เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 4
สาวิตรีพูดโทรศัพท์ด้วยความตกใจ
"ว่าไงนะพี่คิน?? พี่คินบอกว่าพี่คินกำลังจะพาแขกคนสำคัญมาบ้านเราตอนนี้?”
ทวยเทพ นารถนรินทร์ และใบตองฮือฮากัน
นาคินทร์พูดโทรศัพท์อยู่ในรถ โดยมีปานตะวันนั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างๆ
นาคินทร์ยิ้ม "ใช่ครับคุณแม่..แขกคนสำคัญ"
พูดจบนาคินทร์ก็ปรายตามองปานตะวัน ปานตะวันยิ่งสะดุ้งแล้วก็เจี๋ยมเจี้ยมหนัก
"ถาม 5 คำนะจ๊ะพี่คิน..ผู้หญิงรึผู้ชาย?”
ทวยเทพ นารถนรินทร์ และใบตองลุ้น
นาคินทร์เหลือบมองปานตะวันยิ้มๆ "ผู้หญิงครับ...สวยด้วย"
ปานตะวันหันขวับมองนาคินทร์ที่ทำหน้าตาเฉยแล้วคุยต่อ
"อ้อ! คุณแม่ช่วยบอกให้ยัยนารถอยู่รอนะครับ...อย่าออกไปไหน ผมคิดว่าไม่เกินชั่วโมงน่าจะถึง"
"ว๊าย!! ไม่ได้" สาวิตรีเสียงเข้ม "พี่คินจะพาแขกสำคัญของพี่คินมาบ้านเราตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
ทวยเทพ นารถนรินทร์ และใบตองงง
นาคินทร์งง "ทำไมล่ะครับคุณแม่?”
"ก็แขกคนสำคัญ...เป็นผู้หญิง...และสวยด้วยซะขนาดนี้ แม่ต้องขอโชว์ฝีมือทำอาหารมื้อพิเศษไว้ต้อนรับน่ะสิจ๊ะ อย่าเพิ่งมาตอนนี้นะ มามื้อเย็นเลยดีมั้ยลูก?”
นาคินทร์พูดเสียงเพลีย "คุณแม่..ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ"
"โนๆๆ...แม่เข้าใจ รับรองว่าแม่จะไม่ทำอะไรเอิกเกริก ทุกอย่างจะเป็นปกติธรรมดา แม่ไม่ทำให้พี่คินทร์เขินหรอกน่า" สาวิตรีบอก
นาคินทร์ส่ายหน้า "คุณแม่...”
"ตกลง...โอเค..ตามนั้นนะจ๊ะ..บาย!" สาวิตรีวางหู ทุกคนกรูเข้ามาจ้อง สาวิตรีตกใจก่อนจะบอก "โอเค.ทุกคน ฟังนะ"
นาคินทร์ถอนใจเฮือก
ปานตะวันมอง "ถ้าไม่สะดวก....”
"สะดวกครับ แต่คุณแม่ผมอยากให้เราเข้าไปช่วงเย็นๆ จะได้ทานข้าวเย็นกับท่านด้วยเลย"
ปานตะวันจะปฎิเสธทันที "เอ่อ..แต่ฉันว่า...”
"ก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปหาท่านหลายวันแล้ว" นาคินทร์มองนาฬิกา "ระหว่างนี้..เราจะทำอะไรกันดีล่ะ?”
ปานตะวันสะดุ้ง “..เอ่อ..ฉัน...”
นาคินทร์สวน "นึกออกแล้ว"
นาคินทร์หักพวงมาลัยรถทันทีโดยไม่ฟังเสียงปานตะวัน
"คุณนาคินทร์คะ..เดี๋ยว"
นาคินทร์เดินนำปานตะวันเข้ามาบริเวณหน้าโรงหนัง
"คุณนาคินทร์คะ ฉันอยากกลับ....” ปานตะวันบอก
"ผมไม่เคยเข้าโรงหนังอีกเลยนับตั้งแต่..." นาคินทร์จะพูดว่ากนกวลีตาย
นาคินทร์ชะงัก ปานตะวันชะงักฟัง
"ตั้งแต่งานที่บริษัทยุ่งเหลือเกิน ไหนๆ วันนี้ก็ทิ้งงานมาแล้ว ดูหนังเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับคุณตะวัน"
ปานตะวันอ้าง "คือ..ฉันไม่ชอบคนเยอะๆ น่ะค่ะ"
"เหรอครับ?" นาคินทร์คิดนิดนึง "ถ้างั้นไม่เป็นไร"
ปานตะวันเลิกคิ้วงงๆ
พนักงานเดินนำเข้ามาในโรงหนัง
พนักงานพูดอย่างสุภาพนอบน้อม "เชิญตามสบายครับ"
นาคินทร์พยักหน้าให้แทนคำขอบคุณ พนักงานเดินออกไป
นาคินทร์พูดกับปานตะวัน "เชิญครับ...”
ปานตะวันถาม "นั่งตรงไหนคะ?”
"ตรงไหนก็ได้ครับ"
ปานตะวันมองงงๆ ก่อนจะเดินแล้วชนเก้าอี้โครมเพราะความมืด นาคินทร์ยิ้มๆ ก่อนจะคว้ามือปานตะวันมาจับไว้ ปานตะวันหันขวับ
"ผมพาไปครับ" นาคินทร์บอก
"ฉันเดินเองได้" ปานตะวันว่า
ปานตะวันดึงมือกลับแล้วเดินต่อก่อนจะเตะอะไรบางอย่างดังโครม ปานตะวันร้องโอ้ย
"เจ็บมั๊ยครับ? ดื้อจัง!" นาคินทร์โอบเอวทันที "มานี่!!”
นาคินทร์โอบเอวพาปานตะวันลงไปนั่งเก้าอี้ First Class
ปานตะวันรีบขยับตัวออกห่างแล้วก็มอง "ไม่มีคนเลย...หนังคงจะไม่สนุก อย่าดูเลยค่ะ กลับกันเถอะ"
นาคินทร์ยิ้ม "เค้าบอกว่าหนังเรื่องนี้สนุกมากครับ"
"สนุกมาก?? แต่ทั้งโรงมีคนดูอยู่แค่ 2 คนเนี่ยนะคะ?”
"มีคนดูแค่เรา 2 คน ก็เพราะผมปิดโรงเหมารอบนี้ไงครับ"
ปานตะวันตกใจ "ปิดโรงเหมารอบนี้?”
"ก็คุณบอกเองว่าไม่ชอบคนเยอะๆ - - ไม่ใช่เหรอครับ?”
ปานตะวันอึ้ง "อะไรนะคะ?" ปานตะวันมองนาคินทร์อย่างไม่อยากจะเชื่อ
พนักงานเดินเอาน้ำ popcorn และผ้าห่มมาให้
นาคินทร์ยื่นน้ำให้ปานตะวัน "น้ำมั้ยครับ"
ปานตะวันหน้าตึงเพราะหมั่นไส้เศรษฐี "ไม่ค่ะ"
นาคินทร์ยื่นข้าวโพดคั่วให้ "ป๊อบคอร์น"
ปานตะวันยังหน้าตึง "ไม่ค่ะ"
"หนาวมั้ยครับ?”
ปานตะวันปฏิเสธทั้งๆ ที่หนาว "ไม่ค่ะ"
นาคินทร์แอบอมยิ้ม ปานตะวันมองตาเขียวเป็นเชิงถามว่ายิ้มทำไม นาคินทร์จิบน้ำ กินป๊อบคอร์น และห่มผ้า สบายใจ ปานตะวันค้อนอย่างรู้สึกขัดใจมากๆ
นัครินทร์ประหลาดใจสุดๆ
"ว่าไงนะฮะแม่?? พี่คินน่ะเหรอฮะจะพาสาวเข้าบ้าน?? ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้!! แม่ไม่ได้ไปหาหมอหูนานแค่ไหนแล้วฮะเนี่ย"
"อีตาบ้า!! มาว่าแม่หูตึงหูเพี้ยนเหรอยะ แหม...อีตาลูกคนนี้ ไม่รู้แหละ...แกต้องรีบกลับมาให้ทันทานข้าวเย็นให้ได้นะตานัค นี่!! แล้วก็อย่าบอกพี่คินว่าแม่โทร.มาบอกแก เข้าใจมั้ย? ทำเฉยๆ ธรรมดาๆ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ แค่นี้นะ" สาวิตรีวางหู
ทวยเทพกับนารถนรินทร์มองหน้าแล้วก็ขำกิ๊กกัน
"เฉยๆ ธรรมดาๆ" ทวยเทพบอก
นารถนรินทร์พูด “...อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่"
"ใช่สิ...พ่อก็ด้วย ยัยนารถยิ่งแล้วเลย อย่าเพิ่งออกฤทธิ์อาละวาดสาวใหม่ของพี่คินเค้าล่ะประเดี๋ยวจะเผ่นไปซะก่อน" สาวิตรีว่า
"แหม..คุณแม่อ่ะ นารถก็ต้องว่าไปตามเนื้อผ้าล่ะค่ะ ถ้าดูดีสูสีพี่กนกก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ล่ะก้อ...ฮึ่ม"
สาวิตรีหันไปมองใบตอง "นังใบตอง แกอีกคนนะ อย่าวี๊ดว๊ายเว่อร์เกินเหตุ เดี๋ยวคุณคินจะเคืองฉันเอา" สาวิตรีนึกได้ก็กรี๊ดลั่น "ว๊าย! ลืมๆๆๆๆ...ลืมโทร.บอกตาอัคอีกคน!!! แย่แล้วๆๆ" สาวิตรีวิ่งไปโทรศัพท์
ทวยเทพ นารถนรินทร์ และใบตองขำก่อนจะพูดใส่กันเอง "อย่าเว่อร์"
นัครินทร์เปิดประตูห้องออกมาชะงักมองประกายเดือนที่กำลังก้มๆ เงยๆ หาของใต้โต๊ะ
"อยู่ไหนน้า...เมื่อกี๊หล่นมาตรงนี้นี่นา"
ประกายเดือนรู้สึกตัวก่อนจะหันขวับมองนัครินทร์แล้วรีบลุกขึ้น
ประกายเดือนตาเขียว "มีอะไรคะท่านรองฯ"
"ขาว เอ๊ย! มีข่าวมาบอกคุณน่ะสิ" นัครินทร์บอก
ประกายเดือนถาม "ข่าวอะไรคะ?”
