xs
xsm
sm
md
lg

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทรายสีเพลิง ตอนที่ 9

ฌานออกจากห้องนอนเข้ามากอดศรุตาจากด้านหลังอย่างมีความสุข แล้วก้มจูบเธอ

“จูบฉันแบบนี้ เดี๋ยวฉันก็ติดหวัดจากคุณหรอก”
ฌานประคองหน้าศรุตาให้หันมาสบตา พร้อมกับใช้มือไล้ริมฝีปากและแก้มเหมือนถ่ายทอดความรัก ไปให้
“คุณไม่สบาย ผมจะอยู่เฝ้าดูแลคุณทั้งวันทั้งคืนเอง ไม่ใช่แค่เวลาที่คุณป่วยนะ แม้แต่เวลาที่คุณมี ความทุกข์ เสียใจหรือเวลาที่คุณมีความสุข ผมก็อยากเฝ้าดูแลทุกเวลา ผมอยากอยู่กับคุณไปทั้งชีวิตจริงๆนะทราย”
ฌานกอดศรุตาแน่น หญิงสาวทำหน้านิ่ง ไม่รู้สึกดีใจหรือตื่นเต้นที่ฌานพูดแบบนี้ “ฉันก็อยู่กับคุณตรงนี้แล้วไงคะ”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายถึงแบบนี้”
ศรุตาเอามือแตะที่หน้าผากฌาน “ไม่มีไข้แล้ว อย่างนี้ไม่ต้องไปหาหมอ”
ฌานมองอย่างรู้ทันว่าเธอจงใจเปลี่ยนเรื่อง
“เอาเถอะ ผมยังไม่บีบเอาคำตอบจากคุณตอนนี้หรอก แต่คุณรับปากอะไรผมอย่างนึงได้ไหม ?”
“อะไรคะ ?”
“อีก 4 วันเป็นวันเกิดผม”
ศรุตาเดินไปมองหน้าต่างด้วยสีหน้าครุ่นคิด “วันเกิดคุณก่อนวันแต่งงานน้องฉัน 2 วัน”
ฌานได้ยินะงัก แต่พยายามลืมความคิดนั้นไป “ปีนี้แม่จะมาฉลองกับผมด้วย”
“จริงเหรอ ? ดีใจกับคุณด้วยนะฌาน ปีนี้คงเป็นวันเกิดที่คุณมีความสุขที่สุดแน่เลย”
ฌานยิ้ม “ใช่ ถ้าวันเกิดปีนี้ของผมจะมีผู้หญิงที่ผมรักที่สุดทั้งสองคน คือแม่กับคุณ”
พลางเดินมากอดศรุตา “วันมะรืนผมจะไปภูเก็ต คุณไปกับผมนะทราย”
“ภูเก็ตเหรอ ?”

ศกมองเสาวณีย์อย่างไม่พอใจ
“อะไรนะ คุณเปลี่ยนสถานที่จัดงานแต่งลูก โดยที่ไม่บอกผมสักคำเหรอ”
“คุณจะโวยวายทำไม ? ฉันบอกแล้วไงว่างานเลี้ยงก็ยังจัดที่นี่ แค่เลื่อน ไปจัดงานและจดทะเบียน สมรสที่ภูเก็ตเท่านั้นเอง”
“เท่ากับเราต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่านึง ต้องให้ผมพูดอีกกี่ทีว่าเราไม่มีเงินนะคุณเสาว์”
เสาวณีย์เชิดหน้า “ถ้าเพื่อความสุขของลูก ต่อให้ฉันต้องขายบ้านนี้ ฉันก็ยอม”
“คงมีให้ขายหรอก”
เสาวณีย์หันขวับมาทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ”
ศกรีบพูดเลี่ยงไป “ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วย”
ศกเดินออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด เจอกับศรุตาที่หน้าบ้านพอดี จึงหลุดปากเล่าเรื่องที่เสาวณีย์จะเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นที่ภูเก็ต
ศรุตาชะงัก “ภูเก็ต ?”
“ใช่ บอกจะให้ลูกศรกับพัชระไปแต่งงานกับจดทะเบียนสมรสที่โน่นก่อน แถมไม่ให้บอกใคร แล้วค่อยกลับมาฉลองกับแขกที่นี่ จัดงานซ้ำซ้อนเงินก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ไม่รู้คิดอะไรอยู่ ?”

ศรุตามองเข้าไปในบ้านใหญ่ด้วยสายตายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าทำไมเสาวณีย์ถึงทำแบบนี้

เมื่อศรุตาเดินกลับมาที่บ้านริมน้ำ ก็เจอศรวณีย์นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน

“พี่ทรายไปหาพี่ฌานรึเปล่าคะ”
“เมื่อกี้พี่แวะไปแล้ว”
ศรวณีย์หน้าเศร้า แต่พยายามฝีนยิ้ม “ดีแล้วค่ะ พี่ฌานอยากให้พี่ทรายอยู่ใกล้ๆนะคะ”
“ฌานพูดอะไรกับศรรึเปล่า ?”
ศรวณีย์คิดถึงความรู้สึกที่ฌานมีต่อพี่สาวของตนเอง ด้วยสีหน้าสลด และเจ็บลึกๆ
“พี่ฌานไม่พูด แต่ศรก็รู้สึกได้ค่ะพี่ฌานรักพี่ทรายมากนะคะ”
ศรุตาแกล้งทำหน้าเหนื่อยใจ แล้วบ่นถึงฌานด้วยเสียงระอา
“นี่ฌานยังเป็นคิดอะไรอย่างนี้อยู่อีกเหรอ ? ทั้งที่พี่พยายามขีดเส้นระหว่างเราชัดเจนแล้วนะ พี่รู้ว่า ฌานรู้สึกยังไงกับพี่ แต่พี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับฌานมากไปกว่าเพื่อนเลย เพราะอย่างนี้พี่ถึงได้หาเรื่องที่จะไม่ดูแลเขา พี่ไม่อยากให้ความหวังกับเขา พี่เคยบอกศรแล้วว่าฌานเป็นคนน่าสงสาร มีแม่ก็เหมือนไม่มี บางทีเขาอาจจะไม่ได้รัก พี่ก็ได้ เขาแค่ยึดพี่ไว้เป็นหลักยึดเหนี่ยวเพื่อไม่ให้ชีวิตเขาเหมือนอยู่คนเดียว”
ศรวณีย์หน้าสลดลง นึกถึงภาพฌานนอนกอดอกหนาวเหมือนเด็ก อยู่ในบ้านที่ไม่มีอะไรเลย ชีวิต ฌานเหมือนไม่มีใครดูแล
ศรุตาเหลือบมองสีหน้าของน้องสาวด้วยสายตายิ้มๆ แต่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ชีวิตฌานเจอแต่คนหักหลัง โดยเฉพาะยายลิซ่านั่น พี่อยากให้ฌานเจอใครสักคนที่พร้อมจะมอบ ความรักจากหัวใจให้ฌานจัง ศรเองก็เหมือนกัน มีคนมากมายที่อยากเจอคนที่รัก แต่เขาไม่ได้เจอ ถ้าวันนึง ศรเจอ ต้องรีบคว้าไว้นะ อย่ามัวแต่เสียเวลา”
ป้าทิศแอบมอง ด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจ
“คุณทรายลืมทุกอย่างแล้ว อย่างที่เคยบอกป้าจริงๆรึเปล่าคะ”

