จาก M Thailand สู่ The Idol Project 3 และจะตามด้วยเรียลิตี 12 สัปดาห์ของ “แพม” ลลิตา ตะเวทิกุล ในช่วงเดือนสิงหาคม มหกรรมตามล่าดาวดวงใหม่อย่างต่อเนื่องนี้เพื่อขานรับนโยบายหา “พระเอก-นางเอกใหม่” ของช่อง 3 ซึ่งไม่เคยถึงฝั่งฝัน !! ว่ากันว่า การเฟ้นหาอย่างเร่งด่วนในวันนี้ เพื่อสกัดเด็กในสายของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ที่มักจะนำเด็กเข้ามาเสนอแบบข้ามขั้นตอน แทรกแซงผู้จัดฯ จนเป็นเหตุให้ช่อง 3 และ สมรักษ์ ณรงค์วิชัย ไม่พอใจ
ย้อนรอยเวทีประกวด
เมื่อสัก 8-9 ปีที่แล้ว ช่อง 3 ได้ริเริ่มการประกวด “D Guy” ชัดเจนมาตั้งแต่ปีแรก ว่า จะปั้นพระเอกหน้าใหม่ ปีนั้น... ขณะที่ “ปืน” พรเทพ อนุพันธ์ ได้อันดับหนึ่ง ปัจจุบันหนีวงการไปเป็นสจ๊วร์ต, รอง 1 - “เอ็กซ์” ฐิตินันท์ สุวรรณศักดิ์, รอง 2 - “โหน่ง” - วุฒิชัย ไหมกัน (น้องชาย สุรวุฒิ ไหมกัน) และ รอง 3 “ป๊อบ” อัศวิน เมืองสุวรรณ มีเพียง “เอ็กซ์” ธิตินันท์ รองอันดับหนึ่งยังโลดแล่นอยู่ในวงการ แต่ไม่ใช่ “พระเอกแถวหน้า” และปัจจุบันรับงานเป็นนักแสดงอิสระ
เหตุที่ใช้ชื่อ “ดีกาย” เพราะว่า อ้างอิงจากชื่อ “ดัชชี่” หรือ “Dutchie Boy&Girl” นั่นเอง ดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลนั้น ติดข้อตกลงอยู่กับทางช่อง 7 สี มาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ทีมงานทั้งหมดในการจัดการประกวด “ดีกาย” คือ “คูลฮันเตอร์” ของ “ปอนด์” วินัย เยี่ยมประเสริฐ ที่ดูแลทุกขั้นตอนจัดการประกวด เพียงแต่เปลี่ยนชื่อให้แตกต่างกันเท่านั้น
ต่อมาปี 2549 เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Power Three Power Teen ตั้งใจจัดเป็นกิจกรรมเพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพจนใกล้จะขึ้นเวทีอยู่รอมร่อ ปรากฏว่า คืนนั้นระเบิดลงที่เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อ 31 ธันวาคม 2549 ทางผู้จัดงานจึงยกเลิกงานเคานต์ดาวน์ ปีนั้นมี “เกรท” วรินทร ปัญหกาญจน์ รวมทั้ง “กาณณ์” (กานต์) กณิณ ปัทมนันถ์ ที่จะเข้าร่วมการประกวดอยู่ด้วย
พระเอกหลายคนที่มีชื่อเสียง ช่อง 3 ก็ไม่ได้ทำคลอดตัดสายสะดือด้วยตัวเอง
“เกรท” เข้าสู่วงการบันเทิงจากโครงการ “ตามล่าหาจะเด็ด” เช่นเดียวกับ “โป๊บ” ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
ก่อนที่ “เกรท” วรินทร จะมาที่ช่อง 3 เคยมีผลงานโฆษณามาก่อน เวทีที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักคือ Guy's Challenge ทั้งยังเคยได้รับตำแหน่ง Men's Health Guy Award 2007 ด้วย
ขณะที่ “โป๊บ” หลังจากที่ “ผู้ชนะสิบทิศ” ล้มพับไปก็ไปเล่นเป็น “ขุนรามเดชะ” ใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี” เป็นเรื่องแรก แต่บังเอิญหนังเรื่องที่ 2 แซงคิวฉายก่อน ช่อง 3 เห็นบทบาทการแสดงของเขาในภาพยนตร์ “October Sonataรักที่รอคอย” ก็เลยติดต่อขอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด
แม้แต่ “ปอ” ทฤษฎี สหวงษ์ ก็ได้รับรางวัลสุดยอด หนุ่มคลีโอ เมื่อปี 2004 ก่อนที่จะมาเป็นพระเอกที่ช่อง 3
