รักนี้เจ๊จัดให้ ตอนที่ 4
ป้าภานอนบนเตียงพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่ายเพราะห่วงพีท ป้าภาลุกขึ้นแล้วล้มตัวลงนอนหลับตา ป้าภาลืมตาลุกพรวดขึ้นอีกครั้งแล้วก้าวลงจากเตียงไป
พอลที่เพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จเดินเช็ดผมอยู่ในห้อง เขาเดินผ่านรูปภาพลูกจันวางอยู่บนโต๊ะ พอลหยิบรูปขึ้นมาดู ภาพลูกจันตอนที่เธอเสียใจลอยเข้ามาในความคิด
ลูกจันสะอึกสะอื้น “ไอ้ผู้ชายสารเลว...มันหลอกให้ฉันรัก แล้วก็ทิ้งฉันไป”
“พีท...” ลูกจันกางแขน “กอดฉันหน่อย”
พอลถอนหายใจเพราะสงสาร เขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ลูกจันคร่ำครวญ “ตาฉันก็ทิ้งยายไป พ่อฉันก็ทิ้งแม่ไป ฉันกลัวผู้ชาย ฉันกลัวความรัก ฉันไม่อยากเจ็บเหมือนยายกับแม่...แต่ในที่สุดฉันก็เจ็บจนได้”
พอลรำพึงกับตัวเอง
“มิน่า...คุณถึงเกลียดผู้ชายขนาดนี้”
ป้าภาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเปิดประตูห้องคอนโดมีเนียม พอเห็นไฟเปิดอยู่ป้าภาก็มองอย่างแปลกใจ ป้าภาเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ชะงักเมื่อเหยียบอะไรบางอย่าง เธอก้มดูที่เท้าก็เห็นว่าเหยียบด้ามมีดอยู่ ป้าภามองมีดที่มีรอยเลือดเล็กน้อยด้วยอาการตกใจ แล้วก็มองที่พื้นเห็นรอยเลือดหยดเป็นทาง
ป้าภาตกใจมาก “พีท!”
ป้าภาทิ้งกระเป๋ารีบวิ่งเข้าไปในห้องพีท
ป้าภาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องพีทแต่ไม่เห็นพีทอยู่ในห้อง ป้าภารีบวิ่งไปดูที่ห้องน้ำในห้องนอนพีท
“พีท..”
ป้าภาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องจึงวิ่งออกไปอย่างร้อนใจ
ป้าภาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องตัวเองแต่ไฟในห้องปิดมืด พอเปิดไฟในห้องก็ไม่เจอพีท ป้าภารีบวิ่งออกไปอย่างร้อนใจ
ป้าภาวิ่งหน้าตื่นออกจากประตูดาดฟ้าขึ้นมาตะโกนเรียกพีทลั่น
“พีท..” ป้าภาร้องไห้ “พีทอยู่ไหนลูก พีท”
ป้าภาร้องไห้ด้วยอาการใจเสีย เธอวิ่งหาพีททั่วดาดฟ้าแต่ก็หาไม่เจอ ป้าภาคิดแล้วก็วิ่งออกไป
ลิฟต์เปิดออก ป้าภาน้ำตานองหน้าวิ่งออกจากลิฟต์อย่างร้อนใจ แต่แล้วป้าภาก็ชะงักเมื่อเห็น รปภ.เข็นรถเข็นที่พีทนั่งเดินมา
“พีท”
ป้าภาวิ่งไปกอดพีทด้วยความดีใจ
ป้าภาพูดกับ รปภ. “ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันพาตาพีทขึ้นไปเอง”
“ครับ” รปภ. รับคำแล้วเดินออกไป
ป้าภารีบถาม “พีททำอะไรน่ะ ทำไมเลือดเต็มห้องอย่างนั้น”
“พีทจะปอกแอปเปิ้ลแต่จับไม่ถนัดเลยโดนมีดบาด แล้วที่ห้องก็ไม่มีพลาสเตอร์เลยโทรลงมาขอที่ออฟฟิศ..พี่เค้าเห็นว่าแผลลึกพลาสเตอร์เอาไม่อยู่เลยพาลงมาทำแผลน่ะครับ”
ป้าภาตาแดง เสียงสั่น “เลือดเต็มห้อง พีทก็ไม่อยู่ หัวใจป้าตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย”
“พีทบอกแล้วไงครับว่าพีทจะไม่คิดสั้นอีกแล้ว” พีทดึงป้าภามากอด “โอ๋ๆ หายตกใจนะคะคนสวยไม่ร้องแล้วนะ”
ป้าภามองพีทอย่างงอนๆ แล้วยิ้มขำทั้งน้ำตา
“ไม่ร้องแล้วก็ได้ ง่วง..กลับไปนอนดีกว่า”
ป้าภาเข็นพีทเดินไปหน้าลิฟต์
“นี่มันตี 2 นะครับทำไมป้ากลับมากลางดึกอย่างนี้ล่ะ”
“ป้านอนไม่หลับน่ะลูก..ห่วงพีท”
“เดี๋ยวลูกจันตื่นไม่เห็นป้าก็สงสัยหรอก”
“ป้าเขียนโน้ตไว้แล้วว่าไปวัดแต่เช้ามืด”
“แล้วสถานการณ์ที่บ้านเป็นไงบ้างครับ พอลเป็นพีทเนียนมั้ย”
ป้าภาคิดถึงภาพตอนพอลกอดกับลูกจัน
ป้าภาแอบถอนใจ “เนียน”
พีทยิ้มโล่งอก ป้าภายิ้มแหยๆ มีแววตาล่อกแล่ก
ลูกจันในสภาพหัวยุ่งเครื่องสำอางเลอะคราบน้ำตาเป็นหย่อมๆ ขนตาปลอมเหลือข้างเดียว ส่วนอีกข้างห้อยติดอยู่ที่หัวคิ้วเดินอย่างแฮงค์ๆ มาในครัวที่พอลทำแซนวิชอยู่
“ทำไมแกทำอาหารเช้าเอง..ป้าภาล่ะ”
“เห็นเขียนโน้ตไว้ว่าจะไปนอนวัด” พอลบอก
“เพิ่งกลับมาวันเดียวไปอีกแล้ว สงสัยป้าภากะจะนิพพานชาตินี้แหงๆ..เออ..ทำเผื่อด้วยนะพีท..หิวอ่ะ”
พอลมองหน้าลูกจันที่เลอะไปด้วยเครื่องสำอางอย่างสมเพช
“ตั้งแต่ตื่นส่องกระจกบ้างรึยัง”
ลูกจันเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วไปพูดไป
“ยัง..หิวน้ำ แฮงค์ไม่มีอารมณ์ส่อง..ไมอ่ะ”
พอลจับลูกจันมาส่องที่ประตูตู้เย็น ลูกจันเห็นหน้าตัวเองก็กรี๊ดลั่น
“อ๊ายย”
พอลมองลูกจันอย่างสมเพชกว่าเดิม
“ทำไมหน้าตาฉันยับเยินแบบนี้” ลูกจันหันมองพอลด้วยสีหน้าโกรธมาก “เมื่อคืนก่อนส่งฉันเข้านอนทำไมไม่เช็ดเครื่องสำอางให้ฉัน”
พอลอึ้ง “อ้าว”
“อย่าบอกนะว่าลืมกฎที่แกตั้งขึ้นมาเองว่า..ถ้าใครเมาอีกฝ่ายต้องดูแลแล้วก็ต้องทำความสะอาดหน้าให้ก่อนส่งเข้านอน”
พอลชะงักแล้วก็รีบแก้ตัว
“เอ้อ..ฉัน..ฉันลืมจริงๆ..ขอโทษนะ”
“เออ..ยกโทษให้แต่ถ้าวันหลังแกลืมกฎอีกฉันจะแช่งให้แกสิวเห่อเต็มหน้า ให้แกขี้เหร่จนใช้หน้าตาหากินไม่ได้อีกเลย..ฉันจะไปล้างหน้าลงมาอีกทีต้องได้กินนะ”
ลูกจันเดินออกไปด้วยอาการหงุดหงิด พอลมองตามลูกจันอย่างเซ็งๆ
พอลกินแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อย ลูกจันที่ล้างหน้า รวบผมเข้าที่เรียบร้อยแล้วเดินเข้ามามองอย่างไม่พอใจ
“ทำไมกินไม่รอฉัน”
“อ้าว..ก็ไม่ได้บอกให้รอ” พอลอ้าง
“มันก็เป็นกฎที่แกตั้งเองอีกนั่นแหละว่าถ้าตื่นแล้วทั้งคู่ เวลากินข้าวให้กินพร้อมกัน” ลูกจันจ้องหน้าพอลเขม็ง “นี่แกเลิกกินยาแก้หวัดที่หมอให้มารึยัง”
พอลหลบตาด้วยท่าทางมีพิรุธ “เอ่อ..ฉัน..ฉันยังไม่หายดี..เลยต้องกินต่อ”
“ฉันว่าเลิกกินดีกว่าเพราะมันทำให้แกเบลอจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว”
พอลพยักหน้าไปส่งๆ “อือ”
ลูกจันนั่งลงกินแซนวิชแล้วคายออกมาแทบไม่ทัน
“แหวะ...” ลูกจันมองหน้าพอลแล้วถามเสียงสูง “นี่มันอะไรกันแก๊”
พอลงง “ก็แซนวิชไง”
ลูกจันโวยวาย “โอ๊ยย..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายาแก้หวัดมันจะมีผลกับแกขนาดนี้..นี่นอกจากแกจะเบลอแล้ว..ฝีมือทำอาหารของแกก็ยังตกต่ำลงไปมากกกกกกกเลยนะยะ” ลูกจันแย่งแซนวิชไปจากมือพอล “ไม่ต้องกินแล้วเดี๋ยวฉันทำให้ใหม่”
พอลที่ยังจีบมือในท่าถือแซนวิชค้างอยู่มองลูกจันที่เอาแซนวิชทิ้งขยะด้วยความหงุดหงิด
จุ้มจิ้มสะพายกระเป๋ากล้องเดินเข้ามาในร้านอาหารหรู พนักงานเดินมาต้อนรับ
“กี่ที่คะ”
“ไม่ได้มาทานอาหารฮะ...จุ้มมาจากนิตยสารเซเลบที่ขอมาถ่ายอาหารแล้วก็สัมภาษณ์คุณท็อฟฟี่เจ้าของร้านน่ะฮะ”
“อ๋อที่นัดไว้..คุณท็อฟฟี่โทรมาบอกว่ารถติดมากจะมาช้านิดนึงเชิญคุณนั่งรอก่อนนะคะ”
“งั้นจุ้มขอไปเดินเล่นรอแถวนี้ดีกว่า ถ้าคุณท็อฟฟี่มาถึงโทรตามได้เลยนะฮะ”
จุ้มจิ้มยื่นนามบัตรให้พนักงาน
พีทนั่งรถเข็น ป้าภานั่งดื่มน้ำผลไม้อยู่ที่ริมสระน้ำ
“แดดเช้านี่มันทำให้ชีวิตสดชื่นจริงๆแต่จะเพอร์เฟคสุดๆถ้าได้ว่ายน้ำด้วย” พีทว่า
“สองเดือนก็หายแล้ว อดทนหน่อยนะลูก”
“พีทจะจำไปถึงชาติหน้าเลยครับว่าอย่าคิดสั้น..เพราะถ้าเจ็บแต่ไม่ตายมันทรมานกว่าตายเป็นร้อยเท่า”
ป้าภาลูบหัวพีทด้วยความรักใคร่ “ดีแล้วลูกที่พีทคิดได้..แดดแรงแล้วขึ้นห้องเถอะ”
พีทรับคำ “ครับ”
ป้าภาเข็นรถเข็นพีทจะเดินไปออกประตูหนึ่ง จุ้มจิ้มเดินออกจากอีกประตูมาถึงสระว่ายน้ำแล้วก็เห็นป้าภาเข็นพีทออกไปอีกประตูจากทางด้านหลัง
“เหมือนพี่พีทกะป้าภาเลย”
จุ้มจิ้มรีบเดินตามพีทไป
ป้าภาเข็นพีทมาหน้าลิฟต์แล้วกดลิฟต์ จุ้มจิ้มเดินออกจากประตูเห็นพีทนั่งรถเข็นรอลิฟต์อยู่ก็จะเข้าไปทักแต่มือถือของเธอดังขึ้นซะก่อน จุ้มจิ้มชะงักหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ
“ฮัลโหล..อ๋อ..ฝากบอกคุณท็อฟฟี่รอแป๊บนะฮะ...จะไปเดี๋ยวนี้ฮะ”
จุ้มจิ้มวางสายแล้วหันไปมองหน้าลิฟท์ก็พบว่าป้าภากับพีทหายไปแล้ว
“อ้าว..ไปซะแล้ว”
จุ้มจิ้มรีบเดินออกไปเพื่อสัมภาษณ์และถ่ายรูป
ลูกจันกัดแซนวิชแล้วทำหน้ามีความสุข
“อืม..อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าอร่อย”
พอลกัดแซนวิชแล้วทำหน้าผิดหวัง
“ธรรมดา” พอลว่า
“ก็อร่อยกว่าที่แกทำเมื่อกี๊ละน่า”
พอลแอบทำหน้าเซ็งก่อนจะกินแซนวิชต่อ
ลูกจันนึกได้ “เออแก..เย็นนี้อย่าลืมไปงานเปิดตัวครีมกันแดดของคุณกุ๊กไก่นะ”
พอลงับแซนวิชค้างและตาเหลือก เขาคิดในใจว่างานอะไรอีกวะเนี่ย
สาโรจน์โยนเมมโม่ค่าใช้จ่ายในการถ่ายปกไลม์ลงบนโต๊ะ
“ช่างหน้า ช่างผม นางแบบ..ทำไมค่าตัวทุกคนมันเพิ่มเป็นสองเท่าอย่างนี้ล่ะ”
“ก็ฝ่ายประสานงานสมองกลวงขอคิวใครไม่ได้เลย ผมเลยต้องเพิ่มค่าตัวพวกเค้าถึงยอมมาทำงานให้” ณัฐบอก
“แล้วที่บังคับให้ฝ่ายบัญชีอนุมัติงบออกกองโดยไม่โทรบอกพี่ก่อนล่ะ”
“ผมต้องออกกองเมื่อวานไม่งั้นหนังสือจะวางแผงไม่ทัน แต่พี่ไปดูงานต่างประเทศกว่าจะโทรขออนุญาตพี่ก็ไม่ต้องถ่ายปกพอดี” ณัฐเอื้อมมือไปลูบไล้มือสาโรจน์พร้อมจ้องตาสาโรจน์อย่างมีความหมาย “พี่ครับ..ถึงผมจะทำอะไรผิดระเบียบบริษัทไปบ้างแต่ผมก็ทำเพื่อไลม์นะครับ”
สาโรจน์มองณัฐตาเยิ้มและเสียงอ่อนลง
“เอาเป็นว่าครั้งนี้พี่ยกให้ก็แล้วกัน แต่ออกกองครั้งต่อไปขอให้ณัฐแพลนให้ดีจะได้ไม่ใช้เงินเกินงบอย่างนี้อีก”
“ถ้าได้ผู้ช่วยดีๆ ได้ฝ่ายประสานเก่งๆ ผมก็คงไม่ต้องใช้เงินฟาดหัวใครให้งบบานหรอกครับ”
“เดี๋ยวพี่จะลองหาคนให้”
“ผมเล็งไว้แล้วครับ..พี่แค่อนุมัติเงินสำหรับซื้อตัวให้ผมก็พอ”
สาโรจน์มองณัฐด้วยความสงสัยว่าณัฐเล็งใครไว้
ต๋อยนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น ต๋อยรับสาย
“ฮัลโหล” ต๋อยแปลกใจ “คุณณัฐ”
ณัฐคุยโทรศัพท์กับต๋อย
“ผมจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลานะครับ..ผมอยากให้พี่กับแซนดี้มาช่วยงานที่ไลม์ ทางไลม์จะมีค่าเปลี่ยนที่ทำงานให้พี่ 2 แสน แซนดี้ 5 หมื่น ส่วนผลประโยชน์ระยะยาวคือเงินเดือนมากกว่าที่เซเลบให้ 2 เท่า”
ต๋อยตื่นเต้น “เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมากค่ะ..เดี๋ยวพี่จะคุยกับแซนดี้เอง”
“ตัดสินใจแล้วโทรหาผมได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ..สวัสดีครับ”
ณัฐยิ้มอย่างมั่นใจว่าได้ตัวต๋อยกับแซนดี้แน่ๆ
ลูกจันใส่สมอลทอล์คขับรถกำลังจะไปทำงาน เสียงมือถือลูกจันดังขึ้นเป็นเบอร์ออฟฟิศ
“ฮัลโหล..พี่ต๋อยว่าไงคะ”
ลูกจันฟังข้อความจากต๋อยด้วยสีหน้าโกรธจัด
เต้ยที่เพิ่งเข้าฉากเสร็จเดินเข้ามาเห็นพอลที่แต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วอ่านบทอยู่
“พี่พีท..เมื่อคืนพี่ลูกจันเป็นไงบ้างครับ” เต้ยถาม
“ไม่ได้เป็นอะไรเลย..หลอกให้พี่ไปหาเฉยๆ” พอลบอก
เต้ยขำ “พี่ลูกจันนี่น่ารักดีนะครับ”
พอลหน้าเซ็ง “ตรงไหน?”