ศรวณีย์นั่งมองดูแหวนหมั้นที่มือตัวเอง ขณะที่เสียงพูดของศรุตารบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา หญิงสาวจับแหวน อย่างสับสน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เสาวณีย์เปิดประตูเข้ามา
“อีก 5 วันก็ถึงวันแต่งงานของศรแล้วนะ ตื่นเต้นไหมลูก ?”
ศรวณีย์ชะงัก ฝืนยิ้มให้มารดา “ค่ะ”
“พักนี้ดูศรเหนื่อยๆ คงเพราะยิ่งใกล้วันแต่ง ก็ต้องเตรียมตัวเยอะขึ้นใช่ไหมลูก ? งั้นเอาอย่างนี้ พอดีเพื่อนแม่รู้ว่าศรกำลังจะแต่งงาน เขาเลยให้บัตรพักโรงแรมที่ภูเก็ตฟรี 2 วัน 1 คืน วันมะรืนนี้ศรไปพักกับพัชระ ก่อนไหมลูก ส่วนงานทางนี้แม่จัดการให้เอง”
ศรวณีย์อึดอัดใจ เพราะหัวใจตอนนี้ ต่อให้ไปไปพักที่ไหน ความทุกข์ที่มีอยู่ก็คงไม่จางหาย

ป้าทิศเดินเข้ามาในครัว เห็นศรวณีย์กำลังตักข้าวต้มใส่ปิ่นโต ก็ถอนใจอย่างแอบกังวล
“คุณลูกศรจะเอาข้าวต้มไปให้คุณฌานเหรอคะ ?”
“ศรไม่ได้เอาไปให้เองหรอกค่ะ ศรจะฝากพี่ทรายไป”
“คุณทรายไม่อยู่แล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวชะงัก “อ้าว พี่ทรายไปไหนคะ ?”

พัชระรีบเดินเข้ามาในร้านกาแฟ เห็นศรุตาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาจะกอด
“อย่าทำแบบนี้พัชระที่ฉันนัดคุณมา ไม่ได้จะมาเป็นข่าวหน้าสังคมอีก”
พัชระถอนใจหงุดหงิด “ทีกับผม กลัวเป็นข่าว แต่กับคนอื่น คุณไม่กลัวงั้นสิ”
ศรุตายิ้มเยาะ “ใช่ เพราะคนอื่น เขาไม่ได้มีเจ้าของอย่างคุณ”
“เลิกพูดแบบนี้ได้ไหมทราย คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ? นั่งรอดูคุณแต่งงาน แล้วก็เฝ้ารอคุณหนีเมียมาหาฉันอย่างนั้นเหรอ พัชระ”
พัชระถอนหายใจ “คุณไม่รู้หรอก ว่าผมกำลังทำเพื่อคุณขนาดไหน”
“ใช่ ตอนนี้ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่ฉันรู้มีแค่ฉันต้องการคุณ ฉันอยากอยู่ใกล้คุณ คุณไม่รู้ หรอกว่า ยิ่งใกล้วันแต่งงานของคุณเท่าไร ฉันยิ่งทรมานขนาดไหน”
จากนั้นศรุตาก็วางแผนชวนพัชระไปงานสมาคมสถาปัตย์ และให้ชวนศรวณีย์เพื่อกันไม่ให้ใครสงสัย “ได้ ผมจะจัดการทุกอย่างตามที่คุณบอก”

ศรุตายิ้มสมใจ

ศรุตากับพัชระเดินออกจากร้านพร้อมกัน แล้วแยกกันเดินไปออกคนละทาง พลันมือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น

“ว่ายังไงจ้ะศร ?”
“พี่ทรายจะกลับบ้านมาเมื่อไหร่คะ ? พอดีศรทำข้าวต้มปลาเผื่อพี่ทรายอยากเอาไปฝากพี่ฌาน”
ศรวณีย์ตอบกลับมาทางปลายสาย
“พี่คงยังไม่กลับบ้านตอนนี้หรอกจ้ะ ศรเอาไปให้ฌานหน่อยได้ไหม แต่ถ้าศรไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรนะ ยังไงฌานเขาอยู่คนเดียวจนชินแล้ว”
หญิงสาวผู้น้องมองที่ปิ่นโตใส่ข้าวต้มอย่างตัดสินใจ

ศรุตากดวางสายด้วยสีหน้ายิ้มสมใจ แต่ก็เกรงว่าบุรีจะไปขวาง จึงรีบกดมือถือโทร.หา“มีอะไรเหรอทราย ?” บุรีคุยมือถืออย่างระแวงว่าศรุตาจะมาไม้ไหนอีก
“คุณอยู่ไหน ?”
“ผมคุยงานอยู่ที่ออฟฟิศลูกค้า”
บุรีพูดปด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแม่เดินตกบันไดโครม บุรีตกใจหันไปมอง แล้วตะโกนเสียงดัง
“แม่”
ศรุตาถือโทรศัพท์ค้างอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น !

ขณะที่บุรีกำลังทายาและนวดข้อเท้าให้แม่ ศรุตาก็เดินเข้ามาในบ้าน บุรีหันไปมองอย่างชะงัก
“คุณมาบ้านผมทำไม ?”
ศรุตายิ้ม แล้วจงใจพูดย้อนกลับไป
“ฉันไม่ได้มาบ้านคุณ ฉันมาออฟฟิศลูกค้าคุณต่างหาก”
แม่รีบตัดบทด้วยการพูดชวนศรุตาให้อยู่ทานข้าว บุรีเหลือบมองว่าศรุตาจะตอบยังไง
“ถ้าบุรีอยู่ ทรายก็อยู่ค่ะ”

บุรีรีบเดินเข้ามาในครัว แล้วเดินไปดูกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ เห็นแกงพะแนงปลากรายยัดไข่เค็ม แล้วคิดถึงข้อความในจดหมายของเด้กหญิงศรุตาที่เขียนมาหาเขา จึงรีบหาข้ออ้างบอกกับผักบุ้ง

“ห้ามเอาแกงพะแนงไปเสิร์ฟนะผักบุ้ง แม่บอกว่าปลากรายไม่สด อย่าเอาไปเสิร์ฟ เดี๋ยวท้องเสีย”
 
อ่านต่อหน้า 2

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 9 (ต่อ)

ระหว่างที่นั่งทานข้าวด้วยกัน ศรุตามองบุรีที่เอาใจแม่ แล้วเผลอยิ้มที่ได้เห็นเขาในอีกมุมหนึ่ง แม่แอบมองบุรีกับทราย แล้วแอบยิ้ม พลางมองกับข้าวอย่างนึกได้

“เอ๊ะ ! แม่ว่ากับข้าวหายไปอย่างนึงนะ”
บุรีชะงัก
“ผักบุ้ง พะแนงปลากรายยัดไส้ไข่เค็มล่ะ”
ศรุตาได้ยินชื่อแกงพะแนงแล้วชะงัก บุรีรีบพูด
“ผมว่ากลิ่นมันไม่ค่อยดี เลยไม่เอาออกมาน่ะครับ”
“กลิ่นไม่ดีอะไร แม่เพิ่งทำเมื่อเช้า”
บุรีเหลือบมอง ภาวนาว่าอย่าให้ศรุตาจำได้เลย

