ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 3
ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกามองมัทนาที่นั่งอยู่ริมสระ อ่านหนังสือประเพณีรายาอย่างตั้งใจ
“ไม่นึกเลยว่ายัยมัทจะยอมแพ้ง่ายๆ แค่ท่านคามินพูดไม่กี่คำ ฉันนับถือท่านจริงๆค่ะ” ท่านหญิงมาณวิกาหันมาพูดกับคามินอย่างชื่นชม
“ผมโชคดีมากกว่าครับที่หาวิธีพูดให้คุณมัทยอมรับเหตุผลได้”
“นั่นล่ะค่ะที่เป็นเรื่องยากที่สุด เพราะลูกคนนี้ไม่เคยยอมสนใจเหตุและผลเลย”
ท่านหญิงมาณวิกากับธรรมรัตน์มองคามินชื่นชม ธรรมรัตน์ทอดถอนใจ
“ที่ผ่านมาเราอาจจะบังคับลูกมากเกินไปลูกเลยต่อต้าน ผมว่าต่อไปนี้เราใช้วิธีแบบท่าน
คามินดีกว่า...” ธรรมรัตน์บอกกับคามิน “สอนผมหน่อยว่าต้องพูดกับยัยมัทยังไง”
“สำหรับคุณ พูดยังไงก็ไม่เคยทันลูกหรอกค่ะ ฉันคงต้องฝากท่านด้วยนะคะ”
“ผมมาเพื่อการณ์นี้อยู่แล้ว ยินดีครับ อีกอย่าง...อย่าเรียกผมว่าท่านเลยครับ ผมเป็นแค่ทหารคนหนึ่ง”
“เรียกว่าท่านยังน้อยไป สำหรับ...”
ธรรมรัตน์หยุดพูดไป ที่จริงรู้มาตลอดว่าคามินเป็นเจ้าชาย คามินและท่านหญิงมาณวิกามองว่าจะพูดอะไรต่อ
“สำหรับหัวหน้าราชองครักษ์ผู้ค้ำบัลลังก์แห่งรายา” ธรรมรัตน์พูดเลี่ยงไปได้ทัน
มินตราถือถาดของว่างยืนแอบฟังอยู่ครุ่นคิดบางอย่าง
ค่ำนั้น...มัทนานั่งอ่านหนังสือเล่มเดิม อย่างสนใจเสียงเคาะประตูดังขึ้น มินตรายกของว่างพร้อมนมมาวางให้
“ตกลงคุณมัทตัดสินใจไปเป็นราชินีของรายาแล้วใช่มั้ยคะ ถึงตั้งหน้าตั้งตาศึกษาประเพณีของเขาจนดึกดื่นขนาดนี้”
“พี่มินก็รู้ว่าคนอย่างมัท ท้าไม่ได้ อีตาคามินดูถูกว่าที่มัทไม่ยอมศึกษาเรื่องรายาเพราะกลัวว่าถ้ารู้จักประเทศเขาแล้วจะหลงรัก...มัทจะทำให้เขาเห็นว่าต่อ ให้รู้เรื่องรายาทะลุปรุโปร่งมัทก็ไม่มีวันอยากไปเป็นราชินีที่นั่น”
“คุณมัทกำลังหลงกลคุณคามิน”
“มัทเนี่ยนะ”
“แต่เขาก็เก่งมากนะคะที่เจอกันไม่กี่วันก็รู้จุดอ่อนของคุณมัทแล้วว่าเป็นคนชอบเอาชนะเลยแกล้งดูถูกเพื่อหลอกล่อให้คุณมัทยอมศึกษาประเพณีของรายา”
มัทนาครุ่นคิดแค้นใจ
“จริงด้วย ทำไม่มัทถึงไม่ทันคิด คนเจ้าเล่ห์...”
มัทนาปิดหนังสือ ลุกขึ้น
“แต่ถ้าคุณมัทหลงรักรายาขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่แปลกหรอกคะ เพราะพี่เอง แค่ลองศึกษาคร่าวๆก็รู้สึกว่ารายามีเสน่ห์มาก คุณมัทอาจจะมีความสุขถ้าได้ไปอยู่ที่นั่น”
“ไม่มีทาง เราจะมีความสุขได้ยังไงถ้าต้องไปอยู่กับคนที่เราไม่ได้รัก...”
“นี่ถ้าคุณมัทมีแฟนอยู่แล้วอะไรๆอาจจะง่ายกว่านี้”
“ทำไมละคะ”
“พี่เคยอ่านมาว่า ผู้ชายชาวรายาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีเจ้าของแล้ว แม้จะเป็นเพียงคนรักก็ตาม”
มัทนานึกได้รีบเปิดตำราอีกครั้ง หาหน้าที่เกี่ยวกับการแต่งงาน เธออ่านทันที
“...เพราะนั่นเท่ากับเป็นการยื้อแย่งอีกฝ่ายหนึ่งมา ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้เกียรติและต้องถูกประณามไปตลอดชีวิต...” มัทนาคิดๆ “ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าถ้ามัทมีแฟนแล้ว เจ้าชายก็อาจจะเปลี่ยนใจ”
“แต่คุณมัทก็ไม่มีแฟนนี่คะ...เลิกคิดเถอะค่ะ คุณมัท เข้านอนซะ พรุ่งนี้ท่านคามินจะมาแต่เช้า”
มินตราจะออกไป แล้วชะงักตั้งใจบอกให้มัทนาคิด
“อ้อ...พี่ลืมบอกไปว่าเมื่อกี๊ คุณอัคนีโทรเข้ามาที่คุณมัทนะคะ แต่พี่บอกไปว่าคุณมัทไม่ค่อยสบาย อยากพักผ่อน”
มินตรายื่นมือถือให้ เดินไป
“ตาอัปลักษณ์นี่ยังไม่เลิกตื้ออีกเหรอ” มัทนานึกบางอย่างขึ้นมาได้ “อัคนี จริงซิ”
วังรายาวันใหม่...เจ้าชายมาคีกระชากคอสินธรอย่างโกรธจัด
“บอกมา เจ้าเอาตัวกรรณิการ์ไปไว้ที่ไหน”
“กระหม่อมไม่ทราบเรื่องนี้พะยะค่ะ”
“เราไม่เชื่อ กรรณิการ์หายไปจากบ้านที่เราพาตัวไปซ่อน เจ้าสะกดรอยตามเราทุกฝีก้าว เจ้าต้องรับคำสั่งเสด็จพ่อ แอบมาเอาตัวคนรักของเราไป ใช่มั้ย ตอบ”
“กระหม่อมไม่ทราบจริงๆพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีต่อยสินธรอย่างแรง สินธรเซไปเจ้าชายมาคีจะตามไปซ้ำ ชวาลมองอย่างตกใจรีบเข้ามาห้าม
“พอเถอะพะยะค่ะ...เดี๋ยวจะเจ็บพระหัตถ์เปล่าๆ”
เจ้าชายมาคีขยุ้มคอ
“เจ้าก็ร่วมมือด้วยใช่มั้ย หา”
“โอ๊ย...กระหม่อมไม่กล้าหรอกพะยะค่ะ แค้กๆ” ชวาลตาเหลือก
เจ้าชายมาคีผลักชวาลไป
“คอยดูนะถ้า กรรณิการ์เป็นอะไรไป พวกเจ้าต้องชดใช้”
เจ้าชายมาคีจะไปชวาลเกาะขา
“จะเด็จไหนพะยะค่ะ”
“เราจะไปเฝ้าเสด็จพ่อ"
“ถ้าฝ่าบาททูลเรื่องคุณกรรณิการ์ แล้วองค์ราชายังไม่ทรงทราบเรื่องนี้ กระหม่อมเกรงว่าเรื่องก็จะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่นะพะยะค่ะ” สินธรขัดขึ้น
เจ้าชายมาคีชะงัก
“หากทรงไว้พระทัย กระหม่อมจะไปสืบหาคุณกรรณิการ์ให้เอง”
เจ้าชายมาคีมองดูถูก
“เจ้าเนี่ยนะ” ชวาลแทรกขึ้น
“ท่านองครักษ์เป็นมือขวาท่านคามิน ต้องหาตัวคุณกรรณิการ์ได้แน่พะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีคล้อยตาม
“ก็ได้ เรายอมเพราะเชื่อคามิน ไม่ได้เชื่อเจ้า... เราให้เวลาสามวัน ถ้าเอาตัวกรรณิการ์กลับมาให้เราไม่ได้ อย่าหาว่าเราใจร้าย”
สินธรหนักใจ
คามินอยู่ในห้องพักที่โรงแรมดูคอมพิวเตอร์ที่มีภาพสินธร สไกป์มา
“ดีแล้ว ถ่วงเวลาเจ้าชายเอาไว้ รอให้เราเคลียร์เรื่องทางนี้ให้จบก่อน”
“เอ่อ...ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ”
“เราอยู่ไกลมาก คงสักพักกว่าจะสะสางงานเสร็จ...เรื่องทางโน้น ฝากนายด้วย”
“ครับ เอ่อ มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องเกี่ยวกับคุณกรรณิการ์” สินธรมีท่าทีหนักใจมาก
บ้านโภคิน...กรรณิการ์มีผ้าพันแผลปิดที่หู กลายเป็นคนเสียสติ หยิบข้าวของขว้างนางกำนัลที่เอาของกินมาให้
“ออกไป อย่าเข้ามา ไอ้คนใจร้าย ฮือๆ”
“อาละวาดอีกแล้วเหรอ” บุหลัน ภรรยาโภคินถามนางกำนัล
“ค่ะ ไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย”
กรรณิการ์คลุมโปง บุหลันหยิบถาดมาจากนางกำนัลเอาไปวางที่โต๊ะ โบกมือให้สาวใช้ออกไปแล้วเข้าไปจับตัว
“คุณกรรณิการ์คะ ไม่ต้องกลัวนะ ที่นี่ไม่มีคนใจร้าย คุณปลอดภัยแล้ว”
กรรณิการ์ค่อยๆเปิดโปง
“มันไปแล้วจริงๆเหรอ”
“ค่ะ ฉันไล่มันไปแล้ว มากินข้าวก่อนนะ”
บุหลันเอาจานมาจะป้อนข้าว กรรณิการ์เหมือนจะกิน แต่แล้วก็ปัดจานทิ้ง
“ไม่ แกจะวางยาพิษฉัน แกจะฆ่าฉัน ไป...ออกไป”
กรรณิการ์คลุมโปงอีก บุหลันถอนใจ
บุหลันออกมาหาโภคินที่รออยู่
“เหมือนเดิมค่ะ”
“คงตกใจกลัวจนเสียสติ ก็เลยไม่รู้ว่าคนที่ลงมือ เป็นสุเทษแน่หรือเปล่า”
“ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”
“อำนาจ ใครๆก็อยากได้ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ยอมให้อำนาจไปอยู่ในมือของคนชั่วเด็ดขาด”
“แต่ตอนนี้ฝ่ายในส่วนใหญ่จะสนับสนุนคุณหฤทัยทั้งนั้นนะคะ ยิ่งถ้าเอาผู้หญิงอย่างกรรณิการ์ไปเปรียบเทียบ คุณหฤทัยก็จะยิ่งได้เปรียบ”
“ยังมีผู้หญิงอื่นที่เพียบพร้อมยิ่งกว่า เธอไม่ต้องห่วง ที่สำคัญต้องไม่ให้ใครรู้ว่ากรรณิการ์อยู่กับเราเด็ดขาด”