“เอ่อ...พี่พีทครับ” เต้ยมองทีมงานแล้วกระซิบ “คนในกองไม่มีใครรู้ว่าเต้ยเล่นบอล พี่พีทอย่าบอกใครนะครับ”
พอลมองเต้ยอย่างสงสัยในพฤติกรรมแต่ก็แกล้งพูดดีด้วย
“ไม่ต้องห่วง..เอ่อ..ที่จริงพี่ก็สนใจจะลองเล่นดูเหมือนกันนะเต้ย”
“งั้นเลิกกองเราไปคุยกันต่อที่คอนโดเต้ยดีมั้ยครับ” เต้ยชวน
“วันนี้พี่ต้องไปงาน” พอลบอก
“งั้นพี่พีทสะดวกวันไหนนัดมาได้เลยนะครับ..สำหรับพี่พีทเต้ยสะดวกเสมอ”
เต้ยมองพอลยิ้มหวาน พอลยิ้มหวานตอบ
แนนเดินเข้ามาพูด “เซตพร้อมเชิญพี่พีทค่ะ”
พอลหันไปมองแนนแล้วพยักหน้า
พอลในชุดสายชลกำลังพายเรือ ลมพัดผมปลิว มีละอองน้ำทะเลกระเด็นใส่หน้าเป็นระยะ เพลงทะเลสีดำคลออยู่พร้อมเสียงคลื่น กวางในชุดนางฟ้ามองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว
กวางตัวโยก “สายชล นางฟ้าอยากกลับบ้าน”
พอลตื่นเต้นมากจึงพูดแบ่งวรรคตอนผิดๆถูกๆ “แล้วไหน...เมื่อกี้..นี้อยาก..มา..ด้วย” พอลพูดไปพายเรือไป
กวางตัวโยก “เมื่อกี้อยากมา ตอนนี้ไม่อยากแล้ว..สายชล เรากลับกันเถอะนะ”
พอลหยุดพายเรือแล้วยืนท่องบทอย่างตั้งใจ “มาไกลขนาดนี้...กลับไม่ได้แล้ว...ถ้าชั้นต้อง..ไปส่ง..เธอ..แล้วกลับ...มาใหม่..วันนี้ชั้น..คงไม่ได้ปลาแน่ๆ”
ป้าอ้อยสั่งดังลั่น “คัท”
พอลกับกวางนั่งพายบกอยู่บนเรือที่ฉากหลังเป็นบลูสกรีน มีทีมงานหมอบอยู่ที่พื้นคอยฉีดละอองน้ำใส่ทั้งคู่ โดยที่อีกคนคอยส่ายพัดลมให้ผมปลิว เพลงทะเลสีดำยังดังอยู่ ป้าอ้อยเดินเข้ามาในฉากด้วยอาการหงุดหงิดมาก
“ปิดเพลงซะก่อนสิยะ”
ทีมงานเอื้อมไปกดปุ่มปิดซีดีที่กำลังเล่นเพลงทะเลสีดำอยู่
ป้าอ้อยพูดอย่างไม่พอใจ “พีท...ทำไมถึงได้หยุดพายเรือซะเฉยๆแบบนั้นล่ะ..บอกแล้วไงว่าให้พูดบทไปพายไปโยกตัวไป..ดูกวางสิ..เค้าโยกได้เป็นจังหวะไหลลื่นเลยเห็นมั้ย”
กวางยังนั่งโยกอย่างต่อเนื่องในลักษณะหยุดไม่อยู่ไปแล้ว
“ก็..พายไปโยกไปพูดไป..ผมกลัวลืมบทอ่ะ” พอลสงสัย “แล้วทำไมเราไม่ไปถ่ายในทะเลจริงๆเลยล่ะครับ จะได้สมจริง”
“อุ๊ย..จะเปลืองค่าโล ค่ากินอยู่ ค่าเดินทางทำไมกันจ๊ะ..อันนี้พอเอาไปซ้อนภาพทะเลก็ขี้คร้านจะสมจริงแระ...เอ้า..ทีมงานทุกคนประจำตำแหน่ง” ป้าอ้อยพูดกับเด็กฉีดน้ำ “นี่...น้ำทะเลเอาให้กระเซ็นเยอะกว่านั้นหน่อยนะพระเอกนางเอกเปียกๆดูเซ็กซี่ดี” ป้าอ้อยพูดกับพอล “อย่าลืมพายเรือและก็โยกตัวด้วยนะพีท” ป้าอ้อยเดินกลับไปนั่งหน้ามอนิเตอร์ “พร้อมนะ..เทคที่7...5 4 3”
ทีมงานกดปุ่มเปิดซีดีบิวท์อารมณ์ เพลงทะเลสีดำดังขึ้นอีกครั้ง กวางมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว
“นางฟ้าจะกลับบ้าน..นางฟ้าจะกลับบ้าน..สายชลพานางฟ้ากลับเดี๋ยวนี้นะ”
พอลโยกตัวอย่างโอเว่อร์มาก “อย่าเอาแต่ใจสินางฟ้า”
“นางฟ้าจะกลับบ้าน..นางฟ้าจะกลับบ้านน”
กวางทำท่าลุกขึ้นยืนแล้วเจอคลื่นแรงก็พลัดตกเรือ กวางทิ้งร่างลงมาบนพื้นที่มีผ้าบางๆรองอยู่
พอลพูดนิ่งมาก “นางฟ้า”
“คัท” ป้าอ้อยสั่ง “ใส่อารมณ์กว่านั้นพีท ตกใจที่เห็นคนรักตกทะเล...พร้อมนะ..กวางลุกขึ้นยืนแล้วตกทะเลใหม่...5 4 3...”
กวางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“นางฟ้าจะกลับบ้าน...นางฟ้าจะกลับบ้าน”
กวางกลิ้งตกจากเรือ
พอลพยายามใส่อารมณ์มากกว่าเทคเมื่อกี้ “นางฟ้า”
“คัท...ยังน้อยไปพีท..มีอารมณ์ร่วมมากกว่านี้อีก..พร้อมนะ..5 4 3...”
กวางเล่นอีกรอบ
“นางฟ้าจะกลับบ้าน...นางฟ้าจะกลับบ้าน”
กวางกลิ้งตกจากเรือใหม่
พอลเพิ่มอารมณ์ขึ้นอีกนิดแบบใกล้จะสมจริง “นางฟ้า”
“คัท...พีท....ทำไมเล่นเล็กแบบนี้.....เล่นละครน่ะคิดถึงคนที่เค้ามีทีวีจอเล็กมั่งสิ..เล่นแค่นี้ใครเค้าจะเข้าใจว่าคิดอะไรอยู่..เอาใหม่..เล่นให้ใหญ่ขึ้นนะ..5 4 3...”
กวางลุกขึ้นยืนบนเรือด้วยสีหน้าเริ่มเหวี่ยง ในมือของเธอถือสำลีซับเลือดที่รอยถลอกเพราะกลิ้งตกเรือหลายรอบ กวางทิ้งสำลีก่อนกัดฟันเล่นซ้ำอีกรอบ
กวางพูดดด้วยเสียงชักเพลีย “นางฟ้าจะกลับบ้าน..นางฟ้าจะกลับบ้าน”
กวางกลิ้งตัวลงมาอย่างเจ็บปวด
พอลเล่นใหญ่เว่อร์เหมือนประชด “นางฟ้าาา”
ป้าอ้อยทำหน้าปลื้ม
“ดีมากๆ...อุ๊ย..กำลังดี..ธรรมชาติมาก”
พอล งงกับความ”กำลังดี”และ”ธรรมชาติ”ของละครไทย
กวางกับพอลยืนมองหน้ากัน กวางน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง
“สายชลสัญญาใช่มั้ย”
พอลยิ้มน้อยๆ ดูเท่และอบอุ่นเพราะเริ่มอินกับบท
“สัญญา”
พอลค่อยๆยื่นมือไปโน้มหน้ากวางเข้ามาใกล้ๆเพื่อให้จมูกชนกันในท่าสัญญา
พอลเห็นยุงบินหึ่งๆวนอยู่ใกล้ๆ กับกวาง พอลกลอกตาดูยุงทำให้สมาธิเริ่มว่อกแว่ก ยุงกัดแก้มกวาง มือของพอลข้างที่ไม่ได้จับหัวกวางกำแน่น ยุงบนแก้มกวางกระพือปีกไสวเหมือนจะเย้ยพอล พอลทนไม่ไหวจึงเงื้อตบยุงบนแก้มกวางสุดแรง
ป้าอ้อยสั่งดังลั่น “คัทท”
แก้มกวางเป็นรอยนิ้วพอลทั้ง5นิ้วแดงชัด กวางกำลังไหว้ลาป้าอ้อย
กวางพูดเสียงอู้อี้เพราะเจ็บ “งั้นกวางไปหาหมอก่อนนะคะ”
“ค่ะๆ...คิวหน้าเจอกันค่ะ” ป้าอ้อยว่า
พอลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสำนึกผิด กวางสะดุ้งเมื่อเห็นหน้าพอลจึงรีบถอยกรูดห่างพอลโดยอัตโนมัติ
“ขอโทษนะครับ..ผมไม่ตั้งใจจริงๆ..กลัวว่าคุณกวางจะเป็นไข้เลือดออกเลยจะไล่ยุงให้”
กวางหน้าแหย “ขอบคุณมากเลยค่ะ..เอ่อ...ขอตัวก่อนนะคะ”
กวางรีบจ้ำออกไปจากกองในลักษณะนอยด์มาก พอลมองป้าอ้อยและทีมงานอย่างรู้สึกผิด เต้ยที่นั่งดูอยู่เดินเข้าไปให้กำลังใจ
“ใจเย็นๆพี่..สู้ๆครับ”
พอลพยักหน้าอย่างเซ็งๆ
ลูกจันเดินหน้าหงิกมาตามทาง อาร์ตที่นั่งดื่มกาแฟรออยู่รีบถลาเอากุหลาบแดงมาให้
ลูกจันพูดทันที “ไม่เอา”
อาร์ตหน้าเจื่อน “ทำไมละครับ”
เสียงจุ้มจิ้มพูด “ก็พี่ลูกจันไม่ชอบกุหลาบ”
ลูกจันกับอาร์ตหันไปมองเห็นจุ้มจิ้มสะพายกระเป๋ากล้องเดินเข้ามา
“โดยเฉพาะกุหลาบแดงพี่ลูกจันเกลียดมาก” จุ้มจิ้มบอก
“จริงเหรอครับ” อาร์ตถาม
ลูกจันตอบสั้นๆ “อือ”
“แต่พี่พีทบอกว่า...”
จุ้มจิ้มเย้ย “ฮ่าๆๆๆๆ...จะจีบเค้ายังไม่รู้เล๊ยว่าเค้าชอบอะไร..ฮ่าๆๆ”
อาร์ตโกรธ “ไอ้ทอม..แก..”
