สามีตีตรา ตอนที่ 3
ในห้องรับแขกบ้านไม้ริมทะเล...พิศุทธิ์วางแก้วน้ำตรงหน้า กันตามองพิศุทธิ์ด้วยความปลื้ม ไม่วางตา
“ขอบคุณค่ะ” เธอส่งถุงกระดาษคืนให้ “นี่ค่ะเสื้อผ้าของคุณ ก้อยดีใจนะคะที่ผู้ชายคนที่พี่กั้งมาอยู่ด้วยเมื่อคืน คือคุณ”
พิศุทธิ์ตกใจกลัวกันตาจะคิดอะไรเลยเถิด
“ผมก็แค่ให้ที่พักเพราะเขาอ้างว่าไม่มีที่ไปเท่านั้นละครับ”
“น่าแปลกนะคะ พี่กั้งเกิดเรื่องทีไร ต้องเป็นคุณที่เข้ามาเป็นอัศวินม้าขาวทุกที” กันตารีบสอดส่ายสายตาสำรวจในบ้าน “แล้วนี่…คุณพิศุทธิ์มาพักผ่อนหรือมาทำงานคะ”
“พักผ่อนครับ”
กันตาพยายามจับผิด
“แหม...มานอนฟังเสียงคลื่น คนเดียวโรแมนติคจังเลยนะคะ”
พิศุทธิ์มองกันตาที่ทำท่าตีสนิทแล้วได้แต่ยิ้มนิ่งๆแบบไว้ตัว
“ไม่ทราบว่าคุณพิศุทธิ์จะรังเกียจมั้ย ถ้าพวกเราจะเชิญคุณที่บ้านเพื่อเลี้ยงตอบแทนสักมื้อ”
“ผมว่า...”
พิศุทธิ์จะปฏิเสธแต่ยังไม่ทันพูด กันตารีบรวบรัด
“ปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆที่ริมหาดคืนนี้สักทุ่มนึง” กันตาลุกขึ้นยืน “ที่อยู่บ้านก้อยกับเบอร์โทรอยู่ในถุงนั่นแล้ว...เจอกันนะคะ...บาย”
“เดี๋ยวครับ คุณ...”
กันตาพูดจบรีบเดินออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธ พิศุทธิ์ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ที่โดนมัดมือชก
กันตาเดินกลับเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี ไม่ทันเห็นว่ากะรัตกับกุนตียืนรอเอาเรื่องอยู่ นวลยืนหน้าแหยอยู่หลังกะรัต
“ไปไหนมา” กะรัตถามเสียงเข้ม
กันตาเห็นท่าทีทุกคนก็พอจะรู้แกล้งถามล้อกะรัตออกไป
“พี่กั้งไม่รู้จริงๆเหรอคะว่าก้อยไปไหนมา...เอ...รึถามเพราะอยากได้ยินชื่อเขากันแน่น้า”
“ยัยก้อย” กะรัตเงื้อมือจะตี
กันตาโดดหลบ หัวเราะชอบใจที่แกล้งพี่สาวได้ กุนตีส่ายหน้า
“เฮ้อ...พอกัน คนนึงก็ไปค้างอ้างแรมกับเขาทั้งที่ยังไม่รู้หัวนอนปลายเท้า อีกคนก็ไปหาเขาถึงที่บ้าน” กุนตีจ้องกันตา “แล้วนี่ยังมีอะไรเซอร์ไพร้ส์ให้พี่หัวใจวายอีกมั้ยยะ แม่ตัวแสบ”
“มีค่ะ แต่ก้อยว่ามันจะทำให้หัวใจใครบางคน...พองฟูเป็นบอลลูนมากกว่า”
“อะไรเหรอคะคุณก้อย” นวลพลอยตื่นเต้น
“ก้อยเชิญเขามาดินเนอร์กับเราคืนนี้ค่ะ” กันตาเดินเข้าไปดึงมือนวลเข้าข้างใน “ไปนวล ไปช่วยกันเตรียมของดีกว่า...”
กะรัตแอบตื่นเต้นที่พิศุทธิ์ยอมมากินข้าวด้วยที่บ้าน
สายน้ำผึ้งเดินลงจากห้องนอนในชุดอยู่บ้าน ที่หน้าผากยังมีร่องรอยแผลแตกจากการทะเลาะกับกะรัต รสสุคนธ์เห็นเข้าก็แปลกใจ
“อ้าว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอผึ้ง เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”
“ผึ้งว่าจะลาออกแล้วหางานใหม่”
“อะไรนะ นี่ เราไม่ใช่คนตัวเปล่า จะผลีผลามทำอะไรแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วรู้มั้ย” รสสุคนธ์ตกใจ
“ก็เพราะผึ้งคิดถึงลูกอยู่นี่ไงคะ ผึ้งถึงอายไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขา เป็นลูกไม่มีพ่อ”
“แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง ผึ้งก็ควรจะรับความจริงให้ได้สิ”
“น้ารสไม่ใช่ผึ้ง...น้ารสไม่เข้าใจหรอก ทุกคนรอบตัว มันพร้อมจะซ้ำเติมผึ้งกันทั้งนั้น”
“แต่ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะเราทำตัวเองนะ”
สายน้ำผึ้งฟังแล้วจี๊ด
“นี่น้ารสจะสมน้ำหน้าผึ้งอีกแล้วใช่มั้ย ทำไมคะ ทีกั้งแย่งผัวผึ้งทำไมกรรมถึงไม่ไปสนองมันบ้าง”
รสสุคนธ์เอือมระอา
“เรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ได้ แน่ใจเหรอว่าเราจะเป็นแม่คนได้”
“ไม่ต้องเป็นก็ดี ผึ้งก็อยากจะให้ทุกอย่างมันจบๆไปในวันนี้เหมือนกัน”
สายน้ำผึ้งปุบปับขึ้นไปชั้นบน เหมือนมุ่งมั่นจะไปทำอะไรสักอย่าง รสสุคนธ์เป็นห่วง
“ผึ้ง...ผึ้ง...นั่นผึ้งจะทำอะไรน่ะ” รสสุคนธ์รีบเดินตาม
รสสุคนธ์วิ่งตามหลานสาวมาที่ห้อง แล้วตกใจกับสภาพห้องที่กระจัดกระจายไปด้วยข้าวของ ของภูเบศร์ มองไปเห็นสายน้ำผึ้งกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ที่หัวเตียง
“ผึ้ง...นี่คิดจะทำอะไร”
สายน้ำผึ้งหยิบขวดยาสตรีที่ใช้สำหรับขับเลือดออกมาจากลิ้นชัก
“ในเมื่อแม้แต่พ่อของมันยังไม่ต้องการ ก็อย่าให้มันเกิดมาประจานความโง่ของผึ้งอีกเลย”
สายน้ำผึ้งเปิดฝาขวดแล้วจะยกดื่ม
“อย่านะ”
รสสุคนธ์ปราดเข้าไปแย่งขวดยาที่กำลังจ่อปากผึ้ง เขวี้ยงลงพื้น
“น้ารส”
“จะสร้างบาปสร้างกรรมไปถึงไหน”
“แล้วน้ารสจะให้ผึ้งทำยังไงถึงจะไปให้พ้นเรื่องบ้าๆนี่ ผึ้งรักภู ลูกของผึ้งก็เกิดมาด้วยความรัก แต่ทำไมทุกอย่างมันถึงกลายเป็นแบบนี้ ผึ้งแค่อยากเริ่มต้นชีวิต กับคนที่ผึ้งรักมันผิดตรงไหน ผึ้งทำผิดอะไร ทำไมผึ้งต้องถูกทุกคนรุมทำร้ายแบบนี้”
รสสุคนธ์เตือนสติ
“แต่เด็กในท้องไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ผึ้งมีสิทธิ์อะไรไปทำลายชีวิตเขา ถ้าผึ้งบอกว่าเขาเกิดมาจากความรักจริงๆ ผึ้งก็ต้องดูแลเขา เลี้ยงเขาด้วยความรักถึงจะถูก”
สายน้ำผึ้งยกมือขึ้นจับท้องแล้วร้องไห้ออกมา
“แต่ผึ้งไม่รู้จะทำยังไงดี ผึ้งจะสู้หน้าคนอื่นได้ยังไง ผึ้งไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไงแล้วน้ารส...”
