เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 1
ณ หมู่บ้านบริเวณตะเข็บชายแดน ปืนเอ็ม 16 ถูกกราดยิงขึ้นฟ้าหลายนัดดังลั่นสั่นสะเทือน กองกำลังติดอาวุธครบมือกลุ่มหนึ่ง กำลังฉุดกระชากลากตัวชาวบ้านออกมาจากบ้าน ทุกคนต่างส่งเสียงกรีดร้อง ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ขณะเดียวกัน ที่ลานกลางหมู่บ้าน รถจี๊ปสีดำทะมึนคันหนึ่งเข้ามาจอด ชายหนุ่มสวมแว่นตาเรย์แบน ในชุดทะมัดทะแมงสีดำก้าวลงจากรถ พลางถอดแว่นกันแดดออกเผยให้เห็นใบหน้าหล่อ คมคาย แต่แฝง ความ ร้ายกาจ
ทุกคนรู้จักเขา ในนาม “ฟ้าลั่น คำรามศึก” ชายหนุ่มวัย 25 ลูกชายคนเดียวของราชาค้ายาเสพติด ผู้ซึ่งถูกวางตัวให้สืบทอดบัลลังก์ของราชาค้ายาเสพติดต่อจากพ่อ
ฟ้าลั่นกวาดตามองกลุ่มชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีผู้หญิงกับเด็กปนอยู่บ้างไม่กี่คน พลางหันไป ถามลูกน้อง
“มันอยู่ไหน”
ลูกน้องพากันส่ายหัว ฟ้าลั่นขบกรามอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินผ่าเข้าไปในกลุ่มพวกชาวบ้าน ที่ ยกมือประสานท้ายทอยเอาไว้ตามคำสั่ง ก่อนที่จะพุ่งเป้าไปที่ชาวบ้านชายคนหนึ่ง พร้อมกับกระชากคอขึ้นมา ตะคอก ถามเสียงดัง
“มันอยู่ไหน”
คนที่ถูกตะคอกถามเงยหน้ามอง แล้วยิ้มกวนโทสะ ก่อนจะถุยใส่หน้าเต็มแรง ฟ้าลั่นชะงัก ยกมือปาด คราบน้ำลาย พลางปล่อยมือจากคอ แล้วผลักลงพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันไปถามคนอื่นต่อ
“ถ้าพวกมึงไม่ส่งตัวไอ้สายสืบมาให้กู หมู่บ้านของพวกมึงจะถูกลบออกจากแผนที่”
จบประโยค ฟ้าลั่นก็ชักปืนกระหน่ำยิงใส่เจ้าคนที่ถุยน้ำลายใส่หน้าตายคาที่ ต่อหน้าทุกคนอย่าง โหดเหี้ยม
ที่ลำน้ำข้ามพรมแดน กลุ่มชาวบ้านที่ทั้งหมด ที่เป็นผู้หญิง คนแก่และเด็ก พากันทยอยลุยน้ำ เพื่อขึ้นไป ที่ตลิ่งอีกฝั่ง “เชน พนัญเชิง” ตชด.หนุ่มหน้าเข้ม วัย 20 ต้นๆ บุคลิกดูห้าวๆ ลุยๆ กำลังช่วยอุ้มเด็กตัวเล็กๆ พามาส่ง ถึงมือแม่ที่รออยู่
“ลูกแม่ ฮือๆๆ แล้วน้องเอ็งล่ะ น้องเอ็งอยู่ไหน”
หญิงชราสะอึกสะอื้น ถามกับลูกชายตัวน้อย
“น้องยังอยู่ที่หมู่บ้านจ้ะแม่”
ผู้เป็นแม่ถึงกับหน้าสลด จนเชนต้องปลอบใจ ด้วยการบีบไหล่ พลางพยักหน้าเป็นเชิงให้คำมั่นว่า จะเป็นธุระจัดการให้เอง จากนั้นก็รีบลุยน้ำย้อนกลับไป
ครู่หนึ่ง ทองสุก เป็นเพื่อน ตชด.ของเชน ที่รับหน้าที่พาชาวบ้านไปที่ปลอดภัย ก็เข้ามาถามหากับเด็กที่เชนช่วยพาข้ามลำน้ำมา
“ไอ้เชน พวกชาวบ้านปลอดภัยแล้ว ไอ้เชนอยู่ไหนวะ เห็นมันมั้ยหนู”
เด็กน้อยยกมือชี้นิ้วย้อนกลับไปที่หมู่บ้าน ทองสุกตกใจหน้าเสีย
“ไอ้เชน บรรลัยล่ะสิมึง”
ขณะที่เชนรีบวิ่งย้อนมาที่หมู่บ้าน แอบไปซุ่มอยู่หลังต้นไม้ มองไปที่กลุ่มชาวบ้าน ที่กำลังถูกฟ้าลั่น คุมตัว
ฟ้าลั่นยกปืนเล็งชาวบ้านผู้ชายอีกคนที่ยังไม่ยอมปริปากพูด กระสุนเจาะป็นศพที่ 2 คนที่เหลือตัวสั่นงันงก ด้วยความตกใจกลัว หญิงสาวคนหนึ่งหน้าซีด เหงื่อแตกท่วม พลางกอดลูกไว้แนบอก ฟ้าลั่นหันไปมอง แล้ว ยิ้มร้าย
“ถ้าคิดว่าการปกป้องไอ้สายสืบคนนั้น จะช่วยทำให้ข้า ฟ้าลั่น คำรามศึก ถูกกวาดล้าง ล่ะก็ ไอ้พวกโง่ เอ้ย ทำงานปลูกฝิ่นมีกินไปวันๆดีๆไม่ชอบ ชอบตายฟรีซะงั้น”
พูดพลางมันก็พยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปกระชากตัวผู้หญิงขึ้นมาและจับแยกจากเด็ก ก่อนที่จะจิกหัว หญิงสาวแน่น
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าพวกเอ็งยังไม่เปิดปากพูด ศพต่อไปคือนังนี่ และถ้ายังไม่พูดอีก ศพต่อไปก็คือ ไอ้เด็กนั่น”
เชนที่แอบซุ่มดูอยู่ถึงกับขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ พลางชักปืนพกขึ้นมากำไว้แล้วยกเล็งไป ที่ ฟ้าลั่น ที่กำลังตะคอกใส่ชาวบ้าน
“ข้าจะนับแค่สาม หนึ่ง สอง”
เชนเล็งนิ้วแตะไก แต่ติดที่หญิงสาวที่ถูกฟ้าลั่นจับตัวเอาไว้ บังเป้าทำให้ยิงไม่ได้ วินาทีนั้น เชนเลย ต้องตัดสินใจ ขณะที่ฟ้าลั่นนับถึงสาม
“สาม”
ฟ้าลั่นจ่อปืนเตรียมยิงหญิงสาว แต่ทันใดนั้นเสียงเชนก็ดังขึ้น
“หยุด คนที่แกต้องการตัวอยู่นี่แล้วเว้ย”
เชนเดินชูมือเข้ามา ฟ้าลั่นชะงักหันไปมอง แล้วค่อยๆ ลดปืนจากหญิงสาว พลางจ้องเขม็งไปที่เชน แล้วยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกาย พวกลูกน้องกรูกันเข้าไปเอาปืนจ่อเชน และจัดการปลดอาวุธ ก่อนที่จะผลักเชนไปหาฟ้าลั่น
“โผล่หัวมาจนได้” ฟ้าลั่นคำรามเสียงดัง “จะให้ข้าเรียกเอ็งว่าอะไรดีวะไอ้สายสืบ ชื่อเอ็งจะได้ปักไว้บน หลุมศพ เตือนพวกของเอ็งว่าทีหลังอย่าสะเออะคิดมากวาดล้างข้า”
เชนจ้องหน้าฟ้าลั่นเขม็ง ดวงตาแข็งกร้าวแอย่างไม่กลัวเกรง
“ข้า เชน พนัญเชิง ชื่อนี้จะถูกจารึกไว้ว่ามันคือคนเด็ดหัวไอ้ฟ้าลั่น”
ฟ้าลั่นกำหมัดแน่นแล้วซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้า จนเชนทรุดฮวบหมดสติ
เสียงหัวเราะของเชนกับเนื้อทอง ดังประสานกันก้องไปทั่วบริเวณท้องทุ่งนาอันเขียวขจี ขณะที่สอง หนุ่มสาววิ่งไล่จับกันอย่างมีความสุขฉันคนรัก เชนไล่ทันเนื้อทองแล้วดึงเธอมาโอบกอดเอาไว้ สองหนุ่มสาวซบตาซึ้ง เชนเชยคางหญิงอันเป็นที่รักขึ้น หมายจะจูบ แต่เนื้อทองรีบเอามือแตะริมฝีปากเขาให้หยุด
“ไหนบอกจะรอจนกว่าจะถึงวันวิวาห์ไง”
เชนมองหน้าสาวคนรัก แล้วพูดอ้อนๆ
“แค่จูบเองนะ”
“ให้จูบนึงก็จะขออีกจูบนึง ให้อีกจูบนึงก็จะขอ”
เนื้อทองพูดไป ก็หน้าแดงไป จนไม่กล้าพูดต่อ พลางรีบกลบเกลื่อนอาการเขินอายด้วยการผลักเชน เบาๆ
“ฉันเกิดมาเพื่อเป็นของเธอคนเดียวนะเชน เธอต้องอดทนรอฉันให้ได้สิ”
พูดจบ เนื้อทองก็รีบวิ่งออกไปตามคันนา เชนมองตามยิ้มมีความสุข พลางตะโกนเสียงดัง
“ฉันรักเธอ เนื้อทอง ได้ยินมั้ยว่าฉันรักเธอ”
เชนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อถูกน้ำสาดโครมใหญ่ ก่อนจะพบว่าตัวเองถูกจับมัดคุมตัว เอาไว้ที่ค่ายของฟ้าลั่น
“อย่าเพิ่งหลับฝันหวานสิวะไอ้เชน ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ แต่เป็นนรกบนดินของเอ็ง”
ฟ้าลั่นแสยะยิ้ม พร้อมๆ กับซัดหมัดเข้าหน้าเชนจนเลือดกบปาก เชนหันมาจ้องหน้ามันเขม็ง อย่างไม่มี ทีท่าหวั่นเกรง
“นี่น่ะเหรอวะ ฝีมือของลูกชายราชาค้ายาเสพติดสามแผ่นดิน เด็กในหมู่บ้านที่แกบังคับ ขู่เข็ญให้ พวกเขาปลูกฝิ่นให้ มันยังต่อยหนักกว่าเลยเว้ย”
“ปากเก่งนักนะมึง” ฟ้าลั่นถลึงตาใส่ “อยากเจอหนักๆใช่มั้ย ได้ ฟ้าลั่นชื่อกูได้มาเพราะอะไร เดี๋ยว มึงจะรู้”
ฟ้าลั่นหักนิ้วดังกร่อบ แล้วระดมหมัดหนักๆ ซัดใส่เชนไม่ยั้ง
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณภายนอกค่าย ทองสุกพร้อมกำลัง ตชด. อีก 6-7 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ แต่เมื่อทุกคนกวาดตาดูรอบๆ ก็พบว่ากองกำลังของฟ้าลั่น กระจายอยู่รอบๆ มีจำนวนมากกว่า
“เอายังไงครับหมวด พวกมันมีมากกว่าเรา จะรอกำลังเสริมหรือจะลุยเลย”
ตชด. นายหนึ่ง หันมาถามทองสุก
“ไอ้เชนอยู่ข้างใน..ถ้าช้ากว่านี้..มันเสร็จไอ้ฟ้าลั่นแน่ ยังไงผมก็ต้องเสี่ยง”
ตชด.ที่เหลือหันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเอาด้วย ทุกคนยื่นมือออกมา วางซ้อนกัน มือของทองสุกวางเหนือสุด
“เพื่อเพื่อน เพื่อมาตุภูมิ”
ทุกคนพยักหน้าเอาจริง ก่อนจะแยกย้ายตามสัญญาณมือที่ทองสุกแบ่งกำลังคนกระจายออกไป
ทางด้านเชน ก็โดนฟ้าลั่นซ้อมจนสะบักสะบอม แทบจะหมดแรง แต่ก็ยังทำแข็งใจหัวเราะเยาะเย้ย
“หึๆๆ ถ้าชื่อฟ้าลั่นของแกได้มาเพราะฝีมือแค่นี้ ไว้ลากคอไอ้ลายเสือพ่อแก เข้าคุกได้เมื่อไหร่ ฉันจะ บอกมันให้ว่ามันคงโดนเมียสวมเขา เอาลูกชู้มาให้มันเลี้ยง”
“ไอ้เชน”
ฟ้าลั่นโกรธจนควันออกหู พลางชักปืนออกมาแล้วจ่อไปที่เชน นิ้วแตะไกเตรียมจะยิงทิ้ง แต่เชน กลับจ้องปากกระบอกปืน อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ให้มึงตายง่ายๆ ไม่สะใจกูหรอก”
ฟ้าลั่นยิ้มเหยียดๆ ก่อนจะเก็บปืนในมือ แล้วหันไปคว้าปืนลูกโม่ออกมา เทกระสุนในรังเพลิงออกจน เหลือแค่นัดเดียว แล้วยกขึ้นเล็งไปที่เชน
“มาวัดดวงกันว่ามึงจะหายใจได้อีกกี่เฮือก”
ฟ้าลั่นเหนี่ยวไกปืนแล้วยิง
“แชะ”
นัดแรกเชนรอดไปได้
ทางบริเวณนอกค่าย ทองสุกกับพรรคพวก ตชด. ก็ค่อยๆคืบคลานเข้าจู่โจม ลูกน้องฟ้าลั่นที่เฝ้า อยู่หน้าบังเกอร์ปืนกล ทองสุกรุกเงียบๆ ก่อนที่พวกมันจะทันรู้ตัว พลางย่องเข้าไปใช้มือปิดปากแล้วใช้มีดสปาร์ต้า กระซวกแทงทีเดียวตายคาที่
ตชด.อีกคนก็จัดการกับไอ้คนที่คุมปืนกล จากนั้นทองสุก ก็หันไปให้สัญญาณมือให้ทุกคนบุกต่อ แต่ระหว่างนั้นลูกน้องฟ้าลั่นกลุ่มนึงเดินเวรยามเข้าเจอพอดีเลยยกปืนขู่
“เฮ้ย หยุดนะเว้ย”
ทองสุกกับพรรคพวก ยกปืนขึ้นประจัญหน้ากับพวกมัน แบบตาต่อตา ปืนต่อปืน
“ยอมรับเลยว่ะ ดวงเอ็งมันแข็งจริงๆ แต่ไม่ตลอดหรอกไอ้เชน นัดนี้..เอ็งโดนแน่”
ฟ้าลั่นจ้องหน้าเชนเขม็ง หลังจากที่ยิงเชนนัดที่สอง แต่ผลก็ยังออกมาเหมือนเดิม แต่ขณะที่มัน กำลังจะลั่นไกนัดที่สาม เสียงปืนดังจากนอกเต๊นท์ ก็ดังปังอย่างต่อเนื่อง ฟ้าลั่นชะงักมือ พร้อมๆ กับที่ลูกน้อง คนหนึ่ง เข้ามาตาม
“พวกมันบุกมาแล้วหัวหน้า”
ฟ้าลั่นกำหมัดแน่น “กล้ามาเหยียบถึงค่ายกูแบบนี้ อย่าให้มันรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
พูดพลางวางปืนลูกโม่ลงบนโต๊ะแล้วหันไปสั่งลูกน้องที่เหลืออยู่คนหนึ่ง
“เฝ้ามันเอาไว้”
สั่งเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวตามลูกน้องคนแรกออกไป ทิ้งเชนอยู่กับลูกน้องของมันสองต่อสอง
ฟ้าลั่นเดินออกมาด้านนอก ก่อนที่จะรับปืนเอ็ม 16 จากลูกน้องแล้วยกขึ้นกราดยิงไปยั้ง จนทองสุกกับ พวกต้องกระโจนหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ทองสุกเห็นคนของตัวเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บไปคนหนึ่ง ก็ตัดสินใจเอาระเบิด ลูกเกลี้ยง ออกมาถอดสลักแล้วโยนออกไป ลูกระเบิดตกลงใกล้ๆ กับฟ้าลั่น มันรีบกระโจนเข้าไปหลบที่หลังบังเกอร์
