xs
xsm
sm
md
lg

รอยไหม ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยไหม

บทประพันธ์ พงศกร
บทโทรทัศน์ ยิ่งยศ ปัญญา
กำกับการแสดง พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ผลิตโดย บริษัท แอค-อาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด ดำเนินงานโดย ธัญญา วชิรบรรจง
ออกอากาศ จันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. (5 กันยายน 2554) ช่อง 3

(ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 09.30 น.)

มณีริน (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) เห็นธาตุแท้ของ ธนินทร์(เจสัน ยัง) คู่หมั้นที่หมั้นกันเอาไว้หลายปีแล้วด้วยการจัดการของผู้ใหญ่ เพราะธนินทร์แอบขายผ้าทอผลงานของเธอโดยไม่บอกกล่าว มณีรินโกรธมาก จึงเดินทางขึ้นเชียงใหม่ทันที เธอต้องการสงบสติอารมณ์ ที่เชียงใหม่มณีรินแวะเวียนไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อชมการทอผ้า

และที่แม่แจ่ม เธอได้พบ สุริยวงศ์ (อธิชาติ ชุมนานนท์) และได้อาศัยรถของเขากลับเข้าเมืองด้วย มณีรินได้ที่พักเป็นรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของมีอัธยาศัยดี คืนแรกในที่พักเธอได้ยินเสียงเรียกชื่อตน เธอจึงลุกออกมาและได้พบชายคนหนึ่ง เขาพูดคุยกับเธอเหมือนรู้จักคุ้นเคยมานาน เขาแสดงความยินดีที่เธอกลับมาแล้ว สร้างความงงงวยให้มณีรินเป็นอย่างมาก

มณีรินพบว่าสุริยวงศ์เป็นน้องชายวันดารา (อรอนงค์ ปัญญาวงศ์) เจ้าของรีสอร์ต เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ และเมื่อรู้ว่ามณีรินสนใจงานผ้าโบราณ เขาจึงอาสาพามณีรินไปพบ บัวเงิน (พิศมัย วิไลศักดิ์) ย่าของเขา เพราะบัวเงินครอบครองผ้าโบราณล้านนามากมาย นาทีแรกที่บัวเงินได้เห็นหน้าของมณีริน ทุกอย่างกลับตาลปัตร บัวเงินไล่ตะเพิดและด่าทอมณีริน รวมถึงแสดงความเกลียดชัง สร้างความงุนงงให้แก่มณีรินและสุริยวงศ์

 บัวเงินรู้ดีว่ามณีรินกลับมาแล้วเพื่อทวงแค้นของเธอ มณีรินได้แวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้า และในบรรดาผ้าตระกูลล้านนา เธอรู้สึกผูกพันกับผ้ากลุ่มไทเขินจากเชียงตุงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผ้าซึ่งเจ้าของเดิมคือ เจ้านางมณีริน (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) รวมถึงประวัติเรื่องเล่าชีวิตของเจ้านางมณีรินได้ดึงดูดความสนใจของมณีรินเป็นอย่างมากจนเธออยากรู้จัก เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เมื่อรู้ว่ามณีรินสนใจผ้าโบราณ จึงพาเธอเข้าไปชมผ้าผืนหนึ่งที่ยังทอไม่เสร็จ และทันทีที่มณีรินได้เห็นผ้าผืนนั้น เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอเข้าไปนั่งลงและเริ่มทอผ้าผืนนั้นต่อทันที ช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับการทอผ้า และการได้พบชายแปลกหน้ายามวิกาล ทำให้เธอเหมือนได้หลุดไปสู่อีกมิติหนึ่ง และได้รู้จักเจ้านางมณีริน

เจ้านางมณีริน เป็นเจ้าหญิงจากแคว้นเชียงตุงที่ถูกส่งตัวมาเชียงใหม่ เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา (ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) ทั้งที่เธอไม่ได้รู้สึกรักเขาเลย เจ้านางมณีรินหนีออกจากคุ้มเจ้าหลวงไปเที่ยวตลาด โดยมีนางคำเที่ยง (สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ) พี่เลี้ยงคนสนิทติดตามไปด้วย ที่ตลาด เจ้านางมณีรินได้รู้จัก เจ้าศิริวงศ์ (อธิชาติ ชุมนานนท์) และมิตรภาพเบ่งบานเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างรู้ใจกันและกันจนก่อเกิดเป็นความรัก

เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ความจริงเรื่องสถานะของกันและกัน ความรักของคนทั้งคู่จึงกลายเป็นรักต้องห้ามบัวเงิน หม่อมของเจ้าศิริวัฒนา เมื่อรู้ว่าเจ้านางมณีรินเดินทางมาเพื่อแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา จึงคุ้มแค้นและต้องการกำจัดเจ้านางมณีรินให้พ้นทาง แล้วโชคก็เข้าข้างบัวเงิน เมื่อเจ้าหลวง (เผ่าทอง ทองเจือ) และพระชายา(ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ) ไว้วางใจให้บัวเงินเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเจ้านางมณีริน เจ้านางมณีรินชอบทอผ้า พระชายาจึงมอบหมายให้บัวเงินเป็นครูสอนเจ้านางมณีริน บัวเงินเหยียบย่ำ ถากถางเจ้านางมณีรินต่าง ๆ นานา แต่ฝีมือเจ้านางมณีรินยิ่งดีวันดีคืน ผลงานผ้าทอของเจ้านางมณีรินเป็นที่ปลาบปลื้มชื่นจิตพระชายาเป็นนักหนา และท่าทางเจ้าศิริวัฒนาจะรักเจ้านางมณีรินมากขึ้นทุกวัน

 แต่โอกาสก็เข้าข้างบัวเงินเสมอ ครั้งหนึ่งบัวเงินจงใจผลักเจ้านางมณีรินตกน้ำ โดยตั้งใจจะให้เสียหน้าเฉย ๆ แต่เจ้านางมณีรินกลับจมน้ำเพราะว่ายน้ำไม่ไม่เป็น เจ้านางศิริวงศ์มาช่วยไว้ได้ทันเวลา ยิ่งทำให้ความผูกพันระหว่างเจ้านางมณีรินกับเจ้าศิริวงศ์กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ในงานถวายผ้าห่มพระธาตุ เจ้าหลวงและพระชายาสั่งให้เจ้านางมณีรินและบัวเงินแข่งขันกันทอผ้า บัวเงินใช้กลโกงในการทอ ทำให้เจ้านางมณีรินไม่มีฝ้ายในการทอผ้า แต่ในนาทีสุดท้ายนั้นเองเจ้าศิริวงศ์ซึ่งล่วงรู้แผนการของบัวเงิน ก็ขนฝ้ายจำนวนมากมาให้เจ้านางมณีริน ผลการแข่งขันได้หักหน้าบัวเงินอย่างแรง เพราะเจ้านางมณีรินเป็นฝ่ายถูกตัดสินให้เป็นผู้ชนะด้วยฝีมือปักผ้าแบบเชียงตุงเพิ่มเข้าไป บัวเงินสะสมความแค้นต่อเจ้านางมณีริน และยิ่งรู้สึกว่าเจ้าหลวงลำเอียงเอ็นดูเจ้านางมณีรินมากกว่า

อีเม้ย (ชุดาภา จันทเขตต์) ขี้ข้าคนสนิทของบัวเงิน ออกความคิดช่วยกำจัดเจ้านางมณีรินโดยใส่งูเห่าไว้ในกระชุดอกไม้ หวังให้งูกัดเจ้านางมณีริน แต่คนที่รับเคราะห์ถูกงูกัดคือเจ้าศิริวงศ์ เจ้านางมณีรินดูดพิษงูจากแขนเจ้าศิริวงศ์ โดยไม่กลัวความตาย ทั้งคู่รักกันมากขึ้น และอีเม้ยเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อีเม้ยถูกจับเฆี่ยนเพราะถูกจับได้ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เจ้านางมณีรินขอชีวิตอีเม้ยไว้ไม่ถือโทษเพราะถือว่าไม่มีหลักฐาน

