xs
xsm
sm
md
lg

สามีตีตรา ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามีตีตรา ตอนที่ 4

ในห้องเสื้อ...กระรัตถอดแว่นพิศุทธิ์ออกแล้วเอามาใส่เอง โพสต์ท่าแอ๊บแบ๊วให้ พิศุทธิ์ขำๆ กะรัตหอบเสื้อผ้ามาหลายชุดดันพิศุทธิ์เข้าห้องลอง พิศุทธิ์เปลี่ยนเสี้อ เปลี่ยนทรงกางเกงใหม่ จากนั้นก็ถูกจับไปให้ช่างเซ็ทผมทรงใหม่ กะรัตยืนมองอย่างพอใจ ยกนิ้วชมพิศุทธิ์ในทรงผมใหม่ ลุคใหม่ที่...หล่อมาก

ค่ำนั้น พิศุทธิ์กับกะรัตอยู่ในสวนสาธารณะ กะรัตเพ่งพิศพิศุทธิ์อย่างปลื้มๆ แล้วยกนิ้วจิ้มๆที่หน้าอกพิศุทธิ์
“แฟนใครไม่รู้...หล่อจัง”
พิศุทธิ์เขินมาก กะรัตหัวเราะขำแล้วแกล้งเดินนำหน้าไป พิศุทธิ์จะตาม ได้ยินเสียงโทรศัพท์ พิศุทธิ์หยิบมือถือออกมาดูแล้วก็แปลกใจ หน้าจอมือถือของพิศุทธิ์เห็นเป็นชื่อของกะรัตโทรมา
“คุณโทรหาผมทำไม”
กะรัตยิ้มแล้วรีบเข้ามาแย่งมือถือของพิศุทธิ์ที่ยังคงดังอยู่มาดู ก่อนจะตัดสายทิ้งไป
“เมมชื่อซะเป็นทางการเชียว นี่เราเป็นแฟนกันแล้วนะ จะเมมชื่อว่ากะรัตเฉยๆไมได้ มาค่ะ”
กะรัตรีบเอาหน้าไปชิดพิศุทธิ์แล้วยืนแอ็คถ่ายรูปคู่ด้วยกัน พิศุทธิ์แทบจะตั้งตัวไม่ทัน กะรัตยิ้มให้กับรูปคู่สวีทรูปแรกของตัวเอง แล้วจัดแจงเอาขึ้นใส่เป็นรูปประจำตัวของเบอร์เธอทันที
“ต่อไปนี้เวลาฉันโทรหา คุณเห็นแล้วจะได้อารมณ์ดี” กะรัตส่งมือถือคืนให้ “มา ขอฉันมั่ง”
กะรัตหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาตั้งท่าจะถ่าย แต่มีสายเรียกเข้ามาพอดี
“แม่”
กะรัตเห็นชื่อแม่แล้วเซ็ง เลยปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังอยู่แบบนั้น
“รับสิครับ”
“เรื่องอะไรจะรับ”
“คุณคงไม่กล้าบอกให้ท่านรู้ว่าอยู่กับผมใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ไม่กล้า แต่ฉันขี้เกียจจะทะเลาะกับแม่”
“แม่เราสองคนคงไม่มีวันเข้าหน้ากันได้”
“แค่คิดก็รู้แล้วว่า ตอนจบคงเป็นไปไม่ได้ ไร้อนาคตอย่างนี้แล้ว คุณจะยังคบกับฉันมั้ย”
“นี่เราก็กำลังอยู่ในอนาคตนะ...เป็นอนาคตของเมื่อวาน”
กะรัตยิ้มกับความคิดของพิศุทธิ์ กะรัตจับมือของพิศุทธ์ขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ กั้งเองก็ไม่ได้นึกเลยว่าเราสองคนจะเป็นอย่างวันนี้ได้ เพราะฉะนั้นกั้งจะพยายามทำวันนี้...ทำตอนนี้ให้ดีสุด กั้งเชื่อว่าวันพรุ่งนี้ของเราไม่มีทางเป็นอย่างอื่น...นอกจากเราจะมีแต่วันดีๆขอบคุณมากที่ให้โอกาสผู้หญิงอย่างกั้งนะคะ”
กะรัตซบไหล่พิศุทธ์อย่างหวังให้เขาเป็นที่พักพิงสุดท้าย พิศุทธิ์ฟังคำพูดของกะรัตอย่างเข้าใจ สองหนุ่มสาวจูงมือกันเดินไปอย่างมีความสุข

เช้าวันใหม่...สายน้ำผึ้งเปลี่ยนทรงผมใหม่กำลังนั่งแต่งหน้าอย่างตั้งอกใจ รสสุคนธ์เห็นสายน้ำผึ้ง ออกสายกว่าทุกวันก็ขึ้นมาตาม
“สายแล้วนะผึ้ง เดี๋ยวรถก็ติดหรอก”
สายน้ำผึ้งรีบเร่งปัดแก้ม
“เสร็จแล้วจ้า”
สายน้ำผึ้งยืนขึ้นหันมาหารสสุคนธ์ เธอเปลี่ยนสไตล์จนสวยมาก รสสุคนธ์ตะลึง
“โอ้โฮ จะแต่งตัวสวยไปทำไม คนท้องใครเขาจะมอง”
“น้ารสไม่รู้อะไร การที่เราท้องไม่มีพ่อ ก็เรียกคะแนนสงสารได้เหมือนกัน”
“พูดแบบนี้ ไปเจอใครเข้าอีกล่ะ”
“ผึ้งว่าผึ้งจะเปิดโอกาสให้ตัวเอง คนดีๆที่ไม่รังเกียจเราก็คงจะมี ผึ้งยังสาว ยังสวย ทีกั้งยังแต่งงานได้ตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นใครจะว่าอะไรเลย...” สายน้ำผึ้งคิดถึงพิศุทธิ์ “...ผึ้งก็มีดีของผึ้งเหมือนกัน”
สายน้ำผึ้งยิ้มอย่างมีความหวัง แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าออกจากห้องไป รสสุคนธ์ยังมองตามอย่างสงสัย

สายน้ำผึ้งเดินเข้าออฟฟิศรีรอชะเง้อคอย เมื่อพิศุทธิ์มาถึง เธอมองสไตล์การแต่งตัวใหม่ของเขาอย่างตะลึง โดยเฉพาะเมื่อพิศุทธิ์ไม่มีแว่นบดบังความคมคายของใบหน้า
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“วันนี้คุณพิศุทธิ์ดูแปลกตาจังเลย”
“คุณสายน้ำผึ้งทำผมมาใหม่เหรอครับ...ดูสดใสขึ้นนะครับ”
“เอ่อ...ค่ะ...แหม ใจเราตรงกันจังเลยนะคะ”
พิศุทธิ์เก้อๆกับคำพูดสายน้ำผึ้ง วางหน้าไม่ถูก สายน้ำผึ้งเห็นอาการของเขา อดยิ้มให้ความน่ารักของเขาไม่ได้ เมื่อมองไปเห็นเงาที่สะท้อนในกระจกออฟฟิศเห็นเธอกับพิศุทธิ์ที่ยืนอยู่ข้างกัน เธอมองดูภาพนั้นแล้วแอบยิ้ม

พวงหยกเดินเข้ามาเอาเรื่องกะรัต ที่นั่งเลือกแบบเสื้อผู้ชายอยู่บนเตียงในห้องนอน
“นี่แม่ตัวดี ทำไมเมื่อคืนไม่รับสายฉัน”
กะรัตตกใจ รีบหาข้ออ้าง
“แม่...โธ่ ก็กั้งกำลังยุ่ง”
พวงหยกเห็นบนเตียงของกะรัตเต็มไปด้วยรูปแฟชั่น รูปสเก็ตช์ชุดทำงานผู้ชาย จึง เดินเข้าไปหยิบรูปขึ้นดูอย่างแปลกใจ
“ที่ร้านแกขายเสื้อผ้าผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่”
กะรัตรีบมาดึงรูปออกไปจากมือแม่
“ก็ว่ากำลังจะทำนี่แหละค่ะ ถึงได้หาข้อมูลอยู่นี่ไง”
กะรัตรีบปิดหนังสือ เก็บข้าวของเพราะไม่อยากให้แม่สักอีก พวงหยกเห็นถุงเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆวางอยู่ก็รีบเข้าไปดึงเสื้อและเนคไทออกมาดู
“นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ฉันจะนึกว่าแกกลับไปติดผู้ชายอีกแล้วนะ”
“เปล่า...แม่ก็ กั้งจะเอาเวลาที่ไหนไปมีใคร กั้งไปก่อนนะ”
กะรัตรีบหยิบกระเป๋าสะพายกับนิตยสาร เผ่นแน่บออกจากห้อง
“ยัยกั้ง...ยัยกั้ง เดี๋ยว กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
พวงหยกไม่ยอมตามมาถึงโต๊ะอาหารที่มีกุนตีกับกันตานั่งทานกันอยู่ นวลคอยจัดแจงเสิร์ฟอาหารให้
“คุณกั้งทานข้าว...” นวลพูดค้าง
“กั้งขอตัวนะ พอดี...นัดเพื่อนไว้น่ะ” กะรัตรีบพูด
กุนตีงงๆ กันตาแอบยิ้ม กุนตีแอบเห็นท่าทีกันตาก็พอจะรู้
“ยัยกั้ง ดูมันซิ ลุกลี้ลุกลน ทำท่ายังกับ...”
พวงหยกสงสัย กันตารีบดักคอ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ มาทานข้าวเหอะ”
“ฉันว่ายัยกั้งมันต้องมีผู้ชาย แน่ๆ” พวงหยกหันไปจิกนวล “นวล”
“อุ้ย” นวลสะดุ้ง
“แกรู้รึเปล่าว่ายัยกั้งคบกับใคร”
กันตารีบส่งสายตากำชับไม่ให้นวลหลุดปาก
“โอ๊ย...ไม่รู้หรอกค่า นวลไม่รู้จักจริงๆ ไม่รู้หรอกว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
พวงหยกตบโต๊ะฉาด
“นั่นไง แปลว่ามันกำลังมีใครจริงๆนั่นแหละ”
นวลหน้าเสียที่หลุดปากพูดไป กันตาหันไปขยิบตาให้พี่ช่วย กุนตีส่ายหน้าระอาน้องแล้วพูดตัดปัญหาไป
“ยัยกั้งอาจจะไม่ได้มีใครก็ได้ แม่จะคิดมากทำไมคะ”
“ฉันคิดไปเองที่ไหน ท่าทางมันมีลับลมคมในขนาดนั้น ไม่ได้การละ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ายัยกั้งคบใคร ก่อนที่มันจะถลำไปทั้งตัว” พวงหยกหมายมาด

กุนตี กันตา นวลนึกเสียวแทนกะรัตขึ้นมาทันที

เย็นนั้น สายน้ำผึ้งอยู่ที่โต๊ะทำงานผุดลุกผุดนั่ง พยายามลอบมองว่าพิศุทธิ์ที่นั่งโต๊ะใกล้ๆว่าจะกลับหรือยัง พอเขาขยับลุกขึ้น เธอรีบก้มหน้าก้มตาเหมือนตั่งใจทำงานต่อ พิศุทธิ์เดินผ่านโต๊ะสายน้ำผึ้งเลยเอ่ยทัก
 
“ยังไม่กลับเหรอครับ เลิกงานแล้ว”
สายน้ำผึ้งแกล้งทำเพิ่งรู้ตัว
“อ้าว เย็นขนาดนี้แล้วเหรอคะ ทำเพลินจนลืมเวลาเลยค่ะ”
“รีบกลับไปพักเถอะครับ คุณกำลังท้อง ไม่ควรหักโหมเกินไป”
“ก็เพราะกำลังท้องไงคะ ดิฉันถึงยิ่งต้องทำงาน...เพื่ออนาคตของลูก”
พิศุทธิ์มองนึกสงสารเหมือนกัน
“ผมเข้าใจครับว่าการเป็นซิงเกิ้ลมัม ไม่ใช่เรื่องง่าย”
สายน้ำผึ้งแปลกใจที่พิศุทธิ์รู้เรื่องส่วนตัวของเธอ
“คุณรู้เรื่องของฉันด้วยเหรอคะ”
พิศุทธิ์นึกขึ้นได้แต่ไม่กล้าบอกว่ารู้อะไรมาจึงได้พยายามเลี่ยง
“ผมรู้จากหัวหน้าของคุณ”
“เรื่องแบบนี้ปิดไม่เคยมิดเลยนะคะ ที่ฉันต้องออกจากที่เก่าก็เพราะเรื่องท้องไม่มีพ่อนี่แหละ”
“แต่ทุกคนที่นี่ชื่นชมคุณมากนะครับ” พิศุทธิ์จงใจพูดให้ตรงเรื่องอดีตสายน้ำผึ้งแบบ
เนียนๆ “คุณเลือกที่จะโยนอดีตทิ้ง แล้วเริ่มต้นใหม่อย่างกล้าหาญ”
“จริงเหรอคะ” สายน้ำผึ้งดีใจ
“อย่าท้อนะครับ...ลูกคุณจะต้องภูมิใจในตัวคุณ เชื่อผมนะ”
สายน้ำผึ้งจับที่กระเป๋าถือให้รู้ว่าอยากกลับกับพิศุทธิ์
“งั้น...”
พิศุทธิ์ไม่ได้สังเกตยิ้มให้กำลังใจสายน้ำผึ้งแล้วเดินไป สายน้ำผึ้งเจ็บใจที่พิศุทธิ์ไม่ชวน คิดว่าจะทำยังไงดี แล้วรีบรวบแฟ้มหลายแฟ้มบนโต๊ะก่อนวิ่งแจ้นตามพิศุทธิ์ไป

สายน้ำผึ้งหอบแฟ้มพะรุงพะรัง กึ่งเดินกึ่งวิ่ง สายกระเป๋าสะพายหล่นจากบ่า เธอจะจับสายสะพายกระเป๋าขึ้นมา แฟ้มก็ลื่นร่วงตกลงไปอีก สายน้ำผึ้งจะบ้าตาย รีบรวบๆแฟ้มลวกๆแล้ววิ่งไป...สายน้ำผึ้งวิ่งมาแล้วเบรค ตัดสินใจเลี้ยวไปอีกทางจะไปดักพิศุทธิ์ไว้

สายน้ำผึ้งวิ่งหอบแฟ้มที่จะหลุดมิหลุดแหล่ ต้องย่อตัวเอาเข่าดันแฟ้มขึ้นมาจนถึงโถงชั้นล่าง เหลียวซ้ายแลขวา เห็นพิศุทธิ์เดินออกจากลิฟท์มา เธอรีบหมุนตัวกลับ ทำทีหอบของจะกลับบ้านแล้วแกล้งทำแฟ้มหล่นลง
“ว้าย โธ่เอ๊ย...คนยิ่งจะรีบ”
พิศุทธิ์ที่เดินตรงมาเห็น สายน้ำผึ้งจะก้มลงเก็บของแต่ไม่ถนัด เพราะท้องค้ำอยู่ เลยย่อตัวลง พิศุทธิ์รีบเข้าช่วย จับแขนสายน้ำผึ้งให้ยืนขึ้น
“ผมเก็บให้เอง” สายน้ำผึ้งรวบแฟ้มขึ้นมา “นี่คุณยังจะหอบงานกลับไปทำที่บ้านอีกเหรอครับ”
“นี่คุณยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
พิศุทธิ์ไม่ได้ใส่ใจคำถาม
“ของเยอะขนาดนี้แล้วคุณจะกลับบ้านยังไง”
“ฉันกลับแท็กซี่ได้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งให้ดีกว่า เชิญครับ”
พิศุทธิ์เดินนำออกไป สายน้ำผึ้งยิ้มดีใจที่แผนสำเร็จ รีบจ้ำตาม

สายน้ำผึ้งนั่งคู่กับพิศุทธิ์มาในรถอย่างมีความสุขมาก แอบลอบมองเขาตลอดเวลา
“คุณหอบงานกลับบ้านแบบนี้ทุกวันเหรอครับ”
“เวลาทำงานของเรากับลูกค้าที่อเมริกามันไม่ตรงกันนี่คะ”
“แบบนี้จะถือว่าบริษัทใช้แรงงานเด็กด้วยรึเปล่า”
สายน้ำผึ้งยิ้มกับมุกของเขา
“บริษัทอุตส่าห์ให้โอกาสเราแม่ลูก ฉันต้องตอบแทนให้เต็มที่ค่ะ”
เสียงมือถือของพิศุทธิ์ดังขึ้น เขาหยิบมาดูเห็นหน้าจอว่าเป็นกะรัตโทรมาจึงกดรับ สายน้ำผึ้งนั่งนิ่งตั้งใจฟัง
“ผมเพิ่งเลิกงานกำลังกลับบ้าน” พิศุทธิ์ยิ้มเมื่อกะรัตบอกให้ขับรถดีๆ “ขอบคุณนะครับ” พิศุทธิ์ปิดมือถือ
“ตายจริง คุณต้องไปส่งฉันเลยกลับผิดเวลาจนคนที่บ้านโทรตาม...”
“คนที่บ้านผมก็มีแต่แม่...”
สายน้ำผึ้งได้ฟังแล้วยิ่งมีความหวัง พิศุทธิ์หันมามองเห็นสายน้ำผึ้งยิ้มก็แปลกใจ สายน้ำผึ้งรู้ตัวก็รีบแก้เก้อ
“คืนนี้ ฉันอยากสรุปข้อมูลนำเสนอลูกค้าให้เสร็จ แต่ข้อมูลงานวิจัยที่ฉันมีอยู่หลายหัวข้อฉันไม่ค่อยเข้าใจ...ถ้าฉันจะขอเบอร์คุณไว้ ไม่ทราบจะรบกวนรึเปล่าคะ”

รถของพิศุทธิ์ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
สายน้ำผึ้งหอบข้าวของลงจากรถ พิศุทธิ์ขับรถออกไป รสสุคนธ์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน มองเห็นว่ามีคนมาส่งสายน้ำผึ้งก็แปลกใจ
“ใครมาส่งเหรอ”
“คนที่ทำงานค่ะ เขาเป็นใจดีมากเลยน้ารส”
“งั้นก็นับว่าโชคดีที่ได้ย้ายมาทำงานที่นี่”
“นั่นสิคะ ตั้งแต่ผึ้งเลิกคบกับกั้ง ชีวิตผึ้งดีขึ้นทุกวัน ขอแค่ไม่มีกั้งมาเป็นมาร ผึ้งมั่นใจว่าชีวิตผึ้ง ต้องไปได้ไกลกว่านี้แน่ๆ”
รสสุคนธ์อึ้ง อ่อนใจกับความคิดหลาน เดินเลี่ยงไปรินน้ำ สายน้ำผึ้งมองนามบัตรเห็นชื่อ ม.ร.ว. พิศุทธิ์ ศักดิ์โกศล แล้วยิ้มอย่างมีความหวัง
“ถึงเวลาที่เธอจะต้องรับกรรม ด้วยการนั่งมองความโชคดีของฉันบ้างแล้ว...กั้ง”

สายน้ำผึ้ง ยังคงจมอยู่กับมิจฉาทิฐิของตัวเอง

ค่ำนั้น...กะรัตนอนคุยโทรศัพท์กับพิศุทธิ์อยู่บนเตียง สบายอารมณ์
“พรุ่งนี้เลิกงานคุณแวะมาหากั้งที่ร้านหน่อยนะคะ กั้งมีอะไรอยากให้คุณช่วย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“เดี๋ยวมาก็รู้เองแหละค่ะ ว่าแต่ว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง มีสาวที่ไหนมาหว่านเสน่ห์ใส่แฟนกั้งหรือเปล่า”
“ถามแบบนี้ไม่ไว้ใจผมเหรอ”
กะรัตชะงักที่ตัวเองแสดงอาการเป็นเด็กๆ
“เปล่านะคะ กั้งก็แค่ไม่อยากให้คุณมองใครนอกจากกั้งนี่”
พิศุทธิ์ยิ้มเพราะรู้ว่ากะรัตเป็นพวกหวงของ ก็เลยล้อเล่น
“เอาใจคุณคนเดียวผมก็จะแย่แล้ว ถ้าผมมีหลายๆคนผมคงตายพอดี”
“พูดแบบนี้หมายความว่ากั้งมันแย่มากใช่มั้ย” กะรัตงอน
“ใช่” พิศุทธิ์แกล้งหยอก
“คุณพิศุทธิ์” กะรัตโวยวาย
“ผมทำงานก่อนนะครับ” พิศุทธิ์หัวเราะ
กะรัตรีบพูดรวบรัด
“ตกลงเจอกันพรุ่งนี้นะคะ...บาย”
กะรัตวางสายทันทียิ้มด้วยความรู้สึกเป็นสุข...พิศุทธิ์ยิ้มขำๆ

