รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 5
พอลเดินหน้าเครียดเข้ามาเห็นฝ่ายเสื้อผ้ากำลังช่วยกันเก็บของ เต้ยที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินมาให้กำลังใจ
“ผมรู้นะครับว่าพี่เครียด แต่อาชีพเราบางวันก็เล่นไม่ได้บ้างเป็นเรื่องปกติ...อย่าคิดมากเลยครับ” เต้ยบอก
พอลพยักหน้าอย่างเซ็งๆ
“ไปหาอะไรดื่มแก้เครียดกันดีมั้ยครับ” เต้ยชวน
“ไม่ล่ะ..วันนี้เซ็งอยากอยู่คนเดียว” พอลนึกได้ “เออนี่พี่ว่าจะถามเต้ยเรื่องแฟรงกี้”
“เรื่องแฟรงกี้?...อ๋อ...เรื่องฟิตเนสที่แฟรงกี้ไปเล่นน่ะเหรอครับ”
พอลชะงักนิดนึงเพราะไม่รู้เรื่องแล้วก็แกล้งทำเป็นเออออ
“เอ่อ...อือ..ใช่ๆ”
เต้ยมองพอลด้วยสายตาเจ้าชู้
“ผมก็ว่าจะโทรถามแฟรงกี้เหมือนกัน..ใจเราตรงกันเลยนะครับ” เต้ยบอก
พอลมองเต้ยอย่างกลัวๆ แต่ก็แกล้งยิ้มหวาน
“งั้นเต้ยโทรถามแฟรงกี้ให้พี่หน่อยได้มั้ยว่าเล่นที่ไหน แล้วเราไปเล่นที่นั่นด้วยกัน”
“ได้ครับ”
พอลครุ่นคิดแล้วยิ้มอย่างมีแผน
ลูกจันกับจุ้มจิ้มเดินมาตามทางเดิน
“โชคดีจริงๆที่พี่ตัดสินใจไปกองกับจุ้มไม่งั้นพี่คงไม่รู้ว่าตอนนี้พีทเป็นปัญหาใหญ่ของกอง”
“แปลกมากเลยนะฮะที่จู่ๆพระเอกมือรางวัลอย่างพี่พีทเล่นละครไม่ได้” จุ้มจิ้มว่า
“พี่มั่นใจว่าพีทต้องมีปัญหาแต่ไม่ยอมบอกพี่”
ยังไม่ทันที่จุ้มจิ้มจะพูดอะไร เสียงมือถือของลูกจันก็ดังขึ้น แซนดี้นั่งโทรศัพท์หน้าเครียด ส่วนต๋อยนั่งกุมขมับอยู่ข้างๆ แซนดี้ ต๋อยได้ยินเสียงโทรศัพท์ลูกจันก็หันมามองเห็นลูกจันกับจุ้มจิ้มยืนที่อยู่แล้วก็วิ่งมาหาอย่างร้อนใจ
“ว้าย..มาพอดีเลยเกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ..คุณเดือนวดีโทรมายกเลิกคิวขอถอนตัวจากการขึ้นปกให้เซเลบค่ะ” แซนดี้บอก
จุ้มจิ้มตกใจมาก “ต้องเดินทางพรุ่งนี้แต่โทรมายกเลิกวันนี้เนี่ยนะ”
ต๋อยกับแซนดี้พูดพร้อมกัน “ใช่!!”
ลูกจันหน้าเครียด “เค้าให้เหตุผลว่าไง”
“เค้าต้องไปขึ้นปกให้ไลม์ค่ะ” ต๋อยบอก
ลูกจันหน้าแค้นเพราะเป็นณัฐอีกแล้ว
“พี่ต๋อยกับแซนดี้ช่วยกันโทรเช็คคิวดารา นายแบบ นางแบบนางเอกดังๆ ก่อนเลย”
“โทรเดี๋ยวนี้ จะใช้เค้าพรุ่งนี้เนี่ยนะคะ” แซนดี้งง
“ใช่” ลูกจันยืนยัน
“แต่เค้าจะมีคิวเหรอคะ คนดังๆงานแน่นกันทุกคน” ต๋อยบอก
“ลองดูก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที” ลูกจันว่า
ต๋อยกับแซนดี้รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะแล้วเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์อย่างรีบร้อน
“ทำไมจู่ๆไลม์เกิดใจตรงกับเรา...รึว่าเกลือจะเป็นหนอนฮะ” จุ้มจิ้มบ่น
ลูกจันครุ่นคิด
มินตรากับปีโป้กำลังนั่งดื่มกาแฟไปดูแค็ตตาล็อกกระเป๋าจากไอแพดไป พนักงานคนอื่นๆ นั่งอยู่แถวนั้นหลายคน
มินตราพูดออกมา “แสนกว่าเอง ถู๊กถูก”
ลูกจันเดินเข้ามาด้วยความโมโห จุ้มจิ้มเดินตามมาอย่างเป็นห่วง
“กระเป๋าใบละแสนบอกว่าถูก...คงได้ค่าคาบข่าวจากไลม์มาเยอะสิท่า” ลูกจันกัด
ปีโป้ มินตรา และพนักงานคนอื่นๆมองลูกจันด้วยอาการตกใจ
“เธอพูดอะไรของเธอ”
“ฮึ...ต้องให้ฉันเอาคลิปมาเปิดให้คนทั้งบริษัทดูแบบคราวที่แล้วใช่มั้ย เธอถึงจะยอมรับ” ลูกจันว่า
เสียงวิมาดาดังขึ้น “มีเรื่องอะไรกัน”
ทุกคนหันไปมองก็เห็นวิมาดาเดินเข้ามา
“ไลม์มาตัดหน้าเอาคุณเดือนวดีไปขึ้นปกค่ะ จันสงสัยว่าจะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในบริษัทเรา” ลูกจันฟ้อง
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าใครจะมาขึ้นปกให้เธอ ฉันจะไปบอกไลม์ได้ยังไง” มินตรารีบแก้ตัว
“คราวที่แล้วเธอยังรู้จากปีโป้เลยว่าเซเลบแอบออกกอง เพราะฉะนั้นคราวนี้ฉันจะเอาใครขึ้นปก เธอก็ต้องรู้”
“เธอหาว่าฉันเอาเรื่องในกองเซเลบมาเล่าให้มินฟังเหรอ” ปีโป้ย้อน
ลูกจันถามทันที “หรือไม่จริง”
ปีโป้หน้าเจื่อนเพราะไม่กล้าปฏิเสธ
มินตราพูดกับลูกจัน “ฉันยอมรับว่าปีโป้บอกฉันเรื่องคุณเดือนวดีจะมาขึ้นปกให้เธอ แต่ฉันไม่ได้บอกไลม์”
“คราวที่แล้วเธอก็ยืนยันเสียงแข็งแบบนี้แหละ แต่สุดท้าย เธอก็เป็นตัวการจริงๆ” ลูกจันว่า
“แต่คราวนี้ไม่ใช่ฉันนะ”
“ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นแหละที่คอยแทงข้างหลังฉันตลอดเวลา”
วิมาดารีบแทรกก่อนเรื่องจะบานปลาย “เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกัน เดี๋ยวชั้นจะหาตัวการให้เอง”
ปีโป้ มินตรา และพนักงานอื่นๆมองวิมาดาอย่างตกใจ ที่งานนี้วิมาดาลุยเอง ลูกจันกับจุ้มจิ้มมองปีโป้และมินตราพร้อมยิ้มอย่างสะใจว่างานนี้ทั้งคู่เสร็จแน่ๆ
วิมาดาคุยโทรศัพท์กับเดือนวดี
“เพราะวิรู้น่ะสิคะว่าคุณพี่เป็นคนตรงไปตรงมาเลยกล้าโทรมาถาม” วิมาดาหยุดฟัง “ค่ะ...อ๋อ..ค่ะๆ เข้าใจแล้วค่ะ ไม่เป็นไรค่ะวิเข้าใจ เอาไว้โอกาสหน้าคงได้รับเกียรติจากคุณพี่นะคะ...ค่ะ..สวัสดีค่ะ”
วิมาดาวางสายจากเดือนวดีด้วยสีหน้าหนักใจ
“รู้ตัวแล้วใช่มั้ยคะ” ลูกจันถาม
วิมาดาพยักหน้า
มินตราถามขึ้น “ใครคะ”
“คุณอิงอรเค้าได้ยินลูกจันชวนคุณเดือนวดีมาขึ้นปกให้เซเลบตั้งแต่คืนงานเปิดตัวครีมอาบน้าkookai ก็เลยให้ท่านรัฐมนตรีคุณพ่อคุณอิงอรโทรมาขอร้องให้คุณเดือนวดีไปขึ้นปกไลม์ของแฟนคุณอิงอรแทน คุณเดือนวดีเกรงใจท่านรัฐมนตรีเพราะมีธุรกิจร่วมกันอยู่หลายอย่าง เลยต้องแคลเซิลเซเลบไปขึ้นปกให้ไลม์แทน”
มินตราหันไปทำหน้าเย้ยลูกจัน
มินตราพูดกับลูกจันอย่างเยาะเย้ย “ได้ยินแล้วใช่มั้ย ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”
ลูกจันจ๋อย
มินตราพูดกับวิมาดา “บอสคะ มินต้องการการรับผิดชอบที่มินต้องโดนด่าฟรีค่ะ”
“ลูกจัน ในเมื่อเรื่องมันสรุปแล้วว่ามินตราเค้าบริสุทธิ์ เธอก็ควรขอโทษเค้าซะ” วิมาดาบอก
ลูกจันพูดกับมินตรา “ฉันขอโทษ”
“แค่เนี้ย?” มินตราถาม
ลูกจันชักฉุน “แล้วเธอต้องการแค่ไหน”
มินตราทำหน้าแสดงว่าถือไพ่เหนือกว่า
พนักงานบริษัทยืนจับกลุ่มมอง ลูกจันเงยมองขึ้นไปชั้นบน
“มินตราฉันขอโทษ” ลูกจันพูด
มินตราที่อยู่ข้างบนชะเง้อหน้าลงมามองด้วยสีหน้าสะใจมาก
“มินตรา ฉันขอโทษ” ลูกจันพูดย้ำ “มินตราฉันขอโทษนะที่ปรักปรำเธอ”
“เพิ่งรอบที่ 5 เสียงตกแล้วเหรอ..ยังเหลืออีก 5 ครั้งนะ” มินตราว่า
ลูกจันทำหน้าแค้นก่อนจะตะโกนดังขึ้น
“มินตราฉันขอโทษ”
มินตราเย้ย “ก็ยังไม่ได้อารมณ์เท่าตอนเธอด่าฉันนะ”
ลูกจันตะโกนเสียงดังก้อง
“มินตรา ฉันขอโทษ....โทษ....โทษษ”
ลูกจันเดินหน้าหงิกเข้ามาในออฟฟิศอย่างเสียหน้าสุดๆ
อาร์ตชื่นชมในสปิริตของลูกจันมาก “พี่ลูกจันสุดยอดเลยครับ”
“คนอย่างพี่ผิดก็ยอมรับผิด”
“แมนกว่าผู้ชายแถวนี้อีกนะฮะ”
“อ้าว..ไอ้ทอม..หาเรื่องกันอีกแล้วนะ”
“หาเรื่อง..หาเรื่องใคร”
“แถวนี้มีฉันเป็นผู้ชายคนเดียวแกก็ต้องหาเรื่องฉันนั่นแหละ”
ลูกจันตวาดแว๊ดใส่อาร์ตกับจุ้มจิ้ม “นี่..ถ้าคุยกันดีๆไม่ได้ก็ไปไกลๆพี่เลยไป๊”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มจ๋อย ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนมองลูกจันอย่างเกรงๆ
แซนดี้ถามอย่างระวังตัว “เอ่อ... พี่ลูกจันคะ.ตกลงรายชื่อดารา นายแบบ นางแบบที่ว่างพรุ่งนี้มีใครใช้ได้บ้างมั้ยคะ”
“ใช้ไม่ได้เลย หน้าช้ำกันทุกคน..ขืนเอามาใช้ปกเราก็จะไม่มีอะไรโดดเด่นเลย”
“งั้นทำไงดีคะคุณลูกจัน ยกกองเหรอคะ” ต๋อยถาม
“ยัง..เราจะแก้ปัญหานี้จนถึงเที่ยงคืนถ้าเที่ยงคืนหนึ่งนาทียังแก้ปัญหาไม่ได้ค่อยยกกอง”
ต๋อยกับแซนดี้พยักหน้า อาร์ต จุ้มจิ้ม และอุ่นเรือนมองลูกจันอย่างชื่นชม
กล้องถ่ายรูปของพอลถูกถอดออกเป็นชิ้นๆ อุปกรณ์ทำความสะอาดกล้องวางอยู่ไม่ไกล พอลใช้ผ้าเช็ดเลนส์อย่างทะนุถนอมพร้อมกับมองกล้องแล้วก็คิดถึงชีวิตตัวเอง
พอลนึกถึงตอนที่เขากำลังถ่ายรูปช้างป่าด้วยท่าเท่ๆ ตอนที่เขายืนบนต้นไม้ถ่ายรูปลูกนกที่อยู่ในรัง แล้วมองลูกนกพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีความสุข
เหตุการณ์ปัจจุบัน พอลถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะอยากกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง เสียงข้อความในมือถือดังขึ้น พอลหยิบมากดอ่านก็เห็นว่าแนนเป็นคนส่งมา
“คุณหมอให้ป้าอ้อยนอนโรงพยาบาล คิวที่ขอไว้ของอาทิตย์นี้คืนพี่พีทหมดเลยนะคะ” พอลดีใจมาก “ไม่ต้องถ่ายละคร 3 วัน”
พอลยิ้มดีใจแล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้น เขาเห็นว่าเต้ยโทรเข้ามา
“ได้เรื่องแล้วเหรอเต้ย” พอลดีใจมาก “งั้นพรุ่งนี้เราไปสมัครเล่นที่นั่นกัน”
เต้ยนั่งคุยโทรศัพท์กับพอลอยู่มุมหนึ่งของผับสุดหรู
“ได้ครับ..แต่ตอนนี้ผมคิดถึงพี่พีทมากเลย ไม่ออกมาดื่มกับผมจริงๆเหรอครับ”
“วันนี้พี่เหนื่อยจริงๆเจอกันพรุ่งนี้นะ” พอลบอก
พอลวางสายจากเต้ยแล้วก็ครุ่นคิดเรื่องแฟรงกี้ก่อนจะยิ้มอย่างมีแผน
“นายหนีฉันไม่รอดหรอกแฟรงกี้” พอลเปรย
อุ่นเรือนเดินนำลูกจันมาตามทาง
ลูกจันหงุดหงิด “พี่กำลังกลุ้มใจเรื่องแบบขึ้นปก ยังจะให้พี่มาดูอะไรเนี่ย”
“อดใจอีกนิดเดียวนะคะ เดี๋ยวก็ได้รู้แล้วค่ะ” อุ่นเรือนว่า
อุ่นเรือนพาลูกจันเดินมาถึงมุมหนึ่งที่ต๋อยกับจุ้มจิ้มนั่งอยู่ จุ้มจิ้มรีบสะกิดต๋อย ต๋อยลุกพรวดแล้วรีบโพสท่านางแบบให้ลูกจันดู
“ใช้ได้มั้ยฮะ” จุ้มจิ้มถาม
“ให้มาดูพี่ต๋อยโพส..จะให้เอาพี่ต๋อยขึ้นปกแทนคุณเดือนวดีเหรอ” ลูกจันถามกลับ
“ก็พวกเรายังหาแบบไม่ได้จุ้มเลยลองเสี่ยงดูน่ะฮะ”
ต๋อยเขิน “สรุปว่าไงคะ พี่ใช้ได้มั้ย”
“ไม่ได้”
ลูกจันจะเดินกลับไปที่ห้อง แซนดี้เดินนำอาร์ตมาพอก็ดีรีบบอกลูกจัน
“อย่าเพิ่งไปค่ะ..ดูนี่ก่อน”
แซนดี้เดินแบบมาโพสตรงหน้าลูกจัน ก่อนจะหมุนตัวหลายรอบแล้วมองสายตาจิกมากประหนึ่งเป็นนางแบบมืออาชีพ
ลูกจันบอกทันที “ไม่โดน”
แซนดี้ถอนหายใจเซ็งๆ
“เซ็งเลย กะจะได้เกิดเป็นดารงดาราแบบจุ้มซะหน่อย”
“ดาราที่เข้าฉากครั้งเดียว ทำให้ผู้กำกับถึงกับนอนโรงพยาบาลน่ะเหรอครับ” อาร์ตว่า
ลูกจันตกใจ “ป้าอ้อยนอนโรงพยาบาล?”
