xs
xsm
sm
md
lg

อยากให้ลูกตื่นตอนเช้าอย่างมีความสุข...มาทางนี้ / ดร.แพง ชินพงศ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ใหญ่กับเด็กต่างก็เหมือนกันตรงที่ถ้านอนหลับสบายแล้วตื่นนอนตอนเช้าอย่างมีความสุข วันทั้งวันนั้นก็จะรู้สึกมีพลัง สดชื่น แจ่มใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะไปเผชิญกับภารกิจหรือกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเด็กๆ แล้ว ถ้าตอนเช้าตื่นมาเขารู้สึกสดใส ก็จะทำให้ทั้งวันของเขาเต็มไปด้วยความสุขผู้เขียนจึงขอเสนอวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ลูกตื่นนอนแต่เช้าอย่างมีความสุข ดังนี้
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
 
1.ใช้เสียงกระซิบและอ้อมกอดของพ่อแม่แทนนาฬิกาปลุก คุณพ่อคุณแม่เป็นนาฬิกาปลุกที่ดีที่สุดของลูก หากเช้ามาลูกๆ ได้ยินเสียงกระซิบปลุกและอ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่แล้ว ก็จะช่วยให้ลูกตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขสดใส และช่วยให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยตลอดทั้งวัน การปลุกลูกด้วยเสียงที่อ่อนโยนดีกว่าเสียงตวาดดังลั่นที่อาจปลุกให้ทุกคนตื่นด้วยความตกใจกลัวและทำให้คนที่ต้องตื่นมาเพราะเสียงที่น่ากลัวนั้นรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจและอารมณ์เสีย ซึ่งจะทำให้การเริ่มต้นชีวิตในวันนั้นหมดสนุกและพาลจะมีแต่สิ่งแย่ๆ ไปทั้งวัน

2.ใช้นิทานปลุกลูกตอนเช้า นิทานที่เล่าให้ลูกฟังตอนเช้าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเล่านาน แค่เป็นเรื่องสั้นๆ ง่ายๆ และเป็นเรื่องที่ทำให้ลูกรู้สึกสนใจ เช่น เช้าวันหนึ่งมีเด็กหญิงเล็กๆกำลังท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ เมื่อเธอไปถึงที่นั่น เธอพบกับ.......... โดยให้ลูกช่วยเล่าเรื่องต่อจากนั้น เมื่อเวลาที่ลูกช่วยเล่านิทาน ลูกจะรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่กำลังตั้งใจฟังอยู่ ซึ่งทำให้ลูกมีความรู้สึกถึงความรักและความอบอุ่น เหมือนเป็นการกอดลูกด้วยคำพูดที่จะอยู่ในใจลูกตลอดทั้งวัน และยังเป็นการปลุกลูกที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสนุกสนานและรู้สึกถึงการเริ่มต้นชีวิตที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา อีกทั้งการทำเช่นนี้ยังเป็นการสร้างเวลาคุณภาพที่คุณพ่อ
คุณแม่และลูกๆ ได้ใช้ร่วมกันในตอนเริ่มวันใหม่และลูกจะรอคอยนิทานเรื่องใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในเช้าวันต่อๆ ไปอย่างตื่นตัวอีกด้วย

3.บอกเล่าเรื่องราวดีๆ ให้ลูกฟัง ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ปลุกลูกให้ตื่นในตอนเช้าด้วยถ้อยคำและการกระทำที่นุ่มนวล เช่น การใช้มือลูบเบาๆ ที่หัวหรือหลังของลูก คุณพ่อคุณแม่อาจเตรียมเรื่องราวดีๆ ไว้เล่าให้ลูกฟังตอนตื่นนอนด้วยก็จะเป็นการดีมาก เช่น เล่าความฝันที่ดีๆของคุณพ่อคุณแม่ เล่าเรื่องความสนุกสนานในวัยเด็กให้ลูกฟังเล่าถึงกิจกรรมที่วางแผนจะทำร่วมกันในวันนี้หรือเล่าว่าวันนี้จะเตรียมอาหารอะไรไว้ให้ลูกรับประทานหลังกลับมาจากโรงเรียนบ้าง อย่าลืมว่าเวลาที่คุณพ่อคุณแม่พูดกับลูก ต้องใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล อบอุ่น สบายๆ อย่าใช้เสียงดังเพื่อให้ลูกสนใจ เพราะแทนที่เขาจะตื่นเพื่อมารอฟังเราเล่าเรื่องดีๆ ให้ฟัง คงอยากจะนอนไม่ตื่นเสียมากกว่า