“หนูทราย ลองทานพะแนงปลากรายยัดไส้ไข่เค็มสิจ๊ะ สูตรของคุณยายบุรี”
แม่หันมาบอกกับศรุตายิ้มๆ
“ขอบคุณค่ะ ทรายอยากหาทานอยู่พอดี ทรายจำได้ว่าก่อนไปเมืองนอก ทรายเคยทานอยู่ที่นึง อร่อยมาก”
บุรีแอบเหลือบมอง พอศรุตากำลังใช้ช้อนกลางจะตักแกง ก็รีบแย่งช้อนกลางมา
“แกงมันเผ็ดมาก คุณอยู่เมืองนอกมานาน คงไม่คุ้น”
“ถึงฉันอยู่เมืองนอก ฉันก็กินอาหารไทยเผ็ดๆประจำ”
ศรุตาแย่งช้อนกลับมา แล้วตักแกงมาราดข้าวตัวเอง แล้วตักเข้าปาก
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะหนูทราย พอทานได้ไหมลูก ?”
“อร่อยมากค่ะ แล้วรสชาติก็คุ้นๆ เหมือนที่ทรายเคยทานตอนเด็กๆเลย”
บุรีไม่อยากให้ศรุตาคิดทบทวนจนจำอะไรมากไปกว่านี้ จึงเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วฌานเป็นยังไงบ้าง ? ค่อยยังชั่วรึยัง ?”
“เมื่อวานเขาดีขึ้นแล้ว”
“แล้ววันนี้คุณจะไปดูแลฌานรึเปล่า”
ศรุตาพูดยิ้มๆ “ก็ต้องดูก่อน ว่าเขาจะว่างไหม ?”

ศรวณีย์ค่อยๆประตูห้อง พลางมองไปทางฌานที่นอนหลับที่โซฟา ก่อนที่จะถือปิ่นโตใส่ข้าวต้ม และถุงใส่แตงโมใบย่อมๆ ค่อยๆเดินไปที่ครัวเบาที่สุดอย่างกลัวฌานรู้ว่าตัวเองมา
จากนั้นก็นำข้าวต้มที่ตัวเองทำมาจากบ้านใส่ชามไว้ให้ฌาน พร้อมกับจัดยาและเอาน้ำเทใส่แก้ว มาวางบนโต๊ะข้างโซฟา ก่อนจะคั้นน้ำแตงโมเตรียมไว้ให้

ฌานลืมตารู้ว่าศรวณีย์มาดูแลตัวเอง ก็แกล้งหลับ แต่แอบถอนใจ ด้วยไม่อยากให้ความรู้สึกลึกๆ ของเขาต้องหวั่นไหวอีก

บุรีเตรียมจะไปทำงาน ศรุตาอาสาว่าจะอยู่ดูแลแม่ที่บ้านให้ บุรีแปลกใจ ว่าทำไมเธอถึงไม่ไปดูแลฌาน และที่สำคัญเขาไม่อยากญิงสาวรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตได้ แม่มองอย่างเข้าใจ แล้วรีบพูดขึ้นมา

“ไม่ต้องห่วง แอร์ในห้องทำงานบุรีเสีย แม่ปิดห้องไว้แล้ว รอจนกว่าช่างจะมา”
บุรีมองแม่ที่พยายามพูดสื่อสารว่าเข้าใจว่าไม่ให้ศรุตาเข้าห้องทำงาน
“ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่ ก็รีบกลับมาผลัดเวรเร็วๆสิ ฉันจะได้ไปหาฌาน บ๊าย บายค่ะ กลับมาเร็วๆ นะคะพี่บุรี น้องรออยู่”
บุรีชะงักที่ได้ยินศรุตาเรียกเขาว่า “พี่บุรี” และแทนตัวเองว่า “น้อง” !!

แม่มองบุรี แล้วเหลือบมองศรุตายิ้มๆ พลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“จะมีวันที่สองคนนี้ลงเอยกันไหมนะ”

บุรีเดินเข้ามาในออฟฟิศ พวกกี้ ติ่ง จ้อย ป๊อก และชีวิน ก็แย่งกันขอตั๋วไปสัมมนาทันที บุรีรีบยกมือห้ามทุกคน
“หยุด ไหนบอกสิ ทำไมอยู่ๆมาแย่งตั๋วจากฉัน ไม่ไปซื้อตั๋วที่สมาคมล่ะ”
ทุกคนอ้างว่าตั๋วที่สมาคมหมด แล้วก็พูดแย่งกันต่อ
“โว้ย พอได้แล้ว ตั๋วฉันก็หมด เอาเป็นว่าปีนี้ไม่ได้ไป ก็รอไปปีหน้าแล้วกัน”
พูดจบบุรีก็เดินไปนั่งทำงานต่อ กี้แอบบ่น
“อยากรู้จริงๆ ว่าใครบังอาจซื้อตั๋วตัดหน้าฉันไป”
พัชระที่ก้มหน้าทำงานอยู่ แอบยิ้มพอใจ จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกมาโทร. หาศรุตา
“ผมซื้อตั๋วไปสัมนาเรียบร้อยแล้วนะทราย ใช่ ในออฟฟิศยังไม่มีใครรู้ว่าผมไป”
“ดีแล้วล่ะพัชระ ถ้ายิ่งคนรู้เยอะ ก็ยิ่งมีคนขวางเรา อย่าลืมบอกคุณอาเสาว์นะ ว่าคุณจะพา น้องสาวฉันไปเที่ยว รับรองได้ ว่าเขาต้องดีใจมาก”
ศรุตายิ้มอย่างสะใจ

เสาวณีย์รู้ว่าศกยกเลิกการจัดงานแต่งงานที่ภูเก็ต ก็โวยวายอย่างไม่พอใจ
“ทำไมคุณทำแบบนี้”
“เพราะผมบอกแล้วไงว่าเราไม่มีเงินมากพอจะมาทำอะไรฟุ่มเฟื่อยแบบนี้”
“คุณไม่เข้าใจ”
ศกย้อนกลับ “คุณต่างหากไม่เข้าใจ ในขณะที่ผมกับทรายพยายามจะรักษาฐานะ แต่คุณกลับหา เรื่องล้างผลาญ”
เสาวนีย์มองศกอย่างเจ็บแค้น
“อะไรนะ ฉันเนี่ยนะล้างผลาญ ไหนคุณบอกมาสิว่าสิบกว่าปีใครที่วิ่งเต้นให้คุณเลื่อนตำแหน่ง ใครเป็นคนวิ่งขายของเพื่อหาเงินมารักษาแม่คุณ แค่ลูกสาวคุณมาไม่กี่เดือน คุณยกย่องมันดีกว่าฉัน ฉันอยากรู้นักว่า มันทำอะไรดีกว่าฉัน”
“อย่างน้อยทรายก็ซื้อบ้านนี้ไว้ก่อนจะโดนแบงค์ยึด ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของทราย”
เสาวณีย์แทบล้มทั้งยืน

เสาวณีย์จ้องบ้านริมน้ำเหมือนกำลังจ้องศรุตาด้วยความโกรธแค้นที่สุมแน่นอยู่ในอก
“ฉันไม่มีวันยอมให้แกเอาทุกอย่างของฉันกับลูกไปได้เด็ดขาด”
จังหวะนั้นพัชระก็เดินเข้ามา พร้อมกับเอ่ยปากขออนุญาตพาศรวณีย์ไปสัมมานาที่ภูเก็ต 3 วันเสาวณีย์ยิ้มดีใจ รีบอนุญาต
“ได้สิจ้ะ พาน้องพักผ่อน เรื่องงานแต่ง อาจัดการเอง กลับมาจะได้แต่งกันเลย”  
 