“ครับ..ตอนออกไปกินข้าวผมเห็นข่าวในทีวี เห็นว่าต้องนอนหลายวันเลยนะครับ” อาร์ตพูดกับจุ้มจิ้ม “สงสัยคงเครียดหนักกับการปั้นทอมให้เป็นผู้หญิง”
จุ้มจิ้มมองหน้าอาร์ตอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ก็ไม่กล้าด่าต่อหน้าลูกจัน ลูกจันไม่สนใจอาร์ตกับจุ้มจิ้ม เธอทำท่าคิดแล้วรีบบอกอุ่นเรือน
“ไปตามปีโป้บอกว่าพี่เรียกประชุมทีมด่วน”
ทุกคนมองลูกจันด้วยความแปลกใจ
ปีโป้พูดด้วยความตกใจ
“เปลี่ยนคอนเส็ปต์ชุดทั้งหมด!”
“พี่ลูกจันได้แบบแล้วเหรอคะ” แซนดี้ถาม
“ได้แล้ว..อีกสักพักเค้าจะเข้ามาวัดตัว”
“วัดตัวคืนนี้ถ่ายมะรืนใครจะไปทำทันยะ”
“ฉันคิดคอนเส็ปต์ไว้แล้วไม่มีอะไรยุ่งยาก ทันแน่นอน”
อุ่นเรือนงงมาก “ตอนพามาดูพี่ต๋อยกับพี่แซนดี้ พี่ลูกจันยังบอกว่ากลุ้มใจที่ยังไม่ได้แบบอยู่เลย แล้วอุ่น เอ๊ยยยย...แอนนี่ก็ยังไม่เห็นพี่โทรหาใครเลยแล้วพี่ได้แบบมายังไงคะ”
“พี่มีวิธีของพี่ละกันน่า”
ทุกคนมองลูกจันอย่างทึ่งๆ ยกเว้นปีโป้ที่มองลูกจันด้วยความหมั่นไส้
พอลเช็ดกล้องเสร็จแล้วก็มองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา 3 ทุ่ม เขาเดินไปชะโงกหน้าดูที่จอดรถปต่ก็ไม่เห็นรถของลูกจัน พอลชักกังวล เขานั่งดูทีวีไปชะเง้อมองรถลูกจันไป
เวลาผ่านไป พอลเดินไปชงกาแฟมานั่งดื่มรอลูกจัน
เวลาผ่านไป พอลสาวเส้นมาม่ากินรอลูกจัน
เวลาผ่านไป พอลกำลังเอาเนยปาดขนมปัง
เวลาผ่านไป พอลเด็ดองุ่นเข้าปาก
เวลาผ่านไป พอลยืนผัดข้าว
เวลาผ่านไป ไมโครเวฟดังติ๊ง พอลหยิบเอาจานขนมจีบออกมาจากไมโครเวฟ
เวลาผ่านไป พอลหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มมาดื่ม แล้วก็หยิบยาช่วยย่อย พอลที่อิ่มมากกำลังกินยาช่วยย่อยเข้าปากเคี้ยว กองซากอาหารต่างๆพะเนินเทินทึกอยู่รอบตัวพอล
ลูกจันนั่งเล่นเกมในไอแพดอย่างสบายใจ คนอื่นๆนั่งเล่นโทรศัพท์ ปีโป้มองลูกจันด้วยความหงุดหงิด
“คุณ บก.คะ จะตี 1 แล้วนะคะเมื่อไหร่แบบของคุณ บก.จะมาซะที” ปีโป้ว่า
“เดี๋ยวก็มา” ลูกจันบอก
“ถามกี่ทีๆก็บอกว่าเดี๋ยวมาๆ จะอีกนานมั้ยเนี่ย”
ลูกจันจ้องปีโป้อย่างไม่พอใจ “รอได้มั้ย”
ปีโป้หลบตาแล้วพูดเสียงสะบัดเพราะไม่พอใจ “ก็ต้องได้สิ”
“งั้นก็นั่งสงบๆ จนกว่าแบบจะมา”
พอลอาบน้ำเพิ่งเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ พอลเปิดม่านดูโรงรถที่ไม่มีรถลูกจันด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่มาอีก” พอลหยิบโทรศัพท์แล้วพูดกับโทรศัพท์ “ผมโทรเพราะจะได้ดูเป็นพฤติกรรมปกติของพีทหรอกนะไม่ได้โทรเพราะห่วงคุณ”
พอลกดโทรศัพท์หาลูกจัน ลูกจันยังนั่งเล่นเกมในไอแพด ส่วนอุ่นเรือนนั่งหลับ จุ้มจิ้ม ต๋อย และแซนดี้นั่งเล่นเกมอย่างเมามัน ปีโป้นั่งหน้าหงิกดูแฟชั่นในยูทูปฆ่าเวลา สักพักเสียงโทรศัพท์ลูกจันดังขึ้น เธอเห็นเป็นชื่อพีทลูกจันก็ยิ้มดีใจแล้วรีบกดรับ
ลูกจันทำเสียงงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่น “ฮัลโหล”
“ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” พอลถาม
“เครียด ปวดหัว ขับรถกลับบ้านไม่ไหวเลยนอนพักที่ออฟฟิศ”
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ค่อยยังชั่วรึยัง”
“ยังเลย..แกมารับฉันกลับบ้านหน่อยสิ”
“ฉันไม่ได้โง่ที่จะให้แกหลอกซ้ำซากนะ ฉันรู้ว่าแกกำลังปาร์ตี้กับทีมของแก แล้วก็จะหลอกให้ฉันไปแจมกับแกแบบคราวที่แล้ว”
“ฉันไม่สบายจริงๆ..แต่ถ้าแกไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ฉันนอนที่ออฟฟิศก็ได้แค่นี้นะ”
ลูกจันวางสายจากพอลแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ปีโป้มองลูกจันด้วยความหมั่นไส้
“เอาเวลาที่จะล้อเล่นกับเพื่อนมาโทรตามแบบดีกว่ามะ”
“ไม่เกินครึ่งชั่วโมงแบบมาถึงแน่ เตรียมตัวทำงานได้เลย”
ทุกคนมองลูกจันอย่างงงๆ
แซนดี้กระซิบกับต๋อย “เล่นแต่เกมรู้ได้ยังไงว่าอีกครึ่งชั่วโมงแบบจะมา”
“นั่นสิ”
ลูกจันยิ้มเจ้าเล่ห์
พอลใส่ชุดนอนนอนอยู่บนเตียง พอลหลับตาแต่นอนไม่หลับ เขาจึงลืมตาถอนหายใจเซ็งๆ แล้วลุกจากเตียง
ลูกจันนั่งมองนาฬิกา
“อีก 10 วินาที..ทุกคนพร้อมมั้ย”
ทุกคนยกเว้นปีโป้พูดพร้อมกัน “พร้อมค่ะ”
ลูกจันนับถอยหลัง “9-8-7-6-5”
ทุกคนจ้องไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น
ลูกจันนับต่อ “4-3-2-1”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
จุ้มจิ้มทึ่งลูกจันมาก “โห..เป๊ะ”
อุ่นเรือนรีบวิ่งไปเปิดประตูก็เห็นพอลยืนอยู่ พอลมองทุกคนอย่างงงๆ
“จับไว้”
ต๋อย แซนดี้ จุ้มจิ้ม และอุ่นเรือนวิ่งกรูไปจับตัวพอลไว้ พอลมองทุกคนด้วยความตกใจ
“จับผมไว้ทำไมเนี่ย”
“เฉยเถอะน่า” ลูกจันพูดกับปีโป้ที่ยืนอึ้งในความเป๊ะของลูกจัน “แบบมาแล้วยืนอึ้งอะไรอยู่รีบไปวัดตัวสิ”
ปีโป้รีบเอาสายวัดวัดตัวพอล
พอลถามลูกจัน “นี่มันอะไรกันน่ะ”
“นางแบบที่จะไปถ่ายแบบให้ฉันพรุ่งนี้โทรมายกเลิก แกต้องไปแทน”
“แล้วทำไมไม่บอกฉันดีๆ ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”
“ถ้าบอก..แกก็ต้องขอดูชุด ขอคุยคอนเส็ปต์ แล้วฉันก็ทำงานไม่ทันแล้วก็ต้องเสียค่าเงินค่าที่พัก ค่าสถานที่ฟรีๆ”
“แต่พรุ่งนี้ฉันมีธุระ”
“ธุระในชีวิตแกไม่มีอะไรสำคัญเท่าฉัน ถ้าแกไม่ให้ความร่วมมือเราขาดกัน”
พอลมองลูกจันด้วยความหงุดหงิด ลูกจันมองหน้าพอลแล้วยักคิ้วกวนประสาท จุ้มจิ้ม ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนมองลูกจันกับพอลแล้วยิ้มขำ
ปีโป้รีบวัดตัวพอลอย่างไม่สนใจใคร พอลมองลูกจันด้วยอาการหงุดหงิด
อาร์ตนั่งมองพลุโอ่งที่ซื้อมาแล้วยิ้มฝันๆ อาร์ตหันมอง
ภาพในความฝันของอาร์ต เขาพูดชม “ดาวสวยนะครับ”
“สวยมาก” ลูกจันตอบ
ทั้ง 2 นั่งมองดูดาวด้วยกัน จู่ๆ พลุก็ติดขึ้นสว่างไสวสวยงามเต็มชายหาด ลูกจันมองพลุอย่างตื่นตาตื่นใจ
ลูกจันลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ อาร์ตลุกยืนตาม
“อาร์ตสั่งให้เค้าจุดเหรอ” ลูกจันมองอาร์ตแล้วส่งตาหวานปิ๊งๆ
อาร์ตพยักหน้าแล้วมองลูกจันอย่างอ่อนโยนหยาดเยิ้ม
“ผมรักพี่ครับ” อาร์ตบอก
“อยู่ชายหาดท่ามกลางแสงดาว จุดพลุแล้วบอกรัก....โอ...โรแมนติคเหลือเกิน”
“แล้วจะใจอ่อนยอมเป็นแฟนกับคนโรแมนติคมั้ยครับ”
“เคยฟังเพลงนี้มั้ย” ลูกจันตะโกนร้องเพลง “เจอะอย่างนี้ใครไม่รักก็บ้าแล้ว”
อาร์ตยิ้มดีใจสุดๆ ทั้งคู่จับมือกันแล้วทำตาเยิ้มใส่กัน ทั้งสองทำท่าเหมือนจะจูบกัน
อาร์ตทำท่าปากจู๋เหมือนกำลังจะจูบ แล้วก็รู้สึกสยิวตัวเอง เขามองพลุแล้วยิ้มมีความสุขมาก
พอลเดินหน้าหงิกเข้ามาในบ้านด้วยความหงุดหงิด ลูกจันเดินตามเข้ามามองพอลที่ยังงอนแล้วก็ยิ้มขำ
“พีท”
พอลถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะหันมามองลูกจันอย่างไม่พอใจ
“อะไรอีกล่ะ” พอลถาม
ลูกจันเดินไปหาแล้วกอดพอลอย่างปลอบใจ
“ฉันไม่มีทางออกอื่นจริงๆ อย่าโกรธฉันเลยนะ”
พอลชะงักเมื่อเนื้อตัวลูกจันมาแนบตัว
“ไม่โกรธแล้ว” พอลบอก
พอลผลักลูกจันออกเบาๆ แล้วจะเดินขึ้นข้างบน ลูกจันดึงแขนพอลไว้แล้วทำหน้าอ้อน
“ฉันช่วยจัดกระเป๋านะ”
“ฉันจัดเองได้”
“บอกว่าหายโกรธแล้วทำไมไม่ให้ฉันช่วยจัดกระเป๋าล่ะ”
พอลเซ็งสุดๆ แต่ก็กลั้นอารมณ์ “ก็เห็นว่าแกทำงานตั้งแต่เช้ายันดึก อยากให้พักผ่อนเลยจะจัดเอง..เข้าใจรึยัง”
