xs
xsm
sm
md
lg

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 3

บริเวณโถงศาลางานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ในเวลากลางคืน พวงแก้วในชุดแต่งกายสมัยนิยมรัชกาลที่ 5 นุ่งโจงใส่เสื้อลูกไม้ พูดคุยกับฝรั่งต่างชาติไม่ขัดเขิน

อีกมุมหนึ่งใกล้กัน แสนอยู่กับเจ้าสัวจีนที่โถงศาลา
"ท่านโชคดีจริงๆเจ้าสัวแสน ได้ภรรยาผู้ดี มีสง่า โอภาปราศรัยกับใครก็ไม่น้อยหน้า"
แสนมองเมียอย่างภูมิใจ รู้สึกดีที่พาพวงแก้วมาด้วย
"ตั้งแต่ข้าได้ภรรยาคนนี้ ชีวิตก็มีแต่เจริญรุ่งเรือง"
พวงแก้วยิ้มดีใจปลาบปลื้ม
"มา ดื่มให้กับครอบครัวท่าน" เจ้าสัวจีนบอก
แสนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา จะปฏิเสธ พวงแก้วหันมาเห็น เดินเข้ามาดูแล
"ท่านเจ้าสัว เป็นอะไรหรือเจ้าคะ"
"ไม่รู้สิ ข้าเวียนหัว แล้วก็ตากระตุก เอ...แปลกๆ"
"ดื่มซะหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น"
เจ้าสัวจีนส่งจอกให้ แสนยื่นมือไปรับ แต่ตาพร่า รับไม่ได้ จอกหล่น เพล้ง ! ทุกคนต่างตกใจ
"ท่านเจ้าสัว !"
"แม่แก้ว ข้าเป็นอะไรไม่รู้ ตากระตุกข้างขวาแรงมาก"
"อั๊ยย่ะ โบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี จะมีอะไรรึ" เจ้าสัวจีนว่า
"ท่านเจ้าสัว มีอะไรในใจหรือเปล่าคะ"
"ข้า...ข้านึกเป็นห่วงใต้หล้า"
"ใต้หล้า ! ลูกกล้า"
พวงแก้วนึกถึงลูกชายตนเอง แสนหวั่นใจ ทั้งคู่สบตากัน

ในห้องเรือนใหญ่ บุหงากรีดร้อง เจ็บท้อง ดิ้นทุรนทุรายอยู่คนเดียว
"โอ๊ย ! ช่วยด้วย ข้าไม่ไหวแล้ว ช่วยด้วย"
หน้าห้อง เอื้อย ชื่น ฉวี และทาสชายหญิงหลายคนอยู่แถวนั้น แต่ไม่กล้าเข้าไป
"โธ่เอ๊ย ท่านเจ้าสัวก็ไม่อยู่เสียด้วย" เอื้อยบอก
"เอ็งว่าลูกคุณบุหงาจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงว่ะ" ฉวีว่า
"ถ้าได้ลูกผู้ชาย ท่านเจ้าสัวคงโปรดปรานขึ้นกว่าเดิม มีหวังนังคุณบุหงาคงตัวพองหยั่งอึ่งอ่าง"
"สาธุ ขอให้ได้ลูกสาวเถอะ" ชื่นบอก
บุหงาอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงบ่าวไพร่นินทา ก็กรีดร้องแว้ดออกมา
"ลูกกูต้องเป็นผู้ชาย...อ๊ากก อีเจียม มึงอยู่ไหน"
เจียมหิ้วตะกร้าอุปกรณ์ ทำคลอดนำยายตาดเข้ามา ผ่านพวกที่สุมนินทาด้านหน้าเข้ามาในห้อง
"บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไปตามแม่ตาดมาจากหอจันทร์ฉายให้แล้วเจ้าค่ะ"
นางตาด หมอตำแยเคี้ยวหมากปากเขรอะกึ่งวิ่งเข้ามา รีบบอกบ่าวไพร่
"พวกเอ็งไปเตรียมน้ำร้อน เตรียมผ้าสะอาดสำหรับห่อเด็ก"
"เชอะ !ไม่ใช่นายข้า ข้าไม่ทำ" เอื้อยบอก
"บ๊ะ ! เห็นแก่เด็กเถอะวะ"
เอื้อยถอนหายใจพรืด พยักหน้าให้ทาสคนอื่นไปต้มน้ำให้ ตาดรีบเข้าไปดูบุหงาที่ร้องโอดโอยใกล้คลอดเต็มที

เวลาเดียวกัน กลางแม่น้ำ อ่ำแจวเรือมาดซึ่งมีเก๋งไม้สักอยู่กลางลำเรือ ด้านในเก๋ง เจ้าสัวแสนและพวงแก้วนั่งอยู่ แสนท่าทางร้อนใจ
"เอ็งถ่อเรือให้เร็วกว่านี้ไม่ได้รึ ไอ้อ่ำ"
"ขอรับๆ"
อ่ำเร่งจ้ำถ่อ เรือมาดพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นกว่าเดิม
พวงแก้วนึกน้อยใจว่าเจ้าสัวอาจคิดถึงบุหงา
"เราเพิ่งออกเรือจากพระนครเมื่อเช้า เพิ่งแวะโรงสีเถ้าแก่ฮวดที่ปากเกร็ด กิจธุระการค้าที่อยุธยาก็ยังไม่ได้ไป ทำไมท่านเจ้าสัวจะต้องรีบร้อนกลับใต้หล้าหล่ะเจ้าคะ"
แสนกุมขมับ หนังตาขวากระตุกไม่หยุด
"ข้ารู้สึกใจคอไม่ดี เป็นห่วงใต้หล้า รึแม่แก้วไม่ห่วงตากล้า"
"ห่วงเจ้าค่ะ แต่เกรงว่าที่ท่านเจ้าสัวเป็นแบบนื้ เพราะจะห่วงคนอื่นมากกว่าลูกกล้า"
"จะใครก็ช่าง ตอนนี้ข้ากังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีที่ใต้หล้า เร็วๆไอ้อ่ำเร่งมือหน่อย"
แสนรู้สึกกังวลจริงๆ พวงแก้วไม่อยากจะเชื่อเช่นนั้น แต่จำต้องเงียบ

บุหงาเจ็บปวด กรีดร้องเสียงดัง เหงื่อแตกพลั่ก
"โอ๊ย ! อ๊าก ข้าไม่ไหวแล้ว"
บุหงาพยายามเบ่งลูกเพื่อคลอด ตาดบีบนวดท้อง รู้สึกว่าผิดปกติ
"หนูเอ๊ย ออมาเถอะลูก นายแม่บุหงาเขารอหนูอยู่"
"ลูกชายใช่ไหม แม่ตาดเห็นหรือยัง ลูกข้าเป็นเด็กผู้ชายใช่ไหม"
"ข้ายังไม่เห็น อีกนิดเดียว เบ่งเข้าแม่บุหงา ฮึบ!"
บุหงาเบ่งท้อง เจียมช่วยจับบุหงาไว้ ช่วยกันเบ่ง

เรือมาดเก๋งของแสนกำลังจะเทียบท่า ทาสชายคนหนึ่งเห็นเรือเจ้าสัวจึงรีบวิ่งเข้าไป พลันเห็นอ่ำที่อยู่หน้าเรือมาดเก๋ง
"ไอ้อ่ำ โชคดีจิงๆที่ท่านเจ้าสัวกลับมาเร็ว ข้ามีข่าวด่วนจะแจ้งให้ท่านเจ้าสัวทราบ"
แสนแหวกม่านเก๋งเรือออกมามอง

บริเวณหน้าห้อง บ่าวไพร่เงี่ยหูฟังเสียง
"โอ๊ย อ๊าก แอร๊ย"
เสียงเด็กร้องไห้ดังลั่นขึ้น แว๊ แว๊
เอื้อยมองหน้าทาสด้วยกัน
"คลอดแล้ว"
ชื่นถาม
"เอ็งว่าผู้ชายหรือผู้หญิง"

บ่าวไพร่เร่ไปตะแคงหูที่หน้าห้องบุหงา

ตาดชูเด็กที่เพิ่งคลอดออกมา เด็กตัวแดง ตาด

"ลูกชาย...ข้าได้ลูกชายใช่ไหมแม่ตาด ท่านเจ้าสัวจะต้องดีใจรักข้าเอ็นดูข้า ที่ข้าได้ลูกผู้ชาย"
ตาดเงียบไปนิด บิดตัวเด็กหันไปทางแม่ บุหงารับเด็กไปกอด ยิ้มกว้าง

