เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 5
ประกายเดือนเปิดประตูลั้นลาเข้ามาพร้อมถุงก๋วยเตี๊ยว
"ตะวันบะหมี่เกี๋ยวหมูแดงมาแล้วจ้า" ประกายดาวชะงักเมื่อเห็นว่าเงียบผิดปกติ เธอค่อย ๆ เดินหา "ตะวัน..ตะวัน..ว้าย!”
ประกายเดือนผงะเงิบเพราะหันมาปะทะกับปานตะวันที่ยืนประชิดอยู่ด้านหลัง
"เฮ้อ! ตกใจหมดเลยตะวัน ทำไมมายืนเงียบ ๆ อยู่"
ประกายเดือนพูดไม่ทันจบ ปานตะวันก็โผเข้ากอดประกายเดือนแน่น ประกายเดือนอึ้งไปซักพักก่อนจะผละออกมอง
หน้าพี่สาว
“..มีอะไรตะวัน?! ใครทำอะไรตะวัน?”
ปานตะวันมองหน้าน้องสาวอย่างหนักใจ
ประกายเดือนมองเห็นสัญญาที่อยู่ในมือพี่สาวแล้วก็มองก่อนจะถาม "อะไรน่ะ?!”
ประกายเดือนไม่รอให้ปานตะวันตอบเพราะเธอกระชากมาทันที
"เดี๋ยว..เดือน!”
ประกายเดือนอ่านแล้วก็ถึงกับตาโต "สัญญาว่าจ้าง?! อะไรกันน่ะตะวัน"
ปานตะวันมองหน้าน้องสาวด้วยความหนักใจจนพูดไม่ออก
อัครินทร์เข็นรถเข็นให้นารถนรินทร์กินลมชมจันทร์เล่นเพลิน ๆ ก่อนจะชมโครมเข้ากับอะไรสักอย่าง
"ว๊าย! พี่อัค!!”
"เฮ๊ย!! โทษ ๆ .. โทษทีนารถ"
นารถนรินทร์บ่นแบบแซวๆ "ตกลงขาน้องจะหายมั้ยเนี่ย ของเก่ายังไม่ทันหาย พี่ชายจะทำน้องหักใหม่อีกรอบซะแระ"
“..โทษที พี่มองไม่เห็น"
"มองไม่เห็นรึว่าไม่ได้มอง?! พี่อัครู้ตัวป่ะคะว่าวันนี้ใจลอยผิดปกติ"
"เหรอ?" อัครินทร์เหวอ "พี่อ่ะนะ ใจลอย"
นารถนรินทร์พยักหน้าคอนเฟิร์ม "ฮื่อ! พี่อัคน่ะแหละ ใจลอยมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังทานข้าวเย็นกับพี่คินทร์กับพี่ตะวันเสร็จ"
อัครินทร์อึ้ง
นารถนรินทร์รีบถาม "พี่อัคว่าพี่ตะวันสวยมั้ยคะ?”
อัครินทร์ตอบซื่อๆ "อือ..ก็สวยดี"
"นั่นไง! แอบปิ๊งพี่ตะวันแน่ๆ อย่านะ..อย่าคิดแย่งพี่ตะวันของพี่คินทร์เด็ดขาดไม่งั้นน้องจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่จริง ๆ ด้วย"
"เฮ้ย!!" อัครินทร์ขำ "ยัยนารถ พี่ยังไม่ได้คิดอะไรเลย ถามมาว่าสวยมั้ย พี่ก็ตอบว่าสวยดีแล้วไงเนี้ย?! พี่ไม่ใช่พี่นัคนะ เห็นใครก็จะจีบเค้าไปหมด"
นารถนรินทร์จ้องตา "แน่นะ?”
อัครินทร์ขำ "ก็เออสิ!! นี่!! เป็นไรเยอะเนี่ย?”
"ก็..แหม..น้องสงสารพี่คินนี่ ตั้งแต่พี่กนกตายพี่คินก็ไม่ยอมรักใครชอบใคร ไม่รู้จะทำร้ายหัวใจตัวเองไปทำไม" นารถนรินทร์เสียงสดใส "แต่วันนี้..พี่ตะวันกำลังจะทำให้พี่คินกลับมาเป็นพี่คินคนเดิมน้องก็ต้องแบ็คสุดพลังสิคะ"
"อืมม์..แต่พี่ว่ามันแปลกๆ"
"แปลกยังไงคะ?”
"มัน..เร็วไป"
"โห่!! พี่อัค ใครเค้าจะช้าเหมือนพี่อัคล่ะคะ? จนป่านนี้ยังไม่เคยพาสาวเข้าบ้านเลยซักคน"
"นี่..จำไม่ได้เหรอนารถ สมัยพี่คินจีบกนกก็ช้านะดูแล้วดูอีก เฝ้าแอบมองอยู่ตั้งหลายปี ไม่เห็นจะจู่โจมเหมือนครั้งนี้"
นารถนรินทร์คิดตามนิดนึง ก่อนจะพูด "ไม่ต้องเลย อิจฉาพี่คินแน่ ๆ ไม่ต้องห่วงค่ะพี่อัค ไว้ลุ้นคู่พี่คินกับพี่ตะวันสำเร็จเมื่อไหร่ รับรองว่าน้องจะจัดให้พี่อัคเป็นคู่ต่อไปทันที แต่ตอนนี้ขอให้เลิกอิจฉาพี่คินแล้วหันมาร่วมมือกับน้องลุ้นพี่ตะวันก่อน โอเคป่ะ?”
"ดราม่าละยัยนารถ พี่จะไปอิจฉาพี่คินเค้าทำไม? แต่..ไม่รู้สิ..พี่ว่า..ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไปจริงๆ"
เดือนเงยหน้าขึ้นจากสัญญาแล้วทำตาโต
"เร็วเกินไป? ตรงไหน..ตะวัน?!!”
"ก็จู่ ๆ จะให้พี่ย้ายเข้าบ้านเค้าเลยภายในพรุ่งนี้ อย่างนี้มันไม่เรียกว่าเร็วเกินไปเหรอเดือน?” ปานตะวันว่า
ประกายเดือนส่ายหน้า "โนๆๆ เค้าไม่เรียกว่าเร็วเกินไป แต่ต้องเรียกว่า ปิ๊งรักสายฟ้าแลบ จ้า" ประกายเดือนทำหน้าทะเล้น "เจอะปุ๊บปิ๊งปั๊บจับตัวเข้าบ้านทันทีจ้า"
ประกายเดือนหัวเราะคิกคัก ปานตะวันไม่ขำด้วย
"เดือน!! ยังจะมาทำเป็นเรื่องตลก!! นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะ"
ประกายเดือนทำหน้าซีเรียส "ถูก!! ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ" ประกายเดือนทำหน้าทะเล้น "แต่งานนี้ท่านประธานเค้าเอาจริง ฮ่าๆๆ"
ปานตะวันเสียงเข้ม "เดือน" ปานตะวันเสียงเครือ "ตั้งแต่เล็กจนโต เรา 2 คนไม่เคยต้องแยกจากกันแบบนี้"
ประกายเดือนอึ้งไปเล็กน้อย "โธ่..ตะวัน..”
"ตั้งแต่พ่อแม่ตาย พี่ไม่เคยทิ้งให้เดือนต้องอยู่คนเดียว"
"อืมม์..เค้ารู้" ประกายเดือนปลอบใจ "แต่นี่มันเป็นงานและอีกอย่าง เค้าก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วเค้าโตแล้วนะตะวัน"
"เดือนไม่คิดถึงพี่เหรอ?”
ประกายเดือนหลุดขำ "คิดถึงสิทำไมจะไม่คิดถึง แต่คิดถึงกันเราก็โทร.หากัน มาเจอกันได้นี่ แหม ทำยังกะทุกวันนี้เราตัวติดกัน 24 ชม. งั้นแหละ--จริงมั้ย?”
"แต่พี่เป็นห่วงเดือน"
"ไม่ต้องเป็นห่วง บอกแล้วไงเค้าโตแล้ว แล้วเค้าก็เก่งมากด้วย ตะวันสอนเค้ามาจนน้องสาวคนนี้เก่งมาก ไม่ต้องห่วง โอเคมั้ย? 1 ปีแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หมดสัญญาแล้ว ว่าแต่ตะวันเหอะ หมดสัญญาแล้วจะกลับมาหาเค้ารึว่าจะอยู่ยาวกับท่านประธานเลยก็ไม่รู้"
ปานตะวันว่า "บ้า!!”
บรรยากาศโดยทั่วไปเริ่มดีขึ้น
ปานตะวันพูด "เออ..แต่พี่ว่า..สัญญานี่มันโหดมากนะเดือน ถ้าพี่ทำงานให้เค้าได้ไม่ครบปีพี่จะโดนปรับตั้งเกือบ 2 ล้าน"
"โอย...ไม่ครบปีเนี่ยนะ?! ตะกี้เพิ่งบอกไง ไปแล้วจะไปลับไม่กลับมาหาน้องนุ่งรึเปล่ายังไม่รู้เล๊ยย"
"เดือน"
"คิดมากน่ะตะวัน เงินเดือนขนาดนี้ โบนัสก้อนใหญ่ แถมคอนโดอีก 1 ห้องอย่างหรูซะขนาดนี้ ที่สำคัญ.. นายจ้างหล่อรวยเทพ ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว เหอะนะๆๆตะวัน ขยันๆ ทำงาน รีบทำให้น้องสาวท่านประธานเดินได้เร็ว ๆ" ประกายเดือนพนมมือ "ชาตินี้ขอให้ลูกช้างได้เห็นเงินล้านให้เป็นบุญตาซักครั้งสาธุ"
ปานตะวันมีแววตาสดใสขึ้นเพราะอยากเห็นน้องมีความสุข
"นะ ๆๆ"
ปานตะวันยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจ "พี่จะตั้งใจเต็มที่..ครบ 1 ปี เมื่อไหร่ เรา 2 คน พี่น้องจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก..นะ..เดือน"
ประกายเดือนดีใจ "เย้ !!”
ทั้งสองคนโผเข้ากอดกัน ทั้งที่ยิ้มแต่แอบมีน้ำตาซึมเพราะต่างก็คิดถึงกันอยู่
รถนาคินทร์แล่นเข้ามาจอดนิ่งที่หน้าเรือนหอของนาคินทร์กับกนกวลี นาคินทร์นั่งจ้องนิ่งพลางคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
เหตุการณ์วันที่นาคินทร์พากนกวลีในชุดเจ้าสาวมาหยุดยืนหน้าบ้านย้อนกลับมา กนกวลีหน้าตาตื่นเต้นดีใจ
"ชอบเรือนหอของเรามั้ยครับ?”