เย็นวันต่อมา...หลังเลิกงาน พนักงานทยอยกลับบ้าน สายน้ำผึ้งเก็บของ พิศุทธิ์เดินผ่านแผนกการตลาดแล้วเดินกลับห้องทำงาน เมื่อเห็นเขายังไม่กลับ จึงคิดแผนเข้าไปหา เธอหยิบแฟ้มงานเดินไปห้องทำงานของเขาทันที

สายน้ำผึ้งกำลังจะเข้าห้องพิศุทธิ์ ฟองดาวเดินจากโต๊ะทำงานมาขวางไว้
“มีอะไรกับคุณพิศุทธิ์เหรอคะ”
สายน้ำผึ้งมองฟองดาวอย่างงงๆไม่รู้ว่าฟองดาวเป็นใคร
“พี่คือ...”
“พี่ชื่อฟองดาวจ้ะ เป็นเลขาของคุณพิศุทธิ์ เพิ่งมาเริ่มงานวันนี้”
สายน้ำผึ้งยิ้มอย่างพยายามสร้างมิตร
“สวัสดีค่ะพี่ฟองดาว หนูชื่อสายน้ำผึ้ง เรียกผึ้งเฉยๆก็ได้ค่ะ เป็นฝ่ายการตลาดผึ้งจะเอาแฟ้มผลการวิ เคราะห์ มาให้คุณพิศุทธิ์น่ะค่ะ”
“แต่นี่ได้เวลาเลิกงานแล้ว...ไม่รู้คุณพิศุทธิ์จะกลับรึยัง งั้นพี่เอาเข้าไปให้คุณพิศุทธิ์พรุ่งนี้ทันไหมคะ”
สายน้ำผึ้งชะงักอยากปฏิเสธ แต่กลัวว่าจะทำให้ฟองดาวมองไม่ดี เธอจึงคิดหาวิธีที่จะเอาแฟ้มงาน เข้าไปให้พิศุทธิ์ด้วยตัวเองตอนนี้ จึงยื่นแฟ้มให้โดยง่าย พูดอย่างรัวเร็ว
“ขอบคุณนะคะ ยังไงผึ้งฝากพี่ฟองดาวบอกคุณพิศุทธิ์ว่า...รายงานการตลาดปีนี้อยู่ หน้า14 แต่มีการแก้ไขอยู่ที่หน้า 37 และหน้าที่มีการสรุปผลครั้งที่ 1 ที่หน้า 42 สรุปครั้งที่ 2 อยู่หน้า 53 ส่วนปรับปรุงข้อมูลอยู่หน้า 61 แก้ไขอีกรอบอยู่หน้า...”
ฟองดาวรีบพูดขัด
“พี่ว่าน้องผึ้งเอาแฟ้มนี่เข้าไปให้คุณพิศุทธิ์ตอนนี้เลยดีกว่า ไม่ใช่พี่จำไม่ได้นะคะ แต่พี่ว่าน้องอธิบายละเอียด กว่าพี่”
“ค่ะ…”
สายน้ำผึ้งยิ้มอย่างใสซื่อ รับแฟ้มคืน แล้วเดินเข้าห้องทำงานพิศุทธิ์อย่างพอใจที่หลอกฟองดาวได้ง่ายดาย

พิศุทธิ์กำลังเก็บของเตรียมกลับ สายน้ำผึ้งถือแฟ้มงานเข้ามา
“อ้าว...ได้เวลาเลิกงานแล้ว ยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“คือฉันอยากจะขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นคุณสักมื้อ ถือเป็นการขอบคุณที่เมื่อวานคุณไปส่งฉันที่บ้าน ไม่ทราบว่าวันนี้คุณว่างหรือเปล่าคะ”
“ขอโทษนะครับ พอดีวันนี้ผมมีธุระ”
สายน้ำผึ้งเล่นบทโศกเรียกคะแนนความสงสาร
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะค่ะ ฉันขอโทษนะคะที่ดันมาชวนคุณ โดยไม่ทันคิด”
พิศุทธิ์งงว่าเธอพูดหมายถึงอะไร
“เดี๋ยวครับ...คุณสายน้ำผึ้งพูดอะไรนะครับ ผมไม่เข้าใจ”
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่พูดตรงๆว่าคุณอายที่ไปกับ ผู้หญิงท้องไม่มีพ่ออย่างฉัน”
“เอ่อ...คุณสายน้ำผึ้งครับ....” พิศุทธิ์จะอธิบาย
สายน้ำผึ้งรีบพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกดดันต้องการระบาย ลูบท้องตัวเองด้วยความรัก
“แต่ฉันไม่อายหรอกนะคะ เด็กคนนี้เกิดมาด้วยความรักของฉัน ถึงผู้ชายคนนั้นจะหลอกฉันก็ตาม”
“หลอกคุณ”
“ใช่ค่ะ...เราทำงานที่เดียวกัน แต่ฉันได้เลื่อนตำแหน่งสูงกว่าเขา เขาบอกฉันว่าเขาอายที่เป็นแฟนฉันแท้ๆ แต่กลับเป็นลูกน้องฉัน ฉันเลยให้เขาลาออกแล้วเอาเงินเก็บของฉันเปิดบริษัทให้เขา เขาสัญญาว่าจะหาเงินเพื่อสร้างครอบครัวของเรา แล้ววันนึง...เขาก็ทิ้งฉัน ไปแต่งงานกับผู้หญิงที่รวยกว่า...แล้วฉันก็โดนด่าว่าเป็นเมียน้อย ทั้งๆที่ฉันรักกับเขาก่อนผู้หญิงคนนั้น ฉันโดนผู้คนประนามว่าแย่งสามีคนอื่น ทั้งๆที่ฉันเป็นเมียที่จดทะเบียนสมรส”
พิศุทธิ์ฟังอย่างเข้าใจว่าภูเบศร์หลอกเธอจริงๆ เขารู้สึกเห็นใจ
“คุณสายน้ำผึ้ง...”
“ขอโทษนะคะ ที่ฉันพูดเรื่องไร้สาระให้คุณฟัง ขอตัวก่อนค่ะ”
สายน้ำผึ้งพยายามกลั้นน้ำตาให้ดูเหมือนเป็นคนอ่อนแอ หมุนตัวจะเดินไปแล้วมีอาการหน้ามืด เซไปท้าวโต๊ะของที่โต๊ะหล่น พิศุทธิ์เข้าไปประคอง
“คุณผึ้ง คุณเป็นอะไรไปครับ”
“ฉันหน้ามืดน่ะค่ะ”
“ไปโรงพยาบาลเถอะครับ เดี๋ยวผมพาไป”
สายน้ำผึ้งมองหน้าพิศุทธิ์แล้วแอบยิ้ม มั่นใจว่าเขามีใจสงสารตัวเองแล้ว จึงแกล้งทำเป็นเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอง คุณรีบไปธุระเถอะค่ะ”
พิศุทธิ์ลังเลแต่ดูอาการของสายน้ำผึ้งก็ทิ้งเธอไปไม่ได้
“ไปสายหน่อย ไม่เป็นไรหรอกครับ เพื่อนผมเข้าใจ ไปกันเถอะครับ”

พิศุทธิ์ประคองสายน้ำผึ้งที่มีอาการอ่อนแรงจะเป็นลมไปที่รถ ฟองดาว ชายนี่ ยี่หวา และ พนักงานอีกหลายคนกำลังแยกย้ายขึ้นรถจะกลับบ้าน ต่างเห็นพิศุทธิ์ประคองสายน้ำผึ้งขึ้นรถ ทุกคนพากันชะงักมอง
“เห็นอย่างนี้ เจ๊อยากแย...เขารึยัง” ยี่หวาหันมาหาชายนี่
“ไม่ใช่แค่อยากแย...แต่ตอนนี้ปากคันอย่างกับโดนตำแยเลยล่ะ ว้าย ต้องเม้าท์”
ฟองดาวมองสายน้ำผึ้งแล้วคิดๆว่าดูใสซื่ออย่างหน้าตารึเปล่าหนอ

ในร้านเสื้อ...กะรัตใส่ชุดสวยสง่าจะเดินไปหลังร้าน พนักงานและลูกค้ามองกะรัตอย่างทึ่งความสวย
“คุณกะรัตสวยจังค่ะ”
กะรัตยิ้มอารมณ์ดี
“ก็นัดกับคนพิเศษ จะแต่งตัวธรรมดาได้ยังไง แล้วที่ฉันสั่งพวกเธอ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

กะรัตเดินไปนั่งรอพิศุทธิ์อย่างมีความสุข

สายน้ำผึ้งกับพิศุทธิ์นั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ ระหว่างนั้น ส่งข้อความหากะรัต เพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ
“ผมเคลียร์งานอยู่...อาจจะช้าหน่อยนะครับ”
สายน้ำผึ้งหันไปมองสามีที่ดูแลภรรยาที่ท้องแก่ แล้วมองพ่อแม่ที่เดินมากับลูก เธอหันมาเหลือบมองพิศุทธิ์ด้วยความหวังว่าอยากให้เขาเป็นผู้ชาย ที่ดูแลตัวเอง อยากได้ครอบครัวที่อบอุ่น เหมือนคนอื่นบ้าง พยาบาลเดินออกมาจากห้องตรวจเข้ามาบอก
“เชิญคุณพ่อ คุณแม่เข้าห้องตรวจค่ะ”
พยาบาลเดินนำไปที่ห้องตรวจ สายน้ำผึ้งมองหน้าพิศุทธิ์เก้อๆ เขายิ้มเก้อๆแล้วรีบลุกขึ้น ผายมือให้เธอไปเข้าห้องตรวจ
“คุณพิศุทธิ์ไม่ต้องเข้าไปก็ได้นะคะ”
สายน้ำผึ้งแกล้งเดินเซ พิศุทธิ์รีบพยุง
“ผมเข้าไปด้วยดีกว่าครับ”
พิศุทธิ์ประคองเดินไปห้องตรวจ...กันตาเดินคุยกับเพื่อนหมอ ผ่านที่สายน้ำผึ้งกับพิศุทธิ์เพิ่งเดินไป กันตาชะงักแล้ว หันมามองทางห้องตรวจแต่ไม่เห็นสายน้ำผึ้งกับพิศุทธิ์แล้ว
“มีอะไรเหรอก้อย” หมอถามอย่างสงสัย
“เหมือนเห็นคนรู้จัก แต่ไม่น่าใช่...”
กันตาหยิบมือถือโทรหากะรัต

กะรัตเดินไปเดินภายในร้าน พลางชะเง้อมองออกไปนอกร้าน รอพิศุทธิ์ด้วยอารมณ์กึ่งๆหงุดหงิดที่เขายังไม่มาสักที เสียงมือถือดังขึ้น กะรัตกดรับสาย
“ว่ายังไงยายก้อย วันนี้คุณพิศุทธิ์มีนัดกับพี่ ตอนนี้เขาเคลียร์งานอยู่ที่บริษัท เดี๋ยวก็มา...มีอะไรเหรอ”
กันตายืนคุยมือถือแถวหน้าห้องตรวจ
“ไม่มีอะไรหรอก...ก้อยโทรมาถามสถานการณ์ความรักพี่เฉยๆ แค่นี้นะพี่กั้ง ก้อยไปทำงานก่อน”
กันตากดวางสายแล้วมองไปทางหน้าห้องตรวจแล้วลังเลว่าที่ตัวเองเห็นแว๊บๆนั้นใช่ไหม สุดท้ายเธอคิดว่าตัวเองคิดมากไปเอง พิศุทธิ์จะมากับสายน้ำผึ้งได้ยังไง

กะรัตเบื่อที่จะรอ จึงตัดสินใจไปหยิบกระเป๋าตัวเอง พนักงานเห็นก็ถาม
“คุณกั้งจะไปไหนคะ”
กะรัตไม่ตอบเดินออกจากร้านเพื่อจะไปหาพิศุทธิ์ที่บริษัท

พยาบาลเปิดประตูห้องตรวจให้พิศุทธิ ประคองสายน้ำผึ้งเดินออกมา
“คุณแม่อย่าลืมที่คุณหมอสั่งนะคะ ต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้ แล้วอย่าลืมทานยา” พยาบาลหันไปทางพิศุทธิ์ “ฝากคุณพ่อดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ”
สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์แล้วยิ้มเก้อๆ จะหันไปพูดแก้กับพยาบาล
“คุณพิศุทธิ์ไม่ใช่...”
พิศุทธิ์เหลือบมองนาฬิกาว่าใช้เวลานานแล้ว จึงรีบพูดกับพยาบาลให้จบเรื่อง
“ได้ครับ”
สายน้ำผึ้งหันมองพิศุทธิ์ที่เออออว่าเป็นสามีตัวเองโดยไม่ปฏิเสธ แอบยิ้มว่าความสงสารทำให้เขาเปิดใจให้ตัวเองแล้ว พยาบาลผายมือ
“เชิญรับยาทางด้านโน้นนะคะ”
พิศุทธิ์รีบประคองสายน้ำผึ้งเดินไปทางห้องรับยา

กะรัตขับมาจอดหน้าบริษัท ยามยืนอยู่หน้าบริษัทรีบเข้ามาถาม
“มาแผนกไหนครับ ขอเชิญไปแลกบัตรก่อน”
“ฉันมาหา ม.ร.ว พิศุทธิ์ คงไม่ต้องแลกบัตรหรอกมั้ง”
กะรัตลงจากรถ จะเดินเข้าบริษัท ยามรีบห้าม
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณพิศุทธิ์กลับไปแล้วครับ”
“อะไรนะ” กะรัตชะงัก

พิศุทธิ์เดินจากโรงพยาบาลพร้อมสายน้ำผึ้ง เขามองนาฬิกาอย่างร้อนใจ สายน้ำผึ้งมอง อาการของเขา
“คุณพิศุทธิ์รีบไปธุระต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันกลับรถเมล์เอง”
“จะดีเหรอครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพิศุทธิ์ช่วยฉันมามากแล้ว ฉันกลับก่อนนะคะ”
สายน้ำผึ้งเดินอุ้ยอ้ายเพราะท้องแก่ ไปทางป้ายรถเมล์หน้าโรงพยาบาล

สายน้ำผึ้งยืนรอรถเมล์รวมกับกลุ่มคนมากมายที่รอแย่งกันขึ้นรถเมล์อยู่ เธอรู้สึกว่าขึ้นรถเมล์ไม่ไหว จึงไปโบกเรียกแท็กซี่ แต่ไม่มีแท็กซี่คันไหนว่างเลย พิศุทธิ์เดินตามมาเพราะอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไปกับผมเถอะครับ”
สายน้ำผึ้งหันหลังกลับมามองพิศุทธิ์ด้วยความดีใจ
“คุณพิศุทธิ์”
พิศุทธิ์ขอกระเป๋าของเธอเพื่อถือให้ สายน้ำผึ้งส่งกระเป๋าให้ เขาให้เธอเดินนำไปก่อน เธอเหลือบมองแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

กะรัตกลับเข้ามาในร้าน หวังว่าพิศุทธิ์จะมาถึงร้านแล้ว แต่ไม่เห็น เธอหงุดหงิดมาก
“ยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย ไหนยามบอกว่าออกจากบริษัทแล้วไง อยู่ไหนเนี่ย หรือว่าแอบไปกับใคร…”
กะรัตหยิบมือถือจะกดหาแล้วชะงัก กลัวว่าพิศุทธิ์จะโกรธหาว่าไม่ไว้ใจ จำใจกดวางโทรศัพท์

พิศุทธิ์พยุงสายน้ำผึ้งมาส่งให้รสสุคนธ์
“น้าต้องขอบคุณคุณมากนะคะที่มาส่งผึ้ง ถ้าไม่ได้คุณยัยผึ้งคงแย่”
“คุณพิศุทธิ์เขาใจดีกับผึ้งมากเลยจ๊ะน้ารส เมื่อวานก็มาส่งผึ้ง วันนี้ผึ้งก็ต้องกวนคุณอีก ผึ้งขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ คุณผึ้งพักผ่อนเยอะๆนะครับ”
พิศุทธิ์ยกมือไหว้รสสุคนธ์แล้วออกไป สายน้ำผึ้งยิ้มหน้าบาน รสสุคนธ์มองๆ
“ยิ้มอะไรผึ้ง”
“ก็ยิ้มกับความสุขที่กำลังจะมากองตรงหน้าเราไงคะ ผึ้งพาหลานเขยในอนาคตมาให้หน้ารสดูตัว ม.ร.ว.พิศุทธิ์ ศักดิ์โกศล คนระดับนี้เท่านั้นที่จะคู่ควรกับคนอย่างผึ้ง”
รสสุคนธ์ถอนใจ
“อย่าเพิ่งฝันไปเลยผึ้งเอ้ย ที่เขาดีกับเราเพราะว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นอย่างที่ผึ้งคิดกับเขา”
“แต่ผึ้งเชื่อว่า...ผึ้งไม่ได้แค่ฝัน น้ารสคอยดูแล้วกัน ผึ้งดูอาการคนไม่ผิดหรอก”

สายน้ำผึ้งมองไปทางประตูที่พิศุทธิ์เดินออกไป อย่างเข้าข้างตัวเองว่าเขารู้สึกดีด้วยแล้ว รสสุครธ์มองหลานสาวอย่างหนักใจ

สามีตีตรา ตอนที่ 4 (ต่อ)

พิศุทธิ์มาถึงร้านกะรัตค่ำมากแล้ว กะรัตยังรออยู่
“ขอโทษที่มาเลทนะครับ พอดีผมต้องแวะไปส่งเพื่อนที่ทำงาน เขาป่วยแล้วก็กำลัง
ลำบากมาก”
กะรัตเห็นสายตาที่รู้สึกผิดของเขา จากที่ตั้งท่าจะเอาเรื่องก็เลยอ่อนลง แต่ยังแกล้งกระเง้ากระงอด
“ทีหลังถ้ามาช้าแบบนี้ กั้งโกรธจริงๆด้วย”
พิศุทธิ์เห็นท่าทีกะรัตก็รู้ว่าเธอหายโกรธแล้ว
“ขอบคุณนะครับ”
กะรัตที่วางแผนเซอร์ไพร้ส์พิศุทธิ์ไว้แล้ว เข้าไปปิดตา
“จะแกล้งอะไรผมอีกเนี่ย”
กะรัตไม่พูด แต่พาเขาเดินมาจนใกล้ราวเสื้อที่แขวนอยู่เต็มราว
“เซอร์ไพร้ส์...”
กะรัตเปิดตา พิศุทธิ์ลืมตา แล้วยืนอึ้งกับเสื้อผ้าผู้ชายเต็มราว
“นี่มันอะไรกันครับ คุณจับผมปิดตา เพื่อจะมาดูเสื้อผ้านี่น่ะเหรอ”
“แน่นอนค่ะ...เพราะเสื้อผ้าทั้งราวเนี่ยเป็นของคุณทั้งหมด”
“นี่...” พิศุทธิ์งง พูดไม่ถูก
“ไม่ต้องอึ้งค่ะ คุณเป็นคนที่กั้งรักแล้วกั้งก็เป็นเจ้าของห้องเสื้อ น้อยกว่านี้ก็แย่สิคะ”
พิศุทธิ์แกล้งทำหน้าขรึมใส่
“ไหนคุณบอกว่าชอบที่ผมเป็นผมไง”
กะรัตตกใจ ร้อนตัว
“กั้งชอบคุณจริงๆนะ ที่กั้งทำแบบนี้ กั้งแค่อยากให้คุณดูดีเท่านั้นเอง กั้งไม่ได้คิดจะเปลี่ยนคุณ คุณไม่ชอบใช่มั้ย ไม่ต้องเอาไปก็ได้ กั้งจะไม่เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้คุณเห็นอีก”
พิศุทธิ์ขำๆท่าทางของเธอ กะรัตเลยรู้ว่าถูกล้อ
“นี่...แกล้งกันใช่มั้ย ร้ายนักนะ”
กะรัตแกล้งค้อนงอน พิศุทธิ์ยิ้มรู้สึกสดชื่นเมื่อได้อยู่กับผู้หญิงมีชีวิตชีวาแบบกะรัต

