หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 8
วินกับเอในชุดเดิมจากเมื่อคืน เดินจูงมือกันมาที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าของโรงแรม แต่จู่ๆ เอก็หยุดเดิน เมื่อมองไปเห็น โม พิงค์ เมย์ วุ้น กำลังเดินผ่านล็อบบี้ไปยังลิฟต์ วินหันไปตามสายตาเอ
“เพื่อนไฮโซของคุณ ไม่ทักหน่อยหรือครับ”
เอหันมาค้อนให้วิน ก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะปรากฎขึ้น พลางรีบดึงมือวินไปตรงที่เคาน์เตอร์
เอ ยิ้มหวานให้พนักงานที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์
“Check out ห้อง 977 ค่ะ”
พนักงานสาวกดแป้นคอมพิวเตอร์ ครู่หนึ่งก็ดึงใบเสร็จออกมา ก่อนจะเงยหน้ามาบอก
“Check out เย็น ความจริงต้องคิดเป็นสองคืน แต่คุณเข้ามาดึกมากแล้ว เลยคิดแค่คืนเดียวนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ทั้งหมดรวมแล้ว หนึ่งหมื่นแปดพันสองร้อยเก้าสิบบาทค่ะ”
“นี่ครับ”
วินยื่นบัตรเครดิตที่โจให้มากับพนักงาน เอรีบท้วง
“นี่คุณไม่ต้อง” พลางเอียงหน้าไปประซิบเบาๆ “บัตรเครดิตคุณป่านนี้โดนอายัดเรียบร้อย”
วินตอบเสียงเบาๆ กลับมา“คุณโจให้บัตรของบริษัทมา พนักงานทุกคนใช้ได้ตลอด”
“เออน่า อย่ายุ่ง ฉันจะสั่งสอนเพื่อนหวังดี ประสงค์ร้ายของฉัน เข้าใจมั้ย”
วินพยักหน้าอย่างเข้าใจ เอหันกลับไปพาพนักงาน
“ช่วยส่งบิลไปให้คุณพิงค์ด้วยนะคะ”
พูดพลางก็ดึงแว่นตาดำออก พนักงานตาโต
“คุณ”
เอยกนิ้วแตะที่ปาก “ใช่จ้ะ”
พนักงานยิ้ม “งั้นได้เลยค่ะ”
“บวกทิปสามพันด้วยนะจ๊ะ”
“โห ขอบคุณค่ะ แต่ ต้องขอถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานได้มั้ยคะ”
“ได้ ใช้สำหรับเก็บเงินเท่านั้นนะ ห้ามลงเน็ต เดี๋ยวคนจะรู้ว่าเรามาที่นี่”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเชียร์พี่สองคน”
“ขอบใจมาก”
พูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ
“น้องจ๊ะช่วยถ่ายรูปคู่ให้หน่อยได้มั้ยคะ”
เอ พยักเพยิดให้พนักงาน พนักงานรีบสวมรอย
“ได้ค่ะ”
พนักงานสาวรีบยกโทรศัพท์ของตนขึ้นมา เอ\ดึงวิน เข้ามาใกล้ๆ โพสท่าสวย
“เรียบร้อยค่ะ”
“ขอบใจนะจ๊ะ บ๊ายบาย”
เอกับวิน หันกลับมาก็เจอ ไอ้อ๊อด กับลูกน้องของมันยืนอยู่ มีเจ้าพนักงานที่ขึ้นไปเสิร์ฟห้องวิน
ยืนอยู่ด้วย วินกับเอ หันมามองหน้ากัน สถานการณ์ตรงหน้าเริ่มคับขัน
ไอ้อ๊อดจ้องวินกับเอเขม็ง วินทำไก๋
“มีอะไรเหรอครับ”
ไอ้อ๊อดเริ่มไม่แน่ใจหันไปทางพนักงานเสิร์ฟ
“ว่าไงวะ ใช่เหรอ”
พนักงานเสิร์ฟ พยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ใช่แน่ครับพี่ ผมเห็นคุณผู้หญิงตอนถอดวิกชัดๆ ผมรับรองได้”
ไอ้อ๊อดหันมายิ้มแต่แล้วก็เจอหมัดวินชกเปรี้ยง มันกระเด็นไป
“คุณ” วินหันมาทางเอ พลางโยนกุญแจรถให้ เอ รับไว้ได้ ลูกน้องไอ้อ๊อดเข้ามาพอดี เอเอา กระเป๋าฟาดโครม แล้วรีบวิ่งออกไปที่ลานจอดรถ ลูกน้องไอ้อ๊อด จะวิ่งตาม แต่วินเข้ามาขวาง พลางชกโครมมัน
กระเด็น ไปข้างเคาน์เตอร์ พนักงานสาว เอาโทรศัพท์ฟาดโครม มันล้มไปนอนแน่นิ่ง
จากนั้นไอ้อ๊อด กับพวกก็ปราดเข้าตะลุมบอนกับวิน ซัดกันนัวเนีย
ทางด้านเอที่วิ่งออกไปที่ประตูโรงแรม พนักงาน รีบเปิดประตูให้ออกไปอย่างรวดเร็ว สมุนไอ้อ๊อดคนหนึ่งวิ่งตามมา จะออกประตู แต่พนักงานเปิดประตูขัดขามันล้มไปกองที่พื้น
“ช่วยด้วยค่ะ”
พนักงานที่จอดรถ เข้ามารุมอัดมันซ้ำ เอรีบวิ่งออกไป ก่อนจะขับรถเข้ามารับวิน ที่ได้พนักงานของโรงแรมช่วยจนรอดพ้นจากการถูกพวกไอ้อ๊อดรุมได้อย่างฉิวเฉียด
วินเปิดประตูรถ แล้วดีดตัวขึ้นไปนั่ง ปิดประตูโครม พวกไอ้อ๊อดวิ่งออกมา เอออกรถพรวดไป พวกไอ้อ๊อด ได้แต่ยืนมองด้วยความแค้น แต่แล้วรถตำรวจพรวดเข้ามาสองคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ นับสิบคน ลงมา ล้อมพวกมันไว้
“โอย เกือบไปแล้ว”
เอหัวเราะชอบใจ เมื่อขับรถพ้นออกมาจากโรงแรม
“นึกไม่ถึงว่าไอ้คนเสิร์ฟจะจำเราได้”
“สงสัยคุณให้ทิปน้อยไป มันเลยจะเอาเงินรางวัล”
เอพูดขำๆ
“นี่คุณ อย่าบ่นมากเลยน่า พวกนั้นทำเป็นห่วงแต่ใช้ฉันหาความดังใส่ตัว ให้จ่ายค่าโรงแรมก็ถือ ว่าหายกันไป”
เอหันมาบอกกับเอ ภายหลังจากที่ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านพักได้อย่างปลอดภัย
“แต่ผมไม่ต้องการใช้เงินของคนพวกนั้น”
เอ เดินเข้ามาใกล้จนติดหน้าอกวิน พลางเงยหน้าส่งตาอ้อน
“ฉันรู้ว่าคุณมีอุดมการณ์ ถือว่าช่วยฉันสั่งสอนคนพวกนี้ก็แล้วกันนะคะ พอเรื่องจบ คุณก็หารสอง แล้วก็เอาส่วนของคุณไปทำบุญก็ได้นี่คะ”
วินค่อยพยักหน้า เอพูดต่อ
“ฉันว่าซื้อรองเท้า หรือว่าจักรยานให้เด็กต่างจังหวัดเป็นเรื่องดี ว่ามั้ยคะ”
“ครับ”
เอ ยิ้มให้วิน “เสียดาย ปากคุณยังเจ็บ ไม่ยังงั้นฉันจะคิส เป็นการขอบคุณ”
เอ ยิ้มแล้วเดินออกไป วินรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ” พลางใช้มือจิ้มที่ปากของตน แต่กลายเป็นคนละมุมไป
“หายแล้วครับ”
เอยิ้มขำ “ผิดข้างแล้วคุณ”
เอพรวดพ้นไป วินยิ้มขำเอามือแตะปากด้านที่เจ่อ ร้องอู้ กลายเป็นว่ายังเจ็บอยู่
หลังจากที่ทั้งคู่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งเปิดดูไอแพดเพื่อเช็คข่าว
“เราปลอดภัย ยังมีเราอยู่พร้อมๆ กันทั่วประเทศ ฉันยังมึนเลยว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน”
เอพูดพร้อมกับขำตัวเอง
“ฝีมือยัยแนนนะครับ”
“โห น้องแนนเก่งจัง”
“เหมือนผม”
เอแกล้งมองวินค้อนๆ พลางบอก“ ขอยืมโทรศัพท์โทรหาน้องแนนหน่อยซิ”
ในระหว่างนั้นแนนกำลังสนุกอยู่กับร้องเพลง ในขณะที่ทอม เล่นเปียโนคลอไปด้วย เมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง แนนรีบกดรับสาย
“พี่วิน”
“พี่เองจ้ะน้องแนน”
“พี่เอเป็นยังไงบ้าง” แนนถามอย่างตื่นเต้น
“หนุกดีจ้ะ ขอบใจน้องแนนนะเรื่องแฟนคลับของพี่น่ะ”
“แนนดีใจที่พี่เอ ปลอดภัย”
“คุณพ่อสบายดีนะจ๊ะ”
“สบายดีค่ะ ฟังนะพี่เอ”
แนนหันโทรศัพท์ไปทางทอม ซึ่งเล่นเปียโนร้องเพลงอยู่ เสียงดังเข้าไปในโทรศัพท์ แล้วพูดกับเอ ต่อ
“คุณพ่อฝากสวัสดีเป็นเสียงเพลงค่ะ”
“บอกคุณพ่อว่าขอบคุณนะคะ แล้วแนนล่ะมีอะไรตื่นเต้นเหมือนพี่หรือเปล่า”
“ทางโรงเรียนจะแสดงละครค่ะ กำลังเลือกเรื่องอยู่ค่ะ ยังคิดไม่ออกกัน”
“เอาเรื่องซาวด์ ออฟ มิวสิก ซิคะ เพลงเพราะๆ ไม่มีพิษภัย”
“จริงด้วยค่ะ” แนนยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะพี่เอ”
จากนั้นเอก็ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้วิน ที่ยังคงนั่งเช็คข่าวจากไอแพดอยู่ “น้องแนนและคุณพ่อฝากความคิดถึง”
“คุณพอลก็ฝากข้อความมา”
พูดพลางส่งไอแพดให้เอดู เออ่านดูแล้วขำ
“คุณพอลฝากให้คุณดูแลฉัน ก็ดีแล้วนี่ คุณจะได้ดูแลฉันได้อย่างสบายใจ ไม่มีใครว่าไม่ดีเหรอ”
“โห ดีสุดๆเลยครับ” วินแอบประชด
“มาฉันตอบเอง” พูดพลางเอก็คว้าไอแพดมากด “คุณวินดูแลเอเป็นอย่างดี กิน นอน ด้วยกันตลอด คุณพอลไม่ต้องห่วงนะคะ”
วินสะดุ้ง ในขณะที่เอยิ้มชอบใจ
วินถือถ้วยพลาสติกใบใหญ่ ที่ใส่ข้าวโพดคั่วมาจนเต็ม นั่งลงข้างๆ เอที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก
“ซาวด์ ออฟ มิวสิก”
“อืม ฉันชอบ ดูทีไรฉันสบายใจทุกที”
เอหันมาตอบ พร้อมๆ กับเอื้อมหยิบข้าวโพดใส่กำมือ กินไปพร้อมกับวินด้วย
“ผมดูอย่างน้อยห้าสิบครั้ง”
เอ หันมามองอย่างคาดไม่ถึง วินพยักหน้า
“ครับ ผมดูแล้วสุขใจบอกไม่ถูกอยากมีลูกเยอะๆ แต่สมัยนี้คงเลี้ยงไม่ไหว”
เอนั่งเท้าแขนมองหน้าวิน
“แกล้งพูดเอาคะแนนจากฉันหรือเปล่า”
“คะแนนอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” วินหน้าเหรอ
“คะแนนอยากให้ฉันคิสน่ะซิ”
“อยากให้คิส” วินพูดเน้นๆ “แต่ไม่ได้พูดเพื่อเอาคะแนน”