กนกวลีรู้สึกราวกับฝันไป "พี่คินทร์..บ้านหลังนี้เหมือนกับบ้านที่เราเคยไปเที่ยวกันที่เขาใหญ่แล้วกนกบอกว่าอยากให้เรือนหอของเราเป็นแบบนี้" กนกวลีส่ายหน้าช้า ๆ คล้ายไม่เชื่อสายตา "พี่คินทร์..กนกไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากนกจะได้อยู่บ้านในฝันกับพี่คินทร์จริง ๆ ด้วย"
"ต้องได้สิครับ นับจากนี้ไปหน้าที่ของพี่คินทร์ก็คือจะต้องทำความฝันทุกอย่างของกนกให้เป็นจริง"
กนกวลีปลื้มสุด ๆ เธอโผเข้ากอด "พี่คินทร์!”
นาคินทร์กอดสักพัก "เราเข้าไปดูบ้านของเรากันนะครับ"
"ค่ะ"
นาคินทร์ช้อนตัวกนกวลีเดินเข้าไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 5 (ต่อ)
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต นาคินทร์ก็นั่งน่าเศร้าอยู่ในรถราวกับเพิ่งนั่งดูภาพในอดีตของตัวเองที่เพิ่งจะเกิดขึ้น สักพักนาคินทร์ก็ค่อย ๆ ลงจากรถ ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
นาคินทร์ค่อย ๆ เปิดประตูแล้วยืนมองไปทั่ว ๆ บ้าน ทุกอย่างในบ้านยังคงสภาพเดิมเหมือนใหม่แต่ไร้ชีวิตชีวา นาคินทร์ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาก่อนจะเดินไปผลักประตูห้องนอนที่เคยอุ้มกนกวลีในชุดเจ้าสาวเข้าไป ภาพนาคินทร์อุ้มกนกวลีในชุดเจ้าสาวเข้าห้องอย่างยิ้มแย้มมีความสุขย้อนกลับมาในหัว
นาคินทร์กลืนความรู้สึกขมขื่น เขากวาดตามองกระเป๋าเสื้อผ้า รูปคู่ 2 คน ยิ้มชื่นที่หัวเตียง ก่อนที่นาคินทร์จะทรุดลงนั่งบนเตียงแล้วหงายลงไปนอนนิ่ง สายตาเหม่อมองเพดาน
"กนก..พี่คินทร์สัญญา..แก้แค้นให้กนกสำเร็จเมื่อไหร่พี่คินทร์จะกลับมาอยู่กับกนก..ที่นี่ตลอดไปนะครับ"
พูดจบ นาคินทร์ก็น้ำตาไหล เขาหลับตาลงเพื่อข่มความรู้สึกที่ยังเจ็บปวดอยู่ไม่รู้ลืม
เช้าวันใหม่ จามจุรีเดินตรวจตรารับไหว้พนักงานจนมาถึงปาริฉัตรที่นั่งประจำที่อยู่ที่โต๊ะ
ปาริฉัตรยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะคุณจามจุรี"
จามจุรีรับไหว้ "ไหว้พระจ๊ะ..มาเช้าตามเคยนะ เฮ้อ! นี่ถ้าพนักงานคนอื่น ๆ โดยเฉพาะแม่สมรศรีกับอีตาลูกกอล์ฟจะมาเช้าเหมือนเธอบ้างก็คงจะดีนะจ๊ะ..ปาริฉัตร"
เสียงมอลลี่กับลูกกอล์ฟแหวมาเลย ทั้งสองเดินแด๊ะแด๋มาด้วยกัน
"เจริญพรอะไรให้ญาติโยมแต่เช้าเชียวคะคุณเจเจ" มอลลี่ว่า
"คุณพระ!" จามจุรีมองนาฬิกา "เป็นไปได้ยังไง? มาสายไปแค่ 15 นาที ปกติต้องครึ่ง ชม. เป็นอย่างน้อยไม่ใช่เหรอจ๊ะ"
"ถูกกค่ะ!" มอลลี่ผลักหัวลูกกอล์ฟ "ก็อีนังลูกกอล์ฟเนี่ยสิ กลัวจะอดกินน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋หน้าบริษัท เลยปลุกมอลลี่มาเข้าคิวซื้อแต่เช้า" มอลลี่หาวหวอดใหญ่ "ห๊าว!! ขอไปงีบนิดนึงนะคะ หน้าจะได้เฟรช" มอลลี่สั่งลูกกอล์ฟ "เก็บไว้ให้ฉันด้วยล่ะแก น้ำเต้าหู้ 1 ปาท่องโก๋ 2 ตื่นมาฉันจะกิน"
จามจุรีพูดขึ้น "หน้าจะได้เฟรช!!!”
"ตามนั้น" มอลลี่ว่า
พูดจบมอลลี่ก็สะบัดตูดออกไป
"แฮ่..ขอโทษนะครับ กะจะซื้อมาฝากคุณเจเจกะน้องฉัตร แต่มีคนต่อคิวยาวมากเกรงว่าซื้อมาเยอะแล้วคนหลัง ๆ อดกิน จะบาปกรรม แฮ่..เลยไม่ได้ซื้อมาเผื่อนะครับ สวัสดีครับ"
พูดจบลูกกอล์ฟก็ม้วนตัวออกไป
จามจุรีส่ายหน้าแล้วถอนใจเฮือก "มนุษย์หนอ!" จามจุรีถามปริฉัตร "ท่านประธานเซ็นเอกสารเมื่อวานรึยังจ๊ะ"
ปาริฉัตรหน้าจ๋อย "ยังเลยค่ะ"
"อ้าว" จามจุรีงง ๆ "ไม่เป็นไร ถ้างั้นช่วยเข้าไปเตือนให้หน่อยนะจ๊ะ ต้องรีบใช้"
ปาริฉัตรจ๋อยและแอบหน้าตึง "คือ..ท่านประธานยังไม่มาค่ะ"
จามจุรีงงมาก "อะไรนะ? ท่านประธานยังไม่มา?" จามจุรีเสียงหลง "เป็นไปได้ยังไง ตั้งแต่ทำงานมา ท่านประธานไม่เคยมาทำงานสายเลยแม้แต่วันเดียว"
ปาริฉัตรแอบงอน "เมื่อวานก็กลับออกไปเร็วด้วยค่ะ"
"หา?..ว่าไงนะ??..นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
เสียงนัครินทร์เรียก "คุณจามจุรี!! คุณจามจุรี!!”
จามจุรีสะดุ้งโหยง "คะ?คะ?คะ?”
นัครินทร์ที่หน้ามีรอยเล็บขีดข่วนเห็นได้ชัดทั้ง 2 แก้มเดินหน้านิ่วและอารมณ์เสียเข้ามา
จามจุรีตกใจมาก "คุณนัค?" จามจุรีขยี้ตา "คุณพระ!! ตาดิฉันฝาดไปรึเปล่า นี่คุณนัคมาทำงานแต่เช้าได้ยังไงคะเนี่ย"
"เห็นเลขาฯผมมั้ย? เห็นประกายเดือนมั้ย?!”
มอลลี่กับลูกกอลฟ์เริ่มตีล้อมเข้ามาอย่างสาระแน
จามจุรีสนใจแก้มนัครินทร์มากกว่า "อุ๊ย!! หน้า คุณนัคไปโดนแมวที่ไหนข่วนมาคะ?”
นัครินทร์รีบตะปบหน้าก่อนจะตะเบ็งเสียงดังลั่น "ผมถามว่าเห็นเลขาฯผมมั้ย? ทำไมป่านนี้ยังไม่มาทำงาน?”
ประกายเดือนเดินหอบแฟ้มเอกสารเข้ามา
"ดิฉันมาตั้งแต่ 8 โมงครึ่งค่ะ ตรงเวลาเป๊ะ ท่านรองฯมีอะไรให้รับใช้ด่วนเหรอคะ?" ประกายเดือนเห็นแก้มนัครินทร์ "เอ๊า!!! หน้าท่านรองไปโดนอะไรมาคะนั่น" ประกายเดือนทำหน้าแบ๊วทั้ง ๆ ที่พอจะเดาออก
"นั่นสิคะ?? ตะกี้ก็เพิ่งถามอยู่ตกลงว่าเลี้ยงแมวตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
นัครินทร์ตะปบหน้าตัวเองแล้วก็ตวาด "แมวบ้าอ่ะสิ" นัครินทร์พูดกับประกายเดือน "ก็เพราะเธอนั่นแหละ คุณจามจุรี..คุณจามจุรีต้องจัดการให้ผมนะ" นัครินทร์ชี้หน้าตัวเอง "ที่หน้าผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะคุณเลขาฯของผมนี่แหละ"
จามจุรีตกใจ "ห๊า?!”
"เพราะดิฉัน?”
"ใช่!! ก็เมื่อคืนนี้ไง??”
จามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟ "เมื่อคืนนี้?”
ปาริฉัตรมอง
นัครินทร์พูดต่อ "ใช่!! เมื่อคืนนี้!! ที่คุณทิ้งผมไว้คนเดียวไงคุณเลขาฯ"
จามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟพูดทวน "ทิ้งไว้คนเดียว?”
"อะไรๆๆ คะ?!! พูดให้มันชัดๆ เคลียร์ ๆ หน่อยนะคะท่านรอง เดี๋ยวชาวบ้านแถวนี้จะเข้าใจผิด"
"ก็ไม่จริงเหรอ? เมื่อคืนคุณทิ้งผมไว้ ผมก็เลยเป็นอย่างนี้ไง? ไม่รู้ล่ะ..คุณเลขาฯ คุณต้องรับผิดชอบ"
"ทิ้งไว้คนเดียวที่ไหน ทิ้งให้คุณอยู่กับแม่นักร้องเกาหลีกับแม่ดาราฝรั่ง ดิฉันต้องรับผิดชอบด้วยเหรอคะ? แหม..นึกว่าจะได้รับความดีความชอบซะอีก"
"อ้าว!! ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เองเหรอคะคุณนัค?”
ทุกคนจ้องนัครินทร์กันตาแป๋ว
"เอ่อ..ก็..คือ.." นัครินทร์พาล "มองอะไร..ทำไมไม่ไปทำงานกัน..แย่จริง" นัครินทร์ชี้ประกายเดือน "คุณด้วย!! ไปทำงาน!”