กะรัตกับพิศุทธิ์จูงมือกันมาที่หน้าโรงหนัง ยืนดูโปรแกรมหนังแนว csi-fi กับหนังรักโรแมนติก พิศุทธ์ให้เธอเลือก กะรัตลังเล ใจอยากดูหนังโรแมนติกแต่ด้วยความอยากเอาใจเขาเลยชี้ไปที่หนัง csi-fi พิศุทธ์ยิ้มรู้ทันเลยตัดสินใจยังไม่ดูพากะรัตเดินออกไป
ในซูเปอร์มาร์เก็ต...พิศุทธิ์หยิบผลไม้แปรรูปต่างๆขึ้นมอง อ่านสลากอย่างละเอียด กะรัตที่ชีวิตแทบไม่เคยเข้าซูเปอร์ เดินมองทุกอย่างที่เรียงรายตรงหน้าอย่างมึนๆ
ในร้านอาหาร กะรัตยิ้ม มองพิศุทธิ์แววตาอบอุ่น กะรัตอาหารป้อนพิศุทธิ์…นอกร้านคุณนายศจีเพื่อนพวงหยกเดินมากับคุณนายรำภาเห็นทั้งคู่พอดี
“ต๊าย นั่นมันหนูกะรัต ลูกคุณพวงหยกนี่ ผัวตายไม่ทันไรควงคนใหม่ออกอากาศแล้วเหรอเนี่ย” คุณนายศจีตื่นเต้น
คุณรำภามองๆ
“แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือผู้ชายที่ควงมาเป็นลูกชายของยัยเนื้อแพร คู่แค้นร่วมสามีของคุณพวงหยกน่ะสิคะคุณพี่”
“อุ๊ยตาย...อุ๊ยตาย ช็อตเด็ดแบบนี้ ปล่อยให้คุณพวงหยกพลาดไม่ได้ ไม่งั้นนางจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง”

งานเปิดตัวกลุ่มครอบครัวสีขาว....พวงหยกตัดริบบิ้นเปิดตัวกลุ่มสตรีก้าวหน้าทุกคนในงานปรบมือ คุณนายเจ้าของงานประกาศ
“ต้องขอบคุณคุณพวงหยกมากนะคะที่มาเป็นเกียรติเปิดงานให้กับกลุ่มครอบครัวสีขาวของเรา”
พวงหยกยิ้มแย้ม
“ด้วยความยินดีค่ะ เพราะดิฉันเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเราเป็นส่วนสำคัญที่จะรักษาครอบครัวของเราให้สะอาดปราศจากพวกริ้นไรที่คอยมาตอมผัวตอมลูกของพวกเรา”
โทรศัพท์พวงหยกดังขึ้น
“สักครู่นะคะ”
พวงหยกเปิดโทรศัพท์ดู เป็นชื่อของคุณนายศจี
“ว่ายังไงคะคุณศจี แหมเสียดาย วันนี้ไม่ได้เจอคุณศจีที่งาน”
“ไม่ต้องเสียดายหรอกค่ะ เพราะถ้าเราเจอกัน คุณพวงหยกคงจะพลาดข่าวเด็ด”
“ข่าวอะไรเหรอคะ”
“ก็หนูกะรัตน่ะสิคะอีอ๋ออยู่กับพ่อพิศุทธิ์ลูกชายคนเดียวของคุณเนื้อแพร”
“อะไรนะ”
“เนี้ยดูสวีทหวานแหววมากเลยล่ะค่ะ ดิฉันไม่ยักรู้ว่าคุณพวงหยกไฟเขียวให้กับคนบ้านนั้นแล้ว”
พวงหยกวางสายมึน พูดกับตัวเอง
“ลูกนังเนื้อแพร เป็นไปได้ยังไง ไปคบกันตอนใหน กะรัตนังลูกไม่รักดี”
พวงหยกกำโทรศัพท์มือสั่น

เสียงโทรศัพท์ดัง กะรัตเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอขึ้นว่าแม่ กะรัตเซ็งๆ
“มีอะไรเหรอครับ”
“แม่โทรมาคะค่ะ”
“ไม่รับเหรอ”
“ไม่ค่ะ...ขี้เกียจตอบคำถาม ช่างเถอะค่ะ”
บริกรเดินมาเช็คบิลล์พอดี พิศุทธิ์จัดการจ่ายค่าอาหาร กะรัตแอบมองโทรศัพท์

พวงหยกที่แอบมาอยู่มุมหนึ่งในงาน กำลังถือหูโทรศัพท์อยู่ด้วยความเดือดดาล
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องขึ้นพูดเปิดงาน แม่จะเผ่นกลับกรุงเทพไปเฉ่งให้รู้ดำรู้แดง...เฮ้ย...นังลูกบ้า...”
พวงหยกโกรธมองโทรศัพท์ ตัดสินใจ ยกโทรศัพท์กดเบอร์เนื้อแพร

เนื้อแพรนั่งเล่นอ่านนิตยสารอยู่ที่บ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบมาดูเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ แต่ก็กดรับ เสียงพวงหยกกระแทกเข้าหูมา
“แกคิดจะเคลมทั้งผัวทั้งลูกฉันเลยรึไง นังเนื้อแพร”
“คุณเป็นใคร” เนื้อแพรแปลกใจ
“จำเสียงฉันไม่ได้หรือไง คนที่แกอยากใช้ผัวร่วมกับฉันไง”
“คุณพวงหยก” เนื้อแพรชะงัก
“แหม...พอพูดเรื่องนี้ฉลาดขึ้นมาเลยนะ”
“มีคุณคนเดียวละที่คิดแต่เรื่องแบบนี้”
“ใครกันแน่ที่คิดแต่เรื่องต่ำๆ แผนสูงนักนะแก ใช้ตัวเข้าแลกกับผัวฉันไม่พอ ยังจะซ้อนแผนให้ลูกชายแกตกถังข้าวสารอีกคนหรือไง”
“คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“เล่นบทหน้าโง่เก่งเหลือเกินนะ ฉันจะไม่ยอมให้ยัยกั้งเสียค่าโง่กับลูกชายแกเด็ดขาด เป็นตายยังไงนายพิศุทธิ์ก็ไม่มีวันได้แอ้มยัยกั้ง จำใส่กะโหลกไว้”
พวงหยกโวยวายเสร็จก็ตัดสายไป เนื้อแพรยังงงๆ

พิศุทธิ์กับกะรัตขึ้นรถไปด้วยกัน โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น พิศุทธิ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นเบอร์เนื้อแพร
“แม่ผม”
กะรัตตกใจตาโต ส่ายหน้า
“ผมต้องรับสาย เราไม่ควรจะหนีอีกแล้ว”
“แต่ว่า...”
“ผมไม่เคยมีความลับกับแม่...ที่สำคัญผมอยากให้เกียรติคุณ”
“คุณพิศุทธิ์...” กะรัตฟังอย่างปลื้มใจ
“ผมคิดมาตลอดว่าถ้าเราคิดจะคบกันจริงๆจังๆ เราก็ควรให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ ทั้งฝ่ายผมและที่บ้านของคุณ ถึงเวลาที่คุณกับผมต้องเผชิญความจริงกันแล้ว”
“แต่กั้งไม่ได้เตรียมตัวเลย”
“อย่ากังวลเลยครับ แม่ผมเป็นคนมีเหตุผล ถ้าท่านรู้ว่าเราจริงใจที่จะคบกัน ท่านคงไม่ใจร้ายกับเราหรอก”
พิศุทธ์บีบมือให้มั่นใจ กะรัตจนใจยอมพยักหน้าไป เขาจึงกดรับสาย
“ครับแม่”
“ชายอยู่ไหนลูก”
“แม่ครับ ผมจะกลับไปทานข้าวเย็นกับแม่ ผมจะพาเพื่อนไปด้วย รอผมทานข้าวนะครับแม่ แค่นี้ก่อนนะครับแม่”
“เดี๋ยว...ชาย”

พิศุทธิ์วางสาย กะรัตหน้าตากังวล พิศุทธิ์มองเธออย่างเอ็นดู เขาไม่รู้หรอกว่าจะผ่านด่านแม่ได้มั้ย แต่ตอนนี้ถึงเวลาลุย

พิศุทธิ์เดินเข้าบ้านมา เนื้อแพรนั่งรออยู่
“ชาย คุณพวงหยกโทร มาหาแม่”
เนื้อแพรพูดไม่ทันจบ พิศุทธิ์ก็สวนขึ้น
“แม่ครับ ผมมีคนอยากให้แม่พบ”
เนื้อแพรแปลกใจ
“เข้ามาเถอะครับ”
กะรัตเข้ามายกมือไหว้เนื้อแพร
“สวัสดีค่ะ”
“กะรัต” เนื้อแพรตกใจมากที่เห็นกะรัต
“ผมพาคุณกั้งมาหาแม่วันนี้ เพื่อจะบอกแม่ว่าตอนนี้...”
พิศุทธ์กำลังจะพูดต่อ แต่เนื้อแพรชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“ลูกบอกว่าจะพาเพื่อนมาบ้าน แม่ไม่ยักรู้ว่าลูกกับกะรัตยังเป็นเพื่อนกันอยู่”
กะรัตรับการต่อต้านจากเนื้อแพรเต็มๆ พิศุทธ์ส่งสายตาให้กำลังใจ ตัดสินใจยังไม่เข้าประเด็นเรื่อง พยายามเปลี่ยนเป็นพูดเรื่องอื่นเพื่อทำบรรยากาศให้ดีขึ้น
“กั้งเขาซื้ออาหารมาเพิ่ม มื้อนี้กั้งเขาขอแสดงฝีมือนะครับแม่”
กะรัตพยายามยิ้มสู้ เนื้อแพรพูดตัดบท
“คุณกลับไปเถอะ”
กะรัตหน้าเสียลงทันที
“คุณแม่...” พิศุทธิ์จะแย้ง
“ไม่เป็นค่ะ” บอกพิศุทธิ์แล้ว หันไปพูดกับเนื้อแพร “ฉันรู้ว่าระหว่างเรา เริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าคุณเป็นฉัน คุณก็คงทำไม่ต่างจากฉันหรอก แต่ตอนนี้ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนไปแล้ว ขอโอกาสให้ได้พิสูจน์ว่าฉันสามารถเปลี่ยนตัวเองได้เพื่อลูกชายคุณ”
“คุณกลับไปเถอะ”
ขาดคำเนื้อแพรเดินเข้าครัวไป พิศุทธิ์มองกะรัต เธอยิ้มว่าตัวเองไม่เป็นไร แล้วจะสู้ต่อ กะรัตเดินตามเนื้อแพรเข้าครัว

กะรัตเดินตามเนื้อแพรมาที่ครัว พยายามเข้าไปช่วย
“กั้งเอาผักนี่ไปล้างนะคะ”
เนื้อแพรไม่ตอบ แต่ดันผักทั้งถุงที่กะรัตซื้อมาห่างออกไป ก่อนเดินไปที่ตะกร้าผักที่หั่นเตรียมไว้แล้ว
“กั้งช่วยค่ะ”
กะรัตจะคว้าตะกร้าผัก แต่ไม่ทัน เนื้อแพรฉวยไปก่อน แล้วหยิบผักที่หั่นแล้วใส่ลงในหม้อต้มน้ำกระดูกหมู
“กั้งหยิบชามให้นะคะ”
กะรัตหันมองหาตู้ชาม เนื้อแพรที่หมดความอดทน วางตะกร้าผักลง
“คุณกำลังทำอะไรคะคุณกะรัต คุณมายุ่งกับพิศุทธิ์ทำไม”
“ฉัน...”
“ฉันคิดว่าฉันพูดกับคุณไปชัดเจนแล้วซะอีก”
“แต่เราก็แค่พยายามศึกษากัน มันไม่น่าจะมีอะไรเสียหายนี่คะ”
“แสดงว่าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพยายามบอกคุณ นอกจากจะไม่เข้าใจ คุณยังฝืนจะเอาชนะ ฉันบอกตามตรงว่าฉันไม่สบายใจที่เห็นคุณจะมายุ่งกับพิศุทธ์ เพราะฉันเองก็พอจะรู้จักนิสัยคุณอยู่บ้าง”
“แต่ฉันเชื่อว่าฉันเปลี่ยนตัวเองได้…”
“แต่ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะเปลี่ยนได้ และนั้นก็ทำให้ ฉันเชื่อว่าคุณไม่มีวันจริงจังกับพิศุทธ์”
“ฉันจริง...” กะรัตจะพูดว่าจริงใจ
เนื้อแพรสวน
“ก่อนที่คุณจะพูดอะไรออกไป ฉันอยากให้คุณตั้งสติแล้วตัดคำว่าอยากได้แล้ว ต้องได้ออกไป แล้วลองถามใจตัวเองว่าคุณอยากคบพิศุทธ์จริงๆ หรือเปล่า”
“ฉันจริงใจต่อคุณพิศุทธ์ ฉันไม่คิดจะคบเขาแค่ฉาบฉวย”
“แล้วคุณแม่คุณยอมมั้ย”
“ยังไงแม่ก็ต้องยอมรับคนที่ฉันรัก”
“คุณพูดอย่างกับไม่รู้จักแม่ของคุณ ฉันโดนใครต่อใครตราหน้าต่อว่าเสียๆหายๆยังไง ฉันรับได้ แต่ถ้าใครมาว่าเขาจะมาจับผู้หญิงรวยๆอย่างคุณ ฉันยอมไม่ได้”
“แต่ฉันรักคุณพิศุทธิ์จริงๆนะคะ”
“คุณก็คงคิดอย่างนี้กับทุกคนที่แล้วมา...จริงมั้ย”
“คุณพิศุทธิ์ไม่เหมือนผู้ชายเลวๆพวกนั้น เขาดีกว่าทุกๆคนที่ฉันเคยเจอมา”
“คุณอยากได้คนดีๆ เพียงแค่คุณยังไม่เคยได้ คุณทำอย่างกับเขาเป็นของสะสมของคุณงั้นละ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฉันรู้ว่าฉันผ่านอะไรมามาก แต่ฉันก็อยากจะแก้ตัวกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
“เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงห่วง ฉันไม่ได้มองว่าพิศุทธ์ดีวิเศษไปกว่าผู้ชายคนอื่น แต่พิศุทธ์ เขาไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องนี้เท่าคุณ เขาเป็นคนใจดี เขาไม่มีภูมิคุ้มกันในเรื่องแบบนี้ แล้วอีกอย่าง อย่าหาว่าฉันงมงายเลยนะ สามีคุณแต่ละคนก็ตายกระทันหันทั้งนั้น ฉันกลัวพิศุทธ์จะอายุสั้นเพราะคุณ”
กะรัตถึงกับอึ้งกับคำพูดตรงและแรงของเนื้อแพร ทำเอาเธอถึงกับไปต่อไม่ถูก

กะรัตยังนิ่งงันหลังจากถูกเนื้อแพรเชือดเฉือนเอาแรงๆ
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อฉันเปลี่ยนอดีตตัวเองไม่ได้”
“เมื่อเปลี่ยนอดีตตัวเองไม่ได้ ก็อย่ามาทำลายอนาคตของพิศุทธิ์ ฉันไม่ได้หวัง ผู้หญิงที่เลิศเลอเพอร์เฟ็คท์ อะไรมากมาย ขอแค่คนที่จะไม่ทำให้เขาต้องโดนหัวเราะเยาะลับหลัง ว่าเป็นแค่ของเล่นคลายเหงาของคุณ”
“แต่ฉันไม่ได้...”
เนื้อแพรพูดเน้นๆชัดๆ
“คุณคงรู้ดีว่าการแต่งงานที่ล้มเหลว มันสร้างบาดแผลให้ชีวิตยังไง”
เนื้อแพรพูดออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บกับอดีตที่ล้มเหลวของตัวเองเช่นกัน
“อย่าหยิบยื่นบาดแผลนั้นให้คนดีๆ อย่างพิศุทธิ์เลยนะ ฉันขอร้อง”
กะรัตรู้สึกชาวืดไปทั้งตัว ลำคอตีบตื้อ ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก พิศุทธิ์ก้าวเข้ามาในห้องครัว เห็นท่าทีที่ทั้งสองคนมีต่อกันก็รู้สึกว่าต้องมีอะไรไม่ปกติ
“แม่ครับ...”
เนื้อแพรนิ่ง รอดูว่ากะรัตจะทำยังไงต่อไป พิศุทธิ์เดินเข้ามาจะจับมือกะรัต เขาแตะโดนมือเธอนิดเดียว เธอฝืนดึงมือออกอย่างเจ็บปวด รู้สึกอยู่ในใจว่าตัวเองสกปรกเกินไปสำหรับเขา แต่ใบหน้ากลับฝืนยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่านะคะ ฉันรบกวนคุณนานเกินไปแล้ว”
พิศุทธิ์ชะงัก
“กั้ง...แม่พูดอะไรกับกั้ง”
“เปล่า ฉันปวดหัว สงสัยเครียดเรื่องงาน ลานะคะ”
กะรัตยกมือไหว้เนื้อแพร รีบเดินออกไปทันที
“กั้ง...กั้ง...”
พิศุทธิ์ตามกะรัตไป เนื้อแพรพยายามนิ่งสะกดความรู้สึกผิดเอาไว้

กะรัตวิ่งมาที่รถ พิศุทธิ์ตามมาดึงประตูห้ามไว้
“เดี๋ยว กั้ง แม่พูดอะไรกับคุณ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร”
พิศุทธิ์ดึงแขนกะรัตให้หันหน้ามาคุยกัน
“ผมไม่เชื่อ”
กะรัตมองพิศุทธิ์ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเพราะคำพูดเนื้อแพรนั้นเป็นความจริง และเธอก็รักเขามากจน ไม่อยากทำร้ายเขาอย่างที่เนื้อแพรบอก เธอตัดสินใจตวาด
“เลิกเซ้าซี้สักทีได้ไหม คุณอยากรู้ใช่ไหม...ได้ แม่คุณบอกว่าฉันทนคุณไม่ได้นานหรอก ผู้ชายอย่างคุณมันน่าเบื่อ จืดชืด ไม่หวือหวา อย่างที่ฉันชอบ แล้วฉันก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง”
“กั้ง…” พิศุทธิ์อึ้ง
“คุณรู้ไหมว่าฉันอยู่กับคุณ ฉันต้องทำตัวแอ๊บแบ๊ว ไม่มีความเป็นตัวเองเลย บอกตรงๆว่าฉันอึดอัด และที่สำคัญ...คนอย่างกะรัตมีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะมายืนให้ เมียน้อยของพ่อมาด่าอย่างนี้”
พิศุทธิ์โกรธที่กะรัตพูดดูถูกเนื้อแพร
“กะรัต”
กะรัตเงยมองหน้าพิศุทธิ์ รู้สึกใจหายที่จะต้องตัดพิศุทธิ์จากชีวิต เธอกลัวว่าจะร้องไห้ออกมา เธอตัดสินใจขึ้นรถแล้วกดล็อก พิศุทธิ์พยายามเปิดประตู
“กั้ง...กั้ง...มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
กะรัตที่นั่งในรถพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาที่กลั้นอยู่ไหลออกมา เธอสตาร์ทเครื่องแล้วตัดใจขับรถ ออกไป พิศุทธิ์ยืนมองตามนิ่งเหมือนถูกตรึง

พิศุทธิ์เดินเข้าบ้านมาเร็วๆ หยุดมองแม่ที่ยืนหันหลังให้
“แม่ครับ ผมไม่เชื่อว่ากั้งจะคิดอย่างที่กั้งพูดกับผม แม่พูดอะไรกับกั้งกันแน่”
“แม่พูดทุกคำ ทำทุกอย่างด้วยความหวังดีที่มีต่อลูก อย่าปล่อยให้เขาเอาความน่าสงสารมาทำให้ลูกติดบ่วง...ถ้าลูกเชื่อในความรักของแม่ ก็ขอให้เชื่อว่าสิ่งที่แม่ทำไป มันคือสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด”

เนื้อแพรพูดจบ เดินกลับขึ้นข้างบนไป ปล่อยให้พิศุทธิ์ยืนมึน จับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่คนเดียว

พวงหยกกระแทกลงนั่งหน้าเหวี่ยงเตรียมเฉ่งลูกสาวคนกลางเต็มที่ กันตา กุนตี และนวล นั่งเป็นจำเลยอยู่
“ป่านนี้ยังไม่เห็นหัว นังกั้งนะนังกั้ง นังลูกไม่รักดี ผู้ชายมันหมดโลกแล้วหรือไง ถึงต้องไปคว้าลูกชายนังดาราเหม็นเน่านั่นมาควง”
“แต่หนูว่าพี่กั้งโชคดีต่างหากที่ได้เจอผู้ชายคนนี้” กันตาแย้ง
“แกเงียบไปเลยนังก้อย นี่ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกแก ที่รู้เห็นเป็นใจ รวมหัวกันปกปิดฉัน ยังจะมีหน้ามาหนุนหลังนังกั้งอีกเหรอ”
กะรัตเดินกลับเข้าบ้านมา หอบเอาความผิดหวังเสียใจเข้ามาเต็มสีหน้า นวลหันไปมอง
“คุณกั้ง”
พวงหยกหันขวับ ลุกพรวดกะเข้าเปิดศึก กะรัตกำลังเสียใจ เห็นแม่ก็รู้ว่าจะโดนเล่นงาน เลยจะเดินเลี่ยงขึ้นข้างบน
“แกจะไปไหน หนอย...แอบไปเสพอาจมกับลูกนังเนื้อแพรนั้นแล้วจะหนีหน้าฉันง่ายๆงั้นเหรอ ถ้าเพื่อนฉันไม่โทร.มาบอก แม่แกคนนี้คงเป็นควายให้นังเนื้อแพรมันหัวเราะเยาะเล่น ผัวเก่ายังไปไม่ถึงนรก แกก็แล่นไปหาเหาใส่หัวอีก จะครองตัวเป็นโสดให้ฉันพักหูจาก เสียงครหาบ้าง มันจะอัดอั้นใจตายรึไง…”
พวงหยกอ้าปากจะด่าต่อ กะรัตกดดันมาก ตะโกนออกมา
“กั้งเลิกกับเขาแล้ว ทีนี้แม่พอใจรึยัง”
กุนตีกับกันตาตกใจ พวงหยกจ้องหน้า
“เลิก นี่แปลว่าแกแอบไปคบหากับมันมาจริงๆ แกไม่มีปัญญาหาผู้ชายดีๆแล้วหรือไง แกถึงต้องไปยุ่งกับลูกนังเนื้อไพร่นั่น”
กะรัตตะโกนออกมาบ้าง
“ก็กั้งบอกแม่แล้วไงว่ากั้งกับเขาจบกันแล้ว”
“แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ”
เสียงรถของกฤชเข้ามา กันตาได้ยินหันไปสั่งนวล
“รีบไปตามคุณพ่อมาเร็ว”
“ค่ะ” นวลรีบวิ่งออกไป

