เรือนริษยา ตอนที่ 19
ทิพย์เก็บตัวอยู่ในห้องเก็บของ ภายในบ้านกลางสวน หมกมุ่นอยู่กับความแค้น... เธอจุดเทียนหอมรายล้อมตัวเองแทนที่จะเปิดไฟ รำพึงรำพัน
"ลูกที่น่าสงสารของแม่ ลูกที่เกิดจากความภักดีของฉันที่มีต่อนายลิตร! แต่กลับไม่มีโอกาสได้ออกมาลืมตาดูโลก เพราะความชั่วร้ายของพวกมัน"
ทิพย์พูดพลาง หยิบรูปวางเรียงทีละใบๆ ใบแรกรูปเรไร ...ใบต่อมาเป็นรูปรำเพย...ตามมาด้วยรูปลิตร ทิพย์ยิ้มแค้นและขมขื่น
"ความรัก ความภักดีของฉัน มันได้ตายไปพร้อมเลือดในอกของฉัน นับแต่วันนั้น"
ทิพย์วางรูปของฤทัยลงเป็นรูปต่อจากลิตร
"และแก...นังฤทัย! นังคนชั่ว แกจะต้องได้รับผลกรรมเป็นรายต่อไป"
ทิพย์หันไปคว้าเทียนมาจี้ลนไปที่รูปตรงหน้าของฤทัย แล้วหัวเราะหึๆในคอ
ชิดยืนอยู่ที่หน้าประตู ตามองจ้องนิ่ง รู้ดีว่า ทิพย์มักจะมาเก็บตัวพร่ำถึงความแค้นของตัวเองอยู่ในห้องนี้เป็นประจำ ชิดกังวลกับสิ่งที่ทิพย์กำลังเดินหน้าทำอยู่
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง นันทนัชเปิดประตูออกมาดู
"ใครอ่ะ"
"ฉันเอง!"
เธอนิ่วหน้ามองกนกกรที่ยืนอยู่หน้าห้อง โดยมีเดือนยืนถือถาดใส่กาแฟและของว่างอยู่ข้างหลัง
"บ้านนี้มีบริการส่งของว่างถึงห้องนอนตั้งแต่เมื่อไหร่"
"แปลกอะไรยะ ทีหล่อนยังพาคุณกฤตมาบริการถึงห้องนอนได้เลย ทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้" กนกกรชะเง้อมองเข้าไปในห้อง "คุณกฤตคะ โถ...ถูกนังโรคจิตขังไว้ในห้องทั้งวัน หิวมากไหมคะ กิ๊บเอาของว่างมาให้ค่ะ"
กฤตพนธ์โผล่หน้ามอง สีหน้ากังวล กนกกรถือวิสาสะเบียดเธอจะเข้าห้อง แต่เธอไม่ยอมถอย ขวางทางไว้
"หลีกไปซะ ยืนเกะกะขวางโลกอยู่ได้"
"เธอนั่นแหละไปซะ! ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของฉันกับคุณกฤต ไม่อนุญาตให้ส่วนเกินเข้า"
"อ๊าย! ฉันไม่ใช่ส่วนเกินนะ คุณกฤตเค้าทิ้งฉันเพราะหล่อนไปยั่วเค้าต่างหาก"
"อุ้ยตาย! ถูกทิ้งเหรอ นี่พูดเองนะว่าถูกเค้าทิ้ง ฉันไม่ได้พูดนะ"
กนกกรยิ่งกรี๊ด
"อ๊าย อีปากเน่า อีปากเหม็น"
"เอากาแฟร้อนๆนี่ล้างปากมันเลยค่ะ" เดือนว่า
กฤตพนธ์ชักเครียด สถานการณ์ชักไปกันใหญ่ เมื่อเห็นเดือนส่งกากาแฟให้ กนกกรรับกามาจะสาดใส่ แต่นันทนัชจับมือ ยื้อยุดกัน
"คุณกิ๊บ ใจเย็นๆนะครับ อย่าทำอย่างงั้น"
"มันมาด่ากิ๊บว่าถูกทิ้ง คุณจะเข้าข้างมันอีกเหรอ กิ๊บไม่ยอม กิ๊บจะเอาน้ำร้อนลวกปากมัน"
"อย่าครับคุณกิ๊บ อย่า"
เมื่อนันทนัชออกแรงงัดมือกนกกรได้ กากาแฟก็กระเด็นหลุดมือไปใส่อกเดือน กนกกรยืนอ้าปากค้าง
"อ๊าย"
ฤทัยกำลังกินยาดื่มน้ำตาม เสียงของเดือนที่กรีดร้องเสียงดังเข้ามา ฤทัยถึงกับสำลักน้ำ...ไอโขก ไม้ต้องรีบลูบหลัง
"เสียงใครจะเป็นจะตายอีกห่ะเนี่ยะ ฉันปวดหัวแทบจะแตกอยู่แล้ว"
"ลูกสาวแม่อาจจะบุกขึ้นไปฆ่านังนัน แย่งผู้ชายบนห้องนอนแล้วล่ะมั๊ง" รณฤทธิ์ว่า
"หา...ยัยกิ๊บ! รีบขึ้นไปดูซี ยืนกันอยู่ทำไม"
ฤทัยตะลีตาเหลือกออกไป รณฤทธิ์กับไม้ตาม
ทุกคนเดินออกมาจากห้องทำงานลิตร เห็นเดือนเดินเสื้อเลอะกาแฟทำหน้าจะเป็นจะตายลงบันไดมา
"อกอีเดือนจะพุพองเสียของรึปล่าวก็ไม่รู้ ฮือๆๆ"
กนกกรเดินแจ้นตามลงมา นันทนัชเดินถือกากาแฟตามมาโวยและกฤตพนธ์คอยตามห้าม
"จะรีบไปไหนล่ะ เธอยังไม่ได้เสิร์ฟกาแฟคุณกฤตเค้าเลย มาเสิร์ฟให้เสร็จก่อนซีกิ๊บ หรือว่าจะให้ฉันเสิร์ฟเธอแทน"
"อ๊าย...อย่ามายุ่งกับฉันนะ"
"นี่...หยุดนะยัยนัน!"
กนกกรรีบถลาเข้าลงมาหาฤทัยทันที
"แม่...ช่วยกิ๊บด้วย"
"เธอจะทำอะไรลูกฉันห่ะ"
"ถามลูกสาวน้าดีกว่าว่าจะทำอะไร ถึงได้ตามขึ้นไปเคาะประตู จะเข้าไปหาคุณกฤตถึงในห้องนอน"
"ห่ะ...ยัยกิ๊บ"
ฤทัยมองหน้ากนกกรอย่างเม้งๆ
"เอ่อ...กิ๊บ...กิ๊บแค่จะเอาของว่างไปให้คุณกฤต แต่นังนันมันทำตัวเป็นหมาหวงก้าง มันหาเรื่อง มันไล่งับกิ๊บ เอากาแฟสาดใส่นังเดือน"
"แหม...ไม่ไล่ได้ไง๊พี่กิ๊บ คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ จริงไหมคุณกฤต ฮ่ะๆๆ กลางวันแสกๆยังไม่เว้นเลย คงอดใจรอให้มันมืดไม่ไหวล่ะซีท่า ยังไงก็เกรงอกเกรงใจวิญญาณพ่อเลี้ยงผมหน่อยนะ เพราะเตียงที่คุณทำ อะไรกันน่ะ เป็นเตียงที่พ่อเลี้ยงผมเคยนอนตาย" รณฤทธิ์ว่า
เธอโกรธจนตัวสั่น ปล่อยกากาแฟร่วงพื้น จะตอบโต้ออกไป แต่กฤตพนธ์ โอบเอวนันทนัช
หยุดเธอไว้
"ถ้าวิญญาณของคุณลิตรยังคงวนเวียนอยู่ในห้องนั้นจริงๆ ก็คงจะมีความสุขมาก ที่ได้เห็นว่าผมรักและทะนุถนอมคุณนันมากแค่ไหน" เขาพูดพลางมองหน้านันทนัชอย่างหวานซึ้ง "ซึ่งคนที่ไม่เคยมีความรักจริงใจให้ใครก็คงไม่เข้าใจ"
รณฤทธิ์ยืนขบเขี้ยวอย่างหมั่นไส้ ขณะที่กนกกรได้แต่ยืนเต้นเร่าๆ มองภาพที่ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันอย่างซึ้ง ตอนนั้นเองที่ศรีเดินนำใครคนหนึ่งเข้ามา
"คุณนันคะเอ่อ...คือ"
ศรีชะงักยิ้ม เมื่อเห็นทั้งคู่ยืนสวีตกันอยู่ ธีร์เดินตามหลังศรีเข้ามา ยืนตะลึงเมื่อเห็นทั้งคู่ยืนโอบเอวจับมือกันอยู่
"พี่ธีร์"
ฤทัยเดินฉุนเฉียวกลับเข้ามาในห้อง โดยมีไม้เดินตามมา
"อีบ้าเอ้ย นี่มันฤดูวางไข่หรือไง ผู้ชายถึงได้แย่งกันมาหานังนันไม่หยุดไม่หย่อน ฉันจะทำอะไรก็มีไอ้พวกนี้เกะกะขวางทางอยู่ในบ้านเต็มไปหมด ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว"
ฤทัยกุมขมับสุดเครียดคว้าขวดยาแก้ปวดจะมากิน แต่ไม้คว้าไว้
"พี่เพิ่งกินยาไปเมื่อกี้เองนะครับ"
"ก็ฉันเครียดได้ยินไหม ไม่มีอะไรได้ดั่งใจฉันสักอย่าง มรดกก็ยังไม่ได้ บ้านก็ยังไม่เป็นของฉัน แล้วอีนันก็นังลอยหน้าลอยตาคอยเป็นมารชีวิตฉันอีก"
"มีคุณนันคนเดียวไม่เท่าไหร่หรอก แต่นายกฤตขืนให้อยู่ร่วมบ้านนานๆ ไม่ดีแน่ ต้องรีบเขี่ย"
"แล้วใครจะเขี่ยมันออกไปได้ล่ะ มันเป็นทหารนะ ลงไม้ลงมือกับมัน มันเอาเราติดคุกแน่"
"เราก็ใช้กฎหมายซีครับ ให้ทนายสมุทรชัยจัดการ"
ฤทัยฉุกคิด เห็นด้วย
"งั้นจะช้าอยู่ทำไม รีบโทร.ตามไอ้ทนายกับลูกชายมันให้มาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย"
"ครับ"
ไม้หันไปคว้าโทรศัพท์กดโทร. ฤทัยนั่งจับขมับอย่างแค้น
ธีร์เดินออกมารอที่สวนอย่างใจคอร้อนรุ่ม ขบกรามข่มอารมณ์หึง นันทนัชเดินตามออกมา หยุดมองด้านหลังธีร์อย่างเห็นใจ
"นันกับคุณกฤต...เราคบกันค่ะ"
ธีร์ขวับมามองอย่างแทบไม่เชื่อหู
"คบเหรอ นันกับเค้าเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนะ แต่กับพี่...เรารู้จักกันมากี่ปี"
"นันขอโทษค่ะพี่ธีร์ นันเข้าใจว่าพี่รู้สึกยังไง แล้วนันก็ไม่อยากทำให้พี่ผิดหวังเลยจริงๆ แต่นัน...นัน"
เธออึดอัดพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกว่าจำเป็นต้องโกหก
"แต่นันก็รักเขาไปแล้วงั้นเหรอ เค้ามีอะไรดีกว่าพี่ นันถึงเลือกเขาแทนที่จะเป็นพี่ ถึงขนาดพาเค้าเข้ามาอยู่ในบ้านแบบนี้"
"เอ่อ...ฟังนันก่อนนะคะพี่ธีร์ ไม่มีอะไรเกินเลยนะคะ คุณกฤตเค้าห่วงนัน เค้าแค่อยากจะเข้ามาอยู่ปกป้องนัน ก็เท่านั้นเอง"
"แล้วพี่ปกป้องนันไม่ได้หรือไง! พี่รอนันมาตลอดเวลา ทำไมไม่เป็นพี่ ทำไมนันไม่ให้โอกาสพี่ได้ปกป้องนัน ทำไม"
ธีร์หันเดินผละไปเลยอย่างเสียใจ
"พี่ธีร์"
นันทนัชทรุดนั่งเสียใจที่ทำให้คนที่ดีกับตัวเองที่สุดต้องผิดหวัง
ธีร์เดินเสียใจออกมาจากมุมสวน รณฤทธิ์ก็ปราดเข้ามาขวางหน้าไว้ทันที
"มีน้ำยาแค่นี้เองเหรอมึง"
ธีร์ฉุน
"ว่าไงนะ"
"ไอ้โง่เอ้ย อุตส่าห์เฝ้าตาม เฝ้ากกนังนันมาตั้งแต่เมืองนอกเมืองนา อยู่ๆมาปล่อยให้คนอื่นคาบไปกินง่ายๆซะงั้น กูอายแทนมึงจริงๆว่ะเป็นกู ไม่ยอมเสียทองเท่าหัว แล้วก็ไม่ยอมเสียตำแหน่งผัวให้ใครด้วยเว้ย"
"ไอ้ปากชั่ว!"