พูดจบนัครินทร์ก็เดินยัวะๆ กลับไป
"ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ" ประกายเดือนขำ
ประกายเดือนม้วนตัวออก มอลลี่กับลูกกอล์ฟสุมหัวเม้าท์เมามัน
"เฮ้อ! มนุษย์หนอ..ปวดหัวหนอ..ดูซิ..ท่านรองฯก็อย่างนี้ แล้วนี่ท่านประธานก็ยังไงเนี่ยป่านนี้จะไปทำอะไร? อยู่ที่ไหน? อยู่กับใคร? ก็ไม่รู้" จามจุรีว่า
ปานตะวันนอนหลับสวยพริ้มอยู่บนเตียง สักพักเริ่มรู้สึกตัวแล้วเหมือนได้กลิ่นอะไรซักอย่างก็เลยลุกขึ้นงง ๆ และงัวเงีย
ปานตะวันพึมพำ "โห..ทำอะไรกินแต่เช้าเนี่ย"
ปานตะวันยิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่า 9 โมงกว่าแล้ว
ปานตะวันตกใจ "จะ 10 โมงแล้ว ทำไมเดือนยังไม่ไปทำงาน?”
ปานตะวันส่ายหน้าแล้วลุกออกไป
หม้อซุปเดือดพล่านอยู่บนเตาในส่วนครัวฝรั่ง ปานตะวันเดินออกมาจากห้องนอน
"เดือน!! เดือน!!”
ปานตะวันเห็นหม้อซุปก็ตกใจจะรีบวิ่งไปปิด
"ตายแล้ว!! ทิ้งไว้อย่างนี้ได้ยังไง"
ปานตะวันเอื้อมมือจะปิดสวิสท์เตาแต่มีมือใครคนนึงคว้าหมับเอาไว้ ปานตะวันหันขวับไปมอง นาคินทร์จ่ออยู่ใกล้ ๆ
"คุณ!!”
นาคินทร์ยิ้ม "อย่าเพิ่งครับ"
ปานตะวันยังอึ้งงงอยู่
"ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งรีบ" นาคินทร์มองตาแล้วโอบเอวปานตะวันเข้ามาใกล้ "ต้องเคี่ยวให้เปื่อยอีกซักนิดน้ำซุปจะได้หวาน"
ปานตะวันรีบดึงมือและดันตัวเองออกจากนาคินทร์
"คุณ..คุณมาทำไม? แล้วคุณเข้ามาได้ยังไง?” ปานตะวันว่า
นาคินทร์ทำชิลด์ก่อนจะหันไปหรี่ไฟแล้วคนซุปชิม "อืมม์...ยังไม่หวานจริง ๆ ด้วย สงสัยต้องเคี่ยวอีกนาน"
"คุณนาคินทร์คะ..ฉันถาม"
นาคินทร์หันมาตอบทันที "เอาคำถามที่ 2 ก่อนนะครับ ผมเข้ามาได้ยังไง?" นาคินทร์ชูการ์ดขึ้น "ลืมไปแล้วเหรอครับว่าผมเป็นเจ้าของห้องนี้" นาคินทร์ยิ้ม
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปานตะวันอึ้ง
“..แต่มันจะกลายเป็นห้องของคุณทันทีที่คุณทำให้ยัยนารถน้องสาวของผมเดินได้และนั่นก็เป็นที่มาของคำตอบสำหรับคำถามแรกของคุณที่ว่า..ผมมาทำไม?” นาคินทร์ว่า
ปานตะวันอึ้งอีก
นาคินทร์เดินมายื่นหน้าเข้ามาใกล้ "เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยรึยังครับ? ทานข้าวเช้าเสร็จ ผมจะพาคุณไปบ้านผมทันที"
นาคินทร์ยิ้ม "แต่ตอนนี้.." นาคินทร์หันไปคว้ามีดหั่นหอมหัวใหญ่ฉับๆ "นอกจากซุปแล้ว ผมคิดว่าจะทำข้าวผัดให้คุณทานด้วยจะได้อยู่ท้องหน่อย เพราะนี่ก็เกือบจะสิบโมงแล้ว"
นาคินทร์ทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตา
"เป็นอะไรไปคะ..คุณนาคินทร์"
นาคินทร์แสบตา "ปะ..เปล่าครับ ไม่เป็นไร" นาคินทร์สูดน้ำมูกฟุดฟิด
ปานตะวันหลุดขำกิ๊ก "น้ำตาไหลขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นไร มาค่ะ..เดี๋ยวตะวันจัดการเอง"
ปานตะวันคว้ามีดจากมือนาคินทร์มาหั่นหอมหัวใหญ่อย่างคล่องแคล่ว นาคินทร์มองอย่างทึ่งๆ
"ทำไมคุณไม่เห็นแสบตาแบบผมเลยล่ะครับ?”
ปานตะวันยิ้มน้อย ๆ "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ตะวันไม่เคยมีปัญหา"
นาคินทร์ยิ้ม "คุณแม่ผมมักจะบอกอยู่เสมอว่า ถ้าจะหาสะใภ้เข้าบ้าน ต้องแอบดูเวลาที่เขาหั่นหัวหอมถ้าเกิดร้องไห้เวลาหั่นล่ะก้อห้ามแต่งเข้าบ้านเด็ดขาด เพราะผู้หญิงคนนั้นจะดูแลครอบครัวไม่ได้"
ปานตะวันชะงักกึกทันที เธอหันมองนาคินทร์ที่จ้องตาเธออยู่ ืทั้งสองจ้องกันสักพัก ปานตะวันก็รีบเคลียร์สถานการณ์
"ขอไข่หน่อยได้มั้ยคะ?” ปานตะวันบอก
นาคินทร์ทำตาโต "อะไรนะครับ?!”
ปานตะวันหน้าแดง "ฉัน..หมายถึง..เอ่อ..จะทำข้าวผัดไม่ใช่เหรอคะ? ก็น่าจะ..เอ่อ..ใส่ไข่ด้วย"
นาคินทร์ยิ้มแฉ่ง "อ๋อ..ครับ!! ผมจัดการให้เอง"
นาคินทร์หยิบไข่ชูให้ปานตะวันดู ปานตะวันหลบตาอาย นาคินทร์ยิ้มชอบใจก่อนจะต่อยไข่โช๊ะแล้วตี ๆๆ อย่างชำนาญ ปานตะวันแอบค้อน
ปานตะวันรวบช้อนหลังจากทานอิ่มแล้ว
"อิ่มแล้วเหรอครับ? ไม่อร่อยเหรอครับ?”
ปานตะวันรีบบอก "อร่อยค่ะ อร่อยมาก แต่มื้อเช้า..ฉันทานไม่ค่อยเยอะ"
นาคินทร์ส่ายหน้า "เป็นพยาบาลซะเปล่า ไม่ทราบเหรอครับว่าอาหารที่สำคัญที่สุดคืออาหารเช้า”ปานตะวันแอบค้อนนิดๆ "ทราบค่ะ แต่..ฉันไม่ค่อยมีเวลาหรอกค่ะ ที่ผ่านมาต้องดูแลคนไข้แต่เช้า"
"งั้นต่อไปนี้..ผมจะทำอาหารเช้าให้คุณทานทุกวัน"
ปานตะวันอึ้งก่อนจะหลบตา "เอ่อ.." ปานตะวันจะพูดต่อ
นาคินทร์ชิงพูดก่อน "อาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ เราจะได้ไปบ้านผมกัน--ตามสัญญาของเรา"
นาคินทร์ยิ้มให้อย่างไม่มีอะไรผิดปกติ
"ไปสิครับ ป่านนี้ยัยนารถคงรอคุณแย่แล้ว"
ปานตะวันถอนใจเฮือก "ค่ะ"
ปานตะวันค่อย ๆ ลุกขึ้นเข้าห้องไป นาคินทร์มองตาม รอยยิ้มค่อย ๆ หายไปเหลือแต่ใบหน้าเยือกเย็น
สาวิตรีตื่นเต้นเดินไปเดินมาสวนสนามกับใบตองที่เดินไปชะเง้อไป ในขณะที่นารถนรินทร์นั่งรออยู่บนรถเข็น ซักพักสาวิตรีชนโครมกับใบตอง
"ว๊าย! นี่แม่ตอง ตื่นเต้นอะไรนักหนานะ แค่คุณคินจะพาหนูตะวันมาอยู่บ้านเราแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นตื่นเต้นขนาดนี้"
"โห..คุณผู้หญิงขา..คุณผู้หญิงก็คือกันกับใบตองล่ะค่า"
"อะไร? นี่แกมาโทษฉันเรอะ?”
นารถนรินทร์ดีใจ "พี่คินมาแล้ว!!”
สาวิตรีดีใจ "มาแล้วๆ"
นาคินทร์เลี้ยวรถเข้ามาจอด นาคินทร์กับปานตะวันลงมาจากรถมาหาทุกคน
นารถนรินทร์รีบบอกเสียงดัง "ยินดีต้องรับสู่บ้านไกรตระกูลอย่างเป็นทางการนะคะพี่ตะวัน"
ปานตะวันเขินๆ เจียมๆ "ขอบคุณค่ะ" ปานตะวันกับสาวิตรี "สวัสดีค่ะ..คุณผู้หญิง"
"อะไรกัน เรียกคุณแม่ว่าคุณผู้หญิงได้ยังไง"
"แม่นล่ะค่ะ ‘คุณผู้หญิง’ น่ะเก็บไว้ให้ใบตองเรียกส่วนคุณตะวันน่ะต้องเรียก.." ใบตองคิด “..ว่าอะไรดีคะ?”