“ตูม”
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ควันลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ลูกน้องฟ้าลั่น ที่เฝ้าเชนอยู่ ได้ยินเสียงระเบิดดังจากข้างนอก ก็เริ่มวิตก เชนได้ที ก็รีบขู่ “หน่วยของข้าทุกคนถูกฝึกมาให้พร้อมตายในสนามรบ ถ้าเอ็งยังอยากมีชีวิตรอดออกไป กลับตัว กลับใจตอนนี้ยังทัน”
“ไอ้ขี้คุย อวดเก่งไปเถอะ” ลูกน้องฟ้าลั่นไม่คล้อยตาม ตรงกันข้ามกลับชักมีดพกออกมา พร้อมขู่กลับ “เอาแผลเป็นบนหน้าสักแผลก่อนแล้วกัน”
“เอาสิ ถ้าเอ็งคิดว่าเล่นงานข้าได้”
ลูกน้องฟ้าลั่นปรี่เข้าไปจะเล่นงานเชน ที่รอจังหวะอยู่แล้ว พอมันโผเข้ามา เชนก็ใช้ขาที่ไม่ได้ถูกมัดเตะ เสย จนมันสลบเหมือดคาที่ ฟุบลงตรงหน้า จากนั้นเชนก็หันมองปืนลูกโม่ที่ฟ้าลั่นทิ้งเอาไว้
หลังกลุ่มควันจากระเบิดจางลง ทองสุกพร้อมพรรคพวก ก็ลุกขึ้นมากราดยิงใส่พวกกองกำลังของฟ้าลั่น จนพวกมันเริ่มแตกกระเจิง
จากนั้นก็นำทีมเดินเข้าไปที่หลังบังเกอร์ เพราะคิดว่าฟ้าลั่นน่าจะจนมุมอยู่ตรงนั้น แต่เมื่อไปถึงกลับพบ แต่ศพของลูกน้อง นอนตายอยู่ในนั้น
ทันใดนั้นเสียงปืน ก็ดังขึ้นถี่ยิบ ทองสุกกระโจนหลบ ก่อนจะหันไปเห็นฟ้าลั่นขับรถจี๊ป หนีออกไปจาก ค่าย พร้อมกับลูกน้องคนหนึ่ง คล้อยหลังเพียงครู่เดียว เชนก็บิดมอเตอร์ไซค์ของพวกมันไล่ตามพวกมันตามไปติดๆ
ทองสุกเห็นเชนปลอดภัย ก็เริ่มยิ้มออก “ไอ้เชน”
ฟ้าลั่นขับรถจี๊ปหนีการไล่ล่าจากเชนที่บิดมอเตอร์ไซค์ไล่มาตามหลังมาไปบนถนนลูกรัง ขณะเดียวกันลูกน้องของฟ้าลั่น ก็พยายามยิงใส่เชน แต่ก็ยิงไม่ถูก หนำซ้ำยังเจอกระสุนจากเชนเข้าไปได้รับบาดเจ็บ ฟ้าลั่นขับเข้า ข้างทาง พลางแตะเบรคจนรถจอดสนิท ก่อนจะหันไปมองหน้าลูกน้องที่กำลังหายใจพะงาบๆอย่างโหดเหี้ยม
“มึงไม่ได้ตายเปล่าแน่”
เชนบิดมอเตอร์ไซค์มาจอดห่างจากรถจี๊ปในระยะที่ปลอดภัยแล้วลงจากรถพร้อมยกปืนคุมเชิง
“แกไม่มีทางหนีแล้วไอ้ฟ้าลั่น ถึงเวลาที่ต้องไปชดใช้กรรมในคุกแล้ว”
พูดพลางก็ถือปืนขยับเข้าไปใกล้รถจี๊ป แต่พอเข้าไปเห็นชัดๆ กลับเจอแต่ลูกน้องนั่งหายใจพะงาบๆ ในมือกำลูกระเบิดที่ถูกถอดสลักเอาไว้แล้วแน่น ก่อนที่มือที่กำระเบิดก็คลายออก ลูกระเบิดกลิ้ง ตกจากมือ เชนตกใจ หน้าเสีย รีบกระโจนออกมา
“ตูม”
เสียงระเบิดดังลั่น ลูกไฟดวงใหญ่แดงฉาน
เชนกระโจนกลิ้งไปตามพื้นก่อนจะแน่นิ่งไป
ทองสุกกับเพื่อนตชด. ช่วยกันหิ้วปีกเชนพาเข้ามาที่เต๊นท์พยาบาลอย่างชุลมุนวุ่นวาย
“หมอ หมอ หมอโว้ย”
หมอเดินออกมาจากด้านใน เห็นเชนในสภาพได้รับบาดเจ็บ แผลไฟไหม้ระดับสอง ก็รีบเอาขึ้นไปไว้ บนเตียง เชนบีบมือทองสุกแน่น สีหน้าจริงจัง
“อย่า อย่าให้มันหนี หนีไปได้”
ทองสุก มองหน้าเชน แล้วส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะว่ะเพื่อน อย่าเพิ่งใจเสาะตายง่ายๆ เอ็งต้องเขียน จดหมายไป เล่าวีรกรรมวันนี้ให้เนื้อทองฟัง ไม่ใช่ข้าที่ต้องเขียนจดหมายไปบอกเขาว่า ไอ้เชนตายในหน้าที่”
เชนพยักหน้ารับก่อนจะแน่นิ่งหมดสติไป ทองสุกจึงรีบช่วยพยุงพาเชนเข้าไปให้หมอรักษา
เมื่อหมดสติไป เชนก็เห็นภาพตัวเองกำลังตอกตะปูฝาผนังเรือนหอที่ยังสร้างไม่เสร็จดี ระหว่างนั้น เนื้อทองก็ปั่นจักรยานเข้ามาเหมือนหนีอะไรบางอย่างจนจักรยานล้มลง เชนรีบปีนจากนั่งร้านลงมาหาอย่างเป็นห่วง
“เนื้อทอง เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บตรงไหนบ้าง”
เนื้อทองตกใจกลัว ตัวสั่น หน้าตาเป็นกังวล “เชน ฉัน ฉันกลัว”
เนื้อทองกอดเชนแน่นและสั่นเป็นลูกนกในอ้อมกอดของเชน
“เกิดอะไรขึ้น เธอกลัวอะไร บอกฉันมา”
“เอ่อ คือ” เนื้อทองอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลบสายตาวูบ
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเชน”
เชนส่ายหน้า เหมือนไม่เชื่อในคำแก้ตัว
“ไม่มีอะไรได้ยังไง กลัวจนตัวสั่นขนาดนี้ เธอหนีใครมา”
ขณะที่เนื้อทองยังหลบตาไม่กล้าบอก
“ไอ้ชาติใช่มั้ย มันมายุ่งกับเธออีกใช่มั้ย ไอ้ชาติ ชาติหมา”
เชนผละจากเนื้อทองแล้วจะไปเอาเรื่อง แต่เนื้อทองรีบดึงเชนเอาไว้
“อย่านะเชน อย่าไปยุ่งกับพวกมัน มันไม่คุ้มกันหรอก อย่าเอาอนาคตของเธอไปให้มัน ทำลายเลย”
เชนส่ายหน้าเบาๆ แววตามุ่งมั่น
“แต่ฉันไม่กลัวมัน ต่อให้อิทธิพลของพ่อมันจะค้ำฟ้าแค่ไหน ที่ยืนพวกมันก็มีแค่สองฝ่าเท้าเท่ากับฉัน”
“แต่นี่อผาปืนแตกนะเชน เธอก็รู้ดีว่าไม่เหมือนที่อื่น”
เชนนิ่งไป พลางขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ เนื้อทองสวมกอดเชน พร้อมๆ กับโอบเอวเอาไว้แน่น
“ขอร้องนะเชน อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับพวกมัน รีบสร้างเรือนหอของเราให้เสร็จ เราจะได้แต่งงานกัน เร็วๆ มันจะได้เลิกยุ่งกับชั้นซะที นะจ๊ะเชน”
จบประโยค เนื้อทองก็ซบหน้าลงบนแผ่นหลังของเชน ที่เริ่มนิ่งสงบลงมา และจ้องมองไปที่เรือนหอ ที่กำลังสร้างอยู่
“ฉันจะเร่งสร้างเรือนหอของเราให้เสร็จ มันต้องเป็นสรวงสวรรค์กลางนรกบนดิน”
พูดพลางก็หันมากอดเนื้อทอง สลับกับมองเรือนหอกำลังก่อสร้างด้วยความหวัง อันเรืองรอง
ขณะอาทิตย์กำลังจะอัศดง บรรยากาศโพล้เพล้ บรรดา ตชด.หลายนาย บ้างก็ออกกำลัง บ้างก็นั่ง เขียนจดหมาย ถึงครอบครัว บ้างก็นั่งดูรูปลูกเมีย เชนเดินออกมาจากเต๊นท์พยาบาล สวมเสื้อทับหลวมๆ ที่ลำตัวยังมีผ้า พันแผลเอาไว้เต็ม พลางปรายตาไปเห็นทองสุกกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายอย่างลำบาก
“ถึงยุพินที่รัก”
ทองสุกนิ่งไปครู่ก่อนจะขยำกระดาษทิ้ง
“ไม่ดี ไม่ดี เอาแบบนี้ดีกว่า..ถึงยุพินที่รัก ที่ไม่ได้เขียนจดหมายหาเธอ ไปหลายวัน เพราะเกิดการปะทะ กับพวกค้ายา ฉันต้องบุกเข้าไปลุยกับพวกมันด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่า”
“เฮ้ย เขียนไปดุเดือดเลือดพล่านแบบนั้น เดี๋ยวแฟนเอ็งก็หัวใจวายตายก่อนจะอ่านจดหมาย จบกัน พอดีหรอกไอ้ทองสุก”
เชนเหลือบเห็นเนื้อความในจดหมาย ก็อดที่จะทักท้วงไม่ได้
“อ้าวไอ้เชน. ถ้ายังไม่หายดีก็กลับไปนอนพักอย่ามายุ่งกับข้าเว้ย”
“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ข้าช่วย ไอ้จดหมายขอแต่งงานของเอ็งเนี่ย เขียนไปขยำไปมากี่เที่ยวแล้ว ข้ากลัวว่ายุพินจะรอไม่ไหว หนีไปแต่งงานกับคนอื่นก่อนน่ะสิวะ”
ทองสุกหันขวับไปถลึงตาใส่เชน
“อ้าว ไอ้ปากหมา ข้าไม่ใช่ทั้งยอดนักรบยอดนักรักแบบเอ็งนี่หว่า ไปเลย กลับเข้าเต๊นท์ ไป ทีหลังถ้าเอ็ง เดือดร้อนข้าจะไม่ลุยไปช่วยอีกแล้ว”
พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาพยายามจรดปากกาเขียนจดหมายต่อ ขณะที่เชนยืนเหล่มองอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับตัวไปไหน
“เออก็ได้วะ” ทองสุกเริ่มยอมแพ้ “ไหนๆก็ไหนแล้ว ช่วยข้าอีกสักฉบับแล้วกัน”
เชนได้ยินก็หัวเราะร่า “ ก็แค่นี้แหละวะเพื่อน ถึงเวลาก็ต้องพึ่งมืออาชีพ พวกเรามาอยู่แนวหน้า มา รักษาอธิปไตยให้คนอยู่แนวหลัง จะเขียนจดหมายถึงคนที่เรารัก มันต้องเขียนมาจากข้างใน”
จบประโยคของเชน ตชด.คนอื่น ก็รายล้อมเข้ามาให้เชนเขียนจดหมายให้บ้าง
ณ บริเวณริมถนนสายหนึ่งในกรุงเทพฯ กลุ่มนักโทษชั้นดีที่ใกล้จะได้รับอิสรภาพในไม่กี่เดือน กำลังช่วย กันทำงานลอกท่อระบายน้ำเป็นสาธารณประโยชน์ มีผู้คุมเรือนจำดูแลความเรียบร้อย
“เพลิง พญาไฟ” ชายหนุ่มหน้าตาดี มาดนิ่ง สุขุม สไตล์พูดน้อยต่อยหนัก กำลังออกแรงดึงรอกที่ตัก สิ่งปฏิกูลขึ้นมาจากท่อระบายน้ำแล้วเทลงถัง ในสภาพเนื้อตัวมอมแมม พลางหันไปเห็นเพื่อนนักโทษตัวเล็กๆ ผอมๆ สวมแว่นตาหนาเตอะทำท่าจะเป็นลมเพราะ แดดเปรี้ยงๆ
“เป็นไง ไหวรึเปล่า”
“หน้าจะมืดว่ะ”
“วันนี้แดดแรง ข้าว่าเอ็งไปนั่งพักก่อนเถอะ”
เจ้าแว่นส่ายหน้า “อย่าเลย เดี๋ยวผู้คุมจะหาว่าข้าสำออย”
“ไม่หรอก ถ้าพวกเราไม่ใช่นักโทษที่มีความประพฤติดี ใกล้จะได้พ้นโทษ คงไม่ได้รับ อนุญาตให้มา ทำงานสาธารณประโยชน์ข้างนอกนี่หรอก”
จบประโยคก็ช่วยพยุงเพื่อนนักโทษแล้วเดินไปหาผู้คุม
“ขอพักหน่อยนะครับผู้คุม”
ผู้คุมมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือให้เพลิงพาเพื่อนไปพักที่ใต้ต้นไม้ ระหว่างนั้นเพลิง ก็ปรายตามองเห็นไอ้ลัก-ไอ้ยม คู่หูนักโทษที่ทำทียืนกินน้ำ ด้วยท่าทางมีพิรุธ และเมื่อเพ่งมองอย่างจับสังเกตก็เห็นพวกมันแอบพกมีดเหน็บไว้ที่หลัง
ไอ้ลัก-ไอ้ยมพยักหน้าให้สัญญาณว่าพร้อม จากนั้นไอ้ลักก็ปรี่เข้าไปหาผู้คุมคนหนึ่งแล้วเอามีดพก กระซวกแทงอย่างแรง ผู้คุมอีกคนหันมาเห็น ก็ชักปืนเตรียมจะยิง แต่ก็ยังช้ากว่าไอ้ยม ที่ปามีดใส่ จนล้มลงไปนอนกองกับพื้น จากนั้นพวกมันก็แย่งปืนจากผู้คุม แล้วยิงใส่คนอื่นๆ ก่อนจะพากันวิ่งหนีแล้วเข้าไปจับตัวหญิงสาว คนหนึ่งที่เดิน ผ่านมาเป็นตัวประกัน
“อย่านะเว้ย ไม่งั้นอีนี่ตายแน่”
พวกผู้คุมที่เหลือไม่มีใครกล้าทำอะไร ไอ้ลักไอ้ยมจึงรีบพาตัวประกันหนีออกไปทันที
เพลิงมองตาม พวกมันด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จากนั้นไอ้ลัก ไอ้ยม ก็ลากตัวหญิงสาวตัวประกันเข้ามาหลบในตึกร้างแห่งหนึ่ง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
หญิงตัวประกันร้องโวยวายเสียงดัง
“หยุดแหกปากซะที หนวกหูเว้ย”
พูดจบ ไอ้ลักก็ชกเข้าที่ท้อง หญิงสาวจุกตัวงอ ไอ้ยมเห็นเข้า ก็ตวาดลั่น
“เฮ้ย ทำอะไรของเอ็งวะ นังนี่เป็นตัวประกัน ถ้ามันตายขึ้นมา เราจะหนีไปได้ยังไง”
“ข้าไม่ฆ่ามันหรอกเว้ย แค่รำคาญ” พลางจิกหัวหญิงสาวขึ้นมามองหน้า “ถ้าแกยังไม่ เลิกตะโกน หนวกหูล่ะก็ จะตบให้เลือดกบปาก เข้าใจมั้ย”