นวลวิ่งตื๋อออกมา จังหวะที่กฤชกลับเข้าบ้านมาพอดี นวลรีบถลาเข้าไปหา
“คุณผู้ชาย...คุณผู้ชายมาทันเวลาพอดี เร็วค่ะ ตอนนี้ ระเบิดกำลังถล่มลงมาเป็นห่าฝน คุณผู้ชายรีบเข้าไปห้ามทัพหน่อยเถอะค่ะ”
กฤชตกใจวิ่งตามนวลเข้าไป

พวงหยกยังเล่นงานกะรัต
“แค่พ่อแกโง่คนเดียวฉันก็ตามล้างตามเช็ดไม่หวาดไม่ไหว นี่ยังจะแกอีกคนโง่ให้ลูกชายมันหลอกเอาได้ แกอยากเห็นฉันตายนักรึไงหา”
กุนตีเข้าห้าม
“แม่ใจเย็นก่อนเถอะค่ะ”
“เย็นไม่ไหวแล้ว น้องแกมันจะเอาชื่อเสียงฉันไปขายทอดตลาด ใครจะไปเย็นไหว แกจะมีผัวกี่คนๆ ฉันไม่เคยว่า แต่ทำไม ทำไมแกถึงต้องไปยุ่งกับลูกนังโสเภณีนั่น แกจะขาดผู้ชายไม่ได้เลยหรือไง”
กันตาเข้าไปอยู่ข้างๆกะรัต กฤชตามด้วยนวลเดินลิ่วเข้าบ้านมา
“แม่เอาแต่ด่าโดยไม่ถามสักคำว่ากั้งไปเจออะไรมาบ้าง ผู้หญิงสามผัวอย่างกั้งไม่มีใครเขามาสนใจหรอก กั้งโดนเขาไล่ออกจากบ้านมา ได้ยินชัดหรือยัง”
กฤชที่ยืนฟังอยู่ เครียดทันทีที่รู้ว่าเรื่องเกี่ยวพันกับเนื้อแพร
“สมน้ำหน้า แกมันรนหาที่เอง แกก็รู้ว่ามันจ้องจะทำลายครอบครัวเราอยู่แล้ว ยังจะแส่ไปยุ่งกับลูกของมัน ป่านนี้มันคงหัวเราะจนฟันร่วง ที่แกเสนอหน้าไปให้มันเล่นงานถึงที่”
พวงหยกสะใจ กฤชเข้ามาปราม
“คุณ...พอเถอะน่ะ แค่นี้ยัยกั้งก็เสียใจมากอยู่แล้ว”
“คุณนะแหละตัวดี...เงียบไปเลย” พวงหยกตวาด
“แม่ก็ห่วงแต่ตัวเอง คิดถึงแต่ตัวเอง เคยมองเห็นความทุกข์ของกั้งบ้างมั้ย เคยมั้ย”
กะรัตร้องตะโกนออกมาทั้งน้ำตา สะบัดกันตาออกแล้ววิ่งขึ้นห้องไป กุนตีมองหน้าแม่ที่ห่วงแต่ตัวเอง
“พอใจหรือยังคะแม่ ที่ลุกขึ้นมารักษาหน้าตัวเองด้วยการทำร้ายยัยกั้งมันแบบนี้”
กุนตีกับกันตาเดินขึ้นห้องไป พวงหยกที่ยังระบายความโกรธไม่หมด หันมาหาสามี กฤชที่ยังไม่พร้อมจะต่อปากต่อคำ เดินหนีไปอีกทาง พวงหยกยืนหอบ เจ็บใจการกระทำของกะรัตมาก
“เป็นบ้าอะไรกันไปหมด คนบ้านนี้”

กะรัตปิดประตูปัง แล้วถลาไปที่เตียง ฟุบหน้าร้องไห้กับความไร้ค่าของตัวเองเสียงมือถือที่กระเด็นออกมานอกกระเป๋าดังขึ้น กะรัตหันไปมอง ทันทีที่เห็นรูปพิศุทธิ์อยู่ที่หน้าจอก็ยิ่งเศร้า ฟุบลงร้องไห้สั่นสะท้านอยู่ตรงนั้น

ค่ำคืนนั้น กะรัตในชุดนอนนั่งฟุบหน้าอยู่ข้างเตียง ขวดเหล้าแก้วเหล้ากลิ้งอยู่ใกล้ๆสภาพของเธอ ผมเผ้ายุ่ง หน้าตาซีดเซียวดูไม่จืด

สายน้ำผึ้งนั่งที่ขอบเตียงยกนามบัตรพิศุทธิ์ขึ้นมอง นึกครึ้มใจ หยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรหากะรัต...มือถือกะรัตดัง เธอสะลืมสะลือควานหามือถือเปะปะแล้วหยิบมากดรับไปแบบไม่ค่อยรู้เรื่องเสียงอ้อแอ้
“ฮัลโหล ใคร”
สายน้ำผึ้งได้ยินเสียงแบบนั้น ก็รู้ทันทีว่ากะรัตกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
“ฉันเอง เพื่อนรักของเธอไง”
กะรัตยังมึนๆแล้วจำได้เสียงได้ แทบหายเมา
“ผึ้ง แกโทรมาทำไม”
“ก็จะโทรมาบอกข่าวดีให้เพื่อนรู้ไงจ้ะ”
“ข่าวดีบ้าอย่างเดียวที่ฉันอยากฟังจากแก คือชีวิตแกต้องทรมาน”
“แหม...แต่มันช่างตรงกันข้ามน่ะสิกั้ง ชีวิตฉันมันกำลังดีขึ้นเรื่อยได้งานใหม่...และเจอใครคนนึงที่รักฉันจากใจ ไม่ใช่รักที่เงิน เหมือนผู้ชายที่เธอเคยเจอ” สายน้ำผึ้งหัวเราะเยาะ
“ก็คงจะเป็นผู้ชายแก่คราวพ่อ หายใจรวยรินแต่ยังไม่สิ้นกลิ่นตัณหา”
“เธอทายผิดอีกแล้วล่ะกั้ง...เขาทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อ ดูดี ที่สำคัญเขามีชาติตระกูลพอจะทำให้ฉันกลายเป็น คุณสายน้ำผึ้งที่ใครๆต้องอิจฉา”
“คนท้องไม่มีพ่อ มันชอบฝันเพ้อเจ้ออย่างนี้ทุกคนรึเปล่ายะ”
“ฟังจากน้ำเสียงเธอแล้ว เธอกำลังเมาอยู่ใช่มั้ยกั้ง นี่คงโดนผู้ชายหลอกเอาเงินแล้วทิ้งไปอีกแล้วสิ”
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
“ฉันขอแนะนำในฐานะเพื่อนเก่า เธอควรหยุดระงับกิเลสแล้วเข้าวัดซะเพราะคนอย่างเธอ ต่อให้รวยขนาดไหน ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเอาเธอแล้ว เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะเธอมันตัวซวย เป็นผู้หญิงกินผัว รักใคร...เขาก็ตายหมด” สายน้ำผึ้งหัวเราะสะใจแล้วกดวางสายไปทันที
กะรัตยืนตัวสั่น ร้องลั่นออกมา
“อีผึ้ง”
กะรัตวิ่งพรวดพราดออกไปจะพุ่งไปหาสายน้ำผึ้ง

กะรัตวิ่งพรวดพราดลงบันไดอย่าง ควบคุมสติไม่อยู่ กุนตีกับกันตา ที่นั่งคุยอยู่ ลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน นวลที่กำลังจะยกน้ำมาเสิร์ฟสองสาว หยุดกึ้กตกใจ พวงหยกกับกฤชเดินมาจากอีกทางยืนตะลึง
“พี่กั้ง” กันตาเรียกไว้
กะรัตวิ่งยาวออกนอกประตูไป ทุกคนตกใจรีบวิ่งตาม กะรัตวิ่งมาที่หน้าบ้าน พุ่งตรงไปที่รถ เปิดประตูจะขับรถออกไป ทุกวิ่งตามมาจับตัวไว้ สมหวังวิ่งหน้าตื่นมาจากอีกทาง
“ปล่อย ปล่อย” กะรัตสะบัด
“กั้ง กั้งเป็นอะไรไป” กฤชเขย่าตัว
“ปล่อยกั้ง กังจะไปฆ่ามัน กั้งบอกให้ปล่อย”
ทุกคนดึงกะรัตออกมาจากรถ
“กั้งจะไปฆ่าใคร” กุนตีถามอย่างสงสัย
“อีผึ้ง มันโทรมาเยาะเย้ยกั้ง ปล่อยกั้ง กั้งจะไปฆ่ามัน”
“ต๊าย นี่มันยังกล้ามาตอแยกับแกอยู่อีกเหรอ” พวงหยกตกใจ
“ปล่อย กั้งบอกให้ปล่อย”
กะรัตสะบัดแรงจนทุกคนกะเด็น กฤชรีบร้องสั่ง
“นวล สมหวัง จับไว้เร็ว”
นวลกับสมหวังช่วยกันจับกะรัต นวลจับเอว กะรัตกระทืบเท้านวลรีบปล่อยเพราะเจ็บเท้า สมหวังยืนดักหน้า กะรัตข่วนหน้าสมหวังรีบเอามือกุมหน้าด้วยความเจ็บปวด กะรัตจะไปที่รถทุกคนตามมาล้อมไว้
“กั้ง ตั้งสติหน่อยซิ เราพุ่งออกไปแบบนี้ก็มีแต่จะเสียเปรียบเขานะ” กุนตีเตือนสติ
“นั่นสิพี่กั้ง เข้าบ้านก่อนเถอะ” กันตาเสริม
“ไม่...กั้งจะไปฆ่ามัน อีเพื่อนทรยศ มันตามจองล้างจองผลาญกั้ง มันหาว่ากั้งเป็นตัว ซวย เป็นผู้หญิงกินผัว ไม่มีผู้ชายคนไหนรักจริง...มันบอกว่ามัน...มัน...”

อาการฟูมฟายของกะรัตที่พีคสุดจนค่อยๆอ่อนแรง จนหมดสติลง ทุกคนตกใจ

กะรัตนอนหลับสนิทบนเตียง กฤชเดินเข้ามานั่งลงที่ขอบเตียง ลูบหัวลูกเบาๆอย่างสงสาร กะรัตค่อยๆรู้สึกตัวตื่น มองเห็นพ่ออยู่ใกล้ๆ
“เป็นยังไงบ้างลูก พอจะคุยกับพ่อได้มั้ย” กฤชลังเลแล้วตัดสินใจพูด “เนื้อแพรโทรมาเรื่องพิศุทธิ์...”
กะรัตไม่อยากได้ยินชื่อพิศุทธิ์ให้เจ็บหัวใจ จึงรีบพูดตัดบท
“มันจบแล้วคะพ่อ”
“ถ้าจบจริงๆแล้วกั้งเมาทำไมล่ะลูก”
“กั้งรู้ว่าลูกคุณเนื้อแพรเขาวิเศษ กั้งไม่กล้าไปแตะต้องอีกแล้วล่ะคะ”
“เนื้อแพรเขาก็รักลูกชาย เหมือนที่แม่กั้งรักกั้งไงลูก”
กะรัตผละออกจากกฤช
“ถ้าพ่อจะปกป้องเนื้อแพร พ่อปล่อยให้กั้งอยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ”
“ไม่ใช่ลูก พ่อแค่อยากจะบอกว่าให้ลูกแก้ปัญหาอย่างมีสติ…ถ้าลูกอยากจะให้พ่อช่วยอะไรบอกพ่อมาได้เลย”
“พ่อคะ…” กะรัตสะอื้นออกมา “กั้งมันไร้ค่ามากใช่มั้ย กั้งมันไม่มีอะไรดี ใครๆ ถึงพากันรังเกียจ กั้งสกปรกเกินกว่าที่จะมีคนดีๆมารักจริงๆใช่มั้ย...” กะรัตเริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีก
“ไม่จริงเลยลูก”
กฤชค่อยๆประคองลูกขึ้นมา
“ลูกของพ่อทั้งสวยทั้งเก่ง ที่สำคัญ ลูกไม่ได้ทำผิดอะไร”
“แต่ไม่มีใครให้โอกาสกั้ง ทุกคนมองว่ากั้งเป็นผู้หญิงฉาบฉวย เป็นผู้หญิงมักง่ายที่เริ่มต้นกับใครก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่ากั้งต้องเจ็บปวดเสียใจแค่ไหนเวลาที่ชีวิตคู่มันพัง”
“ฟังพ่อนะลูก...ใครจะเชื่อว่าลูกเป็นยังไงไม่สำคัญ แต่พ่ออยากให้ลูกเชื่อมั่นใจตัวเอง ลุกขึ้นมาทำตัวเอง ให้มีค่ากว่านี้ เพราะถ้าลูกยังไม่รักตัวเอง คงยากที่จะให้ใครมารักเรานะลูก”
กะรัตที่ยังเศร้ามาก ร้องไห้แล้วโผเข้าซุกในอกพ่อเหมือนเด็กตัวน้อยๆ

วันใหม่...พิศุทธิ์มาหากันตาที่โรงพยาบาลช่วงพักกลางวัน กันตาเล่าเรื่องกะรัตให้ฟัง
“สาหัสค่ะ อาการพี่กั้งครั้งนี้ สาหัสกว่าทุกครั้ง ก้อยไม่เคยเห็นพี่กั้งเฮิร์ทขนาดนี้เลย”
“ผมพยายามโทรหาเขานะครับ อยากให้เราคุยกัน แต่เขาไม่ยอมรับสาย...หรือว่าเขาจะยอมแพ้แล้วจริงๆ”
“พี่กั้งไม่ได้ยอมแพ้หรอกค่ะ แต่เขากลัว”
“กลัวอะไรครับ”
“กลัวจะทำให้คนดีๆอย่างคุณมัวหมองไงคะ คนมีปมในชีวิต มันก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ใครๆก็ตราหน้า ทั้งๆที่พี่กั้งก็แค่ผู้หญิงคนนึงที่รักผู้ชายคนนึง อยากใช้ชีวิตไปด้วยกัน ยึดเป็นหลักให้กับชีวิต แต่สุดท้ายทุกคนก็จากพี่กั้งไป”
“ผมไม่เคยคิดจะจากกั้งไปไหน”
“แล้วคุณเคยคิดจะอยู่กับพี่กั้งทั้งชีวิตไหมคะ”
พิศุทธิ์นิ่งไม่ตอบ
“การล้างปมชีวิตพี่กั้ง ก็มีอยู่อย่างเดียว คือมีใครสักคนที่อยากอยู่กับพี่กั้งด้วยหัวใจ แต่ถ้าคุณไม่เคยคิด อย่างนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะ อย่าเจอพี่กั้งเลย พี่กั้งจะได้ตัดใจจากคุณได้สักที...ขอตัวนะคะ”
กันตามองพิศุทธิ์ที่ยืนนิ่งแล้วเดินไป กันตาแอบยิ้มอย่างรู้ทันว่าพิศุทธิ์ไม่ยอมทำอย่างที่ตัวเองบอกแน่ๆ
และพิศุทธิ์อาจจะทำมากกว่าการตามไปเจอกะรัตก็ได้…นั่นคือขอกะรัตแต่งงาน

ศิวาแอบยืนมอง เห็นกันตาเดินมาตามทาง หยุดทักทายหมอหนุ่มท่าทางสนิทสนมกันมาก กันตาเดินมา ตกใจที่ศิวาเข้าขวาง
“อุ๊ย”
“สวยเลือกได้จังเลยนะครับคุณหมอ”
“อะไรของคุณ”
“ก็ผมเห็นคุณเพิ่งผละจากหนุ่มคนนึง เมื่อกี๊ก็จิ๊จ๊ะกับหนุ่มอีกคน”
“อ้อ...นี่แอบสะกดรอยตามฉัน”
“ครับ เพราะผมชอบคุณหมอ”
กันตาอึ้งไปนิดเดียวกับการมาแรงของศิวา
“อย่ามาตามตื๊อฉันให้เสียเวลาเลย ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้”
กันตาเดินหนี ศิวาเดินตาม
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมเจ้าชู้”
กันตายิ้มหยันๆแล้วร่ายยาวออกมา
“ลูกชายนักธุรกิจหมื่นล้าน เรียนไม่จบ กลับมาตั้งหน้าตั้งตาผลาญเงินพ่อแม่ ควงดาราไม่ซ้ำหน้า” เธอหันกลับมามองเขาตรงๆ “แถมยังถูกพ่อส่งมาตรวจหาสารเสพติด กลับไปซะเถอะ อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลา”
“โห...นี่ขนาดไม่ชอบ สืบประวัติผมซะละเอียดยิบ”
“ประวัติคุณ มันเหม็นฟุ้งขนาดเดินห่างเป็นร้อยเมตรยังได้กลิ่น อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย...ฉันมีดีเกินกว่าจะเป็นของเล่นเพลย์บอยอย่างคุณจำไว้”
กันตาเดินเชิดไป ศิวาไม่ยอมแพ้ คิดว่าจะต้องเอาชนะให้ได้

กันตาเดินมาที่ลานจอดรถ จะกดรีโมทเปิดประตู แต่ต้องสะดุ้งกับเสียงแตรที่กดค้างดังลั่น เสียงคนร้องดังเอะอะ กันตารีบวิ่งไปดู แล้วตกใจ เห็นผู้ชายคนขับฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถที่จอดขวางอยู่กลางลานจอด กันตารีบวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ถึงเห็นว่าเป็นศิวา
“คุณ”
กันตารีบร้องบอกเจ้าหน้าที่ที่กำลังวิ่งมา
“พาเขาไปห้องฉุกเฉินเดี๋ยวนี้เลย”
เจ้าหน้าที่โกลาหล เปิดรถพยุงศิวาลงมา กันตารีบจ้ำตามเจ้าหน้าที่กับศิวาที่หมดสติไป

กันตาใช้ไฟฉายส่องเพื่อตรวจม่านตาของศิวา แล้วใช้หูฟังตรวจการเต้นของหัวใจตรวจชีพจร ก็พบว่าปกติดี เธอหันไปขอผ้าก๊อซพยาบาล กันตาค่อยๆเอาผ้าก๊อซเขี่ยขนตาศิวา เป็นวิธีตรวจสอบทางแพทย์ ศิวาที่ไม่ได้หมดสติจริง ถูกสะกิดที่ขนตาไม่รู้ตัว เลยกระพริบตาตามสัญชาตญาณ กันตาจับได้หันไปบอกพยาบาล
“รบกวนออกไปรอข้างนอกก่อนค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป กันตายัวะที่โดนหลอก ยกนิ้วจะจิ้มตา ศิวาที่หรี่ตาดูอยู่แล้ว คว้ามือกันตาไว้ กันตาพลิกบิดมือศิวา
“โอ้ย”
“ฉวยโอกาสผิดคนแล้วล่ะคุณ กล้ามากนะที่มาหลอกฉัน”
“ก็คุณอยากบอกปัดผมดื้อๆทำไม”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้”
“ผมยอมรับว่าผมเจ้าชู้ แต่จะเจ้าชู้ยังไงมันก็ต้องหยุดหัวใจไว้ที่ใครสักคน...” ศิวาส่งตาเจ้าชู้ทันที “แล้วผมก็อยากให้คนๆนั้น...เป็นคุณ”
“ฝันไปเถอะ”
ศิวายิ้มยียวนแล้วพลิกข้อมือตัวเองออกจากการล็อคของกันตา แล้วพลิกมือกันตาไปล็อคไขว้หลัง พลิก สถานการณ์เป็นฝ่ายได้เปรียบแทน กันตาโวยวาย
“เฮ้ย”
ศิวายิ้มแล้วพูดข้างๆหูกันตา
“ผมจะฝันถึงคุณทุกคืนจนกว่าคุณจะยอมเป็นแฟนผม”
“ไม่มีทาง”
กันตาพูดพร้อมกระทืบเท้าของเขา ศิวาเจ็บแล้วปล่อยมือ
“ลองมาดูกันว่า สวยเลือกได้ กับ หล่อรักจริง ใครจะชนะ”
“ก็เอาซี้ แน่จริงก็จัดมา ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านายจะแน่สักแค่ไหน”