ลูกจันทำหน้าแบ๊วแล้วก็ยิ้มพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว แล้วฉันไปได้รึยัง” พอลถาม
ลูกจันทำหน้าแบ๊วแล้วก็ยิ้มพยักหน้า
พอลหันหลังให้ลูกจันได้ก็ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดสุดๆ ก่อนจะเดินขึ้นข้างบน ลูกจันมองตามพอลแล้วยิ้มขำ
พีทแต่งตัวหล่อมากนั่งดูทีวีอยู่ ป้าภาใส่ชุดนอนเปิดประตูห้องออกมาเห็นพีทนั่งอยู่ก็มองอย่างแปลกใจ
“อู้ยยย..ตื่นก่อนป้าอีกวันนี้มันวันอะไรเนี่ย”
พีทพูดอย่างอารมณ์ดี “วันที่พีทจะได้ออกไปข้างนอก วันนี้หมอนัดตัดเฝือกแขนไงครับ”
ป้าภาเดินมามองเสื้อผ้าพีทอย่างอึ้งๆ “แต่งตัวเสร็จแล้วด้วย..หมอนัดออกจากบ้าน 9 โมง นี่เพิ่ง 6 โมงเอง”
“พีททนรออะไรไม่ไหวแล้วครับ..คุณป้าต้องไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ 10 นาที คุณป้าก็แต่งตัวเสร็จแล้ว แล้วเราจะออกไปทันที”
“ออกไปตอนนี้รถติดตาย” ป้าภาว่า
พีทงอแง “พีทอยากเห็นรถติด พีทเบื่อที่นี่ พีทอยากออกไปข้างนอก”
“เอาล่ะจ้ะ..ไม่ต้องงอแง.. ป้าจะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ละจ้ะ”
ป้าภารีบวิ่งเข้าห้อง พีทมองตามป้าภาแล้วยิ้มดีใจที่ป้าภาตามใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 5 (ต่อ)
พอลนั่งดูเรื่องเล่าเช้านี้ก็ได้ยินเสียงลูกจันตะโกนลงมาจากข้างบน
“พีทขึ้นมานี่หน่อย”
พอลถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ได้ยินเสียงยัยนี่ตั้งแต่ตื่นยันหลับ”
“พีทได้ยินรึเปล่าขึ้นมารึยัง”
“ประสาทจะกิน”
พอลลุกออกไปอย่างเซ็งสุดๆ
พอลเดินมาหยุดหน้าห้องลูกจันแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งสุดๆเมื่อเห็นลูกจันแต่งตัวสีสันซัมเมอร์มาก เธอใส่กางเกงขาสั้น สะพายกระเป๋าหรูสีแสบตา ลากกระเป๋าเดินทางแบรนด์เนมสุดหรูอีก 2 ใบอย่างทุลักทุเล
“ช่วยเอากระเป๋าลงไปหน่อย” ลูกจันบอก
“กระเป๋าใบเท่าบ้านตั้ง 2 ใบกะจะไปอยู่เป็นเดือนเลยรึไง” พอลถาม
“2 คืน 3 วัน จัดกระเป๋าเท่านี้ก็ถือว่าปกติเหมือนที่แกกับฉันเคยจัดนั่นแหละ..อย่าบอกนะว่าของแกน้อยกว่านี้ไม่เชื่อหรอก”
พอลไม่ตอบแต่ถอนหายใจเซ็งๆ แล้วก็ช่วยลูกจันยกกระเป๋าใบหนึ่งแต่หนักมากจึงยกแทบไม่ขึ้น
“หนักมากป่ะ” ลูกจันถาม
พอลตอบทันที “มาก”
ลูกจันยิ้มแฉ่ง “ฉันถึงยกไม่ไหวเลยต้องเรียกแกมายกไง...ฉันไปรอข้างล่างนะ”
ลูกจันเดินออกไป พอลมองตามลูกจันอย่างเซ็งสุดๆ แล้วยกกระเป๋าที่หนักอึ้งด้วยความทรมาน
ลูกจันสะพายกระป๋าเดินตัวปลิวลงมาจากข้างบน พอลยกกระเป๋าลูกจันตามลงมาอย่างทุลักทุเลพร้อมกับมองลูกจันด้วยความโมโห
“นี่ลูกจัน!!”
ลูกจันสวน “ว่า”
“ไม่คิดจะช่วยกันยกบ้างเลยเหรอ”
“ช่วยมันจะยิ่งยกลำบาก ยกคนเดียวสะดวกกว่า”
ลูกจันเดินลงไปอย่างไม่สนใจ พอลมองตามแล้วส่ายหัวในความเจ้าเล่ห์ของลูกจัน
ลูกจันเดินมาถึงห้องรับแขกแล้วมองหากระเป๋าพอล
“กระเป๋าแกล่ะ” ลูกจันถาม
พอลที่ลากกระเป๋าลูกจันเข้ามาพูดอย่างเหนื่อยๆ “นั่น”
พอลชี้มือไปที่เป้เก่า ๆที่วางรวมกับกระเป๋ากล้อง
“ไม่ใช่กระเป๋าสะพาย...กระเป๋าเสื้อผ้า” ลูกจันบอก
“ก็ใบนั้นแหละ”
ลูกจันมองพอลอย่างแปลกใจสุดๆ “แค่นี้เหรอ”
“จะให้เอาอะไรไปมากมายล่ะ” พอลถาม
“ไปต่างจังหวัดด้วยกันทุกครั้งของแกไม่เคยน้อยกว่าของฉันเลย แต่วันนี้เอาไปแค่นี้เป็นไปได้ยังไง”
“ฉัน..ฉันขี้เกียจจัด”
“อ๋อ...ไม่เต็มใจไปเลยไม่มีอารมณ์จัดกระเป๋า”
“ทำนองนั้น”
-ลูกจันเดินไปมองกระเป๋ากล้องไปอย่างแปลกใจ
“แล้วนี่ของใคร” ลูกจันถาม
“ของฉันเอง” พอลตอบ
“อื้อหือ...กระเป๋ายังกะพวกตากล้องมืออาชีพแน่ะ...เว่อร์ไปมั้ยคะเจ้”
พอลตัดบท “ตกลงจะคุยกันอยู่ที่บ้านรึจะไปออกกอง”
“ไปคุยกันต่อบนรถก็ได้ แกขึ้นไปเอากระเป๋าอีกใบของฉันลงมาสิจะได้รีบไป”
พอลมองค้อนลูกจันอย่างเซ็งๆ
รถตู้ที่จะออกกองจอดอยู่ โดยมีร่างหนึ่งนั่งเอาผ้าห่มคลุมโปงอยู่ที่เบาะหลังคนขับซึ่งนั่งประจำที่จุ้มจิ้มกับลูกจัน จุ้มจิ้มสะพายเป้เดินมาโดยยังไม่เห็นคนบนรถ ลุงเติมวิ่งมาทักจุ้มจิ้ม
“สวัสดีครับคุณ”
ยังไม่ทันที่ลุงเติมจะพูดชื่อ อาร์ตที่นั่งคลุมโปงอยู่ก็เปิดผ้าห่มยื่นหน้ามาตะโกนอย่างร่าเริง
“จ๊ะเอ๋!!”
จุ้มจิ้มตกใจมากจึงต่อยหน้าอาร์ตอย่างแรง “เฮ้ยย”
อาร์ตร้องลั่น “โอ๊ยย”
จุ้มจิ้มตกใจ “อ้าว!!”
อาร์ตจับหน้าที่เบี้ยวไปข้างนึง “แกต่อยฉันทำไมเนี่ย..ไอ้ทอมซาดิสต์”
“ก็แกอยากทำให้ฉันตกใจทำไม..สมน้ำหน้า” จุ้มจิ้มว่า
“ถ้ารู้ว่าเป็นแกฉันไม่เล่นจ๊ะเอ๋ให้เสียมุกหรอก” อาร์ตพูดกับลุงเติมอย่างงอนๆ “ลุงนะลุงไม่เตือนกันเลยว่าผิดคน”
“บอกว่าให้ฟังชื่อก่อนแล้วค่อยโผล่มา นี่ยังไม่ทันพูดชื่อแล้วโผล่มาทำไมล่ะ”
อาร์ตถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“นี่แกไปด้วยเหรอ” จุ้มจิ้มถาม
“พี่ต๋อยอนุญาต” อาร์ตบอก
“แต่ฉันๆไม่อนุญาตให้แกนั่งตรงนี้..ย้ายที่เลย”
“ย้ายให้โง่เหรอ ฉันจะนั่งตรงนี้กับพี่ลูกจัน”
จุ้มจิ้มเถียง “แต่นี่มันที่ประจำของฉัน”
“เสียใจ...ลุกเสียม้า มาช้าเสียที่ประจำ” อาร์ตว่า
อาร์ตยักคิ้วเย้ยจุ้มจิ้มแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงต่อ จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยความโมโห
จุ้มจิ้มกำลังดึงผมอาร์ตเพื่อกระชากให้หลุดจากที่นั่ง
อาร์ตร้องลั่น “โอ๊ยย...ไอ้ทอมโรคจิต เจ็บนะเว้ย”
“เจ็บก็รีบลุกไปจากที่ฉันเลย”
อาร์ตรวบมือของจุ้มจิ้มที่ดึงผมไว้แล้วบิดแขนทั้งสองไปข้างหลังก่อนจะยื่นหน้ามาพูดข้างแก้มจุ้มจิ้ม
“ไม่ลุก...มีไรป่ะ”
จุ้มจิ้มแค้นมาก “แก...ตาย”
จุ้มจิ้มดิ้นกระแด่วๆ พยายามจะทำร้ายอาร์ต แต่โดนจับแขนไว้เลยทำอะไรไม่ได้ อาร์ตหัวเราะเย้ยหยัน
“ฮ่าๆๆๆ...โทษทีนะจ๊ะทอม วันนี้ฉันจะนั่งกับพี่ลูกจันแทนแกเอง”
เสียงลูกจันดังขึ้น “เสียใจด้วยจ้ะ พี่มีคนนั่งด้วยแล้ว”
ลูกจันเดินเข้ามาจากข้างหลังในระยะที่ไกลพอสมควร พอลลากกระเป๋าด้วยสองมือ สะพายเป้ และกระเป๋ากล้องตามมาอย่างทุลักทุเล
“พี่พีท” อาร์ตตกใจ
“ช่ายย” ลูกจันบอก
ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนเพิ่งเดินเข้ามา
แซนดี้พูดกับอาร์ต “อาร์ตจ๋าพี่ซื้อกางเกงมาฝากอาร์ตด้วย”
แซนดี้หยิบกางเกงออกจากถุงเป็นกางเกงทรงพี่ตูนที่สีแสบตามาก
“สวยมั้ยๆ” แซนดี้ถาม
อาร์ตอึกอัก “เอ่อ..ก็..ก็สวยดีพี่..ใส่แล้วคงรัดดี..แหะๆ”
จุ้มจิ้มเบะปากด้วยความหมั่นไส้ แซนดี้ส่งถุงกางเกงให้อาร์ต อาร์ตขอบคุณแล้วรับไป
แซนดี้เขิน “เดี๋ยวนั่งกับพี่ก็ได้นะอาร์ต”
“ไม่ได้..อาร์ตต้องนั่งกับจุ้ม” ลูกจันบอก
อาร์ตกับจุ้มจิ้มมองลูกจันด้วยความตกใจ
“นั่งด้วยกันสักสองสามชั่วโมงเผื่อจะญาติดีกันได้บ้าง”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
พอลลากกระเป๋ามาถึงก็มองลูกจันอย่างหมั่นไส้
“เดินตัวปลิวเลยนะแม่คุณ” พอลว่า
ลูกจันยิ้มแฉ่ง “ก็ไม่อยากออกแรงอ่ะ กลัวเหงื่อออก เดี๋ยวหน้าเยิ้ม”
พอลส่ายหน้าเพราะเพลียกะลูกจัน
รถตู้ติดไฟแดงอยู่ที่ 4 แยก ลูกจันกับพอลนั่งอยู่ที่เบาะหลังลุงเติม ลูกจันนั่งริมหน้าต่าง ส่วนพอลนั่งเบาะติดกันโดยใช้หัวพิงเบาะหลับอยู่ ลูกจันมองรถติดอย่างเบื่อๆ แล้วก็หันมามองพอล