อ่ำวิ่งหน้าตั้ง แสนและพวงแก้วนั่งอยู่บนรถด้วยกัน แสนดูตื่นเต้น ขณะที่พวงแก้วพยายามสะกด
อารมณ์ไม่ดีไว้
"เร็วๆเข้าไอ้อ่ำ ข้าจะรีบไปดูตาหนูลูกชายข้า"
"ท่านเจ้าสัวรู้ได้ยังไงเจ้าคะว่าเป็นลูกชาย"
"ข้ารู้ ข้าต้องได้ลูกชาย !"
แสนลั่นวาจา ดูตื่นเต้นดีใจ พวงแก้วเก็บกลั้นความริษยาไว้

บุหงากอดลูก ยิ้ม ดีใจ ตาดเหลือบตามองแว่บหนึ่ง ไม่ว่าอะไร
"ตาหนูลูกข้า ลูกชายที่จะนำพาอำนาจวาสนามาให้แม่"
บุหงาค่อยๆเปิดผ้าห่อเด็กออก แล้วพลัน หน้าซีดเผือด วางลูกลงกับเตียง
"ลูกข้า..."
เจียมชะโงกหน้าดู
"คุณหนู....คุณหนูเป็นเด็กผู้หญิง"
เด็กร้องไห้จ้า บุหงากรี๊ดลั่น เพราะไม่ได้ดั่งใจ
"ไม่ !"
บุหงาเอาผ้าปิดปากเด็ก ไม่ให้มีเสียง ตาดตกใจ เจียมอึ้ง
"ไม่ !"
พวกทาสที่หน้าห้อง ตกใจกับเสียงกรีดร้อง
"คุณบุหงาร้องทำไม เกิดอะไรขึ้น"
"เสียงเด็กเงียบไปด้วย" ชื่นบอก
เหล่าทาสงงงวย

บุหงาที่เสียใจผิดหวังที่สุด และกำลังใช้มือบีบคอเอาผ้าปิดปากเด็กอยู่
"ไม่จริง กูต้องได้ลูกชาย ลูกชายเท่านั้น"
"เฮ้ย นังบุหงา อย่าทำอย่างนั้น อย่านะ"
"ไม่ใช่ลูกชายกูก็ไม่เอา อีกาลกิณี"
บุหงาบีบคอเด็กในห่อผ้า ตาดพยายามแย่งออกมาได้ในที่สุด
"โอ๊ย นังบุหงา นังคนใจยักษ์ใจมาร"
"มันนั่นแหละมาร ขวางความเจริญข้า นังเด็กเหลือเดน"
"แล้วมันผิดด้วยรึที่เกิดมาเป็นผู้หญิง"
"ผิด ท่านเจ้าสัวอยากได้ลูกชาย ข้าต้องได้ลูกชายสืบสกุล ถ้าไม่ใช่ผู้ชาย มันก็ไม่ใช่ลูกข้า"
"แล้วคุณบุหงาจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ ในเมื่อคุณหนูเป็นผู้หญิง" เจียมถาม
"ไม่ต้องเรียกมันคุณหนู มันไม่ใช่ลูกข้า อีเจียม เอ็งเอามันไปโยนแม่น้ำหน้าเรือน"
"นังบุหงา หล่อนมันบ้าไปแล้ว หล่อนคิดฆ่าลูกตนได้อย่างไร"
"ฟังนะ ลูกข้าในท้องนี้ตายไปแล้ว"
บุหงาเสียงจริงจัง ปรายตามองเด็กหญิงในห่อผ้า
"ส่วนอีเด็กคนนี้ หากแม่ตาดเมตตามันก็เชิญแม่ตาดเอาไปทิ้ง หรือจะเลี้ยงดูมันก็ตามแต่ใจแม่ตาดเถิด... เจียมเอามันไป"
ตาดตะลึง เจียมมองหน้านายว่าจะเอายังไง บุหงาสบตาเจียม แววตาเหี้ยมเกรียม เด็ดขาด

เจ้าสัวแสนก้าวขึ้นเรือนด้วยความร้อนใจ สีหน้าตื่นเต้น ยิ้มรอ
"ลูกชายข้าอยู่ไหน"
บ่าวไพร่เลิกลั่ก ทำอะไรไม่ถูก
"ท่านเจ้าสัว"
เจ้าสัวร้อนใจ เปิดประตูเรือนใหญ่ ก้าวเข้าไปข้างในห้องก็ตกใจกับสภาพที่เห็น

บุหงานอนอยู่บนเตียง มีห่อผ้าเปื้อนเลือดอยู่กลางเตียง นางจัดฉากร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
"บุหงา ! ข้าได้ลูกชายใช่ไหม แล้วลูกข้าอยู่ไหน"
"ท่านเจ้าสัวของบุหงา โฮ..."
บุหงาโผเข้ากอดแสน ซุกหน้าร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน เจ้าสัวแสนเริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง
"ลูกข้าอยู่ไหน แม่บุหงา"
ประตูซึ่งเปิดทิ้งไว้ พวงแก้วยืนมอง รอดูท่าที
"ท่านเจ้าสัวคะ ท่านได้ลูกชาย"
"ลูกชาย...แล้วลูกข้าอยู่ที่ใด"
"ท่านเจ้าสัวเจ้าขา ลูกชายของท่าน ลูกชายของท่าน โฮ..."
บุหงาร้องไห้จนแทบสลบลงไปอีก แสนเป็นห่วงมาก รีบประคองแนบอก
"บุหงา หล่อนเป็นอะไร แข็งใจไว้บุหงา แล้วลูกชายของเราล่ะ อยู่ที่ไหน"
"ลูกชายของเรา โฮ ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ ลูกชายของเราบุญน้อย ลูกไม่อยู่กับเราแล้วเจ้าค่ะ"
เอื้อยสบตาพวงแก้ว ทำนองว่าไม่รู้ไม่เห็นเหมือนกัน
"บุหงา หมายความว่ายังไง ลูกข้าบุญน้อยได้อย่างไร"
"ลูกตายแล้วเจ้าค่ะ หมอตำแยว่าเพราะข้าคลอดก่อนกำหนด ลูกจึงไม่แข็งแรง ฮือ บุหงาเสียใจ บุหงาอยากตายตามลูกไป"
"โธ่ ... ลูกข้า ลูกชายข้า"
แสนเจ็บปวดรวดร้าว ทำอะไรไม่ถูก ประคองบุหงาไว้อย่างนั้น พวงแก้วเข้ามา บุหงาแอบชำเลืองมองเล็กน้อย พวงแก้วทำแสนดี เดินมาจับมือเจ้าสัวและจับมือบุหงารวมกัน เธอกุมมือทั้งคู่อย่างให้กำลังใจ
"อิฉันเสียใจด้วยค่ะท่านเจ้าสัว...แม่บุหงา หล่อนรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีเถิด หากมีบุญ หล่อนจะมีลูกอีกกี่คนก็เป็นได้"

แสนมองแก้วอย่างขอบใจในน้ำใจกว้างขวาง บุหงาเหลือบมองพวงแก้ว นึกรู้ว่าคงสะใจยิ่งนัก แต่พวงแก้วสงสัยเรื่องลูกว่าตายแล้วไปอยู่ไหน
 
อ่านต่อหน้า 2

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 3 (ต่อ)

ตาดหิ้วตะกร้าที่มีห่อผ้าอยู่ในนั้น พอเดินมาระยะหนึ่งก็แหวกห่อผ้าออก เด็กหญิงอยู่ในห่อผ้า ยังมีชีวิตและหายใจอยู่