กันตากับศิวาจ้องตากันอย่างท้าทาย

สามีตีตรา ตอนที่ 4 (ต่อ)

เมื่อกลับมาถึงบ้าน กันตาเล่าเรื่องศิวาให้กุนตีฟัง

“แล้วไปท้าเขาอย่างนั้น เกิดเขาเอาจริงขึ้นมาจะว่ายังไง”
กุนตีถามอย่างกังวล กันตายักไหล่ไม่สน
“เก๊าะไม่ว่าไง...ถ้าดี ก็เอา ไม่ดี...ก็ไม่เอา”
“ทำไมพูดยังกับเรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นยัยก้อย”
“ง่ายยังไงกันพี่กุ้ง หรือพี่กุ้งจะให้ก้อยเป็นแบบพี่กั้ง รักใครก็ทุ่มเทหมดใจไม่เผื่อเหลือเผื่อขาด...ก้อยไม่เอาด้วยละ ถ้าไม่มาชัวร์ อย่าหวังว่าก้อยจะเชิญมาร่วมชายคา”
กุนตีอึ้งๆเริ่มจะงงตัวเอง
“นี่คนอื่นเขาล้ำไป หรือเรามันล้าหลังกันแน่เนี่ย...”
กันตาขำท่าทางของพี่สาว แล้วนึกขึ้นได้
“เออพี่กุ้ง วันนี้คุณพิศุทธิ์มาหาก้อยที่โรงพยาบาล มาถามเรื่องพี่กั้ง ท่าทางเขาเครียดมาก ก้อยว่าคุณพิศุทธิ์ก็คงคิดถึงพี่กั้งไม่น้อยเหมือนกัน”
“ชีวิตยัยกั้งมันถูกสาป คนที่เคยได้ก็ไม่มีดี พอเจอคนดีก็มีอุปสรรค”
“ขอให้คุณพิศุทธิ์กล้าพอที่จะถอนคำสาปของพี่กั้งด้วยเถอะ...เพี้ยง”
กันตากับกุนตีมองหน้ากันอย่างสงสารในโชคชะตาของกะรัต

ฟองดาวยืนรอให้พิศุทธิ์เซ็นต์เอกสาร พิศุทธิ์กำลังเหม่อครุ่นคิดเรื่องกะรัตและนึกถึงคำพูดของกันตา
“ผมไม่เคยคิดจะจากกั้งไปไหน”
“แล้วคุณเคยคิดจะอยู่กับพี่กั้งทั้งชีวิตไหมคะ”
“การล้างปมชีวิตพี่กั้ง ก็มีอยู่อย่างเดียว คือมีใครสักคนที่อยากอยู่กับพี่กั้งด้วยหัวใจ แต่ถ้าคุณไม่เคย คิดอย่างนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะ อย่าเจอพี่กั้งเลย พี่กั้งจะได้ตัดใจจากคุณได้สักที”
พิศุทธิ์นิ่งคิดว่าจะทำยังไงต่อไป ฟองดาวรู้สึกว่ารอนานแล้ว
“เอ่อ...เอกสารนั่น เซ็นต์ตรงนี้ค่ะ”
พิศุทธิ์ได้สติ แล้วรีบเซ็นต์เอกสาร สายน้ำผึ้งเคาะประตูและเปิดประตูเข้ามาพร้อมเอาแฟ้มงานมาให้พิศุทธิ์ ฟองดาวหันไปมอง
“สวัสดีค่ะพี่ฟองดาว”
ฟองดาวยิ้มให้
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ฟองดาวเดินออกจากห้องแต่ไม่วายแอบเหลียวมองสายน้ำผึ้งกับพิศุทธิ์ ก่อนจะเดินออกไป
“แฟ้มรายงานความต้องการสินค้าในตลาดค่ะ เห็นว่าคุณกำลังคิดผลิตภัณฑ์รสใหม่ เผื่อข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณคิดได้ว่าจะทำอะไรเป็นรสใหม่ดี”
“ขอบคุณมากครับ”
เสียงท้องสายน้ำผึ้งร้อง เธอหัวเราะเขินๆ พิศุทธิ์ยิ้มๆ
“สงสัยหนูน้อยจะหิว...อย่าลืมสิครับว่าคุณหมอให้คุณดูแลตัวเองดีๆ”
สายน้ำผึ้งแกล้งหยอก
“คุณหมอก็บอกให้คุณพ่อ ช่วยดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ”
พิศุทธิ์ยิ้มเก้อๆ สายน้ำผึ้งรุกต่อ
“งั้นเราไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ”
พิศุทธิ์จะปฏิเสธ
“เอ่อ...ผม...”
สายน้ำผึ้งรีบพูดแทรก
“อย่าปฏิเสธเลยนะคะ ฉันติดค้างหนี้บุญคุณมาหลายรอบแล้ว ขอให้ฉันได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเถอะนะคะ และฉันก็มีโปรเจกที่อเมริกาอยากปรึกษาคุณด้วย จะได้คุยระหว่างทานข้าวไปด้วยเลย...นะคะ”
สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์อย่างอ้อนวอน พิศุทธิ์อยากปฏิเสธ แต่คราวหน้าสายน้ำผึ้งก็ต้องชวนอีก พิศุทธิ์จึงยอมรับปากเพื่อให้ ทุกอย่างจบง่ายๆ

สายน้ำผึ้งเดินร่าเริงมาเก็บของที่โต๊ะทำงาน ชายนี่กับยี่หวามองสายน้ำผึ้งที่ดูอารมณ์ดีอย่างสงสัย ยี่หวาเดินมาหา
“อารมณดีจังนะจ๊ะ คนที่จะมีหน้ายิ้มแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่มี…”
ยี่หวาหันไปทางชายนี่ เพื่อให้ชายนี่รับมุกต่อ ชายนี่พูดเป็นเสียงร้องโอเปร่าพร้อมวาดมือเหมือนเต้นคาบาเล่
“ความรัก”
สายน้ำผึ้งแกล้งเขินใสซื่อ
“พูดเว่อร์”
“อย่ามาปฏิเสธ ถ้าเจ๊ไม่เห็นเธอไปกับคุณพิศุทธิ์สุดเลิฟ เจ๊ไม่แย...เธอหรอกนะ อุตส่าห์ไว้ใจ เห็นเธอตุ๊บป่อง แต่ที่ไหนได้...ฉกผู้ชายในฝันของเจ๊ไปซะได้” ชายนี่แกล้งกุมขมับเหมือนปวดหัว “อ๊าย นี่เกย์งามบ้านหนองมน แพ้ชะนี่ท้องบวมเหรอเนี่ย”
สายน้ำผึ้งทำเป็นหัวเราะใสซื่อแต่ในใจกระหยิ่ม
“คิดมากไปกันใหญ่แล้ว มันไม่มีอะไรสักหน่อย คุณพิศุทธิ์แค่พาผึ้งไปหาหมอเฉยๆ...คุณพิศุทธิ์แค่มีน้ำใจ ในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้นเอง”
“เจ๊ก็เป็นเพื่อนร่วมงาน แต่คุณพิศุทธิ์ไม่เห็นจะพาเจ๊ไปส่งบ้านบ้างเลย”
ยี่หวามองหน้าสายน้ำผึ้ง
“อย่าปิดบังดีกว่าผึ้ง เราเห็นตาที่คุณพิศุทธิ์มองเธอ ก็รู้แล้วว่าต้องคิดอะไรมากกว่าเพื่อนแน่ๆ”
สายน้ำผึ้งแอบยิ้มอย่างมีความหวัง พิศุทธิ์เดินมาหา
“ไปกันรึยังครับ”
“ไปค่ะ”
พิศุทธิ์เดินไปหยิบเอกสารของสายน้ำผึ้งมาถือให้ เพราะอยากให้เธอเดินอุ้มท้องสบายๆ ชายนี่กับยี่หวามองพิศุทธิ์ที่เอาใจสายน้ำผึ้ง แล้วมองล้อๆ สายน้ำผึ้งยิ้มเขินๆ

ในห้างสรรพสินค้ายามค่ำคืน...พิศุทธิ์กับน้ำผึ้งเดินออกจากร้านอาหาร เดินคุยกันจนถึงหน้าร้านขาย เครื่องเพชร สายน้ำผึ้งเหลือบไปเห็นแหวนเพชรที่วางโชว์อยู่ในตู้โชว์หน้าร้าน พิศุทธิ์เดินไปหยุดดูแหวนเพชร แล้วนึกถึงกะรัต
“สวยไหมคะ”
“ครับ…ชอบเหรอครับ”
“อาทิตย์หน้าจะเป็นวันเกิดฉัน ฉันอยากได้แหวนสักวงเป็นของขวัญให้ตัวเองจัง” สายน้ำผึ้งมองราคา “แหม...แต่พอเห็นแล้วราคาแล้ว คงต้องตัดใจ”
สายน้ำผึ้งแกล้งพูดเหมือนไม่คิดอะไร แต่ความจริงจงใจพูดอ้อมๆ ให้พิศุทธิ์รู้ว่าอยากได้แหวนวง นี้เป็นของขวัญ พิศุทธิ์มองราคา
“อืม... ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายทุกคนต้องทำงานหนัก”
สายน้ำผึ้งหัวเราะ พลางมองแหวนเพชร
“คุณรู้ไหมคะ ผู้ชายชอบคิดว่าการจะขอผู้หญิงแต่งงาน ต้องมีเงินสินสอดเป็นแสนเป็นล้าน ต้องมีบ้านช่องใหญ่โตหรูหรา แต่ความจริง...ผู้หญิงต้องการแค่แหวนเพชรเม็ดเล็กๆ มาสวมที่นิ้วนาง พร้อมกับคำสาบานว่าจะรัก และอยู่ด้วยกันไปจนกว่าลมหายใจสุดท้าย...เท่านี้ก็พอแล้ว”
พิศุทธิ์มองแหวนเพชรในตู้โชว์แล้วคิดถึงกะรัต
“ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ”
“เชิญครับ”
สายน้ำผึ้งเดินไปทางห้องน้ำ พิศุทธิ์มองแหวนเพชรอย่างสนใจ

สายน้ำผึ้งเดินกลับจากเข้าห้องน้ำ มองผ่านกระจกหน้าร้านขายเครื่องเพชรเข้าไป เห็นพิศุทธิ์อยู่ในร้าน กำลังดูแหวนเพชรวงหนึ่งอยู่ แล้วตัดสินใจซื้อ แล้วส่งให้พนักงานจัดใส่กล่อง เธอมองพิศุทธิ์ที่ซื้อแหวนวงเพชร แล้วหัวใจเต้นแรง ด้วยความหวังอย่างท่วมท้นว่า เขาอาจซื้อแหวนเพชรวงนั้นให้เธอ

ค่ำนั้น พิศุทธิ์เข้าบ้านอย่างเครียดๆว่าจะพูดยังไงให้เนื้อแพรยอมรับความรักของตัวเองกับกะรัต ขณะที่ เนื้อแพรก็รอที่จะพูดเรื่องเดียวกัน
“ชาย โกรธแม่เรื่องกะรัตอยู่รึเปล่าลูก”
“แม่ครับ...แม่เคยสอนผมเองไม่ใช่เหรอครับว่า ถ้าเราจะรักใครสักคน เราไม่ควรเอาเหตุผลเป็นตัวตั้ง เพราะมันไม่ใช่รักแท้”
“ชายพูดเหมือนชายรักเขามากจนตัดใจไม่ได้”
“ผมก็แค่กำลังเรียนรู้ผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยใจที่เป็นธรรมเท่านั้นเอง”
เนื้อแพรอึ้งไปกับคำพูดชัดถ้อยชัดคำของลูก
“คนภายนอกอาจมองว่ากะรัตเป็นคนแรง รักง่ายหน่ายเร็ว แต่ผมว่า เขาก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่อยากมีครอบครัวอบอุ่นเหมือน คนอื่น...แต่เขาแค่โชคร้ายที่เจอผู้ชายไม่ซื่อสัตย์...ผมไม่อยากโยนความผิดให้เขาเหมือนคนอื่นๆครับแม่”
พิศุทธิ์พูดยาวหมดใจ หวังให้แม่เข้าใจ แต่เนื้อแพรยังเป็นห่วงลูกมาก
“แม่ไม่เคยสอนให้ลูกเอาเหตุผลมาตัดสินความรัก แต่การมีครอบครัว มันคนละเรื่อง กะรัตกับลูกอาจจะรักกัน...แต่เชื่อแม่เถอะว่าความรักมัน จะกลายเป็นซากแห่งความทรงจำทันที ถ้าเขายังไม่ได้เรียนรู้ที่จะ อดทนเพื่อคนอื่น...” เนื้อแพรเดินเข้ามาใกล้ลูกชาย ตั้งใจเตือน “แม่อยากให้ลูกไตร่ตรองให้ดี”
เนื้อแพรมองลูก เหมือนอยากย้ำคำพูดทุกคำ แล้วเดินขึ้นข้างบนไป พิศุทธิ์มองตามแม่ รู้สึกหนักอึ้งไปหมด แล้วหยิบกล่องแหวนขึ้นมาคิดอะไรบางอย่าง

วันใหม่...ชุดราตรีเรียงรายบนราวหลายชุด ล้วนเป็นชุดที่ออกแบบโดยฝีมือกะรัตสำหรับงานแฟชั่นโชว์ กะรัตนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงาน มือยังจับคาอยู่ที่ชุดฟินนาเล่อีกชุดที่ยังตัดเย็บไม่เสร็จ กฤชเปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงเบเกอรี่เห็นอาการลูกสาวก็สงสาร เดินเข้าไปหา
“ว่าไง ดีไซเนอร์คนเก่ง”
กะรัตเสียงแหบแห้ง
“พ่อ...”
“พ่อซื้อเบเกอรี่เจ้าโปรดของลูกมาฝาก รู้อยู่ว่าใกล้งานแฟชั่นโชว์แบบนี้ เราต้องไม่เป็นอันกินอันนอนแน่ๆ” กฤชนั่งลง เปิดกล่อง
“กั้งกินไม่ลงหรอกค่ะ”
“พ่อรู้ว่ากั้งเสียใจ แต่พ่ออยากให้กั้งพิสูจน์ตัวเองว่า เรามีค่า ไม่ได้อยู่ไปวันๆเพียงเพื่อรอผู้ชาย กั้งให้เวลาตัวเองเศร้าได้ แต่อย่านานนัก” กฤชจับหัวลูกเบาๆ “อดีตที่เลวร้ายจะถูกกลบด้วยปัจจุบันที่ดี เชื่อพ่อนะ”
กะรัตพยักหน้ายิ้มแห้งๆ
“พ่อกลับไปทำงานต่อก่อนนะลูก อย่าลืมกินขนมนี่ด้วยล่ะ”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
กฤชก้มลงจุ๊บหน้าผากลูก เขย่าหัวลูกอย่างเอ็นดูก่อนเดินกลับออกไป

กฤชเปิดประตูออกจากร้าน แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหน้าแล้วขับรถออกไป ขณะเดียวกันสายน้ำผึ้งเดินมายืนมองไปที่ร้านของกะรัต
กะรัตหลับตาลงเหมือนพยายามจะตัดเรื่องวุ่นวายออกไปจากใจ เธอผ่อนลมหายใจแล้วลืม อย่างพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ ในสายตาเห็นเหมือนมีคนเดินเข้ามาในร้าน เธอหันไปมอง แล้วตกใจ
“นังผึ้ง”
สายน้ำผึ้งยืนเหยียดยิ้มตรงหน้ากะรัต กวาดตามองร้านที่ตกแต่งไว้อย่างตั้งใจ
“เก่งนี่ ไม่อยากจะเชื่อนะว่าเพื่อนสาวฉันจะลุกขึ้นมาทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวกับเขาได้”
“ใครอนุญาตให้แกเข้ามาในร้านฉัน”
สายน้ำผึ้งยิ้มยั่วกวนประสาท
“ฉันไม่ได้มาในฐานะผู้หญิงที่เคยมีผัวคนเดียวกับเธอ แต่ฉันมาในฐานะลูกค้าที่มาดูชุดว่าที่เจ้าสาว”
“ชุดสำหรับแก มีแต่ชุดไปงานศพเท่านั้นละ” กะรัตหัวเราะเยาะ
“ไม่ขายให้ฉันก็ไม่เป็นไร เพราะป่านนี้ว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน คงดูชุดที่สวยที่สุด หรูที่สุดไว้ให้ฉันแล้ว”
กะรัตอยากจะลากเพื่อนทรยศเข้ามาตบสักฉาดสองฉาด
“ฉันก็แวะมาบอกเท่านี้ละ ไม่ได้หวังว่าชุดจากห้องเสื้อห่วยๆของเธอจะมีวาสนามาสวมอยู่บนตัวผู้หญิงที่สวยและโชคดีอย่างฉันหรอก”
สายน้ำผึ้งพูดเยาะไว้แล้วจะเดินออกไป ในสายตามองเห็นถ้วยกาแฟตั้งอยู่ แกล้งยกมือปาดถ้วยกาแฟหกรดบนชุดฟินนาเล่ กะรัตตะลึงมอง
“อุ๊บส์...ตายจริง ขอโทษนะจ๊ะ ชุดห่วยของเธอ มันเลอะซะละ” สายน้ำผึ้งเข้าไปไกล้ๆพูดแบบเน้นๆ “เลอะ แล้วก็เละเทะเหมือนเจ้าของ”
สายน้ำผึ้งทิ้งสายตากวนประสาทไว้แล้วจะเดินออกไป
“อีผึ้ง”
กะรัตร้องเรียกเสียงแหลม กระโดดทีเดียวถึงตัวสายน้ำผึ้ง ดึงหันมาแล้วตบเพี้ยะ จังหวะที่ลูกค้าเพื่อนพวงหยกเดินเข้าร้านมาพอดี
“หนูกั้งจ๊ะ คุณแม่หนู...” ลูกค้าโดนสายน้ำผึ้งที่ถูกกะรัตตบจนเซมาชน “ว๊าย”
ลูกค้าเซกระเด็นไปจนทรงผม ฟูฟ่องแทบเสียทรงพร้อมร้องกรี๊ดกร๊าดโวยวายลั่นร้าน เหมือนโดนตบซะเอง สายน้ำผึ้งจับหน้าตัวเอง
“ตบนี้ฉันไม่ถือสาหรอกนะ ถือว่าให้ทานผู้หญิงบ้า ที่ผัวสามคนยังหนีไปตายกันหมด”
“อี...”
กะรัตจะกระโจนใส่ พนักงานในร้านมาดึงกะรัตไว้ สายน้ำผึ้งสะใจที่ยั้วกะรัตจนของขึ้น ยิ้มอย่างเหนือกว่าแล้วเดินออกจากร้านไป กะรัตวิ่งไล่ออกไปจนถึงถนนหน้าร้าน ลูกค้าวิ่งตามออกมายืนดู กะรัตคว้าตัวได้ แต่สายน้ำผึ้งสะบัด กะรัตเซ จังหวะที่แท็กซี่แล่นมาพอดี
“แท็กซี่”
รถจอด สายน้ำผึ้งรีบโดดขึ้นรถไป
“อีผึ้ง อีชั่ว แน่จริงกลับมาซิ กลับมา”
กะรัตด่าลั่นอยู่ข้างทาง สายน้ำผึ้งโผล่หน้าออกมายิ้ม โบกมือเย้ย กะรัตแค้นจนตัวสั่น หันไปเห็นลูกค้ายังยืนมอง
“มองอะไร”