ธีร์ต่อยปากรณฤทธิ์จนล้มคว่ำ แล้วชี้ด่า
"แกอย่ามาพูดว่านันเสียๆหายๆนะ นันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายแบบนั้น"
รณฤทธิ์จับปากอย่างโกรธ หันมาต่อยธีร์คืนจนคว่ำ
"ไอ้กระจอกเอ้ย! มึงปล่อยให้นังนั่นยั่วมึงไปยั่วมึงมา แล้วไม่ได้ฟันมันงั้นดิ เหอะ!มึงคิดว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษมากงั้นดิ ถุย! อีนันมันไม่เคยเห็นหัว มึงต่างหาก มันหลอกใช้มึงรู้ไว้ซะไอ้โง่"
ราวกับถูกซ้ำเติม ธีร์หันไปคว้าคอรณฤทธิ์ ต่อยอีก
"ไอ้สารเลว"
กฤตพนธ์ออกมาเห็นรีบแยกทั้ง 2 ออกจากกัน
"หยุดคุณรณ...คุณธีร์หยุดครับ...ผมบอกให้หยุด"
กฤตพนธ์ยืนอยู่ตรงกลาง ใช้มือดันอกทั้งคู่ออกจากกันได้ แต่ทั้งคู่ก็ปัดมือกฤตพนธ์ออกไปอย่างหัวเสีย
รณฤทธิ์จับปากที่เลือดซึม มองกฤตพนธ์กับธีร์ยิ้มกวนโอ๊ยใส่
"เชิญผัวเก่ากับผัวใหม่เคลียร์กันตามสบายนะ เชิญ! ฮ่ะๆๆ"
รณฤทธิ์เดินหัวเราะร่วนผละไป กฤตพนธ์ฉุนแต่ควบคุมสติไว้ ธีร์จะเดินตามไปเอาเรื่องต่อ กฤตพนธ์ต้องยันอกไว้
"คุณธีร์! จบเถอะครับ"
ธีร์ปัดมือกฤตพนธ์
"จบเหรอ! พูดง่ายๆ คุณเข้ามาอยู่กับนันในบ้านแบบนี้ คิดบ้างไหมว่านันจะเสียหายขนาดไหนห่ะ"
"ผมก็เสียหายเหมือนกันในฐานะที่ผมเป็นนายทหาร! แต่ระหว่างเสียชื่อกับเสียชีวิต ผมขอปกป้องคุณนันอย่างหลังจะดีกว่า"
ธีร์อึ้งเถียงไม่ออก เดินผละไปอย่างหัวเสีย กฤตพนธ์ยืนถอนใจ
มุมสวน ในเรือนรัตนะ นันทนัชนั่งซึมเครียด...นึกถึงความดีของธีร์ที่ผ่านๆมา...
วันแรกที่กลับมาจากเมืองนอกธีร์ไปรับ เรื่องราวดีๆที่ธีร์ให้กับเธอ จนถึงบอกว่า ให้เธอทิ้งทุกอย่างที่เรือนรัตนะ บินกลับไปอยู่อังกฤษกับเขา
"พี่ธีร์...ถ้านันรักพี่ นันมั่นใจว่าชีวิตนันจะต้องมีแต่ความสุข แต่นันก็ไม่ได้เลือกพี่ ชีวิตของนันมันมีกรรม ต้องชดใช้"
เธอถอนใจ นั่งทำใจ... จนเสียงมือถือดังขึ้น เธอหลุดจากภวังค์ก้มลงมองเบอร์ เป็นแฟนต้าโทร.มา
"ฮัลโหล...ฉันว่าจะโทร.หาแกอยู่พอดีเลยต้า ฝากดูแลพี่ธีร์ด้วยต้า ฉันทำร้ายจิตใจพี่ธีร์ ทำให้คนที่แสนดีอย่างพี่ธีร์ต้องเสียใจมาก"
ภายในร้านอาหาร แฟนต้าสีหน้าแปลกใจ
"เสียใจเรื่องอะไร"
แฟนต้าฟังเธอเล่ามาตามสายด้วยสีหน้าตกใจ อ้าปากค้างขึ้นเรื่อยๆ
"อะไรนะ! คุณกฤตเค้าตามไปอยู่กับแกที่เรือนรัตนะบ้าน"
ทิพย์เดินมาพอดี ตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น หยุดยืนฟัง
"เฮ้ย! นี่มันเข้าข่ายหนีการตามกันนะเว้ย นี่แสดงว่าแกรักเค้าแล้วซิ ทำเป็นปากแข็งอยู่ตั้งนาน ขนาดฉันยังช็อก แล้วพี่ธีร์จะทำใจได้ไง"
แฟนต้าหันเป็นเห็นธีร์เดินเข้าร้านมาแต่ไกล แต่เดินไปอีกด้านหนึ่งของร้าน
"เฮ้ยๆๆๆ แค่นี้ก่อนนะ พี่ธีร์มาแล้ว ขอฉันไปดูอาการก่อน เออน่า... จะดูให้ ไม่ต้องห่วง"
แฟนต้าถอนใจ กดวางสาย ทิพย์ที่ยืนอยู่เมื่อครู่หายไปแล้ว
ทิพย์เปิดประตูเดินเข้าห้องมาอย่างเดือดดาลสุดๆปิดประตูแล้วดึงผ้าคลุมหัวแม่ครัวออก
เขวี้ยงไปที่เตียงอย่างระบายอารมณ์
"นังนัน...แกทำอะไรของแกเนี่ยะ เอาไอ้ผู้พันนั่นเข้ามาอยู่ในบ้าน"
ทิพย์ปัดข้าวของบนโต๊ะร่วงระบายอารมณ์
"อี้ย์!...นังเด็กโง่เอ้ย ถ้าไม่ใช่เพราะแกเอาแต่อ่อนแอปวกเปียก เมื่อ10ปีที่แล้วฉันคงได้เสวยสุขเป็นคุณนายในเรือนรัตนะกับพ่อแกไปนานแล้ว มาตอนนี้พอแกลุกขึ้นสู้ กลับไปคว้าไอ้กฤตเข้ามายุ่งอีก อีกนิดเดียวฉันจะแก้แค้นสำเร็จ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาขวางทางฉันได้เด็ดขาด"
ทิพย์ล้วงมือถือขึ้นมาจากผ้ากั้นเปื้อน กดหาเบอร์นันทนัช แล้วโทร.ไป
ขณะนั้น นันทนัชเดินกลับเข้าในห้องกับกฤตพนธ์ เสียงมือถือดังขึ้น
"ใครโทร.มาครับ"
"น้าทิพย์"
เธอตอบพลางเงยหน้าขึ้นมองเขา
"น้าทิพย์คงจะรู้เรื่องที่คุณมาอยู่กับฉันที่นี่จากพี่ธีร์"
นันทนัชกังวล กำลังจะกดรับสาย แต่เขาจับแขนเตือนเธอก่อน
"อย่าบอกความจริงนะครับ"
"ทำไมล่ะคะ น้าทิพย์เป็นคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดนะ"
"โธ่คุณนัน ความลับถ้าเราไปบอกใครสักคน มันก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป"
เธอนิ่งคิด เสียงมือถือดังไม่หยุด นันทนัชกำลังตัดสินใจจะรับ
"ฉันรู้น่า ว่าจะพูดยังไง ขอฉันคุยกับน้าทิพย์ตามลำพัง"
"ได้ครับ"
กฤตพนธ์เดินปลีกตัวไปเปิดประตูระเบียงออกไปยืนอยู่ด้านนอก นันทนัชกดรับสาย
"ฮัลโหล โทร.มามีอะไรค่ะ น้าทิพย์"
ทิพย์พูดสายด้วยเสียงเลือดเย็น
"นายกฤตอยู่ข้างๆคุณนันรึปล่าวคะ"
นันทนัชเงยหน้ามองไปที่กฤตพนธ์ เขามองมาพอดี เป็นสัญญาณว่า ทิพย์รู้เรื่องอย่างที่คาดไว้จริงๆ
"น้าทิพย์รู้เรื่องแล้วเหรอคะ"
"ไล่เค้าออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้"
"น้าทิพย์ค้า"
"ทำไม! เดี๋ยวนี้เชื่อเค้า ไม่เชื่อน้าแล้วเหรอคะ"
"ไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ แต่นันกำลังทำตามวิธีของนัน"
"วิธีบ้าบออะไรคะ ยอมให้ผู้ชายที่คุณนันเพิ่งจะรู้จักเข้ามาอยู่ใกล้ตัว แถมเค้ายังขึ้นชื่อว่าเคยสนิทสนมกับลูกสาวยัยฤทัยมาก่อน เนี่ยะนะเหรอคะ คนที่คุณนันไว้ใจ เค้าอาจจะเป็นพวกนังฤทัยส่งมาสอดแนมคุณหนูก็ได้"
"เค้าไม่ใช่พวกของน้าฤทัยค่ะ"
"คุณนันมั่นใจได้ยังไงว่าไม่ใช่"
"นันมั่นใจก็แล้วกันคะ"
สิ่งที่กฤตพนธ์ปฏิบัติช่วยเหลือมา ทำให้นันทนัชมั่นใจ และออกอาการดื้อกับทิพย์เมื่อเธอทำในสิ่งที่มั่นใจ
"แต่น้าไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจเค้า แล้วก็ไม่เห็นด้วยเลย ถ้าคุณนันจะมีใจให้ผู้ชายคนนี้ ไล่เค้าออกไปจากชีวิตคุณนันซะ น้าขอร้อง"
นันทนัชนิ่งอึ้งไป รู้สึกไม่พอใจนักกับการถูกบังคับอย่างไม่มีเหตุผล
"นันไล่เค้าไปไม่ได้หรอกค่ะ"
"ทำไมจะไล่ไม่ได้คะ"
"มีเค้าอยู่ใกล้ๆ นันอุ่นใจค่ะ แล้วก็รู้สึกปลอดภัยว่าไม่มีใครจะมาทำร้ายนันได้ ถ้าเค้าอยู่ข้างๆนัน"
ทิพย์นิ่งอึ้งไป มือกำมือถือแน่น สีหน้าโกรธบิดเบี้ยวแทบระเบิด
"ฮัลโหลๆ...น้าทิพย์คะ...ฮัลโหล"
ทิพย์กดวางสายทิ้งอย่างโกรธเกรี้ยว
"ถ้าแกมีผัวเมื่อไหร่ ต่อให้แย่งมรดกและเรือนรัตนะมาจากนังฤทัยได้ นังทิพย์ก็หมดสิทธิ์จะได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของแก แกจะต้องเป็นของฉันคนเดียวนันทนัช ใครมาแย่งแกไปจากฉัน มันจะต้องมีอันเป็นไป"
ทิพย์เปิดเผยตัวตนความเหี้ยมอย่างหมดเปลือกบนใบหน้า
เรือนริษยา ตอนที่ 19 (ต่อ)
ธีร์นั่งซึมเสียอกเสียใจ แฟนต้าถือแก้วน้ำสีเขียวเข้ามาวางให้
"อ่ะ กินน้ำซะหน่อย มัวแต่เสียใจ ร่างกายขาดน้ำอาจจะเสียชีวิตได้นะพี่ธีร์"
ธีร์ยื่นมือมารับแก้วไป พอจะดื่มเห็นสีน้ำก็ตกใจ
"น้ำไร? สีเขียวอื๋อเลย"
"น้ำใบบัวบก แก้ช้ำใน"
"สนุกเหรอต้า ที่ได้ซ้ำเติมพี่"
"ซ้ำเติมที่ไหน น้ำใบบัวบกไม่ใช่แก้ช้ำใจอย่างเดียวนะ แต่บำรุงสายตาแล้วก็ทำให้สดชื่นด้วย พี่จะได้มองโลกอย่างสดใส ร่างกายไม่หดหู่ พร้อมจะสู้ต่อไปไงพี่ธีร์" ต้ากำหมัดเหมือนเรียกกำลังใจให้ธีร์
"พี่ไม่อยากกิน นอกเสียจากว่า ไอ้น้ำแก้วนี้ มันจะทำให้นันกลับมาหาพี่ได้"
"ไม่มีน้ำวิเศษที่ไหนช่วยพี่ได้หรอก พี่ต้องช่วยตัวเอง ทำใจ แล้วยอมรับความจริงให้ได้ คิดอย่างต้าซี"
"คิดยังไง"
"ก็คิดซะว่า...อะไรที่ทำให้คนที่เรารักมีความสุข เราก็ต้องยินดีกับเค้าด้วย เหมือนกับที่ต้าเฝ้าดูพี่ธีร์รักยัยนันไง ถึงจะเจ็บจี๊ด แต่ต้าก็มีความสุข"
"โฮ่ย...ใครจะไปบ้าเหมือนเรา"
ธีร์หลบตา แฟนต้ายิ้มขำ
"งั้นก็รีบกินซะพี่ธีร์ แล้วต่อจากนี้ต้าจะทำหน้าที่รักษาแผลใจให้พี่เอง"
แฟนต้านั่งลง ธีร์สะดุ้งลุกหนี
"เฮ้ย!"