เอ ขยับตัวเข้ามาจนชิด พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“ ถ้าฉันคิสคุณขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้น”
“ผมก็เก็บเอาไปนอนฝัน” วินทำหน้าเคลิ้มประกอบคำพูด
”ฝันว่าอะไร”
“ฝันว่ามีสาวสวยน่ารักคนหนึ่งที่คิสผม”
“แล้วไงต่อ”
“ผมตกใจตื่นมีความสุข แต่เศร้าที่ผมชอบเธอไม่ได้”
เอใช้มือสัมผัสหน้าวินอย่างแผ่วเบา “ฉันจะไม่ทำให้คุณเศร้าหรอกค่ะ กู๊ดไนท์”
“กู๊ดไนท์ครับ”
เอ ยิ้ม พร้อมกับลุกออกไป วินมองตาม เพลงจบพอดี
“มีคนเสนอมาหลายเรื่อง แต่เรื่องที่โดนใจมีสองเรื่องคือ ซินเดอร์เลลล่า กับ เดอะ ซาวด์ ออฟมิวสิก”
อาจารย์โสภาพูดต่อหน้านักศึกษาที่นั่งอยู่เต็มห้องประชุม ก่อนจะเปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมกันโหวต
“ใครมีความเห็นว่าจะเล่นเรื่องไหน”
“หนูว่า เรื่องซินเดอร์เลล่าดีกว่าค่ะ มีเจ้าหญิง เจ้าชาย สวยดีค่ะ มีลูกเลี้ยงอิจฉานางเอก ต้องโดนใจ คนดู แน่ๆค่ะ”
นุจรียกมือโหวตเป็นคนแรก
“มีใครอีกมั้ย”
“หนูว่า เรื่อง ซาวด์ ออฟ มิวสิก ค่ะ เล่นซีนสุดท้ายที่ร้องเพลง ก่อนจะหนี รวมเพลงเพราะ ไม่มีอิจฉา ตบตี เพราะสังคมเรามีเกินพอแล้วค่ะ”
แนนพูดจบ นักศึกษาก็ปรบมือสนับสนุนกันสนั่น นุจรีมองอย่างไม่พอใจ
“จากเสียงตบมือ ซาวด์ ออฟ มิวสิก ชนะเป็นเอกฉันท์เราจะเริ่มเปิดการคัดตัวนักแสดงตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นต้นไปหลังโรงเรียนเลิก”
หลังจากประชุมเสร็จ นักศึกษาก็ทยอยแยกย้ายกันไป แนนกับเพื่อนยืนคุยอยู่อย่างตื่นเต้น
นุจรีกับก๊วนเดินเข้ามา
“ฉันชอบไอเดียแนนนะ ยอดเลย”
นุจรีแกล้งปั้นหน้าว่าปลื้มจริงๆ ในขณะที่คนอื่นในก๊วน ยืนเชิดใส่เพื่อนๆ แนน
“ทุกคนชอบก็ดี”
“ได้เล่นคู่กับคุณพอลต้องสนุกแน่ๆ แต่เราร้องเพลงไม่เก่ง ต้องให้แนนช่วยสอน” นุจรีพูดอย่างประจบ
“ได้เลย” แนนยิ้มแหยๆ
“ไปก่อนนะ”
เมื่อก๊วนของนุจรีเดินออกไป น้ำหวานก็หันขวับมาถามแนนทันที
“นี่เธอจะสอนยัยนุจรีจริงๆเหรอแนน”
“จริงซิ คุณพอล จะได้หันมาสนใจยัยนุจรีแทนพี่เอ ไงล่ะ” แนนยิ้มอย่างมีแผนการ
วินกับเอ อยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ภายในห้าง เอใช้กระดาษเช็ดหูโทรศัพท์ แล้วส่งให้ วิน
“อย่าเป็นแต๋วอย่างคราวที่แล้วนะคุณต้องโหดๆหน่อย ไม่ต้องสุภาพ” เอกำชับ
“ ต้องพูดกูมึงเหมือนผู้หญิงสมัยนี้หรือเปล่า” วินประชด
“นี่ฉันไม่เคยพูดนะ”
“ไม่น่าเชื่อ แล้วคุณพูดกับเพื่อนสนิทคุณว่ายังไง”
เอยักไหล่ “ฉันก็พูด ไอ ไอ ยูๆ”
“นั่นมันเพื่อนเมืองนอก ไม่นับ ต้องเพื่อนเมืองไทยดิ”
เอ นิ่งไม่ตอบ วินหัวเราะร่วน
“เถียงไม่ออก แสดงว่าต้องเคยพูด”
“ฉันเถียงไม่ออก เพราะฉันไม่มีเพื่อนสนิทที่เมืองไทยพอที่จะพูดกูพูดมึงได้ต่างหาก”
เอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาวินถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยอดเหรียญที่ตู้ พลาง กดที่ปุ่มโทรศัพท์
“ฮัลโหล ขอสายนายประสิทธิ์เดี๋ยวนี้”
วินพูดเสียงเข้ม เอยกนิ้วโป้งให้ วินยิ้มตอบ แต่แล้วก็ค่อยๆ หุบยิ้ม ก่อนที่จะวางสายลง
“คุณพ่อคุณ หัวใจล้มเหลวฉับพลัน”
เอตกใจ หน้าซีด “ฉัน ฉัน”
“ใจเย็นๆครับ”
เอ ซบที่อกของวิน ทำท่าเหมือนจะเป็นลม วินประคอง เอ ไว้ในอ้อมอก ก่อนที่จะกระซิบบอกเบาๆ
“ตำรวจมา”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ตำรวจนึกว่าเกิดเหตุร้าย รีบเดินเข้ามาถาม
“แฟนผมไม่สบายน่ะครับ”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“แค่มึนหัวนิดหน่อยค่ะ” เอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียง
“คุณรู้จักผู้ชายคนนี้หรือเปล่าครับ”
เอยิ้ม “ค่ะ แฟนหนูเองค่ะ”
ตำรวจจ้องเอและวินอย่างพิจารณาจับพิรุธ
“ถ้าเรียบร้อยก็เชิญครับ”
จากนั้นวินรีบประคองเอออกไปทันที แล้วพาเข้ามานั่งพักที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ กัน
“ชาร้อนครับ”
พนักงานวางถ้วยและกาชาร้อนลง วินรีบหยิบกาเทให้เอ
“ดื่มชาร้อนๆซะหน่อย จะได้ดีขึ้น”
เอลุกขึ้นพรวด“ฉันรู้แล้ว ว่าจะทำยังไง”
วินจับมือให้เอนั่งลง ”จิบน้ำชาก่อน แล้วค่อยไปก็ได้”
เอค้อน พลางยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่มพรวดเดียวหมด แต่แล้วก็รีบอ้าปากร้องเบาๆ ใช้มือโบกเร็วๆ แทนพัด เพราะร้อน วินรีบช่วยเอามือพัดด้วย
เมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากร้านกาแฟ ก็ต้องชะงักกึก เมื่อตำรวจคนเดิมเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ” พลางรีบเดินเข้ามาหาทั้งคู่ “โชคดีได้เจอคุณอีก”
“เอ้อ ครับ” วินพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
เจ้าหน้าที่แบมือออก “สงสัยคุณจะทำกุญแจรถตกไว้น่ะครับ
“ โอ้ ใช่แล้วครับ ขอบคุณมากเลยครับสงสัยตอนที่แฟนผมเป็นลม ตกใจไปหน่อย”
เอฝืนยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
ตำรวจส่งกุญแจให้วิน
“ขอบคุณนะครับ”
“เชิญครับ”
เมื่อเดินพ้นมาได้ เอก็หันไปถามวินทันที
“คุณทำกุญแจตกไปได้ยังไง”
“ผมไม่ได้ทำตกซะหน่อย คุณตำรวจแกจำผิดของผมยังอยู่นี่เลย”
วินพูดพร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจออกมาให้ดู
“อ้าว แล้วคุณเอามาทำไม” เอถามอย่างงงๆ
“โธ่ ถ้าไม่เอามาก็ต้องคุยกันอีกยาว เดี๋ยวก็จำเราได้พอดี”
วินหยุดเดิน พลางกวาดสายตาไปมา
“เอาไงอีกล่ะ” เอถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
วินลากเอตรงไปที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีหญิงสาวกับหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่แล้ว
“คือ ผมเก็บกุญแจได้น่ะครับ ช่วยประกาศหาเจ้าของด้วย”
วินวางกุญแจไว้บนเคาน์เตอร์ หญิงสาวที่ยืนอยู่ก่อนเห็นพอดี
“ กุญแจของดิฉันเองค่ะ โอยโชคดีจัง ขอบคุณมากนะคะ”
“ใช่แล้วค่ะ พี่เขามาแจ้ง กำลังจะประกาศพอดี” พนักงานหันมาบอกกับวิน
“ดีครับ”
“โชคดีเจอคนดีๆอย่างคุณ” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ขออนุญาตเลี้ยงกาแฟได้มั้ยคะ” หญิงสาวถามยิ้มๆ สีหน้าเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องไปก่อนแล้วครับ”
เอ พยักหน้ายิ้มให้ไม่พูดอะไร แต่สายตาเหลือบไปเห็นตำรวจคนเดิมกำลังเดินผ่านมา เอ รีบสะกิดวิน
“ที่รักจ๊ะ ช่วยพาไปห้องน้ำหน่อยค่ะ”
“ขอตัวก่อนนะครับ แฟนผมฉี่บ่อยครับ”
รถของวินค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจอดตรงข้ามบ้านของนายประสิทธิ์
“เชื่อเลยกว่าจะรอดออกมาได้ ทั้งตำรวจทั้ง โน่นนี่ นั่น”
“คุณอยากมาเฝ้าให้ดีก็แล้วกัน ผมงีบก่อน” วินพูดหน้าตาเฉยพลางเลื่อนพยักเก้าอี้เอนแล้วแล้วขยับ แว่นตา เตรียมrพร้อมหลับเต็มที่ เอมองวินค้อนๆ ก่อนที่จะหันไปคอยดูหน้าบ้านตัวเอง
ครู่หนึ่งก็เห็นซินดี้ขับรถออกจากบ้าน เอรีบหันมาปลุกวิน
“ตื่นได้แล้ว นั่นยัยซินดี้ ตามไปเร็ว”
“โอเค โอเค”
วินรีบขยับตัวให้เข้าที่แล้วเคลื่อนรถตามไป
รถของซินดี้เลี้ยวเข้าไปในศูนย์การค้า
“อย่าบอกนะว่ายัยซินดี้มาช้อปปิ้ง”
“อาจจะซื้อของอะไรไปฝากพ่อคุณก็ได้”
เอ จ้องมองหน้าเครียด ในขณะที่วินรีบขับรถตามเข้าไป
ซินดี้เดินเข้าร้านโน้น ออกจากร้านนี้ จนมาถึงร้านชุดชั้นในวาบหวิว เอกับวินเดินตามมา แล้วไปยืนหลบอยู่มุมหนึ่ง
“นี่มันร้านชุดชั้นในเซ็กซี่นี่ บ้าจริง”
“ ซินดี้อาจจะพยายามทำให้พ่อคุณกระชุ่มกระชวยขึ้นมาก็ได้” วินเดา พลางแอบยิ้มขำ
“บ้าหรือเปล่า ยิ่งทำให้หัวใจวายละก็ไม่ว่า ดูแต่ละชุดซิ”
วินมองไปเห็นซินดี้ยกชุดขึ้นมาเป็นชุดชั้นในเซ็กซี่สุดๆ
“เจอชุดนี้อย่าว่าแต่พ่อคุณเลยผมก็หัวใจวายเหมือนกัน”
เอศอกวินโครมเบาๆ