สายน้ำผึ้งร้องไห้โฮออกมาพร้อมกับทรุดลงกับพื้น รสสุคนธ์ที่รักหลานสาวเหมือนลูกแท้ๆ น้ำตาหยดออกมาด้วยความสงสารเอามือลูบหัว
“ลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นซะแล้วตั้งต้นชีวิตใหม่ให้ได้ ไม่มีใครเขาซ้ำเติม เราได้เท่ากับตัวเราซ้ำเติมตัวเองหรอกนะผึ้ง”
สายน้ำผึ้งยังคงร้องไห้ให้กับความผิดหวังสูญเสียที่เกิดขึ้น
รถคันหรูของท่านชายอ๊อดขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เนื้อแพรแต่งตัวสวยจะออกจากบ้านเพื่อมาต้อนรับแขกคนสำคัญ แล้วต้องชะงักเมื่อพบว่าแขกที่มาเยือนไม่ใช่กฤช
“ท่าน...”
“ฉันมาหาชาย เรียกมันออกมาซิ” ท่านชายอ๊อดเชิดๆ
“ท่านมีธุระอะไรกับชายไม่ทราบคะ” เนื้อแพรเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย
“ฉันเป็นพ่อมัน อยากจะเจอหน้าลูกบ้าง ต้องรายงานเธอด้วยรึไง”
เนื้อแพรยิ้มๆออกมาอย่างรู้ทัน
“ลองท่านลดตัวมาถึงที่นี่ ดิฉันกลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่สู้ดีสักเท่าไหร่”
“ฉันกำลังเดือดร้อนก็เพราะไอ้ลูกไม่รักดีของเธอ เรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้”
“ชายไม่อยู่ที่นี่ค่ะ” เนื้อแพรเชิดหน้าบ้าง
“แล้วมันหายหัวไปไหน”
“นั่นสิคะ ดิฉันก็ชักสงสัยแล้วว่ามีเรื่องอะไรกดดันให้ชายต้องหนีไปแบบนี้”
เสียงคนเดินเข้ามาทั้งคู่หันไปมอง ทั้งสามคนออกจะตกใจกฤชเป็นฝ่ายตั้งสติได้ก่อน
“สวัสดีครับท่านชาย ไม่นึกว่าจะได้เจอท่านที่นี่”
ท่านชายอ๊อดมองกฤชสลับกับเนื้อแพรแล้วพูดกัด
“ใช่ซิ...ฉันมันก็แค่คนแปลกหน้า ไม่ใช่คนคุ้นเคยอย่างใครบางคน”
เนื้อแพรบอกกฤชไปเสียงเรียบๆ
“ท่านมาหาชายน่ะค่ะ”
ท่านชายอ๊อดมองเนื้อแพรอย่างดูถูก
“ฉันว่าเธอควรจะโทษตัวเองมากกว่า ที่ชายมันต้องหลบหน้าไปแบบนี้ ก็เพราะมันหน้าบางเกินกว่าจะอยู่รับรู้เรื่องคาวโลกีย์ของแม่ มันนั่นแหละ”
ท่านชายอ๊อดมองหน้ากฤชอย่างรังเกียจแล้วกลับออกเดินไป กฤชทนเห็นท่านชายอ๊อดดูถูกเนื้อแพรไม่ได้ขยับจะตาม เนื้อแพรรีบดึงไว้
“ช่างเขาเถอะค่ะ”
“แต่ผมจะปล่อยให้เขาดูถูกคุณแบบนี้ไม่ได้” กฤชจะไปอีก
“แล้วคุณจะตามไปจัดการทุกคนที่ไม่เข้าใจเราได้เหรอคะ”
กฤชหยุดหันมองเนื้อแพร
“ยังไงแพรก็ไม่มีวันดีในสายตาของพวกเขาอยู่แล้ว ตอนนี้แพรเป็นห่วงก็แต่ลูก แพรว่าท่านชายอ๊อดต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิศุทธิ์หนีหน้าไปแน่ๆ”
กฤชคิดตามแล้วพลอยกังวล
“แล้วนี่คุณจะทำยังไง”
เนื้อแพรนิ่งไป ใจคิดว่าคงปล่อยให้ลูกสู้ปัญหาลำพังไม่ได้แน่ๆ
บ้านไม้ริมทะเลของพิศุทธิ์...นาฬิกาผนังในบ้าน บอกเวลาใกล้ 1 ทุ่ม พิศุทธิ์กำลังจะออกจากบ้านโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาหยุดชะงักนิดหนึ่งแล้วเดินเข้าไปรับสาย
“สวัสดีครับ”
“ชาย...นี่แม่นะลูก ชายบอกแม่ได้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ชายไม่สบายใจ ถึงกับต้องหลบหน้าทุกคนแบบนี้”
พิศุทธิ์อึ้งนิดเดียวกับคำถามจู่โจมของแม่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แม่อย่าคิดมากไปเลย”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมจู่ๆท่านพ่อของชายมาตามชายถึงที่นี่ บอกแม่มานะชาย...เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของลูกรึเปล่า”
พิศุทธิ์นิ่งไปหนักใจกับปัญหาที่บานปลายออกไปอีก
นวลและบรรดาสาวใช้เตรียมบาร์บีคิวกันอยู่ที่สนามริมหาด บ้านพักตากอากาศ สมหวังคอยจุดเตาให้ กันตาในชุดสวยหวานมาช่วยจัดแต่งสถานที่ กุนตีเดินมาเห็นก็หมั่นไส้
“สรุปว่าเราไฟเขียวให้ยัยกั้ง เดินหน้าแล้วสินะ”
“เดี๋ยวพี่กุ้งรอดูก็แล้วกัน ว่าคุณพิศุทธิ์สมควรที่ เดินหน้า จริงอย่างที่ก้อยเชียร์รึเปล่า”
“ฉันล่ะเบื่อจริงๆ พวกผู้หญิงไวไฟ”
“หึม...ใครว่าล่ะคะ ก้อยว่าครั้งนี้ พี่กั้งเก็บอาการจะตาย”
“เราเลยต้องออกแรงดันเต็มที่ว่างั้นเถอะ”
กันตาได้แต่ยักคิ้วแทนคำตอบ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ท่าทางพี่กุ้งจะอยากเจอเขามาก...งั้นก้อยจะโทรตามให้นะคะ”
กันตายิ้มล้อทะเล้นๆไปทางกุนตี แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
พิศุทธิ์ที่อยู่ปลายสายยังคุยกับแม่ค้างไว้ แล้วมารับมือถือของกันตาก่อน
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมมีเรื่องจะต้องเคลียร์นิดหน่อย”
กันตาผิดหวัง เผลอโวยกลับไป
“อย่าบอกนะว่าคุณพิศุทธิ์กลับกรุงเทพไปแล้ว”
กุนตีนิ่วหน้ามองอย่างแปลกใจ ขณะที่กะรัตแต่งตัวสวยเข้ามาได้ยิน ก็หน้าบึ้งทันที
“ว้า...เสียดายจัง ถ้าคุณไม่สะดวกไว้โอกาสหน้าก็ได้ค่ะ”
กันตาปิดมือถือ จ๋อยสนิท
“ตกลงเขาไม่มาแล้วใช่มั้ย” กุนตีถาม
กันตาอ้อมแอ้ม
“เขาบอกว่าติดธุระเลยมาไม่ได้”
“เขาปฏิเสธชัดแล้วนะ ว่าไม่ได้อยากมาข้องแวะกับเราเท่าไหร่” กุนตีสะใจ
“ก็...คงงั้นมั้งคะ”
กันตาหันไปมองกะรัตอย่างเซ็งๆ กะรัตเจ็บใจเพราะอุตส่าห์แต่งตัวรอซะสวย กุนตีเห็นท่าทางกะรัต ไม่อยากให้น้องคิดมาก
“เขาไม่มาก็ไม่เห็นต้องแคร์...เรากินของเราเองก็ได้”
“นวล...” กะรัตเสียงดัง
“ขา...” นวลสะดุ้งโหยง ถลาเข้าไป
“ยกอาหารไปให้เขาที่บ้าน บอกว่าเป็นอภินันทนาการจากฉัน”
“จะดีเหรอกั้ง จะไปยุ่งกับเขาทำไมอีก” กุนตีรีบขัด
“แต่เราอุตส่าห์จะเลี้ยงตอบแทน เขาก็ควรจะรักษาน้ำใจของเราบ้าง เรื่องแบบนี้มันเป็นมารยาท ผู้ชายอย่างเขาน่าจะเข้าใจ ยกเว้นแต่ว่าเขาจงใจจะหักหน้ากั้งเท่านั้น”
กะรัตผูกใจเจ็บ ทุกคนเห็นอาการกรุ่นๆ ของกะรัตก็เริ่มไม่ไว้ใจ