เจ้าศิริวัฒนา สนใจในตัวบัวเงินน้อยลงทุกที อีเม้ยออกความคิดทำเสน่ห์ยาแฝด ซึ่งเป็นเรื่องผิดอาญาแผ่นดิน เจ้าศิริวัฒนาล้มป่วยเพราะโดนของ เจ้าศิริวงศ์และเจ้านางมณีรินล่วงรู้แผนการของบัวเงิน และกำจัดมนต์ดำนั้นได้ เจ้าหลวงไม่ค่อยสบาย แต่อาการดีขึ้นด้วยอาหารที่เจ้านางมณีรินจัดขึ้นถวาย เจ้าหลวงจึงมอบหมายให้มณีรินดูแลเรื่องอาหารตลอดไป

บัวเงินคุมแค้นและใช้โอกาสนี้ยอกย้อนเจ้านางมณีริน โดยใส่ยาพิษในอาหารหวังจะฆ่าเจ้าหลวง และกำจัดเจ้านางมณีรินไปพร้อม ๆ กัน อีเม้ยยอมเป็นฝ่ายรับเคราะห์แทนบัวเงิน โทษฐานวางยาเจ้าหลวง อีเม้ยฆ่าตัวตาย โดยสั่งเสียบัวเงินไว้ว่าวิญญาณของตนจะอยู่รับใช้บัวเงินตลอดไป บัวเงินล่วงรู้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเจ้านางมณีรินกับเจ้าศิริวงศ์เพราะผีอีเม้ย บัวเงินแฉเรื่องเลวร้ายนี้ หวังให้เจ้าศิริวัฒนากำจัดเจ้านางมณีริน เจ้าศิริวัฒนาโกรธจัดแต่เมื่อทั้งเจ้านางมณีรินและเจ้าศิริวงศ์ ยอมรับความจริง และขอให้เจ้าศิริวัฒนา เห็นใจในความรักแท้ เจ้าศิริวัฒนาก็อ่อนลง

วันสงกรานต์ เจ้าศิริวงศ์นัดพบเจ้านางมณีริน ผีอีเม้ยเข้าสิงครอบงำเจ้าศิริวัฒนาตามไปและพลั้งมือฆ่าเจ้าศิริวงศ์ เจ้านางมณีรินเสียใจอย่างหนัก ต้องการตายตามชายที่รัก เจ้าศิริวัฒนารู้สึกผิดที่พลั้งมือฆ่าน้องชาย แต่ต้องการไถ่โทษด้วยการแต่งงานและดูแลเจ้านางมณีรินอย่างดีที่สุด เจ้าศิริวัฒนาออกคำสั่งให้เจ้านางมณีรินทอผ้าตุ๊มเพื่อให้ใช้ในพิธีแต่งงาน เจ้านางมณีรินมิได้ขัดขืน ตั้งใจทอผ้าตุ๊มให้เสร็จโดยหวังจะใช้ผ้าผืนนี้ผูกคอตายตามเจ้าศิริวงศ์ บัวเงินขัดขวางเจ้านางมณีริน กรอกยาพิษจนเจ้านางมณีรินขาดใจตายคากี่ทอผ้า เจ้าศิริวงศ์ตรอมใจและตายตามในที่สุด

บัวเงินเหมือนอยู่ในนรกตลอดเวลาเจ็ดสิบปี เมื่อเจ้านางมณีรินกลับมาเกิดใหม่ในฐานะเรริน บัวเงินจึงยังคุ้มแค้น บัวเงินและผีอีเม้ยขัดขวางเรรินทุกวิถีทางไม่ให้เรรินทอผ้าผืนนั้นเสร็จ แต่ด้วยความช่วยเหลือของทั้งศิริวัฒนาและสุริยวงศ์ เรรินก็ทอผ้าผืนนั้นเสร็จสมบูรณ์จนได้ บัวเงินสั่งผีอีเม้ย เข้าสิงธนินทร์เพื่อจับตัวเรรินไปฆ่า เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน ...รอยไหม

รายชื่อนักแสดง ละคร รอยไหม

สุริยวงศ์, เจ้าศิริวงศ์ รับบทโดย --อธิชาติ ชุมนานนท์
เรริน,เจ้านางมณีริน รับบทโดย --ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
เจ้าสิริวัฒนา รับบทโดย --ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ธนินทร์ รับบทโดย --เจสัน ยัง
หม่อมบัวเงิน(วัยชรา) รับบทโดย --พิศมัย วิไลศักดิ์
หม่อมบัวเงิน(วัยสาว) รับบทโดย --เมย์ เฟื่องอารมย์
วันดารา รับบทโดย --อรอนงค์ ปัญญาวงศ์
วงพระจันทร์ รับบทโดย --พิมลรัตน์ พิศลยบุตร
สรัญญา รับบทโดย --ธนิดา กาญจนวัฒน์
พรรณวรินทร์ รับบทโดย --รัชนี ศิระเลิศ
คำเที่ยง(วัยชรา) รับบทโดย --น้ำเงิน บุญหนัก
คำเที่ยง (วัยสาว) รับบทโดย --สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ
ไหมแม รับบทโดย --วราพรรณ ทรัพย์ธนะอุดม
อีเม้ย รับบทโดย --ชุดาภา จันทเขตต์
เจ้าหลวง รับบทโดย --เผ่าทอง ทองเจือ
พระชายา รับบทโดย --ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ
สล่าพันธ์ รับบทโดย --เกรียงไกร อุณหะนันท์

รอยไหม ตอนที่ 1

ในห้องจัดแสดงผลงาน แกลลอรี่แห่งหนึ่ง มีการจัดแสดงผ้าทอ งานหลายชิ้นมีริบบิ้นสีแดงติดกำกับเอาไว้เพื่อแสดงว่าผลงานชิ้นนั้นได้ถูกจองแล้ว ในงานมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานเปิดนิทรรศการมากมาย ธนินทร์ ยืนคุยอยู่กับลูกค้าต่างชาติ ความสนใจของคนทั้งคู่อยู่ที่ผ้าผืนเด็ดสุดของงาน ซึ่งแขวนอยู่บนผนังด้านในสุด และเด่นที่สุด
“The whole year, she concentrated on weaving that piece, so that one is the masterpiece!”
ธนินทร์บรรยาย ลูกค้าฝรั่งฟังด้วยความทึ่ง ขณะเดียวกัน เรริน กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวทีวีสายศิลปะ-วัฒนธรรม
“ดิฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายค่ะ ถ้างานผ้าทอมือจะต้องสูญหายไป เพราะ ผ้าทอผืนนึงบอกเล่าอะไรๆ ได้มากมาย ทั้งศรัทธา ความเชื่อ ชีวิตความเป็นอยู่ สังคมของกลุ่มคนที่ทอผ้านั้นๆ ดิฉันเชื่อว่าผ้าทอทุกผืนมีชีวิตจิตใจ เพราะ อย่างน้อยที่สุดกว่าผ้าซักผืนนึงจะทอเสร็จ คนที่ทอจะต้องใส่หัวใจ และความรักที่จะทอลงไปในผ้าทอผืนนั้นค่ะ”
เรรินยิ้มให้นักข่าว
+ + + + + + + + + +