กะรัตพาล ก้าวฉับๆกลับเข้าร้านแล้วหันป้าย CLOSE ออกมา ลูกค้าถึงกับอึ้ง

พวงหยกกระแทกมือถือลงบนโต๊ะ เจ้าสัวบัญชาเดินถือหนังสือออกมาจากด้านในพอดี
 
“ยัยกั้งนะยัยกั้ง แค่โดนลูกชายนังเนื้อแพรหักอก ถึงกับคลั่งเป็นหมาบ้า เที่ยวไล่กัดคนเขาไปทั่ว”
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ อั๊วเห็นลื้อโวยวายเสียงแปร๋นแบบนี้ได้ทู้กวัน” เจ้าสัวบัญชารำคาญ
“ก็หลานรักเตี่ยน่ะสิ สติแตกเพราะผู้ชายคนเดียว นี่ก็อาละวาดลั่นร้านจน เพื่อนหนูกระเจิดกระเจิงกันหมด ขายหน้าจริงๆ”
“ยัยกั้งไม่น่าเสียสติขนาดนั้น ถ้าไม่มีใครไปทำให้สติมันเสีย” เจ้าสัวบัญชาสงสัย
“หนูจะไปเอาเรื่องมัน” พวงหยกจะเดินออกไป
“เดี๋ยวๆ...อั๊วว่า ลื้อเว้นไว้สักครั้งเถอะ อากั้งมีเรื่องเยอะมากพออยู่แล้ว ลื้ออย่าเอาเรื่องไปโยนใส่หัวมันอีกเลย”
“แต่มันทำให้หนูเสียหน้านะเตี่ย”
“แล้วลื้อจะรักษาหน้าไว้ทำไม ถ้ารู้ว่าใจลูกมันเจ็บ...จะมีสักครั้งมั้ยที่ลื้อจะหยุดคิดถึงตัวเอง แล้วนั่งลงฟังปัญหาของลูก ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อย มันก็ยังรู้ว่าคนที่คลอดมันออกมา ไม่เอาแต่ซ้ำเติม”
บัญชาให้สติพวงหยกแล้วเดินออกไป
“เข้าข้างกันเข้าไป จะมีใครอยู่ข้างฉันบ้างมั้ยเนี้ย” พวงหยกค้อน

กะรัตนั่งนิ่งคนเดียวในมุมมืดของร้าน มองชุดแต่งงานที่เลอะคราบกาแฟ เธอนึกถึงคำพูดของนื้อแพร
“คุณคงรู้ดีว่าการแต่งงานที่ล้มเหลว มันสร้างบาดแผลให้ชีวิตเรายังไง อย่าหยิบยื่นบาดแผลนั้นให้คนดีๆ อย่างพิศุทธิ์เลยนะ”
คำพูดเนื้อแพร ตอกย้ำให้ความรู้สึกยิ่งร้าวราน กะรัตนึกถึงคำพูดของสายน้ำผึ้งเมื่อครู่
“ตบนี้ฉันไม่ถือสาหรอกนะ ถือว่าให้ทานผู้หญิงบ้า ที่ผัวสามคนยังหนีไปตายกันหมด”
กะรัตน้ำตาซึม มองกรรไกรที่วางอยู่ใกล้ๆ แล้วตัดสินใจหยิบกรรไกรขึ้นมา

เย็นนั้น พิศุทธิ์ปิดแฟ้มลงอย่างเครียดๆลุกขึ้นมือปัดแฟ้มไปโดนแก้วน้ำล้มลงหยดน้ำกระเซ็นโดนรูปหน้ากะรัตที่หน้าปัดมือถือเป็นหยดน้ำตา พิศุทธิ์หยิบมือถือขึ้นมอง ยกนิ้วแตะซับน้ำออกเบาๆ แล้วตัดสินใจคว้ากุญแจรถออกไป

เนื้อแพรยืนแอบดูอาการของลูกชายอยู่ริมหน้าต่าง เห็นเขาขึ้นรถแล้วขับออกไป เนื้อแพรมองตามแล้วถอนใจว่า ว่าตนเองคิดผิดหรือเปล่า

สายน้ำผึ้งอยู่ในบ้าน เทน้ำใส่กาชาที่มีลวดลายสวยราคาแพง ข้างๆกาชามีขนมราคาแพง ที่ไว้กินกับชา เธอ ดื่มชาด้วยทวงท่าดูเป็นผู้ดี รสสุคนธ์เดินมาเห็น จึงรีบไปดึงแก้วชาจากมือหลานสาว
“คนท้องเขาห้ามดื่มชากาแฟนะผึ้ง”
“จิบนิดจิบหน่อย ไม่เป็นอะไรหรอกน้ารส” สายน้ำผึ้งแย่งแก้วชามา
“เมื่อก่อนไม่เห็นผึ้งจะดื่มชาเลย” รสสุคนธ์มองหลานอย่างสงสัย
“ผึ้งก็แค่เตรียมตัวไว้ จะมีสามีเป็นผู้รากมากดีทั้งที ก็ต้องหัดดื่มหัดกินให้เหมือนเขา ครอบครัวเขาจะได้ไม่ดูถูกว่าไปคว้า ผู้หญิงที่ไหนมาเป็นเมีย” สายน้ำผึ้งยิ้มมีความสุข
“ไปกันใหญ่แล้วผึ้งเอ๊ย ท้องก็โตขึ้นทุกวันๆ ใครที่ไหนจะเอาไป เป็นภาระ” รสสุคนธ์ถอนใจ
“แต่คุณพิศุทธิ์เป็นคนจิตใจดีนะน้ารส เขาไม่มีทางรังเกียจผึ้ง น้ารสก็เห็นว่าเขาเอาใจใส่และห่วงผึ้งกับลูกมาก”
“จะทำอะไรก็นึกถึงลูกให้มากๆแล้วกัน แค่นี้มันก็ อาภัพพออยู่แล้ว”
รสสุคนธ์มองหลานอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าข้างในไป คำพูดของน้า แทนที่จะทำให้สายน้ำผึ้งคิดตาม กลับคิดไปตรงข้าม เธอหยิบนามบัตรพิศุทธิ์ที่วางบนโต๊ะขึ้นมอง
“ที่ผึ้งทำ ก็เพราะนึกถึงลูกไง”
สายน้ำผึ้งวางมือที่ท้องตัวเอง เต็มไปด้วยความหวัง

ค่ำนั้น พิศุทธิ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าห้องเสื้อ กะรัตถือกรรไกรนั่งมองชุดฟินนาเล่ที่เลอะคราบกาแฟอย่างสับสน คำเตือนของพ่อแว่วเข้ามา
“พ่ออยากให้ลูกเชื่อมั่นใจตัวเอง ลุกขึ้นมาทำตัวเองให้มีค่ากว่านี้”
กะรัตตัดสินใจจรดกรรไกรลงบนรอยกาแฟเริ่มจากชายกระโปรงไล่ตัดรอยกาแฟออก จากชายเลื้อยไล่ ไปจนถึงเอว เธอคลี่ลูกไม้ขึ้นมาวางทาบลงบนส่วนกระโปรงที่ตัดออกไป พิศุทธิ์เดินมาแอบมองอยู่ตรงหน้าร้าน เห็นเธอใช้กรรไกรตัดเล็มลูกไม้ ปลายกรรไกรพลาดโดนนิ้ว ทั้งกะรัตและพิศุทธิ์สะดุ้งพร้อมกัน พิศุทธิ์ขยับตัวไปด้วยความเป็นห่วง แต่ก้าวไปก้าวเดียวก็ตัดสินใจหยุดลง กะรัตรีบคว้าทิชชูซับเลือด รู้สึกเหมือนอะไรๆมันเลวร้ายไปหมด ท่าทางดูน่าสงสารมาก พิศุทธิ์ยืนแอบมองด้วยความสงสารจับใจ

เช้าวันใหม่...เด็กรับใช้กำลังตักข้าวใส่ชามให้ พวงหยก กุนตี และกันตา อยู่ที่โต๊ะอาหาร กฤชเดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
“โฮ้ย...สงสัยวันนี้หิมะจะตรงกลางบ้าน สามีสุดประเสริฐให้เกียรตินั่งร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วย” พวงหยกหันไปทางกันตา “ยายก้อยรีบถ่ายรูป เป็นที่ระลึกเร้ว”
“แม่” กันตากับกุนตีส่งเสียงปรามพร้อมกัน
กะรัตเดินอย่างรีบร้อนผ่านโต๊ะอาหารเพื่อไปขึ้นรถหน้าบ้าน นวลเดินหอบนิตยสารแฟชั่นหลายเล่ม สมุดสเก็ตแบบเล่มหนา สมุดตัวอย่างผ้าหนาๆ จนท่วมจะปิดหน้านวลอยู่แล้ว กุนตีหันไปเรียก
“กั้งไม่กินข้าวต้มด้วยกันเหรอ พักนี้ไม่ค่อยกินอะไรเลย ระวังจะล้ม กลางงานนะ”
“ไม่ล่ะคะ กั้งรีบ” กะรัตจะเดินไป
พวงหยกเรียกไว้
“เดี๋ยว บัตรเชิญเข้างานที่ฉันขอให้เพื่อนน่ะ อยู่ไหน”
กะรัตหยิบซองใส่บัตรเชิญปึกหนึ่งวางที่โต๊ะอาหาร
“แม่อยากได้กี่ใบ ก็หยิบเอาไปเลย”
กะรัตเดินออกไปโดยไม่รอให้พวงหยกบอกอนุญาต กฤชมองบัตรเชิญเข้างานแฟชั่นโชว์ของกะรัต แล้วคิดบางอย่าง พวงหยกพูดไล่หลังกะรัต
“เชิญเสด็จเถอะย่ะ” พวงหยกหันมาเหน็บกฤชอีก “คนบ้านนี้ ถ้ามันกระสันจะออกไป ต่อให้เอารถถังทั้งกรมมาฉุดไว้ ก็เอาไม่อยู่”
กฤชวางช้อนลงชามอย่างเซ็งอารมณ์ ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบบัตรเชิญเข้างานแฟชั่น โชว์มา 1 ใบแล้วหันไปพูดกับกันตาและกุนตี
“พ่อไปก่อนนะลูก”
กฤชเดินออกไปโดยไม่บอกลาภรรยา พวงหยกพูดไล่หลัง
“นั่นคุณจะเอาบัตรไปให้ใคร คุณกฤช ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไง”
พวงหยกมองตามกฤชอย่างสงสัยว่า กฤชจะเอาบัตรเข้างานแฟชั่นโชว์ไปให้ใคร

สปาเนื้อแพรยามเย็น...กฤชเดินเข้าไปในสปาถือการ์ดงานแฟชั่นโชว์กะรัตไปด้วย พวงหยกแอบสะกดรอยตาม มองสปาที่ดูหรูหราแล้วของขึ้น จ้องเขม็งเข้าไปไฟแทบลุกออกจากตา...กฤชเดินถือการ์ดเข้าห้องมา ในห้องทำงานในสปา เนื้อแพรกำลังก้มหยิบกระเป๋าถือจะกลับบ้าน ชะงักมอง
“อ้าว คุณ...จะมาไม่เห็นโทรบอกแพร”
“ผมแวะเอาการ์ดเชิญมาให้” กฤชยื่นการ์ดให้ “ยัยกั้งกำลังจะมีงานแฟชั่นโชว์ เผื่อคุณจะสนใจ”
เนื้อแพรรู้สึกดีที่กะรัตหันมาเอาจริงกับงาน
“ก็ดีนะคะ หันไปมุ่งมั่นกับงาน เขาจะได้ลืมเรื่องอื่นซะบ้าง”
“แพร...ผมไม่ได้เข้าข้างลูก แต่ผมว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหน อยากเป็นม่ายและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้หรอก”
“แล้วคุณจะให้แพรทำยังไง”
“ผมเข้าใจคุณนะแพร แล้วก็ไม่ได้อยากเสนอลูกสาวให้ใคร ผมแค่อยากให้คุณลองให้อิสระกับพวกเขา ไม่ต้องควบคุมความคิดเขาอีก”
เนื้อแพรนิ่งฟัง ไม่ได้ตอบโต้ กฤชเข้าไปจับไหล่เธอไว้ทั้งสองข้าง
“ปล่อยให้พวกเขาเลือกเส้นทางของเขาเอง...คนเป็นพ่อเป็นแม่ ความสุขของลูกสำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอ”
พวงหยกดันประตูเข้าไป เห็นด้านหลังของกฤชที่จับไหล่เนื้อแพร สองคนดูใกล้ชิดกันมาก
“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันคงให้คำตอบคุณเวลานี้ไม่ได้”
กฤชจะปล่อยมือจากเนื้อแพร เสียงพวงหยกดังขึ้น

“หน้าด้านหน้าทนกันเหลือเกินนะ”

สองคนตกใจ หันมามอง
 
“พวงหยก”
พวงหยกที่หึงจนหน้ามืด เอาเรื่องทันที พนักงานพากันวิ่งมาหยุดดูอย่างตกใจอยู่ที่หน้าห้อง
“หนอย...เอาตัวเข้าแลกสูบเงินผัวฉันมาเปิดสปาซะหรูหรา มืออาชีพ ขนาดนี้ ไม่เปิดซ่องซะเลยล่ะ”
“คุณ” กฤชปราม
เนื้อแพรจ้องหน้า
“คุณไม่มีสิทธิ์มาส่งเสียงเอะอะในที่ของฉัน”
“อ๋อ...ที่ของแก แกจะบอกว่าผู้ชายคนนี้ เป็นผัวแกด้วยงั้นสิ”
เนื้อแพรถึงกับอึ้งกับความหยาบคายของพวงหยก
“แย่งผัวฉันยังไม่พอ ยังสอนลูกให้เป็นผีสูบเลือด คิดจะให้ลูกแกมาจับลูกฉันอีกคนหน้าไม่มียางอาย”
“หยุดนะ ไปจากที่นี่ก่อนที่ฉันจะให้ยามมาลากตัวคุณออกไป” เนื้อแพรโกรธ
“คิดว่าฉันกลัวแกรึไง”
พวงหยกที่เลือดขึ้นหน้า ถลาเข้าไปหาเนื้อแพร กฤชรีบยึดตัวเมียไว้
“หยก ทำบ้าอะไรของคุณ”
“ปล่อยเขาเถอะค่ะ...” เนื้อแพรจ้องหน้าพวงหยก “ถ้าไม่กลัวเป็นข่าวหน้าหนึ่งก็เข้ามา ดาราดังถูกลูกสาวเจ้าสัวใหญ่บุกตบ นักข่าวคงเล่นข่าวกันสนุกแน่”
พวกหยกแทบกระอักเลือดที่ถูกเนื้อแพรท้าทาย แต่คำขู่ก็ได้ผล พวงหยกไม่กล้าเข้าใกล้เนื้อแพรอีก
“ไป กลับกันได้แล้ว คุณทำแบบนี้ทำไม”
พวงหยกหันไปซัดกฤช
“ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ...คอยดูนะ ถ้าฉันรู้ว่าแกปล่อย ให้ลูกแกมาวุ่นวายกับลูกฉันอีกละก็ แกไม่ได้อยู่ดีแน่”
กฤชลากพวงหยกที่ยังคลั่งออกไป เนื้อแพรรู้สึกเครียดตึง หนักใจกับปัญหาคาราคาซังไม่จบไม่สิ้นซะที

ค่ำนั้น เนื้อแพรเดินกลับมาบ้านอย่างเหนื่อยๆ ไฟมืดทั้งบ้าน เธอจะเดินไปเปิดไฟ ตกใจนิดๆที่เห็นพิศุทธิ์นอนหลับอยู่บนโซฟาจึงเดินเข้าไปหา พิศุทธิ์ตกใจตื่น ลุกขึ้น
“ทำไมมานอนมืดๆตรงนี้ล่ะลูก”
พิศุทธิ์ไม่พูดอะไร จะเดินขึ้นข้างบน
“ชาย”
“กู๊ดไนท์ครับแม่”
พิศุทธิ์เดินผ่านไปอย่างซึมๆ เนื้อแพรเห็นความเศร้าซึมไร้สุขของลูกก็สงสาร แต่นึกถึงคำพูดดูถูกของพวงหยก
“แย่งผัวฉันยังไม่พอ ยังสอนลูกให้เป็นผีสูบเลือด คิดจะให้ลูกแกมาจับลูกฉันอีกคนหน้าไม่มียางอาย”
เนื้อแพรมองการ์ดในมือแล้วจะปาทิ้ง แต่ต้องชะงักเมื่อนึกถึงคำพูดของกฤช
“ปล่อยให้พวกเขาเลือกเส้นทางของเขาเอง...คนเป็นพ่อเป็นแม่ ความสุขของลูกสำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอ”
เนื้อแพรมองไปที่ห้องพิศุทธิ์ และมองการ์ดที่อยู่ในมืออย่างครุ่นคิด

พิศุทธิ์นั่งลงบนเตียงอย่างเซ็งๆ ยกมือถือขึ้นมา เปิดเข้าไปในอินสตาแกรมของกะรัต เห็นเธอในลุคดีไซน์เนอร์เท่ๆ กับข้อความแฟชั่นโชว์ครั้งแรก ของห้องเสื้อกะรัต เขานึกถึงภาพที่เห็นกะรัตนั่งทำงานคนเดียวเศร้าๆ สร้างความสะเทือนใจให้กับเขามาก แล้วเขาก็คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในร้านอาหาร เธอขอให้เขาคิดถึงขนมรสเฉพาะขึ้นมา
“ฉันอยากให้คุณวิจัยรสชาติขนม ที่มันเป็นรสของฉันคนเดียวจังเลย คุณทำให้ฉันได้ไหมคะ”
พิศุทธิ์ยิ้มๆ คิดตัดสินใจอะไรบางอย่าง เนื้อแพรเดินผ่านห้องนอนลูก เห็นประตูแง้มอยู่ เลยหันมองเข้าไปเห็นพิศุทธิ์หยิบสูทออกมาแขวนไว้ เนื้อแพรมองพอจะเข้าใจว่าลูกชายเตรียมจะไปใหน

เช้าวันใหม่...พิศุทธิ์เดินเขามาในออฟฟิตใส่เสื้อสูทตัวที่หยิบมาเมื่อคืน
“คุณพิศุทธิ์แต่งตัวหล่อจังนะฮะระวัง...จะทำหัวใจเกย์...ละลาย” ชายนี่มองอย่างตะลึง
พิศุทธิ์ยิ้มรับไม่ตอบ แล้วเดินไปห้องทำงานของตัวเอง สายน้ำผึ้งมองตาม ยี่หวาปรายตาไปที่สายน้ำผึ้ง
“เอ๊ะ...แต่งตัวหล่อแบบนี้ หรือว่าจะมีอะไรพิเศษ”
สายน้ำผึ้งคิดด้วยใบหน้ามีความสุข

พิศุทธิ์เข้าห้องทำงาน ฟองดาวเดินตามเข้ามา
“ฟองโทรสั่งดอกไม้ตามเวลา และสถานที่ที่คุณพิศุทธิ์สั่งเรียบร้อย แล้วนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ฟองดาวถือถุงกระดาษสวยๆ วางบนโต๊ะทำงานของพิศุทธิ์
“แล้วนี่ก็ของที่คุณพิศุทธิ์ฝากให้ฟองเลือกซื้อให้ค่ะ เดี๋ยวพวกนั้นกำลังจะจุดเทียนเป่าเค้กกันแล้ว คุณพิศุทธิ์ออกไปไหมคะ”
พิศุทธิ์นิ่ง ยังไม่ตอบอะไร

สายน้ำผึ้งกำลังทำงานอยู่ ทันใดนั้นเพื่อนๆพนักงานถือเค้ก ที่มีเทียนปักอยู่เดินร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ เข้ามาเซอร์ไพร์ส สายน้ำผึ้งมองเพื่อนพนักงานอย่างปลาบปลื้ม
“อธิษฐานสิผึ้ง” เพื่อนบอก
สายน้ำผึ้งหลับตาอธิษฐานในใจ
“ลูกจ๋า...เราช่วยกันอธิษฐาน ขอให้ความรักครั้งใหม่ของแม่เป็นไปอย่างมีหวัง ขอให้คนนั้น เป็นพ่อของลูก”
สายน้ำผึ้งลืมตา เห็นพิศุทธิ์ยืนอยู่ตรงหน้า เธอยิ้มให้เขา พิศุทธิ์ยื่นกล่องของขวัญ ซึ่งเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่ ขนาดกะทัดรัดที่ทำให้ สายน้ำผึ้งคิดว่าในกล่องนั้นบรรจุกล่องใส่แหวนเพชรอยู่
“ผมขอให้นับจากนี้ไป คุณมีแต่ความสุขนะครับ”
สายน้ำผึ้งรับกล่องของขวัญจากพิศุทธิ์ด้วยหัวใจพองโต เพื่อนๆพนักงานต่างทยอยให้ของขวัญ พร้อมกับมอง สายน้ำผึ้งแล้วยิ้มล้อๆ

คืนนั้น...พนักงานหญิงแต่งหน้า ตบแป้งเตรียมกลับบ้าน แล้วเดินออกไปสวนกับสายน้ำผึ้งกับยี่หวาที่เดินเข้ามา สายน้ำผึ้งเดินมายืนอยู่ที่หน้ากระจกแล้วมองตัวเองด้วยสายตาที่มีความสุขแล้วคิดถึงกะรัต
“ในที่สุด ฉันก็ชนะเธอ กั้ง”