นวลคุมสาวใช้เดินถือถาดอาหารมายื่นให้พิศุทธิ์ที่เดินออกมาจากตัวบ้าน
“นี่มันอะไรกันครับ”
“คุณกั้งให้เอาอาหารมาให้คุณที่นี่ค่ะ”
นวลหันไปพยักเพยิดให้สาวใช้เอาไปวาง พิศุทธิ์มองอาหารหลายอย่าง อย่างใช้ความคิด
สนามหน้าบ้านพักตากอากาศ...กะรัตยืนกอดอกหน้าบูด กันตากับกุนตีนั่งห่างออกไป แต่คอยจับตามองกะรัตตลอด นวลกับสาวใช้เดินกลับมา
“นวลกลับมาแล้ว...ว่าไง นวล เจอคุณพิศุทธิ์มั้ย” กันตารีบถาม
“เขาฝากขอบคุณเรื่องอาหารทั้งหมดค่ะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่มาไม่ได้”
“ไม่อยากมาแต่ไม่กล้าปฏิเสธ ก็เลยหาเรื่องแก้ตัวให้มันจบๆไป” กะรัตหงุดหงิด
“พี่กั้งคิดมากไปรึเปล่า เขาอาจจะแค่เกรงใจเราก็ได้” กันตาแย้ง
“เธอนั่นแหละที่รู้จักเขาน้อยไป เขาอาจจะมองพี่เหมือนคนอื่นๆ” กะรัตพูดประชดตัวเอง “ผู้หญิงกินผัว นี่เขาคงกลัวพี่จะไปตอแยเขาถึงได้กล้าทำแบบนี้” กะรัตเดินไปพูดใส่หน้ากันตา “เขาไม่ตะโกนใส่หน้าหาว่าฉันบ้าผู้ชายก็บุญแค่ไหนแล้ว” กะรัตเดินตึงๆ กลับเข้าบ้านไป
“ไปกันใหญ่แล้วกั้งเอ๊ย” กุนตีถอนใจ
กันตายักไหลไม่รู้จะทำยังไง กุนตีหนักใจกลัวน้องจะกลับมาเศร้าอีก
กะรัตเข้ามาในห้องนอน กระแทกตัวลงบนเตียงด้วยความเจ็บใจ
“จะมากไปแล้วนายพิศุทธิ์ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำกับฉันแบบนี้”
เช้าวันใหม่...กันตาแต่งตัวเตรียมกลับเข้าไปทำงานที่กรุงเทพ กุนตียืนส่งน้อง นวลกับสมหวังช่วยขนของเข้ารถ
“ถ้าพี่กั้งแผลงฤทธิ์อะไรอีก พี่กุ้งโทรหาก้อยได้ทันทีเลยนะคะ” กันตาหันมาบอกกุนตี
“คงฟึดฟัดไปตามประสา เดี๋ยวตื่นขึ้นมาก็ลืมแล้วมั้ง”
“ถ้าก้อยไม่ต้องเข้าเวรเช้าก้อยจะมาค้างด้วยนะ”
กันตากอดกุนตี แล้วขึ้นรถไปโดยมีสมหวังขับไปส่งให้
กะรัตเดินเข้ามาในบ้านริมทะเล แต่ไม่เจอใคร เลยถือโอกาสเดินหาไปทั่วๆ พิศุทธิ์ที่กลับจากวิ่งออกกำลัง เดินเข้าบ้านมาเห็นกะรัตก็แปลกใจ
“คุณกำลังหาอะไรไม่ทราบ”
กะรัตตกใจนิดๆแล้วรีบตั้งหลักต่อปากคำ
“ทำไม อุตส่าห์หลบหน้าฉันแทบตาย ตกใจว่าทำไมฉันยังตามมาหลอกหลอนล่ะสิ”
พิศุทธิ์รู้ว่ากะรัตมาเพื่อหาเรื่องก็ไม่อยากเสวนา เดินผ่านหน้ากะรัตไป กะรัตไม่ยอมเดินตามติด
พิศุทธิ์เดินตรงไปที่ครัว กะรัตยังตามตอแย
“ทำไมเมื่อคืนต้องหนีหน้าฉันด้วย ถ้าไม่อยากไปแต่แรกทำไมไม่ปฏิเสธกันตรงๆ”
พิศุทธิ์ง่วนกับการผสมน้ำส้ม ทำเป็นไม่ใส่ใจ
“แน่ใจเหรอว่าถ้าผมบอกปัดคุณตรงๆคุณจะรับได้”
“คุณรังเกียจอะไรฉันนักหนา ทำไมเราถึงจะทำความรู้จักกันดีๆไม่ได้”
“อย่าดึงผมไปในวงโคจรของคุณเลย ต่อให้คุณจะประชดชีวิตอีกกี่ครั้งก็ใช่ว่าทุกคนบนโลกจะต้องแคร์”
“นี่คุณหาว่าฉันประชดชีวิตเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคุณงั้นสิ”
“คงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ผมว่าคุณคงชินว่าทุกๆคนจะต้องคอยมาโอ๋คุณ” พิศุทธิ์ยื่นแก้วน้ำส้มให้ “ดื่มซะ เผื่อจะช่วยให้คุณเย็นลงมั่ง”
กะรัตมองแก้วน้ำส้มอย่างไม่เข้าใจ
“ในเมื่อไม่แคร์แล้วคุณมาทำดีกับฉันทำไม”
คำพูดของกะรัตทำให้พิศุทธิ์อึ้ง ว่าเรื่องที่เธอพูดมันเป็นรายละเอียดที่เขาทำไปโดยไม่รู้ตัว พิศุทธิ์อึกอัก แต่ก็แก้ไปเป็นเรื่องน้ำส้ม
“แค่น้ำส้มแก้วเดียว มันคงไม่ได้สรุปว่าผมอยากทำดีกับคุณหรอก”
กะรัตรับน้ำส้ม แอบค้อนนิดๆ
“แรกๆที่เจอกันคุณก็ยังให้ความช่วยเหลือฉัน แล้วทำไมตอนนี้คุณทำเหมือนรับฉันไม่ได้ขึ้นมา”
พิศุทธิ์เลี่ยงๆไปยืนพิงพนังด้านหนึ่ง ไม่อยากตอบคำถามนี้ของกะรัต
“ฉันไม่รู้ตัวว่าทำผิดอะไร ถ้ามันคือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนพากันทิ้งฉันไป คุณช่วยสงเคราะห์ฉันทีได้มั้ยว่าฉันต้องทำตัวยังไงกันแน่”
พิศุทธิ์มองกะรัตอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“คุณจะมาคาดหวังอะไรกับคนแปลกหน้าอย่างผม ผมก็แค่ช่วยคุณเท่าที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งได้ ผมดีกับคุณเพราะมนุษยธรรม ไม่ใช่ดีเพราะว่าเป็นคุณซะเมื่อไหร่”
กะรัตเจ็บ เศร้าวูบลงทันที
“จะบอกว่าฉันมันไม่มีความหมายขนาดนั้นใช่มั้ย”
“ผมแค่จะบอกว่าแทนที่คุณจะมัวเกาะเกี่ยวคนอื่น คุณควรจะหันมารักตัวเองมากๆจะดีกว่า”
“ถึงฉันจะตายไปตรงหน้าตอนนี้ คุณก็คงไม่แคร์สินะ”
พิศุทธิ์เหนื่อยหน่ายใจ
“ถ้าคุณแค่จะเรียกร้องความสนใจ ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่หลงกลคุณง่ายๆแน่”
กะรัตที่ไม่ยอมแพ้เหลียวมองหา เห็นมีดวางอยู่ในครัวแล้วก็เกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมา
“ฉันอยากรู้ว่าฉันมันไร้ค่าขนาดนั้นจริงรึเปล่า”
โดยไม่คาดกะรัตพรวดเข้าไปหยิบมีดมาถือไว้ทำท่าจะกรีดข้อมือตัวเอง พิศุทธิ์ตกใจ
“จะทำอะไร”
“ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะยืนดูฉันตายไปต่อหน้าได้มั้ย”
กะรัตท่าทางเอาจริง ขยับมีดจะกรีดข้อมือ พิศุทธิ์ตกใจรีบเข้ายึดข้อมือกะรัตไว้จากทางด้านหลัง
“ปล่อยนะ”
“เลิกเล่นได้แล้วน่ะ มันอันตรายไม่รู้รึไง” พิศุทธิ์ดุ
กะรัตพยายามสะบัดตัวพิศุทธิ์ที่โอบกอดจากทางด้านหลังออก
“ปล่อย”
พิศุทธิ์จับแขนสองข้างกะรัตยื้อไว้
“อย่าบ้านะกะรัต”
“บอกให้ปล่อย”
กะรัตดิ้นจะให้หลุดให้ได้ พิศุทธิ์พยายามบีบข้อมือของกะรัตให้ทิ้งมีดลงให้ได้
“อย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ย”
กะรัตออกแรงเหวี่ยงศอกข้างที่ถือมีดกระทุ้งให้พิศุทธิ์ถอยไปแต่ปลายมีดกลับไปเฉี่ยวโดนที่ข้างลำตัว
ด้านขวาของเขาเข้าให้
“โอ๊ย...”