ที่บ้านบัวเงิน
 
ผ้าซิ่นโบราณ ถูกคลี่ออก เพื่อผึ่งรับลมและขยับเปลี่ยนรอยพับ ด้วยฝีมือของวันดารา ซึ่งสาละวนกับการรื้อผ้าโบราณออกมาจากหีบเก็บผ้า
“ยิ่งดูก็ยิ่งงาม ผ้าพวกนี้หาที่ไหนบ่ได้อีกแล้วนะเจ้าคุณย่า ผ้าในพิพิธภัณฑ์ยังบ่งามเท่านี้เลย”
บัวเงินซึ่งนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้โยกมุมนึงที่เป็นมุมโปรด หันหน้าสู่หน้าต่างซึ่งมีลูกกรงเหล็กกั้น
“รื้อออกมาทำไมให้มันรกบ้านช่อง เจ้านี่จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องนะวันดารา ข้าให้มาช่วยทำความสะอาดเรือนเฉยๆ ไม่ใช่ให้มารื้อข้าวของของข้า”
“แต่ผ้าเก่าพวกนี้ต้องเอาออกผึ่งลมบ้างนะเจ้าคุณย่า ไม่อย่างนั้นมันจะกินตัว”
บัวเงินไม่ใสใจ
“มันจะกินตัวผุพังยังไงก็ช่างมัน
“ถ้าคุณย่าบ่ใคร่จะเก็บมันไว้แล้ว งั้นข้าเจ้าขออนุญาตคุณย่า...”
บัวเงินมองค้อน
“ฝันไปเหอะวันดารา ขืนข้ายกผ้าหีบนั้นให้เจ้า เจ้าก็บ่พ้นเอาไปขายกิน บ่ฮู้จัก อับอาย ทำตัวเยี่ยงแม่ค้าข้างถนน ขายได้ทุกอย่าง แม้แต่สมบัติปู่ย่าตายาย”
“ข้าเจ้าบ่ได้คิดจะเอาไปขาย แค่อยากจะนำไปเก็บฮักษาไว้ให้ดี ให้ละอ่อนรุ่นหลังได้ศึกษาชื่นชมบ้างเท่านั้นเองเจ้าคุณย่า”
“ให้พูดหวานหูดูดียังไง ข้าก็บ่เชื่อเจ้าดอก”
วันดาราจำใจสงบปากสงบคำ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะรู้นิสัยบัวเงินดี”
“สมบัติทุกชิ้นของข้า ข้าจะยกให้หลานชายข้าคนเดียว”
พูดได้เท่านั้น สุริยวงศ์ขึ้นเรือนมาพอดี วันดาราหันไปยิ้มให้น้องชาย
“อายุยืนจริง คุณย่าเพิ่งพูดถึงเธออยู่พอดีเลย สุริยะ”
“ผมเพิ่งเคลียร์งานที่ร้านเสร็จน่ะครับ”
สุริยวงศ์ตรงเข้ามากราบที่ตักบัวเงิน
“ไหว้พระเถอะหลาน ย่านึกว่าเจ้าจะบ่มาเสียแล้ว”
“ผมบ่ลืมดอกครับว่านัดคุณย่าเอาไว้”
“มาหาย่าบ่อยๆ ไม่ยังงั้นวันดารามันจะลักขโมยของโบราณย่าไปซะหมด ผ้าหีบนั้นน่ะมันอยากได้จนตัวสั่น ผ้าพวกนั้นน่ะย่าจะยกให้เจ้านะ”
วันดาราขำๆ
“สุริยะเปิ้นจะเอาไปยะหยังคุณย่า เปิ้นเป็นผู้บ่าว”
“เปิ้นก็เอาไว้หื้อเมียเปิ้นซิ”
“วงพระจันทร์น่ะเหรอเจ้าจะมาสนใจผ้าโบราณ คุณย่ามองคนผิดเสียแล้ว”
“จะใดก็ช่าง แม่ญิงที่จะมาเป็นหลานสะใภ้ย่า ก็ต้องฮักแล้วก็ภูมิใจในสายเลือดล้านนาของเฮาเน้อหลานเน้อ”
“ครับคุณย่า”สุริยวงศ์ยิ้มให้อย่างเอาใจ
+ + + + + + + + + + + +

ในห้องจัดงานแสดง...

เรรินยืนคุยอยู่กับแขกรับเชิญที่ชื่นชมผลงาน
“ครูของดิฉันจริงๆ ก็คือ บรรดาชาวบ้านตามชนบทที่ยังทอผ้ากันอยู่นั่นแหละค่ะ จะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สุดเลยถ้าภูมิปัญญาที่มีค่าพวกนี้ค่อยๆ หายไปจากแผ่นดิน”
ธนินทร์พาชาวต่างชาติเข้ามา
“ขอโทษนะครับ ขอตัวเจ้าของงานหน่อยนะครับ”
แขกรับเชิญปลีกตัวออกไป
“ริน...ฌองเขาเป็นดีลเลอร์ เขามีแกลลอรี่ในปารีส เขาชอบงานของรินมากเลยนะ”
“Thank you”เรรินยิ้มให้
ธนินทร์ยิ้มพอใจ
“รินจะดังใหญ่แล้วนะ เพราะเขาจะซื้องานของรินหลายชิ้น ถ้ารินจะขายชิ้นนั้นให้เขาไปด้วย”
ธนินทร์ชี้ไปที่งานมาสเตอร์พีซ เรรินอึ้งไป
“ก็รินบอกแล้วไงคะว่าชิ้นนั้นรินไม่ขาย”
“โอกาสดีๆ มาถึงแล้ว รินจะเก็บมันไว้ทำไม ขายไปเถอะ ผมบอกเขาไปแล้วว่าถ้าได้ถึงแปดพันยูเอสรินก็ปล่อย”ธนินทร์บอก
“ไม่ค่ะ ยังไงรินก็ไม่ขาย”
“Any problem?”ฝรั่งถาม
“Sorry, that one is not for sale”
ธนินทร์มองคู่หมั้นอย่างไม่พอใจ
“I made a big mistake. She wants one hundred thousand dollars.”
เรรินหันไปถาม
“ธนินทร์ คุณพูดยังงั้นได้ยังไง”
“A hundred thousand?! Oh… too much.”
“No matter what he told you,I insist my word …not for sale! Sorry.”
เรรินขุ่นมัวจนรู้สึกว่าไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไป เดินหนีออกไปทันที”
“ริน...ริน”
ธนินทร์วิ่งตามไป ฝรั่งยักไหล่ เบ้ปากใส่เรริน
+ + + + + + + + + + + +
 
(อ่านต่อหน้าที่ 2 )














+ + + + + + + + + + + +
เด็กยกถาดของว่างกินกับน้ำชาบ่าย เข้ามาคุกเข่าลงเสิร์ฟบนโต๊ะ วันดารารินน้ำชา เสิร์ฟบัวเงินและสุริยวงศ์
“เป็นหยังเจ้าบ่ชวนวงพระจันทร์มากินน้ำชากับย่า”บัวเงินถาม
สุริยวงศ์สบตากับวันดาราแวบนึง
“รู้สึกว่าเปิ้นบ่อยู่เชียงใหม่ครับ บินไปกรุงเทพสองสามวันแล้วครับคุณย่า”
“ไปทำไมบ่อยๆ กรุงเทพมีอะไรดีนักหนา”บัวเงินน้ำเสียงไม่พอใจ
“เปิ้นเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องขยันไปเปิดหูเปิดตาดูธุรกิจของผู้อื่นบ้างละเจ้า”วันดาราอธิบาย
“ใครถามเจ้าเรอะ วันดารา”
วันดาราจ๋อย สงบปากได้ทันที ก้มหน้าจิบชา บัวเงินทอดถอนใจ
“วงพระจันทร์น่ะอะไรๆ ก็ดีอยู่หรอก เสียอยู่อย่างเดียว ปรู๊ดปร๊าดไปหน่อย แต่จะว่าไปแล้วย่าก็ไม่เห็นใครจะสมกับเจ้ามากไปกว่าวงพระจันทร์หรอก เพราะอย่างน้อยก็สายเลือดเจ้าล้านนาเหมือนกัน”
“คุณย่าครับ เรื่องแบบนี้คงต้องดูกันไปอีกนาน ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ”
“ย่ารู้...คนหัวสมัยใหม่อย่างเจ้า ก็คงอยากจะเลือกเมียด้วยตัวเอง ถึงเจ้ากับวงพระจันทร์จะบ่มีวาสนาต่อกัน ก็จงจำคำย่าเอาไว้ จะหาเมียก็อย่าให้ได้แม่ญิง ต่ำต้อยกว่าวงพระจันทร์ เพราะเจ้าต้องภาคภูมิใจ๋ในชาติกำเนิดของเจ้าให้มากๆ เข้าใจคำย่าก๊า”
“เข้าใจครับ คุณย่า”สุริยวงศ์บอกอย่างเอาใจ
+ + + + + + + + + + + +

