ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 10
รุ้งออกมายืนน้ำตาซึมเพราะคิดถึงโซว์
“เจ้าชาย....”
รุ้งนึกถึงตอนที่เธอเจอโซว์ครั้งแรก จนถึงเหตุการณ์ต่างๆที่รุ้งใกล้ชิดกับโซว์
ภาพอดีตย้อนกลับมา รุ้งชนโซว์เข้าอย่างจังก่อนล้มลงไป โซว์ตกใจรีบเข้าไปประคอง
“คุณ คุณ เป็นอะไรมากรึเปล่า คุณ ....”
รุ้งได้สติก็หันหน้ามาจะด่าโซว์
“เดินยังไง ทำไมไม่ดูตา ...”
พอรุ้งได้เห็นหน้าหล่อใส สไตล์อินเตอร์ของโซว์ก็ถึงกับพูดไม่ออก รุ้งได้แต่เพ้อ เนื้อตัวอ่อนระทวย
“เป็นอะไรรึเปล่า”
รุ้งเพ้อ “เจ้าชาย เจ้าชายของรุ้ง”
โซว์กินก๋วยเตี๋ยวด้วยความหิวสุดๆ ในขณะที่รุ้งนั่งมองหน้าโซว์เคลิ้มมีความสุข
“เสวยเยอะๆนะเพคะเจ้าชาย จะหมี่แห้งหมี่น้อย เล็ก ตับ ยำไม่งอก สั่งได้เต็มที่งานนี้รุ้งไม่อั้น”
โซว์มองหน้ารุ้งด้วยความสงสัย “ขอบใจนะ แต่ทำไมต้องเจ้าต้องเรียกชั้นว่าเจ้าชายด้วย หรือว่าเธอ ...”
“แหม..ก็หล่อขนาดนี้ ไม่ให้เรียกเจ้าชายแล้วจะเรียกอะไรล่ะคะ”
โซว์ขำ “อ๋อ ที่เรียกเจ้าชาย เพราะว่าเรา ...หล่อเหรอ” โซว์ขำ
รุ้งขำด้วย “ไม่ใช่หล่อธรรมดาด้วยนะ หล่อมากเลย หล่อเด้งกระแทกใจรุ้งตรงๆ เลย”
รุ้งมองหน้าโซว์แบบหื่นนิดๆ ก่อนจะทำท่านางแมวยั่วสวาทแล้วเข้าไปหา
“เจ้าชายรู้มั้ยว่ารุ้งน่ะ ฝันจะไปอยู่เมืองนอกมาตั้งนานแล้ว ถ้าเจ้าชายมาอยู่กับรุ้งแล้วนะ ต่อไปพารุ้งไปอยู่เมืองนอกด้วยได้ป่าว”
“แล้วทำไมเธออยากไปอยู่เมืองนอกนักล่ะ” โซว์ถาม
“ก็รุ้งดูจากหนังฝรั่ง เมืองนอกมีแต่ความสะดวกสบาย ผู้คนก็มีแต่หล่อๆสวยๆ รวยๆ ทั้งนั้นเลย”
“มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหมดหรอกนะ คนที่นั่นเค้าก็ต้องทำงานกันทั้งนั้น แล้วอีกอย่างถ้าเธอไม่ได้วีซ่า เธอก็ไปอยู่เมืองนอกไม่ได้หรอก”
“ก็วีซ่าอยู่ตรงหน้ารุ้งแล้วไง รุ้งรู้นะถ้าเราได้เสียเป็นเมียผัวกัน รุ้งก็มีสิทธิจะไปอยู่เมืองนอกกับเจ้าชายด้วย มามะเรามาหลอมรวมกันเพื่อฝันของรุ้งจะกลายเป็นจริง”
รุ้งไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอเข้าไปกอดโซว์ก่อนยื่นปากเข้าไปหมายจะจูบโซว์
รุ้งเดินมาหาโซว์
“เจ้าชายขา รุ้งมาตามเจ้าชายให้ไปกินข้าว”
“ไปกินก่อนเถอะ ชั้นยังไม่หิว” โซว์บอก
“ไม่หิวได้ยังไง นี่มันมืดแล้วนะคะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จะได้มีแรงมาซ้อมต่อนะ”
“ไม่ล่ะ ถ้าเรายังทำไม่ได้ เราจะไม่กินข้าว”
โซว์หันไปซ้อมร้องซ้อมเต้นต่อ รุ้งมองเขาแล้วยิ้มตาเป็นประกาย
ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ทั้งหล่อ แมน มุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจ คนแบบนี้แหละเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกเราที่สุด” รุ้งเอามือมาประสานแล้วทำหน้าเพ้อฝัน “เจ้าชายของชั้น”
“ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมอยู่ดีๆมันสั่นขนาดนี้ก็ไม่รู้” โซว์พูดขณะจะขึ้นเวทีเล่นลิเกเป็นครั้งแรก
รุ้งเดินเข้าไปจับมือโซว์มากุมไว้
“มามะจับไว้แน่นๆ แบบนี้จะได้หาย”
ทั้งโซว์และ รุ้งรำกันอย่างเข้าขา ทั้งสองร้องรับร้องส่งกันอย่างไพเราะที่สุด ชาวบ้านต่างพากันมามุงดูด้วยความสนใจ
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต รุ้งก็ร้องไห้เสียใจ แก้วเดินออกมายื่นผ้าเช็ดหน้าให้รุ้ง รุ้งหันไปมอง
“ขอบใจ”
รุ้งรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วสั่งขี้มูกก่อนจะส่งคืนให้แก้ว
“เอาไปเถอะ สั่งขี้มูกขนาดนั้น ชั้นคงใช้ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ”
รุ้งเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาต่อ แก้วมองรุ้งแล้วทำสีหน้าครุ่นคิด
“รุ้ง...” แก้วเรียก รุ้งหันไปมองแก้ว “ต่อไปนี้พระเอกนางเอกลิเกก็คงต้องเป็นเธอกับฉัน ถ้ายังไงเราลองมาเป็นพระเอกนางเอกในชีวิตจริงกันดูมั้ย”
รุ้งมองหน้าแก้วอึ้งๆ
“คือ...ไหนๆเราก็อกหักด้วยกันทั้งคู่ ก็มาลองคบกันดู..เออ ก็แล้วกัน”
รุ้งเขิน เธออายม้วนแล้วฟาดแก้วดังผัวะ!!
“คนบ้า...” รุ้งทุบไม่หยุด “บ้าบ้าบ้า”
แก้วสุดทน เขาจับมือรุ้ง “โอ๊ย!! ฉันเจ็บนะ เดี๋ยวจูบซะเลย”
รุ้งเขิน “เซี๊ยวอ่ะตัวเอง”
แก้วยิ้มแล้วดึงรุ้งมากอดแน่น
โซว์เดินเข้ามาในห้องพักที่โรงแรม เขาเห็นพระราชานั่งรออยู่ พระราชาหันไปทางโซว์ด้วยสีหน้าเครียด
“ปีเตอร์บอกพ่อว่าผู้หญิงที่โรงพยาบาลเป็นคนที่ลูกรัก”
“ใช่แล้วเสด็จพ่อ ผู้หญิงคนนั้นชื่อขิง” โซว์บอก
“เธอเป็นใคร ทำอะไร บ้านช่องอยู่ที่ไหน” พระราชาถาม
“บ้านของขิงอยู่จังหวัดเพชรบุรี ขิงเป็นเด็กกำพร้า อยู่กับยายแล้วก็น้าที่ทำคณะลิเก”
พระราชางง “คณะลิเก? คณะลิเกคืออะไร?”
“ลิเกเป็นศิลปะการแสดงของไทย แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว”
พระราชาคิด “แสดงว่าเด็กคนนี้ไม่มีหัวนอนปลายเท้า จน และที่สำคัญที่สุดไม่มีชาติตระกูล”
“ถึงครอบครัวขิงจะจน และไม่มีชาติตระกูล แต่ลูกรักเค้า ลูกจะแต่งงานกับขิง แล้วเสด็จพ่อก็ห้ามลูกไม่ได้ด้วย เพราะขิงคือรักแท้ของลูกที่ลูกเฝ้าตามหามาทั้งชีวิต และเค้าก็เป็นคนช่วยชีวิตลูกเอาไว้ ไม่อย่างนั้นลูกคงตายไปแล้ว” โซว์บอก
พระราชาลุกขึ้นมายืนด้วยสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดใด “พ่อยังไม่ได้บอกซักคำว่าจะขัดขวางลูก” โซว์ผงะ “ถ้าผู้หญิงคนนั้นหายดีเมื่อไหร่ พาเธอไปที่ประเทศของเรา”
โซว์ดีใจ “เสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกคบกับขิงได้เหรอ?” โซว์ถาม พระราชาพยักหน้า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ขอบพระทัย”
โซว์เข้าไปกอดพระราชา พระราชาทำหน้าตามีเลศนัย
วันรุ่งขึ้นที่โรงพัก ตำรวจเปิดประตูให้ฉาดประภากับติ๊งโหน่งเดินเข้ามาเยี่ยมชรินทร์ที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียง ฉาดประภากับติ๊งโหน่งโผเข้ามาหาชรินทร์ ส่วนตำรวจยืนเฝ้าที่ประตู
ติ๊งโหน่งยกชรินทร์ขึ้นมากอดแน่นแล้วเขย่าอย่างแรง “คุณพ่อ คุณพ่อขา คุณพ่อ..ฮือๆๆ โฮๆๆ”
ชรินทร์อึดอัดเพราะถูกติ๊งโหน่งรัด “ลูกติ๊ง ปะปล่อย ปล่อยก่อน พ่อหายใจไม่ออกแล้ว”
ติ๊งโหน่งรีบปล่อย “ติ๊งขอโทษ ติ๊งเสียใจ ติ๊งเจ็บปวด ติ๊งไม่อยากให้คุณพ่อติดคุก ฮือๆๆ”
ติ๊งโหน่งร้องไห้จนขี้มูกย้อยลงมาแปะหน้าชรินทร์ ชรินทร์ผงะแล้วรีบปาดขี้มูกออกจากหน้า
“ฉาด...” ชรินทร์เรียก
ฉาดประภารับคำ “ขา”
“ฝากดูแลลูกของเราด้วย ชั้นคงต้องติดคุกตลอดชีวิต”
ชรินทร์ร้องไห้ ฉาดประภาจับมือชรินทร์แน่น
“คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ชั้นกับลูกจะซื้อข้าวมันไก่กับโอเลี้ยงไปฝากคุณในคุก” ฉาดประภาบอก ชรินทร์ร้องไห้ไม่หยุด “อย่าร้องไห้เลยนะคะคุณ คุณต้องเข้มแข็งนะคะ ชั้นสัญญาว่าจะไปหาคุณทุกวัน ไม่ต้องเสียใจนะคะ”
“ชั้นไม่ได้ร้องเพราะเสียใจ แต่ที่ชั้นร้องเพราะลูกติ๊งบีบมือชั้นจนเจ็บไปหมดแล้ว” ชรินทร์บอก
ติ๊งโหน่งผงะแล้วรีบปล่อยมือ
“ขอโทษค่ะคุณพ่อ” ติ๊งโหน่งรับผิด
“ดูแลแม่เค้าแทนพ่อด้วยนะลูกนะ”
“ค่ะคุณพ่อ”
แล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็กอดกันด้วยความเศร้า
ติ๊งโหน่งกับฉาดประภาเดินกลับมาที่บ้านก็เจอลัดลดานั่งรออยู่ ติ๊งโหน่งกับฉาดประภาชะงัก ติ๊งโหน่งหน้าเหวี่ยงแล้วเดินมาหาลัดลดา
“มาทำไม!!”
“เมื่อเช้าชั้นเพิ่งเห็นข่าวหน้าหนึ่ง ดังใหญ่แล้วนะ พ่อถูกจับติดคุก พ่อเธอน่ะมันโง่ที่ดันไปจับเจ้าชายโซว์เป็นตัวประกัน เจ้าชายตัวปลอมถ้าเธออยากได้ก็เอาไปนะ ชั้นยกให้ถือเป็นของขวัญในวันปวดใจ ฮ่าๆๆ”
“นังดาด้า!! ถ้าแกไม่อยากหน้าแหก ก็รีบไสหัวมันๆของแกออกไปซะ”
“นังบ้า แกต่างหากที่หัวมัน แถมหน้ายังมัน หน้าก็เหมือนม้าตกมัน”
“อ๊ายยย!! นังเลว นังชอบซ้ำเติมคนอื่น ออกไปนะ ออกไปจากบ้านชั้น” ติ๊งโหน่งโมโห
“ลูกติ๊งขา ใจเย็นลูก” ฉาดประภาปรปาม
“ติ๊งใจเย็นไม่ไหวหรอกค่ะ มันมาด่าเราถึงในบ้าน แม่จะให้ติ๊งกราบขอบคุณมันเหรอคะ”
“แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่แม่ไม่อยากให้ลูกเสียเซลที่มือไปตบคนพรรณนี้ แม่จะจัดการเอง”
พูดจบฉาดประภาก็ตบหน้าลัดลดาดังเพียะ ลัดลดาตัวหมุนติ้ว
“อ๊ายยย เลิศมากค่ะคุณแม่” ติ๊งโหน่งชม
ลัดลดาหันมาทรงตัวยืน “อ๊ายย แกสองแม่ลูกตาย!”
ลัดลดาจะเข้าไปตบติ๊งโหน่งกับฉาดประภา แต่เจอสองคนตบกลับพร้อมกัน ลัดลดาถึงกับมึน แต่เธอก็ไม่ยอม ลัดลดาคว้าหมอนบนโซฟาแล้วฟาดติ๊งโหน่งกับฉาดประภาไม่ยั้ง ติ๊งโหน่งกับฉาดประภาไม่ยอมหยิบหมอนขึ้นมาฟาดกลับ
ลัดลดาถูกติ๊งโหน่งกับฉาดประภาโยนออกมาจากบ้าน ลัดลดาอยู่ในสภาพผมยุ่ง ยับเยิน เธอรีบลุกขึ้นมายืน ติ๊งโหน่งปารองเท้าส้นสูงไปโดนหัวลัดลดา
“อ๊าย...พราด้าของชั้น” ลัดลดาบ่น
“ออกไปจากบ้านชั้นได้แล้ว ไม่งั้นเจอชกดั้งหักแน่ยัยโบทอก!!” ติ๊งโหน่งไล่
ลัดลดาจะเข้าไปจัดการแต่เจอติ๊งโหน่งปิดประตูใส่หน้า ลัดลดาผงะก่อนจะทำเชิดใส่ประตู
“อย่านึกว่าแกสองแม่ลูกชนะชั้น คนที่ชนะเลิศที่สุดคือชั้นต่างหากนังลูกคนขี้คุก ฟังให้ดีๆและชัดๆ เจ้าชายสุดหล่อคนนั้นต้องเป็นของชั้นคนเดียว ฮ่าๆๆ”
ลัดลดาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ติ๊งโหน่งเปิดประตูออกมาชกหน้าลัดลดาจนตาเหล่และหงายหลังสลบไปบนพื้น ติ๊งโหน่งปัดมือด้วยความสะใจ
เวลาผ่านไป ลัดลดายืนทาลิปสติคเพื่อปิดรอยโดนตบ แล้วเธอก็ดันอึ๋มก่อนจะกดออดหน้าห้องของโซว์ ไม่นานปีเตอร์ก็เปิดประตูออกมา
ลัดลดายังไม่ทันมอง “เจ้าชาย..” ลัดลดาเห็นว่าเป็นปีเตอร์ก็หุบยิ้มทันที “เจ้าชายโซว์อยู่ไหน”
“เจ้าชายไม่อยู่” ปีเตอร์บอก
“ไปไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
ลัดลดาจะเข้าไป ปีเตอร์จับแขนเธอเอาไว้
ลัดลดารีบสะบัดแขนออก “อย่ามาจับถูกตัวฉันนะไพร่”
ปีเตอร์ไม่พอใจ “ตอนนี้ล่ะทำเป็นรังเกียจ ทีตอนนั้นอยากเขมือบฉันใจจะขาด”
“บ้า!” ลัดลดาเดินจ้ำเข้าไปในห้อง “เจ้าชายโซว์ เจ้าชายอยู่ไหนเพคะ เจ้าชายโซว์ขา ยู้ฮู หม่อมชั้นลัดลดามาหาเพคะ เจ้าชาย”
ปีเตอร์รีบเดินมาขวางหน้า “เจ้าชายไปแล้ว เจ้าชายไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วก็ไม่ต้องถามว่าเจ้าชายไปไหน เพราะฉันไม่บอก ฮ่าๆ”
ลัดลดาเจ็บใจ “อ๊ายย”
ลัดลดาเตะแข้งปีเตอร์ ปีเตอร์สะดุ้งโหยง
“โอ๊ย!!”