4.เตรียมอาหารเช้าที่ลูกชอบ อาหารมื้อเช้าควรเป็นอาหารง่ายๆ ที่ลูกชอบกินและต้องเป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย เช่นโจ๊ก ข้าวต้มเครื่อง ไข่ดาว แซนด์วิช คอนเฟล็กกับนม ผลไม้ต่างๆ เช่น ส้ม กล้วยน้ำว้า มะละกอ อย่าปล่อยให้ลูกท้องว่างหรือหิวไปโรงเรียน เพราะจะทำให้สมรรถภาพการทำงานของร่างกายเสื่อมถอย ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์และการเข้าสังคมของลูกได้

5.ให้ลูกเตรียมชุดและเครื่องใช้ต่างๆในการไปโรงเรียนก่อนนอน การให้ลูกจัดเตรียมชุดนักเรียน ชุดชั้นใน ถุงเท้า รองเท้า โบว์ผูกผม และจัดกระเป๋าเรียนก่อนนอนเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าตนเองสามารถทำอะไรด้วยตนเองได้เหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง และเขาจะรู้สึกสนุก ตื่นเต้น ที่จะรอให้เวลาเช้ามาถึงเร็วๆเพื่อว่าจะได้สวมใส่ชุดที่จัดเตรียมไว้ด้วยตนเอง นอกจากความดีที่กล่าวมาแล้วนั้น การให้ลูกได้ทำเช่นนี้ เป็นการสอนให้ลูกรู้จักการช่วยเหลือดูแลตนเอง ฝึกความรับผิดชอบและรู้จักการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน และยังเป็นการสอนลูกไปในตัวว่าหากเขาได้จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมล่วงหน้า ตื่นเช้ามาเขาจะได้ไม่ต้องลำบากและเหน็ดเหนื่อยวันใหม่ของเขาก็จะเริ่มต้นด้วยความราบรื่น

6.จัดตารางเวลาการนอนอย่างมีประสิทธิภาพ กว่าเด็กๆ สมัยนี้จะเข้านอนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเขามีสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำมากมาย ทั้งทำการบ้าน ทำงานที่ต้องส่งครู หนังสือก็ต้องอ่าน แบบฝึกหัดก็ต้องทำ กว่าลูกจะได้เข้านอนก็ดึกมากทีเดียว ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรจัดตารางเวลาสำหรับกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสมและเป็นระบบ โดยมีกำหนดไว้อย่างแน่นอนว่าลูกต้องเข้านอนกี่โมงและต้องทำอย่างเคร่งครัด ที่ต้องเคร่งครัดเพราะว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็กๆ การนอนดึกอาจทำให้ลูกพักผ่อนไม่เพียงพอ และการนอนดึกทำให้ลูกตื่นสาย เวลาเช้าก็จะเต็มไปด้วยความเร่งรีบ หงุดหงิดและอารมณ์เสีย และทำให้การเรียนรู้ของลูกไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นการจัดตารางเวลาการนอนที่เหมาะสม จะทำให้ลูกตื่นนอนตอนเช้าด้วยความสบาย รู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียด

การเริ่มต้นเวลาเช้าที่ดี จะทำให้วันทั้งวันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สบาย ราบรื่นและประสบความสำเร็จ หากคุณพ่อคุณแม่อยากเห็นลูกสดใสไปทั้งวัน มาสร้างให้เวลาเช้าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขกันดีกว่า

ข้อมูลอ้างอิง
http://parenting.allwomenstalk.com/ways-to-help-your-child-wake-up-happy/7/


กำลังโหลดความคิดเห็น