโกแลตสิคุณ”
มิ้งค์มองว่ายังไง พอลไม่ตอบแต่ชี้ไปที่ช็อคโกแลต มิ้งค์มองอย่างรำคาญในลีลาของพอล เธอหยิบช็อคโกแลตเข้าปาก
มิ้งค์ทำหน้าแหย “อี๋...”
มิ้งค์ทนไม่ไหวจึงจะคาย พอลเอามือปิดปากมิ้งค์ไว้ไม่ยอมให้คาย
พอลเสียงดัง “อย่าคายนะคุณ ของแพง ละเลียดไป”
มิ้งค์พยายามจะโวยแต่ก็ยังอมอยู่ “มัน...มัน..” มิ้งค์ชะงักด้วยความแปลกใจ “มันหวาน...” มิ้งค์หันไปมองพอล “ทำไมมันหวานล่ะ”
“ตอนที่ความขมมันเปลี่ยนเป็นหวาน รู้สึกยังไง”
“มันเซอร์ไพร์ส....เหมือนแย่สุดแล้วไปเจอดีสุด”
“มันคงดีกว่าหวานแทบตายสุดท้ายก็ต้องขมตลอดไป ใช่ไหม?”
“แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะหวาน มันอาจจะขมตั้งแต่ต้นจนติดลิ้นไปจนตายก็ได้”
พอลมองอย่างตำหนิ
“เราเลือกทำชีวิตให้มันดีได้”
“พูดสวยหรู..ก็คุณได้เป็นเชฟแล้วนี่ ไม่ได้กระจอกอย่างฉัน” มิ้งค์ว่า
“ก็...ถ้าคุณไม่เปลี่ยนชีวิตตัวเอง แล้วเมื่อไหร่ชีวิตจะเปลี่ยนได้สักที”
มิ้งค์เถียงสู้ไม่ได้ก็เคี้ยว ๆ ปรากฏว่ากัดดังกร็อบเพราะมีอัลมอนด์แทรกอยู่ด้านในสุด
“มีอัลมอนด์ด้วยเหรอ” มิ้งค์ถาม
“ตื่นเต้นทำไมแค่..สอดไส้อัลมอนด์” พอลว่า
“ก็ฉันไม่คิดว่ามันจะมี...” มิ้งค์มองพอลอย่างทึ่งๆ “ปลายทางอาจจะมีรางวัลที่รอเราอยู่ใช่มะ”
พอลแปลกใจมาก “ที่จริงคุณหน้าตาดูไม่ฉลาดเลยนะ”
มิ้งค์ง้างมือ “นี่!”
พอลชี้ตัวเอง “นี่ผู้มีบุญคุณนะ ใครเคยช่วยไว้สำนึกบ้างไหม”
“บุญคุณต้องทดแทนใช่มะ”
มิ้งค์เดินไปเปิดน้ำล้างอุปกรณ์ที่วางไว้ในซิงค์
“ล้างให้สะอาดล่ะ” พอลกำชับ
มิ้งค์ค้อน พอลมองด้วยความชอบใจ
ลันตาเดินออกมาที่ลานจอดรถด้วยสีหน้าฉุนเฉียว แพทตามมาคว้าลันตาไว้แล้วจับหันมาจับหน้าเพื่อหารอยช้ำ
“หาอะไรของแกวะ” ลันตาถาม
“ก็ฉันคิดว่าแกไปล้มหัวฟาดพื้นมาถึงฉะกับไอ้ญ่าเมื่อกี้” แพทบอก
“ไอ้แพท..ใครจะมองหรือคิดว่าฉันเลวแค่ไหน ฉันไม่แคร์ แต่ต้องไม่ใช่เพื่อนที่คิดกับฉันแบบนี้”
แพทตบไหล่ลันตาเบาๆ เพราะรู้ว่าลันตาเสียใจกับคำพูดของธัญญาเรศ
เสียงสิปาดันดังขึ้น “ไอ้กบ!”
แพทกับลันตาหันไปเห็นกีรติเดินออกมาโดยมีสิปาดันเดินตามออกมาอย่างเอาเรื่อง
“เคลียร์มาเลย แกกับไอ้ลัน มันเกิดอะไรขึ้น” สิปาดันถาม
“มันอยากรู้เรื่องของเราครับที่รัก” กีรติพูด
“สิปา” ลันตาแกล้งทำเป็นลำบากใจ “ฉันบอกไม่ได้จริงๆ”
กีรติมองลันตางง ๆ แต่พอสบตากับลันตาก็รู้ว่าลันตาจงใจแกล้งสิปาดัน กีรติเลยเงียบ
“หมายความว่ายังไง” สิปาดันถาม
“บางเรื่องมันก็เป็นความลับ จริงไหมครับคุณลัน” กีรติถาม
ลันตานิ่งไม่ตอบ
“ความลับ....” สิปาดันทวนคำ
สิปาดันมองหน้ากีรติ แล้วกระชากคอเสื้อกีรติขึ้นมา
“แกทำอะไรลัน”
ลันตากับกีรติเหวอที่สิปาดันใช้กำลัง กีรติหันมองลันตาที่เริ่มทำท่าเลิ่กลั่กเหมือนกัน
“แกรังแกไอ้ลันใช่ไหม ไอ้กบ!”
สิปาดันจะต่อย ลันตาโผเข้าคว้าแขนสิปาดันไว้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! คุณกบเขาแค่ช่วยฉัน!” ลันตาบอก
สิปาดันชะงักมองลันตาว่าจริงเหรอ
“จริงๆ เขาช่วยฉันจากอนุชิต” ลันตาย้ำ
สิปาดันยิ้มแล้วปล่อยมือ “ก็แค่นี้ ลีลาอยู่นั่น”
ลันตา แพท และกีรติมองสิปาดันเลยรู้ว่าโดนหลอกให้พูด
สิปาดันพูดกับลันตา “กบมันช่วยอะไรแก เตือนไว้ก่อน ลีลาคราวนี้ ฉันต่อยจริงนะ”
กีรติมองหน้าลันตา ลันตาจึงจำต้องเล่า
สิปาดัน ลันตา กีรติ และแพทยืนรอเด็กเสิร์ฟที่กำลังเก็บโต๊ะ เช็ดโต๊ะให้อยู่
“ในเมื่ออนุชิตเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับคุณลันก็เลยตามเลย” กีรติเล่าจนจบ
“แต่ก็ดูเขาจะไม่ยอมเลิกนะ ตื้อชะมัด” ลันตาว่า
เด็กเสิร์ฟเช็ดโต๊ะจนเสร็จ
“ถ้ามันมายุ่งกับอีก บอกฉัน ฉันจะยอมเสียค่าปรับห้าร้อย ต่อยปากมันเอง” สิปาดันบอก
ลันตาจับเก้าอี้จะนั่ง สิปาดันจะนั่งลงข้าง ๆด้วยความเคยชิน แต่กีรติใช้มือดันสิปาดันออกไป
กีรติเนียน “ไม่ต้องถึงมือแกหรอก ฉันจัดการเอง”
กีรติจะนั่งข้างๆ ลันตาแต่ไม่ทันแพทที่แทรกเข้ามานั่งแทนอย่างรวดเร็ว
“รอพวกผู้ชายมาปกป้องก็ง่อยรับประทานพอดีนะคะ สมัยนี้มันต้องเป็นหญิงแกร่ง ยืนด้วยสองขาของตัวเอง” แพทบอก
กีรติพูดกวน “เป็นคำปลอบใจของผู้หญิงที่ต่อบันไดขึ้นคานอยู่ก็ต้องเป็นอย่างนั้น”
“ก็เป็นคานงั้นเราคงต้องค้างอยู่บนคานไปอีกนานเลยนะแพท เพราะฉันก็ชอบยืนด้วยลำแข้งตัวเองเหมือนกันค่ะ” ลันตาบอก
“อุ้ย...ผมไม่ได้หมายถึงคุณลันนะครับ” กีรติบอก
เด็กเสิร์ฟเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
สิปาดันส่งให้ลันตา “บะหมี่ถั่วงอก พิเศษหมูแดงของแก” แล้วสิปาดันก็หยิบชามอื่นๆ มาส่งให้กีรติกับแพท
กีรติหยิบขวดพริกไทยใส่ของตัวเองแล้วกะจะใส่ให้ลันตาด้วย “พริกไทยหน่อยนะครับ”
ลันตากำลังจะห้ามแต่ก็ช้ากว่าสิปาดันที่ยกมือเข้ามากัน
“เฮ้ย! อย่าใส่” สิปาดันเห็นกีรติชะงัก “มันไม่ใส่พริกไทย”
“อ้าว...ทำไมล่ะครับ” กีรติถาม
“เคยสำลักพริกไทยน่ะค่ะ ก็เลยเข็ด ไม่กล้าใส่อีก” ลันตาบอก
“อ๋อ...ครับ”
สิปาดันจัดแจงตักเครื่องปรุงให้ลันตาอย่างคล่องแคล่ว น้ำตาลหนึ่ง น้ำส้มหนึ่ง
“แล้วแกไปปรุงให้เขาทำไม” กีรติถาม
“ก็กินบะหมี่ทีไร ฉันก็เป็นคนปรุงให้ทุกที” สิปาดันบอก
“สิปามันเป็นเบ๊ของลันน่ะค่ะ ต้องคอยรับใช้” ลันตาว่า
“ปากดี” สิปาดันคีบหมูแดงมา
“เฮ้ย สิปา...ของฉันเอาคืนมา”
ลันตาจะคีบ แต่สิปาดันเอามือดันหน้าผากลันตาไว้ ลันตายังโวยวายพยายามจะคีบคืนให้ได้
กีรติมองอาการของทั้งคู่แล้วมองสายตาสิปาดันที่มีต่อลันตาก็รู้สึกสะดุดในสายตาของสิปาดันที่มองลันตาอย่างเอ็นดู พอกีรติมองแพทก็เห็นว่าแพทมองทั้งคู่ด้วยสายตายิ้มๆ อย่างพอใจ กีรติเริ่มเก็บรายละเอียด
พอลเดินเข้ามาส่งมิ้งค์ที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณนะ” มิ้งค์พูด
“เชื่อผมถ้าคุณเริ่มเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” พอลบอก
มิ้งค์ได้แต่ถอนใจแล้วก็เดินเข้าบ้าน พอลมองตามแล้วกำลังจะหันหลังกลับแต่แล้วพอลก็ชะงัก
เสียงเตี่ยมิ้งค์ดังออกมา “แรดจนสาแก่ใจแล้วสิ ถึงกลับมาบ้าน”
พอลเป็นห่วงจึงขยับเข้าไปใกกล้จนพอที่จะมองเข้าไปในบ้านได้
“ลื้อพูดเกินไปแล้วนะ” ม๊าของมิ้งค์ว่า
“โง่ ๆ อย่างมัน ถ้าวันไหนท้องไม่มีพ่อ คงได้อับอายขายขี้หน้ากันหมด”
“เงียบสักทีเถอะ จะด่าทำไมนักหนา”
“แล้วจะปล่อยให้ขายหน้าทั้งตระกูลปล่อยให้มันทำเลวบนหัวอั๊วหรือไง”
มิ้งค์สุดทน “มิ้งค์ไม่เคยทำเรื่องเลวๆ อย่างที่เตี่ยพูด มิ้งค์ไม่เคยทำตัวแรดไปกับผู้ชายอย่างที่เตี่ยด่า มิ้งค์ไปเรียนหนังสือ ฝึกงานให้เตี่ยกับม๊าภูมิใจ ทำไมเตี่ยไม่เชื่อมิ้งค์บ้าง”
“อั๊วไม่เชื่อ! ต่อไปนี้ไม่ต้องไปฝึกงาน ห้ามออกนอกบ้าน” เตี่ยมิ้งค์ยื่นคำขาด
“มิ้งค์ต้องไปเรียน”
“เลิกเรียน!” เตี่ยสั่ง
“เตี่ย!”
บรรยากาศในบ้านตึงเครียดมาก พอลที่อยู่ด้านนอกเป็นห่วงแต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวมิ้งค์จะยิ่งเดือดร้อน
มิ้งค์ตัดสินใจสู้เพื่อนอนาคตตัวเอง “มิ้งค์ไม่เลิก มิ้งค์จะเรียนให้จบ”
“นี่ลื้อจะลองดีกับอั๊วใช่ไหม” เตี่ยมิ้งค์ถาม
“มิ้งค์จะพิสูจน์ให้เตี่ยเห็นต่างหาก ว่าลูกสาวคนนี้มันดีกว่าลูกชายเป็นร้อยเป็นพันเท่า”
เตี่ยมิ้งค์โดนจี้จุดอ่อนเรื่องลูกชายก็ง้างมือจะตี “อามิ้งค์!”
เตี่ยมิ้งค์จะหวด แต่ก็ชะงักที่มิ้งค์มองแบบไม่หลบสายตา เตี่ยจะตีก็ตีไม่ลงเพราะสิ่งที่มิ้งค์ทำไม่ผิดแต่เป็นเตี่ยที่ไม่เชื่อมั่นในตัวมิ้งค์เอง เตี่ยกำไม้ในมือแน่นแล้วตัดสินใจเขวี้ยงไม้ลงพื้น!
“จะทำอะไรก็เรื่องของลื้อ ถ้ามันเอาดีไม่ได้ จะไปเลวที่ไหนก็ไป!”
“ลูกสาวคนนี้ของเตี่ยจะเอาปริญญามาให้เตี่ยภูมิใจได้ไม่อายใคร”
เตี่ยมิ้งค์เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงขึ้นด้านบนไป มิ้งค์ร้องไห้ ม๊ามิ้งค์ได้แต่ลูกสาวกอดปลอบใจ พอลยืนมองมิ้งค์อย่างเป็นห่วงและสงสาร
สิปาดันนั่งอยู่บนโซฟา ลันตาที่อาบน้ำแล้วอยู่ที่ประตู
ลันตาพูดกับวันที่อยู่ด้านนอก “ขอบคุณนะคะน้าวัน ขับรถปลอดภัยนะคะ”
ลันตาปิดประตูแล้วเดินมาลงนั่งด้วยอาการอ่อนเพลีย หลังจากที่เหนื่อยล้ามาหลายวัน
“เกรงใจน้าวันจังเลย ยิ่งฉันต้องไปทำงาน เลยต้องมาดูตาหนูช่วงกลางวันให้แทบทุกวัน”
สิปาดันหาว “น้าวันเขาจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหน”
“จนกว่าน้องชายจะมาเมืองไทยเห็นว่าอีกสองสามเดือน ถึงตอนนั้นเราก็น่าจะตามครอบครัวตาหนูเจอแล้ว...หวังว่านะ”
สิปาดันเพลียจนจะหลับ “อืม...”
ลันตาบิดขี้เกียจ “ครอบครัวตาหนูก็ต้องตาม งานก็ต้องคิด บางทีฉันก็กลัวนะว่าฉันจะรับผิดชอบงานใหญ่แบบนี้ไม่ไหว แกว่าฉันจะทำได้ไหมสิปา”
“อืม...”
“บางทีฉันก็คิดนะว่า ถ้าฉันต้องสู้คนเดียว ฉันคงไม่ไหว เวลาเจอปัญหาแล้วมีคนช่วยคิด ช่วยให้กำลังใจมันอุ่นใจดีนะ ปัญหาทำให้เราได้เห็นตัวตนของคน คนที่เข้าใจ ยินดีกับความสุข เจ็บร้อนไปกับความทุกข์ของเรา” ลันตาลืมตัว “บางทีฉันก็อยากให้เวลาดี ๆ แบบนั้นมันสต๊าฟไว้เหมือนตอนนี้” ลันตาได้สติว่าหลุดปากไปก็ตกใจ “แต่ที่ฉันพูดทั้งหมดนี่ฉันไม่ได้หมายถึงแกนะ....สิ....ปา”
ลันตาหันมาแก้ตัวแต่ก็ชะงักที่เห็นว่าสิปาดันหลับไปแล้ว
“อ้าว..” ลันตามองอย่างไม่แน่ใจว่าหลับจริงไหม เธอลองโบกมือตรงหน้า “สิปา...สิปา”
ลันตาลองจับมือสิปาดันยกแล้วปล่อย สิปาดันขยับเล็กน้อยแต่ก็หลับเหมือนเดิม สิปาดันหลับลึก หายใจสม่ำเสมอ ลันตาถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เธอหันมามองสิปาดันแล้วยิ้มนิด ๆ ก่อนจะจับให้สิปาดันขึ้นไปนอนบนโซฟาดีๆ ลันตาเอาผ้าห่มมาห่มให้ เธอไปยกกองนิตยสารมาวางที่โต๊ะกินข้าวแล้วเปิดโน๊ตบุ๊คทำงานนั่งทำงานพลางยิ้มมองสิปาดันที่นอนหลับ
เช้าวันใหม่ สิปาดันตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองนอนอยู่บนโซฟา เห็นผ้าห่มกับถุงเท้าที่ถูกถอดไว้ให้ สิปาดันรู้ว่าเป็นฝีมือของลันตาแน่ ๆ สิปาดันมองไปที่โต๊ะก็เห็นลันตานั่งฟุบหน้าหลับคาคอมพิวเตอร์กับกองหนังสือที่เปิดไว้ระเกะระกะ เขาลุกไปจัดการเก็บหนังสือพลางมองลันตา
สิปาดันเห็นหน้าเนียนๆ ของลันตาก็ขยับลงไปมองใกล้ๆ ใกล้จนเกือบจะชิดแก้มลันตา ทันใดนั้นลันตาก็ลืมตาขึ้นมาสบตากับสิปาดัน ลันตาตกใจลุกพรวดก้าวถอยห่างจากสิปาดันจนสะดุดขาตัวเองหงายลงไปกองกับพื้น
สิปาดันตกใจ “ไอ้ลัน!”