พัชระยิ้มที่ทำทุกอย่างตามแผนของศรุตาสำเร็จ

เสาวณีย์นั่งหน้าเครียดคุยกับคุณหญิงเพกา

“ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือพัชระ มันไม่มีวันแย่งไปได้ ถึงคุณศกจะพังแผนเสาว์ทุกอย่าง แต่โชคก็ยัง เข้าข้างเสาว์กับลูก ที่พัชระชวนลูกศรไปภูเก็ต ถึงไม่ได้แต่งงานที่โน้น แค่ให้พัชระไปไกลๆ นังทรายก่อนวันแต่งก็พอ”
“ถึงพัชระกับลูกศรจะไปภูเก็ต แล้วเสาว์จะรู้ได้ยังไงว่านังทรายจะไม่ตามไปขวาง”
เสาวณีย์ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “บอกให้ไปดีๆ ไม่ไป จะมาโทษกันทีหลังไม่ได้”

ขณะที่ศรุตาที่ยังอยู่ที่บ้านบุรี ก็หลบออกมาโทร. ฝากศรวณีย์ว่าให้ช่วยดูแลฌานก่อน “แล้วรอพี่อยู่ที่นั่น เดี๋ยวพี่ไปรับ ตอนนี้พี่ยังติดธุระยุ่งมากอยู่เลย แค่นี้ก่อนนะศร”
ศรุตากดวางสาย แล้วเดินเข้าบ้านบุรีด้วยรอยยิ้มสมใจที่แผนทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด

ลิซ่าจะเดินเข้าคอนโดฌาน แต่ก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางไว้อีก พอมองเข้าไปภายใน ล็อบบี้ ก็เห็นศรวณีย์เดินยิ้มไปขึ้นลิฟท์
“ท่าทางระริกระรี้อย่างนั้น คงไม่ใช่แค่ดูแลฌานตามพี่สาวสั่งแล้วล่ะมั้ง ยุ่งกับผู้ชายผิดคนแล้วนังจืด”

ศรวณีย์เดินเข้ามาในห้อง ได้ยินฌานกำลังคุยมือถือกับนอร์แมน
“ป๋ายังไม่ให้ลงเสาเข็มพรุ่งนี้เหรอครับ ทำไมล่ะครับ ?”
“ใช่ เลื่อนไปก่อนสักวันสองวัน ขอป๋าดูแบบอีกรอบ ทำไมต้องทำเสียงกังวลอย่างนั้น กลัวป๋าจะขวาง งานแกรึไง ?” นอร์แมนย้อนกลับ
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นครับ แค่เดี๋ยวผมไม่อยู่ เลยอยากให้ลงเสาเข็ม ผมจะได้ไปต่างจังหวัด อย่าง สบายใจ เลื่อนก่อนก็ได้ครับ”
ฌานกดวางสายแล้วนั่งที่โซฟาอย่างเครียดๆ ศรวณีย์ค่อยๆเดินเอาถุงของที่ซื้อมาไปวางบนโต๊ะ ที่มี ต้นพลูทองวางอยู่ พลางปรายตามองฌานที่นั่งเครียดอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าถามเซ้าซี้
ฌานถอนใจ แล้วลุกขึ้นมาจะไปครัว เพิ่งเห็นว่าหญิงสาวยืนอยู่
“อ้าว ศร มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สักพักค่ะ พี่ฌานมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ ?”
ฌานส่ายหน้าเครียดๆ หญิงสาวรู้สึกว่าฌานคงอยากอยู่คนเดียว จึงขอตัวจะกลับบ้าน พร้อมกับวางถุงน้ำที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะ ซึ่งมีต้นพลูทองวางอยู่
ฌานมองไปทางต้นพลูทองที่สภาพใบยังเปื้อนดิน แล้วรีบอธิบาย
“พี่ว่าพี่จะซื้อกระถางกับเช็ดทำความสะอาดใบอยู่ แต่พี่ป่วยซะก่อน”
หญิงสาวหันมายิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ฌานไม่ต้องรีบหรอก อย่างที่ศรบอก ต้นนี้ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องแคร์มาก มันก็อยู่ของมันได้ค่ะ”

ฌานมองที่ต้นพลูทองอย่างสับสนใจหัวใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 9 (ต่อ)

บุรีก้มหน้าทำงานอย่างรีบร้อน จนคนอื่นๆ มองอย่างสงสัย กี้ทนไม่ไหว เลยรีบถาม

“เดี๋ยวพี่บุ คันปากไม่ไหวแล้ว วันนี้พี่ดูรีบๆนะ พี่รีบไปไหนรึเปล่า ?”
บุรีชะงัก แล้วบอกตัวเองว่าที่รีบทำงานเพราะอยากให้ศรุตารีบไปหาฌาน
“แม่พี่ตกบันได พี่จะรีบกลับไปดูแม่พี่”
พัชระเดินเข้ามาพอดี บุรีจึงจงใจพูดย้ำตั้งใจให้ได้ยิน
“พี่บอกแล้วไงว่าแม่พี่ขาเจ็บ พี่จะกลับไปดูแม่”
บุรีเดินออกไปทันที พัชระปรายตามอง แล้วหันมมาพูดกับจ้อย
“พี่จ้อยครับ ผมขอลางาน 3 วันนะครับ ผมมีธุระต้องไปต่างจังหวัด”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกพี่บุรีเมื่อกี้นี้ล่ะ”
พัชระยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมก็เจอเขา”

แม่บุรีเกรงว่าศรุตานั่งอยู่เฉยๆ จะเหงา ก็เลยออกปากบอกว่า
“ถ้าเหงาก็เอาจิ๊กซอว์ตรงนั้นมาต่อก็ได้ บุรีต่อค้างไว้หลายวันแล้ว”
หญิงสาวมองไปที่โต๊ะเล็กๆ ที่มีจิ๊กซอว์รูปปฏิมากรรมยุโรปสวยๆ ต่อค้างอยู่บนโต๊ะ ด้านบนโต๊ะ มีรูปบุรีตอนอายุ 14 ขวบ ถ่ายกับพ่อแม่ และยาย
ศรุตาเหลือบดู แม่รีบเดินไปเก็บทันที
“อุ้ย ! ใครเอารูปนี้มาไว้เนี่ย บอกแล้วไงกระจกกรอบมันแตก หนูทรายตามสบายนะ ป้าเข้าครัว ก่อน”
ศรุตานั่งลงที่โต๊ะที่มีจิ๊กซอว์ต่อค้างไว้ แล้วเปิดกล่องที่ใส่ชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่เหลือมาเลือกดูว่าจะเอา ชิ้นไหนต่อ
แม่แอบมองหญิงสาวที่ไม่มีท่าทางสงสัยอะไร ก็ถอนใจโล่งอก
“ถ้าเห็นแก่ตัวกว่านี้สักหน่อย คงให้หนูทรายเห็นรูปนี้ไปแล้ว”
จากนั้นแม่ก็รีบย้ำกับผักบุ้งว่าให้เอารูปไปเก็บในห้องทำงานของบุรี อย่าให้ศรุตาเห็น