“ค่ะ” บุหลันรับปาก
โภคินเดินออกมาหน้าบ้านมีทหารยามสะพายปืน เฝ้าอยู่ข้างหน้าสองคน โภคินรู้สึกถึงความผิดปกติ มองไปทางกำแพงที่มีไม้เลื้อยหนาทึบแล้วสั่งทหาร
“ไปดูด้านโน้นซิ”
ทหารยามวิ่งไป ดู เอาปืนยาวแหวกๆก็ไม่เห็นใคร วิ่งกลับมาหาโภคิน
“ไม่มีอะไรผิดปกติครับ”
โภคินพยักหน้าแล้วเดินออกไป โดยไม่เห็นสุเทษในชุดดำที่พรางตัวบนต้นไม้
สุเทษมารายงานนายพลวิฑูรในห้องทำงาน
“แน่ใจเหรอว่ากรรณิการ์อยู่ที่นั่น”
“ครับ...คนที่เราส่งไปซุ่มสังเกตการณ์ที่หน้าบ้าน ท่านโภคินบอกว่าสองวันมานี่มีหมอมาที่บ้าน
แสดงว่าในบ้านมีคนป่วย แล้วคุณบุหลันภรรยาท่านโภคิน ก็สั่งเสื้อผ้าผู้หญิงจากช่างประจำมาหลายชุด ผมเลยคิดว่าคุณกรรณิการ์ต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆครับ”
นายพลวิฑูรมองสุเทษด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ชื่นชมในความเก่ง
“แล้วไอ้คามินล่ะ”
“ยังไม่พบร่องรอยครับ”
นายพลวิฑูรครุ่นคิด
“มันไปไหนของมัน”
“ท่านครับ...กรรณิการ์ไปอยู่บ้านท่านโภคินก็แสดงว่าองค์ราชาต้องทรงทราบแล้วว่าเจ้าชายประทานกุณฑลให้กรรณิการ์ แล้วทำไมในวังดูเงียบเชียบไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย หรือว่าองค์ราชาทรงยอมให้เจ้าชายอภิเษกกับกรรณิการ์แล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ นังนักร้องชั้นต่ำนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับการเป็นราชินีของรายาสักอย่าง มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่...ที่สำคัญ ไอ้คามินมันดันมาหายตัวไปตอนนี้ มันต้องมีอะไรเกี่ยวพันกัน ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว”
นายพลวิฑูรคิดแผนร้าย
คามินยืนครุ่นคิดอยู่ในสวนหน้าบ้านมัทนา มินตราเดินออกมา เห็นชะงัก
“ท่านคามิน สวัสดีค่ะ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปในบ้านละค่ะ”
“ผมมาเร็วไปน่ะครับ อีกอย่างสวนที่นี่สวยมาก ดอกไม้เต็มไปหมด ผมเลยชมจนเพลิน”
“ที่รายาก็คงสวยไม่แพ้กัน เพราะที่นั่นอากาศดี ดอกไม้บานตลอดปี”
“คุณมินตราเคยไปที่รายาเหรอครับ”
“ไม่หรอกค่ะ มินดูจากในหนังสือ ขนาดเห็นดอกรัตยาแค่ในรูป ก็หลงรักแล้วฝันว่าวันหนึ่งคงจะมีวาสนาได้ไปเห็นจริงๆ”
“คงไม่นานหรอกครับ แล้วผมจะพาคุณมินตราไปชมทุ่งรัตยาเอง”
“จริงเหรอคะ...แต่ว่า...มินคงไม่มีวาสนาหรอกค่ะ เชิญข้างในดีกว่า คุณมัทเธอรอคุณอยู่ตั้งนานแล้ว”
มินตราเดินนำไป คามินแปลกใจ
มินตรานำคามินมาที่ห้องโฮมเธียเตอร์ มัทนานั่งรออยู่ สบตากัน มินตราออกไป
“สวัสดีค่ะท่านราชองครักษ์ ฉันพร้อมแล้ว”
คามินแปลกใจ มอง
“ยืนเฉยทำไม เริ่มบทเรียนของคุณซิคะ ฉันรอฟังอยู่”
“ขอโทษครับผมแค่แปลกใจแล้วก็ดีใจ”
“ก็ฉันรับคำท้าคุณแล้วนี่ ฉันก็ต้องทำตามนั้นเริ่มกันเลยเถอะค่ะ”
คามินเอาซีดีออกจากกระเป๋า เสียบเข้าเครื่อง
รถอัคนี ปราดเข้ามาจอดหน้าบ้านมัทนา สมุนวิ่งลงมาเปิดประตู อัคนีในชุดสูทลงมาอย่างเท่ สมุนหยิบของขวัญกล่องใหญ่ กระเป๋าใส่สมุดบัญชี ช่อดอกไม้ กระเช้า พะรุงพะรัง อัคนีขยับสูทกวักมือ ให้ตามมา
ในห้องรับแขก...ท่านหญิงมาณวิกา มองหน้ากับมินตราที่ทำไม่รู้ไม่ชี้ อัคนีกวักมือให้ลูกน้องเอาของขวัญและกระเช้ามาวาง
“ของฝากเล็กๆน้อยๆครับ ป๊าของผมทราบว่าท่านประธานธรรมรัตน์เพิ่งถูกลอบทำร้ายก็เลยฝากผมมามอบให้เป็นการปลอบใจ และนี่...”
อัคนีหยิบสมุดบัญชีในธนาคารออกมายื่นให้
“บัญชีเงินฝาก ส่วนนี่โฉนดที่ดิน”
ท่านหญิงมาณวิกางงๆไม่เข้าใจ
“ฉันก็ยังไม่เข้าใจ คุณเอาทรัพย์สมบัติของคุณมาให้ฉันดูทำไมไม่ทราบ”
“ถ้าไม่ดูแล้วท่านแม่จะได้เชื่อไงครับว่าผมมีปัญญาที่จะดูแลคุณมัทให้สุขสบายได้ตลอดชีวิต”
ท่านหญิงมาณวิกาข่มอารมณ์
“เดี๋ยวนะคะ ฉันยังไม่ทราบเลยว่าคุณเป็นใคร”
“อ้าว..นี่ท่านแม่ไม่รู้จักผมเหรอครับ”
ท่านหญิงมาณวิกาส่ายหน้า
“ท่านแม่คงงานยุ่งเลยไม่ค่อยมีเวลาอ่านนิตยสารไฮโซผมลงมาแล้วทุกเล่มครับ...ผมชื่ออัคนี อลังการสกุล ลูกชายของนักธุรกิจระดับประเทศ อสิต อลังการสกุล”
“อ๋อ...ฉันจำได้แล้ว คุณคือคนที่บาดเจ็บเพราะยัยมัท ต้องขอโทษแทนลูกจริงๆค่ะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ เราหยอกล้อกันตามประสาคนรัก เจ็บมากกว่านี้ผมก็ทนได้ ผมขอตัวนะครับ”
ท่านหญิงมาณวิกาสะดุดกับคำว่าคนรัก อัคนีจะเดินขึ้นไปข้างบนเลย สมุนตาม มินตรารีบห้าม
“เดี๋ยวค่ะ คุณจะไปไหนคะ”
“ผมจะไปเยี่ยมคุณมัทน่ะซิครับ”
“คุณมัทไม่ได้อยู่ข้างบนหรอกคะ เธออยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์ด้านโน้น”
“ขอบคุณครับ คุณพี่เลี้ยง”
อัคนีเดินไปอย่างรวดเร็ว ลูกน้องถือช่อดอกไม้ และกล่องของขวัญที่เหลือกล่องหนึ่งตาม
“คุณอัคนี เดี๋ยวค่ะ...มินจัดการเองค่ะ”
มินตราบอกกับท่านหญิงมาณวิกาแล้วเดินตามไป ท่านหญิงมาณวิกามองตามห่วงใย
ในห้องโฮมเธียเตอร์...คามินกำลังอธิบาย พร้อมฉายภาพ
“นี่คือศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเรา”
คามินฉายภาพการประลองที่รายา
“อาวุธที่เห็น เป็นอาวุธที่มีมาตั้งแต่โบราณ ส่วน การต่อสู้มือเปล่า ก็คล้ายๆกับมวยไทย แต่รายาเน้นความว่องไว และใช้ทั้งหมัด ทั้งสันมือ”
คามินเห็นมัทนาดูเหมือนไม่มีสมาธิ
“คุณมัทนาครับ...”
“ฉันฟังอยู่ แค่กำลังคิดว่าเรื่องการต่อสู้พวกนี้มันไม่เห็นจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องรู้...”
“ถ้าอย่างนั้นคุณมัทนาอยากทราบเรื่องอะไรครับ”
“ก็ประเพณีที่เกี่ยวกับผู้หญิง ผู้ชาย การเลือกคู่ การแต่งงานอะไรแบบนี้”
“เมื่อเราพบคู่แท้ ฝ่ายชายจะมอบต่างหูหรือกุณฑลให้กับฝ่ายหญิงเพื่อหมั้นหมาย”
“แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นมีคนรักอยู่แล้วละ”
“ฝ่ายหญิงก็จะคืนให้ แต่...เหตุการณ์นี้จะไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะก่อนที่จะมอบของหมั้น ฝ่ายชายจะต้องแน่ใจว่าฝ่ายหญิงไม่มีคนรัก”
“ถ้าอย่างงั้นการอภิเษกก็คงจะมีปัญหาแล้วล่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ”
ประตูเปิดผลัวะเข้ามา
“คุณมัทนาที่รัก อัคนีมาแล้ว”
อัคนีพรวดพราดเข้ามาจับมือมัทนา
“ผมเป็นห่วงคุณมากๆ พอวางสายเมื่อคืนผมก็นอนไม่หลับเลย หลับตาลงก็เห็นแต่หน้าคุณ”
คามินมองสังเกตงงว่าไอ้นี่ใคร เพราะเดินผ่าตัดหน้าเข้ามาแบบไม่สนว่ามีคนยืนอยู่
“คุณอัคนี ฉันบอกแล้วไงคะว่า ฉันไม่เป็นไรมาก ที่ฉันโทรไป ก็แค่อยากจะบอกความรู้สึกของตัวเอง ก่อนที่เราจะต้องกล่าวลากัน”
“กล่าวลา ทำไมครับ คุณมัทจะไปเมืองนอกเหรอ เอ๊ะ หรือว่าคุณมัทเป็นโรคร้าย”
“มันยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ”
อัคนีตกใจ
“หา...ไม่ได้ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาหมอ โรงพยาบาลที่ป๊ามีหุ้นอยู่”
อัคนีทำท่าจะอุ้มมัทนา แต่ไม่ไหว
“เฮ้ย ช่วยกันหน่อยซิวะ”
อัคนีกวักมือ สมุนเข้ามาแบกอุ้มมัทนาไป มัทนาก็ตกใจไม่คิดว่าจะขนาดนี้
“เดี๋ยวค่ะ คุณอัคนี”
มินตราแกล้งเข้ามาช้าๆ