ลูกจันเสียงแข็ง “หยุด...นี่..วันหลังพี่จะไม่เจอหน้าเธอสองคนพร้อมกันแล้วนะไม่อยากฟังคนเถียงกัน ปวดหัว”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มจ๋อย
ลูกจันเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด “วันนี้พระเสาร์แทรกฉันรึไง มีแต่เรื่องให้หงุดหงิด” ลูกจันนึกได้ “จุ้ม..พี่มีงานให้ทำตามมา”
จุ้มจิ้มรับคำ “ฮะ”
ลูกจันเดินไป จุ้มจิ้มหันมาหาอาร์ตแล้วเย้ย
“เฮ้อ...น่าสงสาร”
อาร์ตหน้าหงิกเพราะเสียหน้ามาก
จุ้มจิ้มมองหน้าอาร์ตแล้วแกล้งทำเป็นตัดสินใจ “เอางี้..ไอ้ของที่พี่ลูกจันชอบน่ะชั้นไม่บอกแกให้โง่หรอก แต่จะบอกเรื่องที่พี่ลูกจันไม่ชอบให้แกได้รู้ไว้เอาบุญละกัน”
อาร์ตทำเป็นไม่สนใจแต่ก็แอบหูผึ่ง
“มีอยู่ 2 อย่างที่พี่ลูกจันไม่ชอบและไม่มีวันชอบคือ 1.ดอกกุหลาบสีแดง และ2.” จุ้มจิ้มยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผู้ชายผมยาว”
อาร์ตสะดุ้งกับข้อมูลใหม่
จุ้มจิ้มยักคิ้วกวนๆ “ทีนี้เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมแกถึงจีบพี่ลูกจันไม่ติดซักที ฮ่าๆๆ”
จุ้มจิ้มเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะกวนอารมณ์ อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างหงุดหงิดแล้วหันกลับมาครุ่นคิด เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ลูกจันเดินมาถึงหน้าห้อง จุ้มจิ้มเดินตามมา อุ่นเรือนที่นั่งพิมพ์เอกสารอยู่เห็นลูกจันเดินมาก็รีบหยิบสมุดคิวจะตามเข้าไปรายงาน แต่พอเห็นจุ้มจิ้มเดินตามลูกจันมาเลยทักด้วยอาการตื่นเต้น
“จุ้ม..พี่เห็นรูปที่จุ้มถ่ายแบบแล้วนะสวยมากเลย”
จุ้มจิ้มอาย “แต่จุ้มว่ามันดูตลกยังไงก็ไม่รู้”
“ตลกตรงไหน สวยจะตาย...เฮ้อออ..พี่ล่ะอยากเป็นเหมือนจุ้มมั่งจังเลย” อุ่นเรือนบอก
ลูกจันดุ “ทำไมต้องอยากเป็นคนอื่นด้วย เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด แล้วก็เลิกดูถูกตัวเองซะที..ท่องคาถาที่พี่เคยให้ไว้เดี๋ยวนี้”
อุ่นเรือนมองลูกจันอย่างกลัวๆแล้วก็รีบท่อง
“ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันสวย ฉันเก่ง”
“ท่องไปจนกว่าจะเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ” ลูกจันพูดกับจุ้มจิ้ม “จุ้มเข้ามาคุยกับพี่หน่อย”
จุ้มจิ้มเดินตามลูกจันเข้าไปในห้องทำงาน อุ่นเรือนยังพยายามสร้างความเชื่อให้ตัวเองตามคำสั่งลูกจัน
“..ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันสวย ฉันเก่ง..”
ลูกจันเดินเข้ามาในห้องด้วยความหงุดหงิด
“พี่อยากหาตัวคนที่รายงานเรื่องทีมเราออกกองให้บอสรู้..ช่วยหาตัวให้หน่อยถ้ามีหลักฐานประกอบจะเริ่ดมาก”
จุ้มจิ้มคิดๆ “พอมีทางฮะ”
“งั้นก็รีบไปจัดการเลย”
“ฮะ..” จุ้มจิ้มนึกได้ “อ้อ..พี่ลูกจันฮะเมื่อเช้าตอนจุ้มไปทำคอลัมน์เซเลบโซ้ยแหลกจุ้มเจอพี่พีทกับป้าภาที่คอนโดนั้นด้วยฮะ”
ลูกจันหัวเราะ “มั่วแล้วจุ้ม ป้าภาไปวัดตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ส่วนพีทวันนี้มีถ่ายละครแถวนครนายกโน่น”
จุ้มจิ้มชักลังเล
“เอ...จุ้มก็เห็นแต่ด้านหลังไม่ได้ทักซะด้วย สงสัยจำคนผิดจริงๆฮะ....งั้นเดี๋ยวจุ้มรีบไปหาตัวคนที่ฟ้องบอสก่อนนะฮะ”
ลูกจันพยักหน้าด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
มินตรากับปีโป้เดินมาตามทาง
“เชอะ...เพิ่งจะถ่ายปกเสร็จเมื่อวาน พอวันนี้ทำเป็นจิกเรียกประชุม คงอยากโชว์พาวให้บอสเห็นว่าขยันมาก” ปีโป้ว่า
“ขนาดแอบออกกองโดยพละการบอสยังไม่ว่าอะไร แถมชมอีกต่างหาก บอสลำเอียง” มินตราบอก
“นั่นสิ...นังจุ้มก็ดันแต่งออกมาแล้วสวยเช้งอีก ดวงมันดีจริงๆ...แต่ยังไงก็ต้องมีวันของเรามั่งล่ะ”
มินตราพยักหน้าอย่างมีความหวัง ต๋อยกับแซนดี้ที่จะไปประชุมเดินเลี้ยวมาจากทางหนึ่ง พนักงานส่งของถือกล่องของขวัญพลาสติกใสเดินสวนมาโดยมีการ์ดใบหนึ่งติดบนกล่อง ส่วนของในกล่องคือตะกร้อครอบปากหมาสีสด ต๋อยกับแซนดี้ที่เดินสวนกับพนักงานส่งของมองของในกล่องด้วยความตกใจ
“ดูของในกล่องสิ”
แซนดี้ตกใจ “ตะกร้อครอบปากหมา”
พนักงานส่งของเดินผ่านไป มินตรากับปีโป้เดินสวนพนักงานส่งของ แล้วมองของขวัญในกล่องอย่างตกใจเช่นกัน
“ต๊าย..ตะกร้อครอบปาก แร็งง..เป็นของขวัญที่แร็ง” ปีโป้ว่า
“สงสัยไปปากยื่นปากยาวเรื่องชาวบ้าน คู่กรณีเลยส่งมาให้” มินตราบอก
“ไปดูกันดีกว่าว่าของขวัญใคร”
ปีโป้จูงมือมินตราเดินตามพนักงานส่งของไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
พนักงานส่งของเดินมาเคาะประตูห้องมินตรา มินตรากับปีโป้ที่ย่องตามพนักงานส่งของหันมามองกันด้วยความตกใจ ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ห้องเธอ!! / ห้องฉัน!!”
“บ้า..ส่งผิดแน่ๆ” มินตราว่า
มินตราเดินไปหาพนักงานส่งของ ปีโป้รีบเดินตาม
“เอาของมาส่งให้ใคร” มินตราถาม
พนักงานอ่านชื่อที่กล่อง “คุณมินตราครับ”
“ของเธอจริงๆด้วย” ปีโป้ถามพนักงาน “ใครส่งมา”
“ชื่อคนส่งอยู่ในการ์ดครับ”
มินตรารีบดึงการ์ดออกมาอ่าน ปีโป้รีบยื่นหน้าไปอ่านด้วย
“ครอบปากไว้ซะวันหลังจะได้ไม่แส่เรื่องชาวบ้านอีก..ลูกจัน”
มินตรากระชากกล่องของขวัญจากพนักงานแล้วเดินออกไปด้วยความโกรธจัด ปีโป้รีบเดินตามไปอย่างตื่นเต้น
ต๋อยกับแซนดี้เดินเข้ามาแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นคนเยอะมาก ต๋อยเดินไปพูดกับลูกจันอย่างงงๆ
“นึกว่าประชุมแต่กองเรา..คุณลูกจันเรียกประชุมทั้งบริษัทเลยเหรอคะ”
ลูกจันรับคำ “ค่ะ”
“เรื่องคอขาดบาดตายรึเปล่าคะ” แซนดี้ถามต่อ
ลูกจันยิ้มสะใจ “มีคนคอขาดแน่”
ต๋อยกับแซนดี้มองลูกจันอย่างงงๆ มินตราที่มีสีหน้าโกรธจัดถือกล่องของขวัญเดินเข้ามา ปีโป้เดินตามมาติดๆ มินตราโยนกล่องของขวัญลงบนโต๊ะหน้าลูกจัน
“หมายความว่าไง” มินตราถาม
ทุกคนในห้องประชุมมองเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
ลูกจันลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับมินตราอย่างไม่กลัว
“ก็หมายความว่า เธอควรใช้ไง...จะได้ไม่ต้องคาบเอาเรื่องการทำงานในกองเซเลบไปฟ้องบอส ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกองทีนคลับของเธอเลย”
ปีโป้หน้าเจื่อนและท่าทางมีพิรุธ ส่วนมินตราจ๋อยแต่ยังปากแข็ง
“เธอพูดอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง ชั้นไม่ว่างไปยุ่งเรื่องของหนังสือเธอหรอก”
ลูกจันยิ้มเหี้ยม “อ๋อเหรอ” ลูกจันพูดกับจุ้มจิ้ม “จุ้ม”
“ฮะ”
จุ้มจิ้มดิมไฟในห้องแล้วกดรีโมท ภาพในจอโปรเจคเตอร์ปรากฏขึ้นเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด
“นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของออฟฟิศเมื่อวานนี้” ลูกจันอธิบาย
หน้าจอเป็นภาพมินตราชะเง้อรอ วิมาดาเดินเข้ามา มินตรารีบเข้าไปพูดอะไรบางอย่าง มินตรา ปีโป้ มองภาพในจอด้วยอาการตกใจ
ลูกจันกับจุ้มจิ้มมองภาพในจอแล้วยิ้มสะใจ คนอื่นๆมองภาพอย่างตั้งใจดูว่าจริงอย่างที่ลูกจันพูดรึเปล่า
วิมาดามีสีหน้าโกรธจัดแล้วเดินออกจากออฟฟิศไป มินตรายิ้มร้าย จุ้มจิ้มฟรีซภาพค้างไว้ตรงนั้น ทุกคนหันมามองมินตราอย่างตำหนิ มินตรามองทุกคนด้วยความตกใจ ปีโป้ขยับตัวออกห่างไม่ยอมช่วยมินตรา
มินตราอึกอัก “เอ่อ...ฉัน....ฉันแค่..คุยธุระเรื่องทีนคลับกับบอส ไม่ได้พูดเรื่องกองเซเลบซักหน่อย”
“บอสบอกฉันแล้วว่ารู้เรื่องจากเธอ..แต่ไอ้ที่เอากล้องวงจรปิดมาเปิดเนี่ย..เพราะอยากให้ได้เห็นกันทั่วๆ ว่าเวลาคนเราแทงข้างหลังคนอื่นน่ะ สีหน้าท่าทางมันน่าเกลียดขนาดไหน”
ทุกคนหันไปดูภาพมินตรายิ้มร้ายที่ฟรีซอยู่ แล้วมองมินตราด้วยอาการรังเกียจ มินตราหน้าเจื่อน เธอมองปีโป้อย่างขอความช่วยหลือ ปีโป้แอบส่งสายตาไล่ให้มินตรากลับไปก่อน มินตรามองทุกคนอย่างอับอายแล้วจะเดินออกจากห้อง
ลูกจันเรียกไว้ “เดี๋ยว”
มินตราชะงักหันมามองลูกจัน
“เธอลืมของ”
ลูกจันเอากล่องของขวัญยื่นให้มินตรา มินตรามองลูกจันอย่างแค้นใจสุดๆ แต่ไม่รับกล่องของขวัญ แล้วเธอก็สะบัดพรึ่ดเดินออกไป ลูกจันกับจุ้มจิ้มหัวเราะลั่นห้องด้วยความสะใจ คนอื่นๆในห้องซุบซิบถึงมินตราว่าสมควรแล้วที่ได้รับของขวัญแบบนี้ ปีโป้มองลูกจันอย่างแค้นใจ
ประตูห้องพีทเปิดออก ลูกจันเห็นพอลในสูทเต็มยศหันหน้ามาอย่างหล่อมาก รัศมีระยิบระยับ ลูกจันในชุดเดินทะเลอโลฮ่าพร้อมแว่นดำยืนอ้าปากค้าง พอลยิ้มเขินๆ เพราะมั่นใจว่าลูกจันตะลึงกับความหล่อของตนอง
“กรี๊ดดด” ลูกจันร้องออกมา
พอลสะดุ้งเฮือก