สิปาดันจะเข้าไปประคอง
ลันตาตกใจ “อย่าเข้ามา”
สิปาดันชะงักที่เห็นลันตาดูกลัว ๆ
“ฉันเห็นมดมันไต่ที่หน้าแกจะเอาออกให้”
ลันตาใช้มือปัด ๆ อย่างแรง “ไม่มีแล้ว”
ทั้งคู่มองหน้าแล้วเงียบกันไปชั่วขณะ
“ลัน...แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
ลันตากลัวตัวเองจะมีพิรุธ “ฉัน...ฉันต้องไปทำงาน สายแล้ว อาบน้ำก่อนนะ”
ลันตาวิ่งเข้าห้องไปทันที
สิปาดันรู้สึกยังอึ้ง ๆ กับท่าทีของลันตาที่เลี่ยงถอยอย่างเห็นได้ชัด สิปาดันเครียด
ลันตาปิดประตูด้วยความตกใจที่ตัวเองรู้สึกหน้าแดงร้อนไปหมด
ภาพตอนที่ลันตาลืมตาแล้วเห็นสิปาดันระยะประชิดแวบกลับมา
ลันตารู้สึกเขินกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
สิปาดันเล่นของเล่นกับตาหนูพลางมองไปทางห้องนอนด้วยความเป็นห่วง ลันตาเปิดประตูออกมา ในบรรยากาศที่เก้อ ๆ จนวางตัวไม่ถูก
“ฉันจะไปออฟฟิศนะ” ลันตาบอก
“ฉันจะดูตาหนูให้” สิปาดันว่า
“งั้นฝากด้วยนะ”
ลันตาหลบตาแล้วรีบออกไป สิปาดันมองตามด้วยความสงสัยว่าลันตาเป็นอะไร เสียงมือถือสิปาดันดัง สิปาดันกดรับ
“ว่าไงภูมิ” สิปาดันตกใจ “สัมมนา! วันนี้เหรอวะ”
สิปาดันมองตาหนูที่มองมาตาแป๋วว่าจะเอายังไงดี
พอลกำลังวุ่นอยู่กับการทำมาการองที่ถูกสั่งจัดไปงานเลี้ยงบริษัท
“วันนี้มีออเดอร์มาเยอะ ผมคงไปช่วยไม่ได้จริงๆ” พอลฟัง “น้าวันไปเยี่ยมญาติน่ะครับ ขอโทษจริง ๆ นะคุณสิปา”
สิปาดันที่ฟังสายมองตาหนู สิปาดันเครียด
ลิฟท์เปิดออก ลันตาก้าวออกจากลิฟท์แล้วก็ชะงักที่เห็นอนุชิตเดินออกมาจากออฟฟิศ ลันตาจะเลี่ยงก็โดนขวางไว้ ลันตามองด้วยสายตาที่บอกให้ถอย ธัญญาเรศก้าวออกจากลิฟท์ก็ชะงักที่เห็นลันตากับอนุชิต
“ช่วงเซ็ทอัพหัวหนังสือใหม่ ผมกับคุณคงต้องคุยกันบ่อยขึ้น ยิ่งรู้ลึกจะได้ยิ่งติดต่อขายโฆษณากับลูกค้าได้ง่าย” อนุชิตพูด
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะว่าคุณนุจะทุ่มเทกับการทำงานขนาดนี้”
ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองธัญญาเรศที่เดินเข้ามา
“ถ้าคิดจะควบทั้งสองเล่ม ฉันพูดได้เลยว่าไม่ง่ายแน่”
ลันตาอึ้งมองธัญญาเรศที่มองอนุชิตอย่างที่เรียกได้ว่า “จิกสายตา” ใส่เลยทีเดียว
“คุณเข้าออฟฟิศไปซะ” อนุชิตสั่ง
ธัญญาเรศไม่สน เธอหันไปหาลันตา “บางทีฉันอาจจะต้องทำให้เธอตาสว่าง เพราะคนมาทีหลัง ก็ควรจะรู้ไว้จะได้ไม่ล้ำเส้น...คนของใครก็ของมัน”
ลันตามองงงๆ ว่าหมายความว่ายังไง
อนุชิตทนไม่ไหวจึงเข้ามากระชากแขนธัญญาเรศแล้วหันไปหาลันตา “ผมมีธุระกับธัญญาเรศ ขอตัวนะ”
อนุชิตลากธัญญาเรศออกไป ลันตามองตามด้วยความสงสัย
ประตูบันไดหนีไฟถูกเปิดออก สิปาดันถือตะกร้าคาร์ซีทที่ใส่ตาหนูแล้วเอาสูทคลุมไว้เนียน ๆ สิปาดันก้าวออกมามองซ้ายมองขวา แล้วรีบเดินไป
สิปาดันเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานกัปตันวีระ ประตูห้องทำงานเปิดออก กัปตันวีระเดินออกมากับภูมิที่กำลังกดโทรศัพท์ มือถือสิปาดันสั่น สิปาดันตกใจจึงรีบกดรับ
“ว่าไง”
“กัปตันวีระให้โทรตามแก อยู่ไหนแล้ว” ภูมิถาม
“จอดรถแล้ว แกเข้าไปห้องสัมมนาก่อนเลย เดี๋ยวตามไป”
“สิปาว่าไง” วีระถามภูมิ
“มาถึงแล้วครับ เดี๋ยวตามไปที่ห้องสัมมนาครับ”
วีระฟังอย่างรับรู้แล้วเดินออกไป ภูมิรีบเดินตาม สิปาดันมองจนเห็นว่ากัปตันวีระกับภูมิไปแล้วก็มองซ้ายมองขวาแล้วรีบเข้าไปในห้องของวีระทันที
สิปาดันเข้ามาในห้องทำงานแล้วเปิดสูทที่คลุมออกเห็นตาหนูหลับอยู่
“พี่ขอโทษนะตาหนู ขอแค่สองชั่วโมงนะ”
สิปาดันมองไปรอบๆ เพื่อหาทำเลแล้วตัดสินใจขยับเก้าอี้ทำงาน เขาวางคาร์ซีทไว้ที่พื้นด้านหลังเก้าอี้ทำงานและเปิดแอร์ในห้องทำงานไว้ที่ 25 องศา สิปาดันยืนมองอย่างเป็นห่วงแล้วจำต้องตัดใจรีบเดินออกไป
สิปาดันเปิดประตูเข้ามาเห็นว่าทุกคนนั่งพร้อมอยู่ในห้องสัมมนาแล้ว กัปตันวีระกำลังพูดอยู่ ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองทางสิปาดัน
“เวลาสัมมนาเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ” วีระถาม
“ขอโทษครับที่มาช้า ผมติดปัญหานิดหน่อยครับ” สิปาดันบอก
“นั่งสิ”
สิปาดันมองเห็นภูมิโบกมือให้ก็รีบเข้าไปนั่งข้างภูมิฟังกัปตันวีระ
“วันนี้จะเป็นการทำความเข้าใจระหว่างนักบินกับลูกเรือถึงปัญหาในการทำงาน”
ภูมิขยับคุยกับสิปาดันเบาๆ
“ทำไมมาช้าวะ มีน้องใหม่มาถามหา”
สิปาดันมองว่าใคร ภูมิพยักหน้าไปทางมุมหนึ่ง สิปาดันมองตามก็เห็นมะนาวยิ้มให้กับสิปาดัน
สิปาดันยิ้มตอบอย่างรู้สึกว่าวางหน้าไม่ถูกเล็กน้อย
อนุชิตลากธัญญาเรศมาแล้วเหวี่ยงออกไป
“จะทำบ้าอะไรของคุณ!” อนุชิตถาม
“ทำให้ลันมันรู้ไงว่าคุณเป็นของฉัน มันห้ามแตะ” ธัญญาเรศว่า
“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว”
ธัญญาเรศโกรธจึงมองด้วยสายตากร้าว “แต่ฉันไม่จบ ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งกับมัน คราวนี้จะไม่ใช่แค่โดนคุณสุวิภาไล่ออก แต่ฉันจะทำให้มันไม่มีที่ยืนในวงการหนังสืออีกเลย”
ธัญญาเรศเดินออกมา อนุชิตเดินตาม ทั้งคู่ชะงักที่เห็นลันตายืนอยู่ตรงทางเดิน
อนุชิตตกใจ “ลัน!”
ลันตาหันไปมองธัญญาเรศด้วยสายตาเสียใจ
“เรื่องคุณอรขจีเป็นฝีมือแกใช่ไหม” ลันตาถาม
“ใช่! แต่แกทำผิดกับฉันก่อนนะลัน ฉันเป็นคนพาแกเข้ามาที่นี่ แต่แกกลับเนรคุณแย่งโอกาสของฉัน แย่งคนรักของฉัน”
“แกกับ....” ลันตามองอนุชิตด้วยความเกลียด “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก่อนที่แกจะเข้ามาที่นี่”
“ลัน...ฟังผมก่อนนะ”
ลันตาตบหน้าอนุชิตดังเพี๊ยะ! อนุชิตกับธัญญาเรศตะลึงไปทั้งคู่
“สำหรับฉันกับผู้หญิงทุกคนที่โดนคุณปั่นหัว” ลันตาเกลียดอนุชิตมาก “คุณมันน่าขยะแขยง”
ธัญญาเรศยิ้มสะใจที่ลันตามีท่าทางเกลียดอนุชิตและเข้าข้างตัวเอง
“เข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าลันมันเลือกเพื่อน ไม่ใช่คุณ” ธัญญาเรศบอก
ธัญญาเรศวางมือบนไหล่ของลันตาเพื่อเย้ยอนุชิต แต่ลันตาปัดมือธัญญาเรศออกด้วยความโกรธ
“ถ้าแกคิดว่าฉันเป็นเพื่อน แกคงไม่ทำลายอนาคตของฉันเพื่อความสะใจของตัวเอง”
“ลัน...ฉันรู้ว่าแกโกรธ แต่มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของฉัน ฉันจำเป็นต้องทำนะเพื่อน”
“เพื่อนจะไม่ทำร้ายเพื่อน แม้มันจะเป็นแค่ความคิดก็ตาม ความเป็นเพื่อนของเรามันจบตั้งแต่แกคิดว่าฉันเนรคุณแกแล้ว” ลันตาบอก
ลันตามองด้วยสายตาแข็งกร้าวโดยไม่มีความเสียใจใด ๆ แสดงออกมา ลันตาเดินออกไป ธัญญาเรศมองตามอย่างไม่ยี่หระแล้วเธอก็หันมาหาอนุชิต
“ลันมันไม่มีวันกลับมาหาคุณอีกแล้ว”
“ธัญญาเรศ คุณก็จะไม่มีใครกลับไปหาอีกแล้ว....แม้แต่เพื่อน”
อนุชิตเดินออกไป ธัญญาเรศมองตาม
ลันตาเดินมาตามทางโดยยังช็อคกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้ ลันตาคิดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“แพท....แกมาช่วยฉันที”
ธัญญาเรศเดินมาที่ห้องประชุม กิ๊กกับติ๊ดตี่รีบเดินตาม
“พี่นีเรียกประชุมหัวหน้าทุกฝ่ายด่วนเรื่องอะไรคะพี่” กิ๊กถาม
“หวังว่าคงไม่ได้เรียกไปบอกว่ายุบลาเบล แล้วทำแต่เล่มใหม่ของพี่ลันหรอกนะคะ” ติ๊ดตี่ว่า
ธัญญาเรศหยุดกึก เธอหันขวับมามองด้วยสายตาโกรธจัด
“ติ๊ดตี่เดาน่ะค่ะ ไม่เคยเห็นเรียกคุยพร้อมทุกฝ่ายแบบนี้มานานมากแล้ว”
ธัญญาเรศมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วเดินไปที่ประตูหน้าห้อง ธัญญาเรศเปิดประตูเข้าไป กิ๊กกับติ๊ดตี่ยืนรออยู่หน้าห้องรอเพื่อแอบฟัง
ธัญญาเรศเปิดประตูเข้ามาแล้วก็ชะงักที่เห็นลันตา สายตาลันตาที่มองธัญญาเรศว่างเปล่าโดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไป รัชนีกับหัวหน้าแต่ละฝ่าย แฟชั่น คอลัมนิสต์ กราฟฟิค อาร์ตไดเรคเตอร์ ฝ่ายพิสูจน์อักษร ฝ่ายประสานงานนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว
“นั่งสิ..” รัชนีบอก
ธัญญาเรศเข้าไปนั่งที่โต๊ะประชุมตรงข้ามกับลันตา
“ตอนนี้ทุกคนคงรู้เรื่องที่ลาเบลจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม เราจะมีหนังสือเพิ่มอีกหนึ่งหัวภายในเครือของลาเบล ลันตาจะเป็นคนที่เข้ามารับผิดชอบหน้าที่บรรณาธิการบริหาร” รัชนีหันไปทางธัญญาเรศ “โปรเจ็คท์ใหม่กำลังเซ็ทอัพ พี่จึงอยากจะแบ่งคนบางส่วนเพื่อไปช่วยเริ่มงาน”
“คอนเซ็ปท์ของเล่มใหม่ เซ็ทอัพหรือยังคะ” ธัญญาเรศถาม
ลันตาโดนจั่วก็ตอบโดยไม่ต้องรอใคร “กำลังดำเนินการค่ะ”
“แปลว่ายังไม่มี ถ้างั้นญ่าคงจะแบ่งคนไปให้ลันไม่ได้หรอกค่ะงานของลาเบลต้องรันกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบที่แน่นอน ถ้าจะต้องแบ่งคนไปจมอยู่กับงานที่ยังไม่มีแม้แต่ไอเดีย มันคงไม่มีประโยชน์”
รัชนีมองลันตาโดยไม่ออกรับ เธออยากเห็นว่าลันตาจะแก้ไขยังไง
“ถ้าทางลันมีไอเดียชัดเจนเมื่อไหร่ ญ่าจะพิจารณาอีกทีค่ะ”
ทุกคนอึ้งกับคำพูดของธัญญาเรศ ลันตาลุกขึ้น ทุกคนมองโดยคิดว่าจะมีเรื่องแน่
ลันตายิ้ม “คงไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณธัญญาเรศหรอกค่ะ วันนี้พี่นีตั้งใจจะแนะนำลันอย่างเป็นทางการกับทุกคน ลันเองก็อยากจะแนะนำทีมงานของลันเหมือนกันค่ะ”
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้น ประตูเปิดออก แพทกับมิ้งค์ก้าวเข้ามา
“ทีมงานของลันค่ะ แพทจะมาช่วยลันในตำแหน่งบรรณาธิการบทความ มิ้งค์จะเป็นผู้ช่วยของลัน”
ธัญญาเรศอึ้งกับการกลับมาแทบครบทีมของลันตากับแพท
“คนคุ้นเคยทั้งนั้น ยินดีต้อนรับกลับมานะแพท” รัชนีบอก
“ขอบคุณค่ะพี่นี” แพทบอก
รัชนียิ้มอย่างพอใจ “หนังสือเล่มใหม่จะเป็นการรวมหุ้นของสองบริษัท ที่นี่อาจจะแคบเกินไปสำหรับการมีทีมงานสองกองบรรณาธิการ”
ทุกคนหันไปมองรัชนีอย่างสนใจกับข้อมูลใหม่
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 9 (ต่อ)
ห้องประชุมเปิดออก หัวหน้าแต่ละฝ่ายเดินออกไป ธัญญาเรศเดินออกมาจากห้องประชุม กิ๊กกับติ๊ดตี่ที่รออยู่แทบจะถลาเข้าไปหา
“พี่ญ่าค่ะ เราจะย้ายออฟฟิศจริงเหรอคะ” กิ๊กถาม
“ไม่ใช่ไล่ออกยกทีมใช่ไหมคะพี่” ติ๊ดตี่ว่า
ธัญญาเรศยังไม่ทันตอบ ลันตา แพทกับมิ้งค์ตามออกมา ธัญญาเรศมองลันตากับแพทนิ่ง
“มองหน้าแบบนี้คงไม่ได้คิดจะแสดงความยินดีใช่ไหม” แพทถาม
“เก่งมากนะแพท ในที่สุดแกก็เกาะเพื่อนจนได้ดี” ธัญญาเรศว่า
“ก็ยังดีกว่าพวกคิดเหยียบเพื่อนจนได้ดี คนแบบนี้มันเก่งแต่ลอบกัด แต่มันไม่มีฝีมือ เจริญได้ไม่นานหรอก”
“นี่สินะสิ่งที่แกคิดกับฉันมาตลอด”
“ใช่ แต่ฉันแปลกใจที่แกเลวกว่าที่ฉันคิด”
ธัญญาเรศมีสายตากร้าว
“ฉันมีเหตุผลของฉัน เหตุผลที่พวกแกไม่มีวันเข้าใจ” ธัญญาเรศว่า
“ฉันไม่อยากรู้เหตุผลอะไรทั้งนั้น ฉันรู้แค่ว่าคนดีชอบแก้ไข แต่ถ้าแกทำเป็นแต่แก้ตัว ฉันก็เข้าใจชัดเจนว่าแกเป็นคนแบบไหน”
“ไอ้ลัน!” ธัญญาเรศเดือด
“มีมารยาทหน่อยนะคะคุณธัญญาเรศ ฉันไม่ใช่ลูกน้องเธอ”
“อย่ามั่นใจตัวเองนักเลย ยิ่งวางตัวสูงเวลาตกลงมามันจะเจ็บหนัก”
“ก็โอเคนะ เพราะวางตัวต่ำ ไร้ศีลธรรมอย่างเธอ คนที่รู้ก็มีแต่จะเหยียบย่ำด้วยความสมเพช” ลันตาว่า
ธัญญาเรศ แพท มิ้งค์ กิ๊ก และติ๊ดตี่อึ้งกับเวอร์ชั่นฟันไม่เลี้ยงของลันตา
“เฮ้ย...พูดไปก็เท่านั้น คนบางประเภทมันพูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก”
“เหมือนที่ย่ามาลัยเคยสอนเราใช่ไหม พวกบัวเต่าถุย ยากที่จะแนะนำสั่งสอนได้” ลันตายิ้มกับธัญญาเรศแบบกวนตีนมาก “นอนจมใต้โคลนตมต่อไปก็เหมาะกับคนอย่างแกแล้ว”
แพทดึงลันตาออกไป มิ้งค์มองธัญญาเรศ
“แล้วแก” ธัญญาเรศโกรธว่ามองหน้าฉันทำไม
มิ้งค์ตกใจรีบสวน “มิ้งค์เป็นฝักบัวค่ะ พ้นน้ำแล้วเหมือนกัน” มิ้งค์นึกได้ก็ปิดปาก “อุ้ย...ต้องประชุมงาน....ไปก่อนนะคะ”
ธัญญาเรศยังไม่ทันจะได้โวย มิ้งค์ก็รีบวิ่งตามลันตาไปทันที
“แรงอ่ะค่ะ บัวเต่าถุย รสชาติห่วยขนาดเต่าปลายังไม่เลือกกิน ฟังดูไร้ประโยชน์ ไร้ค่าอะไรทำนองนั้น” ติ๊ดตี่ว่า
“อ้าวไม่ได้ด่าว่าใจต่ำ ใจสกปรกหรอกเหรอแก” กิ๊กถาม
ธัญญาเรศสั่ง “หุบปาก!”