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
จากนั้นรถของซินดี้ก็เลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล รถของวิน ที่ขับตามมา เลยไปจอดห่างออกไป
เอ เปิดประตูพรวดลงไป วินรีบลงจากรถตามไปติดๆ
ซินดี้เดินผ่านเข้าไปด้านใน เอรีบเดินตาม แต่เมื่อเห็นตำรวจสามนายเดินเข้ามาหาซินดี้ เอก็เบรค
จนตัวโก่ง
“ ผมว่าเรากลับก่อนดีกว่า”
วินที่ตามเข้ามา รีบคว้าแขนเอ แล้วเดินออกไป
จากนั้นทั้งคู่ก็กลับเข้าไปบ้านพัก เอรีบเปิดทีวี พลางเปลี่นช่องไปมา พยายามจะหาข่าวของนายประสิทธิ์ จนกระทั่งข่าวและภาพของนายประสิทธิ์ปรากฏขึ้น พร้อมเสียงบรรยาย
“นายประสิทธิ์นักธุรกิจหมื่นล้าน ป่วยเป็นโรคหัวใจกระทันหัน อาการปลอดภัยแล้วแต่ต้องอยู่ ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสองอาทิตย์”
วินเดินออกจากห้องครัวมานั่งใกล้ๆเอ พร้อมส่งน้ำผลไม้ให้ เอ รับมา ในขณะที่สายตายังจับจ้อง
อยู่ที่จอทีวี จนเห็นภาพของซินดี้ขึ้นมา
“ซินดี้คนใกล้ชิดของนายประสิทธิ์ เล่าว่าอยู่ดีๆนายประสิทธิ์ก็มีอาการแน่นหน้าอก และพบว่าเป็น โรคหัวใจดังกล่าวโดยไม่มีสาเหตุ”
เอ ปิดทีวี พลางรำพึงออกมาเบาๆ
“แปลก ทำไมซินดี้ไม่พูดถึงเรื่องตุ้มหูกับจดหมายเรียกเงินของเรา”
“คุณพ่อคุณอาจสั่งไว้ ว่าห้ามบอกเรื่องคุณถูกจับเรียกค่าไถ่”
“ไม่น่าเชื่อ มีบางอย่างที่น่าสงสัย” เอครุ่นคิด
ในขณะที่ซินดี้ อยู่ในห้องนอนที่บ้านนายประสิทธิ์ กำลังโทรศัพท์กับบอย ที่ยังคงกบดานอยู่ที่โรงแรม “ซินดี้เพิ่งกลับมาเนี่ย ตาแก่หลับพอดี หมอเลยไล่ซินดี้กลับ เสียเวลาช้อปปิ้งแท้ๆ”
“ใกล้ตายหรือยัง”
“ยัง แต่คราวนี้ผู้ร้ายมันเรียกเงินเป็นสิบล้าน”
บอย ตาโต “ดี เราจะได้รวยขึ้นอีก”
“ซินดี้ว่าเราอุบเงียบไว้ไม่ดีเหรอ โจรไม่ได้เงินมันจะได้กำจัดนังเอ”
”อย่าโง่น่า” บอยตะคอกกลับมา “กล่อมนายประสิทธิ์ให้จ่ายเงินที่เหลือผมจัดการเอง”
“แต่ซินดี้กลัวว่าจะพลาดเหมือนคราวที่แล้วน่ะซิ เกิดนังเอมันหลุดกลับมาความแตกแน่”
“คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน นังเอ จะต้องตายด้วยมือของผม” บอยพูดอย่างมั่นใจ
“ตามใจ อ้อ” ซินดี้เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นออดอ้อน .”ลืมบอกไปเพิ่งช้อปปิ้งชุดวาบหวิว
มานะจ๊ะ รีบมาดูซิ”
คุณหญิงอัญชลีนอนอยู่บนเตียงสปา หน้าพอกด้วยดินดำสมุนไพร ดวงตามีแตงกวาปิดอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณหญิงอัญชลียกมือขึ้นรอ พนักงานสาวส่งโทรศัพท์ถึงมือ
“ฮัลโหล”
“คุณแม่คะ คุณแม่ทราบข่าวคุณพ่อหรือยังคะ”
“ทราบแล้วค่ะ ถึงได้มาสบายใจอยู่ที่สปานี่ไง” น้ำเสียงของคุณหญิงอัญชลีดูไม่ได้ทุกข์ร้อนจริงๆ
“โธ่คุณแม่คะ ช่วยไปเยี่ยมคุณพ่อหน่อยซิคะ แล้วหนูจะโทรมาถามใหม่นะคะ”
เอ วางสาย คุณหญิงอัญชลีบ่นกับตัวเอง
“จะบอกว่าคิดถึงคุณแม่ซักคำก็ไม่มี”
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก
“คราวนี้แม่ไม่โกรธ เพราะรู้ว่าลูกห่วงคุณพ่อ”
“ขอบคุณค่ะ หนูคิดถึงคุณแม่ค่ะ คุณแม่สบายดีนะคะ”
“จ้ะ ลูกระวังตัวด้วยนะจ๊ะ”
คุณหญิงอัญชลีวางสาย แล้วถือโทรศัพท์ค้างไว้ พนักงานสาวมารับโทรศัพท์ไป
ทางด้านเอหลังจากวางสาย ก็ถอนหายใจ
“ทางโรงพยาบาลว่ายังไงครับ”
“ เอ้อ ก็เหมือนกับข่าวนั่นแหละค่ะ ฉันต้องหาทางไปเยี่ยมคุณพ่อให้ได้”
“ใจเย็นๆก่อนครับ ตอนนี้คุณพ่อคุณก็ปลอดภัยแล้ว รอซักสองสามวันให้ท่านแข็งแรง ก่อนน่าจะดีกว่านะครับ” วินแนะนำ
“ก็ได้”
“ผมว่าคุณพ่อคุณห่วงคุณมากทีเดียวถึงเป็นแบบนี้”
“ฉันต้องเข้าไปดูให้รู้แน่ ว่าคุณพ่อป่วยเพราะห่วงฉันหรือเพราะไม่อยากเสียเงินสิบล้าน”
ในขณะที่โม พิงค์ วุ้น เมย์ กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งในสถานออกกำลังกาย เครื่องใกล้ๆกัน
“พ่อยัยเอ เป็นโรคหัวใจแบบนี้ ยัยซินดี้ยิ้มรอมรดกแน่ๆ” เมย์เปิดประเด็น
“น่าสงสารยัยเอ” โมพูดพลางถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง
พิงค์ พยักหน้าเห็นด้วย“ใช่..ไหนจะเรื่องคดี ไหนจะเรื่องยัยซินดี้”
“นี่พิงค์ ยังไม่มีใครส่งบิลมาเก็บเงินจากยัยเออีกเหรอ” วุ้นหันมาถามพิ้งค์
“ยัง”
เมย์ยิ้มดีใจ “ถือว่าเป็นข่าวดี”
จากนั้นสาวๆ ก็หัวเราะ มีแต่โมคนเดียวที่ทำหน้าไม่ปลื้มนัก
“นี่คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า จะไปช้อปปิ้งอีก”
วินหันมาถามเอ พลางส่ายหน้าเบาๆ
“ก็ฉันกลุ้มใจนี่นาจะให้รออยู่เฉยๆตั้งสองสามวันฉันบ้าตายพอดี”
“ผมว่าอย่าดีกว่า” วินไม่เห็นด้วย
เอ ทำหน้าเศร้าเข้าพรวดเข้ามาใกล้จนหน้าชิดวิน
“น่านะ คุณอยากให้ฉันกลุ้มจนตายหรือไง”
“คือ”
“น่า นะ เงินก็หมด ฉันต้องไปกดเงินด้วย” เอพยายามอ้อน
“โน” วินยืนยันเสียงแข็ง
“ขอบคุณนะคะ คุณน่ารักที่สุด”
เอเอียงหน้ามาส่งยิ้มหวานให้วิน ที่ยอมใจอ่อนพาเธอมาเดินที่ห้างสรรพสินค้า ทั้งคู่ใส่วิก ใส่แว่น อำพรางตัวเต็วที่ ดูเผินๆ เหมือนวัยรุ่นเกาหลี
“ห้ามช้อป กดเงินแล้วกลับเลย” วินพูดพลางทำหน้ามุ่ย
“รู้แล้วน่า”
“ไหนว่าจะไม่ช้อปไง”
วินหันไปแซวเอ ทั้งคู่ถือถุงช้อปปิ้งกันเต็มมือ
“ไหนๆก็จะกดเงินอยู่แล้ว ก็ช้อปๆให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย”
ทั้งคู่เดินมายังธนาคารที่แต่ปรากฏว่าตู้เอทีเอ็มเสีย ด้านในธนาคารก็คนแน่น “ไปด้านโน้นดีกว่า ฉันเห็นมีอยู่สองสามตู้”
เอชี้มือไปอีกทาง วินเหลือบมองตาม เห็นชายสี่คนมองมาและซุบซิบกันอยู่
“ผมว่าเราไปก่อนดีกว่า ขามาผมเห็นมีธนาคาร ค่อยไปแวะที่นั่น”
วินกับเอ รีบเดินออกไป ชายสี่คนรีบเดินตาม มาจนถึงลานจอดรถ วินรีบสตาร์ทรถออก แล้วขับออกไปทันที
ในที่สุดวินก็ขับรถออกมาถึงถนนใหญ่ โดยไม่มีใครตาม
“ฟิ้ว เกือบไป”
“บอกแล้ว ว่ามันเสี่ยง คนทั้งประเทศตามหาเราอยู่นะคุณ” วินหันมาบอกกับ สีหน้าจริงจัง
“แล้วไง จะให้ฉันหมกตัวอยู่ในบ้านเหรอไม่มีทางหรอก”
วินถอนใจ เอหันมายิ้มหวานให้
“คุณเก่งจะตาย ไม่เป็นไรหรอกน่า”
วินจอดรถ ทีหน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ทั้งสองลงจากรถ เดินไปที่ตู้เอทีเอ็ม ที่อยู่ข้างๆประตูทางออก
“เชิญเลยครับ”
เอ รีบเดินไปกดเงินที่ตู้ วินรออยู่ข้างๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ทันใดนั้นชายฉกรรจ์สามคน ที่สะพายกระเป๋าขนาดเขื่องคนละใบ และถือปืนในมือ ก็พรวดออกมา จากธนาคาร เดินมาชนเอกับวินจนเซไป ก่อนที่พวกมันจะรีบวิ่งผ่านไป รถตำรวจคันหนึ่งจอดพรวดขวางพวกมัน ตำรวจวิ่งลงจากรถ พลางจ้องปืนมาที่กลุ่มพวกมันพวกมันถอยกลับมาแล้วคว้าวินกับเอ เป็นตัวประกัน
“ ถอยไป ไม่ยังงั้นนักท่องเที่ยวสองคนนี่ตาย”
แล้วในที่สุดพวกมัน ก็ลากวินกับเอขึ้นรถ ไปจนได้
โจเดินตรวจงานอยู่ที่ผับ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โจรีบกดรับสาย
“ผมเพียงแต่อยากจะถามว่า คุณพบคุณวินกับคุณเอ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
ผู้กองวันชาติถามมาทางปลายสาย
“สองสามวันก่อนครับ มีอะไรเหรอครับ”
“ผมได้รับรายงานว่าวัยรุ่นเกาหลีคู่หนึ่งถูกคนร้ายปล้นธนาคารจับไป อยากให้คุณแวะมา ดูเทปจากกล้องวงจรปิดว่าเป็นคุณวินกับคุณเอหรือเปล่า”
โจตกใจ อ้าปากค้าง อย่างคาดไม่ถึง
วินกับเอ ถูกพวกมันคุมตัวอยู่หลังรถโดยถูกขนาบข้างละคน วินกุมมือเอไว้แน่น เฟือง นั่งหน้าคู่คนขับ ที่ชื่อก้าง ส่วนบักกับหมี ประกบคนละด้านของเอกับ วิน
“เอ็งหายไปไหนมาเกือบไปแล้ว”
“โทษทีพี่ฉันมาจอดรอ แต่ตำรวจมาไล่ ฉันเลยต้องไปวนอีกรอบ”
“เอ็งจะเอายังไงกับพวกเกาหลีสองคนนี่วะ” บักชะโงกมามาถาม
“ข้าว่าเก็บไว้ก่อน ตอนผ่านด่านจะได้บอกว่าพาต่างชาติเที่ยว” หมีเสนอ
“พอถึงจุดนัดเปลี่ยนรถ เราค่อยปล่อยไปก็ได้” เฟืองสรุป