“แกแต่งชุดอะไรของแกยะเนี่ย”
พอลงง “ก็สูทไง จะต้องไปงานไม่ใช่เหรอ”
ลูกจันเบื่อหน่าย “แกไหวมั้ยพีท คืนนี้งานเค้าคอนเส็ปต์”ลั้นลาท้าแดด” จัดเป็นปาร์ตี้ชายหาดย่ะ..แล้วแกจะมาใส่สูทอาไร้”
พอลอึ้งและพยายามแก้ตัว “เอ่อ...อ๋อ..เออใช่ๆ...ผม..เอ๊ย...ชั้นลืมน่ะ..เอ่อ..เดี๋ยวชั้นหาชุดใหม่แป๊บนึง”
“ไม่ต้อง” ลูกจันยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวชั้นจัดให้”
ลูกจันทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินย่างสามขุมเข้าหาพอล
ลูกจันฉีดน้ำหอมกลิ่นประจำตัวของพีทใส่พอลแล้วก็ยิ้มปลื้ม พอลเซ็งมาก พอลอยู่ในชุดเกย์นิยมเดินทะเล นั่นคือกางเกงขา 3 ส่วนสีสด เสื้อลายหวาน ถุงน่องรองเท้าและหมวกครบเครื่อง พอลและลูกจันพูดพร้อมกัน
“เพอร์เฟค/ เยอะไปมั้ย”
“เยอะอะไรยะ..นี่ยังขาดแว่นกันแดดนะ อยู่ไหนอ่ะ”
ลูกจันเดินหาแว่นกันแดดให้พอล แต่เพราะใส่แว่นดำไว้เลยสะดุดขาตัวเองหัวทิ่ม พอลเอื้อมมือไปดึงลูกจันไว้ได้ก่อนหน้าทิ่มพื้นส่ายหน้าด้วยอาการเบื่อหน่าย
“ไม่ต้องหรอก จะมาใส่แว่นกันแดดอะไรตอนทุ่มกว่า”
“อ้าว..ไม่ใส่แว่นกันแดดแล้วจะเข้ากับคอนเส็ปต์”ลั้นลาท้าแดด”ได้ไง”
“ช่างมันเถอะ ไม่เข้าคอนเส็ปต์แต่ไม่เดินสะดุดก็แล้วกัน”
ลูกจันค้อน “ตามใจย่ะ เอาท์แล้วอย่ามาบ่นนะยะ..เอ้าไปกันได้แล้ว”
ลูกจันเดินนำออกจากห้อง พอลมองลูกจันที่เดินคลำทางเพราะเห็นไม่ชัดอย่างสมเพช
“คนบ้าอะไร ใส่แว่นดำตอนกลางคืน” พอลว่า
บรรยากาศภายในงานเป็นชายหาดจำลอง เซเลบทุกคนแต่งตัวเดินทะเลและใส่แว่นดำ พอลอึ้ง ความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการใส่แว่นดำ มีทั้งคนเดินสะดุด เดินชนกันเอง หยิบแก้วพลาดจนเครื่องดื่มหก ทักกันผิด กว่าจะเรียกชื่อกันถูกก็ต้องจ้องมองจนจมูกแทบชนกันดูลำบากลำบนมากแต่ก็ไม่มีใครยอมถอดแว่นดำ พอลไม่เข้าใจในวิถีเซเลบ
ลูกจันเดินอย่างมาดมั่นเข้าไปในงาน พอลเดินตามหน้าตาตื่นๆ นักข่าวกรูมาขอถ่ายรูปคู่พอลกับลูกจัน ลูกจันโพสอย่างเป็นงานในขณะที่พอลดูเคอะเขิน กุ๊กไก่ไฮโซเจ้าของงานรีบเดินเข้ามาทักทาย
“คุณลูกจัน คุณพีท ขอบคุณนะคะที่มาร่วมงาน”
“ยินดีด้วยนะคะคุณกุ๊กไก่”
ลูกจันและกุ๊กไก่กอดทักทายแบบเอาแก้มแนบแก้มดูเป็นฝรั่งมากมาย พอลต้องพลอยทำตามแบบเกร็งๆไปด้วย
“เป็นไงคะคุณพีท ครีมกันแดดที่กุ๊กไก่ส่งไปให้ลอง ใช้ดีมั้ยคะ” กุ๊กไก่ถาม
พอลตะกุกตะกัก “เอ่อ..ก็..ก็ดีครับ”
“แหม..ดีจังค่ะ ตอนนี้กุ๊กไก่เปิดจากตลาดผู้หญิงก่อน แต่อีกซักพักจะเปิดตลาดผู้ชาย..ตอนนั้นคุณพีทต้องมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กุ๊กไก่นะคะ”
พอลยิ้มแหยๆ แล้วพยักหน้ารับไปส่งๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงฮือฮาของนักข่าว พร้อมเสียงแฟลชรัวๆ
อิงอรในชุดโป๊มากเดินควงมากับณัฐด้วยท่าทางมีความสุขที่ดึงความของนักข่าวสนใจได้ ทั้งคู่เดินตรงมาที่ลูกจันที่ยืนอยู่กับพอลและกุ๊กไก่
“สวัสดีครับคุณกุ๊กไก่ ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณณัฐ” กุ๊กไก่พูดกับอิงอร “แหม..สวยไม่ยอมกันเลยนะคะคุณอิงอร” กุ๊กไก่หมั่นไส้นิดๆที่โดนแย่งซีน
“แหม...งานคุณกุ๊กไก่ทั้งทีต้องจัดเต็มสิคะ” อิงอรหันไปทักลูกจัน “สวัสดีค่ะคุณแจ่มจันทร์”
ทุกคนงงกับชื่อแจ่มจันทร์
“อุ๊ย...ลืมไปว่าตอนนี้” อิงอรเน้นเสียง “คุณแจ่มจันทร์เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นจันทร์เคียงดาวแล้ว...แหม..ดูดีขึ้นเยอะเลยนะคะ”
ลูกจันโกรธแต่พยายามระงับอารมณ์ เธอรู้ว่าเรื่องชื่อแจ่มจันทร์ต้องมาจากณัฐ
ขอบคุณค่ะ จมูกใหม่ของคุณก็ดูดีขึ้นเหมือนกันนะคะ เอ๊ะ.. แต่หน้าอกรู้สึกจะยังไม่ค่อยเท่ากัน ว่างๆลองเปลี่ยนหมอดูนะคะ”ลูกจันยิ้มเย้ย
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนแอบหัวเราะคิกคัก อิงอรทั้งโกรธทั้งอาย
ลูกจันพูดกับณัฐ “อ้อ..คุณณัฐคะ ลูกน้องดิฉันที่คุณโทรไปขอซื้อตัวเค้าฝากบอกมานะคะว่า..ไม่ไปค่ะ...เค้าสมัครใจจะทำงานกับเซเลบต่อเพราะดูมีอนาคตกว่าไลม์เยอะ”
ลูกจันพูดจบแล้วก็ควงแขนพอลออกไป โดยมีกุ๊กไก่เดินไปด้วย ณัฐอึ้งเพราะไม่คิดว่าลูกจันจะทิ้งระเบิดต่อหน้านักข่าว นักข่าวฮือฮากับข่าวใหม่
“คุณณัฐติดต่อซื้อตัวคนของเซเลบจริงเหรอคะ”
ณัฐอึกอัก “เอ่อ..มะไม่จริงหรอกครับ”
“อ้าว..แล้วที่คุณลูกจันพูดเมื่อตะกี้ล่ะคะ”
“เอ่อ..คงเป็นความเข้าใจผิดมากกว่าครับ....เอ่อ..ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ณัฐรีบดึงอิงอรเดินออกไปจากกลุ่มนักข่าวด้วยสีหน้าเครียด
มินตราเดินหน้าเครียดออกมาที่หน้าบริษัทเพื่อจะกลับบ้าน ปีโป้เดินตามมาติดๆด้วยท่าทางพยายามปลอบใจมินตรา แซนดี้กับต๋อยเพิ่งกลับจากข้างนอกก็เห็นมินตราและปีโป้
ภาพในหัวแซนดี้ เป็นภาพที่แซนดี้เห็นมินตราเดินเห่าเสียงบ๊อกๆมาตลอดทาง ปีโป้หยิบตะกร้อครอบปากที่ลูกจันซื้อให้ครอบไปที่ปากมินตรา มินตราพยายามจะเห่าแต่ไม่ถนัดจึงดูทุลักทุเลมาก
แซนดี้หัวเราะลั่นกับจินตนาการของตัวเอง มินตราหันขวับไปมองแซนดี้อย่างไม่พอใจ
มินตราถาม “หัวเราะอะไร”
“พอดีแซนดี้จินตนาการสูงน่ะค่ะ เห็นหน้าพี่มินก็นึกเลยเถิดไปถึงตอนพี่มินใช้ของขวัญที่พี่ลูกจันส่งให้”
มินตราโกรธ “นี่เธอกำลังคิดว่าฉันใส่ตะกร้อครอบปากหมาเหรอ”
แซนดี้พยักหน้ารับ ต๋อยหัวเราะ
“นี่แซนดี้ มินเค้าแก่...” ปีโป้แนะนำ
มินตราหันขวับมามองปีโป้อย่างไม่พอใจ
“เอ๊ย....โตกว่าเธอตั้งหลายปี จะพูดจะจาอะไรให้เกียรติเค้าบ้างนะยะ” ปีโป้ว่า
ต๋อยพูดนิ่งๆ “ขี้ฟ้อง จ้องจะทำลายเพื่อนร่วมงาน ยังจะมีเกียรติอะไรให้เด็กมันนับถือล่ะคะ”
มินตรามองต๋อยกับแซนดี้อย่างไม่พอใจ แล้วเดินจากไปด้วยความโมโห ปีโป้รีบเดินตาม แซนดี้กับต๋อยหันมายิ้มให้กันแล้วตีมือไฮไฟว์กันอย่างสะใจ
อาร์ตนั่งหัวเราะอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“ฮ่าๆๆ”
ภาพในจอเป็นรูปจุ้มจิ้มที่อาร์ตกำลังใช้เทคนิคขยายก้นและหน้าอกให้ตู้มเว่อร์ อาร์ตนั่งหัวเราะขำอยู่คนเดียว แต่จู่ๆก็โดนผลักอย่างแรงจนหน้าทิ่มเกือบตกเก้าอี้ อาร์ตหันไปดูเห็นจุ้มจิ้มยืนทำหน้าโกรธจัด
“ไอ้ลามก...ไอ้โรคจิต”
จุ้มจิ้มจะเข้าไปซ้ำ
อาร์ตลุกพรวดแล้วถอยไปตั้งหลัก “เฮ้ยยๆๆ...ไรกันเนี่ย...ฉันอยู่ดีๆแกมาทำร้ายร่างกายฉันทำไมเนี่ย”
“ก็แกเติม...” จุ้มจิ้มอายมากไม่กล้าพูดคำว่าหน้าอก “เอ่อ..เติม..เติมของฉัน ทำไม”
“อ๊าว...ก็ฉันเป็นฝ่ายศิลป์อ่ะ ฉันมีหน้าที่ทำให้รูปในหนังสือสวยที่สุด...นางแบบมีไฝฝ้าราคีฉันก็ต้องลบ....นางแบบไม่มี” อาร์ตปรายตามองหน้าอกจุ้มจิ้มกวนๆ “ไม่มี..ที่ควรจะมี ฉันก็ต้องเติมให้มันดูใหญ่ขึ้น”
“แต่ฉันไม่อยากให้มันใหญ่ แกห้ามเติม”
“แต่คนซื้อเค้าอยากดูใหญ่ๆอ่ะ ถ้าฉันไม่เติมแล้วยอดขายตก ฉันก็โดนพี่ลูกจันด่าน่ะสิ”
อาร์ตเดินกลับไปหน้าคอมพิวเตอร์แล้วทำท่าจะเติมหน้าอกจุ้มจิ้มต่อ
จุ้มจิ้มโกรธมาก “ไอ้อาร์ต...ถ้าแกเติมฉันเตะ”
อาร์ตขู่ “ถ้าแกเตะฉันจูบ” อาร์ตหันกลับไปแต่งภาพต่อ
จุ้มจิ้มพุ่งเข้าไปเหมือนจะเตะอาร์ต อาร์ตหลบทำให้จุ้มจิ้มเสียหลักหัวทิ่ม อาร์ตเลยรวบตัวจุ้มจิ้มมาไว้บนตักก่อนที่จุ้มจิ้มจะล้ม จุ้มจิ้มช็อคเพราะนี่เป็นครั้งแรกกับการนั่งตักผู้ชาย อาร์ตยังงงๆ เพราะเป็นครั้งแรกกับการมีทอมนั่งตัก เสียงกรี๊ดของแซนดี้ดังแทรกอารมณ์ขึ้นมา
“ว๊าย.....ทำอะไรกันน่ะ”
จุ้มจิ้มกับอาร์ตสะดุ้งมองหน้ากัน จุ้มจิ้มกระเด้งตัวออกจากตักอาร์ตทันที แซนดี้กับต๋อยมองทั้งคู่อย่างสงสัย
“คือ..ไอ้อาร์ตน่ะฮะมันมายุ่งกับหน้าอกจุ้ม”
แซนดี้กะต๋อยช็อค “ห๊า”
จุ้มจิ้มฟ้อง “แล้วมันก็ขู่ว่าจะจูบจุ้ม”
แซนดี้กับต๋อยตกใจ “คุณพระ”
แซนดี้มองอาร์ตอย่างผิดหวัง “ไม่นึกเลยว่าอาร์ตจะเป็นคนแบบนี้ ทอมก็ยังไม่เว้น”
ต๋อยมองอาร์ตอย่างตำหนิ “อาร์ตไม่ควรทำรุ่มร่ามแบบนี้ในที่ทำงานนะ”
“โอ๊ยย...ไปกันใหญ่แล้ว” อาร์ตพูดกับจุ้มจิ้ม “นี่ไอ้ทอม แกเล่าเรื่องให้มันครบๆได้มั้ย”
จุ้มจิ้มยักไหล่เพราะสะใจที่อาร์ตโดนว่า แซนดี้กับต๋อยมองทั้งคู่อย่างงงๆ
ต๋อยกับแซนดี้หัวเราะ ในขณะที่จุ้มจิ้มยืนหน้างอ
“ขืนปล่อยรูปไปตามธรรมชาติ คนอ่านเค้าก็จะหาว่าเราเอากระเบื้องยิปซั่มมาขึ้นปกน่ะสิ” อาร์ตว่า
จุ้มจิ้มโกรธจึงจะถลาเข้าไปหาอาร์ต “แก...”
ต๋อยดึงจุ้มจิ้มไว้
“เอาน่าจุ้ม สปิริตหน่อย ปล่อยให้อาร์ตเค้าปรับแต่งตามที่เค้าเห็นว่าสวยเถอะ มันเป็นหน้าที่ของเค้า”
จุ้มจิ้มจะเถียง “แต่......”