กิ๊กกับติ๊ดตี่เงียบทันทีแล้วรีบสะกิดให้เผ่นออกไป ธัญญาเรศมองตามด้วยความโกรธมาก
ลันตากับแพทเดินเข้ามาที่ลานจอดรถ ลันตาเงียบมาก แพทรู้ว่าลันตาเสียใจจึงวางมือบนไหล่ลันตาบีบเบาๆ ลันตาหันมา
“ขอบใจมากนะแพท ที่มาช่วยฉัน”
“เพื่อนกันว่ะ”
มิ้งค์รีบตามเข้ามา
“ทำไมต้องวิ่งหน้าตื่นมาขนาดนั้นด้วยมิ้งค์” แพทถาม
“กลัวโดนพี่ญ่าขบหัวค่ะ เลยต้องรีบเผ่น” มิ้งค์บอก
“ขอโทษนะมิ้งค์ ทั้งที่มิ้งค์ห่วงพี่แต่พี่ไม่เคยเชื่อ” ลันตาบอก
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ เราจะต้องทำหนังสือเล่มนี้ให้สำเร็จให้ได้นะคะพี่ เราจะข้ามทุกอุปสรรคเพื่อไปสัมผัสความภูมิใจด้วยกันนะคะ”
ลันตากอดมิ้งค์ “ขอบใจมากนะมิ้งค์” ลันตามองแพทกับมิ้งค์แล้วยื่นมือออกไป “สู้ด้วยกันนะ”
แพทกับมิ้งค์ยิ้มแล้ววางมือลงบนมือของลันตา
ทุกคนพูดพร้อมกัน “สู้!”
ทั้งสามยิ้มให้กันกับการเริ่มงานด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น
แอร์โฮสเตสคนหนึ่งลุกขึ้นพูด
“ปัญหาที่ลูกเรือพบบ่อยๆ ในเวลาบินเป็นเรื่องของการสื่อสาร”
สิปาดันมองนาฬิกาอย่างกระวนกระวายจนภูมิรู้สึกได้
“เป็นอะไรวะสิปา ฉันเห็นแกดูนาฬิกาทุก ๆ ห้านาที มีนัดเหรอวะ” ภูมิถาม
“เปล่า...แกว่าอีกนานไหมกว่าจะสัมมนาเสร็จ” สิปาดันถาม
“ก็คงอีกสักสองชั่วโมง”
“สองชั่วโมง!”
ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองสิปาดัน สิปาดันรู้สึกตัว
“ขอโทษครับ...ทุกทีที่จัดมันสองชั่วโมงเอง ครั้งนี้ทำไมสี่ชั่วโมง แกจัดตารางยังไงวะไอ้ภูมิ”
“ก็คนมันเยอะขึ้น เวลามันก็ต้องยาวขึ้นสิวะ”
สิปาดันกังวล “ตื่นหรือยังวะเนี่ย”
“ใครตื่น...นัดเด็กไว้เหรอวะ”
สิปาดันไม่ตอบ เขามองภูมิแบบสุดเซ็ง สิปาดันเครียด
แม่บ้านสองคนกำลังทำความสะอาดตรงบริเวณทางเดิน แม่บ้านคนหนึ่งใช้เครื่องทำความสะอาด อีกคนกำลังใช้ผ้าเช็ดตามมุม ตามโต๊ะที่วางอยู่ โดยแบ่งหน้าที่กัน ตาหนูตื่นและเริ่มขยับตัวมองไปรอบๆ
เสียงเด็กร้องดังแว่วมา แม่บ้านที่ใช้ผ้าเช็ดชะงัก
“พี่แมว..ป้าได้ยินเหมือนที่ฉันได้ยินไหม”
“ได้ยินอะไร?”
“เสียงเด็กร้อง ดังโหยหวนอยู่เนี่ย”
“ที่นี่มันจะมีเด็กได้ยังไง เพ้อเจ้อ”
“โธ่เอ๊ย” แม่บ้านเดินมาปิดเครื่อง “ฟังสิป้า”
เสียงเด็กร้องเริ่มดังขึ้น แม่บ้านทั้งสองเริ่มนิ่งเพราะหวั่น ๆ แม่บ้านคนหนึ่งฟังแล้วหันมา
“มันดังมาจากห้องกัปตันวีระ เอาไงดีป้า”
แม่บ้านอีกคนคิด
เวลาผ่านไป แม่บ้านคนอื่น พนักงานของออฟฟิศ รปภ. อีกสองคนมายืนอออยู่หน้าห้องกัปตันวีระ ต่างยืนฟัง ทุกคนมองหน้ากันว่าเอายังไงดี
“เข้าไปดูพร้อม ๆ กันเลย” รปภ. เสนอ
“แล้วถ้าเป็นผีเด็กล่ะ” แม่บ้านถาม
“ผมก็ไม่โดนหลอกคนเดียวไง” รปภ. ตอบ
รปภ.เปิดประตูเข้าไป เสียงเด็กร้องดังลั่นห้องแต่ภายในห้องว่างเปล่า
“โหยหวนขนาดนี้ ไม่ผีเด็กก็ลูกกรอกชัวร์” รปภ.บอก
“เสียงมันดังอยู่หลังโต๊ะโน่น” แม่บ้านบอก
ทุกคนดันให้รปภ.เดินนำหน้าไป รปภ.แทบไม่ต้องก้าวก็โดนดันไปจนถึงโต๊ะทำงานของกัปตันวีระ
ทุกคนก้าวไปถึงหลังโต๊ะทำงาน
รปภ. ตกใจ “เฮ้ย!”
ทุกคนตกใจกับภาพที่เห็น
สิปาดันมองนาฬิกาแล้วก็ชักทนไม่ไหว
“ไอ้สิปา...”
สิปาดันกำลังจะลุกแต่เสียงเคาะประตูห้องดัง แม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามา
“กัปตันคะ ลูกชายของกัปตันนอนร้องไห้อยู่ในห้องค่ะ”
ทุกคนหันไปมองกัปตันวีระเป็นตาเดียว สิปาดันหน้าเสียคิดในใจว่าซวยแล้ว
“ผมไม่มีลูกชาย” วีระตอบ
“จริงๆ นะคะกัปตัน เด็กนอนร้องไห้อยู่ในห้องกัปตัน”
สิปาดันลุกแล้ววิ่งออกไปเลยด้วยความเป็นห่วง
ภูมิเรียก “ไอ้สิปา!”
คนอื่นๆ รวมทั้งวีระรีบตามไป
สิปาดันอุ้มตาหนูเดินออกมาที่หน้าห้อง กัปตันวีระและคนอื่นๆ รออยู่
“ตาหนูเป็นลูกของเพื่อนผมครับ” สิปาดันอธิบาย “เขาเอามาฝากไว้ ผมไม่มีคนช่วยเลี้ยงก็เลยพามาด้วย ขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนต้องวุ่นวาย”
“แล้วเอามาวางไว้ในห้องแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีคนดูแลแบบนี้มันอันตรายกับเด็ก” วีระว่า
“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับ ผมไม่อยากรบกวนคนอื่นๆ ถ้างั้น ผมขอพาตาหนูกลับก่อนนะครับ”
“ไม่ได้! กว่าแต่ละคนจะมีคิวสัมมนาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย”
สิปาดันมองวีระว่าแล้วจะเอายังไง กัปตันวีระมองตาหนูอย่างใช้ความคิด
สิปาดันอุ้มตาหนูแล้วก็นั่งฟังสัมมนาไปด้วย แม่บ้านคนหนึ่งยืนประจำการอยู่มุมห้องรอรับคำสั่งด่วน ตาหนูเริ่มงอแง
“ไอ้ภูมิหยิบนมผงมาให้ฉัน เอากระติกน้ำร้อนออกมาด้วย” สิปาดันบอก
“อันไหนวะ อันนี้ใช่ไหม” ภูมิถาม
“อันที่ใส่นมผงน่ะ เอาขวดนมด้วยสิวะ” สิปาดันว่า
วีระเห็นสิปาดันกับภูมิยุกยิกกันเหลือเกินก็เดินเข้ามา
“มีอะไรกัน”
“กัปตันช่วยชงนมให้ผมหน่อยสิครับ” สิปาดันบอก
“ภูมิ เอาขึ้นมาทั้งกระเป๋าเลย” วีระบอก
ภูมิยกขึ้นมา วีระจัดการชงนมให้อย่างคล่องแคล่ว ตาหนูดูดนม สิปาดันจับให้ตาหนูเรอนม ในขณะที่ฟังการสัมมนา คนอื่นๆ ลุกขึ้นพูด สิปาดันจับตาหนูนั่งตักพิงฟังเพลินๆ เสียงปี้ดเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นที่โชยไปทั่วห้อง ทุกคนได้กลิ่นกันถ้วนหน้า
“เต็ม ๆ พี่แมว...ช่วยผมที” สิปาดันร้องเรียก
แม่บ้านรีบวิ่งมารับตาหนูออกไป สิปาดันคว้าผ้าอ้อมตามไป วีระส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับความวุ่นวาย
แพทกับพอลจัดการยกโต๊ะมาต่อเป็นโต๊ะประชุม มิ้งค์ช่วยจัดเก้าอี้
“ขอบคุณนะคะคุณพอลที่ให้ยืมสถานที่ทำงาน” แพทบอก
“ตามสบายครับ ผมจะกันมุมนี้ไว้ โซนนี้จะได้เป็นส่วนตัว แล้วคุณลันล่ะครับ”
“ลันคุยงานกับพี่นีอีกแป๊บแล้วจะตามมาค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปจัดของว่างมาให้นะครับ จะได้รองท้องกันก่อนทำงาน” พอลบอก
“ฉันไปช่วยด้วย” มิ้งค์ว่า
แพทเปิดกระเป๋าจะหยิบโน๊ตบุ๊คอออกมาแต่ก็ชะงักที่กีรติซึ่งทำหน้านิ่งมากเดินเข้ามา
“คุณมาได้ยังไง” แพทถาม
“ทำไมคุณถึงลาออกจาก Sky” กีรติถาม
“ก็ฉันตัดสินใจมาเป็นบ.ก.บทความให้กับลัน” แพทบอก
“พี่อธิปเคยบอกว่าคุณอยากเป็นนักเขียนหนังสือท่องเที่ยว ผมก็คิดว่าคุณจะเป็นพวกวิ่งตามความฝัน แต่คุณก็เป็นแค่คนทั่วไปที่หวังก้าวหน้าแบบไร้อุดมการณ์” กีรติบอก
แพทไม่แก้ตัว “ก็...แล้วแต่คุณจะคิด”
“ผมคิดว่า...คนจับจดจะไม่มีวันได้สัมผัสถึงการได้ทำงานที่ตัวเองรักมันเป็นยังไง”
แพทสะอึกเพราะเจ็บกับคำพูด “ฉันรู้ว่ากำลังทำเพื่ออะไรแต่ถึงฉันจะลาออกแต่ฉันก็จะช่วยงานคุณจนกว่าหนังสือคู่มือท่องเที่ยวจะตีพิมพ์”
“ผมอยากให้คุณได้สัมผัสความรู้สึกวันที่เห็นหนังสือที่มีชื่อคุณเป็นนักเขียน โอกาสสร้างความภูมิใจมันไม่ได้สร้างกันได้ง่ายๆ นะ”
“ความภูมิใจมันเกิดได้หลายทางนะคุณ บางเส้นทางที่เราตัดสินใจเดินก็เพราะเขาเป็นคนที่เราไม่อยากเห็นเขาเหนื่อยตามลำพัง” แพทบอก
ลันตาเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณกบ” ลันตารู้สึกว่าบรรยากาศมึนตึงกันมาก “มีอะไรกันหรือเปล่า”
กีรติรีบเปลี่ยนเรื่อง “ทางเจ้านายผมอยากให้สรุปเรื่องคอนเซ็ปท์ของหนังสือ มู้ดแอนด์โทนภายในอาทิตย์นี้นะครับ”
“ที่ลันลองหาข้อมูลไว้” ลันตาหยิบนิตยสารหลายฉบับออกมา “เป็นตัวอย่างค่ะ” แพทเงียบ กอดไหล่ “เป็นไรวะแพท” ลันตาถาม
“เปล่า เอาฉันกับมิ้งค์ไปทำ พี่นีโอเคใช่ไหม” แพทถาม
ลันตายิ้ม “เขาบอกว่าเราเป็นดรีมทีมเลยนะแก”
ลันตายิ้ม แพทก็อดยิ้มไม่ได้ กีรติมองแพทอย่างจับสังเกต
สิปาดันไหว้วีระ
“ขอบคุณนะครับคุณลุงสำหรับเรื่องตาหนู”
“เราถูกฝึกเรื่องการจัดการมาแล้ว สิปาควรจะมีจัดการทุกอย่างให้ดีกว่านี้ทั้งงานกับชีวิตส่วนตัว” วีระว่า
“ครับ”
วีระพยักหน้าด้วยความพอใจที่สิปาดันรับฟัง แล้วก็เดินออกไป
มะนาวอุ้มตาหนูมาหาสิปาดัน สิปาดันงง
“แล้วไอ้ภูมิล่ะ”
“พี่ภูมิกลัวว่าน้องจะร้องไห้น่ะค่ะ นาวเลยช่วยดูให้” มะนาวบอก
บรรดานักบินกับลูกเรือที่ออกจากห้องจะกลับแวะเวียนมาหาตาหนูด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณมากนะนาว” สิปาดันยื่นมือจะรับตาหนู “กลับบ้านกันนะครับ ตาหนู”
“สิปาคะ...” มะนาวเรียก
สิปาดันชะงักมองมะนาว
“สัมมนาเสร็จแล้ว...เราไปกินข้าวนั่งคุยกันไหมคะ นาวมีหลายเรื่องที่อยากคุยกับสิปา”
สิปาดันอึกอักจะปฏิเสธ
มะนาวตัดพ้ออย่างกดดัน “หรือแม้แต่เป็นเพื่อน สิปาก็ให้นาวไม่ได้”
สิปาดันลำบากใจ
ทุกคนกำลังดูหนังสือ แพทเปิดหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ทจากโน้ตบุ๊ค ลันตาก็กดโทรศัพท์โทรหาสิปาดัน
“สิปาแกอยู่ไหน” ลันตาถาม
สิปาดันเข็นรถเข็นตาหนูเข้ามาที่หน้าร้าน โดยมีมะนาวเดินเข้ามาด้วย
“ฉันออกมาทำธุระน่ะ” สิปาดันบอก
“แล้วตาหนูล่ะ” ลันตาถาม
“ก็พามาด้วย”
“ทำไมแกไม่โทรบอกฉัน”
“ฉันรีบ...ธุระมันสำคัญ แต่ฉันดูตาหนูได้แกไม่ต้องห่วง”
“แกจะกินอะไรไหมฉันจะได้ซื้อเข้าไป”
จังหวะนั้นสิปาดันก็เดินเข้ามา ลันตาเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ชะงักที่เห็นสิปาดันเข็นรถเข็นเข้ามาโดยมีมะนาวตามเข้ามาด้วย
“ไม่ต้องหรอก แกทำงานเถอะ”
“ฉันก็ว่าแกคงจะไม่หิวหรอก เพราะแกคงจะทำธุระจนอิ่ม” ลันตาประชด
สิปาดันงง “แกพูดอะไรของแกวะ”
มะนาวมองเห็นลันตาที่กำลังจ้องมองมา มะนาวยิ้มแล้วคล้องแขนสิปาดันเพื่อจะดึงไปหาลันตา
“สิปาค่ะ นั่นลันตานี่คะ...ลัน”
สิปาดันตกใจที่เห็นลันตากำลังจ้องมาทางตัวเอง
ลันตาพูดกับสิปาดัน “นี่น่ะเหรอ ธุระสำคัญของแก”
ลันตามองหน้าสิปาดันด้วยสายตาโกรธมาก สิปาดันยังไม่ทันตอบ
“ลันคงไม่สะดวก งั้นเราไปนั่งทางโน้นนะคะสิปา” มะนาวจับที่รถเข็น “มาค่ะสิปานาวเข็นให้เอง”
ทันทีที่มะนาวจับรถเข็นตาหนู ลันตาก็พูดขึ้น “ไม่ต้อง!”