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างกลัวๆ ขณะที่ไอ้ลักเริ่มพิจารณาดูอย่างละเอียด เห็นว่าหญิงสาวที่จับมาผิวพรรณดูดี แถมยังหน้าตาสะสวย
“หน้าตาดีนี่ หุ่นก็ใช้ได้ น้อง สาวโชคดีนะเนี่ยที่บังเอิญมาเจอพี่”
“อย่า อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน”
หญิงสาวหน้าซีด ตัวสั่น ไอ้ลักจ้องมองด้วยสายตาหื่นกระหาย
“พวกพี่อยู่แต่ในคุกมานาน เจอดอกไม้งามแบบนี้ จะไม่ให้เด็ดดมเลยได้ไงจ๊ะคนสวย”
แต่ก่อนที่มันจะลากตัวหญิงตัวประกันไปทำมิดีมิร้าย เสียงของเพลิงก็ดังเข้ามาขัดจังหวะ “เดี๋ยว”
พลางชูสองมือเหนือหัว ให้เห็นว่ามามือเปล่า ไอ้ยมยกปืนขู่
“เอ็งเป็นใครวะ ตามพวกข้ามาทำไม”
“ข้า เพลิง พญาไฟ ข้าวางแผนหนีไว้เหมือนกัน แต่พวกเอ็งชิงลงมือซะก่อน ถ้าพวกเอ็ง อยากรอด ข้าช่วยให้พวกเอ็งหนีตำรวจได้”
ไอ้ลักกับไอ้ยม หันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะพร้อมใจกันหันไปมองไปที่เพลิงอย่างสนใจ
ผู้คุมที่ได้รับบาดเจ็บถูกพาตัวขึ้นรถพยาบาล ขณะที่นักโทษที่เหลือถูกคุมตัวพาขึ้นรถคุมขัง กลับ เรือนจำ ระหว่างนั้นผู้กองสมานเดินเข้ามา
“ผมผู้กองสมาน แสนธรรม ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุนักโทษทำร้ายผู้คุมและจับตัวประกันหนี”
“ครับผู้กอง มันฆ่าผู้คุมตายไปสองคน ได้ตัวประกันเป็นหญิงสาวคนหนึ่งไปด้วย”
“นักโทษที่หนีไปชื่ออะไรบ้าง”
“ไอ้ลักกับไอ้ยม สองคนนี่มันเป็นพี่น้องกัน ติดคุกคดีปล้น ข่มขืน ส่วนอีกคนที่หายตัวไป ด้วยมันชื่อ เพลิง พญาไฟ “
เมื่อได้ยินคำว่าเพลิง พญาไฟ ผู้กองสมาน ก็ถึงกับชะงัก
“ว่าไงนะ ไอ้เพลิง พญาไฟเหรอ”
“ครับ ผู้กองมันติดคุกคดี”
ผู้คุมยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ผู้กองสมานก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“ไม่ต้อง ผมรู้ว่ามันทำเรื่องระยำอะไรไว้ ผมนี่แหละที่เป็นคนลากคอมันเข้าคุกเอง ไอ้เพลิง สันดาน โจรมันก็คือโจร ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้หรอก”
ทางด้านเพลิง ก็เดินนำหน้าไอ้ลัก-ไอ้ยม ที่คุมตัวหญิงสาว ออกมาจากตึกร้างมาด้วย
“เฮ้ย เอ็งจะพาพวกข้าไปไหนวะไอ้เพลิง”
ไอ้ยมอดถามไม่ได้
“วิธีการหนีของพวกเอ็งมันโฉ่งฉ่างเกินไป ฆ่าผู้คุมตายไปสองคนแบบนั้น ตำรวจต้องพลิกแผ่นดิน ตามล่าพวกเอ็งแน่”
ไอ้ลักแสยะยิ้ม
“ก็ให้พวกมันมาสิวะ ข้าจะยิงให้เหมือนยิงหมาเลย ใช่มั้ยจ๊ะคนสวย”
เพลิง หันขวับมาทางไอ้ยม
“บอกน้องชายเอ็งด้วยไอ้ยม ถ้าอยากหนีรอดแบบสบายๆ ให้มันทิ้งตัวประกันไว้ที่นี่ ไม่ต้องเอา ไปให้เกะกะ”
“ปล่อยตัวประกันไป ? แล้วจะหนียังไง” ไอ้ยมย้อนถาม
“ข้ามีพรรคพวกรออยู่นอกคุก มันเตรียมรถกับเงินเอาไว้ให้แล้ว ถ้าเอาตัวประกันไปด้วย จะถ่วงเวลา พวกเราเปล่าๆ”
“แต่สวยๆอย่างนี้ข้าไม่ปล่อยไปหรอกเว้ย จนกว่าข้าจะได้สมใจอยากซะก่อน”
ไอ้ลักไม่ยอมรับเงื่อนไข เพลิงจ้องหน้ามันเขม็ง ก่อนที่จะทำทีเป็นเหมือนว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“พวกเอ็งได้ยินรึเปล่า”
“ได้ยินอะไรวะ”
“ข้าว่าพวกตำรวจตามมาที่นี่แล้ว”
ไอ้ลัก หันมามองหน้าไอ้ยมเลิ่กลั่ก “ชิบหายแล้ว เอาไงวะ”
“ไอ้ยม ปืนเอ็งมีกระสุนเท่าไหร่” เพลิงหันมาถามไอ้ยม
“พอเหลือลุยได้เว้ย”
“งั้นไอ้ยม เอ็งรั้งท้ายคอยระวังหลังไว้ ข้าจะพาน้องเอ็งไปก่อน”
ไอ้ยมพยักหน้ารับแล้วหันไปตั้งท่าคอยรับมือตำรวจ
ขณะที่เพลิงรีบเดินนำไอ้ลักกับหญิงสาวตัวประกันออกไป
อ่านต่อหน้า 2
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ไอ้ลักกระชากหญิงสาวตัวประกันเดินเข้ามาอีกมุมหนึ่ง ระหว่างนั้น ก็กวาดตามองหาเพลิงไปด้วย
“ไอ้เพลิง หายหัวไปไหนแล้ววะ”
ไอ้ลักหันไปมองรอบๆ จังหวะเดียวกับที่เพลิงโผล่มาข้างหลังอย่างเงียบๆ แล้วงัดเอาชั้นเชิงมวย ที่เหนือกว่า เล่นงานไอ้ลักจนปืนในมือกระเด็น มันพยายามจะตะเกียกตะกายไปหยิบ แต่ก็เจอเพลิงเตะทิ้ง แล้วจ้อง มันเขม็ง พร้อมกับเตะเสยคางซ้ำไปอีกที ไอ้ลักสลบเหมือดแน่นิ่ง ตัวประกันสาวยืนกลัวตัวสั่นเมื่อเพลิงเข้ามาใกล้
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณปลอดภัยแล้ว”
ทันใดนั้น ไอ้ยม ที่ตามเข้ามา ก็ลั่นไกใส่แต่ไม่โดน
“ไอ้เพลิง มึงหลอกพวกกู”
“รีบหนีไปครับ ทางนี้ผมจัดการเอง ไป”
เพลิงผลักหญิงสาวให้หนีไป ส่วนตัวเองก็วิ่งหนีกระสุนของไอ้ยมไปอีกทาง
“ไอ้เพลิง แน่จริงก็อย่าดีแต่มุดหัวเว้ย ถ้าฝีมือมึงดีที่สุดในคุกจริงอย่างที่ทุกคนเขาลือกัน ก็ออกมาตัวๆ กับกู”
เพลิง ที่ยืนหลบอยู่หลังเสา แกล้งโยนหินหลอกล่อ ไอ้ยมระดมยิงใส่ไม่หยุด จากนั้นก็วิ่งหนีไปหลบที่ เสาอีกต้น ไอ้ยมไล่ยิงไม่ยั้ง จนกระทั่งเพลิงวิ่งไปจนมุม
“ไม่มีที่ให้มึงหนีอีกแล้ว”
“เอ็งไม่น่าทำแบบนี้. ฆ่าผู้คุมแล้วยังพยายามหนี โดนลากคอเข้าคุกอีกทีเมื่อไหร่ ได้แก่ตายในคุกแน่”
ไอ้ยมยักไหล่ “คุกไม่ใช่ที่ของกู กูไม่มีวันกลับไปอยู่ในนั้นอีก”
“คุกก็ไม่ใช่ที่ที่ข้าควรจะอยู่เหมือนกัน เอ็งไม่รู้หรอกว่าข้ากระหายอยากได้รับอิสรภาพ มากกว่าเอ็ง ขนาดไหน แต่คนอย่างข้า จะไม่มีวันแลกอิสรภาพด้วยชีวิตคนอื่นเด็ดขาด”
พูดจบเพลิงก็เดินตรงเข้าไปหาไอ้ยม มันยกปืนจะลั่นไก แต่ทว่าปืนไม่มีลูกแล้ว เพราะโดนเพลิง หลอกล่อให้ยิงจนหมดกระสุน
“ได้เวลากลับไปชดใช้กรรมของเอ็งแล้ว”
เพลิงงัดเชิงมวยออกมาเล่นงานไอ้ยมจนมันแน่นิ่ง
“หยุดได้แล้วไอ้เพลิง”
เพลิงได้ยินเสียงก็ชะงัก “ผู้กองสมาน”
เพลิงย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งเกิดขึ้นที่ตรอกหลังไนท์คลับ ขณะที่เพลิง ซึ่งเป็นนักร้องอยู่ในไนท์คลับ ถูกรุมซ้อมโดยลูกน้องของนักการเมือง อย่างสมคิด ซึ่งเป็นพ่อฟ้างามคนรักของเขา ในตอนนั้น ผู้กองสมาน มียศแค่ร้อยตรี เป็นตำรวจคนสนิทคอยเดินตาม
เพลิงไม่ยอมตอบโต้ปล่อยให้ถูกซ้อมจนเยิน ฟ้างาม ซึ่งเป็นนักร้องอยู่ในไนท์คลับเดียวกันรีบวิ่งเข้ามา แล้วร้องห้ามเสียงดัง
“หยุดนะ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุด”
ฟ้างามปราดเข้าไปผลักพวกลูกน้องของพ่อ จากนั้นก็รีบประคองเพลิงขึ้นมา
“พ่อทำอะไร ทำไมต้องซ้อมเพลิงด้วย”
สมคิดจ้องหน้าเพลิงด้วยความเคียดแค้น
“มันล่อลวงแก ทิ้งอนาคตที่ฉันวางไว้ให้ แล้วมาเป็นนักร้องเต้นกินรำกินกับมัน แค่นั้น ยังไม่พอ มันยังกล้ามาสู่ขอให้ฉันยกแกให้มันอีก เจอแบบนี้ไปมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
เพลิงพยายามฝืนความเจ็บแล้วยิ้มให้กับฟ้างาม
“ถึงผมมันจะต้อยต่ำเป็นได้แค่เพียงเศษดินติดรองเท้าของท่าน แต่ผมก็ต้องให้เกียรติ นางฟ้าที่ยอม ลดตัวลงมาอยู่บนดิน”
“เพลิง”
ฟ้างามดึงเพลิงมากอดด้วยความตื้นตันใจก่อนจะหันไปพูดจริงจังกับพ่อบังเกิดเกล้า
“ฟ้าจะไม่กลับไปกับพ่อ ฟ้าจะอยู่เพลิง เราสองคนพ่อลูกขาดกันแล้ว”
“แก นังลูกไม่รักดี”
สมคิดโกรธจัดแย่งปืนจากเอวลูกน้องมาขึ้นไกเล็งไปที่เพลิง หมายจะยิงทิ้ง แต่สมานรีบห้ามไว้
“ท่านครับ อย่าดีกว่า อย่าให้ชื่อเสียงท่านต้องมัวหมองเพราะไอ้เศษดินคนนี้เลย”
“ จำไว้เลยนะนังลูกไม่รักดี ถ้าอยากเต้นกินรำกินจนดักดานอยู่กับมัน ฉันก็จะ เลิกสนใจแกอีก ต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกของฉันอีกแล้ว ส่วนแกไอ้เพลิง สมานคอยจับตาดูมันให้ดี ถ้าอยากให้หน้าที่การงานของแกได้รับ การสนับสนุน ก็ทำงาน ให้คุ้มกับที่ฉันช่วยเหลือครอบครัวแก”
สมานรับคำแล้วจ้องหน้าเพลิงอย่างอาฆาต เพราะตัวเองก็แอบชอบฟ้างามอยู่ แต่เธอกลับเลือกที่จะมอบหัวใจให้เพลิง
“ไอ้ลูกโจร สันดานมันก็ต้องเป็นโจรวันยังค่ำ”
สมานมองเพลิงด้วยสายตาหยามเหยียด ก่อนจะเดินตามสมคิดออกไป
“คุณเข้าใจผมผิดแล้วผู้กองสมาน ผมไม่ได้คิดจะหลบหนี”
เพลิงรีบอธิบายให้ผู้กองสมานเข้าใจเจตนา
“ไม่คิดจะหนี แล้วแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ผม ผมมาช่วยตัวประกัน”
ผู้กองสมานยิ้มเหยียด
“ช่วยตัวประกัน หึ หึ ไอ้เพลิง ไอ้ฆาตกรที่ฆ่าได้แม้แต่ผู้หญิงที่นอนกับแกทุกวัน เนี่ยนะ ไอ้สารเลวเอ้ย”
พูดจบ ผู้กองสมานก็ปรี่เข้าไปถีบแล้วตามไปอัดใส่เพลิงไม่ยั้ง
“ผมไม่ได้ฆ่าฟ้างาม”
“ถ้าแกไม่ได้ฆ่า แล้วใครเป็นคนฆ่า”
เพลิงส่ายหน้า
“ผมไม่รู้ แต่ผมไม่ได้ฆ่าเธอจริงๆ เธอเหมือนนางฟ้าที่ชุบชีวิตให้คนที่มีค่าเป็นแค่เศษดิน ได้มีชีวิตอยู่ได้ แล้วผมจะฆ่าเธอไปเพื่ออะไร”
แววตาของเพลิงฉายแววรันทด เมื่อย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อน ในวันที่เขารีบวิ่งเข้ามาที่รังรักของเขากับฟ้างาม ด้วยอารามดีใจ
“ฟ้า ฟ้า คุณอยู่ไหน ผมทำสำเร็จแล้ว ผมกำลังจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องแล้ว ฟ้า ฟ้า คุณอยู่ไหน”
เพลิงเรียกซ้ำอยู่หลายเที่ยว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ บ้านทั้งบ้านเงียบเชียบผิดปกติ เพลิงรีบเดินเข้าไปที่ ห้องนอน ก่อนจะพบว่าสภาพภายในห้อง ถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ข้าวของล้มระเนระนาด มู่ลี่ที่ร้อยด้วยผีเสื้อพลาสติกขาดกระจุยเกลื่อนเต็มพื้น เพลิงเริ่มใจคอไม่ดี รีบสาวเท้าเข้าไปข้างใน ก่อนจะพบร่างของฟ้างาม นอนหายใจรวยริน ในสภาพเลือดเต็มตัว เพราะถูกแทง
“ฟ้า ฟ้า เกิดอะไรขึ้น” เพลิงรีบปราดเข้าไปประคองร่างของหญิงคนรัก “ใคร ใครมันทำกับเธอแบบนี้” ขณะที่ฟ้างามกระอักเลือดจนพูดไม่ได้ มีแต่น้ำตาที่คลอเบ้า ลมหายใจรวยริน และอ่อนแรงลงทุกขณะ “ไม่นะฟ้าคุณจะทิ้งผมไปไม่ได้ อยู่กับผมนะฟ้า คุณต้องอยู่กับผม”
ฟ้างามน้ำตาไหลอาบแก้ม แล้วยกมือขึ้นค่อยๆแบออก ในมือกำผีเสื้อพลาสติกที่ไว้ร้อยทำเป็นมู่ลี่ไว้แน่น แต่เพลิงไม่ทันได้สนใจ เพราะห่วงแต่ชีวิตคนรัก
จากนั้นฟ้างามก็หมดแรง หมดลมหายใจ มือร่วงลงบนตักของเพลิง