วินบีบมือเอเบาๆ แล้วหันมาลอบยิ้มให้กัน
“พี่พี่ด่าน ทำยังไงดี” ไอ้ก้างโวยวาย
“ขับเข้าไป ทำเฉยไว้”
เฟืองหันไปบอก พลางหันมาทางเอกับวิน “ยู โปลิศ โอเคะ”
วินกับเอ พยักหน้า ยิ้มตาม
ไอ้ก้างขับรถวิ่งเข้าไปจอดเทียบที่ด่าน เจ้าหน้าที่เข้ามาทำความเคารพ
“ไปไหนกันครับ” เจ้าหน้าที่ถาม
“พานักท่องเที่ยวเกาหลีไปเที่ยวครับทัวร์ ครับ ทัวร์” เฟืองตอบตามที่ได้ซักซ้อมกันไว้
เจ้าหน้าที่มองมาที่ด้านหลัง เฟืองทำมือให้คนขับกดหน้าต่างกระจกหลังเลื่อนลง เจ้าหน้าที่ กวาดสายตา เห็นวินกับเอ ถูกประกบด้วยชายฉกรรจ์สองคน
“ฮัลโหล”
วินพูดทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เจ้าหน้าที่ยิ้มพยักหน้ารับ
“ฮัลโหล ทัวร์ รอบเบอร์” โจส่งภาษาที่แปลว่าคนปล้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจมองหน้าสงสัย วินพูดย้ำ
“เยส ทัวร์ รอบเบอร์ “
พวกคนร้าย ที่ไม่รู้ภาษาต่างยิ้มพยักหน้าให้กัน เฟืองพูดตามวินโดยไม่รู้คำแปล
“ทัวร์ รอบเบอร์ ครับ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าให้กับวิน แล้วโบกมือเป็นสัญญาณให้รถผ่านไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ ก็เดินไปตรง ที่ด่าน แล้วรีบรายงาน
“เราพบคนร้ายปล้นธนาคารแล้วรถ” พลางบอกยี่ห้อรถและสีพร้อมทะเบียน “ให้ทุกคนระวัง
มีตัวประกันถูกจับอยู่ด้วย”
ก้างขับรถเข้าไปในสวนเปลี่ยว ที่มีรถตู้จอดรออยู่ จากนั้นทุกคนลง ก็จากรถ วินกวาดสายตา มองรอบๆ
“ให้ไอ้สองคนนี่ขับรถเรากลับไป” เฟืองออกคำสั่ง
“ฉันว่าเอาตัวพวกมันไว้ก่อนดีกว่า” ไอ้ก้างเสนอ
“เอ็งเกือบทำให้พวกข้าไม่รอด ไม่ต้องมาทำเป็นพูดมาก”
วินก้าวมาบังเอไว้ พลางระวังตัวเต็มที่
“แต่ฉันว่า เราหนีพ้นก่อนค่อยปล่อยมัน”
“ข้ามีแผนจะให้ตำรวจตามรถคันนี้ เราจะได้หนีสบายๆ”
“แต่”
ไอ้ก้างอ้าปากจะเถียง ทันใดนั้นเฟืองก็กระชากปืนขึ้นมายิง จนมันแน่นิ่งไป
“มีใครจะเถียงกูอีกมั้ย”
บักกับหมี หันมามองวินกับเอเป็นตาเดียว ก่อนที่ไอ้บัก จะยกมือขึ้นช้าๆ
“เอ็งจะพูดอะไร”
“ฉันว่า ตอนนี้คงปล่อยไอ้สองคนนี่ไปไม่ได้แล้วล่ะพี่”
เอเบียดมาเกาะวินแน่น วินกวาดสายตามองพวกมัน
“มึงอยากจะตายอีกคนเหรอ กูบอกให้ปล่อยก็ปล่อยซิวะ”
ไอ้หมี ยกมือบ้าง เฟือง เริ่มรำคาญ “เออ”
“แต่มันเห็นพี่ยิงไอ้ก้าง ตายนะพี่”
เฟืองเพิ่งนึกออก พลางถอนใจ แล้วหันมามองมาทางวินกับ เอ
“ซอร์รี่ ยู ตายดีกว่า ลากมันเข้าไปในสวน จัดการซะ”
วินรีบกระชากวิกออก แล้วหันมาบอก
“เดี๋ยวพี่ ฉันก็หนีตำรวจเหมือนกัน ต่างคนต่างหนีดีกว่า”
เอรีบกระชากวิกออกตาม
“มันพูดไทยได้พี่ มันหลอกเรา” ไอ้บักโวยวาย
“ฉันไม่ได้หลอกพวกพี่ ฉันหลอกพวกตำรวจ แยกย้ายกันตรงนี้ ฉันไม่บอกใครหรอก”
“เฮ้ย ข้าเสี่ยงไม่ได้ เอาตัวมันไป” เฟืองออกคำสั่ง
“เดี๋ยว พี่ ฉันสองคนมีค่าหัว 10 ล้านนะพี่”
พวกมันสามคนต่างมองหน้ากัน ไอ้บักเดินเข้ามาดึงกระเป๋าของเอไปค้น จนเจอเงินที่เอกดมา พลางยิ้มพอใจ แล้วยัดลงไปอย่างเดิม มันค้นแล้วหยิบมือถือขึ้นมาขว้างทิ้งไป
“เดี๋ยว ขอกระเป๋าคืนได้มั้ย แม่ให้วันเกิด”
มันหยิบเงินขึ้นมาแล้วโยนกระเป๋าคืน วินรับไว้แล้วส่งให้ เอ
“เอ็งมีอะไร เอามาให้หมด”
วินดึงหยิบกระเป๋า หยิบเงินออกมายื่นให้
“กระเป๋าพ่อให้วันเกิด ขอเก็บไว้แล้วกันนะ”
“กูนึกแล้ว”
ไอ้บักพูดพลางหันไปมองเฟือง เฟือง พยักหน้า
“เอ็งเก็บเงินไว้ด้วยเลย ข้าให้”
วิน ยิ้ม แล้วเก็บเงินใส่กระเป๋าตามเดิม แล้วดึงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ถือไว้ในมือ
“ใครให้เอ็งมาอีกล่ะ” ไอ้บักถาม
“ฉันขอลบรูปสาวๆกับรูปฉันทิ้งได้ปะ เดี๋ยวคนเก็บได้เอาไปดู เสียชื่อหมด”
ไอ้บักเริ่มรำคาญ “เอ็งไม่ต้องเลย ส่งมา”
วินถอนใจอึดใจโยนให้ ไอ้บักรับไว้แล้วโยนลงพื้น ก่อนที่จะเอาเท้ากระทืบจนพังเละละเอียด
รถตู้จอดอยู่ที่หน้าห้างแห่งหนึ่ง เฟืองกับไอ้บักคอยระวังวินกับเอ ซึ่งนั่งอยู่แถวหลังสุด เอ เกาะวินแน่น อึดใจไอ้หมีวิ่งมา พร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ
“ไอ้สองตัวนี่พูดจริงพี่ ตอนนี้นายสุรชัยมันขึ้นค่าหัวไอ้สองคนนี่เป็นสิบล้านแล้ว”
วินกับเอ หันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างตกใจ
รถตู้แล่นไปตามทางมุ่งสู่ต่างจังหวัด โดยมีไอ้บัก เป็นคนขับ เฟืองนั่งข้างหน้า หมีนั่งแถวถัดมา วินกับเอ นั่งอยู่แถวหลังสุด
เฟืองหันมาพูดกับทั้งคู่ “นายสุรชัยให้ สิบล้าน ทำไมข้าต้องเอาพวกเอ็งไปส่งให้พ่อนังนี้ด้วย”
วินรีบแย้ง “พี่อ่านให้ดีๆซะก่อน พี่ได้เงินแล้วอาจจะไม่ได้ใช้ พ่อนํงคนนี้ต้องตามล่าพี่แน่”
เอช่วยเสริม
“ใช่ ส่งฉันกลับบ้าน ฉันจะให้พ่อฉันเพิ่มเงินเป็นสิบห้าล้าน”
หมีหันมามองเฟือง เฟืองพยักหน้ายอมรับ วินกับเอหันมามองหน้ากัน พลางถอนหายใจ โล่งอก
รถตู้วิ่งเข้ามาจอดที่บ้านหลังหนึ่ง ห่างไกลผู้คน ทุกคนลงมาจากรถ พวกมันต่างถือปืนคุมวินกับเอ แล้วต้อนให้ขึ้นบ้าน
ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ถูกเปิดออก วินกับเอ ถูกดันเข้ามาในห้อง
“เอ็งคิดหนีละก็ ข้ายิงพวกเอ็งทิ้ง แล้วเอาศพเอ็งไปให้นายสุรชัยรับสิบล้าน”
เฟืองขู่ ก่อนที่ไอ้บัก จะปิดประตูโครม วินกับเอ หันมามองหน้ากัน
“เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่เชื่อคุณ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ไม่ต้องมาทำไก๋ถามเยาะฉันหรอก ก็เรื่องออกมาช้อปปิ้งแล้วกดเงินน่ะซิ”
วินยักไหล่ไม่พูด เอถอนใจสีหน้าไม่ดี
“เฮ้อ ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”
“กอดมั้ยครับ เผื่อจะดีขึ้น”
เอพยักหน้า เดินเข้ามาในวงแขนของวิน
“ยังดีที่พวกนี้คิดเอาเราไปส่งให้คุณพ่อคุณ”
“คุณแน่ใจเหรอคะ” เอย้อนถาม
“ไม่หรอกครับ ผมแค่พูดให้คุณสบายใจเท่านั้นเอง” วินตอบหน้าตาเฉย
เอรีบเดินผละออกมาจากอ้อมกอด “ โธ่เอ๊ย แล้วทำมากอดให้เราสบายใจ”
“กอดน่ะให้ผมสบายใจมากกว่าครับ”
เอ จ้องวินอึดใจ แล้วค่อยเดินเข้ามากอดวินอย่างเดิม
“สบายใจขึ้นแล้วหรือยัง”
“ครับ”
เอยิ้ม “ดี จะได้คิดหาทางพาฉันหนีพวกมัน”
วิน เอียงหน้ามากระซิบ“ผม SMS ทะเบียนรถตู้ไปให้นายโจแล้วตอนที่พวกมันเถียงกันน่ะครับ”
“เก่งมาก”
พูดพลางดึงหน้าวินเข้ามาใกล้ แล้วหอมแก้มฟอดหนึ่ง
“ผมรู้สึกว่าคุณจะเอาเปรียบผมนะครับ หอมผมอยู่ข้างเดียว”
“ช่วยไม่ได้ ก็คุณชอบฉันไม่ได้นี่ ถือว่าหมดสิทธิ์”
เอ ลอยหน้าลอยตาตอบ
วินนั่งพิงฝาห้อง เอนั่งใกล้ๆ กำลังรื้อกระเป๋าดู
“ดีที่มันคืนกระเป๋าให้”
“มันเอา เอ ที เอ็ม ของคุณไปหรือเปล่าครับ” วินถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันเก็บไว้กับตัว”
“ เก่งนี่ แล้วกระเป๋าคุณแม่ให้วันเกิดจริงหรอครับ”
“เปล่าหรอก ฉันเอากระเป๋าคืนเพราะมีเครื่องแต่งหน้าอยู่นิดหน่อย”
“โห ที่แท้ห่วงความสวยนี่เอง”
เอ หันมามองหน้าวิน
“ฉันซ่อนซิมโทรศัพท์ ไว้ในเครื่องแต่งหน้าย่ะ”
วินขยับตัวจ้องหน้าเออย่างคาดไม่ถึง
“แค่สวย ผมก็จะหลงตายอยู่แล้ว ทำไมต้องเก่งด้วยครับ”
เอยิ้มหวานให้ ทั้งสองต่างสบตากัน ใบหน้าเริ่มเคลื่อนเข้าหากัน
ทันใดนั้นเสียงห้องทุบโครมๆ วินกับเอ หันขวับ
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
วินเปิดประตูออก ไอ้บักกับไอ้หมี ยืนอยู่หน้าห้อง
“ข้าโทรไปตามที่เอ็งบอก” ไอ้บักพูดพลางจ้องหน้าวิน
ไอ้หมีพูดต่อ “พ่อนังนี่ไม่สบาย ต้องรออีกอาทิตย์หนึ่ง”
“โธ่ แค่อาทิตย์เดียวเอง นั่งกินเหล้า ชิลๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
“แต่พวกข้าขี้เกียจนั่งเฝ้าพวกเอ็ง”
“โธ่พี่ ก็ไม่ต้องเฝ้าดิ ฉันสองคนชอบที่นี่ มิดชิดดี กบดานได้สบาย ฉันน่ะหนีตะลอนตะลอน จนหมดแรงจะหนีแล้ว ขอชมธรรมชาติแถวนี้ให้ชื่นใจหน่อย”