“คนอย่างลัดลดาไม่มีอะไรที่ไม่รู้ แกไม่บอกก็ไม่เป็นไร ชั้นจะหาเจ้าชายเอง”
ลัดลดาสะบัดหน้าแล้วเดินออกไป ปีเตอร์จับหน้าแข้งตัวเองด้วยความเจ็บปวด
โซว์ก้มลงกราบเท้ายายขม ตุ๊กกับขิงนั่งอยู่ด้วย ยายขมตกใจรีบก้มลงกราบโซว์กลับ โซว์ตกใจ
“อย่ากราบหม่อมชั้นเลยเพคะเจ้าชาย หม่อมชั้นไม่อยากเหากินหัว” ยายขมบอก
“ยายต่างหากล่ะครับที่อย่าไหว้ผม ผมเป็นเด็ก เด็กต้องไหว้ผู้ใหญ่”
“แต่เจ้าชายเป็นเจ้าชาย” ยายขมค้าน
“แต่ยายเป็นยาย” โซว์บอก
“อย่าเลย”
“ไม่ได้ครับ”
ทั้งสองคนแย่งกันกราบจนตุ๊กทนไม่ไหวต้องโพล่งออกมา
“โว๊ย!! หยุดได้แล้ว!! ไหว้กันไปไหว้กันมา เดี๋ยวได้ไหว้กันถึงเช้าพอดี”
โซว์จับมือยายขม “ยายอย่าปฏิเสธกราบนี้ของผมเลยนะครับ ผมต้องกราบยายเพื่อเป็นการขอโทษที่ผมโกหกเรื่องที่ผมเป็นเจ้าชาย”
“หม่อมชั้นไม่โกรธหรอกเพคะ หม่อมชั้นเข้าใจ เจ้าชายทรงเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และสูงส่ง เป็นถึงโอรสของสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นถึงทายาทของมังกร เป็นถึงผู้ปกครองประเทศ” ยายขมพูด
ตุ๊กรีบขัด “โว๊ย พูดพอได้แล้วแม่ ตื่นเต้นทีไรพูดไม่หยุดทุกที เจ้าชายอย่าทรงถือคนแก่เลยนะกระหม่อม”
“ยายจ๋า ชั้นยังเป็นโซ่คนเดิม พูดกับชั้นธรรมดาๆเหมือนอย่างแต่ก่อนเถอะนะ”
“ได้เหรอ” ยายขมถาม
“ได้ครับ”
ยายขมโล่งใจ “เฮ้อ งั้นค่อยยังชั่ว ตื่นเต้นจนหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว”
โซว์กับขิงหันมาหัวเราะให้กัน
“มีอีกเรื่องที่สำคัญที่ผมต้องบอกยาย...ผมอยากขอเป็นคนดูแลขิงไปตลอดชีวิต ยายจะอนุญาตมั้ยครับ”
“ถ้าข้าไม่อนุญาต เอ็งจะทำไง” ยายขมถาม
โซว์อึ้ง เขาหันไปมองขิงเพราะไม่รู้จะทำยังไง ยายขมหัวเราะก๊าก
“เจ้าชายนี่หลอกง่ายจริงๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงข้าก็ต้องยกขิงให้เอ็งแน่นอน ฟันธง คอนเฟิร์ม”
“แหมยายก้อ ไม่หวงหน่อยเหรอ ทำแบบนี้ค่าตัวขิงลดพอดี” ขิงว่า
“กระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลกอย่างเอ็งมีคนอยากเอาไปเมีย ข้าก็ปลื้มตายแล้ว ให้ฟรีเลยก็ได้ สินสอดไม่ต้อง” ยายขมบอก
ตุ๊กหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ”
ขิงเขิน “ยายอ่ะ”
โซว์อมยิ้ม “ผมสัญญาครับว่าผมจะรักขิงและดูแลขิงเท่าชีวิตของผม”
ยายขมกับตุ๊กยิ้มแล้วพยักหน้า โซว์จับมือขิงแล้วทั้งสองคนก็ยิ้มให้กัน
ขิงกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า โซว์เดินเข้ามาหาแล้วก็เอ่ยถาม
“ทำอะไร?”
ขิงหันมาตอบ “เก็บของน่ะสิ ของตั้งเยอะตั้งแยะจะเอาไปหมดรึเปล่าก็ไม่รู้”
โซว์เดินเข้ามาจับมือขิง
“ไม่ต้องเอาอะไรไปหรอก” โซว์บอก
“ทำไม?”
“ข้าวของพวกนี้ไม่เหมาะกับเจ้าหญิงอย่างเธอ”
ขิงอึ้ง “เจ้าหญิง?”
“ใช่..ตอนนี้เธอมีศักดิ์เป็นว่าที่เจ้าหญิงแล้วนะ เจ้าหญิงของชั้น”
ขิงยิ้มรู้สึกอิ่มใจอย่างประหลาด
ตกกลางดึก ขิงกระสับกระส่ายเพราะนอนไม่หลับ เธอพลิกตัวไปพลิกตัวมาจนทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นมานั่ง
“โอ๊ย ทำไมนอนไม่หลับเนี่ย”
ขิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ขิงเดินออกจากห้องแล้วก็ผงะเพราะเห็นยายขมยืนรำอยู่คนเดียว ขิงมองยายขมแล้วก็ยิ้ม เธอยืนดูจนยายขมรำเสร็จ ขิงปรบมือ ยายขมหันไปมอง
“ยายใครเนี่ย? ยังรำสวยอยู่เลย” ขิงชม
“ยายนังขิงตัวเหม็นยังไงล่ะ” ยายขมตอบ
“แหมยายก้อ เดี๋ยวนี้ขิงตัวไม่เหม็นแล้วนะ”
“ข้ายังจำได้ดี ตอนเอ็งเด็กๆ ไม่ยอมอาบน้ำ แปรงฟันจนฟันหลอเป็นรู เลยถูกเพื่อนล้อ ร้องไห้ขี้มูกโป่งมาหาข้า”
ขิงยิ้มเขินๆ
“ยายยังจำได้อีกเหรอ” ขิงถาม
“ไม่มีเรื่องไหนของเอ็งที่ข้าจำไม่ได้หรอกนังขิง”
ขิงผงะแล้วก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที เธอโผกอดยายขมแน่นแล้วร้องไห้ ยายขมตกใจ
“ยายจ๋า ขิงขอบคุณที่ยายเลี้ยงดูขิงมา ถ้าไม่มียาย ขิงคงกลายเป็นเด็กเร่ร่อนมีปัญหาไปแล้ว ยายเปรียบเสมือนแม่ของขิง ขิงรักยายนะ”
ยายขมน้ำตาซึมแต่ก็พยายามกลั้นไว้ก่อนจะตบหลังขิงเบาๆ
“ยังจะร้องไห้เป็นเด็กๆอีก เอ็งจะมีผัวแล้วนะ”
ขิงผละออกมา ยายเช็ดน้ำตาเช็ดขี้มูกให้หลานสาว
“ไปอยู่คนอื่น ก็อย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ทำให้เค้ารัก ให้เค้าชื่นชม รู้มั้ย”
“ขิงรู้ แต่ไม่รู้ขิงจะทำได้มั้ย ขิงรู้สึกว่าสิ่งที่ขิงกำลังจะเจอมันดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน”
“ไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราไปได้หรอก ข้ามั่นใจว่าเอ็งต้องทำได้ และทำได้ดีด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเจออะไร เอ็งต้องอดทน”
“จ๊ะ ขิงจะอดทน ยายจ๋า ขิงขออะไรยายอย่างได้มั้ย”
ยายขมมองขิงด้วยความสงสัย
เวลาผ่านไป ขิงมานอนหนุนตักยายขม ยายขมร้องเพลงกล่อมเด็กให้ขิงฟังจนขิงนอนหลับไป
พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้า ขิงกับโซว์ยืนอยู่กับยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้ว
“โชคดีนะขิง ไปดีมาดี มีความสุข ชั้นกับแก้วจะดูแลยายขมกับคณะลิเกให้เอง” รุ้งบอก
“น้องขิงไม่ต้องห่วงยายนะจ๊ะ พี่แก้วจะปกป้องทุกคนด้วยหน้าหล่อๆของพี่แก้วเอง”
“ถุย!! แก้ว! เลิกหลงตัวเองซักที เห็นแล้วมันขัดลูกตา” ตุ๊กว่า
“ขอบใจมากนะพี่แก้ว ขอบใจมากนะรุ้ง ชั้นขอให้เธอสองคนรักกันนานๆ ถ้าแต่งงานกันเมื่อไหร่ บอกชั้นด้วยนะ” ขิงบอก
รุ้งกับแก้วพยักหน้าเขินๆ
“ตุ๊ก..เอ็งมีอะไรจะพูดกับหลานก็รีบๆพูดเข้า มันต้องไปแล้ว” ยายขมเร่ง
ตุ๊กเศร้าแต่พยายามกลั้นน้ำตา “ชั้นไม่มีอะไรจะพูดหรอกแม่”
“ไม่ต้องโกหก รีบพูดซะ ก่อนที่จะมานั่งเสียใจที่ไม่ได้พูดกับนังขิง”
ตุ๊กนิ่งไป ขิงหันไปมอง ตุ๊กร้องไห้ก่อนจะดึงหลานมากอดแน่น
“โชคดีนะนังขิง ข้าขอให้เอ็งมีความสุขมากๆ แล้วก็รีบมีหลานให้ข้าอุ้มเร็วๆ”
ขิงตบหลังตุ๊กเบาๆ แล้วก็ผละออกมา
“น้าตุ๊กก็ดูแลตัวเองดีดีล่ะ อย่าเอาแต่เล่น จริงจังกับชีวิตได้แล้วนะ ยายจะได้ไม่ห่วง”
“เออ สั่งเสียหยั่งกับข้าเป็นเด็ก” ตุ๊กพูด ทุกคนหัวเราะ “เจ้าชายโซว์...ฝากนังขิงมันด้วย นังนี่มันใจร้อนชอบทำอะไรหุนหันพลันแล่น ยังไงก็ให้อภัยมันด้วยแล้วกัน”
“ครับน้าตุ๊ก ถ้างั้นผมไปนะครับทุกคน ถ้าถึงที่นั่นแล้วผมจะติดต่อกลับมา” โซว์กล่าวลา
“ขิงไปนะยาย” ขิงเข้าไปกอดยาย “น้าตุ๊ก” ขิงเข้าไปกอดตุ๊ก “ไปนะรุ้ง” ขิงเข้าไปกอดรุ้ง “ไปนะแก้ว”
แก้วจะเข้ามากอดแต่เจอรุ้งดึงคอเสื้อเอาไว้ แก้วยิ้มแหยๆ
ขิงกับโซว์ขึ้นรถ ขิงเปิดหน้าต่างแล้วโบกมือให้ทุกคน แล้วรถก็แล่นออกไป ทุกคนออกมายืนมองตามรถขิงที่แล่นไปไกล ตุ๊กหันไปเห็นยายขมยืนน้ำตาเอ่อ
“แม่จะร้องไห้เหรอ” ตุ๊กถาม
“เปล่าเว๊ย ข้าไม่ได้ร้อง ฝุ่นมันเข้าตา ไปเว๊ย รีบไปซ้อมลิเกต่อได้แล้ว”
ยายขมรีบเดินเข้าไปในบ้าน
ตุ๊กอมยิ้ม แล้วตุ๊ก รุ้ง กับแก้วก็เดินตามยายขมเข้าไปในบ้าน
เครื่องบินกำลังแล่นลงบนรันเวย์สนามบินประเทศนิวแลนด์
ปีเตอร์เปิดประตูให้โซว์กับขิงเข้ามาในพระราชวัง ทันทีที่ขิงเดินเข้ามาก็ตกตะลึงกับความรโหฐาน โอ่อ่าของวัง ขิงมองไปรอบๆ
“โอ้โฮ...นี่วังของแท้เหรอเนี่ย”
“ใช่ วังของแท้” โซว์บอก
“พระเจ้า!! ไม่นึกไม่ฝันว่าชาตินี้จะได้เข้าวัง”
โซว์หัวเราะกับท่าทางของขิง ไม่นานนัก พระราชากับพระราชินีก็เดินออกมา ปีเตอร์เห็นจึงพูดขึ้น
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่มาแล้วกระหม่อม”
โซว์หันไปเห็นพ่อกับแม่เดินมา เขาจึงรีบจับมือขิง ขิงหันไปเห็นพระราชากับพระราชินีก็ตื่นเต้น
โซว์ถวายบังคม “เสด็จพ่อ เสด็จแม่”
โซว์เข้าไปกอดและหอมแก้มแม่ก่อนจะหันมาทางขิง
“ขิง..นี่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของชั้น ส่วนนี่..ขิง ผู้หญิงที่ลูกรัก”
ขิงทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วยกมือไหว้ท่วมหัวเหมือนหนังจักรๆวงศ์ๆ
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะพระราชา พระราชินี”
พระราชามองขิงด้วยสายตาเหยียดๆ แต่พระราชินีกลับอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“ลุกขึ้นมาเถอะ” พระราชินีจับตัวขิงให้ลุกขึ้นมายืน “หน้าตาน่ารัก จิ้มลิ้ม น่าเอ็นดูซะจริงๆ” พระราชินีหันไปทางพระราชา “ท่านว่ามั้ยเพคะ”
พระราชาปรายตามองขิงด้วยสีหน้านิ่งและไม่ได้ตอบอะไร ขิงอึ้งเพราะรับรู้ได้ถึงสายตาอำมหิตของพระราชา โซว์กับพระราชินีก็อึ้ง พระราชินีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เจ้าชาย..พาหนูขิงไปที่ห้องพักก่อนดีกว่า เดินทางมาไกลคงเหนื่อยแย่แล้ว”
พระราชินีพาขิงเดินออกไป ขิงเหลือบมองพระราชาที่ยังหน้านิ่ง ขณะที่โซว์พูดอะไรไม่ออก เขาเดินตามแม่กับขิงออกไป พระราชามีสีหน้าไม่พอใจ เขาหันไปเห็นปีเตอร์มองอยู่ ปีเตอร์สะดุ้งแล้วก็รีบก้มหน้าหลบตา
พระราชินีพาขิงกับโซว์เข้ามาในห้อง ขิงถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
“นี่เป็นห้องพักของเธอนะจ๊ะ” พระราชินีบอก
“ค่ะ เออ ห้องนี้พักกี่คนเหรอคะ” ขิงถาม
“เธอพักคนเดียว”
“ห๊ะ!” ขิงกระซิบถามโซว์ “ทำไมห้องใหญ่แบบนี้ ไม่มีห้องที่มันเล็กกว่านี้เหรอ”
พระราชินีได้ยิน “นี่เป็นห้องที่เล็กที่สุดในวังแล้ว” ขิงผงะแล้วหันไปมองพระราชินีก่อนจะยิ้มแหยๆ พระราชินีถามต่อ “เธออยู่ได้ใช่มั้ย”
“ได้เพคะ ห้องนี้ใหญ่กว่าบ้านของยายที่เมืองไทยอีก แต่ว่า..ตอนทำความสะอาด ขิงคงเหนื่อยแย่ ทำทั้งวันจะเสร็จรึเปล่า”
“เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” พระราชินีบอก
ขิงแปลกใจ พระราชินีหยิบกระดิ่งบนโต๊ะขึ้นมาสั่น สักพักคนรับใช้ห้าคนก็เดินเรียงหน้ากระดานเข้ามา
“นี่เป็นคนรับใช้ของเธอ อยากได้อะไรให้สั่นกระดิ่งอันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขิงทำเองได้” ขิงบอก
“ไม่ได้ เธอเป็นแขกของเจ้าชาย เธอห้ามทำอะไรเองเด็ดขาด”
ขิงอึ้งๆงงๆ โซว์เห็นหน้าขิงก็เข้าใจจึงพูดขึ้น
“เสด็จแม่อย่าเพิ่งให้ขิงเค้าใช้ชีวิตเหมือนพวกเราเลย ขิงจะอึดอัด ถ้าขิงอยากทำอะไรก็ให้ทำเถอะเสด็จแม่”
“เอางั้นเหรอ” พระราชินีถาม โซว์พยักหน้า “งั้นก็ได้ ถ้างั้นแม่ออกไปนะ” พระราชินีพูดกับคนรับใช้ “ไปเด็กๆ”
โซว์โค้ง ขิงรีบโค้งตาม พระราชินีเดินออกไป คนรับใช้เดินตาม
ทันทีที่พระราชินีออกไป โซว์กับขิงเงยหน้าขึ้นมา แล้วขิงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ชั้นตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมดแล้ว”
โซว์จับมือขิง
“มือเย็นจริงๆด้วย งั้น..” โซว์คิด “ไปเดินเล่นกันรอบๆวังกัน เธอจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง”
“อื้อ”
โซว์กับขิงจับมือกันเดินออกไป
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 10 (ต่อ)
โซว์จูงมือขิงเดินเข้ามาในสวน ขิงมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“สวยมากเหมือนอยู่ในฝันไม่มีผิด” ขิงบอก โซว์ยิ้ม “ไม่อยากเชื่อเลยว่าชั้นจะได้มาอยู่ในที่แบบนี้จริงๆ”
“ชั้นเห็นเธอมีความสุข ชั้นก็มีความสุข” โซว์บอก
ขิงหันมา “เราจะมีความสุขตลอดไปใช่มั้ย”
“แน่นอน เราจะมีความสุขตลอดไป”
ขิงนิ่งไปพัก “แต่ท่าทางพ่อของนาย จะไม่ค่อยชอบชั้น”
“ไม่หรอก เสด็จพ่อเป็นคนถือตัวอย่างแรง แต่จริงๆท่านไม่มีอะไร ชั้นจะรีบคุยกับเสด็จพ่อเรื่องแต่งงานของเรา ชั้นมั่นใจว่าประชาชนนิวแลนด์ทุกคนต้องรักเธอเหมือนอย่างที่ฉันรัก”
ขิงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่สบายใจขึ้น
โซว์ขี่ม้าโดยมีขิงนั่งอยู่ที่ด้านหน้า โซว์พาขิงขี่ม้าเที่ยวเล่นไปตามที่ต่างๆ ขิงกับโซว์ยิ้มให้กันเป็นระยะๆ อย่างมีความสุข
ขิงกับโซว์ถีบเรือเล่นกันในบึงน้ำ
ขิงกับโซว์เอาเท้าแช่น้ำ ขิงแกล้งวักน้ำสาดใส่โซว์ โซว์ไม่ยอมจึงวักน้ำใส่ขิงคืน
ขิงกับโซว์เก็บดอกไม้ โซว์เอาดอกไม้ทัดหูขิง ขิงยิ้มหวาน โซว์หัวเราะ
พระราชายืนมองโซว์กับขิงด้วยสีหน้านิ่งไร้ความรู้สึก พระราชินีเดินมาข้างๆ
“หนูขิงนี่น่ารักดีนะคะ แกดูซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัย” พระราชินีบอก
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง คุณอย่าทำอะไรเด็กคนนี้นะ เห็นๆอยู่ว่าเจ้าชายรักเธอมาก”
“ชั้นไม่ทำอะไรหรอก แต่ชั้นจะทำให้เจ้าชายรู้ด้วยตัวเองว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะสมกับเค้าแล้วก็ที่นี่”
พระราชินีตกใจ “คุณจะทำอะไร”
พระราชาไม่ตอบได้แต่ยิ้มร้าย
ปีเตอร์มองโซว์กับขิงที่กำลังสวีทกันอยู่แล้วก็ทอดถอนใจด้วยความเศร้า
“เห็นเจ้าชายมีความสุข ก็น่าอิจฉา เราอยากให้คนที่เรารักมาอยู่กับเราที่นี่ด้วยจังเลย พัชรีจ๋า พัชรี เราคิดถึงเธอ คิดถึงเธอเหลือเกิน”
ทันใดนั้นเสียงพัชรีก็ดังขึ้น
“ปีเตอร์”
ปีเตอร์ผงะแล้วนิ่งไป
“เราคิดถึงพัชรีมากจนหูฝาดเลยเหรอ” ปีเตอร์หันไปเห็นพัชรียืนยิ้มอยู่ “นอกจากหูฝาด ยังตาฝาดอีก”
ปีเตอร์ขยี้ตา แล้วก็มองอีกครั้ง เขาเห็นพัชรียืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
“นายไม่ได้หูฝาด แล้วก็ไม่ได้ตาฝาด นี่ชั้น.พัชรีตัวจริงเสียงจริง” พัชรีบอก
“ไม่จริง”
พัชรีเดินมาหยิกแก้มปีเตอร์สองข้างอย่างแรง
“โอ๊ย!!!” ปีเตอร์ดีใจ “พัชรี พัชรีจริงๆด้วย พัชรี”
ปีเตอร์เข้ามากอดพัชรีแน่น พัชรีรีบผละออก
“คนบ้า ยังทะลึ่งเหมือนเดิม”
“ถ้าไม่ทะลึ่งก็ไม่ใช่เราน่ะสิ เราดีใจที่สุดที่เธอมาหาเราที่นี่ เธอคิดถึงเราใช่มั้ย”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เรามาที่นี่ได้ก็เพราะเราได้รับเชิญจากเจ้าชายโซว์ ให้เป็นตัวแทนนักข่าวของประเทศไทยเพื่อเปิดเผยเรื่องราวของเจ้าชายโซว์ เจ้าชายแห่งนิวแลนด์ในแบบฉบับเอ็กคลูซีฟ ที่จะได้ติดตามดูชีวิตของเจ้าชายเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม” พัชรีอธิบาย
“แสดงว่าเธอต้องมาอยู่ที่นี่หนึ่งเดือน”
“ใช่!!”