เพลิงอุ้มร่างของคนรักที่หมดลมหายใจเดินออกมาจากบ้านอย่างเลื่อนลอย พร้อมๆ กับที่รถตำรวจขับ เข้ามาจอดเอี๊ยด ผู้กองสมานและตำรวจอีก 2 นายรีบลงจากรถพร้อมยกปืนขู่เพลิง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละไอ้เพลิง ปล่อยฟ้างามเดี๋ยวนี้”
เพลิงมองผู้กองสมาน ด้วยสายตาเลื่อนลอย แล้วทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น พลาง กอดศพคนรักสะอื้นเสียใจ ก่อนที่จะถูกผู้กองสมานจับคล้องกุญแจมือ
ผู้กองสมานจ้องหน้าเพลิงด้วยแววตาเคียดแค้น
“แกฆ่าเธอเพราะสันดานชั่วๆ ของแกไงไอ้เพลิง”
เพลิง ส่ายหน้า แววตาเศร้า
“ไม่จริง ผมรักฟ้า ชีวิตผมยอมตายเพื่อเธอได้”
“พอกันที ฉันเคยปล่อยให้กฏหมายพิจารณาโทษแก แต่แกกลับไม่สำนึก สุดท้ายสันดาน ก็ไม่ต่างไป จากพ่อแก โจรมันก็คือโจร ไม่มีวันกลับใจได้ แกไม่สมควรได้รับอิสรภาพอีก แก่ตายในคุกเหมือนพ่อแกนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว”
จากนั้นผู้กองสมาน ก็ใช้ด้ามปืนตบจนเพลิงฟุบแน่นิ่งไปกับพื้น
เพลิงนั่งคุดคู้อยู่ในห้องขังเดี่ยวสภาพไม่สนใจสิ่งใดๆรอบตัว ระหว่างนั้นผู้คุมเข้ามาไขกุญแจ เปิดประตู เพื่อเอาอาหารมาให้ แต่พบว่าเพลิงไม่ได้แตะอาหารเก่าเลยแม้แต่นิดเดียว
“ข้าถามเอ็งจริงๆนะไอ้เพลิง จริงอย่างที่ตัวประกันคนนั้นพูดรึ เปล่าว่าเอ็งไม่ได้คิดหนี แต่ตามไปช่วย ตัวประกัน”
ผู้คุมอดที่จะตั้งคำถามกับเพลิงไม่ได้
“คนอย่างผมยังสามารถพูดความจริงได้อีกเหรอครับ”
“ได้สิ ถ้าเอ็งยังเชื่อว่า ความยุติธรรมยังมีอยู่จริง”
เพลิงยิ้มมุมปาก เหมือนเยาะเย้ยชีวิตอันน่าสมเพชของตัวเอง
“คนที่ชีวิตมีค่าเป็นแค่เพียง เศษดิน ความยุติธรรมก็เหมือนเมฆบนฟ้า”
เพลิงหลังพิงฝาแล้วเหม่อลอยอย่างหมดอาลัยตายอยาก พลางคิดถึงครั้งแรกที่เขาได้เจอกับฟ้างาม ตอนนั้นเขายืนร้องเพลงอยู่บนเวที ในขณะที่สมคิดพาฟ้างามเข้ามานั่งทานข้าว มีสมานเดินตามมาติดๆ ระหว่างสมคิดหันไปคุยกับเพื่อนนักการเมืองด้วยกัน ฟ้างามก็ลุกจากที่แล้วเอาพวงมาลัยไป คล้องคอ ให้เพลิง ทั้งคู่สบตากันเหมือนพรหมลิขิตบันดาลให้มาพบกัน
ความสัมพันธ์เริ่มต้นจากจุดนั้น กระทั่งมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขภายในบ้านเช่าของเพลิง เพลิงนอนกอดฟ้างามอยู่บนเตียงมีความสุข พลางพลิกตัวไปจะจะจูบ ฟ้างามดันหน้าเพลิงให้หยุด แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมตัวก่อนจะรีบลุกจากเตียง
เมื่อเพลิงตามออกมา ฟ้างามก็ยื่นกล่องของขวัญให้ เพลิงรับมา แล้วรีบเปิดดู ก็พบว่าเป็นมู่ลี่ที่ร้อย ด้วยผี้เสื้อพลาสติก ทั้งคู่ช่วยกันเอามู่ลี่ผีเสื้อมาติดที่ประตู แล้วกอดกันดูมู่ลี่ขยับไปมาเหมือนผีเสื้อที่กำลังบิน ท่ามกลาง แสงสลัวๆแต่สวยงาม ก่อนจะหันมาจูบกันอย่างดูดดื่ม
“ไอ้เพลิง ความยุติธรรมเปลี่ยนจากก้อนเมฆกลายเป็นสายฝนลงมาชะโลมเอ็งแล้ว”
เพลิง หันมามองผู้คุมด้วยสีหน้าแปลกใจ
เพลิงก้าวออกมารับอิสรภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้อีกแล้ว ครู่หนึ่งผู้กองสมานก็ขับรถเข้ามาจอด “ก็แค่อิสรภาพชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละไอ้เพลิง”
“ผู้กองยังต้องการอะไรจากผมอีก ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ผู้กอง ยึดมั่นอยู่ ไม่ใช่เหรอ”
ผู้กองสมานชี้หน้าเพลงอย่างเอาเรื่อง
“เพราะแค่นี้มันยังไม่พอกับความเลวที่แกทำให้ฟ้างามต้องตาย ทำให้ท่านต้องตรอมใจตาย ตาม ลูกสาวไปด้วย”
“ท่าน ? พ่อฟ้างามตายแล้ว”
เพลิงตกใจกับข่าวที่ได้ยิน
“ใช่.ท่านที่มีพระคุณกับฉัน ต้องเก็บเถ้ากระดูกลูกสาวตัวเอง หัวอกคนเป็นพ่อไม่มีใครทำใจ ได้ หรอกเว้ย”
ผู้กองสมานผลักเพลิงจนเซ
“แต่ แต่ผมไม่ได้ฆ่าฟ้างาม” เพลิงยังยืนยันคำเดิม
“แกอยากจะพูดให้ตัวเองขาวสะอาดยังไงก็พูดไป จะเสแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้ คนอื่นคิดว่าแก เป็นคนดี เหมือนอย่างที่ตัวประกันคนนั้น ช่วยพูดจนทำให้แกได้รับอิสรภาพก็ทำไป แต่ถ้ากฏหมายยังอยู่ในมือฉัน ฉันจะลากคอแกกลับมาที่นี่ จำไว้ไอ้เพลิง”
ผู้กองสมานชี้หน้าอาฆาต ก่อนจะขับออกไป ทิ้งเพลิงให้ยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม แม้อิสรภาพจะได้ มาแล้ว แต่ทว่าหนทางข้างหน้าก็ยังมืดมน
เชนอยู่ในเต็นท์พยาบาล ให้หมอดูแผลที่รักษาอยู่
“ผมจะกลับเข้าไปปฏิบัติการได้เมื่อไหร่ครับหมอ”
“น่าจะอีกสัก 2-3 วัน”
“นานไปนะครับหมอ คนอย่างไอ้ฟ้าลั่นมันไม่เงียบนานขนาดนี้หรอก ถ้ามันไม่คิดแผนเลวๆอะไรอยู่”
ยังไม่ทันที่เชนจะพูดอะไรต่อ ทองสุกก็เดินพรวดเข้ามา
“ข่าวดีเว้ย ยุพินตอบรับแต่งงานกับข้าแล้ว ข้าจะได้กลับไปแต่งเมีย แล้วเว้ยเพื่อน”
“เออ ดีใจด้วยว่ะ เป็นไง เพราะลีลาเขียนจดหมายของข้า เอ็งถึงจะได้มีเมียกับเขาสักที อย่าลืมเลี้ยง ใหญ่นะเว้ย”
เชนอดดีใจไปกับเพื่อนไมได้
“แน่นอนอยู่แล้วไอ้เพื่อนรัก เออ เกือบลืมไป”
ทองสุกพูดพลางหยิบจดหมายออกมา
“จดหมายจากบ้านผาปืนแตกของเอ็ง ชื่อคนส่งก็คือ”
“เนื้อทอง”
เชนรำพึงชื่อของเนื้อทองออกมา พลางรีบแย่งจดหมายจากมือทองสุกมาอย่างดีใจ แต่ยังไม่ทันจะ เปิดอ่าน เพื่อนตชด.อีกคนก็รีบร้อนเข้ามา
“ไอ้เชน ไอ้ทองสุก ผู้การฯเรียกตัวด่วน”
“เกิดอะไรขึ้นวะ” ทองสุกหันไปถาม
“ได้ข่าวไอ้ฟ้าลั่นแล้ว”
จากนั้นเชนกับทองสุก ก็เข้ามารายงานตัวกับผู้การฯ ภายในเต๊นท์
“สายข่าวของเราในพื้นที่เพิ่งส่งข่าวมาว่า ไอ้ฟ้าลั่นยังไม่หลบหนีออกนอกพื้นที่ มันยังวนเวียนอยู่แถวนี้ คอยดักซุ่มรอเวลา”
ผู้การฯยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ทองสุกก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“เวลาที่จะแก้แค้นพวกเรา เพราะค่ายของมันโดนตีแตกกระจุย”
“แต่ฉันว่าคนที่มันจ้องจะแก้แค้นคือฉันมากกว่า ตอนนี้มันกบดานอยู่ที่ไหนครับ”
เชนพูดพลางหันมาถามผู้การฯ
“ยังระบุพื้นที่แน่นอนไม่ได้ แต่ข่าวที่ได้มามันจะนัดพบกับกองกำลังของลายเสือ คำลือ”
“ราชาค้ายาเสพติดสามแผ่นดิน พ่อของไอ้ฟ้าลั่น”
ทองสุกขยายความให้เสร็จสรรพ ขณะที่เชนยิ้มเยาะ
“ไอ้ลูกแหง่ พอหนีไม่รอดสุดท้ายก็ต้องแจ้นไปฟ้องพ่อ ถ้ามันนัดพบกับกองกำลังของลายเสือจริงๆ นี่ก็จะเป็นปฏิบัติการกวาดล้างครั้งสำคัญ ที่จะหยุดไม่ให้ยานรกของพวกมันจะไหลทะลักเข้าประเทศเรา ภารกิจนี้ ผมขอรับผิดชอบครับ”
“เชนฝีมือและผลงานของนายพิสูจน์แล้วว่า นายคือยอดนักรบของเรา แต่สภาพร่างกายตอนนี้ ถ้าขืนส่งไปปะทะกับพวกมันก็เท่ากับส่งไปตาย ภารกิจนี้ผมจะให้ทองสุก เป็นคนรับผิดชอบ”
เชนชะงัก ขณะที่ทองสุกยกมือทำความเคารพหนักแน่น “ครับผู้การ”
“ฉันไม่ยอมให้แกไปลุยกับพวกมันคนเดียวนะเว้ย มันอันตรายเกินไป”
เชนแอ่ยกับทองสุก ขณะที่ทั่งคู่เดินมาที่เต๊นท์เก็บอาวุธ
“นี่แกดูถูกเพื่อนรักของแกแบบนี้เหรอวะไอ้เชน”
เชนส่ายหัว “ฉันไม่ได้ดูถูกแก”
“ไม่เรียกว่าดูถูกได้ไง สภาพแกไม่เต็มร้อย แต่อาสาจะไปลุยกับพวกมัน แล้วให้ฉันที่ยัง ครบ 32 นั่งรออยู่ในค่ายเนี่ยนะ”
“ฉันเข้าถึงตัวไอ้ฟ้าลั่นมาแล้ว ฉันรู้วิธีที่จะจัดการกับมัน”
“แต่ฉันช่วยชีวิตแกให้รอดมาได้ ก็แสดงว่าฉันเก่งกว่า” ทองสุกไม่ยอมแพ้
“แต่แกเพิ่งได้ข่าวดี กำลังจะได้กลับไปแต่งงานนะเว้ย”
ทองสุก รีบโบกมือห้าม “พอได้แล้วเพื่อน จดหมายที่เนื้อทองส่งถึงแกอาจจะเป็นข่าวดีมากกว่าของฉันก็ได้ บ้านผาปืนแตก ตอนนี้ ไม่ใช่นรกบนดิน ศัตรูที่ทำให้เอ็งต้องระเห็จทิ้งคนรักมาอยู่แนวหน้าอาจจะถูกกวาดล้างแล้วก็ได้”
เมื่อเห็นเชนยังมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจอยู่ดี ทองสุกเลยตบบ่าเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ
“อ่านจดหมายเถอะเพื่อน แล้วฉันจะกลับมาฟังข่าวดี”
พูดจบทองสุกก็เดินออกไป เชนยืนมองตามเพื่อนที่พากำลังส่วนหนึ่ง ขึ้นรถจี๊ปทยอยอออก จากค่าย มุ่งหน้าเล่นงานฟ้าลั่น
ขณะที่ฟ้าลั่นกำลังก่อกองไฟ พร้อมๆ กับตรวจเช็คปืนอยู่ หูก็แว่วก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ เลยชักปืนขึ้นมาเล็งพร้อม
“ผมเองครับคุณฟ้าลั่น”
ฟ้าลั่นเพ่งมองไป ก็เห็น “คม เขี้ยวพยัคฆ์” มือขวาฝีมือดีของที่พ่อส่งมา พร้อมกับไอ้ก้านและพวก ลูกน้อง มีฝีมือมาอีก 5-6 คน
“ไอ้คม แล้วพ่อข้าล่ะ”
“นายฝากมาบอกว่าจะตามมาสมทบทีหลัง แต่รู้เรื่องที่คุณฟ้าลั่นส่งข่าวไปแล้ว เลยให้ ผมพาคนมา ช่วยก่อน”
ฟ้าลั่นมองลูกน้องทุกคนหัวจดเท้า
“ฝีมือพวกนั้นแค่ไม่กี่คนแต่มันถล่มค่ายของข้าซะยับ แล้วพ่อข้าส่งมือดีมาช่วยข้าแค่นี้เองเหรอวะ”
“อย่าดูถูกไอ้พวกนี้นะครับคุณฟ้าลั่น ถ้านายไม่คิดว่าต้องเจองานใหญ่ นายไม่ส่งพวกมันมาหรอก” ไอ้ก้านเอามือลูบหัวขยี้ไปมาแล้วชักสีหน้าโหดตามท่าประจำตัวจากนั้นจึงเดินออกมาแล้วหยิบ ถุงผ้า ใบหนึ่งเทลงพื้นให้ดูป้ายชื่อเหล็กของทหารที่เคยถูกพวกมันเด็ดชีพร่วงลงมาหลายสิบแผ่น
“ป้ายชื่อทหารที่ถูกพวกเราฆ่า แค่นี้พอจะทำให้ฟ้าลั่นเชื่อได้รึยัง”
ฟ้าลั่นยิ้มอย่างพอใจ
“ดี งั้นฉันก็ไว้ใจได้ว่าถ้าพวกมันบุกเข้ามาเมื่อไหร่ ที่นี่ก็จะเป็นสุสานฝังพวกมันทุกคน”
อ่านต่อหน้า 3
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 1 (ต่อ)
เชนเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าเต๊นท์พยาบาล ขณะที่ยังไม่ได้รับข่าวคราวจากทองสุกที่ออกไป กวาดล้าง พวกค้ายา
“จนป่านนี้มันยังไม่ติดต่อมาอีก มันจะไหวรึเปล่าวะเนี่ย” เชนบ่นด้วยความเป็นห่วง แล้วไปนั่งที่ม้าหิน ก่อนจะมองที่กระเป๋าอกเสื้อ ซึ่งเหน็บจดหมายของ เนื้อทองไว้ จากนั้นจึงค่อยๆ แกะซองแล้วเปิดอ่านเนื้อความในจดหมาย
“ถึงเชนที่รักของฉัน ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้เขียนจดหมายหาเธอเสียนาน”
เชนยิ้มให้กับประโยคทักทายจากคนรักแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านต่อ