นัครินทร์พูดกวนๆ "ข่าวเศร้า....”
"ข่าวเศร้า? ใครตายเหรอคะ?” ประกายเดือนถาม
นัครินทร์สะดุ้งแล้วก็ยิ้ม "ก็ไม่แน่..หลังจากฟังข่าวนี้ อาจจะมีใครซักคนตรอมใจตายก็ได้"
"งั้นก็คงไม่เกี่ยวกับดิฉันแล้วล่ะค่ะ" ประกายเดือนจะทำงานต่อ
นัครินทร์รีบพูด "เกี่ยวสิ..ทำไมจะไม่เกี่ยว"
ประกายเดือนช้อนตามอง
นัครินทร์ก้มตัวลงพูด "พี่คินทร์...พี่ชายผม..เค้ากำลังจะพาสาวไปกินข้าวที่บ้าน"
ประกายเดือนตกใจเล็กๆ เธอนึกเสียใจแทนพี่สาวก่อนจะทำตาแป๋ว "แล้วไงคะ?”
"แล้วไง? อ้าว..คุณไม่เสียใจเหรอที่พี่ชายผมควงคุณเล่นๆ ได้ไม่กี่วันก็เขี่ยคุณทิ้งซะแล้ว" นัครินทร์ว่า
"ปากเหรอคะท่านรองฯ ?”
"คุณว่าไงนะ?”
"ดิฉันก็ว่า...”
เสียงวีวี่แหวเข้ามา "โอปป้าา! โอปป้านัคกี้!”
นัครินทร์กับประกายเดือนหันขวับไปมอง
นัครินทร์ตกใจ "เฮ่ย"
วีวี่ กิ๊กของนัครินทร์ซึ่งเป็นลูกครึ่งเกาหลี พูดไทยไม่ชัดสำเนียงเกาหลีปรี่เข้ามากอดนัครินทร์
"โอปป้า...วีวี่คิดถึงโอปป้ามากๆ เลยค่ะ"
นัครินทร์งง "วีวี่..มาไงเนี่ย...ไม่รู้เรื่องเลย"
"วีวี่อยากเซอร์ไพร์สโอปป้าค่ะ วีวี่เอากิมจิร้านที่เมียงดงที่โอปป้าชอบกินมาฝากด้วยนะคะ"
ประกายเดือนอมยิ้ม นัครินทร์เก็ก
"ค่ะๆ แต้งกิ้วมากๆ ค่ะวีวี่" นัครินทร์แกล้งยั่วให้หึง "แหม..ผมก็คิดถึงวีวี่มากเลย" นัครินทร์คว้าถุงกิมจิส่งให้ประกายเดือน "คุณเลขาฯ เอากิมจิไปใส่จาน"
วีวี่ดีใจใหญ่ ประกายเดือนเหวอ
"เร็วสิ!! อ้อ!! แล้วอย่าให้ใครเข้ามากวน ผมจะกินกิมจิกับวีวี่!”
วีวี่ยิ่งดีใจใหญ่ ทั้งสองพากันเข้าไปในห้อง
ประกายเดือนมองตาม "แหวะ..โอปป้า" ประกายเดือนมองกิมจิแล้วทำเสียงล้อเลียน "จะกินกิมจิกับวีวี่ แหวะๆ"
ประกายเดือนจะเดินออกแล้วก็นึกได้
"เดี๋ยวนะ...ตะกี๊อีตาเบื๊อกบอกว่าท่านประธานจะพาสาวไปกินข้าวที่บ้าน" ประกายเดือนสงสารพี่สาว "เฮ้อ! ตะวันนะตะวัน - - แห้วซะแระ!”
ปานตะวันนั่งหน้าตึงแล้วก็แอบหนาว เธอค่อยๆ เหล่ไปมองนาคินทร์ที่ตั้งหน้าตั้งตาดูหนังอย่างมีความสุข จู่ๆ นาคินทร์ก็หันมามอง ปานตะวันสะดุ้งที่เธอเป็นฝ่ายแอบมองเขาก่อน
"เป็นไรครับ?" นาคินทร์มอง "หนาวใช่มั้ย?”
นาคินทร์เอาผ้าห่มของตัวเองห่มให้ปานตะวันด้วย ทั้งสองเลยอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
"ไม่ต้องค่ะ...ของฉันก็มี...”
"ชู่ว์..หนังกำลังสนุกครับ"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ตั้งหน้าตั้งตาดูหนัง ปานตะวันนั่งเกร็งมาก สักพักนาคินทร์ก็ขยับตัวเข้ามาใกล้มากจนไหล่แทบจะเกยกัน
ปานตะวันหันขวับไปมอง "คุณ...”
"ผ้าห่มผืนมันเล็กไปนะครับ เดี๋ยวผมต้องต่อว่าเจ้าของโรงซะหน่อยแล้ว...เพื่อนผมเอง"
ปานตะวันได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออก สักพักนาคินทร์ก็เอนศีรษะซบไหล่ปานตะวัน
"คุณ!! คุณคะ!!”
ปานตะวันจะปรี๊ดแต่พอก้มลงมองหน้าเห็นนาคินทร์หลับเฉยก็เลยทำอะไรไม่ถูก
ปานตะวันหน้าหงิก "อะไรกันเนี่ย?”
สักพักนาคินทร์ก็ขยับตัวเหมือนหาจุดให้ลงล็อค นาคินทร์มุดเข้าซอกคอปานตะวัน ปานตะวันตาโต คอแข็ง ไม่กล้าหันมามอง
ปานตะวันพึมพำ "ไหนบอกว่าหนังสนุกไง?”
"นอนอย่างนี้สนุกกว่า"
ปานตะวันสะดุ้งแล้วจะผลักนาคินทร์ออก "คุณ!”
นาคินทร์รวบตัวปานตะวันไว้ชิด
"ตอนแรกหนังสนุกจริงๆ ครับ แต่ตอนนี้...”
นาคินทร์จ้องตาปานตะวัน ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ค่อยๆ เขยิบหน้าเข้าไปใกล้ปานตะวัน ทันใดนั้น โทรศัพท์ปานตะวันก็ดังขึ้น ปานตะวันรีบผละตัวออกมาควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าด้วยความลนลานและประหม่าเขิน
"เอ่อ..ฉัน..ฉันลืมปิดโทรศัพท์น่ะค่ะ"
นาคินทร์อมยิ้ม
ปานตะวันมองชื่อ "เดือน!! ขอโทษนะคะ" ปานตะวันจะลุกขึ้น
นาคินทร์คว้าข้อมือเธอไว้ "คุยตรงนี้ก็ได้ครับ มีแค่เรา 2 คน"
ปานตะวันอึดอัด แต่จำต้องนั่งลง "เดือน...”
ประกายเดือนเทกิมจิคุยโทรศัพท์อยู่ในครัวที่บริษัท
"ตะวัน!! อยู่คอนโดรึเปล่า"
"ปะ..เปล่า...” ปานตะวันตอบ
"นี่!! เค้ามีอะไรจะบอก ท่านประธานเค้ามีหญิงอยู่เหมือนกันนะ เย็นนี้เค้าจะพาไปกินข้าวเย็นกัน"
ปานตะวันสะดุ้งเหลือบมองนาคินทร์ "อะ..อ๋อ..เหรอ?”
"อืมม์...ตะวันไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
"มะ..ไม่เป็น"
"ดีแล้ว ผู้ชายก็งี้แหละ แหม..อยากเห็นหน้ายัยนั่นจังเนาะ"
ปานตะวันสะดุ้ง "อือๆ"
"แต่ไม่รู้นะ เค้ายังคอนเฟิร์มนะว่าท่านประธานแอบปิ๊งตะวัน ยัยนั่นอาจจะแค่กุ๊กกิ๊กกิ๊กก๊อก พี่สาวเราเริ่ดกว่าเยอะ โอเค.งั้นเย็นนี้เจอกันนะจ๊ะ จุ๊ฟ!" ประกายเดือนวางหูทันที
"เดี๋ยว...เดือน.." ปานตะวันถอนหายใจเฮือก
"คุณเดือนมีอะไรเหรอครับ?” นาคินทร์ถาม
"เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ"
นาคินทร์ยิ้มให้ก่อนจะเอียงหัวเตรียมซบ ปานตะวันรีบเอามือดันหน้านาคินทร์ไว้
"หนังใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวพลาดดูตอนจบนะคะ"
นาคินทร์มองตา "หนังจบ ผมไม่จบ
พูดจบ นาคินรทร์ก็คว้ามือปานตะวันมากุมไว้หน้าตาเฉย ปานตะวันทำหน้างงว่าอะไรวะเนี่ย นาคินทร์ยิ้มให้ก่อนจะเบือนหน้าไปดูหนัง ปานตะวันพยายามดึงมือกลับแต่นาคินทร์จับไว้แน่นแต่ยังดูหนังหน้านิ่งไม่หันมามอง ปานตะวันจนปัญญาจริงๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 4 (ต่อ)
ประกายเดือนถือถาดใส่ถ้วยกิมจิเดินมาก็โดน ‘เคที่’ กิ๊กลูกครึ่งฝรั่งอีกคนของนัครินทร์ชนโครมเข้าให้ ประกายเดือนรักษาถ้วยกิมจิสุดชีวิต
ประกายเดือนร้อง "ว๊าย!”