"แม่หนูเอ๊ย นังแม่มันไม่เลี้ยงไม่เป็นไรนะ ข้าจะเลี้ยงให้ดี ให้โตมาล้างกำพืดนังบุหงาแม่เอ็งให้ได้"
ฟ้าครื้นครั่น คำรามลั่น ตาดเงยหน้าขึ้นมองฟ้า รู้ว่าฝนจะตก
"เดินเร็วๆเข้าเถอะนังเจียม เดี๋ยวฝนตก นังหนูลูกของนายเอ็งจะเปียกฝน"
"คุณบุหงาไม่มีลูกสาว"
ตาดฉุน หันไปมองเจียมอย่างอึ้งๆ นิ่งๆ ไม่พอใจ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ เจ็บปวด
"อีเจียม !"
ที่ท้องตาด เจียมเสียบมีดปักคาอยู่ ตะกร้าเด็กหล่นจากมือตาดลงพื้น เสียงเด็กร้องไห้ลั่น ฟ้าคำรามครืนๆ แสงฟ้าแล่บปลาบสะท้อนแววตาเหี้ยมโหดของเจียม

ก่อนหน้านี้ ที่ห้องใหญ่ ตาดเก็บของอยู่ทางหนึ่ง บุหงาสีหน้าเหี้ยมอยู่อีกมุมหนึ่ง
"คนที่ข้าไว้ใจมีแค่สองคน คือเอ็งกับเจ้เว่ยชิง นอกนั้นต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้"
เจียมมองตาด พยักหน้ารับคำบุหงา
"อีเด็กนั่นต้องไม่มีตัวตน จัดการมันซะ"
ตาดเข้ามา บุหงาส่งเด็กให้ ตาดเอาเด็กลงตะกร้า ยิ้มกับเด็ก

ทางเปลี่ยวในป่า เจียมกระซวกมีด บิดและฝังเข้าร่างตาดให้ลึกกว่าเดิม
"ต้องไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวคุณบุหงา"
"อีเจียม ! อีบุหงา ! อีนรกส่งมาเกิด กูขอสาปแช่งให้พวกมึง"
"ตาย !"
เจียมกระซวกมีดอีกครั้ง ตาดทรุดลงไปกองกับพื้น เจียมคิดว่าตาดตายแล้ว จึงฉวยตะกร้าเด็ก แล้วจะก้าวออกไป แต่ตาดกลับคว้าขาเจียมไว้ เจียมสะดุด
"อีแก่หนังเหนียว มึงยังไม่ตายอีกเหรอ"
"อีคนชั่ว"
ตาดมือเหนียวไม่ปล่อยขาเจียม เจียมวางตะกร้า แล้วคว้าหัวตาด โขกกับหิน
"คุณบุหงาสั่งให้มึงตาย มึงต้องตาย จะมีใครรู้ความลับนี้ไม่ได้"
ตาดสีหน้าเจ็บแค้นขณะโดนโขกเข้ากับก้อนหิน ตาดแน่นิ่ง เจียมเหนื่อยหอบ ผละจากร่างตาด ฝนกระหน่ำลงมา เจียมคว้าตะกร้าเด็กแล้วรีบหนีไป ...
นางตาดนอนหงายโดนมีดปักกลางท้องหน้าโดนโขกกับหินยับเยิน ดวงตาเบิกกว้าง แน่นิ่ง เลือดไหลนองรอบร่างกาย ฝนตกยิ่งทำให้เลือดกระจายออกรอบตัว

เวลาต่อมา เจียมส่งเด็กให้เว่ยชิง
"จะฆ่าลงได้ยังไง เด็กออกจะน่ารักน่าเอ็นดู"
"งั้นถือซะว่าเลี้ยงเอาไว้รับใช้ในโรงน้ำชาก็แล้วกัน"
"แต่กว่าจะเลี้ยงจนโต ข้ามิหมดตัวรึ มันกินน้ำข้าวเหมือนลูกหมาได้หรือเปล่าเนี่ย"
"จะเลี้ยงยังไงก็ช่างเจ้ แต่คุณบุหงากำชับว่าต้องไม่มีใครรู้เรื่องเด็กคนนี้"
"แล้วนางตาด ?"
เจียมนิ่ง ไม่ตอบ เว่ยชิงมองสภาพเนื้อตัวของเจียม ที่เปียกปอน และดูเหมือนผ่านการต่อสู้ หนำซ้ำมีรอยเลือดติดผ้า ก็รู้ทันที
"เยี่ยงนั้นข้าก็จะเลี้ยงไว้เอาบุญ ไว้มันโตขึ้น ค่อยให้มันถอนทุนคืน เด็กผู้หญิงซะด้วยสินะ"
เว่ยชิงอุ้มเด็กไปที่หน้าต่าง ด้านนอกสายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดเม็ด
"ข้าจะให้นังหนูนี่ชื่อว่า ฟ้าหยาด ถ้ามันสวยเหมือนแม่ มันจะได้เป็นดาวประจำหอจันทร์ฉายคนต่อไป"
เว่ยชิงมองเด็กหญิง เจียมถอนหายใจ หมดภาระตนเสียที

วันใหม่ กลางศาลาของอาณาจักรใต้หล้า เจ้าสัวแสนนั่งซึม ไม่เป็นอันทำงาน พวงแก้วอุ้มเด็กชายกล้าอายุ 1 ขวบอยู่มุมหนึ่ง เธอยังข้องใจ
"ตอนนังบุหงาคลอด เอ็งได้เห็นลูกมันหรือไม่ นังเอื้อย"
"ไม่มีใครได้เห็นเลยเจ้าค่ะ นังหมอตำแยกับนังเจียมเอาออกไปเจ้าคะ"
"เยี่ยงนั้น ย่อมไม่มีใครรู้ว่ามันได้ลูกชายแน่หรือไม่"
"แล้วร่างของลูกมันฝังที่ใดก็ไม่บอกกล่าวด้วยเจ้าค่ะ"
"ข้าคงต้องยับยั้งความเสียใจของท่านเจ้าสัวเสียที"
พวงแก้วนิ่งคิด อุ้มลูกส่งให้เอื้อยแล้วเข้าไปหาเจ้าสัว เธอยิ้มอ่อนโยนอย่างปลอบใจ
"อิฉันเห็นใจท่านเจ้าสัวนะเจ้าคะที่เสียลูกไป แล้วนี่แม่บุหงาได้ทำพิธีให้ลูกหรือยังเจ้าคะ หากนางยังเสียใจไม่เป็นอันได้สติ อิฉันจะได้จัดการให้นิมนต์พระมาสวด จะเผาแบบพุทธหรือฝังแบบจีนก็ว่ากันอีกที"
แก้วเอ่ยอย่างเห็นใจและอ่อนโยน แสนกุมมือพวงแก้วอย่างตื้นตัน ขอบใจ
"จริงสินะ ถึงลูกข้าจะตายไป ข้าก็ควรได้เห็นหน้าและส่งลูกข้าไปสู่สุขคติด้วยตัวเอง"