พิศุทธิ์ปล่อยมือทันที กะรัตเห็นรอยเลือดที่ปลายมีดก็ตกใจ พิศุทธิ์ค่อยๆถอยตัวออกไป มือกุมที่บาดแผลข้างลำตัวไว้ กะรัตมองเห็นสภาพของพิศุทธิ์ที่มีเลือดหยดลงบนพื้นก็ช็อคตกใจ พิศุทธิ์คุกเข่าทรุดตัวลง มือกุมแผลที่ลำตัวข้างขวาเอาไว้ กะรัตรีบโยนมีดทิ้งแล้วเข้าไปประคอง
“คุณ อย่าเป็นอะไรนะ คุณ...”
พิศุทธิ์กลั้นเจ็บเต็มที่
“ผมไม่เป็นอะไร” พิศุทธิ์เงยมองกะรัตอย่างเป็นห่วง “คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
กะรัตใจไหววูบลงทันทีที่เห็นความห่วงใยจากพิศุทธิ์ในวินาทีแบบนี้ เข้ากอดพิศุทธิ์ไว้
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณเจ็บ ฉันจะพาคุณไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
“อย่าดีกว่า ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่”
“ไม่ได้นะ คุณเจ็บขนาดนี้ จะปล่อยไว้ได้ยังไง”
“โอย...”
พิศุทธิ์เอามือที่กุมแผลมาดูเห็นว่าเลือดยังไหลไม่หยุด กะรัตตกใจมาก
“ไปโรงพยาบาลกับฉันเดี๋ยวนี้” กะรัตหันไปมองมีดอีก “ไม่งั้น ฉันจะกรีดตัวเองให้เจ็บเท่าๆคุณ”
พิศุทธิ์กลัวลูกบ้าของกะรัต ไม่กล้าปฏิเสธอีก กะรัตลนลานประคองพิศุทธิ์ขึ้นพาเดินออกไป
กะรัตขับรถคันเก่าของพิศุทธิ์โดยมีพิศุทธิ์ปรับเบาะนอนอยู่ทางฝั่งข้างๆคนขับ กะรัตขับรถไปเหลียวมองพิเขาไป พิศุทธิ์ใช้มือซ้ายโอบกดแผลทางลำตัวขวาไว้ ส่วนมือขวาก็กำแน่นเพื่อระบายความเจ็บ
“นี่คุณเจ็บมากใช่มั้ย ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
กะรัตเอื้อมมือไปจะจับมือพิศุทธิ์ที่กุมแผลอยู่
“โอ๊ย”
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษ”
พิศุทธิ์กัดฟันฝืนความเจ็บปวด มือเพิ่มน้ำหนักที่กดแผลลงอีก เห็นว่าเลือดยังไหลซึมออกมาไม่หยุด กะรัตมองเห็นตกใจมาก พูดปากคอสั่น
“อดทนอีกนิดนะ”
“ชีวิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่นคุณคงเห็นแล้ว”
“อย่าเป็นอะไรนะ ถ้าคุณเป็นอะไรฉันคงรู้สึกผิดจนวันตาย” กะรัตบีบมือเขาแน่น
พิศุทธิ์รู้สึกได้ว่ากะรัตอยู่ในอาการกลัวจนเกาะมือเขาไว้แน่น เขามองปฏิกิริยาของเธออย่างแปลกใจ กะรัตเพิ่งมารู้สึกตัวจึงได้รีบดึงมือออกแบบเก้อๆ พิศุทธิ์ชี้ไป
“จอดคลินิกข้างหน้านั่น”
“ทนไม่ไหวแล้วเหรอ...อีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงโรงพยาบาลแล้วนะ”
“จอดตามที่ผมบอกเถอะน่า”
กะรัตยอมแวะที่คลินิกตามที่พิศุทธิ์บอก
ประตูห้องตรวจเปิดออก พิศุทธิ์ค่อยๆเดินออกมา มือหนึ่งยังกุมตรงแผลไว้ กะรัตรีบพุ่งเข้าไปหา
“หมอบอกว่ายังไงบ้าง...ไหวมั้ย” กะรัตเข้าประคอง
พิศุทธิ์พยักหน้าแทนคำตอบ เจ็บจนไม่อยากจะพูดอะไร พยาบาลเดินเอายามาจ่ายให้กะรัต
“คุณต้องระวังอย่าให้แผลของสามีคุณโดนน้ำนะคะ...แล้วก็อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันอีก ทำร้ายร่างกายสามีก็เป็นข้อหาขึ้นโรงพักได้นะคะ”
กะรัตยืนอึ้ง ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง พิศุทธิ์รีบรับสมอ้างเพื่อตัดปัญหาไป
“แล้วผมจะระวังครับ”
กะรัตงงที่พิศุทธิ์รับคำ เขาส่งสายตาให้เธอเงียบไว้
พิศุทธิ์ค่อยๆเดินออกจากคลินิก กะรัตยังสงสัย
“ทำไมคุณไม่บอกเขาไปว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ผมไม่อยากให้คุณโดนข้อหาทำร้ายร่างกายน่ะสิ ทีนี้คงรู้แล้วนะว่าทำไมเราถึงไปรักษาที่โรงพยาบาลไม่ได้”
กะรัตเข้าใจทันที รู้สึกซึ้งน้ำใจของพิศุทธิ์ ยิ่งรู้สึกผิดจะเข้าประคอง
“ไม่เป็นไร ผมเดินไหว”
“ไม่ได้หรอก ฉันทำให้คุณเจ็บ ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตคุณ”
กะรัตค่อยประคองพิศุทธิ์จนได้ พิศุทธิ์รู้สึกเกร็งๆกับการใกล้ชิดแบบนี้
“เจ็บแผลเหรอ”
“เปล่า”
“เจ็บก็บอกมาเถอะน่ะ ไม่ต้องอายหรอก”
กะรัตประคองกระชับกว่าเดิมอีก จนแทบจะเป็นกอด
“แบบนี้ดีขึ้นมั้ย”
พิศุทธิ์รู้สึกเขินๆพยายามจะเบี่ยงตัวออก
“ปล่อยเถอะ ผมเดินเองได้”
“คุณดื้อแบบนี้ เกิดแผลปริขึ้นมาอีกจะทำยังไง”
กะรัตแกล้งทำเสียงดุ พิศุทธิ์รู้สึกว่ากะรัตคงไม่ยอมปล่อยเขาแน่ เลยจำยอมให้เธอโอบประคองพาเดิน ไปจนถึงรถ ซึ่งมีนักข่าวแอบถ่ายรูปทั้งคู่อยู่ นักข่าวยิ้มคิดว่าทั้งสองคนกำลังสวีทหวานกัน
สายน้ำผึ้งเดินเข้ามาในโรงพยาบาลตรงมาที่แผนกสูติ กันตาในชุดเสื้อกาวน์ สั่งงานพยาบาลเสร็จ จะเดินไป แล้วชะงัก เมื่อเห็นสายน้ำผึ้งเดินมา กันตารีบเดินเข้าไปหาทันที
“แหม...บังเอิญจังนะ โรงพยาบาลในกรุงเทพมีตั้งเยอะตั้งแยะ พี่ผึ้งก็ยังเลือกมาที่นี่”
สายน้ำผึ้งถูกทักเข้าอย่างนี้ ก็ตั้งรับเร็วไวทันที
“ไม่ดีหรอกเหรอ พี่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ กั้งเขาจะได้รับรู้ว่าพี่ดูแลลูกของภูได้ดีแค่ไหน”
“แล้วนี่มาฝากท้องหรือมาปรึกษาเรื่องเอาเด็กออกล่ะคะ” กันตาเหยียดยิ้มเยาะ
สายน้ำผึ้งจี๊ด แต่รีบเก็บอารมณ์ ตอบกลับแบบไม่สะทกสะท้าน