“Shit!!" เคที่แว๊ดใส่ “Stupid!! งี่เง่า!! ไม่มีลูกกะตารึไงยะ?!”
"มีสิยะ!! ตัวยังกะตึกช้างซะขนาดนี้ ทำไมฉันจะมองไม่เห็น"
"อร๊าย!! Who r u?? แกเป็นใคร?" เคที่มองเห็นประกายเดือนถือถาด "อ๋อ...I C..เป็นแค่แม่บ้าน!! ดีล่ะ..ฉันจะฟ้องนัคกี้"
ประกายเดือนงง "นัคกี้?”
"ใช่!! นัคกี้แฟนฉัน..My darling เจ้าของบริษัทนี้"
ประกายเดือนตาวาว
"นัคกี้อยู่ไหน? นัคกี้"
ประกายเดือนคิดถึงตอนที่นัครินทร์สั่งเธอ “แล้วอย่าให้ใครเข้ามากวน ผมจะกินกิมจิกับวีวี่”
เมื่อคิดได้ดังนั้นประกายเดือนก็ยิ้มร้าย
"ชู่ว์!! อย่าตะโกนเสียงดังนะคะ คุณนัคกี้อยู่ทางนี้ค่ะ ดิฉันจะพาคุณไปหาดาหลิงของคุณนะคะ...ทางนี้ค่ะ"
ประกายเดือนผายมือไป เคที่เดินสะดีดสะดิ้งออกไป
"หึหึ..คุณนัคกี้!!”
วีวี่กำลังโชว์ลีลาแดนซ์เกาหลีเพลงใหม่ให้นัครินทร์ที่ท้าวคางแอบทำหน้าเซ็งอยู่
วีวี่เต้นเสร็จก็กระโดดตบมือสุดฤทธิ์ "อ้าว!!! โอปป้าไม่ชอบเหรอคะ ซิงเกิ้ลใหม่ของวีวี่ วีวี่อุตส่าห์เอามาโชว์ให้โอปป้าดูเป็นคนแรกในประเทศไทยเลยนะคะ"
"อ๋อ..ชอบๆ ค่ะ..ชอบ แต่ผมว่าท่ามัน..ซิมเพิ้ลไปหน่อยอ่ะค่ะ มันน่าจะ..ก้มๆ เงยๆ อะไรให้มากกว่านี้"
"เอ๋??..ก้มๆ เงยๆ ?! ยังไงอ่ะคะโอปป้า โอปป้าทำให้วีวี่ดูหน่อยสิคะ"
"ได้ๆ..." นัครินทร์ลุกขึ้น "ก็ยังงี้ไง"
นัครินทร์ทำท่าก้มๆ เงยๆ ให้ดูด้วยท่าทางเงอะๆงะๆ นิดหน่อย หนักไปทางเน้นเซ็กซี่
วีวี่กระโดดตบมือตัวลอย "โอปป้าเก่งจังเลย"
นัครินทร์แอบเจ็บหลัง "เอ้า! ลองทำดูสิฮะ"
วีวี่ทำท่าก้มๆ เงยๆ นัครินทร์แอบชะโงกดูก้นดูนมเพลินเชียว
วีวี่ฉุดนัครินทร์ให้ลุกขึ้น "เต้นคู่กันดีกว่าค่ะโอปป้า"
"ห๊า?! อ่ะๆๆ..โอเค"
ทั้งสองเต้นก้มๆ เงยๆ กันอยู่ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผลัวะ
เคที่กรี๊ด "นัคกี้!!”
นัครินทร์กำลังโอบคร่อมวีวี่อยู่ เขาปล่อยวีวี่ร่วงโครม
"เคที่! เฮ้ย เข้ามาได้ไงเนี่ย"
เคที่ปรี่เข้ามาผลักๆ ทุบๆ นัครินทร์เป็นการใหญ่
"มิน่า!! โทรมาก็ไม่รับ ที่แท้อยู่กับนังนี่" เคที่หันขวับไปโดดคร่อมวีวี่ที่กองอยู่กับพื้น "อยู่เกาหลีดีๆ ไม่ชอบ อยากจะมาตายที่นี่ใช่มั้ย..นังกิมจิเน่า"
ว่าแล้วเคที่ก็ตบๆๆ วีวี่ วีวี่สู้แหลกแล้วก็พลิกขึ้นมาเป็นต่อ
"แล้วแกล่ะ..นังฝรั่งดอง..มาทีหลังอย่ามาซ่า โอปป้าเป็นของฉันคนเดียวค่ะ"
ว่าแล้วทั้งสองก็นัวกันทันที
นัครินทร์ปวดกบาล เขาพยายามแยกแต่ก็โดนสองสาวผลักกระเด็น นัครินทร์ตะโกนเรียก "คุณเดือน! คุณเดือน"
ประกายเดือนพุ่งเข้ามาหน้าแป้นแล้นในมือถือถ้วยกิมจิเข้ามาด้วย "ขา...ท่านรองฯ"
นัครินทร์โวย "ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ใครเข้ามารบกวน แล้วนี่คุณปล่อยให้...”
ถ้วยกิมจิโปะเข้าเต็มหน้านัครินทร์ด้วยน้ำมือเคที่ซึ่งถลามาคว้าจากมือประกายเดือนเพื่อจะโปะหน้าวีวี่ แต่วีวี่ก้มหลบ
เคที่กับวีวี่สยอง "นัคกี้ / โอปป้า!”
นัครินทร์ยืนหน้าเลอะกิมจิอยู่ตรงนั้น
"กิมจิอร่อยมั้ยคะ..โอปป้า"ท ประกายเดือนถาม
นัครินทร์ยังยืนกัดฟันกรอดอยู่ตรงนั้น
นาคินรทร์กับปานตะวันเดินออกมาจากโรง หน้าตานาคินทร์ยิ้มแย้ม ปานตะวันหน้าตึง
"หนังสนุกดีนะครับ"
ปานตะวันไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง เธอดูไม่รู้เรื่อง
นาคินทร์อมยิ้ม ดูนาฬิกา "ยังพอมีเวลา ผมว่า..." นาคินทร์จะชวนช้อปปิ้งต่อ
"ฉันว่าเราไปพบคุณนารถนรินทร์กันเลยดีกว่านะคะ ฉันจะได้มีเวลาสอบถามอาการเธออย่างละเอียด"
นาคินทร์เลิกคิ้ว "เรา?”
ปานตะวันสะดุ้งแล้วก็เผลอพูดไป "ฉันหมายถึง...”
นาคินทร์สวนทันที "ได้ครับ ถ้างั้นเราไปกันเลยก็ได้ครับ"
นาคินทร์ยกแขนขึ้นประมาณจะให้ปานตะวันคล้องแขน แต่ปานตะวันยืนนิ่ง นาคินทร์เลยจับมือปานตะวันพาเดินตัวปลิวออกไปหน้าตาเฉย
ปานตะวันอึ้ง "คุณนาคินทร์!”
ทันใดนั้นก็มีมือใครคนหนึ่งมาคว้าข้อมืออีกข้างของปานตะวันแล้วดึงไว้
"ตะวัน!!”
ปานตะวันหันขวับมาทำตาโต "พี่อาร์ต?”
อาร์ตยืนจับข้อมืออีกข้างของปานตะวันอยู่
นาคินทร์หันขวับไปแล้วก็ชะงักมอง
อาร์ตถามด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก "ไอ้นี่ใคร? ตะวัน?”
ปานตะวันพยายามสะบัดมืออาร์ตออก "ปล่อย!! ปล่อยตะวัน!”
"ไม่ปล่อย!! มันนั่นแหละต้องปล่อยตะวัน" อาร์ตพูดกับนาคินทร์ "ปล่อยแฟนข้านะเว๊ย!!”
นาคินทร์มองปานตะวันแต่ยังไม่ปล่อยมือ
ปานตะวันพูดกับนาคินทร์ "ไม่ใช่นะคะ!" ปานตะวันหันขวับไปพูดกับอาร์ต "พี่อาร์ตพูดอะไรของพี่อาร์ต เรา 2 คนไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะคะ"
นาคินทร์ชะงักกึกกับคำพูดของปานตะวัน
อาร์ตเถียงทันที "ตะวันพูดอย่างนั้นได้ยังไง?" อาร์ตมองนาคินทร์ "อ๋อ..เพราะอย่างนี้นี่เอง เพราะไอ้นี่ใช่มั้ย ตะวันถึงไม่เหลือเยื่อใยให้พี่ ตะวันถึงได้อยากเลิกกับพี่"
ปานตะวันเสียงดังลั่น "พี่อาร์ต!”
อาร์ตฉวยจังหวะกระชากปานตะวันมา "มานี่!!”
ปานตะวันเซมาซบอกอาร์ตเต็มๆ ทันใดนั้น ‘มิลค์’ ก็เดินถือน้ำแก้วนึงกับข้าวโพดคั่วมาเห็นเข้าก็ตกตะลึงเพราะลมหึงออกหู
"พี่อาร์ต!!! นังตะวัน!!”
มิลค์ปรี่เข้ามาผลักปานตะวันออกแล้วก็เอาน้ำสาดหน้าปานตะวันเต็มๆ ก่อนจะตบด้วยข้าวโพดคั่วจนกระจาย
อาร์ตเข้ามาห้ามความชุลมุน "อย่านะมิลค์ อย่าๆๆ"
มิลค์โวยวาย "อย่ามาห้าม!" มิลค์ตบๆๆ แล้วก็ชี้หน้าด่า "หน้าด้าน!! ผู้หญิงอะไรหน้าด้าน ชอบแย่งผัวชาวบ้าน"
นาคินทร์ยืนอึ้งมองปานตะวันที่เปียกโชกและยืนร้องไห้อยู่ โดยมีอาร์ตพยายามปกป้อง นาคินทร์อึ้งกับข้อมูลใหม่ซึ่งตอกย้ำความเลวร้ายของปานตะวันให้แน่นลงไปในใจนาคินทร์หนักเข้าไปอีก
อาร์ตปรี่เข้าจับไหล่มิลค์เขย่าๆ "มิลค์!! หยุด!! พี่บอกให้หยุด!!”