พวงแก้วพยักหน้าให้กำลังใจ แต่แอบยิ้มเพราะจะได้รู้เสียทีว่า เป็นชายหรือหญิง

บุหงาหน้าซีดเผือด เมื่อถูกซักที่ศาลา

"ว่าอย่างไร บุหงา เจ้าฝังลูกไว้ที่ใด ข้าอยากจะทำพิธีศพให้ลูกข้า"
บุหงาทำเป็นน้ำตาร่วงเผาะ แล้วแอบสบตาเจียม
"ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ ลูกก็ตายไปแล้ว ท่านจะรื้อฟื้นขึ้นมาให้บุหงาเจ็บปวดเจียนขาดใจหรือเจ้าคะ"
"บุหงา ข้าก็เสียใจไม่แพ้เจ้า แต่ลูกข้าทั้งคน ถึงตายแล้วจะฝังไป แต่ข้าก็อยากจะเห็นหน้าลูกชายของข้าสักครั้ง จะได้ผูกใจ ได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันใหม่ เจ้าก็ไม่ควรรีบเอาลูกไปฝังก่อน"
"ตามธรรมเนียมบ้านเกิดบุหงา ถ้าใครตายในบ้านต้องรีบเอาออกไปฝัง ไม่เช่นนั้นจะนำความเสียหายมาให้คนในบ้าน ...บุหงาเสียใจเจ้าคะ ไม่อยากให้ลูกบุหงานำพาความเดือดร้อนมาให้คนในใต้หล้า"
บุหงาทำเป็นร้องไห้เสียใจ
"แต่หล่อนก็ควรเห็นใจผู้เป็นพ่อ หากหล่อนเสียใจนัก ทนเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกหล่อนไม่ได้ หล่อนก็ให้นังเจียมพาบ่าวไพร่ไปชี้จุดฝัง เดี๋ยวข้าจะจัดการพิธีให้เอง"
"บ่าว เออ...จำไม่ได้เจ้าคะ"
เจียมร้อนตัว อึกอักออกมา บุหงาขยิบตาให้เงียบทันที
"ใช่คะ นางเจียมคงจำไม่ได้ คือ เมื่อคืนนังเจียมออกไปก็ดึกมาก กลางวันเยี่ยงนี้นังเจียมคงจำที่ไม่ได้หรอกคะ"
"นังเจียม เอ็งจำไม่ได้เลยรึ"
"เจ้าค่ะ"
"งั้นถ้าเอ็งโดนหวาย อาจจะเรียกความทรงจำของเอ็งกลับคืนมาได้ ไอ้อ่ำเอาหวายมา"
อ่ำวิ่งไปหยิบหวายส่งมาให้ แสนให้คนจับตัวเจียมมาแล้วเริ่มหวดหวายลง เสียงดัง บุหงามองเจียมอย่างสงสารแต่ไม่รู้ทำเช่นไร จึงตัดสินใจเดินเข้าไปตบเจียม ทุกคนหยุดมองตกใจ
"นังเจียม เอ็งนี่โง่นัก เอ็งจำมิได้รึว่าเอาลูกข้าไปฝังไว้ที่ใด"
พูดจบ บุหงาก็ตบเจียมไม่ยั้ง
"โอ๊ย ! เจียมผิดไปแล้วเจ้าคะ ขอเวลาให้เจียมหน่อยนะเจ้าคะ โอ๊ย ! เจียมจำได้แล้วเจ้าคะ เจียมฝังไว้ที่..."
บุหงาหยุดตี ทุกคนสนใจจะฟังเจียมว่าอยู่ที่ไหน แต่จู่ๆบุหงาก็เป็นลมล้มลง
"คุณบุหงา !"
เจียมเข้ามาประคองทันที บุหงาแอบขยิบตาให้ เจียมรู้ รับลูกต่อเนื่อง
"ตายแล้ว คุณบุหงาแน่นิ่งไปแล้วเจ้าค่ะ ตัวร้อนด้วย บ่าวขอพาคุณบุหงาไปพักก่อนนะเจ้าคะ แล้ววันพรุ่งนี้บ่าวจะพาไปเจ้าคะ"
"บุหงา... ถ้างั้นรีบพาบุหงาเข้าไปพักก่อน"
เจียมและบ่าวไพร่รีบประคองบุหงาออกไป
"จะรู้แล้วเชียวว่าอยู่ที่ไหน แม่บุหงาก็มาพาลเป็นลมซะก่อน เหมือนรู้เวลาเลย ทำให้วันนี้ไปหาลูกท่านไม่ได้"
พวงแก้วมองอย่างนึกรู้ว่า บุหงาต้องมีอะไรลับลมคมใน
"วันนี้ไม่ได้ แต่วันพรุ่ง ข้าต้องได้เห็นหน้าลูก"
แสนเสียงดัง ชัดเจน เจียมประคองร่างแน่นิ่งของบุหงาไว้ เจียมสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนบุหงาแอบเครียดเหมือนกัน

เวลากลางคืน พวงแก้วแอบอยู่มุมหนึ่งของใต้หล้า แล้วมองไปทางห้องบุหงา ก่อนสำทับเอื้อยและอ่ำ
"เอ็งเฝ้านังบุหงากับนังเจียมให้ดี ข้าว่ามันมีพิรุธ"
"เจ้าคะ"
เอื้อยและอ่ำพยักหน้ารับคำ พวงแก้วผละไป เอื้อยและอ่ำทำมาเป็นเดินไปมาผ่านศาลากลางเรือนใต้หล้า

ภายในห้อง บุหงาเดินกลับไปกลับมา เครียดมาก เจียมนั่งจับหน้าที่โดนตบและตัวที่โดนเฆี่ยน บุหงาหันไปมอง
"เจ็บไหมนังเจียม ดีนะ ที่ข้าหัวไวคิดแผนได้ทัน"
"คุณบุหงาคิดได้ยังไงเจ้าคะ ตบบ่าวซะฟันเกือบหลุด แต่ก็ยังดีกว่าบ่าวโดนเฆี่ยนนะเจ้าคะ ท่านเจ้าสัวต้องเอาจนบ่าวตายแน่ๆ"
"ว่าแต่เราจะทำยังไงดีเนี่ย ท่านเจ้าสัวบอกว่าวันพรุ่งนี้ต้องได้เห็นหน้าลูก"
บุหงาลนลาน เจียมนั่งคิดเครียดแล้วนึกขึ้นได้
"คุณบุหงาเจ้าคะ บ่าวนึกออกแล้วบ่าวมีวิธีเจ้าค่ะ"
"วิธีอะไร เอ็งจะไปฆ่าเด็กชายที่ไหนแล้วมาปลอมเป็นลูกท่านเจ้าสัวรึ"
"มิได้เจ้าค่ะ แต่เมื่อสองวันก่อน บ่าวได้ข่าวว่า..."
เจียมเหลียวมอง กลัวใครได้ยินทั้งที่อยู่ในห้องหับปิดแล้ว บุหงาเข้ามาใกล้ เจียมกระซิบ บุหงาฟังเสร็จยิ้มดีใจ เดินไปหยิบอัฐในถุงใหญ่โยนให้
"อ่ะ ของเอ็ง รางวัลของความฉลาดและความภักดีต่อข้า แกจะต้องทำให้สำเร็จนะอีเจียม"
"ฆ่าอีตาดบ่าวยังทำมาแล้ว กับอีแค่ไปเอาศพเด็กชายที่เพิ่งตายมานี้ บ่าวทำได้แน่เจ้าค่ะ"
เจียมตาโตวาว ยิ้มดีใจ เอาใจบุหงาสุดตัว หน้าตามุ่งมั่นจะต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จทันวันพรุ่งนี้ให้ได้

เจียมเปิดประตูห้องบุหงาแง้มมอง เห็นเอื้อยและอ่ำ ทำเป็นตามไฟตะเกียงอยู่แถวชานเรือน คอยมองมาที่ห้องบุหงา เจียมรีบผลุบหน้าปิดประตูสนิท
บุหงาแปลกใจแกมโมโห เมื่อเห็นเจียมเปิดประตูเข้ามา
"มีอะไร"
"อ้ายอีบ่าวของคุณนายแก้วมันเฝ้าไว้ไม่ให้กระดิกเลยเจ้าค่ะ เอาไงดีเจ้าคะ"
"ยังไงก็ต้องออกไปให้ได้"
"เจ้าค่ะ"
บุหงามองที่หน้าต่างอีกด้าน เจียมเข้าใจ
เจียมพยายามปีนหน้าต่างออกไป บุหงาจับผ้าห่มไว้ให้เจียมปีนลง ตุ้บ เสียงเจียมตกลงพื้น
บุหงาชะโงกหน้ามอง แล้วรีบดึงผ้าขึ้นมาทันที

เจียมหลบทาสชายที่เดินยามอยู่บ้าง ออกจากใต้หล้า โดยเดินผ่านมาทางเรือนเล็กของพวงแก้ว ที่หน้าต่าง แสนยืนทอดอารมณ์
"นั่นใคร"
เจียมขนลุกวาบทั้งหลัง นึกว่าถูกจับได้ ก่อนรีบหลบผลุบลงไปในกอไม้
"ข้าถามว่าใคร"
ทาสชายคนหนึ่งวิ่งมา แสนมองมาทางทาสชาย
"ท่านเจ้าสัวมีอะไรหรือขอรับ"
"เอ็งรึ...ไม่มีอะไร คอยดูยามให้ดี"
พวงแก้วเดินมาที่หน้าต่าง ดึงแสนเข้าไป
"ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ เข้านอนเถิดเจ้าค่ะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เราก็จะให้แม่บุหงาและนังเจียมพาเราไปพบลูกท่าน ท่านจะได้พบได้ทำบุญให้เขาแล้วนะเจ้าค่ะ"

แสนยิ้มเบาใจ รู้สึกดีที่พวงแก้วเข้าใจ แสนผละจากหน้าต่างไป ใต้หน้าต่าง เจียมโผล่มาในมุมหนึ่ง ได้ยิน ยิ่งต้องรีบหาทางออกไปให้ได้
 
อ่านต่อหน้า 3

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 3 (ต่อ)