“พี่จะเอาเด็กออกทำไมล่ะจ้ะ ในเมื่อเขาเป็นพยานรักของพี่กับภู”
“แหม...ใจถึงดีนะคะ เป็นก้อยๆคงไม่กล้า...แต่ก็อย่างว่า พี่ภูไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ เหลือเด็กติดท้องไว้นับว่าเป็นกำไรแล้วละค่ะ”
สายน้ำผึ้งยิ้มรับอย่างไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำ
“ถ้ากั้งเขาอยากจะรับเป็นลูกก็บอกได้นะ มาขอดีๆพี่อาจจะยกให้”
“ต๊าย ใจกว้างจังเลยนะคะ ยกสามีให้ทั้งคนแล้วยังจะยกลูกให้อีก แต่อย่าลำบากเลยค่ะ พี่กั้งเขาไม่ได้อัตคัดผู้ชายเท่าไหร่...นี่ก็เพิ่งจะเจอคนใหม่มาช่วยดามหัวใจ คุณสมบัติดีพร้อมแบบที่เขาเรียกกันว่า เพอร์เฟ็ค”
สายน้ำผึ้งนิ่งอึ้งเมื่อรู้ว่ากะรัตกำลังจะมีอนาคตใหม่ กันตาแอบยิ้มสะใจที่เอาชนะสายน้ำผึ้งได้
“พี่กั้งกำลังมีรักใหม่ พี่ผึ้งก็อย่าจมปรักกับรักเดิมๆให้นานนักล่ะคะ จมอยู่แค่เก้าเดือนยังพอทน แต่ถ้ายังไม่ออกจากวังวน อาจต้องทนไปทั้งชีวิต”
กันตาเดินไปปล่อยให้สายน้ำผึ้งนิ่งอึนอยู่ สายน้ำผึ้งเริ่มสะท้าน รับไม่ได้กับความจริงที่รับรู้
สามีตีตรา ตอนที่ 3 (ต่อ)
พิศุทธิ์ค่อยๆ เดินเข้ามาในบ้านช้าๆ กะรัตเดินกอดอกตามมาแบบไม่พอใจ
“บอกให้ไปพักที่บ้านฉันก็ไม่ยอมไป อยู่คนเดียวแบบนี้ ใครจะดูแลคุณ”
“อย่าทำให้วุ่นวายไปเลย ผมดูแลตัวเองได้” พิศุทธิ์ค่อยๆทรุดตัวนั่งที่โซฟา
“แต่ที่นี่มันทั้งอุดอู้อึดอัด เก่าก็เก่า ไม่รู้จะหายใจเอาอะไรเข้าไป ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง”
พิศุทธิ์ทำหน้าเอือมระอา
“ถ้าคุณกลัวนักก็กลับไปบ้านคุณสิ”
“เรื่องอะไร เกิดคุณเป็นอะไร ฉันจะได้ถูกจับข้อหาฆ่าคนตาย มานี่ ไปนอนในห้องดีกว่า”
กะรัตรีบเข้าไปจับตัวจะพาพิศุทธิ์ไป แล้วตกใจมากเพราะตัวเขาร้อนจี๋
“ตายแล้ว ทำไมตัวร้อนยังงี้”
“เดี๋ยวกินยาแก้อักเสบแล้วก็หายเองแหละน่ะ ตื่นเต้นไปได้”
“ยาแก้อักเสบเหรอ”
กะรัตรีบค้นยาในถุงจนเจอยาแก้อักเสบ อ่านเร็วๆที่หน้าซองแล้วตกใจ
“หลังอาหาร ตายจริง ตั้งแต่เช้าคุณยังไมได้กินอะไรเลยนี่นา แล้วยานี่ก็ต้องกินหลังอาหาร คุณจะกินตอนท้องว่างไม่ได้เด็ดขาด...งั้นคุณรอฉัน เดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันมา”
“เดี๋ยว...กะรัต...ไม่ต้อง”
กะรัตรีบร้อนออกไปโดยไม่ทันฟังคำทัดทานของเขา พิศุทธิ์เหนื่อยใจกับกะรัต
กุนตีออกมาหานวลที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่
“นี่ยัยกั้งยังไม่ตื่นอีกเหรอ”
“ยังเลยค่ะ เงียบๆแบบนี้ค่อยหายห่วงหน่อยนะคะ”
กะรัตวิ่งเข้ามาร้องเรียกนวลหน้าตาตื่น
“นวล”
“ว้าย...คุณกั้ง โผล่มาทางนี้ได้ไงคะ”
“นั่นสิ แล้วนี่ออกไปไหนมา” กุนตีมองกะรัต
“อย่าเพิ่งถามอะไรได้ไหมคะ...นวลไปจัดปิ่นโตให้ฉันด่วนเลยนะ” กะรัตร้อนรน
“โถ...หิวหน้ามืดขนาดนี้เลยเหรอคะ”
กะรัตโพล่งออกมาตัดรำคาญ
“คุณพิศุทธิ์โดนแทง อาการสาหัส”
“หา...คุณพิศุทธิ์โดนแทง” นวลหน้าตื่น
“อะไรกันยัยกั้ง เขาโดนแทงได้ยังไง...แล้วจับคนร้ายได้มั้ย”
“คนร้ายก็กั้งนี่ละค่ะ ถ้าไม่อยากให้กั้งกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคน ก็ช่วยหยุดถามแล้ว ไปหยอดข้าวต้มให้เขาเดี๋ยวนี้เลย”
กุนตีเหวอ นวลถึงกับไม้ปัดฝุ่นตกจากมือ
กะรัตเดินเข้าบ้านมาพร้อมกุนตี มีนวลและสาวใช้หอบข้าวของตามมาเซ็ทใหญ่ ตั้งแต่กับข้าวกระเป๋ายา ผ้านวมยันไมโครเวฟ กุนตีเดินเข้ามามองหาพิศุทธิ์ไปรอบๆแต่ไม่เห็น
“ไหนล่ะเหยื่อของเราน่ะ”
กะรัตมองไปเห็นถ้วยข้าวต้มมีข้าวเหลือติดก้นชามและแก้วน้ำวางอยู่ เลยรู้ว่าตัวเองมาช้าไปซะแล้ว
กะรัตแอบชะโงกเข้ามาในห้องนอนเห็นพิศุทธิ์นอนหลับอยู่ กะรัตแอบย่องพากุนตีเข้ามา นวลย่องตามมาติดๆพากันไปยืนข้างเตียงดูพิศุทธิ์นอนหลับไม่รู้ตัว กะรัตส่งเสียงเบาๆ
“สงสัยจะหลับเพราะฤทธิ์ยา”
“กั้งนะกั้ง ไปทำอีท่าไหน แล้วแน่ใจนะว่าเขาจะไม่เอาผิดเรา”
“กั้งก็พยายามแสดงความรับผิดชอบอยู่นี่ไงคะ”
กะรัตเข้าไปจัดแจงจับผ้าห่มให้พิศุทธิ์อย่างอ่อนโยน กุนตีเหล่มองแล้วก็รู้ว่ากะรัตคิดอะไร เพราะร้อยวันพันปีคนอย่างกะรัตเคยเอาใจใครซะที่ไหน...กะรัตค่อยๆมองไปเห็นผ้าผืนเล็กๆวางอยู่โต๊ะหัวเตียง หยิบมาบรรจงซับเหงื่อบนใบหน้าให้พิศุทธิ์ช้าๆ นวลเห็นท่าทางของกะรัตก็แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำเป็นพูดลอยๆกับกุนตี
“มีคุณกั้งเป็นพยาบาลส่วนตัวแบบนี้ ต้องถือว่าทำบุญมาดีมากนะคะ”
กะรัตหันไปค้อน
“ฉันก็แค่รับผิดชอบความผิดของฉันแค่นั้นละย่ะ”
“รับผิดชอบก็ส่วนรับผิดชอบ แต่อย่า ส่วนตัว ให้มันมากนักละกัน” กุนตีรู้ทัน
“กั้งก็แค่ไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกผิดเท่านั้นเองพี่กุ้ง”
“ขอให้มันจริงเท้อะ”
“ถ้ารู้ว่าคุณกั้งจะดูแลขนาดนี้ เป็นนวลๆยอมให้เชือดฟรีๆเลยค่ะ” นวลแซวยิ้มคิกคัก
“นวลนี่...” กะรัตเอาผ้าฟาดนวลเขินๆ
“อ้ะค่ะ...ไม่อยู่เป็นก้างแล้วก็ด๊าย แหม...”