“ตายจริงที่คุณจะทำอะไร”
คามินมองไม่เข้าใจว่าอัคนีเป็นใคร
มัทนาถูกหามออกมาจากห้อง มินตราดึงไว้
“บอกให้คนของคุณปล่อยคุณมัทเดี๋ยวนี้ คุณอัคนี”
อัคนีไม่ฟัง คามินมาขวางไว้ก่อน
“กรุณาปล่อยคุณมัทนาด้วย”
“นายเป็นใคร หลีกไป ฉันจะพาแฟนฉันไปหาหมอ”
อัคนีผลัก คามินจับหักแขนๆ อัคนีร้องลั่น
“โอ๊ยๆ แขนหักแล้ว ปล่อยนะโว้ย ฉันจะฟ้องป๊า”
สมุนตกใจปล่อยมัทนา แล้วมาเล่นงานคามินแต่ถูกคามินใช้มวยรายาจับหักแขนได้อย่างรวดเร็วพร้อมกดให้คุกเข่าไว้ได้ทั้งสองคน แบบไม่ทำให้บาดเจ็บมาก อัคนีอ้าปากค้าง
“แก แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
“ขอโทษ ผมไม่ทราบจริงๆ แต่ผมยอมให้คุณเอาตัวพระคู่หมั้นของเจ้าชายรัชทายาทไปไม่ได้”
“พระคู่หมั้นอะไร แกนี่ท่าจะบ้า”
มัทนาได้ที แอ็คติ้งเศร้า น้ำเน่าสุดๆ
“ขอโทษด้วยนะคะ คุณอัคนี แต่ต่อไปอย่ามาหาฉันอีก เราคงพบกันไม่ได้อีกแล้ว”
มัทนามองอัคนียิ้มมีแผนแกล้งตีหน้าเศร้า
“ฉันไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไร แค่กำลังจะหมดอิสรภาพเท่านั้น”
“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนี้ละครับเกิดอะไรขึ้น”
มัทนาตีหน้าเศร้าหนักขึ้น จะร้องไห้
“คุณพ่อคุณแม่บังคับให้ฉันแต่งงาน”
อัคนีตกใจ
“อะไรนะ แต่งงาน เป็นไปได้ยังไง ก็คุณมัทเพิ่งโทรไปรับรักผมเมื่อคืน”
มัทนากลัวอัคนีจะพูดมาก รีบฟูมฟาย
“กว่ามัทจะรู้ใจตัวเองมันก็สายเกินไป มัทขอโทษค่ะ แต่มัทขัดคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้”
คามินมองอย่างงงๆ
“ไม่...บอกผมมาว่า ไอ้มารหัวใจคนนั้นมันเป็นใคร หรือว่า” อัคนีหันไปมองคามิน “อย่าบอกนะ ว่าคุณต้องแต่งงานกับไอ้หน้าปลาจวดนี่ ...หล่อไม่ได้ครึ่งของผมเลย ไม่คู่ควรกับคุณสักนิด”
ธรรมรัตน์เข้ามา
“ลูกสาวผมจะแต่งงานกับใคร ก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
อัคนีหันไป
“คุณพ่อ”
“ผมไม่มีลูกชาย เชิญคุณกลับไปได้ ก่อนที่ผมจะแจ้งความข้อหาบุกรุก”
“คุณมัท” อัคนีมองขอความช่วยเหลือ
“หรือจะให้ตำรวจมาเชิญคุณออกไป” ธรรมรัตน์เสียงแข็ง
“กลับก่อนเถอะครับ คุณหนู”
ดำกับดอนลากอัคนีออกไป
“คุณมัท ไม่ต้องห่วง ผมจะมาช่วยคุณเอง”
“คุณอัคนี” มัทนาอาลัยอาวรณ์
ธรรมรัตน์มองคามิน กระอักกระอ่วน
อัคนีกลับไปแล้ว ทุกคนมาอยู่ในห้องรับแขก ธรรมรัตน์โวยวาย
“เป็นไปไม่ได้ เหลวไหลทั้งเพ ลูกไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมพ่อไม่รู้เรื่อง”
“ความรักไม่ต้องการเวลาหรอกค่ะ”
ท่านหญิงมาณวิกาหันมาถามมินตรา
“จริงหรือมินตรา เธอรู้เรื่องรึเปล่า”
“มินทราบแค่ว่า คุณอัคนีชอบคุณมัทมากค่ะ”
ธรรมรัตน์ขัดขึ้น
“แต่นายอสิตพ่อเขาเป็นมาเฟียมาก่อน ธุรกิจที่ทำก็มีเงื่อนงำ อย่าว่าแต่คบเป็นแฟน เป็นเพื่อนพ่อก็ไม่ยอม”
ท่านหญิงมาณวิกามองหน้าลูกสาว
“คนที่เจ้าเล่ห์นั่งอยู่ตรงนี้ต่างหาก มัทนาลูกตั้งใจจะสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อปฏิเสธการแต่งงานใช่มั้ย”
“มัทนายังไม่ได้พูดซักคำว่าจะปฏิเสธการแต่งงาน มัทยินดีจะทำตามที่พ่อกับแม่ต้องการ ถึงแม้หัวใจมัทจะแหลกรานไม่มีชิ้นดี”
ธรรมรัตน์หลงกลที่เห็นลูกเสียงสั่น
“มัทนา”
“นี่เป็นเรื่องใหญ่ คุณมัทนาควรจะบอกผมแต่แรก” คามินพูดขึ้นเครียดๆ
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรละคะ ในเมื่อการอภิเษกต้องเกิดขึ้นอยู่ดี เราอย่าเสียเวลากันเลย
ไปเรียนกันต่อเถอะ”
มัทนาลุกขึ้นทำเป็นเซ ธรรมรัตน์ตกใจเข้าไปประคอง
“เป็นอะไรมากหรือเปล่ามัท ไปหาหมอมั้ยลูก”
“โรคของมัทหมอที่ไหนก็รักษาไม่หายหรอกค่ะอย่าสนใจมัทเลยค่ะพ่อ”
มินตราเข้าประคอง
“มินพาคุณมัทไปเองค่ะ”
มินตราพามัทนาไป ท่านหญิงมาณวิกามองกลุ้มใจ คามินมองประเมินเดาว่า มัทนาแกล้งอีกแต่ไม่อยากออกความเห็น ธรรมรัตน์ลำบาก
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ”
คามินเข้ามามุมหนึ่งในบ้านมัทนาอย่างกลุ้มใจ ตัดสินใจโทรหาโภคิน
“สวัสดีครับท่านโภคิน ผมมีเรื่องด่วนจะปรึกษา...”
คามินเล่าเรื่องมัทนากับคู่รักให้ฟัง โภคินแย้งทันที...
“เป็นไปไม่ได้ องค์ราชาให้คนติดตามพฤติกรรมของคุณมัทนามาตลอด ถึงเธอจะมีข่าวกับชายหนุ่มในแวดวงไฮโซแต่เธอไม่เคยมีคนรักแน่นอน”
“หมายความว่า องค์ราชาทรงส่งสายมาที่เมืองไทยเพื่อเฝ้าดูคุณมัทนาเหรอครับ”
“ใช่แล้ว...คามิน ถ้าไม่แน่พระทัย พระองค์จะไม่เลือกคุณมัทนาเด็ดขาด”
“แต่เท่าที่เห็น คุณมัทนา เธอไม่เต็มใจจะอภิเษกกับเจ้าชายและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้การอภิเษกยกเลิก”
“องค์ราชาถึงทรงส่งท่านไปยังไงล่ะ เพราะนอกจากท่านก็คงไม่มีใครทำภารกิจนี้สำเร็จอีกแล้ว”
คามินกดวางสาย ด้วยความกังวล
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 3 (ต่อ)
ในห้องรับแขก...ธรรมรัตน์บอกอย่างสับสน
“เป็นความผิดของผมจริงๆ ไม่น่าก่อปัญหาจนทุกคนต้องเดือดร้อนแบบนี้ ผมคงต้องจบเรื่องนี้ซะที”
ท่านหญิงมาณวิกาหันมาถาม
“คุณเชื่อเหรอคะว่ายัยมัทเป็นแฟนคุณอัคนีจริง”
“จริงหรือไม่จริง ลูกทำขนาดนี้เราก็ไม่ควรจะดึงดันต่อไป เพราะนี่มันเป็นเรื่องของประเพณีที่ทางรายาเคร่งครัดมาก ผมจะไปเข้าเฝ้าองค์ราชาทูลขออภัยโทษ ถ้าทรงกริ้ว ผมก็ยอมให้ทรงลงโทษ จะจับขังคุกหรือประหารก็ยอม”
คามินเข้ามา
“ไม่จำเป็นหรอกครับ ทางโน้นทราบเรื่องหมดแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของผม ที่ต้องทำให้คุณมัทนาเต็มใจอภิเษกให้ได้”
“แล้ว คุณจะทำยังไงครับ”
มัทนานั่งรออย่างใจเย็นอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์
“ป่านนี้ยังไม่มา แสดงว่าคงถอดใจกลับไปแล้ว มัทรักอีตาอัคนีก็คราวนี้ เปิดปุ๊บติดปั๊บจริงๆ”
“ตกลงเมื่อคืนโทรไปพูดกับเขาว่ายังไงคะ” มินตราถามอย่างสงสัย
“ก็บอกว่า...มัทเสียใจมากที่แกล้งคุณอัคนีจนบาดเจ็บยกโทษให้มัทด้วยนะคะ มัทเพิ่งรู้ใจตัวเองว่ามัทเป็นห่วงคุณอัคนีแค่ไหน...แค่นี้ละค่ะที่มัทอยากบอก”
“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะคะ คุณมัทไม่กลัวว่า คุณพ่อจะเดือดร้อนเหรอ”
“มันไม่เกี่ยวกับพ่อซะหน่อย คนที่มีปัญหาคือมัท ถ้าอยากจะเอาเรื่องก็มาเล่นงานมัทเลย มัท
ไม่กลัว” เธอดูนาฬิกา “มัทหิวแล้ว พี่มิน ไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่า”
มัทนาจะเดินออก คามินเปิดประตูเข้ามา
“คุณคามิน... แหม นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
“เรายังเรียนประเพณีของรายาค้างกันอยู่ ผมคงยังกลับไม่ได้”
“ประเพณีอะไรอีก”
“อ้าว...ก็เรื่องการแต่งงานไงครับ ผมยังไม่ได้บอกคุณมัทนาเลยว่าถ้าฝ่ายชายรู้ว่า ผู้หญิงที่ตัวเองรักมีเจ้าของอยู่แล้ว จะทำยังไง...”
“แล้ว ต้องทำยังไงคะ”
“ประลอง”
มินตราชะงัก
“ประลอง”
คามินยิ้ม
“ครับ หากฝ่ายใดไม่ตัดใจจากไป ฝ่ายหญิงก็จะให้โอกาสฝ่ายชายอีกครั้ง ฝ่ายไหนชนะ เราเรียกว่าพิธีชิงนาง” คามินอุปโหลกขึ้นมา
มัทนาอึ้ง
อสิตฟังที่อัคนีเล่าแล้วถามซ้ำ...