ปานตะวันอึ้ง ๆ นาคินทร์ยิ้ม ๆ
"คุณแม่ สิคะ พี่ตะวันต้องเรียกคุณแม่ว่า คุณแม่"
ปานตะวันตกใจ "คงไม่สมควรหรอกค่ะคุณนารถ"
"นั่นไง!! เมื่อวานก็เพิ่งจะตกลงกันว่าจะเรียกนารถว่า ‘น้อง’ ไม่ทันไรเลย..ลืมซะแล้ว"
"เอ่อ..ขอโทษด้วยค่ะ"
"ก็ในเมื่อนารถเป็นน้องสาวพี่ตะวันแล้วคุณแม่ของนารถก็ต้องเป็นคุณแม่ของพี่ตะวันด้วยจริงมั้ยคะคุณแม่" นารถนรินทร์บอก
"นั่นสินะ ต่อไปนี้ตะวันต้องเรียกแม่ว่าคุณแม่อย่างที่ยัยนารถบอกแล้วนะจ๊ะ"
ปานตะวันอึ้งก่อนจะหันไปมองนาคินทร์ นาคินทร์ยิ้มแฉ่ง
"ผมเห็นด้วย 1000 เปอร์เซ็นต์"
ปานตะวันจ๋อย
"ไหนจ๊ะ..ลองเรียกแม่ว่า ‘คุณแม่’ หน่อยสิจ๊ะ" สาวิตรีบอก
ปานตะวันลำบากใจก่อนจะจำยอม "คะ..คุณแม่"
ทุกคนดีใจจนปลาบปลื้ม
"ยินดีต้อนรับลูกสาวคนใหม่ของเรานะจ๊ะ"
สาวิตรีลูบผมตะวันอย่างเมตตา ตะวันแอบซาบซึ้งกับความอบอุ่นแบบนี้ที่ขาดหายจากชีวิตไปนานแล้วตะวันค่อย ๆ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ปานตะวันยกมือไหว้ "ขอบพระคุณค่ะ"
ทุกคนยิ้มแย้ม ปานตะวันเหลือบมองนาคินทร์ นาคินทร์มองอยู่ด้วยสายตาปลื้มปริ่มเช่นกัน ปานตะวันใจชื้น เพราะหมดกังวล
ประกายเดือนดีใจสุดขีด
"จริงเหรอตะวัน? เห็นมั้ยเค้าบอกตะวันแล้วว่าอย่าคิดมาก เห็นป่ะ..ว่าทุกอย่างมันเริ่ด"
"จริง..เริ่ดเกินไปซะด้วยซ้ำ" ปานตะวันพูดจบก็กวาดตามองไปทั่วห้อง
ปานตะวันนั่งพูดโทรศัพท์อยู่บนเตียงในห้องนอนที่น่ารักขนาดพอดี ด้านหลังมีระเบียงส่วนตัวเล็ก ๆ มีม้านั่งไว้ชมสวนหลังบ้าน โดยห้องอยู่ชั้นล่างของบ้านใกล้กับห้องของนารถนรินทร์
"ห้องนอนพี่น่ะ..มัน..น่ารักมาก"
"ว้าว! อยากเห็นจัง ถ่ายรูปส่งมาดูหน่อยสิ"
"บ้า! ไม่ดีหรอก บ้านคนอื่นเค้า"
ประกายเดือนพูดแหย่ "คนอื่นที่ไหนกัน เออ..นี่..บ้านน่ารักแล้ว..แล้วคนล่ะ คุณพ่อคุณแม่แล้วก็น้องท่านประธานน่ารักรึเปล่า?”
"คุณพ่อยังไม่เจอ แต่คุณแม่แล้วก็น้องนารถน่ารักมาก"
ประกายเดือนแกล้งโวย "อ้าว!! มีน้องใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
ปานตะวันตกใจ "เค้าบังคับให้พี่เรียก พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เดือน!! อย่าโกรธพี่นะ"
ประกายเดือนแอบขำกิ๊กแต่ก็เก็กต่อ "ไม่รู้ล่ะ มีน้องใหม่แล้วลืมเค้าล่ะ..น่าดู"
"ไม่นะเดือน พี่รักเดือนที่สุดเดือนก็รู้"
ประกายเดือนขำก๊าก "ล้อเล่น..." ประกายดาวขำกิ๊ก
ประกายเดือนหมุนเก้าอี้มาจ๊ะเอ๋นัครินทร์แล้วก็ชะงักกึก "แฮ่...”
"ขำอะไรนักหนา? ว่างมาก?”
ปานตะวันถาม "เดือน? เป็นอะไรรึเปล่า?”
"เอ่อ..แค่นี้ก่อนนะ..บาย" ประกายเดือนวางหู
"เดือน!! เดือน!! อะไรของเค้าเนี่ย?”
ปานตะวันวางหูโทรศัพท์แล้วกวาดตามองไปทั่วห้องก่อนจะลุกขึ้นออกไปที่ระเบียงแล้วสูดอากาศอย่างชื่นใจ แล้วหันหลังกลับมาชนกับอกของนาคินทร์เข้าเต็ม ๆ
"คุณนาคินทร์!”
"ชอบมั้ยครับ..ห้องของคุณ?”
ปานตะวันรีบถอยออกห่าง "ค่ะ..จริง ๆ ฉันอยู่ยังไงก็ได้ ฉันรู้สึกว่าห้องนี้ดีเกินไป ไม่เหมาะกับฉันด้วยซ้ำ"
"ดีเกินไป? ไม่เหมาะกับคุณ? คุณพูดยังกับว่าคุณเป็นคนไม่ดี?!" นาคินทร์ทำสายตาจริงจัง "คุณเป็นคนไม่ดีตรงไหน? เมื่อไหร่? กับใครเหรอครับ?”
ปานตะวันเห็นสายตาก็ชักจะงง "เอ่อ..คือ..”
นาคินทร์เข้าไปจับไหล่อย่างจริงจัง "จำไม่ได้หรือไม่เคยคิดจะจำ"
ปานตะวันตกใจ "คุณ..คุณนาคินทร์..ฉัน..เจ็บ"
นาคินทร์รู้สึกตัว "ผมขอโทษ" นาคินทร์ปล่อยมือ
ปานตะวันงง ๆ และแอบกลัว "คุณ..เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
"เปล่า..เปล่านี่ครับ..ผมก็แค่..ล้อคุณเล่น"
ปานตะวันมองงงๆ ไม่ปล่อยให้ปานตะวันงงนาน นาคินทร์พุ่งเข้ารวบตัวเธอมากอดไว้
"คุณ!!”
"ผมดีใจที่สุดที่ได้คุณมาอยู่ใกล้ ๆ"
"ปล่อยตะวันเถอะค่ะ"
"ไม่มีทาง! ชาตินี้ผมไม่วันปล่อยคุณไปแน่"
นาคินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นเข้ามาอีก ปานตะวันขัดขืน ทันใดนั้นใบตองก็ยกกระเป๋าเสื้อผ้าของปานตะวันแล้วเปิดประตูผลัวะเข้ามา "ว๊าย!!”
ปานตะวันถือโอกาสผละออกจากนาคินทร์
"ขอโทษค่ะ..มาผิดจังหวะ..เดี๋ยวมาใหม่ก็ได้ค่ะ" ใบตองว่า
ปานตะวันรีบบอก "พี่ใบตองค่ะ" ปานตะวันรีบวิ่งไปหา "ขอบคุณนะคะ..เข้ามาเลยค่ะ รบกวนพี่ใบตองวางกระเป๋าบนเตียงเลยนะคะ"
"เอ่อ..จะดีเหรอคะ?..ไว้ก่อนมั้ยคะ? เดี๋ยวมาใหม่?” ใบตองว่า
"วางเลยค่ะ ตะวันอยากจัดเสื้อผ้าตอนนี้เลย" ปานตะวันบอก
"ตอนนี้เลย?" ใบตองชะโงกมองนาคินทร์ "เหรอคะ?”
นาคินทร์เดินออกจากห้องไปอย่างเซ็งๆ
"นั่น!! คุณคินโกรธใบตองแน่ๆ ที่เข้ามาขัดจังหวะ"
"จังหวะอะไรกันคะพี่ใบตอง"
"หืม..ถามใบตอง..ใบตอง..จะรู้มั้ยคะว่าจังหวะอะไรกัน?”
ปานตะวันอึ้งและหน้าแดง เพราะสายตาวิบวับของใบตองที่จ้องมองอยู่ ปานตะวันก้มหน้าก้มตาหยิบจับเสื้อผ้าในกระเป๋า ใบตองตื่นเต้นทีได้รู้ข่าวใหม่
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 5(ต่อ)
ใบตองหน้าตาเลิกลั่กอยากเม้าท์มั่ก ๆ เดินเร็วจี๋มาตามทาง
"อูย..มันแน่นอกแน่นใจ อูย..กอดกันแน่น..ว๊าย!!”
ใบตองชนโครมเข้ากับอัครินทร์ที่เดินสวนมาพอดี
ใบตองพนมมือแต้ "โอย..ขอโทษค่ะคุณอัคใบตองไม่เห็นจริง ๆ ใบตองมัวแต่ใจลอยนึกถึงเรื่องคุณคินกะคุณตะวันอ่ะค่า"
อัครินทร์งง "พี่คินกับใครนะ?”
ใบตองทำเป็นไม่อยากจะพูด "เอ่อ..คุณคิน..กับ..คุณตะวัน..พยาบาลคนใหม่ของคุณนารถไงคะ.." ใบตองแถมให้ "เพิ่งย้ายมาหมาด ๆ เลยล่ะค่ะ"
อัครินทร์เลิกคิ้วคล้ายจะถามว่าอ้าว มาแล้วเหรอ? แล้วเขาก็เดินออกไป
ใบตองเม้าท์ต่อ "แหม.ตะกี้นะคะมาปุ๊บก็.." ใบตองชะงัก "อ้าว!! คุณอัค!!คุณอัคคะ?? โธ่!! ฟังก่อนโหย..อยากเล่าอ่ะ..ใบตองแน่นอก!”
ปานตะวันค่อย ๆ เดินมาอย่างไม่เคยชิน เธอมอง ๆ หานารถนรินทร์จนเกือบจะชนเข้ากับอัครินทร์ที่เดินมาพอดี
"อุ๊ย! ขอโทษค่ะ"
สองคนหน้าใกล้กันต่างคนก็ต่างถอยออก
"ไม่เป็นไรครับ วันนี้แปลกจริง ๆ เมื่อกี้ผมก็เพิ่งชนกับใบตอง" อัครินทร์บอก
ปานตะวันสะดุ้ง "พี่ใบตอง!”
"ครับ..เดินใจลอยมาเชียว"
ปานตะวันหน้าจ๋อยเพราะไม่รู้ใบตองพูดอะไรรึเปล่า "เหรอคะ?”
"มีอะไรรึเปล่าครับ?”
"ปะ..เปล่าคะ..ไม่มีอะไร"
อัครินทร์มอง "ย้ายเข้ามาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยครับคุณตะวัน?”
"เอ่อ..ค่ะ..เรียบร้อยดีค่ะ"
"ฝากดูแลยัยนารถด้วยนะครับ แก้วตาดวงใจของบ้านนี้ ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้ จริงสิ..ผมไม่ค่อยอยู่บ้าน ส่วนใหญ่อยู่ รพ. แล้วก็ออกต่างจังหวัด"
"ออกต่างจังหวัดด้วยเหรอคะ?”
"ครับ..แพทย์อาสาฯ น่ะครับ"
ปานตะวันมองด้วยสายตาชื่นชม "ดีจังเลยค่ะ"
"แต่ไม่เป็นไร..โทร.หาผมได้..เดี๋ยวผมให้เบอร์ไว้เผื่อมีอะไรฉุกเฉินเกี่ยวกับยัยนารถ" อัครินทร์คว้าโทรศัพท์ "คุณตะวันเบอร์อะไรครับเดี๋ยวผมโทร.เข้าไป"
ปานตะวันมองอย่างลังเล แต่เห็นแววตาบริสุทธิ์ใจของอัครินทร์
"เอ่อ.." ปานตะวันตัดในสินใจบอก “08..”
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "ปานตะวัน!!”