แฟนต้าทำยิ้มหวานส่งสายตาให้ ธีร์ทำท่าขนลุก แฟนต้าหัวเราะขำ
เวลาเย็น ฤทัยนั่งไขว้ห้างมีไม้ยืนอยู่ข้างหลังราวกับบอดี้การ์ด ต่อหน้าสมุทรชัยและไกรภัทร
"ยัยนันถือวิสาสะพาคุณกฤตเข้ามาอยู่ในบ้าน ในฐานะที่ฉันเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณลิตร ฉันขอสั่งให้คุณไปไล่คุณกฤตออก"
"ผมจะทำอย่างงั้นได้ยังไงครับ" สมุทรชัยบอก
"คุณเป็นทนายของเรา ถ้าคุณทำไมได้ แล้วใครจะทำได้อีกล่ะห่ะ"
"แต่ในฐานะทายาทคนหนึ่ง คุณนันมีสิทธิ์จะพาใครเข้าออกบ้านก็ได้นะครับ"
"แต่คุณกฤตไม่ได้เข้ามาเฉยๆ หอบเสื้อผ้าเข้ามาอยู่กินหลับนอนในบ้านคุณผู้หญิงเลยนะครับ"
ไกรภัทรกับสมุทรชัยสีหน้าหนักใจ
"ใช่ มันไม่ทุเรศเหรอห่ะ ลูกสาวคนเดียวของคุณลิตร ทำงามหน้าขนาดนี้ สร้างความเสื่อมเสียอับอายขายขี้หน้าให้กับฉันในฐานะที่เป็นแม่เลี้ยง คุณทนายต้องไปไล่นายกฤตให้ฉันซี หรือจะเอาตำรวจไปลากคอเลยก็ได้"
"คุณกฤตไม่ใช่โจรนะครับ แล้วก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ผมจะเอาตำรวจไปจับได้ยังไง"
"โฮ่ย โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ สรุปว่าฉันทำได้แค่มองตาปริบๆ ยอมให้มันมามั่วกันในบ้านฉันงั้นเหรอ"
ไกรภัทรบอก
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณฤทัย คุณกฤตเป็นถึงทายาทของอัศวัติ บ้านช่องใหญ่โตยังกับวัง สมบัติก็เยอะแยะ ยังไงๆก็คงไม่ไปอยู่ที่เรือนรัตนะเป็นการถาวรหรอกครับ"
"ก็แล้วเมื่อไหร่เค้าจะไปล่ะ...เมื่อไหร่"
"ผมเดาว่า...คุณกฤตคงจะอยู่จนกว่าคุณนันจะเอาพินัยกรรมตัวจริงออกมาเปิดนั่นแหละครับ"
"ห่ะ! อีก3เดือน จนกว่าจะออกจากไว้ทุกข์น่ะเหรอ ฉันไม่รอนานขนาดนั้นหรอก ถ้าคุณไล่คุณกฤตออกจากบ้านฉันไม่ได้ ก็รีบไปจิกยัยนันให้รีบเอาพินัยกรรมที่คุยว่ามี ออกมาให้ดูเร็วๆ ไม่อย่างงั้นนะ...ฉันจะแจ้งความว่าคุณ2คนร่วมมือกับยัยนัน จงใจเตะถ่วงการเปิดพินัยกรรมฉบับของฉันW
สมุทรชัยถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
"ฟังนะครับคุณฤทัย ผมไม่อยากเป็นโจทย์อะไรกับคุณหรอก ผมก็อยากให้เรื่องพินัยกรรมจบลงเร็วๆเหมือนกัน"
"งั้นก็รีบทำอะไรสักอย่างซิ จะมานั่งนอนกินเดือนๆฟรีๆไม่ได้นะ"
สมุทรชัยฉุนกึก แต่คุมอารมณ์ไว้
"โอเคครับ ผมจะให้ไกรภัทร รีบไปกดดันเอาพินัยกรรมจากคุณนันให้"
"ไม่ใช่แค่กดดันอย่างเดียว ต้องเอามาให้ได้ด้วย แต่ถ้าไม่ได้ หึ แสดงว่ายัยนันโกหกปั้นน้ำเป็นตัว! อุปโลกน์มั่วว่ามีพินัยกรรม แล้วจะมาหาว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายไม่ได้นะ ฉันเหลืออดเต็มทีแล้ว"
ฤทัยโกรธตาขวาง ไม่สร้างภาพอีกต่อไป สมุทรชัยสบตากับไกรภัทรส่งสัญญาณบางอย่าง
"หมดธุระแล้ว งั้นผมขอตัวกลับ"
"เชิญ"
ขณะเดียวกัน นันทนัชก็กำลังกลุ้มเรื่องหาพินัยกรรม
"ฉันต้องไปหาพินัยกรรมที่ไหน ถึงจะหาพบ"
"ในบ้านหลังนี้ มีตรงไหนที่คุณยังไม่หาบ้างไหมครับ"
นันทนัชส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง
"จะมีก็แต่ในสวนกว้างๆนั่นแหละ ที่ยังไม่ได้ขุดหา"
"แต่ถ้าคุณจะหา ผมก็จะช่วยขุด"
"พูดเป็นเล่นน่าคุณ พ่อฉันจะเอาพินัยกรรมไปฝังไว้ในสวนทำไมกัน"
กฤตพนธ์ยักไหล่
"ใครจะไปรู้"
เธอเลิกสนใจ หยิบรูปรำเพยขึ้นมาดู
"แม่รำเพย แม่เดาใจพ่อออกไหม ว่าพ่อจะเอาพินัยกรรมไปเก็บไว้ที่ไหน ถ้าแม่รู้ คืนนี้มาเข้าฝันหนูนะคะ หนูอยากจะเจอแม่"
เขาอึ้งมองเธออย่างสงสารจนยื่นมือไปบีบไหล่ให้กำลังใจ เธอเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้ม
"ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ เวลาดูรูปแม่ทีไร ฉันก็มักจะพูดคนเดียวแบบนี้"
กฤตพนธ์แปลกใจเมื่อสังเกตเห็นรูปในมือนันทนัชชัดๆ
"นั่นรูปแม่คุณเหรอครับ ทำไมถึงได้ขาดปะผุอย่างงั้นล่ะครับ"
"ฝีมือนายรณไงค่ะ แอบเข้ามาทำลายข้าวของในห้อง ตอนที่ฉันไม่อยู่ เค้าฉีกรูปของแม่ที่ฉันมีอยู่แค่ใบเดียว ออกเป็นชิ้นๆ ทุกวันนี้ฉันยังหาชิ้นส่วนรูปที่แหว่งไปชิ้นนี้ไม่เจอเลย"
"ไม่ต้องห่วงครับ ผมมาอยู่ด้วยทั้งคน ผมจะช่วยคุณหาทุกอย่างเอง ทั้งพินัยกรรม ทั้งชิ้นส่วนรูปสำคัญใบนี้"
กฤตพนธ์พูดพลางยื่นหน้าเข้ามาเกยคางอยู่ที่ไหล่เธอพร้อมส่งตาหวาน เธอเขินลุกขึ้นเดินหนีกลับเข้าห้องไป
เย็นต่อเนื่อง กนกกรเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่ล่างตรงบันได ตามองขึ้นไปชั้นบนตลอดเวลา
"ขลุกกันอยู่แต่ในห้อง ทำอะไรกันอยู่นะ"
เดือนเดินเข้ามาสอด
"แหมๆคุณกิ๊บ ผู้หญิงผู้ชายอยู่ในห้องกันสองต่อสอง คงไม่นั่งคุยกันธรรมดาๆแน่ มันต้องนอนคุย เล่นผีผ้าห่มกัน เพลินเลยล่ะ ฮิๆๆ"
"อีเดือน! อีปากเหม็น แกอย่าพูดอย่างงี้นะ ฉันไม่อยากได้ยิน"
กนกกรยกมือปิดหูอย่างทนไม่ได้
"งั้นไม่พูดก็ได้เคอะ"
เดือนหันจะเดินไป แต่กนกกรจิกผมไว้
"มานี่ ฉันยังไม่สั่งให้ไป แกจะไปไหนไม่ได้"
"โอ๊ยๆๆๆ อะไรอีกล่ะคะคุณกิ๊บ"
"แกเข้าครัวไปเลยนะ ไปทำกับข้าวมาหลายๆอย่าง"
"จะทำทำไมคะ ทุกทีคุณกิ๊บรักษาเชฟไม่กินข้าวเย็นนี่คะ"
"แต่วันนี้ฉันจะกิน จะชวนคุณกฤตลงมากินด้วยกัน"
"อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ วิธีหยุด 2 คนนั่นเล่นผีผ้าห่ม คือชวนมากินข้าวนี่เอง"
"เดี๋ยวแม่ตบปากแตก ยังจะปากมากอีก ไปได้แล้ว! รีบทำเร็วๆนะ ฉันหิว"
"ค่า"
เดือนหันเดินเบ้ปากมาก แอบนินทามา
"หิวข้าว หรืออยากแย่งผู้ชายกันแน่ เหมือนแม่ไม่มีผิด ชิ!"