ไอ้บักกับไอ้หมี หันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะปิดประตูโครม วินกับเอ หันมามองหันโล่งใจ
“คุณว่ามันจะรอหรือเปล่า”
วินส่ายหน้า
“ไม่หรอกครับ ผมแค่หวังว่า นายโจ หาทางให้ผู้กองวันชาติหารถพวกมันเจอก่อนที่มันจะส่งตัว เราให้นายสุรชัย”
เอ ถอนหายใจเคลื่อนกายเข้ามาซบอกวิน วินกอดปลอบใจ
“เป็นไงบ้างครับ ได้เรื่องหรือยัง”
โจถามอย่างร้อนใจ ทันทีที่เปิดเข้ามาในห้องพักของผู้กองวันชาติ ที่โรงพยาบาล
“ใจเย็นน่า เราไม่รู้ว่า ทะเบียนรถที่คุณวินส่งมาเป็นทะเบียนปลอมหรือเปล่า ต้องใช้เวลาหน่อย”
โจเดินไปเดินมาอย่างวุ่นวายใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผู้กองวันชาติรีบรับสาย
“ว่าไง ดีมาก รีบตามเรื่อง อย่าลืมรายงานผมคนเดียวเท่านั้น อย่าให้รั่วไหลออกไป คนของนายสุรชัยมีอยู่ทุกแห่ง”
ผู้กองวันชาติสั่งการ ก่อนที่จะวางวาย
“มีอะไรคืบหน้ามั้ยครับ”
“เราพบรถคันแรกของมันอยู่ในสวนกับศพของพวกมันคนนึง”
โจตกใจ ผู้กองวันชาติรีบอธิบาย
“ใจเย็นๆครับ เราตรวจพื้นที่ละเอียดแล้วไม่พบร่างอื่น พวกมันอาจจะจำคุณวินกับคุณเอได้ ก็เลยกักตัวไว้เพื่อแลกเงินรางวัลซะเอง”
โจถอนหายใจ “หวังว่าเป็นอย่างที่ผู้กองคิด”
“ข่าวดีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ทะเบียนรถคันแรกของมัน เป็นทะเบียนจริง แสดงว่าคันที่สองที่ มันเปลี่ยนใช้หนีน่าจะเป็นทะเบียนจริงเหมือนกัน”
สีหน้าของโจค่อยดีขึ้น
เอนั่งพิงหมอนมุ้ง หลับอยู่บนแผ่นที่นอน วินนั่งพิงฝานั่งมองเออยู่ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้น วินลุกขึ้นแล้วไปเปิดประตู ไอ้บักยืนอยู่หน้าห้อง โดยมีไอ้อ้วน สมุนอีกคน ถือถาดสำรับกับข้าวอยู่ตรงหน้า
“ กินข้าวกินปลาซะหน่อยข้าไม่อยากให้พวกเอ็งตายก่อนที่ข้าจะได้เงิน”
“อะไรพี่จะได้เงินเป็นสิบล้าน มีของให้กินแค่นี้เองเหรอ น่าจะพาพวกฉันไปกินอาหารหรู เปิดหูเปิดตาซะหน่อย เบื่อจะตายชักอยู่แล้วไปตามลูกพี่มาดีกว่า”
พูดจบ วินก็ปิดประตูใส่หน้ามันโครม เอ เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าวิน
“รู้สึกว่าจะอดมื้อเย็นแน่”
“ผมดูแล้ว คุณทานไม่ได้หรอก”
เอยิ้ม “ดีจังที่คุณรู้ว่าฉันชอบทานอะไร”
วินส่ายหน้า “ไม่รู้หรอกครับ ผมแค่ลักไก่โวยพวกมันไปยังงั้นเอง สงสัยว่าอาจจะอดอย่างที่คุณว่า”
“ดี เหมือนกัน พักนี้กินเก่ง ถือว่าลดความอ้วน”
“แต่ผมชักหิวแล้วครับ”
“โธ่เอ๊ย ทำเก่ง”
เสียงเคาะประตูโครมๆ ขึ้นอีกครั้ง วินเปิดประตูออก เห็นเฟือง ยืนอยู่ตรงหน้าสีหน้าดุดัน ด้านหลังมันคือไอ้บักและไอ้หมี
“เอ็งอยากเจอข้า”
“แฟนฉันจะเพิ่มให้พี่อีกหนึ่งล้าน ถ้าพี่พาฉันกับแฟนออกไปกินข้าวข้างนอก”
เฟือง นิ่งคิด เหมือนกำลังตัดสินใจ วินพูดต่อ
“ฉันสองคนไม่ไปไหนหรอกน่า ถือว่าฉันเลี้ยงทุกคนก็แล้วกัน”
“ไอ้บัก เอ็งพาพวกมันไป เอาไอ้สามคนนั่นไปด้วย ถ้าพวกมันคิดหนี ยิงทิ้งได้เลย”
วินกับเอ ในคราบวัยรุ่นเกาหลี นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มีอาหารตั้งอยู่เต็มโต๊ะ
“ต้องขอชมว่าคุณแน่มาก ที่ทำให้พวกมันพาเราออกมากินข้าวได้”
“ต้องชมคุณมากกว่า เพราะผมบอกว่าคุณจะเพิ่มเงินให้พวกมันอีกหนึ่งล้าน”
เอมองวินค้อนๆ “เฮอะ แบบนี้เอง ฉันนึกว่าคุณจะไม่ใช้เงินของฉันซะอีก”
“เงินไม่ดี ให้คนไม่ดีไม่เป็นไรครับ”
เอ ทำหน้าดุใส่ พลางชำเลืองไปที่โต๊ะข้างๆ ที่ไอ้บักนั่งอยู่กับสมุนของมันอีกสามคน บนโต๊ะมีอาหารเหล้าพร้อม
“แล้วแผนขั้นต่อไป”
“โห ยังกินไม่อิ่มเลย จะคิดได้ยังไงคุณเองก็ควรทานเยอะๆ เผื่ออาจจะมีการต้องออกแรงวิ่ง”
เอค้อน ทำหน้าเข้มใส่วิน วินยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็จัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
รถตู้วิ่งส่ายไปส่ายมา แก๊งพวกมันร้องเพลงกันสนุกสนาน ต่างคนต่างเมาแอ๋ ไอ้บักเป็นคนขับรถ .ในขณะที่วินกับเอ นั่งลุ้นอยู่ข้างหลัง
วินแกล้งร้องเพลงไปกับพวกมันด้วย เอเกาะแขนวินแน่น เห็นพวกมันเริ่มหลับกรน วินกับเอ มองลุ้น สุดท้ายไอ้บัก ก็ฟุบหลับคาพวงมาลัย รถค่อยๆวิ่งไปหยุดอยู่ข้างทาง
วินกับเอ หันมามองหน้ากันอย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะช่วยกันลากพวกมันลงจากรถ
“รีบลากพวกมันลงมา แล้วไปกันเถอะ”
“ผมจะค้นตัวพวกมันก่อน”
เอพยักหน้า วินชะโงกหายเข้าไปครึ่งตัว แล้วโผล่ออกมา ได้โทรศัพท์มือถือของพวกมัน มาสามเครื่อง
“เอ้า คุณถือไว้ก่อน”
เอรับมา วินขยับตัว ลากพวกมันคนหนึ่งลงมาจากรถ มันส่งเสียงงึมงัมๆ วินลากมันลงมานอน
ข้างถนน มันกระเด้งตัวลุกขึ้นมา พลางนั่งส่งเสียงอ้อแอ้ วินเงื้อหมัดรอ มันส่งเสียงอยู่ชั่วอึดใจ ก็เงียบ แล้วค่อยๆนอนลง วินกับเอถอนใจโล่งอก
จากนั้นวินก็ขึ้นไปบนรถ ลากอีกคนหนึ่งลงมาอย่างทุลักทุเล แล้วเอาลงมากองไว้ข้างๆ จากนั้นก็กลับขึ้นไปลากไอ้อ้วนลงมาต่อ พลางโยนโครมลงไปบนพื้น
“เร็วคุณ มัวแต่ช้า เดี๋ยวพวกมันตื่นกันขึ้นมาก็ยุ่งหรอก”
วินค้นพวกมัน ได้ปืนมากระบอกหนึ่ง พลางยัดไว้ทางด้านหลัง
“คุณขึ้นไปก่อน ผมจะอ้อมไปลากไอ้คนขับลงมา”
พูดพลางเปิดประตูด้านหน้าเบาๆ ให้เอขึ้นไปนั่ง แล้วก็เหลือบมองไอ้บัก ซึ่งฟุบอยู่บนพวงมาลัย
“พอรถออกแล้วค่อยปิดประตู”
เอพยักหน้า วินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง ค่อยๆเปิดประตูออก ขยับตัวจะลากไอ้บักมันลงมา แต่แล้ว โทรศัพท์ดังขึ้น วินกับเอสะดุ้งเฮือก ไอ้บักสะดุ้งตื่นขึ้นมาพอดี เห็นวินยืนอยู่ตรงประตูรถ
“เหล้าเพิ่มหน่อยเพื่อน”
ไอ้บักส่งเสียงอ้อแอ้ พลางเพ่งมองวิน ที่ยืนอึ้งอยู่
“เฮ้ย เอ็ง”
ไม่รอช้า วินชกโครม จนไอ้บักหงายไปทางด้านเอ ก่อนที่จะตามมาลากมันลงมา แต่มันยังไม่หมดฤทธิ์เหวี่ยงหมัดโครมโดนวินเข้าให้ วินเซออกไป ไอ้บักขยับตัว แต่ก็โดน เอถีบโครมเข้ากลางหลัง จนกระเด็น ลงมาจากรถกลิ้งอยู่บนพื้น
“คุณ เร็วเข้า”
วินเข้ามาเตะโครมเข้าให้ที่ปลายคาง จนไอ้บักหลับสนิท วินค้นตัวมันได้เงินมาปึกหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถ แล้วปิดประตูโครม เอตะโกนเร่ง
“เร็วๆ”
วินขับรถออกมาได้อึดใจ วินหันมามอง เห็นเอยังหน้าตาตื่นด้วยความตกใจ ใช้มือแตะที่หน้าอก
หายใจแรงด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น เอมองหน้าวิน แล้วหยิบโทรศัพท์ของพวกมันขึ้นมา
“ปิดเครื่องไปเลยครับ”
เอปิดเครื่อง แล้วหันมาถาม “เราโทรหาตำรวจดีมั้ยคะ”
“ให้มาจับเราเหรอครับ”
เอนึกขึ้นได้ “เฮ่ ลืมไป”
จู่ๆ รถก็ค่อยๆวิ่งช้าลง วินสบถอย่างหัวเสีย
“เชื่อเลย น้ำมันหมด”
เอตกใจ “หา”
วิน เปิดประตูให้เอลงมาจากรถ ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ถนน ที่ว่างเปล่า สองข้างทาง เป็นป่ารก
“เราต้องออกจากถนน ก่อนที่พวกมันจะเจอเรา”
พูดพลาง วินก็เปิดประตูเข้าไป ก่อนที่จะเอื้อมหยิบกุญแจรถออกมา แล้วขว้างทิ้งไปยังฝั่งตรงข้าม เอกวาดสายตามองทั้งสองข้าง สีหน้าไม่ค่อยดี วินรื้อด้านหน้ารถ ได้ไฟฉาย มาหนึ่งอัน พร้อมน้ำสองขวด
“เอ้า น้ำอย่าให้หาย ไหน โทรศัพท์ของพวกมัน”
“ปิดเครื่องเก็บไว้แล้วค่ะ”
“ดีครับ เราจะเข้าไปในป่า หาทางทะลุไปถนนใหญ่อีกด้านหนึ่ง ไม่ต้องกลัวนะครับ”
เอฝืนยิ้ม “คุณอยู่ ทำไมฉันต้องกลัว”
วินยื่นมือมาจูงเอ แล้วพาเดินเข้าไปในป่าทึบข้างทาง
รถกระบะของพวกมัน มีเฟือง บัก หมี และ สมุนสามคนเดิมนั่งมาเต็มคัน ไอ้บักกระโดดลงมาจาก ด้านหลัง วิ่งไปที่รถตู้ ที่เปิดประตู จอดทิ้งไว้ข้างทาง พลางบ่นอย่างหงุดหงิด
“ไอ้บ้าเอ๊ย กุญแจไม่อยู่พี่”
เฟือง เดินตามลงมา พลางมาจ้องหน้าไอ้บักแบบเอาเรื่อง