“เย้ เยสเยส”
ปีเตอร์เข้ามายกพัชรีจนตัวลอย พัชรีเขิน
“ปล่อยชั้นได้แล้วคนบ้า”
ปีเตอร์ไม่ปล่อย แต่เขาหมุนตัวพัชรีไปรอบๆ
พระราชากำลังคุยโทรศัพท์
“มาถึงคืนนี้เลยเหรอ? ดีสิ ดีมาก ชั้นอยากเจอจะแย่อยู่แล้ว ถ้ายังไงชั้นจะให้คนไปรับ”
พระราชาวางสาย พระราชินีหันมามองพระราชาด้วยความสงสัย
“ใครจะมาคืนนี้เหรอเพคะ” พระราชินีถาม
“อีกไม่นานเธอก็รู้เอง”
พระราชายิ้มมีเลศนัย ทำให้พระราชินีสงสัยและรู้สึกระแวง
คนใช้ถือชุดยืนเรียงกันถึงห้าชุด ขิงเห็นแล้วถึงกับตะลึง
“จะให้ชั้นใส่ชุดพวกนี้!!”
“ค่ะ เจ้าชายทรงจัดมาให้คุณเลือก คุณชอบชุดไหนคะ” คนใช้คนหนึ่งถาม
“ไม่ชอบซักชุด นี่ก็เวอร์เกิน นี่ก็เลิศไป นี่ก็อะไรไม่รู้ นี่ก็โป๊มาก ไม่ไหว ไม่เอา”
“ไม่ได้ค่ะ คุณต้องเลือกมาหนึ่งชุด”
“ไม่มีชุดอื่นแล้วเหรอ”
“ไม่มีแล้วค่ะ นี่เป็นชุดที่ราคาแพงที่สุดในประเทศแล้ว ชุดหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้าล้านบาท”
“ห๊ะ!!! ชุดราคาห้าล้าน บ้ารึเปล่าเนี่ย แบบนี้ชั้นยิ่งไม่กล้าใส่ เอาออกไปให้หมดเลย แล้วก็ไปบอกเจ้าชายนะว่าชั้นไม่ชอบ”
“ไม่ชอบไม่ได้ พวกเราได้รับคำสั่งให้ช่วยแต่งตัวให้คุณค่ะ”
คนใช้ดาหน้าเข้ามาหาขิง ขิงผงะแล้วก็ถอยกรูด
“จะทำอะไร?!”
ขิงถูกคนรับใช้กรูกันเข้ามาจับตัว ขิงร้องลั่น
“ไม่นะ ไม่..ไม่..ม..ม..ม...!!!”
ขิงถูกจับล็อคตัวกับเก้าอี้ คนรับใช้เข้ามาขัดตัว หมักผม พอกหน้าให้ขิง ขิงหงุดหงิดสุดๆ
“ปล่อยนะ ปล่อย ปล่อย!!!”
ขิงขยับตัวไปไหนไม่ได้
ขิงถูกทาหน้า ทาตา ทาปาก ทาแก้ม ทาครีมตามแขน ตามขา คนรับใช้เอาชุดออกมาใส่ให้ขิง แล้วคนรับใช้ก็เอารองเท้ามาใส่ให้ขิง
พระราชวังยามค่ำคืนเต็มไปด้วยสีสันจากแสงไฟ โซว์ในชุดเต็มยศยืนรอขิงอยู่ โต๊ะอาหารเบื้องหลังถูกจัดไว้อย่างโรแมนติค โซว์ดูเวลา
“ทำไมยังไม่มาอีก แต่งตัวนานจัง”
โซว์กำลังจะเดินออกไป ไม่นานขิงก็เดินเข้ามา โซว์ถึงกับอึ้งและตกตะลึง
ขิงอยู่ในชุดราตรีที่สวยมาก โซว์ถึงกับพูดไม่ออก ขิงเห็นโซว์จ้องเลยรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
“ทำไมมองชั้นแบบนี้ ไม่สวยใช่มั้ย ชั้นว่าแล้วเชียว ชุดพวกนี้ไม่เหมาะกับชั้นหรอก” ขิงตัดพ้อ
“เธอสวยมากต่างหากขิง”
ขิงอึ้ง โซว์เดินมาตรงหน้า
“สวยจนชั้นพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก”
ขิงเขิน “อย่าเวอร์”
“ไม่ได้เวอร์ ชั้นพูดจริงๆ จะให้สาบานก็ได้”
โซว์ยกมือจะสาบาน ขิงรีบจับมือเขาไว้
“ไม่ต้องสาบานหรอก ชั้นเชื่อว่านายพูดจริง”
โซว์จับมือขิงแน่น
“เต้นรำกันนะครับเจ้าหญิงของผม”
โซว์โค้งให้ ขิงถอนสายบัว
“โอเคค่ะ เจ้าชายของชั้น”
ขิงกับโซว์ยิ้มให้กัน โซว์ยกมือให้สัญญาณ ปีเตอร์กดเปิดเพลง แล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้น โซว์กับขิงเต้นรำด้วยกัน แต่ยังไม่ทันไร ขิงก็เหยียบเท้าโซว์
“โอ๊ย!”
“ชั้นขอโทษ” ขิงบอก
“ไม่เป็นไร เอาใหม่นะ”
ขิงพยักหน้า พอเต้นไปได้สักพัก ขิงก็เหยียบเท้าโซว์อีก โซว์สะดุ้ง
“โอ๊ย!!!”
แล้วขิงก็เหยียบเท้าโซว์อีกสามถึงสี่ครั้ง
โซว์ร้องด้วยความเจ็บ “อุ๊ย โอ๊ย”
ขิงรู้สึกผิด “ชั้นขอโทษ...”
“ชั้นว่าไม่ต้องเต้นแล้ว ทำอย่างนี้ดีกว่า”
ขิงงง โซว์ดึงขิงเข้ามากอดแน่น
“กอดกันแบบนี้ สบายกว่ากันเยอะเลย” โซว์บอก
ขิงเขินมาก โซว์กับขิงกอดแล้วก็โยนตัวไปมาอยู่กับที่ ปีเตอร์กับพัชรีที่แอบดูอยู่ถึงกับเขินแทน สองคนหันมามองหน้ากัน แล้วก็ชะงักด้วยความเขิน
“เต้นรำกันบ้างมั้ย” ปีเตอร์ถามพัชรี
“ก็ได้”
ปีเตอร์กับพัชรีหันมาเต้นรำกันอย่างมีความสุข
สักพัก องครักษ์ก็เดินเข้ามาหาโซว์
“ขอประทานอภัยโทษกระหม่อม”
โซว์กับขิงผละออกจากกันแล้วหันไปมอง ปีเตอร์กับพัชรีหันไปมองด้วย
“พระราชาให้หม่อมชั้นมาตามเจ้าชายกับคุณขิงไปพบด่วนกระหม่อม”
“มีเรื่องอะไร” โซว์ถาม
องครักษ์ไม่ตอบ โซว์หันไปมองหน้าขิงด้วยความสงสัย
โซว์กับขิงจับมือกันเดินเข้ามาในพระราชวัง ปีเตอร์กับพัชรีตามมาด้วย พระราชากับพระราชินีรออยู่
โซว์ถามด้วยความแปลกใจ “เสด็จพ่อมีอะไรถึงต้องให้ลูกรีบมาหา”
พระราชายิ้ม “มีแขกคนสำคัญมาหาลูกน่ะสิ”
โซว์แปลกใจ เขาหันไปมองขิง พระราชาผายมือไปทางด้านหลัง
“ออกมาได้แล้ว”
โซว์ ขิง ปีเตอร์ และพัชรีหันไปมอง มาเรียเดินออกมา โซว์ยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะปล่อยมือจากขิงเดินไปหามาเรียทันที ขิงยืนงง
“มาเรีย!”
โซว์ตกใจมาก เขาหันไปมองพระราชา คำพูดของพระราชาในอดีตก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“รู้แล้วว่าชั้นจะหาผู้หญิงที่เพอร์เฟคไม่มีที่ติได้ที่ไหน..”
โซว์อึ้งๆ มาเรียถอนสายบัวให้โซว์
“ถวายบังคมเพคะเจ้าชาย”
โซว์ได้สติ
มาเรียยื่นมือให้โซว์ โซว์จับมือมาเรียขึ้นมาหอม ขิงยืนอึ้ง ปีเตอร์รีบยื่นหน้ามากระซิบบอกขิง
“ไม่ต้องตกใจครับคุณขิง นี่เป็นธรรมเนียมของประเทศเรา”
ขิงถอนหายใจ เธอหันไปเห็นมาเรียกับโซว์กอดกันก็ถึงกับเหวอ ขิงหันไปทางปีเตอร์
“แล้วนี่เป็นธรรมเนียมด้วยรึเปล่า” ขิงถาม
“อันนี้ไม่ใช่ครับ” ปีเตอร์บอก
ขิงมองอย่างไม่ค่อยพอใจ โซว์กระซิบกับมาเรีย
“นี่เสด็จพ่อคงไม่ได้เรียกเธอมาเพื่อให้มาแต่งงานกับฉันหรอกนะ”
“คิดได้นะเจ้าชาย ฉันไม่สิ้นคิดแต่งงานกับเธอหรอก” มาเรียบอก
โซว์ยิ้มสบายใจ แต่มาเรียทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ แล้วทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน
“ไม่ได้เจอเจ้าชายตั้งนาน คิดถึ๊งคิดถึงเพคะ” มาเรียบอก
“เลิกเรียกเราว่าเจ้าชาย เรียกชื่ออย่างเดิมเถอะ” โซว์บอก
“ตัวเล็ก” มาเรียเรียก โซว์ยิ้ม “เอ๊ะ แต่ตอนนี้คงเรียกตัวเล็กไม่ได้แล้ว เพราะเธอตัวสูง แถมยังหล่อมากๆอีกด้วย”
ขิงเหล่อย่างไม่พอใจ
“เธอเองก็สวยขึ้นเหมือนกัน ไหนขอดูฟันหน่อยสิ” โซว์พูด มาเรียยิงฟัน “ฟันไม่เหยินแล้วนี่”
“เลิกเหยินนานแล้วย่ะ เค้าดัดฟันแล้ว”
โซว์กับมาเรียหัวเราะให้กัน พัชรีมองมาเรียอย่างไม่ถูกชะตา ขิงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน เธอเริ่มขยับตัว แต่โซว์ก็ยังไม่สนใจ ขิงทนไม่ไหวจึงส่งเสียงออกมา
“แฮ่ม!”
โซว์นึกขึ้นได้รีบหันไปมองขิงแล้วทำหน้าแหยๆ มาเรียหันไปเห็นขิงก็ถามโซว์
“นั่นใครอ่ะโซว์ คนรับใช้คนใหม่เหรอ”
ขิงเหวอรอบสองและกำลังจะเอาเรื่อง แต่โซว์รีบพูด
“ไม่ใช่” โซว์เดินไปยืนข้างขิงพร้อมกับจับมือ “นี่ขิง คนรักของเรา”
มาเรียชะงัก “คนรัก?? เธอมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย”
โซว์พยักหน้าด้วยความภูมิใจ “เป็นไง แฟนเราน่ารักมั้ย”
มาเรียเดินมาตรงหน้าขิง “ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะขิง”
มาเรียยื่นมือให้ขิงจับ ขิงจับมือมาเรีย มาเรียยิ้มจริงใจให้ขิง แต่ขิงยังทำหน้าไม่ถูก พระราชามองด้วยความพอใจ แต่พระราชินีมองพระราชาด้วยความสงสัย
ขิงจ้ำเดินมาตามทางด้วยความหึงโซว์กับมาเรีย โซว์รีบตามมาจับมือขิง แต่ขิงสะบัดมือออกแล้วเดินหนี โซว์อมยิ้มแล้วรีบเดินไปข้างๆ ก่อนจะจับแขนขิงให้หันมา
โซว์ยิ้ม “เป็นอะไร”
ขิงหันมาทำหน้าหงิก “เปล่า”
โซว์หัวเราะ ขิงฉุน
“หัวเราะอะไร?”
โซว์ย้อน “เปล่า”
“ไม่ต้องมาย้อนฉันเลยนะ เห็นๆอยู่ว่านายหัวเราะ”
“หึงชั้นกับมาเรียเหรอ”
ขิงหน้าถอดสี “ใครหึง ชิ”
ขิงสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินหนี โซว์ดึงขิงมากอดแน่น ขิงตกใจ
“ทำอะไร ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย”
ทันใดนั้น ทหารนายหนึ่งเดินมาเห็นก็ตกใจ เขาหยุดเดินแล้วมอง โซว์หันไปถาม
“มองอะไร! ไม่เคยเห็นคนรักกันเหรอ”
ทหารรีบก้มหน้าแล้วเดินหนี
“ปล่อยได้แล้ว ฉันอายเค้า” ขิงว่า
“คนเป็นแฟนกอดกันไม่เห็นน่าอายตรงไหน ใครอยากเห็นก็เห็นไป อีกไม่นานเราก็ต้องแต่งานกันอยู่แล้ว”
ขิงเขินจึงเมินหน้าไปทางอื่น “ใครจะแต่งด้วย”
“ถ้าเธอไม่แต่ง ฉันจะได้ไปแต่งกับคนอื่น”
ขิงฉุนกึก “มาเรียน่ะเหรอ”
“อ๊ะ ไหนบอกไม่หึงไง”
“คนบ้า” ขิงว่า
โซว์ยิ้มกวน “บ้าแล้วรักป่ะล่ะ”
ขิงเขินจึงตีแขนโซว์ดังเพียะ!!