สองคนหันขวับมองมานาคินทร์ที่ยืนอยู่
"คุณนาคินทร์"
"ผมจ้างคุณมาดูแลน้องสาวผมคนเดียว..ส่วนน้องชายไม่ต้อง"
ปานตะวันอึ้ง
อัครินทร์เซ็ง "พี่คิน?”
นาคินทร์เข้าไปดึงแขนปานตะวัน "คุณควรจะเริ่มทำงานตามสัญญาได้แล้ว"
ปานตะวันเสียงแข็ง "ฉันตามหาคุณนารถอยู่"
"เหรอ?”
"พี่คิน..ผมว่าพี่..”
นาคินทร์หันไปจ้องตา "ปานตะวันเป็นคนของพี่แกอย่ายุ่ง"
พูดจบนาคินทร์ก็ดึงปานตะวันออกไปทันที
"เดี๋ยว..พี่คิน!”
อัครินทร์ทั้งงงและไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นาคินทร์ดึงปานตะวันมาต่อเนื่อง ปานตะวันยื้อไว้แล้วสะบัดจนแขนหลุด
"นี่คุณทำอะไรคะ? คุณเป็นอะไรของคุณ..คุณนาคินทร์?” ปานตะวัน
"คุณต่างหากเป็นอะไร? เข้าบ้านวันแรกก็ไล่แจกเบอร์ให้ผู้ชายซะแล้ว อดอยากปากแห้งนักเหรอ?”
ปานตะวันตบหน้านาคินทร์ดังเพียะ!
นาคินทร์อึ้ง ปานตะวันก็อึ้งแล้วพูด "ฉัน..ขอโทษ"
ทันใดนั้นนาคินทร์ก็กระชากปานตะวันมาจูบทันที สักพักปานตะวันผลักนาคินทร์ออก
ปานตะวันจ้องหน้าน้ำตารื้นคล้ายไม่อยากจะเชื่อ "คุณ.." ปานตะวันเงื้อมือเหมือนจะตบอีกที
นาคินทร์ยืนมองอย่างไม่สะทกสะท้าน ปานตะวันเงื้อค้าง ตบไม่ลงก่อนจะวิ่งออกไป นาคินทร์ยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะหันไปมอง
ปานตะวันทรุดตัวลงนั่งร้องไห้บนเตียง
"อะไรกัน..นี่มันอะไรกัน..คุณนาคินทร์"
ปานตะวันล้มตัวลงนอนร้องไห้
ประกายเดือนตาโต
"อะไรนะคะ ดิฉันต้องไปดินเนอร์กับท่านรองฯ คืนนี้?”
นัครินทร์กึ่งนั่งกึ่งนอนพูดกับประกายเดือนอยู่บนโซฟา
"ถูก! ทำไม?? มีปัญหาอะไรไม่ทราบฮะคุณเลขาฯ?”
"มีแน่ค่ะท่านรองฯ ปัญหาก็คือเลขาฯ อย่างดิฉันไม่มีความจำเป็นต้องไปดินเนอร์กับเจ้านาย"
นัครินทร์อึ้งนิดนึงแล้วพูดต่อ "จำเป็น!! เพราะนอกจากเจ้านายแล้ว ยังมีลูกค้ารายใหญ่ที่เราจะต้องไปคุยธุรกิจด้วย งานนี้..เลขาฯ จำเป็น!!”
ประกายเดือนกด iPad Mini ดู "ไม่มีในตารางนัดค่ะ"
นัครินทร์มั่ว "นัดพิเศษ ลูกค้าเพิ่งโทร.มานัดกับผมเองเมื่อกี้"
นัครินทร์ชูมือถือ ประกายเดือนจ้อง
"จ้องอะไร? จ้องทำไม?” นัครินทร์ถาม
ประกายเดือนค้อน
"นี่คุณ!! คุณนึกว่าคนอย่างผมอยากดินเนอร์กับคุณนักรึไง? นี่ถ้าไม่ใช่เพื่องาน เพื่อบริษัทฯล่ะก้อ..อย่าฝัน"
"ขอโทษนะคะท่านรองฯ..ตั้งแต่เกิดมาดิฉันยังไม่เคยฝันร้ายค่ะ..เรียนให้ทราบ"
พูดจบประกายเดือนก็เดินออกไปทันที
"โห..ปาก..อย่างนี้มันต้องจับจูบซะให้เข็ด" นัครินทร์หมายมั่นปั้นมือ
ประกายเดือนเดินฮึดฮัดออกมากระแทกตัวนั่งลงที่โต๊ะ
ประกายเดือนบ่นพึมพำ "อีตาบ้า!! คนบ้าอะไรเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น"
ปาริฉัตรที่นั่งอยู่อีกฝั่งเหลือบมอง
ประกายเดือนบ่นต่อ "คอยดูนะ!! ได้งานใหม่ เงินดีกว่าเมื่อไหร่ล่ะแม่จะเผ่นภายใน 5 วินาทีเลย"
มอลลี่กับลูกกอล์ฟเดินแกว่งถุงผลไม้เข้ามา
"แหมๆๆ.. เป็นสาวเป็นแส้ ยังไม่ทันจะแก่ก็ขี้บ่นซะแระนะคะน้องเดือนขา ทะเลาะอะไรกะท่านรองฯ อีกล่ะ " มอลลี่รีบเลย "เม้าท์เอ๊ย! ระบายให้พี่มอลลี่ฟังก็ได้นะจ๊ะ ประเดี๋ยวแน่นอก อกแตกตายซะก่อน"
ลูกกอล์ฟแขวะ "ใจบุญมากก"
"ที่สุด!!” มอลลี่ว่า
"ขอบคุณค่ะพี่ที่หวังดี แต่..ไม่มีอะไรค่ะ" ประกายเดือนบอก
มอลลี่กับลูกกอล์ฟเสียดาย "ว้าา"
"ไม่แซ่บเลยอ่ะ" มอลลี่บอก
มอลลี่กับลูกกอล์ฟชูถุงผลไม้ขึ้น "ไปกินฝรั่งจิ้มพริกกะเกลือแซบกว่าเหอะเจ๊มอล"
"จริง!”
ทั้งสองคนจะเดินออก แต่ก็ชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคที่ลั่นมาแต่ไกล
"นัคกี้..นัคกี้..ยู้ฮู้..”
เคที่ปรี่มา ลูกกอล์ฟกับมอลลี่เปลี่ยนใจ
"ฉันว่าฝรั่งนี่ท่าจะแซบกว่าว่ะนังลูกกอล์ฟ"
"จริง!!!” ลูกกอล์ฟเห็นด้วย
ทั้งสองหันกลับมาเกาะติดสถานการณ์ เคที่จะเปิดประตูห้องนัครินทร์ ประกายเดือนเข้ามาขวาง
"ท่านรองฯ ไม่อยู่ค่ะ"
"โกหก! ไอเห็นรถนัคกี้จอดอยู่..หลีกไป" เคที่ว่า
"ไม่อยู่จริง ๆ ค่ะ ท่านรองฯไปประชุมพร้อมท่านประธาน ท่านนั่งรถไปคันเดียวกัน"
เคที่มอง "แล้วยูทำไมไม่ไปด้วย?”
"ท่านมีประชุมลับสุดยอดค่ะ..Secert เยอะ..Confidential ลับสุดยอดมาก ๆ ไม่ให้ใครไปด้วยทั้งนั้น"ประกายเดือนชี้ไปที่ปาริฉัตร "ดูโน่นสิคะ..เลขาฯท่านประธานก็นั่งอยู่โน้น..See?”
เคที่เริ่มลังเล "จริงนะ? ไม่โกหกนะ?”
ประกายเดือนยืนยัน "จริงค่ะ..ไม่โกหก"
เคที่พยักหน้าแล้วจะเปิดประตู "งั้นไอจะรอในห้อง"
ประกายเดือนรีบขวาง "โน ๆๆ.. อย่ารอเลยค่ะ..เพราะท่านรองฯจะไม่กลับเข้ามาอีก"
“What??? ไม่กลับมาแล้ว นัคกี้จะไปไหน?”
"อ๋อ..ก็.." ประกายเดือนนึกได้ก็ทำตาวาว "ท่านรองจะไปดินเนอร์ต่อเลยค่ะ"
เคที่งง "ดินเนอร์?”
"ค่ะ"
เคที่ลมหึงขึ้น "ดินเนอร์? กับใคร? ที่ไหน?”
ประกายเดือนทำคอเอียงแล้วกระซิบ "อย่าบอกท่านรองฯ นะคะว่าดิฉันบอก"
"ชัวร์!”
ประกายเดือนเอามือป้องแล้วกระซิบที่หูเคที่
มอลลี่กับลูกกอล์ฟอยากฟังมาก
ประกายเดือนประซิบบอกเคที่ เคที่หึงจัด "นัคกี้!! เจอกัน"
เคที่ผลุนผลันออกไปทันที ประกายเดือนสะใจก่อนจะนึกได้รีบคว้าโทรศัพท์ที่ทำงานโทร.ทันที
"ฮาโหลลล..คุณวีวี่เหรอคะ..ดิฉันเลขาฯท่านรองฯ..มีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ"
ประกายเดือนมีตาวาววิบวับ
สาวิตรีตกใจ
"จริงเหรอพี่คิน!! พี่คินจะย้ายกลับมาอยู่กับแม่จริง ๆ เหรอจ๊ะเนี่ย"
ทุกคนนั่งประจำที่โต๊ะ ใบตองที่กำลังเสิร์ฟถึงกับสะดุด "ว๊าย!”
"นังตอง!! เป็นอะไรเยอะ?? หมู่นี้ซุ่มซ่ามเหลือเกินนะเรา" สาวิตรีว่า
ใบตองคันปากยิบ ๆ อยากรายงานเรื่องเมื่อเช้า ปานตะวันนั่งตัวแข็ง อัครินทร์เหลือบมอง
นาคินทร์ยิ้ม "จริงสิครับคุณแม่ แล้วทำไมครับ ไม่อยากให้ผมกลับมาอยู่ด้วยเหรอครับ?”
"อยากสิจ๊ะทำไมจะไม่อยาก เห็นมั้ย..ไปอยู่คอนโดจะกินจะอยู่มันไม่เหมือนอยู่บ้านกับแม่หรอก แม่บอกแล้ว"
"อยากกลับเพราะคุณแม่หรือเพราะใครกันแน่คะพี่คิน?”
ใบตองตอบทันที "ถูกค่ะ!”
ปานตะวันสะดุ้ง
นาคินทร์ขยี้ผมน้องสาวเบา ๆ "รู้ดีนักนะเรา"
สาวิตรีเข้าใจ "อ้าว..เหรอ??”
ใบตองพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ!!”