"นังตะวัน!! แกนี่มันดราม่า หน้าเนื้อใจเสือ ทำแอ๊บตาใส แต่ร้ายยิ่งกว่าแม่มด!! อ๋อ...นี่แกยุให้พี่อาร์ตหย่ากับฉันไม่ได้ผล ก็เลยตามมาแย่งถึงที่นี่เลยใช่มั้ย - - อีนังอสรพิษ!!”
มิลค์จะปรี่เข้าไปตบอีก อาร์ตรวบตัวไว้แล้วลากมิลค์ออก ส่วนปากก็ตะโกนบอกปานตะวัน
"ตะวัน!! แล้วพี่จะโทร.ไปหา รับโทรศัพท์พี่ด้วยนะ แล้วพี่จะโทรไป ฯลฯ"
ปานตะวันยืนเปียก หนาวสั่นและอายผู้คน นาคินทร์มองตามอาร์ตแล้วหันมามองปานตะวัน ปานตะวันสะอื้นก่อนจะเหลือบมองนาคินทร์ด้วยสายตาเหมือนเด็กน้อย นาคินทร์มองด้วยสายตานิ่งเย็นที่ยากจะเดาออกว่าเขาคิดอะไร ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เดินมาโอบกอดปานตะวันเบาๆ แบบปลอบโยน
ปานตะวันปล่อยโฮโผเข้ากอดนาคินทร์แน่นอย่างอยากได้ที่พักพิงใจที่แตกยับ นาคินทร์กอดปานตะวันไว้แล้วค่อยๆ ลูบผมปลอบใจปานตะวันที่ร้องไห้สุดพลัง แต่สายตาของนาคินทร์ช่างดูเลือดเย็นเหลือเกิน
สาวิตรีกำลังสาละวนกับการตั้งสำรับอาหารเซ็ทใหญ่มาก โดยมีใบตองคอยช่วย
นารถนรินทร์มองอาหาร มองหน้าพ่อแล้วก็แซวแม่ "โอ้โห...เฉยๆ ธรรมดาๆ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ อย่าทำอะไรผิดปกติ" นารถนรินทร์ส่ายหน้า "จัดชุดใหญ่ซะขนาดนี้..ปกติมากเลยนะคะคุณแม่"
"นั่นสิ..เรียกมากินทั้งซอยยังได้เลยนะเนี่ย" ทวยเทพบอก
"นี่!! ร้อยวันพันปีพี่คินไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน นอกจากหนูกนก แล้วนี่จู่ๆ โทร.มาบอกว่าจะพาแขกคนสำคัญมา ถ้าแม่ไม่จัดชุดใหญ่ ให้วันนี้ก็ไม่รู้จะไปจัดให้วันไหนแล้ว อ้อ! ลำพังอาหารเนี่ยมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่จำเอาไว้...พวกเธอๆๆ" สาวิตรีชี้ทีละคน "ต้องทำตัวให้ปกติ อย่าให้มีพิรุธเด็ดขาด เพราะนอกจากพี่คินเค้าจะเคืองแม่แล้ว แขกคนสำคัญของเค้าจะเขินเอาด้วย"
ทวยเทพส่ายหน้าขำๆ "ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก"
ใบตองเผลอ "ระวังตัวเองเถอะค่ะ"
"ใบตอง!!”
ใบตองสะดุ้ง "ใบตองบอกตัวเองค่ะ เตือนตัวเอง" ใบตองพูดกับตัวเอง "ระวังๆๆ อย่ามีพิรุธ จำไว้ๆๆ"
สาวิตรีค้อนขวับ "ย่ะ!" สาวิตรีย้ำกับใบตอง "จำไว้ๆๆ"
เสียงอัครินทร์ดังขึ้น "สวัสดีครับทุกคน"
ทุกคนหันไปมองก็เห็นอัครินทร์เดินเข้ามา
สาวิตรีปรี่เข้าไปกอด "ลูกหมอของแม่.." สาวิตรีจุ๊บซ้าย จุ๊บขวา "ดูซิน่ารักที่สุด โทร.บอกให้มาก็มา ว่าง่าย"
"โห..คุณแม่เร่งซะ ผมรีบแทบแย่" อัครินทร์มองกับข้าวแล้วก็ชะงัก "เฮ่ย..นี่พี่คินจะพาแขกมาทานข้าวที่บ้านกี่คนครับเนี่ย?”
นารถนรินทร์ตอบ "คนเดียวค่ะ..พี่อัค"
"คนเดียว?” อัครินทร์ทวน
"นี่!! ลูกหมอ..อย่าเสียงดังไป แม่บอกแล้วไงว่าอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่..อย่าทำอะไรผิดปกติ" สาวิตรีอ้าปากจะพูด
นารถนรินทร์ ทวยเทพ และใบตองพูดพร้อมกัน "อย่ามีพิรุธ!!”
สาวิตรีตอบทันที "ถูก!!”
อัครินทร์ยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า "ว่าแต่..ไหนล่ะครับ...แขกคนสำคัญของพี่คิน?? ทำไมป่านนี้แล้วยังไม่มา?”
ทุกคนมองหน้ากัน
ปานตะวันค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องลองเสื้อ
ปานตะวันพยายามเรียกเบาๆ "คุณ!! คุณนาคินทร์คะ!!”
นาคินทร์นั่งไขว่ห้างรออยู่บนโซฟาอย่างสบายๆ
นาคินทร์หันมามองด้วยความแปลกใจแล้วก็ยิ้มๆ "อ้าว...มีอะไรเหรอครับ"
ปานตะวันยังซ่อนตัวอยู่ แต่โผล่แค่หน้าออกมากวักมือเรียกแบบไม่อยากเสียงดัง นาคินทร์ขำๆ ก่อนจะลุกไปหาแล้วยืนคุยที่หน้าประตู
"เป็นไงครับ...ใส่ได้พอดีมั้ย? ชุดที่ผมเลือกให้"
ปานตะวันทำหน้าลำบากใจ เพราะพูดไม่ออก บอกไม่ถูก
นาคินทร์ไม่รอ เขาดึงตัวปานตะวันออกมาจากห้องทันที "ไหนดูซิ?”
ปานตะวันถูกดึงจนตัวปลิวออกมา ปานตะวันอยู่ในชุดกระโปรงสวยเก๋แอบเซ็กซี่ทันสมัยคนละลุคส์กับที่เคยใส่ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง นาคินทร์ถึงกับเผลอตะลึงมอง
ปานตะวันรีบกอดอกแล้วทำเสียงแข็งใส่ "มองอะไรคะ?”
นาคินทร์สะดุ้ง "คุณใส่ชุดนี้แล้วสวยมาก"
ปานตะวันอึ้งไป "เอ่อ..ที่จริง..ฉันใส่ชุดเดิมก็ได้ คุณไม่น่าจะต้องลำบากพาฉันมาซื้อชุดใหม่เลย"
"ก็ไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลยนี่ครับ"
ปานตะวันตาโตแล้วจะเถียง "แต่ว่า..." ปานตะวันชะงักเมื่อเห็นพนักงานขายยืนอยู่แถวนั้นเลยดึงนาคินทร์มาเข้ามุมแล้วพยายามควักป้ายราคาที่ติดอยู่ด้านหลังให้นาคินทร์ดูอย่างลำบาก “..นี่..คุณดูสิ.." ปานตะวันพยายามหยิบป้ายด้านหลัง "เห็นมั้ยคะ? ดูป้ายราคาสิคะ...เห็นรึยัง?”
นาคินทร์ยิ้มขำกับอาการของปานตะวัน "เห็นแล้วครับ"
ปานตะวันเผลอเสียงดัง "เห็นแล้ว?" ปานตะวันเห็นพนักงานมองๆ เลยดึงนาคินทร์เข้ามากระซิบใกล้ๆ "ตั้งสองหมื่นห้า!" ปานตะวันย้ำ "เสื้อชุดนี้สองหมื่นห้าเชียวนะคะ"
"แล้วไงครับ?”
"แล้วไง เงินสองหมื่นห้า นี่ฉันต้องทำงานตั้งเกือบ 3 เดือนเชียวนะคะถึงจะหาได้"
นาคินทร์พยักหน้าหงึกๆ "อือหื้อ? แล้ว"
ปานตะวันฉุน "แล้วฉันก็คงไม่บ้าซื้อเสื้อผ้าชุดละสองหมื่นห้าใส่"
นาคินทร์จับไหล่ปานตะวันให้หันหลังไปแล้วดึงป้ายราคาส่งให้พนักงานพร้อมบัตรเครดิต "ตกลงเอาชุดนี้นะครับ ช่วยเอาชุดเก่าใส่ถุงให้ด้วยนะครับ ส่วนชุดใหม่จะใส่ไปเลย"
ปานตะวันตกใจก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้า "คุณ!!”
นาคินทร์ยิ้มให้แบบชิวๆ ปานตะวันมึนไปหมดแล้ว
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 4 (ต่อ)
รถนาคินทร์วิ่งมาตามทาง ปานตะวันนั่งหน้าเซ็งๆ นาคินทร์ขับรถไปเรื่อยๆ
ปานตะวันค่อยๆ มอง "ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ"
นาคินทร์พูดโดยไม่มองหน้า "เรื่องอะไรครับ?”
"ก็...เรื่อง...ที่หน้าโรงหนัง"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "ทำไมจะต้องขอโทษผมด้วย ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย" นาคินทร์หันไปมอง "คุณซะอีก...”
ปานตะวันหลบตาเพราะอายเรื่องที่เกิดขึ้น "ฉัน....”