“อะไรเนี่ย...รถออกไม่ถึง 15 นาทีเลย หลับแล้ว”
ลูกจันหันไปมองคนอื่นทั้ง ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนก็นั่งหลับหน้ากระดานเรียง 3 อยู่ที่เบาะหลัง อาร์ตกับจุ้มจิ้มนั่งเบาะกลางโดยหลับหัวชนกันอยู่ ลูกจันมองอาร์ตกับจุ้มจิ้มแล้วยิ้มขำ
“แหม...พอหลับล่ะสมานฉันท์กันเชียวนะ”
ลูกจันนึกสนุกจึงหยิบมือถือออกมา เธอลุกจากเบาะหันหน้าไปทางอาร์ต จุ้มจิ้ม แล้วก็ถ่ายรูป สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียว ลุงเติมออกรถ ลูกจันที่ยืนถ่ายรูปอาร์ตกับจุ้มจิ้มเสียหลักเซถลาลงไปนั่งตักพอล
“ว้าย”
พอลสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เขาลืมตามาเห็นลูกจันนั่งตักตัวเองอยู่ก็ตกใจ
“เฮ้ยย”
ลูกจันมองพอลอย่างหมั่นไส้
“อะไรยะ...ทำหน้าตกใจยังกะโดนผู้ชายแต๊ะอั๋ง....อุ๊ย..ดัดจริต”
ลูกจันลุกจากตักพอลไปนั่งเบาะตัวเอง พอลมองขาเรียวยาวของลูกจันแล้วก็หวั่นไหว สัญชาตญาณผู้ชายของเขาเริ่มทำงาน พอลรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อข่มอารมณ์ทันที
บุรุษพยาบาลเข็นพีทที่ใส่แว่นดำ ใส่หมวก และมีผ้าคลุมหัวนั่งบนรถเข็นมาตามทาง พีทมองบรรยากาศ มองผู้คนในโรงพยาบาลแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ป้าภาหมั่นไส้ “ได้ออกจากบ้านล่ะหน้าระรื่นเชียวนะ”
“อุดอู้อยู่แต่ในคอนโดมาตั้งหลายวัน ได้ออกมาเห็นมนุษย์อื่นก็ต้องมีความสุขบ้างสิครับ”
“งั้นเชิญมองมนุษย์อื่นให้สาแก่ใจเลยนะจ๊ะ ป้าจะเอาบัตรพีทไปยื่นที่เวชระเบียน..จะได้รีบหาหมอแล้วรีบกลับบ้าน”
พูดจบป้าภาก็เดินออกไป พีทมองตามป้าภาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้ออกจากบ้านแล้ว มีเหรอพีทจะยอมกลับง่ายๆ”
พีทยิ้มร้าย
รถตู้ลุงเติมจอดหน้าโรงแรม พนักงานโรงแรมเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม พอลกับลูกจันเดินลงจากรถ คนอื่นทยอยลงตาม แต่ละคนบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ หน้าตางัวเงียเพราะเพิ่งตื่นกันทุกคน ลุงเติมและพนักงานช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นรถเข็น อาร์ตกับจุ้มจิ้มบิดขี้เกียจแล้วหันหน้ามาเจอกัน ทั้งคู่มองกันอย่างหมั่นไส้แล้วต่างก็สะบัดหน้าหันไปทางอื่น
ลูกจันหยิบน้ำหอมมาฉีดข้อมือแล้วแตะซอกคอทันที พอลมองลูกจันอย่างตำหนิ ลูกจันมองพอลแล้วยิ้ม ก่อนจะเอาน้ำหอมฉีดใส่พอล
พอลตกใจ “เฮ้ยยยย...ฉีดใส่ฉันทำไม”
“อ้าว..ก็เห็นแกมอง เลยนึกว่าแกอยากลองใช้น้ำหอมกลิ่นฉันมั่ง”
“ฉันมองเพราะไม่เข้าใจว่าแกจะฉีดน้ำหอมทำไม อุตส่าห์มาถึงทะเล ควรดื่มด่ำกับกลิ่นธรรมชาติสิ ไม่ใช่เอาน้ำหอมมารบกวนธรรมชาติ”
ลูกจันมองพอลอย่างไม่เข้าใจ “ก็แกเป็นคนสอนฉันเองว่าเราต้องดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ถ้ารู้สึกว่ากลิ่นน้ำหอมอ่อนลงให้ฉีดใหม่ทันที แล้ววันนี้เป็นอะไรเนี่ยจู่ๆก็หาว่าน้ำหอมฉันจะไปรบกวนธรรมชาติ พูดเหมือน....ไอ้อ....ตัวเหม็นที่เขาค้อเลย”
พอลไม่พอใจ “นี่ อย่าเรียกคนอื่นแบบนั้นได้มั้ย”
ลูกจันโวยวาย “ก็ฉันไม่รู้จักชื่ออีตานั่นนี่..รู้แต่ว่าตัวเหม็นมาก..ฉันก็เรียกว่าไอ้ตัวเหม็นแล้วมันผิดตรงไหน..รึว่าแกรู้ล่ะว่าอีตานั่นชื่ออะไร”
พอลชะงักแล้วหน้าเจื่อนเพราะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว คนอื่นๆมองลูกจันโวยพอลอย่างขำๆ แต่ก่อนที่ลูกจันจะพูดอะไรต่อ แซนดี้ก็เดินเข้ามา
“เชิญทุกคนรอที่ล็อบบี้นะคะ แซนดี้จะไปเอากุญแจห้องให้”
ต๋อยกับอุ่นเรือนเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมแซนดี้ ลูกจันค้อนพอลอย่างไม่พอใจแล้วเดินตามต๋อยและอุ่นเรือนไป จุ้มจิ้มรีบเดินตามลูกจัน อาร์ตกลัวจุ้มจิ้มทำคะแนนนำเลยรีบเดินตามไปอีกคน พอลมองตามอย่างเซ็งๆ
ลูกจันเดินเข้ามากระแทกตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด จุ้มจิ้มกับอาร์ตตามเข้ามาติดๆ พอลเดินตามมานั่งอย่างเซ็งๆ ส่วนอุ่นเรือนกับต๋อยเดินสำรวจโรงแรม อุ่นเรือนเดินมาหาลูกจันแล้วพูดอย่างตื่นเต้น
“สวยหรูมากเลยค่ะพี่ลูกจัน ขอบคุณนะคะที่ให้อุ่น..เอ๊ย..แอนนี่มาด้วย”
“พี่อยากให้แอนนี่เปิดหูเปิดตาดูโลกกว้างซะบ้าง จะได้เลิกทำตัวเชยซะที”
อุ่นเรือนยิ้มแหยๆ เพราะคิดว่าท่าจะยาก พนักงานโรงแรมเอาเวลคัมดริงค์มาเสิร์ฟ
จุ้มจิ้มรีบวิ่งไปหยิบน้ำมาส่งให้ลูกจัน “พี่ลูกจันฮะ”
ลูกจันรับแก้วมาจากจุ้มจิ้ม “ขอบใจจ้ะ”
จุ้มจิ้มปรายตามองอาร์ตแล้วยิ้มเยาะ อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างหมั่นไส้ แซนดี้ถือซองคีย์การ์ดวิ่งเข้ามา
“พี่ลูกจันนอนกับจุ้ม..แซนดี้ พี่ต๋อย แอนนี่นอนด้วยกัน..พี่พีทนอนคนเดียว..อาร์ตนอนกับพี่ก๊องและก็ลุงเติม”
“ให้อาร์ตนอนกับพี่ก็ได้จะได้ไม่ต้องไปเบียดกัน 3คน” พอลบอก
อาร์ตมองพอลอย่างหวาดระแวงเพราะไม่แน่ใจว่าพอลจะเป็นเกย์อย่างที่เค้าลือๆกันรึเปล่า
“ห้องพักที่นี่กว้างค่ะ อยู่ 3 คนสบายๆไม่เบียดหรอกค่ะ”
“ผู้ชายตัวใหญ่กว่าผู้หญิง อยู่กัน 2 คนยังไงก็สบายกว่า” พอลพูดกับอาร์ต “มานอนกับพี่ได้เลยอาร์ต”
อาร์ตยิ้มแหยๆ “เอ่อ..คะ..ครับ”
ลูกจันมองพอลอย่างแปลกใจ ปกติพีทจะไม่นอนกับใคร เพราะกลัวถูกจับได้ว่าเป็นเกย์
“เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะเอากระเป๋าขึ้นไปส่งให้ที่ห้องนะคะ”
ลูกจันพูดกับแซนดี้ “เอากระเป๋าพี่กับจุ้มเข้าห้องให้ด้วย พี่กับจุ้มจะไปเลือกมุมตั้งเซ็ตก่อน”
“ค่ะ”
ลูกจันหยิบเอาครีมกันแดดออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วเทครีมใส่มือแล้วทาขา พอลมองตามมือของลูกจันที่กำลังลูบไล้เรียวขาอย่างเคลิบเคลิ้มเหมือนตกอยู่ในภวังค์
เสียงจุ้มจิ้มดังลั่น “ไอ้ลามก!!”
พอลสะดุ้งเฮือกในสภาพตัวแข็งทื่อแต่ตาล่อกแล่กพลางคิดในใจว่าโดนจับได้เหรอเนี่ย
จุ้มจิ้มเดินไปชี้หน้าอาร์ต “ฉันเห็นนะไอ้อาร์ต หนอย....ยืนตาค้างดูขาอ่อนพี่ลูกจัน”
พอลถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะโชคดีที่จุ้มจิ้มเห็นอาการของอาร์ตคนเดียว
อาร์ตแก้ตัว “อะไร ฉะ..ฉะ..ฉันเปล่านะ..ฉันดูวิวเฉยๆ”
“เฮอะ...ดูวิวเฉยๆ” จุ้มจิ้มเอาทิชชู่แปะไปที่จมูกอาร์ตก็มีเลือดกำเดาติดมา “แล้วไอ้เลือดกำเดานี่อะไรห๊า”
พอลสะดุ้งอีกรอบ เขาค่อยๆเอามือไปแตะจมูกก็เห็นเลือดกำเดาไหลติดมือมาเยอะกว่าอาร์ตเสียอีก พอลรีบหยิบทิชชู่มาแอบเช็ดเลือดกำเดาออกจากจมูกตัวเองด้วยแววตายังล่อกแล่กว่าจะมีใครเห็นรึเปล่า
ลูกจันใส่แว่นกันแดดเดินนำจุ้มจิ้มกับอาร์ตมาทางลงชายหาด มีแจกันทรงสูงใส่ร่มกันแดดอยู่หลายคัน มีโต๊ะสนามที่มีร่มสนามกางอยู่ ลูกจันมองแดดยามสายที่ยังไม่แรงมากอย่างหวาดกลัวราวกับแดดแรงเว่อร์
ลูกจันร้องลั่น “กรี๊ด..แดดแรงไปมั้ย”
“รอให้แดดร่มแล้วค่อยไปดูมั้ยฮะ” จุ้มจิ้มถาม
“ไม่มีอะไรจะเป็นอุปสรรคขวางการทำงานของพี่ได้ ไปดูกันเลย เผื่อสถานที่มีปัญหาจะได้หามุมใหม่ทัน” ลูกจันพูดโอเวอร์แอคติ้ง
“ฮะ”
อาร์ตมองลูกจันอย่างชื่นชม “พี่ลูกจันรอบคอบจริงๆ”
ลูกจันยิ้มมุมปากอย่างทระนง “ไม่รอบคอบ ไม่เก่ง ไม่เจ๋ง..พาเซเลบขึ้นอันดับหนึ่งทุกเล่มไม่ได้หรอก” ลูกจันสั่ง “ร่ม!!”