“ตั้งแต่เธอจากไป ฉันยังคงคิดถึงเธออยู่เสมอทุกลมหายใจ ไม่มีแม้สักวินาทีเดียวที่ฉันจะลืมใบหน้า น้ำเสียง และไออุ่นจากอ้อมกอดของเธอเลย”
อีกด้านหนึ่ง เนื้อทองเดินเข้ามาหยุดที่หน้าเรือนหอซึ่งถูกทิ้งร้างไว้ทั้งยังสร้างไม่เสร็จ กองเศษไม้และ เศษวัสดุ ยังวางทิ้งไว้อยู่ข้างๆ ตัวบ้านกับนั่งร้านไม้ที่ค้างคา จากนั้นก็ค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเรือนหอ เห็นตะปูที่พื้นตกอยู่ ก็หยิบขึ้นมา แล้วก็น้ำตาคลอ พลางย้อนนึกถึงภาพในอดีต ขIณะที่เนื้อทองกำลังพยายามจะตอกตะปู เชนก็เดินเข้ามาเห็นพอดี
“ระวังมือนะเนื้อทอง”
เนื้อทองหันไปมองค้อน “แค่ตอกตะปู ฉันทำเป็นน่า”
“แน่ใจนะ ถ้าตอกผิดค้อนโดนมือเข้าล่ะก็ เจ็บร้องไห้จ้าแน่ มาฉันทำเองดีกว่า”
“แต่นี่เป็นเรือนหอของเรานะเชน ฉันอยากช่วยเธอสร้างบ้าง ไม่ใช่ยืนดูเฉยๆอย่างเดียว”
พูดพลางก็หันมาตั้งใจตอกตะปูโดยมีเชนยืนคุมอยู่ใกล้ๆ มือหนึ่งจับตะปู มือหนึ่งจับค้อน แต่สุดท้าย ก็ตอกโดนมือตัวเอง จนต้องปล่อยตะปูตกพื้น
“โอ๊ย เจ็บจังเลย”
“ก็บอกแล้วไง ดื้อนักสมน้ำหน้า”
เชนรีบดึงมือเนื้อทองมาดูอย่างเป็นห่วง สองคนสบตากันซึ้ง
เนื้อทองน้ำตาไหลอาบสองแก้มมือกำตะปูแน่นจนเลือดซึมออกมาอย่างเจ็บปวด
“แต่เมื่อเธออ่านจดหมายฉบับนี้จบ เธอคงจะโกรธและเกลียดฉันไปจนชั่วชีวิต เพราะนี่ คือคำร่ำลา สุดท้ายที่ฉันจะเขียนถึงเธอ เชนที่รักของฉัน”
เนื้อทองทรุดลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจอย่างเจ็บปวดรวดร้าว ขณะที่ “ชาติ ตะลุมพุก” เดินเข้ามายืนนิ่ง ก่อนจะเข้าไปแตะไหล่ เนื้อทองสะบัดปัดมืออย่างรังเกียจ ชาติ ยิ้มร้าย แล้วจับข้อมือเธอไว้แน่น
“หมดเวลาร่ำลาอดีตของเธอแล้วเนื้อทอง”
ชาติเหลือบเห็นมือของเนื้อทองเปรอะไปด้วยเลือดที่กำตะปูจนเป็นแผล ก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามา พันให้แล้วกุมมือเนื้อทองไว้แน่น
เนื้อทองน้ำตานองหน้ามองชาติอย่างโกรธแค้น ระคนเกลียดชัง แต่สุดท้ายก็ต้องจำยอม ไม่อาจขัดขืน ขณะที่ชาติที่ดึงเธอไปกอด
“อดีตของเธอกับไอ้เชนจบลงแล้ว ปัจจุบันนี่ต่างหากที่เธอต้องจำใหม่ว่าเธอคือเมียฉัน”
เชนอ่านจดหมายด้วยมืออันสั่นเทา พลางขบกรามแน่นจนเป็นสัน
“ฉันกำลังจะแต่งงานกับชาติ เธอไม่ต้องเขียนจดหมายมาหาฉันอีกแล้ว และไม่ต้องกลับมาที่ผา ปืนแตกอีก คิดซะว่าบุญที่ทำร่วมกันมาได้จบลงในชาตินี้แล้ว ดูแลตัวเองด้วย รักเธอเสมอ เนื้อทอง”
“ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
เชนขยำจดหมายจนยับแหลกคามือ ดวงตาแดงก่ำ ด้วยความเศร้า
“เชน นั่นนายจะไปไหน”
ผู้การฯ ตะโกนถาม เมื่อมองเห็นเชนแบกเป้ เดินหน้าตาขึงขังกำลังจะออกจากค่าย เชนชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพ
“ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องกลับไปผาปืนแตกเดี๋ยวนี้ครับ”
“เรื่องด่วน ?” ผู้การฯ ทวนคำ
“ครับ อนุญาตให้ผมกลับไปนะครับ ผมขอร้อง”
ผู้การฯ นิ่งไปอยู่อึดใจหนึ่ง
“สภาพนายตอนนี้ ถึงขอให้อยู่ก็คงช่วยกู้สถานการณ์ไม่ได้ ฉันอนุญาต ไปเถอะ”
ผู้การฯ ตบบ่าเชน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนเชนอดแปลกใจสงสัยไม่ได้
“เดี๋ยวครับผู้การฯ เกิดอะไรขึ้นครับ”
เสียงปืนเอ็ม16 ดังกึกก้องไปทั่วป่า ทองสุกในสภาพเลือดท่วมตัว เพราะได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ไหล่ กระเสือกกระสนช่วยพยุง ตชด.ในหน่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเดินลากขาออกมาอย่างทุลักทุเล
“หมวดรีบหนีกลับค่ายไปก่อนเถอะครับ ผมจะอยู่ยันพวกมันไว้เอง”
ทองสุก ส่ายหน้า แววตาเศร้า
“ไม่ได้ เราเสียกำลังพลไปมากแล้ว ผมจะทิ้งพวกเราไม่ได้อีก”
“แต่ถ้าแบกผมไป หมวดก็ไม่รอดเหมือนกัน”
ยังไม่ไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงปืนกราดยิงเข้ามาเป็นชุด ตชด. ผลักทองสุกให้หนีไป ขณะที่ตัวเองยืนจังก้า ยกปืนยิงสวนไปกลับไปไม่หยุด
ฟ้าลั่นกับไอ้คมและไอ้ก้านตามเข้ามาแล้วกระหน่ำยิงใส่ ตชด.ไม่ยั้ง จนร่างของ ตชด. ทรุดฮวบลงไป ฟ้าลั่นเข้าไปจิกหัว พลางจ้องหน้าเขม็ง
“คิดจะกวาดล้างไอ้ฟ้าลั่น มันต้องลงเอยแบบนี้เว้ย”
ฟ้าลั่นจ่อยิง เปรี้ยงเดียว ตชด.ตายคาที่ จากนั้นก็หันหันไปสั่งการลูกน้อง
“อย่าให้พวกมันรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว”
อีกด้านหนึ่ง เชนก็นำกำลังเพื่อนตชด.อีก 4-5 คน เข้ามาสมทบ ทั้งหมดเดินย่ำมาจนถึงบริเวณ ลำธารน้ำกลางป่า พลางลุย และพยายามแกะรอยอย่างระมัดระวัง พร้อมกับกวาดปืนไปรอบๆ
ครู่หนึ่งเชนก็ยกมือให้สัญญาณหยุด
“แถวนี้น่าจะเป็นจุดสุดท้ายที่ทองสุกติดต่อกลับมาว่าถูกลอบโจมตี ก่อนจะขาดการติดต่อไปทั้งหน่วย ทุกคน ระวังตัวด้วย”
ระหว่างนั้นมีเสียงเดินลุยน้ำเข้ามา เชนชี้ปากกระบอกปืนเอ็ม 16 เตรียมยิง แต่เมื่อเห็นหน้าของคนที่เดินมาก็ร้องอย่างตกใจ
“ไอ้ทองสุก” จากนั้นก็รีบปราดเข้าไปประคอง “ไอ้ทองสุก แข็งใจไว้นะเพื่อน ห้ามใจเสาะ ตาย เด็ดขาดนะเว้ย”
“ไอ้ ไอ้เชน” ทองสุกระล่ำระลัก “ไอ้ลายเสือส่งทหารรับจ้างมาสมทบกับไอ้ฟ้าลั่น พวก พวกเราถูกฆ่า ตาย หมด หมดแล้ว”
ระหว่างนั้นกลุ่มลูกน้องของฟ้าลั่น ที่ไล่ตามทองสุก ก็บุกมาถึง พร้อมกับกราดยิงใส่ไม่ยั้ง ขณะที่หน่วยของเชน ก็ตั้งป้อมยิงตอบโต้
เชนรีบพยุงทองสุกขึ้นและยิงตอบโต้กลับไป โดนพวกมันตายไปคนหนึ่ง ขณะเดียวกัน พวก ตชด. คนอื่นๆ ก็ช่วยยิงเปิดทางให้เชนพยุงพาทองสุกออกไปก่อน
เชนพยุงทองสุกในสภาพบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลเป็นทาง เพื่อจะพากลับค่าย“ข้า ข้าไม่ไหวแล้วไอ้ ไอ้เชน”
ทองสุกเสียงแผ่วเบา เหมือนคนใกล้จะหมดแรง
“เอ็งต้องไหวสิวะเพื่อน เอ็งต้องรอด ห้ามตายเข้าใจมั้ย”
ทองสุกส่ายหน้า
“ไม่ เอ็งต้องทิ้งข้าไว้ให้ตายอยู่ที่นี่ อย่าให้พวกเราโดนพวกมันฆ่าตายอีกเด็ดขาด ไปกลับไป ช่วย พวกเรา”
“ข้าทิ้งเอ็งไม่ได้”
ทองสุกพยายามยกมือขึ้นขอมือจากเชน
“ต้องได้สิวะ รับปากข้า ไอ้เชน”
เชนน้ำตาคลอไม่ยอมจับมือ “ฉันทิ้งแกไว้ไม่ได้จริงๆ ว่ะเพื่อน คนที่สมควรจะไปตาย ในสนามรบ มันควรเป็นฉัน ส่วนแกต้องได้กลับไปแต่งงานกับยุพิน”
“แล้ว แล้วแกล่ะ” ทองสุกย้อนถาม” แกก็ต้องกลับไปหาเนื้อทอง กลับไปทำให้ผาปืนแตก เป็นสวรรค์ ไม่ใช่นรกบนดินไง”
ถึงตรงนี้เชนก็น้ำตารื้น “ฉันกลับไปผาปืนแตกไม่ได้อีกแล้วว่ะเพื่อน”
“ทำ ทำไมวะ”
“เนื้อทองจดหมายมาบอกว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับไอ้ชาติ ไอ้สารเลวที่ทำลายชีวิตฉัน จนต้องหนี มาอยู่ที่นี่”
ทองสุกพยายามรวบรวมแรงพูด
“งั้น งั้นแกยิ่งจะมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้ แกไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ แต่แกคือวีรบุรุษ แกต้องเป็นวีรบุรุษ ทั้งในสนามรบ และที่ผาปืนแตกบ้านของเอ็ง สัญญาสิวะเพื่อน สัญญา”
จบประโยค ทองสุกก็กระอักออกมาเป็นเลือด เชนรีบจับมือเพื่อนมาบีบแน่น
“เพื่อ เพื่อ เพื่อเพื่อน”
เชนน้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนจะพูดต่อประโยคของทองสุกด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“เพื่อมาตุภูมิ”
ทองสุกยิ้มรับ พลางยกมืออีกข้างมาจับมือเชน
“จำไว้ เอ็งไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้แพ้”
รอยยิ้มของทองสุกค่อยๆ จางลง ก่อนจะปิดตาแล้วหมดลมหายใจไปในที่สุด
เชนมองภาพเพื่อน ที่หมดลมหายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความเสียใจ ก่อนจะตะโกนดังลั่นไปทั้งป่า ด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้ม
“เพื่อเพื่อน เพื่อมาตุภูมิ”
ก่อนที่ความเสียใจจะเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว เชนเอามือป้ายเลือดบนตัวทองสุก ขึ้นมาป้ายหน้า พาดเป็นลายพราง พลางจิกหน้ากัดฟันอย่างโหดเหี้ยม
ขณะเดียวกัน ตชด.ที่มากับเชน ยังปักหลักยิงต่อสู้อยู่กับพวกลูกน้องลายเสือ ก็กำลังเพลี่ยงพล้ำ ลูกน้องลายเสือ ชักมีดพกออกมาควงเดินเข้าหาหวังใช้มีดสังหาร แต่ก็ช้ากว่าเชน ที่ปามีดพกปักเข้ากลางอก มันอย่างแม่นยำ
“แผ่นดินผืนนี้มีไว้กลบหน้าพวกมัน ไม่ใช่พวกเรา”
เชนลุยเดี่ยวถือปืนยิงใส่พวกลูกน้องลายเสือทีละคนๆ จนเหลือพวกมันคนสุดท้ายที่ชักปืนจ่อไปที่เชน แต่เชนกลับจ้องหน้านิ่ง อย่างไม่กลัวเกรง ก่อนที่จะฟาดขาเตะ จนปืนมันหลุดจากมือ แล้วตามไปใช้ เชิงมวย ที่เหนือชั้นเล่นงานจนมันสะบักสะบอม ก่อนจะกระชากคอเสื้อมาตะคอกถาม
“ไอ้ฟ้าลั่นอยู่ไหน”
มันมองหน้าเชนแล้วยิ้มกวนไม่ยอมตอบ เชนเลยชักมีดพกออกมา
“แน่ใจนะว่าจะไม่บอก ได้ งั้นเดี๋ยวมาดูกันว่าแกจะทนได้อีกนานเท่าไหร่”
เชนเหยียดยิ้มมองหน้ามันอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะปักมีดไปที่เข่า จนมันร้องโหยหวนก้องไปทั้งป่า
ขณะที่คนที่ถูกถามถึง อยู่ที่มุมป่าที่ด้านหนึ่ง พลางหันมาที่ไอ้ก้านซึ่งเพิ่งจะติดต่อวิทยุสื่อสารเสร็จ
“พ่อข้าใกล้จะมาถึงยังวะ ข้าคันไม้คันมืออยากจะยกพวกไปถล่มค่ายพวกมันเต็มแก่แล้ว”
“อีกสักพักครับคุณฟ้าลั่น”
ฟ้าลั่น ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“แต่ข้าขี้เกียจนั่งรออยู่เฉยๆเว้ย ข้าอยากจะลากตัวไอ้เชน เอามีดมาปักหัวใจมัน แล้วนั่ง ดูมันหายใจ พะงาบๆ ตายต่อหน้าข้า”
“ใจเย็นๆครับ” ไอ้คมรีบห้าม “นายกำชับผมมาว่าอย่าให้คุณทำอะไรวู่วาม”
“แต่ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเว้ย ข้าคือว่าที่หัวหน้าของแก เพราะฉะนั้น อย่ามาสะเออะ”
พูดจบก็ผลักไหล่ไอ้คมอย่างหัวเสีย ไอ้คมได้แต่มองนิ่ง ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้น กระสุนเฉียดฟ้าลั่น ไปนิดเดียว