สาวิตรีมองปานตะวันแล้วยิ้มแฉ่ง "จะเพราะใครก็ตาม แม่ก็ต้องขอขอบใจคน ๆ นั้นที่ทำให้พี่คิน ของเรายอมกลับบ้านซะที หลังจากหนีแม่ไปอยู่คอนโดซะตั้ง 3 ปี"
ปานตะวันนิ่งเพราะรู้สึกอึดอัด อัครินทร์มอง
นาคินทร์เห็นก็พูด "แล้วผมก็คงต้องรีบย้ายกลับมาเร็วที่สุดด้วยครับ"
อัครินทร์มองพี่ชาย นาคินทร์มองตอบ
อัครินทร์จะพูดเรื่องเมื่อเช้า "พี่คินทร์..”
นาคินทร์ชิงพูดก่อน "นายอัค..เมื่อไหร่แกจะมีแฟนกับเค้าซะที"
อัครินทร์อึ้ง "พี่ถามทำไมครับ?”
"ก็..อยากรู้" นาคินทร์บอก
"จริงด้วย น้องก็อยากรู้ แต่หายอยากไปนานแล้วค่ะ เพราะไม่เห็นพี่อัคจะปิ๊งใครซะที"
"นั่นสิ..เป็นตุ๊ดรึเปล่าก็ไม่รู๊..ลูกชายพ่อ" ทวยเทพแซว
อัครินทร์กลุ้ม "พ่ออ"
สาวิตรีตีแขนทวยเทพดังเพียะ "อะไรกันพ่อ? ลูกหมอของแม่ หล่อล่ำปึ้กแมนสุด ๆ จ๊ะ"
"ก็วัน ๆ มัวแต่อนู่ใน รพ. มัวแต่ออกค่ายอาสานี่คะ น้องว่านะ..เนื้อคู่พี่อัคไม่พ้นต้องได้หมอด้วยกันรึไม่ก็พยาบาลแน่ ๆ ฟันธง!”
นาคินทร์หน้าตึงเลยก่อนจะหันขวับมองปานตะวัน ปานตะวันรู้ตัวก็เบือนหน้าหนี
อัครินทร์พูดโดยไม่คิดอะไร "นี่ ๆ ..แม่หมอ แน่จริงก็ช่วยฟันธงให้ด้วยสิว่าเนื้อคู่พี่จะมาเมื่อไหร่"
"อย่าท้า..อย่าท้า" นารถนรินทร์จ้องหน้าพี่ชายแล้วพูด "ภายในวันสองวันนี้ล่ะ..ไม่เกิน..ฟันธง"
นาคินทร์ของขึ้นอีก เขาหันมองปานตะวัน ปานตะวันหันหน้าหนีเพราะรู้สึกอึดอัด
อัครินทร์ขำ "เว่อร์ละ..เยอะละ"
นารถนรินทร์พูด "ไม่เว่อร์ ไม่เยอะ อ่ะ! ไม่เชื่อก็ค่อยดูละกัน ทุกคนเป็นพยานให้นารถด้วยนะคะ"
"โธ่!! ยัยนารถ เป็นจริงเป็นจังไปได้" ทวยเทพว่า
ทุกคนขำหมดยกเว้นปานตะวันกับนาคินทร์
นาคินทร์โพล่งขึ้น "ผมจะย้ายกลับมาอยู่บ้านวันพรุ่งนี้"
ทุกคนอึ้ง มีทั้งดีใจ งง ๆ และอึ้งจุกอก
ณ มุมหนึ่งที่บ้านไกรตระกูล นาคินทร์ยืนเหม่อคิดอะไรบางอย่างอยู่ อัครินทร์เดินเข้ามาด้านหลังแล้วพูด
"พี่คินไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ"
นาคินทร์พูดโดยไม่ได้หันมา "ขนาดไหน?”
"ก็ขนาดที่ต้องรีบย้ายกลับมาพรุ่งนี้"
นาคินทร์หันมามองก่อนจะพูดด้วยเสียงจริงจัง "อย่ายุ่งกับปานตะวัน"
อัครินทร์อึ้งจึงพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ "พี่คิน..พี่คินกำลังเข้าใจผิด"
นาคินทร์สวน "แกต้องฟังพี่นายอัค" นาคินทร์ย้ำ "อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนี้"
อัครินทร์ถอนใจเพราะนึกว่าพี่อาการหนัก "โอเค..พี่คิน.. ผมรู้ว่าพี่คินชอบคุณตะวันมาก"
นาคินทร์ลืมตัวจึงสวนไปทันที "ใครบอกแก?”
อัครินทร์ชะงักมองพี่ชายแบบงง ๆ
นาคินทร์รู้ตัวจึงรีบพูดใหม่ "รู้ก็ดีแล้ว เพราะฉนั้นพี่ขอย้ำว่าแกควรจะอยู่ห่าง ๆ ตะวัน" นาคินทร์ย้ำ "อย่ายุ่งกับผู้หญิงของพี่เด็ดขาด"
อัครินทร์มองพี่ชายแบบไม่เข้าใจ "พี่คิน..เมื่อก่อนพี่รักกนกมากแค่ไหนพี่ก็ไม่เคยเป็นขนาดนี้ ผมกอดคอคุยกับพี่กนกพี่ก็ไม่เคยว่า แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผมไม่เข้าใจ"
นาคินทร์นิ่งไปนิดนึง "แล้วแกก็จะเข้าใจ"
อัครินทร์ไม่เข้าใจแต่ก็ยอมจบ "ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณตะวัน..พี่คินสบายใจได้"
สองพี่น้องจ้องตากัน อัครินทร์หันหลังเดินออก
นาคินทร์เรียกไว้ "อัค..”
อัครินทร์ชะงักแล้วก็ค่อย ๆ หันมามองพี่ชาย
"แกต้องเชื่อพี่..”
อัครินทร์มองหน้าพี่ชายอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันหลังเดินออกไป
"อีกไม่นานแกก็จะเข้าใจว่าผู้หญิงอย่างปานตะวันไม่ใช่ผู้หญิงที่แกสมควรจะคิดอะไรด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว" นาคินทร์ว่า
ปานตะวันห่มผ้าให้นารถนรินทร์ที่อยู่ในชุดนอน นารถนรินทร์เอนหลัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง นารถนรินทร์มองหน้าปานตะวันแล้วอมยิ้มจนปานตะวันแปลกใจ
ปานตะวันแตะหน้าตัวเอง "หน้าพี่เปรอะอะไรรึเปล่าคะ?”
นารถนรินทร์ขำกิ๊ก "เปล่านี่คะ ทำไมเหรอคะ?”
"ก็เห็นน้องนารถมอง?” ปานตะวันบอก
"ต้องมองสิคะ สวยซะขนาดนี้"
ปานตะวันส่ายหน้าน้อยๆ "น้องนารถ...”
"ที่สำคัญ นอกจากจะสวยแล้ว พี่ตะวันรู้ตัวมั้ยคะว่าพี่ตะวันทำให้ครอบครัวของเรามีความสุขมากแค่ไหน" นารถนรินทร์บอก
ปานตะวันชะงักเล็กน้อย "ยังไงนะคะ?”
"จริง ๆ นะคะ พี่ตะวันเป็นยิ่งกว่านางฟ้ามาโปรดอีกค่ะ"
"โห..นางฟ้าเชียวเหรอคะ? พี่เพิ่งจะมาอยู่แค่วันเดียว แล้วก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรซักเท่าไรเลย รอดูก่อนนะคะ ต่อไปน้องนารถอาจจะไม่ถูกใจพี่" นารถนรินทร์นึกถึงนาคินทร์ "เหมือนกับ...”
"เหมือน?? เหมือนใครเหรอคะ?”
"เอ่อ..เหมือน..เหมือนพยาบาลคนที่แล้ว ๆ มาน่ะค่ะ" ปานตะวันบอก
"แหม..พี่คิน!” นารถนรินทร์โพล่งออกมา
ปานตะวันสะดุ้ง
"พี่คินคงจะเม้าท์นารถไว้เยอะเลยใช่มั้ยคะ ไม่จริงนะคะ อย่าไปเชื่อ ก็พยาบาลพวกนั้นไม่ได้เรื่องจริง ๆ นี่คะ ไม่เหมือนพี่ตะวัน"
ปานตะวันยิ้ม ๆ "นอนเถอะนะคะ พรุ่งนี้จะได้เริ่มทำกายภาพกันแต่เช้า"
นารถนรินทร์เสียงดังลั่น "กายภาพ? โหย!! ไม่เอานะคะ อย่าเพิ่งเลย"
"ทิ้งไว้นานไม่ดีนะคะรีบทำเร็วเท่าไหร่น้องนารถก็จะหายเร็วขึ้น เชื่อพี่นะคะ" ปานตะวันว่า
นารถนรินทร์หน้ามุ่ย ถอนใจเฮือก ทำเหมือนจะนอน ปานตะวันยิ้ม ๆ แล้วจะเดินออก
นารถนรินทร์คว้าข้อมือปานตะวันไว้ "พี่ตะวันคะ..พี่ตะวันเป็นนางฟ้าจริง ๆ เพราะพี่ตะวันเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้พี่คินกลับมาเป็นพี่คินคนเดิมของพวกเราได้"
ปานตะวันอึ้ง
"สัญญากับนารถนะคะ อย่าทิ้งพี่คิน.. อย่าทิ้งพวกเราไปอีกคน"
"อีกคน?? น้องนารถหมายถึงใครเหรอคะ"
"นารถหมายถึงพี่...”
เสียงนาคินทร์ดังแทรกขึ้นมา "ยัยนารถ!!”
สองสาวหันขวับเห็นนาคินทร์ยืนอยู่ที่ประตู
นารถนรินทร์ยิ้ม "พี่คิน!!”
นาคินทร์พูดเสียงเข้ม "คุยอะไรกันอยู่ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน"
นาคินทร์ใช้สายตาต่อว่าปานตะวัน ปานตะวันเบือนหน้าหนี
"โห..แค่นี้ก็ต้องเก๊กเสียงเข้ม ดึกที่ไหนคะเพิ่งจะ 3 ทุ่ม แล้วน้องก็เป็นคนชวนพี่ตะวันคุย ถ้าจะดุก็ดุน้องคนเดียว ขืนดุพี่ตะวัน..เดี่ยวพี่ตะวันเค้าหนีไปล่ะน้องไม่รู้ด้วยนะ"
นาคินทร์พูดจริงจัง "หนีไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์หนี"
ปานตะวันหันขวับมาจ้องตานาคินทร์
นารถนรินทร์พูด "ว้าว!! แย่แล้วพี่ตะวัน พี่คินคงกะจะจับพี่ตะวันขังไว้ไม่ให้หนีไปไหนอย่างในละครแน่ ๆเคยดูรึเปล่าคะ"
ปานตะวันแอบหวั่นใจ นาคินทร์มองตาปานตะวันตาไม่กระพริบ
นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ กับน้องสาวแล้วขยี้หัว "พูดมากไปแล้วนะเรา..นอนซะนะ"
นาคินทร์ค่อย ๆ จับน้องสาวนอนลงนอนแล้วจุ๊บหน้าผากอย่างอ่อนโยน ปานตะวันมองมุมนี้ของนาคินทร์อย่างงุนงงสับสนว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่?