ลันตาเข้ามาจับรถเข็นตาหนูด้วยอาการหวง
ลันตาพูดกับสิปาดัน “ฉันจะพาตาหนูกลับเอง แกไปทำธุระของแกเถอะ”
“ลันรู้จักตาหนูด้วยเหรอ เขาน่ารักมากเลยนะ นาวอยากมีลูกน่ารักแบบนี้บ้าง”
สิปาดันแทรก “ฉันพาตาหนูมา ฉันจะพากลับไปเอง”
“ฉันบอกว่าไม่ต้อง” ลันตาปัดมือสิปาดันก่อนจะพูดเบาๆ “ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าเอาเด็กเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจจากแฟนเก่า”
สิปาดันน้อยใจแล้วก็ตัดสินใจ
“ผมไม่กินแล้ว กลับกันเถอะนาว ผมจะไปส่ง”
สิปาดันเดินออกไป มะนาวหันมาหาลันตาทิ้งรอยยิ้มเย้ยให้ลันตาเจ็บใจ
สิปาดันเดินมาส่งมะนาวที่ประตูรั้ว
“ขอบคุณมากนะวันนี้ ที่ช่วยดูตาหนูให้”
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม” มะนาวถาม
“สักไฟล์ทล่ะน่ะ” สิปาดันบอก
“แล้วนอกเวลาทำงานล่ะ”
สิปาดันอึกอัก “ผมต้องรีบกลับ ผมไปก่อนนะ” สิปาดันจะเดินไป
“นาวไม่เคยสำคัญกับสิปาเลยใช่ไหม” มะนาวเห็นสิปาดันชะงักแล้วหันมา “เป็นคนสุดท้ายที่สิปานึกถึงเสมอ”
สิปาดันมีสีหน้าลำบากใจ
มะนาวยิ้มขำ “นาวล้อเล่นน่ะค่ะ ไว้คราวหน้าคงมีโอกาสสักกครั้ง ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
สิปาดันค่อยคลายลงแล้วก็ยิ้มออก “แล้วเจอกัน”
สิปาดันขึ้นรถแล้วขับออกไป มะนาวมองอย่างเสียดาย
ภาพตอนที่ลันตามองมาที่สิปาดันกับมะนาวด้วยความเสียใจแวบขึ้นมา
มะนาวคิดแล้วก็เปรย “แกจะต้องเจ็บเหมือนที่ฉันเคยเจ็บ”
ลันตาถอนใจด้วยความเครียด ทุกคนมองอาการลันตาอย่างสงสัย
“ไอ้ลัน แกถอนใจเป็นครั้งที่ร้อยแล้วนะ เครียดเรื่องอะไรวะ” แพทถาม
“ก็แกไม่เห็นหรือว่ามัน...” ลันตาจะพูดเรื่องสิปาดันแต่ชะงักที่เห็นว่าทุกคนมองเลยเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน “ยากน่ะ.....ยิ่งทางSky อยากให้วางแผนภายในเดือนหน้า มันหมายความว่าเราต้องมีคอนเซ็ปท์เพื่อจะเซ็ทอัพงานแล้ว...” ลันตาหันมาเครียดเรื่องงานจริงๆ “แตกต่าง...แบบไหนถึงจะมีลักษณะเฉพาะ”
“ยิ่งเครียดมันจะยิ่งคิดไม่ออกนะครับ” กีรติว่า
พอลกับมิ้งค์ช่วยกันยกอาหารว่างเข้ามา
“เราต้องกินค่ะพี่” มิ้งค์วางขนมลง “จะได้คิดออก” มิ้งค์เห็นวันเดินเข้ามา “น้าวัน สวัสดีค่ะ”
ทุกคนหันไป วันเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องรูปภาพ
“น้าวันขนอะไรมาน่ะครับ” พอลถาม
ลันตา กีรติ แพท และมิ้งค์เข้าไปช่วยถือ
“สวัสดีจ๊ะ...น้าให้เขาส่งรูปของตาพอลมาจากที่โน่น ว่าจะเอามาติดที่ร้าน” วันบอก
“รูปประจานอดีตน่ะเหรอครับ” พอลถาม
กีรติช่วยยกเข้าไปข้างใน
“อดีตดี ๆ ทั้งนั้น” วันบอก
วันหยิบรูปขึ้นมาลองเทียบว่าจะติดกับผนังไหนดี
“รูปนี้ ตอนตาพอลฝึกงานตั้งแต่ล้างจาน แล้วก็หั่นผัก รูปนี้โตละเริ่มหัดทำอาหาร ส่วนรูปนี้เป็นผู้ช่วยเชฟ รูปนี้สิไปฝึกเบเกอรี่รูปนี้ถ่ายกับเมนูของหวานที่ชนะการประกวด”
ลันตากับกีรติรับรูปมาดู วันลองเอาสก๊อตเทปติด
“แนว ๆ นี้นะ พรุ่งนี้สั่งคนมาทำกรอบให้เข้ากับผนัง เรียงตามการเดินทางในชีวิตแกเลย เริ่มจากตรงนี้จนมาถึงวันนี้ แกเปลี่ยนไปมาก”
“เดินตามฝัน มันก็เหนื่อยหน่อย แต่มันคุ้ม...” พอลบอก
ลันตากับกีรติหันมองกันอย่างปิ๊งไอเดีย
ลันตา กีรติ และแพทพูดพร้อมกัน “Dream!”
“เก๋เลยค่ะพี่ลัน” มิ้งค์บอก
ลันตายกมือขึ้น กีรติตีมือ ลันตาหันไปหาแพทกับมิ้งค์ แล้วทั้งสามก็ตีมือกัน
“มันใช่เลย ขอบคุณนะคะคุณพอล น้าวัน”
วันกับพอลงงกับอาการดีใจของลันตากับกีรติ
สิปาดันเดินเข้ามาในห้องที่ว่างเปล่า เขานั่งที่โซฟาอย่างเหงาๆ สิปาดันเดินเข้าไปในห้องยกเตียงขึ้นก็เห็นว่าใต้ที่นอนมีสมุดป๊อบอัพของตัวเองนอนนิ่งอยู่ สิปาดันเปิดสมุดก็เป็นภาพลันตาเด้งขึ้นมา สิปาดันมองภาพลันตา
เสียงลันตาย้อนกลับมา “ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าเอาเด็กเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจจากแฟนเก่า”
สิปาดันจมดิ่งกับความรู้สึกของตัวเองที่รู้ว่าไม่ง่ายอย่างที่ปากพูดแน่นอน สิปาดันน้อยใจ
สิปาดันรำพึง “มีแค่คนเดียวที่อยากให้สนใจฉัน”
เขามองภาพลันตาในสมุดป๊อบอัพ
กีรติเดินมาส่งลันตาที่อุ้มตาหนูที่หน้าห้อง ทั้งคู่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี
“ลันจะรีบทำพรีเซ้นท์ภายในอาทิตย์นี้ ไอเดียที่คุณกบเสนอลันก็ชอบนะคะ”
กีรติยิ้มยินดี “ผมคิด ๆ แล้วอยากเห็นหนังสือออกมาเป็นรูปเป็นร่างเร็วๆ”
ลันตายิ้ม “ขอตกตะกอนทางความคิดอีกนิดค่ะ งานนี้งานละเอียด”
“เล่มแรกในชีวิต ผมเชื่อว่าคุณลันทำได้ครับ”
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ผมว่าจะมาคุยกับสิปามันหน่อยน่ะครับ”
ลันตาเปิดประตูเข้ามาแล้วก็ชะงัก ทั้งคู่ชะงักที่เห็นว่าสิปาดันนอนอยู่บนโซฟา
“งั้นผมไม่รบกวนดีกว่า ผมรอฟังข่าวดีนะครับ”
ลันตายิ้ม “ขับรถดีๆ นะคะ”
“กลัวคนอื่นเป็นอันตรายเพราะผมใช่ไหม”
“ค่ะ”
กีรติเดินออกไป
ลันตาอุ้มตาหนูเข้ามาในห้องแล้วเอาตาหนูไปนอนบนเตียง สิปาดันรู้สึกตัวตื่นขึ้น
“ทำไมกลับดึกจัง” สิปาดันถาม
ลันตาไม่ตอบ
“แกโกรธฉันทำไม” สิปาดันถามอีก
“ถ้าแกมีนัดกับมะนาวแกก็น่าจะบอกฉัน แกไม่ควรเอาตาหนูไปตะลอน ๆ แบบนั้น ถ้าอยากกระลึกความหลังกับแฟนเก่า”
“ก็แค่กินข้าวแล้วนาวก็ช่วยดูตาหนู”
“แต่ฉันไม่ชอบ” ลันตาบอก
สิปาดันชะงัก
“แค่โดนทิ้งตาหนูก็น่าสงสารพอแล้ว แกไม่ควรเอาตาหนูไปเป็นเครื่องมือ”
“แกคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้น?”
ลันตาไม่ตอบแต่เดินเข้าห้องไปเลย สิปาดันอึ้งที่ลันตามองว่าเขาเป็นแบบนั้น
ลันตาปิดประตูด้วยความรู้สึกหัวเสียมาก
“พูดอะไรออกไปวะเนี่ย มันใช่เหรอวะลัน ที่ไปเหวี่ยงนี่มันใช่เหรอ”
ลันตาได้แต่หงุดหงิดตัวเอง
เช้าวันใหม่ สิปาดันหลับ เสียงปลุกจากมือถือดังจนเขาตื่น สิปาดันลุกจากโซฟามาดูแปลกใจที่เห็นวันกำลังชงนมให้ตาหนูอยู่
“น้าวัน...สวัสดีครับ วันนี้มาเช้ามาก”
“ลันเขาขอให้น้ามาช่วยดูตาหนู สิปาจะได้ไปทำธุระส่วนตัวได้สะดวก” วันบอก
“แล้วลันล่ะครับ”
“ออกไปสักชั่วโมงแล้วล่ะ”
สิปาดันเครียด
“สิปา...แน่ใจนะว่าสองคนไม่ได้เป็นแฟนกัน งอนกันขนาดนี้” วันถาม
“ไม่ใช่ครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
วันยังจ้องเหมือนไม่เชื่อ สิปาดันโดนจ้องมาก ๆ ก็ส่อพิรุธ
“ผมต้องไปทำงานแล้ว ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
สิปาดันเดินเข้าห้องของตัวเองไป
วันยิ้มแล้วพูดกับตาหนู “น้าเห็นคนปากอย่างใจอย่างมาเยอะ คนพวกนี้ดูง่ายใช่ไหมลูก ใช่ไหม”
วันมองตามสิปาดันแล้วก็ยิ้มๆ ในความปากแข็งของเขา
กิ๊กกับติ๊ดตี่เข้ามาเห็นพนักงานในออฟฟิศกำลังออกันอยู่ที่บอร์ดติดประกาศภายในออฟฟิศซึ่งเป็นประกาศเรื่องหนังสือหัวใหม่ในเครือลาเบล มีลันตาเป็นบ.ก.บ.ห. แพทเป็นบ.ก.บทความ ส่วนมิ้งค์เป็นผู้ช่วยบ.ก.บ.ห.
“พี่ลันมาแรงมากนะ ซมซานออกไป กลับมาเป็นนางพญาเลย” พนักงานคนหนึ่งเม้าท์
“แบ็คเขาดี ทั้งพี่นี คุณนุ” พนักงานอีกคนบอก
“พี่ลันก็ดีนะแก ใจเย็น ไม่เหวี่ยง ไม่เขวี้ยงงาน ไม่กดขี่ลูกน้อง”
“เอ๊ะ อ๊ะ! คุ้นๆ เหมือนใครน้า เพื่อนกันนิสัยต่างกันลิบๆ”
กิ๊กกับติ๊ดตี่ทนไม่ไหว
“เม้าท์ให้มันเบาๆ หน่อย ที่พูดถึงน่ะ หัวหน้าพวกแกนะ” กิ๊กว่า
“โอ๊ะ...ร้อนตัวแทน พวกฉันยังไม่พูดชื่อว่าหมายถึงใคร”
“ไม่ต้องพูดชื่อก็รู้ที่พวกแกพูดน่ะมันพี่ญ่าชัด ๆ” ติ๊ดตี่บอก
“นังติ๊ดตี่มันพูดนะ ไม่ใช่ฉัน” พนักงานว่า
ติ๊ดตี่ฉุน “อีนี่!”
“ทำไม...จะทำไม! ถ้าคนมันดีก็ไม่โดนเม้าท์หรอก”
เสียงธัญญาเรศดังขึ้น “ไม่พอใจก็ไม่ต้องทำ!”
ทุกคนชะงัก ธัญญาเรศเข้ามามองกราดทุกคน
“ถ้ามันทำงานด้วยกันไม่ได้ก็ลาออกไปสิ”
ธัญญาเรศมองแบบเหนือกว่าและไม่แคร์
“ว่าไง...ใครมีปัญหาอีกไหม” ธัญญาเรศถาม
กิ๊กกับติ๊ดตี่ยิ้มสะใจ
“ตอบสิตอบ!” ติ๊ดตี่ว่า
“งั้นก็ตามนั้นค่ะ” พนักงานคนหนึ่งพูด
ธัญญาเรศมองว่าหมายความว่ายังไง พวกพนักงานเดินออกไป
“ทำไมมันดูไม่แคร์” กิ๊กงง
“ดูไม่กลัว ไม่เห็นหัวพี่เลยนะคะ เหมือนมีทางไป” ติ๊ดตี่บอก
ธัญญาเรศมองตามด้วยความสงสัย
ธัญญาเรศ กิ๊ก และติ๊ดตี่เดินเข้ามาเห็นพวกพนักงานเมื่อกี้กำลังยืนล้อมลันตา แพท และมิ้งค์อยู่
ลันตางง
“จะย้ายมาอยู่กับพี่...” ลันตามองไปรอบๆ “ทุกคนเลยเหรอ”
“นะคะพี่ลัน หนูทนหัวหน้าจิตแตกของหนูไม่ไหวแล้ว”
พนักงานคนอื่นๆ พยายามขอร้องเสียงดังระงม
ลันตาลำบากใจ “ขอพี่ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่นีก่อนนะ”
ธัญญาเรศโกรธมาก
“ใครบ้างที่จะย้าย!”
“คอลัมน์นิสต์ แฟชั่น พิสูจน์อักษรวิ่งไปซบพี่ลันกันหมดเลยค่ะ” กิ๊กรายงาน
“ย้ายยกแพ็คแบบนี้เหมือนการบริหารพี่ไร้ประสิทธิภาพเลยนะคะพี่ญ่า” ติ๊ดตี่ใส่ไฟ
ธัญญาเรศโกรธมากจึงกวาดของบนโต๊ะกระจาย กิ๊กกับติ๊ดตี่กระโดดเข้าหากันอย่างตกใจ ธัญญาเรศแค้นมาก
ลันตายืนคนกาแฟเหม่อพลางถอนหายใจ แพทนั่งอยู่กับโน้ตบุ๊กและกองหนังสือหลายรูปแบบ
“ลัน ตกลงแกจะเอาเล่มไหนเป็นมู้ดแอนด์โทนตัวอย่างในการพรีเซ้นต์” แพทถาม
ลันตายังนิ่ง ภาพสิปาดันกับมะนาวแวบกลับมา ลันตาเครียด
แพทเข้ามาใกล้ๆ “ไอ้ลัน แกเหม่ออะไรวะ”
ลันตาได้สติก็คิด ๆ แล้วก็ถามเพราะไม่รู้จะปรึกษาใคร “แกว่าพวกแฟนเก่านี่ เวลากลับมาเจอกันจะสปาร์คกันง่ายไหม”
“เรียกว่าไฟช็อตกันเลยดีกว่า” แพทบอก
ลันตาหน้าเสีย
“มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้าผิดหวังเหมือนไปชอบใครเข้า”
ลันตาร้อนตัว “ไม่มีอะไร เล่มไหนที่แกเลือกไว้แล้วบ้าง” ลันตาเลือก “แล้วนี่มิ้งค์ยังไม่มาอีกเหรอ”
มิ้งค์เดินมาจากห้องน้ำกำลังจะเข้าไปในออฟฟิศ เธอชะงักที่เห็นธัญญาเรศเดินไปที่ลิฟท์ ทันทีที่ลิฟท์เปิดก็เห็นสุวิภาก้าวออกมา ธัญญาเรศสวัสดีสุวิภาแล้วคุยกันเล็กน้อย มิ้งค์ไม่ได้ยินเสียงแต่รู้สึกว่าต้องเกี่ยวกับลันตาแน่ แล้วมิ้งค์ก็รีบเข้าไปในออฟฟิศ
มิ้งค์วิ่งเข้ามาหาลันตาในห้อง
“พี่ลัน!” มิ้งค์เรียก
ลันตากับแพทมองมิ้งค์อย่างแปลกใจ
“มีอะไร ทำไมต้องหน้าตื่นแบบนั้น” ลันตาถาม
“พี่กำลังจะมีเรื่องแน่ๆ” มิ้งค์บอก
สุวิภาเปิดประตูเข้ามาแล้วก็ชะงักที่เห็นลันตา ลันตากับแพทก็ชะงักไป
“เธอเองเหรอที่รัชนีเลือกมา” สุวิภาถาม
รัชนีเดินเข้ามา
“คุณสุ...ตอนนี้ต้องอยู่ที่ฮ่องกงไม่ใช่เหรอคะ”
“เธอผิดหวังมากนะทั้งที่งานร่วมทุนครั้งนี้มันสำคัญมาก แต่คุณนีกลับเลือกคนไร้ประสิทธิภาพมาทำงาน” สุวิภาว่า
“คุณสุคะ...” รัชนีปราม
“ฉันต้องการให้พิจารณาคนใหม่มาทำหน้าที่นี้แทนคุณลันตา”
ทุกคนตะลึง
ธัญญาเรศยืนยิ้มอย่างสะใจอยู่หน้าห้อง
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 9 (ต่อ)
ทุกคนอึ้งกับคำสั่งของสุวิภา
“คุณรัชนีช่วยจัดการให้ฉันภายในวันนี้นะ” สุวิภาย้ำ
“เรามีเวลาจำกัด ตอนนี้ลันตารันงานทุกอย่างไปแล้ว คงหาใครมาแทนไม่ทันหรอกค่ะ” รัชนีบอก
“ไม่ได้มีลันตาคนเดียวหรอกนะที่มีความสามารถ”
สุวิภาเดินไปที่หน้าประตู ทุกคนมองตาม
สุวิภาเรียก “ธัญญาเรศ เข้ามานี่สิ”
ธัญญาเรศเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งมาก
“ฉันจะให้ธัญญาเรศควบตำแหน่งหนังสือทั้งสองเล่มไปก่อน จนกว่าจะหาใครมาแทนได้”
ลันตาตะลึงกับการที่สุวิภามีทีท่ากีดกันอย่างออกนอกหน้า ยิ่งมองไปทางธัญญาเรศแล้วเห็นรอยยิ้มสะใจลันตาก็รู้สึกโกรธมาก
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ธัญญาเรศยังไม่แข็งแรงที่จะทำควบสองเล่มได้” รัชนีบอก
“นั่นก็เป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องทำให้มันรอด เพราะฉันเสียเงินจ้างคุณมาเพื่อบริหาร”
รัชนีอึ้ง
“หมดปัญหาแล้วนะ” สุวิภาบอก
“ยังค่ะ” ลันตาขัดขึ้น ทุกคนหันไปมองลันตา “ลันขอทราบเหตุผลที่คุณสุคิดว่าลันไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้เพราะอะไร”
“ข้อที่หนึ่ง ฉันเคยเห็นอีคิวของเธอแล้วหนึ่งครั้ง ฉันไม่ประทับใจและงานนี้ใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะไว้ใจเธอได้ข้อที่สอง ตอนนี้พนักงานจากทีมธัญญาเรศจะยกทีมย้ายมาอยู่ทีมเธอทั้งหมด ใช่ไหมธัญญาเรศ”
“ค่ะ...ทุกคนเห็นว่าลันตาได้สิทธิพิเศษจากพี่นีกับคุณนุ” ธัญญาเรศบอก
ลันตากับรัชนีอึ้งกับคำตอบของธัญญาเรศมาก
“เธอกำลังปั่นให้คนในบริษัทแตกแยก มันไม่สมควร” สุวิภาว่า
ลันตารู้สึกจี้ดกับการกระทำของธัญญาเรศ
“ลันปั่นหรือว่าธัญญาเรศไร้ประสิทธิภาพในการทำงานคะ ทุกคนถึงต้องการย้ายทีม”
ทุกคนชะงักแล้วมองลันตาแต่เป็นธัญญาเรศที่อึ้งซะเอง
ลันตาพูดต่อ “คนทำงานก็ต้องการหัวหน้าที่ทำงานได้ และใช้คนเป็นไม่ใช่เหรอคะ”
“เธอกำลังอวดว่าเธอเก่ง” สุวิภาว่า
“ค่ะ นั่นคือเหตุผลที่พี่นีเลือกลัน วันนี้มันอาจเป็นแค่คำคุยโม้โอ้อวด แต่คุณสุจ้างพี่นีมาบริหารเพราะเชื่อในวิสัยทัศน์ คุณสุไม่เชื่อพี่นีก็เท่ากับไม่เชื่อในวิสัยทัศน์ตัวเองเหมือนกัน”
“อวดดี” สุวิภาว่า
ลันตายิ้ม สุวิภามองจ้องลันตา ทั้งสองต่างจ้องกันโดยไม่ยอมหลบตา
สุวิภาตัดสินใจ “ฉันจะเชื่อในวิสัยทัศน์คุณรัชนีสักครั้ง..แต่ยอดขายหนังสือเล่มใหม่จะต้องทำยอดให้ทะลุเกินยอดสูงสุดของลาเบล ถ้าทำไม่ได้คุณรัชนีต้องรับผิดชอบ”
“ถ้าไม่ได้ตามเป้า ดิฉันจะลาออกค่ะ”
ทุกคนตะลึง แม้แต่สุวิภาก็ไม่คิดว่ารัชนีจะเชื่อมั่นลันตาขนาดนี้
สุวิภามองลันตา “เธอล่ะ”
“ค่ะ...ถ้าลันทำไม่สำเร็จ ลันจะเลิกทำหนังสือตลอดชีวิต”
“ถ้าลันลาออก ทุกคนในทีมก็จะออกเหมือนกัน” แพทบอก
“เธอไม่ควรตัดสินใจแทนคนอื่นนะแพท” ธัญญาเรศบอก
“คนที่ล้มเหลวในการบริหารอย่างเธอ รู้ด้วยเหรอว่าอะไรควรไม่ควร” แพทว่า
ธัญญาเรศมองแพทด้วยสายตาโกรธมาก
“แต่บางทีก็ไม่ต้องรอจนหนังสือวางแผงหรอกนะ ถ้าทางSky ไม่เห็นด้วยกับคอนเซ็ปท์ของเธอ เธอก็ต้องออกไปจากที่นี่เหมือนกัน”
เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้ง แล้วประตูห้องก็เปิด กีรติเข้ามาเนียน ๆ ราวกับไม่รับรู้บรรยากาศที่มาคุอยู่
กีรติเห็นสุวิภาก็ทักทาย “สวัสดีครับ ผมเป็นตัวแทนของทางบริษัท Sky ชื่อกีรติครับผมมีข่าวจะมาแจ้งกับทางลาเบลว่าทางเจ้านายผมโอเคกับคอนเซ็ปท์ที่คุณลันตาเสนอไปแล้วสั่งให้เตรียมงานได้เลยครับ”
แพทกับมิ้งค์ดีใจแต่ก็พยายามสำรวมอาการ
รัชนีพูดกับสุวิภา “สเต็ปแรกผ่านแล้ว ลันตาทำงานนี้เต็มตัวแล้วนะคะคุณสุ”
สุวิภาหน้าตึงแล้วเดินออกไป ธัญญาเรศรีบเดินตาม
“สุดยอด! พี่กบซุปเปอร์ฮีโร่!” มิ้งค์ชม
“ขอบคุณจริงๆ นะคุณกบ ขอบคุณมาก” แพทบอก
ธัญญาเรศที่อยู่หน้าห้องหันมองมาที่ห้องประชุมด้วยความแค้น กีรติยิ้มรับหล่อ ๆ รัชนียิ้มกับลันตาแล้วเดินออกไป ลันตามองตามรัชนีอย่างเป็นห่วงและซาบซึ้งในความเชื่อมั่นของรัชนี
ลันตาเข้ามาที่หน้าห้องชะงักที่ได้ยินเสียงจากด้านใน
เสียงสุวิภาดังออกมา “ทำไมคุณถึงทำงานข้ามขั้นตอน ไม่ยอมรายงานฉันเรื่องลันตา”
เสียงรัชนีดังตามมา “คุณสุเคยบอกว่าเรื่องคนทำงานให้ดิฉันตัดสินใจได้เลย ดิฉันเลยไม่อยากรบกวน”
ด้านในห้อง สุวิภามองรัชนีอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงอยากส่งเสริมลันตามาก แต่จะยกใครขึ้นมาต้องใช้เหตุผลไม่ใช่อารมณ์” สุวิภาว่า
“ที่ผ่านมา คุณสุเคยเห็นดิฉันแต่งตั้งหรือสั่งปลดใครด้วยอารมณ์เหรอคะ ทำแบบนั้นมันดูไม่มีวิจารณญาณ” รัชนีบอก
“กับบางคนถ้าภาพแรกที่เห็นมันดูไม่น่าเชื่อถือ….”