“มีพวกมันมา คุณฟ้าลั่นหลบไปรอพบนายที่จุดนัดพบก่อนครับ ทางนี้ผมจัดการเอง”
ไอ้คมหันมาบอกฟ้าลั่น ก่อนที่มันกับไอ้ก้าน จะยิงสวนเปิดทางให้ฟ้าลั่นรีบหลบออกไป
ไอ้คมกับไอ้ก้านถือเอ็ม 16 ตรวจพื้นที่อย่างระมัดระวัง จากจุดที่ถูกซุ่มยิงเมื่อครู่ เห็นรอยเลือดหยด เป็นทาง ก็คิดว่ายิงถูกพวก ตชด. แต่เมื่อเดินตามรอยเลือดไป กลับพบพรรคพวกตัวเองถูกฆ่าตายสภาพเลือดท่วมตัว
“แย่แล้ว คุณฟ้าลั่น”
ฟ้าลั่นเดินหนีออกมาจากที่ซุ่มตัว จนถึงทุ่งหญ้ากว้าง ขณะที่เชนยืนดักอยู่แล้ว
“เจอกันอีกจนได้นะ ไอ้ฟ้าลั่น”
ฟ้าลั่นชะงัก พลางชักปืนจะยิง แต่เชนไวกว่า ยิงเปรี้ยงเดียวปืนกระเด็นจากมือฟ้าลั่นอย่างง่ายดาย
“ง่ายๆดีกว่ามั้ย อย่าให้ยุ่งยากเลย เร็ว”
เชนยกปืนขู่ สีหน้าเอาจริง ฟ้าลั่นเจ็บใจยอมปลดอาวุธทุกอย่างออกจากตัวจนเหลือแค่มือเปล่า
“ถ้าคิดว่าทำแค่นี้แล้วจะจัดการกับข้าได้ล่ะก็ ฝันกลางวันแล้วไอ้เชน”
“ข้าไม่ได้ฝันกลางวัน แต่แกต่างหากที่กำลังฝันลมๆแล้งๆ ว่าจะรอดกลับไปให้พ่อโอ๋ ไอ้ลูกแหง่”
ฟ้าลั่นกัดฟันกรอด “ไอ้เชน มึง”
ฟ้าลั่นพยายามฮึดสู้ แต่กลับถูกเชนจับแขนมาบิดจนมันร้องลั่น ด้วยความเจ็บปวด
“นี่สำหรับทองสุก ที่ต้องสละชีวิตตามล่าไอ้สารเลวอย่างแก”
เชนออกแรงเต็มที่จนได้ยินเสียงกระดูกหักดังกร่อบ ฟ้าลั่นร้องตะโกนลั่น ด้วยความเจ็บปวด และทรมาน เชนชักมีดพกออกมา เดินตามมันที่ตะเกียกตะกายจะเอาตัวรอด
“อย่าเพิ่งคลานหนีเหมือนหมาสิวะ ใหญ่นักไม่ใช่เหรอ ได้ยินว่าแกอยากจะเอามีดปักหัวใจ มองดูข้าตายช้าๆไง เอาไปเลย ถ้าทำได้ก็เข้ามา”
เชนโยนมีดลงตรงหน้ามันอย่างท้าทาย ฟ้าลั่นชะงักอึ้งมองมีดเขม็งก่อนจะรีบคว้าเอาไว้ทันที
“ไม่มึงก็กูนี่แหละที่ต้องตายไปข้าง ไอ้เชน”
ฟ้าลั่นปรี่เข้ากระซวก แต่เชนแค่ขยับหลบ ก่อนที่จะจับมือมัน แล้วแย่งมีดจากมือ พลางกรีดลงหน้ามัน จนเลือดซิบๆ ฟ้าลั่นร้องโหยหวน
“แค่นี้มันยังเจ็บไม่เท่ากับคนบริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นทาสยาเสพติดของพวกแก ไอ้ชาติชั่ว”
เชนกดมีดลงไปให้ลึกกว่าเดิม ทันใดนั้นเสียงผู้การฯ ก็ดังเข้ามาขัด
“พอได้แล้วเชน มันคือผู้ต้องหา กฏหมายจะตัดสินให้มันได้รับความผิดตามสิ่งที่มันทำ ไม่ใช่นาย”
“แต่ แต่มันฆ่าพวกเรา มันฆ่าทองสุก มันเอายาเสพติดมาทำลายประเทศเรา”
ผู้การฯ จ้องหน้าเชน ก่อนจะย้อนถาม“แล้วถ้านายฆ่ามัน นายจะเรียกตัวเองว่าอะไร วีรบุรุษหรือมือสังหาร”
เชนหันไปมองหน้าฟ้าลั่นที่ยิ้มเยาะใส่
“จะบอกให้นะไอ้เชน ตราบใดที่พ่อข้ายังอยู่ คุกก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
เชนขบกรามแน่นเจ็บใจ ก่อนจะเงื้อหมัดซัดเข้าหน้าฟ้าลั่นหนักๆ จนมันแน่นิ่งหมดสติ
ลายเสือยืนขบกรามแน่น ทั้งเจ็บใจ ทั้งแค้น หลังจากที่ไอ้คมเอาข่าวเรื่องฟ้าลั่นโดนจับมาบอก
“ข้าสั่งให้แกไปดูแลลูกชายข้า แต่แกกลับปล่อยให้ถูกจับ”
ลายเสือกระชากคอเสื้อไอ้คม พลางตะคอกเสียงดัง
“ผมไม่มีข้อแก้ตัวกับนาย แต่ผมรับปากนายได้ว่าผมจะช่วยคุณฟ้าลั่นออกจากคุกให้ได้”
ลายเสือ จ้องหน้าไอ้คมนิ่ง
“แกอยู่กับข้ามานาน แกรู้ใช่มั้ยว่าข้ารักลูกชายมากแค่ไหน”
คมพยักหน้ารับคำ “ทราบครับนาย ถ้าผมพาคุณฟ้าลั่นกลับมาให้นายไม่ได้ นายก็เอาชีวิตผม ไปได้เลย”
“ดีมากไอ้คม งั้นข้าก็คงจะได้เห็นหน้าลูกชายข้าอีกในเร็วๆ นี้”
ลายเสือยิ้มอย่างพอใจ พลางตบบ่าคมเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป
ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่ง ลำดวน ม่ายสาววัย 35 อดีตนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง กำลังคลอเคลีย นัวเนียอยู่กับกำนันปราบ ที่ทั้งกอดจูบซุกไซร้ไปทั่วตัว
“เบาๆกับลำดวนหน่อยสิจ๊ะพี่กำนัน เดี๋ยวเนื้อตัวช้ำขึ้นมา หมดสวยพอดี”
ลำดวนแกล้งทำเสียงออดอ้อนอย่างมีจริต
“ลำดวนของพี่น่ะสวยถูกใจพี่อยู่แล้ว ยกเว้นแต่จะเก็บความสวยไว้ให้คนอื่น”
ลำดวนแกล้งค้อน
“แหม ประชดประชัน ลำดวนเป็นของพี่กำนันคนเดียวจ้ะ ไม่งั้นลำดวนจะตกลง”
ลำดวนยังพูดไม่ทันพูดจบ เสียงเพลง ‘ไปรักกันที่อื่นได้บ่’ ก็ดังขึ้น ลำดวนชะงักเพราะเสียงของนักร้อง คนนั้นคือ “วัลภา” สาวสวยวัย 20 ลูกสาวคนเดียวของลำดวน เป็นเด็กสาว แก่นแก้วดีดกระโหลก คิดเร็วทำเร็ว ฉะฉาน กล้าต่อปากต่อคำ
วัลภา ทั้งร้องทั้งเต้น ด้วยท่าทางยั่วยวน และจงใจทำให้แม่เห็น ขณะที่สายตาก็จับจ้องมาที่ แม่กับผู้ชายของแม่ที่เธอไม่ชอบ เลยใช้เพลงนี้เป็นสื่อ
ลำดวนจ้องหน้าลูกสาวเขม็ง เพราะเดาเจตนาของวัลภาออก “นี่น่ะเหรอ วัลภาลูกสาวเธอ”
กำนันปราบหันมาถามลำดวน
“เอ่อ ค่ะ พี่กำนัน”
“ก้าวร้าวนะ ไม่รู้จักเหรอไงว่าฉันเป็นใคร สั่งสอนมันซะบ้าง”
ลำดวนหน้าซีด“ขอโทษค่ะพี่กำนัน กำนันแสดง ทีท่าไม่พอใจเอามากๆ จนลำดวนต้องลุกไปแย่งไมค์ไปจากมือของวัลภาถึงหน้าเวที
“ทำบ้าอะไรของแก ฉันเป็นแม่แกนะ”
“แม่เหรอ วัลภาดูไม่ออกเลย มองไปเห็นแต่นักร้องไนท์คลับหมดปัญญาทำมาหากิน เลยนั่งจับ เศรษฐีอยู่”
“นังนี่”
ลำดวนตบหน้าวัลภาเต็มแรง จนหน้าหัน ทำเอาทุกคนในไนท์คลับตกใจ
“วัลภาเกลียดแม่ เกลียดไอ้กำนันนั่นด้วย มันไม่มีวันมาเป็นพ่อวัลภาได้หรอก”
จากนั้นก็วิ่งลงจากเวทีด้วยสภาพน้ำตานองหน้า ลำดวนไล่ตะเพิดตามหลัง
“ไปเลย นังลูกไม่รักดี ไป อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก”
วัลภาวิ่งร้องไห้เสียใจ พรวดพราดออกมาจากไนท์คลับ มาชนเข้ากับเพลิง แต่กลายเป็นว่าตัวเองกลับกลับเป็นฝ่ายล้มลงไป
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ”
วัลภารีบปัดมือเพลิงที่จะช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
วัลภาปาดน้ำตาแล้ววิ่งออกไป เพลิงได้แต่มองตามด้วยสีหน้าแปลกใจ คล้อยหลังไม่ทันไร กลุ่มนักเลง 3 คน ที่สนใจวัลภาตั้งแต่ข้างในไนท์คลับพากันออกมา แล้วพากันเดินตามวัลภาไป
เพลิงมองตามพวกมันไปแล้วสัญชาติญาณของเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ระหว่างนั้นลำดวน ก็เดินตามกำนันปราบออกมา
“เดี๋ยวสิจ๊ะพี่กำนัน จะรีบกลับไปไหนล่ะ”
“วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีแล้ว ไว้เธอคุยกับลูกสาวเรียบร้อยเมื่อไหร่ ฉันจะมารับเธอ”
จบประโยค กำนันปราบก็เดินผละไป ลำดวนหันมาอย่างหัวเสีย
“เพราะแกคนเดียวเลยนังวัลภา นังลูกไม่รักดี”
“พี่ลำดวน”
ลำดวนได้ยืนเสียงคนเรียกก็ชะงัก พลางหันกลับไปทางต้นเสียง “เพลิง นี่ เพลิงออกมาจากคุกแล้วเหรอ”
เพลิงยิ้มรับ “ครับพี่ลำดวน”
วัลภามานั่งร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะ ครู่หนึ่งพวกนักเลงที่ตามออกมาจากไนท์คลับ ก็ตามมาจนเจอเธอ
“เป็นอะไรมากมั้ยจ้ะน้องสาว มีอะไรพอให้พวกพี่ช่วยมั้ย”
วัลภาชะงักมองพวกมันที่แต่ละคนดูแล้วไม่น่าไว้วางใจ พลางรีบลุกเดินหนี แต่กลับถูกพวกมันเดินไปดักหน้าไว้
“ใจเย็นๆสิจ๊ะ หน้าตาพวกพี่อาจจะดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ แต่เชื่อเถอะ พวกพี่น่ะไว้ใจได้”
“ไปให้พ้น ฉันอยากอยู่คนเดียว”
วัลภาสะบัดเสียงใส่ แต่พวกนักเลงยังไม่เลิกตอแย“แต่ท่าทางน้องกำลังอยากได้คนปลอบใจนะ ให้พี่พาไปเที่ยวมั้ย รับรองน้องจะสบายใจ”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น หลบไป”
วัลภาผลักไหล่มัน แต่กลับถูกมันคว้ามือไว้
“เด็กดื้อจริงๆ อย่างนี้ก็ต้องออกแรงหน่อยแล้ว”
พวกมันกรูกันเข้ามาจะฉุดเธอ วัลภาฮึดสู้เธอ ก่อนจะจัดการกับพวกมันได้คนหนึ่ง แล้วฉวยจังหวะรีบวิ่งหนี
“ตามไปเอาตัวมาให้ได้”
“พี่เสียใจด้วยนะเพลิง พี่พยายามคุยกับผู้จัดการให้แล้ว แต่ว่า”
ลำดวนเดินกลับมาหาเพลิง ที่นั่งรออยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ภายในไนท์คลับ
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเข้าใจ อดีตคนคุกอย่างผมคงไม่ได้รับโอกาสง่ายๆ”
“เอาอย่างนี้มั้ย พี่จะถามพรรคพวกที่ไนท์คลับอื่นให้ แต่ไม่รับปากนะว่าเพลิงจะได้กลับไปร้องเพลง อีกรึเปล่า ตอนนี้นักร้องใหม่ๆมันเยอะ ดูอย่างพี่สิ เคยเป็นดาวประดับฟ้า ไปไหนใครๆก็เรียกแต่ “ลำดวน ดอกรัก” แต่ตอนนี้เป็นได้แค่นักร้องแก่ๆ มีกินมีใช้ได้ก็เพราะทิปจากแขก”
พูดแล้วลำดวนก็ทำหน้าเศร้า
“แต่ผมว่าพี่ยังสวยเหมือนเดิม ราศีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังก็ยังจับพี่อยู่นะครับ”
“แหม ไม่ต้องมาชมพี่หรอก พี่มันพวกอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่ผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป ชีวิต มันต้องเดินต่อ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าเพลิงจะเป็นฆาตกร เพราะทั้งฟ้างามกับเพลิงก็เหมือนน้องของพี่”
เพลิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แต่ผมต้องติดคุกอยู่หลายปีกับความผิดที่ผมไม่ได้ทำ แล้วพี่จะปล่อยให้ไอ้ฆาตกรนั่น ลอยนวล ต่อไปเหรอครับ”
ลำดวน มองหน้าเพลิงอย่างเห็นใจ
“ทำยังไงได้ล่ะเพลิง พี่ถึงได้บอกไงว่าเราต้องอยู่กับปัจจุบัน ชีวิตมันต้องเดินหน้าต่อ อย่าย้อนกลับไป อีก ยังไงฟ้างามก็จากไปแล้ว นะ พี่ขอร้อง พี่เป็นห่วงน้องชายคนนี้ ของพี่จริงๆ”
เพลิงนิ่งไปมองลำดวนแล้วพยักหน้ารับ
“ครับพี่ลำดวน ผมจะพยายาม ว่าแต่ผมได้ยินพี่พูดถึงลูกสาว ไม่รู้มาก่อนว่าพี่มีลูก”
ลำดวนชะงักมองเพลิง ก่อนจะถอนใจยาว
วัลภาวิ่งหนีแก๊งนักเลงมาหาที่หลบที่คิดว่าปลอดภัย ขณะที่ลำดวน กำลังเปิดปากเล่าถึงปูมหลังของตัวเองให้เพลิงฟัง
“มันคือความผิดพลาดในชีวิตของพี่ตั้งแต่สมัยยังเด็ก ความฝันของพี่คือการเป็นนักร้อง พี่เลยจำเป็น ต้องเอาวัลภาไปให้แม่เลี้ยง แล้วไม่บอกใครว่าพี่มีลูก หลังจากแม่พี่เสีย พี่ก็พาวัลภามาอยู่ด้วย แต่เพราะพี่ไม่เคยเลี้ยงดู ลูกเลย พี่กับวัลภา เลยมีปากเสียงกันประจำ”