แสงจันทร์กระจ่างทั่วบริเวณป่าช้า เงาร่างดำทะมึนกำลังขุดดิน จึ้ก จึ้ก เจียมขุดดินเพื่อหาศพเด็ก

"อีเจียมนะอีเจียม จะโดนผีเด็กหลอกไม๊ว่ะ"
เสียงหมาหอนกรูขึ้นมา ลมพัดวูบ ใบไม้ปลิวว่อน
"โธ่ สาธุๆ ไอ้หนูเอ๊ย ข้าขอล่ะ"
ที่หลุมศพ เจียมปัดดินออก แล้วพลันเจอกะโหลกใหญ่โต เจียมหงายหลังผลึ่ง ตกใจ กลัว มือยันเข้ากับอะไรบางอย่าง เจียมเหวอ ยกมือขึ้นมา ยังไม่ทันรู้ว่ามือยันอะไร แต่ได้กลิ่นที่มือแปลกๆ
เจียมดม แล้วยิ่งขนลุกขนพอง เหลียวไปดูที่ดินอีกที่ที่เมื่อสักครู่เอามือยันไว้
ที่หลุมดิน ศพเด็กโผล่มาเห็นแค่ขาเล็กๆ กำลังเริ่มเน่า เจียมตกใจ แต่รวบรวมความกล้า คุ้ยดินออก
"เด็ก ! ... เด็กผู้ชาย ! ข้าเจอแล้ว"
เจียมขุดจนได้ศพ แล้วชูร่างเด็กขึ้นมากลางแสงจันทร์

ที่ป่าช้า ฮวงซุ้ยขนาดย่อม มีป้ายภาษาจีนเขียนว่าบุตรนายแสน ซินแสเทียนทำพิธีให้ จุดธูปหนึ่งดอกปักในกระถางธูป บุหงาแสดงละครอย่างเก่ง รำพึงรำพันร้องไห้อยู่ที่หน้าหลุมศพ
"หล่อนได้ลูกชายจริงๆเสียด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องเสียลูกชายไป ข้าเห็นใจหล่อนเหลือเกิน"
"ถ้าคุณแก้วเห็นใจจริงๆ บุหงาก็ขอบคุณเจ้าค่ะ"
ซินแสเทียนจัดการพิธี ผ่านเวลา จนประมาณว่าพิธีการเสร็จสิ้นไปแล้ว
"ขอบคุณซินแสเทียนที่เมตตาทำพิธีให้ลูกข้า" แสนบอก
"ข้าเลือกที่และดูทิศทางฮวงจุ้ยให้ถูกตามตำราหน้าน้ำหลังเขา ด้านข้างที่ดินเข้าตำรา “จ้อแชเล้ง อิ๊วแป๊ะโฮ้ว” ดั่งว่าซ้ายมังกรเขียว ขวาพยัคฆ์ขาว เสมือนหนึ่งมีแขนขา จะอำนวยให้คนในตระกูลเจริญรุ่งเรือง"
แสนดูจะเศร้าใจมาก พวงแก้วจะเข้ามาปลอบ บุหงาเบียดตัวกอดแขนแสนเหมือนกัน
"อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะท่านเจ้าสัว บุหงาสัญญาว่าจะมีลูกชายคนใหม่ให้ท่านเจ้าสัวให้ได้เจ้าค่ะ...กลับกันเถอะเจ้าค่ะ"
บุหงาจะพาแสนออกไป ซินแสมอง พวงแก้วแปลกใจ
"เจ้าไม่นำกระถางธูปเชิญวิญญาณของบุตรชายเจ้าไปรึ แม่บุหงา"
"ของบุตรชายข้า...อ๋อค่ะ อีเจียม...เอามาสิ"
บุหงาบุ้ยใบ้ให้เจียมไปรับกระถางธูปมา พวงแก้วยังข้องใจ แต่ไม่ถาม เพราะศพเด็กที่อยู่ในฮวงซุ้ยยืนยันแล้วว่าเป็นเด็กชาย

กลางศาลาใหญ่ เจ้าสัวแสนเลี้ยงรับรองซินแสเทียน ยกน้ำชาให้อย่างขอบคุณ
"ไหนๆท่านซินแสก็มาแล้ว ช่วยดูฤกษ์ยามให้ข้าหน่อยเป็นไร ช่วงนี้กิจการข้าจะขยับขยายดีหรือไม่"
"ยินดีๆ เห็นท่านกระฉับกระเฉงไม่จมในทุกข์ มุ่งมั่นทำการค้า แบบนี้ข้าชื่นชม"
"เศร้าใจก็ส่วนหนึ่ง แต่ชีวิตต้องดำเนินไปข้างหน้า ข้ามีเมียและลูกต้องเลี้ยงดู ยังทาสไพร่บริวารที่ต้องดูแลพวกมันให้ถ้วนหน้า"
"คุณธรรมข้อนี้จำให้มั่นนะท่านเจ้าสัว ท่านเป็นผู้มีใจกว้างขวาง มักอุปการะคนแต่จงเที่ยงธรรม อย่าได้หลงมัวเมาในกิเลส มิเช่นนั้นจะนำพาความล่มจมได้"
ซินแสเริ่มคำนวณฤกษ์ชะตา สีหน้าพลอยแปลกใจแกมยิ้มย่อง
"ว่าอย่างไร ซินแส"
"เอ น่าแปลกๆ ชะตาว่าสัตว์สองเท้ามิได้ตายจาก หากเป็นการจำพรากเพื่อใช้เวรกรรม"
บุหงานั่งอยู่ทางหนึ่ง อดเสียวไม่ได้ มองเจียม
"หมายความว่าอย่างไรรึเจ้าคะ" พวงแก้วถาม
"ข้าทำนายได้ว่า บริวารคนใดคนหนึ่งของเจ้าสัวจะพลัดพรากไปจากเรือน แต่มินานจะได้กลับคืนมา"
แสนยิ้มขื่น
"ลูกข้ากระมัง มิได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันอีกแล้ว แต่จะได้กลับคืนมารึ"
แสนงงงัน ขบคิดเรื่องนี้ยังไม่แตก พวงแก้วก็พิศวงเช่นกัน บุหงารีบแก้เกี้ยวไปอีกทาง
"บริวาร...อาจจะหมายถึงพวกทาสกระมังคะ มีนังทาสหนีไป บุหงาเห็นนังฉวีไปเจอผู้ชายแล้วหายไปสองสามวันแล้ว"
"อืม..อาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะลูกข้าจากไปแล้วนี่นะ"
"เมฆหมอกผ่านพ้น ชะตาดุจดังฟ้าหลังฝน ช่วงนี้ท่านเจ้าสัวจะมีบุญใหญ่ ได้ทั้งลูกชายลูกสาว กิจการก็จะรุ่งเรืองดี เป็นเวลาเหมาะแก่การขยับขยาย"
"บุหงาบอกแล้วไงเจ้าคะ บุหงาจะมีทายาทชายสืบสกุลให้ท่านเจ้าสัว"
"หล่อนเพิ่งคลอดไม่กี่เพลา เมื่อครู่ให้ซินแสตรวจแมะ ท่านว่าให้หล่อนพักกาย และพักใจเพื่อปฏิบัติธรรมเป็นกุศลทานให้ลูกหล่อนมิใช่รึ"
พวงแก้วปรามนิ่มๆ บุหงาแอบเหวี่ยงด้วยหางตา
"ข้าจะมีลูกชายอีกใช่หรือไม่ท่านซินแส" เจ้าสัวถาม
แสนตื่นเต้น ซินแสมองยิ้มๆ
"ท่านเจ้าสัวยังแข็งแรงหนุ่มฉกรรจ์ แม่นายแก้วก็เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลสมบูรณ์พร้อม ไหนเลยท่านจะมีลูกอีกไม่ได้เล่า ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ"
แสนมองพวงแก้วที่ทำทีเขินอาย บุหงาฟังอย่างหมั่นไส้

แสนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ถอนหายใจกับเรื่องหนักๆที่ผ่านเข้ามา
"ไฉนท่านเจ้าสัวยังทอดถอนใจอยู่ละเจ้าคะ" พวงแก้วถาม
แสนหันไปมอง พวงแก้วสะสวย ผิวพรรณผุดผ่อง กิริยาแช่มช้อยเดินเข้ามา จับตาเจ้าสัวแสนยิ่งนัก
"ได้ยินเสียงหล่อนเหมือนน้ำเย็นปลอบใจข้า"
พวงแก้วนั่งลงข้างๆ ลูบมือแสนอย่างปลอบโยน แสนวาบไหวหัวใจยิ่งขึ้น
"ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ อิฉันอยู่กินกับท่านมาหลายปี ท่านเจ้าสัวบำรุงใส่ใจความสุขแก่อิฉันและลูก เมื่อท่านเจ้าสัวทุกข์ ใยอิฉันจะไม่ทุกข์ไปด้วยเล่า"
"ขอบใจแม่แก้ว หล่อนช่างเป็นเมียที่เข้าใจข้า เรื่องที่ข้าพาบุหงาเข้ามาอาจจะทำให้หล่อนน้อยใจอยู่บ้าง"
แก้วมีรอยยิ้มฉาบหน้า ทว่าในใจนางคือใช่สิยะ พวงแก้วจับมือเจ้าสัวให้มั่นใจ
"หากท่านเจ้าสัวพึงใจสิ่งใด อิฉันก็เต็มใจเจ้าค่ะ เพราะหน้าที่เมีย สมควรส่งเสริมให้ผัวได้ดีและมีความสุขมิใช่หรือเจ้าคะ"
แก้วจับมือเจ้าสัวแนบหัวใจตนเอง แสนเคลิ้ม
"อิฉันจะทำให้เจ้าสัวมีความสุขที่สุด"

แสนค่อยๆดึงตัวพวงแก้วเข้ามาหา แนบหน้าลงกับกลุ่มเรือนผม แก้วยิ้มพึงใจ แสงตะเกียงในห้องดับไป พร้อมเสียงลมหายใจประสานกัน

เวลาต่อเนื่องมา บุหงานอนอยู่ในห้องที่มีหม้อยา อยู่ไฟหลังคลอด สีหน้าบุหงาเก็บความอัดอั้น ริษยา เหงื่อไหลพลั่ก ไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกอย่าง

"โอ๊ย อีเจียมข้าร้อน เอ็งจะต้มข้าหรือไง"
เจียมพัดไฟสุมหม้อต้มยาให้เดือด ไอน้ำคลุ้งทั้งห้อง
"คุณบุหงาเจ้าขา ไอร้อนยิ่งขับน้ำคาวปลา คุณบุหงาจะได้กลับมาสาวสะพรั่งดั่งเดิมได้เร็ววันอย่างไรเจ้าคะ"

"ข้าต้องสาว ข้ายังสวย ข้าจะไม่ยอมให้นังแก้วมันเอาท่านเจ้าสัวไปกกทุกวันอย่างนี้แน่"
บุหงาคลายความขึ้งเครียดกับเจียม แต่ยังคงสีหน้าเจ็บแค้น มุ่งมั่น นางยังคงอยากเป็นใหญ่กว่าพวงแก้วในใต้หล้า

ผ่านเวลาไป 2 เดือน เจ้าสัวและแก้วนั่งอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่ศาลาท่าน้ำ
"ร้อนๆเยี่ยงนี้ อิฉันทำข้าวแช่ให้ท่านเจ้าสัวรับทานเจ้าค่ะ เคียงกะปิทอด พริกหยวกยัดไส้ ผักกาดเค็มแลเนื้อเค็มฝอยผัดหวาน"
พวงแก้วส่งชามข้าวแช่ส่งให้ แสนรับประทานชื่นลิ้นและชื่นใจ
"ข้าวแช่รสมือแม่แก้วช่างเย็นใจข้านัก"
"ข้าวแช่ หรือแช่ร่างในน้ำ สิ่งใดจะดับร้อนได้ดีกว่ากันฤาเจ้าคะ ท่านเจ้าสัว"
แสนตะลึงกับบุหงาที่นุ่งน้อยห่มน้อยเดินเข้ามา พวงแก้วหน้าตึงขึ้นมาทันที นางทำทีมาเดินเฉียด แล้วเยื้องกรายไปที่ท่าน้ำ
"อาบด้วยกันไหมเจ้าคะ ท่านเจ้าสัว"
บุหงาปลดผ้าคลุมออก ยั่วเต็มที่โดยไม่แคร์สายตาพวงแก้ว
"กลางวันแสกๆ ช่างไม่อายผีสางเทวดา"
พวงแก้วหน้าม้าน ไม่อยากจะเห็น แล้วยิ่งเห็นเจ้าสัวมองบุหงาไม่วางตา ยิ่งหึงจนแทบทนไม่ได้
เธอลุกขึ้นด้วยความรังเกียจ เอื้อยดึงไว้ กระซิบ
"อดทนไว้เจ้าค่ะ หากนายท่านลุกไป นังบุหงามันจะได้จังหวะยั่วท่านเจ้าสัว"
"ดูมันนะนังเอื้อย ต่อหน้าข้ามันยังกล้า"
บุหงาเคลื่อนกายลงนั่งที่บันไดท่าน้ำ วักน้ำลูบเนื้อลูบตัว ลูบขาจนผ้านุ่งร่นขึ้นมาสูงขึ้นๆ
"อุ๊ย" บุหงาทำทีลูบหลังไม่ถึง "ทำเยี่ยงไรดีเจ้าคะ ท่านเจ้าสัว"
แสนจะลุกมา เสียงพวงแก้วตัดบท
"นังเจียม ถูหลังให้นายเอ็งหน่อยสิ สันหลังคงยาว มือสาวไม่ถึง"
บุหงาค้อนขวับ แสนกระแอมปรามพวงแก้ว
"แม่แก้ว พูดอะไรเยี่ยงนั้น"
"อิฉันเพียงชี้แนะ กระทำกิริยาใดอายบ่าวไพร่บ้างเถิดเจ้าค่ะ ดูโน่น พวกมันแห่มาดูกันให้ครึ่ด"
แสนกวาดตามอง บ่าวไพร่ผู้ชายที่ทำงานอยู่รายรอบดูต่างแอบดูบุหงาอาบน้ำ
"เฮ้ย พวกมึง ดูเมียกู กูจะเฆี่ยนให้สิ้น"
แก้วหัวเราะหึๆ บุหงาเพิ่งรู้ตัว อายไพร่อยู่บ้างแต่ก็พยายามแข็งหน้าไว้ แสนหันมา เจออ่ำที่รับใช้อยู่ใกล้ชิด อ่ำยังแอบมองบุหงา
"ไอ้อ่ำ มึง !"
แสนถีบอ่ำหงายหลังไป พวงแก้วได้ที
"แม่บุหงาอาจจะเมตตาบ่าวไพร่นะเจ้าคะ จึงมาอวดของดีให้ได้ยล"
แสนเคืองพวงแก้ว หันไปดุบุหงา
"แม่บุหงา หล่อนจงเร่งขึ้นเรือนเสียแต่เดี๋ยวนี้ เห็นทีข้าคงต้องอบรมหล่อนให้หนัก"
แสนตวาดเสียงเข้ม พวงแก้วยิ้มกริ่มคิดว่า แสนจะต้องลงโทษบุหงาจริงๆ

แสนนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บุหงาเปลือยไหล่ นัยน์ตาเป็นประกาย
"ท่านเจ้าสัวจะลงโทษบุหงาได้ลงคอหรือเจ้าคะ"
บุหงาสะบัดผ้าพันกายท่อนบนออก โยนเย้ามาทางแสน ยิ้มยั่วยวน แล้วเคลื่อนกายมาหาเจ้าสัว

พวงแก้วเจ็บใจ กำมือแน่น
"นังหยำฉ่า นังมารยา มันยั่วท่านเจ้าสัวต่อหน้าข้า"
"ใจเย็นเจ้าค่ะ ทีนี้มันได้ ทีหน้าต้องเป็นของนายท่านแน่"
พวงแก้วโกรธจนตัวสั่น แล้วพาลเป็นลมไป
"นายท่าน !"