“คิดว่าทำเพื่อพี่ลูกจันก็แล้วกันนะจุ้ม” แซนดี้บอก
พอได้ยินชื่อลูกจัน จุ้มจิ้มก็เสียงอ่อนลงทันที
“ถ้าเพื่อพี่ลูกจัน...ก็ได้ฮะ..” จุ้มจิ้มพูดกับอาร์ต “แต่ถ้าแกทำให้ฉันดูน่าเกลียดมากล่ะก็..แกเจอดีแน่”
อาร์ตยักไหล่กวนใส่คล้ายจะบอกว่ากลัวซะที่ไหน
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
พอลนั่งหน้าตาล่อกแล่กปนเซ็งอยู่ในงาน มีเสียงคนเรียกดังจากข้างหลัง
“พีท”
พอลหันกลับไปมองก็เห็นหมู ชายหนุ่มแต่งตัวจัดคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่
“ดูข้างหลังเกือบจำไม่ได้แน่ะ ล่ำขึ้นนะเรา ฟิตหุ่นมาสิท่า”
พอลงงๆ “เอ่อ...ครับ”
“ดีๆ ตอนเดินแบบให้พี่จะได้หล่อๆ เดี๋ยวเอาไว้ใกล้ๆฟิตติ้งพี่จะให้เด็กโทรหาอีกทีนะ”
“....เอ่อ...ครับ”
หมูเดินจากไป ลูกจันเดินเข้ามา
“อ้าว...พี่หมูไปไหนแล้วล่ะ”
“หมูไหน” พอลงง
“ก็พี่หมู อาซาว่าไง ที่ยืนคุยอยู่กับแกตะกี้อ่ะ”
พอลยังมีสีหน้างงๆ
“อย่าบอกนะว่าแกจำเค้าไม่ได้ เดือนที่แล้วแกเพิ่งถ่ายแบบเสื้อให้เค้านะพีท”
พอลพยายามแก้ตัว “จำด๊าย...ทำไมจะจำไม่ได้ ก็..ก็พี่หมูไง”
ลูกจันมองหน้าพอลแล้วก็สงสัยในความแปลกไป พอลหลบตาแล้วชิ่งทันที
“เอ่อ...หิวน้ำ..เดี๋ยวไป หาน้ำกินก่อนนะ”
พอลเดินออกไป ลูกจันเดินตามไปห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง
พอลเดินมาหยิบน้ำในถาดที่บริกรถืออยู่ ลูกจันเดินตามมา แฟรงกี้เดินมาเห็นพอลก็ชะงัก พอลเห็นแฟรงกี้พอดีก็มองอย่างสงสัย แฟรงกี้หลบตาแล้วรีบเดินไป
พอลพูดกับลูกจัน “คนนั้นใคร”
“แฟรงกี้” ลูกจันจ้องหน้าพอล “เพิ่งเดินแบบด้วยกันไม่กี่วันจำเค้าไม่ได้แล้วเหรอ..แกอย่าบอกนะว่ายาแก้หวัดทำให้แกเบลอขนาดนี้”
พอลพยายามแก้ตัว “..ไม่ใช่..คือ..ก็...ก็มันมืดน่ะ ฉันเลยไม่แน่ใจไงว่าใช่แฟรงกี้รึเปล่า...เอ่อ..เดี๋ยวฉันมานะ”
พอลเดินออกไป ลูกจันมองตามพอลอย่างกังวลแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นเดือนวดียืนอยู่กับสาโรจน์ สาโรจน์มองตามหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินผ่านไป สาโรจน์มองหนุ่มคนนั้นยิ้มหวานแล้วกระซิบกับเดือนวดีอย่างสนิทสนม
เดือนวดียิ้มขำพยักหน้า สาโรจน์เดินตามเด็กหนุ่มคนนั้นไป ลูกจันมองเดือนวดีคิดๆ แล้วก็ได้ไอเดีย ลูกจันหันไปขยิบตาให้กล้องปิ๊งๆ
แฟรงกี้เดินดุ่มๆอย่างรีบร้อนแล้วเลี้ยวไปทางหนึ่ง พอลเดินตามมาไม่เห็นแฟรงกี้แล้ว พอลมองหาแล้วก็เดินออกไป
พอลเดินหาแฟรงกี้ด้วยอาการร้อนใจ พอเห็นแฟรงกี้ยืนดื่มไวน์หน้าเครียดในมุมลับตามุมหนึ่ง พอลก็รีบเดินไปหา
“แฟรงกี้”
แฟรงกี้หน้าซีด “พี่พีท”
พอลพยายามสังเกตท่าทางของแฟรงกี้ “เป็นไง สบายดีเหรอ”
แฟรงกี้หลบตา “เอ่อ..สะ..สบายดีครับ”
“งั้นเดี๋ยวคุยกันหน่อยสิ”
“เอ่อ..ผม..ผม..คืนนี้ผมต้องเป็นพิธีกร เดี๋ยวต้องไปรับบรีฟงานก่อน..เอ่อ..ขอตัวก่อนนะครับ”
แฟรงกี้จ้ำอ้าวออกไป พอลมองตามอย่างสงสัยในพิรุธของแฟรงกี้
เดือนวดีเพิ่งโพสต์ท่าให้นักข่าวถ่ายรูปจนเสร็จ
ลูกจันเดินมาไหว้ “สวัสดีค่ะคุณพี่เดือนวดี”
เดือนวดีรับไหว้ “อ้าว..หนูลูกจัน นี่พี่อ่านหนังสือหนูแล้วนะ...แซ่บมาก...หนูเขียนถึงผู้ชายได้สะใจมากจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ..เอ่อ..จันขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะเรื่อง”
เดือนวดีรีบแทรก “เรื่องหย่าน่ะเหรอ...โอ๊ยย...เสียจงเสียใจอะไรจ๊ะ..ต้องแสดงความยินดีสิไม่ว่า ที่พี่ได้ขึ้นจากขุมนรกซักที”
“จันคิดว่าประสบการณ์เรื่องชีวิตคู่ของคุณพี่น่าจะมีประโยชน์กับผู้หญิงหลายคน คุณพี่จะกรุณาให้สัมภาษณ์เปิดใจกับเซเลบได้มั้ยคะ”
เดือนวดีแปลกใจ “เปิดใจ?”
“ใช่ค่ะ..เปิดใจเรื่องที่คุณพี่บอกว่าเหมือนขึ้นจากขุมนรก จันจะให้คุณพี่ขึ้นปกปักษ์หน้า คอนเส็ปต์ในเล่มเป็นเรื่องของนักสู้ จันจะมีบทสัมภาษณ์พิเศษคุณพี่..จันมั่นใจว่าการต่อสู้ในชีวิตแต่งงานของคุณพี่ต้องแซ่บยิ่งกว่าหนังสือที่จันเขียนแน่ๆ”
เดือนวดีลังเล “จะดีเหรอหนู”
“ดีสิคะ โลกจะได้รู้จักอดีตสามีคุณพี่ดีขึ้น สะใจดีออกนะคะ”
เดือนวดียิ้ม “หนูนี่มันฉลาดพูดจริงๆ น่าสนใจตรงที่ได้สะใจนี่แหละ...ตกลงจ้ะ พี่ยินดี”
“ขอบคุณค่ะ งั้นจันจะให้ทีมงานโทรไปนัดวันถ่ายกับเลขาของคุณพี่นะคะ”
ลูกจันยิ้มดีใจที่กล่อมเดือนวดีสำเร็จ ณัฐแอบดูลูกจันคุยกับเดือนวดีด้วยความสงสัย คุณหญิงคนหนึ่งเดินมาทักเดือนวดี ลูกจันขอตัวออกไปอย่างมีมารยาท ณัฐมองลูกจันแล้วก็คิดๆ ก่อนจะเดินตามไป
ลูกจันยืนอยู่หยิบน้ำหอมมาฉีดที่ข้อมือ แตะซอกคอ แล้วเดินไปอย่างมั่นใจ ลูกจันเดินผ่านณัฐที่แอบอยู่หลังกระถางต้นไม้ปลอม
“ลูกจัน”
ลูกจันได้ยินเสียงณัฐก็ถอนหายใจเซ็งๆแล้วหันไปมอง ณัฐเดินมาหาจับมือแล้วจ้องหน้าลูกจัน ลูกจันมองณัฐที่จับมืออย่างเซ็งๆ อย่างอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหน
“พี่คิดถึงลูกจันมากนะคะ”
ลูกจันมองณัฐอย่างเจ็บปวดแล้วรีบทำสีหน้าปกติเอามือออกจากณัฐอย่างเย็นชา
“คิดถึงว่าจะล้มยอดขายหนังสือฉันยังไงน่ะเหรอ”
“โธ่..ลูกจัน พี่ไม่เคยคิดว่าลูกจันเป็นคู่แข่งเลยนะคะ สำหรับพี่อย่างเดียวที่ลูกจันเป็นได้..คือเป็นคนที่พี่รัก”
ลูกจันอึ้งและมีแววตาอ่อนลง ณัฐสังเกตเห็นอาการของลูกจันจึงรีบดึงลูกจันเข้ามากอด ลูกจันหวั่นไหว
ณัฐมองตาลูกจันแล้วค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาจะจูบ ลูกจันมีสติขึ้นมาอย่างกะทันหัน ลูกจันมองณัฐอย่างเจ็บปวด แล้วผละออกมาตีเข่าเข้าที่เป้าณัฐเต็มแรง
ณัฐกุมเป้าอย่างเจ็บปวด “โอ้ย”
ณัฐจุกจนลงไปกอง ลูกจันมองณัฐอย่างสะใจ
“แต่สำหรับฉัน อย่างเดียวที่คุณเป็น...คือเป็นคนที่ฉันเกลียด”
ลูกจันยิ้มเยาะใส่ณัฐแล้วหันหลังกลับ ลูกจันมีสีหน้าเจ็บปวดแล้วรีบทำสีหน้าปกติเชิดหน้าแล้วเดินไปอย่างมั่นใจ ณัฐยังจุกมองลูกจันอย่างแค้นใจ
ทีมงาน สเตจ ยืนทำงานตามหน้าที่ พอล เดือนวดี สาโรจน์ อิงอร และเซเลบอื่นๆ นั่งเก้าอี้หน้าเวที นักข่าวถ่ายภาพบรรยากาศและแขกในงาน อิงอรชะเง้อมองหาณัฐอย่างร้อนใจ แฟรงกี้ทำหน้าที่พิธีกรถือไมโครโฟนเดินออกมา ทุกคนในงานปรบมือ
พอลปรบมือจ้องแฟรงกี้ที่ทำหน้าที่พิธีกรตาเขม็ง แฟรงกี้รู้สึกว่าพอลมองอยู่จึงมองพอลอย่างกลัวๆแล้วหลบตารีบทำหน้าที่
“สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านสู่งาน ลั้นลาท้าแดด โดยkookai ครีมกันแดดใหม่ที่กำลังจะได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก”
ลูกจันเดินเข้ามาในงานแล้วเดินไปนั่งข้างพอล
แฟรงกี้พูดต่อ “ตอนนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับสาวสวยเจ้าของผลิตภัณฑ์...คุณกุ๊กไก่ครับ”
ทุกคนปรบมือ
กุ๊กไก่พูด “กุ๊กไก่ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่ให้เกียรติมาร่วมลั้นลาท้าแดดกับครีมกันแดดkookaiในวันนี้”
ลูกจันนั่งข้างพอลแล้วมองพอลที่จ้องแฟรงกี้ไม่วางตา
ลูกจันกระซิบ “ฉันเห็นแกจ้องแฟรงกี้ตั้งนานแล้วนะ..อยากกินเหรอ”
พอลพยักหน้าไปส่งๆ “ได้ก็ดี”
ลูกจันหันมองแฟรงกี้ก็เห็นแฟรงกี้หลบตาพอลวูบ
“แต่แฟรงกี้หลบตาแกตลอดเลย ท่าทางจะไม่ใช่พวกเดียวกับแกนะ”
ลูกจันหัวเราะขำ พอลมองลูกจันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างเซ็งๆ
กุ๊กไก่พูด “สำหรับแขกพิเศษที่นั่งแถวหน้า เดี๋ยวซักครู่ขอเชิญขึ้นมาโพสต์ท่าทาครีมกันแดดkookaiด้วยกันนะคะ”
อิงอรชะเง้อมองหา ณัฐเดินหน้าซีดเพราะยังเจ็บจากการโดนเตะผ่าหมากเข้ามานั่งข้างๆ
“งานเริ่มตั้งนานแล้วพี่ณัฐไปไหนมา” อิงอรถาม
“ห้องน้ำค่ะ”
อิงอรมองณัฐอย่างงอนๆแล้วหันไปมองบนเวที
“และสำหรับพรีเซ็นเตอร์ กุ๊กไก่ก็ได้เลือกสาวสวยที่ต้องอยู่ทั้งกลางแสงแดด แสงไฟ และแสงแฟลชอยู่ตลอดเวลา...ขอเชิญพบกับคุณกวางค่ะ”
ไฮโดรลิกเลื่อนขึ้น กวางในชุดนางเงือกนั่งถือครีมกันแดดkookaiอยู่กลางน้ำ แขกในงานปรบมือ นักข่าวแย่งกันกดชัตเตอร์