โซว์ยิ้มพอใจ “มาเรียเป็นเจ้าหญิงแห่งประเทศสิงขรประเทศเพื่อนบ้านของเรา พระราชาของประเทศสิงขร พ่อของมาเรียเป็นเพื่อนสนิทกับเสด็จพ่อ ฉันกับมาเรียเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่ได้เจอกันมาประมาณสิบกว่าปีแล้ว”
“ใครถาม”
“อยากเล่า”
ขิงยิ้มเขิน โซว์จับขิงให้หันมาเผชิญหน้าเขา
“ชั้นดีใจนะที่เห็นเธอหึงชั้น” โซว์บอก
“นี่แค่หึงระดับต้น ถ้าเป็นระดับปลาย นายจะเจอแบบนี้”
ขิงหยิกหูโซว์พร้อมบิด โซว์ร้องลั่น
“โอ๊ย!!”
ขิงปล่อยมือแล้วก็หัวเราะ “สมน้ำหน้า”
โซว์ฉวยโอกาสหอมแก้มขิง ขิงตกใจ
“เฮ้ย!!”
โซว์หัวเราะแล้ววิ่งหนี ขิงไล่ตาม
“จะไปไหนคนฉวยโอกาส นี่..นี่”
มาเรียโผล่หน้าออกมามองตามก่อนจะยิ้มร้าย
เวลาผ่านไป พระราชาหันมาทางมาเรีย มาเรียพูด
“เสด็จอาไม่ต้องห่วงนะเพคะ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนลูกหมาข้างถนน ไม่มีอะไรเทียบหม่อมชั้นได้เลยซักนิด หน้าตาก็งั้นๆ ไม่ได้สวยเลอเลิศมาจากไหน ชาติตระกูลก็ไม่ดี แค่เด็กบ้านนอก ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หม่อมชั้นรับรองไม่เกินสามวัน ผู้หญิงคนนั้นต้องหอบข้าวหอบของออกไปจากประเทศนิวแลนด์แน่นอน”
มาเรียกับพระราชายิ้มให้กันอย่างร้ายกาจ
พัชรีมองปีเตอร์ด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรนะ!! ยัยมาเลเรียนั่นเป็นคนที่พระราชาจะให้อภิเษกกับเจ้าชาย?”
“ถูกต้อง” ปีเตอร์บอก “แล้วอีกอย่างเค้าชื่อเจ้าหญิงมาเรีย ไม่ได้ชื่อยัยมาเลเรีย เรียกให้ถูก ไม่งั้นหัวจะขาด แล้วก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเจ้าชายแอบมากระซิบกับฉันว่าเจ้าหญิงมาเรียมาเยี่ยมเยียนเจ้าชายในฐานะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ไม่ได้มาเพราะเป็นคำสั่งของพระราชา แล้วเจ้าหญิงก็ไม่รับรู้เรื่องอภิเษกสมรสด้วย เพราะฉะนั้นหายห่วง”
“แน่ใจเหรอว่าหายห่วง เห็นหน้านังเจ้าหญิงคนนี้ก็ส่อออกมาแล้วว่าไว้ใจไม่ได้ ทำเป็นยิ้ม แต่แววตาร้ายอย่างบอกใคร แล้วคุณไม่แปลกใจเลยเหรอที่อยู่ดีๆเจ้าหญิงมาเลเรียก็โผล่มาตอนนี้พอดี๊พอดี”
“เจ้าหญิงมาเรีย ไม่ใช่เจ้าหญิงมาเลเรีย”
“ก็ชั้นจะเรียกมาเลเรียมีอะไรป่ะ”
“ไม่กล้ามีหรอก” ปีเตอร์บอก
“และที่แปลกอีกอย่างก็คืออะไรรู้มั้ย พระราชา?! คุณบอกชั้นเองว่าพระราชาทรงถือตัว เจ้ายศเจ้าอย่าง ชั้นยังแปลกใจอยู่จนทุกวันนี้ว่าทำไมท่านทรงยอมรับขิงง่ายๆ”
“อืมม์ พระราชาอาจจะทรงเปลี่ยนไปแล้วก็ได้”
“ไม่มีทาง”
“เพราะอะไร?”
“เพราะกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำยังไงล่ะ”
“โธ่พัชรี..คิดไปก็ปวดหัว มาเล่นจ้ำจี้กันดีกว่า”
ปีเตอร์จะเข้าไปหาแต่เจอพัชรีผลักหัวจนกระเด็น
“โอ๊ย!!”
“ออกไปจากห้องชั้นได้แล้ว ชั้นจะนอน” พัชรีไล่
“เข้าใจอะไรผิดป่าวพัชรี เธอต่างหากที่ต้องออกไป นี่มันห้องชั้น!”
“อ้าว?? เออจริง ลืม”
พัชรีเดินออกไป ปีเตอร์ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
“พัชรี ชั้นจะต้องเผด็จศึกเธอที่นี่ให้ได้ ฮึ่ม”
ปีเตอร์มีสีหน้ามุ่งมั่นสุดๆ
ที่บ้านของลัดลดา ลัดลดารีบยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยความเร่งร้อน ก่อนจะเหลือบตามองไปที่กรอบรูปที่ใส่รูปโซว์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียง ลัดลดาหยิบรูปนั้นขึ้นมาจูบอย่างรุนแรงและดูดดื่ม
“อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะได้พบกันแล้วนะเพคะ ....ว่าที่ราชินีแห่งนิวแลนด์กำลังจะบินไปหาพระองค์แล้ว” ลัดลดาหัวเราะอย่างชั่วร้าย “โฮะๆๆๆๆๆๆ”
ลัดลดาหัวเราอย่างเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของลัดลดาก็ดังขึ้น ลัดลดารีบหยิบขึ้นมากดรับ เธอได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายไม่ต่างกับที่เธอหัวเราะเมื่อสักครู่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ลัดลดาตกใจ
“ไอ้บ้า แกหัวเราะบ้าบออะไรน่ะ ถ้าจะโทรมาหัวเราะ ก็โทรไปหาคนอื่น ไอ้โรคจิต !!”
ลัดลดากำลังจะกดวางโทรศัพท์ แต่เสียงคนในโทรศัพท์ดังออกมา
“นี่เธอกล้าด่าเจ้าหนี้ของเธอแบบนี้เหรอ”
ลัดลดารีบตะโกนใส่ด้วยความโมโห “ชั้นไม่เคยมีเจ้าหนี้ที่ไหน”
เจ้าหนี้สวนด้วยเสียงเข้ม “เธอไม่มี แต่พ่อของเธอมี”
ลัดลดาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบโวยวายใส่โทรศัพท์ “แกเป็นเจ้าหนี้พ่อชั้น ก็โทรไปหาเค้าซิ จะมาโทรหาชั้นทำไม ไอ้ทุเรศ ไอ้เลวทราม ไอ้หมาขี้เรื้อน ไอ้.. ไอ้...ไอ้บ้า !!”
ลัดลดาด่าเสร็จก็รีบกดวางโทรศัพท์ก่อนจะรีบโยนทิ้งไปไกลๆ ตัว
“ตอนนี้เราต้องตั้งสติให้มั่นคง จะต้องไม่วอกแวกกับอะไรทั้งนั้น เราต้องท่องเอาไว้ ว่าเป้าหมายของเรา คือ เจ้าชายโซว์ เจ้าชายโซว์เท่านั้น” ลัดลดาหัวเราะชั่วร้ายสุดๆ “โฮะๆๆๆๆๆ”
วันรุ่งขึ้น ขิงนั่งอยู่หน้ากระจกในห้อง เธอมองตลับแป้ง ลิปสติค แล้วก็หยิบที่เขียนคิ้วขึ้นมา
“ขิง.. ถ้าเธออยากเป็นเจ้าหญิงของโซว์ เธอต้องทำได้”
ขิงพยายามจะเขียนคิ้วด้วยมือที่สั่นเทา เธอขีดเส้นยึกๆยักๆ ลงบนคิ้วแล้วก็พลาดลากคิ้วสองข้างไม่เท่ากัน ขิงตกใจกับหน้าตัวเอง
“เฮ้ย!”
ขิงหัวเสียก่อนจะเอากระดาษเช็ดออกแต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ ขิงโมโหจึงปากระดาษลงบนโต๊ะ
“การเป็นเจ้าหญิงมันยากแบบนี้เลยเหรอ”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ขิงหันไปมอง
“เชิญค่ะ”
มาเรียเปิดประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามา ขิงชะงัก
มาเรียเอ่ยถาม “ชั้นเข้าไปได้มั้ย”
“ได้สิ” ขิงตอบ
มาเรียเดินมาหา “กำลังทำอะไร”
“เออ ชั้นพยายามจะแต่งหน้า แต่ทำไม่เป็น แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเริ่มอันไหนก่อน มันเยอะแยะไปหมด”
มาเรียยิ้ม “โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ง่ายๆแค่นี้ ชั้นช่วยได้”
มาเรียลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ขิง
“นั่งเฉยๆ แล้วชั้นจะเนรมิตเธอให้สวยเอง”
มาเรียเริ่มแต่งหน้าให้ขิงแล้วก็คุยกันไปด้วย
“ชั้นถามเรื่องเธอกับโซว์ได้มั้ย”
ขิงทำตาเหลือกเพราะมาเรียกำลังเขียนขอบตา “ได้สิ”
“เธอเจอโซว์ที่ไหน” มาเรียถาม
“ตรอกข้าวสาร เออ มันเป็นชื่อถนนในกรุงเทพ ประเทศไทย”
“ให้ชั้นเดานะ เค้าต้องหนีพ่อเที่ยวแน่ๆ”
“ประมาณนั้น”
มาเรียเขียนขอบตาให้ขิงเสร็จ ก็ลงมือทาลิปสติค
ขิงพูด “เธอกับโซว์ดูรู้ใจกันดีเนอะ”
“แน่นอน เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆนี่” มาเรียบอก ขิงผงะ “แต่ไม่ต้องห่วงนะ” มาเรียมองหน้าขิงจริงจัง “ชั้นไม่ชอบโซว์หรอก เค้าไม่ใช่สเป็คชั้น”
ขิงยิ้ม “จริงเหรอ”
มาเรียพยักหน้าแล้วก็แต่งหน้าขิงจนเสร็จ
มาเรียจับขิงหันไปทางกระจก “สวยแล้ว”
ขิงหันไปมองตัวเองในกระจกด้วยความตกตะลึงแล้วก็ยิ้มให้มาเรีย
โซว์กำลังยิงธนูอยู่ ขณะที่พัชรีเก็บภาพไม่หยุด ปีเตอร์คอยส่งลูกธนูให้ ทำให้เขายืนบังกล้องตลอดเวลา
“หลบไปสิ” พัชรีบอก
ปีเตอร์เบ้หน้า พัชรีหันไปทางโซว์
พัชรีกดเครื่องบันทึกเสียง “เจ้าชายทรงเริ่มสนใจกีฬายิงธนูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ตั้งแต่เด็ก เราเห็นเสด็จพ่อยิงธนูแล้วเท่ห์ดี เราก็เลยอยากลองดูบ้าง แล้วมันก็สนุกจริงๆ” โซว์ตอบ
“นอกจากโปรดยิงธนูแล้ว ยังโปรดอะไรอีกเพคะ”
“ขี่ม้า ฟันดาบ แล้วก็พวกกีฬาผาดโผน”
ปีเตอร์สอดขึ้นมา “อย่างพวกล่องแก่ง ปีนเขา ไต่สลิง อะไรอย่างเนี้ย เราก็ชอบเหมือนกันนะ เพราะเราต้องคอยไปกับเจ้าชายทุกที”
“ใครถาม?” พัชรีถาม
ปีเตอร์จ๋อย
ทันใดนั้น มาเรียกับขิงก็เดินมา
“โซว์...” มาเรียเรียก
โซว์หันไปแล้วก็ตกตะลึงกับขิงที่แต่งหน้าจนแลดูสวยมากเป็นพิเศษ
“ถึงกับตาค้างเลยเหรอเจ้าชาย สวยใช่มั้ย” มาเรียถาม
“สวยมากเลย” โซว์ชม
“ฝีมือการแต่งหน้าและแต่งตัวของขิงออกมาสวยสง่าเพราะชั้นเอง” มาเรียบอก
“โชคดีที่ได้เจ้าหญิงมาเรียช่วย ไม่งั้นชั้นก็ไม่รู้ว่าจะแต่งหน้าแต่งตัวยังไงให้เหมาะสมที่จะไปปิกนิกกับนาย” ขิงพูด
“ขอบใจมากนะมาเรีย” โซว์กล่าว
“ไม่เป็นไร ชั้นเต็มใจแล้วก็ยินดีช่วย อีกอย่างนะขิงเรียกฉันมาเรีย ไม่ต้องเรียกเจ้าหญิง เราจะได้สนิทกันมากขึ้น” มาเรียหันไปทางโซว์ “เอาล่ะ ชั้นพาขิงมาส่งแล้ว ตามสบายนะ”
“เดี๋ยวสิมาเรีย เธอไปกับเราสิ เราจะไปปิกนิกกันในป่า” ขิงชวน
“อย่าเลย ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ”
“ชั้นไม่ได้ไปกับโซว์สองคน ปีเตอร์กับพี่พัชก็ไปด้วย ไปเถอะนะ” ขิงรบเร้า
“ไปเถอะมาเรีย” โซว์เสริม
“งั้นก็ได้ ขอชั้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
แล้วมาเรียก็เดินออกไป พัชรีมองมาเรียด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ลัดลดายืนอยู่กับทหารที่หน้าวัง
“ชั้นมาหาเจ้าชายโซว์” ลัดลดาบอก
“นัดไว้รึเปล่าครับ” ทหารถาม
“เปล่า ชั้นเป็นพระสหายที่สนิทมั่กๆของเจ้าชาย” ลัดลดาบอก ทหารนิ่ง “ไปบอกเจ้าชายว่าลัดลดามาหา”
ปีเตอร์ทำหน้าอึ้งและเหวอ ก่อนจะโวยใส่ทหารที่มารายงาน
“ไปบอกยายนั่นเลยนะ ว่ามาทางไหน ก็ให้กลับไปทางนั้น แล้วไม่ต้องมาอีก”
โซว์ ขิง พัชรี และทหารมองหน้าปีเตอร์อย่างงงๆ ที่เห็นปีเตอร์แสดงท่าทางรังเกียจลัดลดาขนาดนั้น
ปีเตอร์รู้สึกตัวจึงพูดเสียงอ่อยๆ “เยอะเกินไป ใช่มั้ย”
พัขรีกับขิงตอบพร้อมกัน “ มากก”
ปีเตอร์จ๋อย “งั้นแค่บอกให้กลับไปก็ได้”
“เราเป็นเจ้าชายนะ เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เค้าอุตส่าห์มาหา เราก็ต้องต้อนรับ” โซว์บอก
“แต่เจ้าชาย ...”
โซว์ไม่สนฟังปีเตอร์ “ไปเชิญเค้าเข้ามา แล้วพาไปรอชั้นที่เรือนรับรอง”
ทหารโค้งรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไป ปีเตอร์มองโซว์อย่างขัดใจ ขิงมองหน้าโซว์แล้วยิ้มก่อนจะพูดกับเขา
“นายทำถูกแล้วหละ”
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลัดลดาเดินสำรวจข้าวของในเรือนรับรอง เธอเห็นของแต่ละอย่างก็ตื่นเต้นจนตาโต
“อันนี้ก็เงิน” ลัดลดาหยิบของมากัดพิสูจน์ “อันนี้ก็ทอง อูยยย มีแต่ของดีๆทั้งนั้น” ลัดลดายิ้มร้าย “แล้วต่อไปของพวกนี้ก็ต้องกลายเป็นของชั้น” ลัดลดาหัวเราะชั่วร้าย “โฮะๆๆๆๆ”
ลัดลดาหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะหันกลับมาเห็นมาเรียกำลังยืนกอดอกจ้องตาเขม็งอยู่ ลัดลดาถึงกับชะงัก
“อุย !!!” ลัดลดารีบเชิดใส่ แล้ววีนใส่เพราะนึกว่ามาเรียเป็นนางกำนัล “มายืนจ้องหน้าทำไม รีบไปตามเจ้าชายมาซิ ชั้นรออยู่นานแล้วนะ”
มาเรียถามแบบเหยียดสุดๆ “เธอเป็นใคร”
ลัดลดาถอนหายใจ “เฮ่อ..เบื่อจริงๆ ไอ้พวกมีตาแต่ไม่มีแวว ดูไม่ออกรึไง ว่าชั้น คือ” ลัดลดาโพสท่าสวย “ว่าที่ราชินีองค์ใหม่แห่งนิวแลนด์ โฮะๆๆๆๆๆ”
มาเรียได้ฟังก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะประสานกับเสียงลัดลดาที่หัวเราะอยู่ก่อนหน้าจนลัดลดาต้องหยุดหัวเราะด้วยความไม่พอใจ
“นี่หล่อนมาหัวเราะชั้นทำไมยะยัยนางสนมต๊อกต๋อย”
“คนที่มีตาแต่ไม่มีแวว แถมยังโชว์โง่ออกมาเต็มๆ คือ เธอ ...ชั้นต่างหากที่ควรจะถามเธอว่า ไม่รู้รึไงว่าชั้นคือใคร” มาเรียย้อน
ลัดลดาเดามั่ว “เธอคงไม่ใช่ ...แม่ของเจ้าชายโซว์หรอกนะ”
“จะบ้าเหรอ ชั้นจะเป็นแม่ของโซว์ได้ไง กำเริบใหญ่แล้ว อยากจะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรรึไง”
“ใครก็ประหารว่าที่ราชินีแห่งนิวแลนด์ไม่ได้หรอกจะบอกให้”
มาเรียโวย “นี่เธอ !!!”