พระอาทิตย์กำลังตกดิน ศรีเคาะประตูห้อง นันทนัชเปิดประตู
"มีอะไรจ๊ะศรี"
"คุณกิ๊บให้มาเชิญคุณนันกับคุณกฤตลงไปทานมื้อค่ำด้วยกันค่ะ"
"ห่ะ! ฉันหูฝาดไปรึปล่าว ยัยกิ๊บน่ะเหรอให้มาชวนฉันลงไปทานข้าว"
"อืม"
ศรีทำอ้ำอึ้งมองผ่านไหล่นันทนัชไปที่กฤตพนธ์
"ออ...ฉันเข้าใจแล้ว ขอบใจมากนะศรี บอกเดี๋ยวฉันจะลงไป"
"ค่า"
ศรีหันเดินไป นันทนัชปิดประตูห้องพลางหันมาพูด
"ยัยกิ๊บคงอยากจะเชิญคุณไปดินเนอร์ 2 ต่อ 2 มากกว่า แต่จำใจต้องเชิญฉันลงไปด้วย"
กฤตพนธ์ขำ นันทนัชแข็งกระด้างใส่เขา
"นี่คุณ"
"อุ้ย! อะไรอ่ะ"
"เป็นคนรักกัน หัดมองผมตาหวานๆ พูดจาเพราะๆหน่อย ทำเป็นไหม"
"ทำไม่เป็น แล้วไม่ชอบทำด้วย"
"ตามใจคุณ ถ้าอยากให้คนในบ้านนี้จับได้ ความแตกเร็วๆก็แล้วแต่คุณ"
"นี่คุณขู่ฉันเหรอ"
"ป่าว แต่จะบอกว่าผมไม่ใช่คนทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ถ้าไม่ทำก็คือไม่ทำเลย แต่ถ้าบอกว่าช่วย ก็แปลว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคุณด้วย จะให้ผมตบมือข้างเดียว มันคงไม่ดัง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหารต่อหน้าสายตาทุกคน"
"ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามอ่อนหวานเป็นคนรักของคุณ ให้ยัยกิ๊บอกแตกตายคาโต๊ะอาหารไปเลย พอใจรึยัง"
"ยัง! จนกว่าผมจะเห็นกับตาตัวเองซะก่อน ว่าคุณทำตามที่พูดจริงๆ"
เธอค้อนที่ถูกท้าทาย ผละจากกฤตพนธ์ไปคว้ามือถือ
"รีบลงไปเถอะ เดี๋ยวยัยกิ๊บจะรอคุณนาน"
กนกกรนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างร้อนใจ หันไปหงุดหงิดใส่ศรีที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้างเดือน
"นังศรี! แกบอกรึปล่าวว่าฉันจะกินวันนี้"
"เอ่อ...ศรีบอกคุณนันแล้วค่ะว่าให้รีบลงมา"
"แล้วทำไมไม่โผล่หัวลงมาซะทีล่ะ"
"เฮ่อ ไม่รู้เป็นไร ไม่รู้สึกหิวเลย ไม่รู้จะกินอะไรลงรึปล่าวเนี่ยะ"
นันทนัชเสียงนำมาก่อนตัว เธอกับกฤตพนธ์เดินมาที่โต๊ะอาหาร
"ถ้ากินไม่ลงก็ไม่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะให้เกะกะ แต่คุณกฤตคงจะหิวแล้วใช่ไหมคะ เชิญนั่งทานด้วยกันซีค่ะ"
กนกกรทำท่าจะลุกเข้ามาประคองให้เขานั่ง แต่นันทนัชชิงทำเป็นเกาะแขนประคองเขาให้นั่งเสียก่อน
"นั่งตรงนี่ดีกว่าคะคุณกฤต เนี่ยะเป็นเพราะมีคุณกฤตอยู่ใกล้ๆนี่เอง นันถึงอิ่มทิพย์ตลอดเวลา ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย"
กฤตพนธ์ยิ้ม เอ็นดูการแสดงละครของเธอ เลยตามน้ำโอบไหล่นันทนัช
"เหรอครับ เดี๋ยวก็ผอมแย่ ผมไม่ชอบมีแฟนผอมๆนะ"
กนกกรยืนค้าง เสียฟอร์ม กัดปากแทบกรี๊ด ศรีแอบขำ เดือนมองไปที่นันทนัชอย่างหมั่นไส้ กนกกรหมดอารมณ์นั่งอย่างเดิม
"ยืนหลับหรือไงนังเดือน ตักข้าวซิ"
"เอ่อ...ค่ะๆ"
เดือนกับศรีช่วยกันตักข้าวเสิร์ฟ กนกกรส่งยิ้มหวานให้กฤตพนธ์
"ทานเลยค่ะคุณกฤต กิ๊บสั่งให้ทำกับข้าวเป็นพิเศษเพื่อคุณเลยนะคะ ลองชิมนี่ดูซีคะ ผัดเปรี้ยวหวาน ของโปรดคุณ กิ๊บจำได้แม่นเลย ฮิๆ"
กนกกรตักกับข้าวจะใส่จาน นันทนัชได้แต่นั่งมองเฉย โดยที่ไม่ได้แสดงอาการหึงหวง
"เอ่อ...ขอบคุณครับ"
กฤตพนธ์ฝืนยิ้มพลางเหล่เธอแล้วแอบกระแทกศอกให้ทำอะไรสักอย่าง นันทนัชถึงรู้สึก ตักกับข้าวให้เขาบ้าง
"อ๋อ..แต่คุณชอบกินเผ็ดๆนี่คะ ไม่ชอบหวานเลี่ยนๆ ชิมนี่ดีกว่าค่ะ แล้วจะเมินผัดเปรี้ยวหวานไปเลย ฮิๆ"
กนกกรกำช้อนแน่น มองเธอตาแทบถลน ศรีแอบขำ ฤทัยเดินเข้ามา
"แหม่...คุณลิตรเสียเงินเสียทองส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเป็นล้านๆ นึกว่าเรียนจบปริญญาสาขาอะไรมา ที่แท้ก็จบวิชาเอาใจผู้ชายนี่เอง"
นันทนัชโกรธปรี๊ด วางช้อนเสียงดัง กฤตพนธ์โอบเอวหยุดเธอไว้ ฤทัยเลยได้ใจที่เห็นนันทนัชไม่ตอบโต้ เลยเดินมานั่งลงไขว้ห้างหาเรื่องนันทนัชที่โต๊ะ
"ว่าไงจ๊ะหนูนัน ไหนล่ะใบปริญญาที่เรียนจบมาน่ะ ทำไมไม่เอามาอวดน้าบ้างล่ะ น้าจะได้เอาไปใส่กรอบตั้งโชว์ เป็นเกียรติประวัติแก่ตระกูลฤทธานนท์ หึๆ ถ้าคุณลิตรยังอยู่คงจะภูมิใจในตัวลูกสาวมาก"
"แล้วทำไมน้าฤทัยต้องมาสนใจเอาใบปริญญานันใส่กรอบแล้วล่ะ ในเมื่อนันมองหาทั่วบ้านแล้ว ไม่เห็นปริญญาของลูกสาวกับลูกชายน้าตั้งโชว์อวดใครเลยสักใบ"
ฤทัยหน้าแหก ขณะที่กนกกรเป็นฝ่ายปรี๊ด
"นี่ยัยนัน! หล่อนด่าว่าฉันเรียนไม่จบเหรอห่ะ"
"ไม่รู้ซิ เธอเรียนจบรึปล่าวล่ะกิ๊บ ก็ฉันไม่เห็นจริงๆ ไม่เห็นก็แปลว่าไม่มีปริญญาใช่ไหม"
"แก..."
ฤทัยลุกจะเอาเรื่อง แต่กฤตพนธ์ขัดขึ้นก่อน
"ผมว่านั่งทานในบ้านนี่มันอึดอัดน่ะครับ ออกไปนั่งทานข้างนอกจะดีกว่า"
"ก็ดีเหมือนกันค่ะคุณกฤต ไปดินเน่อร์ใต้แสงจันทร์กัน ศรีจ้ะ ช่วยจัดอาหารไปตั้งโต๊ะให้ฉันชุดนึงที่ริมสวน"
"ได้ค่ะ"
ฤทัยจะหันไปห้ามศรี แต่กฤตพนธ์ทันเกมส์ ทักขึ้นเสียก่อน
"หวังว่าคุณน้าฤทัยจะมีน้ำใจให้ผมได้ทานข้าวอร่อยๆสักมื้อนะครับ"
ฤทัยจำต้องขบฟันหยุดตัวเองเอาไว้
ภายในเซฟเฮ้าส์ของเชน เวลาพลบค่ำ เชนกำลังพูดสาย...