พวกนักเลงไล่ตามมาแล้วค้นหาวัลภาไปรอบๆ วัลภาพยายามจะถอยหนีแต่พลาดทำเสียงดัง จนพวกมันได้ยินเสียง พลางย่างเท้าเดินเข้ามาหา วัลภาพยายามคว้าทุกอย่างใกล้ตัวปาใส่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกมันตรงเข้ามาฉุดเธอ
“ปล่อยนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
วัลภาร้องตะโกนอย่างสุดเสียง ก่อนที่จะโดนพวกมันชกเข้าที่ท้องน้อยทีเดียวสลบเหมือด จากนั้นก็ถูกพวกมันอุ้มตัวไป
ภายในตึกร้างแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้กองสมานพยายามเอามือปิดบาดแผลของหญิงสาว คนหนึ่งที่ซึ่งถูกยิง จนร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด
“หมอมาถึงรึยัง รีบๆตามเข้ามาเร็ว”
ผู้กองสมานถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พะ พี่ ช่วย ช่วยหนูด้วย หนู หนูไม่อยากตาย หนูอยากกลับบ้าน”
“ใจเย็นๆนะน้อง หมอกำลังมาแล้ว อย่าเพิ่งตายนะ อดทนไว้”
“หนู หนูคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่หนู”
ผู้กองสมานมองหญิงสาวอย่างเห็นใจ
“พี่รับปากจะพาน้องกลับบ้าน ส่วนไอ้พวกที่บังคับให้น้องต้องขายตัว พี่จะกวาดล้างมัน”
จบประโยค ตำรวจนายหนึ่งก็เดินเข้ามา
“หมอมาแล้วครับผู้กอง”
ผู้กองสมานหันไปเห็นตำรวจพา “เอื้อมเดือน” คุณหมอสาวสวยวัย 24 น้องสาวของตนเอง ผู้ซึ่ง มีปณิธานแน่วแน่ว่าจะใช้ความรู้ที่เรียนมา เพื่อช่วยเหลือคนยากไร้และพื้นที่ห่างไกล
“เดือน”
“เดือนเข้าเวรอยู่ ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเคลื่อนย้ายไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่”
ผู้กองสมานไม่ตอบ แต่กลับออกคำสั่งแกมขอร้อง
“ช่วยชีวิตน้องเขาให้ได้ก่อน พี่ขอร้องล่ะเดือน”
“งั้นขอให้เดือนจัดการเองค่ะ”
เอื้อมเดือนสวมถุงมือยางแล้วเข้าไปตรวจดูบาดแผลอย่างคล่องแคล่ว
ผู้กองสมานเลยถอย ออกมา ยืนดูห่างๆด้วยสีหน้าเป็นห่วง
อ่านต่อหน้า 4
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ผู้กองสมานเดินไปเดินมาอยู่หน้าตึกร้างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครู่ใหญ่เอื้อมเดือนก็เดินออกมา
“น้องเขาปลอดภัยแล้วค่ะพี่”
ผู้กองสมานเริ่มยิ้มออก“จริงนะเดือน”
“ค่ะ แต่ยังต้องดูอาการกันอีก เดือนให้รถพยาบาลมารับไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแล้ว”
“ค่อยยังชั่วหน่อย คิดอยู่แล้วว่าถ้าเป็นเดือนล่ะก็ ต้องช่วยพี่ได้แน่”
เอื้อมเดือน แกล้งค้อนพี่ชาย
“ไม่ต้องมาชมเดือนขนาดนั้นเลย จะเล่าให้ฟังได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น สภาพของน้องคนนั้น นอกจาก ถูกยิงมา ตามร่างกายยังมีร่องรอยโดนซ้อมอย่างหนักมาด้วย”
“น้องคนนั้นหนีออกมาจากซ่อง พี่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านแถวนี้ก็เลยรีบมาดู”
“หนีมาจากซ่อง” เอื้อมเดือนทวนคำ สีหน้าเจ็บปวดไม่ต่างจากพี่ชาย “นี่พวกมันทำกับเด็กผู้หญิง ถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ คนนะคะ ไม่ใช่สัตว์”
“ไอ้พวกนี้มันยิ่งกว่าชิงนรกมาเกิด พี่ตามคดีนี้มานานแล้ว แต่ยังสาวไปไม่ถึงรังของพวกมัน เดือนเห็น รอยสักรูปผีเสื้อที่หลังของน้องคนนั้นรึเปล่า”
เอื้อมเดือนพยักหน้า “เห็นค่ะ รอยสักผีเสื้อ มันหมายถึงอะไรคะ”
ผู้กองสมานจ้องหน้าน้องสาวนิ่ง
ภายในซ่องผีเสื้อราตรี เด็กสาวหลายคนถูกจับมาขังรวมเอาไว้ในห้อง หนึ่งในนั้นก็คือวัลภา ทุกคนต่าง ร้องไห้สะอึกสะอื้น มองดูเด็กสาวรุ่นเดียวกันที่ถูกจับไปถอดเสื้อออกจนล่อนจ้อนเพื่อให้ช่างสักลงมือสักรูปผีเสื้อที่ กลางหลัง เด็กสาวที่โดนสักร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ ขอร้องล่ะ อย่างน้อยพวกแกก็ต้องมีพี่ มีน้อง มีลูกเป็นผู้หญิง”
วัลภาพยายามอ้อนวอนนักเลงที่นั่งคุมพวกเธออยู่
“หุบปากไปซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“งั้นถ้าคนที่แกรักถูกจับมาทำแบบนี้ล่ะ แกจะทำยังไง”
นักเลงลุกขึ้นไปตบหน้าวัลภาแล้วกระชากตัวขึ้นมา
“พูดมากนัก คนต่อไปเลยแล้วกัน”
พูดจบมันก็ลากตัววัลภามาให้ช่างสักที่สักรูปผีเสื้อให้คนแรกเสร็จ
“เอาอีนี่ไปพัก แผลมันหายดีเมื่อไหร่พามันไปเปิดประมูล มีแขกรอเปิดซิงอีกเพียบ”
มันสั่งการให้ลูกน้องลากตัวเด็กสาวที่เพิ่งถูกสักรูปผีเสื้อเสร็จพาออกไป ท่ามกลางเสียงร้องไห้โหยหวน จากนั้นมันก็หันมาทางวัลภา
“ถึงตาแกที่ต้องถูกตีตราแล้ว หึๆๆ จากนี้ไป แกคือสินค้าของผีเสื้อราตรี ถอดเสื้อออก”
วัลภาร้องโวยวาย “ไม่”
“ไม่ถอดเองใช่มั้ย ได้ งั้นจะช่วยถอดให้”
วัลภาตกใจหน้าเสีย ช่างสักเตรียมเข็มสัก ขณะที่พวกนักเลงมองวัลภา เหมือนเป็นเหยื่ออันโอชะ
เอื้อมเดือนฟังคำบอกเล่าของผู้กองสมานแล้ว ก็ถึงกับตกใจ
“พวกมันตีตราผู้หญิงเหมือนกับสัตว์ที่กำลังถูกส่งเข้าโรงเชือด ถ้ามันเลวไร้ความเป็นมนุษย์ได้ถึง ขนาดนี้ พี่ต้องกวาดล้างพวกมันให้หมด อย่าให้มีผู้หญิงบริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่ออีก”
“พี่กวาดล้างพวกมันแน่ เพราะโอกาสมาถึงแล้ว เด็กผู้หญิงที่เดือนช่วยชีวิตเอาไว้บอกพี่ หมดแล้วว่า ที่กบดานของพวกมันอยู่ที่ไหน”
ผู้กองสมานบอกน้องสาว ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น และจริงจัง
วัลภานอนเปลือยอกหันหลังอยู่บนเตียงเก่าๆ ที่แผ่นหลังของเธอถูกสักตีตราเป็นรูปผีเสื้อเรียบร้อย ระหว่างนั้นนักเลงคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง วัลภารีบดึงผ้ามาคลุมตัวทันที ขณะที่มันมองเธอแล้วยิ้มจนน่ากลัว
“อย่าเข้ามานะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน้องสาว ถึงพี่จะอยากเปิดซิงน้องมากแค่ไหนพี่ก็ทำไม่ได้ เพราะน้อง เป็นสินค้าคัด เกรดที่จะต้องถูกพาไปประมูลวันนี้”
“ประมูล ?” วัลภาตาโต
“ใช่ ไอ้พวกเสี่ยบ้ากามเป๋าหนักมันรอเปิดซิงเด็กของผีเสื้อราตรีอยู่เพราะฉะนั้น” พูดพลางโยน เสื้อผ้าให้ “รีบๆแต่งตัวซะ อีกเดี๋ยวพี่จะมาพาไป”
พูดจบมันก็เดินออกไป วัลภาหน้าเสีย
ขณะที่ด้านนอกซ่อง ผู้กองสมานพากำลังตำรวจหลายนายซุ่มเงียบเข้าล้อมรอบบริเวณ
“พวกเราล้อมทุกจุดตามที่สั่งไว้แล้วครับผู้กอง”
ผู้กองสมานพยักหน้าอย่างพอใจ
“ดี ผมจะบุกเข้าไปช่วยผู้หญิงก่อน พวกคุณอย่าเพิ่งลงมือจนกว่าจะได้คำสั่งจากผม”
ตำรวจรับคำ ผู้กองสมานเอาปืนขึ้นมาตรวจเช็คให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ก่อนจะลุกเดินไปที่ทางเข้า
นักเลงคุมซ่องคนหนึ่งเดินออกมาพอดี ผู้กองสมานต้องรีบพิงกำแพงหลบ และรอจนมันเผลอ ก็ค่อยๆย่องเงียบเข้าไป ด้านหลัง แล้วใช้ด้ามปืนทุบต้นคอทีเดียวสลบ จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปข้างในซ่อง
ผู้กองสมานแอบเข้ามาข้างในซ่อง เห็นตามทางเดินมีห้องเรียงราย เห็นนักเลงคุมซ่องคนหนึ่งยืน เฝ้าประตูอยู่ เลยย่องเงียบเข้าไปด้านหลังแล้วจัดการกับมันอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเด็กสาวหลายคนกระจุกรวมกันอยู่อย่างน่าเวทนา ทุกคนตัวสั่นตกใจ ตกใจ ผู้กองสมานจึงรีบแนะนำตัว
“ไม่ต้องกลัวน้อง พี่เป็นตำรวจ พี่มาช่วยพวกเรา”
พวกเด็กสาวดีใจ รีบเดินเรียงแถวตามผู้กองสมานออกจากห้อง
“เดินออกไปตามทาง จะมีพวกพี่คอยรับพวกน้องอยู่ แล้วนอกจากในนี้ยังมีพวกน้องเหลืออยู่อีกรึเปล่า”
เด็กสาวคนหนึ่ง รีบตอบ “มีค่ะ เหลืออีกคนหนึ่ง”
วัลภาถูกพาตัวเดินมาตามทางเพื่อจะพาไปให้พวกเสี่ยบ้ากามประมูลเปิดซิง ขณะที่ผู้กองสมาน เดิน ออกมาเจอและกำลังจะลอบเข้าไปช่วย แต่มันเกิดรู้ตัวเลยหันไปจะยิงใส่ วัลภารีบกระแทกจนมันยิงพลาดเป้า ผู้กองสมานฉวยจังหวะนั้น ยิงสวนกลับไปมันตายคาที่ พลางเอาวิทยุขึ้นมาสั่ง
“ผมช่วยผู้หญิงหมดแล้ว บุกเข้ามาได้เลย”
ระหว่างนั้นพวกนักเลงที่ได้ยินเสียงปืนกรูกันเข้ามา ผู้กองสมานรีบเข้าไปช่วยวัลภา
“รีบหนีออกไปทางนี้ รีบไป”
วัลภารีบหนีไปตามทาง ขณะที่ผู้กองสมานตั้งป้อมยิงต่อสู้กับพวกนักเลง เสียงปืนดังสนั่น
เพลิงสะพายเป้เตรียมจะออกจากบ้านของลำดวน ขณะที่ลำดวนเดินเข้ามาเห็นพอดี
“จะไปไหนน่ะเพลิง”
“ผมรบกวนพี่มามากแล้ว ว่าจะไปหาโรงแรมนอนครับ”
“จะมาเกรงใจพี่ทำไม คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอก็ได้ เพราะอีกไม่นานพี่กับลูกก็จะย้ายออกแล้ว”
“ย้ายไปไหนเหรอครับพี่” เพลิงย้อนถาม
“พี่กำลังจะแต่งงาน สามีพี่ก็เลยอยากให้พี่ไปอยู่กับเขาด้วย แต่ปัญหาอยู่ที่วัลภา พี่ไม่รู้จะพูดยังไง ถึงจะเข้าใจ ว่าพี่อยากให้เราสองคนแม่ลูกได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าอยู่ที่นี่”
“ค่อยๆพูดกันดีกว่าครับ ผมเชื่อว่าความเป็นห่วงของแม่ ลูกทุกคนย่อมเข้าใจ ส่วนเรื่อง จะอยู่ต่อ ที่นี่ ผมคงไม่รบกวน มีเพื่อนที่รู้จักกันในคุกเขาพอมีงานให้ผมทำ”
ลำดวนยิ้มให้เพลิง
“ตามใจเธอก็แล้วกัน แต่ถ้าเธออยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอก มา พี่ไปส่งหน้าบ้าน”
เพลิงยิ้มรับ
ขณะเดียวกัน ผู้กองสมานก็ขับรถตำรวจมาส่งวัลภาที่หน้าบ้าน
“น้องอยู่กับแม่สองคนเหรอ”
วัลภาพยักหน้า
“ค่ะ เอ่อ คุณตำรวจคะ คือ เรื่องที่เกิดขึ้น ดิฉันอยากขอร้องอย่าบอกแม่ดิฉันได้มั้ยคะ”
“ทำไมล่ะ น้องเป็นผู้เสียหายนะ” ผู้กองสมานข้องใจ
“แม่ดิฉันไม่เหมือนแม่คนอื่นค่ะ นะคะคุณตำรวจ เขาอยากเข้าใจอะไรก็ให้เข้าใจไป แบบนั้นนะคะ”
“ก็ได้ ถ้างั้นพี่ส่งน้องแค่นี้แล้วกัน แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วย ติดต่อไปที่โรงพักแล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ผู้กองสมานยิ้มนรับแล้วเดินไปขึ้นรถขับออกไป ระหว่างนั้นลำดวนเดินออกมาส่งเพลิงที่หน้าบ้านพอดี พอเห็นตำรวจมาส่งวัลภาก็เข้าใจผิด