ธนินทร์มีปากเสียงกับเรริน ตั้งแต่หน้าบ้านจนเข้ามาถึงในบ้าน
“โอกาสดีๆอย่างนี้ จะมีมาซักกี่ครั้ง รินคิดดูบ้างรึเปล่า แปดพันเหรียญ มันก็ตั้งสองแสนกว่า ผ้าทอมั่วๆ ชิ้นนึงขายได้ตั้งเป็นแสนๆ ไม่ขายก็โง่แล้วนะริน”
“คุณอย่ามาดูถูกงานของรินนะ”
พรรณวรินทร์ออกมาจากข้างใน เพราะได้ยินเสียงดังทะเลาะกัน ธนินทร์มองเรรินอย่างหงุดหงิด
“โอเค...จะว่าผมตาไม่ถึงก็ได้ แต่รินจะมัวไปกอดมันไว้ทำไมกะอีแค่ผ้าผืนเดียว ขายไปแล้วทอเอาใหม่กี่ผืนก็ได้ รินเก่งจะตาย”
“บางทีเงินก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตหรอกนะคะ”
“อ้าว แล้วไอ้ที่หลังขดหลังแข็งนั่งทอผ้าอยู่เป็นปีๆ นี่มันไม่ใช่เพื่อเงินรึไง”
เรรินกำมือแน่นเครียดขึ้นทุกที
“คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก ธนินทร์”
“เออ...ไม่เข้าใจจริงๆว่ะ...ให้ตายสิ”
เรรินวิ่งหนีขึ้นข้างบนไปทันที
“ริน...ริน...ลงมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
พรรณวรินทร์เดินมาดู
“มีเรื่องอะไรกัน ธนินทร์ถอนใจเฮือก
“ลูกค้าฝรั่งจะขอซื้อผ้าชิ้นใหญ่ ให้ราคาตั้งสองแสนกว่า แต่รินเขาไม่ยอมขาย อย่างนี้โง่หรือบ้ากันแน่ครับ ลูกสาวคุณแม่”
พรรณวรินทร์มองธนินทร์อย่างไม่ชอบใจนักที่ว่าเรรินอย่างนั้น แต่ก็ตีดสินใจที่จะเงียบ ธนินทร์จึงกลับไปอยางไม่พอใจ
+ + + + + + + + + + + +

รินเทยาแก้ไมเกรนออกจากขวด แล้วกินยา หลังจากนั้นดื่มน้ำตาม พรรณวรินทร์เปิดประตูเข้ามา
“ริน...”
“ธนินทร์เขากลับไปแล้วใช่ไหมคะแม่”
พรรณวรินทร์พยักหน้า
“ธนินทร์เขาก็คงหวังดีนะลูก แม่ว่าเรื่องแบบนี้น่าจะค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันได้”
เรรินส่ายหน้า
“ยากค่ะแม่... เขามองทุกอย่างเป็นธุรกิจ คบกันมาตั้งหลายปี แต่เขาเหมือนไม่รู้จักตัวตนแท้ๆของรินเลย อย่างนี้ก็คงไปด้วยกันไม่รอดหรอกค่ะแม่”
“เขาก็คงแค่คิดอยากจะช่วยรินจัดการโน่นนี่เท่านั้นมังลูก คิดซะว่าเขาหวังดี”
“แต่ถ้าล้ำเส้นมาถึงขนาดจัดการกับชีวิตรินด้วย รินก็คงรับไม่ได้หรอกนะคะแม่”
พรรณวรินทร์พูดไม่ออก เพราะเข้าใจลูกดี
+ + + + + + + + + + + +

