xs
xsm
sm
md
lg

Money Tips : เวลาแห่งการสำรวจโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 Money Tips
โดยสุริพล  เข็มจินดา
รองกรรมการผู้จัดการ
กลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล
บลจ.บัวหลวง

เมื่อใกล้จะเกษียณ ผู้เฒ่าผู้แก่ที่นับถือสอนไว้ว่าให้เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี

เตรียมตัว น่ะเตรียมแล้ว อุตสาหะเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เริ่มยะงานยะการใหม่ๆ RMF LTF ก็ลงทุนไว้เต็มแมกซ์มาทุกปีตั้งแต่รัฐจัดให้มี แถมยังได้ บลจ.บัวหลวงมาช่วยดูแลให้เพิ่มพูนงอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีทั้งร่มเงาให้พักพิงและมีผลให้เก็บกินได้ชื่นใจอยู่ทุกวันนี้

เตรียมใจ สิ ยังไม่ได้เตรียมเลย ใครจะคิด ตื่นเช้ามาก็ส่องกระจกทุกวัน ตีนการึก็ยังไม่ขึ้น ผิวหน้าเนื้อหนังก็ยังเปล่งปลั่งเต่งตึงอยู่แท้ๆ แต่ความที่เป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่อยู่เสมอมา เลยเริ่มวิตกจริตว่า แล้วเวลาที่เหลือหลังเกษียณอีกแค่ 30-40 ปี จะพอสำหรับโครงการมากมายที่วาดฝันไว้หรือไม่

เริ่มทำอะไรก่อนดีล่ะ

งานอดิเรกเอาละ แค่คิดก็สนุกแล้ว มีอะไรอีกร้อยแปดพันอย่างที่อยากทำมานาน ได้แต่เคยจดๆ จ้องๆ ผัดผ่อนมาเรื่อยว่าไม่มีเวลา

อ้อ เรียนวาดรูปไง ผมเคยแอบชื่นชมความงามภาพสีน้ำ สีน้ำมัน ของศิลปินหลายๆ ท่าน (แต่บางภาพก็แอบค่อนขอดอยู่ในใจว่า เชอะ แค่เอาสีปาดไป ป้ายมา อย่างนี้ฉันก็ทำได้) ถ้าผมทำได้เอง วิญญาณศิลปินที่แอบพลุ่งพล่านในสายเลือดมานับสิบๆ ปีก็น่าจะได้โอกาสออกมาอวดโฉมก็ตอนนี้แหละ อย่าง คุณมีเซียม ยิบอินซอย เธอก็เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะศิลปินรางวัลเหรียญทองเอาเมื่ออายุท่านก็ไม่น้อยแล้ว ถึงจะไม่ได้เข้าวัยใกล้เกษียณแบบนี้ก็ตาม

ดนตรีล่ะ ไวโอลินก็เรียนมาแล้ว แต่ต้องเลิก เพราะเดือดร้อนคนข้างกายไม่เป็นอันได้หลับได้นอนไปกับเสียงขูดสาย หรือจะลองเปียโนไฟฟ้าดี เพราะตอนซ้อมครอบหูฟังได้ ไม่ต้องระแวงว่าจะมี secret admirer แอบมอบกระถางดอกไม้ผ่านกระจกหน้าต่างมาให้เพราะเขินที่จะให้เราเห็นหน้า

ไม่งั้นก็ลองหัดเรียนภาษาใหม่ๆ เช่น อิตาลี จีน สเปน เกาหลี หรือถ้าไม่ชอบตามเทรนด์ชาวบ้าน ลองของแปลกๆ แบบภาษาอาหรับ ฮินดี เปอร์เซีย หรือภาษากุโบสไปเลยก็เท่สุดๆ เลยครับ แต่ไม่รู้จะเรียนไปพูดกับใครเหมือนกัน