"ไอ้กฤตมันดอดเข้าไปเฝ้านังผู้หญิงนั่นถึงในบ้านเลยเหรอ! หึ เก็บมันเหรอ พูดง่ายนะ จะให้ผมบุกเข้าไปฆ่าในบ้านเลยเหรอยังไง"
ยังไม่ทันคุยจบ สมุนพารณฤทธิ์เดินเข้ามาเสียก่อน
"พี่เชนครับ"
เชนรีบปิดเอามือปิดมือถือทันที
"ฉันอยากให้ลงมือเก็บไอ้กฤตวันนี้เลย" รณฤทธิ์บอก
"คุณจะให้ไปฆ่ามันที่ไหนครับ"
"บ้านฉันเอง! ตอนนี้มันอยู่ในบ้านฉัน ฉันจะพาไปเชือดมันเอง"
เชนยิ้มออกทันที บอกกับรณฤทธิ์
"งั้นคุณนั่งรอก่อน ขอผมวางสายกับลูกค้าอีกคนแป๊บนึง"
รณฤทธิ์จำต้องทิ้งตัวลงนั่ง เชนเอามือที่ปิดมือออก พูดกับปลายสาย
"ฮัลโหล ผมมีวิธีจัดการกับมันแล้ว คุณรอฟังข่าวก็แล้วกัน"
เชนกดวางสายแล้วหันมาพูดกับรณฤทธิ์
"ไหน...บอกแผนคุณมาซิ จะให้ผ่านรปภ.เข้าบ้านคุณไปเก็บมันยังไง"
โต๊ะดินเนอร์ริมหน้าต่างมองเห็นพระจันทร์ลอยเด่นอยู่ที่ท้องฟ้าด้านนอก ศรีกำลังวางตะเกียงน้ำมันในครอบแก้ววางลงบนโต๊ะให้
"เชิญทานกันให้อร่อยนะคะ ไม่มีมารคอหอยแล้ว ฮิๆ"
"ขอบใจนะศรี"
ศรีเดินผละไป นันทนัชมองไปที่กับข้าวบนโต๊ะอย่างหิว
"ขอฉันกินล่ะนะ หิวจะแย่"
เธอตักกินอย่างอร่อย กฤตพนธ์ขำ
"ไหนเมื่อกี้บอกอยู่กับผมแล้วอิ่มทิพย์ ไม่หิวเลยไง"
"ฉันก็ทำเป็นเล่นละครหวานใส่คุณ ตามที่พูดแล้วไง เป็นไง ผ่านไหม"
"ไม่ผ่าน เกือบตกด้วยซ้ำ"
"เวอร์น่า อย่ามาทำมาตรฐานสูงใส่ฉัน ฉันอี๋อ๋อกับคุณเยอะแล้วนะ ไม่ผ่านได้ยังไงกัน"
"คุณกิ๊บตักกับข้าวเอาใจผม หวานใส่ผมซะขนาดนั้น แต่คุณกลับนั่งเฉย"
"แล้วฉันต้องทำไง ต้องร้องไห้เกาะแข้งเกาะขาคุณ หรือว่าจะต้องลุกไปกระชากยัยกิ๊บมาตบๆๆๆเหมือนอย่างในละครห่ะ"
"คุณก็เก่งแต่ประชดผม ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่าควรจะทำเป็นหึงหวงผม"
"ก็...ฉันทำไม่เป็นนี่ ฉันไม่เคยหึงหวงใคร ไม่เคยพะเน้าพะนอเอาใจใคร ขนาดกับพ่อ ฉันยังไม่เคยทำเลย แล้วทำไมฉันต้องมาทำกับคุณ"
"งั้นถ้าคุณไม่ทำ ผมก็ต้องเป็นฝ่ายทำซะเอง แล้วคุณจะต้อง...เสียใจ"
"ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย"
"อ้าว! คุณจะเสียใจเพราะถูกผมเอาใจจนชิน พอถึงวันที่เราต้องเลิกแสดงละครเป็นแฟนกัน คุณก็ต้องคิดถึงผม และเป็นฝ่ายที่ต้องเสียใจเพราะไม่มีผมอยู่ข้างๆคอยเอาใจอีกแล้ว"
"บ้า! หลงตัวเองเกินไปคุณ คุณคิดเหรอว่าฉันจะมีใจให้คุณจริงๆ"
"เบาๆซิคุณ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่องนะคุณ"
กฤตพนธ์พูดพลางถอดผ้าพันคอตัวเองคลี่ ลุกเดินมาคลุมไหล่ให้นันทนัช
"คุณจะทำอะไร"
"ชิ้ว ผมก็กำลังทำหน้าที่เอาใจคุณไง ให้ดูเป็นคู่รักสมจริง อยู่นิ่งๆนะมีคนกำลังแอบดูเราอยู่"
กฤตพนธ์พูดพลางโอบกอดไหล่นันทนัชทางด้านหลัง พลางชี้ชวนให้ดูพระจันทร์เต็มดวง
"คืนนี้พระจันทร์สวยนะครับ"
"ฮื้อ...สวยจริงๆด้วยค่ะ"
เธอนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา รู้สึกอบอุ่นมีความสุขอย่างไม่เสแสร้ง เขาจูบเรือนผมของเธออย่างอดใจไม่ได้ เธอหลับตาพริ้ม
เรือนริษยา ตอนที่ 19 (ต่อ)
กนกกรแอบมองอยู่ที่นอกประตู เห็นภาพที่ทั้งคู่ดูพระจันทร์ด้วยกันก็แทบกรี๊ด เสียงนังเดือนที่แอบมองอยู่ใกล้กันพากย์สดขึ้นมาอีก
"ปากบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่ดูดิ กอดกันกลมขนาดนี้ นี่ขนาดข้างนอกนะ ถ้าข้างในห้องจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขนาดไหน นึกภาพแล้วเสียววาบ มันต้องแซ่บอีหลีแน่ๆ"
"อีเดือน"
เดือนสะดุ้ง
"อุ้ย!"
"ตระกูลแกเป็นนักพากษ์เหรอห่ะไง พากษ์อยู่ได้ จะไปไหนก็ไป"
เดือนรีบเดินผละไป
เดือนบ่นฮุบ
"ขอดูหนังสดหน่อยก็ไม่ได้"
กนกกรหันมาฟูมฟายใส่ฤทัยที่ยืนมองเครียดอยู่กับไม้
"แม่...ทำอะไรสักอย่างซี กิ๊บทนดูไม่ไหวแล้วนะ"
"แกก็อย่าไปดูมันซิ ไปดูทำไม"
"โธ่แม่ วิธีของแม่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ นังนันมันแย่งคุณกฤตไป กิ๊บต้องแย่งคืนกลับมาซิ"
"แย่งคืนมาทำไม ฉันไม่เอามันแล้วลูกเขยแบบนี้ ฉันมีแต่อยากจะกำจัดมันไปให้พ้น"
"แม่อ่ะ"
"ก็เพราะมีนายกฤตเข้ามายุ่ง คุณนันถึงเป็นต่อคุณผู้หญิงอยู่ทุกวันนี้ คุณกิ๊บควรจะช่วยคุณผู้หญิงหาวิธีกำจัดคุณกฤตไปให้ไกลๆจากเรื่องของเราดีกว่านะครับ"
"ว่าไงนะ...เรื่องของเรา! หึ แกกลายมาเป็นพวกเดียวระดับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กันห่ะไอ้คนขับรถ"
ไม้ถึงกับหน้าเสียไป
"ตายแล้วยัยกิ๊บ แกไปพูดกับนายไม้อย่างงี้ได้ไงห่ะ"
"ก็เพราะแม่นั่นแหละ ให้ท้ายไอ้คนขับรถแบบนี้ มันถึงได้ใจ ไม่รู้จักว่าใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นขี้ข้า ตีตัวเสมอเรา"
"แกนั่นแหละที่ฉันให้ท้ายจนเคยตัว ปากมาก ฟุ้งซ่านแต่เรื่องผู้ชาย ไสหัวเข้าห้องไปนอนได้แล้วไป ไปซี"
กนกกรเดินสะบัดหน้าขึ้นห้องไป ฤทัยหันมามองไม้
"อย่าไปฟังยัยกิ๊บเลยนะไม้ ลูกฉันมันก็เอาแต่ใจยังงี้นี่แหละ ไม้ก็รู้ใช่ไหมจ๊ะ ว่าชีวิตฉันต้องมีไม้ เราช่วยเหลือกัน เราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะ เมื่อไหร่ที่ฉันได้ครอบครองทุกอย่าง ไม้ก็จะสบายไปด้วย"
"ผมรู้ครับคุณผู้หญิง เราถึงต้องช่วยเหลือกันไงครับ"
ฤทัยยิ้ม
ทั้งคู่ชนแก้วน้ำผลไม้ ยิ้มให้กันแล้วดื่ม นันทนัชวางแก้วอย่างมีความสุข
"นับตั้งแต่กลับบ้านมา เฮ่อ นี่เป็นข้าวมื้อแรกในบ้านที่ฉันกินอย่างมีความสุข เลยลืมตัวกินซะอิ่มเลย"
"กินอิ่มขนาดนี้ งั้นคืนนี้คุณคงนอนหลับสบาย"
เธอหัวเราะขำ
"ประโยคที่ว่า...หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนใช้กับฉันไม่ได้หรอกคุณ ฉันไม่หลับง่ายๆหรอก"
"ทำไมเหรอครับ"
"ก็...เอ่อ"
เธอเกือบจะบอกว่าตัวเองนอนหลับยากต้องพึ่งยานอนหลับบ่อย แต่หยุดตัวเองไว้ทัน
"ก็เพราะว่ามีคุณอยู่ร่วมห้องไง"
"นึกว่าเพราะอะไร ฮ่ะๆๆ คุณไม่กล้าหลับ เพราะว่ากลัวผมจะปล้ำคุณเหรอ หึ จ้างให้ ผมก็ไม่กล้าเข้าหาคุณหรอก"
เธอฉุนกึกเหมือนโดนดูถูก
"ทำไม ฉันไม่สวย ไม่เซ็กซี่พอหรือไง"
"เพราะผมรู้ว่าคุณมีปืนต่างหาก ผมไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรอก"
เธอยิ้มออก
"โธ่ นึกว่าจะแน่"
"อ้าว! แต่ถ้าคุณท้าผมแบบนี้ ผมก็กล้าเสี่ยงนะ"
"เอ้ย! ปล่าวนะ ฉันไม่ได้ท้าคุณซะหน่อย"
"ไม่ได้ท้าได้ไง ก็คุณว่าผมไม่แน่อยู่เมื่อกี้"
"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น จริงๆนะ ฉันไม่ได้ท้า"
ทั้ง2 หยอกเย้ากัน เธอเขินอายหน้าแดง
"งั้นก่อนจะขึ้นห้องไปนอน เรามาย่อยอาหารกันซะหน่อยดีกว่า"
"หื๊อ... ย่อยอาหารยังไง"
เขาหยิบมือมากดๆเปิดเพลงบรรเลงหวานๆ วางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วลุกมายืนโค้ง พลางยื่นมือต่อหน้าเธอ
