พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน อายผู้หญิง
แฮปปี้ฮอลล์ อันเป็นสถานที่บันเทิงทันสมัยในสไตล์ทันสมัย เมื่อปี พ.ศ. 2481 (1938) มีวงดนตรี jazz band ชื่อคณะนายสมพงษ์ เล่นเป็นวงประจำ มีพนักงานสาวสวยไว้เสิร์ฟอาหารและนั่งคุยกับแขก ในประเทศไทยคือสมัยของจอมพลป.พิบูลสงคราม
แฮปปี้ฮอลล์ ตั้งอยู่บนอาคารชั้นสอง บนถนนเยาวราช มีพื้นที่สาหรับวงแจ๊สแบนด์ ฟลอร์เต้นรำ มีโต๊ะนั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ตก แต่งด้วยไฟสีๆ วงดนตรี กำลังบรรเลงเพลง "นี่แหละสวรรค์" ในช่วงอินโทร ตามโต๊ะต่างๆมีคนนั่งแน่นขนัด มีสาวเสิร์ฟคอยนั่งคุยและนั่งบริการ
ชายหนุ่มรูปหล่อสองคน ในชุดสูทฝรั่งสีครีม แต่งตัวคล้ายกันราวกับลูกแฝด เดินเข้าประตูแฮปปี้ฮอลล์มา คนเปิดประตูโค้งหัวให้จนแทบติดดิน
" เชิญเลยครับ เสี่ยกำแหง เสี่ยประชา"
ประชาควักแบงค์สิบออกไปให้ทิป คนเปิดประตูโค้งอีกในอาการเดียวกัน
ผู้จัดการแฮปปี้ฮอลล์มองเห็น รีบปราดเข้ามา
"เชิญทางนี้ครับอาเสี่ย"
ผู้จัดการพากำแหงและประชาไปที่โต๊ะด้านใน กลุ่มสาวเสิร์ฟที่มีเรณูดาวดวงเด่น และ ดวงเดือนอยู่ด้วย กาลังรอแขกอยู่ ดวงเดือนหันมาเห็นพอดี
" เรณู ดูนั่น"
ทุกคนกิ๊กกั๊ก ประมาณหมูมาให้เชือดแล้ว เรณูและดวงเดือนรีบเดินไปหาทันที เรณูประจ่อประแจ๋พาไปที่โต๊ะ
" เชิญเลยค่ะ อาเสี่ยกำแหง อาเสี่ยประชา คิดถึงจังเลย"
นิกร ในยามกลางวัน คือ ประชาในยามค่ำคืน เล่นเดียวกับพล ที่ใช้ชื่อ กำแหงในการตะลุยราตรี
"ดวงเดือน ชั้นก็คิดถึงเธอเหมือนกัน ไม่ได้เจอตั้ง ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะจ๊ะ" ประชาบอก
กำแหงป้อบ้าง จะหอมเรณู เรณูร้องใส่จริตกรี๊ดกร๊าด
" ไม่เอานะ อาเสี่ยน่ะ... ร้ายจังเลย"
" ร้ายนักขออีกทีนะ"
"ไม่ ไม่ ไม่"
" นะ นะ นะ"
"ก็ได้" เรณูบอก
ทั้ง 4 คนและพนักงานเสิร์ฟในร้าน ต่างร้องเพลง "นี่แหละสวรรค์" (คำร้อง ขุนวิตรมาตรา - ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
ทั้งหมดหัวเราะร่าเริง
เย็นวันใหม่ เจ้าคุณประสิทธิ์นิติศาสตร์ และ คุณหญิงวาดกาลังนั่งอ่านบัตรเชิญสีชมพูอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ภายในบ้านพัชราภรณ์
"เจ้าคุณศรีวิศาลสุนทรเค้าเชิญเราไปงานทำบุญครบหกสิบปี"เจ้าคุณส่งการ์ดให้คุณหญิง
"วันจันทร์นี่เราไม่ว่างนี่คะ ต้องไปงานศพคุณพระเสริม"
"เออจริงซี ชั้นเกือบลืม อ้าว แล้วจะทำยังไงละ ถ้าเราไม่ไป เจ้าคุณคงเสียใจ"
"แต่ไม่ไปงานศพคุณพระเสริมไม่ได้หรอกค่ะ ท่านเป็นเพื่อนเก่าของเรา ทางงานคุณพระศรี เราก็ให้ตาพลไปแทนเราก็แล้วกัน"
"ให้ตาพลไปแทนน่ะนะ"
" ค่ะ"
เจ้าคุณประสิทธิ์ลุกขึ้น ท่าทางครุ่นคิด
"จะดีเหรอ"
"ทำไมละคะ"
"เฮ้อ พูดถึงพลแล้วออกระอา ชั้นอยากจะติเตียนเธอเหลือเกินนะ"
"อุ๊ย มาว่าดิชั้นเรื่องอะไร"
"เธอน่ะเลี้ยงลูกยังไงให้ต้วมเตี้ยมเหมือนเป็นผู้หญิง ตาพลน่ะ สงบเสงี่ยมจนเกินไป ขี้อายและตื่นสมาคมเป็นที่สุด แนะนำให้รู้จักผู้หญิงทีไร อายม้วนต้วนทีเดียว"
" อ้าว แล้วท่านไม่ชอบหรือคะ ลูกเรา เที่ยวก็ไม่เป็น ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ หมกมุ่นแต่กับงาน จะไปหาลูกใครที่ไหนดีได้ขนาดนี้ละคะ"
เสียงรถแล่นมาจอด คุณหญิงวาดลุกขึ้นดู พลขับรถมาจอด แห้วกุลีกุจอไปเปิดประตู
"รับประทานเชิญลงครับ"
ภายในห้องนั่งเล่น
"ดูสิตาพล วันนี้กลับตั้งเกือบหกโมง"
"คุณหญิง ลูกชายนะไม่ใช่ลูกสาว อย่าห่วงให้มันมากนักเลย มันคงไม่หนีตามผู้หญิงไปหรอก"
"เอ๊ะ เจ้าคุณนี่จะมาแขวะดิชั้นทำไม ลูกดิชั้น ชั้นรักดิชั้นห่วง ฮึ ไม่รู้ละ ยังไง พลก็ต้องอยู่ในโอวาทของดิชั้นเสมอ"
ประสิทธิ์หัวเราะ
พลเดินเข้ามาในห้อง ในเครื่องแต่งกายแบบสากลเรียบร้อย ท่าทาง ตุ๋มติ๋มเหมือนผ้าพับไว้
"พล ทำไมวันนี้กลับเย็นนักละลูก"
พลเงอะงะ
" ง่า.. ผ..ผม ไปแวะบ้านเจ้าคุณลุงขอรับ"
"อ๋อ ไปคุยกับพ่อนิกรละซี" วาดหัวเราะ หันมาพูดกับเจ้าคุณ "ช่างเหมือนกันซะจริงๆสองคนนี่ อุ๊ย ท่าทางกระตุ้งกระติ้งเหมือนผู้หญิง วันๆไม่ค่อยพูดกับใครเลย ..เจ้าคุณพี่ให้ฉายาตากรว่านางห้อง" แล้วคุณหญิงก็หัวเราะชอบใจ
"นั่นสิแปลกมาก ที่ยายนันทาพี่สาวกลับตรงกันข้าม ผู้ชายอกสามศอกแม่ก็ไม่แคร์ เปรี้ยวจี๊ดเหมือนกระต่ายป่า
วาดถอนใจ
"ค่ะ ยายนันแกออกจะเปรี้ยวสักหน่อย".