นาคินทร์ยิ้ม "คุณใส่ชุดนี้แล้วสวยมากจริงๆ นะ"
ปานตะวันรีบกอดอกโดยอัตโนมัติและค้อนทันที "คุณนาคินทร์คะ"
"หนาวเหรอครับ" นาคินทร์ใช้อีกมือเอื้อมหยิบสูทหลังรถมาคลุมให้
ปานตะวันอยากโกรธเพราะนึกว่านาคินทร์กวนแต่ก็โกรธไม่ลง "ฉันใส่ชุดเดิมได้จริงๆ นะคะ"
"ไม่ได้หรอกครับ จะพาคุณเข้าบ้านทั้งที ขืนพาเข้าไปในสภาพแบบนั้น" นาคินทรืยิ้มๆ และส่ายหน้า "มีหวังที่บ้านผมคงนึกว่าคุณเป็นลูกแมวตกน้ำแน่ๆ..จริงมั้ย?”
ปานตะวันทั้งเขิน ทั้งอายในเรื่องที่เกิดขึ้น นาคินทร์ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือปานตะวัน ปานตะวันจะขยับมือออกแต่นาคินทร์จับไว้แน่นแล้วยิงคำถามเปรี้ยง
"คุณมีแฟนแล้วเหรอครับ?”
ปานตะวันสะดุ้ง เธอรีบดึงมือกลับมากุมแน่น "อะไรนะคะ"
"ผู้ชายคนเมื่อกี๊..แฟนคุณเหรอครับ?”
ปานตะวันนิ่งไม่ตอบ เธอทั้งไม่ชอบใจและละอายด้วย นาคินทร์เหลือบมองปานตะวันด้วยสายตาเหยียดหยามปานตะวันที่เธอปิดบังซ่อนเร้น ก่อนจะหันไปมองถนนข้างหน้าแล้วชะงักอึ้งแล้วเบรคเอี๊ยด
ปานตะวันหน้าเกือบทิ่ม "มีอะไรคะ? เบรคทำไมเหรอคะ?”
นาคินทร์นิ่งมองถนนข้างหน้าแล้วถามลอยๆ โดยไม่มองหน้าปานตะวัน "คุณตะวัน...คุ้นถนนเส้นนี้บ้างมั๊ยครับ?”
ปานตะวันมองถนนงงๆ "ถนนเส้นนี้?”
"ครับ..ถนนเส้นนี้"
ปานตะวันพยายามเพ่งมองไปในความมืดข้างหน้าแล้วก็เริ่มเอ๊ะ ภาพในอดีตตอนที่รถของกนกวลีพุ่งเข้ามาจะชนปานตะวันแต่แล้วก็หักหลบย้อนกลับมา ปานตะวันสะดุ้งเพราะจำได้
นาคินทร์หันขวับ "ว่าไงครับ?”
"เอ่อ.." ปานตะวันไม่อยากนึกถึง "ไม่ค่ะ...ไม่คุ้น"
นาคินทร์ตาวาวคิดในใจว่าโกหก!
"คุณถามทำไมเหรอคะ?”
นาคินทร์มองเหมือนจะพูดแต่ "ไม่มีอะไรครับ" นาคินทร์ยิ้ม "แค่ถามดูเฉยๆ เผื่อคุณจะเคยผ่านมาแถวนี้" นาคินทร์ถามอีกที "เคยมั้ยครับ?”
"ไม่ค่ะ...ไม่เคย"
นาคินทร์มองด้วยสายตาคล้ายจะพูดว่าร้ายที่สุด โกหกหน้าตาเฉย
ปานตะวันเปลี่ยนเรื่อง "อีกนานมั้ยคะ..จะถึงบ้านคุณ? - - นี่ก็ค่ำแล้ว"
นาคินทร์ตอบหน้าตึง "ไม่ครับ" นาคินทร์ตาวาว "อีกไม่นาน!”
พูดจบนาคินทร์ก็เหยียบคันเร่งอย่างแรงแล้วกระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว ปานตะวันตกใจมองนาคินทร์อย่างงงๆ ในอาการของเขา นาคินทร์ขับรถต่อไป ปานตะวันอึดอัดใจ
นัครินทร์กำลังพูดโทรศัพท์มือถือโดยจ้องใครซักคนวาวเชียว
"ผมไปทานข้าวด้วยไม่ได้หรอกฮะแม่" นัครินทร์จ้อง "ผมมีธุระสำคัญต้องสะสาง!!”
ประกายเดือนทยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้านัครินทร์สะดุ้ง
"ธุระอะไรจะสำคัญกว่ามาดูผู้หญิงของพี่คินห๊า...ตานัค?” สาวิตรีถาม
"ไม่สนล่ะฮะ ธุระของผมนี่ล่ะ..สำคัญมาก!!! ขอโทษนะฮะแม่..แค่นี้นะฮะ" นัครินทร์วางหู
"เอ่อ..ถ้าหมดธุระแล้ว...” ประกายเดือนพูด
นัครินทร์สวนทันที "ยังไม่หมด!!”
ประกายเดือนสะดุ้ง
นัครินทร์พูดกับจามจุรีที่ยืนอยู่ไกลออกไปกับ รปภ. ยิ้ม "คุณจามจุรีอบรม รปภ.ยิ้มด้วย ปล่อยให้ผู้หญิงขึ้นมาหาผมพร้อมกัน 2 คนได้ยังไง?”
จามจุรีหันไปเอ็ด รปภ.ยิ้ม "ได้ยังไง? หา?”
รปภ.ยิ้มตอบแหยๆ "โธ่...เคยแต่ฝึกไล่จับผู้ร้าย ไม่เคยฝึกไล่จับผู้หญิงสวยๆนี่ครับคุณจามจุรี"
ประกายเดือนขำกิ๊ก นัครินทร์จ้องขวับก่อนจะหันไปพาล
"งั้นก็รีบไปฝึกไว้ด่วนเลย" นัครินทร์ว่า
รปภ.ยิ้มตกใจ "จะมีมาอีกเหรอครับท่านรองฯ?? แค่ตะกี๊ก็แทบแย่แล้ว" รปภ. ยิ้มปาดเหงื่อ
จามจุรีรีบปิดจ็อบ "ค่ะๆๆ ท่านรองฯ ดิฉันจะเพิ่มการอบรม รปภ.เรื่อง..เอ่อ..หลักสูตรพิเศษโดยเฉพาะนะคะ รับรองว่าจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกเด็ดขาดค่ะ"
"ดี!! ทุกคนออกไปได้"
ทุกคนจะออกไป นัครินทร์พูดขึ้น "ยกเว้น..คุณเลขาฯ!”
ประกายเดือนชะงัก "อ้าว?”
จามจุรี กับรปภ.ยิ้ม รีบวิ่งจู๊ดออกไป
"คุณเป็นคนปล่อยให้เคที่เข้ามาก่อเรื่องทั้งที่ผมสั่งไม่ให้ใครเข้ามารบกวน"
ประกายเดือนไม่เถียง
นัครินทร์พูดต่อ "มีผลให้วันนี้ผมอดกินกิมจิ เอ๊ย! มีผลให้วีวี่โกรธผม เคที่ก็ด้วย เพราะฉนั้น...คุณต้องรับผิดชอบ"
"จะตัดเงินเดือนก็ได้ แต่อย่าเพิ่งไล่ดิฉันออกเลยนะคะ"
"ไม่ตัด...ไม่ไล่...” นัครินทร์บอก
ประกายเดือนมอง
"แต่คุณต้องรับผิดชอบด้วยการไปดินเนอร์กับผมคืนนี้!”
ประกายเดือนตกใจ "อะไรนะ?”
นัครินทร์ทำหน้ากวน ประกายเดือนเหวอ
ทุกคนนั่งคอยกันอยู่ สาวิตรีเดินพล่านไปมาและชะเง้อชะแง้
"เอ..ป่านนี้ทำไมยังไม่มา เฮ้อ! เมนูเด็ดของแม่เซ็งหมดแล้ว" สาวิตรีบอก
"แม่..หยุดเดินก่อนเถอะ พ่อเวียนหัว" ทวยเทพว่า
"เอ้าแหม..จะให้นั่งใจเย็นอย่างพ่อได้ไงคะ นี่มันจะสองทุ่มแล้ว"
"ก็ตอนแรกพี่คินเค้าจะมาตั้งแต่บ่าย คุณแม่ไม่น่าไปเลื่อนให้เค้ามาเย็นเลยนี่คะ" นารถนรินทร์ว่า
"อือ..อยากจะโชว์ฝีมือแม่ครัวตะหลิวเหล็ก" ทวยเทพแซว
"เอ๊ะ!! พ่ออ่ะ!!”
อัครินทร์ลุกทันที "ผมขอตัวดีกว่าครับแม่ เดี๋ยวผมเข้าไปดูคนไข้แล้วหาอะไรทานแถวนั้น"
สาวิตรเสียงดังลั่น "ไม่ได้ๆ นะลูกหมอ..โธ่...”
ใบตองวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา
"มาแล้วค่า มาแล้ว คุณคินกับแขกคนสำคัญมาแล้วค่า"
สาวิตรีตื่นเต้นใหญ่ "หา..พี่คินมาแล้ว เอ้า!! เร็วๆๆๆ พวกเรา นั่งประจำที่เลย นั่งๆๆ เอ๊ะ!! ไม่ได้สิ ต้องนั่งโซฟาก่อน ทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไร อย่าให้มีพิรุธ"
ทุกคนส่ายหน้า
"เอ่อ..คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิงพิรุธสุดอ่ะค่ะ" ใบตองบอก
"อ้าว..เหรอ..ไม่นะ" สาวิตรีชะเง้อ "ว้าย!! มาแล้วๆๆ"
สาวิตรีรีบกระโดดลงนั่งโซฟาด้วยทำท่าปกติเหลือเกิน
นาคินทร์เดินนำปานตะวันเข้ามา ทุกคนนั่งเงียบอย่างผิดปกติ
นาคินทร์มอง "เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมบ้านมันเงียบผิดปกติ"
สาวิตรีทำเป็นหันเหมือนเพิ่งเห็น "เอ๊า!! ตายจริง..พี่คินมาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ แม่ไม่รู้เลย"
ทุกคนเซ็งที่แม่ไม่เนียน
สาวิตรีทำเป็นเพิ่งเห็นปานตะวัน "อ้าว! เอ๊ะ! นั่นพาใครมาด้วยจ๊ะ"
"ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักคุณปานตะวัน...พยาบาลพิเศษคนใหม่ของยัยนารถครับ" นาคินทร์บอก
ทุกคนอึ้ง
ปานตะวันตกใจเพราะยังไม่ได้รับปาก "คุณนาคินทร์คะ..ฉันยังไม่ได้...”