นวลแกล้งทำท่าเข้าเกียร์ เดินถอยหลังทำหน้าล้อออกไป คำพูดนวล ทำกะรัตถึงกับเขินจนไม่รู้จะวางมือตรงไหน กุนตีลอบมองน้องอย่างสังเกต
พิศุทธิ์รู้สึกตัวตื่นปรือตาที่หนักเพราะพิษไข้ พิศุทธิ์เห็นใบหน้ากะรัตอยู่ใกล้ๆเป็นเงารางๆ กะรัตกำลังค่อยๆถอดเสื้อของพิศุทธิ์ออกอย่างช้าๆ พิศุทธิ์พยายามเพ่งมองอีกครั้ง กะรัตยิ้มหวานให้
“ตื่นแล้วเหรอ”
พิศุทธิ์ลืมตาเต็มที่ถึงได้เห็นว่ากะรัตกำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่
“คุณ”
“อยู่นิ่งๆสิคะ ฉันจะได้เช็ดตัวให้”
พิศุทธิ์รีบลุกขึ้นแล้วยกมือปัดป้อง
“อย่าเลย...มันไม่เหมาะหรอก”
กะรัตเห็นอาการหวงเนื้อหวงตัวของพิศุทธิ์ก็หลุดขำออกมา พิศุทธิ์ยิ่งเสียงแข็งเมื่อเห็นกะรัตหัวเราะ
“คุณเป็นผู้หญิงนะ รู้ตัวมั่งซิ”
“แต่เป็นหญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว กะอีแค่จะช่วยเช็ดตัวให้คนป่วยไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน”
“แต่ผมไม่ชินกับการมีผู้หญิงมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ”
“นี่ ทำยังกับว่าฉันหื่น อยากลวนลามคุณซะเต็มประดางั้นละ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสื่อมเสีย อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยดีกว่าผมขอร้อง”
กะรัตแอบทึ่งในความหนักแน่นเป็นสุภาพบุรุษของพิศุทธิ์
“โอเค...ในเมื่อเจ้าตัวไม่สมยอม ฉันก็ไม่อยากจะฝืน”
กะรัตลุกขึ้นแต่เสียจังหวะ ทำให้หน้าทิ่มลงมาทับตัวพิศุทธิ์
“โอ๊ะ”
พิศุทธิ์ส่งเสียงออกมาได้นิดเดียวก็ต้องนิ่งอึ้งไป...ทั้งสองสบตาในระยะประชิด นวลเปิดประตูเข้ามาพอดี
“บร้ะเจ้า...”
นวลรีบหมุนตัวเร็วๆหันหลังกลับไป สองคนได้ยิน รีบเด้งหนีออกจากกันแทบไม่ทัน ต่างหน้าเจื่อนกันทั้งคู่
“ขะ..ขะ...ขอโทษค่ะ นวลไม่เห็นอะไรนะคะ ไม่เห็นเลยค่า”
กะรัตรีบลุกขึ้นยืนอย่างเขินๆ
“นวลมาก็ดีละ ช่วยเช็ดตัวให้คุณพิศุทธิ์ต่อที”
กะรัตรีบเดินไปยัดผ้าขนหนูใส่มือนวล นวลหันมาหรี่ตามองพิศุทธิ์กับกะรัตสลับกัน พิศุทธิ์ถูกล้อ ก็ยิ่งเขินหนัก
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเองได้”
“แต่...”
นวลมองหน้ากะรัตแบบไม่รู้ว่าจะเอาไง พิศุทธิ์ผายมือไปทางประตู
“ทั้งคู่เลยนะครับ...เชิญ”
กะรัตรีบพยักหน้ากับนวล แล้วทั้งคู่ก็รีบออกจากห้องไป พิศุทธิ์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ แต่เมื่อหยุดคิด ก็นึกเอ็นดูกะรัตอยู่เหมือนกัน
กะรัตออกจากห้องนอนของพิศุทธิ์พร้อมกับนวล กะรัตยังรู้สึกเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นวลยิ้มเอ็นดูพิศุทธิ์
“ผู้ชายไรม่ายรุ...น่ารักจังเลยอ้ะ”
“ยังจะพูดมาก รีบไปเตรียมข้าวเย็นมาเลย” กะรัตแก้เก้อ
นวลยิ้มล้อกะรัต
“นั่นๆแน้...นวลแอบแง็บนิดเดียว ต้องหวงด้วย”
“นี่...” กะรัตยังเขิน
“ค่า...นวลไปก็ได้ค่า...”
นวลยิ้มล้อแล้วแกล้งเดินเขินล้อกะรัตไป
“บ้า...”
กะรัตดุตามนวล และหันไปเห็นเงาในกระจกของตัวเองที่ใบหน้ามีรอยยิ้ม กะรัตเองก็แปลกใจที่ตัวเอง
เป็นแบบนี้
ค่ำนั้น...กะรัตป้อนข้าวต้มให้พิศุทธิ์
“อ้าปากสิคุณ กินข้าวเสร็จ จะได้กินยา”
กะรัตทำท่าอ้าปาก พิศุทธิ์ยิ้มท่าทางกะรัต
“ยิ้มอะไร”
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณหนูเอาแต่ใจอย่างคุณก็เอาใจคนอื่นเป็นเหมือนกัน”
กะรัตชะงัก เขินๆ กะรัตกลัวเสียฟอร์ม
“ที่ฉันยอมทำ ก็เพราะว่าฉันเป็นคนทำให้คุณเจ็บ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าฉันจะทำแบบนี้ให้ใคร พูดมากนักกินเองแล้วกัน”
กะรัตกระแทกช้อนวางแล้วลุกขึ้นไป พิศุทธิ์สนุกกับการได้แกล้งกะรัต
“ไหนว่าจะรับผิดชอบ ที่แท้ก็พวกเก่งแต่ปาก”
กะรัตหันขวับมามองพิศุทธิ์กะรัตอ้าปากจะเรียกนวล
“นะ...”
พิศุทธิ์สวนทันที
“อย่าแม้แต่จะคิด เรื่องนี้นวลไม่เกี่ยว คุณเป็นหนี้ผม คุณทำให้ผมเจ็บ คุณต้องเป็นคนทำเอง”
พิศุทธิ์พยักหน้าไปทางข้าวต้ม ส่งสัญญาณว่าให้เธอจัดการป้อน กะรัตมองพิศุทธิ์เบ้หน้าใส่ แต่จำต้องไปหยิบชามข้าวต้มขี้นมา ป้อนข้าวให้เขา
“ที่เมื่อกี้ล่ะทำเล่นตัว”
“คนที่เอาแต่อารมณ์อย่างคุณเป็นคนที่มีอารมณ์ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิตไปได้เลย ถ้าไม่รู้จักควบคุมตัวเอง”
“นี่คุณคิดว่าคุณเป็นใคร มีสิทธ์อะไรมาด่าฉัน” กะรัตฉุน
“ผมพูดตามหลักจิตวิทยาเท่านั้นเองครับ แล้วเราก็จะไม่ลุกไปใหนจนกว่าคุณจะป้อนข้าวผมเสร็จ ในเมื่อคุณบอกว่าจะรับผิดชอบ คุณก็ต้องทำทุกอย่างที่ผมสั่ง”
กะรัตหายใจแรงแพ้ทางพิศุทธิ์ แต่ต้องยอมป้อนข้าว ตักข้าวป้อนได้ 2-3 คำ จังหวะที่เธอก้มหน้าลงป้อนตักข้าวผมของเธอตกลงมา พิศุทธิ์เห็น กะรัตเงยหน้าขึ้นจะป้อนข้าว เขาใช้มือปาดผมให้โดยไม่รู้ตัว สัมผัสชองพิสุทธิ์กระตุกหัวใจของกะรัต เธอหลับตาวูบ ก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นมา ตาของคนทั้งสองประสานกัน ความรู้สึกบางอย่างวิ่งเข้ามา ดวงตาของกะรัตเป็นประกาย
“คิดอะไรกับฉันป่ะเนี้ย”
พิศุทธิ์ชะงักชักมือกลับฉับพลัน
“ผมอิ่มแล้วนี่ ค่ำแล้วด้วยคุณกลับบ้านไปเถอะ”
“คุณยังกินข้าวไม่หมดเลย”
“กลับบ้านไปซะ”
“แต่ว่า”
“นี่เป็นคำสั่ง”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
กะรัตถือถาดข้าวต้มออกไป ปิดประตู เธอถอนหายใจ หัวใจแทบออกจากอก...ในห้องพิศุทธิ์มองมือตัวเอง แล้วถอนหายใจ
นวลล้างชามเสร็จมาบอกกะรัตในห้องรับแขก
“ดึกมากแล้ว คุณกั้งกลับไปนอนบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวนวลดูแลทางนี้ให้เอง”
“ฉันจะปัดความรับผิดชอบแบบนั้นได้ยังไง”
“แต่คุณกั้งก็อยู่มาทั้งวันแล้วนี่คะ”
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น กะรัตสะดุ้งแล้วรีบเดินไปรับสาย
“ฮัลโหล จะพูดกับใครคะ”
เนื้อแพรพูดอยู่ที่ปลายสาย พอได้ยินเสียงผู้หญิงรับก็เริ่มไม่แน่ใจว่าโทรผิดรึเปล่า
“ฮัลโหล ได้ยินรึเปล่า” กะรัถามย้ำ
เนื้อแพรตัดสินใจถามออกไป
“คุณพิศุทธิ์อยู่ที่นั่นรึเปล่าคะ”
กะรัตได้ยินเสียงผู้หญิงมาถามถึงพิศุทธิ์ก็อึ้งไปบ้าง เธอพูดเสียงห้วน
“อยู่ค่ะ”
“ขอพูดกับเขาหน่อยได้มั้ยคะ พอดีโทรเข้ามือถือแล้วเขาปิดเครื่อง”