"นี่แน่ะ ตาพล แม่มีอะไรจะวานหน่อย"
พลทำหน้าตาตื่น
"อะไรหรือครับ คุณแม่"
"มะรืนนี้ คุณพ่อจะให้แกเอาของขวัญวันเกิดไปให้ท่านเจ้าคุณศรีวิศาลหน่อยนะ บอกให้รู้แต่เนิ่นๆ แกจะได้เตรียมตัวไว้"
"ผ..ผมไม่ไปไม่ได้หรือครับ"
"ไม่ได้..ท่านเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อ อีกอย่าง พ่อกับแม่ก็อยากให้แกเจอกับแม่ยาใจลูกสาวท่านเจ้าคุณด้วย เค้าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก"
"ย..ยาใจ ..ผ..ผู้หญิงหรือครับ"
"ก็ใช่น่ะซี"
"ผมไม่อยากไปแล้วครับ"
" ทำไม แกก็เคยรู้จักเค้าตั้งแต่เล็กๆนี่"
"ผ..ผม ผมกลัวผู้หญิงครับ"
ประสิทธิ์และวาดมองหน้ากัน
"ไม่เป็นไรหรอกลูก แกไม่ได้ไปคนเดียวซะหน่อย พ่อนิกรเค้าก็คงไปเหมือนกัน"
"กรมันก็กลัวผู้หญิงเหมือนกันนี่ครับ"
" แม่นันทาก็ไปด้วยนะ"
"น..นันทาไปด้วย ค่อยยังชั่วหน่อย เค้าจะได้ช่วยเป็นเกราะกำบังให้ผม"
ประสิทธิ์ดุลูกชาย
"เกราะกำบังอะไร นี่แกไม่ได้ไปรบนะตาพล"
"เกราะกำบังผู้หญิงน่ะครับ คุณพ่อก็รู้ว่าผมน่ะ ขี้กลัว" พลทำท่าจะร้องไห้
"โธ่ลูก .. ไม่ต้องกลัวนะ" วาดบอกแล้วหันไปถลึงตาให้เจ้าคุณหยุดพูด "ไป... ไปอาบน้าอาบท่าเสีย จะได้มากินข้าวด้วยกัน"
"ครับ คุณแม่"
พลเดินต้วมเตี้ยมออกไปที่ประตู
ประสิทธิ์มองตามแล้วเอ่ยขึ้น
"มันเป็นกะเทยหรือเปล่านี่ คุณหญิง"
พลได้ยินจึงแกล้งเดินยักสะโพกหนักขึ้น
" อุ๊ย เจ้าคุณนี่ พูดอะไรไม่รู้ ดิชั้นเลี้ยงของดิชั้นมารู้ดีค่ะว่า แกไม่ใช่กะเทย แค่"
" แค่อะไร"
" แค่เหมือนเท่านั้นเอง ฮึ"
วันแซยิด เจ้าคุณศรีวิศาลนั่งอยู่บนชุดรับแขก ล้อมรอบด้วยญาติมิตร ข้างหน้าเจ้าคุณมีกล่องของขวัญที่คนเอามาให้
คนรับใช้ชายแต่งตัวเรียบร้อย นานันทาและเจ้าคุณวิจิตรเข้ามา ในมือเจ้าคุณถือของขวัญ
" ท่านเจ้าคุณวิจิตรบรรณาคารกับคุณนันทา การุณวงศ์มาขอรับ"
"เชิญครับ เชิญ เชิญนั่ง"
นันทากราบแล้วนั่งที่พื้น เจ้าคุณวิจิตรนั่งลงแล้วส่งของขวัญให้
วิจิตรบอก
"ขอให้ท่านเจ้าคุณอายุมั่นขวัญยืนนะ"
"ขอบคุณมากท่านเจ้าคุณ ... แล้วนี่ทำไมหนูนันทามาคนเดียวละ น้องชายไม่มาหรือ" ศรีวิศาลว่า
" กรเค้าขอมากับพลน่ะค่ะ เดี๋ยวคงมาถึง"
"เจ้าสองคนนั่นตัวติดกันยังกะตังเม ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด"
" นี่แน่ะหนูนัน แม่ยาใจอยู่ที่สนามข้างนอกนั่น หนูไปนั่งกับเด็กๆด้วยกันที่สนามสิ จะได้คุยกันสนุก"
" ค่ะ"
เจ้าคุณวิจิตรกระซิบ
"คอยดูเจ้ากรกับเจ้าพลด้วยนะ อย่าให้มันเปิ่นเทิ่นมันเทศนัก อายผู้หญิงเค้า"
" ค่ะ"
นันทาออกไป
บริเวณสนาม ไฟตกแต่งอย่างสวยงาม นันทา กัลยา ยาใจ พิสมัย แน่งน้อย ยุพดี นั่งอยู่ มีน้าส้มและของทานเล่นวางอยู่ข้างหน้า ทุกคนอยู่ในชุดราตรีสวยงาม ที่สนามมีบาร์เครื่องดื่มมุมหนึ่ง มีแขกที่มาเร็วหน่อย ยืนอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มบ้าง
" นันทา ไหนล่ะจ๊ะ นิกรกับพล ที่ว่าขี้อายนักหนา"ยาใจว่า
" เดี๋ยวก็คงมาจ้ะ"
" แล้วใครขี้อายกว่ากันละ สองคนนี้
" พอกันนั่นละ" นันทาบอก
"เธอต้องแนะนาให้รู้จักกับพวกเรานะ"
" ได้สิ พิสมัย แต่เธอต้องรับปากก่อนนะว่าจะไม่ล้อน้องชายสองคนของชั้น" นันทาบอก
"พลมีศักดิ์เป็นน้องเธอหรือ" ยาใจถาม
" ใช่ แต่เค้าแก่กว่าชั้น 2 ปี นิกรน่ะเด็กที่สุดเลย" นันทาบอก
นันทามองไป เห็นนิกรกับพลเดินมา ทั้งสองแต่งตัวด้วยผ้าม่วงสีนวลอ่อนเหมือนกัน ถึงเท้ารองเท้าดำ เสื้อชั้นนอกแพรเหมือนกัน ผมหวีเรียบเป็นมันระยับ พลถือของขวัญห่อเบ้อเร่อ
" อุ๊ย นั่นไง มาพอดี พล กร มาทางนี้" นันทายืนขึ้นพร้อมกวักมือ
พลและนิกรพอเห็นผู้หญิง ทำเป็นชะงัก ก่อนจะปล่อยท่าทางเงอะงะทันที
"พ..พี่นัน ..ใครกันอ่ะ" นิกรถาม
"มานี่พี่ขอแนะนาเพื่อนพี่ก่อน นี่ ยุพดี พิสมัย แน่งน้อย แล้วนี่ก็ยาใจ"
พลและนิกรรีบนั่งยองๆยกมือไหว้ สาวๆสะดุ้งกลั้นหัวเราะ พิสมัยอดไม่ได้หัวเราะกิ๊กออกมา
นันทาขายหน้ามาก
"ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย"
สองคนลุกขึ้น
" นั่งเก้าอี้นี่สิคะ"
ยาใจชี้ไปที่เก้าอี้สองตัวข้างๆ พลนิกรมองหน้ากัน แล้วค่อยๆนั่งตัวหนีบ สาวๆหัวเราะกิ๊กกั๊ก แน่งน้อยส่งกระป๋องบุหรี่ให้
" สูบบุหรี่มั้ยคะ คุณนิกร"
"ผ..ผม สูบไม่เป็นครับ"
"ผผผมก็ไม่เป็นครับ"
" เอ๊ะ เป็นผู้ชายทำไมสูบไม่เป็น" แน่งน้อยถาม
"ผมไม่อยากสูบครับ"
"ทำไมไม่อยากสูบละ"
"สูบไม่เป็นครับ"
แล้วเต้นรำเป็นมั้ยคะ" ยาใจถาม
"ไม่เป็นครับฎ พลตอบ
"แต่ว่า ร้องเพลง พอได้ครับ" นิกรว่า
" งั้นร้องให้พวกเราฟังสักเพลงสิคะ" พิสมัยว่า
นิกรขวยเขินถาม
"จะดีหรือครับ"
สาวๆช่วยกันยุ
"ดีค่ะ"
นิกรต้งใจเต็มที่
"ก็ได้ครับ ... ไปด้วยกันมาด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย"
ทุกคนหัวเราะ
" พอได้แล้วตากร ขายหน้า ทาไมจังหวะมันช้าอย่างนั้น" นันทาว่า
"กรเค้าร้องไม่ค่อยเก่งหรอกครับ"
" งั้นพลร้องให้ฟังแล้วกัน ร้องได้มั้ยคะ" ยาใจบอก
พลอาย
"พอได้ครับ"
" ร้องเลยค่ะ"
พลร้องเหมือนกันเปี๊ยบ
"ไปด้วยกันมาด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย"
ทุกคนหัวเราะงอหายในความเปิ่นเทิ่น
"ทำไมละครับ ไม่เพราะเหรอ"
ยาใจหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปาดน้าตาที่ไหลออกมาเพราะความขำ
"เพราะค่ะ เพราะมาก"
"ล..ล แล้วร้องไห้ทำไมครับ"
"มันซาบซึ้งน่ะค่ะ" ยาใจบอก
คนอื่นกลั้นไม่อยู่ทนไม่ไหวแล้ว ต่างยกผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะพรืดออกมา นิกรกับพลมองแบบงุนงงว่าทาผิดตรงไหน
"เอาอีกเพลงมั้ยครับ"
" บอกว่าไม่ต้อง!"