นาคินทร์ไม่สน เขาแนะนำต่อ "คุณพ่อผม"
ปานตะวันอึ้ง "เอ่อ..." ปานตะวันยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"
"คุณแม่ผม"
ปานตะวันยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"
"น้องชายผม หมออัครินทร์"
ปานตะวันไหว้ "สวัสดีค่ะ"
"แล้วนี่ก็..นารถนรินทร์..น้องสาวผมครับ"
ปานตะวันไหว้ "สวัสดีค่ะ"
นารถนรินทร์รู้สึกชอบ "อุ๊ย!! ไม่ต้องค่ะ เราน่าจะรุ่นๆ เดียวกัน"
"ใครบอก?" นาคินทร์ขยี้ผมน้องเบาๆ "เราเด็กกว่าเค้า อย่าข้ามรุ่น"
นารถนรินทร์เพิ่งรู้ "อ้าว...หรอ?”
สาวิตรียังงงๆ "เดี๋ยว..เดี๋ยวนะจ๊ะ..พี่คิน คือ...แม่..งง..ตะกี๊พี่คินบอกว่าหนู..เอ่อ...”
นาคินทร์พูด "ปานตะวันครับ"
"ใช่..หนูปานตะวันเป็น “พยาบาลพิเศษคนใหม่” ของยัยนารถ..เหรอจ๊ะ?”
"ใช่ครับ"
"ขอโทษนะคะ...คือ...ดิฉัน" ปานตะวันอึกอัก
อัครินทร์สวนอย่างงงๆ "อ้าว...แล้วคุณปรานีที่พี่คินให้ผมติดต่อมาดูแลยัยนารถล่ะครับ..?”
"เค้าขอลาออก" นาคินทร์บอก
"ขอลาออก?! เอ...ทำไมผมไม่รู้เรื่อง"
นาคินทร์ตัดบท "วันนี้คุณแม่ทำกับข้าวอะไรบ้างครับ ผมหิวมากเลย"
"เออ..จริงสิ...โห..แม่จัดไว้ชุดใหญ่เลยจ้ะพี่คิน มาจ้ะ..เราทานไปคุยไปกันดีกว่านะ" สาวิตรีบอก
ปานตะวันอึกอัก
นาคินทร์ผายมือ "เชิญครับ"
ปานตะวันจำใจเดินไปที่โต๊ะอาหาร ใบตองรีบปรี่มาตักข้าว ทั้งหมดเริ่มรับประทานอาหารด้วยกัน สาวิตรีภูมิใจเสนอเมนูต่างๆ ที่อยู่เต็มโต๊ะ ปานตะวันรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง เธอแอบอบอุ่นกับความเป็นครอบครัวที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน นาคินทร์ตักอาหารให้ปานตะวัน ทุกคนเหล่มอง
สาวิตรีเริ่มถาม "แล้วตกลงว่าหนูตะวันจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่จ๊ะ?!”
ปานตะวันอึกอัก "เอ่อ...คือ...”
นาคินทร์พูดแทน "ความจริง คุณตะวันยังไม่ได้ตกลงจะทำงานนี้หรอกครับ ผมถึงได้พามาพบทุกคนก่อน หวังว่าคุณตะวันจะไม่รังเกียจครอบครัวเรา"
ปานตะวันสะดุ้ง "เอ่อ..ไม่นะคะ..มะ..ไม่รังเกียจนะคะ"
"งั้นก็แสดงว่าคุณตะวันตกลงดูแลยัยนารถ?”
ปานตะวันอึ้งที่ถูกมัดมือชก? "เอ่อ...”
"ดีใจจังเลยค่ะ บอกตรงๆ เลยนะคะ เห็นหน้าคุณตะวันแว่บแรก นารถก็ถูกชะตาเลย"
"ขนาดนั้นเลยเหรอ พี่ส่งพยาบาลมากี่คนๆ เธอก็ไล่เค้าออกหมด" อัครินทร์ว่า
"พี่อัค!! ก็แหม..ส่งมาแต่ละคน ดูได้ที่ไหน" นารถนรินทร์มองปานตะวัน "แล้วดูคุณตะวันสิ สวยน่ารักขนาดนี้..ต้องชมพี่คินค่ะ..ตาแหลมที่สุด"
ปานตะวันอาย นาคินทร์ยิ้ม
"แน่นอน" นาคินทร์มองปานตะวัน "พี่เลือกคนที่ใช่...ไม่ผิดคนแน่"
สาวิตรี ทวยเทพ นารถนรินทร์ และใบตองพากันหัวเราะคิกคักเพราะคิดว่านาคินทร์แอบปิ๊งปานตะวันยกเว้นอัครินทร์ที่มองพี่ชายแบบไม่เข้าใจ 100%
นาคินทร์พูดกับปานตะวัน "ตกลงรับทำงานนี้นะครับ?”
ปานตะวันมองคนนู้นคนนี้ ทุกคนจ้องรอคำตอบแล้วก็ถอนใจเฮือก ปานตะวันคิดนิดนึงก่อนจะตอบเบาๆ "ก็ได้ค่ะ"
นาคินทร์ตาวาวเลย นารถนรินทร์ดีใจมาก สาวิตรีกับทวยเทพดีใจ อัครินทร์ยังมองๆ
นาคินทร์โพล่งออกมา "ถ้างั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จเราจะได้เซ็นสัญญากันเลย"
ทุกคนในบ้านหันขวับไปมองนาคินทร์อย่างงงๆ เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องสัญญาว่าจ้างมาก่อน
ปานตะวันงงกว่าใคร "สัญญา?.ต้องเซ็นสัญญาด้วยเหรอคะ?”
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ ทุกคนบนโต๊ะมองนาคินทร์เป็นตาเดียว
"ครับ..ทุกคนที่มาทำงานให้เราต้องเซ็นสัญญา 1 ปี เหมือนกันหมด"
อัครินทร์หันขวับไปมองนาคินทร์
นาคินทร์ยิ้ม "เพื่อเป็นหลักประกันให้กับทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับคุณ..เป็นหลักประกันว่าจะไม่ถูกเลิกจ้างก่อนกำหนด ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่องค่าจ้าง ส่วนทางเราก็มั่นใจได้ว่าคุณจะอยู่ทำงานจนครบ 1 ปี จริงๆ" นาคินทร์หยอด "หรืออาจจะนานกว่านั้น?”
ปานตะวันหลบตาทันที ทุกคนหมดข้อสงสัยแล้วมองตากันว่านาคินทร์ปิ๊งปานตะวันชัวร์ ยกเว้นอัครินทร์ที่นั่งนิ่งๆ มองนาคินทร์ซึ่งกำลังมองปานตะวัน ปานตะวันถอนใจเฮือกที่ตกกะไดพลอยโจนไปแล้ว นาคินทร์ รู้สึกสมใจ
สาวิตรีจัดของหวานอย่างตั้งใจ โดยมีใบตองคอยช่วย อัครินทร์ยืนคิดอยู่ข้างๆ
"ผมว่าวันนี้พี่คินเค้าแปลกๆ นะครับคุณแม่" อัครินทร์ว่า
"แน่นอนจ้ะ..คนกำลังมีความรักก็มักจะเป็นเช่นนี้แหละ" สาวิตรีคิกคักกับใบตอง
"ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ"
"อ้าว..ไม่ใช่เรื่องนั้น แล้วมันเรื่องไหนจ๊ะ..ลูกหมอ?”
"ก็เรื่อง..สัญญาไงครับ ทำไมพี่คินถึงบอกคุณตะวันว่าต้องเซ็นสัญญา ในเมื่อที่ผ่านมาพยาบาลกี่คนต่อกี่คนที่ผมติดต่อมาดูแลยัยนารถก็ไม่เคยต้องเซ็นสัญญาเลยซักคน"
สาวิตรีอึ้งไปนิดๆ ก่อนจะพูด "ความรักมักจะทำให้คนเราทำได้ทุกอย่าง" สาวิตรียิ้ม "บางทีพี่คินเค้าอาจกลัวว่าหนูตะวันจะทำงานอยู่กับเราไม่นาน พี่คินก็เลยเอาเรื่องสัญญามาอ้าง นี่!! ลูกหมอ วันๆ ตรวจคนไข้ยังไม่เครียดพออีกเหรอจ๊ะ ยังจะมาคิดมากเรื่องพี่คินเค้าทำไม แม่ว่าดีออกที่เห็นพี่คินแคร์หนูตะวันขนาดนี้ เพราะแม่นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นเค้าแคร์ผู้หญิงคนไหนอีกแล้วนับจากเสียหนูกนกไป - - จริงมั๊ยใบตอง"
ใบตองชื่นอกชื่นใจ "จริงค่ะ..คุณผู้หญิง"
"แต่ผม...”