“ชิงนาง” อสิตระเบิดหัวเราะงอหาย “ฮะฮ่าๆ ชิงนาง ฮะฮ่าๆ”
ลูกน้องก็หัวเราะกันใหญ่อัคนีงง
“ป๊า ขำอะไร นี่มันเรื่องใหญ่นะ คุณมัทนาบอกว่า ไอ้องครักษ์นั่นมันท้าให้ผมประลองกับมัน ถ้าชนะมันจะจัดการยกเลิกการอภิเษกระหว่างคุณมัทกับเจ้าชายของมัน”
“ไอ้หนูเอ๊ย...ที่ป๊าหัวเราะเพราะ หนึ่ง ป๊าไม่เชื่อว่า ไอ้ธรรมรัตน์มันจะได้เป็นพ่อตาพระราชา มันอาจจะดูหนังจักรๆวงศ์ๆมากเกินไป สอง ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง การท้าทายแบบนี้มันจิ๊บจ๊อยมากสำหรับ อดีตมาเฟียคุมบ่อนอย่างป๊า ไอ้ยักษ์ ไปจัดการ เตรียมอาวุธหนักอาวุธเบา และกำลังคนของเราให้พร้อม รอรับคำสั่งจากอั๊ว”
“ครับ”
ยักษ์จะวิ่งไป อัคนีห้ามไว้
“เดี๋ยวก่อน ป๊า นี่ป๊าเข้าใจว่า ผมจะต้องแข่งอะไรเนี่ย”
“อ้าว ก็พิธีชิงนาง มันก็ต้องสู้กันให้ตายไปข้างนึงอยู่แล้ว”
“โอ๊ย ไม่ใช่...ผมต้องลงแข่งไตรกีฬา”
อสิตงง
ห้องหนังสือบ้านมัทนาวันใหม่...มินตรา นำเหมันต์ที่หอบแผนที่กระหืดกระหอบเข้ามา
“เหมันต์มาแล้วค่ะ”
“จริงเหรอครับเรื่องแข่งไตรกีฬา ชิงนางน่ะ”
มัทนาชู้วปาก
“พี่มิน ล็อคประตูเร็วค่ะ”
มินตราไปล็อคประตู
“มัทก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่ามันจะมีพิธีแบบนี้อยู่ในโลก แต่ถ้ามันจะทำให้มัทไม่ต้องแต่งงานกับเจ้าชายรายา จะพิธีอะไรมัทก็ทำทั้งนั้น...แล้วข้อมูลที่มัทให้หาเอามามั้ย”
เหมันต์กางแผนที่รายาลงบนโต๊ะ
“พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาชาวรายาเลยชำนาญกีฬาทางบก”
“มิน่า นายคามินถึงท้าแข่งจักรยานภูเขา กับปีนหน้าผา”
มินตราขัดขึ้น
“แต่ไม่ว่าจะทางไหน คุณอัคนีก็ดูเหมือนจะไม่ชำนาญเลยสักทางนะคะ”
“นายนั่นก็แค่หุ่น แต่คนเชิดคือเรา”
“หมายความว่ายังไงครับ” เหมันต์งงๆ
มัทนา แววตาเจ้าเล่ห์
“ก็หมายความว่า เราต้องเป็นคนทำให้นายอัคนีชนะน่ะซิ”
“ฮะ...เอางั้นเหรอ” เหมันต์หน้าตื่น
“ก็อย่างงั้นซิคะ”
“การแข่งขันสุดท้าย คุณคามินให้ทางเราเป็นคนเลือก ถ้าอย่างงั้นเราก็ควรเลือกกีฬาที่เขาไม่ถนัด” มินตราแนะ
“มัทขอคิดก่อน แต่ถ้าทำตามแผนที่วางไว้ นายองครักษ์นั่น อาจจะจอดแค่ กีฬาประเภทที่สองก็ได้”
“แล้วถ้าคุณมัทชนะ มิต้องกลายเป็นแฟนกับคุณ อัคนีไปจริงๆเหรอครับ” เหมันต์ถามเกรงๆ กลัวมัทนาจับความในใจได้
“เรื่องนั้นค่อยคิด นายอัคนีไม่มีน้ำยาหรอก จัดการง่ายกว่านายองครักษ์จอมจุ้นเยอะ”
ในห้องออกกำลังกาย...อสิตนอนยกบาร์เบล สาธิตให้อัคนีดู ยักษ์คอยนับให้
“88...89...70”
อสิตถีบยักษ์
“ตกเลขหรือไงวะไอ้ยักษ์ นับอย่างงี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ถึง”
“ขอโทษครับ”
อัคนีฟุตเวิร์คในชุดวอร์ม
“ผมพร้อมแล้วครับป๊า”
อสิตวางดัมเบล
“ไอ้ลูกรัก...ถึงวันนี้เชื่อที่ป๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์กับสุขภาพ นี่ถ้าให้ป๊าเทรนแต่แรก ก็ไม่ต้องมาเข้าคอร์สเร่งรัดขนาดนี้”
“ทำไงได้ ศึกชิงนางคราวนี้ ผมเดิมพันด้วยชีวิต”
“มันต้องอย่างงั้น ไหน เช็คความแข็งแกร่งหน่อย”
อัคนี เบ่งกล้ามยืดตัว อสิตชกไปที่ท้องอัคนีเบาๆ อัคนี ยวบไป จุกพูดไม่ออก ยักษ์ต้องเข้าไปพยุง
“เวรล่ะ ไอ้หนู ลูกพ่อ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป เฮ้ยไอ้ยักษ์ เรียกรถพยาบาล”
ยักษ์จิ้มโทรศัพท์ อัคนีรีบโบกมือ เปล่งเสียงออกมา
“ผมไม่เป็นไร จุกนิดหน่อย แค้กๆ”
เวลาผ่านไป...อัคนีนอนหงายลงเก้าอี้บาร์ ยักษ์กับอัคนี ช่วยยกบาร์เบล ให้อัคนียก อสิตสอนเทคนิค อัคนีจับบาร์เบล ออกแรงยกแต่ละครั้งยากลำบาก อสิตนับ
“หนึ่ง...”
อัคนีหน้าเขียวหน้าเหลือง พยายามเบ่งลม
“ย้าก”
อสิตนับต่อ
“สอง...”
อัคนียกไม่ขึ้นแล้วถูกบาเบลทับอก
“ช่วยด้วยๆ”
ยักษ์กับอสิตช่วยยกบาเบลออก แล้วปั๊มหัวใจอัคนี
อัคนีนั่งหมดแรงข้าวต้ม สมุนรุมกันพัดวี นวดเฟ้น อสิตยืนกลุ้มกับยักษ์
“ท่าจะไปไม่รอด อย่าว่าแต่ซิกซ์แพก แค่ครึ่งแพกก็ไม่มีหวัง”
“มันจะยากอะไรละครับ เราแค่ไปดักยิงคู่แข่งของคุณหนู แค่นี้ก็จบ” ยักษ์แนะ
อัคนีรีบห้าม
“เฮ้ย...อย่านะ ทำอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้พิสูจน์ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายให้คุณมัทเห็นน่ะซิ ป๊า ป๊าต้องช่วยผมนะ ทำยังไงก็ได้ ให้ผมชนะ”
“ไม่ต้องกลัว ป๊าอยู่ทั้งคน ลื้อไม่มีวันแพ้ ไอ้ยักษ์ลื้อรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”
“หมายถึงโกงใช่มั้ยครับ”
“ถ้าหาคำที่ดีกว่านั้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดออกมา ไปจัดการ”
“ผมรักป๊าที่สุด” อัคนียิ้มดีใจ
“ป๊าก็รักลื้อ ไม่ต้องกลัว ในสายตาของหนูมัทนา ลื้อต้องได้ชัยชนะมาอย่างขาวสะอาดที่สุดและต้องพิชิตใจมัทนาได้แน่”
อสิตตบบ่า อัคนีโอดโอย เจ็บไปหมดทั้งตัว อสิตโอ๋
รีสอร์ทริมทะเลวันใหม่...มัทนา เหมันต์ มินตรายืนอยู่ คามินกับอัคนีจูงจักรยานเข้ามาคนละข้าง ในชุดกีฬาใส่อุปกรณ์ป้องกันครบเซต เหมันต์ยืนใกล้ มัทนาจับมืออัคนี
“สู้ๆนะคะฮันนี่”
อัคนีตื่นเต้นที่ได้ยินมัทนาเรียกฮันนี่
“กำลังใจดีอย่างนี้สู้ขาดใจเลยครับฮันนี่”
อัคนีหันมองคามินยิ้มเยาะ
“คุณคามิน คุณเตรียมผ้าเช็ดหน้ามารึเปล่า”
“เปล่าครับ...”
“งั้นคุณเหมันต์ช่วยเตรียมให้หน่อยนะ เวลาแพ้ คุณคามินจะได้มีผ้าไว้เช็ดน้ำตาฮ่าๆ” อัคนีหัวเราะเยาะเย้ย
มัทนาแอบหมั่นไส้ คามินมอง มัทรีบฉีกยิ้ม
“หวังว่า ถ้าพิธีชิงนางนี่ คุณเป็นฝ่ายแพ้ คงไม่มีพิธีอะไรตามมาอีกนะคะ”
“ถ้ามี ก็คงจะเป็นพิธีอภิเษกละครับ”
มัทนาหุบยิ้ม
“พี่เหมันต์ เริ่มได้เลย”
คามินมองอัคนีเซ็งๆ เหมันต์ตะโกน
“เตรียมตัว”
คามินกับอัคนีตั้งท่าเตรียมปั่นจักรยาน เหมันต์เป่านกหวีดให้สัญญาณ คามินออกตัวได้เร็วกว่าขี่นำอัคนีไป อัคนีขี่ตามแบบว่อกแว่ก อย่างคนไม่มีแรง เหมันต์กับมัทนารีบวิ่งไปขึ้นรถกอล์ฟขับออกไป
คามินขี่จักรยานนำอัคนีหลายช่วงตัว...ที่จุดซึ่งมีป้าย เป็นทางแยก คนของอสิตมาเปลี่ยนป้ายให้ลูกศรไปอีกทาง คามินเลี้ยวไปตามทางนั้น สมุนอสิต ดันป้ายกลับ อัคนีปั่นตามเหนื่อยหอบ หยุดพูดโทรศัพท์
“แน่ใจนะ ว่ามันจะไปไม่ถึงเส้นชัย”
ยักษ์ซุ่มอยู่ กับดำ ดอน พูดมือถือตอบอัคนี
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ต่อให้คุณหนูเดินไปก็ชนะแน่นอน”
ยักษ์กดมือถือ ควักกล้องส่องทางไกลมาส่อง เห็นคามินขี่มา ลัดเลาะ ก้อนหิน สิ่งกีดขวางที่เป็นขอนไม้แต่คามินก็ใช้จักรยานกระโดดข้ามได้ พอผ่านเชือกที่ขึง คามินก็ก้มลงหยิบน้ำมากิน เลยรอดไปได้สบาย ยักษ์ขัดใจ
“เฮ้ยๆ มันมาแล้วโว้ย เตรียมตัว”
สองคนหลบ...คามินขี่มา ถึงก็หยุดข้างหน้าเป็นโขดเขาทางตัน คามินงง จอดจักรยานเดินไปดูว่ามีทางไปมั้ย ดำ ย่องมาคว้าจักรยาน คามินหันขวับ ยักษ์เข้ามาเอาไม้ฟาด คามินหลบเข้าต่อสู้ ยักษ์ถูกอัดไม้ร่วงลงไปกอง คามินวิ่งไป กระโดดโหนกิ่งไม้โดดถีบดำคะมำ ดำชักมีด คามิน เอาจักรยานฟาด
มือที่ถือมีดติดในล้อ พอบิดก็ร้องจ๊าก คามินถีบอีกทีกระเด็นไปสลบเหมือด หันกลับ ยักษ์วิ่งหนี
คามินเห็นป้ายเก่าที่ถูกเปลี่ยนตกอยู่ คามินส่ายหน้า รู้ว่าโดนโกง รีบขี่จักรยานกลับไปทางเก่า
ทางสู้เส้นชัยจุดที่1...อัคนีเดินจูงจักรยาน ดูดน้ำ เอ้อระเหย คามินขี่จักรยาน แซงขึ้นมา แล้วหันมาตะเบ๊ะ อัคนีสำลัก
“เฮ้ย อะไรกันวะ”
อัคนีรีบกดมือถือ ไม่มีคนรับ อัคนี รีบขี่จักรยานตามไปอย่างทุลักทุเล
ใกล้ถึงเส้นชัย...เหมันต์ใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูที่ถนนเห็นคามินขี่จักรยานมา เหมันต์รีบวิ่งไปที่ถนนเอาตะปูเรือใบวางขวางเต็มถนนแล้ววิ่งไปหลบ คามินขี่จักรยานมาอย่างรวดเร็วเห็นตะปูเรือใบก็ตกใจแต่เบรกไม่ทัน จักรยานของคามินเหยียบตะปูเรือใบเต็มแรง ยางรั่วทันที คามินลงจากจักรยานมองอย่างหงุดหงิด เหมันต์ยิ้มสมใจเอามือถือถ่ายรูปคามินที่หน้าหงิกมองยางจักรยานที่ล้อแบบทั้งสองล้อ อัคนีขี่จักรายานมาอย่างเหนื่อย เห็นคามินจอดจักรยานก็ยิ้มเยาะแล้วขี่หลบตะปูเรือใบแล้วแซงไป
“เฮ้ย ฮ่ะๆ ให้มันรู้ซะมั่งใครเป็นใคร”
อัคนีหัวเราะลั่น คามินมองจักรยานครุ่นคิดหนักใจ
มัทนากับมินตรานั่งอยู่ที่เส้นชัยเสียงมือถือมัทนาดังขึ้น เธอกดเปิดดูรูปที่เหมันต์ส่งมาให้หัวเราะลั่นแล้วเอาให้มินตราดู
“เป็นไปตามแผน...พี่มินดูหน้าอีตาคามินสิ”
“แกล้งเขาหนักขนาดนี้ถ้าเขารถล้มหัวร้างข้างแตกไปจะทำยังไง”
“ก็พาไปหาหมอ แค่หัวแตกไม่ตายหรอกค่ะ”
มินตรามองมัทนาหนักใจ อัคนีขี่จักรยานมาตะโกนลั่น
“ฮันนี่...ผมมาแล้ว”
“มาเลยค่ะฮันนี่ มาเข้าเส้นชัยเลย”
อัคนีฮึดปั่นเต็มพลังใกล้เส้นชัยเข้ามาทุกทีมัทนาเชียร์
“ฮันนี่สูๆ ฮันนี่สู้ตาย”
แล้วมัทนากับมินตรา ก็ต้องตกใจเมื่อคามินแบกจักรยานวิ่งไล่หลังอัคนีมา
“คุณคามินตามมาแล้ว...ปั่นให้สุดพลังเลยคุณอัคนี”
อัคนีหันไปมองเห็นคามินแบกจักรยานวิ่งกระชั้นเข้ามาก็มองอย่างตกใจรีบปั่นแต่ก็ยังช้ากว่าคามินที่วิ่งแซงเข้าเส้นชัยไปอย่างรวดเร็ว คามินชูจักรยานร้องอย่างสะใจ
“เยส!”