“เราก็ควรให้โอกาสนะคะ ถ้าเราตัดสินใจทุกอย่างในครั้งเดียว เป็นนักโทษก็คงโดนประหารชีวิตหมด แบบนั้นมันใจแคบไปหน่อยนะคะ”
“ถ้าคุณเชื่อมั่นนัก ฉันก็จะคอยดูว่าที่คุณคิดมันถูกไหม”
รัชนียิ้มรับ สุวิภาฉุนเฉียวนิด ๆ แต่เพราะไม่มีปัญญาบริหารก็เลยงัดกับรัชนีมากไม่ได้ สุวิภาเดินมาที่ประตู ลันตารีบเดินไปหลบ
รัชนีลงนั่งที่เก้าอี้ทำงาน ลันตาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง
รัชนียิ้มอย่างเหนื่อยเต็มที “ว่าไง”
ลันตายกมือไหว้ “ลันขอบคุณพี่นีมากนะคะที่ช่วยลัน แต่พี่นีต้องเดือดร้อนเอาตัวเองมาค้ำประกันลัน”
“มันเป็นหน้าที่ของพี่ที่ต้องให้ความยุติธรรมกับลูกน้อง และปกป้องจากเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”
“แต่ลันกลัวจะช่วยพี่ไม่ได้”
“ลันช่วยพี่ได้ด้วยการทำงานให้ดีที่สุด งานที่ดีจะปกป้องตัวลันกับพี่”
“ลันดีใจนะคะที่ได้ยินแบบนี้ เพราะลันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” ลันตาดีใจ “ลันจะพยายามทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”
รัชนียิ้ม “ดีจ้ะ”
ลันตายกมือไหว้อีกครั้ง “ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่นี” ลันตาจะไป
“ลัน...” รัชนีเห็นลันตาหันมา “ถึงพี่จะมีคอนเน็คชั่นเยอะ แต่พี่ก็อายุไม่น้อยแล้ว พี่ไม่อยากตกงานตอนแก่นะ”
ลันตายิ้ม “ลันจะไม่ยอมให้พี่นีตกงานแน่นอนค่ะ”
รัชนีกับลันตายิ้มให้กันด้วยความจริงใจ
มิ้งค์เอากาแฟถ้วยใหญ่มาวางให้กับกีรติ
“กาแฟไซส์พิเศษสำหรับซุปเปอร์ฮีโร่ค่ะ” มิ้งค์บอก
กีรติขำ “ซุปเปอร์ฮีโร่คงเส้นเลือดแตกเพราะเจอคาเฟอีนเกินขนาดซะก่อน...”
ลันตากับพอลที่ถือเค้กสารพัดแบบสี่ห้าอย่างที่จัดสวยงามเข้ามาวาง
“เต็มที่เลยนะคะคุณกบ ตอบแทนที่คุณมาช่วยให้ลันกับทีมรอดตาย”
“ที่จริงผมก็แค่เอาข่าวมาบอก...ในจังหวะที่ดีเท่านั้นเอง” กีรติว่า
“หวังว่าคุณคงไม่ได้ยืนรออยู่หน้าห้อง รอจังหวะสร้างซีนให้ตัวเองเป็นพระเอกหรอกนะ” แพทว่า
กีรติสำลักกาแฟเล็กๆ ก่อนจะมองแพท
“ไอ้แพท...อะไรของแก” ลันตาว่า
“ก็ฉันว่าจังหวะที่เขาโผล่เข้ามามันเหมาะเจาะเกินไป เขาอาจจะรอให้แกย่ำแย่แล้วทำตัวเป็นฮีโร่สร้างภาพ ทำคะแนนไง คุณแอบฟังอยู่ที่หน้าห้องประชุมใช่ไหม”
กีรติพูดโดยไม่โกหก “ไม่ว่าจะเพราะอะไรมันก็ดีกับพวกคุณไม่ใช่เหรอ”
“นั่นไง พวกสร้างภาพจริงๆ ด้วย”
“พอแล้วน่าแพท” ลันตาพูดเบาๆ กับแพท “เขาช่วยเรานะเว้ย”
กีรติมองแพทแบบกวนตีนประมาณจะถามว่าสำนึกในบุญคุณมั้ย แพทมองอย่างไม่พอใจแล้วก็จะโวย
ลันตาเปลี่ยนเรื่องทันที “ฉันสงสัยว่าคุณสุรู้ได้ยังไงเรื่องที่น้องๆ ในลาเบลจะยกทีมย้ายมาทำงานกับเรา เรื่องมันเพิ่งเกิดเมื่อเช้าเองนะ”
มิ้งค์พูดแทรกทันที “ฝีมือพี่ญ่าค่ะ”
ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองมิ้งค์ว่าหมายความว่ายังไง
อนุชิตลากธัญญาเรศเข้ามา
อนุชิตโกรธ “เธอทำฉัน ฉันไม่ว่าแต่อย่าดึงให้อานีไปวุ่นวายด้วย”
“คนที่เห็นลันดีกว่าฉัน ฉันไม่ไว้หน้าทั้งนั้น ไม่ว่างานหรือคุณ ใครก็แย่งฉันไปไม่ได้”
อนุชิตโมโห “เลิกบ้าสักทีได้ไหม”
“ฉันจะเลิกก็ได้ ถ้าคุณแต่งงานกับฉัน” ธัญญาเรศว่า
อนุชิตอึ้ง
“มันเป็นทางเดียวที่ฉันจะยอมหยุด!”
ธัญญาเรศเดินออกไป อนุชิตเครียดจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ที่ฉันให้แกสืบเรื่องอรขจี หาตัวเจอหรือยัง ไม่ว่าจะอยู่อังกฤษ อเมริกา แกก็ต้องตามหาอรกับลูกฉันให้เจอเร็วที่สุด”
แพท ลันตา และกีรติฟังที่มิ้งค์เล่าอย่างอึ้ง ๆ ลันตาหยิบกระดาษที่ขีดฆ่าชื่อตัวเองขึ้นมาดู
“มิ้งค์คิดว่าคนที่ไปตามล่ามินที่เชียงใหม่ก็เป็นคนที่ญ่าจ้างไปใช่ไหม”
มิ้งค์รับคำ “ค่ะ...”
“เรื่องอรขจี มิน คุณสุวิภา นี่ฝีมือไอ้ญ่าทั้งนั้นเลยเหรอ” แพทหันไปหาลันตา “แล้วแกจะเอายังไง”
“ไม่เอาอะไรทั้งนั้น แล้วไม่เอามันมาไว้ในชีวิตฉันด้วย คนที่ทำร้ายเราได้ แสดงว่าเขาไม่ได้แคร์เราแล้ว”
“แต่มันทำแกไว้เยอะนะ” แพทว่า
“โอเค งั้นเราจะแก้แค้นไอ้ญ่า เอาให้มันทรมานปางตายเลย” ลันตาบอก
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำยังไงวะ” แพทถาม
“ทำตัวเราเองให้มีความสุขที่สุด ทำหนังสือของเราให้มันดังยิ่งกว่าลาเบล”
“แบบนั้นมันแก้แค้นยังไงล่ะพี่”
“ย่ามาลัยบอกว่าพวกอิจฉาริษยาจะทรมานถ้าเห็นคนอื่นได้ดี เพราะทำดีอย่างเราไม่ได้ ถ้าเขายิ่งทำร้าย เราต้องยิ่งทำให้ตัวเองดีจนเขาตามไม่ทันแค่นั้นก็พอ คนพวกนี้น่าสงสารนะ หาความภูมิใจในตัวเองไม่เจอ เพราะมองแต่ปมด้อยตัวเอง”
“หูย...ลึกซึ้ง” มิ้งค์ว่า
“คุณลันไม่เสียใจเหรอครับ” กีรติถาม
“เพื่อนรักหักหลังมันเสียใจพอ ๆ กับโดนคนรักนอกใจ แต่ลันไม่อยากเสียเวลากับมันค่ะ” ลันตาบอก
กีรติยิ่งรู้สึกประทับใจกับวิธีคิดของลันตา
“ก็จริงของแกนะ” แพทบอก
“ถ้าเข้าใจแล้วก็เริ่มงานกัน เล่มแรกของเราฉันอยากให้มันเป็นอาชีพที่เข้ากับชื่อหนังสือที่สุด ลันอยากขอความเห็นสักคนละห้าอาชีพค่ะ”
“ผมขอร่วมด้วยนะครับ” กีรติบอก
“ยินดีค่ะ” ลันตายิ้ม
ทั้งสี่คนช่วยกันคิดอาชีพ ลันตาเริ่มยิ้มได้มากขึ้นเมื่อเริ่มทำงาน
สิปาดันกลับมาจากการบิน สิปาดันกำลังจะเข้าไปที่ห้องล็อคเกอร์แต่ยังไม่ทันเดินเข้า มะนาวก็เดินเข้ามา
“สิปาคะ..” มะนาวเรียก
“นาว...บินไฟล์ทไหนเหรอวันนี้” สิปาดันถาม
“เพิ่งกลับมาจากไฟล์ทภูเก็ตค่ะ.. ว่างไหมคะ ไปกินข้าวกันนะคะ” มะนาวชวน
“ผม...”
มะนาวเห็นท่าทีอึกอักก็ขยับเข้าไปจับมือสิปาดันแล้วอ้อน
“นะคะ....”
เสียงวีระดังขึ้น “สิปา...”
มะนาวรีบปล่อยมือจากสิปาดัน
“คุณเป็นลูกเรือมาทำอะไรหน้าห้องล็อคเกอร์นักบิน” วีระถาม
“ขอตัวนะคะ” มะนาวบอก
มะนาวรีบเดินเลี่ยงไป กัปตันวีระหันมาทางสิปาดัน สิปาดันหน้าเสีย
ลันตาลุกขึ้นเพื่อจะสรุป
แพทพูด “ฉันว่าอาชีพนักบินเวิร์คสุด มันเป็นอาชีพในฝันที่เสริมกับคอนเซ็ปท์มาก”
“อาชีพในฝัน..เข้ากับหนังสือ ถ้าอย่างนั้นก็เคาะเล่มแรกของเราคือนักบิน” ลันตาบอก
“แล้วในเล่มเรานอกจากสัมภาษณ์ เราจะเจาะลึกเป็นเรื่องอะไรบ้างครับ” กีรติถาม
“ลันเตรียมมาแล้วค่ะ” ลันตาบอก
ลันตาส่งกระดาษที่ทำรายละเอียดเรื่องคอลัมน์ในเล่มให้กีรติ
กีรติอ่านอย่างรวดเร็ว “โอเคครับ...เล่มแรกก็ไม่หินอย่างที่คิดนะครับ ถ้าเลือกอาชีพนี้ อย่างน้อยเราก็มีแหล่งข้อมูลวงในอย่างสิปา”
แพทกับมิ้งค์ดีใจ “จริงด้วย...”
ลันตาได้ยินชื่อสิปาดันก็ชะงักไปเล็กน้อย
สิปาดันพยายามกดโทรศัพท์หาลันตา
มือถือลันตาสั่นเพราะปิดเสียงเอาไว้ แพทที่นั่งข้างๆ เห็นว่าเป็นชื่อของสิปาดันก็สะกิดลันตา
“สิปาโทรมา..” แพทบอก
ลันตามองแล้วหยิบโทรศัพท์หย่อนใส่กระเป๋าโดยไม่รับ ไม่กดวางสาย เธอปล่อยให้โทรศัพท์ตัดไปเอง แพทมองงงๆ
“เอ้า...ทำไมไม่รับล่ะ” แพทถาม
ลันตาไม่ตอบแต่หันไปคุยกับกีรติเรื่องงานจนแพทมองออก แพทมองคิด ๆ แล้วถามแทรกขึ้น
“เล่มแรกมันยังไม่ค่อยลงตัว แกจะลงมาคลุกวงในหรือจะนั่งบริหารเลย” แพทถาม
“ก็ต้องช่วยๆ กันก่อน จนกว่าจะได้คอลัมนิสต์ที่รับผิดชอบประจำคอลัมน์” ลันตาบอก
“งั้นแกก็ช่วยสัมภาษณ์ตามถนัดของแกนะ”
“ได้.....” ลันตานึกได้ “เฮ้ย! ฉันไม่...”
แพทพูดแทรกทันที “ทำไม แกมีปัญหาอะไรเหรอ หรือแกกับสิปาไม่คุยกัน”
ลันตาเห็นมิ้งค์กับกีรติมองอยู่ก็มองแพทเหมือนจะบอกว่าแสบนักนะจะล้วงลูกให้ได้ใช่ไหม แพทยักคิ้วกวนตีนตอบว่าเอาสิจะตอบยังไง
ลันตากัดฟัน “ฉันไม่มีปัญหา”
แพทยิ้มชอบใจ “ดีจ๊ะเพื่อน งั้นแกจัดการคุยคิวกับสิปาว่าจะสัมภาษณ์วันไหน”
“เออ” ลันตานึกได้ “เอ๊ะ...มันต้องเป็นฉันตัดสินใจไม่ใช่เหรอ”
“ตอนชวนฉันแกบอกว่าเราจะช่วยกัน ไม่มีใครหัวหน้าหรือลูกน้อง จบมะ”
ลันตาจ๋อย “จบ...”