สาวิตรีไม่สน "ขึ้นโต๊ะเลยเร้ว..แม่ใบตอง"
"ทันทีค่ะ"
สาวิตรีจะเดินออกไปแล้วก็ชะงักหันมาบอกอัครินทร์ "นี่!! ทางที่ดีนะ แม่ว่าเราน่ะเจียดเวลาตรวจคนไข้ไปหาแฟนกะเค้าซักคนสิจ๊ะ - - จะได้เข้าใจพี่คินเค้าดีขึ้น ฮิฮิ"
สาวิตรีเดินลั้นลาออกไป
ใบตองตามมากระซิบ "จะได้ซึ้งค่ะ" แล้วใบตองก็วิ่งจู๊ดออกไป
นาคินทร์วางสัญญาลงตรงหน้าปานตะวันที่นั่งอึ้งๆ อยู่ นาคินทร์ยื่นปากกามาให้
"เซ็นได้เลยครับ..สัญญาระหว่างเรา" นาคินทร์ยิ้ม
ปานตะวันค่อยๆ รับปากกามา "ต้องเซ็นวันนี้เลยเหรอคะ"
"ผมอดทนรอไม่ไหวแล้วล่ะครับ"
นารถนรินทร์ไม่รู้อะไรแต่ก็แซว "อุ๊ย..ขนาดนั้นเลยเหรอพี่คิน"
ปานตะวันพลอยเขินไปด้วย
นารถนรินทร์สนับสนุน "เซ็นเลยค่ะ..พี่ตะวัน"
"ไม่ทันไร เรียก ‘พี่’ เลยเหรอยัยนารถ"
นารถนรินทร์แหย่พี่ "เอ๊า! ไม่ดีเหรอคะพี่คิน" นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน "ขออนุญาตนะคะพี่ตะวัน..หวังว่าคงไม่รังเกียจน้องนารถคนนี้นะคะ?”
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 4 (ต่อ)
ปานตะวันผ่อนคลายลงและเอ็นดูนารถนรินทร์ "ไม่ค่ะ..ดิฉัน..”
นารถนรินทร์สวน "พี่ค่ะพี่..พี่ตะวัน"
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ นาคินทรยิ้มให้ ปานตะวันอ้อมแอ้ม "คือ..พี่เองก็มีน้องสาวคนนึง อายุน่าจะประมาณคุณนารถล่ะค่ะ"
"โห..เรียก ‘คุณ’...หมดกัน!! เรียกน้องนารถหรือนารถเฉยๆ ก็ได้ค่ะพี่ตะวัน"
"ไม่เหมาะมั้งคะ" ปานตะวันว่า
นาคินทร์โพล่งขึ้น "เซ็นซะทีสิ!”
ปานตะวันกับนารถนรินทร์หันขวับมามองนาคินทร์
นาคินทร์รู้สึกตัว "ดึกแล้ว..ยัยนารถ..ชวนคุณ..ไม่ใช่สิ..ชวนพี่ตะวันเค้าคุยอยู่นั่น" นาคินทร์วางฟอร์ม" หรือคุณอยากจะเอาสัญญากลับไปอ่านก่อนมั้ยครับ...ถ้าไม่ไว้ใจ"
ปานตะวันสะดุ้ง "อ๋อ..ไม่ค่ะ..ไม่เป็นไร"
นาคินทร์หยิบปากกาส่งให้อีกรอบ "ถ้างั้น..เซ็นเลยนะครับ"
ปานตะวันค่อยๆ รับปากกามาเซ็นชื่อบนเอกสารทั้ง 2 แผ่นตรงหน้าโดยไม่ได้อ่านรายละเอียด เพราะนาคินทร์คอยเร่งให้รีบเซ็น
นาคินทร์มองด้วยสายตาสมหวังสุดๆ ก่อนจะรับปากกามาเซ็นต์ต่อทั้ง 2 แผ่น นาคินทร์สูดลมหายใจเต็มปอดด้วยความชื่นใจ
นาคินทร์ยื่นเอกสารให้นารถนรินทร์ "ยัยนารถ..เซ็นเป็นพยาน"
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง "ด้วยความยินดีค่ะ"
นารถนรินทร์เซ็นชื่อ สาวิตรีโผล่เข้ามาพร้อมใบตองและขนม
"มาแล้วจ้า...ฝีมือหม่ามี้เอง หนูตะวันชิมหน่อยนะจ๊ะ" สาวิตรีเชิญชวน
"คุณแม่..เซ็นเป็นพยานอีกคนนะครับ" นาคินทร์บอก
"เซ็นอะไรนะ?” สาวิตรีถาม
นารถนรินทร์บอก "สัญญาของพี่ตะวันค่ะ รีบเซ็นเลยคุณแม่ เดี๋ยวพี่ตะวันเปลี่ยนใจ"
สาวิตรีรีบคว้ามาเซ็น "อ้าว! งั้นต้องเซ็นเลย" สาวิตรีเซ็น "นี่ๆ..เสร็จแล้วจ้ะ"
นาคินทร์คว้ากระดาษ 2 แผ่นใส่ซองแล้วก็ดึงปานตะวันลุกทันที "เรียบร้อย!! กลับได้แล้ว"
ปานตะวันงง ทุกคนก็งง อัครินทร์เดินมาหยุดยืนมองพี่ชายอย่างงงๆ
"อ้าว..ทำไมจู่ๆ จะรีบกลับซะล่ะตาคิน" ทวยเทพถาม
"นั่นสิคะ นารถยังอยากคุยกับพี่ตะวันอยู่เลย"
"ดึกแล้วครับ" นาคินทร์พูดกับปานตะวัน "กลับนะครับ"
ปานตะวันงง "ค่ะ"
"ผมไปส่งคุณตะวันนะครับคุณพ่อคุณแม่..สวัสดีครับ"
นาคินทร์สวัสดีพ่อแม่ทำให้ปานตะวันต้องรีบสวัสดีลาทุกคน นาคินทร์เดินนำปานตะวันออกไป ปานตะวันต้องรีบเดินตามไป
สาวิตรีนึกได้ "อ้าว..เดี๋ยวจ้ะหนูตะวัน...ขนมแม่ล่ะ?! ว้า! อุตส่าห์ทำสุดฝีมือเลย"
"เออ..ตาคินนี่มันก็แปลก มาเร็วไปเร็ว พิกล" ทวยเทพว่า
"เอ..ใบตองว่าคุณคินคงอยากจะชิ่งไปจู๋จี๋กับคุณตะวัน 2 ต่อ 2 รึเปล่าค้าา"
สาวิตรีตาโต "เออ..จริงด้วยสิ ฮิฮิ"
ทุกคนคึกครื้น ยกเว้นอัครินทร์
"แปลก..พี่คินแปลกมาก"
อัครินทร์ยังงงกับพี่ชาย
นาคินทร์เดินนำมาตามทางจนถึงหน้าประตูห้องปานตะวัน
"ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง" ปานตะวันลอบมองนาคินทร์ที่หน้านิ่งๆ "คุณนาคินทร์เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ"
นาคินทร์รู้สึกตัว "อ๋อ..." นาคินทร์วางฟอร์ม "ก็..ช่วงนี้งานเยอะ อาจจะเหนื่อยหน่อย" นาคินทร์ยิ้ม "แต่ต้องถือว่าโชคดี" นาคินทร์ยกแขน 2 ข้างขึ้นยันประตูห้องไว้โดยมีปานตะวัน อยู่ในอ้อมแขน "ที่มีคุณตะวัน"
ปานตะวันอึกอักและเก้อเขินที่ตกอยู่ในวงแขนเพราะเหมือนโดนล้อมกรอบไว้ "ยังไงคะ..ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย"
นาคินทร์จ้องตา "ได้พบคุณ ได้ไปดูหนังกับคุณ ได้พาคุณไปทานข้าวที่บ้าน ที่สำคัญ คุณรับปากจะดูแลยัยนารถน้องสาวของผม" นาคินทร์ก้มหน้ามาใกล้ๆ "แค่นี้ ผมก็หายเหนื่อย"
ปานตะวันทำอะไรไม่ถูก นาคินทร์ค่อยๆ ก้มหน้ามาใกล้อีก ปานตะวันตัดสินใจก้มตัวลอดใต้แขนนาคินทร์จนหลุดออกมายืนตัวลีบ
"ดึกแล้ว..คุณกลับเถอะค่ะ"
นาคินทร์อมยิ้ม "โอเค.ครับ..ผมกลับก่อน..แล้วพรุ่งนี้ ผมจะมารับคุณ"
ปานตะวันงง "มารับ? มารับฉัน..ไปไหนคะ"
นาคินทร์ทำตาใส อ้าว..แย่จัง นี่ผมไม่ได้บอกคุณหรอกเหรอครับว่า คุณจะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านผมด้วย"
"อะไรนะคะ ฉันต้องย้ายไปอยู่บ้านคุณ?? ทำไมล่ะคะ"
นาคินทร์ยิ้ม "ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นเลย คุณได้เห็นและคุยรายละเอียดกับยัยนารถแล้วก็น่าจะทราบว่ายัยนารถต้องได้รับการดูแลทั้งภารกิจประจำวัน ทั้งกายภาพบำบัดอย่างใกล้ชิด พยาบาลพิเศษทุกคนที่ผ่านมาก็ต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านผมเพื่อดูแลยัยนารถตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกันหมด"
ปานตะวันนิ่งอึ้ง
นาคินทร์ยิ้ม "ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผมจะเป็นนายจ้างจอมโหด คุณพักผ่อนได้ ลาหยุดได้เพราะยังมีคุณแม่กับแม่บ้านช่วยดูแลแทนชั่วคราว"
"เรื่องนั้นฉันเข้าใจค่ะ ทำงานหนักแค่ไหน ฉันไม่ห่วง แต่เรื่องที่จะต้องย้ายไปอยู่...”
"รังเกียจเหรอครับ?”