“วัลภา นี่แกไปก่อเรื่องอะไรมาอีก หายหัวไปทั้งคืน เช้ามาก็มีตำรวจมาส่ง”
“แม่ แม่เห็นตำรวจมาส่งลูก แทนที่แม่จะถามว่าเกิดเรื่องอะไรกับลูกรึเปล่า แต่แม่ไม่สนใจ คิดแต่ว่า นังลูกคนนี้ดีแต่ก่อเรื่อง”
วัลภาตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“ก็แกมันดีแต่หาเรื่องให้ฉัน แกอยากเห็นฉันอกแตกตายไง”
“ถ้าวัลภาอยากเห็นแม่อกแตกตาย ป่านนี้คงหนีไปมั่วกับผู้ชายเลียนแบบที่แม่ทำอยู่นี่ไง หัวค่ำหิ้ว คนแก่ เช้ามาหิ้วเด็กหนุ่ม ทุเรศที่สุด”
ลำดวนโกรธ จนตัวสั่น “วัลภา”
พลางปราดเข้าไปจะตบลูกสาว แต่เพลิงคว้าข้อมือเอาไว้ทัน
“อย่าเลยครับพี่ มีอะไรคุยกันดีๆเถอะ ผมขอ”
วัลภามองหน้าเพลิงอย่างไม่ชอบหน้า แล้วรีบเดินเข้าไปบ้านไป ลำดวนถอนใจเฮือกใหญ่
“เห็นมั้ยเพลิง แล้วเธอจะไม่ให้พี่หนักใจกับลูกได้ยังไง พี่ส่งเธอแค่นี้นะ”
เพลิงพยักหน้า“ครับพี่”
เพลิงแบกเป้เดินมาตามทาง ระหว่างนั้นผู้กองสมานขับรถตามหลังมาจอดข้างๆ
“ไม่ผิดอย่างที่ฉันคิด สันดานชั่วๆอย่างแกสักวันมันก็ต้องเผยออกมาจนได้”
“ผู้กอง”
ผู้กองสมานลงจากรถ แล้วเข้ามามองเพลิงหัวจรดเท้า ด้วยสายตาหยามเหยียด
“ออกจากคุกมาได้แค่ไม่กี่วัน ก็มาเกาะผู้หญิงกินแล้ว แกนี่มันแมงดาไม่เปลี่ยนจริงๆ”
“ผู้กองเข้าใจผมผิด ผมไม่เคยทำตัวเป็นแมงดา”
เพลิงพยายามอธิบาย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“ไม่เคยเหรอ แล้วที่แกหลอกล่อให้ฟ้างามมาอยู่กับแกล่ะ ให้อมพระมาพูดว่าแกไม่ได้หวังสมบัติของ ท่าน ฉันก็ไม่เชื่อหรอกเว้ย”
“ผมกับฟ้างามเรารักกันจริงๆ”
จบประโยคของเพลิง ผู้กองสมานยก็ซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้า
“เก็บคำพูดลวงโลกของแกเอาไว้ใช้กับเหยื่อรายต่อไปเถอะ แล้วระวังตัวให้ดี เพราะถ้าครั้งนี้แกพลาด ขึ้นมาอีกล่ะก็ คุกไม่ใช่ที่สุดท้ายที่แกจะได้อยู่ แต่เป็นโลงศพ”
ผู้กองสมานจ้องเพลิงเขม็ง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถเตรียมจะขับออกไป แต่ไม่วายหันมาทิ้งท้าย
“แล้วก็อย่าคิดหนีฉันล่ะ เพราะต่อให้แกไปอยู่สุดขอบโลก ฉันก็จะตามล่าแกเหมือนเงาตามตัว” พูดจบผู้กองสมานก็ขับรถออกไป ทิ้งให้เพลิงเก็บเป้ขึ้นมาสะพาย พร้อมกับเช็ดเลือด ที่มุมปาก พลางมองตามรถที่แล่นออกไปด้วยความอึดอัดใจ
วัลภายืนอยู่หน้ากระจกมองตัวเองแล้วน้ำตาคลอ จากนั้นก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกจน เปลือย ท่อนบน หันหลังส่องกระจกดูแผ่นหลังตัวเอง เมื่อเห็นรูปรอยสัก ผีเสื้อที่กลางแผ่นหลัง ก็ยิ่งทำให้น้ำตาไหลอาบแก้ม จนไม่อาจจะทนดูต่อไปได้ จึงรีบคว้าเสื้อขึ้นมาสวม แล้วทรุดลงนั่งร้องไห้สะอื้นเสียใจ
ระหว่างนั้นลำดวนก็มาเคาะประตูห้อง
“เปิดประตูให้แม่เดี๋ยวนี้นะวัลภา แม่บอกให้เปิดประตู”
“อย่ามายุ่ง วัลภาอยากอยู่คนเดียว”
แต่ลำดวนไม่ฟังเสียง
“ฉันเป็นแม่แกนะ บอกมาเดี๋ยวนี้ เมื่อคืนแกหายไปไหนมา”
วัลภาไม่ยอมตอบ ลำดวนทุบประตูรัว
“ก็ได้ แกไม่บอกฉันวันนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ต่อไปนี้แกจะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้อีก รีบเก็บเสื้อผ้า แล้วเตรียมเดินทางได้แล้ว”
วัลภาชะงัก แล้วรีบลุกไปเปิดประตูเผชิญหน้ากับแม่
“แม่หมายความว่ายังไง เดินทางไปไหน”
“บ้านใหม่ของเราที่ผาปืนแตก เพราะแม่กำลังจะแต่งงานกับกำนัน”
“แม่”
วัลภาอุทานด้วยความตกใจ
เพลิงเดินแบกเป้เข้ามาในอู่รถสิบล้อ ที่มุมปากยังเขียวช้ำ จากหมัดของผู้กองสมาน ขณะที่มัวแต่กวาดตามองหาบางคนในบริเวณอู่ ก็เลยไม่ทันมองรถบรรทุกคันหนึ่งที่ขับมาใกล้แล้วบีบแตรใส่ดังลั่น
“เฮ้ย อยากโดนสิบล้อทับเหรอไงวะไอ้น้อง”
“ขอโทษครับพี่ ผมมาหาเพื่อน”
“เพื่อน ? เพื่อนเอ็งน่ะ ใครวะ” คนขับสิบล้อย้อนถาม
“ไอ้ยอด ดีเซล”
ขณะที่คนที่เพลิงกำลังถามหา ซึ่งเป็นชายหนุ่มวัย 25 หุ่นเฟิร์ม หน้าคม กล้ามเป็นมัด เคยติดคุก ข้อหาขับรถชนคนตาย และไปสนิทกับเพลิงในคุก จนกลายเป็นเพื่อนถูกคอกัน กำลังให้เอื้อมเดือนวินิจฉัยโรคอยู่
“ตกลงผมเป็นอะไรเหรอครับหมอ”
“อืม คุณมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ”
ยอดถึงกับสะดุ้ง “อุ้ย ถามตรงๆแบบนี้เลยเหรอครับคุณหมอ ผมอายนะครับ”
“แต่หมอต้องทราบค่ะ จะได้วินิจฉัยโรคถูก”
“เอ่อ ก็คือ สองสามวันที่แล้วนี่แหละครับ”
“กับภรรยา ?” เอื้อมเดือนถามต่อ
“คุณหมอครับ” ยอดเก๊กหน้าหล่อ “คนอย่างไอ้ยอด เขาเรียกว่าเสือผู้หญิง ร้อยเอ็ดเจ็ด ย่านน้ำ ไม่มีหญิงไหน มัดใจไอ้ยอดได้หรอกครับ ยกเว้นก็แต่คุณหมอนี่แหละครับ ที่จะมำให้เสืออย่างไอ้ยอดกลายเป็น แมวเหมียว”
เอื้อมเดือนส่ายหน้าอย่างระอา “เหรอคะคุณเสือผู้หญิง งั้นหมอคงต้องขอให้ยาแรงๆ กับคุณหน่อยนะคะ”
พูดจบ ก็หันไปหยิบเข็มฉีดยาอันเขื่องขึ้นมา แล้วจ้องหน้ามองยอด ทำเอายอดถึงกับเหวอ
“เตรียมตัวร้องเหมียวให้ดังๆ เลยนะ เพราะคุณน่ะไปติดโรคเพศสัมพันธ์มา”
ยอดกลืนน้ำลายเอื๊อก สยองกับเข็มอันเบ้อเริ่มในมือหมอ
ยอดเดินบ่นออกมาจากเต๊นท์แพทย์อาสา พลางใช้มือกุมก้นที่เพิ่งโดนเข็มปักมาสดๆร้อนๆ
“อู้ย ตูดไอ้ยอด เจ็บชะมัดยาด หมอนะหมอ หน้าก็สวยแต่โหดชะมัดยาด”
เพลิงเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“บ่นไรวะไอ้ยอด ไม่เจอหน้าไม่เท่าไหร่ จากไอ้ขี้เก๊กเป็นไอ้ขี้บ่นแล้วเหรอ”
“ไอ้เพลิง” ยอดเห็นหน้าเพื่อนก็ยิ้มดีใจ “ไอ้เวรตะไล นี่..เอ็งจริงๆเหรอวะเนี่ย ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“สักพักแล้ว จนตรอกว่ะ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็นึกถึงเอ็งนี่แหละ”
“เฮ้ย พูดแบบนี้หวังว่าเวลาเอ็งสบายแล้ว เอ็งจะไม่ลืมไอ้ยอด ดีเซลคนนี้หรอกนะโว้ย”
เพลิงหัวเราะขำ “ก็รอให้เอ็งช่วยให้สบายอยู่นี่ไง”
“งั้นเอ็งมาหาถูกที่ถูกคนแล้ว ออกมาจากคุกสดๆ ร้อนๆ แบบนี้ เดี๋ยวข้าพาไปหาที่สบายๆ เอาให้แบบ เบาเนื้อเบาตัวเลย”
เพลิงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“เฮ้ย ไม่ใช่เว้ย ข้าหมายถึงมาให้เอ็งช่วยหางานให้ทำ ไม่ได้จะมาให้เอ็งพาไปอย่างว่า”
ยอดหัวเราะชอบใจ
“ล้อเล่นน่า เรื่องงานน่ะไม่ต้องห่วงช่วยได้อยู่แล้ว ว่าแต่หน้าเอ็งไป โดนอะไรมา ไปกวนบาทาใคร เข้าให้เขาถึงฝากรอยไว้แบบนี้”
“โจทย์เก่าว่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่ท่าทางจะเจ็บอยู่นะ เออ พอดีวันนี้มีแพทย์อาสาเขามาตรวจรักษาฟรีที่นี่ เอ็งเข้าไปใช้บริการเลย จะได้ไม่ต้องเสียสตุ้งสตางค์”
เพลิงส่ายหน้า
“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก นิดหน่อยเอง”
“เข้าไปให้เหอะน่า ของฟรี แถมหมอยังสวยอีก รับรองเอ็งจะติดใจ”
ไม่พูดเปล่า ยอดรีบลากเพลิงเข้าไปที่เต๊นท์แพทย์อาสาทันที
“มีอะไรอีกเหรอคะคุณยอด”
เอื้อมเดือนเงยหน้ามาถาม เมื่อเห็นยอดเดินกลับเข้ามาในเต๊นท์อีกครั้ง
“เพื่อนผมมันเจ็บมาครับคุณหมอ ช่วยดูมันให้หน่อย ฝากด้วยนะครับ”
ยอดออกไปทิ้งให้เพลิงอยู่กับเอื้อมเดือนตามลำพัง
“สวัสดีครับหมอ”
“คุณเป็นเพื่อนของคุณยอดเหรอ” เอื้อมเดือนไม่วายตั้งคำถาม
“ครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้ยอด ลุยไหนลุยนั่นมาด้วยกันตลอด”
“เพื่อนสนิท ลุยมาด้วยกันตลอด งั้นคุณก็คงเป็นเหมือนๆกัน”
“อะไรเหรอครับหมอ” เพลิงย้อนถาม
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ แล้ววันนี้คุณจะให้หมอตรวจอะไรล่ะ”
ขณะที่บริเวณอู่สิบล้อ เถ้าแก่อู่ กำลังโดนกลุ่มพวกนักเลงเรียกค่าคุ้มครอง ผลักไหล่จนเซล้ม ข้าวของ กระจัดกระจาย
“อั้วไม่มีให้พวกลื้อ ไสหัวไปให้หมด”
“ไอ้แก่” นักเลงตวาดเสียงดัง “อย่าหาเรื่องหัวแข็งดีกว่า ลูกน้องของแกมีแต่ไอ้พวกขี้คุก ถ้าพวกข้าไปบอกตำรวจว่าที่นี่เป็นชุมโจรล่ะก็ แกหมดทางทำมาหากินแน่”
“ขี้คุกแล้วไงวะ” ยอดเข้ามาทันได้ยินพอดี “พูดแบบนี้มันดูถูกกันเกินไปแล้วเว้ย”
พวกนักเลงหันไปเห็นยอดที่พาพวกคนขับรถบรรทุกหลายคนเข้ามา
“ดู แต่ละคน จะไม่ให้ดูถูกได้ไงวะ ถ้าพวกแกไม่อยากมีปัญหากับตำรวจอีก ก็จ่ายค่าคุ้มครองมาซะดีๆ จะได้ไม่ต้องกลับไปกินข้างแดงกันในคุกอีก”
“ไม่ต้องไปจ่ายให้มันเถ้าแก่ พวกมันนั่นแหละที่ต้องไปอยู่ในคุก ไม่ใช่พวกเรา”
นักเลงจ้องหน้ายอดเขม็ง
“แน่ใจนะว่าจะไม่ยอมจ่าย”
“เออ ในคุกในตารางมันดัดนิสัยพวกข้าให้เป็นคนแล้วเว้ย แต่พวกแกนั่นแหละที่ยังป็นเดรัจฉานอยู่”
นักเลงมองหน้ายอดอย่างเอาเรื่อง
“นี่เป็นยาแก้ปวด ถ้ามีอาการปวดบริเวณที่ฟกช้ำก็กินไปสักเม็ดจะช่วยได้ ส่วนนี่..”
เอื้อมเดือนยื่นกล่องถุงยางอนามัยให้ เพลิงชะงักมองอย่างสงสัย
“อะไรครับเนี่ยหมอ”
“ฉันว่าคุณกับคุณยอดควรจะระวังเรื่องความปลอดภัย การสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคทางเพศสัมพันธ์ได้”
เพลิงได้ยินแล้วถึงกับหน้าเหรอ“เดี๋ยวนะครับหมอ นี่หมอคิดว่าผมเป็นเสือผู้หญิงเหมือนอย่างไอ้ยอดเหรอครับ”
เอื้อมเดือนไม่ตอบ แต่กลับพูดตัดบท “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตรวจคนต่อไปเลยนะคะ”
“เดี๋ยวนะครับ ผมว่าหมอเข้าใจอะไรผิดแล้ว ผมไม่ได้เป็นอย่างที่หมอคิด”
เพลิงยังอธิบายไม่จบ พยาบาลก็วิ่งเข้ามาอย่างตกใจ
“หมอคะ แย่แล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะค่ะ ข้างนอกมีเรื่องตีกันใหญ่แล้วค่ะ”
ไม่ทันขาดคำคนขับรถบรรทุกคนหนึ่งก็ถูกนักเลงถีบกระเด็นเข้ามาชนโครม ข้าวของล้มระเนระนาด นักเลงตามเข้ามาเล่นงานต่อจนวุ่นวาย พยาบาลรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด เอื้อมเดือนยืนตกอกตกใจทำอะไรไม่ถูก จนเพลิงรีบเข้าไปคว้าข้อมือ
“รีบไปไปจากที่นี่เถอะครับหมอ ตามผมมา”
เพลิงพาเอื้อมเดือนวิ่งออกไป คนขับรถบรรทุกถูกตีจนสลบ
นักเลงมองตามเพลิง กับเอื้อมเดือน แล้วยิ้มอย่างมีแผน
อ่านต่อตอนที่ 2