"ให้เกียรติเต้นระบำกับผมสักเพลงนะครับ"
นันทนัชขำคำว่าระบำ ยื่นมือไปให้เขาจับ แล้วลุกขึ้นเต้นรำช้าๆไปตามจังหวะเสียงเพลงในมือถือ
ศรีแอบมองอยู่ที่ด้านหลัง...ยิ้มเคลิ้มมีความสุขไปด้วย
"ช่างเหมาะสมกันจริงๆเล๊ย"
เขจาจับเธอหมุน โอบเอว มองตากันซึ้ง ยิ้มให้กัน บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรัก
ฟ้ามืดแล้ว รณฤทธิ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน เปิดกระจกรถไว้ ลงจากรถ เห็นนันทนัชกับกฤตพนธ์กำลังเต้นรำอยู่ เขาขบกรามสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด
"มีความสุขนักนะมึง หึ นัวเนียกันให้หนำใจ มึงไม่ได้ไปต่อแล้วไอ้กฤต"
รณฤทธิ์หันมามองที่รถตัวเองอย่างมีพิรุธบางอย่าง ไม่ล็อครถด้วยรีโมต แต่ใช้กุญแจล็อครถแทนแล้วเดินเข้าบ้านไป
รณฤทธิ์เดินเข้าบ้านก็เจอเข้ากับฤทัยนั่งอยู่กับไม้
"แกยังมีแก่ใจออกไปร่อนนอกบ้านอีกนะตารณ แทนที่จะอยู่ช่วยกันคิดหาวิธีไล่ไอ้กฤตออกจากบ้าน"
"แม่จ๋า อย่าโวยวายไปน่า เดี๋ยวแก่ ตีนกาขึ้น ต้องเสียตังค์ไปฉีดโน่นฉีดนี่อีก"
รณฤทธิ์พูดพลางเข้ามาบีบไหล่
"ฉีดปากแกซิ ไม่ต้องมานวดฉัน อารมณ์ไม่ดี"
"แล้วแม่รู้ได้ไงว่าฉันไม่ช่วยคิด"
"ไหนล่ะ แกคิดอะไรออกมั่ง บอกฉันมาซิ"
"เดี๋ยวฉันบอก แม่จะตกใจ ไม่บอกดีกว่า"
"หึ แกมันก็ดีแต่ปาก ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้เลย"
"โธ่แม่ อย่าบ่นนักเลยน่า ไปหลับไปนอนโน่นไป ตื่นเช้าขึ้นมาพรุ่งนี้อาจจะมีข่าวดีก็ได้"
รณฤทธิ์พูดพลางเดินขึ้นชั้นบนไป
"ข่าวดีบ้าบอคอแตกอะไรของแกห่ะ"
"เออน่า ไปนอนเถอะแม่ นอนดึก หน้าเหี่ยวหมดแล้วเห็นไหมนั่น"
ฤทัยรีบจับหน้าตัวเอง
"ดูมัน ไอ้ลูกคนนี้"
ฤทัยหันมามองไม้ที่ยืนอยู่ ส่งสายตาหวานให้ไม้
"ง่วงหรือยังจ้ะไม้"
ไม้อึ้งมอง...ตรูโดนอีกแล้วคืนนี้
โต๊ะมุมสวนในร้านแฟนต้า เวลาเดียวกัน ธีร์นั่งมองพระจันทร์อย่างเหงาๆ แฟนต้าเดินเข้ามามองจานข้าวผัดที่ยังเหลืออยู่เต็มจาน
"ข้าวปลาไม่กินเหรอพี่ธีร์ เดี๋ยวก็ผอมตายหรอก"
"ใครจะไปกินลง ไม่รู้ว่าป่านนี้นายกฤตอยู่ร่วมบ้านกับนัน จะเป็นยังไงบ้าง"
แฟนต้าถอนใจ คว้ากีตาร์โปร่งที่วางพิงอยู่มานั่งลงเล่น
"คนเรานี่แหละน้า รู้ว่าคิดไปก็เจ็บเปล่าๆ ยังจะไปคิดถึงอีก"
แฟนต้าดีดเพลงหวานๆเศร้าๆ
"แล้วมาดีดเพลงอะไรแบบนี้ จะไม่ให้พี่คิดมากได้ไง ไปดูลูกค้าโน่นไป"
"นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพี่ธีร์ ร้านปิดแล้ว"
ธีร์มองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าดึกมาแล้วลุกขึ้น
"งั้นพี่กลับดีกว่า"
แต่แฟนต้าคว้าแขนไว้
"เดี๋ยวพี่ธีร์"
"อะไรอีก"
"โน่นๆ"
แฟนต้าพยักเพยิดหน้าธีร์ให้มองทิพย์ที่เดินดุ่มๆอยู่ที่มุมสวนมืดๆ
"วันนี้แกอารมณ์ไม่ดีหงุดหงิดทั้งวัน ทำกับข้าวผิดๆถูกๆ ต้าว่าเป็นเพราะ แกรู้เรื่องที่ยัยนันพาคุณกฤตเข้าไปอยู่ในบ้านแหง๋ๆเลย"
"ทำยังกับเป็นเจ้าของชีวิตนัน"
"ก็นั่นน่ะซี ดูแกมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างมากกว่าห่วงยัยนัน"
แฟนต้าคิดอะไรบางอย่าง ดึงมือธีร์ให้ลุก แอบเดินตามทิพย์ไป
ทิพย์เดินมาพลางกดมือถือ โทร.ออกไป
"ฮัลโหล งานที่สั่ง ว่ายังไง"
เชนก็กำลังพูดสายอยู่เหมือนกัน
"ก็บอกไปแล้วไง ว่าผมมีวิธีจะเก็บมันแล้ว คุณไม่ต้องโทร.มาจี้ผมหรอก งานนี้ ผมต้องทำให้สำเร็จ ถ้ามันไม่ตาย ผมไม่มีวันเลิกยุ่งกับมัน"
ที่ทิพย์กำลังพูดสายต่อ
"หวังว่าครั้งนี้จะทำงานสำเร็จนะ"
แล้วทิพย์ก็เห็นเงาหัวคน 2 คนที่ถูกไฟที่ส่องมาจากหลังร้านส่องกระทบมา จนเกิดเงาพาดอยู่ที่พื้น
"แค่นี้นะ"
ทิพย์รีบตัดบท วางสายหันไปมอง
"นั่นใคร...ใครอยู่ตรงนั้น"
แฟนต้ากับธีร์ค่อยๆโผล่ออก แฟนต้าทำฟอร์ม
"อ้าว...น้าทิพย์เองเหรอคะ โธ่นึกว่าใครมาเดินซุ่มอยู่แถวนี้ ต้าก็เลยตามมาดู"
ทิพย์มองอย่างรู้ทัน
"ร้านปิดแล้ว ยังไม่กลับอีกเหรอคะ ถึงมาดักซุ่มจับโจรอยู่อย่างนี้"
ธีร์ดึงแขน
"ก็กำลังจะกลับครับ ไปส่งพี่ที่รถหน่อยต้า กลับก่อนนะครับน้า"
"ค่ะ ขับรถกลับดีๆนะคะ กลางค่ำกลางคืน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ"
ทิพย์พูดแฝงแช่ง ธีร์มองแววตาทิพย์แล้วรู้สึกได้ ดึงแฟนต้าเดินผละไป ทิพย์โกรธ
"จุ้นจ้านมากนัก ระวังตัวให้ดีเหอะ"
เชนยังคงเดินพูดกับโทรศัพท์มือถืออยู่
"ไอ้กฤตมันฝากรอยแผลลึกไว้กับลูกน้องผม มันแค้นของมันมาก มันเลยอยากเอาคืน ขอไปลงมือเชือดไอ้กฤตด้วยตัวของมันเอง"
เชนดูเวลาที่นาฬิกาตรงผนัง
"นี่คงใกล้เวลาลงมือแล้ว"
นาฬิกากำลังเดินไป
กลางดึก ในห้องนอน นันทนัชเปลี่ยนชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ต้องชะงักเมื่อเห็นเขานอนเอกเขนกอยู่บนเตียงของเธอ เขาตั้งใจจะแกล้งกวนเล่นมากกว่า
"คุณขึ้นมานอนบนเตียงฉันทำไม"
เขาทำซื่อ
"แล้วคุณจะให้ผมนอนที่ไหน"
"ก็ฉันให้หมอนกับผ้าห่มคุณไปแล้วไง คุณจะนอนตรงนั้น หรือตรงโน้นก็ได้ เลือกเอาเองซีคะ"
เธอชี้ไปยังพื้นห้อง
"ให้ผมนอนกับพื้นเนี่ยะนะ อากาศหนาวขนาดนี้ มีหวังผมปอดบวมตายแน่ๆ"
"งั้นก็เอาผ้านวมพวกนี้ไปปูนอนเลย"
เธอเดินเข้าคว้าผ้านวมบนเตียง เขาถือโอกาสคว้าตัวเธอมานั่งบนตักกอดเอวเอาไว้
"คุณ!"
"ให้ผมนอนด้วยนะครับ นอนข้างๆคุณ ผมสัญญา ผมจะไม่ทำอะไรคุณ นะครับ...นะ"
นันทนัชเจอลูกอ้อนเข้าไป เกือบจะใจอ่อน แต่กัดฟัน...ห้ามใจตัวเองเอาไว้
"ไม่! ฉันให้คุณนอนร่วมเตียงด้วยไม่ได้"
"นี่ใจคอคุณจะไล่ให้ผมไปนอนที่พื้นจริงๆเหรอ แบบนี้คุณไม่ไว้ใจผมเลย"
เขาปล่อยมือที่โอบเอวเธอ แล้วตีหน้าเสียใจ
"ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจคุณนะคะคุณกฤต ตรงกันข้าม ตอนนี้คุณเป็นคนคนเดียวในบ้านหลังนี้ ที่ฉันไว้ใจมากที่สุด แต่จะให้ฉันนอนห้องเดียวกับคุณ แล้วยังนอนเตียงเดียวกับคุณอีก ฉันคง...ทำไม่ได้"
กฤตพนธ์ยิ้มขำตัวเอง
"ผมทะนงตัวมาตลอด ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผม คุณเป็นผู้หญิงกล้าคนนั้น"
เขาเลิกแกล้งเธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปคว้าหมอนผ้าห่มปูที่พื้นมุมหนึ่ง แต่นันทนัชยังไม่สบายใจ
"ฉันขอโทษค่ะคุณกฤต ฉันรู้ว่าคุณต้องเสียสละมากแค่ไหน ถึงยอมมาอยู่ปกป้องฉันแบบนี้ แต่ตอนนี้ชีวิตฉันไม่มีพ่อแล้ว ก็เหมือนตัวคนเดียว สิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับฉันก็คือศักดิ์ศรี ฉันต้องรักษามันเอาไว้ เพื่อทำให้ตัวเองเข้มแข็งรับมือได้กับทุกคนที่ไม่หวังดีกับฉัน คุณเข้าใจฉันไหม"
นันทนัชตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้ กฤตพนธ์โผกอดปลอบ