ปี 2548 เวที M Thailand เกิดขึ้นครั้งแรกทางช่อง 3 ปีนั้น “โฬม” พัชฏะ นามปาน คว้าตำแหน่งสุดยอดนายแบบ เริ่มเล่นละครมาตั้งแต่ 2549 และเป็นหนึ่งในพระเอก (น่าจะ) เพียงคนเดียวที่ได้ดิบได้ดีจากการประกวดที่จัดโดยช่อง 3 แม้ว่า ก่อนหน้านั้น “โฬม” เคยเดินสายประกวดตามเวทีต่างๆ มาเหมือนกัน แม้แต่ที่บาร์เกย์ ซุปเปอร์เล็ก (สีลม ซอย 6) ของเล็ก มัตสึดะ จนมีภาพเดินแบบชุดว่ายน้ำหลุดออกมาแฉภายหลังจากที่เข้าสู่วงการแล้ว
ปีนี้ก็มีเหตุการณ์คล้ายการประกวดครั้งแรกแต่หนักกว่า ทันทีที่ “แดนนี่” ณัฐดนัย ผิวสานต์ เข้ารอบ 10 คน ได้เพียงวันเดียวก็มีการปล่อยภาพชุด “จิ๋วแจ๋วเจาะโลก” ออกมา จนต้องมีการปลดออกจากการประกวด สะท้อนให้เห็นว่า ทีมคัดสรรนายแบบขาดความระมัดระวังและหูตาไม่กว้างไกล
ปีนี้ M Thailand กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายจากวงการไปนานถึง 7 ปี ทว่า ไม่ใช่ด้วยรูปลักษณ์ค้นหา “สุดยอดนายแบบ” อย่างที่ซื้อลิขสิทธิ์มา แต่จำเพาะเจาะจงสำทับลงไปว่า “M Thailand 2012 ตามล่าหาพระเอก” - - “ไม้” วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คว้าตำแหน่งชนะเลิศ รองอันดับ 1 คือ “อู๋” สมิทธิ ลิขิตมาศกุล และรองอันดับ 2 คือ “แม็ค” พงศ์พีระ เวียงนนท์
สำหรับการค้นหาดาวดวงใหม่ยังคงเดินหน้าต่อไป The Idol Project ถือกำเนิดขึ้นโดย “อั้ม” อธิชาติ ชุมนานนท์ พระเอกช่อง 3 อดีตดัชชี่บอย เป็นผู้ออกหน้าในนามของ “ไว้ลายโซไซตี้” ซึ่งก็คือร่างทรงของ “คูลฮันเตอร์” โดย “ปอนด์” วินัย เยี่ยมประเสริฐ นั่นเอง ในบรรดาคนหนุ่ม - สาวในโครงการแรก คนที่มีแววที่สุดในการประกวดจากเวที “ดิ ไอดอล” คือ “ก็อต” จิรายุ ตันตระกูล (ผลงานล่าสุดเป็น พระรองจากละคร “แม่แตงร่มใบ” และ “เสน่ห์รักภูตสาว” ที่จะออกอากาศก่อนข่าว ปลายเดือนเมษายนนี้) “ก็อต” ลูกแม่ค้าย่านตลาดห้วยขวาง ดังนั้น จึงมีป้ายเชลียร์ “รักก็อต โหวตก็อต” ในช่วงโครงการดังกล่าวแพร่ภาพทางช่อง 3 ขณะที่โครงการ 2 ทุกวันนี้ยังยืนรับแขกอย่างเดียว ไม่มีงานปรากฏให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน เรียนการแสดงรอวันที่ผู้จัดฯจะกวักมือเรียก วันนี้ The Idol Project 3 เวทีประกายเพชร ประกาศผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายแล้ว
ในปลายเดือนเมษายน - ต้นพฤษภาคม “แพม” ลลิตา ตะเวทิกุล จะเปิดแถลงข่าวเรียลิตี 12 สัปดาห์รายการหนึ่งที่จะแพร่ภาพในช่วงเดือนสิงหาคมเพื่อค้นหา “พระเอก - นางเอก” ให้กับช่อง 3 เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีกิจกรรมย่อยของค่ายละคร เช่น บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ของ “หน่อง” อรุโณชา ภาณุพันธุ์มีโครงการ “คริสตัล ตามล่า...น้องแก๊งใหม่ Freshy Gang Hunting” เฟ้นหา 8 คาแรกเตอร์เด็ดจากทุกภาคเพื่อมาแสดงละคร “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” เพื่อจะขานรับกับนโยบายที่นายประวิทย์ มาลีนนท์บอกว่า ผู้จัดค่ายไหนไม่มีดาราหน้าใหม่ไม่ให้เปิดกล้อง !!