ศรวณีย์ยังคงนั่งรอศรุตาอยู่ที่ล็อบบี้ที่คอนโดฌาน พลางพยายามกดมือถือโทร. หา แต่ไม่มีคนรับสาย
ครู่หนึ่งเสาวณีย์ก็โทร. เข้ามา
“ค่ะคุณแม่ ศรกำลังกลับบ้านแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณแม่เป็นห่วง ค่ะ สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวกดวางสาย แล้วลุกขึ้นเดินออกไป ลิซ่ารีบเดินมาขวางหน้าไว้ พลางแกล้งยิ้มอย่างเป็นมิตร “ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย วันนี้ฉันไม่ได้มาหาเรื่องเธอ แต่ฉันจะมาขอโทษเธอที่วันนั้นฉัน ทำเกินไป”
“ไม่เป็นไร”
หญิงสาวจะเดินเลี่ยงไป แต่กลับถูกลิซ่าขวางไว้อีก พร้อมกับอาสาจะไปส่งบ้าน
“ให้ฉันไปส่งเถอะนะ อย่างน้อยให้ฉันได้ทำอะไรไถ่โทษเธอบ้าง ขอร้องล่ะนะ ฉันไม่อยากให้ชาร์ลส์ เกลียดฉันไปมากกว่านี้”

ศรวณีย์มองลิซ่าอย่างลำบากใจ

ฌานทำท่าจะกดโทรหาศรวณีย์ แต่กลับเปลี่ยนใจ เพราะไม่อยากให้หญิงสาวคิดว่าตัวเองห่วง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อเช็คว่าหญิงสาวกลับยังไง

ฌานเดินออกจากลิฟท์มาหาพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์
“เอ่อ ขอโทษครับ น้องผู้หญิงที่มาหาผมน่ะ เขากลับไปยังไงครับ คุณเรียกแท็กซี่ให้เขารึเปล่า”
“เปล่าคะ .แต่เห็นออกไปกับผู้หญิงอีกคน”
“ผู้หญิงอีกคน ?” ฌานขมวดคิ้วอย่างสงสัย

ลิซ่าขับรถพร้อมกับปรายตามองศรวณีย์อย่างหมั่นไส้ ขณะที่จงใจขับรถไปคนละทางกับทางกลับบ้านของหญิงสาว ก่อนที่จะจอดรถที่ข้างทางเปลี่ยว
ลิซ่าเปิดประตูลงจากรถเดินไปเปิดประตูด้านที่ศรวณีย์นั่ง แล้วกระชากแขนเธอออกมาจากรถอย่างแรง ก่อนที่จะคว้ามือถือของหญิงสาวปาออกไปข้างทางด้วยความเกลียดชัง
“เลิกแอ๊บแบ๊วเป็นเด็กน้อยอ่อนต่อโลกเลยนะ ถ้าเธอซื่อจริง คงไม่กล้ายุ่งกับผู้ชายของคนอื่นอย่างนี้ หรอก”
ศรวณีย์พยายามดึงแขนออกจากมือลิซ่า แล้วตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“พี่ฌานไม่ใช่ผู้ชายของคุณ พี่ฌานรักพี่ทราย ไม่ใช่คุณ”
ลิซ่าตบหน้าศรวณีย์เต็มแรงอย่างโกรธจัด
“ปากกล้านัก ต้องเจอเลือดกลบปากอย่างนี้แหละ”
จากนั้นก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป จงใจทิ้งให้ศรวณีย์อยู่บนถนนเปลี่ยวคนเดียว

ฌานขับรถอย่างร้อนใจ พลางพยายามกดมือถือหา แต่ศรวณีย์ไม่รับ ครู่หนึ่งก็เห็นรถลิซ่าขับออก มาจากถนนเล็กที่เบี่ยงจากถนนเส้นหลัก
“นั่นมันรถลิซ่านี่”
ฌานรีบขับรถตามรถไปทันที แล้วอาศัยจังหวะขับมาจอดปาดหน้า ก่อนที่จะรีบลงจากรถเดินไปหา ลิซ่า
“ลูกศรอยู่ไหน”
ลิซ่ายักไหล่ “ฉันไม่รู้”
ฌานกระชากแขนลิซ่าเขย่าอย่างแรงอย่างร้อนใจ
“ผมถามว่าลูกศรอยู่ไหน “
ลิซ่าผลักฌานออก แล้วพูดอย่างสะใจ
“ฉันทิ้งยายจืดอยู่ข้างทางโน้นน่ะ ป่านนี้คงโดนหิ้วไปแล้วมั้ง”
ฌานโกรธ กระชากแขนลิซ่าอย่างแรง
“ลิซ่า เธอทำกับลูกศรอย่างนี้ได้ยังไง”
พูดพลางลากลิซ่าไปขึ้นรถตัวเองด้วยความโกรธจัด

ศรวณีย์เดินอยู่บนทางเปลี่ยว จู่ๆ ก็มีรถขับมาจอดตรงหน้า ก่อนที่ผู้ชายตัวใหญ่ลงมาจากรถ เดินตรงมาหา หญิงสาวตกใจรีบเดินหนี แต่ผู้ชายร่างใหญ่เดินตาม จนใกล้จะถึงตัวเธอ ทันใดนั้นรถฌานขับเข้ามาจอดใกล้ๆ ฌานรีบลงจากรถ
ศรวณีย์รีบวิ่งเข้าไปกอดฌาน เขากอดเธอไว้อย่างเป็นห่วง พลางชี้หน้าเอาเรื่องผู้ชายที่เดินตามมา
“คุณจะทำอะไร”
“คุณใจเย็นๆนะ” ผู้ชายร่างใหญ่หยิบบัตรตำรวจมาโชว์
“ผมเป็นตำรวจ ผมเห็นน้องเขาเดินคนเดียว เลยลงมาถามเพื่อจะช่วย”
“งั้นขอบคุณมากครับ”
ฌานมองหญิงสาวที่กอดเขาแน่นด้วยความกลัวและตกใจ พลางยกมือขึ้นจะลูบผมปลอบโยน
ทันใดนั้นลิซ่าลงจากรถของฌานเข้ามากระชากตัวศรวณีย์ออก
“ออเซาะเกินไปแล้ว”
ฌานตวาดกลับ“ลิซ่า ผมไม่ได้พาคุณมาหาเรื่องศร ผมให้คุณมาขอโทษศร ขอโทษศรเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ขอโทษ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด มันมาด่าฉันเอง “
ฌานกระชากแขนลิซ่าอย่างแรงให้มายืนตรงหน้าศรวณีย “ขอโทษ”
ลิซ่าจ้องหน้าฌานอย่างโกรธจัด
“แค่ยายนี่คนเดียว คุณกล้าทำกับฉันอย่างนี้เลยเหรอ อย่าบอกนะว่าคุณกำลังคิดอะไรกับเด็กคนนี้”
ศรวณีย์ชะงัก ฌานนิ่งกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ลิซ่าพูดจี้ใจ
“ผมบอกให้ขอโทษ”
“ไม่”
“ได้” พลางหันไปทางศรวณีย์ “ไปศร”

จากนั้นก็เหวี่ยงลิซ่าไปข้างทาง ก่อนที่จะดึงแขนศรวณีย์ไปขึ้นรถ แล้วขับรถออกไป ทิ้งลิซ่าให้อยู่บนถนนเปลี่ยวคนเดียว เหมือนที่หล่อนทำกับศรวณีย์