"เอ้อ ม..ไม่ทราบหัวเราะอะไรกันครับ"
" คือ.. หัวเราะเฉยๆน่ะค่ะ" แน่งน้อยบอก
"หัวเราะเฉยๆ" นิกรย้ำ
"ค่ะ หัวเราะเฉยๆ"
"มีด้วยหรือครับหัวเราะเฉยๆ ส่วนมากการหัวเราะต้องมีความหมายนะครับ"พลถาม
" ยังไงคะ "
เพลง หัวเราะหลายแบบ
(คำร้อง - ทำนอง พยงค์ มุกดา)
พล
ฟังซิฟังหญิงชาย พวกท่านทั้งหลาย ละโปรดฟังให้ดี
นายพลจะเล่าเรื่องคามากมี ก็เคยเห็นหลายที มีอยู่หลายราย
การหัวเราะของคน ดูแปลกพิกล ทั้งหญิงและชาย
เขาหัวร่อล้วนต่างความหมาย ดั่งผมจะได้เผยให้ท่านฟัง
นิกร
การหัวเราะของผู้ชายเรา ไม่เงียบเหงาและมักเสียงดัง
ดีใจสิ่งใจสิ่งใดไหนจริงจัง มิได้หยั่งก็ตั้งใจสรวลสันต์
เขาหัวร่อเมื่อเห็นสิ่งไร เกิดถูกใจและนึกขบขัน
อ้าปากกว้างจนเห็นขี้ฟัน หัวเราะกันลั่นอึงไป
พลนิกร
โอ้ ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
ว่ะ ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
ว้า ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
อ้า ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
ทุกคนหัวเราะ ยกเว้นนันทา
พล
ผู้หญิงผิดกับพวกผู้ชาย ด้วยเธออายและนึกเหนียมใจ
ถึงแม้หากจะขบขันเพียงไร ก็มิยอมให้ผู้ใดเห็นฟัน
แม้นเธออ้าปากและหัวร่อ ถ้าหากฟันหลอละก็จะนึกอายครัน
ต้องหาผ้าเช็ดหน้าปิดกัน และหัวเราะลั่นลงลาคอ
สาวๆหัวเราะเอาผ้าเช็ดหน้าปิด
พลนิกร
อุ้ย ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
วุ้ย ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
อิ๊ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
อุ๊ย ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
นิกร
เห็นคนแก่ที่ฟันไม่มี พอเกิดยินดีสิ่งใดแล้วหนอ
พูดสามคา สี่คาหัวร่อ อ้าปากหวอจนเห็นเหงือกแดง
ที่หัวร่อเมื่อมีโชคดี อ๊าย ถูกล็อตเตอรี่ฉลากกินแบ่ง
ดีใจก็หัวร่อแรงๆ จนเหงือกแห้งน่ากลัวตาย
พลนิกร
วะ ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
ว่ะ ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
ว่ะ ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
ว๊าก ห้า ห้า ห้า ห้า ห้า
คร่อก ว้ายเป็นลมดีกว่า
นันทาโมโหมาก
"พอได้แล้ว"
พลหยุด นิกรยังหัวเราะค้างอยู่ นันทาบิดหูนิกร
" บอกให้หยุดไง"
"โอ๊ยๆ พี่นันน่ะ เจ็บนะ" เขาปากเบะจะร้องไห้ " มาทาน้องทำไม พี่ใจร้าย"
สาวๆหัวเราะกัน ขำในความเปิ่นของพลนิกรมาก
อ่านต่อหน้า 2
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน อายผู้หญิง (ต่อ)
ภายในบ้านเจ้าคุณศรี เสียงเพลงดนตรีไทยเลี้ยงบรรยากาศ ในห้องโถงจัดไว้เรียบๆ มีเวทีด้านหนึ่ง พิธีกรอยู่บนเวที
ท่านเจ้าคุณและแขกเกียรติยศยืนคุยกันอยู่หน้าเวที นันทาอยู่กับเจ้าคุณวิจิตร แขกคนอื่นๆกาลังตั้งใจฟังพิธีกร สาวๆอยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่ง
พิธีกรกล่าว
"ตอนนี้เป็นวาระอันดี ผมอยากจะเชิญแขกผู้มีเกียรติสองท่านที่มีความใกล้ชิดเปรียบเสมือนลูกหลานของท่านเจ้าของวันเกิดขึ้นมาอวยพรให้ท่านด้วยขอรับ"
"คุณพล พัชราภรณ์ และ คุณนิกร การุณวงศ์"
ทุกคนตบมือ เจ้าคุณศรีวิศาลพอใจมาก เจ้าคุณวิจิตรและนันทาสะดุ้งเฮือก
"ตายละ มันสองคนขึ้นไปได้ยังไง"
" หนูไม่รู้เลยค่ะคุณพ่อ เมื่อกี้ยังอยู่แถวนี้เลย"
"โอ๊ย พ่ออุตส่าห์บอกให้แกควบคุมไง ตายแน่ ตายแน่ๆ"
พวกสาวๆหัวเราะกิ๊กกั๊ก
"ฮิๆๆ ขอบใจมากนะยาใจที่ไปบอกพิธีกรให้เชิญตาสองคนนั่น เราเลยจะได้เห็นมันเทศขึ้นโต๊ะอีกแล้ว ฮิๆๆๆ"
พลและนิกรเดินตัวแข็งขึ้นมาบนเวที ท่าทางตื่นมาก เดินมายืนตัวแข็งอยู่
" เอ้อ เชิญครับ"พิธีกรบอก
พลยังคงยืนนิ่ง
"เอ้อ ขอเชิญกล่าวคาอวยพรได้แล้วครับ"
"ขอให้ท่านเจ้าคุณศรีมีอายุยืนยาวจนโลกละลาย"
เจ้าคุณศรียิ้มรับ
"นึกสตางค์ก็ได้สตางค์"
เจ้าคุณศรียิ้ม
"นึกเมียก็ได้เมียขอรับ"
เจ้าคุณศรีวิลาศสะดุ้ง เจ้าคุณวิจิตรและนันทาจะเป็นลม สาวๆหัวเราะ แขกผู้ใหญ่ทำหน้าปุเลี่ยนๆ
พิธีกรเสนาตบมือ
"เอ้อ เป็นคำอวยพรที่น่าสนใจมากครับ คราวนี้ขอเชิญคุณนิกร การุณวงศ์ ท่านผู้นี้เป็นบุตรชายของเจ้าคุณวิจิตรบรรณาคารครับ ซึ่งท่านยืนอยู่ตรงนั้น"
ทุกคนตบมือ และหันมามองเจ้าคุณวิจิตร เจ้าคุณทำหน้าปุเลี่ยนๆ ยิ้มแห้ง
นิกรยื่นหน้าไปที่ไมค์
"ขอให้ท่านเจ้าคุณศรีมีอายุยืนยาวจนโลกละลาย นึกสตางค์ก็ได้สตางค์ นึกเมียก็ได้เมียขอรับ"
แขกทนไม่ไหว ฮากันครืน
"ยายนัน ไปเอาตัวมันสองคนลงมาจากเวทีเดี๋ยวนี้" เจ้าคุณวิจิตรสั่ง
นันทาหน้าเหยเกถาม
"แล้วจะให้เอาไปไหนไว้ละคะ"
"ส่งมันกลับบ้าน"
" ค่ะ"
นันทารีบเดินไป
พล นิกรถูกนันทาลากออกมาจากห้องโถง
" รู้มั้ยเจ้าคุณพ่อท่านขายหน้ามาก"
" กรทำผิดตรงไหนหรือพี่นัน"
"โอ๊ย ยังจะมาถามอีก ไปกันได้แล้ว"
"อ้าว แล้วนันละจ๊ะ ยังไม่กลับเหรอ" พลว่า
"ก็อยากกลับเหมือนกันละค่ะ ขายขี้หน้าเค้า แต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อก่อน ไป ไป กันได้แล้วค่ะ แล้วไม่ต้องไปเดินเพ่นพ่านที่ไหนนะ"
นันทาเดินกลับไป พลกับนิกรมองตาม หัวเราะก๊าก
"ฮ่ะๆๆ เมื่อกี้ตอนกล่าวคำอวยพร เจ้าคุณลุงตาเขียวเลย คงอยากนึกขึ้นมาเตะพวกเรา"
"ฮ่ะๆๆๆ" นิกรมองไปเห็นยาใจและพวก ที่กำลังเดินมาจากห้องเช่นกัน
"จุ๊ๆ นั่น ยาใจกับพวกกำลังเดินมา สงสัยอยากมาแกล้งให้พวกเราแสดงจาอวดอีก"
" เดี๋ยวจะแกล้งตอบซะให้เข็ด"
ทั้งสองทาท่าสงบเสงี่ยม