ช่อง 3 ขาดแคลนพระเอก - นางเอกจริงหรือ!?
ถามว่า เวทีประกวดได้ พระเอก - นางเอก และนักแสดงตามที่ช่อง 3 ต้องการหรือไม่ ต้องบอกว่า “ได้” และไม่ใช่จำนวนน้อยด้วย !! ขณะนี้ มีบรรดาผู้ผ่านการประกวดจากหลายๆ เวทีที่ถือว่าเป็นเด็กจากเวทีประกวดช่อง 3 ร่ำเรียนการแสดงอยู่ที่ชั้น 9 เต็มไปหมด แต่ช่อง 3 กลับไม่ได้ใช้ทรัพยากรนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อค่ายละครของตน
ขึ้นชื่อว่า เวทีประกวดจะได้เด็กใหม่สดซิงๆ ถอดด้ามเลยก็คงยาก เพราะบรรดาแมวมอง, โมเดลลิ่งก็มักจะพาเด็กเหล่านี้ไปลงตามเวทีต่างๆ ที่มีการประกวดเพื่อล่ารางวัล
ในเว็บไซต์ www.thaitv3.com ได้รวมนักแสดงชาย - หญิงของช่อง 3 ไว้ โดยจำแนกเป็นฝ่ายชาย 46 คน ฝ่ายหญิง 38 คน - “น้อยตรงไหน” !!
นอกจากกระบวนการสรรหาเด็กจากเวทีประกวดที่ว่านี้ ช่อง 3 ยังนิยมเอาเด็กอื่นๆ ที่เคยถ่ายโฆษณาบ้าง เห็นจากแมกกาซีนแฟชั่นบ้าง หรือจากโมเดลลิ่งบ้างเข้ามาเรียนการแสดง และนัดหมายวันเวลาเพื่อให้ผู้จัดละครได้ “ดูแวว” หลังจากผ่านขั้นตอนการ “พัฒนา” (Recruitment) ของ “แผนกคัด จัดหา และดูแลศิลปิน” ที่ ชั้น 9 อาคาร มาลีนนท์ทาวเวอร์ ซึ่งรับรู้กันว่า เป็นอาณาจักร สำนักงานของ “สมรักษ์ ณรงค์วิชัย”
แต่น่าใจหายที่แทบจะไม่มี “ผู้จัด” - “คณะละคร” เจ้าไหน “ช้อป” เอาเด็กไปปั้นต่อ และน่าใจหายกว่านั้น ที่เหตุผลส่วนใหญ่อ้างว่า “เด็กเล่นไม่ได้”
ช่อง 3 ให้ความสำคัญกับ “ผู้จัดฯ” เป็นสำคัญ ดังนั้น … ทุกเวทีที่กล่าวถึงขั้นต้น เมื่อทีมคัดจนเหลือจำนวนหนึ่งแล้วก็จะให้ผู้จัดเข้าไปทำการคัดเลือกเพื่อเอาไปร่วมงานด้วย หลังจากการประกวดเสร็จสิ้นก็จะให้ไปเรียนแอ็กติ้งที่ชั้น 9 ก่อนจะนำไปแสดงละครต่อไป
แต่ต้องไม่ลืมว่า บางทีที่เห็น ก็เป็นแค่การถูกชะตาของผู้จัดที่คิดว่า สามารถนำไปทำอะไรได้ในงานละครเท่านั้น แต่อาจจะไม่ได้ถูกสายตาของคนทั้งประเทศ !! เด็กหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่ก้มหน้าก้มตาเรียนการแสดงอยู่ โดยหวังว่า สักวันหนึ่งจะมีใครหยิบเอาไปทำงาน ต่อเมื่อเด็กคนไหนที่ส่งไปเซ็นสัญญากับค่ายละครจนมีผลงาน มีชื่อเสียง เริ่มมีคนรู้จักและมีแนวโน้มจะเป็นนักแสดงคุณภาพในอนาคต ทั้งนี้ ช่อง 3 ก็จะให้เซ็นสัญญารองรับไว้ในลำดับต่อไปโดยจะมีเงินเดือนตอบแทนให้มากน้อยแตกต่างกันไป เพื่อเป็นหลักประกันว่า ถึงไม่มีงานก็มีกิน ไม่ลำบากผิดกับดาราช่อง 7 ที่ต้องหากินเอง
ช่อง 3 ผู้จัดชี้ตัว - ช่อง 7 สั่ง
ประวิทย์ มาลีนนท์ เคยพูดถึงกับคนใกล้ชิดว่า “ผมกลัวคุณแดงเพียงคนเดียว คนอื่นผมไม่กลัว” !เพราะฉะนั้น … วันนี้ ช่อง 3 จึงเปิดเกม “รุกหนัก” ช่อง 7 สีอยู่ตลอดเวลา เพราะคุณแดงไม่อยู่ซะแล้ว