แพทแอบยิ้มพอใจ
สิปาดันเดินมาที่รถ มะนาวเดินตามมา
“สิปาคะ” มะนาวเรียก
สิปาดันเห็นมะนาวตามมาก็รู้สึกอึดอัด
“นาวขอติดรถกลับได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมมีธุระต่อขอโทษด้วยนะ” สิปาดันว่า
“งั้นขอติดรถไปลงกลางทางก็ได้ค่ะ”
สิปาดันถอนใจ “นาว ผมไม่สะดวกจริง ๆ ครับ อีกเรื่องที่ผมอยากขอร้องเวลาทำงานขอให้เรารักษาระยะห่างด้วย เพราะนอกจากเราจะเป็นเพื่อนเก่า ตอนนี้เรายังเป็นผู้ร่วมงานกันด้วย ผมซีเรียสเรื่องกาละเทศะพอสมควร ขอโทษนะที่ต้องพูดตรงๆ”
สิปาดันจะขึ้นรถ มะนาวจับแขนสิปาดันเอาไว้ สิปาดันมองมือมะนาว มะนาวชะงักแล้วปล่อยมือ สิปาดันเลี่ยงขึ้นรถแล้วขับออกไป มะนาวมองตามอย่างไม่ยอมแพ้
ลันตานั่ง กีรติจะลงไปนั่งข้างๆ แต่แพทชิงเข้ามานั่งตัดหน้าซะก่อน กีรติต้องขยับไปนั่งตรงกันข้าม มิ้งค์นั่งลง
“เย็นแล้วนะ แกไม่คิดถึงตาหนูเหรอ” แพทถาม
“คิดถึงสิ แต่ยังไม่อยากกลับ” ลันตาบอก
แพทพูดกับลันตาเบาๆ “แกงอนอะไรสิปาวะ”
ลันตาตอบ “เปล่า...”
“ทำหน้าแบบนี้ตื้อให้ตายก็ไม่บอกหรอกพี่”
กีรติมองอย่างอยากรู้ พอลวางร็อคเก็ตสลัด พิซซ่า และสปาเก็ตตี้ตรงหน้าทั้งสามสาว ทุกคนงง
“เรายังไม่ได้สั่งเลยนะคุณ”
“พิเศษจากผม แสดงความยินดีกับการเริ่มงานใหม่” พอลบอก
“มันยังไม่ผ่านเต็มร้อย แต่มีน้ำใจเราก็จะรับไว้เนอะมิ้งค์” แพทว่า
แพทหันไปเจอมิ้งค์กำลังจ้วงกิน “เฮ้ย!”
“อร่อยมาก..” มิ้งค์ยังจ้วงไม่หยุด
แพทกลัวไม่ทันจึงจ้วงใหญ่ ลันตาจับส้อมจัดการจ้วงบ้าง พอลมองยิ้มๆ
“งานนี้ต้องขอบคุณน้าวันที่ช่วยดูแลตาหนู ไม่งั้นลันคงไปทำงานไม่ได้แน่” ลันตาว่า
“โชคดีครับ ที่วันนี้น้าวันว่าง แต่วันก่อนคุณสิปาแจ็คพ็อตมีสัมมนาด่วนที่ออฟฟิศ ผมกับน้าวันไปช่วยไม่ได้ เขาเลยต้องหอบตาหนูไปสัมมนาด้วย เห็นว่าตาหนูปล่อยพลังตอนสัมมนาด้วยนะครับ” พอลบอก
ลันตาอึ้ง “เมื่อวานสิปามีสัมมนา ลันไม่รู้เรื่องนี้เลย”
“แล้วแกได้ถามมันหรือเปล่า”
ภาพที่ลันตาต่อว่าสิปาดันว่าเอาเด็กเป็นเครื่องมือแวบขึ้นมา
ลันตารู้สึกผิด เธอลุกพรวดแล้ววิ่งออกไปทันที
“คุณลัน!”
กีรติจะเดินตาม แต่แพทคว้าข้อมือกีรติไว้
“คุณต้องอยู่นี่ ฉันมีเรื่องงานจะปรึกษาคุณ”
แพทจับกีรติให้นั่งลง คนอื่นๆ งง แต่แพทมองตามอย่างพึงพอใจ
สิปาดันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงบะหมี่หมูแดง
“บะหมี่เจ้าอร่อยมาแล้ว”
สิปาดันชะงักที่เห็นวันกำลังเล่นกับตาหนู
“ลันกลับดึกเหรอครับ” สิปาดันถาม
“โทรมาว่าจะไปคุยงานต่อน่ะจ้ะ ฝากให้น้าดูตาหนูจนกว่าสิปาจะกลับมารับช่วงต่อ”
สิปาดันยืนมองของกินที่ซื้อมาอย่างเซ็งๆ
วันยิ้ม “ซื้อมาง้อลันตาเหรอ”
“ลันเขาชอบน่ะครับ น้าวันทานไหมครับ ผมซื้อมาเยอะเลย”
“ไม่ล่ะจ๊ะ ขอบคุณมาก” วันมอง ๆ แล้วเลียบๆ เคียงๆ “สิปากับลันเป็นเพื่อนกันมานานหรือยัง”
“สิบเจ็ดปีครับ”
“นานมากเลยนะ แบบนี้สิปาก็คงรู้จักลันตาดีมาก ถ้างั้นก็ช่วยเป็นพ่อสื่อให้ตาพอลหน่อยได้ไหม”
สิปาดันเหวอและอึกอัก “ผมว่าผม...ผมไม่...”
วันขำกับท่าทางอึกอักของสิปาดัน สิปาดันมองวันว่าขำอะไร
“ขอโทษที น้าขำหน้าเธอนะ” วันบอก
สิปาดันก็ยังงง
“ตาหนูเพิ่งอึไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว อาบน้ำแล้วด้วยจ๊ะ น้ากลับล่ะ ขอให้ง้อสำเร็จนะ”
วันเดินออกไป
“ขำไม่เฉลย ทิ้งกันไปเลย” สิปาดันหันมาคุยกับตาหนู “พี่ต้องง้อสำเร็จอยู่แล้วใช่ไหมตาหนู ใช่ไหม” สิปาดันเอาหน้าซุกจั๊กจี้ให้ตาหนูอารมณ์ดี “สู้เนอะ สู้”
ลันตารีบเดินมาที่หน้าห้องแล้วพยายามโทรหาสิปาดัน
ลันตาบ่น “ทำไมไม่รับสายนะ รถก็ไม่อยู่ ยังไม่กลับอีกเหรอเนี่ย”
ลันตาไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปแล้วก็ต้องชะงักที่เห็นบนโต๊ะมีบะหมี่หมูแดง หมูสะเต๊ะ ที่จัดขนมปัง อาจาดแบบจัดเต็มสำหรับสองคนวางอยู่ สิปาดันยืนอุ้มตาหนูอยู่ที่ปลายโต๊ะ
สิปาดันยิ้มเหมือนพูดแทนตาหนู เพราะไม่รู้ว่าลันตาจะยอมดีด้วยไหมแต่ก็ต้องง้อ “กลับมาแล้วเหรอครับพี่ลัน”
ลันตายิ้ม “อืม..กลับมาแล้ว”
ลันตาเดินเข้าไปยืนตรงหน้าสิปาดัน ทั้งสองต่างก็เงียบไปชั่วขณะ
สิปาดันกับลันตาพูดพร้อมกัน “ขอโทษ”
ต่างคนต่างเงียบมองหน้ากันแล้วก็พูดพร้อมกันอีก
“ฉันไม่รู้ว่าแกต้องแบกตาหนูไปสัมมนา” ลันตาบอก
“ฉันไม่ได้เอาตาหนูไปจีบสาว!” สิปาดันพูด
ทั้งสองชะงักกันไปก่อนจะยิ้มขำกันเอง บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง
“แกน่าจะบอกฉัน” ลันตาว่า
“ก็แกเพิ่งเริ่มงานใหม่ แต่...” สิปาดันวางมือบนหัวลันตาแล้วโยกอย่างแกล้งแซว “แกเข้าใจก็ดีแล้ว มีปากวันหลังก็ถามก่อน”
ลันตามองของกิน “สิปา ฉันหิวแล้ว กินเลยได้มะ”
“แกเปิดเลย เดี๋ยวฉันเอาตาหนูกินนมนอน จะได้กินสะดวก”
ลันตาจัดการเปิดถุงบะหมี่ สิปาดันมองด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
พอลวางของหวานลงบนโต๊ะซึ่งเป็นเครปเค้กแต่งเก๋ๆ ตรงหน้ามิ้งค์
“เนื่องในโอกาสที่คุณได้งานทำ คุณลันกับคุณแพทเสี่ยงมากนะที่ยอมรับเตี้ยหมาตื่นอย่างคุณเข้าทำงาน” พอลว่า
“พูดแสดงความยินดีแบบคนปกติเขาพูดกันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ไอ้เครา” มิ้งค์สวน
“อ้าว...อย่ากินเลย”
พอลจะดึงกลับแต่มิ้งค์คว้าไปทันที
“เฮรย คุณให้แล้วให้เลย”
มิ้งค์จัดการตักกิน
“แต่ก็ไม่รู้จะทำได้นานแค่ไหนนะ”
พอลมองว่าทำไม
“ก็พี่ญ่าอ่ะดิ ทำให้พี่ลันเดือดร้อนอีกละ” มิ้งค์บอก
พอลนิ่งๆ มิ้งค์มองด้วยความสงสัย
“ไม่ถามเหรอว่าทำไม”
“เปิดมาขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวก็เล่า ไม่ต้องถามหรอก” พอลบอก
มิ้งค์ค้อนนิดหน่อยแต่ก็อดไม่ได้ “เรื่องมันซับซ้อนมหาศาลกว่าที่คิดอีกคุณ ฉันไม่เคยเจอใครร้ายเท่าพี่ญ่าเลย”
“นั่นไง”
มิ้งค์โดนขัดคอก็เริ่มจะงอน
พอลมอง “ลีลา....งั้นผมไปทำงานละ” พอลลุก
“เดี๋ยวสิคุณ...ฟังก่อนสิ”
พอลยิ้มประมาณว่านั่นไง “ว่ามา...”
มิ้งค์จัดการเล่าอย่างออกท่าออกทาง พอลฟังอย่างตั้งใจ
ลันตาจัดการเทบะหมี่ใส่ชามเรียบร้อย เธอหันมองไปทางสิปาดันที่เอาตาหนูลงนอน ตาหนูร้อง พอเอานมให้ก็ร้อง พออุ้มก็หยุด สิปาดันทำอยู่สองสามครั้ง
“มาเดี๋ยวฉันลอง” ลันตาบอก
ลันตารับตาหนูมาพอจะลงนอน ตาหนูก็ร้อง พออุ้มก็หยุด ทั้งสองคนมองหน้ากันว่าแย่ละ
“อย่าบอกนะว่าตาหนูติดมือ” ลันตาว่า
“ที่ต้องอุ้มกันทั้งคืนน่ะเหรอ” สิปาดันถาม
ลันตากับสิปาดันสยอง “แย่ล่ะ”
ลันตาอุ้มตาหนู สิปาดันเดินตามแล้วก็คีบหมูแดงเอาตะเกียบพันบะหมี่ป้อนให้ลันตา ทั้งสองต้องเดินกันไป นั่งก็ไม่ได้ สิปาดันต้องตามป้อนลันตาที่เดินอุ้มตาหนู
เวลาผ่านไป สิปาดันอุ้มบ้าง ลันตาบีบนวดแล้วก็สะบัดแขนตัวเองด้วยความเมื่อย ลันตาตามป้อนบะหมี่บ้าง หมูสะเต๊ะบ้าง ทั้งสองเดินตามกันไปรอบห้อง ทั้งป้อนน้ำและป้อนบะหมี่กันไป
แพทเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน กีรติเดินตาม
“ผมสงสัย...คุณธัญญาเรศเป็นเพื่อนสนิทพวกคุณไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม..”
“คนเรามันก็มีด้านมืด” แพทบอก
“เหมือนที่คุณอยากก้าวหน้าจนทิ้งความฝันตัวเองน่ะเหรอ” กีรติถาม
แพทถอนหายใจใส่กีรติ “หน้าตาฉันมันดูทะเยอะทะยานมากสินะ”
“ถ้ามองจากหน้าคุณ คุณมันมีแต่ลูกบ้า บ๊อง บื้อเท่านั้นล่ะ”
แพทของขึ้นทันที “เฮ้ย..รวม ๆ ทั้งหมดที่พูดน่ะฉันถึงขั้นสติไม่ดีเลยนะ”
“แล้วคนดีที่ไหนมันยอมทิ้งความฝันตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น ถึงจะเป็นเพื่อนก็เถอะ” กีรติว่า
แพทแปลกใจ “คุณรู้ได้ไง”
กีรติใช้นิ้วชี้เคาะที่หัวตัวเองเบาๆ เพื่อบ่งบอกว่าคนมันฉลาด แพทหมั่นไส้
“คุณเป็นเพื่อนสิปากับคุณลันมานาน คุณเคยสังเกต” กีรติหมายถึงเรื่องลันตากับสิปาดัน
“สังเกตอะไร” แพทถาม
กีรติไม่ถามตรงๆ “ไอ้สิปาน่ะสิ ป่านนี้มันยังไม่มีแฟน คุณว่าเพราะอะไร”
แพทมีพิรุธออกว่ารู้แต่กลบเกลื่อนแล้วพยายามเบี่ยงประเด็น “พวกเพลย์บอยมันก็ไม่คิดจะจริงจังกับใคร ถึงบ้านฉันแล้ว คุณกลับไปเถอะ”
กีรติรู้ว่าแพทไม่ตอบแต่ก็ไม่ตื้อ “ผมไม่ได้อยากอยู่นานหรอก ผมรออยู่...”
“รออะไร....”
“รอต่อมมารยาทของคุณทำงาน”
“โห...มาส่งแค่นี้....”
“ต่อมมารยาทคงตายด้าน”
“ขอบคุณ พอใจหรือยัง”
กีรติทำหน้าประมาณว่าก็โอเค “คุณพูดแล้วนะว่าจะรับผิดชอบงานของเราจนกว่ามันจะตีพิมพ์เรียบร้อย แน่ใจนะว่าทำสองอย่างในเวลาเดียวได้”
“สบายมาก” แพทบอก
“อย่าหาว่าผมโหดก็แล้วกัน....เข้าบ้านไปสิ ยืนหัวโด่อยู่ทำไม ผมจะได้กลับ”
แพทเซ็งที่จะต่อปากต่อคำด้วย เธอเข้าบ้านไปอย่างกระแทกกระทั้น กีรติเดินกลับไป แพทแอบมองตามกีรติไปด้วยความประทับใจ
สิปาดันเดินออกมาโดยเอาผ้าขนหนูพันเอว ท่อนบนใส่เสื้อกล้าม เดินเช็ดหัวมาจากห้องน้ำ ลันตาหันมาเห็นตกใจโวยวาย
“ไอ้สิปา! ไอ้บ้า! เดินโทงๆ ในบ้านแบบนี้ได้ไงวะ ใส่กางเกงให้เรียบร้อย” ลันตาว่า
สิปาดันมองตัวเอง “ฉันไม่ได้เดินแก้ผ้านะโว้ย”
“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไป”
สิปาดันงงแต่ก็ไปคว้ากางเกงนอนมาสวมทับ
“ทุกทีฉันก็ใส่แบบนี้เดินรอบบ้านประจำ”
ลันตาเขิน “แต่ตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไม มันต่างกันยังไง”
ลันตาตอบไม่ถูกก็ตัดบท “เออนะ ตาหนูกำลังโตจะให้เห็นตัวอย่างทุเรศ ๆ ได้ยังไง”
สิปาดันมานอนเปิดทีวีเสียงเบาๆ อย่างงงๆ ลันตามองสิปาดันอย่างอยากรู้
“แกได้เจอกับมะนาวบ่อยไหม” ลันตาถาม
“วันนี้ก็เจอตอนบินกลับมา” สิปาดันบอก
ลันตายังวางฟอร์มโดยถามเหมือนไม่สนใจมาก “ที่จริงมะนาวก็สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ ถ่านไฟเก่ามันไม่คุบ้างหรือไง”
“...ฉันยังไม่ได้คิด เรื่องตาหนูกับแกก็ยังไม่จบ งานแก งานฉันแค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่”
ลันตาแอบโล่งใจแล้วก็นึกขึ้นได้ “พูดถึงงาน ฉันจะขอสัมภาษณ์แก”
สิปาดันมองนิ่งไปสักครู่ “ไม่!”
“สิปา...”
สิปาดันลุกขึ้นแล้วเดินหนี ลันตาเดินตาม
“สิปา...แกช่วยฉันหน่อย ครั้งเดียว....นะ” ลันตาบอก
สิปาดันไม่ตอบแล้วก็เดินหนี เขาไม่สบตา เมินหน้า และไม่ฟังลันตา
ลันตาดึงคอเสื้อจนเสื้อรัดคอสิปาดัน “ไอ้สิปา...ช่วยเพื่อนหน่อยดิ! ฉันเดือดร้อนจริงๆนะเว้ย รับปากมา เร็ว...”