" จะไปไหนกันคะ" ยาใจถาม
" จะ...จะกลับบ้านครับ" พลบอก
พิสมัยบอก
"โธ่ เดี๋ยวสิคะ ไปเล่นสนุกในสวนหลังบ้านกับพวกเราก่อน"
"เล่นอะไรครับ" นิกรถาม
แน่งน้อยกิ๊กกั๊ก
"เล่นซ่อนหาค่ะ"
"เล่นซ่อนหา"
"เล่นซ่อนหา"
สวนหลังบ้านในเวลากลางคืน ยาใจกาลังกำไม้สั้นไม้ยาวที่ทาจากกิ่งไม้ในสวน
" ใครจับได้ไม้สั้นต้องเป็นคนหานะคะ ส่วนคนที่เหลือไปแอบซ่อน ใครถูกหาเจอคนแรก คนนั้นต้องโดนปรับ"
"ปรับยังไงครับ"
" ปรับให้รำแม่ศรีค่ะ"
สาวๆกิ๊กกั๊ก
"ผ..ผมรำไม่เป็นนี่ครับ" นิกรบอก
" รำไปสนุกๆน่ะค่ะ ไม่สวยไม่เป็นไร"
ทุกคนกิ๊กกั๊กหวังแกล้งพล นิกร
" เอ้า จับได้เลยค่ะ" ยาใจบอก
ทุกคนจับไม้ ยุพดีได้ไม้สั้น
"ชั้นได้ไม้สั้น"
" งั้นเธอเป็นคนหา คนอื่นไปซ่อนกัน"
ยุพดีเอามือปิดตา
"ผมเล่นไม่เป็นครับ"
"งั้นตามชั้นมาค่ะ" พิสมัยบอก
ยุพดีนับหนึ่งถึงสิบยาใจ กัลยา แยกย้ายไป พลรีบตามพิสมัยไป นิกรตามแน่งน้อยไป
"ซซซ่อนที่ไหนดีครับ" พลถาม
"หลังพุ่มไม้นั่นก็ได้ค่ะ"
สองคนหลบเข้าไป นิกรกับแน่งน้อยเดินไปหลังพุ่มไม้อีกที่
"ตรงนี้นะครับ"
" ค่ะ"
ยุพดีนับครบพอดี จึงออกเดินตามหา ที่หลังพุ่มไม้ พิสมัยอยู่หลังต้นไม้ กำลังแอบมองลอดต้นไม้ไป พลอยู่หลังพิสมัย
ที่หลังต้นไม้อีกต้น นิกรอยู่กับแน่งน้อย
ทั้งพลและนิกรต่างร้องพร้อมกัน "งู"
พิสมัยและแน่งน้อยโผเข้ากอดพลและนิกร ฝ่ายชายจูบซะ
"ว้าย - อุ๊ย"
พิสมัยเอามือจับแก้มที่ถูกจูบ "คุณ"
พลเงอะงะ
"ผม ..ขอโทษนะครับ ผมเผลอตัวไป"
"คนผี"
แน่งน้อยทั้งแค้นทั้งอาย เอามือถูแก้ม
"อื๊อ อื๊อ อื๊อ... ไอ้ห่า"
นิกรสะดุ้ง
พิสมัยและแน่งน้อยวิ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้หน้าบึ้ง ยุพดีเดินมาพอดี
"เจอแล้ว สองคนเลย"
ยาใจและกัลยาวิ่งออกมาจากที่ซ่อน
" เจอใครก่อน"
"พิสมัย"
" งั้นเธอต้องรำแม่ศรีก่อนสิ"
"ไม่ ..ชั้นไม่อยากเล่นแล้ว"
" อ้าว ทำไมละ"
พิสมัยจะร้องไห้
"ช..ชั้นกลัวงู"
แน่งน้อยสะดุ้ง
"เธอ.เจองูเหมือนกันเหรอ"
พิสมัยเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้าตา " งูผีทะเล"
" ชั้นก็เจอเหมือนกัน"
พลและนิกรเดินทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อออกมา
แน่งน้อยและพิสมัยมองด้วยความแค้น
" เอ๊ะ แปลกใจจังเลย ที่บ้านนี้ไม่เคยมีงูเลย" ยาใจบอก
" งูชั่วชาติมันซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้น่ะจ้ะ" แน่งน้อยว่า
สองคนสะดุ้งเฮือก
"มันคงเป็นงูไม่มีพิษหรอกครับ"
"สัตว์เดรัจฉานนะคะจะไว้ใจได้ไง แค่เลื้อยผ่านก็ขยะแขยงแล้ว" พิสมัยบอก
"งูเขียวหรือเปล่าครับ" นิกรว่า
" ไม่ใช่หรอกค่ะ คงเป็นงูแมวเซา ตอนกลางวันชอบทำเป็นเซื่องๆ แต่พอกลางคืนละก็ปราดเปรียวนัก" แน่งน้อยว่า
ยาใจยังพาซื่อ
"อ๋อ งูแมวเซา รู้จักแล้ว คุณพ่อเคยพาไปดูที่สถานเสาวภา ที่หน้าเหมือนสุนัขใช่มั้ย"
" นั่นละจ้ะ งูระยำนั่นละ"
พลและนิกรคอย่น
"กลับไปที่ตึกกันเถอะ ชั้นไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว"
พิสมัยเดินดุ่มๆออกไป แน่งน้อย กัลยาและยุพดี รีบเดินตาม
" อ้าว เลยอดเล่นเลย ขอโทษคุณสองคนด้วยนะคะ ไม่รู้เพื่อนชั้นเค้าเป็นอะไรไป"
"มม ไม่เป็นไรครับ" ลบอก
" ยินดีมากค่ะที่เราได้พบกันอีก พลคงไม่ลืมยาใจเพื่อนเก่าของเธอนะคะ"
"ตราบใดพระจันทร์ยังไม่ดับ ตราบพระอาทิตย์ยังส่องแสงผมจะไม่ลืมคุณเลยครับ"
ยาใจกลั้นยิ้ม
"แล้วพบกันใหม่ค่ะ"
นิกรนั่งยองๆ ยกมือไหว้
"ลาก่อนครับ"
ยาใจสะดุ้ง ยิ้มแห้ง แล้วรีบเดินไป สองคนมองหน้ากัน แล้วหัวเราะดังลั่น
"ลูกไม้งูของแกได้ผลมากเลยว่ะพล"
"กันชักจะติดใจยาใจเสียแล้วละ คนอะไรน่ารักอย่างนี้"
"กันก็ติดใจแน่งน้อยเหมือนกัน ฮิๆๆ"
ภายในห้องรับแขกบ้านเจ้าคุณประสิทธิ์ โต๊ะข้างหน้าเป็นแก้วน้ำ หมากพลูเรียบร้อย
"เมื่อคืนนี้น่าขายหน้าเป็นที่สุด เจ้าพลกับเจ้านิกรตื่นสมาคมจนพี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน" วิจิตรบอก
"ตานิกรลูกคุณพี่ยังดีกว่าตาพลของผมเยอะ นี่ละ ความผิดแม่วาดแท้ๆ ไม่รู้จะกักมันไว้ทำไม" ประสิทธิ์บอก
วาดหน้าเจื่อนไป
"พักหลังนี้ดิชั้นก็ปล่อยแล้วนี่คะ ตาพลไม่เที่ยวเองต่างหาก แต่ว่าคุณพี่คะ เรื่องนี้ดิชั้นกับเจ้าคุณได้หาทางแก้ไขไว้แล้วค่ะ
" ยังไง"
"ผมคิดว่าจะหาครูผู้ชานาญการสมาคมคนหนึ่งมาสอนพลขอรับ" ประสิทธิ์ว่า
"ผู้หญิงหรือผู้ชาย"
"ผู้หญิงครับ เจ้าพลเจ้านิกรจะได้รู้จักการสมาคมซักที" ประสิทธิ์บอก
"เป็นผู้หญิง เจ้าสองคนนั่นไม่อายม้วนต้วนหรือ แล้วจะให้ใครเป็นครู จะหาได้รึ" วิจิตรว่า
พอจะหาได้ครับ เมื่อวานผมพูดทาบทามไว้แล้ว หล่อนชื่องามงอนครับ"
งามงอนกาลังแต่งหน้าอยู่ในห้องแต่งตัวของนักแสดงละคร หล่อนแต่งหน้าจัด ปากแดงแจ๊ด
ประสิทธิ์เล่าว่า
"เป็นแม่ม่าย อายุราว 29 สามีตายมาสองปีแล้ว เวลานี้มีอาชีพเป็นนางเอกละครร้องคณะบันเทิงศิลป์ แต่ไม่ค่อยได้แสดงบ่อยๆ"
"อ้อ ว่าแต่ แน่ใจหรือว่าแม่งามงอนนี่เหมาะสม" วิจิตรถาม
"ดิชั้นมีเหตุผลเพียงพอเชียวค่ะ คุณพี่ ประการที่หนึ่ง แม่งามงอนเจนจัดในสมาคมดีมาก"
งามงอนในโรงละครกาลังเฟลิตกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เอาดอกไม้มาให้
"ประการที่สอง ร้องเพลงเก่ง เต้นรำก็ได้ทุกท่า" วาดว่า
เรื่องนี้เป็นอาชีพของงามงอนอยู่แล้ว
"ประการที่สาม สำคัญที่สุด"
"อะไรรึ"
"หล่อนขอยืมเงินดิชั้นไปนานแล้ว ทีนี้ถ้าสมมุติว่าหล่อนเกิด..."