มัทนาตะโกนเยาะเย้ย
“ดีใจอะไรเหรอ”
“ก็ผมชนะ”
“คนชนะอยู่โน่น”
มัทนาชี้ไปที่อัคนีที่เพิ่งขี่จักรยานเข้าเส้นชัย
“ผมเข้าเส้นชัยก่อนแต่คุณตัดสินให้คุณอัคนีชนะ อย่างนี้เขาเรียกว่าโกงนะครับ”
“นี่มันแข่งขี่จักรยานแต่คุณแบกมามันผิดกติกา...”
“ไม่มีกติกาข้อไหน ระบุว่า ต้องขี่จักรยานเข้าเส้นชัยเท่านั้นนี่ครับ”
“อ้าว แบบนี้มันกวนกันนี่หว่า”
คามินควักมือถือมากดให้ดู
“ถ้าแบกจักรยานผิด เดินจูงจักรยานระหว่างแข่งขันก็ผิดเหมือนกัน”
คามินยื่นให้ดู เป็นรูปที่คามินถ่ายอัคนีตอนที่ขี่จักรยานไล่หลังมา เห็นอัคนีจูงจักรยาน มินตรา มัทนา อัคนีอึ้ง
“ก็แค่พักนิดเดียว” อัคนีเสียงอ่อย
มัทนาตัดบท
“เอาละๆ เป็นอันว่า ท่านราชองครักษ์ชนะในรอบนี้ก็แล้วกัน”
เหมันต์กระหืดกระหอบมาถึง
“เมื่อกี๊คุณมัทว่าคุณคามินชนะเหรอครับ”
มัทนาเหวียงๆ
“ก็ใช่น่ะซิ...แต่ยังไงก็ยังเหลืออีกสองด่าน อย่าเพิ่งท้อใจนะคะ ที่รัก”
“เพื่อคุณมัท ผมสู้ขาดใจอยู่แล้ว”
คามินมองอัคนีอย่างหมั่นไส้แล้วพูดกับมินตรา
“คุณมินผ้าเช็ดหน้ามั้ยครับ”
มินตราหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้คามิน
“นี่ค่ะ”
“ยืมหน่อยนะครับ...”
คามินหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้อัคนี
“ให้ผู้แพ้ซับน้ำตา”
อัคนีมองไม่พอใจ คามินมองยิ้มเยาะ
ทุกคนยืนอยู่ที่หน้าผาจำลอง มัทนามองคามินอย่างหมั่นไส้
“การแข่งขันรอบนี้กติกาไม่ยุ่งยากใครปีนไปหยิบธงได้ก่อนคนนั้นชนะ เรื่องปีนเขานี่คุณถนัดอยู่แล้วนี่”
คามินแหงนมองหน้าผา คิดว่าจะโดนอะไรอีก เหมันต์พูดขึ้น
“ถ้าพร้อมแล้วเข้าประจำที่ด้านที่มีชื่อตัวเองติดอยู่เลยครับ”
“ยัง...ยังไม่พร้อม...” อัคนีรีบบอก
อัคนีแหงนมองลูกน้อง มัทนาปลอบ
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะคุณอัคนี ฉันเป็นกำลังใจให้สู้ๆ คุณต้องชนะแน่”
ยักษ์โผล่มาจากที่ซ่อนไกลๆ ทำมือว่าโอเค อัคนีใจชื้น
“ครับ ผมสู้ตายเพื่อคุณมัท”
“มันต้องอย่างงี้ซิคะ”
มัทนาหันไปมองเหมันต์
หน้าผาจำลอง...มีป้ายชื่ออัคนีกับคามินติดไว้คนละฝั่ง ทั้งสองติดอุปกรณ์เรียบร้อยยืนประจำที่
เหมันต์เป่านกหวีดให้สัญญาณ คามินปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว อัคนีปีนขึ้นไปอย่างเก้ๆกังๆดูทุลักทุเลมาก
มินตรามองคามินอย่างทึ่ง
“คุณคามินปีนเร็วมากเลย”
“ก็กีฬาถนัดของบ้านเมืองเขา...แต่ปีนเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางชนะคุณอัคนีหรอก”
“คุณมัทโกงเขาทุกด่านเลยเหรอคะ”
มัทนายิ้มไม่ตอบ คามินปีนหน้าผาอย่างคล่องแคล่ว แล้วก็ชะงักเมื่อมือข้างหนึ่งจับโดนน้ำมัน
ที่ถูกทาไว้มือของเขาลื่นลงจากที่จับ เจ้าหน้าที่รับดึงเชือกเซฟตี้รั้งตัวคามินไม่ให้ตก มินตราตกใจ
“ว้าย”
“เจ๋งมากพี่เหมันต์” มัทนายิ้ม
มินตราหันมาหาเหมันต์
“นี่ฝีมือเธอเหรอ”
“แค่เอาน้ำมันทาที่เชือก ไม่ได้ตัดเชือกซะหน่อย”
ลูกน้องอัคนีโผล่หน้ามาจากที่ซ่อนมองซ้ายมองขวาอย่างระวังแล้วควักมีดออกมา
หั่นเชือกของคามิน...มัทนาตะโกนเชียร์
“คุณอัคนีสู้ๆ”
อัคนีเห็นคามินร่วงก็มีกำลังใจ รีบปีนขึ้นไป คามินจับเชือก ปีนขึ้นไปอีก แต่ก็ลื่นลงมาอีก เชือกที่ถูกหั่นเอาไว้ค่อยๆขาดทีละน้อย คามินมองเชือกอย่างตกใจแต่เชือกขาดลงซะก่อน มินตรากรีดร้องอย่างตกใจ
“ว้าย”
มัทนากับเหมันต์ก็มองอย่างตกใจเช่นกัน
“เฮ้ย”
แต่ก่อนที่ร่างคามินจะตกถึงพื้นมือข้างหนึ่งของคามินก็คว้าที่จับตรงหน้าผาไว้ได้ มัทนากับมินตราและ เหมันต์มองร่างคามินที่ห้อยอยู่อย่างโล่งใจ มัทนาหันมาหาเหมันต์
“ไหนว่าไม่ได้ตัดเชือกไง”
“ไม่ได้ตัดจริงๆครับ”
“ รีบให้คนไปช่วยเขาซิ”
เหมันต์วิ่งไปตามเจ้าหน้าที่ อัคนีหันมาหัวเราะสะใจ
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 3 (ต่อ)
มือคามินที่จับหน้าผาจำลองค่อยๆลื่นจะหลุดเพราะน้ำมันที่ถูกทาไว้ เขามองอย่างตกใจ อีกมือ ชักมีดที่พกมา ปักที่หิน ทำให้ไม่ตกลงไป อัคนีปีนถึงหน้าผา อย่างคล่องแคล่ว มีสมุนสองคนคอยดึงเชือก อัคนีปลดเชือก แล้วหยิบธงมาชูที่ริมหน้าผา
“ฮ่าๆ คุณมัทผมชนะแล้ว”
อัคนีกระโดดโลดเต้น แล้วลื่นร่วงลงมา มัทนาตกใจ
“คุณอัคนี”
อัคนีตกลงมาแต่ปรากฏว่าค้างไม่ร่วง คามินคว้าเสื้ออัคนีไว้ได้
“จับมือผมไว้”
อัคนีเอื้อมจับมือคามินไว้แน่น
“อย่าปล่อยนะ ช่วยผมด้วย”
แต่เนื่องจากมือคามินถูกน้ำมัน จึงลื่น เหมันต์ตามเจ้าหน้าที่ให้แบกเบาะที่รองวิ่งมา อัคนีมือหลุด พอดีร่วงลงมาใส่เบาะ มัทนาวิ่งไปหาอัคนี
“คุณอัคนี เป็นยังไงบ้าง”
อัคนีหน้าซีด ช็อค
“ผมชนะแล้ว”
อัคนีสลบไป มินตราหันไปบอกเจ้าหน้าที่
“คุณคะ รีบขึ้นไปช่วยท่านคามินเร็วเข้า”
เจ้าหน้าที่ วิ่งกันไป ยักษ์กับสมุนอีกคนวิ่งเข้ามาหาอัคนี
“คุณหนูเป็นยังไงบ้าง”
มัทนามอง พวกยักษ์ที่มีหมวกไหมพรมใส่อยู่บนหัวอย่างสงสัย
อีกมุมในรีสอร์ท...เหมันต์วิ่งมารายงาน มัทนา
“คนของคุณอัคนีขอพาคุณอัคนีไปส่งโรงพยาบาลก่อนครับ”
มัทนาเครียด
“แต่ยังไง การแข่งขันรอบเมื่อกี๊ คุณอัคนีก็ชนะอยู่ดี”
เจ้าหน้าที่เข้ามา ถือเชือก มาด้วย
“เชือกของคุณคามินมีร่องรอยถูกตัดขาดครับ แล้วก็มีคนแอบเอาน้ำมันมาทาไว้ด้วย”
มัทนามอง เหมันต์กระซิบ
“ผมสาบานว่า ผมทาน้ำมันอย่างเดียวจริงๆ”
คามินเปลี่ยนชุด ถอดอุปกรณ์แล้วเดินเข้ามา
“ผมว่าเรายกเลิกการแข่งขันก่อนดีกว่า”
มินตราเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ คุณมัทนา ก่อนที่จะมีใครบาดเจ็บไปมากกว่านี้แล้วจะรับผิดชอบกันไม่ไหว”
“ไม่ได้ ต้องแข่งต่อให้รู้ผลแพ้ชนะ” มัทนายืนยัน
“แต่ คุณอัคนีกลับไปแล้วนะครับ ใครจะลงแข่งล่ะ” เหมันต์ขัดขึ้น
“ก็มัทไงคะ”
“คุณมัท” มินตราตะลึง
“เมื่อคุณคามินสามารถลงแข่งแทนเจ้าชายได้ มัทก็ต้องทำได้ซิอีกอย่าง มัทเป็นแฟนกับคุณอัคนีก็เท่ากับเป็นคนๆเดียวกัน ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ถ้าฉันชนะ คุณต้องกลับไปรายาและไม่กลับมาอีกเลย”
คามินถอนใจในความดื้อรั้นของมัทนา
“แต่ถ้าผมชนะล่ะ”
“ฉันจะทำตามทุกอย่างที่คุณสั่งโดยไม่มีข้อแม้”
“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง”
“มัทนาพูดคำไหนคำนั้น”
“คำพูดแค่นี้เกรงว่าจะไม่พอ ผมต้องการหลักฐานที่แน่นหนากว่านั้น”
มุมหนึ่งในรีสอร์ท...มัทนา ชูสามนิ้วพูดกับ ไอแพดที่คามินเป็นคนถ่าย มินตรามองอย่างกังวล
“ฉัน มัทนา เกียรติกำจร ขอสัญญาด้วยเกียรติ ถ้าฉันแพ้ท่านองครักษ์คามิน ในการประลองครั้งนี้ ฉันจะยินยอมเข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชายรัชทายาทแห่งรายาโดยไม่มีเงื่อนไข...พอใจมั้ย”
“ขอบคุณครับ”
คามิน ก้มลงเปิดเทสต์ดู เหมันต์กับมินตราเข้ามาใกล้มัทนา
“คุณมัทแน่ใจเหรอคะว่าจะชนะ” มินตราถามอย่างไม่มั่นใจ