"กู๊ดไนท์จ๊ะ"
"กู๊ดไนท์ค่ะพี่คิน กู๊ดไนท์คะพี่ตะวัน" นารถนรินทร์บอก
นาคินทร์หันไปมองปานตะวัน
ปานตะวันจำใจตอบตามมารยาท "ค่ะ..กู๊ดไนท์ค่ะ"
พูดจบปานตะวันก็รีบออกไปจากห้อง นาคินทร์จะเดินตาม
นารถนรินทร์เรียกไว้ "พี่คิน"
นาคินทร์หันมามอง
"คนนี้..อย่าให้หลุดมือเด็ดขาด..เชื่อน้อง!!กู๊ดไนท์!!” พูดจบนารถนรินทร์ก็ห่มผ้านอนทันที
นาคินทร์อึ้งก่อนจะเดินตามปานตะวันไป
ปานตะวันเดินจ้ำมาแล้วก็รีบเข้าห้อง ปานตะวันจะรีบปิดประตูแต่ไม่ทันเพราะนาคินทร์ที่ตามมาเอามือดันประตูไว้
"เดี๋ยวก่อน"
ปานตะวันไม่ยอม เธอออกแรงดันประตูสุดฤทธิ์ "ฉันจะนอนแล้วค่ะ คุณมีธุระอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้"
นาคินทร์ไม่ยอม "ผมจะคุยวันนี้"
นาคินทร์พยายามดันประตูจนเข้ามาในห้องได้แล้วก็ปิดประตูล็อคทันที
ปานตะวันสะดุ้งสุดตัว "คุณนาคินทร์!!”
นาคินทร์เสียงแข็ง "คุณเป็นอะไรของคุณ? หนีผมทำไม ทำยังกับผมเป็นกิ้งกือไส้เดือน รังเกียจอะไรนักหนา?”
"คุณทำตัวน่ารังเกียจรึเปล่าล่ะคะ?”
นาคินทร์ดึงปานตะวันเข้ามาใกล้ "ผมทำอะไร?”
"ก็คุณ...”
"ผมอะไร? ผมทำไม?”
ปานตะวันนึกถึงเหตุกาณณ์ที่ผ่านมา
นาคินทร์ว่าปานตะวัน “เข้าบ้านวันแรกก็ไล่แจกเบอร์ให้ผู้ชายซะแล้ว อดอยากปากแห้งนักเหรอ?”
ปานตะวันตบหน้านาคินทร์ดังเพียะ นาคินทร์กระชากปานตะวันเข้ามาจูบ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นปานตะวันก็เอ่ยออกมา "คุณ.." ปานตะวันไม่กล้าพูด
นาคินทร์แอบสะใจ "ถ้าจำไม่ได้ เดี่ยวผมทบทวนความจำให้ใหม่อีกที" นาคินทร์จะจูบ
ปานตะวันรีบผลักออก "คุณนาคินทร์!!! คุณเปลี่ยนไป คุณไม่เหมือนคุณนาคินทร์คนเดิมที่ฉันรู้จัก" ปานตะวันเสียงดังลั่น "ฉันขอลาออก!! ฉันจะพยายามทุกวิถีทางที่จะหาเงินมาชดเชยให้คุณให้ได้"
นาคินทร์อึ้งไปเมื่อเห็นป่านตะวันเสียงแข็งขนาดนี้
นาคินทร์เสียงอ่อนลงทันที "ตะวัน..ผมขอโทษ"
ปานตะวันยังโกรธ
"ผมยอมรับว่าผมหงุดหงิดมากที่เห็นคุณคุยกับนายอัค" นาคินทร์บอก
ปานตะวันอ่อนลงนิดนึง แต่ก็ยังเสียงแข็งเพราะไม่เข้าใจ "คุณอัคเป็นน้องชายคุณนะคะ เป็นเสมือนเจ้านายของฉันอีกคนนึง ทำไมฉันถึงจะคุยกับคุณอัคไม่ได้"
"ก็ผมไม่ชอบ”
ปานตะวันสวน "แล้วทำไมคุณจะต้องไม่ชอบ"
นาคินทร์สวน "ก็เพราะผมรักคุณ"
ปานตะวันอึ้ง "คุณนาคินทร์"
นาคินทร์จู่โจมด้วยการพุ่งเข้ากอดทันที "ผมรักคุณ..ปานตะวัน"
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์พูดทั้งที่ยังกอดอยู่ "อย่าโกรธผมนะ ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก"
ปานตะวันผละออก "ดะ..เดี๋ยวค่ะ..คุณนาคินทร์.." ปานตะวันจ้องหน้า "มัน..มันเป็นไปไม่ได้..มัน..”
"เป็นไปได้สิครับ ให้โอกาสผมนะ เปิดใจรับผม..นะครับ?”
ปานตะวันอึกอัก "คือ...”
นาคินทร์ลูบผมก่อนจะไล้มือไปที่ใบหน้าปานตะวันชวนให้ระทวย
นาคินทร์พูด "คุณหรือใคร ๆ อาจจะคิดว่ามันเร็วเกินไป แต่สำหรับผม ..ผมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นผมแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้ใกล้ชิดคุณ"
ปานตะวันยังกับโดนมนตร์สะกด นาคินทร์ค่อย ๆ จูบปานตะวันอย่างแผ่วเบาคนละอารมณ์กับที่เคยจูบ สักพักเขาก็ผละออกช้า ๆ
"วันเวลานับจากนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ ได้โปรดยกให้ผมนะครับ..ตะวัน"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ค่อย ๆ จูบหน้าผากปานตะวันอย่างแผ่วเบาอีกที
"กู๊ดไนท์นะครับ..คนดี"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินออกไป ทิ้งให้ปานตะวันยืนมึนตึ้บ มือเท้าอ่อนแรง ก่อนจะทรุดนั่งลงกับเตียง
นาคินทร์ยืนพิงประตูห้องปานตะวันอยู่
นาคินทร์คิดในใจ "มันเร็วเกินไป.ปานตะวัน เร็วเกินไปที่จะปล่อยให้ผู้หญิงอย่างเธอจากไปด้วยทุกข์เพียงแค่นี้ฉันจะปล่อยเธอไปแน่ แต่เธอต้องไปพร้อมความทุกข์แสนสาหัสร้อยเท่าทวีคูณกว่าที่ฉันและกนกเคยได้รับ"
นาคินทร์เดินไป ส่วนปานตะวันนั่งมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในห้อง
นัครินทร์เดินหล่อเข้ามา สาว ๆ กิ๊วก๊าวเกรียวกราว ประกายเดือนที่อยู่ในชุดใหม่ใส่สูทแจ๊คเก็ตมิดชิดที่เดินหน้าบูดตามมา
"เอ้า! ทำหน้ายังกะปวดอึ นี่ผับนะคุณไม่ใช่ส้วม" นัครินทร์บอก
"เหรอคะ? แต่ดิฉันเหม็น!” ประกายเดือนว่า
"เหม็น?? เหม็นอะไร?” นัครินทร์ถาม
"เก๊าะ..เหม็นอะไรไม่รู้ค่ะ..รู้แต่เหม็นมาก"
"คุณนี่มัน...”
เปี้ยก พนักชายคนเดิมพุ่งเข้ามา
"อ้าวป๋าา..สวัสดีคับป๋า..โห!! ป๋านี่ใจสุด ๆ" เปี๊ยกมองหน้า "แผลเมื่อคืนยังสด ๆ อยู่เลยนะคับเนี่ย"
ประกายเดือนขำก๊าก
"ทะลึ่งละไอ้เปี้ยก" นครินทร์เบิ๊ดหัวดังเพียะ
เปี้ยกกุมหัวป้อยๆ "โห..ป๋า..ล้อเล่นอ่ะป๋า แฮ่ๆ วันนี้กี่ที่ดีคับป๋าา"
"ก็แหกตาดู" นัครินทร์ว่า
เปี้ยกแหกตาดูแล้วชู 2 นิ้ว “2 2 เองเหรอป๋าาา ไม่ใช่ 4 เหมือนคืนก่อนเหรอคับป๋า"
นัครินทร์เงื้อมืออีก "ทะลึ่ง!!”
เปี้ยกกระโดดหลบฮา ๆ "จ๊าก"
ประกายเดือนแหวใส่ "อ้าว! ทำไมแค่ 2 คนล่ะ? ไหนท่านรองฯบอกว่านัดลูกค้าด้วยไงคะ?”
"อ้าว!!เอ่อ..จริงด้วย..ลืม"
เปี้ยกรู้ทันป๋า "ใจเย็นคับเจ๊"
ประกายเดือนสวนทันที "ใครเจ๊แก?? แม่ฉันไม่มีลูกชาย"
"แร้ง!! โหดอ่ะเจ๊"
ประกายเดือนถลึงตาใส่
"คืองี้คุบคุณพี่ ก็ตอนแรกก็ 2 ที่ไปก่อน เดี๋ยวค่อยตามมา 3,4,5 เนาะป๋าเนาะ?" เปี๊ยกยักคิ้วหลิ่วตาสุดฤทธิ์
"เออ ๆ พูดมาก..ไป!! ที่เดิมแหละไอ้เปี้ยก"
เปี้ยกโค้งอย่างนอบน้อม "จัดด่วนค้าบป๋าา"
นาคินทร์เดินตาม ประกายเดือนยังยืนเหล่อยู่ที่เดิม
นาคินทร์หันมา "เอ๊าาา!! มาสิเจ๊"
พูดจบก็เดินขำก๊ากไปเลย
ประกายเดือนโมโห "บ้า!! อีตาบ้า!! หึ้ย"
ประกายเดือนเดินฟึดฟัดไปนั่งที่ประจำของนัครินทร์แล้วทิ้งตัวนั่งอย่างแรงจนนัครินทร์สะดุ้ง
"โอ๊ย!! โซฟาจะหัก ค่อย ๆ นั่งก็ได้ รู้แล้วว่าก้นใหญ่"
ประกายเดือนหันขวับ "นี่!!”
นัครินทรว่า "อะไร?ผมพูดผิดตรงไหนฮะ?? ตะกี้นั่งทีดังโครม"
ประกายเดือนกัดฟันแน่นแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง "แล้วไหนล่ะคะลูกค้าท่านรองฯ?? เมื่อไหร่จะมา?”