" เอาเป็นอันว่า ประการที่สาม สาคัญนี่สาคัญกว่าเพื่อน"
" แน่นอนค่ะ คุณพี่"
" แล้วนี่ค่าจ้างแม่งามงอนนี่เท่าไรละ"
"แพงพอใช้ทีเดียวค่ะ เดือนละหกสิบบาท"
วิจิตรไม่เชื่อหูตัวเอง
"เดือนละหกสิบบาท"
" แต่เพื่อช่วยให้ไอ้สองคนนั่นให้หายตื่นสมาคม ผมว่ามันก็คุ้มละครับ คุณพี่"
วันใหม่ งามงอนแต่งตัวทันสมัย ชุดรัดรูปมากกำลังเดินถือร่มกันแดด สะโพกเหวี่ยงสวิงไปมา อยู่ที่ถนนในตัวบ้าน
เจ้าแห้วปราดเข้าไปต้อนรับ
" ไม่ทราบคุณมีนัดกับใครไว้หรือเปล่าขอรับ"
" มีค่ะ ดิชั้นนัดกับคุณหญิงประสิทธิ์ไว้ ว่าจะมาพบลูกชายท่าน คุณพล พัชราภรณ์"
"อ๋อ ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าเป็นคุณครูผู้เชี่ยวชาญการสมาคม ที่จะมาสอนวาให้คุณพลและคุณนิกรใช่มั้ยขอรับ"
" ถูกแล้วค่ะ ชั้นชื่อ งามงอน"
"กระผมแห้ว โหระพากุล เป็น.. "
" คนใช้ .. ใช่มั้ยคะ"
แห้วสะดุ้ง
"เอ้อ เห็นชัดขนาดนั้นเลยหรือขอรับ"
" ค่ะ ก็ดิชั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญการสมาคม เห็นสารรูปปราดเดียวก็ดูออกในทันทีค่ะว่า คนลักษณะไหนเป็นนายคนลักษณะไหนเป็นบ่าว"
แห้วคอย่น
"ถ้าอย่างนั้น เชิญทางนี้เลยขอรับ คุณพลรออยู่แล้ว"
ภายในห้อง ที่มีเครื่องเล่นจานเสียงอยู่ด้วย พลและนิกรนั่งเสงี่ยมอยู่บนเก้าอี้ งามงอนกาลังเล็คเช่อร์ให้ฟัง
" คุณทั้งสองต้องหัดออกสมาคมบ้างนะคะ ไปดูละครบ้าง เต้นรำบ้าง กินเหล้าบ้าง เพราะถ้ามุ่งแต่งานและอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างนี้ คุณก็คงโง่ตาย ผู้ชายน่ะต้องหัดให้เป็นทุกอย่างนะคะ"
"นั่นซีครับ ผมกับนิกรน่ะ ควายดีๆนี่เอง"
งามงอนยิ้ม
"เอาเถอะค่ะ งามงอนรับรองว่า ภายในเดือนนี้ คุณจะต้องร้องเพลงได้เต้นรำได้"
"ผมอยากเต้นรำเป็นมากครับ" นิกรบอก
" คิดถูกแล้วล่ะ ในยุคนี้การเต้นรำสำคัญมาก ชาวตะวันตกได้เอาแบบอย่างมาจากพวกอินเดียนแดง แล้วจากนั้นจึงดัดแปลงมาให้เป็นศิลปะค่ะ"
"ผมอยากเต้นรำได้ครับ"
" ไม่ยากค่ะ ที่นี่มีเครื่องเล่นจานเสียงอยู่แล้ว"
งามงอนเดินไปที่เครื่องเล่นจานเสียง เปิด และมาถึงช่วงบรรเลงท่อนกลางของเพลง "สวรรค์สวิง"
"นี่ไงคะ สเต็ปง่ายๆ มาลองสิคะ"
งามงอนเริ่มเต้นเองก่อน
" มาเร็วคุณนิกร"
งามงอนไปจับนิกรให้มาเต้น นิกรท่าเต้นเงอะงะบ้าๆบอๆ
" คุณพล มาเต้นด้วยกันสิคะ"
พลแกล้งทำอายไม่ยอมเต้นไปหลบอยู่ซอกตู้
" คุณนิกร ใช้ได้เลยค่ะ"
"จริงเหรอครับ"
" จริงค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่เคยเต้นมาก่อนW
งามงอนเดินไปปิดเพลง
" แต่คุณพลน่ะซี ทำไมไม่ยอมหัดเลยคะ"
"ผม..อายครับ ..ไม่อยากเต้น อยากให้คุณครูสอนอย่างอื่นมากกว่า"
" อะไรคะ"
"เกี้ยวผู้หญิงครับ"
" โถ ก็ได้ค่ะ คราวหน้านะคะ"
"คราวนี้เถอะครับ ..ผม..ผมมีความจำเป็นที่จะต้องเกี้ยวผู้หญิงโดยเร็วที่สุด"
" อย่างนั้นเหรอคะ ..ก็ได้ค่ะ"
นิกรหันมามอง พลหลิ่วตาให้
"อย่างนั้น ผมขอตัวลงไปโทรศัพท์หาคุณพ่อข้างล่างสักครู่นะครับ"
" เชิญเลยค่ะ"
นิกรออกจากห้อง
" มีความจาเป็นอะไรหรือคะ"
"ผม ..ผมหลงรักผู้หญิงคนนึง แต่ไม่รู้วิธีเกี้ยวครับ"
นิกรออกมาจากห้องเดินไปสองสามก้าวแล้วหันหลังกลับคลานไปที่มุมลับหน้าห้องเพื่อจะแอบดู แต่แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อ
เห็นไอ้แห้ว แอบมองอยู่แล้ว
"ไอ้แห้ว ทำอะไรวะ"
"รับประทานแอบดูขอรับ"
" ไอ้นี่นี่ทะลึ่งนัก วอนโดนเตะซะแล้ว เถิบไป ..ข้าดูด้วย"
สองคนหัวเราะฮิฮะ
อ่านต่อหน้า 3
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน อายผู้หญิง (ต่อ)
ภายในห้อง พล ทำอย่างกับคนปัญญาอ่อน
"คนที่ผมรักนี้หล่อนชื่อยาใจครับ ผมอยากจะสารภาพรัก แต่ก็ไม่กล้า"
"ไม่เห็นยากเลยค่ะ คุณก็บอกรักด้วยความสุภาพซีคะ ผู้หญิงใจอ่อนจะตาย"
"คือผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีน่ะครับ ถ้าผมจะขอให้คุณครูงามงอนช่วยสมมุติตัวเป็นผมและผมสมมุติตัวเป็นคุณครูได้มั้ยครับ ผมจะได้จากวิธีการและคำพูดไว้"
" เข้าใจแล้ว เหมือนเล่นละครใช่มั้ยคะ"
"ครับ"
" เรื่องละครถนัดอยู่แล้ว ได้ค่ะ เริ่มเลยนะ"
งามงอนลุกขึ้น
"สมมุติที่นี่เป็นสวนดอกไม้นะคะ แม่ยาใจ คือคุณ นั่งอยู่คนเดียว ดิชั้น พล พัชราภรณ์เดินมาหา"
งามงอนเดินออกไปนอกประตูแล้วเดินเข้ามา แสร้งจริตเป็นผู้หญิง
งามงอนเรียก