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 9 (ต่อ)
สิปาดันถูกดึงคอเสื้อจนหายใจไม่ออก เขาพยายามจะดึงแต่ลันตาก็ยิ่งรั้งจนสิปาดันต้องถอยแล้วดันจนลันตาถอยไปชนกับโซฟาจนสิปาดันนั่งทับลันตา
ลันตาต้องยอมปล่อยมือจากสิปาดัน “ไอ้สิปา...ไอ้บ้า! มันหนักนะเว้ย”
“ถ้าแกไม่เลิกตื้อฉัน แกแบนแน่” สิปาดันยกขาขึ้นมาแบบทิ้งน้ำหนักเต็มที่
ลันตารู้สึกหนักจะตาย “ถ้าแกไม่ช่วยฉัน ไอ้ญ่ามันต้องเตะฉันกระเด็นจากออฟฟิศแน่”
สิปาดันชะงักแล้วผละออก “ญ่าน่ะเหรอ ทำไม? แกมีเรื่องอะไรกัน”
ลันตามีสีหน้าเครียด ๆ จนสิปาดันชักร้อนใจ
ลันตาขึ้นพาวเวอร์พ้อยท์เป็นชื่อ Dream แล้วขึ้นรูปสิปาดันในชุดนักบิน รัชนี สุวิภา แพท มิ้งค์ และทีมงานของลันตาที่เข้าร่วมรอประชุมดู สาว ๆในทีมแอบกรี๊ดที่เห็นสิปาดันในชุดนักบินกับรอยยิ้มสุดเท่
“เล่มแรกจะเป็นเรื่องของการสัมภาษณ์อาชีพโคไพรอท เราจะเจาะลึกในเรื่องงาน และแบ่งคอลัมน์ในเส้นทางอาชีพในมุมที่น่าสนใจ ที่กินที่แฮงค์เอาท์ โดยอิงจากGuest ของเรา แน่นอนว่าย่อมมีความชอบที่ต่างกัน ดังนั้นในแต่ละเล่มจะมีความหลากหลาย”
“แล้วเน้นไหมว่าต้องมีแต่ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ขึ้นอยู่กับอาชีพ ถ้าเป็นแอร์โฮสเตส ฉบับนั้น Guest ของเราก็จะเป็นผู้หญิง การนำเสนอก็แตกต่างออกไป”
“แล้วแฟชั่นล่ะ” สุวิภาถาม
“ตรงจุดนี้ลันคิดว่าจะเป็นแฟชั่นของนายแบบกับเครื่องแบบหลากหลายสายการบิน” ลันตาบอก
“ไม่...มันไม่เป็นยูนีคกับGuestในเล่ม มีอะไรที่น่าสนใจกว่านี้ไหม”
ลันตานิ่งอึ้งไป
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่มีช้อยส์มาให้ฉันเลือก ถ้าไปพรีเซ้นต์รวมให้ทางSky ฟังแล้วเธอตอบไม่ได้แบบนี้ มันแสดงถึงความไม่มืออาชีพของลาเบล”
ทุกคนอึ้ง บรรยากาศในห้องตึงทันที ลันตาพยายามใช้ความคิด มิ้งค์มองอาการกรี๊ดกร๊าดของสาวทีมงานที่แอบดูรูปของสิปาดันแล้วยิ้มคิกคักกัน
มิ้งค์ปิ๊งไอเดีย “ก็ใช้ไอเดียสองที่เราคุยกันไงคะพี่ลัน”
ลันตาหันมองมิ้งค์งงๆ แต่มิ้งค์ทำเนียน
“ที่พี่ลันบอกว่าจะให้Guest ถ่ายร่วมกับนางแบบในคอนเซ็ปท์ของเล่ม แต่พี่ลันกลัวว่าจะไม่หลากหลายพอ จำได้ไหมคะ”
ลันตารับมุก “อ๋อ..”
รัชนีพูดเสริม “น่าสนใจนะคะ เพราะGuest ในแต่ละเล่มเราก็คัดที่ดูว่าโดดเด่นในสายอาชีพนั้นๆ อยู่แล้ว”
สุวิภายังพยายามจะต้อน “เธอแน่ใจไหมว่ามันจะเวิร์ค”
“เพราะคอนเซ็ปท์ Dream เสน่ห์เกิดจากความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ความเก่งของGuest บวกกับบุคลิกในเครื่องแบบ จะสร้างกระแสให้กับหนังสือเราได้แน่นอนค่ะ”
สุวิภาเงียบไปจนทุกคนลุ้น
สุวิภาพูดกับรัชนี “เราจะนัดให้ทาง Skyมาฟังพรีเซ้นต์ครั้งสุดท้ายในวันที่เราย้ายเข้าออฟฟิศใหม่ ฉันอยากให้มีการแถลงข่าวเรื่องการรวมออฟฟิศของเรากับทางSky คุณรัชนี ครั้งนี้ฉันอยากให้เป็นกระแสตั้งแต่เนิ่น ทำให้ชื่อหนังสือDream ติดหูคนก่อนที่จะวางแผง” สุวิภาพูดกับลันตา “วันแถลงข่าวคุยกับฝ่ายอีเว้นท์ด้วยว่าให้หากิมมิคในการเปิดตัวGuest ฉบับแรกของเรา คงไม่มีปัญหาใช่ไหม”
ลันตายิ้ม “ไม่มีค่ะ”
รัชนีกับสุวิภาเดินออกไป ทันทีที่ประตูปิด ทุกคนในห้องก็ร้องเย้ด้วยความดีใจ
เสียงเย้ดังมาจากด้านในห้อง สุวิภาที่อยู่หน้าห้องชะงักแล้วหันมามองรัชนี
รัชนียิ้ม “บรรยากาศแบบนี้ล่ะค่ะที่เราจะได้จากคนทำงานอย่างลันตา”
“มันก็แค่บรรยากาศ ไม่ใช่ผลงาน” สุวิภาว่า
รัชนีแค่ยิ้มรับ สุวิภาเคืองเล็กน้อยที่รัชนีดูมั่นใจในตัวลันตามาก ทั้งที่ความจริงสุวิภาก็ชอบไอเดียของลันตาไม่น้อย แต่ด้วยอคติจากครั้งก่อนทำให้เธอยังไม่ยอมรับลันตาเต็มที่นัก
ธัญญาเรศเหวี่ยงแฟ้มลงกับโต๊ะดังปังจนกิ๊กกับติ๊ดตี่สะดุ้ง
“ไม่ผ่าน! พวกเธอทำงานยังไง ทำไมส่งอะไรไปให้พี่นีก็ถูกโยนกลับมาแก้ใหม่ทุกครั้ง”
“ก็ทำงานตามที่พี่ญ่าสั่งทุกอย่างนะคะ” ติ๊ดตี่บอก
กิ๊กหันขวับไปมองติ๊ดตี่ว่าหาเรื่องแล้วมึง
ธัญญาเรศปรี๊ดทันที “ถ้าทำตามที่สั่งทุกคำมันต้องไม่มีปัญหาสิ ไปทำมาใหม่”
“ค่ะ ๆ ๆ” ติ๊ดตี่รับคำ
ธัญญาเรศเรียกเสียงดัง “กิ๊ก!”
กิ๊กสะดุ้ง “ค่ะพี่”
“วันนี้คุณสุเข้าประชุมเล่มโน้น ผลเป็นยังไง” ธัญญาเรศถาม
“ไฟเขียวไม่มีเบรกเลยค่ะ ทางสกายอนุมัติปุ๊บ คุณสุพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่า”
“พี่นีงี้หน้าบานเลยค่ะ อารมณ์ดีที่คนโปรดทำงานเข้าตาคุณสุ” กิ๊กว่า
“ตายๆ ๆ ช่วงนี้เราส่งงานอะไรให้ก็โดนตีกลับ อย่างนี้ขาเก้าอี้พี่ญ่าไม่แข็งแรงแน่ ๆ”
“ยิ่งลือกันหึ่งว่าพี่นีอยากดันพี่ลันมานั่งเก้าอี้บ.ก.ลาเบลตั้งแต่แรก” กิ๊กบอก
ติ๊ดตี่ตกใจโอเวอร์ “อุ้ยตาย! ถ้าพี่นีเด้งพี่ญ่าแล้วให้พี่ลันนั่งควบสอง”
“เปลี่ยนตัวกลางอากาศเหรอ ไม่ง่ายมั้ง” กิ๊กว่า
“เมื่อเช้าคุณสุยังจะให้พี่ญ่าควบเลย ถึงจะวืดก็ตาม มันก็เป็นไปได้ ใช่ไหมคะพี่ญ่า”
ทันทีที่ติ๊ดตี่หันไป ธัญญาเรศก็เขวี้ยงแก้วเฉียดตัวติ๊ดตี่ไปนิดเดียว
กิ๊กกับติ๊ดตี่รีบเอาตัวรอดจึงเผ่นออกไปทันที ธัญญาเรศขยำเอกสารตรงหน้าอย่างคั่งแค้นที่ลันตาดีวันดีคืนขึ้นทุกวัน
ลันตา แพท และมิ้งค์ออกมาที่ลานจอดรถ
ลันตาโอบมิ้งค์มาบีบแน่น ๆ “ขอบใจมากนะมิ้งค์ที่ช่วยพี่”
“แบบนี้มีแววเก่งนะ บ.ก.แฟชั่นที่เคยฝันไว้น่าจะไม่ไกล” แพทบอก
มิ้งค์ยิ้มดีใจ
“แบบนี้ต้องฉลอง! ...วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” ลันตาบอก
แพทกับมิ้งค์ดีใจ “เย้! ของฟรี”
ลันตาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“สิปา งานผ่านแล้ว วันนี้ต้องฉลอง ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน” ลันตาถาม
สิปาดันตอบ “อยู่ไม่ไกล”
ลันตาชะงักมองว่าหมายความว่ายังไง ลันตามองหาก็เห็นว่าสิปาดันอุ้มตาหนูยืนรออยู่อย่างเท่ ๆ
ลันตาอึ้ง “แกมาได้ยังไง”
“ถ้าแกเป็นเจ้ามืออย่างมากก็ก๋วยเตี๋ยว ฉันอยากได้แบบโปรตีน มื้อใหญ่ไฮโซเน้นๆ” แพทบอก
ทุกคนเลยเก็ทว่าเป็นฝีมือแพทที่โทรรายงาน
สิปาดันยิ้ม “ฉันจัดแน่นแน่”
“งั้นฉันไปล้างท้องก่อน” แพทบอก
“ไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“ฉันไม่อยากเป็นก.ข.ค.” แพทบอก
ลันตาชะงัก สิปาดันส่งสายตาดุแพทจนแพทรู้สึกตัว
แพทกลบเกลื่อน “ฉันต้องไปเคลียร์งานทางโน้น อีกสักสามชั่วโมงเจอกัน จะไปร้านไหนก็ไลน์มาบอกแล้วกัน”
แพทพูดจบก็รีบชิ่งออกไป ลันตาหันไปหามิ้งค์
มิ้งค์หลุดปาก “มิ้งค์ต้องไปบอกข่าวดีกับคนสำคัญก่อนค่ะ”
“คนสำคัญ? ใครเหรอ?” ลันตาถาม
มิ้งค์รีบตัดบท “สายแล้ว มิ้งค์ไปก่อนนะคะ”
“มิ้งค์...เดี๋ยวนี้มีความลับนะ” ลันตาหันไปยิ้มให้กับสิปาดัน
มิ้งค์รีบออกไป ลันตาหันมาหาสิปาอย่างซาบซึ้งมากจนทนไม่ไหวจึงเข้ากอดสิปาดัน
“ฉันทำได้แล้ว...ขอบใจมากนะสิปา”
สิปาดันกอดตอบด้วยความโล่งใจที่ช่วยได้และพอใจที่เห็นลันตาสมหวังจนถึงกับยิ้มออก
“ไปเลยไหม” ลันตาถาม
“เดี๋ยวฉันไปเอารถมา รอแป๊บนะ” สิปาดันส่งตาหนูให้ลันตา
สิปาดันเดินออกไปเอารถ ธัญญาเรศเดินออกมาคุยโทรศัพท์
“ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ คุณกับฉันก็ต้องไปคุยกับลูกค้าด้วยกันอยู่ดี ฉันรอคุณอยู่ที่ลานจอดรถ” ธัญญาเรศกดวางสาย
ธัญญาเรศมองโทรศัพท์ด้วยความสะใจ แต่พอมองไปเห็นลันตากับตาหนู ธัญญาเรศก็ตกใจที่เห็นตาหนูอยู่ที่นี่ เสียงธัญญาเรศร้อนใจพร้อมกับกดมือถือจะโทรไปห้ามอนุชิต
“ถ้าห้ามไม่ให้มาต้องสงสัยแน่....”
ธัญญาเรศคิดแล้วรีบเดินเข้าไปหาลันตา
“ตาหนู.....”
ลันตาชะงักที่เห็นธัญญาเรศเดินตรงเข้ามา ธัญญาเรศตรงไปหาตาหนูโดยไม่สนใจลันตาเลย ธัญญาเรศยื่นมือจะไปจับแก้มตาหนู “สวัสดีจ๊ะ”
ลันตาปัดมือธัญญาเรศอย่างแรงทันที ธัญญาเรศมองลันตาด้วยสายตาแข็งกร้าว
“อย่ามาแตะต้องตาหนู!” ลันตาว่า
“ฉันก็แค่....ทักทาย ตาหนูยังเล็ก...น่ารัก...” ธัญญาเรศบอก
“แกคิดจะทำอะไร” ลันตาถาม
“ฉันแค่เอ็นดู....เด็กตัวเล็ก ๆ ถ้าต้องมารับกรรมเพราะผู้ใหญ่” ธัญญาเรศมีสายตาเจ้าเล่ห์ “มันก็คงไม่ถูกต้อง จริงไหม?”
สายตาของธัญญาเรศทำให้ลันตากอดตาหนูไว้แน่น
“ถ้าแกยุ่งกับตาหนู ฉันฆ่าแกแน่” ลันตาเสียงเข้ม
ธัญญาเรศไม่ตอบแต่ยิ้มร้ายจนลันตารู้สึกกลัว สิปาดันขับรถเข้ามาจอดแล้วเปิดกระจกรถ
สิปาดันพูดกับลันตา “มีอะไรหรือเปล่า” สิปาดันมองทางธัญญาเรศอย่างไม่พอใจนัก
ธัญญาเรศยิ้มกับสิปาดันเหมือนไม่สะเทือนใด ๆ ลันตาอุ้มตาหนูไปวางในคาร์ซีทแล้วจะก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งด้านข้างคนขับซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อนุชิตเดินออกมา
อนุชิตเรียก “ลัน!”
ลันตารีบก้าวขึ้นรถ
“ไปเถอะสิปา” ลันตาบอก
สิปาดันขับรถออกไป อนุชิตมองตาม พอหันมาเจอธัญญาเรศเขาก็รู้สึกเซ็ง ธัญญาเรศยิ้มเย้ยอย่างสะใจ
“จะไปกันได้หรือยัง”
อนุชิตเดินไปที่รถด้วยความหงุดหงิด ธัญญาเรศมองตามทางที่รถของสิปาดันแล่นออกไป ธัญญาเรศถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอกที่ทำให้อนุชิตคลาดกับตาหนูได้
พอลกำลังร่อนแป้ง มิ้งค์เข้ามาด้านหลังแตะตัวพอล
“คุณ!”
พอลแกล้งหันมาสะบัดแป้งใส่จนเปรอะเต็มหน้ามิ้งค์
พอลขำ “ขอโทษที คุณเข้ามาไม่ให้เสียง ผมก็ตกใจ”
มิ้งค์ไม่เชื่อ “คุณไม่ขวัญอ่อนขนาดนั้นหรอก” มิ้งค์จ้อง “คุณแกล้งฉันใช่ไหม”
พอลยังเนียน “ผมตกใจจริง ๆ”
มิ้งค์ยิ้ม “ไม่เป็นไรวันนี้ฉันอารมณ์ดี เพราะงานพี่ลันผ่านแล้วโดยฝีมือฉัน พอล “มิ้งค์ยินดีด้วยนะแต่ไม่วายแขวะ “ฟลุ๊คล่ะมั้ง”
“นี่...ไม่กวนสักวันได้มะ นี่ฉันอุตส่าห์รีบมาบอกคุณคนแรกเลยนะ” มิ้งค์ว่า
พอลชะงักไปเล็กน้อย “ทำไมถึงมาบอกผมล่ะ”
มิ้งค์โดนย้อนเลยเพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน “ทำไมเหรอ? ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าดีใจแล้วก็อยากให้คุณดีใจด้วย”
พอลพูดด้วยท่าทางที่เฟคมาก “ผมดีใจมากเลย ยินดีด้วยนะ ดีใจจริงๆ”
มิ้งค์เคือง “โอ้ย ไม่จริงใจก็ไม่ต้อง”
พอลยิ้ม “งั้นถ้าแบบนี้โอเคไหม”
พอลเปิดตู้เย็นแล้วหยิบบราวนี้ที่ปั้นน้ำตาลเป็นรูปหน้ามิ้งค์ออกมา
มิ้งค์ตื่นเต้น “น่ารักจัง ทำให้ฉันเหรอ”
“ลูกเล่นใหม่สำหรับลูกค้าเด็ก ๆ ที่ปั้นหน้าคุณเพราะหน้าแบๆ ตาตี่ มันง่ายดี”
“หล่อมาก ตาโตมาก”
“อ่ะ อ่ะ พูดมาก” พอลทำท่าจะเก็บ
“เฮ้ยๆ ๆ ๆ....พ่อคนหล่อ หล่อโฮก ขอเอามาถ่ายรูปหน่อยน้า นะ..นะ”
พอลส่งให้แบบขำ ๆ มิ้งค์หยิบโทรศัพท์มาจะถ่ายคู่กับบราวนี่ลงไอจี แต่พอยกบราวนี่มาใกล้หน้าจะถ่ายก็เห็นว่าผมตัวเองเลอะแป้ง มิ้งค์พยายามจะปัดจนแป้งฟุ้งกระจาย
“เฮ้ยคุณ เดี๋ยวลงไปเลอะขนมผม มานี่ผมปัดให้”
พอลลากมิ้งค์ออกมาห่างโต๊ะ มิ้งค์หลับตาให้พอลปัดแป้งให้แต่พอลชะงักที่เห็นมิ้งค์หลับตา เขามองมิ้งค์อย่างรู้สึกบรรยากาศชวนให้เคลิ้ม พอลขยับเข้าไปใกล้มากแต่มิ้งค์ยังไม่รู้ตัว วันเปิดประตูเข้ามา พอลชะงัก วันยืนจ้องพอลอึ้งๆ
มิ้งค์รอนานก็ชักโวย “รีบปัดสิคุณ ฉันจะถ่ายรูปลงไอจี”
พอลได้สติก็เอามือปัดแป้งที่ผมให้มิ้งค์ “เอ้า..เรียบร้อยแล้ว”
มิ้งค์ลืมตาจะหยิบบราวนี่ขึ้นมาถ่ายรูปแล้วก็เห็นน้าวัน
“สวัสดีค่ะน้าวัน วันนี้งานที่บริษัทผ่านแล้ว”
วันยิ้ม “น้ารู้แล้วจ๊ะ สิปาโทรบอกน้าแล้วว่าจะมาฉลองที่นี่ พอลจัดชุดใหญ่เลยนะ”
พอลไม่กล้าสบตานัก “ครับน้าวัน”
มิ้งค์หยิบบราวนี่ขึ้นมาถ่ายรูปลงไอจี วันหันมามองพอล พอลทำหน้าไม่ถูกที่โดนวันจับได้
วันต่อมา กิ๊กขนแฟ้มเบาๆ ติ๊ดตี่ยกกล่องหนักเพื่อย้ายออฟฟิศ
“นังกิ๊ก! ช่วยยกสิยะ กะเทยก็อ่อนแอนะยะ” ติ๊ดตี่ว่า
พนักงานช่วยกันลากของรอลงลิฟท์กันเป็นแถว
ลันตา แพท ช่วยกันแพ็คของใส่กล่อง พนักงานที่อยู่ด้านนอกช่วยกันขนของดูวุ่นวายมาก
“พวกต้นฉบับเก่า ๆ จะขนไปด้วยเหรอ” แพทถาม
“เก็บไปเถอะ เป็นที่ระลึก เวลาย้อนมาดูจะได้เห็นข้อดีข้อเสียของเราในอดีต” ลันตาบอก
มิ้งค์ยกกล่องออกมาวางตรงหน้าลันตา
“ข้อมูลสัมภาษณ์ตั้งแต่เล่มแรกของพี่ลัน มาแล้วคร้าบ” มิ้งค์จามเล็กน้อยเพราะฝุ่นที่กล่อง
มิ้งค์มองสภาพลันตากับแพทแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายตัวเองให้มีลันตากับแพทอยู่ในเฟมด้วย
“พี่ลัน พี่แพท ยิ้ม” มิ้งค์บอก
ลันตากับแพทเห็นมิ้งค์กำลังจะถ่ายก็ยิ้มแล้วโพสท์ให้กล้อง มิ้งค์กดชัตเตอร์
“บ้าถ่ายรูปขนาดนี้ มาฝึกถ่ายรูปกับพี่ไหมมิ้งค์” แพทชวน
“ไม่ล่ะพี่ จริงจังไป มิ้งค์ไม่เก่งเรื่องโพสิชั่น ถ่ายไอจีมันเล่าเรื่องให้คนรู้จักดูไม่ต้องมีฟอร์ม”
“ถ่ายสนุก ๆ ได้ อย่าไปถ่ายมั่วจนเป็นเรื่องก็แล้วกัน” ลันตาบอก
“ขอบคุณค่ะที่เตือน จะจำไว้ค่ะ”
แพทพูดกับลันตา “เลือกเฉพาะที่อยากเก็บนะเว้ย ออฟฟิศไม่ใช่โกดังถึงจะเก็บไปซะทุกอย่าง มิ้งค์เทกล่องข้อมูลออกมาที”
มิ้งค์เทกล่องออกมาเป็นแผ่นเอกสารที่เป็นข้อมูลที่ลันตาเขียนด้วยลายมือในการสัมภาษณ์ มิ้งค์รูปหนึ่งหล่นออกมาจากกองเอกสารซึ่งเป็นรูปของพิธานสมัย ม.6ที่ถ่ายกับลันตา
มิ้งค์จ้องที่เห็นว่าลันตาถ่ายคู่กับผู้ชาย “เฮ้ย”
“ตกใจอะไร ต้องเสียงดังขนาดนั้น” ลันตาถาม
“รูปพี่ลันถ่ายคู่กับผู้ชาย” มิ้งค์บอก
ลันตากับแพทมอง มิ้งค์หันรูปมาโชว์ให้ดู
“หน้าตาดี ชุดนักเรียน” มิ้งค์ยิ้มล้อเลียน “ป๊อบปี้เลิฟใช่ม๊า....”