“ไอ้บัก โชคเอ็งยังดีที่ข้าจำได้ว่าไม่ได้เติมน้ำมัน เอ็งทำมันหลุดมือเอ็งต้องรับผิดชอบ”
ไอ้บักก้มหน้ารับผิด “ได้พี่”
“ไอ้หมี เอ็งเอาน้ำมันเติมรถตู้”
“ได้พี่”
ไอ้หมีเดินไปหยิบถังน้ำมันเล็กๆ ไปเติมใส่รถตู้ เฟืองหันมาถลึงตาใส่ไอ้บักอีก
“ไอ้บัก ถ้าพวกมันหลุดไปได้เอ็งดับแน่”
ไอ้บักไม่พูด เดินนำพวกมันเข้าไปในป่า ไอ้หมีเติมน้ำมันเสร็จก็รีบรายงาน
“เรียบร้อยพี่”
เฟืองรีบส่งกุญแจรถตู้ให้
“นี่กุญแจ เอ็งเอารถไปเติมน้ำมันให้เต็มแล้วอ้อมไปดักอีกทางหาพวกมันให้เจอ ข้าจะไปดักพวก มันด้านโน้น”
ไอ้หมีพยักหน้าแล้วเดินขึ้นรถตู้ไป จากนั้นพวกมันก็แยกย้ายกันไปตามแผน
วินถือไฟฉายมือหนึ่ง มืออีกข้างจูงมือเอ เดินลัดเลาะมาตามสุมทุมพุ่มไม้
“พักก่อนได้ปะ ฉันปวดฉิ๊งฉ่อง” เอทำหน้าจ๋อย
“ได้ครับ รอตรงนี้นะครับ อย่าไปไหนเดี๋ยวหลง”
วินเดินกราดไฟฉายไปหลังพุ่มไม้ แล้วเดินเข้าไป เอเห็นไฟฉายวูบวาบอยู่หลังพุ่มไม้ เห็นพุ่ม ไม้สั่นไปมา ครู่เดียววินก็เดินออกมา พลางส่งไฟฉายให้
“เชิญครับ หลังพุ่มไม้”
“คุณ ไปด้วยซิ” เอทำเสียงอ้อน
“หา”
“คุณไปด้วยซิ เกิดมีตัวอะไรโผล่มา”
“ไม่มีหรอกครับ ผมตรวจดูแล้ว”
“ไม่รู้ล่ะ คุณต้องไปด้วย” เอทำเสียงกระเง้ากระงอด
“คุณไม่กลัวผมแอบดูเหรอ”
“บ้าดิ ตอนฉันฉี่คุณก็หันหลัง คอยดูข้างนอก”
วิน ถอนหายใจ “เฮ้อ โอเค. ได้ครับ”
เอยิ้ม แล้วเดินเข้ามาเกาะแขนวิน
“คุณนำ เร็ว ฉันจะอั้นไม่ไหวแล้วนะ”
วินเดินนำเข้าไปหลังพุ่มไม้ ฉายตรงพุ่มไม้ ให้เอดู
“เป็นไงครับ”
“ก็พอไหว หันไป”
วินหันไปฉายไฟรอบๆ ด้าน เอ ค่อยๆ นั่งลง เห็นแต่หลังของวิน สาดไฟ ไปมา อึดใจผ่านไป เอก็ลุกขึ้นยืน
“คุณยืนอยู่นี่ ฉันฉี่ไม่ออก”
“ว้า จะเอายังไงกันแน่ จะให้ผมอยู่หรือเปล่า”
“อยู่ๆ เดี๋ยว เดี๋ยว ขอเวลาหน่อย”
เอทรุดตัวลงนั่งอีก วินถอนใจ สาดไฟฉายรอบๆ อึดใจผ่านไป
“เป็นไงคุณ”
เอ ส่ายหน้า พลางลุกขึ้นอีก “โน แคนดู”
“งั้นเก็บไว้ก่อน”
“โอย เก็บอะไรเล่า มันแน่นนี่นา คุณช่วยทำเสียงหน่อยดิ”
“หา เสียงอะไรครับ” วินทำหน้างง
“แบบนี้ไง”
พูดพลางทำเสียง แบบผู้ใหญ่ทำเสียงให้เด็กฉี่ วินส่ายหน้าขำๆ
“โห เชื่อเลย”
“เอาน่า ไม่อยากหรอก”
“โอเค พร้อมยัง”
“พร้อม”
เอ นั่งลงไปอีก วินทำเสียงซี่ยาวๆ อึดใจผ่านไป เอก็ลุกขึ้นมาอีก
“ไม่เวิiร์ค เสียงคุณไม่เพราะ”
“อ้าว ไม่ใช่ร้องเพลงนี่คุณ”
“งั้นร้องเพลงก็ได้”
วินหน้าเหรอ “ล้อเล่นน่า”
“เร็วดี้”
วินส่ายหน้า “ก็ได้”
เอ นั่งลงไปใหม่ วินร้องเพลง We will we will rock you เอ ยืนพรวดขึ้นมาอีก“โห ร้องเพลงนี้ใครจะฉี่ออก ไม่ร้องเพลงแร็พไปเลยล่ะ”
วินถอนหายใจ“เฮ้อ”
“คุณร้องเพลงแบบหวานๆ ไม่เป็นเหรอ อย่าบอกนะว่าไม่เคยจีบสาว”
“โห ยุ่งจริงๆ เอ้า”
พูดพลางก็เริ่มร้องเพลง I love you for sentimental reasons
“เยส แบบนี้พอไหว”
เอยิ้ม แล้วจับวินหันหน้าไปด้านนอก ก่อนที่จะนั่งลง
“เฮ้อ เรียบร้อย ค่อยยังชั่วหน่อย เสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ เวิร์ค”
วินเอาฟืนเล็กๆใส่กองไฟ พลางคอยระวังไม่ให้ดับ แล้วค่อยๆเติมท่อนไม้ที่เตรียมไว้ เอ นั่งเท้าคางมองอย่างทึ่ง
“อย่าบอกนะว่าคุณเอาไม้ถูกันจนไฟติด
“ผมยึดไฟแช็คของพวกมันมาน่ะครับ”
เอยกนิ้วให้ “คุณนี่ฉลาดรอบตัวเลยนะ”
“ผมจำๆมาจากในหนังน่ะครับ ผมว่าคุณหลับซะหน่อยจะดีกว่า เผื่อว่า”
วินยังพูดไม่ทันจบ เอก็รีบพุดเสริม “ต้องใช้แรง”
“ครับ พวกมันอาจโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้”
“งั้นคุณก็มานั่งข้างๆฉันซิ ขอพิงหน่อย”
วินยิ้มเดินมานั่งข้างๆ เอเกาะแขนแล้วซบลงตรงไหล่วิน อึดใจก็ผงกหัวขึ้นมา
“คุณจะเมื่อยหรือเปล่า”
“ต่อให้แขนหักผมก็ยินดีครับ”
เอแกล้งค้อน “โห ประชดเหรอ”
“พูดจริงครับ มีนางฟ้ามาซบไหล่ ใครๆก็ต้องยอม”
“ดี เอาให้แขนหักเลย กู๊ดไนท์”
“กู๊ดไนท์ครับ”
วินหลับอยู่ แต่แล้วก็สะดุ้งตื่น เพราะเอมาขย่าตัว แล้วกระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“ผี”
วินกระพริบตาถี่ๆ เห็นแสงไฟวูบวาบเป็นจุดมาแต่ไกลลิบๆ เอพูดเหมือนกระซิบ
“ผีกระสือ”
วินจ้องแล้วขยับตัวลุกขึ้น เอลุกตาม พลางเกาะแขนแน่น สีหน้าตื่นเต้น
“ไฟฉายของพวกมันน่ะครับ”
วินเตะกองไฟที่มอดแล้วให้ดับสนิท แล้วสะบัดมือกดไฟฉายให้เป็นลำส่องทาง ก่อนจะรีบดึงเอ ออกไป จนมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เอยืนหอบเหนื่อย
“โชคดีที่เช้าซะก่อน ไม่ยังงั้นมันเห็นแสงไฟฉายของเราแน่”
“ฉันเหนื่อย หมดแรง”
“งั้นผมอุ้ม” วินอาสา
“คุณไหวเหรอ”
วินพยักหน้า “ไหวครับ เพราะเราไม่ควรหยุด”
“ดีเหมือนกัน กำลังคิดว่าจะแกล้งทำขาแพลงอย่างนางเอกในละครอยู่พอดี”
วินยิ้ม “พร้อมมั้ยครับ”
เอพยักหน้า วินเข้ามาช้อนตัวเออุ้มขึ้นมา เอเอามือโอบคอวิน แล้วหอมแก้มหนึ่งฟอด
“ค่าจ้างล่วงหน้า”
“แบบนี้อุ้มขาดใจ”
เอยิ้มชอบใจ วินอุ้มเอ เดินมาครู่หนึ่ง ก็หยุดเดิน
“หยุดทำไมคะ”
“ตะคริวกินครับ”
เอ ตกใจ “หา ให้ฉันลง .เร็วเข้า”
“ผมล้อเล่นน่ะครับ”
เอค้อน พลางเงื้อมือทำท่าจะทุบวินชี้มือไปข้างหน้า
“ดูโน่นครับ”
เอ มองตามไป เห็นถนนใหญ่อยู่ตรงหน้า
“เย้” เอร้องดีใจ พลางหอมแก้มวินอีกฟอด “ อะ ค่าจ้างที่เหลือ”
วินยิ้ม พลางวางเอลง
“เราจะออกไปโบกรถเหรอคะ”
“ใจเย็นครับ ออกไปตอนนี้เดี๋ยวจะเหมือนในหนังอุตส่าห์เดินข้ามาป่ามาทั้งคืน วิ่งออกไปโบก กลายเป็นรถผู้ร้าย”
เอ พยักหน้าเห็นด้วย “อืม ฉันก็เคยดูเหมือนกัน เกลียดมากเลย”
วินกวาดสายตามองรอบๆ อย่างสังเกตการณ์ เอหันมาถาม
“ตกลงคุณมีแผนยังไง”
“ผมว่าเราโบกแต่รถมอเตอร์ไซด์ดีกว่าครับ อย่างมากมันก็มากันแค่สองคนพอลุ้น”
“ไม่เลวนี่”
“ไปครับ”
พูดพลางรีบจูงมือเอตรงไปยังถนนที่เห็นข้างหน้า มีรถมอเตอร์ไซด์วิ่งมาแต่ไกล “มีสองคนชายหญิง ได้ปะ
“ได้ครับ”
เอวิ่งพรวดออกไปโบกมือ แต่รถมอเตอร์ไซด์ไม่ยอมจอด เอฟึดฟัดวิ่งกลับเข้ามาหาวินที่หลบอยู่
“สงสัยไม่มีใครจอดแน่เลย”
“ใจเย็นๆครับ เอาใหม่”
วินยิ้มแล้วหยิบเศษหญ้าโยนขึ้นไปบนอากาศ เห็นหญ้าปลิวย้อนกลับไปทางถนนทางด้าน ที่รถวิ่งตรงมาหา เอมองค้อน
“ดูทางลม คุณจะล่าสัตว์ หรือ ตีกอล์ฟเนี่ย”
วินยิ้มแหยๆ เอทรุดตัวนั่งลงบนก้อนหินหลับตา
“มาอีกแล้วครับ”
“ชายหญิงอีกแล้ว แถวนี้ไม่มีหนุ่มโสดมั่งหรือไง ตาคุณมั่งดีกว่า”
“ขอยืมตังคุณหน่อยได้มั้ยครับ”
เอรีบล้วงกระเป๋าหยิบเงินให้ปึกหนึ่ง วิน รับไว้แล้ววิ่งไปที่ถนน
วินวิ่งไล่เก็บแบงค์พันที่ตกเกลื่อนตามถนน พลางปรายตามองมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งใกล้ เข้ามา
เอมองอย่างตื่นเต้นชื่นชม
“ฉลาดมาก”
วินแกล้งปล่อยให้แบงค์พันปลิวไปทางมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งสวนมา แล้วปลิวไปติดที่หน้าผากของคนขี่มอเตอร์ไซด์ ผู้หญิงที่ซ้อนอยู่คว้าหมับ พลางทำตาโต
“ไอ้บ้านั่นมันเก็บอะไรของมัน”
“ตังค์พี่ ตังค์แบงค์พัน”
ผู้ชายรีบจอดรถทันที
“ทำตังค์หล่นเหรอไอ้น้อง”
“ครับ”
วินนับเงินใส่มือของหญิงที่แบอยู่จนครบ
“เรียบร้อยมั้ยครับ”
“จ้ะ”
“พี่ขายรถผมแล้วจะกลับบ้านยังไงครับ”
“เดี๋ยวโทรเรียกให้คนมารับจ้ะ”
วินพยักหน้ารับ “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญจ้ะ”
วินขึ้นขี่รถ เอขึ้นซ้อน “ไปก่อนนะจ๊ะ”
“โชคดีจ้ะ”
วินกับเอยิ้ม แล้วรีบขี่รถออกไป ผู้หญิงรีบยกเงินให้ผู้ชายดู แล้วทั้งคู่ก็กระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
วินขี่มอเตอร์ไซด์ เอซ้อนหลัง เห็นตึกรามถนนอยู่ในระยะไกล วินค่อยๆจอดข้างทาง แล้วดับเครื่อง
“ตัวเมืองอยู่ข้างหน้า เราไม่มีหมวกกันน็อก เราต้องหาที่หลบก่อนที่ตำรวจจะเรียก”