“พี่เหมันต์แน่ใจหรือเปล่าล่ะ ว่าข้อมูลที่ได้มาชัวร์”
“แน่ใจครับ แต่ว่า ผมก็ไม่อยากให้คุณมัทเสี่ยง”
“คนที่เสี่ยงคือนายคามินต่างหาก คราวนี้มัทจะปิดจ๊อบให้เด็ดขาดซะที” มัทนาบอกอย่างมั่นใจมาก
บริเวณท่าเรือเล็กๆริมทะเล...เครื่องเล่นซีบ๊อบวางอยู่สองเครื่อง คามินมองอย่างแปลกใจ
“นี่หรือครับ เครื่องที่เราใช้แข่งขัน”
“อ้าว...ท่านองครักษ์ไม่รู้จักเหรอคะ เค้าเรียกว่า ซีบ๊อบค่ะ เป็นกีฬาที่กำลังฮิตมาก”
คามินมีทีท่าหนักใจ ความจริงเขาเป็นห่วงมัทนา
“แน่ใจเหรอครับว่าจะแข่งกีฬาประเภทนี้”
“ทำไมคะ มีปัญหาอะไร หรือว่าคุณใช้มันไม่เป็น อย่าบอกนะว่ารายาเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนขนาดไม่รู้จัก ซีบ๊อบ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”
“หรือคุณว่ายน้ำไม่แข็ง ไม่ต้องห่วงนะคะ เรามีประดาน้ำ คอยดูอยู่ห่างๆ”
“งั้นก็ตกลงครับ”
“โอเค พี่เหมันต์บอกกติกาซิคะ”
“การแข่งขันในรอบนี้คือต้องดำลงไปเอากล่องสมบัติที่อยู่ใต้ทะเลขึ้นมาซึ่งกล่องนั้นจะอยู่ใน
รัศมี 50 เมตรจากเรือ ซึ่งอยู่ทางทิศไหนผมเองก็ไม่รู้ กล่องของคุณมัทสีขาว ของคุณคามินสีน้ำเงิน ใครหากล่องสมบัติเจอแล้วเอาขึ้นมาได้คนนั้นคือผู้ชนะ”
“ไงคะ คงไม่ยากเกินความสามารถท่านราชองครักษ์นะคะ”
มัทนามองเยาะ แล้วเดินร่าเริง กวนๆไปกระโดดลงเรือที่จอดอยู่ เหมันต์ตามไป คามินกับมินตราเดินตามไปลงเรือ
เรือจอดลอยลำอยู่กลางทะเล มัทนาดึงแว่นมาใส่ คามินดึงแว่นใส่ตาม มัทนาโดดลงไปลอยคอรอ มินตราบอกกับคามิน
“คุณมัทเธอเชี่ยวชาญกีฬาทางน้ำทุกประเภทโดยเฉพาะพวกกีฬาเอ็กซตรีมแบบนี้”
“หวังว่าผมคงโชคดีครับ”
คามินโดดตาม เหมันต์เป่านกหวีด มัทนากับคามิน ขับซีบ๊อบออกไปอย่างรวดเร็ว
มัทนากับคามินขับซีบ๊อบตีคู่กันมา มัทนามองหมั่นไส้แล้วแกล้งขับเบียดจนคามินเสียหลักต้องผ่อนความเร็ว มัทนามองยิ้มเยาะแล้วกดหัวเครื่องซีบ๊อบให้ลงไปใต้ทะเล คามินมองมัทนาอย่างเป็นห่วงดำตามลงไป
ใต้ทะเลสวยงาม...มัทนาขับซีบ๊อบลงมามองหากล่องสมบัติ คามินขับตามมามองหากล่องสมบัติเช่นกัน มัทนากับคามินมองหาจนทั่วแต่ไม่เจอกล่องสมบัติเลยเลี้ยวไปอีกทาง...มัทนาพุ่งมา เห็นกล่องสมบัติเล็กๆสีขาวๆอยู่ก้นทะเลรีบขับเข้าไป คามินเจอกล่องสมบัติสีน้ำเงินของตัวเองก็รีบขับเข้าไปหยิบแต่ดึงกล่องไม่ขึ้น ใต้กล่องมีโซ่เล็กๆตอกหมุดยึดกล่องกับหิน
มัทนาหยิบกล่องตัวเองขึ้นมาแล้วเจอปลิงทะเลขดอยู่ เธอตกใจ ปล่อยกล่องหลุดมือตกลงไปที่ก้นทะเล คามินที่ยังดึงกล่องไม่ได้มองมัทนาอย่างตกใจแล้วรีบดึงกล่องต่อ มัทนากลั้นหายใจต่อไปไม่ไหวสำลักน้ำตัวหลุดจากเครื่อง เครื่องลอยขึ้นไปแต่มัทนายังอยู่ใต้น้ำ คามินที่พยายามดึงกล่องเงยหน้ามองมัทนาอีกครั้งเห็นมัทนากำลังจมน้ำก็ตกใจมากรีบขับเข้าไปหา คามินขับเข้ามาใกล้มัทนาปล่อยเครื่องให้ลอยขึ้นไปส่วนตัวเองรีบว่ายน้ำไปหามัทนา คามินอ้อมไปกอดด้านหลังของมัทนารีบพาเธอที่กำลังสำลักน้ำขึ้นไป
มินตรากับเหมันต์ รอมัทนากับคามินอย่างร้อนใจแล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นซีบ๊อบของมัทนาลอยขึ้นมา มินตราชี้ไป
“นั่นมันเครื่องของคุณมัทนี่”
เครื่องของคามินลอยขึ้นมาอีกเครื่อง เหมันต์หน้าตื่น
“เฮ้ยนั่น...ของคุณคามินก็มาแต่เครื่องตัวไม่มาเหมือนกัน”
มินตราตกใจ
“หรือจะจมน้ำทั้งคู่ รีบวิทยุแจ้งประดาน้ำซิ เหมันต์”
เหมันต์จะไปวิทยุแต่คามินพามัทนาขึ้นมาเหนือน้ำได้ก่อน มินตราตกใจ
“คุณมัท คุณคามิน”
มัทนาไอสำลักน้ำ คามินประคองมา
“คุณมัทจมน้ำครับ”
มัทนาได้สติรู้สึกตัวว่าคามินกอดอยู่ก็ชะงักรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด แต่พอได้สติก็รีบสะบัดตัว
“ฉันไม่เป็นไร...ปล่อยฉันได้แล้ว”
คามินไม่ปล่อย
“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อแน่ใจว่าคุณปลอดภัย”
คามินยังกอดมัทนาแล้วว่ายน้ำพาไปที่บันไดเรือ มินตรากับเหมันต์มองมัทนาอย่างเป็นห่วง
ทุกคนกลับมาที่ท่าเรือ มัทนายังไอสำลักน้ำ มินตรารีบมาลูบหลัง เหมันต์รีบเอาน้ำให้ดื่ม แล้วต่อว่าคามิน
“คุณกลัวคุณมัทชนะเลยแกล้งให้คุณมัทจมน้ำใช่มั้ย”
“ผมมีน้ำใจนักกีฬามากพอที่จะไม่โกงใคร”
“ไม่มีใครรู้ว่าตอนอยู่ใต้น้ำคุณทำอะไรคุณมัท คุณจะพูดยังไงก็ได้”
มัทนาขัดขึ้น
“คุณคามินไม่ได้ทำอะไรฉัน...ฉันเห็นปลิงทะเลเลยตกใจจนสำลักน้ำ”
คามินมองมัทนาชื่นชม มัทนาสงสัย
“ทำไมคุณถึงเล่นซีบ๊อบได้เก่งขนาดนี้ ประเทศคุณไม่ติดทะเลนี่”
“ผมเคยไปดูงานที่เยอรมัน ตอนที่เครื่องนี้ผลิตขึ้นใหม่ๆ ก็เลยได้ลองเล่นดู”
“แต่คุณทำท่าเหมือนเล่นไม่เป็น”
“ผมไม่มั่นใจเพราะไม่ได้เล่นมานาน”
มัทนาเถียงไม่ออก
“ผมว่าคุณจงใจ ปิดบังเพื่อให้คุณมัทตายใจมากกว่า” เหมันต์พยายามใส่ไฟ
มีนตราตัดบท
“พี่ว่าเราหยุดกันแค่นี้เถอะค่ะ มันอันตรายมาก”
“ไม่ค่ะ เราต้องแข่งต่อจะได้รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ” มัทนาไม่ยอม
“แต่ผมว่าการแข่งขันจบแล้วนะครับ”
คามินหยิบกล่องที่ใส่ไว้ในเสื้อด้านหลังออกมา
“นี่ครับกล่องของผม”
มัทนามองคามินนึกไม่ถึง เหมันต์พูดไม่ออก มินตราอึ้ง คามินยิ้ม
เจ้าชายมาคีครุ่นคิดร้อนใจ เดินพล่าน
“สินธรเงียบหายไปแบบนี้ จะได้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราทนไม่ไหวแล้ว”
“ทรงรออีกสักหน่อยเถอะพะยะค่ะ รายาของเราไม่ใช่เล็กจะตามคนคนนึงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” ชวาลแนะ
“แต่คนคนนึงที่เจ้าพูดคือ คนที่เรารัก และกำลังจะเป็นราชินีของรายาในอนาคต”
เจ้าชายมาคีหน้าเครียด เสียงข้อความมือถือดังขึ้น เจ้าชายมาคีดีใจ
“ข้อความจากกรรณิการ์”
เจ้าชายมาคีรีบหยิบมือถือมาดูมีข้อความจากเบอร์ลึกลับส่งมาว่า
“ช่วยด้วย หม่อมฉันอยู่ที่บ้านท่านโภคิน”
เจ้าชายมาคีตกใจ
“กรรณิการ์บอกว่าอยู่ที่บ้านท่านโภคิน”
เจ้าชายมาคีเดินเข้ามาที่หน้าบ้านโภคินซึ่งมียามสองคนเฝ้าอยู่
“เจ้าชายรัชทายาท” ยามทำความเคารพ
“หลีกไป” เจ้าชายมาคีตวาด
“กระหม่อมขอไปเรียนคุณบุหลันก่อน”
“บังอาจ เราเป็นเจ้าชายรัชทายาทของรายา เจ้ากล้าให้ราเรารอเหรอ”
ยามต้องหลีกทาง เจ้าชายมาคีเข้าไป ชวาลกดโทรศัพท์เหยงๆ
“สินธรหายไปไหนนะ เวลาคอขาดบาดตายแบบนี้”
กรรณิการ์กำลังอาละวาด วิ่งหนีออกมาจากห้องนอน สาวใช้กับบุหลันช่วยกันจับ
“ปล่อย...ช่วยด้วยๆ”
บุหลันพยายามปลอบ
“คุณกรรณิการ์ ใจเย็นๆค่ะ ที่นี่อยู่ในความคุ้มครองขององค์ราชา ไม่มีใครมาทำร้ายคุณได้ เราแค่จะทำแผลให้คุณ”
เจ้าชายมาคีเข้ามา ได้ยินพอดี
“กรรณิการ์”
กรรณิการ์สะบัดหลุดวิ่งถลามาล้มต่อหน้าเจ้าชายมาคี ที่หู ผ้าพันแผลห้อยรุ่งริ่ง บุหลันตกใจ
“ฝ่าบาท”
“ทำไมเป็นแบบนี้ พวกเจ้าทำร้ายกรรณิการ์ขนาดนี้ เชียวเหรอ”
“อย่าทรงเข้าพระทัยผิดเพคะ คือ...”