ห้องหนึ่งของบ้านบัวเงิน ถูกปิดตายไว้นานแล้ว สาวใช้พยายามไขกุญแจห้องดอกแล้วดอกเล่า แต่ก็ไขไม่ออก
“ไขบ่ออกเจ้า กุญแจกี่ดอกๆ ก็ไขบ่ออก”
สาวใช้หันมาบอกวันดาราที่ยืนรออยู่
“เจ้าไขบ่ดีน่ะสิ ดอกนี้ลองรึยัง”
วันดาราหยิบกุญแจขึ้นมาดอกหนึ่งซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เปิดได้
“ลองแล้วเจ้า”
“ถอยออกมา พี่จะไขเอง”
วันดาราสอดกุญแจไขแม่กุญแจ ไขไปมาอย่างยากเย็น เพราะเหมือนฝืดราวกับไม่ได้ไขเปิดมา ชั่วนาตาปี สุดท้ายความพยายามก็เป็นผล เสียงดังคลิก
“มันฝืดหน่อยเท่านั้นเอง คุณย่าคงไม่ได้เปิดห้องนี้มานานแล้ว”
วันดาราจะปลดกุญแจออก ทันใดเสียงบัวเงินดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
“เจ้าทำอะไรน่ะ วันดารา”
วันดาราตกใจกับเสียงดุดัน หันไป บัวเงินหน้าตาดุดันเดินเข้ามา สุริยวงศ์ก้าวตามแทบไม่ทัน
“ใครใช้ให้เปิดห้องนี้”
“ข้าเจ้าเห็นว่าห้องนี้บ่เคยได้เปิดเข้าไปทำความสะอาดเลย ฝุ่นคงจะหนาเตอะ”
“สู่รู้...คล้องกุญแจไว้อย่างเดิมเดี๋ยวนี้”
วันดาราล็อคกุญแจคล้องดังเดิม บัวเงินดึงพวงกุญแจไปจากมือวันดารา
“ทีหลังข้าบ่ได้สั่ง ก็บ่ต้องวุ่นวาย”
วันดาราจ๋อย สุริยวงศ์ช่วยพูด...
“พี่วันเปิ้นหวังดี ไหนๆ มาทำความสะอาดทั้งที ก็คงอยากให้สะอาดทุกห้องนะครับคุณย่า”
“อยากจะทำห้องไหนก็ทำไป บ่ต้องมายุ่งกับห้องนี้”
“เจ้า”
วันดาราเดินเลี่ยงออกไปกับเด็กๆ
“ตั้งแต่ผมเด็กๆ ห้องนี้ก็ถูกปิดตายมาตลอด ห้องอะไรเหรอครับคุณย่า”
“ห้องเก็บของธรรมดา บ่มีอะหยัง”
บัวเงินเดินออก สุริยวงศ์ตาม แต่ก็สนใจห้องที่ปิดตายนั้นไม่น้อย
สุริยวงศ์ไม่รู้เลยว่า ภายในห้องนั้น เต็มไปด้วยหยากใย่ มุมห้องด้านนึง ตั้งโต๊ะเครื่องเซ่น มีซากกระดูกสัตว์มากมายเกลื่อนโต๊ะ มีสียงลมหายใจฟืดฟาด เหมือนเสียงลมหายใจของสัตว์มากกว่าของคนดังแว่วมา!
+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์ กับวันดาราไปที่ร้านอาหารด้วยกัน สุริยวงศ์เห็นพี่สาวไม่ค่อยสบายใจก็ปลอบ
“เอื้อยอย่าไปถือสาคุณย่าเปิ้นเลยนะครับ เปิ้นก็เป็นของเปิ้นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
วันดาราพยักหน้า
“เอื้อยรู้ ถึงได้สงสารเปิ้นไง ลูกหลานก็ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ใครๆ ก็พากันเข้าหน้าไม่ติด เพราะเปิ้นดุยังกะอะไรดี ก็มีแต่สุริยะคนเดียวนี่ละมังที่เป็นคนโปรดของเปิ้น”
“โธ่...พี่วัน อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ”
“เปิ้นหวังในตัวสุริยะมากนะ แล้วจะทำให้เปิ้นผิดหวังไหมล่ะเรื่องวงพระจันทร์น่ะ”วันดารากระเซ้า
“ผมเห็นวงพระจันทร์ เป็นแค่เพื่อนคนนึงมากกว่าครับ พี่วัน”
“เจ้าตัวมาได้ยินจะว่ายังไงหนอ...เล่นขีดเส้นเอาไว้แค่เพื่อนเสียแล้วอย่างนี้”
“การจะเลือกใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตเรา มันบ่แม่นเลือกเสื้อผ้าสิ่งของมาสวมมาใส่นี่ครับ พี่วัน”
“งั้นพี่ขอถามตรงๆ ถ้าบ่ใช่วงพระจันทร์ งั้นตอนนี้สุริยะมองใครอยู่ละน้อง”
“บ่มีผู้ใดดอกครับ พี่วัน”
“ไปอยู่ฝรั่งเศสมาเป็นสิบปีก็บ่มีผู้ใดในใจงั้นเหรอ”
“เอื้อยคิดว่าแปลกบ่ล่ะครับ”
“จะว่าแปลกมันก็แปลกอยู่”
“ผมรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ว่ามีใครบางคนรอคอยผมอยู่ และผมเองก็รอคอยที่จะเจอแม่ญิงคนนั้นด้วยครับ เพียงแต่ผมบ่ฮู้ว่าเมื่อใดเราจะได้พบกันเท่านั้นเองครับพี่วัน”
สุริยวงศ์ มองดอกปีบบนต้นใหญ่ที่ออกดอกบานขาวเต็มช่อ อย่างมีความหวังว่าจะได้พบใครคนนั้นที่รอคอย....
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่ ภายในมหาวิทยาลัย...
ดอกปีบร่วงลงพื้นทางเดินจนขาวโพลน เรรินเดินเข้ามาถึงหน้าตึก จะเหยียบย่ำลงไปบนดอกปีบก็ใจไม่ร้ายพอ ก้มลงเก็บดอกปีบขึ้นมาได้หลายดอก แล้วจะเดินเข้าตึก ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว ไม่มีนักศึกษา มีแต่อาจารย์และเจ้าหน้าที่มาทำงาน
สรัญญาเดินคุยมากับเพื่อนอาจารย์สวนมาจากอีกทาง
“ไปหารถเช่าเอาที่โน่นดีกว่าค่ะพี่ต้อย ให้นั่งรถไฟจากกรุงเทพตายกันพอดี นั่งเครื่องไปเม้าท์กันไม่ทันจบก็ถึงแล้ว”
เรรินขี้เกียจเผชิญหน้ากับกลุ่มช่างเม้าท์ รีบเลี่ยงเดินเข้าตึก สรัญญาเห็นเข้าพอดี ถามเสียงดัง
“ไงจ๊ะแม่ค้า ได้ข่าวว่าผ้าขายดิบขายดี”
เรรินชะงัก เอะใจว่าคำพูดแขวะๆ กัดๆนั้นต้องหมายถึงตัวเองแน่ หันกลับไปมอง
“เขาลือกันว่า เปิดนิทรรศการวันแรกก็ขายจนแทบหมดเลยเหรอจ๊ะน้องริน”
“ไม่ถึงกับยังงั้นหรอกค่ะพี่ต้อย”
สรัญญาแย้งทันที
“น้อยไปสิคะ พี่ต้อยขา รินเขาเป็นนักการตลาดตัวแม่เชียวละ ผ้าชิ้นเดียวขายได้ตั้งหลายแสน อิ่มไปเป็นปี แค่เล่นละครนิดหน่อยว่าของรักของหวง ไม่อยากขาย ลูกค้าหน้าโง่ที่ไหนก็ยิ่งอยากได้จนตัวสั่นล่ะค่ะ”
สรัญญายิ้มเยาะใส่เรริน แล้วเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนอาจารย์ เรรินเดินแยกออกมาขึ้นบันได ไม่อยากจะใส่ใจคำพูดสรัญญา แต่แล้วต้องชะงัก...สรัญญารู้อะไรๆ มากไปหน่อยแล้วละมัง เรรินหันกลับไปทางกลุ่มสรัญญา แต่ทั้งหมดก็ไปไกลกันแล้ว เรรินเอะใจอย่างหนัก ต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นแน่ เธอรีบกลับไปที่ห้องจัดงานแสดงทันที
เรรินวิ่งผ่านห้องจัดแสดงงานศิลปะต่างๆ มาจนถึงห้องแสดงผลงานตัวเอง เรรินผลักประตูเข้าไป ใจลุ้นระทึก เรรินวิ่งผ่านผ้าผืนต่างๆ ที่ดิสเพลย์ทิ้งลงมาจากเพดาน จนมาหยุดอยู่หน้าผืนผ้าชิ้นสำคัญที่ไม่ยอมขาย ผนังจุดที่เคยแขวนโชว์ผ้าผืนนั้นว่างเปล่า ผ้าผืนนั้นหายไปเสียแล้ว เรรินหัวใจสลาย แทบหมดเรี่ยวแรง
 
++++++++++++++
 ภายในห้องประชุมฝ่ายการตลาด บริษัทโฆษณา ธนินทร์ ครีเอทีฟ และทีมงานบริษัทกำลังพรีเซนท์งาน  ถก วิจารณ์กันเอาเป็นเอาตาย
 “ผมว่าแทนที่จะใช้เด็กใหม่ ใช้ดาราคนนั้นดีกว่า กระแสกำลังแรง ยังไงคนดูก็สนใจ ถึงใครจะมองว่ากระแสมันจะเป็นด้านลบ เราไม่เห็นจะต้องแคร์อะไรเลย ในเมื่อกลุ่มลูกค้าครีมตัวนี้ทุกคนก็อยากสวยเซ็กซี่เหมือนดาราคนนี้”
 เรรินผลักประตูเข้ามาในห้องประชุม ทุกคนหันไปมอง
 “ขอโทษนะคะ ธนินทร์คะ”
 “อ้าว ริน มายังไงครับนี่”ธนินทร์บอกกับกับทุกคน “นี่คู่หมั้นผมเองครับ”
 เรรินไม่สนใจ
 “รินมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณค่ะ”
 “ผมประชุมงานอยู่ รินคอยอีกซักชั่วโมงนึงได้ไหม”
 “งั้นคุณแค่ตอบมาคำเดียว ว่าคุณขายผ้าผืนนั้นของรินไปใช่ไหม”
 ธนินทร์ยังร่าเริงกับทุกคน
 “คู่หมั้นผมเขาเป็นเท็กซ์ไทล์อาร์ทิส งานเขาอีกซักพักคงจะดังระดับโลก”
 “ใช่ไหม ธนินทร์”เรรินเสียงดังขึ้น
 “รินไม่ต้องกลัวหรอกน่า เย็นนี้ผมจะเอาตังค์เข้าไปให้ที่บ้าน ฌองมันจ่ายเป็น ดอลล่าร์ เผลอๆ แลกเป็นเงินบาทตอนนี้ได้กำไรอีก”บอกแล้วธนินทร์ไม่สนใจเรรินอีก หันไปบอกกับทุกคน “เมื่อกี๊ผมพูดถึงไหนแล้วนะ”
 “ขอบใจมากนะคะธนินทร์ วันนี้คุณทำให้รินตัดสินใจอะไรๆ ได้เยอะทีเดียว”
 เรรินมองธนินทร์ที่หันกลับมาสบตา แล้วเดินออกไปจากห้องทันที...
 “แค่ผ้าผืนเดียว เอามาปูพื้นมันก็ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วธรรมดาๆ บังเอิญฝรั่งตาถั่วมันมาขอซื้อสามแสน เป็นพวกคุณ พวกคุณจะขายไหม”ธนินทร์พูดกับเพื่อนร่วมงานขำๆ
 + + + + + + + + + + + +