ระบบวิธีการทำงานของช่อง 3 กับช่อง 7 ที่ “คุณแดง” สุรางค์ เปรมปรีดิ์ วางไว้นั้นแตกต่างกัน
กระบวนการผลักดันเด็กเพื่อมาเป็นดาราของช่อง 7 สีนั้น แม้ช่องทางจะคล้ายกัน ในด้านเวทีประกวดช่อง 7 สีนั้นมาจาก เวที DOMON MAN, Man of The Year กับ Dutchie Boy&Girl การเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด จะมีบางส่วนที่เซ็นสัญญากับช่องโดยตรง เช่น “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ, วีรภาพ สุภาพไพบูลย์, “ป๋อ” ณัฐวุฒิ สะกิดใจ (อดีต) เซ็นสัญญากับช่อง ดาราบางคนเซ็นสัญญากับค่ายละคร เช่น “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต เซ็นสัญญากับดาราวิดีโอ, “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา, “สเตฟาน” ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ เซ็นสัญญากับกันตนา และกันตนาเป็นค่ายเดียวที่มีสอนการแสดงให้เด็กในสังกัด ส่วนค่ายอื่นไม่มี !!
แต่การเซ็นสัญญากับช่อง 7 สี ไม่มีเงินเดือนอย่างช่อง 3 ดาราช่อง 7 สี จึงมีรายได้จากงานการแสดงแบบหามรุ่งหามค่ำเท่านั้น
ในอดีต ถ้าคุณแดง มีดำริว่า “ฉันจะปั้น” ก็จะส่งและระบุบทบาทที่เลือกไว้ให้ว่าที่พระเอก - นางเอกไปเล่นละครกับค่ายนี้ เรื่องนั้นพร้อมสรรพ ตามคำสั่งที่ถือเป็นเด็ดขาด ผู้จัดไม่มีสิทธิ์เลือกพระเอก - นางเอกได้ตามอำเภอใจ อีกทั้งผู้จัดและผู้กำกับต้องทำให้ได้ มุ่งปฏิบัติการจริงในกองถ่าย ไม่จำเป็นต้องเรียนการแสดงให้ยุ่งยาก ซับซ้อนให้มากทฤษฎี
ดังนั้น … การเป็นนักแสดงของช่อง 7 สี จึงต้องขวนขวายด้วยตัวเอง ชำนาญจากการเคี่ยวกรำ ซึ่งส่งผลให้ใครก็อยากจะได้ดาราในสังกัดของช่อง 7 สี การที่ “คุณแดง” มีอำนาจสั่งการเพียงคนเดียวทำให้ง่ายต่อการปกครองและทำงาน และค่ายละครมีความเป็นเอกภาพเดียวกัน เช่น เมื่อคุณแดงตัดสินใจปั้น “ป๋อ” ณัฐวุฒิ ก็ส่งไปเริ่มงานในลำดับแรกกับค่าย “เป่า จิน จง” เรื่อง “เก็บแผ่นดิน” จากนั้นถึงจะมา “ดาราวิดีโอ” และ “กันตนา” เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในค่ายละครที่แตกต่างกัน เมื่อพระ - นางตัวไหนที่เรตติ้งดี ก็จะอัดผลงานละครออนแอร์ซ้ำต่อเนื่องเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ดาราในสังกัดอยู่ในกระแสเป็นที่จดจำ ถูกกล่าวขานอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ช่อง 3 เมื่อปั้นแล้วก็นิยมทิ้งช่วงห่าง นักแสดงหน้าใหม่ก็ผ่านเข้ามาอย่างวูบวาบเป็นพักๆ มีมาในระยะหลังที่เห็นผลสำเร็จจาก แผนปั้นดาวของคุณแดงนั่นแหละ “อัมพร มาลีนนท์” จึงอัดละครซ้ำเช่นเดียวกัน และยึดถือปฏิบัติมาจนทุกวันนี้