กรรณิการ์โวยวายสวนขึ้น
“พวกมันเอากุณฑลไป เลือดๆเต็มไปหมด”
เจ้าชายมาคีกอดปลอบ
“ไม่ต้องกลัว กรรณิการ์เรามาช่วยแล้ว”
“ฉันจะไปทูลองค์รัชทายาทให้มาจัดการกับพวกมัน”
“เราอยู่นี่ กรรณิการ์ เจ้าชายรัชทายาทของเจ้าอยู่นี่”
กรรณิการ์มองจำไม่ได้
“แก ไอ้ฆาตกร อย่าๆ ฉันกลัวแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือๆ เจ้าชายช่วยด้วย”
กรรณิการ์ดิ้น ออกจากเจ้าชายมาคี บุหลันกับสาวใช้และชวาล ต้องเข้ามาจับไว้ กรรณิการ์กรี๊ดเป็นลมไป เจ้าชายมาคีตะลึง หันมาจ้องบุหลัน
“บอกมา กรรณิการ์เป็นแบบนี้เพราะฝีมือใคร เสด็จพ่อใช่มั้ย”
บุหลันได้แต่ก้มหน้า ชวาลซีด
ราชาอินทรานั่งทำงานอยู่ในห้อง พระนางสาวิตรีพยักหน้าให้ นางกำนัล เอาซุปในถ้วยมีฝาปิดสวยงาม ส่งให้ พระนางสาวิตรีรับแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงาน นางกำนัลถอยออกไป
“นี่เป็นซุปเยื่อไผ่ ฝีมือของหฤทัยเพคะ หม่อมฉันชิมแล้วรสชาติกลมกล่อมมาก ช่วยบำรุง พระพลานามัยด้วย”
“ขอบใจมาก”
ราชาอินทรายังก้มหน้าทำงาน
“เพิ่งหายประชวร ตรากตรำพระวรกายแบบนี้จะไม่ดีนะเพคะ ทรงพัก เสวยซุปก่อน เดี๋ยว จะเย็นหมด”
พระนางสาวิตรีถือโอกาสกุลีกุจอ หยิบปากกาออกจากมือราชาอินทราประคองมาที่โซฟา แล้วจัดแจงจะป้อน ราชาอินทรายกมือห้าม
“ไม่เป็นไรเรากินเอง เธอไปพักผ่อนเถอะ”
ราชาอินทราตักกิน พระนางสาวิตรีชักยัวะ
“รู้สึกว่า จะไม่ทรงโปรดให้ใครถวายรับใช้เลยนอกจากเจ้าคามิน แล้วนี่มันหายไปไหน
ละเพคะ ถึงไม่คอยมาประจบสอพลอใกล้ๆ”
“ทุกคนต่างก็มีงาน มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ” ราชาอินทราวางถ้วย “ซุปเย็นเกินไป ขอบใจมาก”
พระนางสาวิตรีปรี๊ด
“ที่เย็นคือพระองค์ต่างหาก ทรงเย็นชากับหม่อมฉันเกินไปแล้ว ทรงคิดว่าหม่อมฉันเป็นอะไร หุ่นที่ตั้งไว้ข้างๆพระองค์หรือเพคะ”
“เธอคิดมากเกินไป”
“งั้นรับสั่งมาซิเพคะว่า ทรงคิดว่าหม่อมฉันเป็นอะไร ตั้งแต่อยู่กันมาเวลาหม่อมฉันทำอะไรให้ถวายเสด็จพี่ต้องปฏิเสธทุกครั้ง ทำไมเสด็จพี่ถึงทำองค์ห่างเหินราวกับเราไม่ใช่สามีภรรยากันด้วยเพคะ”
“เรามอบกุณฑลของเราให้กับเจ้า นั่นคือคำตอบของทุกอย่าง”
“แล้วความรักละเพคะ”
ราชาอินทรามองพระนางสาวิตรีอย่างรู้สึกผิดยังไม่ทันพูดอะไรเจ้าชายมาคีก็เข้ามาโวยวาย
“ทำไมเสด็จพ่อถึงพระทัยโหดร้ายอย่างนี้”
พระนางสาวิตรีปราม
“พูดกับเสด็จพ่ออย่างงี้ได้ยังไง เจ้าชายมาคี”
เจ้าชายมาคีเจ็บปวด
“เสด็จพ่อส่งคนไปทำร้ายกรรณิการ์จน กรรณิการ์กลายเป็นคนบ้าเสียสติไปแล้ว”
“อะไรนะ” พระนางสาวิตรีชะงัก
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 3 (ต่อ)
โภคินกับสินธร เดินลิ่วมาที่ห้องหนังสือ เพราะได้ข่าวจากบุหลันแล้ว ชวาลอยู่หน้าห้อง กำลังประคองทหารยามที่ถูกเจ้าชายมาคีทำร้าย โภคินเข้าไปถาม
“ชวาล เจ้าชายล่ะ”
“ทรงเสยปลายคางทหารยามเสร็จก็เด็จเข้าไปแล้วครับท่าน กริ้วมากๆ ยิ่งกว่าทอร์นาโดอีก”
โภคินมองหน้ากับสินธร แล้วเดินเข้าไป นายพลวิฑูรมาถึงพอดี ชวาลทำท่าจะกั้น นายพลวิฑูรจ้องหน้า ชวาลต้องถอย
พระนางสาวิตรีไม่เข้าใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน แม่งงไปหมดแล้ว”
“เสด็จพ่อรู้ว่าลูกให้กุณฑลกับกรรณิการ์ ก็เลยส่งคนไปตัดใบหูของกรรณิการ์ จนตอนนี้คนรักของลูกกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว”
พระนางสาวิตรีบอกกับเจ้าชายมาคี
“เสด็จพ่อพระทัยดีมีเมตตา แม่ไม่เชื่อว่าเสด็จพ่อจะทรงส่งคนไปทำร้ายผู้หญิงของลูก”
โภคินกับสินธรเข้ามา
“ขอประทานอนุญาต เรื่องนี้กระหม่อมอธิบายได้”
เจ้าชายมาคีหันไปเห็นโภคินกับสินธร
“มากันพร้อมหน้าเลยนะ แกล้งทำเป็นอาสาไปตามกรรณิการ์ให้เรา แต่ที่จริงก็รู้เห็นเป็นใจกันหมดละซิ”
“ขอประทานอภัย” สินธรหน้าเสีย
โภคินแทรกขึ้น
“เกล้ากระหม่อมเองที่สั่งให้สินธรสะกดรอยตามเจ้าชาย จนทราบว่ากรรณิการ์อยู่ที่ไหน แต่คนที่ทำร้ายกรรณิการ์ไม่ใช่สินธร”
“แล้วมันเป็นใคร”
“กระหม่อมไม่เห็นหน้า แต่คิดว่า...”
สินธรยังพูดไม่จบ นายพลวิฑูรเข้ามา
“ขอประทานอภัย เกล้ากระหม่อมเห็นว่ามีทหารถูกทำร้ายจึงรีบเข้ามาดู”
“ดี...เรากำลังหาตัวคนที่ทำร้ายคนรักของเรา ท่านจะได้ลากคอมันมาลงโทษ” เจ้าชายมาคีหันมาหาโภคิน “ว่าไง ใครทำร้ายกรรณิการ์”
สินธรตอบแทน
“บุรุษลึกลับ มันใส่หน้ากาก กระหม่อมเลยไม่ทราบว่าเป็นใคร”
พระนางสาวิตรีใส่ไฟทันที
“คามิน ต้องเป็นคามินแน่ๆ”
ราชาอินทราขัดขึ้น
“คามินไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
พระนางสาวิตรีไม่พอใจ
“ถ้าไอ้คามินไม่เกี่ยวเสด็จพี่คงไม่เอาตัวกรรณิการ์ไปซ่อนเพื่อปกปิดความผิดให้มัน”
เจ้าชายมาคีแย้ง
“คามินรู้ว่ากระหม่อมรักกรรณิการ์ คามินไม่มีวันทำ อย่าแต่งเรื่องเพื่อปัดความผิดให้พ้นตัวดีกว่า”
นายพลวิฑูรมองสะใจยิ้มมีแผน
“ขอประทานอนุญาต หากทุกพระองค์ทรงยืนกรานในเหตุผลขององค์เองอย่างนี้เกล้ากระหม่อมเกรงว่าจะถกเถียงจนขัดแย้งกันใหญ่โต เกล้ากระหม่อมขอเสนอว่าเพื่อความกระจ่างเราต้องนำตัวคามินมาไต่สวนเพื่อหาความจริง”
“เราสั่งให้คามินไปคุมสร้างฝายที่ชายแดน งานนี้ต้องเร่งให้เสร็จก่อนหน้าน้ำที่จะถึง คงให้กลับมาตอนนี้ไม่ได้” ราชาอินทราบอกทันที
เจ้าชายมาคีไม่พอใจ
“นี่ตกลงจะไม่มีใครรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเลยใช่มั้ย”
ราชาอินทรามองลูกชาย
“เรากำลังหาตัวคนผิดมาลงโทษ ส่วนเรื่อง กรรณิการ์ เราจะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาให้หาย”
เจ้าชายมาคียังไม่พอใจอยู่ดี
“แค่นี้เองเหรอ สำหรับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่พังทลายลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของกระหม่อมตอนนี้ คือกษัตริย์ของรายา”
“เจ้าชายมาคี พอแล้ว มากับแม่”
พระนางสาวิตรีดึงเจ้าชายมาคีออกไป นายพลวิฑูรถามขึ้น
“แล้วกุณฑลของเจ้าชายละพะยะค่ะ”
ราชาอินทราหน้านิ่ง
“เราจะเก็บเอาไว้เอง ไม่ต้องห่วง รบกวนท่านตามจับคนร้ายที่ทำร้ายกรรณิการ์ให้ได้ด้วย”
“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ”
นายพลวิฑูรออกไป ราชาอินทรา โภคิน สินธรมองหน้ากันเครียด
เจ้าชายมาคีเดินออกมาถีบกระถางต้นไม้ล้มระเนระนาดอย่างโกรธจัด ชวาลคอยจับตั้ง กลัวแตก
“อูย ระวังพระบาทพะยะค่ะ”
องครักษ์ที่ยืนแถวนั้นมองตกใจมาก พระนางสาวิตรีชักไม่พอใจ
“เจ้าชายมาคี พอซะที อย่าทำอย่างนี้”
“แล้วจะให้ลูกทำยังไง ลูกโกรธ ลูกเกลียดเสด็จพ่อ”
“ไม่ได้นะเจ้าชายมาคี เจ้าชายรัชทายาทจะพูดจาแบบนี้ไม่ได้”
“เจ้าชายรัชทายาทก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนอื่น ทำไมต้องห้ามไม่ให้พูดไม่ให้แสดงออกมาด้วย...คนที่เสด็จแม่ต้องห้ามอยู่ข้างในโน่นเข้าไปห้ามสิว่าอย่าทำร้ายคนรักของลูก เข้าไปห้ามสิพะย่ะค่ะ”
“เสด็จพ่อไม่มีทางจะคิดเรื่องร้ายกาจแบบนี้ได้ ต้องเป็นไอ้คามินที่มันยุให้ทำ ไอ้คามินอยากขึ้นเป็นองค์ราชาของรายาเลยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกกับเสด็จพ่อแตกคอกัน ลูกต้องเข้มแข็งต้องไม่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนของไอ้คามินมันนะ” พระนางสาวิตรียุยง
“ไม่จริง...คามินจงรักภักดีกับราชบัลลังก์ที่สุด คามินไม่มีวันวางแผนชั่วๆนี่...แต่ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้เพราะเสด็จพ่อเผด็จการ ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นเห็นแก่ตัว”
เจ้าชายมาคีเดินออกไป ชวาลวิ่งตาม พระนางสาวิตรีหนักใจ
“แล้วนี้เราจะทำยังไงกัน เสด็จพี่ทรงยึดกุณฑลของเจ้าชายมาคีไปแบบนี้ หฤทัยจะได้เป็นพระชายาได้ยังไง”
นายพลวิฑูรเข้ามา
“แผนของไอ้คามินมันล้ำลึกมาก แบบนี้เกล้ากระหม่อมคงต้องยอมแพ้”
“ไม่ได้นะ พี่นายพลวิฑูร จะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ ตอนนี้เจ้าชายมาคีถูกไอ้คามินล้างสมองจนเชื่อมันทุกอย่างขืนปล่อยต่อไป ตำแหน่งรัชทายาทต้องสั่นคลอนแน่ พี่ต้องช่วยหลานนะ”