“ดี หาโรงแรมนอนก่อน ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ”
วิน มองเอล้อๆ“นี่คุณชวนผมเข้าโรงแรมอีกแล้วนะ”
เอ เปิดปากหาว “เอา ระดับ ห้าดาว โอเค”
ทางด้านชายหญิงเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ที่ขายให้วินไป โบกมือไหวๆ ให้รถกระบะเข้ามาจอด เทียบ ก่อนที่จะรีบขึ้นรถ
“มาทำอะไรกันแถวนี้ รถเอ็งไปไหนล่ะ”
เฟืองหันหน้ามาถาม
“ไอ้พวกวัยรุ่นเกาหลีมันขอซื้อตั้งหมื่นห้า”
“ห้าพันฉันก็ขายแล้ว”
“เอ็งสองคนลงไปก่อน ข้าจะรีบไปธุระ เร็วเข้าเร็ว”
ชายหญิงรีบลงจากรถแทบไม่ทัน เฟืองออกรถพรวดไป
ในขณะที่วินกับเอ เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ในคราบวัยรุ่นเกาหลี
“สวัสดีครับ ห้องดีที่สุด”
พนักงานสาว ยิ้มต้อนรับ พลางบอก
“ขอบัตรประจำตัว หรือพาสปอiร์ต กับเครดิตการ์ดด้วยค่ะ”
วินพูดเบาๆ “ กระเป๋าหาย กำลังรอเอกสารอยู่ จ่ายสดได้มั้ยครับ”
พนักงานสาว นิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบ “ได้ค่ะ”
พนักงานหยิบกุญแจ วางบนเคาน์เตอร์
“ทั้งหมด หกพันห้าร้อยบาทค่ะ”
วินวางเงินบนเคาน์เตอร์ปึกหนึ่ง
“ทั้งหมดแปดพันบาท ผมไม่อยากให้ใครรบกวน ถ้าเพื่อนผมมาถามถึง โทรหาผมทันที”
พนักงานสาว ยิ้มอย่างรู้เชิง
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณจะอาบน้ำก่อนก็ได้นะครับ”
วินปิดประตูห้อง แล้วหันมาถามเอ ที่เดินเข้ามาก่อน ปรากฏว่าเอหลับไปแล้ว วินยิ้ม พลาง เดินไปนั่งข้างๆเตียง มองเอ แล้วถอนใจสงสาร จากนั้นก็ใช้มือจับผมที่ยุ่งของเอให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก็เริ่มหาว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินลืมตาขึ้นมา เห็นเอนอนซุกที่อก วินรีบลุกออกไป ปล่อยให้หัวเอ หล่นบน เตียง จนสะดุ้งตื่น
วินเดินไปรับสาย
“ครับ”
พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ พูดเสียงเบาๆ
“มีเพื่อนมาถามถึงแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
วินหันกลับมาทางเอ ที่นั่งผมยุ่งตาปรืออยู่
“เราต้องรีบแล้วล่ะครับ”
เอยื่นมือให้วินจับแล้วดึงให้ลุกขึ้น
“โห..ขออาบน้ำก่อนได้มั้ย ยังง่วงอยู่เลย”
“ได้ครับ เพื่อความรวดเร็ว ผมว่าเราอาบพร้อมกันเลยดีกว่า”
เอตาโต “หา บ้าซิ”
“โห ตาโต หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลย”
เอค้อนแล้วเดินพรวดเข้าห้องน้ำไป
ครู่เดียว วินกับเอ ก็ออกมาจากห้อง ท่าทางสดชื่นขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่ลิฟต์ แล้วเข้าไปในลิฟต์ วินกดชั้น 3
“ชั้นเหรอ”
“เราออกที่ชั้น 3 แล้วเดินลงทางบันไดหนีไฟ”
เอพยักหน้า พลางเอื้อมมือมาจับมือวินไว้ วินยิ้มให้เป็นเชิงปลอบใจ
วินกับเอลงมาทางบันไดหนีไฟ พลางมองไปที่ล็อบบี้ เห็นเฟือง พร้อมด้วยไอ้บัก กับไอ้หมีจ้อง ดักรออยู่ที่หน้าลิฟต์ วินจูงเอ ค่อยๆ เดินผ่านพวกมันออกประตูหน้าไปอย่างฉิวเฉียดจากนั้นทั้งคู่ก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังที่จอดรถมอเตอร์ไซด์หลบอยู่ เห็นพวกมันสามคนยืนอยู่ตรงรถมอเตอร์ไซด์ มันคนหนึ่งก้มลงไปเอามีดเสียบเข้าที่ยางรถ
“ทำไมพวกมันรู้ว่าคันนี้เป็นของเรา”
“ถอยก่อนครับ”
วินจูงเอ ย้อนกลับมาทางด้านหน้า พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ พลันก็เหลือบไปเห็นรถตู้ มีคำว่าทีมข่าว ติดอยู่ที่หน้ารถ วิ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถ แล้วจอดเลยห่างจากประตูไป วินเพ่งสายตามอง ทะเบียนรถ เห็นเป็น ก.ท. นักข่าวลงจากรถ พลางออกมายืนคุยโทรศัพท์
“เราพอมีทางออกแล้วครับตามผมมา”
วินรีบจูงเอ เดินตรงไปที่รถตู้ พอดีนักข่าวหันมาพอดี วินกระตุกมือเอเป็นเชิงให้เอพูด“ขอโทษนะคะ”
“เดี๋ยวโทรกลับเพื่อน”
นักข่าววางสาย แล้วจ้องหน้าวินกับเออย่างพิจารณา
“ขอติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ”
“เรายินดีจ่ายค่าน้ำมัน และขอเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนครับ”
ทันใดนั้นนักข่าวจำได้
“พวกคุณ คุณ คุณ”
วินเห็นท่าทีของนักข่าว ก็รีบบอก
“ถ้าลำบากก็ไม่เป็นไรครับ”
จากนั้นก็รีบลากเอพรวดไปอย่างรวดเร็ว นักข่าวจ้องตามอย่างตื่นเต้น
วินจูงเอเดินย้อนกลับมาทางเดิม แล้วหลบเข้าข้างตัวอาคาร พลางกวาดสายตามอง ไปทาง ด้านหน้า เห็นไอ้สามคนเดินมาจาก ทางด้านหลังมายืนรอตรงหน้าโรงแรม ทั้งสองรีบหลบแนบกำแพง
“รอดไปคราวนี้ต้องรีบแปลงโฉมใหม่ก่อนเลย วัยรุ่นเกาหลีคนจำได้หมดแล้ว”
“จริงด้วย ก่อนอื่นต้องช้อปปิ้ง”
“ช้อปปิ้ง”
“ก็คุณจะเปลี่ยนลุค ถ้าไม่ช้อปแล้วจะเอาอะไรมาเปลี่ยนล่ะ”
วินส่ายหน้า เบาๆ
“เชื่อเลย จำได้มั้ยครับที่เราเดือดร้อนอยู่เนี่ยเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่คุณช้อปปิ้ง”
“ไม่รู้ล่ะ”
วินได้แต่ส่ายหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่จะรีบโผล่ไปกวาดตาดู เห็นพวกมันออกมาจากหน้าโรงแรม
มาสมทบกับลูกน้องมันที่ยืนรออยู่ด้านหน้า ทั้งสองหลบแนบกับตัวตึก
“ท้องฉันร้อง. น่าจะ Breakfast ก่อนที่จะหนีพวกมัน”
“เอาไว้คราวหน้าผมจะบอกให้พวกมันมาหลังข้าวเช้า”
เอมองค้อน
“จะคิดทำอะไรก็คิด ก่อนที่ฉันจะเป็นลม”
“คิดอยู่ครับ”
วินกวาดสายตาเห็นรถขนส่งวิ่งมาตามถนนแต่ไกล
“เยส ตามมาครับ เราจะขึ้นรถบัส”
วิน รีบจูงเอเดินวางท่าเป็นปกติไปที่ถนน สายตากวาดตามองอย่างระแวดระวัง
วินจูงเอ รีบเดินมาที่ถนน สายตาเห็นรถบัสใกล้เข้ามา ไอ้อ้วนหันมาเห็นพอดี
“พี่โน่น”
พวกมันพาวิ่งกันออกมา วินกับเอ รีบโบกมือให้รถบัสจอด รถบัสวิ่งเข้ามาใกล้ วินกับเอ เร่งโบกมือ แล้วรถบัสก็วิ่งผ่านไป วินหันไปมองพวกมัน เห็นกำลังวิ่งกันออกมา
“สงสัยต้องออกแรงแล้วครับ”
วินลากเอวิ่งไปตามถนน ในขณะที่พวกมันวิ่งตามออกมาอย่างรวดเร็ว
“โอย ไม่ไหวแล้ว”
เอหน้าซีด วินมองอย่างเห็นใจ พลางปรายตาเห็นพวกมันวิ่งใกล้เข้ามา ทันใดนั้นรถตู้ก็เข้ามา จอดพรืด นักข่าวโผล่หน้าต่างออกมา
“เร็วเข้าคุณ เร็ว”
วินกับเอ จ้องนักข่าวอย่างคาดไม่ถึง
“ผมเป็นแฟนคลับครับ เร็ว”
วินวิ่งไปเปิดประตู เอรีบขึ้นไป วินพรวดตาม รถตู้ออกไปพรวด พวกไอ้เฟือง ต่างหยุดหอบหายใจ แฮกๆ ไอ้อ้วนวิ่งมาถึงเป็นคนสุดท้าย
“โธ่เว๊ย เงินสิบล้านของกู”
ไอ้เฟื่องส่ายหัวอย่างหงุดหงิด
“ผมจำคุณสองคนได้ แต่คุณวิ่งไปซะก่อนผมต้องเข้าไปเอาของที่โรงแรม โชคดีออกมาได้ทันการ พอดี”
นักข่าวบอกกับทั้งคู่ ขณะที่นั่งกินข้าวที่ร้านข้าวแกงในปั๊ม
“ขอบคุณมากครับ”
“ค่ะ ถ้าพวกมันตามมาทันละก็แย่เลย”
“จะให้ผมไปส่งที่ไหนบอกเลยนะครับ”
เอ รีบตอบทันที “ศูนย์การค้าค่ะ”
รถตู้เข้ามาจอดที่ศูนย์การค้า วินกับเอ รีบลงมา แล้วโบกมือให้รถตู้ที่เคลื่อนออกไป
“ตกลงจะช้อปจริงๆเหรอครับ”
เอมองค้อน
“นี่ คุณ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่คิดเป็นคุณ จะให้ไปส่งบ้านเลยเหรอไง จะให้คนรู้เหรอว่าเราอยู่ที่ไหน”
วินยิ้ม “รู้ตัวว่าเก่ง ใส่เป็นชุดเลย”
“แน่นอน”
“ตกลงไม่ช้อปแน่นะ”
วินถามง้อๆ เอหันไปมองในศูนย์ แล้วส่ายหน้า วินยิ้ม
“ถ้าอยากช้อปก็เชิญนะครับ ผมว่าเราคงจะไม่ซวยซ้ำสองหรอกครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ เอ้อ .คือขอกลับไปสวยก่อนได้มั้ยคะ”
“โห ที่แท้กลัวไม่สวย เชื่อแล้ว”
เอขำ แล้วก็หันไปโบกมือเรียกแท๊กซี่
“มีรายงานพวกปล้นธนาคารบ้างหรือยังครับ”
โจถามผู้กองวันชาติทางโทรศัพท์
“ใจเย็นคุณโจ ผมกับทีมงานต้องทำกันเงียบๆเพื่อไม่ให้คนร้ายไหวตัว ต้องใช้เวลาหน่อย”
“ผมกลัวว่าจะไม่มีเวลาให้ใช้น่ะซิครับ”
โจวางสาย สีหน้าหงุดหงิด พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง โจรีบรับสาย โดยไม่ทันดูชื่อคนโทร.