"ยาใจครับ"
พลบีบเสียง
"อ้อ คุณพล เชิญนั่งสิคะ"
งามงอนทรุดตัวนั่งไขว่ห้าง
"นึกถึงผมหรือนึกถึงใครครับ"
"อุ๊ย คุณพลนี่ละ ดิชั้นจะไปนึกถึงใครละคะ เดี๋ยวหยิกให้ขาเขียวเชียว พลเอื้อมมือไปหยิกขา งามงอนสะดุ้งนึกแปลกใจ แต่พอเห็นหน้าซื่อๆจึงไม่คิดอะไรมาก
นอกห้อง นิกรกับเจ้าแห้วกลั้นหัวเราะลงไปดิ้น นิกรถึงกับเอามือจิกหัวตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียงออกมา
ภายในห้อง ที่ผมมาวันนี้ นอกจากจะมาเยี่ยมด้วยความคิดถึงแล้ว ยังมีเรื่องสำคัญอีกด้วย
"อะไรหรือคะ บอกดิชั้นมาเถอะค่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะคะ"
งามงอนจับมือพลไว้
"ยาใจ"
" ขา"
" ยาใจแม่ยอดรักของผม ผมรักคุณ รักมานานแล้วครับ"
"คุณรักดิชั้นหรือคะ"
" ครับ แล้วคุณละ"
ดิชั้นน่ะหรือคะ"
SERIES : พล นิกร กิมหงวน เดอะ มิวสิคัล สงวนลิขสิทธิ์ห้ามเผยแพร่ ดาเนินการผลิต : DREAM BOX
เพลงจั๊กจี้ใจ
(คำร้อง - ทำนอง พยงค์ มุกดา)
พล
(ญ.)โอย จั๊กจี๊หัวใจ ความรักมาจากไหน บินมาเกาะปุ๊ปที่กลางทรวง
มาเขี่ย มาคุ้ยให้รัก อุ๊ยคาว่ารักมันหนักมันหน่วง
กายใจที่เคยหวงห่วง โดนรักประท้วงก็เริ่มละลาย
งามงอน
(ช)โอย จั๊กจี้เสียจริง ชายก็เหมือนกับหญิงยามเมื่อความรักวิ่งเกาะใจ
มันเกิด ทีละนิด ละนิด แล้วก็ออกฤทธิ์ ฤทธิ์มันยิ่งใหญ่
รู้ตัวก็ที่ไหนได้ ความรักคับใจเสียจนแน่นอก
พล
(ญ)ใจจ๋า อย่าจั๊กจี้ อุ้ยรักคานี้ ดูซิ ดูซี มันทำตลก
มันตีลังกา มันเต้นชะช่าอยู่ในหัวอก
งามงอน
(ช)ใช่แล้วรักมันตลก มันบอกให้กกกอดกาย
พล
(ญ)โอย จั๊กจี้เสียจริง ยามเมื่อชายใกล้หญิง นิ้งจริงๆครึ่งตื่นครึ่งฝัน
งามงอน
(ช)ความรักพูดได้เชื่อไหม
พล
(ญ)มันบอกอย่างไร
งามงอน
(ช)มิให้ไหวหวั่น กอดจูบมิให้ตัวสั่น
พล
(ญ)หวั่นๆความรักมันจั๊กจี้
จู่ๆพลก็คว้าตัวงามงอนมาจูบอย่างหนักหน่วง
นิกรกับเจ้าแห้วตะลึงงันอยู่หน้าห้อง พลจูบงามงอนจนควันสีขาวขึ้นมาจากซอกคอของพล งามงอนตาเหลือกตกใจจนสิ้นสติ นิกรลุกขึ้นตาเถลือกกถลน วิ่งเข้ามา
"พล พล แก แก"
"รับประทานไฟไหม้ๆ"
พลตกใจเหมือนกันที่งามงอนสลบ เลยรีบอุ้มไปวางที่โซฟา หน้าตาพลเลอะเทอะไปด้วยลิปสติก
"ไม่ใช่เว้ย ไอ้แห้ว แกไปเอาแอมโมเนียชุบสาลีมาเร็ว"
แห้ววิ่งออกไป
"แต่..แกมีควันออกมาจากซอกคอเมื่อกี้"
พลกระชากลูกยางกับสายยางออกมาจากในเสื้อ
"กันอัดควันบุหรี่ไว้ในลูกยางเว้ย พอตอนจูบก็บีบลูกยางให้ควันออก งามงอนจะได้คิดว่าความรักของกันรุนแรงจนควันขึ้น "
" อ้อ อย่างนี้นี่เอง"
"ไปเปิดพัดลมให้หน่อยซีวะ"
นิกรเดินไปเปิดพัดลม
"ถ้างามงอนฟื้นขึ้นมาฟ้องคุณอาละก็ แย่เชียว"
" ดิชั้นไม่ฟ้องหรอกค่ะ"
สองเกลอสะดุ้ง กระโจนพรวดไปริมห้อง งามงอนลืมตาขึ้น
" ผม.เสียใจเหลือเกินครับ ที่ลืมตัวไปชั่วขณะ"
งามงอนยิ้มหวาน
"ไม่เป็นไรค่ะ พล คุณทำให้ดิชั้นมีความสุขอย่างแปลกประหลาด ไหนมาใกล้ๆสิคะ ดิชั้นจะเช็ดลิปสติกให้ ก้มหน้ามาสิคะ
พลก้มหน้าต่ำลงมา งามงอนตบหน้าฉาดใหญ่ แล้วหัวเราะอย่างสะใจ
นิกรเห็นแล้วจ็บแทน " อ๋อย"
เจ้าแห้ววิ่งเอาสาลีชุบแอมโมเนียขึ้นมา
"รับประทานแอมโมเนียครับ"
พลเอามือจับแก้ม
"คงไม่ต้องแล้วละ"
แห้วถาม
"รับประทานยาหม่องแทนมั้ยครับ"
เวลาเดียวกัน เจ้าคุณวิจิตร เจ้าคุณประสิทธิ์ คุณหญิงวาดกำลังนั่งทานน้าชาและของว่างกันในสวน
นันทาเพิ่งมาถึง เพื่อจะมารับเจ้าคุณวิจิตรและนิกรกลับบ้าน
นันทานั่งลงกราบ
"จะมารับคุณพ่อกับตากรหรือ"
" ค่ะ คุณอา"
"มาก็ดีแล้ว อามีอะไรจะถาม แม่ยาใจเพื่อนหลานน่ะ เค้ามีคู่รักหรือยัง"
นันทาหน้าซีด เพราะรู้ว่า คุณหญิงถามทำไม
"เอ้อ คุณอาอยากให้พลแต่งงานกับยาใจหรือคะ"
"ถูกแล้ว มันเป็นความดำริของอาเอง เพราะฉะนั้นแกน่ารู้ดีที่สุด ว่าเค้าเป็นคนนิสัยใจคอยังไง" ประสิทธิ์บอก
นันทาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ เจ้าคุณวิจิตรเหลือบมองลูกสาวด้วยความเห็นใจเพราะรู้ว่า นันทาแอบหลงรักพลมาแต่เล็ก
" ยาใจเค้าก็นิสัยดีมากค่ะ คุณอา"
"แกคิดว่าเค้าเหมาะสมกับตาพลมั้ย ยายนันW
นันทาพูดไม่ค่อยเต็มปากแค่ว่า "ก็..เหมาะสมกันดีค่ะ"
บ้านการุณวงศ์ นันทายืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นบน หน้าตาเศร้า
เพลงคะนึงครวญ
(ทำนอง หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุลX
นันทา