สื่อมวลชนยืนอออยู่เต็มหน้างานแฟชั่นโชว์ ซึ่งจัดขึ้นในโรงแรมหรู แสงแฟลชจากกล้อง สว่างวูบวาบ ดีไซเนอร์ชื่อดัง นางแบบ และ ไฮโซมาร่วมงานมากมาย รูปกะรัตที่ขยายใหญ่ในชุดฟินาเล่ที่เคยเลอะกาแฟ ถูกตกแต่งใหม่อย่างสวยงาม ลายลูกไม้ที่กะรัตปะทับไปกลายเป็นจุดเด่นของชุด ตั้งโชว์อยู่ตรงบริเวณต้อนรับพร้อมตัวอักษรชื่องาน “MY LIFE” เจ้าสัวบัญชายืนต้อนรับและคุยกับแขกอยู่ กฤชชะเง้อมองรอเนื้อแพร แขกที่มางานต่างพากันชื่นชมความสวยงามมีสไตล์ของชุดนั้น บ้างก็ถ่ายรูปคู่อย่างสนุกสนาน
“ชุดนี้สวยจริงๆนะคะ ยิ่งมีหนูกะรัตเป็นนางแบบ ยิ่งทำให้ชุดดูดีมาก สงสัยเดี๊ยนต้องรีบจองซะแล้ว” แขกคนหนึ่งชื่นชม
เจ้าสัวบัญชาหัวเราะอารมณ์ดี
“กั้งเขาฉายแววนักออกแบบมาแต่เด็กแล้ว”
“เจ้าสัวนี่ใจดีจังเลยนะคะ ยอมให้หลานสาวออกมาทำธุรกิจนอกกงสี แบบนี้”
“โอ๊ย เรื่องบังคับจิตใจคน ผมไม่ทำอยู่แล้ว ใครถนัดอะไรก็ต้องปล่อยให้เขาลองชีวิตเป็นของเขา”
“เกิดเป็นหลานสาวเจ้าสัวนี่ มีบุญจริงๆนะคะ”
เจ้าสัวบัญชาหัวเราะชอบใจ แล้วชวนแขกไปถ่ายรูปร่วมกัน ใกล้ๆกันนั้นกฤชรอว่าเนื้อแพรจะมาหรือเปล่า
“จะเข้าไปในงานกันรึยังอากฤช” เจ้าสัวบัญชาเดินมาเรียก
“ครับเตี่ย”
กฤชต้องเดินเข้าไปกับเจ้าสัว

พิศุทธิ์เลิกงานรีบเดินมาที่รถ สายน้ำผึ้งเดินตามมา
“คุณพิศุทธิ์คะ”
พิศุทธิ์ชะงักหันไปมอง
“มีอะไรครับคุณผึ้ง”
“คือผึ้งจะไปเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อนๆน่ะค่ะ คุณพิศุทธิ์ไปด้วยกันนะคะ”
“แต่ว่า...”
ชายนี่ ยี่หวาและกลุ่มเพื่อนพนักงานเดินเข้ามาหาพิศุทธิ์
“ไปด้วยกันนะฮะ” ชายนี่ชวน

ชายนี่กับ ยี่หวา และพนักงานคนอื่นต่างคะยั้นคะยอ สายน้ำผึ้งแอบยิ้มว่าเขาปฏิเสธไม่ได้แน่

สามีตีตรา ตอนที่ 4 (ต่อ)

กันตามองหาว่าพิศุทธิ์จะมางานไหม กุนตีเดินมาหา

“มองหาใคร”
“พระเอกของงานน่ะสิ”
“เธอคิดว่าคุณพิศุทธิ์จะมางานนี้เหรอ”
“ก็ไม่แน่ เรื่องของความรัก ทำให้อะไรเกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิดได้เสมอ”
พวงหยกเดินมองหากฤช เห็นกันตากับกุนตีเดินถือเครื่องดื่มมาคนละแก้ว จึงรีบเข้าไปถาม
“นี่ เห็นพ่อแกมั้ย”
สองคนส่ายหน้า พวงหยกหงุดหงิด
“ไม่ได้เรื่อง”
พวงหยกเดินแยกไป กุนตีหนักใจ
“ท่าทางพ่อจะถูกคุมเข้ม ขยับตัวไม่ได้แน่”
“จะมีประโยชน์อะไร...คุมได้แต่ตัว ก้อยไปลุ้นหาพระเอกของก้อยดีกว่า ว่าจะมาหรือเปล่า”
กันตาเดินแยกไป กุนตีมองตามอย่างสงสัยว่ากันตาคิดทำอะไรอีก

หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดเดินเข้างานมา หม่อมประโคม เพชรแข่งกับโคมระย้า วิบวับแวววาวไปทั้งตัว ท่านชายอ๊อดคอยเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระวังตัว
“เป็นอะไร ท่าทางลุกลี้ลุกลนพิลึก” หม่อมมลุลีมองดุ
“ผมก็กลัวจะเจ๊อะกับเจ้าหนี้เข้าน่ะสิครับหม่อมแม่ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นงานของหลานสาวเจ้าสัว ผมไม่เสี่ยงมาจริงๆ”
“นี่ หยุดพูดจาไม่เป็นมงคลซะที” หม่อมมลุลีมองหาเริ่มหงุดหงิด “นี่เจ้าภาพเขาหาย ไปไหนกันหมดนะ”
พวงหยกเดินมองหากฤช เห็นหม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อด เปลี่ยนเป้าหมายไปทันที
“หม่อมมลุลี”
พูดจบพวงหยกเดินรี่เข้าไปทันที กุนตีเดินตามแทบไม่ทัน
“สวัสดีค่ะ หม่อม...ท่านชาย...แล้วนี่มากันแค่สองคนเหรอคะ”
“ทำไม แม่พวงหยกคิดว่าฉันจะพาใครมาด้วยงั้นเรอะ” หม่อมมลุลีเชิด
“แหม...ก็หลานชายหม่อมไงคะ หม่อมไม่รู้เหรอคะว่าเขากำลังเป็นข่าวคึกโครมเรื่องตามจับเซเลปคนดังเป็นถังข้าวสารอยู่ แล้วงานไฮโซแบบนี้ ฉันเลยคิดว่าเขาไม่น่าจะพลาด”
“แม่...” กุนตีปราม
ท่านชายอ๊อดที่คิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ได้ยินเข้าก็หูผึ่ง หม่อมมลุลียิ้มเยาะ
“หลานชายมีคู่หมั้นคู่หมายที่เหมาะสม เขาคงไม่ลดตัวไป ทำอะไรมักง่ายอย่างนั้นหรอก”
“ผมว่าผู้หญิงที่เป็นข่าวมากกว่าที่จะจับลูกชายผม...พิศุทธิ์ ทั้งหนุ่ม หล่อ การศึกษาดี มีชาติตระกูล ผู้หญิงคนไหนได้ไป ก็เหมือนถูกหวยรางวัล ที่หนึ่ง”
พวงหยกหัวเราะ
“อุ๊ย กลัวลูกชายท่านชายจะเป็นแค่หวยเถื่อนที่หลอกล่อคน ให้เอาเงินไปแทง สุดท้ายก็หอบเงินหนี นะสิคะ”
หม่อมมลุลีไม่พอใจ
“นี่แม่พวงหยก ฉันว่าเธอระมัดระวังคำพูดไว้หน่อยจะดีกว่า หลานฉัน เป็นผู้ดีโดยสายเลือดไม่ใฝ่ต่ำหลอกจับผู้หญิงรวยหรอกนะจะบอกให้”
สิ้นคำหม่อมมลุลี...พิศุทธิ์พร้อมดอกไม้ช่อโตในมือ เดินหล่อ สง่า เข้ามาในงาน กันตาหันไปเห็นก่อนใครเธอดีใจ
“คุณพิศุทธิ์”
กุนตีเดินตามกันตามา
“อย่างนี้ งานคงสนุกขึ้นเยอะ”
กันตากระซิบ กุนตีถอนใจ
“ไม่รู้ว่าจะสนุกขึ้น หรือ วุ่นวายขึ้นกันแน่”
พวงหยก หม่อมมลุลี ท่านชายอ๊อดหันไปมองพิศุทธิ์พร้อมกัน หม่อมมลุลีหน้าแตกยับ พวงหยกได้ที ขยี้ซ้ำ
“ต๊าย พูดไม่ทันขาดคำ...หนูก็วิ่งมา ดูสิ คงกำลังมองหาว่าจะลงถังไหนดี หม่อมคงต้องปรามๆหลานชายไว้บ้างแล้วละคะ”
กุนตีเห็นว่าจะไปกันใหญ่รีบดึงพวงหยกแยกไปอีกทาง
“แม่คะ...ไปรับแขกทางโน้นดีกว่าคะ”
พวงหยกขัดใจจะปัดมือออก กุนตีลากออกไป
“อ้าว นี่มันอะไรกันยัยกุ้ง ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย”
ท่านชายอ๊อดขำๆ
“แต่ก่อนผมก็เห็นหม่อมแม่กับคุณนายพวงหยกถูกคอกันดี แถมยัง ยังแท็คทีมจูบปากกันจัดการเมียเก่าผมซะยับ แต่มาคราวนี้ทำไม ถึงกลับเปิดศึกกันเองล่ะครับหม่อมแม่”
“แกโง่แบบนี้นี่ไงถึงได้ตาบอดคว้านังเนื้อแพรนั่นมาทำเมีย ที่ต้องดีใส่กันก็ แค่เข้าสังคมแค่นั้นแหละ แล้วนี้พ่อตัวดีหายไปใหนแล้ว ต้องไปถามให้ รู้เรื่อง”
หม่อมมลุลีเดินฟึดฟัดไปเลยไม่สนใจท่านชายอ๊อด
“อ้าว หม่อมแม่ เดี๋ยวสิครับ”
ท่านชายอ๊อดวิ่งตามไป

พิศุทธิ์เดินเข้ามาหากะรัตที่หลังเวที กันตาวิ่งมาแกล้งขวาง
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผมมาหากะรัต” พิสุทธิ์จะเดินไป
กันตายังขวางไว้
“คุณจะมาทำให้พี่กั้งเจ็บอีกทำไม คุณกลับไปเถอะ พี่กั้งจะได้เริ่มต้นใหม่กับคนอื่นสักที”
“ถ้าผมยอมให้เป็นแบบนั้น ผมคงไม่รีบมาที่นี่หรอกครับ”
พิศุทธิ์เดินผ่านกันตาเพื่อเข้าไปหากะรัตภายห้องทันที กันตามองตามแล้วทำท่า เยส

สายน้ำผึ้งหอบหิ้วกล่องของขวัญเข้ามาในบ้าน รสสุคนธ์เดินมารับ
“อ้าว ไหนโทรมาบอกว่าวันนี้จะไปเลี้ยงวันเกิดกับ คุณพิศุทธิ์ไงผึ้ง”
สายน้ำผึ้งหงุดหงิด
“น้ารสไม่ต้องเยาะเย้ยผึ้งเลยนะ”
“น้าไม่ได้เยาะเย้ย แต่พูดให้ผึ้งรู้สึกตัวว่าความจริงมันเป็นยังไง”
สายน้ำผึ้งยิ้ม
“ความจริงก็คือคุณพิศุทธิ์รู้สึกดีกับผึ้ง เขาชอบผึ้ง”
สายน้ำผึ้งหยิบกล่องของขวัญที่พิศุทธิ์ให้
“นี่ไง หลักฐานยืนยัน”
“อะไร”
“ก็ของที่เขาใช้สื่อความหมาย...ว่าเขาต้องการดูแลผึ้งกับลูกไปทั้งชีวิตไงล่ะน้ารส”
รสสุคนธ์มองกล่องของขวัญของพิศุทธิ์ในมือหลานอย่างสงสัยว่าในกล่องเป็นอะไร ถึงทำให้ สายน้ำผึ้งดูมั่นใจว่าพิศุทธิ์ชอบเธอ

กะรัตเตรียมชุดให้นางแบบ ทุกคนวุ่นวายกับการทำงาน กะรัตเหนื่อยมาก จะเดินไปอีกทางแล้วชะงัก เมื่อเห็นพิศุทธิ์ถือช่อดอกไม้อยู่ตรงประตูห้อง
 
“คุณ”
พิศุทธิ์จะขยับเดินมาหา กะรัตเลี่ยงไปดูชุดที่แขวนอยู่ที่ราวปากก็พูดกับทีมงานกะเทยที่ยืนอยู่ ใกล้ๆไปด้วย
“ซันนี่ ช่วยดูแลห้องนี้ให้ดีหน่อย ปล่อยให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามแบบนี้ ระวังจะไม่ได้ค่าตัว”
ซันนี้รู้ว่ากะรัตหมายถึงพิศุทธิ์ แต่ความหล่อของเขาทำให้ซันนี่อึกอักไม่กล้าไล่
“แต่เขาดูดีมากเลยนะคะคุณกะรัต ดูสิคะ มีช่อดอกไม้มาด้วย”
“ซันนี่ ฉันสั่งไม่ได้ยินรึไง”
“อ้ะค่ะ ค่ะ ค่ะ” ซันนี่เดินเข้าหาพิศุทธิ์ “คือ...”
กะรัตมือยังสาละวนอยู่กับเสื้อผ้า ปากก็พูดไปด้วยอารมณ์จงใจกระทบใจพิศุทธิ์ตรงๆ
“ฉันว่าเราควรจะอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ควรลดตัวเข้ามาในที่ที่ไม่คู่ควรให้แปดเปื้อน”
“คุณจะพูดทำร้ายตัวเองไปเพื่ออะไร”
“เพื่อเตือนสติคุณไงคะ ว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงสกปรกอย่างฉัน ผู้หญิง อย่างฉันต้องการผู้ชายรักสนุกเหมือนกัน พวกอยากลองกระดังงาลนไฟ ว่ามันช่ำชองร้อนแรงขนาดไหน”
กะรัตเดินออกจากห้องแต่งตัวไป พิศุทธิ์เดินตามไป

กะรัตเดินหนี พิศุทธิ์ตามมาจับมือไว้ กะรัตทำเซเข้าไป ซบอกเขา เงยหน้ามองอย่างท้าทาย
“คราวนี้คุณไม่อายแล้วเหรอ ที่กอดฉันกลางฝูงชนอย่างนี้”
“ไม่อาย แล้วผมจะทำมากกว่านี้อีก”
กะรัตท้าทาย
“ทำอะไร จะจูบฉันเหรอ เอาซี้ ฉันก็อยากจะรู้ว่าคนอย่าง ม.ร.ว พิศุทธิ์ จะกล้าเสียเกียรติมาจูบผู้หญิงกินผัวอย่างฉันจริงๆ”
กะรัตเงยหน้าเผยอปากท้าทาย เพราะรู้ว่าทำอย่างนี้จะทำให้พิศุทธิ์ไม่กล้า และไม่พอใจ และปล่อยเธอไป พิศุทธิ์มองใบหน้ากะรัตที่ยื่นเข้ามาหาตัวเองอย่างชะงัก หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดก็โผล่พรวดเข้ามา เห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันในนี้ก็ตกใจ มากที่ผู้หญิงที่พวงหยกพูดหมายถึงกะรัตนี่เอง
“ที่แท้ก็แม่ม่ายสามผัวคนนี้เอง...นี่คงไม่ใช่หลานฉันที่วิ่งเข้าหา แต่เป็น หล่อนซะมากกว่าที่อยากได้หลานฉันจนตัวสั่น”
หม่อมมลุลีปัดมือกะรัตออกจากตัวพิศุทธิ์
“ปล่อยหลานชายฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ทุกคนหยุดมือที่ทำงาน หันมามองหม่อมมลุลีเป็นตาเดียว ท่านชายอ๊อดที่รู้ว่าผู้หญิงของพิศุทธิ์คือกะรัต หลานสาวเจ้าสัว ก็ใช้ความคิดทันที กะรัตยืนโกรธตัวเกร็ง พิศุทธิ์ขยับเข้าไปยืนเคียงข้างกะรัตเต็มตัวให้รู้ว่าพร้อมจะปกป้อง
“หม่อมย่าครับ...กรุณาให้เกียรติคุณกะรัตด้วย”
“ออกรับแทนกันอย่างนี้ หล่อนคงใช้เสน่ห์มารยายั่วจนหลานฉันติดบ่วง ของหล่อนละซิ”
กะรัตยั่วหม่อมมลุลี
“ผู้หญิงอย่างฉันไม่ต้องใช้เสน่ห์ให้เหนื่อย ผู้ชาย อย่างหลานหม่อมน่ะแค่กระดิกนิ้ว เขาก็ตามฉันแล้ว ก็กลิ่นกะดังงา ลนไฟมันหอมยั่วยวนนี่คะหม่อม...แต่พูดไปแม่ม่ายร้างสามีอย่างหม่อม คงไม่เข้าใจ”
หม่อมมลุลีโกรธตัวสั่น
“แม่กะรัต เห็นไหมพิศุทธิ์ ผู้หญิงของแกมันต่ำขนาดไหน”
ท่านชายอ๊อดกลัวว่าใครต่อใครจะได้ยินเสียงหม่อมมลุลีแล้วจะมามุงดู อาจเจอเจ้าหนี้รีบพูดปราม
“หม่อมแม่ครับ ออกไปก่อนเถอะครับ ผมขอละ”
ท่านชายอ๊อดจะดึงตัวแม่ไป หม่อมมลุลีตวาด
“เงียบไปเลยนะชาย ชายไม่รู้รึไงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างอะไรกับส้วมที่มีคนใช้แล้วถึงสามหน” หม่อมมลุลีจ้องหน้าพิศุทธ์ “คิดยังไงถึงจะลดตัวไปใช้ ส้วมโสโครกนี่ต่อ”
“อ้าว หม่อมทำไมเปรียบลูกสาวดิฉันเป็นส้วมโสโครกขนาดนั้นล่ะคะ”
เสียงพวกหยกดังลั่นมาก่อนตัว ทุกคนหันมองเป็นตาเดียว ทุกคนในห้องแตกตื่นกว่าเดิมอีก พวงหยก กฤช กันตา กุนตี มากันครบทีม
“แม่พวงหยก” หม่อมมลุลีชะงัก
กันตาและกุนตีรีบเดินเข้าไปขนาบข้างกะรัต ลุ้นแทบไม่หายใจ
“แทนที่หม่อมจะเหยียดหยามคนอื่น หม่อมช่วยไปล่ามโซ่หลานชาย ไม่ให้มายุ่งกับลูกสาวดิฉันดีกว่านะคะ”
“คนดีพร้อมอย่างพิศุทธ์ไม่มีทางมาคว้าแตงเถาตายอย่างนี้หรอก ถ้าไม่โดนมารยาร้อยเล่มเกวียนล่อมาให้กินฟรี”
“แหม ที่แต่ก่อนหม่อมก็ดูชื่นชมตระกูลของดิฉัน ไหงตอนนี้ถึงกลับลำมาด่ากันฉอดๆ กันล่ะคะ แบบนี้ชนชั้นของฉันเรียกว่า...ตลบแตลง”
“คนที่พยายามจะชุบสีลูกสาว ที่เน่าเฉาฉึ่งมาขายใหม่ต่างหาก...ถึงเรียกว่า ตลบแตลง อย่าคิดหวังจะใช้นามสกุลของฉันกับหลานชายฉันล้างกลิ่น คาวเลย ฉันไม่มีวันยอม”
พวงหยกสวน
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะหม่อม ประตูบ้านฉันก็ไม่ต้องรับพวกผู้ดีตัวเปล่า ที่หวังจะมาตกถังข้าวสารเหมือนกัน”
พิศุทธิ์เสียงเข้มขึ้น
“พอทีเถอะครับ หยุดเหลวไหลกันได้แล้ว”
ทุกคนชะงักเงียบ กะรัตหันมาต่อว่า
“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว ว่าคุณกับฉันไม่ควรเจอกันอีก”
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาเรียกกะรัตพอดี
“คุณกะรัตคะ ได้เวลางานเริ่มแล้วคะ”
กะรัตมองไปที่พิศุทธิ์ด้วยความเสียใจมากมาย พิศุทธิ์ส่งสายตาให้เธอลุกขึ้นสู้ กะรัตถอนสายตาจากเขา แล้วเดินผ่านไป ท่านชายอ๊อดหันไปชวนแม่
“ไปเถอะครับหม่อมแม่”
ท่านชายอ๊อดออกแรงดึงหม่อมมลุลีออกไป
“ปล่อยแม่นะตาอ๊อด ปล่อย”
ท่านชายอ๊อดดึงหม่อม มลุลีพ้นไปจากตรงนั้น ทุกสายตาหันมองพิศุทธิ์เป็นตาเดียว กุนตีรีบปราดเข้าหาแม่
“แม่คะ งานจะเริ่มแล้ว เราออกไปกันเถอะค่ะ”
กันตากุนตีจับแขนแม่คนละข้าง แล้วดึงตัวออกไปไม่ยอมปล่อย
“เอ๊ะ แกสองคนนี่ยังไง ปล่อยฉันนะ”
กฤชมองหน้าพวงหยกปรามๆ
“ถ้าไม่เห็นแก่หน้าตัวเอง ก็เห็นแก่หน้าลูกบ้าง”
กฤชเดินแยกไป กันตากับกุนตีคล้องแขนแม่กันคนละข้าง แล้วพาออกไป พิศุทธิ์ยืนนิ่งอยู่คนเดียว ทันใดนั้นเสียงเนื้อแพรดังขึ้น
“ไปทำตามที่หัวใจของชายต้องการเถอะลูก”
“แม่”