"มะ..ไม่ใช่ค่ะ แต่.." ปานตะวันอึดอัดพยายามหาเหตุผล "ดิฉันเป็นห่วงเดือนน่ะค่ะ" ปานตะวันจริงใจ "ตั้งแต่เล็กจนโต เรา 2 คนพี่น้องไม่เคยต้องอยู่ห่างกันเลย ฉันไม่อยากทิ้งน้อง"
นาคินทร์เดินตามมายืนคร่อมท่าเดิม ประหนึ่งจะล็อคเธอไว้ให้อยู่ในกรงของเขาให้ได้ "ใครบอกว่าทิ้ง?! คุณเดือนโตแล้วนะครับ เก่งมากซะด้วย คอนโดฯที่อยู่นี่ก็ปลอดภัย ที่สำคัญเธอทำงานที่บริษัทของผม รับรองได้ว่านายนัคจะดูแลเธออย่างดีที่สุด"
ปานตะวันอึ้ง "แต่ว่า...”
"ยัยนารถไม่ยอมรับใครง่ายๆ" นาคินทร์ยิ้ม "ผมแปลกใจและก็ดีใจมากที่เค้าชอบคุณ" นาคินทร์ทำตาหวาน "เหมือนผม"
ปานตะวันอึ้งและอายจึงรีบตัดบทเลย
"ขอฉันคุยกับเดือนก่อนได้มั้ยคะ?”
นาคินทร์ยิ้มเพราะรู้ว่าไม่น่าจะมีปัญหา "ได้สิครับ ตามสบาย" นาคินทร์นึกได้ "อ้อ!" นาคินทร์ควักซองสัญญาออกมาให้ "คู่สัญญา..ให้คุณเก็บไว้ฉบับนึง"
ปานตะวันรับมา "ค่ะ"
นาคินทร์ยื่นหน้ามาใกล้ๆ "นอนหลับฝันดี พรุ่งนี้ผมจะมารับนะครับ"
นาคินทร์จ้องตาปานตะวันที่หลบตาวูบวาบ นาคินทร์แอบตาวาว สมใจ ก่อนจะค่อยๆ เดินจากไป ปานตะวันมองตามแล้วก็ใจหวั่นวูบวาบ เธอกอดสัญญาไว้แนบอกแล้ถอนใจเฮือก
นัครินทร์เดินลั้นลาเข้ามาในผับท่ามกลางสาวๆ กิ๊วก๊าวในลักษณะขาประจำที่คุ้นเคย ประกายเดือนเดินเข้ามาแล้วก็หยุดชะงัก
"เอ๊า! มายืนเคารพธงชาติอะไรตอนนี้?? เข้ามาสิคู้ณ"
นัครินทร์ปรี่เข้าไปลากแขน ประกายเดือนสะบัดพรืด
"เนี่ยนะ..ดินเนอร์ของคุณ?” ประกายเดือนว่า
"ก็เออไง..เดี๋ยวไปสั่งข้าวข้างในไงฮะ จะเอาอะไรล่ะ ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว สเต็ก ซูชิ ซาซิมิ สปาเก็ตตี้ - - ได้หมดอ่ะ มากับใครให้มันรู้มั่ง" นัครินทร์เร่ง "มาเร็ว!!”
ผู้คนขวักไขว่เดินกระแทกประกายเดือนจนเจ้าตัวต้องเดินตามนัครินทร์จนไปนั่งที่ประจำของนัครินทร์
ประกายเดือนทิ้งตัวแล้วบ่นอุบ "หาที่กินที่มันเงียบๆ กว่านี้ไม่ได้รึไง? หูจะแตก!”
"เปิดหูเปิดตาซะบ้างสิฮะคุณ เป็นเลขาฯผม..ขอร้อง อย่ามาทำตัวป้า"
ประกายเดือนสวน "คุณว่าใครป้า?”
นัครินทร์ไม่ตอบ เขามองประกายเดือนแล้วก็ส่ายหน้าขำ ประกายเดือนเคืองๆ
พนักงานชายปรี่มาทักทายอย่างสนิทสนม "หวัดดีค้าบป๋า" พนักงานมองประกายเดือน "โห..งวดนี้หมวยมาเลย จากไหนครับ? ฮ่องกง? รึเมืองจีน?”
ประกายเดือนไม่พอใจ "เฮ้ย พูดอะไร?? มองหน้าฉันแล้วพูดงี้หมายความว่าไง?”
พนักงานชายสะดุ้งโหยง "โอ้ย.." พนักงานขำ "เห็นพามาแต่ละคนอินเตอร์ฯ นานาชาติทั้งนั้น คราวนี้นิยมไทยเหรอป๋า? แหม..ดุซะด้วยนะเจ๊"
ประกายเดือนสวน "ใครเจ๊แก?”
นัครินทร์หัวเราะชอบใจ "ไปๆๆ ไอ้เปี๊ยก...หิวแล้ว..จัดมาเหมือนเดิม..ชุดใหญ่!!”
"ค้าบพ้ม!!”
นัครินทร์พูดกับประกายเดือน "คุณล่ะ...เอาอะไรดี?”
ประกายเดือนสะบัดหน้า "ฉันไม่หิว! แล้วฉันก็จะกลับ"
พนักงานชายขำ "อ้าว..เคลียร์กันก่อนนะคับป๋าค้าบ ลงตัวเมื่อไหร่ค่อยเรียกผม" พนักงานเดินไปทันที
"เป็นไรของคุณ?”
ประกายเดือนลุกขึ้น "ฉันจะกลับ!!”
นัครินททร์คว้าข้อมือไว้ "เดี๋ยวสิ"
ทันใดนั้น เคที่และวีวี่ต่างก็พุ่งพรวดเข้ามาจากคนละมุม ทั้งสองมองนัครินทร์แล้วร้องเรียกลั่นพร้อมกันอย่างดีใจ
"นัคกี้ / โอปป้า!!”
นัครินทร์ชะงักมอง "เฮ่ย!!”
เคที่กับวีวี่ตกใจ ทั้งสองหันมองหน้ากันตาโต
"นังกิมจิเน่า?” เคที่ว่า
"นังฝรั่งดองก๊ะ?” วีวี่สวน
ทั้งสองพุ่งเข้ามาหานัครินทร์ นัครินทร์ร้องจ๊ากเพราะ 2 นางนานาชาติกระโดดตัวลอยโถมเข้าใส่ยังกะนักวิ่งชิงกันพุ่งเข้าเส้นชัยยังไงยังงั้น
นัครินทร์ร้องลั่น "อย่า"
เคที่กับวีวี่ร้อง "แอร๊ย!!”
ทั้ง 3 คนกองอยู่กับพื้น เคทีกับวีวี่ยังยื้อแย่งจะครอบครองนัครินทร์กันชุลมุน
"ฉันมาก่อน"
"ฉันมาก่อนนะก๊ะ"
นัครินทร์พยายามจะคลานมุดหนีแต่ก็โดนสองสาวดึงมายื้อแย่งกันต่อไป
ประกายเดือนยืนมองส่ายหน้า แบบทั้งขำ ทั้งสะใจ "ดินเนอร์ให้สนุกนะก๊ะ...โอปป้า!!" ประกายเดือนทำท่าซารังเฮโย "ฮิฮิ"
ประกายเดือนพูดจบก็เดินออกไป
นัครินทร์ร้องเรียก "เฮ๊ย!! คุณจะไปไหน กลับมาก่อน มาช่วยผมก่อนน"
นัครินทร์ยังอยู่ในเงื้อมมือของทั้งสองสาว
ปานตะวันเพิ่งอาบน้ำเสร็จใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้วค่อยๆ เดินมาที่เตียง เธอยืนมองชุดสวยที่นาคินทร์ซื้อให้ที่วางแผ่อยู่ ปานตะวันค่อยๆ นั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนิดนึงก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน สายตาของเธอเหลือบไปเห็นซองสัญญาวางอยู่ข้างๆ เธอก็ค่อยๆ หยิบมามองแล้วแกะออกอ่านดูเรื่อยๆ สักพักเธอก็เริ่มเอ๊ะแล้วขมวดคิ้ว
“ว่าด้วยรายละเอียดกรณีการผิดสัญญา” ปานตะวันทำหน้างงๆ
"ในกรณีที่ฝ่ายนายจ้างผิดสัญญา เช่น ตัดสินใจเลิกว่าจ้างก่อนถึงกำหนดที่สัญญาฉบับนี้สิ้นสุด ผู้ถูกว่าจ้างจะได้รับเงินเดือนที่เหลืออยู่ เช่น หากว่าจ้างได้เพียง 3 เดือนและต้องการเลิกจ้าง นายจ้างจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินสองล้านเจ็ดแสนบาทให้ฝ่ายลูกจ้างทันที 9 เดือน x 300,000 บาท (สามเท่าของเงินเดือน)”
ปานตะวันอึ้งๆ ก่อนจะอ่านต่อ
"ในทางกลับกัน..หากฝ่ายลูกจ้างผิดสัญญาและขอลาออก ก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุดจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นสามเท่าของเงินเดือนให้กับฝ่ายนายจ้าง เช่น หากทำงานได้เพียงหกเดือนและลาออกจะต้องจ่ายเงินหนึ่งล้านแปดแสนบาท 6 เดือน x 300,000 (สามเท่าของเงินเดือน) เป็นค่าเสียหายทันที"
ปานตะวันอึ้งแล้วเผลอปล่อยสัญญาค่อยๆ ปลิวร่วงหลุดมือ ก่อนจะนั่งงง พอรู้สึกตัวเธอก็รีบหยิบสัญญามาอ่านใหม่อีกรอบ
"หากทำงานได้เพียงหกเดือน และลาออกต้องจ่ายเงินหนึ่งล้านแปดแสนบาท 6 เดือน x 300,000 (สามเท่าของเงินเดือน) เป็นค่าเสียหายทันที!”
คราวนี้ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ตาฝาดและไม่ได้เข้าใจผิดใดๆ
ปานตะวันอึ้ง "อะไรกันเนี่ย...ทำไมคุณนาคินทร์ไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย"
ปานตะวันยังมึน ในขณะที่นาคินทร์กำลังขับรถสีหน้าอิ่มเอมใจในชัยชนะที่รออยู่ข้างหน้า ่
อ่านต่อตอนที่ 5