เข้าสู่เดือนเมษายนอย่างเต็มตัว และในเดือนเมษายนนี้เองเป็นเดือนที่ขึ้นชื่อว่าอากาศร้อนสุดๆ ซึ่งในช่วงหน้าร้อนแบบนี้การหาเมนูอร่อยๆ มากินคลายร้อนก็คงจะดีไม่น้อย
ซึ่งเมนูคลายร้อนที่คุ้นเคยกันดีในช่วงหน้าร้อน ตั้งแต่ในสมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบันก็คือ “ข้าวแช่” สำหรับเมนูนี้ถ้าพูดกับคนในสมัยก่อนเป็นต้องร้องอ๋อกันแน่ เนื่องจากเมนูข้าวแช่เป็นเมนูอาหารว่างในหน้าร้อนที่คนไทยในสมัยก่อนนิยมกินเป็นอาหารว่างในช่วงหน้าร้อน ทำให้ข้าวแช่เป็นเมนูอร่อย ที่ช่วยคลายร้อนได้ดีทีเดียว
สำหรับเมนูข้าวแช่นั้นไม่ใช่อาหารตำรับไทยแท้ แต่เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญที่นิยมทำขึ้นเพื่อสังเวยเทวดาในพิธีตรุษสงกรานต์ ซึ่งตามประเพณีของคนมอญโบราณกล่าวไว้ว่า ในวันสงกรานต์จะต้องทำข้าวแช่ถวายพระสงฆ์ จะถือเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ถวาย ซึ่งคนมอญเรียกว่า “เปิงด้าจก์” แปลว่า “ข้าวน้ำ” (เปิง หมายถึงข้าว และ ด้าจก์ หมายถึงน้ำ) และด้วยเหตุที่คนมอญกับคนไทย มีการติดต่อแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ข้าวแช่ได้เข้ามาสู่สำรับอาหารไทยได้อย่างกลมกลืน
สำหรับการเลื่อนชั้นเข้าวังของข้าวแช่มอญ มาจากการที่สตรีมอญที่เข้ารับราชการฝ่ายใน (เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน) และปรุงข้าวแช่ขึ้นถวายเป็นอาหารเสวย จึงกลายมาเป็น “ข้าวแช่ชาววัง”
“ข้าวแช่ชาววัง” เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันของเครื่องเคียงเป็นอย่างมาก โดยในชุดของข้าวแช่จะมีเครื่องเคียงอยู่หลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ลูกกะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ ปลายี่สนผัดหวาน เนื้อเค็ม ฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน หมูสับกับปลากุเลา และผักแกะสลักต่างๆ ซึ่งหัวใจสำคัญของเครื่องเคียงข้าวแช่ชาววังก็คือ ลูกกะปิทอด ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าข้าวแช่ของใครมีฝีมือก็ต้องพิจารณากันที่ลูกกะปิทอดด้วย
นอกจากข้าวแช่ชาววังแล้ว ก็ยังมีข้าวแช่ตำรับเมืองเพชร (เพชรบุรี) ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากชาววังเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมายังพระนครคีรี (เขาวัง) และได้แพร่หลายไปสู่สามัญชนชาวเพชรบุรีอีกด้วย
ซึ่งข้าวแช่ตำรับเมืองเพชรนั้นจะนิยมใส่ดอกกระดังงาในน้ำอบข้าวแช่ ต่างจากที่อื่นที่อาจจะมีเพียงดอกมะลิกับกลีบกุหลาบเท่านั้น และกับข้าวที่กินเคียงกับข้าวแช่เมืองเพชรจะต้องมีรสหวานนำเค็มตาม ซึ่งจะมีเพียงสามอย่างเท่านั้น คือ ลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน
และกรรมวิธีการกินข้าวแช่นั้น ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยจะเริ่มจากการนำข้าวสวยตักใส่ชาม ใส่น้ำลอยดอกไม้อบควันเทียนลงไป (บางคนอาจจะใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปเพื่อความเย็นชื่นใจ) จากนั้นตักเครื่องเคียงที่เป็นของคาวต่างๆ เข้าปากตามด้วยข้าวแช่ แล้วเคี้ยวรวมกัน จะได้รสความหอมของข้าวแช่และกับข้าวแบบเต็มๆ
และในกรุงเทพฯ ก็มีร้านข้าวแช่เจ้าอร่อยๆ อยู่มากมายหลายร้าน หากใครที่อยากจะไปลองลิ้มชิมรสข้าวแช่อร่อยๆ เราก้มีร้านเด่นๆ ทั้งร้านราคาย่อมเยาริมถนน และร้านหรูหราระดับโรงแรมมาแนะนำด้วยกัน 2 ที่ ดังนี้
“ข้าวแช่แม่ศิริ” ตั้งอยู่ในละแวกบางลำพู เป็นร้านเก่าแก่ที่ขายมาตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 เลยทีเดียว ข้าวแช่ของร้านนี้เป็นข้าวแช่สูตรคนมอญแท้ๆ ที่มีความพิถีพิถันในการทำทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่กระบวนการทำข้าวแช่ที่ต้องเลือกข้าวเสาไห้มาขัดล้างให้ยางข้าวออกจนได้เมล็ดข้าวที่ขาวสวย จากนั้นจึงนำมานึ่งให้สุก แล้วนำออกมาผึ่งไว้จนแห้งและเย็นตัวลง ส่วนน้ำที่ใช้กับข้าวแช่ก็ใช้น้ำกรองสะอาด นำไปอบควันเทียนพร้อมลอยดอกมะลิที่ปลูกเองแบบไร้สาร อบน้ำไว้ข้ามคืนก็นำมาใช้ได้ เวลาเสิร์ฟก็ตักข้าวใส่ถ้วย ใส่น้ำลายดอกมะลิ และใส่น้ำแข็งลงไปเพิ่มความเย็นชุ่มฉ่ำ กินคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ โทร.08-1448-9924 (คลิกอ่านเรื่อง “ข้าวแช่แม่ศิริ” ข้าวแช่ตำรับมอญ คลายร้อนชื่นใจ)
ข้าวแช่ชาววัง ที่ “ฝั่งน้ำ คอฟฟี่เฮ้าส์” ตั้งอยู่ในโรงแรมรอยัลริเวอร์ สำหรับข้าวแช่ชาววังของที่นี่เป็นข้าวแช่สูตรต้นตำรับของโรงแรมรอยัลริเวอร์ ซึ่งเป็นสูตรมาจากชาววังขนานแท้ ที่นำเสนอความอร่อยสดชื่นของข้าวแช่มาให้นักกินทั้งหลายได้ลิ้มลองความอร่อยมายาวนานกว่า 25 ปีแล้ว ซึ่งข้าวแช่ของที่นี่จะคัดเลือกข้าวเก่านำมาหุงให้พอสุก แล้วก็นำข้าวมาขัดให้เป็นเม็ดสวยแล้วหุงต่อให้สุกอีกที จากนั้นจึงนำมาอบกับใบเตย และควันเทียนอบนานข้ามคืนเพื่อให้ได้กลิ่นที่หอมหวล เวลากินก็นำข้าวใส่น้ำที่อบควันเทียนไว้แล้ว และใส่น้ำแข็งป่นลงไป กินแล้วจะสัมผัสได้ถึงความหอมของกลิ่นอบควันเทียนและใบเตยอ่อนๆ ข้าวเป็นเม็ดเคี้ยวนุ่มไม่แข็งมาก กินคู่กับเครื่องเคียงหลากหลาย อร่อยหอมเย็นชื่นใจ โทร. 0-2422-9222 ต่อ 1310
เรียกได้ว่า “ข้าวแช่” ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเมนูอาหารว่างที่อาจจะดูโบราณไปสักหน่อยสำหรับคนรุ่นใหม่ แต่รับรองได้ว่าหากใครได้ลองลิ้มชิมรสข้าวแช่ จากร้านอร่อยๆ ล่ะก็ อาจจะติดใจกับเมนูอาหารโบราณคลายร้อนเมนูนี้ก็เป็นได้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com