กะรัตลำบากใจเพราะนึกว่าเป็นเสียงคนรักของพิศุทธิ์โทรมา
“พิศุทธิ์เขาไม่สะดวกคุยตอนนี้ ไว้ค่อยให้เขาโทรกลับได้มั้ยคะ”
“งั้นบอกให้เขาช่วยโทรกลับบ้านด้วยนะคะ”
กะรัตเข้าใจว่าอาจเป็นภรรยาของพิศุทธิ์ เลยรีบตัดบท
“แล้วจะบอกเขาให้ละกัน”
“เดี๋ยวค่ะ แล้วนั่นใครพูดสายอยู่ไม่ทราบ” เนื้อแพรเริ่มระแวง
“ดิฉันเป็นเพื่อนบ้าน แค่แวะมาเยี่ยมเขาเท่านั้น...ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะคะ”
กะรัตรีบวางสายไปทันที เนื้อแพรแปลกใจที่พิศุทธิ์อยู่กับผู้หญิง พิศุทธิ์เดินออกมาจากห้องนอน ชะงักที่เห็นสองคนยังอยู่นวลหันไปเห็น ร้องถาม
“อ้าว คุณพิศุทธิ์ลุกขึ้นมาทำไมล่ะคะ หรือว่าอยากได้อะไร”
“ทำไมยังไม่กลับกันอีกล่ะครับ”
“ไล่ดีนัก น่าจะปล่อยให้ตายไปเลย แต่ถ้าคุณตาย ฉันจะบอกทางบ้านคุณว่ายังไง” กะรัตประชด
“บ้านผม” พิศุทธิ์แอบกังวล “ที่บ้านผมโทรมาเหรอ”
กะรัตเห็นท่าทีของพิศุทธิ์ก็เข้าใจผิด ไม่พอใจ
“ใช่น่ะสิ”
“แล้วคุณบอกเขาไปว่ายังไง”
“นี่ ฉันรู้ดีหรอกน่ะว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด เชิญโทรกลับไปรายงานตัวซะ เดี๋ยวเขาจะห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ...ไปเถอะนวลกลับอยู่ไป เขาก็จะลำบากใจเปล่าๆ”
กะรัตงอนเดินตึงๆออกไป นวลเงอะงะอยู่นิดเดียวแล้วรีบตาม พิศุทธิ์มองตามทั้งสองไปด้วยความกังวล
นวลกับกะรัตเดินถือไฟฉายออกมาทางชายหาดเพื่อจะเดินเลาะไปที่บ้านตัวเอง
“สงสัยคนที่โทรมาจะเป็นภรรยา พอคุณพิศุทธิ์รู้ว่าคุณกั้งรับสายถึงได้อึ้งขนาดนั้น”
“ก็คงงั้นล่ะมั้ง” กะรัตแอบผิดหวังลึกๆ
“น่าเสียดายจัง อุตส่าห์แอบหวังว่าคุณเขาจะโสด”
“โสดไม่โสดมันก็เรื่องของเขา จะไปสนทำไม” กะรัตแอบหงุดหงิด
“นั่นสิ ที่แท้ก็หวงตัวเพราะกลัวเมีย ผู้ชายรักเดียวใจเดียวแบบนี้ น่าอิจฉาเมียเขานะคะ”
กะรัตเริ่มหัวเสียเพราะนวลเอาแต่พูดแทงใจดำกะรัตโดยไม่รู้
“เขารักกันก็ช่างเขาเถอะน่ะ พูดมากอยู่ได้”
“ทำไมคุณกั้งของนวลไม่มีผู้ชายดีๆอย่างนี้มารักบ้าง” นวลยังบ่น
กะรัตอึ้งๆแล้วพูดกลับไปชัดๆ จงใจให้ตอกใจตัวเองด้วย
“ก็ฉันมันไม่มีวาสนา ผู้ชายดีๆเขาถึงไม่ชายตาแลอย่างนี้ไงเล่า”
กะรัตโพล่งออกมาแล้วรีบจ้ำพรวดๆไป นวลมองตามกะรัตอย่างสงสาร
วันใหม่...สายน้ำผึ้งนั่งถือผลอุลตร้าซาวด์อยู่ในออฟฟิศที่ทำงาน เธอนั่งมองรูปนิ่งๆไม่แสดงอารมณ์ใดๆเธอมองหน้าจอคอมที่เป็นเวปขายสินค้าสายน้ำผึ้งเลื่อนเม้าส์มาแล้วหยุดลงที่ปุ่มสั่งซื้อ เธอลังเล คำพูดของกันตาแว่วเข้ามา
“พี่ผึ้งก็อย่าจมปรักกับรักเดิมๆให้นานนักล่ะคะ จมอยู่แค่เก้าเดือนยังพอทน แต่ถ้ายังไม่ออกจากวังวน อาจต้องทนไปทั้งชีวิต”
เพื่อนที่ทำงานเปิดประตูผลัวะเข้ามา ฤทัยถือหนังสือพิมพ์ติดเดินเข้ามา ภาพในจอคอมพิวเตอร์โชว์หราว่า “ยาสอด ยาทำแท้ง ยาขับเลือด...” สายน้ำผึ้งตัดสินใจกดเม้าส์สั่งซื้อไปทันที แล้วเก็บรูปอัลตร้าซาวด์เข้าลิ้นชัก แล้วรีบปิดคอม ฤทัยกับเพื่อนเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่อยู่ใกล้ๆกับสายน้ำผึ้ง
“มาแต่เช้าเชียวนะคะพี่ผึ้ง”
“เอ่อ...อ้อ...วันนี้พี่จะออกไปพบลูกค้านะ”
สายน้ำผึ้งพูดพลางเก็บของด้วยอาการตื่นๆ กลัวคนอื่นรู้ความลับ
“แหม...ความรับผิดชอบสูงจังเลยนะคะ ทำงานจนวันสุดท้ายเชียว” ฤทัยกัดๆ
สายน้ำผึ้งชะงัก แล้วสวนกลับไป
“ก็ดีกว่าพวกที่คิดจะเกาะบริษัทกินไปจนตาย แต่ไม่เคยทำตัวให้เป็นประโยชน์”
สายน้ำผึ้งคว้ากระเป๋าเตรียมจะออกไป สองสาวค้อนแล้วนั่งลง เปิดหนังสือพิมพ์อย่างไม่ตั้งใจนัก ทั้งสองคนสะดุดตากับข่าวกะรัตในหน้าสังคม เปลี่ยนอารมณ์ทันที
“ต๊าย เธอดูนี่สิ” เพื่อนบอกเสียงตื่นเต้น
สายน้ำผึ้งกำลังจะเดินผ่านโต๊ะสองคนไป ได้ยินเสียงสองคนตื่นเต้นกับข่าวกอสซิป
“งานนี้ทะเลพัทยาคงร้อนฉ่า เพราะแม่ม่ายไฮโซ ชื่อย่อ ก. แอบควงผู้ชายคนใหม่ไปจี๋จ๋า ทั้งที่สามีรายล่าเพิ่งลาโลกไม่ถึงเดือน เห็นทีชาตินี้คงจะไม่เคยรู้จักคำว่าตรอมใจ เพราะหนุ่มหน้าใสพากันเข้าคิวอาสาดามหัวใจให้เธอ”
เสียงอ่านข่าวของทั้งสองทำให้สายน้ำผึ้งชะงักเพราะรู้ว่าเป็นข่าวของอดีตเพื่อนรัก...กะรัต
“หึม...นี่ขนาดดวงกินผัว ยังมีคนเสนอตัวมาลองของอยู่เรื่อยๆนะยะ” เพื่อนบอก
“คนอะไร้ แต่งงานเป็นว่าเล่น ผู้หญิงบางคนจะแต่งสักทียังไม่มีวาสนา” ฤทัยเสริม
สายน้ำผึ้งฟังแล้วเจ็บจี๊ด มือกำสายกระเป๋าแน่นด้วยความอิจฉาที่รู้ว่ากะรัตกำลังมีความสุขขณะที่
ตัวเองกำลังทุกข์แสนสาหัส เดินตึงๆออกจากตรงนั้นไป
เย็นนั้น สายน้ำผึ้งเดินกลับออกมา เสียงมือถือดัง เธอกดรับสายฟังแล้วตกใจ
“อะไรนะ” สายน้ำผึ้งหงุดหงิด “แล้วทำไมเพิ่งจะโทรบอก โอเคๆ ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้ละ”
สายน้ำผึ้งหงุดหงิดรีบวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่อย่างร้อนรนมาก แท็กซี่คันแรกไม่ว่าง อีกคันแล่นตรงมาไกลๆ สายน้ำผึ้งดีใจถลาออกไป แต่มีคนวิ่งมาเรียกตัดหน้า
“โอ๊ย จะรีบไปตายรึไง”
สายน้ำผึ้งหงุดหงิดจัด แท็กซี่อีกคันมา เห็นไฟว่าง สายน้ำผึ้งแทบจะวิ่งไปโบกกลางถนน
“จอดด้วย”
แท็กซี่แล่นเข้าจอดหน้าบ้านอย่างเร็ว สายน้ำผึ้งเห็นเเมสเซนเจอร์ยื่นซองกระดาษบรรจุกล่องยาด้านในให้รสสุคนธ์ที่หน้ารั้วแล้วออกรถไป สายน้ำผึ้งตกใจรีบกระหืดกระหอบลงไป โกรธเมสเซนเจอร์ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ไอ้บ้าเอ๊ย” สายน้ำผึ้งหันขวับมาหารสสุคนธ์ “น้ารส นั่นของๆผึ้ง”
รสสุคนธ์เห็นท่าทีสายน้ำผึ้งก็แปลกใจ สายน้ำผึ้งหน้าซีด เหงื่อแตก
“เป็นอะไร ทำไมต้องหน้าตาตื่นขนาดนี้”
“ของนั่น ของผึ้ง”
สายน้ำผึ้งยื่นมือไปจะคว้ามา รสสุคนธ์เอะใจ มองหลานสาว สายน้ำผึ้งเผลอตวาด
“ผึ้งบอกให้เอามา”
รสสุคนธ์มองซอง ใจหายวาบเมื่อนึกได้ว่าสายน้ำผึ้งจะทำอะไร นอกจากไม่ยอมส่งคืน ยังฉีกซองออกอย่างเร็ว
“น้ารส”
สายน้ำผึ้งจะเข้าแย่ง แต่รสสุคนธ์ไม่ยอม แกะกล่องออก แผงยาหล่นลงบนพื้น สายน้ำผึ้งตกใจ รสสุคนธ์คว้าแผงยาขึ้น หันขวับไปมองหลาน
“นี่มันยาอะไร”
สายน้ำผึ้ง อ้ำอึ้ง พูดไม่ออก คว้ายาจากมือน้าแล้ววิ่งเข้าบ้านไป
“ผึ้ง...ผึ้ง...”