การส่งสัญญาณของช่อง 7 สีไปได้ไกลกว่าช่อง 3 ดังนั้น จึงเข้าถึง “ชาวบ้าน” ในต่างจังหวัดได้มากกว่า เชื่อหรือไม่ว่า ตั้งแต่ อดีต จวบจนปัจจุบันนี้ พระเอก - นางเอกละครจักรๆวงศ์ๆ หรือ “ละครเจ้า” ของช่อง 7 สี ยังเป็นที่รู้จักของคนดูต่างจังหวัดมากกว่า “พระ - นาง” ชั้นแนวหน้าของช่อง 3
แหล่งข่าววงในระดับสูงท่านหนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงละครแสดงทัศนะระบุว่า ลึกๆ แล้ว ค่ายละครของช่อง 3 บรรดา “ผู้จัด” แตกเป็นก๊ก เป็นเหล่า อยู่ที่ใครจะเข้าถึง “นาย” คนไหนได้มากกว่าเท่านั้นเอง
“ถึงนาย” ย่อมส่งผลต่อการนำเสนอโปรเจกต์เปิดกล้องไปจนถึงการจัดสรรละครแพร่ภาพ ภายใต้ “คุณภาพ” เป็นเครื่องการันตี
ค่ายทีวีซีน - ของ “ปิ่น” ณัฐฏนันท์ ฉวีวงษ์ มีค่าย “มาสเตอร์ วัน” ของ “ก้อย” ทาริกา ธิดาทิพย์เป็นพันธมิตร “เจ๊เฮีย (ปิ่น)” มีความสนิทสนม และสามารถสายตรงคุยกับ “อัมพร มาลีนนท์” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซึ่งดูแลด้านรายการและละครโดยตรง สายสัมพันธ์นี้มาแต่สมัย “พ่อกับพ่อ” จนมาถึงรุ่น “ลูกกับลูก” ในวันนี้
ค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น - ของ “หน่อง” อรุโณชา ภาณุพันธุ์ แม้จะยิ้มหวานกับเพื่อนคณะละคร แต่ก็มีความสนิทสนมกับ “ประวิทย์ มาลีนนท์” มากเป็นพิเศษ
ค่ายเมกเกอร์ กรุ๊ป - ของ “จิ๋ม” มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวชนั้นมาจาก “บารมีความเก๋า” ที่สั่งสมมา เนื่องจากร่วมบุกเบิกละครกับช่อง 3 มาตั้งแต่แรก พันธมิตรรุ่นน้องที่ร่วมกลุ่มบุกเบิกในระยะต่อมาคือ “ไก่” วรายุฑ มิลินทจินดา จนต่อมาเมื่อ “ไก่” แยกตัวมาทำละครเอง ในสายสัมพันธ์ก็ต้องถือว่ายังเป็นพันธมิตรอยู่ แต่ขณะเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างก็มีก๊วนของตัวเอง ค่าย “เมกเกอร์กรุ๊ป” ส่งผ่านจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก ทุกวันนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ “เจ๊ท” ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช ขณะที่ลูกสาว “จ๋า” ยศสินี ณ นคร ดูแล “เมกเกอร์ วาย” และ “นก” จริยา แอนโฟเน่ ดูแล “เมกเกอร์ เจ” นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มของ กฤษณ์ ศุกระมงคล ในนาม “เมกเกอร์ เค” และ “ชาย” ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ ในนาม “เมกเกอร์ ซี” เป็นพันธมิตรรวมอยู่ด้วย
ส่วน “ไก่” วรายุฑ แห่ง บริษัท ไอแอม โปรดักชั่น จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท ฮู แอนด์ ฮู จำกัด) ก็จะมีก๊วนของตัวเอง เช่น ปรารถนา - ปาริฉัตร สัชฌุกร, ธิติมา สังขพิทักษ์ (ค่ายโนพลอบเบลม...