อยู่เดียวเปลี่ยวอกเอ๋ย ฉันเคยฟังเธอพร่ำ
นั่งเคียงสดชื่นล้า หวานคำฉ่ำทรวงใน
อกใจให้คิดถึง คะนึงถึงเธอได้
ฝากคำพร่ำกันไว้ เสียวใจให้รำพึง
ยามนอนต้องถอนใจ หวงคู่ฤทัยตรึง
ความรักให้ใจใฝ่ถึง ใจหวลคนึงทุกวัน
ฝากคำพร่ารำพึง คิดถึงตรึงตรามั่น
โอ้เธออย่าลืมฉัน ทุกวันคนึงครวญ
นันทานอนไม่หลับ ลุกและยกหมอนขึ้น เห็นมีรูปอยู่สองสามใบ เป็นรูปนันทาและพลตอนเด็ก กับนันทาและพลตอนโตเป็นหนุ่มสาว นันทานนอนลงมองหน้าพลในรูป
ยามนอนต้องถอนใจ หวงคู่ฤทัยตรึง
ความรักให้ใจใฝ่ถึง ใจหวนคะนึงทุกวัน
ฝากคำพร่ารำพึง คิดถึงตรึงตรามั่น
โอ้เธออย่าลืมฉัน ทุกวันคะนึงครวญ
นันทาถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม นันทาทนไม่ไหว จึงหยิบเสื้อคลุมนอนมาสวมแล้วเดินออกไปนอกห้อง ต้องการจะไปถามนิกรให้รู้เรื่องว่าพลรักยาใจจริงหรือเปล่า
นันทาเดินมาตามทาง ก่อนจะหยุดที่หน้าห้องนิกร เคาะประตู
" กร กร"
เงียบ
" กร พี่เองนะ เปิดหน่อยสิ พี่มีอะไรจะถามหน่อย"
เงียบ
" เรื่องสาคัญมากน่ะ"
เงียบ
" อย่าขี้เซานักเลย"
นันทาผลักประตูเข้าไป ประตูไม่ได้ลงกลอนไว้
นันทามองไปที่เตียง เห็นนิกรนอนคลุมโปงอยู่ในมุ้ง นันทาเดินไปหา นั่งบนเตียงแต่ยังไม่เปิดมุ้ง
"กร .. พลเค้ารักยาใจจริงเหรอ"
เงียบ
" ไม่จริงใช่มั้ย ตอบหน่อยสิ พี่กลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว"
เงียบผิดสังเกต จนชักรำคาญ
" กร!"
นันทาเอื้อมมือไปเปิดมุ้ง เห็นผ้าที่คลุมโปงอยู่ จับผ้าเปิดออก เห็นหมอนข้างมัดเป็นรูปคนวางอยู่บนหมอน ใส่เสื้อนอนเรียบร้อย
" หา! นิกร"
นันทานึกสังหรณ์ ไปเปิดตู้ในห้องดู เห็นขวดวิสกี้เต็มไปหมด แถมมีรูปนิกรและพลกอดจูบกับสาวเสิร์ฟที่แฮปปี้ฮอล
" เด็กเปรต!"
นันทาวิ่งออกมาจากห้อง ตะโกนดังลั่น
"คุณพ่อขา คุณพ่อ ตื่นเร็ว อีตากรก่อเรื่องแล้วค่ะ"
ภายในห้องโถง ไอ้แห้วนั่งพับเพียบ พนมมือแต้อยู่กับพื้น เจ้าคุณประสิทธิ์ถือไม้เท้ายืนอยู่กับคุณหญิงวาด คุณหญิงถือผ้าเช็ดหมากซับน้ำตา
" อ้ายลูกระยา นอกคอก หลอกพ่อหลอกแม่"
" ไอ้แห้ว บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้"
" รับประทาน ผมไม่รู้เรื่องจริงๆครับ"
"เอ็งไม่ต้องไขสือ ไม่งั้น หัวเอ็งต้องแตก"
"รับประทาน...รับประทาน"
คุณหญิงวาดบอก
"ไอ้เวรตะไล รับประทานอยู่นั่นละ เดี๋ยวแม่แพ่นกระบานแยก เอ็งรู้เห็นด้วยใช่มั้ยW
แห้วจะร้องไห้
"ขอรับ"
" มิน่าละ ถึงมีเงินใช้ฟุ่มเฟือย ชิชะ เงินเดือนเพียงหกบาท นุ่งกางเกงแพรสีตามวัน การงานก็ไม่ทา เอาแต่ป้อกับอีเล็กๆ โธ่ ไอ้..ไอ้หิ่งห้อย"
"เจ้าพลออกไปไหน ไปกับใคร บอกข้ามาเดี๋ยวนี้"
" รับประทาน รับประทาน ถ้าผมบอกผมก็โดนคุณพลเตะ"
"แต่ถ้าแกไม่บอก กบาลแกจะแยกเดี๋ยวนี้!" วาดเงื้อไม้ตะพด
แห้วเอามือกุมหัว "โอ๊ยๆ"
"ยังโว้ย!แต่จวนแล้ว"
อ่านต่อหน้า 4
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน อายผู้หญิง (ต่อ)
ภายในแฮปปี้ฮอลล์ วงดนตรีบรรเลงเพลง มีแขกเต้นราอยู่บนฟลอร์สามสี่คู่ แขกมีเยอะพอสมควร ในจำนวนแขก มีอาเสี่ยกิมหงวนอยู่ด้วย เพลงนี่แหละสวรรค์ บันดาลมาถึงท่อนกลาง
ดวงเดือนเอาเหล้ามาเสิร์ฟที่โต๊ะให้ พล นิกรที่ท่าทางเมาพอสมควรแล้ว ทั้งสองใส่สูทสากลสีเทาอ่อน เนคไทหลุดรุ่ย บนโต๊ะมีวิสกี้เปล่าหลายขวด
"เอ๊ะ เรณูไปไหนละจ๊ะวันนี้" พลถาม
" อยู่นั่นไงคะ" ดวงเดือนบอก
อาเสี่ยคนหนึ่งท่าทางเมามิใช่น้อย กาลังเต้นป้ออยู่กับเรณู อาเสี่ยท่าทางน่าหมั่นไส้มาก
"ไอ้เสี่ยคนนี้เป็นใครกันจ๊ะ ไม่เคยเห็นเลย" นิกรถาม
"อาเสี่ยกิมหงวน ลูกชายเจ้าสัว ห้างศิวิลัยซ์พานิชไงคะ" ดวงเดือนบอก
"ท่าทางไม่ถูกชะตาเลย ดูสิ ดูมันทำ"
อาเสี่ยกระโดดไปบนโต๊ะ ร้องและเต้น เรณูหัวเราะชอบใจ กิมหงวนกระโดดลงจากโต๊ะแล้วไปที่เวที ลากเรณูไปด้วย
"เกิดเป็นผู้ชาย ต้องใจกล้าจริง อยากจะเกี้ยวหญิงหญิง จะขืนมามัวแต่มอง ผู้หญิงรำคาญ นั่งนานนิ่งตรอง เบื่อผู้ชายจ๋องจ๋อง เหมือนคนไม่มีหัวใจ" กิมหงวนร้องเพลงเสียงอู้อี้
"ให้ทีก็ช้า ให้ท่าก็เฉย นี่แน่ะผู้ชายเอ๋ย ไม่มีไหวบ้างหรือไร ค่อนว่าดูที ค่อยมีน้าใจ เออให้มันมีไหว เสียแรงเราเป็นชายชาญ"
พลและนิกร กิมหงวน เรณู และวงดนตรี
"ขอเชิญมาฟัง เสียงเพลงเครงครวญ สาวหน้านวลนวล ท่าทีชม้อยดวงตาหวาน รักจะสำรวล ชวนใจสาราญ หาความเบิกบาน ให้อารมณ์สาเริงมาลอง (ซ้า *)