ประตูเปิดออก โซว์ ปีเตอร์ ขิง และพัชรีเดินเข้ามาในห้อง
ลัดลดาดีใจที่เห็นโซว์จึงรีบวิ่งจะเข้าไปกอดแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นขิงในชุดเต็มยศเดินเข้ามาด้วย
“นะ..นี่แก...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
“คุณขิงเป็นว่าที่คู่หมั้นของโชว์ เจ้าชายแห่งประเทศนิวแลนด์ การที่เค้าอยู่นี่ก็ไม่แปลก ไม่เหมือนคนที่พยายามแอบอ้างบางคน” มาเรียพูด แล้วก็ออกคำสั่ง “ใครก็ได้มาลากตัวยายนี่ออกไปจากวังที”
ลัดลดาได้ยินแบบนั้นก็ตกใจจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนโซว์แน่นก่อนจะพูดกับโซว์
“ทำไมคนใช้ในวังเจ้าชายถึงได้ดุแบบนี้ล่ะเพคะ ดาด้ากลั๊ว..กลัว..”
โซว์หน้าเสีย “เอ่อ ..เค้าไม่ใช่คนใช้ นี่คือเจ้าหญิงมาเรีย แห่งประเทศสิงขร เพื่อนสนิทของเราเอง”
ลัดลดามองมาเรียอึ้งๆ “แฮะๆๆ ...ถึงว่า เจ้าหญิงจากเมืองป่าเมืองเขา กันด๊าร..กันดาร ดาด้าเลยดูไม่ออก ...ว่าเป็นเจ้าหญิง”
มาเรียโกรธจึงจะเอาเรื่อง แต่โซว์เดินไปโอบไหล่เธอไว้ มาเรียยอมนิ่งแล้ววางมาดสง่าตามแบบที่เจ้าหญิงควรทำ ขิงที่ยืนอยู่เห็นโซว์และมาเรียสนิทกันมากก็แอบคิดมากแต่ยังทำนิ่งอยู่
“แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม” โซว์ถามลัดลดา
“ก็ดาด้าคิดถึงเจ้าชายนี่เพคะ เพราะคิดถึงเลยมาหา ผิดด้วยเหรอเพคะ”
“ไม่ผิดหรอก แต่ไม่ควรมากกว่า” พัชรีตอบแทน
“เจ้าชายยังไม่ว่าซักคำ ใช่มั้ยเพคะ”
โซว์เซ็งแต่อดทน “ถ้าใครมานิวแลนด์ด้วยเจตนาที่ดี เรายินดีต้อนรับทั้งนั้น ปีเตอร์ หาที่พักให้คุณลัดลดาด้วย เอาโรงแรมที่ดีที่สุด”
ปีเตอร์รับคำสั่ง โซว์เดินจูงมือขิงและมาเรียออกไป ลัดลดาจะวิ่งตาม แต่พัชรีและปีเตอร์มาขวางไว้
“เจ้าชายจะไปไหนเพคะ” ลัดลดาถาม
“เจ้าชายจะไปไหนก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ” พัชรีบอก
ลัดลดาไม่ยอม เธอจะดันพัชรีออกไป แต่พัชรีก็ไม่ยอมเหมือนกัน ปีเตอร์มาเสริมกำลังขวางไว้ด้วย ลัดลดาตามโซว์ออกไปไม่ได้จึงได้แต่หงุดหงิดและเจ็บใจสุดๆ
ปีเตอร์กับพัชรีเดินนำลัดลดามาที่หน้าพระราชวัง
ลัดลดาพูดกับปีเตอร์และพัชรี “จะพาเราไปพักที่ไหนล่ะ เอาให้เหมาะสมกับระดับแขกของเจ้าชายอย่างชั้นล่ะ”
ปีเตอร์กับพัชรีมองหน้ากัน ปีเตอร์หันไปพูดกับทหารที่หน้าวัง
“พาคุณลัดลดาไปพักที่โรงแรมในเมืองทีนะ เราติดธุระ”
ทหารโค้งรับคำสั่ง
“อ้าว!! แล้วทำไมไม่พาฉันไปเองล่ะ” ลัดลดาถาม
“เรื่องอะไรจะบอก ไปกันเถอะพัชรี”
พัชรีหันมายิ้มเยาะเย้ยลัดลดา แล้วปีเตอร์กับพัชรีก็รีบวิ่งออกไป
“อ้าว!!” ลัดลดางงที่ตัวเองโดนทิ้ง เธอจะตามปีเตอร์กับพัชรีไปก็ไม่ทันแล้ว
ลัดลดาหันไปเห็นทหารที่โค้งคำนับรอพาออกไป แล้วก็อารมณ์เสีย
“จะพาชั้นไปพักที่ไหนก็นำไปสิ”
ลัดลดายืนเจ็บใจ
โซว์ ขิง มาเรีย ปีเตอร์ และพัชรีนั่งรับประทานอาหารด้วยกันที่ริมน้ำ โซว์กินอาหารแล้วปากเลอะ มาเรียเห็นจึงดึงทิชชู่ออกมาแล้วเช็ดปากให้โซว์ ขิงผงะ พัชรีก็อึ้ง
“กินเป็นเด็กๆไปได้” มาเรียทำเป็นนึกขึ้นได้แล้วหันไปทางขิง “ตายแล้ว ชั้นขอโทษนะขิง ชั้นลืมไปว่านี่มันหน้าที่ของเธอ มันชินน่ะ”
“ไม่เป็นไร ชั้นไม่คิดมากหรอก” ขิงบอก
พัชรีมองมาเรียด้วยความหมั่นไส้ เธอรีบพยายามเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อช่วยขิง
“เออ เจ้าชายเพคะ หม่อมชั้นขอถ่ายรูปหน่อยนะเพคะ”
“เอาสิ” โซว์ตอบ
โซว์ ขิง และมาเรียยิ้มให้กล้อง พัชรีเริ่มขัดใจ
“ขอรูปคู่นะเพคะ”
มาเรียเสียหน้าแต่จำต้องยิ้ม แล้วขยับตัวออกไป
พัชรีถ่ายรูปขิงกับโซว์หลายภาพ มาเรียมองพัชรีอย่างไม่พอใจ
ที่มุมหนึ่งห่างออกไป มาเรียยืนกำมือแน่นด้วยสีหน้าเคียดแค้นพัชรี พัชรีเดินมายืนข้างๆ
“ชั้นรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไร” พัชรีพูดกับมาเรีย
มาเรียหันมาด้วยสีหน้าร้าย พัชรีผงะ
“รู้แล้วแกจะทำอะไรชั้นได้”
“แล้วถ้าชั้นบอกเจ้าชายว่าเธอเป็นพวกตีสองหน้า ที่เธอทำดีกับขิงเพราะต้องการทำให้ขิงไว้ใจ แล้วพอขิงไว้ใจ เธอก็จะทำให้เจ้าชายกับขิงเลิกกัน”
“ที่เธอพูดมาถูกทุกอย่าง แต่คิดเหรอว่าถ้าเธอบอกโซว์ แล้วโซว์จะเชื่อ อย่าลืมสิว่าชั้นเป็นพวกตีสองหน้า แล้วอีกอย่างฉันเป็นเจ้าหญิง ส่วนเธอน่ะ...ไพร่!” มาเรียย้ำ
พัชรีอึ้งเพราะหน้าชา ทันใดนั้นขิงก็เดินมา
“มาเรีย มาอยู่นี่เอง”
มาเรียหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที
“จ๋าขิง”
มาเรียเดินไปหาขิงก่อนจะปรายตามองพัชรีด้วยสีหน้าร้าย แล้วก็หันไปยิ้มแสนดีให้กับขิงต่อ พัชรีทึ่งกับความตอแหลของมาเรียแล้วก็เริ่มกังวล
ปีเตอร์หันมาพูดกับพัชรี
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกมองเจ้าหญิงมาเรียให้แง่ร้ายซักที เค้าจะทำให้เจ้าชายกับคุณขิงเลิกกันทำไม?”
“เพราะเค้าแอบหลงรักเจ้าชายยังไงล่ะ เค้าต้องการเจ้าชาย เค้าเลยทำตัวแอ๊บแบ๊ว ทำเนียนว่าชั้นเป็นคนดี พร้อมช่วยเหลือขิงทุกอย่าง แต่ถ้าขิงพลาดเมื่อไหร่ นังนั่นก็พร้อมจะแว้งกัดได้ทุกเมื่อ” พัชรีบอก
“ชั้นว่าเธอดูละครมากไปนะเนี่ยพัชรี”
พัชรีชักฉุน “ชั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพวกผู้ชายต้องเชื่อผู้หญิงแอ๊บแบ๊ว ชั้นต้องหาทางเตือนขิงให้รู้ตัวว่ากำลังอยู่กับงูพิษ”
พัชรีเดินออกไป ปีเตอร์ส่ายหัวปลงๆ
โซว์ มาเรีย และขิงนั่งด้วยกัน ขิงอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนเวลาที่โซว์กับมาเรียคุยกัน ขิงก็ต้องหันหน้าไปมา
“มาเที่ยวป่าแบบนี้คิดถึงเมื่อก่อนนะโซว์ จำได้มั้ยเราเคยมาทัศนศึกษากันในป่าแล้วเราสองคนก็เดินออกนอกแถว” มาเรียเริ่มคุย
“จำได้สิ เราสองคนหลงป่า ร้องไห้ขี้มูกโป่ง” โซว์บอก
“ใช่ใช่ คิดแล้วก็ตลกเนอะ ตอนนั้นเธอกลัวจนฉี่ราดเลย”
โซว์หัวเราะ “เออจริงด้วย ชั้นจำได้แล้ว แต่เธอเองก็ใช่ย่อย กลัวจนเป็นลม ชั้นต้องแบกเธอไปตามทางแถมตอนนั้นเธอก็อ้วนมาก รู้มั้ยว่าชั้นเกือบทิ้งเธอไว้กลางป่าเพราะเธอตัวหนัก”
มาเรียหัวเราะ “ไม่รู้ตอนนั้นกินอะไรเข้าไปถึงได้อ้วนเป็นหมู”
มาเรียกับโซว์หัวเราะ ขิงนั่งเหวอๆ งงๆ เพราะไม่รู้เรื่อง เธอพยายามจะหัวเราะด้วยแต่ก็ไม่เข้าใจ มาเรียทำเป็นนึกขึ้นได้
“อุ๊ยตายแล้ว ขอโทษนะขิง เราสองคนมัวแต่คุยเรื่องของตัวเอง”
“ไม่เป็นไร เธอสองคนไม่ได้เจอกันนาน” ขิงบอก
“คราวนี้มาคุยเรื่องเธอกันบ้างดีกว่า ตอนอยู่ประเทศไทย เธอทำงานอะไร” มาเรียถาม
“ทำงานอะไรก็ได้ที่ได้ตังค์” ขิงตอบ
โซว์รีบบอก “ขิงเคยปลอมเป็นผู้ชายด้วยนะ เค้าคิดว่าตัวเองปลอมเหมือนมาก แต่จริงๆแล้วเหมือนกะเทยมากกว่า”
“อ๋อเหรอ แล้วใครกันนะที่โง่เชื่อว่าชั้นเป็นผู้ชายอยู่ได้ตั้งนาน แถมยังให้ชั้นอาบน้ำถูหลังให้อีก”
ขิงกับโซว์หัวเราะ มาเรียไม่พอใจที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง
มาเรียพยายามชวนคุยเรื่องอื่น “นี่ขิง..เธอรู้รึเปล่าว่าโซว์มีจุดอ่อน”
ขิงอยากรู้ “อะไรเหรอ”
มาเรียจักจี๊คอโซว์ โซว์สะดุ้ง
“นี่ไง จุดอ่อน”
มาเรียพยายามจักจี้ซอกคอโซว์ โซว์หัวเราะแล้วก็พยายามจะหนี
“หยุดนะ พอได้แล้ว ฮ่าๆๆ”
แล้วสองคนก็เล่นจักกะจี้กัน
ขิงหัวเราะแล้วก็ค่อยๆอึ้งเมื่อเห็นทั้งสองคนถึงเนื้อถึงตัวกันมาก
ลัดลดาเดินไปเดินมาในที่พักด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน
“มีทั้งนังขิง ทั้งนังเจ้าหญิงมาเรีย เราต้องรีบรวบหัวรวบหางเจ้าชายซะแล้ว จะทำยังไงดี คิดสิลัดลดา คิดสิ คิดให้ออก”
แล้วลัดลดาก็คิดออก เธอหยุดเดินแล้วยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊คบนโต๊ะแล้วพิมพ์บางอย่างลงไป ลัดลดาทำหน้าตามีเลศนัย
โซว์ ขิง มาเรีย พัชรี และปีเตอร์เดินกลับเข้าวังมาด้วยกัน พระราชากับพระราชินีออกมาต้อนรับ
“ไปถึงไหนกันมาจ๊ะลูก” พระราชินีถาม
“ชายป่าด้านโน้นเสด็จแม่ เราขี่ม้าด้วยกัน” โซว์ตอบ
“ถ้าเรื่องขี่ม้าต้องยกให้มาเรียเค้า เค้าเป็นนักกีฬาขี่ม้า แชมป์หลายสมัย การขี่ม้าเป็นกีฬาของชนชั้นสูง “ พระราชาปรายตามองขิง “เธอคงทำไม่ได้”
ขิงผงะหน้าถอดสีเพราะรู้ว่าถูกแขวะ มาเรียรีบปกป้อง
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะเสด็จอา ขี่ม้าไม่ยากหรอกค่ะ ใครๆก็เรียนกันได้ ไว้วันไหนว่างๆ ฉันจะสอนเธอขี่ม้านะ”
ขิงพยักหน้า “จ๊ะ”
ทั้งหมดเดินออกไป พัชรีรีบดึงขิงเอาไว้
พัชรีกระซิบกับขิง “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ขิงมองพัชรีด้วยความสงสัย
ขิงมองพัชรีด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“มาเรียเนี่ยนะเป็นคนไม่ดี ไม่จริงหรอก ถ้าเค้าไม่ดี เค้าคงไม่ช่วยปกป้องขิง และไม่เสนอตัวสอนขิงขี่ม้า”
“เธอนี่อ่อนต่อโลกมากนะขิง นังมาเรียเหมือนนางอิจฉาในละคร ต่อหน้าเธอเค้าจะเป็นนางฟ้าผู้แสนดี แต่ลับหลังเค้าก็เป็นนางมารร้ายที่พร้อมจะพ่นยาพิษใส่เธอ เล่นงานเธอให้ตาย” พัชรีบอก
“ไม่จริง พี่พัชกำลังเข้าใจมาเรียผิดมากกว่า ขิงไม่เชื่อ”
ขิงเดินออกไป พัชรีกลุ้มใจ
ขิงนั่งคิดเรื่องที่พัชรีบอกเธอเกี่ยวกับมาเรียอยู่ในห้องพัก
“เธอนี่อ่อนต่อโลกมากนะขิง นังมาเรียเหมือนนางอิจฉาในละคร ต่อหน้าเธอเค้าจะเป็นนางฟ้าผู้แสนดี แต่ลับหลังเค้าก็เป็นนางมารร้ายที่พร้อมจะพ่นยาพิษใส่เธอ เล่นงานเธอให้ตาย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขิงตกใจ เธอหันไปทางประตู
“ใครคะ”
เสียงมาเรียดังเข้ามา “ฉันเอง เข้าไปได้มั้ย”
ขิงเดินมาเปิดประตู มาเรียยิ้มให้เธออย่างแสนดี
“นอนยัง” มาเรียถาม
“ยัง มีอะไรเหรอ”
“ชั้นจะชวนเธอไปปีนเขาวันพรุ่งนี้”
“ไปสิ ฟังดูน่าสนุก แล้วมีใครไปบ้าง”
“ฉันกับเธอ..สองคน” มาเรียบอก ขิงชะงัก “ตามธรรมเนียมประเทศของฉัน การที่เราจะรับใครซักคนเป็นเพื่อน เราต้องรู้จักเค้าให้มากที่สุด และฉันว่ามันก็เป็นการดี ถ้าเราไปกันแค่สองคน เราจะได้คุยกันยาวๆ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาขัด”
“อื้อ....” ขิงจับมือมาเรีย “ขอบคุณมากนะมาเรีย เธอดีกับชั้นจริงๆ”
มาเรียจับมือตอบ “เธอเป็นคนที่โซว์รัก ชั้นก็ต้องรักด้วย”
ขิงกับมาเรียยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ
“เธอจะนอนยัง”
“ยัง” ขิงตอบ
“ดีเลย ฉันมีเรื่องโซว์อยากเล่าให้เธอฟังหลายเรื่อง”
“เข้ามาสิ”
มาเรียเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงบนเตียงกับขิง จากนั้นสองคนก็เม้าท์กันตามประสาผู้หญิง ทั้งสองหัวเราะกันอย่างมีความสุข
วันรุ่งขึ้น ขิงกับมาเรียเดินถือตะกร้าอาหารมาด้วยกัน แล้วก็มาเจอโซว์ที่กำลังเดินออกมา สองสาวชะงัก
“จะไปไหนกัน?” โซว์ถาม
“ปีนเขา...แต่งานนี้โนแมน ไม่มีผู้ชายจ๊ะ” มาเรียรีบบอก
“โฮ อะไรอ่ะ เราอยากไปด้วยไม่ได้เหรอ”
“อ๊ะๆๆ ไม่ได้ ฉันกับขิงจะไปเที่ยวกันอย่างเพื่อนสาวจ๊ะ เราจะคุยกัน เม้าท์กัน” มาเรียยกตะกร้าอาหารขึ้นมา “แล้วก็จะกินกันให้พุงกางเลย ขืนเอาเธอไปด้วยก็หมดสนุกน่ะสิ”
“ได้เพื่อนใหม่เลยลืมฉันเลยนะขิง” โซว์ตัดพ้อ
“ขอวันหนึ่งนะโซว์ นะนะนะ” ขิงบอก
“ก็ได้ ยังไงก็ระวังตัวให้ดีล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเพคะเจ้าชาย หม่อมชั้นจะดูแลว่าที่คู่หมั้นเจ้าชายให้ดีที่สุดค่ะ ไปกันเถอะขิง”
มาเรียเดินออกไปกับขิง โซว์ยิ้ม
มาเรียเดินจับมือขิงด้วยท่าทางร่าเริงมากๆ ขิงยิ้มอย่างมีความสุข เธอมองมาเรียแล้วก็ยิ้ม
“ชั้นไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทสนมกันแบบนี้เลยนะคะ” ขิงบอก
มาเรียแอบแขวะ “อย่าบอกนะว่าขิงชอบแต่ผู้ชาย”
“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ คือ ขิงต้องทำงานตั้งแต่เล็กน่ะค่ะ แล้วคนที่ทำงานด้วยก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น เลยไม่ค่อยมีเวลามีเพื่อนน่ะค่ะ”
“แต่ต่อไปขิงก็จะมีคนมาล้อมหน้าล้อมหลัง อยากรู้จักอยากเป็นเพื่อน เพราะใครๆก็อยากเป็นเพื่อนกับราชินีแห่งนิวแลนด์ทั้งนั้น เฮ่อ..แล้วขิงก็จะลืมมาเรีย” มาเรียทำหน้าเศร้า
“ไม่หรอก ขิงไม่มีทางลืมมาเรียหรอก สัญญา”
“จริงนะ”
“แน่นอน” ขิงย้ำ
“งั้นถ้าขิงเป็นเพื่อนมาเรียจริงๆ” มาเรียยื่นตะกร้าที่ถือให้ขิง “ขิงช่วยถือตะกร้าให้มาเรียหน่อยได้มั้ย ตั้งแต่เกิดมามาเรียไม่เคยถืออะไรหนักๆแบบนี้เลย ขิงทำงานมาเยอะคงแข็งแรงกว่า ช่วยมาเรียหน่อยนะ”
“ได้ซิ !!”