 เรรินกลับมาที่บ้าน แล้วเก็บเสื้อผ้าใส่เป้เตรียมจะเดินทาง พลางเล่าให้พรรณวรินทร์ฟังไปด้วย พรรณวรินทร์พยายามปลอบ
 “ธนินทร์เขาคงหวังดีต่อลูกนะ ใจเย็นๆ หน่อยเถอะริน”
 เรรินเช็ดน้ำตาไปพับผ้าไป
 “รินไม่ถือว่านี่คือความหวังดีค่ะแม่ เขาเข้ามาก้าวก่ายกับชีวิตรินมากเกินไปแล้ว รินรับไม่ได้ค่ะ”
 “เอาไว้แม่จะคุยกับเขาให้เองก็ได้”
 “ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะแม่ เพราะรินตัดสินใจแล้ว รินกับเขาคงไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆ”
 “อย่าให้ถึงกับถอนหมั้นเลยนะลูก อุตส่าห์คบหากันมาตั้งหลายปี”
 เรรินรูดปิดกระเป๋าเป้ไม่โต้ตอบอะไรอีก
 “แล้วนี่ลูกจะไปถึงไหน”
 “รินก็ยังไม่ทราบค่ะแม่...แต่รินจะโทรกลับมา แม่ไม่ต้องเป็นห่วงรินนะคะ รินดูแลตัวเองได้ รินขอแค่ไม่ต้องเห็นหน้าเขา ขอเวลาให้รินได้สงบสติอารมณ์ ไปให้ไกลจากกรุงเทพซักพักเท่านั้นเองค่ะแม่”
 พรรณวรินทร์เข้ากอดเรรินไว้อย่างสงสารลูก
 + + + + + + + + + + + +

 สุริยวงศ์ดื่มกาแฟรออยู่มุมหนึ่งของรีสอร์ท ภูหมอก-ทะเลดาว ซึ่งเป็นรีสอร์ทเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ไม่นานนักวันดาราหิ้วตะกร้าปิคนิคออกมาวางลง
 “ของกิน ของว่าง ผลไม้ พี่เตรียมไว้ให้ในตะกร้านี่นะ”
 สุริยวงศ์มองตะกร้าแล้วยิ้ม
 “โธ่...ลำบากเปล่าๆ ครับพี่วัน”
 “พี่ต่างหากเป็นฝ่ายรบกวนเธอ ความจริงพี่ต้องเป็นคนไปส่งแขกสองคนนี่ที่แม่แจ่มด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าแขกกรุ๊ปใหญ่จะเข้าเช็คอินบ่ายนี้”
 “เรื่องเล็กครับพี่วัน ผมตั้งใจจะไปดูผักกับผลไม้แถวนั้นเข้าร้านอยู่แล้ว แค่แวะไปส่งแขกพี่ที่เกสต์เฮ้าส์แม่แจ่มเท่านั้นเอง พี่วันจะให้ผมเอาอะไรกลับมาจากแม่แจ่มรึเปล่าครับ”
 “ไหนๆ ก็ไปแล้ว ฝากแวะที่เฮือนแม่อุ๊ยคำฟองให้พี่ด้วย บอกเปิ้นว่าผ้าที่สั่งทอไว้ได้กี่ผืนก็ให้ฝากมากับเธอก็แล้วกัน”
 “ครับพี่วัน”
 “แขกมาพอดี ขับรถดีๆ ล่ะ...เชิญเจ้า รถจอดอยู่ทางโน้นเจ้า”
 สุริยวงศ์ช่วยลูกค้าขนกระเป๋าขึ้นท้ายรถโฟร์วีล แล้วขึ้นรถทำหน้าที่คนขับ ขับรถออกไป
 + + + + + + + + + + + +

 เรรินเดินเล่นที่วัดแม่แจ่ม เธอถ่ายรูปด้วยความสนใจ เพราะตื่นตาตื่นใจ กับวิถีชีวิตที่ยังเหนียวแน่นต่อพุทธศาสนา และที่สำคัญ คนส่วนใหญ่ที่มานุ่งซิ่น แต่งตัวพื้นเมืองกันอย่างน่าชื่นชม
 ออกจากวัด เรรินไปเดินดูตามหมู่บ้าน ชมมัดฝ้ายสีสันละมุนตาหลาก สีที่เพิ่งถูกย้อมด้วยสีธรรมชาติ ถูกแขวนตากให้แห้งในราว ไม้ไผ่ยาว เรรินเดินดูความน่ามหัศจรรย์ของสีสันบนเส้นฝ้าย แล้วเลือกมุม หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพ ได้มุมน่าพอใจหลายภาพทีเดียว
 เรรินเดินไปดูหญิงชราจกลายผ้าด้วยขนเม่น เรรินก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างกี่
 “แล้วผืนนี้จะเสร็จเมื่อไรคะป้า”
 “อีกเดือนนึง...อันโน้นเสร็จแล้ว”หญิงชราบอก
 เรรินหันไปเห็นผ้าซิ่นที่สมบูรณ์ เย็บหัวตัวตีนเสร็จแล้วพับอยู่หลายชิ้น
 “ขอหนูชมหน่อยได้ไหมคะ”
 เรรินค่อยๆ คลี่ผ้าซิ่นตีนจกออกดูอย่างเบามือ
 “สวยจังเลย ขายผืนเท่าไรคะป้า”
 “ขายบ่ได้ ผ้านั่นมีเจ้าของแล้ว”
 “อ้าว...เหรอคะ เสียดายจัง”
 เรรินลูบคลำผ้าราวกับมันมีชีวิต ขณะเดียวกันสุริยวงศ์เข้ามา
 “สวัสดีครับ แม่อุ๊ย”
 “สวัสดี คุณสุริยะ”
 “พี่วันวานหื้อผมมารับผ้าที่ทอเสร็จแล้วน่ะครับ”
 “เจ้าของผ้าเปิ้นมาพอดี”หญิงชราบอกเรริน
 “ขอโทษค่ะที่ฉันถือวิสาสะ”
 “ไม่เป็นไรหรอกครับ ชมเถอะครับ”
 เรรินพับผ้าอย่างทะนุถนอม และส่งผ้าคืนให้ สุริยวงศ์รับผ้าคืนมา ทั้งคู่เห็นกันในระยะใกล้ สุริยวงศ์ถึงกับตะลึง
 “ผ้าของคุณงามมากค่ะ”
 สุริยวงศ์ใจเต้น ตะลึง ตอบได้คำเดียว
 “ครับ”
 “ของคุณวันยังมีผ้ารวงผึ้งอีกสามพับนะเจ้าคุณสุริยะ...อยู่ข้างใน”หญิงชราบอก
 “ครับ เดี๋ยวผมยกออกมาเองครับ แม่อุ๊ย”
 สุริยวงศ์เดินเข้าไปข้างใน เรรินหันมาบอกหญิงชรา
 “วันหลังหนูจะมาเยี่ยมอีกนะคะคุณป้า สวัสดีค่ะ”
 “สวัสดีเจ้า”
 เรรินเดินออกไป หญิงชราจะตามเข้าไปช่วยยกผ้า สุริยวงศ์หอบผ้าพับใหญ่ออกมาพอดี
 “ใช่กองนี้บ่ แม่อุ๊ย”
 “แต๊เจ้า” 
 สุริยวงศ์มองหาเรริน แต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว
 “แม่ญิงคนเมื่อกี้เปิ้นไปแล้วก๊า”
 “ไปแล้วเจ้า สงสัยเปิ้นจะเป็นนักท่องเที่ยวมากับหมู่”
 สุริยวงศ์ใจแป้วบอกไม่ถูก
 + + + + + + + + + + + +