เรียนอะไรอื่นใหม่ๆ ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะได้ความรู้สึกเป็นนักเรียนตัวน้อยๆ จ้องมองคุณครูด้วยดวงตาใสๆ มีตารางเวลาให้ต้องจำ ทำให้ไม่หลงลืมวัน มีการบ้านให้ทำและทบทวน ทำให้เส้นใยไซแนปส์ที่เชื่อมโยงเซลล์ประสาทเป็นร้อยล้านพันล้านในสมองงอกเงยเพิ่มขึ้นแบบที่นักประสาทวิทยายุคใหม่วิจัยมาเล่าสู่กันฟัง เขาบอกด้วยนะ ว่าที่เคยเชื่อกันมาตลอดว่าเซลล์สมองของคนเราจะหยุดเติบโตเมื่ออายุเริ่มเข้าวัย 35 ปีนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย เข้าข่ายงมงายไร้สาระเลยทีเดียว เพราะเซลล์สมองจะเจริญเติบโตไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังได้รับการกระตุ้นด้วยการทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย

ย้ำนะครับว่าต้องเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคย เช่น หัดเขียนหนังสือหรือใช้ตะเกียบด้วยมือซ้าย (สำหรับคนที่ปกติถนัดขวา) หรือการเปลี่ยนเส้นทางขับรถกลับบ้านบ้าง ส่วนใครจะแวะเวียนที่ไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ แต่ก็ต้องระมัดระวังเก็บของที่เด็กๆ ของท่านอาจแกล้งทำหล่นตามพื้นรถให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยของทั้งเด็กๆ และตัวท่านเอง

ท่องเที่ยว ค่อนข้างจริงที่บอกว่าตอนเด็กๆ มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน

จริงบางส่วนที่บอกว่าตอนเป็นผู้ใหญ่ มีแรง มีเงิน แต่ไม่มีเวลา

จริงน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าจะเชื่อว่าตอนเกษียณ มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

ทุกวันนี้ ส.ว. (สูงวัย) ที่ยังกระฉับกระเฉง กระชุ่มกระชวย มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป เคล็ดลับตรงนี้เขากระซิบกันต่อๆ มากว่า 2,500 ปีแล้วครับ ว่าให้ทำความดี ละความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส นอกจากนั้น การออกกำลังกายสม่ำเสมอก็ช่วยได้ ที่สำคัญคือห้ามเหน็บเชิงล้อเลียนตัวเองหรือเพื่อนๆ ว่า “แก่แล้วก็อย่างงี้แหละ หลงๆ ลืมๆ หูตาฝ้าฟาง แขนขาอ่อนแรง ลุกก็โอย นั่งก็โอย” และอีกสารพัดที่จะสรรหามาแช่งตัวเอง
    
ทีนี้ ก็มาวางแผนเที่ยวกันได้เลย เอาแผน 30 ปีกันเลยไหมครับ

ช่วง 60-70 ปี ถ้ากำลังวังชายังฟิตเปรี๊ยะ ปิ๊งปั๊งสดใส ก็เอาแบบลุยๆ โหดๆ หน่อย ไม่ได้ว่างเที่ยวกันแบบเต็มที่มาซะนาน ไปเดินเขาเดินป่ากันแถวเนปาล ชอปปิ้งในตลาด Spice Market ที่ตุรกี หรือจะไปหัดเล่นสกีที่ Vivaldi Park เกาหลี ดำน้ำดูปากะรังที่ออสเตรเลีย หรือลองเที่ยวไทยก็มีให้เที่ยวได้หลากหลายนะครับ

หากอายุ 70-80 ปีแล้วก็เอาแบบสบายๆ ชิลๆ หน่อย ทัวร์สปามัลดีฟส์ เพลิดเพลินกับหาดทรายขาว แดดอบอุ่น ดื่มด่ำกับกลิ่นหอมของสมุนไพรในบรรยากาศสปา  ถ้าใครติดดนตรีกล่อมของพี่จ๋ายที่ใช้กันเกือบจะทุกสปาในประเทศไทย คงต้องพก CD หรือ MP3 ส่วนตัวไปด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าที่มัลดีฟส์จะรู้จัก จำรัส เศวตาภรณ์ หรือเปล่า