พิศุทธิ์มองแม่อย่างคาดไม่ถึงว่าจะบอกแบบนี้ เนื้อแพรยิ้มให้ลูกชาย

บนเวที...แสงสีเสียงตระการตา แฟชั่นโชว์เริ่ม แขกปรบมือต้อนรับ แสงแฟลชจากช่างภาพวูบวาบตลอดเวลา
 
เนื้อแพรตามพิศุทธิ์เข้ามามองบนเวที หม่อมมลุลีเห็นเนื้อแพรเดินมากับพิศุทธ์ก็ตกใจจะเข้าไปอาละวาด แต่ท่านชายอ๊อดมองแขกในงานอย่างระแวงกลัวเจ้าหนี้ จึงพยายามดึงไว้ไม่ให้เข้าไปโวยวายพิศุทธิ์ให้เป็นจุดเด่น
กฤชมองเนื้อแพรที่ยื่นอีกฝั่งตรงกันข้าม จะเดินเข้าไปหา พวงหยกเห็นเนื้อแพรเข้ารีบพุ่งเข้าไปจับตัวกฤชไว้ บนเวที แสงสีเสียงตระการตา แฟชั่นโชว์ดำเนินต่อไป แขกมองดูชื่นชมฮือฮา แต่ละชุดสวยงาม แสงแฟลชวูบวาบตลอดเวลา นางแบบสลับกันเดินออกมา
กฤชมองเนื้อแพรแล้วมองไปทางพิศุทธิ์ที่กำลังมองหากะรัตเป็นเชิงถามว่าเนื้อแพรยอม ให้โอกาสพิศุทธิ์กับกะรัตแล้วเหรอ เนื้อแพรมองกฤชอย่างเข้าใจว่าเขาคิดอะไร เธอยิ้มอ่อนๆเป็นคำตอบ พวงหยกเห็นเนื้อแพรกับกฤชยิ้มหวานให้กันแล้วของยิ่งขึ้น
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปลากนังนั่นออกจากงาน”
พวงหยกจะดึงดันไปหาเนื้อแพร เจ้าสัวบัญชาเหลืออดกับอาการบ้าคลั่งของพวงหยก ดึงมือไว้
“อั๊วจะบอกให้นะอาหยก ยิ่งลื้อพยายามไล่เขาออกไปจากชีวิตผัวลื้อเท่าไร ก็เท่ากับไล่ผัวลื้อออกไปจากชีวิตลื้อมากเท่านั้น”
“แล้วเตี่ยจะให้อั๊วทำยังไง”
“มีสติ...” เจ้าสัวบัญชาจับหน้าของพวงหยกไปทางเวที “แล้วดูความสำเร็จในชีวิตของลูก”
บนเวที...นางแบบยืนเรียงแถวสองด้านต้อนรับชุดฟินนาเล่ผายมือรับกะรัตที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเท่ๆเปิดตัวอย่างสวยงาม เดินออกมาเป็นสุดท้ายกับนางแบบในชุดฟินนาเล่ นางแบบเดินกลับเข้าเวทีไป นักข่าวเข้ามารุมสัมภาษณ์กะรัต
“ขอทราบแนวคิดของแฟชั่นเซ็ทนี้ของคุณกะรัตหน่อยได้มั้ยครับ”
“คงไม่มีใครทราบว่าเสื้อผ้าชุดนี้เกิดจากความผิดพลาด ถ้าเรารู้จักตั้งสติหาทางแก้ไข แล้วสร้างสรรค์มันขึ้นมาใหม่ สำคัญที่สุดคือเราต้องให้โอกาสกับตัวเองค่ะ”
“แล้วแฟชั่นโชว์ชื่อชุด...My life ครั้งนี้มีความหมายลึกซึ้งอะไรหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ มีข่าวลือหนาหูเรื่องรักครั้งใหม่ของคุณกะรัต”
กะรัตอึ้งๆกับคำถามพิธีกร
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...คนในข่าว เรา...เป็นแค่” กะรัตตัดใจพูดออกไป “เพื่อนกันเท่านั้นค่ะ”
พิศุทธิ์ตะโกนออกไปทันที
“ไม่จริง”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง กันตาดีใจ
“ว้าว”
พวงหยกตกใจคิดไม่ถึง หม่อมมลุลีตาเบิกโพลง
“ชาย”
พิศุทธิ์เดินผ่านทุกคนที่ถอยเปิดทางให้เขาก้าวไปหากะรัต เนื้อแพรยิ้มให้กับความกล้าของลูกชาย พวงหยกร้องเรียกกุนตีกับกันตา
“ยายก้อย ยายกุ้ง ไปบอกใครก็ได้ให้ลากหมอนั่นลงมา”
“ไม่ได้หรอกค่ะแม่ เพราะเนี่ยคือไฮไลท์ของงาน” กันตายิ้ม
เจ้าสัวบัญชามองพิศุทธิ์กับกะรัตบนเวที หันมาถามกฤช
“ใครกันอากฤช”
“คุณชายพิศุทธิ์ หลานชายหม่อมมลุลีเป็นลูกชายคนเดียวของท่านชายอ๊อดกับเนื้อแพรครับ”
เจ้าสัวบัญชานิ่งฟังแล้วหันมองบนเวที จ้องมองพิศุทธิ์อย่างจับตา พิศุทธิ์จ้องตากะรัต
“ทำไมคุณบอกทุกคนแบบนั้นทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง”
ทุกคนลุ้น เริ่มหันไปซุบซิบ หม่อมมลุลีไม่พอใจมาก
“นั่นพิศุทธิ์จะทำบ้าอะไรน่ะ ตาอ๊อดขึ้น ไปลากพิศุทธิ์ลงมา”
“ขืนขึ้นไป เจ้าหนี้ก็เห็นผมสิครับหม่อมแม่”
ท่านชายอ๊อดที่พอใจสิ่งที่พิศุทธิ์ทำ รั้งแม่ไว้ได้อยู่หมัด กะรัตมองหน้าพิศุทธิ์
“คุณกลับไปซะเถอะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาทำแบบนี้”
“ไม่ จนกว่าคุณจะยอมรับว่าสิ่งที่คุณพูดมันไม่จริง เราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน คุณก็รู้”
“แต่คุณก็เห็นว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”
“มันเป็นเพราะคุณยอมแพ้เองต่างหากกั้ง”
“เราอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก เราไม่มีทางสู้คนพวกนี้ได้”
“คุณคิดไปเอง ถึงคุณจะไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ถึงคุณจะไม่มีค่าสำหรับใคร แต่คุณมีค่าสำหรับผม เข้าใจมั้ยกั้ง”
พิศุทธิ์มองกะรัตแล้วก้มลงไปดึงริบบิ้นที่ผูกช่อดอกไม้ไว้ออกมา เดินเข้าไปจับมือของเธอเอาริบบิ้นผูกมือเธอไว้ แล้วเอาปลายริบบิ้นอีกข้างมาผูกข้อมือตัวเอง กะรัตพยายามแก้มัดริบบิ้น
“คุณทำอะไรเนี่ย”
พิศุทธิ์จับมือของกะรัตไม่ให้แก้มัดริบบิ้น พร้อมมองตา
“นี่คือความรู้สึกที่ผมมี มันมากกว่าความรัก มันมากกว่าความห่วงใย มันมากกว่าเกียรติยศชื่อเสียง มันมากกว่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา มันเป็นความรู้สึกที่อยากผูกและพัน คุณไว้กับผม อยู่กับผม หัวเราะกับผม...ร้องไห้กับผม”
“คุณพิศุทธิ์…” กะรัตอึ้ง
“คุณพร้อมจะวางอดีต แล้วเดินไปกับปัจจุบันและอนาคตกับผมมั้ยกั้ง”
กะรัตมองหน้าพิศุทธิ์ด้วยความเต็มตื้นหัวใจและเจ็บปวดว่าทำไมผู้ชายดีที่สุดในโลก ต้องมารักผู้หญิงอย่างเธอ เธอนึกถึงอดีตที่แม่ของภูเบศร์ด่ากราดใส่ที่โรงพยาบาล หลังจากภูเบศร์ตายว่าเธอ เป็นผู้หญิงกินผัว นึกถึงเนื้อแพรmบอกกับเธอว่าไม่อยากให้เอาบาดแผลของเธอมายัดเยียดให้พิศุทธิ์ เขาเป็นคนดีเกินไปสำหรับเธอ และนึกถึงสายน้ำผึ้งที่ด่าเธอที่ร้านเสื้อว่าไม่ว่ากะรัตมีผู้ชายกี่คน ก็ตายหมด
ทันใดนั้นกะรัตดึงริบบิ้นออกจากข้อมือของตัวเองแล้วลงจากเวที วิ่งออกไปจากงาน พิศุทธิ์รีบวิ่งตาม กะรัตออกจากงาน ทุกคนในงานต่างยืนอึ้ง เนื้อแพรมองกะรัตอย่างงงๆว่าทำไมเธอไม่รับคำขอแต่งงานของพิศุทธิ์
พวงหยกหัวเราะสะใจ
“วันนี้เพิ่งเห็นว่ายายกั้งฉลาด ไม่หลงกลให้พวกเห็บ หมัดมา สูบเลือด สูบเนื้อ”
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร อาพวงหยก” เจ้าสัวบัญชาเปรยๆ
กันตากับกุนตีเห็นด้วยกับเจ้าสัวบัญชา แล้วมองไปทางพิศุทธิ์กับกะรัตว่าจะลงเอยกันอย่างไร

สายน้ำผึ้งอยู่ในห้องนอน...มองกล่องของขวัญที่พิศุทธิ์ให้อย่างมีความหวังที่แสนสุข เธอจินตนาการไปว่าตัวเองอยู่ในชุดเจ้าสาวพริ้วๆ กับพิศุทธิ์ในชุดเจ้าบ่าววิ่งจูงมือผ่านทุ่งหญ้ากันอย่างมีความสุข แล้วตัดสินใจถอดแหวนทองที่ภูเบศร์เคยสวมให้ไว้ แล้วมองนิ้วตัวเองที่โล่ง ไม่มีแหวนพร้อมจะได้สวมแหวนเพชรของพิศุทธิ์แล้ว เธอลูบท้องคุยกับลูก
“เรามาเปิดของขวัญของพ่อหนูพร้อมๆกันนะลูก”
สายน้ำผึ้งหยิบกล่องของขวัญของพิศุทธิ์มาค่อยๆเปิดห่อกระดาษอย่างใจเย็นและทะนุถนอมที่สุด

กะรัตวิ่งเข้าลิฟท์ แล้วพยายามกดปิดประตูลิฟท์ พิศุทธิ์วิ่งตามมากำลังจะทัน ทันใดนั้นมีผู้ชายวิ่งตัดหน้า พิศุทธิ์ชนกับผู้ชายล้ม เขาช่วยพยุงผู้ชายลุกขึ้นอย่างรีบร้อน
“ขอโทษนะครับ”

พิศุทธิ์จะวิ่งไปหากะรัตในลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิดแล้ว เขาตัดสินใจวิ่งลงบันไดแทน กันตากับกุนตี วิ่งตามมา

กะรัตวิ่งขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่หน้าโรงแรม พิศุทธิ์วิ่งตามออกมา
 
“กั้ง”
กะรัตสตาร์ทรถขับออกไปทันที พิศุทธิ์มองหารถตัวเอง แต่รถของเขาไม่ได้จอดหน้าโรงแรม แต่อยู่อยู่ที่ลานจอดรถในตึก กันตากับกุนตีวิ่งออกมาจากโรงแรม กันตาโยนกุญแจรถของตัวเองให้พิศุทธิ์
“เอารถก้อยไปเลยค่ะ”
พิศุทธิ์รับกุญแจที่กันตาโยนมาให้ แล้วรีบขึ้นรถคันหรูของกันตาแล้วรีบขับตามกะรัตไป กันตากับกุนตีมองตาม

กะรัตขับรถมาหยุดริมถนนแถวๆโบสถ์คริสต์ที่เปิดไฟรอบ โบสถ์ดูสวยสง่าและมีมนต์ขลัง เธอลงจากรถด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“น้ำมันมาหมดอะไรตอนนี้เนี่ย”
กะรัตมองไปทางถนนที่ไม่มีรถขับตามมาแล้วถอนใจด่าตัวเอง
“หนีเขามาเองนี่ยายกั้ง แล้วจะมองหาเขาทำไม เล่นตัวนัก เขาไม่ตามเธอมาหรอก”
กะรัตนั่งตรงหน้ากระโปรงรถอย่างหมดแรงและหมดหัวใจ เธอมองรอบๆเห็นว่าเปลี่ยว จึงคิดว่าควรหารถออกไปจากตรงนี้ เธอเดินไปดูที่ถนน เห็นไฟหน้ารถสาดมาก็รีบโบกมือขอความช่วยเหลือ แต่รถกลับขับผ่านไป
“คนสมัยนี้ไม่มีน้ำใจกันรึไง” กะรัตโวยวาย
ไฟหน้ารถคันที่ 2 สาดมาอีก กะรัตรีบโบกมือขอความช่วยเหลือแต่รถขับผ่านไป เธอเริ่มหงุดหงิด ไฟหน้ารถคันที่ 3 สาดมา กะรัตตัดสินใจเดินไปยืนขวางหน้ารถตรงกลางถนน รถคันนั้นขับตรงเข้ามาเหมือนจะไม่จอด และจะชน ทันใดนั้นรถเบรคกึกกันชนของรถอยู่ห่างเรียวขาของกะรัตไม่กี่นิ้ว
“รถฉันน้ำมันหมด ขอติดรถไปลงตรงถนนใหญ่หน่อย”
ประตูรถถูกเปิด เป็นพิศุทธิ์ที่ลงจากรถ กะรัตชะงัก แล้วมองไปที่รถ เพิ่งเห็นถนัดว่าเป็นรถของกันตา กะรัตวิ่งหนี พิศุทธิ์รีบวิ่งไปคว้าเอวกอดไว้
“จะไปไหนอีก”
“ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย”
กะรัตพยายามสลัดอ้อมแขนของพิศุทธิ์ แต่เขาไม่ยอมปล่อย เธอจึงก้มลงกัดมือเขา
“โอ้ย ทำไมคุณถึงฤทธิ์เยอะขนาดนี้เนี่ย”
“แล้วใครใช้ให้คุณมายุ่งกับฉันล่ะ ฉันไล่คุณให้ไป คุณก็ไปสิ ฉันก็จะไปตามทางของฉัน คุณกับฉันไม่มีวันที่ ไปด้วยกันได้หรอก”
“ไม่จริงหรอก จำได้ไหม วันที่คุณโบกรถอยู่กลางทางด่วน ผมมองคุณอย่างลังเลว่าผมควรจะจอดรับผู้หญิง ที่ผมไม่รู้จักไปด้วยดีไหม ผมเกือบจะขับรถผ่านไป แต่หัวใจผมกลับรู้สึกว่าทิ้งคุณไปไม่ได้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ผมถึงรู้สึกอย่างนั้น แล้ววันนี้ผมก็รู้ว่า…วันนั้นที่ผมจอดรถรับคุณ และคุณโบกรถผม เพราะเราสองคนถูกกำหนด ให้ต้องร่วมทางกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณไปที่ไหน คุณก็ต้องเจอผมที่นั่น คุณหนีผมไปไม่ได้และผมก็จะไม่มีวัน ทิ้งคุณ”
“คุณพิศุทธิ์…” กะรัตอึ้ง
พิศุทธิ์มองหน้ากะรัตด้วยสายตารักหมดหัวใจ
“แต่งงานกับผมนะครับ...กั้ง”
กะรัตมองพิศุทธิ์ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด ดีใจ เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกทุกอย่าง

สายน้ำผึ้งค่อยๆบรรจงแกะกระดาษห่อของขวัญ ไม่ให้ขาดหรือยับเลย วางกระดาษไว้บนโต๊ะ แล้วมองกล่องกระดาษที่หุ้มกล่องของที่อยู่ข้างในอีกที เธอมองกล่องอย่างตื่นเต้นเอามือลูบท้อง
“แม่ตื่นเต้นจังเลยลูก”
สายน้ำผึ้งมองกล่องแล้วตัดสินใจแกะฝากล่องมองเข้าในกล่องเห็นของที่ อยู่ในกล่องแล้วถึงกับยิ้มค้าง

กะรัตมองพิศุทธิ์ด้วยความดีใจอย่างเต็มใจกับคำขอแต่งงานของพิศุทธิ์
“จะขอแต่งงานน่ะ ไหนล่ะแหวน”
พิศุทธิ์ยิ้มให้กะรัตแล้วล้วงหยิบถุงขนมผลิตภัณฑ์ที่บริษัทของพิศุทธิ์ผลิตมายื่นให้ กะรัตมองถุงขนมอย่างงงๆ
“คุณเอาขนมมาขอฉันแต่งงานเหรอ”
พิศุทธิ์ยิ้ม
“คุณจำได้ไหม คุณเคยบอกให้ผมคิดรสชาติขนมที่เป็นเฉพาะ ของคุณคนเดียว แล้วรสชาตินี้แหละ ที่ผมมีไว้เพื่อคุณเท่านั้น”
กะรัตมองชื่อรสชาติที่ข้างถุงขนมแล้วถึงกับยิ้มอย่างมีความสุข
“รส...พิศุทธิ์”
พิศุทธิ์ยิ้มเขินๆ กะรัตแกะถุงขนมแล้วเห็นกล่องแหวนอยู่ในถุงขนม พิศุทธิ์หยิบกล่องแหวนมา แล้วเปิดฝากล่องซึ่งเป็นแหวนวงเดียวกับที่สายน้ำผึ้งคิดว่าพิศุทธิ์ซื้อให้ตัวเอง พิศุทธิ์หยิบแหวนสวมที่นิ้วของกะรัต
“ขนมรสพิศุทธิ์ ไม่ค่อยหวาน ไม่ค่อยเผ็ด เป็นขนมที่จืดชืด เพราะมันผลิตด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีสารเติมแต่งรส ไม่รู้คุณจะชอบกินไหม”
กะรัตมองแหวนที่พิศุทธิ์สวมนิ้วอย่างมีความสุข แล้วมองพิศุทธิ์พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“กั้งจะกินให้หมดทั้งตัวเลย”
พิศุทธิ์เขินที่โดนกะรัตพูดกำกวมใส่ กะรัตมองเขาแล้วยิ้มรักหมดใจ เธอเก็บความสุขและความรักไว้ไม่อยู่ โผเข้ากอดเขา พิศุทธิ์กับกะรัตมองตากัน แล้วบรรจงจูบกันด้วยความรักเต็มหัวใจ

สายน้ำผึ้งหยิบกล่องดนตรีเล็กๆออกมาจากกล่องของขวัญ เธอมองกล่องดนตรีด้วยความรู้สึกผิดหวัง เหมือนความฝันทุกอย่างล้มครืน เธอคุมสติ ตัวเองให้รับความผิดหวังไม่อยู่ เขวี้ยงกล่องดนตรีลงที่พื้นกรี๊ดสติแตก
“ไม่จริง...อ๊าย”
รสสุคนธ์รีบเปิดประตูเข้ามา
“ผึ้งเป็นอะไร”
“แหวนของผึ้ง แหวนของผึ้งอยู่ที่ไหน ผึ้งเห็นกับตาว่า คุณพิศุทธิ์ซื้อแหวนให้ผึ้ง แล้วมันอยู่ไหน”
สายน้ำผึ้งหยิบกล่องของขวัญมาฉีกหาแหวนไร้ความถนุถนอมอีกต่อไป แล้วหยิบกระเป๋าตัวเอง มาเทของออกเพื่อหาแหวนอย่างสติแตก รสสุคนธ์รีบเข้าไปห้าม
“ใจเย็นๆนะผึ้ง อย่าเครียด มันมีผลกับลูก”
“ผึ้งไม่สน ผึ้งจะหาแหวน”
สายน้ำผึ้งไปขุ้ยหาแหวนในกองของที่เพิ่งเทออกจากกระเป๋าสะพาย
“ถ้ามันไม่มีก็แปลว่าไม่มี เขาอาจจะซื้อให้คนอื่นก็ได้”
สายน้ำผึ้งชะงักทันที
“ใคร คุณพิศุทธิ์ซื้อให้ใคร”
“น้าจะไปรู้เหรอ”
สายน้ำผึ้งเกรี้ยวกราดครุ่นคิด

“ผึ้งต้องรู้ให้ได้ว่าคุณพิศุทธิ์ซื้อแหวนให้ใคร”
 
จบตอนที่ 4 
กำลังโหลดความคิดเห็น