ศรุตานั่งต่อจิ๊กซอว์อยู่ตามลำพัง
 
ครู่หนึ่งก็เริ่มเบื่อ จึงมองไปรอบๆบ้านเพื่อหาอย่างอื่นทำฆ่าเวลา หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้องทำงานของบุรี เห็นว่าประตูห้องไม่ได้ปิดสนิท จึงชะเง้อมองดูด้านใน เห็นใน ห้องมีหนังสือ จึงเปิดประตูเข้าไป ตั้งใจจะเข้าไปหาหนังสืออ่าน พลางเหลือบไปเห็นภาพจิ๊กซอว์ The starry night ที่แขวนบนผนัง
หญิงสาวมองรูปอย่างชะงัก พลางขยับตัวจะเดินไปดูรูปใกล้ๆ แต่บังเอิญเดินไปชนโต๊ะทำงาน ทำให้เอกสารที่วางซ้อนไหลเลื่อนหล่นพื้น พอก้มลงเก็บ ก็เห็นกล่องใส่จดหมายวางที่พื้นใต้โต๊ะศรุตามองกล่องจดหมายอย่างคุ้นตา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นกล่องจดหมายของตัวเอง
“ไม่ใช่มั้ง ของเราจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ศรุตาเอื้อมมือยกกล่องมาวางบนโต๊ะ แล้วค่อยๆเปิดฝากล่องดู เห็นจดหมายของตัวเองอยู่ในกล่อง หญิงสาวมองอย่างแปลกใจ แล้วรีบหยิบมือถือโทร. หาดวงตาทันที
“แม่ ทรายเจอกล่องจดหมายของทรายที่บ้านบุรี ทำไม ? ทำไมกล่องจดหมายของทรายอยู่ที่นี่
ได้คะ ?”
ขณะรอฟังคำตอบ สายตาของหญิงสาวก็เหลือบมองไปทางรูปจิ๊กซอว์ The strry night และกรอบรูป บุรีตอนอายุ 14 ถ่ายกับ พ่อแม่และยาย
ศรุตาหยิบรูปมาดูด้วยความตกใจ
“จ้ะ บุรีคือพี่บี เขาจำทรายได้ตั้งแต่แรกที่เขาเจอทราย พี่บีของทราย ยังรอทรายอยู่เสมอจ้ะลูก”
ศรุตาอึ้ง ทั้งดีใจและตกใจระคนกัน
“ทำไมแม่ไม่บอกทรายคะ ?”
“บุรีไม่อยากให้ทรายรู้ “
ศรุตายิ่งฟังคำตอบ ก็ยิ่งไม่เข้าใจบุรี
“ทำไมคะ ? ทำไมพี่บีถึงไม่ให้แม่บอกทราย ถ้าเขาอ่านจดหมายของทราย เขาก็น่าจะรู้ว่าทรายรอ เขามาตลอด”
“เพราะบุรีอยากให้ทรายเดินต่อไปข้างหน้า อยากให้ทรายลืมอดีต แล้วเริ่มต้นชีวิตกับผู้ชายที่รัก ทรายมากอย่างฌาน”
ความรู้สึกน้อยใจแล่นวูบขึ้นมาในใจของศรุตา บุรีคิดแทน ตัดสินใจแทน และผลักดันเธอให้ฌาน
“มิน่า ถึงทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ฌาน เอะอะพูดเป็นอยู่คำเดียวว่าให้คิดถึงแต่ฌาน ถึงเขาจะ หวังดีกับฌาน แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาหลอกทรายแบบนี้”
“ทราย ทุกอย่างที่พี่บีทำ เพราะเขาหวังดีกับทรายเหมือนกัน พี่บีของทรายรู้ ว่าถ้าห้ามทรายตรงๆ ทรายไม่มีวันเชื่อเหมือนที่ทรายไม่เคยเชื่อแม่ เขาถึงได้ทำแบบนี้ พี่บีพยายามทำให้ทรายให้อภัย เพราะการอภัยผู้อื่น มันคือการปลดปล่อยตัวเอง ทรายจ๋า พี่บีเขากลัวว่าความแค้นในใจทราย จะทำให้ทรายมองข้ามความปรารถนาดี และความรักที่คนมอบให้ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ จะหลานรักหรือหลานชัง ก็คือสายเลือดเดียวกัน หยุดทุกอย่าง แล้ว กลับบ้านเราเถอะลูก”

ศรุตาเดินมาจากห้องทำงานบุรีมาที่โต๊ะที่ต่อจิ๊กซอว์ค้างไว้ พลางยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อหวนคิดถึงผู้ชายที่อยู่ในความทรงจำทั้งยามหลับและยามตื่น หญิงสาวตื้นตันจนน้ำตาคลอ

“ทรายคิดมาตลอดว่าพี่บีจะลืมทรายแล้ว ทรายดีใจเหลือเกินที่พี่บีไม่เคยลืม”
 
อ่านต่อหน้า 4

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 9 (ต่อ)

บุรีกับแม่เดินเข้าบ้าน พลางมองไปเห็นศรุตาหลับคากองชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ต่อไว้ที่โต๊ะ บุรีมอง ด้วยสายตาเอ็นดู จากนั้นก็รีบโทร. มือถือหาฌาน

“ฉันออกมาส่งลูกศร ใช่ ลูกศรอยู่กับฉัน”
“ลูกศรช่วยดูแลแกเหรอ ?”บุรีย้อนถามด้วยสีหน้าเครียด
“ก็ป่วยกันไป ติดกันมา ก็เลยผลัดกันดูแลเพราะรู้สึกผิดกันอยู่เนี่ย แต่เดี๋ยวฉันก็พาศรไปส่งบ้านแล้ว” บุรีกดวางสายแล้วครุ่นคิด ถึงตอนที่ฌานเล่าว่าศรุตากระโดดลงไปช่วยศรวณีย์ตอนที่ตกสระว่ายน้ำ

ฌานเดินมาเปิดประตูรถด้านที่ศรวณีย์นั่ง
“พี่คิดว่าศรยังไม่พร้อมกลับบ้านตอนนี้ พี่เลยพาดูวิวที่นี่ให้สบายใจก่อน”
หญิงสาวลงจากรถแล้วมองบรรยากาศความใหญ่โตของสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และความมืด ถมึงของแม่น้ำ รวมทั้งตึกรามอันสูงใหญ่ด้วยความตะลึง
“มันก็แค่สะพานเท่านั้นแหละศร”
หญิงสาวหันมามองฌานด้วยความแปลกใจ “พี่ฌานรู้ได้ยังไงว่าศรคิดอะไร ?”
“สีหน้าศรดูง่ายจะตาย ไม่ว่าตกใจ โกรธ กลัว หรือชอบ”
ศรวณีย์เหลือบมอง ฌานหมายความถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาด้วยรึเปล่า ?
ฌานรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไร จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “กลัวใช่ไหม ?”
“ค่ะ ศรไม่เคยมาที่นี่เลยค่ะ เคยเห็นแต่ในรูป อะไรที่ใกล้น้ำ แม่ไม่เคยให้ศรเข้าใกล้ น่ากลัวนะคะ”
ฌานพยักหน้ายิ้มๆ
“เป็นธรรมดา เวลาที่เราอยู่ในที่สูงหรือได้อยู่ใกล้อะไรที่ใหญ่โตมากๆ จนต้องแหงนหน้ามอง เราจะ รู้สึกขึ้นมาเองว่ามันน่ากลัว”
ศรวณีย์เงยหน้ามองสะพาน แล้วหันมามองเงยหน้ามองฌาน
“เวลาพี่เหนื่อยๆกับการต้องไขว้คว้าอะไรที่อยู่สูงมากๆ พี่จะมาอยู่ที่นี่ เพราะการได้มองสิ่งสูงใหญ่ มันก็ทำให้เรารู้ว่า ชีวิตของเราที่เคยคิดว่ายิ่งใหญ่และสำคัญเสียเต็มประดา ที่แท้ก็เป็นแค่ธุลีในจักรวาล”
ฌานเหม่อมองไปทางแม่น้ำ
“บางที พี่ก็รู้สึกว่าทำไมชีวิตพี่ หวังอะไร ไม่เคยได้อย่างหวังง่ายๆ ไม่ว่าเรื่องงาน หรือเรื่อง ...ส่วนตัว”
ศรวณีย์มองฌานอย่างเข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องความรักกับศรุตา
“บางที พี่อาจจะหวังสูงเกินก็ได้มั้ง ก็เลยต้องเจอบททดสอบเยอะหน่อย หรือคิดอีกทีโชคชะตาส่ง Sign มาบอกให้เราเจียมตัว ว่าผงธุลีอย่างเราควรเอื้อมได้แค่ไหน”