จุ้มจิ้มกับอาร์ตรีบวิ่งไปหยิบร่มมากางให้ลูกจัน ร่มของทั้งคู่ชนกันอย่างวุ่นวายมาก
“ฉันกางให้พี่ลูกจันเอง” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มสวน “หน้าที่ฉัน”
“แต่ฉันหยิบร่มก่อน”
“หยิบก่อนหยิบหลังไม่สำคัญ อยู่ที่พี่ลูกจันเลือกใคร”
“เลือกอาร์ต” ลูกจันบอกเพราะร่มอาร์ตใหญ่กว่า
อาร์ตหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ จุ้มจิ้มหน้าเจื่อน
จุ้มจิ้มหัวเราะลั่น อาร์ตถือร่มสนามกางให้ลูกจัน จุ้มจิ้ม และตัวเองแล้วก็เดินลงมาที่ชายหาด
จุ้มจิ้มมองอาร์ตเยาะเย้ย “วันหลังมาอีกนะ ฉันจะได้พลอยสบายไปกับพี่ลูกจันด้วย..ฮ่าๆ”
ลูกจันดุ “เงียบเลยจุ้ม”
จุ้มจิ้มหน้าจ๋อย “ฮะ”
ลูกจันพูดกับอาร์ต “ยังไงจุ้มก็เป็นผู้หญิง จะให้ถือร่มคันใหญ่ขนาดนี้คงไม่ไหว อาร์ตเข้าใจนะ”
“เข้าใจครับ”
ลูกจันยิ้มขอบใจอาร์ตก่อนจะตบบ่าอาร์ตเบาๆ อาร์ตมองมือลูกจันที่วางบนบ่าแล้วก็ยิ้มดีใจ อาร์ตยักคิ้วกวนๆให้จุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มทำหน้าคล้ายบอกว่าฝากไว้ก่อนเถอะ ลูกจันหยุดมองดูบรรยากาศรอบๆ
ลูกจันเห็นคนเล่นน้ำ คนขับเจ็ทสกี และพายคายักอยู่ไม่กี่คน มีมุมจอดเจ็ทสกี คายัก บานาน่าโบ๊ท และเครื่องเล่นอื่นๆ พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่
ลูกจันมองหามุม “ทางโน้นดีกว่า ดูเงียบดี”
ลูกจันเดินไปอีกทางนึง จุ้มจิ้มกับอาร์ตรีบเดินตาม
พอลที่ใส่แว่นกันแดดมีกล้องคล้องคอเดินมาที่ชายหาด พอลมองฟ้ามองทะเลอย่างมีความสุข เขาสูดไอทะเลเข้าปอดอย่างดื่มด่ำ พอลมองคนขับเจ็ทสกีกลางทะเลแล้วยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเขาก็ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป
พีทนั่งเบาะข้างคนขับ เขามองข้อมือที่ตัดเฝือกออกแล้ว
พีทมีความสุข “มือพีทเป็นอิสระแล้ว สงสัยต้องหากระเป๋าใหม่มาหิ้วแก้เคล็ดสักใบ”
“ถ้าจะให้ป้าพาไปช็อปปิ้งล่ะก็เลิกคิดได้เลย ป้าไม่พาไปหรอก”
พีทงอนๆ “พีทไม่รบกวนป้าก็ได้ครับ เดี๋ยวขาหายพีทค่อยไปเองก็ได้”
ป้าภายิ้มขำ พีทมองถนนก็เห็นห้างสรรพสินค้าอยู่ข้างหน้า เขาแอบยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วแกล้งปวดท้อง
“อู๊ยย...ปวดท้อง”
ป้าภาตกใจ “ปวดท้องเหรอ...งั้นป้าพากลับไปหาหมอนะ”
“ปวดท้องเข้าห้องน้ำเฉยๆน่ะครับป้า...อูยย...ไม่ไหวแล้ว” พีทแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นห้าง “อ้าว...ข้างหน้ามีห้างพอดีเลย ป้าช่วยแวะให้พีทเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ..อูยย” พีททำท่าปวดมาก
ป้าภาระแวง “ไม่ได้หลอกให้ป้าพาไปช็อปปิ้งใช่มั้ย”
“อูยย...ก็พีทบอกแล้วไงครับว่าเดี๋ยวหายพีทไปช็อปเองได้..เร็วๆเลยครับป้าเดี๋ยวไม่ทันครับ..โอย”
“จ้ะๆ” ป้าภารีบเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเข้าห้าง
พีทแอบยิ้มสมใจที่ป้าภาหลงกล
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 5 (ต่อ)
รถป้าภาจอดอยู่ข้างประตูทางเข้า พีทใส่แว่นกันแดด มีผ้าคลุมวางบนตักนั่งบนรถเข็นข้างรถป้าภาทำท่าปวดท้องรุนแรง
“โอ๊ย..เร็วครับป้า” พีทเร่ง
“คลุมผ้าซะก่อนเดี๋ยวคนจำได้” ป้าภาบอก
พีทรีบหยิบผ้ามาคลุมหัว
มินตราที่เดินมาจากทางหนึ่งเห็นพีทกำลังเอาผ้าคลุมหัวพอดี
“พีท” มินตราแปลกใจ “ไหนปีโป้บอกว่าพีทไปกับลูกจันตั้งแต่เช้าไง”
ป้าภารีบเข็นพีทที่เอาผ้าคลุมหัวเสร็จแล้วเข้าห้างไป มินตรามองด้วยความสงสัยก่อนจะรีบเดินตาม
ลูกจัน จุ้มจิ้ม และอาร์ตยืนอยู่ที่มุมสวยมุมหนึ่งของชายหาด จุ้มจิ้มเอามือทำเป็นเฟรมมองวิว
ลูกจันมองไปรอบๆ แล้วยิ้มพอใจ “เอาตรงนี้แหละ”
“เดี๋ยวจุ้มไปบอกพี่แซนดี้เองฮะ”
“สวยสงบ..พี่ลูกจันเลือกมุมเก่งมากเลยอ่ะ” อาร์ตชม
ลูกจันล้อ “พี่รู้จ้ะว่าอาร์ตหลงรักพี่ แต่ไม่ต้องชมพี่ทุกเรื่องก็ได้...เพราะพี่รู้ตัวอยู่แล้วว่าพี่เก่ง”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มหัวเราะขำลูกจัน ลูกจันมองไปเห็นพอลเดินถ่ายรูปอยู่ที่มุมหนึ่ง
ลูกจันตกใจ “กรี๊ด...พีทนี่”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มหันไปมอง ลูกจันรีบเดินไปทางพอล อาร์ต และจุ้มจิ้มรีบเดินตาม
พอลถ่ายรูปอย่างมีความสุขแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเสียงลูกจันแหลมเข้ามา
“พีท”
พอลได้ยินเสียงลูกจันก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆแล้วก็หันไปเห็นลูกจันเดินดุ่มๆมาอย่างรวดเร็ว จุ้มจิ้ม อาร์ตรีบตาม
ลูกจันพยายามดึงพอลให้เข้าไปอยู่ในร่ม “เข้ามาอยู่ในร่มเดี๋ยวนี้”
พอลขืนตัวไว้ไม่ยอมเข้าร่ม “ไม่เอา...จะถ่ายรูป”
ลูกจันดึงกลับเข้ามาในร่มจนได้ “ไม่ด๊ายยยยย...ยืนตากแดดตากลม..เดี๋ยวพรุ่งนี้แขนดำตัวขาวถ่ายปกออกมากระดำกระด่างตายชัก”
พอลทำหน้าเซ็งมาก
ลูกจันจ้องหน้าพอลอย่างตกใจ เธอจับหน้าพอลแล้วกรี๊ดลั่น
“อ๊ายยย...หน้าก็ไม่ทากันแดดเดี๋ยวก็เป็นฝ้าหรอก กลับเข้าโรงแรมด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอถ่ายรูปอีกแป๊บ..เดี๋ยวตามไป” พอลบอก
“ต้องไปเดี๋ยวนี้...เพราะฉันไม่อยากให้แบบปกของฉันหน้าดำเหมือนโดนราหูอม”
ลูกจันลากแขนพอลแต่เนื่องจากพอลยังขืนตัวไว้ลูกจันเลยเสียหลักล้มลง
“ว้าย” ลูกจันล้มมือเท้าลงไปบนทรายทำให้โดนหอยเม่นตำอย่างจัง ลูกจันร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย”
อาร์ต จุ้มจิ้ม และพอลเข้ามาดูลูกจันด้วยความตกใจ
“พี่ลูกจัน”
ลูกจันยกมือขึ้นดู “อะไรทิ่มมือก็ไม่รู้เจ็บเป็นบ้าเลย..โอ๊ย”
จุ้มจิ้ม อาร์ต และพอลมองมือลูกจันก็ตกใจ
“หอยเม่น”
ลูกจันทำหน้าตกใจเว่อร์ “หอยเม่น?” ลูกจันทำท่าเหมือนจะตาย “โอ๊ย..เจ็บ”
พอลกำลังใช้ที่หนีบก้ามปูทุบมือลูกจันบริเวณที่โดนหอยเม่นตำพร้อมอธิบาย
“ต้องใช้ของแข็งที่สะอาดทุบบริเวณที่ถูกตำเพื่อให้หนามแตกละเอียด”
พอลรินน้ำส้มสายชูใส่ในน้ำ
“จากนั้นใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1...รึจะใช้มะนาวผ่าซีกก็ได้”
พอลยกมะนาวผ่าซีกขึ้นมา
“เอามาถูบริเวณที่โดนตำประมาณ 30 นาที”
พอลที่อยู่ในชุดเสื้อกาวน์หมอเอาผ้าชุบน้ำส้มสายชูถูมือลูกจันสลับกับเอามะนาวถู
“น้ำส้มสายชูกับมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดจะช่วยทำให้หนามสลายตัวเร็วขึ้น”
ลูกจันเซ็งมาก “นี่มันรายการพบแพทย์ศิริราชเหรอยะ?”
พอลอึ้ง
ลูกจันว่า “จะอัดแน่นด้วยสาระไปไหนยะ?”
พอลกลับมาอยู่ในชุดปกติ
“เสร็จรึยัง...เจ็บจะตายอยู่แล้ว” ลูกจันถาม
พอลส่ายหัวให้ความเอาแต่ใจตัวเองของลูกจัน
พอลพูดกับจุ้มจิ้ม “เดี๋ยวจุ้มเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาพันมือลูกจันไว้ซักพักนะ แล้วถ้ายังปวดก็ให้กินยาแก้ปวดซักเม็ด..เดี๋ยวก็หาย”
“ฮะ” จุ้มจิ้มเอาผ้าชุบน้ำอุ่นพันมือลูกจัน
“งั้นเดี๋ยวผมไปหายาแก้ปวดมาให้นะพี่”
อาร์ตพูดแล้วก็รีบเดินออกไปหายาแก้ปวด
ลูกจันสงสัย “ว่าแต่แกมารู้ลึกรู้จริงเรื่องการรักษาพยาบาลผู้โดนหอยเม่นตำได้ยังไงน่ะ”
พอลชะงัก
“เอ่อ...ก็..ก็ดูจากรายการสารคดีไง”
ลูกจันแปลกใจมาก “แกเนี่ยนะดูสารคดี?”
พอลอึกอักเพราะชักไปไม่เป็น
ลูกจันทำหน้านึกได้ “รึว่าแกต้องไปเล่นเกมส์โชว์เลยต้องหาความรู้รอบตัวใช่ป่ะ?”
พอลได้โอกาส เขาคิดในใจว่ารอดตัวแล้วเรา “อื้ม..ใช่ๆ”
ลูกจันลุกขึ้นยืน “งั้นฉันจะกลับไปพักที่ห้องก่อน” ลูกจันจ้องหน้าดุๆ “แกห้ามออกไปตากแดดอีกนะ”
พอลยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพยักหน้า “อื้ม!!”
พีทที่ใส่แว่นกันแดดมีผ้าคลุมหัวยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนที่พอลทำเป๊ะ
“หึ หึ” พีทหัวเราะ
พีทเข็นรถตัวเองออกมาจากห้องน้ำชายโดยไม่มีใครสนใจเพราะจำไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีมือใครบางคนมาจับที่เข็นรถไว้กะทันหัน พีทตกใจจึงรีบหันไปดูเห็นป้าภากำลังจับรถเข็นพีทไว้ด้วยสีหน้ารู้ทัน
“จะไปไหนจ๊ะ”
พีทยิ้มแหยๆ “เอ่อ..เอ่อ..แหะๆ..ไปร้านกระเป๋าครับ”
“ไหนบอกว่าไม่ได้หลอกให้ป้าพามาช้อปปิ้งไง”
พีทอึกอักเล็กน้อย “ก็...ก็ไม่ได้หลอก แต่ไหนๆมาแล้วก็แวะไปซื้อซะหน่อยจะได้ไม่เสียเที่ยว”
ป้าภาพูดจริงจัง “ป้าไม่อยากเสี่ยง เดี๋ยวนักข่าวมาเห็นพีทในสภาพนี้แล้วจะวุ่นวาย”
ป้าภาเข็นพีทไปทางลานจอดรถ
ป้าภาเข็นพีทมาตามทาง คนในห้างที่เดินสวนไปไม่มีใครสนใจพีท
“คนเดินผ่านพีทตั้งเยอะไม่เห็นมีใครจำพีทได้เลย..พาพีทไปซื้อกระเป๋าเถอะนะครับ นะๆๆ”
ป้าภาไม่ตอบ เธอเข็นพีทออกไปทางลานจอดรถ พีทถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเอาผ้าคลุมหัวกับแว่นกันแดดออก
ป้าภามองอย่างตกใจ “เอาออกทำไม”
“จะได้มีคนเข้ามาทักพีท แล้วพีทก็จะบอกให้เค้าพาไปร้านกระเป๋าจะได้ไม่ต้องง้อป้า”
ป้าภารีบเอาผ้าคลุมหัวพีท “ใส่แว่นเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ใส่” พีทดึงผ้าคลุมออก “ไม่คลุมแล้วก็จะตะโกนเรียกให้คนหันมามองด้วย”
พีทอ้าปากจะส่งเสียง
ป้าภามองพีทอย่างหงุดหงิด “ไม่ต้องร้องเดี๋ยวพาไป”
พีทยิ้มแฉ่งอย่างผู้ชนะ ป้าภามองพีทอย่างหงุดหงิดแล้วกลับรถเข็นไปอีกทาง
มินตราเดินหาพีทอย่างร้อนใจ
“ไปไหนแล้วล่ะ” มินตรามองหา “เอ๊....รึว่าเราจะตาฝาด”
มินตราเริ่มไม่แน่ใจในสายตาตัวเองจึงตัดสินใจเดินออกไปทางหนึ่ง
ลูกจันใส่แว่นกันแดด โดยมีผ้าพันมือที่เพิ่งแกะออกวางอยู่บนโต๊ะ เธอกำลังเอาหูแนบโทรศัพท์รอพอลรับสายอย่างหงุดหงิด
“โทรเข้าห้องก็ไม่มีคนรับ โทรเข้ามือถือก็ไม่รับสาย” ลูกจันคิดแล้วก็ตกใจ “หรือจะออกไปถ่ายรูปอีก”
ลูกจันลุกออกไปตามหาพอลด้วยความโมโห
แซนดี้ ต๋อย อุ่นเรือน และจุ้มจิ้มนั่งดูบางอย่างที่ริมชายหาดด้วยความตื่นเต้น
“เร่งอีกสิ เร่งอีก”
“หนีไปอย่าให้มันตามทัน” จุ้มจิ้มว่า
ลูกจันเดินหน้าหงิกมาอย่างหงุดหงิด
“อยู่กันครบทีมเลย”
จุ้มจิ้มมองลูกจันด้วยความตกใจ
“เห็นพีทมั้ย” ลูกจันถาม
แซนดี้พูดอย่างร่าเริงมาก “เห็นค่ะ”
“อยู่ไหน”
“กลางทะเลโน่นนนนค่ะ” อุ่นเรือนบอก
ลูกจันตกใจรีบหันไปมองพอเห็นพอลกับอาร์ตขี่เจ็ทสกีแข่งกันอยู่ในทะเลก็ยิ่งโกรธ
พอลกับอาร์ตใส่หมวกกันน็อคและอุปกรณ์เซฟตี้ครบชุดขับเจ็ทสกีแข่งกันอย่างสนุกสนาน พอลหันไปมองอาร์ตที่เร่งเครื่องตามมาติดแล้วก็เร่งเครื่องหนี
“วู้.....”