 ธนินทร์นัดพบสรัญญาที่ร้านกาแฟ ธนินทร์เล่าเรื่องที่เรรินไม่พอใจให้ฟัง สรัญญายักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
 “พอเห็นเงินสดๆ เข้าจริงๆ เดี๋ยวก็หายโกรธ หายงอนไปเองน่ะแหละ เชื่อฉันสิ สอนหนังสือทั้งปียังได้เงินไม่เท่าขายผ้าชิ้นเดียวเลย ว่าแต่คุณจะหักค่านายหน้ากี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ”
 “ค่าเปลืองน้ำลายพ่นภาษาอังกฤษกับไอ้ฌอง คิดซักแสนนึงก็พอมั้ง”
 “ต๊าย แล้วจะเลี้ยงใหญ่ไหมเนี่ย”
 “เลี้ยงกาแฟถ้วยนี้ไง”
 “เลี้ยงทั้งทีให้อิ่มๆ หน่อยก็ไม่ได้”
 “อย่างอื่นคุณก็อิ่มทุกครั้งอยู่แล้วนี่”
 ที่ใต้โต๊ะ ขาสรัญญาเกี่ยวพันเขี่ยขาธนินทร์อยู่ สรัญญายิ้มให้...
 “ถามจริงๆเหอะ หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้ว คุณไม่รู้สึกเบื่อผู้หญิงชืดๆ อย่างเรรินบ้างเหรอ”
 “เรื่องหมั้นน่ะผู้ใหญ่เขาจัดการ ผมจะไปขัดได้ยังไง”
 “แต่งกันไปก็คงเซ็งตาย”
 “ไม่เซ็งหรอก รินเขาของตาย ก็เอาเก็บไว้ที่บ้าน ผมมีของเป็น เปรี้ยวเข็ดฟันอย่างคุณอยู่ทั้งคน จะกลัวอะไร”
 สรัญญายิ้มพอใจ
 + + + + + + + + + + + +

 สุริยวงศ์ขับรถกลับไปที่รีสอร์ท ระหว่างทาง เห็นชาวบ้านโบกรถอยู่ข้างถนนไกลๆ สุริยวงศ์จอดรถเข้าไปหา
 “มีอะหยังพ่อหลวง”
 “นักท่องเที่ยวเปิ้นมาบ่ทันรถเข้าเวียงเที่ยวสุดท้าย คุณสุริยะกำลังจะกลับเข้าเวียงแม่นก่อ หื้อเปิ้นอาศัยไปด้วยคนได้ก่อ”
 สุริยวงศ์พยักหน้า
 “ได้สิพ่อหลวง เปิ้นอยู่ไหนล่ะ”
 ชาวบ้านหันกลับไปตะโกนเรียก...
 “คุณครับคุณไปกับรถคันนี้ก็ได้ครับ เปิ้นจะเข้าเวียงพอดี”
 เรรินก้าวออกมา
 “ขอบคุณค่ะคุณลุง ขอบคุณมากค่ะ”เรรินไหว้ชาวบ้าน
 สุริยวงศ์ตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเป็นเรริน ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีกแล้ว เรรินตะลึงเหมือนกันเมื่อเห็นสุริยวงศ์
 “คุณน่ะเอง...รบกวนขออาศัยไปด้วยคนนะคะ”
 “เชิญครับ เชิญครับ”
 เรรินเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง สุริยวงศ์หันไปบอกชาวบ้าน
 “ไปเน้อ พ่อหลวง”
 สุริยวงศ์ขับรถแล่นไปตามทาง สุริยวงศ์เหลือบมองเรรินเป็นระยะ เรรินนั่งนิ่งเงียบ มองข้างทางเพลินๆ
 “คุณมาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ”สุริยวงศ์ชวนคุย
 “ค่ะ”
 “แม่แจ่มไกลขนาดนี้ คุณยังอุตส่าห์มา”
 “ฉันชอบเดินทางคนเดียวค่ะ ไม่ต้องมีใครเป็นภาระ แล้วก็ไม่ต้องเป็นภาระของใครด้วยค่ะ”
 สุริยวงศ์ทึ่ง
 “คุณมาจากกรุงเทพเหรอครับ”
 “ค่ะ แล้วคุณเป็นคนแม่แจ่มเหรอคะ”
 “เปล่าครับ ผมเป็นคนในเวียง...คือ...ในเมืองน่ะครับ แต่มีธุระต้องมาที่แม่แจ่มค่อนข้างบ่อย”
 “มิน่า...ใครๆถึงรู้จักคุณ ขนาดกล้าโบกรถให้ฉันอาศัยเข้าเมือง คนเดี๋ยวนี้ไม่รับใครขึ้นรถง่ายๆหรอกค่ะ”
 “แต่น้ำใจยังหาได้ง่ายๆ จากคนเชียงใหม่นะครับ”
 เรรินยิ้มตอบเล็กน้อย แล้วหันไปมองข้างทาง สุริยวงศ์แอบมองเรริน ที่ท้ายทอยที่มุ่นผมไว้หลวมๆ มีดอกปีบเสียบปักอยู่ คลอเคลียกับปอยผมที่รุ่ยร่ายพองาม
 + + + + + + + + + + + +