“ว่าไงครับผู้กอง”
“ฉันเองเพื่อน” เสียงวินตอบกลับมา ทำเอาโจยิ้มออก
“เฮ้ย เพื่อน”
“ฝากบอกคุณพ่อกับน้องแนนด้วย ว่าฉันกับคุณเอ ปลอดภัยดี”
โจ พยักหน้า “ได้ นายก็ต้องระวังอย่าหลับหูหลับตาให้ใครลากไปอีกล่ะ”
“แล้วคุยกันเพื่อน”
ในขณะที่เอ ก็กำลังคุยโทรซัพท์อยู่กับคุณหญิงอัญชลี
“คุณแม่ได้ไปเยี่ยมคุณพ่อหรือยังคะ”
“ยัง แต่แม่โทรไปคุยกับคุณหมอ พ่อของลูกปลอดภัย ยัยซินดี้คอยดูอยู่ใกล้ๆ รอรับมรดกอยู่แล้ว”
เอ ถอนหายใจโล่งอก “ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“แล้วเรื่องของลูกเมื่อไหร่จะจบซะที แม่ชักเป็นห่วงแล้วนะ จะให้แม่โทรหาผู้ใหญ่ให้หรือเปล่า”
“อย่าค่ะคุณแม่ ลูกไม่ต้องการแบบนั้น อีกอย่างหลักฐานมัดเรา สองคนแน่นมากเราต้องจับ คนร้ายตัวจริงให้ได้คามือ”
“อู๊ ฟังดูใกล้ชิดดีจัง”
“บ๊าย บายค่ะคุณแม่”
“อย่าให้หนุ่มหลุดมือไปได้นะลูก”
เอวางหู สีหน้าครุ่นคิด
“ไม่น่าเชื่อ เลขาฉันโทรมาบอกว่ามีบิลของยัยเอ มาเก็บเงินแล้ว”
พิ้งค์บอกกับเพื่อนๆ ที่นั่งทานอาหารอยู่ที่ร้านด้วยกัน
“จริงเหรอ เท่าไหร่” เมย์รีบถามทันที
“สามแสนกว่าๆ”
โมยิ้มสะใจ “เย้ สมใจพวกเธอแล้วนี่”
“อย่าพูดมาก ยัยโม” วุ้นค้อนโม
พอล ที่นั่งร่วมวงอยู่ด้วย พูดขึ้นบ้าง
“คุณเอนี่ร้ายน่าดู ไม่ยอมโทรหาผมเลย”
พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอลรับสาย
“ฮัลโหล คุณเอ”
ทั้งสี่สาวต่างหันมามองพอลเป็นตาเดียว
“คุณพอลไม่ต้องเป็นห่วงเอนะคะ” เอบอกไปทางปลายสาย
“ห่วงซิครับ ไม่ห่วงได้ยังไง ผมอยากช่วยคุณเอ”
“ขอบคุณค่ะ เรารู้ตัวคนร้าย ตอนนี้กำลังหาทางจัดการกับมันอยู่ เรื่องจะต้องจบในไม่ช้าค่ะ”
สี่สาวต่างตื่นเต้น ทำมือไม้ว่าจะขอพูดด้วย
“เพื่อนคุณเอ อยู่ที่นี่ด้วยทุกคน จะพูดกับใครมั้ยครับ”
“พิ้งค์ ก็ได้ค่ะ”
พอลส่งโทรศัพท์ให้พิ้งค์ “คุณพิ้งค์ครับ”
“ว่าไงจ๊ะเอ..ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยรู้มั้ยจ๊ะ”
“ฉันรู้จ้ะ ขอบใจสำหรับกองทุนนะจ๊ะ พวกเธอหวังดีแบบนี้ฉันจะใช้ให้เต็มที่ สมความตั้งใจ ของทุกคน”
เอเหน็บกลับมา เล่นเอาพิ้งค์หน้าเสีย
“เอ้อ..คือ จ้ะ จ้ะ ดีจ้ะ”
“ขอสายโมหน่อยซิ”
พิ้งค์รีบส่งโทรศัพท์ให้โม
“ เอ สบายดีเหรอ ขอให้ปลอดภัยนะ”
“ขอบใจนะโม”
เอวางสาย พลางยิ้มขำที่เล่นงานพิ้งค์ได้
โม ส่งโทรศัพท์คืนให้พอล วุ้นพูดงอนๆ
“อะไร ฉันกับ เมย์ ยังไม่ได้คุยเลย”
“ไม่รู้นี่ อยู่ๆสายตัดไปเฉยๆ” โมรีบบอก
“คงกำลังหนีใครอยู่มั้ง” เมย์เดา
วุ้นหันมาถามพิ้งค์ “พิ้งค์คุยตั้งนาน ยัยเอ ว่ายังไงมั่ง”
“ยัยเอบอกว่า จะ..จะ ใช้เงินให้เต็มที่”
เมย์ กับวุ้น ตาโต “หา”
พิ้งค์บ่นอุบ “โอย แบบนี้คนละล้านไม่รู้จะพอหรือเปล่า”
“ฉันว่ายัยเอเพี้ยนไปแล้ว” วุ้นสรุป
“ฉันว่ายัยเอ มีญานพิเศษ รู้ว่าพวกเธอเป็นห่วงจริงๆ มากกว่า”
โมยิ้มเยาะในใจ อีกสามคนต่างหน้าเสีย มองหน้ากันเลิกลั่ก
แนนยกกาแฟมาเสิร์ฟให้ โจ ก่อนที่จะนั่งข้างๆทอม
“เฮ้อ พี่ วินกับพี่เอ ชักมีเรื่องจะเข้มข้นขึ้นทุกวัน”
“อย่างน้อยตอนนี้ ผู้กองวันชาติ กำลังหาหลักฐานเล่นงานนายสมภพอยู่”
“พ่อคิดว่านายสมภพก็กำลังหาทางกำจัดพยานอยู่เหมือนกัน”
“ทำไมพี่วินไม่โทรมาหาแนนกับพ่อมั่ง” แนนบ่นงอนๆ
“โทรหาพี่โจน่ะดีแล้ว คนเดียวจบ”
โจพยักหน้าเห็นด้วยกับทอม
“พี่วินคงไม่อยากให้เราเป็นห่วงน่ะ อย่าคิดมาก”
ทอมยิ้ม พลางเอามือโอบแนนปลอบใจ
นายสมภพเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานสีหน้าเคร่งเครียด
“ตอนนี้นายประสิทธิ์มันไม่สบาย เป็นโอกาสที่ดีที่จะเล่นงาน ลูกสาวมันกับไอ้บ้านั่น โดยที่ มันไม่มี โอกาสจะมายุ่ง”
“พวกผมจี้ติดๆอยู่แล้วครับพี่ แต่พวกมันมีทั้งแฟนคลับ ทั้งพวกไฮโซ คอยช่วยอย่างเต็มที่”
นายสมภพมองหน้าไอ้เม่น เสียอารมณ์
“เฮ้อ พวกเอ็งรีบไปให้พ้นหน้าข้า รีบตามหาพวกมัน”
ไอ้เม่นกับพวกมือปืนรีบออกไป นายสมภพยังไม่คลายความกังวล
แนน น้ำหวาน นั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินประจำ ที่มหาวิทยาลัย เมจิวิ่งเข้ามาทีหลัง แกล้งนั่งเบียดแนน “นี่ยัยแนน ตั้งแต่เธอขึ้นไปพูดต่อต้านพวกฮอร์โมนเดือดวันนั้นนะ ตอนนี้พวกนั้น จัดตั้งชมรม กันแล้ว”
น้ำหวานพูดขำๆ เมจิพลอยผสมโรง
“ใช่ ใช้ชื่อว่าชมรมฮอร์โมนซ่า มีอิสระเสรีภาพทุกอย่างไม่มีกฏเกณฑ์ ฟรีเซ็กซ์ ฟรีสารพัด”
แนนส่ายหน้า
“ปล่อยเขาเถอะ โตๆกันแล้ว เขาจะคิดยังไงก็เป็นสิทธิของเขา”
“ฉันจำได้เธอเคยบอกว่าสาเหตุที่ประเทศจะล่มสลาย ไม่ใช่เพราะถูกคนเลวทำลายแต่เพราะคนดี อยู่นิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไรเลย”
น้ำหวานหันมาถามแนน
“ไม่ใช่ฉันบอก ฉันจำฝรั่งมาพูด”
เมจิ รีบเสริม“นั่นแหละ แล้วตอนนี้เธอจะอยู่นิ่งเฉยอย่างนั้นเหรอ”
พลันเสียงของนุจรี ก็ดังแทรกขึ้นมา
“คุยอะไรกันอยู่เหรอจ๊ะ”
ทุกคนหันไปมอง เห็นนุจรีกับก๊วน ยืนอยู่ครบทีม
“คุยอะไรพวกเธอไม่เห็นเกี่ยว” เมจิตอบเสียงขุ่น
นุจรีไม่สนใจเมจิ แต่หันมาทางแนน “พี่วินเป็นยังไงบ้างจ๊ะแนน”
“สบายดี ขอบใจ”
“พวกเราจะช่วยกระจายข่าวทางเน็ตเอาใจช่วย”
หลินทำทีเป็นอาสา น้ำหวานรีบสวนทันที
“ไม่ต้องยุ่งได้เป็นดี”
บิว หันมาทางแนน
“แนน นายเทปเพื่อนประจำก๊วนของเธอ กำลังจะสมัครเข้าชมรม ฮอร์โมนซ่าแน่ะ”
แนน น้ำหวาน และ เมจิ ตกใจคาดไม่ถึง หลินพูดเหน็บๆ
“อุตส่าห์ขึ้นไปพูดต่อต้าน เพื่อนตัวเองกลับกลายซะแล้ว”
“น้ำหวาน เมจิ เราไปดูกันดีกว่า”
พูดจบ แนนก็ลุกพรวดออกไป น้ำหวานรีบวิ่งตาม เมจิหันมาเหล่ใส่ก๊วนของนุจรี แล้ววิ่งตาม แนนกับน้ำหวานไป
แนนกับเพื่อนเดินมาจนมาถึงชมรมฮอร์โมนซ่า เห็นเทปยืนรวมอยู่กับกลุ่มวัยรุ่นหญิงชาย กลุ่ม หนึ่ง มีบางส่วนแจกใบปลิวชักชวนนักศึกษา
“รอนี่ เดี๋ยวเมจิจัดให้”
เมจิ วิ่งเข้าไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่น แนนกับน้ำหวานมองตาม เห็นเมจิ ลากตัวเทปออกมา
“เฮ้ย ลากอยู่ได้ เมจิ”
“ได้ข่าวว่าไปสมัครเข้าชมรมฮอร์โมนซ่าหรือไง” น้ำหวานถามพลางจ้องหน้าเทป
“ก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกันมั่ง แค่เพิ่งสมัครเอง มีสาวชวนไปเช็คฮอร์โมนกันแล้ว”
แนน หันขวับมาถามทันที
“อะไรเหรอ ไอ้เช็คฮอร์โมนของนายน่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
เมจิผลักอกเทปเบาๆ “โธ่เอ๊ย ไม่เอาไหน”
“เอาไว้รู้แล้วจะมาบอก ไปก่อนนะ”
เทปวิ่งปร๋อออกไปทันที
บิวกับหลิน ถือ แก้วน้ำผลไม้มาคนละสองแก้วมาที่โต๊ะ ซึ่งนุจรีกับพีช นั่งเล่นเน็ตจากไอแพดอยู่ “มีใครแย่งแฟนใครอีกหรือเปล่าเนี่ย”
หลินนั่งลง พลางหันมาถามพีช
“เรื่องเดิมๆ มือที่สาม มือที่สี่ วุ่นวายกันไปหมด ทำไมไม่ว่ามือที่หนึ่งเลื้อยอยู่ไม่สุขมั่งล่ะ ไปว่าแต่ มือที่สามมือที่สี่”
“ความจริงมือที่สามก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ควร แต่มันอดลุ้นไม่ได้ เพราะมือที่หนึ่งส่วนมากจะ ไฮโซแล้วก็ ร่ำรวยไงล่ะ”
บิวสรุป พีชหันมาแซวนุจรี
“เหมือนเธอจะลุ้นกับคุณพอลยังงั้นเหรอ”
“ของแบบนี้ใครดีใครได้”
“ดูนี่ซิ ยัยแนน ดังใหญ่ อยู่ในเน็ตของมหาวิทยาลัยด้วย”
พีชชี้ให้เพื่อนๆ ดู บิวเงยหยน้ามาบอกนุจรี
“ดังกว่าเธอแล้วนะนุจรี”
“แบบนี้ได้ไง บ้านเธอไฮโซกว่าตั้งเยอะ”
นุจรีชักสีหน้าไม่พอใจ “ ตอนนี้ฉันยังทำอะไรไม่ได้ฉันยังต้องพึ่งยัยแนนเชื่อมต่อคุณพอลให้ฉัน”
“ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไง”
ทุกคนหันมามองหลินเป็นตาเดียว
แนนเดินค้นหาหนังสือตามชั้นในห้องสมุด พลางดึงหนังสือออกมาจากชั้น เป็นหนังสือวัยรุ่นกับ เพศสัมพันธ์ น้ำหวานเดินพรวดเข้ามา
“แนน มาดูอะไรนี่ซิ”
แนนรีบเดินตามน้ำหวานออกไป ก่อนที่จะไปนั่งสมทบกับเมจิ ที่กำลังนั่งเช็คข่าวจากไอแพด “แนนมาดูนี่เร็ว”
เมจิเลื่อนไอแพดให้แนนดู แนนถึงกับตกใจ เมื่อเห็นภาพตัวเองตอนยืนโต้วาทีที่ลานชุมนุม ใต้รูปมีตัวหนังสือ “ดังทั้งพี่ทั้งน้อง” ใกล้ๆ กันคือรูปวินถือปืนกับเอ มีตัวหนังสือต่อท้าย “น้องสาวคนเก่ง ของผู้ต้องหาคนดัง”
“ต้องเป็นฝีมือของพวกยัยนุจรีแน่ๆ”
น้ำหวานเดา แนนเม้มปากสีหน้าเคร่งเครียด
เอ โพสำท่าเหมือนนางแบบ ต่อหน้าวิน ในลุคใหม่ ออกแนวเป็นญี่ปุ่น วินมองอย่างหลงไหล “เป็นไงบ้างลุคนี้ พอไหวมั้ย”
“คุณสวยทุกลุคเลยครับ”
เอยิ้มหวานให้ พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วินรีบรับสาย
“ว่าไงโจ..หา อืม ได้”
วินวางสาย เอรีบหันมาถาม “มีอะไรเหรอคะ”
“มีคนโพสรูปยัยแนนว่าเป็นน้องสาวของผู้ต้องหาคนดัง หมายถึงผม”
“แบบนี้ไม่ดีใช่มั้ยคะ”
“ครับ พวกอยากได้เงินรางวัลหรือแม้กระทั่งนายสมภพ อาจใช้ยัยแนนดึงให้ผมเข้าไปหาพวกมัน”
เอ ตกใจ “แย่แล้ว”
“ครับ เรื่องอาจมาถึงคุณพ่อด้วย”
ทั้งคู่เริ่มกังวล เอเดินเข้ามาใกล้วิน
“ฉันขอโทษที่เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ เป็นความผิดของนายสมภพกับนายสุชาติ”
เอซบลงที่อกของวิน แล้วทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน
จบตอนที่ 8