อาร์ตมองพอลที่เร่งเครื่องหนีอย่างร้อนใจแล้วเร่งเครื่องตาม
จุ้มจิ้ม แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนยังอยู่ที่ชายหาด ทุกคนยังจับจ้องไปที่การแข่งขันเจ็ทสกีของพอลและอาร์ต
“พี่พีทเร่งเครื่องหนีไปได้อีกแล้ว” อุ่นเรือนว่า
“อาร์ตก็เร่งตามไปติดๆ แล้ว” แซนดี้บอก
“คุณพีทกับอาร์ตขับเก่งทั้งคู่เลยนะคะ.ดูไม่ออกเลยค่ะว่าใครจะชนะ” ต๋อยตื่นเต้น
ลูกจันยืนหน้าหงิกมองพอลด้วยความโมโห ส่วนจุ้มจิ้มมองลูกจันอย่างหวาดๆ แล้วสะกิดคนอื่นให้มอง ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนหันมองเห็นลูกจันหน้าหงิกก็สะดุ้งพร้อมกัน แล้วค่อยๆถอยห่างอย่างกลัวๆ
แซนดี้กระซิบจุ้มจิ้ม “พี่ลูกจันรมณ์เสียไรอ่ะ”
จุ้มจิ้มกระซิบบอกทุกคนว่าลูกจันห้ามพอลออกไปเจอแดด แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนมองลูกจันอย่างหวาดกลัว
“สลายตัวก่อนที่จะโดนหางเลขเถอะ” ต๋อยบอก
แซนดี้ ต๋อย อุ่นเรือน และจุ้มจิ้มจะเดินไป
ลูกจันพูดขึ้น “ห้ามใครไปไหนทั้งนั้น”
ทุกคนชะงัก
ลูกจันพูดกับจุ้มจิ้ม “ขับเจ็ทสกีเป็นมั้ย”
“เป็นฮะ” จุ้มจิ้มตอบ
ลูกจันตะโกนอย่างโมโห “พาพี่ออกไปตามพีทกลับมาเดี๋ยวนี้”
ทุกคนตะลึงมองลูกจัน
จุ้มจิ้มนั่งอยู่บนเจ็ทสกี โดยมีลูกจันนั่งซ้อนท้าย พนักงานโรงแรมยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนยืนบนชายหาดมองลูกจันกับจุ้มจิ้มอย่างไม่สบายใจ
“จุ้ม..ค่อยๆขับนะ” ต๋อยบอก
ลูกจันโมโห “ไม่ต้องค่อย ขับแรงๆเร็วๆ..ให้ไปถึงพีทให้เร็วที่สุด”
“ฮะพี่ลูกจัน”
จุ้มจิ้มบิดคันเร่งปื้ดอย่างแรง ลูกจันหน้าหงายและร้องอย่างตกใจ
“ว้าย”
แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนร้องตามอย่างหวาดเสียวไปด้วย ลูกจันรีบทรงตัวโดยการเกาะเอวจุ้มจิ้ม แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนมองตามอย่างเป็นห่วง
พอลขี่เจ็ทสกีผ่านทุ่นที่ปักธงเข้าเส้นชัยแล้วตะโกนอย่างสะใจ
“วู้ววว”
อาร์ตขับรถตามมาติดๆ
พอลเบาเครื่องเจ็ทสกีมาจอดที่ทุ่น อาร์ตขับตามมาจอดข้างๆ แล้วมองพอลอย่างชื่นชม
“ผมว่าผมขับเก่งแล้วนะ เจอพี่ผมเหมือนมือใหม่หัดขับเลย” อาร์ตว่า
“ของงี้มันอยู่ที่ชั่วโมงบินไอ้น้อง” พอลคุย
“พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่พีทขับมานานแล้วสิพี่”
“ตั้งแต่ ม.ต้น”
อาร์ตตื่นเต้น “ผมก็หัดตอน ม.ต้นเหมือนกัน”
เสียงเจ็ทสกีลำหนึ่งวิ่งเข้ามา พอลกับอาร์ตหันไปมองก็เห็นจุ้มจิ้มขับให้เจ็ทสกีลูกจันซ้อนท้ายแล่นเข้ามา
อาร์ตพูดขึ้น “หุ่นเหมือนไอ้ทอมจุ้มเลย”
พอลเริ่มจ๋อย “ที่ซ้อนท้ายก็เหมือนลูกจันมาก..แต่แดดแรงขนาดนี้ลูกจันคงไม่กล้าออกมาหรอก”
จุ้มจิ้มกับลูกจันใกล้เข้ามา พอลกับอาร์ตมองหน้ากัน
“เฮ้ย”
“ซวยแล้วพี่”
จุ้มจิ้มขี่เจ็ทสกีมาเทียบข้างๆลำของพอล ลูกจันถอดหมวกกันน็อคพูดกับพอลอย่างโกรธจัด
“ฉันสั่งไม่ให้แกตากแดดนะพีท”
พอลจ๋อย “เอ่อ...ก็...”
ลูกจันรีบปีนจากเจ็ทสกีของจุ้มจิ้มไปที่เจ็ทสกีของพอล
พอลตกใจ “เฮ้ยๆ...จะทำอะไรน่ะ”
ลูกจันนั่งซ้อนท้ายพอล “เข้าฝั่งเดี๋ยวนี้ไม่งั้นเราขาดกัน”
พอลมองลูกจันอย่างเซ็งๆ แล้วยิ้มมีแผน
“ด๊ายยย”
พอลบิดเจ็ทสกีออกไปอย่างเร็วเว่อร์ ลูกจันหน้าหงายอีกรอบพร้อมทั้งกรี๊ดลั่น
“กรี๊ดด”
พอลยิ้มอย่างสะใจ
“ปล่อยให้พี่พีทออกแดดยังไม่พอ ยังจะมาขับเจ็ทแข่งกับเค้าอีก..แกโดนพี่ลูกจันไล่กลับแน่”
จุ้มจิ้มยิ้มเยาะอาร์ตแล้วขี่เจ็ทสกีออกไป อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างหมั่นไส้แล้วขี่ตาม
พอลขี่เจ็ทสกีเร็วมาก
ลูกจันกลัวสุดขีด “กรี๊ดด....ช้าๆหน่อย ฉันกลัว”
พอลปลายตามองลูกจันแล้วยิ้มเยาะก่อนจะเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม ลูกจันกรี๊ดลั่นกอดเอวพอลแน่น
“กรี๊ดดดดดด..ฉันบอกให้ช้าๆไงนังพีทท”
พอลหัวเราะลั่นแล้วก็เร่งเครื่องขับออกไปอย่างรวดเร็ว
พอลขี่เจ็ทสกีเข้ามาที่ฝั่งแล้วก็เบาเครื่องให้ช้าลง ลูกจันมองฝั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก
“รีบจอดเลย”
พอลมองลูกจันแล้วยิ้มร้ายก่อนจะเลี้ยวเจ็ทสกีมั่งหน้าไปทางทะเลอีก
ลูกจันหน้าเสีย “ไม่เอาแล้วนะพีท ไม่เล่นนะแก”
พอลไม่สน เขาขี่เจ็ทสกีออกไปอย่างรวดเร็ว
ลูกจันร้องลั่น “กรี๊ดด”
แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนที่นั่งมองอยู่ที่ฝั่งงงๆ
“อ้าว..ออกไปอีกแล้ว” ต๋อยว่า
“เจ็ทสกีคงมันมากนะคะ..พี่ลูกจันถึงกะขอเบิ้ล” อุ่นเรือนบอก
พอลกับลูกจันอออกไปไกลลิบแต่เสียงกรี๊ดของลูกจันยังดังกังวานสนั่นท้องทะเล
“กรี๊ดด”
จุ้มจิ้มขี่เจ็ทสกีอย่างสบายๆไม่รีบร้อน อาร์ตขี่ปาดเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วหมุนเจ็ทสกีให้น้ำสาดใส่จุ้มจิ้ม
“เฮ้ยย”
อาร์ตมองจุ้มจิ้มแล้วยิ้มเยาะก่อนจะขี่หนีไป จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างโมโหแล้วเร่งเครื่องตาม
อาร์ตขี่เจ็ทสกีหนีจุ้มจิ้มมาไกลมาก จุ้มจิ้มพยายามไล่ตามแต่ขี่ไม่เก่งเลยไล่ไม่ทัน อาร์ตหันมองจุ้มจิ้มแล้วยิ้มเยาะก่อนจะหมุนเจ็ทสกีกลับไปหาโดยขี่เจ็ทสกีให้ท้ายปัดน้ำสาดจุ้มจิ้ม อาร์ตหัวเราะลั่นอย่างสะใจ จุ้มจิ้มเร่งเครื่องแล้วจะหมุนทำท้ายปัดเอาน้ำสาดอาร์ตบ้างแต่ก็ทำไม่ได้
“โถๆ....ทำไม่เป็นเหรอน้องสาว ฮะๆ”
จุ้มจิ้มเสียหน้ามองอาร์ตอย่างแค้นใจ
อาร์ตพูดเย้ยต่อ “พี่สอนให้เอามั้ยจ๊ะ”
จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างแค้นๆแล้วขี่เจ็ทสกีออกไป อาร์ตมองตามแล้วหัวเราะลั่นอย่างสะใจ
พอลขี่เจ็ทสกีซิกแซ็กเลี้ยวไปเลี้ยวมา ลูกจันกอดเอวพอลแน่นอย่างหวาดกลัว
“นังพีทเข้าฝั่งได้แล้ว ฉันกลัว”
พอลเบาเครื่องจอดเจ็ทสกีแล้วหันมาพูดกับลูกจัน
“รับปากก่อนว่าเข้าฝั่งแล้วจะไม่ด่าเรื่องฉันตากแดด”
“หนอย...รู้ตัวว่าจะต้องโดนฉันด่าแต่ก็ยังทำ แกนะแกทำไม” ลูกจันบ่นยังไม่ทันจบ พอลก็ยิ้มร้ายแล้วหันไปขี่เจ็ทสกีออกไปอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด....พอแล้วววววววว...ไม่ด่าแล้วๆๆ”
พอลหัวเราะลั่น ก่อนจะเบาเครื่องแล้วหันหัวเจ็ทสกีเข้าฝั่ง ลูกจันมองพอลอย่างแค้นใจ
พอลจอดเจ็ทสกีที่ชายหาด ลูกจันรีบปีนลงอย่างทุลักทุเล จุ้มจิ้มกับอาร์ตที่เพิ่งลงจากเจ็ทสกีรีบวิ่งเข้ามาประคองลูกจัน แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนรีบเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง ลูกจันลงจากเจ็ทสกีได้ก็อ้วกอย่างเวียนหัวสุดขีด
จุ้มจิ้มถาม “พี่ลูกจัน เป็นอะไรฮะ”
“เวียนหัวจะเป็นลม” ลูกจันบอก
“ยาดม ใครมียาดมบ้าง” อาร์ตตะโกนถาม
อุ่นเรือนรีบหยิบยาดมออกมา อาร์ตรับไปจ่อจมูกลูกจัน ลูกจันนั่งอย่างหมดแรง
พอลเดินมามองแล้วยิ้มขำๆ
“อ้วกแตกเลยเหรอครับ..คุณบก.คนเก่ง”
ลูกจันชี้หน้าพอลอย่างแค้นใจ “แค้นนี้ต้องชำระ”
“อุ้ย..กลั๊วววววกลัว ฮะๆๆๆ”
พอลเดินออกไปอย่างผู้ชนะ ส่วนลูกจันมองตามพอลด้วยความแค้นใจ
พีทยังใส่แว่นมีผ้าคลุมหัวเลือกกระเป๋าอย่างมีความสุข พนักงานร้านเดินตาม
“ใบนี้”
พนักงานเดินมาหยิบกระเป๋า
“อยู่ในร้านชั่วโมงกว่าซื้อไป 3 ใบแล้วนะลูก..กลับบ้านเถอะ” ป้าภาบอก
“พีทตั้งใจจะซื้อ 5 ใบขอเลือกให้ครบก่อนนะครับ”
ป้าภามองพีทอย่างหนักใจแต่ไม่รู้จะทำยังไง มินตราเดินเข้ามาในร้าน เธอชะงักเมื่อเห็นป้าภาเข็นพีท มินตรารีบเดินไปจ้องหน้า พีทกับป้าภามองมินตราอย่างตกใจ
“คุณมิน”
“พีทจริงๆด้วย”
“เอ่อ...บะ บังเอิญจังเลยนะครับ คุณมินมาช็อปปิ้งเหรอครับ”
“ค่ะ..” มินตรามองขาพีท “แล้วนี่ขาเป็นอะไรคะ”
“ไม่ ไม่ได้เป็นอะไรครับ..คือ..เข้าฉากละครน่ะครับ ฉากขาหัก”
“อ๋อ..ติดถ่ายละครนี่เองถึงยังไม่เดินทาง”
พีทงง “เดินทาง?”