“เมื่อรับสั่งเช่นนี้เกล้ากระหม่อมคงไม่มีทางเลี่ยง เชิญเสด็จที่บ้านของเกล้ากระหม่อม เรามีเรื่องใหญ่ที่ต้องหารือ”
เย็นนั้น...ชูขับรถมาจอดหน้าบ้าน มัทนาหน้าบึ้งที่แข่งแพ้ลงจากรถอย่างหงุดหงิด คามินเปิดประตูตามลงไป มินตราลงตาม คามินเรียกไว้
“เดี๋ยวครับคุณมัท”
“มีอะไร”
“คืนนี้พักผ่อนเยอะๆนะครับ พรุ่งนี้คุณต้องตื่นมาเรียนการเป็นราชินีของรายาแต่เช้า”
“ฮึ...ทำเป็นสร้างภาพว่าเป็นสุภาพบุรุษ คนเป็นสุภาพบุรุษไม่เยาะเย้ยคนแพ้หรอก”
มินตราขัดขึ้น
“เท่าที่พี่ได้ยินยังไม่เห็นคุณคามินเยาะเย้ยคุณมัทเลย”
“ก็ไอ้ที่เขาพูดมาทั้งหมดนั่นละค่ะเรียกว่าเยาะเย้ย...จะบอกให้นะว่าถ้าวันนี้ฉันลงแข่งเองทั้งหมด คุณไม่มีทางเอาชนะฉันได้”
“เป็นโชคดีของผม”
“แต่เป็นโชคร้ายของฉันที่ต้องมาเจอกับคุณ”
มัทนาเดินไปอย่างเหวี่ยง คามินได้แต่ยิ้มเพลียๆ มินตราหันมาบอก
“มีแต่คนตามใจคุณมัทถึงเหมือนเด็กไม่ยอมโต”
“ผิดกับคุณมินเลยนะครับแก่กว่าคุณมัทแค่ 2 ปีแต่ เป็นผู้ใหญ่กว่ามาก นี่ถ้าองค์ราชาบอกว่าคุณคือว่าที่ราชินีของรายาผมจะไม่แปลกใจเลย”
“เด็กกำพร้าอย่างฉันบุญน้อยไม่มีวาสนาพอจะได้เป็นราชินีของรายาหรอกค่ะ”
คามินมองมินตราอย่างเข้าใจ
“ผมก็เป็นเด็กกำพร้าเข้าใจดีครับว่ารู้สึกยังไง”
มินตรามองคามินอย่างชื่นชมที่เข้าใจ
“นอกจากจะกำพร้าเหมือนกันยังมีอีกอย่างนะคะที่เราเหมือนกัน”
คามินมองมินตราแปลกใจ
“พร้อมจะตอบแทนบุญคุณของคนที่เลี้ยงดูเรามาด้วยชีวิตไงคะ”
คามินมองมินตราอย่างชื่นชม
“ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมรู้สึกว่าบนโลกใบนี้มีเพื่อนที่เข้าใจผมเพิ่มขึ้นอีกคน”
มินตรายิ้มให้คามินอย่างเข้าใจ
“ด้วยความเต็มใจค่ะ...คุณเหนื่อยกับคุณมัทมาทั้งวัน แล้วฉันไม่รบกวนเวลาคุณแล้วดีกว่า...กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
คามินยิ้มให้มินตราอย่างชื่นชม ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเชิงขอตัวแล้วขึ้นรถที่ชูขับไป มินตท่านหญิงมาณวิกานั่งหน้าขรึมรอในห้อง มินตราเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา
“ยัยมัทล่ะ”
มินตราทำทีเห็นใจ
“เข้าห้องปิดประตูเงียบเลยค่ะ คงทำใจไม่ได้ที่แพ้”
“ใช่น่ะซิ ขนาดโกงเขาทุกทางแล้วนะ”
“คะ”
ท่านหญิงมาณวิกาถอนใจ กดรีโมทเปิดให้ดู ปรากฏเป็นคลิปการแข่งขันที่เพิ่งได้ดู
“ฉันไม่เข้าใจเธอจริงๆ มินตรา แทนที่เธอจะห้ามกลับสมรู้ร่วมคิดกับยัยมัททำเรื่องน่าอายแบบนี้”
“ท่านหญิงก็ทราบนี่คะว่า ไม่มีใครขัดใจคุณมัทได้”
“หมายความว่าถ้ายัยมัททำเรื่องที่ร้ายแรงมากกว่านี้เธอก็จะไม่ขัดขวางงั้นเหรอ”
“มินขอประทานโทษค่ะ...”
“ที่ฉันให้เธอเป็นพี่เลี้ยงมัทนา ก็เพราะไว้ใจว่าเธอจะดูแล ตักเตือน ยัยมัทไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ถ้ายัยมัทจะต้องไปอยู่ที่รายาจริงๆ เธอเป็นคนเดียวนะมินตรา ที่ฉันไว้ใจให้ไปอยู่รับใช้ลูกฉันที่นั่น”
“ค่ะ...มินจะทำให้ดีที่สุด”
ท่านหญิงมาณวิกาเข้ามาจับมือมินตรา บอกอย่างจริงใจ
“มินตรา ฉันรักพี่มนแม่ของเธอเหมือนพี่สาวฉันคนหนึ่ง เธอเองก็เท่ากับเป็นหลานของฉัน ฉันเชื่อ..ว่าเธอคงไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
มินตราได้แต่ยิ้มสงบเสงี่ยม
ราเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งเครียด
ธรรมรัตน์นั่งดูเหุตการณ์การแข่งขันช่วงที่เชือกขาดจากดีวีดีที่ได้มาอย่างรู้สึกละอายใจ เหมันต์ยืนกุมมือ ก้มหน้า
“ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นไปกับยัยมัทด้วยเหมันต์ นี่ถ้าฉันไม่ให้คนไปแอบตั้งกล้องวงจรปิดไว้ คงไม่รู้ว่าพวกเธอทำอะไรกับคุณคามินบ้าง”
“ผมขอโทษครับท่านประธาน เรื่องทั้งหมดเป็นความคิดของผม”
“อย่าออกรับแทนยัยมัทเลย ฉันรู้ว่าเธอน่ะยอมเป็นลูกไล่ ยัยมัทมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“แต่ผมสาบานได้ว่าคุณมัทแค่แกล้งคุณคามินสนุกๆ ไม่ถึงกับทำให้เชือกขาด”
“งั้นก็...ต้องเป็นเจ้าอัคนี นึกแล้วว่าเชื้อคงไม่ทิ้งแถว”
“ท่านครับ คุณมัทไม่เคยถูกบังคับจิตใจมาก่อน และเธอก็รักอิสระมาก เธอคงไม่มีความสุขแน่ๆถ้าต้องไปอยู่ในที่ที่เธอไม่รู้จัก”
“ฉันเองก็เป็นห่วงยัยมัทไม่แพ้เธอหรอก”
“แล้วทำไมละครับ ทำไมต้องเป็นคุณมัทด้วย”
“เพราะมัทนาคงเป็นคนที่ถูกเลือกแล้ว”
ธรรมรัตน์เดินออกจากห้องไป เหมันต์เครียด
สวนบ้านธรรมรัตน์...เหมันต์เดินออกมา เห็นมินตรายืนหันหลังอยู่ เข้าไปยืนใกล้ถอนใจไม่ได้มองหน้ามินตรา
“สงสารคุณมัทจริงๆ จนขนาดนี้แล้วทำไมท่านประธานยังต้องดึงดันส่งคุณมัทไปรายาด้วย”
มินตราเงียบเหมันต์หันไป มินตราน้ำตาไหลพราก แค้นที่ถูกท่านหญิงมาณวิกาว่า
“มิน...ใจเย็นๆ ฉันรู้ว่าเธอพยายามดีที่สุดแล้ว”
“ไม่มีคำว่าดีที่สุดสำหรับเราสองคนหรอกเหมันต์”
“หมายความว่าไง” เหมันต์งง
“ก็หมายความว่าไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนก็ไม่พอ ไม่มีวันพอ เข้าใจมั้ย” มินตราพูดแรง
เหมันต์งง อึ้ง มินตรานึกได้รีบเช็ดน้ำตา แล้วรีบยิ้มออกมา
“แต่เพื่อคุณมัท เราก็คงต้องพยายามกันต่อไป”
“ใช่ สู้ๆนะมินตรา”
เหมันต์มองไปที่ต้นกุหลาบ
“กุหลาบออกดอกเต็มเลย อย่าลืมตัดใส่แจกันไว้ในห้องคุณมัทนะ เห็นดอกไม้จะได้สดชื่น”
มินตรายิ้ม เหมันต์เดินไป มินตราแบมือที่กำไว้ ดอกกุหลาบที่ถูกขยี้ร่วงหล่นลงสู่พื้นหญ้า ก่อนที่เธอจะเดินเหยียบไปนิ่งๆ
คามินเดินเข้าห้องพักที่โรงแรม คุยโทรศัพท์กับโภคินไปด้วย
“อะไรนะครับ ประชวรอีกแล้ว...”
โภคินหลบมุมโทรศัพท์ ขณะที่ราชาอินทรานอนหลับอยู่
“คงเสียพระทัยเรื่องที่เจ้าชายทรงตำหนิพระองค์ ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก มีคนปล่อยข่าวเรื่องเจ้าชายกับกรรณิการ์ออกไป ในราชสำนักพูดถึงแต่เรื่องคู่หมายของเจ้าชาย”
“คงเป็นความต้องการของท่านนายพลวิฑูร ที่อยากได้เสียงสนับสนุนคุณหฤทัยเพื่อบีบองค์ราชา”
“เป็นไปได้มั้ยที่เราจะพาคุณมัทนามาที่รายาตอนนี้”
คามินหนักใจ...
“คุณมัทนาถึงจะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมพอที่จะเป็นคู่แข่งคุณหฤทัยได้ แต่เธอยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่พอ ที่จะรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก ผมกลัวมันจะกลายเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี”
“แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้วนะ”
พระนางสาวิตรีเดินเข้ามา โภคินหันไปมอง
“พระนางพระนางสาวิตรีเสด็จ เดี๋ยว ผมจะติดต่อกลับไป”
โภคินรีบเข้ามาถวายความเคารพพระนางสาวิตรี
“ ทรงเป็นยังไงบ้าง”
“หลังจากได้พระโอสถ ก็ยังบรรทมอยู่พะยะค่ะ”
“ท่านไปพักเถอะ เราจะอยู่กับเสด็จพี่เอง”
โภคินอึกอัก พระนางสาวิตรีมองไม่พอใจ
“ทำไม ไม่ไว้ใจเรา กลัวเราจะทำร้ายเสด็จพี่เหรอ”
“มิได้พะยะค่ะ เกล้ากระหม่อมเพียงแต่กลัวว่า ตื่น บรรทม แล้วจะทรงเรียกใช้อะไร”
“เดี๋ยวฉันจะให้คนไปตามท่านเอง”
“พะยะค่ะ”
โภคินทำความเคารพแล้วออกไป พระนางสาวิตรีเข้าไปจัดผ้าห่มให้ราชาอินทรา จับแขน เพื่อดูว่า หลับจริงมั้ย
“เสด็จพี่เพคะ”
ราชาอินทรานิ่ง หายใจยาวหลับลึก
“ไม่ว่าจะทรงรักหม่อมฉันหรือไม่ แต่หม่อมฉันก็จะยังจงรักภักดีต่อพระองค์ และจะไม่ยอมให้ราชบัลลังก์ แห่งองค์ราชาอินทราสั่นคลอนเด็ดขาด”
พระนางสาวิตรี ค่อยๆลุกขึ้น อย่างรวดเร็ว ไปที่โต๊ะทำงาน ค่อยๆเอากุญแจไขเปิดลิ้นชักเพื่อหากุณฑล ราชาอินทราขยับตัวพลิกตะแคง พระนางสาวิตรีตกใจรีบยืนนิ่ง แต่ปรากฏราชาอินทราหลับต่อ พระนางสาวิตรีย่องเข้าไปดู ถอนหายโล่งอกมองไปรอบๆ
“ซ่อนไว้ที่ไหนกันนะ”
พระนางสาวิตรีสะดุดที่ใต้หมอนหนุนหัว เห็นบางอย่าง รีบเข้าไปดู ค่อยๆหยิบออกมาเป็นกล่องสวยงามลงยาเล็กๆ เปิดดูเป็นกุณฑลข้างซ้ายของเจ้าชายมาคี พระนางสาวิตรียิ้มดีใจ
จบตอนที่ 3