เซเลบยืนอยู่เต็มเวที แต่ละคนมีครีมกันแดดติดอยู่บนจุดต่างๆบนใบหน้าและร่างกาย กุ๊กไก่ยืนประกาศเชิญเซเลบขึ้นมาทีละคน
“ต่อไปขอเชิญคุณสุมาลตียากานต์ ขึ้นมารับครีมkookaiจากนางเงือกค่ะ”
ไฮโซวัยป้าเดินกระย่องกระแย่งไปที่กวางๆบีบครีมกันแดดใส่นิ้วชี้แล้วโพสต์ท่าน่ารักด้วยการจิ้มครีมกันแดดไปข้างริมฝีปาก
“เชิญคุณจันทร์เคียงดาวค่ะ”
ลูกจันเดินอย่างสง่างามขึ้นมารับครีมจากกวาง แล้วจิ้มครีมที่ปลายจมูกดูน่าเอ็นดู
“เชิญคุณอิงอรค่ะ”
อิงอรเดินเชิดขึ้นมาบนเวที แต่ด้วยความมืดจึงสะดุดโคนต้นมะพร้าวปลอมจนหัวทิ่มไปข้างหน้า อิงอรถลาผ่านหน้าลูกจันไป สัญชาติญาณทำให้ลูกจันยื่นมือออกไปเพื่อช่วยฉุดอิงอรกลับมา พอลเห็นลูกจันยื่นมือไปช่วยอิงอร อิงอรยื่นมือมาจะจับมือลูกจัน ลูกจันคิดได้ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหดมือกลับกะทันหัน พอลตกใจ อิงอรหัวทิ่มลงไปในน้ำ เสียงแขกในงานกรี๊ดด้วยความตกใจ
“ว๊าย/เฮ้ยย”
คนทั้งงานตกใจ ยกเว้นลูกจันที่ยิ้มเย็นอย่างสะใจ
เสียงอิงอรกรี๊ดยาว “กรี๊ดดด”
ณัฐทำหน้าเบื่อหน่าย
“กรี๊ดพอรึยังคะ”
อิงอรหัวเปียกลู่ หน้ามู่ทู่ เครื่องสำอางเละตอบ
“ยังไม่พอค่ะ....กรี๊ดดด”
“พอแล้วบอกนะคะ พี่จะได้ขับรถออกไปซะที เพราะอรกรี๊ดขนาดนี้พี่คงไม่มีสมาธิขับรถหรอกค่ะ”
“ก็อรแค้นนี่คะ ไอ้พวกนักข่าวบ้ามารุมถ่ายกันอยู่ได้ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว นี่มันกะจะเอาไปลงประจานให้อรฆ่าตัวตายไปเลยมั้งคะ” อิงอรแค้น “เพราะนังลูกจันเชียว ทำให้อรต้องกลายเป็นตัวตลกให้ชาวบ้านหัวเราะเยาะ”
ลูกจันนั่งหัวเราะงอหายอยู่บนโซฟา
“ฮ่าๆๆ ตลกอ่ะ หัวลู่เหมือนหมาโดนจับอาบน้ำเลย ฮ่าๆ”
พอลปรายตามองลูกจันอย่างรู้ทัน
“ทำไมไม่ช่วยเค้า”
ลูกจันทำหน้าเฟค “โอ๊ยย...อยากช่วยใจจะขาด แต่มันไม่ทันจริงจริ๊งงงงง เนี่ย.....เสียใจ๊เสียใจ รู้สึกผิดมากเลย สงส๊ารสงสารอ่ะ..ฮ่าๆๆ”
พอลส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายความแสบของลูกจัน
“ไม่ต้องมาทำส่ายหัวส่ายหางเลย วันนี้ฉันเหนื่อย..แกไปเตรียมปฏิบัติหน้าที่สิยะอีเจ้ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดรอ”
ลูกจันเดินออกไป
พอลงง “หน้าที่อะไรอีกวะเนี่ย”
พีทพูดโทรศัพท์กับพอลอย่างขำๆ
“เดี๋ยวทำไปบ่อยๆนายก็จะชิน แล้วก็จำขั้นตอนได้เองแหละ”
พอลคุยโทรศัพท์กับพีทอย่างหงุดหงิด
“เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายต้องสปอยเพื่อนนายขนาดนี้ด้วย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พอลถอนหายใจเซ็งๆ
“มาแล้ว”
พอลเดินไปเปิดประตู ลูกจันในชุดคลุมอาบน้ำยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู พอลเซ็งมาก
โต๊ะหัวเตียงมีอุปกรณ์ล้างเครื่องสำอางวางอยู่เต็ม ลูกจันนอนหมอนที่อยู่บนตักพอล โดยพอลใส่หูฟังตลอดเวลา
ลูกจันแปลกใจ “ใส่หูฟังทำไม”
“อยากฟังเพลงจะได้มีอารมณ์ล้างเครื่องสำอางให้แกน่ะ” พอลตอบ
“อู๊ย...เยอะนะยะ...แหม...แม่ศิลปินอารมณ์สุนทรีย์” ลูกจันแซวพอลแล้วหลับตา “อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจัง”
“ทำไม”
“ก็อยากเห็นข่าวยัยคุณอิงอรหัวจุ่มอ่างจนแทบอดใจไม่ไหวแล้วนะสิ”
ลูกจันหัวเราะสะใจ พอลมองลูกจันอย่างเอือมระอา
เสียงกรี๊ดของอิงอรดังลั่นออกมานอกบ้าน
“กรี๊ด”
อิงอรขว้างหนังสือพิมพ์ลงพื้น ณัฐที่นั่งข้างๆมองอิงอรอย่างเบื่อหน่าย สาวใช้วิ่งหน้าตื่นเข้ามามองอิงอร
ณัฐตวาดสาวใช้ “ออกไป”
สาวใช้วิ่งหน้าตื่นออกไป อิงอรดูรูปตัวเองหัวจุ่มอ่างในอินสตาแกรมของกุ๊กไก่แล้วขว้างโทรศัพท์ เธอมองทีวีที่กำลังออนแอร์ภาพที่ลื่นล้มหัวทิ่มอ่างน้ำ แล้วก็หยิบรีโมทจะเขวี้ยงทีวี ณัฐรีบคว้ามือไว้
“แพงค่ะ”
อิงอรยอมปล่อยรีโมทแต่ก็ยังโกรธอยู่
“ออกทุกสื่ออย่างนี้คนหัวเราะเยาะอรทั้งประเทศแล้ว ต่อไปนี้ไปไหนอรคงต้องเอาปี๊บคลุมหัว..อรเกลียดมัน อรเกลียดนังลูกจัน”
ณัฐเสี้ยมทันที “ลูกจันไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“อรไม่ยอมหรอกค่ะ ซักวันอรต้องได้หัวเราะเยาะมันบ้าง”
ณัฐเข้าไปกอดปลอบประโลมอิงอร ณัฐแอบยิ้มที่การเสี้ยมสำเร็จ
ปีโป้นั่งดื่มกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ มินตราที่เพิ่งมาถึงออฟฟิศเดินเข้ามา ปีโป้รีบหยิบหนังสือพิมพ์วิ่งถลาเข้าไปมินตรา
“มินดูนี่เร็ว”
ปีโป้เอาหนังสือพิมพ์ที่มีรูปอิงอรหน้าทิ่มอ่างให้มินตราอ่าน
“คุณอิงอรตั้งใจให้นักข่าวรู้ชื่อเดิมของ บก.ลูกจัน แต่ไม่รู้ว่าที่คุณอิงอรล้มหน้าทิ่มอ่างเป็นความตั้งใจของ บก.แจ่มจันทร์ เอ้ย จันทร์เคียงดาวรึเปล่าคิดกันเอาเองนะจ๊ะ..อิอิ”
“นังลูกจันชื่อเดิมว่าแจ่มจันทร์เหรอ” มินตราถาม
“ฉันก็เพิ่งรู้ตอนอ่านข่าวนี่แหละ..ฉันว่าชีต้องโกรธที่คุณอิงอรเรียกชื่อเดิมเลยแกล้งเค้าจนหน้าทิ่มอ่าง”
“นังลูกจันเป็นแค่คู่แข่งทางธุรกิจกับคุณณัฐ..ไม่น่าเป็นประเด็นให้คุณอิงอรโกรธจนไปขุดชื่อเก่ามันขึ้นมาเรียกให้สะกิดต่อมอารมณ์มันนะ”
“นี่แหละที่ทำให้ฉันสงสัยว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน..แต่ถ้าลูกจันมีปมเรื่องชื่อเดิมที่สะกิดไม่ได้ ก็น่าจะมีจุดอ่อนในอดีตเรื่องอื่นที่สะกิดไม่ได้ด้วย”
“แล้วถ้าเราอยากรู้จุดอ่อนนังลูกจันเราก็ต้อง...”
ปีโป้พูดต่อ “สาวไส้สืบประวัติ”
ปีโป้กับมินตรายิ้มร้ายหมายมาดจะหาเรื่องมาทำลายลูกจันให้ได้
ลูกจันดูข่าวอิงอรหัวทิ่มอ่างในไอแพดแล้วก็หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ”
ลูกจันกดรีเพลย์เล่นซ้ำไปซ้ำมาตอนอิงอรหัวทิ่มอ่างแล้วก็หัวเราะสะใจ พอลเดินเข้ามา
ลูกจันพูดไปหัวเราะไป “มีคนเอาภาพตอนยัยอิงอรตกอ่างลงยูทูบด้วย มาดูเร้วว”
พอลเดินมาดูภาพอิงอรในไอแพด
“ป่านนี้คงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกไปไหนชัวร์...ฮ่าๆ...สม”
พอลทำหน้าเบื่อก่อนจะเดินไปนั่งตรงโซฟา
ลูกจันมองหน้าพอล “เป็นอะไรยะ”
“เบื่อ”
“วันนี้ฉันว่าง เราไปออกกำลังแก้เบื่อกันป่ะ”
พอลยิ้มดีใจเพราะจะได้ทำกิจกรรมแมนๆซะที
เสียงป้าจิ๊ดังขึ้น “บินน...บินค่า”
ทุกคนในห้องกำลังบินกันพรึ่บ พอลยืนงง ท่ามกลางคนที่กำลังทำท่าบิน
“อ้าว..น้องพีท ทำไมไม่บินคะ” ป้าจิ๊ถาม
“เอ่อ..ผม..ผม..เอ่อ..บินยังไงล่ะครับ”
ป้าจิ๊ทำหน้างง ลูกจันรีบเข้ามาอธิบาย
“คือช่วงนี้พีทเค้าไม่ค่อยสบายค่ะป้า กินยาแก้หวัดเข้าไปเลยมึนๆ ลืมโน่นลืมนี่ตล๊อด”
“แหม...ยานี่คงแรงมากจริงๆนะคะ ถึงขนาดทำให้นักเรียนดีเด่นอย่างน้องพีทลืมท่าได้”
ภาพถ่ายพีทที่โชว์อยู่ในสตูดิโอกำลังบินคู่ป้าจิ๊ในท่าทางที่สวยมาก
“เอ้า..ไม่เป็นไรค่ะ งั้นก็มาเรียนกันใหม่ไปพร้อมเพื่อนๆเลยนะคะ”
ป้าจิ๊ค่อยๆสอนทีละท่า ลูกจันและทุกคนดูสนุกสนานเพลิดเพลินและชำนาญกับการเล่น ยกเว้นพอลที่ดูเกร็งๆ ตลอดเวลา ปิดท้ายด้วยท่าหวาดเสียวมากจนพอลร้องลั่นห้อง
“เฮ้ย”
พอลนั่งดมยาดมอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ลูกจันขับรถไปบ่นไป
“อะไรของแก๊ โวยวายซะคนตกใจทั้งคลาส”
“ก็...ก็...ฉันไม่ค่อยสบายอ่ะ ไปหัวทิ่มหัวตำแบบนั้นก็มึนสิ”
“ย่ะๆ ไม่หัวทิ่มหัวตำก็ได้ งั้นไปทำกิจกรรมโปรดของแกละกัน”
“อะไร” พอลถาม
“บัลเล่ต์”
พอลตาเหลือกเพราะช็อคมาก
ครูกำลังทำท่าบัลเล่ต์แบบพลิ้วมากอยู่หน้าห้อง นักเรียนบัลเล่ต์ซึ่งเป็นหญิงแก่กำลังพยายามทำท่าตามครูได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ชุดจัดเต็มทุกคน ลูกจันกำลังทำท่าตามครู พอลกำลังทำท่าเก้ๆกังๆตามครูด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ดูน่าเวทนามาก ครูเดินมาช่วยดัดตัวให้พอลเสียงดังกร๊อบบ
พอลร้องลั่น “โอ๊ยย”
ลูกจันเดินบ่น
“ไม่ได้มาเล่นไม่เท่าไหร่ ตัวแกแข็งขึ้นเยะเลยนะพีท คุณครูยังบ่นเลย”
พอลเดินกะโผลกกะเผลกจับเอวตัวเองตามลูกจันพลางมองลูกจันแบบค้อนๆ
“ไม่ต้องมาค้อนฉันนะยะ” ลูกจันมองนาฬิกา “เพิ่งบ่าย 3 ไปหาไรหนุกๆทำต่อดีมะ”
พอลพูดเสียงดังเกือบตะโกน “พอแล้ว!”