ขิงยิ้มอย่างเต็มใจแล้วจะเอื้อมมือไปรับตะกร้าจากมาเรีย แต่มาเรียกลับวางลงกับพื้นก่อนจะเดินเชิ่ดนำออกไป ขิงต้องหยิบกับพื้นแล้วเดินตามมาเรียต้อยๆ ดูราวกับคนใช้ตามเจ้าหญิง แต่ขิงก็ไม่คิดอะไร มาเรียหันมามองขิงด้วยสายตาร้ายกาจ
มาเรียนั่งอยู่บนก้อนหิน เธอมองขิงที่กำลังจัดอาหารงกๆ ด้วยความสะใจ แต่พอขิงหันมามองมาเรียก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้ ขิงหยิบอาหารและโกโก้ร้อนยื่นให้มาเรีย มาเรียแกล้งทำเป็นรับพลาดกะให้โกโก้ร้อนโดนมือขิง แต่ขิงมีสัญชาติญาณเร็วและไวจึงปัดถ้วยโกโก้ออกจากมือจนตกไปที่พื้นได้
“ขอโทษนะขิง โดนมือรึเปล่า” มาเรียทำเป็นห่วง
“นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
“มาเรียนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ นี่ถ้าขิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาโซว์ต้องเอาเรื่องมาเรียแน่ๆ” มาเรียทำเป็นเอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำมาเช็ดให้ขิง “ขอโทษจริงๆนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเล็กน้อย เยอะกว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว”
มาเรียทำหน้ารู้สึกผิด “แต่ ...”
“อย่าไปคิดมากนะ ..เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ต้นไม้ที่ประเทศนี้เยอะจังเลยนะคะ แถมต้นก็สูงๆ ใหญ่ๆทั้งนั้น” “ก็ที่นิวแลนด์มีกฎหมายเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าที่เคร่งครัด คนที่นี่ก็เลยไม่มีใครลักลอบตัดไม้ทำลายป่า”
“ดีจังเลยนะคะ”
มาเรียมองขิงด้วยสายตาร้ายกาจก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าขิงอยากจะดูต้นไม้ที่สวยกว่านี้ มาเรียจะพาไปดูที่ที่นึง จะเห็นป่าทั้งแถบ มาเรียกับโซว์ชอบแอบหนีคนในวังไปที่นั่นกันบ่อย บางทีเราสองคนก็หายไปเล่นที่นั่นกันทั้งวันเลย”
ขิงฟังแล้วหน้าแหยๆ เพราะรู้สึกอิจฉานิดๆ “งั้นเหรอคะ”
“มาเรียก็เลยอยากให้ขิงไปที่นั่นไง เราเคยสัญญาว่าจะไม่พาใครไปที่นั่น นอกจากคนรักของเราเท่านั้น ขิงเป็นคนรักของโซว์ มาเรียมั่นใจว่าโซว์ต้องอยากให้ขิงไปเห็นแน่ๆ ไปนะๆๆๆ มาเรียไม่ได้ไปที่นั่นตั้งนานแล้ว”
“แล้วอยู่ที่ไหนละคะ”
มาเรียชี้ไปที่ยอดเขาสูง
“โน่นไง”
ขิงเห็นภูเขาสูงก็ถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก “โน่นเลยเหรอคะ”
มาเรียเดินขึ้นเขาอย่างคล่องแคล่ว ผิดกับขิงที่เดินไม่ค่อยถนัดและเริ่มเหนื่อยหอบเพราะไม่ชินกับสภาพอากาศ มาเรียที่ปืนไปก่อนหน้าหันมามองโดยไม่ยอมช่วย แถมยังส่งเสียงเร่งขิง
“เร็วซิขิง อย่าช้าซิ แดดมันเริ่มร้อนแล้วนะ มาเรียไม่อยากให้ผิวโดนแดดมากกว่านี้”
ขิงเหนื่อยมากแต่ก็รีบลุก “จ๊ะๆๆ”
ขิงพยายามจะรีบเดิน แต่ก็ยังช้า มาเรียที่เดินนำมองไปตรงก้อนหินก้อนหนึ่งแล้วก็เห็นว่ามีตะไคร่เต็มไปหมด มาเรียยิ้มร้าย
“เดินไปทางนี้ซิจ๊ะขิง มันเดินง่ายกว่าเยอะเลยนะ”
มาเรียชี้ไปที่ก้อนหินที่มีตะไคร่ ขิงคิดว่ามาเรียหวังดีจึงรีบเดินไปที่มาเรียบอก ทันทีที่ขิงเหยียบก้อนหินเธอก็ลื่นล้ม แต่โชคดีที่ขิงเอามือคว้าแขนมาเรียข้างหนึ่งไว้ได้
“ช่วยด้วยมาเรีย”
มาเรียทำเป็นแกล้งพูด “ใจเย็นๆนะขิง ชั้นจะช่วยเธอเอง”
มาเรียทำเป็นยื่นมืออีกมือจะไปจับมือขิงไว้ แต่กลับแกล้งเอาเล็บที่ยาวแหลมจิกลงไปบนมือขิง จนขิงเจ็บมาก
“โอ๊ย !!!”
“โอ๊ยยย ขิงอย่าดิ้นซิ ชั้นจะไม่ไหวแล้วนะ”
ยิ่งพูดเล็บของมาเรียก็ยิ่งจิกลงบนมือของขิง
ขิงทนไม่ไหว มือของเธอค่อยๆ หลุดออกจากมือมาเรีย แล้วขิงก็กลิ้งตกเขาไปตามทาง
“อ๊ายย !!!!”
มาเรียยิ้มร้ายด้วยความสะใจ ก่อนจะแกล้งตกใจทำเป็นร้องโวยวาย
“ว๊าย..ขิง !!! ช่วยด้วยค่า มีคนตกเขา ช่วยด้วย !!”
มาเรียแบกขิงกลับมาที่วังในสภาพทุลักทุเลมากๆ
“ช่วยด้วย..ชะ..ช่วยด้วย....!!!”
โซว์ ปีเตอร์ พัชรี หันไปเห็นมาเรียแบกขิงกลับมาก็ตกใจ โซว์รีบวิ่งไปถึงตัวเป็นคนแรก ตามมาด้วยปีเตอร์และพัชรี มาเรียทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมขิง สภาพทั้งคู่ดูไม่ต่างกัน เสื้อผ้าของทั้งคู่มีรอยฉีกขาด ตามตัวมีรอยขีดข่วน ฟกช้ำ และผมเผ้ากระเซิง
โซว์รีบเข้ามาดู
“ขิง..!! มาเรีย! มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ!?”
“ชั้นกับขิงเดินขึ้นเขา แต่ขิงอยากไปดูจุดชมวิว ชั้นพยายามห้ามไม่ให้ไปเพราะตรงนั้นมันอันตรายแต่ขิงก็ไม่ฟัง แล้วขิงก็พลาดจนได้ ชั้นพยายามจะช่วย แต่ชั้นช่วยไม่ไหว ขิงก็เลย” มาเรียทำเป็นสะอื้น “กลิ้งตกเขา”
ทุกคนตกใจมาก แล้วมาเรียก็แกล้งเป็นลมบ้าง โซว์ตกใจ
“มาเรีย!!”
ขิงกับมาเรียหมดสติกันทั้งคู่
ขิงนอนอยู่บนเตียงก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอเห็นปีเตอร์และพัชรีที่หน้าตาเป็นกังวลและเป็นห่วงมาคอยดูอาการเธออยู่ข้างเตียง ทั้งสองคนดีใจมากที่เห็นขิงฟื้นแล้ว
ปีเตอร์กับพัชรีพูดพร้อมกันด้วยความรู้สึกดีใจ “คุณขิง / ขิง”
ขิงพยายามจะขยับตัวจะลุกขึ้นนั่งแต่ยังเจ็บตามตัวอยู่ พัชรีต้องเข้าไปช่วยพยุง
“ค่อยๆครับคุณขิง โชคดีนะครับที่คุณไม่มีอะไรบุบสลาย และไม่เป็นอะไรมากกว่านี้” ปีเตอร์บอก
ขิงยังงงๆ เพราะจำอะไรไม่ได้ “นี่ชั้นเป็นอะไรไป?”
“เจ้าหญิงมาเลเรีย เอ๊ย..เจ้าหญิงมาเรียบอกว่าเธอขึ้นไปยืนชมวิว แล้วก็พลาด..ลื่นตกเขา เค้าพยายามจะช่วยเธอเอาไว้ แต่ช่วยไม่ได้ แล้วเค้าก็แบกเธอกลับมาที่วัง” พัชรีเล่า
“โชคดีที่เจ้าหญิงมาเรียช่วยพาคุณขิงกลับมา คุณขิงเลยปลอดภัยนะครับ” ปีเตอร์เล่าต่อ
ขิงทำหน้างงๆ เพราะพยายามนึก ระหว่างนั้นโซว์ก็เข้ามา
ปีเตอร์กับพัชรีหันไปเห็นก็รีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
โซว์รีบมาหาขิงด้วยความดีใจ “ขิง!” โซว์นั่งลงข้างเตียง “เธอเป็นไงบ้าง เราเป็นห่วงเธอแทบแย่”
“ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่” ขิงบอก
“วันหลังเธอต้องอย่าดื้อรู้มั้ยขิง” โซวืเตือน ขิงเหวอ “มาเรียเค้าเตือนไม่ให้เธอไปที่จุดชมวิว เธอก็ต้องฟังเค้า เห็นมั้ยว่าเกิดเรื่องจนได้ เกือบแย่ทั้งคู่”
ขิงอึ้งเพราะจำได้ว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น “ชั้นไม่ได้...”
ขิงยังไม่ทันได้อธิบาย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ปีเตอร์เดินไปเปิดประตู นางกำนัลเดินเข้ามา
“เจ้าชายเพคะ เจ้าหญิงมาเรียฟื้นแล้วเพคะ”
โซว์พยักหน้ารับแล้วหันไปทางขิง “ชั้นไปหามาเรียก่อน แล้วชั้นจะกลับมาหาเธอ”
โซว์เดินออกไป ปีเตอร์เดินตาม ขิงยังนิ่วหน้าด้วยความสงสัย พัชรีรีบหันมาถามขิง
“ขิง..เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ชั้นจำได้ว่าชั้นไม่ได้บอกว่าจะไปที่จุดชมวิว ชั้นจำได้ว่ามาเรียชวนชั้น เค้าบอกว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ที่เค้ากับโซว์ชอบไปเล่นด้วยกันตอนเด็กๆ”
พัชรีตบเข่าดังฉาด “น่านไง!! นางมารร้ายเริ่มออกลาย”
“บางทีชั้นอาจจะฟังผิดก็ได้” ขิงว่า
“ยังจะปกป้องเค้าอีกเหรอขิง?? ชั้นว่าเธอต้องรีบบอกเจ้าชาย แล้วต้องบอกต่อหน้ายัยเจ้าหญิงมาเลเรียด้วย ชีจะได้พูดไม่ออก”
ขิงครุ่นคิด แล้วหันไปมองพัชรีเป็นเชิงถาม
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 10 (ต่อ)
โซว์กำลังป้อนไอศกรีมให้มาเรียที่นอนอยู่บนเตียง มาเรียกินอย่างอร่อยและมีความสุขสุดๆ ส่วนปีเตอร์ยืนอยู่ข้างๆ
“เวลาไม่สบายทีไร นายต้องเอาไอศกรีมรสเปรี้ยวๆมาป้อนชั้นถึงเตียงตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน”
“ก็ใครบางคนเป็นโรคกลัวหมอ ถ้าไม่หาอะไรอร่อยๆมาล่อ ก็ชอบแอบปีนหน้าต่างหนีอยู่เรื่อย ...แล้วดีขึ้นรึยัง” โซว์ถาม
มาเรียยกแขนขึ้นให้โซว์ดูก่อนจะทำหน้าอ้อน โซว์จับแขนที่มีรอยช้ำของมาเรียด้วยความเป็นห่วง
พัชรีประคองขิงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง ขิงมองทั้งสองด้วยสีหน้าจ๋อย พัชรีโมโหแทน
“เธอเห็นยังขิง ทำเป็นออดอ้อนออเซาะ น่าหมั่นไส้”
“เรากลับกันเถอะพี่พัช” ขิงว่า
“ไม่ได้!! อะไรกันแค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ”
“ชั้นไม่ได้ยอมแพ้ แต่เค้าสองคนอาจจะอยากคุยกันโดยที่ไม่มีชั้น”
“เธอน่ะมันดีเกินไปแล้ว อย่าทำตัวนางเอกละครหน้าโง่ที่ยอมให้นางร้ายหน่อยเลย ยัยเจ้าหญิงนั่นก็แค่เพื่อน ไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นเหมือนเธอ ชั้นมั่นใจว่าเจ้าชายต้องเลือกเธอ” พัชรีหนุน
พัชรีพาขิงเดินเข้ามา โซว์ มาเรีย และปีเตอร์หันไปเห็นขิงกับพัชรี มาเรียเซ็งแต่ทำเป็นดีใจ
“ขิง!! ชั้นดีใจมากที่เธอไม่เป็นอะไร”
“รีบลุกมาทำไม” โซว์ถามขิง
ขิงอ้ำอึ้ง “เออ....”
“ขิงอยากมาเยี่ยมเจ้าหญิงน่ะเพคะ ขิงเป็นห่วงเจ้าหญิงม๊ากมาก” พัชรีตอบแทน
ขิงรีบพยักหน้ารับ พัชรีพาขิงมานั่งข้างเตียง
“ชั้นอยากมาขอบคุณที่เธอช่วยชั้นเอาไว้” ขิงบอก
“เรื่องแค่นี้เล็กน้อย ถึงให้ทำมากกว่านี้ ถ้าเพื่อโซว์ชั้นทำได้ทั้งนั้น”
ขิงเงียบ พัชรีแอบเอามือสะกิด ขิงทำหน้าแบบไม่อยากจะพูดจนพัชรีทนไม่ไหวต้องพูดออกมา
“เออ เจ้าชาย เจ้าหญิงมาเรียเพคะ ขิงมีเรื่องสำคัญอยากทูลท่านทั้งสองอีกหนึ่งเรื่องเพคะ”
ขิงหันขวับไปมองพัชรีที่ปูเรื่องขึ้นมาแล้วก็อึ้ง โซว์หันไปถามขิง
“เรื่องอะไร?”
มาเรียมองอย่างสงสัยแล้วก็ชักใจไม่ดี ขิงลังเลแล้วก็ดันปวดหัวขึ้นมาเสียก่อน ขิงจับหัวตัวเอง
“โอ๊ย!!!”