ไก่-วรายุฑ เป็นหุ้นอยู่ด้วย) และ ฉัตรชัย เปล่งพานิช (ค่ายเมตตามหานิยม) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้จัดอื่นๆ ที่เรียงหน้ากันเข้ามามากมาย ก๊วน กอบสุข จารุจินดา, “ดา” หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์, “แม่หนู” สรวงสุดา ชลลัมพี, ยูม่า ของ ยุวดี ไทยหิรัญ ฯลฯ กลุ่มเหล่านี้ก็จะมีก๊วนของตัวเองเช่นเดียวกัน ทางช่องจะพิสูจน์จากผลงานเป็นหลัก ถ้าเรตติ้งไม่ดีก็อาจจะ “แขวน” ไว้ น้าน...นาน จะให้เปิดละครสักเรื่อง ผู้จัดหน้าใหม่ๆ ยังคงเกิดขึ้นที่ช่อง 3 ตลอดเวลา ไม่นานจากนี้ พระเอกคนดังอย่าง “อั้ม” อธิชาติ ชุมนนานนท์ก็จะเข้ามาขึ้นทำเนียบกับเขาเหมือนกัน ภายใต้ปีกและร่มเงาของ “ทีวีซีน”
สายสัมพันธ์ของผู้จัดกับผู้บริหารระดับสูงนี้ พูดกันมากถึงขนาด “ผู้บริหารบางคน” ของช่อง 3 มีหุ้นอยู่ในคณะละคร
ช่อง 3 ผู้จัดฯ จะเป็นคน “วางตัวดารา” แล้วเสนอไปให้ฝ่ายรายการเซ็นอนุมัติ
ฝ่ายรายการนี้มี “อัมพร มาลีนนท์” (รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ) เป็นผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ แต่เนื่องจากอัมพรเป็นคนสมถะ ชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ชอบออกสังคม จึงมี สมรักษ์ ณรงค์วิชัย (รองกรรมการผู้จัดการและรักษาการผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ) เป็นผู้ออกหน้ากับทุกเรื่องราว ลูกสาวคนโตของนายประวิทย์ “ยุ้ย” อรอุมา มาลีนนท์ (รองกรรมการผู้จัดการ) ก็ทำงานอยู่ในฝ่ายนี้เช่นเดียวกัน
ในทางปฏิบัติ เมื่อค่ายเสนอชื่อ “นักแสดง” มายังฝ่ายรายการ “ช่อง” สามารถเปลี่ยนตัวนักแสดงได้ แต่ไม่นิยมทำกัน เมื่อผู้จัดฯ ช่อง 3 ไม่ “ชี้ตัว-สั่งการ” ว่าจะปั้น จะด้วยเหตุยังไม่ต้องตาหรือเด็กไร้ความสามารถก็แล้วแต่ ย่อมส่งผลให้มีเด็กจำนวนมากที่นับวันรอโอกาสนี้ เด็กก็เรียนการแสดงไปอย่างไร้ความหวังไปวันๆ ขาดความกระตือรือร้น
หลายครั้งที่ “ผู้จัดฯ” ไม่ฟังเสียง “สมรักษ์ ณรงค์วิชัย” กลับยกหูถึงผู้บริหารระดับสูงกว่าตลอดเวลา ภายใต้บทบาทของเขาจึงไม่แตกต่างอะไรจาก “คนกลาง - หนังหน้าไฟ - สายล่อฟ้า” ซึ่งมีหน้าที่ตอบคำถามข้อข้องใจกับสื่อมวลชนเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่เขาสามารถทำอะไรต่อมิอะไรให้กับเด็กกลุ่มนี้ได้เยอะมาก
เมื่อ “ผู้จัด” ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขา ย่อมเป็นแบบอย่างให้คนอื่นนิยมเดินข้ามหน้าข้ามตารุกคืบไปหา “ผู้บริหาร” ดังกรณีของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร
ตราบใดที่ช่อง 3 ยัง “สั่ง” ผู้จัดไม่ได้ โอกาสที่จะเฟ้นหา “พระเอก - นางเอก” มาปลุกปั้นให้สมปรารถนาก็คงจะเป็นไปได้ยาก
อยากรู้ว่า ทำไม!? ช่อง 3 และสมรักษ์ ณรงค์วิชัยถึงไม่พอใจ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ต้องอ่านตอนต่อไปในวันอังคารที่ 24 เมษายน