แสนและบุหงานอนก่ายกันอยู่บนเตียง
"ท่านเจ้าสัวมีความสุขหรือเปล่าเจ้าคะ"
"เจ้าถามข้าเยี่ยงนั้นได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าก็รู้แก่ใจดี"
แสนกอดบุหงากระชับขึ้น บุหงายิ้มกริ่ม
"ท่านเจ้าสัวเมตตาบุหงาเหลือเกิน"
"สองเดือนแล้วที่ลูกของข้ากับเจ้าจากไป เจ้าคงคลายเศร้าแล้วกระมัง"
"บุหงาจะคลายเศร้ากว่านี้หากท่านเจ้าสัวแวะเวียนมา บุหงาอยากปรนนิบัติท่านให้เต็มเปี่ยมเจ้าค่ะ...ค่ำนี้ อยู่กับบุหงานะเจ้าคะ"
แสนกำลังจะตอบ พลันเสียงบ่าวไพร่ด้านนอกวิ่งกันอลหม่าน อื้ออึง
"ท่านเจ้าสัวขอรับ ท่านเจ้าสัว... นายท่าน...เอ้อ นายท่าน เป็นลมขอรับ"
แสนลุกขึ้นพรึ่บ
"แม่แก้ว"

แสนรีบแต่งตัวออกไปข้างนอก บุหงาหน้าบึ้งทันที
 
อ่านต่อหน้า 4

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 3 (ต่อ)

แสนกังวล มองซินแสเทียนจับแมะให้แก้ว สักพักซินแสเทียนยิ้มกว้างออกมา

"เมียข้าป่วย เหตุใดท่านจึงยิ้มเช่นนั้นซินแสเทียน"
พวงแก้วโผเผยันตัวลุกขึ้น แล้วมีอาการอาเจียน
"แม่แก้ว อาเจียน ! "
แสนนึกรู้
"ยินดีด้วยนะท่านเจ้าสัว ท่านจะมีทายาทแล้ว
"โอ้ว แม่แก้วของข้า หล่อนท้อง"
"ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ อิฉันจะมีลูกชายให้ท่านเจ้าค่ะ"
แสนประคองแก้วแนบอก ดีใจมาก
"ลูกข้าคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย"
อีกมุมหน้าห้อง บุหงาแค้น มองอยู่เจ็บใจ
"ไม่มีทาง"

ผ่านเวลา เจียมก้มๆเงยๆอยู่ที่บันได บุหงายืนอยู่มุมหนึ่งไม่ห่างนัก คอยดูซ้ายขวา
"เรียบร้อยหรือยังอีเจียม"
"เจ้าค่ะ"
"งั้นก็รีบไป"
บุหงาและเจียมหลบไปอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ไกลนัก คอยมองมาที่บันได ในมือเจียมที่ไพล่อยู่ด้านหลังนั้น ถือเลื่อย
ที่บันได เท้าข้างหนึ่งกำลังจะก้าวลงมา
"กำลังท้องกำลังไส้ เดินระวังนะเจ้าคะนายท่าน" เอื้อยว่า
บุหงายิ้มร้าย มองที่บันได รอจังหวะ
พวงแก้วจะเดินก้าวลง แต่เอื้อยดึงนายหญิงไว้ แล้วก้าวลงแทน
"บ่าวลงก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้รับนายท่าน"
เอื้อยก้าวลงขั้นบันได บันได ผลัวะ หัก เอื้อยพลัดตกบันได
พวงแก้วตกใจมาก
"นังเอื้อย"
"ปัดโธ่" บุหงาผิดคาด
พวงแก้วได้ยินเสียงบุหงาก็กวาดตามอง เห็นนางกับบ่าวอยู่ทางหนึ่ง บุหงารีบร้องทันที
"ว้าย ตายแล้ว ใครก็ได้มาช่วยนังเอื้อยทีเร้ว นังเอื้อยตกบันได"
พวงแก้วรู้สึกตะหงิดๆ แต่ไม่ทันได้สาวความ รีบหาทางไปเพื่อช่วยเอื้อย

แสนประคับประคองเป็นห่วงพวงแก้ว
"ถ้าไม่ใช่นังเอื้อย คนที่รับเคราะห์อาจเป็นอิฉัน และลูกของท่านเจ้าสัวก็ได้นะเจ้าคะ"
เธอเสียงเศร้า
"หล่อนและลูกปลอดภัย ข้าก็เบาใจ...แต่บันไดเรือน จู่ๆจะมาหักได้เช่นไร ข้าแปลกใจนัก"
"บันไดเก่า ตากแดดตากฝนก็ย่อมผุพังไปบ้างนะเจ้าคะ แต่โชคดีที่คุณพี่แก้วไม่เป็นอะไร" บุหงาบอก
"ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุเยี่ยงนี้อีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมให้แม่แก้วอยู่ไกลตา ข้าจะดูแลแม่แก้วใกล้ชิดกว่าเดิม"
บุหงาทำหน้าหมั่นไส้ขึ้นมาทันที พวงแก้วหันมาเห็นพอดี
"หล่อนทำหน้าเยี่ยงนั้น ยินดีกับข้ารึ แม่บุหงา"
"เจ้าค่ะ"
บุหงากระแทกกระทั้นคำ ลุกขึ้นปั้นปึ่ง แต่แล้วโงนเงน
"คุณบุหงาเจ้าคะ"
บุหงาทำหน้าผะอืดผะอม แล้วก็วิ่งไปที่ระเบียงชานเรือน อาเจียน
"บุหงา !"
พวงแก้ว รู้ว่าบุหงาท้องแน่ๆ เริ่มไม่พอใจ บุหงาอาเจียนแล้วหันมาทางเจ้าสัว ยิ้ม มือจับท้อง สีหน้าเจ้าสัวแสน ยิ้มร่า
"ไอ้อ่ำ ไปตามซินแสเทียนกลับมาอีกทีสิ"
แสนดีใจยิ่งนัก

ผ่านเวลา 4 เดือน เจ้าสัวแสนยิ้มให้พวงแก้วทางขวา ยิ้มให้บุหงาทางซ้าย
"ข้าไปดูร้านก่อนนะแม่แก้ว แม่บุหงา"
แสนยื่นมือลูบท้องพวงแก้ว ซึ่งบัดนี้ท้องใหญ่ขึ้นแล้ว
"พ่อไปก่อนนะลูก"
แสนยื่นมือไปลูบท้องบุหงา ซึ่งอายุครรภ์พอๆกัน
"แข็งแรงนะลูกนะ"
แสนเดินออกไป ลับหลัง พวงแก้วและบุหงาต่างมองกันอย่างหยามเหยียด

ผ่านเวลา - - เกวียนบรรทุกกระสอบข้าวสารและเมล็ดพืชต่างๆนานาแล่นมาจอดหน้าร้านแสน , แสนคุมคนงานให้เอาของลง แสนจ่ายเงินให้กับคนที่เอาของมาส่ง
อีกวัน ชาวบ้านมาซื้อของที่ร้านเจ้าสัว แสนคุมคนงานให้แบกกระสอบขึ้นรถลาก ชาวบ้านจ่ายเงินให้
อีกวัน แสนรับเงินจากชาวบ้านที่มาซื้อของ นับเงิน เงยหน้าขึ้นอย่างพอใจ เจ้าสัวมองไปทางห้องแถวที่ติดกันซึ่งปิดประตูทึบไว้
อ่ำแบกกระสอบส่งให้รถลากเสร็จแล้วเดินกลับมาส่งเงินให้แสน เหนื่อยโทรม ปาดเหงื่อ แต่ยิ้ม
"ข้าวหมดโกดังที่นี่แล้วขอรับ คงต้องไปรับจากโกดังที่พระนครศรีอยุธยามาเพิ่ม"
"ขอบใจไอ้อ่ำ วันนี้พอแค่นี้ ค้าขายดี พวกเอ็งเหนื่อยหนัก ปิดร้านกลับใต้หล้าได้"
อ่ำยิ้มร่า ประตูถูกรวบปิด คล้องกุญแจ