ศรวณีย์มองฌานด้วยความสงสารที่ท่วมท้นหัวใจ

ศรุตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นบุรียืนอยู่ตรงหน้า หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง แต่พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ

“อ้าว คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อกี้ฉันหาชิ้นส่วนเพลินๆ หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้”
บุรีเดินมานั่ง แล้วทำหน้านิ่ง เหมือนมีความคิดบางอย่างในใจ
“ผมกลับมาได้สักพักแล้ว”
ศรุตาอวดจิ๊กซอว์ที่ตัวเองต่อได้ “นี่ ฉันต่อจากที่คุณทำค้างไว้ตั้งเยอะ เก่งมั้ย”
บุรีมองที่รูปจิ๊กซอว์ที่หยิงสาวต่อ แล้วรีบบอก “ตัวนี้คุณต่อผิด”
“อุ้ย ! จริงด้วย ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหาชิ้นใหม่ก็ได้”
“ชีวิตมันไม่เหมือนจิ๊กซอว์นะทราย จิ๊กซอว์จะหยิบชิ้นไหนมาต่อผิดต่อถูกโดยไม่ต้องคิดก็ได้ เพราะ ถึงต่อผิด ก็มีโอกาสเลือกชิ้นใหม่มาต่อ แต่ชีวิต ทำอะไรต้องคิดดีๆ ถ้าพลาดแล้วก็พลาดเลย ไม่มีโอกาสเปลี่ยนมา เริ่มต้นทำใหม่อีกครั้งได้”
ศรุตามองมองสบตาบุรี อย่างรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร?
“ขอบคุณนะคะที่ยังเป็นห่วงกัน”
บุรีมองอย่างสงสัยกับคำพูดและท่าทีที่เปลี่ยนไปของศรุตา

บุรีเดินมาส่งศรุตาที่หน้าบ้าน แล้วไม่ลืมที่จะถามย้ำ
“ที่ผมชวนคุณไปงานสัมนา ตกลงคุณอยากไปรึเปล่า”
หญิงสาวมองบุรีด้วยสายตายิ้มๆ
“แล้วคุณอยากให้ฉันไปด้วยรึเปล่า”
บุรีรู้ทัน ว่าเธอกำลังเล่นเกมยั่ว “ก็แล้วแต่คุณ”
“ถ้าแล้วแต่ฉัน ฉันก็จะถามว่าคุณอยากให้ไปรึเปล่า ถ้าคุณอยาก ฉันก็จะไป แต่ถ้าคุณไม่อยาก ฉันก็ไม่ไป”
บุรีถอนใจกับการพูดต้อนของศรุตา
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอกัน”
พลางหันหลังจะเดินเข้าบ้าน ศรุตารีบเดินไปดักหน้า
“แปลว่าคุณอยากให้ฉันไป”
ศรุตามองบุรีอย่างท้าทาย เพราะคิดว่าเขาไม่กล้าตอบ
“ใช่ ผมอยากให้คุณไป”
บุรีสบตา จนหญิงสาวรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
“ผมอยากให้คุณไปเจอน้ำ เจอลม เจอความสวยงาม เผื่อมันจะดับไฟได้บ้าง ก่อนจะทำอะไร นึกถึง เรื่องจิ๊กซอว์ที่ผมบอกคุณให้ดี เพราะถ้าคุณพลาด ไม่ใช่แค่คุณที่เสียใจ แต่รวมถึงคนที่รักคุณด้วยหัวใจจริงๆ”
ศรุตารู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดที่แสนอ่อนโยนของบุรี แต่ก็ไม่อยากอ่อนแอให้เขาเห็น จึงรีบหันหลังเดิน ไปที่รถ บุรีมองตามแล้วรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“พี่อยากให้ทรายไป ไปจากการทำลายทุกคน ก่อนที่ทรายจะต้องเสียใจทีหลัง”

ฌานมาส่งศรวณีย์ที่หน้าบ้าน พลางบอกห้ามหญิงสาวไปหา ทำเอาเธอถึงกับหน้าเสีย“ศรเข้าใจแล้วค่ะ ศรขอโทษที่รบกวนพี่ฌานมาตลอด ต่อไปศรจะไม่ไปแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวๆๆ ศรเข้าใจผิดแล้ว ที่พี่ไม่ให้ศรไป เพราะพี่จะไปภูเก็ต3-4 วัน”
ศรวณีย์ชะงัก “พี่ฌานจะไปภูเก็ตเหรอคะ ?”
“ใช่ แล้วหลังจากพี่กลับมา ศรก็ไปคอนโดพี่ได้”
ฌานยิ้มให้หญิงสาว แล้วขับรถออกไป ศรวณีย์ยิ้มอย่างดีใจที่รู้ว่าฌานจะไปภูเก็ต

ศรวณีย์เดินเข้าบ้านอย่างมีความสุข จังหวะดียวกับที่เสาวณีย์จะเดินไปที่รถ
“คุณแม่จะไปไหนเหรอคะ ?”
“แม่มีปัญหาที่ต้องไปเคลียร์เป็นครั้งสุดท้ายจ้ะ”

ระหว่างที่ขับรถศรุตาก็อดที่จะคิดถึง “พี่บี” ไม่ได้ เธอรู้ว่า “พี่บี” อยากให้เธอลืมเรื่องในอดีตทั้งหมด หญิงสาวถอนใจอย่างสับสน จากนั้นก็รีบกดมือถือแล้วโทร. หาศรวณีย์ แต่ไม่มีคนรับ จึงเปลี่ยนใจโทร.หาฌานแทน
“ฌาน ศรอยู่กับคุณรึเปล่า ? คุณส่งศรที่บ้านแล้วเหรอ ก็ฉันบอกให้ศรรอนี่ แล้วฉันโทรหาศร ศรก็ไม่รับสาย เหลวไหลจริงเด็กคนนนี้”

“ใจเย็นๆนะทราย อย่าไปว่าศรเลย ที่ศรไม่รับมือถือเพราะมือถือเขาโดนลิซ่าโยนทิ้ง มันเป็นความผิด ผมเอง”