“เดินทางไปที่โลไงคะ..ก็พีทขึ้นปกนี้ให้เซเลบไม่ใช่เหรอคะหรือลูกจันเปลี่ยนแล้ว”
“เปล่าครับเปล่า..ไม่ได้ เปลี่ยนครับ..คือเดี๋ยวผมถ่ายละครเสร็จแล้วก็จะเดินทางตามไปน่ะ..เอ่อ...ต้องรีบไปเข้าฉากแล้ว..ไปก่อนนะครับ”
พีทสะกิดมือป้าภา ป้าภารีบเข็นพีทออกไป พนักงานมองตามพีทอย่างงงๆ
“คุณคะ..กระเป๋าละคะ” พนักงานถาม
“ต้องรีบไป ไว้จะมาซื้อใหม่นะ” ป้าภาบอก
ป้าภาเข็นพีทออกไปอย่างรีบร้อน มินตรามองตามพีทอย่างงงด้วย
“อะไรจะรีบขนาดนั้น”
พีทกดโทรศัพท์หาพอลอย่างร้อนใจ
พอลรับสาย “ว่าไงพีท”
“ทำไมไม่บอกเราเลยว่ามีไปถ่ายแบบต่างจังหวัด”
พอลเพิ่งอาบน้ำเสร็จใส่ชุดคลุมคุยโทรศัพท์กับพีท
“เราโดนยัยลูกจันเพื่อนนายบังคับมา..แล้วมาถึงก็มีแต่เรื่องยุ่งๆเลยยังไม่มีเวลาโทรบอก”
“กลับเมื่อไหร่” พีทถาม
“มะรืน” พอลตอบ
ป้าภายังเข็นพีทที่คุยโทรศัพท์กับพอลมาตามทาง
“เวลาโพสท่าทำเนียนๆล่ะ ลูกจันจะได้ไม่สงสัย” พีทบอก
พีทวางสายจากพอล เขาคิดๆแล้วพูดกับป้าภา
“พอลกับลูกจันไปทำงานต่างจังหวัด 2 คืน...คืนนี้เรากลับไปนอนบ้านกันนะครับ”
ป้าภาอึกอัก “ป้าว่า...”
“พีทคิดถึงบ้าน อยากกลับไปเอาของใช้บางอย่างที่บ้านด้วย พาพีทไปนะครับ”
ป้าภามองพีทด้วยความหนักใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 5 (ต่อ)
มินตราเดินเข้ามาในออฟฟิศ ติ๊ดกับชินช่วยกันลากราวเสื้อผ้าเพื่อไปขึ้นรถตู้ ปีโป้เดินตามออกมา
มินตราพูดกับปีโป้ “เซ็ทของเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว..บก.ฉันนับวันยิ่งบ้าสั่งเมื่อคืน เอาวันนี้ ถ่ายพรุ่งนี้” ปีโป้ว่า
“แต่เธอก็เก่งนะยะที่ทำตามความต้องการของลูกจันได้” มินตราชม
“เฮอะ...กว่าจะได้ก็ปางตาย” ปีโป้บอก
“เออนี่..เมื่อกี้ฉันไปเอากระเป๋าเจอพีทที่ร้านกระเป๋าด้วย”
“อ้าว....พีทไม่ได้ไปพร้อมลูกจันตั้งแต่เช้าเหรอ”
“ถ้าไปแล้วฉันจะเจอได้ไงยะ ข้อมูลมั่วจริงๆเลยหล่อนน่ะ”
มินตราเดินเข้าห้องทำงาน ปีโป้ยืนงงว่าข้อมูลพลาดไปได้ยังไง
พีทนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา พีทเอาหนังสือเล่มเดิมวางแล้วหยิบหนังสือเล่มใหม่
พีทร้องออกมา “กรี๊ดดด”
ป้าภาวิ่งหน้าตื่นออกมาจากครัว
“อะไรพีท เป็นอะไรลูก”
พีทยืนสะบัดมือเร่าๆ ที่ปลายนิ้วมีกระดาษกาวแผ่นเล็กๆติดอยู่
“ช่วยด้วยครับป้า กระดาษกาวมันติดมือพีทอ่ะ..อี๋”
ป้าภาเดินมาดึงกระดาษกาวออกจากมือพีท
พีทเช็ดมือที่มีรอยกระดาษกาวกับขากางเกงด้วยท่าทางขยะแขยงมากมาย
“ขอโทษทีลูก เมื่อวานไปรษณีย์เพิ่งมาส่งของ ป้าคงแกะห่อแล้วเผลอวางกระดาษกาวติดปกหนังสือไว้”
พีทยังขวัญหนีดีฝ่อเว่อร์
ป้าภากอดพีท “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก...เฮ้อ...กลัวอะไรไม่กลัวดันมากลัวกระดาษกาว พ่อคุณเอ๊ย”
“ก่อนเข้าวงการก็ไม่เป็นนะครับป้า แต่พอเป็นดาราอาการกลัวมันก็กำเริบขึ้นมากะทันหันเลยอ่ะ...อี๋...กระดาษไรไม่รุเหนียวหนึบเชียะ...ขนลุก”
พีททำท่าขนลุกขนพองแบบอาการหนักมาก
พีทกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกระดาษกาวที่ถูกพาดไว้ตรงประตูโถง เสียงพีทกรีดร้องด้วยความขยะแขยง สลับกับการพยายามดึงกระดาษกาวออกจากตัวจนเกิดเสียงดังแคว่กๆ พีทน้ำตาคลอกระดาษกาวมีขนของพีทหลุดติดมาเป็นหย่อมๆ
เมื่อคิดแผนนี้ได้ลูกจันก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์
“หึ หึ ไม่ใช่แค่ขนลุก..งานนี้แกต้องมีขนร่วงถึงจะสาสม..ฮ่าๆ”
ลูกจันกำลังเอากระดาษกาวพาดดักประตูห้องโถงโยงใยเหมือนใยแมงมุม
ลูกจันทำหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง “ฟ้าเป็นใจจริงๆที่ตึกนี้มีห้องแกอยู่ห้องเดียว..ไม่งั้นแมงมุมสาวอย่างฉันคงดักเหยื่อยากกว่านี้..โฮะๆๆๆๆ..ทีใครทีมันนะเพื่อน”
เสียงประตูห้องพอลเปิด ลูกจันยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้งก่อนปิดสวิชต์ไฟห้องโถงแล้วหลบไปดูเหตุการณ์ที่มุมหนึ่ง
พอลเดินเข้ามาใกล้แล้วก็แปลกใจที่เห็นโถงมืด
“อ้าว..ใครมาปิดไฟเนี่ย”
พอลเดินไปเปิดไฟ
ลูกจันผิดหวัง “โห..เปิดไฟก็อดเดินชนดิ”
พอลหันกลับมาเห็นตาข่ายกระดาษกาวดักหน้าอยู่
ลูกจันยิ้มเจ้าเล่ห์ “หึ หึ....อึ้งล่ะเซ่...เอาซี้..จะฝ่ากระดาษกาวออกไปกินข้าวได้ยังไง๊..ฮ่าๆ”
พอลเดินไปฉีกกระดาษกาวที่กั้นอยู่ออก เขาก้มมองกองกระดาษกาวในมือ
พอลหงุดหงิด “โลกร้อน... เพราะคนมือบอนพวกนี้แหละ...เฮ้ออ”
พอลเดินเอากระดาษกาวไปทิ้งถังขยะอย่างไม่ไยดีแล้วก็เดินไป ลูกจันค่อยๆโผล่ออกมาจากที่ซ่อนด้วยสีหน้างงมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับพีท
พอลและคนอื่นๆนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารซึ่งมีอาหารวางเต็ม ลูกจันเดินเข้ามานั่งข้างพอลพร้อมแอบเหลือบดูพอลด้วยสายตาหวาดระแวง
ลูกจันพูดกับทุกคน “กินเลย”
ทุกคนกินข้าวไปคุยไป โดยที่พอลคุยกับอาร์ตเรื่องเจ็ทสกีอย่างถูกคอ ลูกจันแอบสังเกตทุกอิริยบถของพอล พอลนั่งกางขาแบบผู้ชาย
ลูกจันคิด “นั่งขากางเชียะ”
พอลกางแขนจับช้อน
ลูกจันคิด “ดู๊...แขนก็กาง”
พอลตักข้าวเข้าปาก
ลูกจันคิด “กินคำใหญ่เกิ๊น”
จานอาหารของพอลมีอาหารเต็มจาน
ลูกจันคิด “ต๊ายย...กินเยอะด้วย”
พอลหัวเราะปากกว้างด้วยท่าทางแมนมาก
ลูกจันคิด “อะไรจะหัวเราะแมนขนาดน้านน”
พอลจ้องหน้าลูกจัน ลูกจันสะดุ้งเฮือก
“จะคิดอีกนานมั้ย” พอลถาม
ลูกจันงง “แกรู้ได้ไงอ่ะว่าฉันคิดอยู่”
“ก็แกไม่ยอมกินข้าวกินปลา เอาแต่นั่งจ้องฉันอยู่ได้ เป็นอะไรน่ะ”
ลูกจันหลบตา “ปะ ปะ เปล่า”
พอลสงสัย “แล้วตกลงจะกินข้าวมั้ย”
ลูกจันก้มมองจานอันว่างเปล่าของตัวเอง
“เอ่อ..กะ กะ กินดิ”
ลูกจันตักอาหารใส่จานอย่างลุกลี้ลุกลน พอลมองท่าทางแปลกๆของลูกจันอย่างงงๆ พร้อมส่ายหัวให้ความพิลึกของลูกจัน
อาหารเกือบหมดเกลี้ยงทุกจาน ทุกคนอิ่มแปล้
ลูกจันซับปาก “แซนดี้ สรุปงานให้ฟังหน่อย”
“ทีมเสื้อผ้า ตากล้อง ช่างหน้า ช่างผมกำลังเดินทาง แซนดี้เตรียมห้องพักไว้ให้พวกเค้าเรียบร้อยแล้ว..ส่วนเที่ตั้งเซ็ตประสานงานกับเจ้าหน้าที่โรงแรมแล้วพรุ่งนี้เค้าจะเอาเต็นท์ไปตั้งให้เราแต่เช้าเลยค่ะค่ะ”
“งั้นทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” ลูกจันบอก
ทุกคนทยอยออกจากห้องอาหาร พอลกำลังจะเดินออกไป เสียงลูกจันลอยตามหลังมา
“เดี๋ยว!!”
พอลชะงักว่าอะไรอีกวะเนี่ย
ลูกจันจ้องพอลนิ่ง
“แกเป็นใคร?”
พอลสะดุ้งโหยง
“อะ อะไรนะ”
“แกไม่นั่งขากาง แขนกาง...แกกินข้าวคำเล็กๆ..แกกินน้อยเพราะกลัวอ้วน..แกไม่หัวเราะอ้าปากกว้างเพราะกลัวเสียลุคส์ ที่สำคัญ..แกกลัวกระดาษกาว”
พอลคิดไปถึงภาพตาข่ายกระดาษกาวที่โถงทางเดินแล้วก็เพิ่งรู้ว่าเป็นฝีมือยายตัวแสบนี่เอง
“แกไม่ใช่พีทแน่ๆ” ลูกจันสรุป
พอลตั้งสติได้ก็แกล้งทำเป็นหัวเราะนุ่มๆแบบพีท
“บ้าไปแล้วเหรอลูกจัน ถ้าฉันไม่ใช่พีทแล้วจะเป็นใคร”
ลูกจันย่างสามขุมเข้าหาพอล แล้วใช้มือค่อยๆถอดสร้อยพระออกจากคอตัวเอง
“จะเป็นใครก็ตาม..แกต้องออกจากร่างเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้”
ลูกจันเอาสร้อยพระคล้องคอพอล พอลดิ้นทุรนทุรายราวกับผีจะออก
“โอ๊ย”
ลูกจันรีบถอยกรูดออกไปตั้งหลัก
ลูกจันกลัว “แกโดนผีสิงจริงๆด้วย”
พอลหยุดดิ้นกะทันหันแล้วส่ายหัวเบื่อๆ ใส่ลูกจัน
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ผีเผออะไรกันล่ะ”
“อ้าว” ลูกจันงง
พอลแกล้งทำหน้าเบื่อหน่าย “เฮ้ออออ..แกนี่ไม่เข้าใจความเป็นนักแสดงเล๊ย..ก็ตอนนี้ฉันเล่นเป็นซุปเปอร์ฮีโร่กิมจอเจ็งอยู่..ฉันก็ต้องสร้างความเชื่อในความแมนให้ตัวเองสิ แต่ละท่าฉันซ้อมมาแล้วว่าดูแมนมากๆ..ถึงต้องฝึกใช้ในชีวิตประจำวันด้วย..เวลาเล่นละครจะได้อิน”
ลูกจันลังเล “อ้าว..แล้วกระดาษกาวล่ะ..ปกติแกกลัวสุดๆไปเลยอ่ะ ป้าภากะฉันรู้ดี ทำไมวันนี้แกกล้าจับมันล่ะ”
พอลเบือนหน้าหนีไปอีกทางคิดในใจว่า “คนบ้าอะไรวะกลัวกระดาษกาว”
“ก็...ก็ฉันช็อคไง” พอลบอก
ลูกจันงง “ช็อค?”
“ใช่สิ..คือ..คือ..ฉันช็อคจนกระชากกระดาษกาวออกไปไม่รู้ตัว..เหมือนเวลาไฟไหม้แล้วคนช็อคจนแบกตุ่มได้ไง”
ลูกจันเชื่อสุดหัวใจ
“อ๋ออ..เข้าใจแล้ว”
พอลเหลือบตามองลูกจันพร้อมคิดในใจ
“เชื่อง่ายเกิ๊นน”
“...เอ่อ..ฉันขอโทษนะพีทที่แกล้งแกแรงไปหน่อย ก็ฉันอยากแก้แค้นที่แกแกล้งฉันตอนกลางวันอ่ะ...อย่าโกรธน้า..นะๆๆ”
ลูกจันเอาหน้าแนบแขนพอลแล้วทำหน้าลูกแมวออดอ้อนง้องอน พอลมองตาลูกจันแล้วชักหวั่นไหวจึง รีบตัดบท
“อือๆ..ไม่โกรธหรอก งั้นฉันไปนอนก่อนนะ”
ลูกจันยิ้มหวานให้พอล
“กู๊ดไนท์จ้ะเพื่อนรัก”
พอลกัดฟันยิ้มหวานแบบแหยๆ ตอบ พอลหันหลังกลับแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เกือบไปแล้ว!