กิมหงวนหัวเราะด้วยท่าทางยียวนเป็นที่สุด
" เสี่ยกำแหงกับเสี่ยประชาอย่ายอม สู้เค้าสิคะ"
"ก็ได้"
พลและนิกรเดินไปที่เวที
" ขอประทานโทษนะครับ ช่วยหลบไปหน่อย" พลบอกกิมหงวน
" อุ๊ย อาเสี่ย"
"ขอโทษ คุณเป็นใครมิทราบ"
" ผม นายกำแหง" พลบอก
นิกร และผม นายประชา และคุณละ
"ผม เสี่ยกิมหงวน ไทยแท้"
" ถ้างั้น อาเสี่ยกิมหงวน ช่วยกรุณาหลบไปหน่อย เพราะเราสองคนกาลังจะขึ้นแสดงแล้ว
ไม่ทราบทุกท่านอยากจะดูการแสดงของเราสองคนหรือไม่"
แขกส่งเสียง "อยากดูๆ"
ทุกคนตบมือ
" ได้ยินแล้วใช่มั้ยครับ ขอเชิญลงจากเวที"
กิมหงวนฮึดฮัด
"เสี่ยกิมหงวนขา อย่าอารมณ์เสียเลยค่ะ ไปที่โต๊ะเราดีกว่า เดี๋ยวเรณูนวดให้นะ... คุณสองคนละก็..ใจเย็นๆสิคะ"
เรณูพากิมหงวนไป กิมหงวนหันมาชูกาปั้น ประมาณ ฝากไว้ก่อนเถอะ พลและนิกรหัวเราะกิ๊กกั๊ก ยกมือตอบ
นิกรกล่าวบนเวที
"ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ต่อไปนี้ เราสองคน นายกำแหงและนายประชาจะแสดงลำตัดให้ท่านดู เอามั้ยครับ"
ทุกคนร้อง " เอา"
ลาตัด
นิกร
หญ้าไทรชะแม่หนูเอยหญ้าปล้อง
หญ้าไทรกับหญ้าปล้อง เอาหญ้าปล้องกับหญ้าไทร
แขกช่วยกันตบมือเคาะโต๊ะตามจังหวะ
พลนิกรเมาแอ่นระแน้ร้องรามั่วไปเรื่อย
นักดนตรี
หญ้าไทรชะแม่หนูเอยหญ้าปล้อง
หญ้าไทรกับหญ้าปล้อง เอาหญ้าปล้องกับหญ้าไทร
นิกร
อ้ายควายตัวเมีย ออกลูกมาเป็นตัวเมีย เอิงเง้ย
อยู่ไปไม่นานออกลูกออกหลานมาเป็นตัวเมีย เอิงเง้ย
อยู่ไปอีกหน่อย มีลูกเป็นร้อยก็เป็นตัวเมีย เป๊กพ่อ
ทุกคนฮาตรึม เว้นกิมหงวน
ทุกคน
หญ้าไทรชะแม่หนูเอยหญ้าปล้อง
หญ้าไทรกับหญ้าปล้อง เอาหญ้าปล้องกับหญ้าไทร
หญ้าไทรชะแม่หนูเอยหญ้าปล้อง
หญ้าไทรกับหญ้าปล้อง เอาหญ้าปล้องกับหญ้าไทร
พล
อ้ายควายตัวผู้ออกลูกมาเป็นตัวผู้ เอิงเง้ย
อยู่ไปไม่นาน มีลูกมีหลานก็เป็นตัวผู้ เอิงเง้ย
อยู่ไปอีกหน่อย มีลูกเป็นร้อยก็เป็นตัวผู้ เป๊กพ่อ
ที่หน้าประตูแฮปปี้ฮอลล์ เจ้าคุณประสิทธิ์ เจ้าคุณวิจิตร คุณหญิงวาด เปิดประตูเข้ามา
ทุกคน
หญ้าไทรชะแม่หนูเอยหญ้าปล้อง
หญ้าไทรกับหญ้าปล้อง เอาหญ้าปล้องกับหญ้าไทร
พลอยู่บนเวที หันมาเห็น สะดุ้ง เอามือขยี้ตา นึกว่าตาฝาด ดูซ้าก็ยังใช่ ทุกคนหัวเราะดังลั่น
พลอุทาน
"คุณพ่อ! คุณพ่อและคุณลุงมา"
นิกรเย็นวาบไปทั้งตัว
"คุณพ่อ"
เจ้าคุณวิจิตร เจ้าคุณประสิทธิ์ และ คุณหญิงเดินตรงมาทางเวที แขกทุกคนชะงักตะลึงมองการเผชิญหน้า
ทันใดนั้นกิมหงวนลุกขึ้น
" อ้าว เฮ้ย พ่อใครมาน้าตาใครไหลเว้ย ฮ่ะๆๆๆ หุยฮา"
เจ้าคุณและคุณหญิงเดินมาหน้าเวที
"พ่อไม่นึกเลยว่า นิกรของพ่อจะเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ เจ้าหลานชาย ลุงกับพ่อแม่ของเจ้าได้มาเห็นชีวิตจริงของเจ้าในสถานที่นี้แล้วก็ปลาบปลื้มใจเหลือจะกล่าว ดูสิพล คุณแม่ของเจ้าดีใจจนน้าตาไหล"
วาดซับน้าตา ทั้งรักทั้งแค้น
"แก ..เลวมาก เลวทั้งสองคน แกเล่นละครให้ชั้นดูอยู่หลายปี ชั้นเคยคิดว่าแกทั้งสองเป็นเด็กดี แต่ที่ไหนได้ เหลวไหล ไม่รักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเลย! ไอ้ ..ไอ้"
ประสิทธิ์เห็นทุกคนมอง จึงนึกอาย
"ไปชำระกันที่บ้านเถอะ อายเค้าคุณหญิง"
" กลับบ้านเดี๋ยวนี้ พ่อมหาจาเริญ"
คุณหญิงวาดเดินนา ประสิทธิและวิจิตรเดินตามไป ตามมาด้วยพลและนิกรเดินคอตกผ่านโต๊ะแขกทั้งหลายออกไป
เมื่อผ่านกิมหงวน กิมหงวนก็ทาท่าหัวเราะไม่มีเสียงหัวสั่นหัวคลอน
นิกรทำปาก
"ฝากไว้ก่อนเหอะ"
" เอาคืนเมื่อไร บอก ฮิๆๆๆๆ"
ผู้จัดการรีบเปิดประตูให้แขกพิเศษและโค้งจนแทบติดพื้น คุณหญิง และสองเจ้าคุณเดินออกไป
พลนิกรเดินจ๋อยๆ กาลังจะออกจากประตูแฮปปี้ฮอลล์ไป พอดีผู้จัดการมาแอบกระซิบ
" วันนี้ยังไม่ได้ชำระเงิน แต่ไม่เป็นไรครับ สถานการณ์ฉุกเฉิน คราวหน้าค่อยมาจ่ายก็ได้ครับ"
พลและนิกรพนักหน้ารับแล้วรีบออกไป
กิมหงวนเคาะขวด
"ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน คืนนี้ กระผม เสี่ยกิมหงวน ไทยแท้ บุตรชายคนเดียวของ เจ้าสัวกิมเบ๊ หลานเจ้าสัวกิมไซ แห่งห้างศิวิลัยซ์พาณิช เจ้าของกิจการต่างๆมากมายจนนับไม่ไหว ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงทุกคนไม่อั้น เพราะผมมันรวย ฮ่ะๆๆๆ"
กิมหงวนหยิบแบงค์ร้อยขึ้นมาปึกหนึ่ง ฉีกให้โปรยปรายเล่น ทุกคนอ้าปากค้าง
อ่านต่อตอนที่ 2 ตอน หนุ่มรักสนุก