"ผมเข้าใจครับ...เข้าใจคุณตั้งแต่แรกแล้ว ผมก็แค่แกล้งกวนคุณเล่นเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากนอนร่วมเตียงกับคุณจริงๆหรอก อยากลองใจคุณดูน่ะ ว่าคุณจะใจแข็งกับคนหน้าตาดีอย่างผมสักแค่นี้"
"ห่ะ! นี่คุณแกล้งฉันเหรอ กวนประสาทที่สุดเลย"
เธอผลักเขาออก คว้าหมอนมาตีเขา
"นี่ๆๆ"
กฤตพนธ์วิ่งหนีพลางหัวเราะไปรอบห้อง
หน้าห้อง กนกกรในชุดนอนยืนฟังเสียงหัวเราะหยอกล้อที่ดังลอดออกมานอกห้อง
"คนที่ควรจะอยู่ในห้องนอนกับคุณกฤต ควรจะเป็นฉัน ไม่ใช่แก...นังนัน"
เธอยืนกำมือจิก ร้องไห้อย่างสุดแค้น รณฤทธิ์เดินออกจาห้องมาดูลาดเลาว่า หลับกันหมดหรือยัง เห็นกนกกรยืนอยู่หน้าห้องลิตรก็ตกใจ
"โธ่เว้ย อีพี่บ้า ทำไมไม่รู้จักหลับจักนอน"
รณฤทธิ์ฉุนขาด เดินเข้าไปคว้าแขนกนกกรดึงจะพากลับห้อง แต่เธอขัดขืน
"ไอ้รณ! แกจะลากฉันไปไหนเนี่ยะ"
"ก็พาไปนอนไง พี่มายืนรอส่วนบุญอะไรอยู่หน้าห้องนังนันห่ะ"
"ส่วนบุญบ้านแกดิ ปล่อยฉันนะ"
"ปล่อยก็ได้ แต่พี่ต้องกลับเข้าห้องไปนอนซะนะ อย่ามาชะเง้ออยู่หน้าห้องมันอีก"
รณฤทธิ์ชี้หน้าสั่ง กรกกรปัดนิ้ว
"แกเป็นน้องฉันนะไอ้กร๊วก ไม่ใช่พ่อ อย่ามาสั่งฉัน"
"ถ้าเป็นพ่อนะเหรอ ฉันเตะพี่เอวหักไปแล้ว ทุเรศ! มายืนร้องห่มร้องไห้หน้าห้องขณะที่มันนอน กกกันอยู่ได้ พี่ไม่อายบ้างหรือไงห่ะ ทำตัวเป็นขอทานแบบนี้"
"ไอ้รณ! แกมาด่าฉันทำไมเนี่ยะ ฉันไม่ใช่ขอทานนะ ไม่ใช่"
กนกกรถึงกับปล่อยโฮวิ่งร้องไห้ไป รณฤทธิ์ยืนหัวเสีย แล้วก็หันไปมองที่ห้องนอน พลางขบกรามแค้น
"ไอ้กฤตมึงทำให้พี่สาวกูเสียใจ ทำให้แม่กูเดือดร้อน ทำให้กูไม่ได้มรดกซะที มึงอย่าอยู่ให้รกโลกเลย หึ"
เวลาเดียวกัน ที่ชั้นล่างเดือนกับศรีอยู่ในอาการเหนื่อยเพลียง่วงนอนกำลังช่วยกันปิดหน้าต่างประตูทุกบาน เดือนถึงกับหาวหวอดๆ
"โฮ๊ย...ไม่ไหวแล้วโว้ย ง่วง"
เดือนพูดพลางหันเดินไปทั้งๆที่ยังปิดไม่หมด
"อ้าวๆนังเดือน แกจะไปไหน ยังปิดไม่หมดเลย"
"แกก็ปิดเองซีวะ ฉันง่วง"
"นังนี่! แกง่วงคนเดียวหรือไง"
ศรีหาว...รีบปิดหน้าต่างบานสุดท้าย ล็อกกุญแจประตูหน้า
เรือนริษยา ตอนที่ 19 (ต่อ)
ไฟชั้นล่างของบ้านค่อยๆดับมืดลง รถของรณฤทธิ์จอดอยู่หน้าบ้าน ท่ามกลางความเงียบสงบและแสงสลัว
ภายในห้องที่ปิดไฟมืดแล้ว กฤตพนธ์นอนตะแคงหลับอยู่ที่พื้นมุมหนึ่ง แต่นันทนัชยังนอนไม่หลับอีกเช่นเคย พลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เอาหมอนปิดหน้าก็แล้ว นอนคว่ำก็แล้ว แต่ก็ไม่ยอมหลับเสียที
เธอยอมแพ้...ลุกขึ้น...เปิดไฟหัวเตียงสว่างขึ้น เปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงควานหาขวดยา ตอนนั้นเองกฤตพนธ์ก็รู้สึกตัวตื่น เพราะแสงไฟและได้ยินเสียงเหมือนคนรื้อหาของ
เธอเจอ หยิบขวดยานอนหลับออกมาวาง ลุกเดินไปรินน้ำใส่แก้ว พอเดินกลับมาที่โต๊ะข้างเตียง ไม่เจอขวดยานอนหลับแล้ว เธอแปลกใจมาก
"เอ๊ะ! หายไปไหน ตะกี้วางไว้ที่ตรงนี้นี่นา"
นันทนัชควานหาไปรอบๆ
"คุณหายานี่อยู่เหรอ"
เธอตกใจ เห็นกฤตพนธ์ยืนถือขวดใส่ยาอยู่
"คุณ! ตื่นขึ้นมาทำไม เอามาให้ฉัน"
เธอยื่นมือขอ
"นี่มันยานอนหลับ"
เธอไม่อยากจะตอบคำถามเขา แต่ลุกเดินจะเข้ามาคว้าขวดยาไปจากมือเขา
"ฉันบอกให้เอามา"
กฤตพนธ์หลบ ยกมือที่ถือขวดยาขึ้นสูง
"เอ๊ะ! ฉันบอกให้เอาของฉันคืนมา"
นันทนัชจะคว้า แต่กฤตพนธ์ก็ถือหลบไปรอบตัว เธอก็ตามควานแย่งไปทั่ว
"คืนมาซี คุณจะแกล้งฉันทำไมนะ"
"คุณติดยานอนหลับนี่มานานแค่ไหนแล้ว"
"ฉันไม่ได้ติด ฉันแค่นอนไม่หลับ"
"ผมว่าคุณต้องกินทุกคืนแน่ๆ เนี่ยะนะเรียกว่าไม่ติด"
"ก็ฉันนอนไม่หลับ มันทรมาน คุณจะให้ฉันทำยังไง"
"คุณก็ต้องพยายามนอนให้หลับ"
เธอถอนใจ
"นึกว่าฉันไม่พยายามหรือไง ฉันก็ไม่อยากจะเป็นแบบนี้ พูดไปคุณก็คงไม่เข้าใจหรอก เอายาฉันคืนมา"
นันทนัชยื่นมือจะไปคว้ายา แต่กลับถูกกฤตพนธ์คว้าเอวเอาไว้
"ผมไม่ให้! ไม่ต้องกินแล้วยาเยอ"
"คุณมาจับฉันทำไม! ใจคอจะให้ฉันนอนตาค้างทั้งคืนหรือไง ฉันอยากจะหลับ"
"งั้นผมจะทำให้คุณหลับเอง"
ว่าแล้วเขาก็ช้อนตัวเธออุ้มขึ้นพาไปนอนลงที่เตียง
"ปล่อยฉันนะ ฉันจะกินยา"
นันทนัชพยายามจะลุก แต่กฤตพนธ์กดเธอไว้ นอนโอบแขนใช้มือทั้ง 2 จับข้อมือนันทนัชไว้แน่น
"ผมไม่ให้กิน"
"ไม่กินฉันก็ไม่มีทางหลับ"
"งั้นถ้าไม่หลับก็ไม่หลับด้วยกันทั้งคู่นี่แหละ"
นันทนัชพยายามดิ้นแต่ก็ต้านทานวงแขนของกฤตพนธ์ที่โอบไว้ไม่ได้
ภายนอกบ้านที่เงียบสงัด รปภ.เดินส่องไฟฉายตรวจตราอยู่แถบริมรั้ว ที่รถของรณฤทธิ์ ประตูรถด้านหลังบานหนึ่งค่อยๆเปิดออก เงาตะคุ่มของสมหมายค่อยๆโผล่หัวออกมาจากรถ เขาแอบซุ่มอยู่ในรถรอเวลาอยู่นับชั่วโมง มือทั้ง 2 ข้างของมันใส่ถุงมือเตรียมพร้อมป้องกันลายนิ้วมือ มันค่อยๆลงจากรถ ตามองไปยังรปภ.ที่เดินตรวจตราอยู่มุมไกล อาศัยความมืดรีบวิ่งจากรถตรงไปที่ประตูบ้าน โดยล้วงกุญแจบ้านที่รณฤทธิ์ให้เอาไว้ออกมา
ประตูลูกบิดของบ้านถูกไขเปิดออก และก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมกับดึงหมวกไอ้โม่งออกมาสะบัด แล้วคลุมหัวเตรียมพร้อม มองทางขึ้นบันไดด้วยสายตาราวเพชฌฆาต
นันทนัชได้แต่นอนหมดฤทธิ์อยู่บนเตียงโดยมีกฤตพนธ์นอนตะแคงโอบอยู่ แต่ปากก็ยังพึมพำทั้งๆที่ตาเริ่มจะปิด
"ปล่อยฉันนะ ไอ้คุณกฤตบ้า"
"มันไม่ยากขนาดนั้นหรอก เชื่อผมซิ คุณนอนหลับได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ผมจะเป็นยานอนหลับให้คุณเอง"
"ปล่อยฉัน"
"ชิ้ว...หลับซะ ดึกมากแล้ว หลับให้สบาย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผมจะดูแลคุณเอง"
กฤตพนธ์กระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ…เธอหลับตาลงด้วยความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น...และแล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ลมหายใจสม่ำเสมอ
เขาค่อยๆปล่อยมือจากข้อมือเธอและดึงมือออกอย่างแผ่วเบา ลุกขึ้นจากเตียงห่มผ้าให้ มองเธออย่างแสนรัก
"ราตรีสวัสดิ์"
กฤตพนธ์ก้มลงจูบที่หน้าผาก ก่อนผละออกไป
ไอ้โม่งสมหมายเดินเงียบกริบขึ้นมาตามทางเดินหน้าห้องชั้น 2 นึกถึงคำพูดของรณฤทธิ์ที่ชี้เป้าเอาไว้
"ขึ้นบันไดมาชั้น 2 ห้องนังนันอยู่ทางซ้ายมีรูปปั้นอยู่หน้าห้อง"
ไอ้โม่งสมหมายเดินมาหยุดมองรูปปั้น แล้วหันไปมองประตูห้อง หรี่ตาแค้น แล้วชักมีดคมกริบออกมา แสงมีดต้องแสงจากโคมไฟข้างเสาวาบวับ
ไอ้โม่งสมหมายแทงกุญแจผีเข้าลูกบิดประตูอย่างชำนาญ กำลังจะปลดล็อก แต่ประตูกลับเปิดผัวะออกมา จากคนในห้องเสียก่อน
ไอ้โม่งสมหมายผงะตกใจอย่างไม่ตั้งตัว เมื่อเห็นเป็นกฤตพนธ์
"เฮ้ย!"