นัครินทร์กวน "มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ"
ประกายเดือนหมั่นไส้จึงแอบยิ้มอย่างสะใจ "เดี๋ยวเถอะ...เดี่ยวมาแน่"
"อะไร? บ่นอะไรพึมพำเป็นยัยแก่?”
"ใครยัยแก?”
"ก็คุณน่ะสิ!!บ่นพึมพำยังไม่พอ ดูแต่งตัวเข้า เมื่อเช้าไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่" นัครินทร์เผลอ "ใส่โป๊กว่านี้ตั้งแยะ"
ประกายเดือนเผลอเหมือนกัน "ก็มากับแกไง"
นัครินทร์ตกใจ "ห๊า? ว่าไงนะฮะ
"อ๋อ..คือ ก็เห็นว่ามีลูกค้าด้วยก็เลยอยากแต่งตัวให้เรียบร้อยนิดนึงอ่ะค่ะ"
"ไม่นิดอ่ะ..มากกกเลย ตกลงนี่มาเที่ยวรึมาสอนหนังสือไม่ทราบฮะอาจารย์แม่??
ประกายเดือนเผลอตีท่านรองดังเพียะ "บ้า!!”
"เฮ้ย!! เป็นเลขาฯ กล้าทำร้ายร่างกายเจ้านายเหรอเนี่ย?? เดี๋ยวสั่งตัดเงินเดือนซะเลย"
"ก็..ก็..หึ้ย!" ประกายเดือนขัดใจแต่ก็เถียงไม่ออก
นัครินทร์ขำ เขาหยิบเมนูมายื่นให้ "ทานอะไรดีฮะอาจารย์แม่"
ประกายเดือนสะบัดหน้าพรืด "ไม่หิว!!”
นัครินทร์ขำ ๆ
เสียงแดนดังขึ้น "ไฮ!! คุณนัคกี้"
นัครินทร์ชะงักแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงก็เห็น ‘แดน’ ยืนยิ้มอยู่
“Long time no see!! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" แดนว่า
ประกายเดือนหันมองแดน แดนมองตอบ
"เฮ่ยๆๆ..เดี๋ยวก่อน..เราเคยรู้จักกันตอนไหน?”
แดนยิ้มแล้วยื่นมือให้ "ผม ‘แดน’ จาก US. Overseas เคยใช้บริการของ KTK เมื่อหลายปีก่อนไงครับ?”
นัครินทร์นึก "อ๋อ..อ๋อ..คุณแดน..จำได้แล้ว" นัครินทร์ยื่นมือเชคแฮนด์ตอบ "สวัสดีฮะ โทษที..ไม่เจอกันนานจริง ๆ"
แดนยื่นมือให้ประกายเดือน "ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ...”
นัครินทร์รีบแทรก "ประกายเดือน" นัครินทร์ย้ำ "เลขาฯส่วนตัวของผม"
"ครับ..คุณ.." แดนออกเสียงลำบาก
ประกายเดือนรีบเช็คแฮนด์ทันที "เรียกว่าดีดี้ก็ได้ค่ะ.. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
นัครินทร์เริ่มเหล่ ๆ เพราะแอบหึง
ประกายเดือนได้ทีก็จัดเต็ม "คุณแดนคือลูกค้าที่ท่านรองฯ นัดมาทานข้าวใช่มั้ยคะ?”
แดนงง "อะไรนะครับ?”
นัครินทร์อึกอัก "คือ..เอ่อ..”
แดนยิ้ม "คงจะไม่ใช่หรอกครับ" แดนมองประกายเดือน "แต่ตอนนี้สงสัยว่าผมอาจจะต้องกลับมาเป็นลูกค้าของ KTK อีกครั้งซะแล้ว"
นัครินทร์หน้าตึงทันที ประกายเดือนสะใจ
นัครินทร์จะไล่ "คุณแดนมากับแฟนรึเปล่า? แฟนรอแย่แล้ว"
แดนตอบซื่อๆ "โนว..ผมโสดมาตั้งนานแล้วครับ ผมมาคนเดียว ขอจอยด้วยได้มั้ย?”
นัครินทร์ตกใจ "เฮ้ย...”
ประกายเดือนตอบรับทันที "เชิญเลยค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ"
นัครินทร์หันขวับมองตาเขียว "คุณ!!”
ประกายเดือนทำไม่รู้ไม่ชี้ "ดื่มอะไรดีคะคุณแดน?”
นัครินทร์แทบจะกัดลิ้นตาย เขาทิ้งตัวลงนั่งมองประกายเดือนที่ดีกับแดนอย่างขัดลูกตาสุด ๆ เขาคว้าเครื่องดื่มตรงหน้ามาซดอั่ก ๆ แล้วเขาก็สำลักพุ่งพรวดด้วยเสียงแหลม ๆ ของเคที่ "นัคกี้!!”
นัครินทร์หันไปเห็นเคที่ยืนจังก้า ผมปลิวเว่อร์ ทำหน้าตาเอาเรื่อง
"แค่ก ๆๆ..เฮ้ย!!! เคที่?”
เคที่ปรี่เข้ามานั่งประกบนัครินทร์ทันที
"หืม..มาเที่ยวก็ไม่ชวนเคที่ นัคกี้ใจดำ"
นัครินทร์พึมพำ "มาได้ไงเนี่ย?”
นัครินทรืหันไปมองประกายเดือนก็เห็นว่าเธออมยิ้มอยู่ เขาก็พอจะเดาออกจึงเหล่เลขาฯ สาวแล้วทำปากมุบมิบ ประกายเดือนทำเมินไม่รู้ไม่ชี้
เคที่มองแดน “OMG!! แล้วนี่ใครคะ? แฟนคุณเลขาเหรอคะ? หล่อจัง"
นัครินทร์สะดุ้งโหยง
แดนขำ "ผมแดนครับ ไม่ใช่แฟนคุณดีดี้ แต่ถ้าได้เป็นก็คงโชคดีมาก"
นัครินทร์ควันแทบจะออกหู
ประกายเดือนเห็นอาการเจ้านายก็แกล้งทำตาโต "ว้าว!!! ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
"ถ้าจะเป็นแฟนคุณดีดี้ต้องขออนุญาติบอสคุณดีดี้ก่อนมั้ยครับ?” แดนถาม
นัครินทร์ตอบทันที "ต้อง!!”
ทั้งสามคนหันฟรึ่บมองนัครินทร์พร้อมกันอย่างงง ๆ
เคที่ขำนำขึ้นมาก่อน "ฮิฮิ..นัคกี้..funny..ตลกจังเลย"
ประกายเดือนเอาบ้าง "ใช่ค่ะ..ท่านรองฯ ตลกจังเลย..ฮิ ๆ"
แดนพลอยขำ ๆ ไปด้วย
นัครินทร์แว๊ด "ขำอะไรกัน?? ใครตลก?? ผมไม่ได้ตลก"
ทุกคนเงียบ
เปี๊ยกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "ป๋าค้าบ แย่แล้วค้าบป๋า" เปี๊ยกหอบแฮ่ก ๆ
"แย่อะไร อะไรแย่ห๊าไอ้เปี้ยก ยืนหอบเป็นหมาหอบอยู่ได้"
เปี้ยกหอบ "แย่..คือ..คือ"
เสียงวีวี่ดังขึ้น "โอปป้าา"
นัครินทร์สะดุ้งแล้วก็หันขวับ ทุกคนหันตาม เห็นวีวี่ยืนเด่นอยู่ไกล ๆ
นัครินทร์ตกใจ "แย่แล้ว!”
"คับป๋าา"
เคที่อารมณ์ขึ้น "นังกิมจิเน่า!!”
นัครินทร์จะเป็นลม ประกายเดือนสะใจมาก
วีวี่มองเห็นเคที่ "นังฝรั่งดอง?" วีวี่วิ่งสี่คูณร้อยดิ่งมาเลย "นังฝรั่งดอง แกมาได้ไง?" วีวี่พูดกับนัครินทร์ "โอปป้าชวนวีวี่มาแล้วชวนนังฝรั่งดองนี่มาด้วยทำไมก๊ะ? วีวี่ไม่ยอมนะก๊ะ"
เคที่ขึ้น "หน้าด้าน!! นัคกี้เค้าชวนฉันมาคนเดียวไม่ได้ชวนแก..นังกิมจิ"
"เฮ่ย!!! ป่าว!” นัครินทร์ปฏิเสธ
"แกสิก๊ะหน้าด้าน!! โอปป้าเป็นคนชวนฉันมาต่างหากก่ะ!”
"เฮ่ย!! ไม่จริง!!”
เคที่กับวีวี่พูดพร้อมกัน "จริง!”
นัครินทร์สะดุ้ง "เฮ้ย!”
ประกายเดือนขำก๊าก นัครินทร์หันขวับแบบรู้ทันที
นัครินทร์จ้องเขม็ง "คุณเลขาฯ!”
ประกายเดือนทำหน้าแบ๊ว "คะ?! มีอะไรให้รับใช้คะ..ท่านรอง?”
นัครินทร์กัดฟันกรอด "แสบมากนะเรา"
ประกายเดือนป้องหูกวนๆ "ค๊า?!! อะไรนะคะ..ไม่ได้ยินค่ะ"
เคที่ยังไม่จบ "ตกลงยังไงคะนัคกี้ อย่างงี้มันไม่เคลียร์นะ"
"ใช่ก๊ะโอปป้า วีวี่ไม่ยอมนะคะ"
"เคที่ก็ไม่ยอม"
"วีวี่ก็ไม่ยอม"
"เคที่ไม่ยอม"
นัครินทร์เหลืออดจึงลุกขึ้นยืนจังก้าแล้วโวยลั่น "โว๊ย!!! ไม่ยอมก็ไม่ยอม จะไปไหนก็ไป๊!”
สองสาวเงียบกริบแล้วทำตาปริบ ๆ เมื่อเจอของจริง
นัครินทร์เสียงดังลั่น "ใครไม่ยอมก็กลับบ้านไป แต่ถ้าใครอยากจะอยู่ก็อยู่อย่างสงบ เข้าใจมั้ย?”
เคที่กับวีวี่เสียงอ่อยลง "เข้าใจ , เข้าใจก๊ะ"
นัครินทร์ฮึดฮัด "ดี!!”
พูดจบนัครินทร์ก็ทิ้งตัวลงนั่งกอดอก ฮึดฮัด เขาเหล่ประกายเดือนที่ทำหน้าแบ๊วใสแถมยังส่งยิ้มให้แดนอย่างน่าหมั่นไส้ นัครินทร์เคืองมาก
อ่านต่อตอนที่ 6