พอลกำลังทายาหม่องนวดตัวเองทั้งขา หลัง เอว อย่างทุลักทุเล พร้อมโอดโอยเป็นระยะๆ
ต๋อย แซนดี้ ปีโป้ และจุ้มจิ้มนั่งอยู่ในห้องประชุม อุ่นเรือนเปิดประตูเข้ามา ลูกจันเดินตาม
แซนดี้พูดทันที “พี่ลูกจันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจคะ”
ลูกจันหัวเราะขำ “ในข่าวเค้าก็บอกแล้วนี่ว่าให้คิดเอาเอง”
“ไม่ยักรู้ว่าเธอเปลี่ยนชื่อมา” ปีโป้ว่า
ลูกจันของขึ้น “ชื่อนั้นมีแต่อักษร” ลูกจันพูดเน้นกับปีโป้ “กาลกินีฉันเลยเปลี่ยนน่ะ”
ปีโป้มองลูกจันอย่างไม่พอใจ ต๋อย แซนดี้ จุ้มจิ้ม และอุ่นเรือนแอบขำที่ปีโป้โดนด่า
“พี่ติดต่อนางแบบปกหน้าไว้แล้วนะ” ลูกจันบอก
“ใครเหรอคะ” แซนดี้ถาม
“คุณเดือนวดี”
“เศรษฐีนีพันล้าน แม่ม่ายทรงเครื่องหมาดๆน่ะเหรอคะ”
“คนนั้นแหล่ะ”
“คุณเดือนวดีไม่เคยขึ้นปกให้ใครเลย..คุณลูกจันเก่งสุดๆเลยค่ะที่เชิญคุณเดือนวดีมาได้”
“เซเลบเป็นนิตยสารยอดขายอันดับหนึ่งไม่ขึ้นให้เซเลบแล้วจะไปขึ้นให้เล่มไหนล่ะ” ลูกจันพูดกับปีโป้ “ส่งคอนเส็ปต์พรุ่งนี้เลยนะ”
“สั่งวันนี้แล้วจะเอาพรุ่งนี้เนี่ยนะ” ปีโป้ไม่พอใจ
ลูกจันปรายตามอง “ทำได้มั้ย”
ปีโป้กลัวโดนไล่ออก “ได้”
“ดี...แล้วปกนี้ส่งพิมพ์รึยัง”
“ส่งแล้วค่ะ..วางแผงทันตามกำหนดแน่นอนค่ะ”
หนังสือเซเลบหน้าปกจุ้มจิ้มถูกวางลงบนแผงข้างๆ หนังสือไลม์ หญิงสาว 2 คนเดินมากับเพื่อนเห็นนางแบบใหม่ของเซเลบก็เข้ามาหยิบดู
“เซเลบเอานางแบบใหม่ขึ้นปกด้วยอ่ะ”
“สวยเนอะ”
หญิงคนหนึ่งพยักหน้าแล้วหยิบเซเลบก่อนจะจ่ายเงินให้คนขาย
คนในร้านยืนอ่านหนังสือบ้างดูเล่มโน้นเล่มนี้บ้าง นิตยสารเซเลบถูกวางติดอยู่กับไลม์ ชายคนหนึ่งจะหยิบไลม์แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นเซเลบหน้าปกจุ้มจุ้ม ชายคนนั้นหยิบออกจากชั้นหนังสือ เขามองรูปจุ้มจิ้มยิ้มพอใจแล้วถือหนังสือเดินออกไป
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
เซเลบวางคู่กับไลม์เป็นตั้ง กองหนังสือเซเลบถูกหยิบออกจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเล่ม พนักงานเอาเซเลบมาวางตั้งใหม่ คนซื้อเดินมาหยิบเซเลบอีกแทบไม่มีใครหยิบไลม์เลย
สาโรจน์พูดกับณัฐด้วยความโมโห
“เซเลบชนะไลม์อีกแล้วเมื่อไหร่เราจะชนะเซเลบได้ซะที”
ณัฐมองสาโรจน์แล้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ผมก็คิดทุกวันนั่นละครับว่าต้องทำยังไงไลม์ถึงจะชนะเซเลบได้”
“นี่ขนาดเอานางแบบโนเนมมาขึ้นปกยังชนะถ้าเซเลบได้แบบดีๆคงไลม์คงเจ๊งจนต้องปิดหัวหนังสือ”
“เหตุการณ์มันไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับเพราะยังไงไลม์ก็ยังครองตลาดอันดับ 2”
“แต่พี่อยากขึ้นอันดับ 1 เลข 1 ที่ 1 ไม่เป็น 2 รองใครช่วยทำให้สำเร็จซะทีได้มั้ย”
ณัฐครุ่นคิดจนหน้าเครียดแล้วก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์
“ปกหน้า พี่เตรียมฉลองชัยชนะได้เลยครับ” ณัฐบอก
ณัฐกำลังเล้าโลมอิงอรอยู่บนเตียง อิงอรหน้าเคลิ้มระทวย แล้วณัฐก็หยุดกะทันหันลุกเดินลงจากเตียงหน้าเครียด อิงอรอารมณ์ค้างจึงหงุดหงิด
“เป็นอะไรไปคะพี่ณัฐ”
“ขอโทษค่ะอร พี่เครียดจนไม่มีอารมณ์”
“พี่ณัฐเครียดเรื่องอะไร บอกอรสิคะ”
ณัฐแอบยิ้มแต่แกล้งทำเสียงเศร้า “อย่าเลยค่ะ พี่ไม่อยากให้อรต้องมาไม่สบายใจกับพี่ อีกอย่างถึงรู้ไปอรก็คงช่วยพี่ไม่ได้หรอก”
“ก็ลองบอกมาก่อนสิคะ”
ณัฐทำเหมือนไม่อยากพูดแต่กลับเล่าลื่นไหลมาก “ก็เรื่องเซเลบน่ะสิ ปกหน้าเค้าได้คุณเดือนวดีไปขึ้นปก ตอนนี้คุณเดือนวดีเค้ากำลังฮ็อตมีแต่คนอยากรู้เรื่องเบื้องหลังการหย่าของเค้า งานนี้ยอดขายเซเลบถล่มทะลายแน่....เฮ้อ....ความจริงพี่มองคุณเดือนวดีเอาไว้ตั้งนานแล้ว ไม่รู้ลูกจันเค้าใช้แผนอะไรปาดเอาไปซะได้ พี่คงโดนพี่สาโรจน์ด่าอีกแน่ๆ” ณัฐทำหน้าเศร้า
อิงอรทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มออกมา
“อรจัดการให้เองค่ะ รับรองว่าปกหน้าไลม์ต้องได้คุณเดือนวดีมาขึ้นปกแทนเซเลบแน่ๆ”
ณัฐทำหน้าสมใจ แต่พอหันมาหาอิงอรก็เปลี่ยนเป็นหน้าซึ้งใจ
“ขอบคุณนะคะอรที่คอยอยู่เคียงข้างพี่เสมอ พี่รักอรค่ะ”
อิงอรยั่วยวน “งั้นก็แสดงให้อรเห็นสิคะ ว่าพี่ณัฐรักอรแค่ไหน”
ณัฐเดินเข้าไปเล้าโลมอิงอรต่อด้วยสีหน้ามีความสุขที่หลอกใช้อิงอรได้สำเร็จ
เช้าวันใหม่ แซนดี้กำลังทำงานอยู่ที่โต๊ะ ข้างๆมีแก้วกาแฟที่กำลังจะหมด แซนดี้เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟแล้วก้มลงมองในแก้วก็เห็นกาแฟกำลังจะหมดเลยหมุนตัวจะออกไปชงกาแฟแก้วใหม่ แซนดี้ตะลึงมองไปทางประตูห้องทำงานแล้วก็อ้าปากค้าง
“ห๊า!!”
อาร์ตมาในผมทรงใหม่และเสื้อผ้าลุคส์ใหม่ที่ดูหล่อมาก
“หล่อมากก!!”
อาร์ตยิ้มรับคำชมอย่างเขินปนปลื้ม
ลูกจันเดินมาพร้อมจุ้มจิ้ม ทั้งสองเดินผ่านห้องพนักงานก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆและแซนดี้“กรี๊ดด”
ลูกจันสงสัย “เค้ามีอะไรกันน่ะจุ้ม เสียงดังเชียว”
“ไม่รู้เหมือนกันฮะพี่ลูกจัน”
“แวะดูหน่อยซิ”
ลูกจันเปิดประตูห้องเข้าไปเห็นสาวๆหันหลังรุมล้อมใครบางคนอยู่
สาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อน “ถ่ายรูปคู่ให้ฉันหน่อยดิ”
ลูกจันดุ “ทำอะไรกันน่ะ”
สิ้นเสียงลูกจัน พนักงานสาวๆและแซนดี้ก็แตกฮือกระจายตัวกลับโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว เปิดทางให้เห็นอาร์ตที่ถูกรุมล้อมอยู่ซึ่งกำลังยืนยิ้มแฉ่งอย่างมั่นใจ
ลูกจันตะลึง ส่วนจุ้มจิ้มตะลึงกว่า
“อาร์ต?”
อาร์ตยิ้มหล่อหนักกว่าเดิมด้วยความมั่นใจว่าลูกจันต้องกรี๊ดผมทรงใหม่ของเขาแน่ๆ
“ตัดผมทำไมน่ะ?...เสียดาย” ลูกจันถาม
อาร์ตงง “อ้าว?”
ลูกจันเดินเข้ามาดูผมอาร์ตใกล้ๆ
“โถ..ดูสิ ตัดซะสั้นเชียว อีกกี่ปีจะเลี้ยงให้ยาวได้เหมือนเดิมเนี่ย?”
อาร์ตหันไปมองจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มเบือนหน้าทำตาลอยขึ้นเพดานประมาณว่ากูไม่รู้เรื่อง
อาร์ตพูดตะกุกตะกักเพราะไปไม่เป็น “เอ่อ..ผม..ผมคิดว่าพี่ลูกจันไม่ชอบผู้ชายผมยาวซะอีก”
“พี่ดูคนที่นิสัย ไม่ใช่ทรงผม”
อาร์ตอึ้ง ลูกจันหันหลังเดินกลับไปแต่แล้วก็หันกลับมาพูดประโยคสุดท้ายที่หน้าประตู
“เออ...แต่พี่ว่าอาร์ตไว้ผมยาวแบบเดิมดูเข้ากับอาร์ตมากกว่านะ”
ลูกจันเดินออกจากห้องไป อาร์ตยังคงยืนอ้าปากค้างอยู่ เขาค่อยๆหันมามองทางจุ้มจิ้มอย่างโกรธมาก
“แก-หลอก-ฉัน!”
จุ้มจิ้มยิ้มกวนพร้อมยักคิ้วใส่
เงาอาร์ตในกระจกยืนนิ่งหล่อแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหน้าเศร้า อาร์ตก้มลงมองกล่องในมือ ผมยาวของอาร์ตที่ถูกตัดไปอยู่ในกล่องที่เขาถือ อาร์ตเอามือลูบผมในกล่องอย่างแสนเศร้า แล้วเขาก็เงยหน้ามองกระจกอีกครั้ง
อาร์ตเอามือปัดๆทรงผมให้ยุ่งๆ เอียงซ้ายขวาดูตัวเองในกระจกอย่างไม่มั่นใจในตนเอง เขาเอามือจับผมสั้นของตัวเองแล้วแค้นขึ้นมาอีก
อาร์ตพูดเสียงแค้น “ไอ้ทอม!”
ลูกจันกับอุ่นเรือนเดินเข้ามาในห้องจุ้มจิ้มด้วยความดีใจ
“จุ้ม”
จุ้มจิ้มที่นั่งทำงานอยู่หันไปมอง
“ป้าอ้อยผู้กำกับโทรมาบอกว่าดาราที่เชิญมาเล่นสุภาพบุรุษกิมจอเจ็งป่วยกะทันหัน มาเข้าฉากไม่ได้ ป้าเค้าเห็นจุ้มจากปกเซเลบเลยอยากให้จุ้มไปเล่นแทน”
จุ้มจิ้มทำหน้าไม่มั่นใจ “จุ้มเล่นละครไม่เป็นฮะ”
“ของแบบนี้มันหัดกันได้จุ้ม” อุ่นเรือนบอก
ลูกจันพูดกับอุ่นเรือน “แหม...สร้างความมั่นใจให้คนอื่นนี่เก่งเชียวนะ แต่สร้างความมั่นใจให้ตัวเองทำไม่ได้”
อุ่นเรือนยิ้มอายๆ
ลูกจันพูดกับจุ้มจิ้ม “เดี๋ยวป้าอ้อยเค้าก็สอนให้เองแหละจุ้ม โอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดกับทุกคนนะ พี่ไม่อยากให้จุ้มทิ้งไป”
“ถ้าพี่ลูกจันว่าดี จุ้มก็ตกลงฮะ”
“ตกลงก็เก็บของไปกองถ่ายเลย” ลูกจันบอก
จุ้มจิ้มตกใจ “เดี๋ยวนี้เลยเหรอฮะ”
ลูกจันพยักหน้า
ทีมงานกำลังถ่ายทำกันอยู่ เต้ยและตัวประกอบชาวเกาะกำลังช่วยกันขนปลาและคัดเลือกปลา ป้าอ้อยและทีมงานนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์
ป้าอ้อยสั่ง “คัท”
พอลนั่งอ่านข้อมูลแฟรงกี้ในไอแพด เขาเห็นรูปพีท เต้ย แฟรงกี้ไปเดินแบบงานทีนคลับด้วยกัน
พอลรำพึง “เต้ยรู้จักแฟรงกี้”
ลูกจันกับจุ้มจิ้มเดินเข้ามาหา
“พีท”
พอลมองลูกจันงงๆ “มาทำอะไร”
“พาดาราใหม่มาเข้าฉากน่ะ” ลูกจันบุ้ยปากไปทางจุ้มจิ้ม
พอลมองจุ้มจิ้มงงๆ
ลูกจันพูดกับป้าอ้อย
“จันกลัวจุ้มตื่นเต้น เลยมาให้กำลังใจค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ โชคดีจริงๆเลยค่ะที่ป้าไปเห็นน้องจุ้มบนปกเซเลบพอดี เห็นปุ๊บสัญชาติญาณป้าบอกเลยว่าเกิดแน่” ป้าอ้อยพูดกับจุ้มจิ้ม “ไม่ต้องกลัวนะจุ้ม ไม่ยากหรอก”
“ฮะ”
ป้าอ้อยพูดกับแนน “พาจุ้มไปแต่งหน้าทำผม แล้วเอาบทให้อ่านด้วย”
“ค่ะ”
แนนพาจุ้มจิ้มออกไป
ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ป้าอ้อยครับ พี่พีทพี่เต้ยพร้อมแล้วครับ”
ป้าอ้อยพยักหน้ากับทีมงานแล้วหันมาพูดกับลูกจัน
“ระหว่างรอจุ้ม ดูพีทเล่นไปพลางๆก่อนนะคะ”
ป้าอ้อยเดินไปบรีฟพอลและเต้ยที่หน้ากอง ลูกจันเดินไปนั่งหน้ามอนิเตอร์
เต้ยพูดบท
“แน่ใจเหรอสายชลว่าแกจะลืมนางฟ้าได้”
พอลจำบทไม่ได้จึงพูดหน้าตาล่อกแล่ก “เอ่อ...ก็..เอ่อ..ก็คงได้...เอ๊ย..ได้สิ..คือว่า..เอ่อ..คือ..ฉัน”
ลูกจันมองพอลในมอนิเตอร์ด้วยความแปลกใจ “พีทเป็นอะไรน่ะ ทำไมตะกุกตะกักแบบนั้น”
ป้าอ้อยถอนหายใจเซ็งๆ “เทคค”
พอลกับเต้ยหยุดเล่น
“ใครเอาบทไปให้พีททวนอีกทีซิ”
ทีมงานรีบเอาบทไปให้พีทอ่าน ช่างทำผมช่างแต่งหน้าเข้าไปเช็คความเรียบร้อยของพอลกับเต้ย
ป้าอ้อยพูดกับลูกจัน “หมู่นี้พีทเค้ามีปัญหาส่วนตัวอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีนะคะ แค่เป็นหวัดแล้วทานยาแก้หวัดเข้าไป เลยงงๆค่ะ”
“ป้าว่าต้องหยุดยาแล้วนะ ถ้าเอฟเฟคมากขนาดนี้”
ป้าอ้อยมองพอลด้วยความหนักใจ ลูกจันมองพอลแล้วก็ครุ่นคิด
ภาพในมอนิเตอร์เป็นฉากที่พอลเข้ากับเต้ย พอลเล่นทีละคัท
“ได้สิ”
ป้าอ้อยสั่ง “คัท”
พอลพูด “ฉันต้องลืมนางฟ้า”
ป้าอ้อยสั่ง “คัท”
“ได้แน่”
“คัท”
“เพราะนางฟ้า”
“คัท”
“คนเดิมของฉัน”
“คัท”
“ไม่มีอีกแล้ว”
ป้าอ้อยเอายาดมจ่อจมูกตัวเองอยู่
ป้าอ้อยพูดกับแนน “เอาแต่ละประโยคเนี่ยไปตัดต่อร้อยกันให้เนียนๆเหมือนเป็นประโยคเดียวกันนะ”
แนนมีท่าทางหนักใจ “เอ่อ...แล้วมันจะเนียนเหรอคะป้า”
ป้าอ้อยค้อนแนน “รึหล่อนจะเอาให้ครบร้อยเทคล่ะ...เอามั้ยล่ะยะ..อีกแค่12 เทคก็ครบแล้ว”
แนนหน้าจ๋อยแล้วแอบปรายตามองพอล พอลหน้าจ๋อยกว่าเพราะรู้สึกผิดต่อป้าอ้อยและทีมงาน
“เชิญพี่พีทกับพี่เต้ยเช็คหน้าผมค่ะ”
ทีมงานพาเต้ยและพอลออกไป แนนพาจุ้มจิ้มที่แต่งตัวสวยเปรี้ยวเดินกะโผลกกะเผลกเดินเข้ามา ทุกคนมองอย่างชื่นชม ลูกจันปลื้มถึงขนาดเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปจุ้มจิ้ม
“สวยม๊าก หุ่นเซี๊ยะม๊าก เหมาะมากกับบทนี้”
จุ้มจิ้มหน้าแหยๆ เธอยืนดึงกระโปรงที่สั้นมากลง “เอ่อ...กระโปรงมันจะไม่สั้นไปหน่อยเหรอฮะป้า”
“อุ๊ย...มันก็ต้องสั้นตามคาแรกเตอร์สิจ๊ะ”
ลูกจันกับจุ้มจิ้มมองหน้ากันงงๆ
“เอ่อ..คาแรกเตอร์จุ้มในเรื่องนี้ไม่ใช่สาวห้าวเหรอคะ” ลูกจันถาม
“ห้าวเหิ้วอะไรกันคะ เรื่องนี้จุ้มเล่นเป็นสาวเซ็กซี่ค่ะ”
ลูกจันตกใจมาก “ห๊า”
จุ้มจิ้มหน้าซีด เสียงสั่นเครือ “สาวเซ็กซี่?”