อาร์ตอาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงประตูปิด อาร์ตสะดุ้ง เขารีบปิดน้ำด้วยสีหน้ากังวลเพราะไม่อยากวับๆแวมๆให้พอลเห็นเพราะยังไม่แน่ใจในเพศของพอล อาร์ตเอาชุดคลุมมาใส่โดยพยายามรวบปลายชุดให้ดูมิดชิดที่สุด
อาร์ตค่อยๆย่องไปเปิดประตูห้องน้ำ เขามองซ้ายขวาพอไม่เห็นพอลอยู่ใกล้ๆก็โล่งอก อาร์ตค่อยๆย่องออกไปที่กระเป๋าเสื้อผ้า ในขณะที่อาร์ตกำลังคุ้ยหาชุดง่วนอยู่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนพอลจับไหล่ อาร์ตหันขวับไปหาพอล ทั้งสองประจันหน้ากันในระยะประชิดโดยที่ทั้งคู่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำดูวาบหวิวมาก
อาร์ตหลังชนฝาจะหนีก็ไม่ได้เพราะพอลขวางอยู่จึงได้แต่กระชับชุดคลุมเข้าหาตัวราวกับหญิงสาวผู้หวงพรหมจรรย์ อาร์ตหน้าซีดเผือด พอลมองท่าทางประหลาดของอาร์ตอย่างงงๆในตอนแรกแล้วก็เปลี่ยนเป็นขำๆเมื่อนึกรู้ว่าอาร์ตคิดอะไรอยู่
พอลยิ้มๆ “พี่จะขอยืมครีมโกนหนวดหน่อย ลืมเอามา”
อาร์ตงกๆเงิ่นๆ “เอ่อ..คะ ครับ”
อาร์ตจะหันไปหยิบครีมโกนหนวดจากกระเป๋า แต่ก็นึกได้ว่าต้องระวังหลังเลยใช้วิธีหันหน้าเข้าหาพอลแล้วใช้มือล้วงหาครีมในกระเป๋าอย่างทุลักทุเลแล้วจึงส่งให้พอล
พอลพยายามกลั้นหัวเราะ “ขอบใจนะ”
พอลเดินเข้าห้องน้ำ อาร์ตถอนหายใจโล่งอกแต่ก็ยังไม่ประมาท
เวลาผ่านไป พอลเดินออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงเล เขาชะงักเมื่อมองมาทางอาร์ตเพราะเห็นอาร์ตแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามิดชิดโดยเฉพาะกางเกงที่รัดรูปมากกะให้ถอดไม่ออกกันเลย พอลมองอาร์ตในชุดระแวงภัยอย่างขำปนเวทนา
“ใส่กางเกงแน่นขนาดนั้น จะนอนหลับเหรออาร์ต”
อาร์ตหลบตา “เอ่อ..หละ..หลับครับ..คือ..ผมใส่แบบนี้ทุกคืน.ผมเป็นแฟนคลับพี่ตูน..แหะๆ”
พอลแอบหัวเราะขำอาร์ต
พอลพูดนิ่งๆ สะกดอารมณ์ขำไว้ “งั้นพี่นอนก่อนนะ พรุ่งนี้ปลุกพี่ด้วยล่ะ”
“ครับ”
พอลขึ้นไปบนเตียงแล้วหลับตานอนสบาย
อาร์ตก้มมองกางเกงพี่ตูนแล้วลองขยับขาดูพบว่าแน่นจนแทบยืดไม่ได้
อาร์ตพูดกับตัวเอง “พี่ตูนอยู่ได้ไงวะ? สงสารน้องพี่ตูนจริงๆ!”
อาร์ตทำหน้าเซ็งว่าจะนอนหลับมั้ยเนี่ย
พระอาทิตย์ขึ้นริมทะเล แซนดี้กับอุ่นเรือนเดินมาตามชายหาดแล้วมองทะเลอย่างสบายอารมณ์ อุ่นเรือนหันไปมองที่ตั้งเซ็ตเห็นเต็นท์ตั้งอยู่ไกลๆ เธอเห็นตากล้องกับทีมงาน 2 คน ช่วยกันเซ็ตกล้องเซ็ตคอม
อุ่นเรือนแปลกใจ “ตอนเราออกมายังเห็นพี่ก๊องกับจุ้มนั่งกินกาแฟอยู่เลย ทำไมมาเซ็ตกล้องเร็วจัง”
แซนดี้หันไปเพ่งมองแล้วโวยวายอย่างตกใจ
“ไม่ใช่ทีมงานเรานี่”
แซนดี้รีบวิ่งไปดูใกล้ๆ อุ่นเรือนรีบวิ่งตาม
แซนดี้ตกใจเมื่อเห็นชัดๆ “ว๊าย”
ลูกจันพูดอย่างโมโห
“ไลม์แย่งโลเคชั่นเรา?”
“ค่ะ..แซนดี้ไปเจรจากับฝ่ายประสานงานของไลม์แล้ว...เค้ายืนยันว่าเค้าจะไม่ย้ายค่ะ” แซนดี้บอก
ลูกจันแค้นมาก “ลูกน้องกับเจ้านายหน้าไม่อายพอกัน....เดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำงานกันได้มั้ย”
แซนดี้กับอุ่นเรือนทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าลูกจันจะทำอะไร
จุ้มจิ้ม ก๊อง และต๋อยนั่งกินข้าวอยู่ในห้องอาหาร อุ่นเรือนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
อุ่นเรือนพูดเสียงหอบ “แย่แล้วค่ะ... พี่ลูกจันไปที่เซ็ตแล้ว”
“ทำไมไปเร็วจัง” จุ้มจิ้มว่า
“สงสัยไปเล็งมุมเหมาะอีกรอบมั้ง” ก๊องบอก
ต๋อยพูดกับอุ่นเรือน “เดี๋ยวพวกพี่กินข้าวเสร็จแล้วจะรีบตามไป”
“ไม่ทันแล้วค่ะ ต้องไปเดี๋ยวนี้ค่ะ..ไม่งั้นพี่ลูกจันอาละวาดเละแน่”
เสียงพอลพูดขึ้น “ก็ปล่อยให้อาละวาดไป..คนกำลังกินข้าวจะมาเร่งได้ไง”
พอลกับอาร์ตเดินเข้ามา พอลหน้าตาสดใสนอนเต็มอิ่ม ส่วนอาร์ตหน้าโรยเหมือนไม่ได้นอน
อุ่นเรือนหน้าแหยๆ “คือ...พี่ลูกจันไม่ได้เร่งค่ะ อุ่นมาเร่งเอง เพราะตอนนี้พี่ลูกจันกำลังอาละวาดพวกไลม์อยู่ค่ะ”
ทุกคนตกใจจึงอุทานพร้อมกัน “ห๊า!!”
ลูกจันตะโกนลั่น
“ย้ายของออกไปเดี๋ยวนี้”
แซนดี้ยืนอยู่หลังลูกจัน
เมและทีมงานไลม์ยืนอยู่ในเต็นท์
เมพูดโดยหลบตาลูกจัน “เอ่อ..คงย้ายไม่ได้ค่ะ..เพราะทุกอย่างเซ็ตไว้หมดแล้ว”
“แต่ตรงนี้เป็นที่ตั้งเซ็ตของเซเลบไม่ใช่ของไลม์” ลูกจันบอก
“คือ..อันนี้เมก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่คุณณัฐบอกให้เมมาเซ็ตตรงนี้ เมก็ต้องเซ็ตตามคำสั่งค่ะ”
“เหรอ....แล้วนี่เธอเซ็ตตามคำสั่งเสร็จแล้วใช่มั้ย”
เมพยักหน้างงๆ
ลูกจันยิ้มเหี้ยม “งั้นต่อไปก็ตาชั้นเซ็ตมั่งนะ”
ลูกจันวิ่งไปจับรีเฟลกโยนออกไปนอกเซ็ต แล้วหยิบของประกอบฉาก ไฟ แฟลชขว้างระเนระนาด แซนดี้ เม และทีมงานไลม์มองลูกจันอย่างตกตะลึง ลูกจันมองไปที่กล้องบนขาตั้งแล้วรีบวิ่งไปจะผลักให้ล้ม
เมตะโกนลั่น “อย่าา”
ลูกจันพุ่งตัวเข้าหากล้องอย่างสโลว์โมชั่น เหลืออีกแค่เพียงปลายนิ้วจะแตะพอลก็คว้าเอวลูกจันไว้ก่อน
“หยุดนะลูกจัน” พอลว่า
อาร์ต อุ่นเรือน จุ้มจิ้ม ต๋อย และก๊องวิ่งมารวมกลุ่มกับแซนดี้ ทุกคนมองเหตุการณ์อย่างตกใจ
ลูกจันยังพยายามจะพุ่งตัวไปพังกล้อง “ปล่อยฉันนะพีท ปล๊อย”
พอลไม่ยอมปล่อย
ณัฐวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแล้วมองไปรอบๆอย่างงงๆ
ณัฐพูดกับลูกจัน “เกิดอะไรขึ้นคะลูกจัน”
ลูกจันมองณัฐอย่างโกรธจัด “ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อเลย ฉันรู้นะว่าทั้งหมดเป็นแผนของคุณ”
ณัฐทำหน้างงมาก “แผน?” ณัฐหันไปถามคนอื่นๆ “ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ณัฐพูดด้วยความหนักใจ
“เรื่องแค่นี้เอง ลูกจันบอกลูกน้องพี่ดีๆก็ได้นี่ครับ..ไม่เห็นต้องทำลายข้าวของเลย”
“ถามลูกน้องคุณดีกว่าว่าพูดดีๆแล้วรู้เรื่องมั้ย” ลูกจันว่า
“คือ..เมก็ทำตามที่คุณณัฐสั่งนะคะ”
ณัฐหันไปแอบถลึงตาใส่เมจนเมจ๋อย
ณัฐพูดกับลูกจัน “คงเป็นความเข้าใจผิดกันมากกว่านะคะ..ไม่เป็นไรค่ะ..ถ้าลูกจันยืนยันอยากตั้งเซ็ตที่นี่ เดี๋ยวพี่ย้ายไปตั้งเซ็ตที่อื่นก็ได้ค่ะ”
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก
ลูกจันมองณัฐอย่างรู้ทัน “อารมณ์ไหนล่ะเนี่ย..มาสร้างภาพอะไรแถวนี้คะคุณณัฐ”
ณัฐมองลูกจันอย่างเอ็นดูแล้วยิ้มขำๆ
“พี่ไม่ได้สร้างภาพหรอกค่ะ..แค่คิดว่าถึงยังไงเราก็คนวงการเดียวกัน มีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยเหลือกันดีกว่านะคะ” ณัฐพูดกับเม “บอกทีมงานเก็บของออกจากตรงนี้ให้หมด เซเลบเค้าจะได้เตรียมทำงานของเค้า”
“ค่ะ” เมและทีมงานไลม์ช่วยกันเก็บของ แซนดี้ ต๋อย อุ่นเรือน จุ้มจิ้ม ก๊อง อาร์ตไปช่วยด้วย
ณัฐกับลูกจัน “พี่ขอตัวไปหาที่ตั้งเซ็ตใหม่ก่อนนะคะ”
ณัฐเดินออกไป ลูกจันมองตามอย่างไม่พอใจจึงสะบัดตัวออกจากวงแขนของพอลที่รั้งเอวเธอไว้
“แกห้ามฉันทำไม แกเป็นเพื่อนฉันนะ แกควรจะช่วยฉันถึงจะถูก” ลูกจันว่า
“เพื่อนมีหน้าที่ห้ามเวลาเห็นเพื่อนทำผิด” พอลบอก
ลูกจันโกรธ “ทวงสิทธิ์ตัวเองคืนเนี่ยนะผิด”
“ทวงแบบสันติวิธีก็ได้”
“ดีมาดีไป...แรงมาแรงไป” ลูกจันพูดกับทีมงาน “รีบเอาของมาเซ็ตฉาก แล้วให้ช่างแต่งหน้าทำผมพีทได้แล้ว”
แซนดี้ ต๋อย อุ่นเรือน จุ้มจิ้ม ก๊อง และอาร์ตวิ่งหน้าตาตื่นออกไปเตรียมงาน ลูกจันเดินตามออกไปอย่างหงุดหงิด พอลทำหน้าเหนื่อยใจในความแรงและรั้นของลูกจัน
คลิปในโทรศัพท์มือถือเป็นภาพตอนที่ลูกจันอาละวาด อิงอรถือโทรศัพท์อยู่
“พี่ณัฐรอบคอบมากเลยค่ะที่ให้อรแอบถ่ายคลิปเก็บไว้” อิงอรบอก
“พี่ให้ถ่ายเก็บไว้เพราะคิดว่ามีคนมาสร้างปัญหาให้กอง..จะได้เก็บหลักฐานไว้แจ้งความ” ณัฐทำหน้าไม่สบายใจ “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกจัน...นี่ถ้าคลิปหลุดไปถึงนักข่าวลูกจันคงแย่แน่ๆ”
อิงอรหูผึ่ง ตาโต
“พี่ขอร้องนะคะอร..ลบคลิปทิ้งไปนะคะ” ณัฐบอก
อรรับคำ “ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะคนดีของพี่”
ณัฐกอดอิงอรแน่น อิงอรกระหยิ่มใจที่หลอกณัฐได้
อรคิดในใจ “หึหึ พี่ณัฐนี่หลอกง่ายจริงจริ๊ง...เรื่องอะไรเราจะลบคลิปให้โง่”
แต่ณัฐกระหยิ่มกว่าเพราะอิงอรนั่นแหละที่โดนหลอก!!
ณัฐคิดในใจ “หึหึ...ไม่ลบน่ะดีแล้วจ้ะอร..ผู้หญิงโง่ๆแบบอรเนี่ย..พี่ชอบจริงๆ”
อ่านต่อตอนที่ 6