ผ่านเวลา ประตูไม้ถูกเปิดกว้างออก บริเวณที่ร้านติดกัน เริ่มมีการก่อสร้างเหมือนกับกำลังจะขยายห้องแถวให้กว้างขึ้น
"จากที่ท่านให้ฤกษ์ยามเมื่อข้างขึ้นคราวก่อนนั้น บัดนี้ร้านข้าได้ฤกษ์ต่อเติมจวนแล้วเสร็จ"
ซินแสเทียนกางแผ่นกระจกดูฮวงจุ้ย ชี้จุดนั้นจุดนี้ แสนสั่งลูกน้องให้ทำตามอีกที
"ทิศทางประตูนี้ดี ให้ชี่ไหลเวียน เป็นกำลังส่งเสริมทรัพย์ศฤงคาร"
"ตั้งแต่ข้ามีลูกสองคนนี้ กิจการก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ"
"ท่านเจ้าสัวจะได้ลูกชายเป็นแน่แท้"
เสียงอ่ำตะโกนดังลั่นเข้ามา
"ท่านเจ้าสัวขอรับ ท่านเจ้าสัว"
แสนหันไปมองทางอ่ำ แต่ซินแสมองฟ้า โบกพัดในมือ เห็นว่าฟ้าใสกระจ่าง
"ฟ้ากระจ่าง แดดแรงกล้า เป็นวันธงชัย อั๊วยินดีด้วยท่านเจ้าสัว"
แสนงง อ่ำวิ่งมาถึงพอดี

"นายท่านกับคุณบุหงา ได้เวลาแล้วขอรับ"

เวลาต่อมา แสนอยู่กลางเรือน เดินกลับไปกลับมาระหว่างห้องทางซ้ายและขวา ซินแสเทียนนั่งโบกพัดอยู่ที่ศาลา คำนวณฤกษ์ยาม

"แม่แก้ว หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง"
เอื้อยออกมา หน้าตาเลิกลั่ก
"แม่แก้วล่ะ ลูกข้าล่ะ"
"ยังเจ้าค่ะ หมอตำแยให้หาน้ำร้อนเจ้าค่ะ"
อีกห้อง เจียมเปิดประตูออกมา
"นังเจียม แม่บุหงาออกลูกแล้วรึ"
"ยังเจ้าค่ะ บ่าวปวดเบา"
"ข้าไม่ให้ไป เอ็งต้องเฝ้าเมียข้า"
"ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ"
ผ่านเวลา เอื้อยประคองกาน้ำร้อนกลับเข้าห้อง เจียมวิ่งกลับเข้าห้อง แสนกระวนกระวายกว่าเดิม
"ผ่านไปแล้วหลายชั่วน้ำเต็มกะลา ใยลูกข้ายังไม่ออกมาให้ข้าชื่นใจ"
"ชะตาฟ้า ลื้อไม่อาจลิขิตได้เอง เมื่อถึงเวลา ลื้อจะได้พบบุตร ผู้เป็นมงคลแก่เรือนเป็นแน่"
แสนหน้าบานขึ้น มีกำลังใจในการรอ
"ข้าต้องได้ลูกชาย ลูกชาย"

พวงแก้วสีหน้าเจ็บปวด มือจับเชือกไว้แน่น หมอตำแยเป่าปาก
"โอ๊ย ข้าไม่ไหวแล้ว"
"เบ่งเจ้าค่ะ เบ่ง ฮึบ"
แก้วเบ่ง เหงื่อเต็มหน้า

ทางด้านบุหงามีสีหน้าเจ็บปวดเหมือนกัน
"หากไม่ใช่ลูกชายล่ะเจ้าคะ" เจียมว่า
บุหงาสบตากันเจียม บ่าวเจียมรู้ว่าหากไม่ได้ลูกชายต้องทำอย่างไร สีหน้าบุหงาโหดเหี้ยม เจียมพยักหน้า
"ข้าต้องได้ลูกชาย ข้าไม่มีลูกสาว"
"เจ้าค่ะ"
บุหงาเจ็บท้อง ปวด กรีดร้องออกมา
"อ๊าก"
เสียงเด็กร้อง อุแว๊ !!

แสนสะดุ้ง ได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากทางห้องบุหงา
"ลูกข้า... แม่บุหงา"
แสนมองและเดินไปทางห้องบุหงา

หมอตำแยดึงตัวเด็กออกมา บุหงาทั้งที่เจ็บปวดแต่ก็ตั้งตารอ
"ข้าได้ลูกชาย ลูกชายใช่ไหม นังเจียมดูให้ข้าทีสิ"
เจียมเสียงสั่น
"คุณบุหงาเจ้าคะ"
เจียมเสียงสั่น บุหงาลุ้นตัวโก่ง แต่ยิ่งมองหน้าเจียมก็หวาดหวั่นใจ จนเสียงของหมอตำแยดังเข้ามา
" ท่านได้ลูกสาวเจ้าคะ" แล้วหมอตำแยหันไปบอกเจียม "ข้าออกไปเอาน้ำร้อนก่อนนะนังเจียม"
หมอตำแยออกไป บุหงาส่ายหน้า
"ไม่ ไม่นะ กูต้องไม่ได้ลูกสาว ไม่จริง เอามันไปทิ้ง นังเจียมเอามันไปทิ้ง"
"จะเอาไปทิ้งเหมือนคราวก่อนได้ยังไงเจ้าคะ ท่านเจ้าสัวอยู่ด้านนอกนะเจ้าคะ"
บุหงาคิดแล้วตัดสินใจ
"ก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะเข้ามา นังเด็กนี่จะต้องตายก่อน นังเจียมเอามันมา"
เจียมมองเด็กแล้วค่อยๆส่งให้ บุหงาได้ลูก จับที่คอ จะบีบ
"ไม่ ข้าต้องได้ลูกชาย ข้าต้องได้ลูกชาย"
บุหงากำลังบีบคอเด็กน้อย
ผลัวะ ! ประตูห้องเปิดออก เจ้าสัวแสนก้าวเข้ามาช้าๆ นิ่งๆ เหมือนรู้ความจากหมอตำแยเมื่อครู่ แต่ยังไม่อยากเชื่อ
"แม่บุหงา เจ้าได้ลูกชายใช่ไหม ไม่ใช่ลูกสาวอย่างที่ข้าได้ยินมา ใช่หรือไม่ บอกข้ามาสิ"
บุหงาชะงักมือ คลายมือออกจากคอเด็ก
"ลูก...ลูก" บุหงาเสียงสั่นเครือ
แสนเข้ามาใกล้ ค่อยๆมองลูก แล้วอึ้ง ยิ้มบาง
"ลูกสาว ลูกสาวจริงๆ"
ทันใดนั้น เสียงเด็กร้องจ้ามาจากอีกห้องหนึ่ง
"นายท่าน ! ลูกชายเจ้าค่า"
เสียงเอื้อยดังลั่น แสนได้ยินตาโตหน้าเริ่มบาน ยิ้มร่า
"ลูกชาย ! แม่แก้ว"
แสนรีบสลัดออกจากห้องบุหงาไป
บุหงาเจ็บใจ ร้องไห้โฮ เด็กน้อยแผดเสียงพร้อมแม่เสียงดังลั่น !!
"ไม่ !"

พวงแก้วประคองลูกแนบอก สีหน้าปลาบปลื้มตื้นตันใจสมหวังที่สุด แสนเข้ามา แก้วเงยหน้าขึ้นยิ้ม
"ลูกชายเจ้าค่ะ อิฉันมีลูกผู้ชายอีกคนให้ท่านเจ้าสัว"
"แม่แก้วของข้า"
เจ้าสัวแสนบรรจงจูบหน้าผากพวงแก้ว
"ลูกชายข้า"
เอื้อยอุ้มเด็กกล้าเข้ามาหาพวงแก้วและแสน เจ้าสัวแล้วอุ้มลูกชายในห่อผ้าขึ้นชมชู ทุกคนมีความสุข

ซินแสเทียนมองดูเด็กชาย ลูบคิ้ว ลูบคาง เด็กน้อยไม่ร้องเลย
"เจ้าหนูคนนี้ เกิดมาในชะตามงคลวาร ฤกษ์ยามธงชัย จะนำมาซึ่งความเจริญงอกงามแก่วงศ์ตระกูล เป็นอภิชาตบุตรของท่านแน่แล้ว ท่านเจ้าสัว"
เจ้าสัวแสนอุ้มลูกชายแนบอก ยิ้มกว้าง ปลาบปลื้ม
"ข้าจะให้ชื่อลูกว่า หาญ เป็นคนหาญ นำความมงคลมาสู่บิดามารดาและข้าทาสบริวาร นำความรุ่งเรืองมาสู่ใต้หล้าแห่งนี้"

แสนอุ้มลูกยืนอยู่กลางใต้หล้า บ่าวไพร่บริวารที่รายล้อมอยู่ตื่นเต้นตื้นตันไปด้วย
 
อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น