ป้าอ้อยกำลังยืนบรีฟให้จุ้มจิ้มฟัง
ป้าอ้อยพูดกับจุ้มจิ้ม “ฉากนี้เกสรถูกพี่สาวนางฟ้าส่งมายั่วสายชล..เพื่อให้สายชลกับนางฟ้าเข้าใจผิดกัน..แต่สายชลไม่เล่นด้วยเพราะรักนางฟ้าคนเดียว..สายชลก็เลยขอตัวออกไป.. เกสรก็เลยตามไป” ป้าอ้อยพูดกับคนอื่นๆ “ทุกคนเข้าใจนะ”
พอลกับเต้ยพยักหน้า จุ้มจิ้มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พลางคิดในใจว่าจะยั่วใครวะ
ป้าอ้อยสั่ง “จุ้มทำท่ายั่วแบบเซ็กซี่สุดๆเลยนะ เอาแบบกะว่าสายชลเห็นท่านี้ต้องเสร็จฉันแน่”
จุ้มจิ้มพยักหน้าแหยๆ แล้วก็เหลือบมองไปขอความช่วยเหลือจากลูกจัน ลูกจันส่งสายตากลับไปว่าเห็นใจแต่ก็ช่วยอะไรไม่ทันแล้ว
ต๋อย แซนดี้ นั่งทำงาน เสียงข้อความในไลน์ดังขึ้นพร้อมกัน ต๋อย แซนดี้ หยิบมาดูเห็นลูกจันส่งรูปจุ้มจิ้มในกองถ่ายมาให้ดู
แซนดี้ร้องออกมา “กรี๊ด....จุ้มสวยมากเลยอ่ะ”
“ได้เล่นกับคุณพีทด้วย คราวนี้จุ้มดังเป็นพลุแตกแน่ๆ” ต๋อยบอก
อุ่นเรือนถือโทรศัพท์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“เห็นรูปจุ้มกันรึยังคะ”
“กำลังดูกันอยู่เนี่ย” แซนดี้บอก
“เดี๋ยวจุ้มกลับมาอุ่นจะถ่ายรูปกับขอลายเซ็น แล้วถ้าจุ้มดังแล้วงานเยอะจนดูแลคิวตัวเองไม่ไหว อุ่นก็จะขอพี่ลูกจันรับจ็อบเป็นผู้จัดการส่วนตัวขอจุ้มอีกตำแหน่ง”
แซนดี้มองอุ่นเรือนแล้วเพ้อตามอย่างสนุกสนาน
“พออุ่นได้เป็นผู้จัดการจุ้ม เวลาพาจุ้มไปออกงานก็เอารูปพี่ไปเสนอเอเจนซี่กับผู้จัดด้วย แล้วพี่ก็ได้รับเชิญไปเล่นละครแบบจุ้ม แล้วก็ดังตามจุ้มมาติดๆ”
“พอแซนดี้ดัง พี่ก็ไปดูคิวให้ พอผู้จัดเห็นพี่ก็เอาพี่ไปเล่นเป็นพี่สาวนางเอก” ต๋อยว่า
แซนดี้สรุป “แล้วเราก็ดังยกแก็งค์”
ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนหัวเราะขำไปกับความเพ้อของตัวเอง อาร์ตเดินเข้ามาพอดี
“โอ้โห อารมณ์ดีขนาดนี้...ใครถูกหวยเหรอครับ”
“อาร์ตเห็นรูปจุ้มที่ไปถ่ายละครรึยัง” อุ่นเรือนถาม
“ยังครับ”
แซนดี้วิ่งเอาโทรศัพท์มายื่นให้อาร์ตดู “ดูสิอาร์ต”
“ไม่ล่ะครับ ไม่อยากดูทอมแต่งหญิง” อาร์ตพูดกับต๋อย “พี่ต๋อยครับผมเพิ่งรู้ว่าปกนี้จะไปถ่ายกันที่ทะเล ผมขอไปด้วยคนได้มั้ยพี่”
“อ้าว แล้วทำไมไม่ไปขอคุณลูกจันล่ะ”
“ผมอยากไปเซอร์ไพรส์พี่ลูกจันน่ะ เลยไม่อยากไปขออนุญาตเค้า เอาเป็นว่าผมขออนุญาตพี่ดีกว่า รับรองว่าผมจะช่วยทำงานทุกอย่างเลยครับ...นะพี่ต๋อย ขอผมไปด้วยนะ”
ต๋อยมองอาร์ตยิ้มๆ แล้วพยักหน้า อาร์ตยิ้มดีใจมาก
อิงอรยิ้มแป้น นัยตาเป็นประกายอย่างมีความสุข
“จริงเหรอคะ พี่ณัฐจะให้อรไปกับกองไลม์จริงๆเหรอคะ”
ณัฐยิ้มๆ “จริงสิคะ” ณัฐยื่นหน้าเข้าไปทำตาเจ้าชู้กับอิงอร “ความจริงพี่ก็ไม่อยากให้อรต้องไปลำบากหรอกนะคะ แต่พี่ทนคิดถึงอรไม่ไหวจริงๆค่ะ”
อิงอรปลื้มมาก “พี่ณัฐ” อิงอรกอดณัฐ “อรรักพี่ณัฐค่ะ”
“พี่ก็รักอรค่ะ”
ณัฐยิ้มอย่างมีแผนอีกแล้ว
ลูกจันกับป้าอ้อยนั่งดูมอนิเตอร์อย่างลุ้นสุดขีด จุ้มจิ้มเดินกระโดกกระเดกเข้ามาในฉาก เธอมองพอลที่นั่งกับเต้ยแล้วก็ยิ้มดีใจ
“สายชล”
พอลกับเต้ยหันมามอง
พอลพูดบท “คุณเกสร”
จุ้มจิ้มยิ้มหวานแล้วทำท่ายั่วยวนสุดๆ แต่ดูตลกมากกว่าเซ็กซี่
ป้าอ้อยถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ลูกจันมองจุ้มจิ้มอย่างหนักใจ จุ้มจิ้มเดินเข้าไปหาพอล แล้วรองเท้าก็พลิกทำให้ล้มลง
“เฮ้ย”
พอลหัวเราะลั่น
ป้าอ้อยเครียดมาก “เทค”
ทีมงานรีบเข้าไปประคองจุ้มจิ้มให้ลุกขึ้น
ป้าอ้อยลุกพรวดไปหาจุ้มจิ้มอย่างหงุดหงิด “เทคที่7 แล้วนะ หนูยังไม่ชินกับรองเท้าอีกเหรอ”
จุ้มจิ้มเสียงอ่อย “ยังฮะ”
ป้าอ้อยคิดๆ แล้วตะโกนอย่างหงุดหงิด
“ใครช่วยไปยกเก้าอี้มาซิ เปลี่ยนเป็นให้จุ้มนั่งอยู่ก่อน พอพีทกับเต้ยเดินมาจุ้มค่อยยั่ว จะได้ไม่ต้องเดินให้ตกส้นสูงอีก”
ทีมงานลนลานวิ่งไปยกเก้าอี้ ลูกจันมองจุ้มจิ้มอย่างหนักใจ
ลูกจันรำพึง “จะได้เกิดมั้ยจุ้มเอ๊ยย”
จุ้มจิ้มนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เธอหันไปเห็นพอลกับเต้ยเดินมา
จุ้มจิ้มยิ้มหวาน “สายชล”
พอลกับเต้ยหันไปมอง จุ้มจิ้มทำท่ายั่วยวนสุดๆ แต่ดูประดักประเดิดและตลกมาก ป้าอ้อยถอนหายใจอย่างหงุดหงิดสุดๆ
แนนถาม “เทคมั้ยคะ”
“เทคที่15 แล้วนะ ขืนเทคอีกแสงก็หมดพอดี ปล่อยไปแบบนี้แหละ เด็กใหม่คนดูคงให้อภัย”
พอลมองจุ้มจิ้มแล้วขำมากจึงระเบิดหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆๆ”
ป้าอ้อยโกรธมาก “เทค” ป้าอ้อยเครียดจัดจึงกรี๊ดลั่นเพื่อระบายอารมณ์ “กรี๊ดด”
ลูกจันตกใจจึงลุกพรวดออกจากหน้ามอนิเตอร์ ทีมงานคนอื่นๆมองป้าอ้อยนิ่งๆ เพราะชินแล้ว
“ไม่ต้องตกใจค่ะ ป้าแกเครียดเท่านั้นเองค่ะ” แนนบอก
ป้าอ้อยเงยหน้าขึ้นมาตะโกนอย่างข่มอารมณ์สุดๆ “ขอ....อีก..ที”
จุ้มจิ้มนั่งทำท่ายั่วยวนอย่างเก้ๆกังๆอยู่บนเก้าอี้ พอลมองจุ้มจิ้มในมอนิเตอร์
ลูกจันลุ้นมาก “อย่าหัวเราะนะพีท”
พอลมองจุ้มจิ้มขำๆ แต่พยายามกลั้นหัวเราะ สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่จึงหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ป้าอ้อยสุดทน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพีทไม่มีสมาธิแบบนี้...ทำม๊ายย”
ป้าอ้อยตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่งแล้วก็เป็นลมล้มพับไป ทุกคนมองป้าอ้อยอย่างตกใจ
ลูกจันตกใจ “ป้าอ้อย!”
แนนรีบวิ่งเข้ามาประคองป้าอ้อย
“รีบพาป้าอ้อยไปโรงพยาบาลเร็ว”
ทีมงานเข้ามาช่วยกันหามป้าอ้อยออกไป ทุกคนในกองมองอย่างตกใจ
“วันนี้ป้าอ้อยคงไม่ไหวแล้ว เลิกกองเลยค่ะ” แนนบอก
แนนวิ่งตามทีมงานที่หามป้าอ้อยออกไป ลูกจันได้สติก็รีบเดินไปหาพอล
“มานี่ซิ”
ลูกจันเดินออกไป พอลมองตามลูกจันอย่างเซ็งๆ
ช่างไฟกำลังเก็บของ ลูกจันจ้องหน้าพอลด้วยความสงสัย
“แกมีเรื่องกลุ้มใจอะไรรึเปล่า”
“ไม่มี” พอลตอบ
“ไม่มี แล้วทำไมเล่นละครไม่มีสมาธิแบบนั้นล่ะ”
“ก็ดูจุ้มทำท่าสิ ตลกซะขนาดนั้นจะให้ฉันมีสมาธิได้ไง”
“แกเคยเข้าฉากกับคนที่ตลกกว่าจุ้มอีก แต่แกก็ไม่เคยหลุด ถ้าวันนี้แกไม่ได้มีเรื่องกลุ้มใจจนเสียสมาธิ ก็แสดงว่าฝีมือทางการแสดงของแกลดลง”
พอลชะงักแล้วรีบแก้ตัว “ของแบบนี้มันจะลดลงได้ยังไง ช่วงนี้ฉันแค่ไม่ค่อยสบาย หายเมื่อไหร่ฉันก็กลับมาเล่นเก่งเหมือนเดิมเองแหละน่า”
“กว่าแกจะหายป้าอ้อยคงตายซะก่อน วันนี้ถ้าป้าอ้อยเส้นเลือดในสมองแตก แกต้องรับบาปไปเต็มๆ”
พอลหงุดหงิด “ทุกวันนี้ฉันก็กดดันตัวเองมากแล้ว แกไม่ต้องมากดดันฉันเพิ่มหรอก กองเลิกแล้วกลับไปทำงานของแกได้แล้ว”
พอลเดินออกไปด้วยอาการหงุดหงิด ลูกจันมองตามพอลอย่างหงุดหงิดเหมือนกัน
อ่านต่อตอนที่ 5