 รถแล่นเข้ามาในบริเวณโครงการหลวงหลวง ดอยอินทนนท์ สุริยวงศ์จอดรถ
 “ผมมีธุระต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่นี่นิดหน่อย ถ้าคุณไม่อยากรอที่รถจะเดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้นะครับ ทางโน้นเป็นน้ำตก”
 “ขอบคุณค่ะ”
 เรริน กับสุริยวงศ์ลงจากรถ สุริยวงศ์แยกไปทางนึง เรรินมองไปทางเดินสู่น้ำตก แล้วเดินไปตามทางนั้น เรรินเดินเข้ามายืนมองน้ำตกน้ำตกสิริภูมิ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้ง กว่าเรรินจะได้ยินเพราะเสียงน้ำตกกลบหมด เรรินล้วงหยิบโทรศัพท์ในถุงย่ามออกมาดู  แต่ไม่ยอมกดรับสาย ความเบิกบานที่พอจะมีเกิดขึ้นบ้างในวันนี้เหือดหายไป เพราะธนินทร์เป็นคนโทรมา เรรินกดสายทิ้ง แล้วเก็บโทรศัพท์ใส่ถุงย่าม
 เรรินยังยืนนิ่งมองน้ำตก คิดเรื่องปัญหาชีวิตตัวเอง สุริยวงศ์เดินเข้ามาด้านหลัง
 “คุณครับ เราไปกันเถอะครับ”
 เสียงน้ำตกดังจนเรรินไม่ได้ยิน
 “คุณครับ”
 เรรินยังนิ่ง สุริยวงศ์ตัดสินใจขยับเข้ามา เอื้อมมือมาแตะต้นแขน เรรินสะดุ้งหันมา
 “ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ เราไปกันเถอะครับ”
 “ค่ะ”
 เรรินเดินกลับไป สุริยวงศ์ตาม เมื่อไปที่รถ สุริยวงศ์รินกาแฟลงฝาถ้วยกระติก แล้วยื่นถ้วยกาแฟให้เรริน
 “เชิญครับ”
 “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เชิญคุณเถอะ”
 “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ กาแฟมีเต็มกระติกเลย”
 เรรินรับถ้วยมา
 “ขอบคุณค่ะ”
 สุริยวงศ์รินกาแฟใส่ถ้วยอีกใบให้ตัวเอง
 “ของว่างอยู่ในตะกร้านั่นแน่ะครับ”
 “ไม่เป็นไรค่ะ”
 “ช่วยกินหน่อยเถอะครับ เพราะถ้าขืนผมกลับไปของกินเต็มตะกร้า คนที่จัดมาให้คงงอนผมน่าดู คิดซะว่าช่วยผมก็แล้วกันนะครับ”
 เรรินตีความได้ว่าเขาต้องพูดถึงเมียของเขาแน่ๆ
 “ขอบคุณค่ะ”
 เรรินหยิบแซนด์วิชออกมาจากตะกร้าชิ้นนึง สุริยวงศ์เดินจิบกาแฟออกไปห่างๆ กลัวก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของหญิงสาวเกินไป เรรินหันไปมอง เห็นแต่ด้านหลังสุริยวงศ์ เรรินเดินเลี่ยงออกไปอีกมุม สุริยวงศ์หันกลับมาแอบมองเรริน สุริยวงศ์เห็นแต่ด้านหลังเรริน ต่างคนต่างอยู่คนละมุม
 ไม่นานนัก สุริยวงศ์ขับรถแล่นเข้าไปในเมือง
 “จอดให้ฉันลงแถวนี้ก็ได้ค่ะ”เรรินมองทางแล้วบอก
 รถจอดเข้าชิดข้างทาง
 “คุณจะไปไหนต่อ ผมไปส่งให้ก็ได้ครับ”
 “ฉันคงหาที่พักแถวนี้แหละค่ะ เกสต์เฮ้าส์มีตั้งหลายแห่ง”
 “ความจริง...”
 สุริยวงศ์กะจะแนะนำภูหมอก-ทะเลดาว แต่เรรินพูดขึ้นก่อน...
 “ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ให้ฉันอาศัยรถมาด้วย ขอบคุณสำหรับกาแฟแล้วก็ของว่างด้วยค่ะ”
 เรรินหอบกระเป๋าเป้ลงจากรถไปทันที สุริยวงศ์ได้แต่มองตาม จำใจออกรถ รถแล่นแซงเรรินขึ้นมา เรรินมองหาที่พัก ไม่ได้สนใจมองมาทางสุริยวงศ์อีกเลย สุริยวงศ์ทอดถอนใจ รู้สึกใจหายที่จะได้รู้จักเธอคนนี้แค่นี้...
 สุริยวงศ์สะดุดสายตากับสิ่งหนึ่ง บนเบาะที่นั่งข้างๆ ดอกปีบที่เคยเสียบผมเรรินตกอยู่ สุริยวงศ์เอื้อมมาเก็บปีบดอกนั้นไว้
 + + + + + + + + + + + +

 เรรินเดินผ้านวัดล้านนา เธอจึงเดินเข้าไป ไหว้พระพุทธรูปในวิหารงดงามด้วยศิลปะล้านนา ตุงที่ห้อยลงมายิ่งสร้างความอลังการให้กับสถานที่ เรรินกราบพระเสร็จ ยังหลับตาอยู่ ทันใดเสียงศิริวัฒนาดังขึ้น เหมือนกระซิบอยู่ที่ข้างหู...
 “น้องกลับมาแล้วหรือเจ้าริน”
 เรรินลืมตาขึ้นตกใจ เสียงใครบางคนดัง เหมือนกระซิบอยู่ข้างหูจริงๆ เรรินหันหลังขวับไปมอง นอกเขตวิหาร มองย้อนแสงออกไป เห็นชายหนุ่มคนนึงแต่งตัวแบบโบราณ ยืนยิ้มมองมาทางเรริน
 เรรินแปลกใจ หันกลับมามองรอบตัวว่าเขายิ้มให้ใคร แต่ภายในวิหารก็ไม่มีใคร นอกจากเธอคนเดียว เรรินหันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แต่ไม่เห็นใครแล้ว มีแต่ความว่างเปล่า เรรินแปลกใจตัวเองว่าเธอเห็นใคร หรือแค่ตาฝาดไป
 + + + + + + + + + + + +

 ที่ภูหมอก-ทะเลดาว...
 เด็กในรีสอร์ทช่วยกันขนผ้าจากแม่แจ่มเข้าไปข้างใน วันดาราเดินสวนออกมา
 “ขนไปเก็บในห้องทำงานพี่ก่อนเน้อ”
 สุริยวงศ์นั่งถอนใจอยู่มุมนึง รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก วันดาราเดินเข้ามาหา
 “กลุ้มใจอะไรนักหนา กลับมาก็ถอนใจเฮือกๆ”
 “ไม่มีอะไรหรอกครับพี่วัน แม่อุ๊ยคำฟองเปิ้นว่าอีกซักเดือนนึงน่าจะได้ผ้าซิ่นอีกผืนครับ”
 สุริยวงศ์ส่งผ้าซิ่นผืนที่เรรินลูบคลำให้วันดารา
 “หมดคนรุ่นนี้แล้ว ใครหนอจะมารับช่วง คนทอผ้างามๆ นับวันก็มีแต่จะล้มหายตายจากไป คนรุ่นใหม่ๆ ก็มีแต่ร่อยหรอ”
 “คนซื้อยังมี คนทอก็คงยังพอมีกำลังใจจะทอละครับพี่วัน ความจริงผ้าผืนนี้ตอนผมไปถึงก็มีผู้หญิงคนนึงท่าทางสนใจจะซื้ออยู่เหมือนกันครับ”
 “คนไทยหรือต่างชาติล่ะ”
 “คนกรุงเทพมังครับ แต่ผมว่าถ้าเปิ้นนุ่งผ้าผืนนี้ เปิ้นคงจะงามอย่างแม่ญิงเจียงใหม่”
 สุริยวงศ์ถอนใจ วันดารามองยิ้มๆ
 “ปี้ฮู้แล้ว ที่กลับมานั่งถอนใจเฮือกๆอยู่นี่ ก็เพราะแม่ญิงผู้นี้นี่เอง ใจ้ก่อ เปิ้นคงจะงามขนาดเลยเน้อ”
 “งามครับ งามแต๊ๆ งามขนาด”
 “ถ้าเปิ้นสนใจผ้าทอ แล้วได้หื้อนามบัตรปี้ไปก่อ”
 สุริยวงศ์เพิ่งนึกได้ สุดเซ็งตัวเอง
 “ผมบ่ทันได้นึกครับ โอย ผมนี่แย่ขนาด”
 “เอาล่ะ ปี้เชื่อแล้วว่าเปิ้นคงจะงามแต๊ๆ งามจนน้องของปี้ตะลึงจนคิดอะหยังบ่ออก เอาเต๊อะ คนเฮาถ้ามีวาสนาต่อกันก็คงจะได้ปะกันแหม อย่าพะวงหลงไหลจนเก็บเอาไปนอนฝันคืนนี้ก็แล้วกันเน้อ”
 วันดาราบอก ในขณะที่สุริยวงศ์รู้สึกคิดถึงเรรินอย่างจับใจ

(จบตอนที่ 1)
ติดตามอ่านตอนต่อไป เวลา 09.30 น. พรุ่งนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น