ลันตาจะคว้า แต่ช้ากว่าแพท
“นี่มันพี่พิธานนี่ อาลัยอาวรณ์แฟนเก่าเหรอไอ้ลัน” แพทถาม
“ฉันเอามาให้ฝ่ายศิลป์ดูตัวอย่างมู้ดแอนด์โทนตอนฉบับวันเด็กปีที่แล้ว” ลันตาบอก
ลันตาจะคว้าแต่มิ้งค์คว้าไปดูใกล้ๆ แบบชัด ๆ
“โอ๊ะๆ ๆ แฟนฉันนี่เอง หล่ออ่ะพี่” มิ้งค์บอก
“มาก.....สิบกว่าปีแล้วเนอะ พี่เขาติดต่อมาบ้างป่ะ” แพทถาม
“เรียกว่าสาบสูญเลยดีกว่า” ลันตาบอก
“ทำไมล่ะพี่” มิ้งค์เข้ามาแบบอยากรู้อยากเห็นมาก
ลันตาเห็นท่าทีของมิ้งค์
“ต้องย้ายของเสร็จวันนี้ คืนนี้ต้องจัดสถานที่แถลงข่าว ทำสิ่งที่ควรทำก่อนดีมะ” ลันตาว่า
มิ้งค์จ๋อย “ค่ะ” มิ้งค์กระซิบกับแพท “ทำไมพี่ลันต้องดุด้วยล่ะพี่”
“จากกันด้วยไม่ดี เลยไม่อยากพูดถึงมั้ง” แพทบอก
“อ๋อ....”
“จะเม้าท์อีกนานมะ” ลันตาถาม
มิ้งค์กับแพทหยุดการเม้าท์แล้วช่วยกันเก็บของ ลันตาเก็บเอกสารไปแต่สายตาก็มองเห็นรูปพิธานกับตัวเอง ลันตาเก็บรูปลงในกระเป๋าอย่างไม่อยากสนใจอีก
ลันตา แพท และมิ้งค์เข้ามาที่หน้าออฟฟิศใหม่ ที่มุมหนึ่งมีคนจัดแต่งทำมุมแถลงข่าวในวันนี้
“มิ้งค์รู้สึกดีจังเลย ออฟฟิศใหม่ ต้อนรับงานใหม่ ชีวิตใหม่ ๆ มันต้องมีแต่เรื่องดีแน่ๆ เลยนะพี่ลัน พี่แพท”
ลันตากับแพทมองหน้ากันแล้วยิ้มกับคำพูดของมิ้งค์
“เรื่องร้ายมันก็มี ขอแค่เราไม่ยอมแพ้ เราก็ต้องผ่านมันไปได้” ลันตาบอก
“มิ้งค์จะสู้ค่ะ สู้เพื่อเตี่ย! ไปดูห้องทำงานทีมเราเถอะค่ะ ตื่นเต้นๆ” มิ้งค์ว่า
มิ้งค์วิ่งเข้าไป ลันตากับแพทหันมองหน้ากัน ลันตายกมือขึ้น แพทตีมือกับลันตา
“Flighting Yes!”
“เหลือสองคนก็ไม่เป็นไรนะ” แพทบอก
“จำนวนไม่สำคัญเท่าความจริงใจ...อยู่ท่ามกลางคนมากมายไม่จริงใจ สู้มีเพื่อนหมา ๆ อย่างแกเพียงคนเดียวก็พอ” ลันตาบอก
แพทผลักหัวลันตา “คนเว้ย”
“หมาน่ะถูกแล้ว แกไม่รู้เหรอว่าหมามันจะซื่อสัตย์กับเจ้าของมาก เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่แสนดี”
แพทฟังตามแล้วก็เคลิ้ม
ลันตายิ้มก่อนจะยื่นมือออกไป “..ขอมือ”
แพทส่งมือให้แล้วนึกขึ้นได้ “เว้ย...เล่นซะเคลิ้มเลยไอ้นี่”
ลันตาหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น ทั้งสองคนก้าวเข้าไปในออฟฟิศ
ลันตาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา กิ๊กกับติ๊ดตี่เข้ามาในห้องทำงาน
“ว้าว....ห้องเจ๋งอ่ะ” กิ๊กมองรอบห้อง
กิ๊กมองที่ป้ายชื่อหน้าห้องของลันตาที่เขียนว่าบรรณาธิการบริหาร
“ป้ายชื่อสวยอย่างกับเป็นผู้บริหาร”
กิ๊กหันมาเห็นติ๊ดตี่เดินก้าวก็มองงงๆ
“ติ๊ดตี่ ทำอะไรของแก”
“ฉันสงสัย...”
กิ๊กกำลังจะถามว่าสงสัยอะไร แต่เสียงแพทก็ดังเข้ามาซะก่อน
“ฉันก็สงสัย”
ทั้งคู่สะดุ้งแล้วหันมาเห็นลันตา แพท และมิ้งค์ยืนมองอยู่หน้าห้อง
“ว่าพวกเธอมาทำอะไรที่ห้องพี่ลัน ลาเบลอยู่ฝั่งโน้นไม่ใช่เหรอ” แพทถาม
“เรา..เอ่อ...”
“เอ้า...ตายแล้ว มาผิดห้องเหรอเนี่ย ไอ้กิ๊กเอ๊ย แกพาฉันหลงนะเนี่ย”
“หลง? ป้ายตรงทางเดินก็ติดชัด ๆ นะคะว่ากองบรรณาธิการDream” มิ้งค์ว่า
“ป้ายอะไร พี่ไม่เห็นเลย” ติ๊ดตี่ย้อน
แพทหักนิ้วเบาๆ “สายตาฝ้าฟาง พี่ช่วยรักษาให้มะ”
ติ๊ดตี่สวนทันที “ตอนนี้แจ่มชัดมากค่ะ ลากลับฝั่งตัวเองก่อนนะคะ”
ติ๊ดตี่รีบลากกิ๊กออกไปทันที
“สองคนนั้นเขาจะทำอะไร” มิ้งค์ถาม
“คนขี้อิจฉามักอยากรู้ว่าคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองไหม” แพทบอก
ติ๊ดตี่ลากเสียงยาว
“ดีกว่าห้องพี่ญ่ามากกกเลยค่ะ ห้องกว้างกว่า”
“ป้ายหน้าห้องหรูกว่า” กิ๊กเสริม
“ตกแต่งห้องก็ดี ไม่เบ ๆ แบบห้องพี่ญ่านะคะ ถ้าหนังสือDream มันเวิร์คล่ะก็ เราเป็นหมาหัวเน่าแน่”
กิ๊กสะกิดติ๊ดตี่
ติ๊ดตี่ถาม “อะไรเล่า”
“บิ้วท์อยู่ได้ แหกตาดูด้วย” กิ๊กบอก
ติ๊ดตี่หันมาเห็นธัญญาเรศที่โกรธจนแทบคลั่ง
“แกพร้อมไหม” ติ๊ดตี่ถาม
“หนึ่ง...สอง” กิ๊กนับ
ไม่ทันขาดคำ ธัญญาเรศก็ปาของใส่กิ๊กกับติ๊ดตี่ที่พากันวิ่งหนีเอาตัวรอดออกไปนอกห้อง
“ลันตา!” ธัญญาเรศกำมือจิกแน่นด้วยความริษยาจนแทบจะอกแตกตาย
มุมด้านหน้าถูกจัดแต่งเป็นมุมแถลงข่าวเก๋ๆ มีเก้าอี้ถูกจัดสำหรับนักข่าว และมุมเครื่องดื่มของว่างด้านหนึ่ง นักข่าวเริ่มทยอยกันเข้ามาในงาน ลันตากำลังช่วยต้อนรับบรรดานักข่าวด้วยความสนิทสนม เพราะเป็นคนในวงการเดียวกัน
แพทพาสิปาดันเข้ามาตรงมุมหลังแบ็คดร็อปของงานโดยยังไม่เปิดให้คนอื่นเห็น สิปาดันยิ้มมองลันตาที่ดูมีความสุขกับการเริ่มต้นวันดีๆ
“เห็นคนที่รักมีสุขก็สุขใจ แกนี่มันพระเอกละครน้ำเน่าจริงๆ” แพทว่า
“ลองรักใครสักคนแล้วแกจะเข้าใจฉัน” สิปาดันบอก
“พอ...เลี่ยนจะอ้วกก...” แพทว่า
มิ้งค์เดินเข้ามาพร้อมกับสคริปท์งานในมือ
“พี่สิปาเตรียมตัวนะคะ เราจะเริ่มแถลงข่าวทันทีที่พี่กบกับคุณพิธานมาถึง”
สิปาดันกับแพทชะงัก
“พิธาน? เขาเป็นใคร”
“เจ้านายของพี่กบไงคะ เพิ่งกลับมาจากอังกฤษค่ะ” มิ้งค์บอก
สิปาดันกับแพทมองหน้ากัน
“ไม่ใช่มั้ง คงไม่ใช่แฟนเก่าไอ้ลันหรอกน่า” แพทบอก
มิ้งค์มโนเองแล้วก็ตื่นเต้นเอง “แล้วถ้าใช่ล่ะพี่?”
“แล้วเขานามสกุลอะไร มิ้งค์รู้ไหม” แพทถาม
มิ้งค์กำลังจะตอบ แต่ลันตาเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน
“แพท พี่นีเรียกแน่ะ สิปา....เราจะเริ่มแถลงข่าวแล้ว ไป”
แพทเดินออกไป ลันตาดึงสิปาดันออกไปเตรียมตัว ส่วนมิ้งค์ก็รีบตามลันตาไป
รัชนี สุวิกากับอนุชิตเข้ามาที่โต๊ะแถลงข่าว นักข่าวเริ่มกระตือรือร้นอย่างสนใจ
รัชนีพูด “ขอบคุณทุกท่านนะคะที่มาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ ดิฉันอยากจะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าทางลาเบลได้ทำการร่วมทุนกับบริษัท Sky เพื่อสร้างสรรค์นิตยสารหัวใหม่ Dream เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภคโดยมีคุณลันตา จิตภัทระ เลือดใหม่ของลาเบลเป็นผู้รับหน้าที่บรรณาธิการบริหาร”
ธัญญาเรศ กิ๊ก และติ๊ดตี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองด้วยความอิจฉา
“โหย...ดันกันสุดพลังเลยค่ะพี่ญ่า”
ธัญญาเรศหันขวับไปมองติ๊ดตี่ว่าให้เงียบ
“Dream จะเป็นนิตยสารทางเลือกที่ให้น้ำหนักกับสาระของคนในทุกอาชีพ ในฉบับแรก Guest ของเราคือ นักบิน โคไพรอท คุณสิปาดัน” ลันตาพูด
เปิดตัวสิปาดันในชุดนักบินจากด้านหนึ่งเดินออกมาอย่างเท่
“แล้วทางSky ไม่มีตัวแทนมาร่วมแถลงในครั้งนี้ด้วยเหรอคะ” นักข่าวถาม
สุวิภาหันไปหารัชนี รัชนีหันไปหาแพท แพทอ้ำอึ้ง
เสียงกีรติดังขึ้น “ขอโทษครับที่มาช้า”
กีรติก้าวเข้ามา
แพทตั้งใจพูดให้กีรติได้ยิน “สร้างซีนตลอด”
กีรติเหลือบมองแวบนึงแต่ก็ไม่สนใจ
“ผมมีความยินดีจะเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ผู้อำนวยการของบริษัท Sky ได้เดินทางกลับมาจากอังกฤษและท่านมาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ด้วยครับ”
กีรติผายมือไปทางด้านหน้าก็เห็นรถหรูวิ่งเข้ามาจอด ทุกสายตาหันมองไปที่รถ ประตูรถเปิดออก พิธานก้าวลงมาจากรถที่ดูแกรนด์มาก สิปาดัน ลันตา และแพทต่างตะลึงที่เห็นพิธาน
“พี่พิธาน” แพทเปรย
มิ้งค์เห็นหน้าแพทที่เหวอ ๆ
มิ้งค์โบกมือตรงหน้าแพทที่อึ้งมาก “อึ้งขนาดนี้ คุณพิธานคนนี้เป็นแฟนเก่าพี่ลันเหรอพี่”
อนุชิตที่ยืนไม่ห่างจากมิ้งค์กับแพทนักหันมาทันทีที่ได้ยินมิ้งค์พูด แพทพูดไม่ออก มิ้งค์มองพิธานอย่างไม่อยากจะเชื่อ พิธานเดินเข้ามาท่ามกลางนักข่าวที่ถ่ายภาพอย่างสนใจ พิธานเดินมาหาลันตาแต่หยุดยืนห่างพอสมควร
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจมาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ ผมมีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับทางลาเบล ยิ่งได้คนทำงานฝีมือดีอย่างคุณลันตา จิตภัทระ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า Dream จะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับวงการนิตยสารเมืองไทยแน่นอน”
ธัญญาเรศมือกำแน่นพร้อมทั้งมองด้วยความอิจฉา นักข่าวถ่ายรูปและให้ความสนใจกับลันตามาก “ขอถ่ายรูปร่วมกันด้วยนะครับ”
“ยินดีครับ” พิธานยื่นมือไปทางลันตาโดยให้เธอวางมือแล้วจะดึงเข้ามาถ่ายรูปด้วยกัน
ลันตามองอย่างลังเล แต่เป็นช่วงจังหวะที่ต้องทำงาน ลันตาจึงจะวางมือบนมือพิธาน สิปาดันที่มองอยู่ลืมตัวคว้าข้อมืออีกข้างรั้งไว้ไม่ให้ลันตาไป ทุกคนชะงักกับท่าทีของสิปาดัน สิปาดันมองพิธานอย่างไม่พอใจ
“งั้นเราขยับเข้าไปถ่ายรวมกันทางด้านโน้นดีกว่านะครับ”
พิธานเดินเข้าไปหาลันตาที่ยืนกับสิปาดัน สิปาดันพยายามขยับให้ตัวเองอยู่ตรงกลางระหว่างพิธานกับลันตา ระหว่างที่รัชนีกับสุวิภาเดินเข้ามา ลันตากำลังจัดการในการโพสิชั่นยืนของแต่ละคน พิธานเหลือบมองสิปาดันอย่างยิ้มเยาะนิด ๆ
พิธานพูดเบาๆ กับสิปาดันเพื่อได้ยินกันแค่สองคน “แกยังใช้ความเป็น “เพื่อน” บังหน้าเหมือนเดิมสินะ” พิธานยิ้มเยาะ “งั้นก็เหมาะที่ฉันจะรื้อฟื้นความหลังของฉันกับน้องลัน”
“มันก็ไม่แน่..ถ้าผมยังอยู่” สิปาดันบอก
พิธานยิ้มเย้ย
พิธานพูดเบาๆ กับสิปาดัน “ไม่ว่าเมื่อไหร่ แกก็ต้องแพ้ฉัน”
สิปาดันมองตอบอย่างไม่ยอมแพ้ สองหนุ่มยืนประกาศศึกท่ามกลางนักข่าวและคนที่รายล้อม
กีรติมองอาการของสิปาดันกับพิธานด้วยความสงสัย อนุชิตเองก็มองพิธานอย่างไม่ชอบหน้า มิ้งค์กับแพทอึ้งกับความบังเอิญครั้งนี้
อ่านต่อตอนที่ 10