หรือจะไปล่องเรือสำราญกันก็เอาใกล้ๆ อย่างแถวสิงคโปร์ ลังกาวี มะละกา หรือจะไปไกลถึงยุโรป แวะชมความงดงามทางอารยธรรมตะวันตก หรือจะล่องไปถึงอะแลสกา ก็ยังไหว เผลอๆ ลงเรือลำเดียวกันแบบนี้ก็มีโอกาสได้พบเพื่อนใหม่ต่างชาติต่างภาษาที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีก 10 กว่าวัน มีเวลาในการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ใช้ภาษาต่างประเทศที่อุตส่าห์ซุ่มแอบเรียนมา ที่ดีอีกอย่างคือ ไม่ต้องรื้อกระเป๋า จัดกระเป๋าใหม่ ย้ายขึ้นย้ายลงให้เหนื่อย เก็บแรงไว้ทัวร์กับชอปตอนขึ้นฝั่งประเทศต่างๆ จะดีกว่า

ถ้าอายุ 80 ปีขึ้นไป ท่องไว้เลยครับว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ เราจึงอาจจะหวนกลับมามีความสุขกับถิ่นฐานบ้านเกิดในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ได้ อย่างบอสตันเขามีทางเดินพิเศษที่ปูด้วยอิฐสีแดง รวมเส้นทางประมาณ 2.5 ไมล์ เรียกว่า Freedom Trail ลัดเลาะไปตามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสาตร์ 17 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีป้ายแสดงความเป็นมา แสดงความสำคัญต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาชื่นชม

ถ้าเปรียบกับกรุงเทพฯ คงเป็นเส้นทางการเดินเที่ยวรอบๆ เกาะรัตนโกสินทร์ ระยะทางรวม 6 กม. ที่เริ่มจากศาลหลักเมืองผ่านคลองคูเมืองเดิมไปตามถนนสายประวัติศาสตร์ ผ่านที่ประทับในอดีตของพระราชวงศ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วัด ตลาด ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ แล้วมาสิ้นสุดลงที่ถนนข้าวสาร ซึมซับบรรยากาศความเป็นไทย ได้ความสงบทางจิตใจยามเข้าไปนมัสการพระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมือง โดยไม่จำเป็นต้องแวะไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้ปวดใจหรอกครับ

หากอากาศร้อนเกิน ก็เปลี่ยนเป็นล่องเรือเจ้าพระยายามเย็นพร้อมดินเนอร์หรูๆ สักมื้อ ดูละครเวทีดีๆ สักครึ่งเรื่อง (อีกครึ่งหลับ) หรือชมคอนเสิร์ตรำลึกความหลัง 30 ปี ของใบเตย อาร์สยาม ซึ่งตอนนั้นคงแน่นอกน้อยลงแล้ว หรือจะชวนเพื่อนมาตีรัมมี่ที่บ้านก็ยังไหวนะ

ส่วนลดตามสิทธิ

อย่าลืมตามล่าและใช้สิทธิความเป็นผู้สูงวัยที่เขาจัดให้ด้วยนะ มีโอกาสเป็นผู้สูงวัยก็แค่ช่วงเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะต้องเติบโตเป็นทารกต่อไปในอนาคตในชาติหน้า

เรื่องนี้ส่วนราชการไทยเขามีพระราชบัญญัติผู้สูงอายุที่กำหนดสิทธิพิเศษที่จะได้รับจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การบินไทย มีบริการที่นั่งพิเศษระหว่างรอเช็กอิน จัดบริการวีลแชร์ มีส่วนลดสำหรับราคาค่าบัตรโดยสาร

ส่วนทางภาคเอกชนนั้น เนื่องจากกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ถือว่าเป็นตลาดใหญ่มากถึงมากที่สุดของธุรกิจหลายประเภท เชื่อขนมกินได้เลยว่าธุรกิจเหล่านี้ต้องมีการพลิกตำราคิดค้นกลยุทธ์สารพัดวิธีที่จะจับตลาดผู้สูงอายุให้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นการลด แลก แจก แถม

จงใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมกันมาไปสอบถามต่อรองให้ได้ the best deal นะครับ เสียเงินไม่เท่าไร เสียหน้า เสียรู้ ยอมไม่ได้

Sabbatical Leave วันสะบาโต

“ซับบาธ” เป็นภาษาฮีบรู แปลว่า “พัก” ซึ่งหมายถึงพระเจ้าทรงสร้างโลกพร้อมสรรพสิ่งมาเป็นเวลา 6 วัน และทรงเว้นหยุดพักในวันที่ 7 เมื่อทรงเสร็จงานแล้ว