ศรวณีย์ใช้โทรศัพท์บ้านคุยกับศรุตาอย่างรู้สึกผิด

“ใช่ค่ะ ศรไปกับคุณลิซ่า ศรรอพี่ทรายอยู่นาน โทร. หาพี่ทรายไม่ติด ศรคิดว่าพี่ทรายคงยุ่ง ศรเลย จะกลับเอง เขามาขอโทษ ศรเลยไปกับเขา ศรไม่รู้ว่าเขาจะทำแบบนี้ พี่ทรายไม่ผิดหรอกค่ะที่ทิ้งศร ศรผิดเอง ศรเห็น
เขามาดี ศรเลยเชื่อว่าเขาดี ศรขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ทรายเป็นห่วง พี่ทรายอย่าโกรธศรนะคะ”

ศรุตากดวางสายด้วยสีหน้าอึ้งๆ ลึกๆ เริ่มหวั่นไหวกับความดีของศรวณีย์
“ฉันทำกับเธอขนาดนี้ เธอไม่คิดจะโกรธฉันเลยเหรอศร”
หญิงสาวครุ่นคิดต่อ
“ ถ้าอาเสาว์ยอมขอโทษ ทรายก็อาจจะ....”

รถของเสาวณีย์จอดอยู่ริมถนน เหมือนรอใครสักคน จนเมื่อเห็นรถของาศรุตาผ่านหน้า ก็รีบขับตามไปทันที
เสาวณีย์เร่งความเร็วขึ้นมาขับตีคู่ แล้วขับเบียดรถศรุตาจนเธอต้องเบี่ยงหลบ กระทั่งตกลงไปที่ดงหญ้า !
ศีรษะของศรุตากระแทกเข้ากับพวงมาลัยเต็มๆ

เสาวณีย์จอดรถข้างทาง แล้วลงจากรถด้วยท่าทางนิ่งๆ ไม่มีความตกใจกลัวใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จะเดินตรงไปหาศรุตา ที่เปิดประตูรถออกมาด้วยท่าทางมึน ที่ศีรษะมีเลือดไหล
“อาเสาว์ ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ “
เสาวณีย์กระชากแขนศรุตาอย่างแรง
“เธอรู้จักฉันดีนี่ศรุตา ว่าเพื่อให้ฉันได้ทุกอย่าง ฉันทำอะไรก็ได้ นี่แค่การสั่งสอนนะศรุตา มันไม่ใช่ เรื่องง่ายที่ฉันจะยืนเป็นที่หนึ่งอยู่ตรงนี้ จำเอาไว้ ฉันกับลูกจะไม่มีวันแพ้เธอ ไปซะศรุตา ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น .คนอย่างฉันยอมติดคุกได้เพื่อความสุขของลูก”
เสาวณีย์เหวี่ยงลูกเลี้ยงจนล้ม แล้วเดินข้ามตัวไปด้วยท่าทางเชิดผงาดอย่างผู้ชนะ ศรุตาจ้องมอง มารดาเลี้ยงอย่างเจ็บแค้น
“ฉันเกือบจะหยุด แต่คุณทำให้ฉันเดินต่อเองนะคุณเสาวณีย์”

คุณหญิงเพกามองเสาวณีย์อย่างตกใจ
“เสาว์ทำแบบนั้นทำไม มันอาจตายได้นะลูก”
เสาวณีย์เชิดหน้านิ่งอย่างไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
“ก็เพราะหัวอกคนเป็นแม่ไงคะ คุณแม่จำได้ไหม ตอนเสาว์จะโดนหมากัด แม่ตีหมาจนมันขาหัก แม่รู้ ว่ามันบาป แต่หัวใจของคนเป็นแม่ยอมเห็นลูกเจ็บไม่ได้ เพราะอย่างนั้นแม่ถึงช่วยเสาว์ไล่ดวงตาและสู้กับนังทราย อย่างนี้”
คุณหญิงเพกาได้แต่ถอนใจ เพราะเถียงไม่ออก
“แล้วถ้านังทรายมันไม่ไปล่ะ ?”
“แต่เสาว์ว่ามันไปค่ะ” เสาวณีย์พูดอย่างมั่นใจ

เสาวณีย์กับศกนั่งรอไปส่งศรวณีย์อยู่ที่ห้องรับแขก พอหญิงสาวเดินลงมา ผู้เป็นแม่ก็ปราดเข้าไปกอดจังหวะเดียวกับที่ป้าทิศวิ่งเข้าบ้านมาด้วยท่าทางตื่น
“คุณศกคะ คุณศก”
เสาวณีย์มองอย่างลุ้นอยู่ในใจเงียบๆ
“คุณทรายค่ะ เมื่อเช้าป้าขึ้นไปปลุกคุณทราย แต่พอเข้าห้องไป ทั้งตัวคุณทราย ทั้งข้าวของ เสื้อผ้า คุณทรายหายไปหมดเลย”
ศกตกใจ ขณะที่เสาวณีย์แอบยิ้มอย่างสมใจ

ศกรับกระดาษโน้ตจากป้าทิศมาอ่าน
“ทรายขอโทษคุณพ่อ คุณอา ลูกศรและป้าทิศด้วยที่ทรายไม่ได้ลาด้วยตัวเอง แต่ทรายจำเป็นต้อง กลับจริงๆ ถ้ามีโอกาสทรายคงได้กลับมาอีก”
ศรวณีย์ถึงกับอึ้ง “นี่พี่ทรายกลับเมืองนอกแล้วเหรอคะ ?”
เสาวณีย์แอบยิ้มสมใจที่ศรุตาไปตามที่ตัวเองคิด จากนั้นก็เร่งให้ศกกับศรวณีย์รีบขึ้นรถ ป้าทิศมอง ตามรถที่เคลื่อนออกไปจากบ้าน แล้วรำพึงกับตัวเอง
“หรือที่คุณทรายไปไม่บอกไม่กล่าว เป็นเพราะคุณเสาว์”

เสาวณีย์เดินพาศรวณีย์มาที่ท่าเรือยอร์ช ที่พัชระยืนรออยู่
“ขอโทษนะพัช ที่อาพาศรมาส่งสาย”
“ไม่เป็นไรครับ ยังทันอยู่”
เสาวณีย์หันมาพูดกับศรวณีย์ที่ยืนหน้าเศร้า เพราะเห็นห่วงศรุตา
“ไปเที่ยวให้สนุกนะศร เรื่องงานแต่งทางนี้ แม่จะจัดเตรียมทุกอย่างให้เอง พอศรกับพัชกลับมา ก็แต่งกันได้เลย”
หญิงสาวถอนใจ รู้สึกเรื่องงานแต่งเหมือนยาขมไปทุกที
พัชระรับกระเป๋าเดินทางของศรวณีย์จากศก แล้วจูงหญิงสาวพร้อมลากกระเป๋าเดินทางไปที่ เรือยอร์ช
เสาวณีย์มองลูกสาวเดินคู่กับพัชระอย่างมีความสุข
“แม่ทำทุกอย่าง ก็เพื่ออยากเห็นลูกมีความสุขแบบนี้แหละ”
เสาวณีย์เดินนำศกกลับไปที่รถ

ศรุตาเดินมายืนตรงด้านหน้าเรือมองเสาวณีย์และศกเดินไป แล้วยิ้มสะใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น