โซว์รีบเข้าไปดูขิงด้วยความเป็นห่วง มาเรียไม่พอใจ
“ปวดหัวเหรอ?” โซว์ถาม ขิงพยักหน้า “บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งรีบลุก” โซว์สั่งปีเตอร์ “ปีเตอร์รีบไปตามหมอมาเร็ว”
“พระเจ้าข้า” ปีเตอร์รีบเดินออกไป
“ปีเตอร์ไม่ต้องไปตามหมอหรอก ชั้นไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น” ขิงบอก
ปีเตอร์ชะงักไม่เดินต่อ โซว์เห็นปีเตอร์ยืนเฉยๆ ก็โวยวาย
“แล้วจะมายืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปตามหมอมาซิ คิดจะขัดคำสั่งเรารึไง”
ปีเตอร์สะดุ้งแล้วก็หน้าเสีย เขาจะรีบวิ่งไปตามหมอ แต่ขิงไปขวางไว้
“ก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปตามใครมานะ ถ้าไปชั้นโกรธ !”
ปีเตอร์ที่กำลังจะไปถึงกับชะงักมองหน้าขิงและโซว์อย่างเซ็งๆ เพราะไม่รู้จะเอายังไงกันแน่ ขิงตัดบท
“เข้าไปนอนพักก็หายแล้ว ชั้นไปนะ เธอจะได้อยู่คุยเป็นเพื่อนมาเรีย”
ขิงตัดสินใจจะเดินหนี โซว์ไม่ยอม เขารีบเข้าไปอุ้มขิงขึ้นบ่าทันที ขิงตกใจและพยายามดิ้น
“นายทำอะไร? ปล่อยนะ!”
ขิงดิ้นเต็มกำลังจนโซว์แทบจะต้านแรงไม่ไหว
โซว์ขู่ “ถ้าเธอดิ้นมาก ชั้นจูบโชว์คนอื่นนะ”
โซว์ยิ้มแหย่แล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ขิงเหมือนจะจูบจริงๆ ขิงยอมสงบแต่โดยดี ก่อนจะกลายเป็นเขินไป โซว์กับขิงมองหน้ากันยิ้มๆ ปีเตอร์และพัชรีพลอยยิ้มเขินตามไปด้วย มาเรียจ้องมาทางทั้งสองคนอย่างไม่พอใจก่อนจะตัดสินใจร้องขึ้นมา
“โอ๊ยย”
โซว์หันไปมองด้วยความตกใจ เขารีบวางขิงลงที่พื้นก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปดูมาเรียที่เตียงด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไร” โซว์ถาม
“ปวดแขน อยู่ดีๆ ก็ปวดขึ้นมามากเลยไม่รู้เป็นอะไร” มาเรียบอก
โซว์ตกใจ เขารีบจับแขนมาเรียขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปหาปีเตอร์
“ไปตามหมอมาเร็ว”
ปีเตอร์กำลังจะวิ่งออกไปแต่มาเรียหัวเราะขึ้นมา
ทุกคนพากันแปลกใจ โดยเฉพาะโซว์ที่ถึงกับอึ้งก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนกัน
“มุขนี้ใช้มาสิบกว่าปีแล้วยังไม่เลิกอีก”
“แต่มันก็ได้ผลทุกทีไม่ใช่เหรอ” มาเรียบอก
พัชรีเหวอ “หลอกเหรอเนี่ย... อะไรกัน...”
“นายกลับไปกับคุณขิงเถอะ ชั้นดูแลตัวเองได้” มาเรียบอก
“ไม่เป็นไร นายอยู่เป็นเพื่อนมาเรียเถอะ ชั้นว่าชั้นจะกลับไปนอน” ขิงว่า
โซว์พยักหน้า พัชรีหัวเสียแต่ก็เข้ามาประคองขิงแล้วพาเดินออกไป มาเรียมองตามขิงแล้วก็ยิ้มอย่างผู้ชนะ
พัชรีพาขิงมานอนบนเตียง
“เธอไม่น่าปวดหัวขึ้นมาซะก่อนเลยขิง ไม่อย่างนั้นเราก็ได้แฉนังนั่นแล้ว”
“ชั้นคิดว่าชั้นคงจำสับสน” ขิงบอก
“เห็นๆอยู่ว่านังนั่นจ้องเจ้าชายตาเป็นมัน เคยได้ยินมั้ย อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน โดยเฉพาะ เพื่อนสนิทแฟนเราที่สวยและมีเสน่ห์มากกว่าเรา เชื่อพัชรีเถอะ พัชรีมีเรด้าร์จับความ สตอเบอแหล รับรองยายมาเลเรียนี่ไม่ธรรมดา คอนเฟิร์ม !!” พัชรีพูดอย่างเมามัน ขิงหันขวับไปมองพัชรี พัชรีรู้ตัว “อุ่ย..ชั้นไม่ได้บอกว่าเธอไม่สวยนะ เธอก็สวย แต่สวยแบบนิ่งๆ”
ขิงเริ่มเครียด “แต่จะว่าไป มาเรียเค้าก็สวยจริงๆ ถ้าว่ากันตามจริง เค้าก็เหมาะสมกับโซว์มากกว่าชั้น”
พัชรีตกใจมาก “ว๊ายตายแล้ว เธอห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาด มันจะเป็นการบั่นทอนจิตใจตัวเอง เธอต้องท่องไว้ว่าเธอเป็นคนเดียวที่ได้เป็นเจ้าของหัวใจของเจ้าชายโซว์ หญิงอื่นหมื่นแสนก็ไม่มีสิทธิ์”
พัชรีพูดบิ้วเพื่อให้ขิงมั่นใจแต่ขิงก็ยังกังวลใจมาก
พระราชาคุยกับมาเรียด้วยสีหน้าเครียดเพราะเป็นกังวล
“เรายังไม่เห็นทางที่โซว์กับผู้หญิงคนนั้นจะเลิกกัน”
“ใจเย็นเพคะท่านลุง นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น มาเรียมีวิธีที่จะทำให้โซว์กับมาเรียใกล้ชิดกันมากขึ้น”พระราชาสงสัย แต่มาเรียยิ้มแบบแสนดี
วันรุ่งขึ้น ขิงที่มีสีหน้าดีขึ้นและไม่มีรอยฟกช้ำดำเขียวแล้วนั่งอยู่กับพระราชาและโซว์
“พ่ออยากให้ลูกช่วยจัดงานฉลองวันเกิดและงานเลี้ยงต้อนรับมาเรีย” พระราชาบอกกับโซว์
“ได้กระหม่อม” โซว์ตอบรับ พระราชายิ้มพอใจ “แต่งานนี้หม่อมชั้นขอให้ขิงช่วยด้วยนะ”
พระราชาหุบยิ้มทันที “แต่ขิงเค้ายังไม่รู้จักขนบประเพณีของเรา”
“หม่อมชั้นจะใช้งานนี้เพื่อสอนขิงไปด้วย เวลาที่เราสองคนแต่งงานกันเมื่อไหร่ ขิงจะได้ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก”
โซว์หันมาจับมือขิง ทั้งสองยิ้มให้กัน พระราชาถอนหายใจ
เวลาผ่านไป พระราชากลัดกลุ้มมาก เขาถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า พระราชินีเดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“ทรงถอนหายใจอีกแล้ว?” พระราชินีพูด พระราชาหันไป “ท่านรู้ตัวรึเปล่าว่าหมู่นี้ท่านถอนหายใจเฮือกๆ ทุกวัน วันล่ะหลายครั้ง”
“ก็ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่” พระราชาบอก
“ท่านหมายถึงหนูขิง”
“จะใครซักอีก”
“ลูกเรามีความรัก มีคนรักที่ดีอยู่เคียงข้าง ท่านน่าจะพอใจ”
“เราไม่พอใจ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นสามัญชน ไม่คู่ควรกับลูกชายของเราด้วยประการทั้งปวง” พระราชินีจะพูด แต่พระราชาพูดดัก “เจ้าไม่ต้องเกลี้ยกล่อมให้เรายอมรับผู้หญิงคนนั้น จะยังไงก็ตาม โซว์ต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสม คนที่เราเลือกให้เท่านั้น”
“อย่างเจ้าหญิงมาเรีย?”
พระราชาหันขวับ “เราไม่ได้พูดซักหน่อย”
“แต่การกระทำของท่าน ดูได้ไม่ยาก ให้โซว์จัดงานวันเกิดและงานต้อนรับมาเรียเพราะต้องการให้เค้าสองคนได้ใกล้ชิดกัน”
พระราชาหน้าถอดสีที่พระราชินีจับได้
“เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้ามีบุคคลที่สามสี่ห้าเข้าไปยุ่ง ทุกอย่างมันจะวุ่นวายและลุกลามใหญ่โต เชื่อหม่อมชั้นเถอะนะเพคะ” พระราชินีบอก
พระราชาหันไปทางอื่นด้วยสีหน้าเครียดแต่ไม่ตอบอะไร พระราชินียิ่งเป็นกังวลมาก
หลังจากรู้เรื่องจากโซว์ มาเรียก็มองขิงและโซว์อย่างอึ้งๆ
“เธอกับขิงจะจัดงานวันเกิดให้ชั้น???!”
โซว์จับมือขิง
“ใช่..เราจะร่วมมือกันจัดงานวันเกิดให้เธอ” โซว์ย้ำ
“ชั้นไม่นึกเลยว่าขิงจะช่วยด้วย ทั้งๆที่เพิ่งหายป่วยแท้ๆ เธอใช้แรงงานคนเพิ่งหายได้ไงห๊ะโซว์”
“ชั้นไม่ได้ใช้งานขิงนะ”
“ไม่เกี่ยวกับโซว์หรอกค่ะ ชั้นอยากช่วย แล้วอีกอย่างชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรมาก โซว์จะเป็นคนจัดการทุกอย่าง ชั้นก็แค่เสริมๆ” ขิงบอก
“แหม..ปกป้องกันน่าดู” มาเรียพูดเสียงหวานแต่แววตาร้าย
โซว์กระชับมือขิงมาไว้กับอก “ก็เรารักกันนี่...” โซว์หันไปยิ้มกับขิง
มาเรียยิ้มไม่ค่อยออกเพราะอิจฉามาก โซว์หันไปพูดกับมาเรีย
“แต่ชั้นยังเลือกไม่ถูกว่าจะจัดงานที่ไหนดี” โซว์บอก
“จัดที่ริมบึงด้านหลังวังสิ เธอจำได้รึเปล่าว่าที่ตรงนั้นเราสองคนเคยทำอะไรกัน?” มาเรียถาม
“จำได้...ชั้นกับเธอชอบแอบหนีเสด็จพ่อเสด็จแม่..”
โซว์กับมาเรียพูดพร้อมกัน “ไปเล่นน้ำด้วยกัน” แล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกัน “ฮ่าๆๆๆ”
“แต่ว่าชั้นดันจมน้ำ แล้วเธอก็ช่วยชั้นเอาไว้” มาเรียบอก
ขิงมองโซว์กับมาเรียโดยที่เริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกินอีกแล้วเพราะโซว์หันหลังไปคุยกับมาเรียจนเหมือนเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“ตั้งแต่นั้นชั้นก็เลยหลงรักนาย แล้วเข้าชมรมคนหลงรักเจ้าชายโซว์ที่สาวๆตั้งขึ้น” มาเรียพูด
โซว์ทำหน้าสยอง “จริงเหรอ”
“แม่สาวๆพวกนั้นกรี๊ดกร๊าดนายกันเหลือเกิน”
“มันก็จริงอ่ะนะ” โซว์หันไปทางขิง “ชั้นไม่ได้หลงตัวเองนะขิง” โซว์ยิ้มยืดๆ “ตอนนั้นจะไปไหนทำอะไรก็มีสาวๆมารุมกรี๊ด รุมสนใจ รุมรัก”
“แล้วไม่ดีเหรอ?” ขิงถาม
“ไอ้จะว่าดีมันก็ดี แต่อะไรที่มันมากไปมันก็ทำให้อึดอัด แต่ก็แปลกที่สาวๆพวกนั้นรุมตามกรี๊ดชั้นไม่เท่าไหร่ อยู่ดีดีก็หายไปเกือบหมด มีแค่ส่งจดหมาย ส่งของขวัญมาเท่านั้นแหละ แต่ไม่กล้าตามเหมือนแต่ก่อน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
“เพราะชั้นรู้ว่ายายพวกนั้นมาทำให้เธออึดอัด ชั้นก็เลยไปจัดการ” มาเรียบอก
โซว์แปลกใจ “ถามจริง ??”
“ก็จริงน่ะซิ” มาเรียจ้องหน้าขิงอย่างเอาเรื่อง “สำหรับชั้นถ้าใครก็ตามที่ทำให้เธอต้องเสื่อมเสีย ไม่สบายใจ หรือ ไม่มีความสุขแล้วละก็ ชั้นจะจัดการไล่ออกไปให้ไกลเลยหละ”
มาเรียจ้องหน้าขิงและโซว์ที่ต่างก็มองมาเรียอย่างอึ้งๆ แล้วมาเรียก็หัวเราะออกมา
“นี่เธอเชื่อเรื่องที่ชั้นเล่าด้วยเหรอ ฮ่าๆๆๆ ชั้นล้อเล่น...ที่สาวๆพวกนั้นเลิกกรี๊ดเธอก็เพราะ มีเจ้าหล่อๆ ทั้งเจ้าชาย วิลเลี่ยม เฮนรี่ ล่าสุดเจ้าชายจิ๊กมี่ เธอไม่ได้หล่ออยู่คนเดียวนะจ๊ะ”
โซว์มองมาเรียอย่างเอ็นดู “เธอนี่ ชอบหลอกชั้นอยู่เรื่อยเลย”
โซว์พูดเสร็จก็กอดหัวมาเรียแล้วเอามือขยี้หัวเล่น มาเรียร้องโวยวายแต่ทั้งคู่ก็ดูสนุกสนานกันมาก มาเรียแอบมองขิงด้วยสายตาร้ายๆ ก่อนจะหันกลับไปหัวเราะกับโซว์เหมือนไม่มีอะไร ขิงเริ่มรู้สึกแปลกๆ
ลัดลดาแต่งตัวในชุดเซ็กซี่ เธอผุดลุกผุดนั่งแล้วชะเง้อมองไปที่ประตูห้องพักด้วยสีหน้าร้อนรน
“ไปตามเจ้าชายถึงไหน ทำไมป่านนี้เจ้าชายยังไม่มาหาเราอีก อุตส่าห์จัดเต็มมาซะขนาดนี้” ลัดลดาหงุดหงิด “ไม่รอแล้ว ไปตามเองดีกว่า”
ลัดลดารีบเดินออกไป
โซว์เดินมือขวาจับมือขิงไว้ ส่วนมือซ้ายจับมือมาเรียไว้ ทั้งสามคนเดินมาด้วยกัน ขิงมองโซว์และมาเรียที่จับมือกันแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
“ชั้นก็อยากอยู่คุยเรื่องงานวันเกิดกับเธอนะ แต่เสด็จพ่อเรียกประชุมด่วน คงจะเป็นปัญหาราคาน้ำมันโลกที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ”
“ชั้นเข้าใจจ๊ะ เรื่องนี้มันสำคัญมากสำหรับประเทศที่ไม่มีแหล่งน้ำมันสำรองอย่างประเทศของพวกเรา เนี่ยชั้นก็หนักใจอยู่เหมือนกัน” มาเรียมองขิง “แต่สำหรับประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติแบบประเทศคุณขิงคงไม่มีปัญหานี้ใช่มั้ย”
ขิงอึ้งไปเล็กน้อย “เอ่อ ..คือ ...ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“จริงซินะ พวกเราไม่ควรพูดเรื่องยากๆแบบนี้กับขิง เพราะขิงคงจะไม่เข้าใจ” มาเรียพูด
โซว์ไม่ได้คิดอะไร แต่ขิงได้ฟังแล้วก็หน้าเสีย
“นายไปประชุมเถอะ เดี๋ยวเรื่องงานชั้นคุยกับขิงเอง” มาเรียตัดบท โซว์กำลังจะเดินไป มาเรียร้องเรียก “เดี๋ยว !!”
โซว์หันกลับมา มาเรียเดินเข้าไปจัดหูกระต่ายกับปกเสื้อให้โซว์ราวกับเป็นแฟนกัน ขิงเห็นถึงกับเหวอ
“นายน่ะเป็นแบบนี้ทุกที ชอบแต่งตัวหล่อไม่เสร็จ ต้องขาดนั่นขาดนี่ ให้ชั้นช่วยทำให้หล่อเนี๊ยบสมบูรณ์แบบทุกทีสิน่า” มาเรียว่า
“ขอบใจนะ ...ฝากดูแลขิงด้วย” โซว์บอก
ขิงตอบด้วยเสียงแข็งเหมือนไม่พอใจ “ไม่ต้องดูแลชั้นหรอก !!” โซว์และมาเรียถึงกับอึ้ง “เพราะคราวนี้ชั้นจะเป็นคนจัดการดูแลเรื่องงานวันเกิดคุณมาเรียให้ดีเอง ฮ่าๆๆๆ”
ขิงหัวเราะที่แกล้งโซว์ได้ โซว์หันมามองหน้าขิงก่อนจะเข้ามากอดด้วยความเอ็นดู
“นี่หลอกกันเหรอเนี่ย ทำไมผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆชั้นชอบหลอกชั้นอยู่เรื่อยเลย” โซว์จับจมูกขิงแล้วบีบเบาๆ “หลอกบ่อยๆนะผมชอบ”
โซว์โชว์สวีทกับขิงต่อหน้ามาเรีย มาเรียยืนมองอย่างไม่พอใจ เธอรีบไปกระชากตัวขิงออกจากโซว์
“เราไปดูสถานที่จัดงานกันเถอะค่ะ มาเรียอยากจะรู้เต็มแก่แล้วว่างานวันเกิดของมาเรียจะมีอะไรบ้าง”
มาเรียฉุดกระชากลากถูขิงออกไปอย่างแรง ขิงมองหน้ามาเรียก็เห็นว่ามาเรียแอบทำหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจ ขิงยิ่งรู้สึกแปลกใจ
ลัดลดาเดินมาตามทางเดินในวังมาเรื่อยๆ
“เจ้าชายอยู่ที่ไหน?”
ลัดลดามองหาแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นมาเรียกำลังฉุดกระชากลากถูขิงเดินมาทางนี้ ลัดลดาตกใจรีบหลบเข้ามุมทันที
ขิงที่โดนมาเรียลากมาเริ่มทนไม่ไหว เธอตัดสินใจสลัดมือออกจากมาเรีย ข้อมือของขิงแดงตามรอยจับ มาเรียหันมามองขิงแบบไม่พอใจ ขิงรีบขอโทษ
“เอ่อ คือ..ชั้นขอโทษ ชั้นเจ็บน่ะค่ะ”
มาเรียรีบยิ้มแบบเฟคๆ “มาเรียผิดเองที่ทำอะไรแรง นึกว่าขิงจะผิวหนากว่านี้ เห็นเมื่อกี้แอบขโมยมุกส่วนตัวของมาเรียกับโซว์ไปใช้โดยหน้าไม่อาย”
ขิงงง “อะไรนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นก็พูดไปเรื่อย” มาเรียเปลี่ยนเรื่อง “ไหนขอฟังหน่อยซิว่าเธอ แพลนอะไรสำหรับวันเกิดชั้นบ้าง”
ขิงพูดโดยไม่ได้มองมาเรีย “โซว์กับชั้นคิดกันไว้ว่าจะจัดเต็นท์อาหารที่ด้านนอก มีโต๊ะ เก้าอี้เล็กๆ ดูเป็นงานสบายๆ เป็นกันเอง เธอชอบใช่มั้ย”
มาเรียแอบทำปากแบะเพราะไม่ชอบ ลัดลดาที่แอบมองอยู่เห็นเข้าพอดี พอขิงหันมา มาเรียก็รีบทำเป็นยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“ดีเลยจ๊ะชั้นชอบความสบาย และ เรียบง่าย” มาเรียบอก
“ชั้นสัญญาว่าจะจัดงานออกมาให้ดีที่สุด มันจะเป็นงานวันเกิดที่เธอจะจำไปจนชั่วชีวิต”
มาเรียมองหน้าขิงแล้วยิ้มร้ายๆ “ทั้งเธอและชั้นได้จำมันไปชั่วชีวิตแน่” มาเรียรีบทำเป็นยิ้ม “เพราะมันจะเป็นวันเกิดที่ดีที่สุดของชั้น เรารีบไปดูสถานที่กันเถอะ ชั้นอยากเห็นแล้ว”
มาเรียรีบพาขิงออกไป ทันทีที่ขิงและมาเรียออกไป ลัดลดาออกมาจากที่ซ่อนแล้วก็มองมาเรียด้วยแววตาร้าย
“โธ่เอ๊ย..ที่แท้ก็แอ๊บเป็นคนดี นังนั่นมันก็เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดน่ะเอง เธอนี่มันโชคร้ายจริงๆขิง” ลัดลดาหัวเราะสะใจ
ขิงยืนอยู่ที่ริมบึง มาเรียยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับมองขิงด้วยสายตาร้ายกาจ ส่วนขิงกำลังอธิบายภาพงานวันเกิดที่เธอคิด
“เต็นท์จะวางตรงนี้ ซุ้มอาหารจะอยู่ด้านโน้น..”
มาเรียที่หมั่นไส้ขิงอย่างเต็มที่ค่อยๆเดินเข้ามาข้างๆขิง แล้วแตะหลังขิงเอาไว้ ขิงหันมองมาเรียที่เข้ามายืนชิดข้างๆตัวเธอมากเหลือเกิน ขิงเห็นมาเรียยิ้มก็มองด้วยความแปลกใจ
“มาเรีย..ยิ้มอะไร?” ขิงถาม
มาเรียรู้ตัวจึงเข้ามาจับแขนขิงแต่อีกมือก็ยังแตะที่หลังของขิงอยู่ “เออ ยิ้ม..ยิ้มเพราะแค่คิดถึงงานวันเกิด ชั้นก็มีความสุขแล้ว ชั้นอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ”
ขิงยิ้มแล้วหันไปทางบึงน้ำเบื้องหน้า มาเรียหรี่ตามองขิงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ น้ำหนักมือของมาเรียที่กดลงหลังของขิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายจะผลักให้ขิงตกลงไปในบึง ทันใดนั้นนางสนมก็เข้ามาเรียกขิง ขิงหันไปมอง มาเรียชะงักมือไว้
“คุณขิงคะ ผ้าที่คุณขิงสั่งไว้สำหรับจะมาประดับเต็นท์มาส่งแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวขิงตามไปดูค่ะ” ขิงพูดกับมาเรีย “ขิงขอตัวไปดูผ้าที่สั่งไว้ก่อนนะคะ”
มาเรียยิ้มให้ ขิงเดินออกไป พอขิงเดินพ้นไป มาเรียก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเจ็บใจที่ผลักขิงตกน้ำไม่สำเร็จ ลัดลดาที่แอบดูอยู่ที่มุมหนึ่งเห็นพฤติกรรมของมาเรียก็ยิ้มร้ายออกมา
ลัดลดายืนกอดอกรอใครบางคนอยู่ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแบบร้ายๆ สักพักมาเรียก็เดินออกมา ลัดลดาเห็นก็รีบปรบมือให้ มาเรียหันมามองลัดลดาด้วยความแปลกใจ
“ชั้นนึกว่าชั้นแสดงเก่งมากแล้วนะ มาเจอเธอ..ชั้นคงต้องขอมอบตำแหน่งดารานำสาขาตอแหลดีเด่นแห่งปีให้ ตีบทได้แตกกระจุย เนียนมาก จนขิงดูไม่ออกว่าเธอน่ะมันคือนางมารร้ายตัวแม่” ลัดลดาว่า
มาเรียทำท่าหยิ่งถือตัว “เธอพูดบ้าอะไรของเธอ”
“ไม่ต้องมาตีหน้าทำเป็นคนดี ชั้นเห็นทุกอย่าง และชั้นรู้ว่าเธอต้องการอะไร”
“ใช่ ! ชั้นต้องการกำจัดนังนั่นให้ออกไปจากโซว์ เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ เลิศเลอเพอร์เฟ็คแบบนั้นไม่คู่ควรกับยายผู้หญิงต่ำศักดิ์ ไร้การศึกษาแถมหาความเป็นผู้ดีไม่ได้ เพราะคนที่เหมาะสมกับเค้า ก็คือชั้นเท่านั้น”
“เธอนี่มันร้ายได้ใจจริงๆ” ลัดลดาว่า
“ถึงเธอรู้ว่าชั้นร้ายแล้วจะทำอะไรชั้นได้ เธอเอาชั้นไปพูดก็คงไม่มีใครเค้าเชื่อ เพราะที่นี่ชั้นเป็นคนดี ส่วนเธอน่ะตัวอิจฉา ไม่ใช่อิจฉาธรรมดาด้วยนะ นังอิจฉาชั้นต่ำพอๆกับยายขิงนั่นแหละ จำใส่กะโหลกเอาไว้ เจ้าชายโซว์เป็นของชั้น แล้วชั้นก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งเค้าไปเด็ดขาด”
มาเรียพูดจบก็เดินเชิ่ดหน้าออกไปโดยไม่แคร์ลัดลดาเลยสักนิด ลัดลดามองตามด้วยความโมโห
“คอยดูนะ ชั้นจะกระชากหน้ากากของแกออกมาให้ทุกคนเห็นให้ได้ แต่ว่าตอนนี้รีบไปหาเจ้าชายก่อนดีกว่า”
ลัดลดารีบเดินออกไป แต่กลับเจอนางกำนัลคนหนึ่งเดินมา
“นี่เธอ..รู้มั้ยว่าเจ้าชายอยู่ไหน?” ลัดลดาถาม
โซว์กับปีเตอร์กลับเข้ามาในห้องพร้อมกัน
“การปกครองบ้านเมืองนี่มันยากจริงๆเลยนะปีเตอร์ เจ้ารู้มั้ยว่าในห้องประชุมเมื่อตะกี๊ เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ก็พอรู้กระหม่อม เจ้าชายเล่นหาวไม่หยุดแบบนั้น แต่เจ้าชายต้องพยายามเรียนรู้นะกระหม่อม เพราะซักวันในภายภาคหน้า เจ้าชายก็ต้องปกครองประเทศนี้” ปีเตอร์บอก
โซว์ถอนหายใจ “เรามองไม่เห็นทางว่าเรจาจะปกครองประเทศนี่ได้อย่างไร”
“เจ้าชายห้ามพูดแบบนี้ให้พระราชาได้ยินเด็ดขาด!! ท่านเป็นรัชทายาทเพียงองค์เดียว ท่านต้องเข้มแข็งนะกระหม่อม”
โซว์เงียบและเอาแต่ถอนหายใจจนปีเตอร์เริ่มกลุ้ม ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ปีเตอร์เดินไปเปิดประตูแล้วก็ตกใจเพราะลัดลดาหลับหูหลับตาโผเข้ามากอด
“เซอร์ไพร์ส!!”
โซว์ตกใจ ปีเตอร์รีบดึงลัดลดาออกห่าง ลัดลดาเห็นว่าเป็นปีเตอร์ก็แทบช็อค
“เวยยยย!!” ลัดลดาตบหน้าปีเตอร์ดังเพี๊ยะ ปีเตอร์ตกใจ “แกมีสิทธิ์อะไรมากอดชั้น!”
“คุณต่างหากที่กอดผม” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์จับหน้าด้วยความเจ็บ ลัดลดาไม่สนใจรีบถลาเข้าไปหาโซว์ทันที
“เจ้าชายช่วยหม่อมชั้นด้วยเพคะ”
โซว์รีบหลบ ลัดลดาหันมาก็เจอปีเตอร์ขวางเอาไว้ ลัดลดาผงะ
“เธอรู้จักห้องนอนเราได้ยังไง?” โซว์ถาม
“หม่อมชั้นหาจากกูเกิ้ล map ใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะจำแผนผังพระราชวังได้หมด ห้องไหนเป็นห้องอะไร หม่อมชั้นรู้หมดแหละเพคะ”
โซว์กับปีเตอร์มองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว
“แล้วเจ้ามาหาเรามีธุระอะไร??”
“แหม..เจ้าชายพูดได้ห่างเหิน ก็เจ้าชายไม่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนหม่อมชั้นที่โรงแรมบ้างเลย หม่อมชั้นเหงานะเพคะ”
“เธอไม่ได้ป่วย ทำไมเจ้าชายต้องไปเยี่ยมเธอด้วย” ปีเตอร์ว่า
โซว์รีบปราม “ปีเตอร์” โซว์หันไปพูดกับลัดลดา “เราขอบใจที่เจ้ามา เราก็จัดคนดูแลเจ้าอย่างดีแล้วนี่ ขาดเหลืออะไรก็บอกพวกเค้าแล้วกัน”
ลัดลดารีบเข้าไปขวาง “ก็ที่หม่อมชั้นต้องบากหน้ามาหาเจ้าชายแบบนี้ ก็เพราะหม่อมชั้นมีเรื่องขาดเหลือม๊าก..มาก”
“เนี่ยน่ะนะขาด ดูเยอะไปทั้งตัวล่ะไม่ว่า” ปีเตอร์แขวะ
ลัดลดาก้มมองตัวเองก็เห็นว่าตัวเองแต่งตัวแบบจัดเต็ม ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม และเครื่องประดับ
“ที่หม่อมชั้นขาด คือ ขาดคนดูแลเอาใจใส่ ใครๆก็ไม่เหลียวแล หม่อมชั้นเป็นคน
ประเทศเดียวกับขิงแท้ๆ ไม่เห็นมีใครให้เกียรติกันเลย คนประเทศนี้เห็นคนไทยเป็นอะไรกันนะ หรือว่เจ้าชายเป็นประเภทสองมาตรฐาน” ลัดลดาทำเป็นน้อยใจ
โซว์เครียดขึ้นมาทันที “พวกเค้าคงไม่ได้ตั้งใจหรอก ว่าแต่เธออยากได้อะไรล่ะ”
ลัดลดายิ้มดีใจ “วันนี้หม่อมชั้นขอร่วมโต๊ะเสวยด้วยได้มั้ยเพคะ เพื่อเป็นเกียรติให้กับตัวหม่อมชั้นแลวงศ์ตระกูล”
ปีเตอร์สบถ “นั่นไงว่าแล้ว ได้คืบจะเอาศอก”
“ได้ซิ”
โซว์หันไปสั่งปีเตอร์ ปีเตอร์สะดุ้งโหยง
“วันนี้จัดเพิ่มอีกหนึ่งที่ก็แล้วกัน”
โซว์สั่งเสร็จแล้วก็เดินออกไป ลัดลดารีบถลาเข้าไปกอดแขนแล้วทำเป็นเนียนเดินคุยกับโซว์ ปีเตอร์มองตามแล้วทำปากขมุบขมิบด่าลัดลดาด้วยความไม่พอใจ
“สุดยอด..ขอกันได้หน้าด้านๆ”
ปีเตอร์เดินวนไปวนมาด้วยความหงุดหงิด
“ชั้นล่ะเพลียเจ้าชายจริงจริ๊ง..รู้ก็รู้ว่ายายนั่นมาทำไม ก็ยั๊งจะลดตัวไปยุ่งด้วย”
“นายก็ต้องเข้าใจเจ้าชายหน่อยซิ ว่าเป็นเจ้าชายจะปฎิเสธใครได้ที่ไหน ..ทรงต้องมีน้ำพระทัยกว้างขวาง คุณเป็นคนสอนเจ้าชายเรื่องนี้เองไม่ใช่เหรอ” พัชรีย้อน
“มันก็ใช่ !!” ปีเตอร์ยังโมโห “แต่ ...”
“ไม่มีแต่ ถ้าเจ้าชายทรงอดทนได้ ..” พัชรีชี้หน้าปีเตอร์ “นายก็ต้องอดทนให้ได้เหมือนกัน”
ปีเตอร์ถอนหายใจด้วยความเซ็ง
โซว์ ขิง มาเรีย ลัดลดา พัชรี และปีเตอร์เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร มีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ
“โอ้ว้าว!! อาหารชั้นเลิศทั้งนั้นเลยนะเพคะ” ลัดลดาตื่นเต้น
มาเรียทำเป็นขำ ลัดลดาหันมาถาม
“หัวเราะอะไร?”
“ก็แค่แปลกใจ เห็นเธอเคยเล่าว่าที่บ้านมีฐานะดี ร่ำรวย อาหารแค่นี้ไม่เคยเห็นรึไง ถ้าขิงเป็นคนพูด ชั้นก็ว่าไปอย่าง” มาเรียว่ากระทบ
ขิงเหวอ โซว์หันไปมองมาเรีย มาเรียรีบแก้ตัว
“ชั้นไม่ได้ดูถูกเธอนะขิง ชั้นแค่รู้สึกใครบางคนแถวนี้ไม่ค่อยจริงใจ”
ลัดลดาหัวเสียแต่ก็ไม่อยากพูดอะไร ปีเตอร์กระซิบกับพัชรี
“ท่าทางอาหารมื้อนี้จะมีเรื่องสนุกๆให้ดู”
พัชรีถอนหายใจ
“นั่งกันเถอะ เราหิวแล้ว” โซว์บอก
โซว์นั่งที่หัวโต๊ะ มาเรียนั่งอยู่ข้างซ้ายโซว์ ขิงจะเข้ามานั่งด้านขวาแต่ลัดลดารีบเข้ามาแย่งนั่งหน้าตาเฉย ทำเอาขิงกับพัชรีเหวอ มาเรียอมยิ้มอย่างสะใจ ลัดลดานั่งเชิด โซว์พูดอะไรไม่ออก ขิงเลยเดินมานั่งข้างๆ ลัดลดา ส่วนพัชรีนั่งข้างมาเรีย ปีเตอร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับโซว์มองลัดลดาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“Lunch time วันนี้คนครึกครื้นดีจริง” มาเรียบอก
ทุกคนกำลังจะกินอาหาร แต่โซว์นิ่งไปซักพัก
“เดี๋ยว!” โซว์พูดขึ้น ทุกคนหันไปมอง “อย่าเพิ่งทาน”
ทุกคนแปลกใจ แล้วโซว์ก็ลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆ ขิง ทำเอามาเรียกับลัดลดาเหวอ พัชรีแอบสะใจคนเดียว ปีเตอร์ยิ้มแฉ่ง ขิงหันไปมองโซว์อย่างตกตะลึง
“ปีเตอร์..เอาจานอาหารของเรามานี่ เราจะนั่งทานข้างๆคนรักของเรา” โซว์บอก
โซว์หันไปยิ้มให้ขิง ขิงดีใจ
“ได้เลยกระหม่อม”
ปีเตอร์รีบย้ายจานชามช้อนส้อมมาให้โซว์ โซว์กับขิงหันมายิ้มให้กันและกินกันไป เหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคน มาเรียกับลัดลดาโมโหมาก พัชรีหันไปยิ้มดีใจกับปีเตอร์