เรื่องนี้นับว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยมีโอกาสดีกว่าพวกทำงานเอกชนตรงที่สถาบันการศึกษาหลายๆ แห่งทั้งในและต่างประเทศมีการกำหนดให้ผู้ที่สอนหนังสือมาระยะเวลาหนึ่ง เช่น 5 ปี หรือ 7 ปีสามารถลาหยุดพักยาวเป็นเวลาหลายๆ เดือน หรืออาจเป็นปี เพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์ได้ค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติม เปลี่ยนโลกทัศน์ใหม่เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการ คล้ายๆ การไปชาร์จแบตฯ เพื่อนำแนวคิดใหม่ๆ กลับมาสร้างเสริมความก้าวหน้าให้แก่องค์กร

องค์กรเอกชนหัวก้าวหน้าน่าจะลองประยุกต์ใช้ประเพณีสะบาโตบ้างเนาะ ทีตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ยังมี probation ทดลองงานว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ตอนก่อนเกษียณล่วงหน้าสัก 5-6 ปี น่าจะจัดให้มี probation ทดลองเกษียณบ้าง ปีละสักเดือนสองเดือนก็ยังดี

ฝันไกลเอื้อมไปหน่อยละ งั้นลองพลิกแพลงให้เหมาะกับสถานการณ์ของตัวเอง ด้วยวิธี เกษียณชั่วคราว โดยสะสมวันลาพักผ่อนแล้วมาใช้ยาวๆ ในคราวเดียว ผนวกเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดฟันหลอให้ได้ปีละ 10-15 วัน แล้วลาไปไหนไกลๆ ในหรือนอกประเทศก็ได้โดยเลือกให้ลงตัวกับเงินในกระเป๋า เพื่อทดลองดูว่าเวลาที่ต้องเกษียณจริงๆ จะเป็นอย่างไร ควรเตรียมตัวหรือเตรียมใจอะไรเพิ่มเติม

หรือจะใช้ความเก๋าในวิชาชีพที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายสิบปี แบ่งเวลาไปเป็นที่ปรึกษาขององค์กรไม่แสวงหากำไร มูลนิธิ หรือเป็นวิทยากรอาสาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่สถาบันการศึกษาเพื่อช่วยเตรียมตัวเตรียมใจน้องๆ ที่จะต้องก้าวมาเผชิญโลกแห่งการทำงานในอีกไม่นาน คงจะดีไม่น้อยเลยนะถ้าสามารถหาจุดลงตัวระหว่างงานที่ได้เงิน กับงานที่ได้บุญ โดยไม่ต้องไปแตะเงินออมที่เก็บไว้ใช้ยามที่ไม่มีปัญญาหาเพิ่มได้จริงๆ

แม้ยังไม่เกษียณ แต่หากภาระเริ่มเบาลง เราอาจเปลี่ยนจากการทำงานประจำเป็นงาน part time โดยลดเวลาทำงานลงเหลือสัปดาห์ละ 3-4 วัน ใช่ครับ รายได้ประจำคงหดลงบ้าง ก็กินให้น้อยลง และเงินออมที่จะสะสมเพื่อการเกษียณคงน้อยตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงด้วยว่าสวัสดิการด้านสุขภาพจะหดหายไปมากไหม ต้องชดเชยด้วยการทำงานเลยอายุเกษียณออกไปอีกกี่ปี แล้วมันจะคุ้มไหมถ้าเอาเวลาที่ได้มาจากการทำงานน้อยลง ไปเพิ่มพูนเซลล์สมองด้วยการเรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ใหม่ๆ มีโอกาสพบปะผู้คนต่างแวดวง ไม่จำเจอยู่กับสิ่งเดิมๆ ตลอดเวลา

จะเลือกแบบไหนก็ลองปรึกษากับครอบครัวกันก่อนนะครับ ว่าแบบไหนจะเจ๋งกว่ากัน ระหว่างลุยไปให้ถึงเกษียณแล้วหยุดทำงานเลย หรือค่อยๆ แตะเบรก ทยอยเกษียณไปเรื่อยๆ

แฮปปี้ รีไทร์ริ่ง ครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น