สมหมายรีบตวัดมีดฟันไปที่หน้ากฤตพนธ์ทันที อีกฝ่ายหลบแล้วเข้าท้องสมหมายเต็มแรง จนมันเซถลาถอยไปไกล กฤตพนธ์รีบกดล็อกลูกบิดปิดประตูไว้ทันทีเพื่อป้องกันนันทนัช แล้วปรี่เข้าไปหาไอ้โม่ง
"แกแอบเข้ามาทำไม จะมาฆ่าใคร ใครส่งแกมา"
ไอ้โม่งสมหมายไม่ตอบ...มันตั้งใจจะมาเก็บกฤตพนธ์อยู่แล้ว มันกำด้ามมีดแน่นปรี่เข้ามาแทง กฤตพนธ์เป็นฝ่ายถอยตั้งรับ แล้วพลาดท่าถูกมันเตะจนหลังไปจนจุก
"มึงตาย"
กฤตพนธ์คว้าถาดทองเหลืองบนโต๊ะมารับที่หน้าอกทัน ก่อนที่สมหมายจะเงื้อมีดแทงถาดจนเสียงกรีดดังเข้าหู
"มีคนส่งแกมาเก็บฉันใช่ไหม"
กฤตพนธ์ตวัดถาดฟาดเข้าหน้าสมหมายจนหงายเซไปยืนมึนพิงราวบันได้ เขาได้โอกาสปรี่เข้ามาจับแขนที่ถือมีดของมัน ใช้แขนอีกข้างจับล็อกคอมันไว้ ตั้งใจจะจับตัวมันให้ได้
"บอกมา! ใครส่งแกมา"
สมหมายไม่ยอมสิ้นฤทธ์ พลิกมีดกดจะแทงอีก กฤตพนธ์ใช้มืออีกข้างที่ล็อกคอก็พยายามจะใช้นิ้วดึงหมวกไอ้โม่งมันออก
"แกไม่บอก ฉันจะกระชากหน้ากากแกออกมาเอง"
สมหมายตกใจเมื่อหมวกไอ้โม่งถูกถลกขึ้นถึงใบหูข้างหนึ่งเกือบจะเห็นหน้ามันอยู่ร่อมร่อ
ในจังหวะนั้นรณฤทธิ์เดินออกมา...เห็นกฤตพนธ์กับไอ้โม่งสมหมายกอดรัดงัดสู้กันอยู่ก็ตกใจ
สมหมายกัดฟันเบ่งพลังเฮือกสุดท้ายเหวี่ยงตัวกฤตพนธ์ ทำให้เซเสียหลักทั้งคู่ตกบันได กลิ้งลงเบื้องล่าง
"อ๊าก"
ทั้งคู่กลิ้งลงมานอนเจ็บจุกที่พื้น มีดหลุดจากมือสมหมายกระเด็น มันรีบดึงหมวกไอ้โม่งปิดเสี้ยวหน้าไว้อย่างเดิม ขณะที่กฤตพนธ์แตกที่คิ้ว นอนครางในคอ
รณฤทธิ์แอบโผล่หน้ามองอยู่ที่บันไดด้านบน แว๊บหนึ่งคิดอยากจะช่วยสมหมาย เลยเปิดหาตามลิ้นชักโต๊ะ แล้วก็เจอเข้ากับกรรไกรเหล็ก รณฤทธ์คว้ากรรไกรขึ้นมากำตาวาว
กฤตพนธ์หายมึนลุกขึ้นหมายจะไปตะครุบมีด แต่สมหมายก็ตะครุบเหมือนกัน ทั้งคู่ปล้ำยื้อยุดแย่งมีดกัน สมหมายที่ชำนาญมีดมากกว่าก็บิดแขนกฤตพนธ์ ตวัดปลายมีดเข้าที่ข้อมือกฤตพนธ์ แม้กฤตพนธ์จะปล่อยมือหลบ แต่ปลายมีดก็เฉี่ยวที่ข้อมือเลือดปริทันที สมหมายได้มีดคืนไป แล้วบุกเข้าจะฆ่ากฤตพนธ์ต่อ กฤตพนธ์ถอยไป… รณฤทธิ์มองกรรไกรในมืออย่างขัดใจ
กฤตพนธ์ถอยหนีเข้ามาในห้องรับแขก สมหมายตวัดมีดฟัน ทั้งคู่รุกไล่จนเซไปชนข้าวของตั้งโชว์ที่โต๊ะตกแตกกระจาย ฤทัยเพิ่งออกจากห้องนอนของไม้เดินเข้ามาเจอพอดี ก็กรีดเสียงร้องดังจนสมหมายชะงักตกใจ
"ไอ้โม่งนี่มาจากไหน แกเข้ามาในบ้านฉันทำไม"
"ระวังครับน้าฤทัย ถอยไป"
สมหมายเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยน เลยเข้าไปจับล็อคฤทัยจี้ตัวไว้ รณฤทธิ์ตกใจ อ้าปากค้าง
"เฮ้ย…แม่กู"
"อ๊าย...แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ ไอ้โจร ไอ้ชั่ว"
"หุบปากนะ ไม่งั้นมึงตาย"
ฤทัยอ้าปากค้างทันที ขณะที่กฤตพนธ์ยกมือห้าม
"แกอย่าทำอะไรผู้หญิงนะ"
"ไสหัวไป มึงอย่าเข้ามานะ"
สมหมายพูดพลางล็อกตัวฤทัยเดินถอยหลังไปที่ห้องครัว กฤตพนธ์เดินตาม รณฤทธิ์ได้แต่แอบมองไม่กล้าโผล่มาช่วย
"แกจะพาฉันไปไหน ช่วยด้วยคุณกฤต"
"ปล่อยน้าฤทัยนะ ปล่อย! ถ้าทำอะไรนะ แกอย่าหวังว่าจะรอดออกจากที่นี่ได้"
สมหมายเดินมาถึงประตูออกจากครัว แล้วผลักฤทัยเข้ามาหากฤตพนธ์
"ว้าย"
กฤตพนธ์รับตัวฤทัยไว้ แต่สมหมายหายตัวไปแล้ว
"ห่ะ...แกอย่าหนีนะ"
กฤตพนธ์รีบดันฤทัยออก รีบตามไป ทำให้ฤทัยเซไปอีกรอบ
"อ๊าย"
ถึงตอนนี้รณฤทธิ์ถึงกล้าโผล่หัวออกมา
"แม่...เป็นอะไรบ้างรึปล่าว"
"ทำไมแกเพิ่งโผล่หัวมาห่ะ ฉันเกือบถูกไอ้โจรนั่นเสียบไปแล้ว เฮ่อ..."
ฤทัยทรุดนั่งลมจะใส่ กนกกรเดินเข้ามาอีกคน กดเปิดสวิทช์ไฟต้องตกใจเมื่อเห็นข้าวของเกลื่อน
"ว้าย...เกิดเรื่องอะไรขึ้นอ่ะแม่ ได้ยินเสียงดังโครมคราม"
"แกอย่าถามได้ไหม ฉันจะเป็นลม! เฮิ้ก"
สองคนพี่น้องต่างร้องเรียก "แม่!"
สมหมายวิ่งหนีกระหืดกระหอบมามาไกลจากตัวบ้าน จนถึงกำแพงรั้วด้านหลังที่มีประตูเล็กๆอยู่ที่รั้ว และกุญแจไม่ได้ล็อก มันหยุดเปิดกลอนประตู พลางเหลียวหลังไปมองเพราะได้ยินเสียงกฤตพนธ์วิ่งตามมาแต่ไกล ไอ้โม่งสมหมายรีบผลักประตูลอดออกไปอย่างเร็ว เขารีบไปดูที่ประตูที่ปิดไม่สนิทก็รู้ทันทีว่า ไอ้โม่งหนีออกไปทางนี้ กฤตพนธ์หัวเสียรีบตามออกไป
สมหมายวิ่งมาตามถนนในซอยที่เป็นป่าข้างทาง ซึ่งรถกระบะของสมุนมาจอดซุ่มรอรับกลับ สมหมายรีบเปิดประตูขึ้นนั่งหลังรถ แล้วสั่งสมุนที่มากัน 2 คน
"ออกรถเลย รีบไป มันตามมา"
สมุนออกรถเอี๊ยดขับมาจากป่าข้างทาง
ขณะที่กฤตพนธ์วิ่งตามมาทันเห็นรถกระบะขับออกมาพอดี
"เฮ้ย...อย่าหนีนะ!W
สมุนที่นั่งด้านข้างคนขับเลยเปิดกระจกออกมายิงใส่กฤตพนธ์ไป 2 นัด ปังๆ เขาผงะกระโจนหลบลงข้างทาง แต่กระสุนพลาดเป้า รถกระบะซิ่งฝุ่นตลบไปแล้ว
"โธ่เว้ย!"
กฤตพนธ์ตบพื้นอย่างเจ็บใจ ก่อนนึกถึงนันทนัชที่กำลังนอนหลับอยู่คนเดียวในห้อง
"คุณนัน"
กฤตพนธ์รีบลุกวิ่งกลับไปที่บ้าน
ภายในรถ....สมหมายถอดหมวกไอ้โม่งออกเหวี่ยงทิ้งอย่างฉุนเฉียว บนใบหน้ามีร่องรอยปากแตกเพราะถูกชกที่ปาก ดั้งถลอกเพราะตกกระแทกกับบันได
เสียงมือถือดังขึ้นในรถ สมุนรับสาย
"ฮัลโหล...ครับพี่เชน...รอเดี๋ยวนะเพ่"
สมุน1ส่งมือถือมาให้สมหมาย
"พี่เชนโทร.มาเพ่"
สมหมายรับมือถือมาอย่างไม่สบายใจ เพราะทำงานพลาด
"ครับพี่เชน เอ่อ...มันยังไม่ตายครับ มันดันตื่นออกมาเจอผมซะก่อน ผมเลยทำพลาด"
เชนรับสายอย่างหัวเสีย
"พลาด! พลาดๆๆๆ มึงพลาดอีกแล้วเหรอ มึงรู้ไหม...กูเสียลูกค้าถึง 2 คน ต่อไปซุ้มมือปืนไอ้เชนจะหากินได้ไหม ไอ้เวรเอ้ย"
เชนเขวี้ยงมือถือทิ้งอย่างโกรธจัด
กฤตพนธ์รีบเดินกลับเข้ามาในบ้านทางประตูห้องครัว ก็เจอทุกคนอยู่กันครบ กนกกรเห็นเลือดที่คิ้ว กับที่ข้อมือกฤตพนธ์
"ว้าย...ตายแล้วคุณกฤต หน้าตาแหกหมดเลย อ๊าย...เลือด...แขนคุณ"
"แล้วไอ้โจรนั่นล่ะ มันอยู่ไหน"
"มันหนีไปได้น่ะซิครับ หลีกครับคุณกิ๊บ"
"คุณจะไปไหนคะ กิ๊บจะทำแผลให้"
"ไม่ต้องครับ พวกคุณรีบโทร.แจ้งตำรวจดีกว่า"
พูดเสร็จกฤตพนธ์ก็รีบวิ่งกลับขึ้นบันไดไป
"คุณกฤต!"
กนกกรตามไป
"โทร.แจ้งตำรวจไหมครับคุณผู้หญิง" ไม้ถาม
"ก็โทร.ซี โจรขึ้นบ้านเรานะ"
"โทร.ทำไมแม่ โจรมันไม่ได้เข้ามาทำอะไรพวกเราซะหน่อย"
ฤทัยชักเอะใจหันไปมองรณฤทธิ์
"แล้วมันเข้ามาทำไมห่ะ"
รณฤทธิ์ยิ้มๆ
"ฉันจะไปรู้มันเหรอแม่ รู้แต่ว่ามันไปที่ห้องนังนัน"
"งั้นเหรอ"
ฤทัยเก็จทันทีว่าต้องเป็นฝีมือลูกชายตัวดีแน่ๆ ฤทัยมองรณฤทธิ์อย่าตำหนิเพราะดันทำอะไรไม่บอกกันล่วงหน้า เกือบซวยไปด้วย
กฤตพนธ์รีบขึ้นบันไดมา โดยมีกนกกรตามมาด้านหลัง พอมาถึงหน้าห้องจะเปิดประตูเข้าไป ปรากฏว่าประตูล็อกอยู่
"คุณนันครับ...คุณนัน! คุณเป็นอะไรรึปล่าว"
กฤตพนธ์ตบประตูเรียกด้วยความห่วงสุดชีวิต
"คุณนันครับ...คุณนัน...ได้ยินผมไหม"
นันทนัชเปิดประตูงัวเงียออกมา
"ได้ยินแล้ว! คุณตื่นออกไปทำไมเนี่ยะ"
"คุณนัน"
กฤตพนธ์ดึงนันทนัชมากอดไว้ทันที กนกกรยืนอ้าปากค้าง
"ผมห่วงคุณแทบแย่ ดีใจที่คุณไม่เป็นอะไร"
เธอตาสว่างทันที แปลกใจ
"ฉันจะเป็นอะไร ฉันก็นอนของฉันอยู่ในห้อง นี่คุณอย่ามาหาเรื่องกอดฉันน่า"
นันทนัชฝืนตัวดันอกกฤตพนธ์ออกห่างตัว
"มัวแต่นอนหลับสบาย มีโจรเข้าบ้านเกือบจะฆ่าคุณกฤตแล้วรู้ไหม" กนกกรว่า
"โจร! ห่ะ...คุณกฤต...หน้าคุณ... คุณบาดเจ็บนี่ คุณเป็นอะไรมากรึปล่าว เลือดออกเยอะมากเลย"
"ผมไม่เป็นไรมากหรอก แต่ก็เกือบไป ถ้าผมไม่ออกมาเจอมันซะก่อน มันคงแอบเข้าห้องเรา แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกับคุณมั่ง"
นันทนัชอึ้งมองกฤตพนธ์ทั้งน้ำตา เขาเอาแต่ห่วงเธอมากกว่าตัวเอง
"คุณกฤต"
นันทนัชโผกอดกฤตพนธ์น้ำตาคลอ กนกกรทนยืนดูไม่ได้ สะบัดหน้าเดินผละไป
จบตอนที่ 19