รสสุคนธ์วิ่งตามสายน้ำผึ้งไปทันที
รสสุคนธ์วิ่งตามสายน้ำผึ้งเข้าห้องมา
“นี่ผึ้งคิดจะฆ่าลูกอีกแล้วใช่มั้ย ทำไมถึงคิดอะไรโง่ๆอย่างนี้”
สายน้ำผึ้งยังยืนหันหลังให้น้า
“น้ารสไม่ต้องมายุ่ง นี่มันชีวิตของผึ้ง”
รสสุคนธ์เสียใจมาก
“ใช่...ชีวิตของผึ้ง เป็นชีวิตที่น้าคนนี้ รักยิ่งกว่าตัวเอง น้าต้องทนลำบากแค่ไหน กว่าจะเลี้ยงผึ้งให้มีวันนี้ได้ แล้วเนี่ยเหรอ คือสิ่งที่ผึ้งจะตอบแทนน้า”
สายน้ำผึ้งหันกลับมา ร้องไห้
“แต่ผึ้งอายเขา น้ารู้มั้ยว่าสังคมนี้ มันไม่มีพื้นที่ให้คนแพ้ยืนหรอก”
“ไม่จริง...เราคือคนเลือก ว่าเราจะยืนอยู่ตรงไหน ไม่ใช่คนอื่น” รสสุคนธ์เข้าไปจับไหล่หลานสาวไว้ทั้งสองข้าง “เชื่อน้านะผึ้ง อย่าทำบาปอีก อะไรที่พลาดไปแล้ว ลืมมันซะแล้วเริ่มต้นใหม่ น้าขอนะ”
สายน้ำผึ้งน้ำตานอง มองหน้าแล้วไม่ยอม วิ่งเข้าห้องน้ำ ปิดประตูโครมพร้อมรสสุคนธ์ที่ถลาเข้าไปที่ประตูทุบประตูเรียก
“ผึ้ง...อย่านะ ผึ้ง...ผึ้ง”
สายน้ำผึ้งยืนพิงประตูห้องน้ำ ปาดน้ำตาทิ้ง แล้วยกแผงยาขึ้นมอง รสสุคนธ์ยังคงตบประตูร้องเรียก
“ผึ้ง...เปิดประตูสิ...อย่าทำแบบนี้เลย น้าขอร้อง...ผึ้ง...”
สายน้ำผึ้งฉีกแผงยาออก เม็ดยาหล่นกระจายเต็มพื้น สายน้ำผึ้งก้มลง กอบเม็ดยาขึ้นมา คำพูดของเพื่อนกับฤทัยดังก้องในหัว
“หึม...นี่ขนาดดวงกินผัว ยังมีคนเสนอตัวมาลองของอยู่เรื่อยๆนะยะ”
“คนอะไร้ แต่งงานเป็นว่าเล่น ผู้หญิงบางคนจะแต่งสักทียังไม่มีวาสนา”
สายน้ำผึ้งมองเม็ดยาด้วยสายตาเคียดแค้น
รสสุคนธ์ทั้งร้องไห้ ร้องเรียกอยู่หน้าห้องน้ำ พลันประตูห้องน้ำถูกกระชากเปิดประตูออก รสสุคนธ์ตกใจ ก้าวพรวดเข้าไป เห็นสายน้ำผึ้งยืนพิงอ่างล้างหน้า หน้านิ่งเดาอารมณ์ไม่ออก รสสุคนธ์มองไปในห้องน้ำเห็นแผงยาหล่นอยู่ที่พื้น เม็ดยาส่วนหนึ่งหล่นอยู่ที่พื้นและฝารองนั่งชักโครก รสสุคนธ์รู้ได้ทันที รีบเข้าไปกอบยาบนพื้น ปัดยาบนฝาลงชักโครกแล้วกดน้ำทิ้งเร็วๆ ก่อนหันมามองหลานดีใจที่สายน้ำผึ้งคิดได้
“ผึ้งไม่โง่ปล่อยให้กั้งมันมีความสุขอยู่คนเดียวหรอก อย่านึกว่าเกมนี้จะล้มกระดานแล้วหนีไปมีชีวิตใหม่ได้ง่ายๆ มันทำลายชีวิตผึ้งขนาดนี้แล้วยังมีหน้าหนีไปเสพสุข ผึ้งไม่ยอมหรอก”
รสสุคนธ์ฟังคำพูดของสายน้ำผึ้งไม่เข้าใจ
“ถ้าผึ้งทุกข์ กั้งก็ต้องทุกข์ ลูกผึ้งจะต้องอยู่เป็นมารความสุขแทงใจดำกั้งมันไปทั้งชีวิต”
สายน้ำผึ้งประกาศกร้าว ตัดสินใจที่จะเก็บลูกไว้เพื่อใช้ทรมานใจกะรัตต่อไป
กะรัตอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกำลังหงุดหงิดกระสับกระส่าย นวลอยู่ใกล้ไม่ห่าง กุนตีคอยลอบมองดูกะรัตที่มีอารมณ์หงุดหงิดอยู่
“ไม่รีบไปดูอาการนายพิศุทธิ์ผุดผ่องแล้วเหรอ” กุนตีถามเรียบๆ
“เขาคงไม่ผุดผ่องเหมือนชื่อแล้วละค่ะ” กะรัตน้ำเสียงประชด
“อ้าว ทำไมล่ะ เมื่อวานเขายังเป็นเจ้าชายแสนดีอยู่ไม่ใช่เหรอ” กุนตีแปลกใจ
“เจ้าของตัวจริงเขาโทรมาแล้วน่ะสิพี่กุ้ง” กะรัตเซ็งจัด
“อ้อ...กั้งก็เลยถอดใจมานั่งหงุดหงิดอยู่นี่”
“อย่างว่า...กั้งยังเปลี่ยนมาแล้วตั้งสามสามี เขาจะมีเมียแล้วก็คงไม่แปลก”
“อยากรู้จริงๆว่าคนแบบนั้น จะชอบผู้หญิงแบบไหน”
“คงจะเป็นแม่พระ นางชี หรือไม่ก็กุลสตรีคลานเข่าแบบนั้นล่ะมั้ง”
นวลฟังมานาน เลยเอ่ยเตือน
“คุณกั้งคะ แต่ยังไงเราก็ต้องไปทำแผลให้คุณพิศุทธิ์นะคะ ไม่รู้ป่านนี้ลุกมาหาอะไรทานได้รึยัง”
กะรัตที่ยังเซ็ง แต่ได้ยินคำเตือนของนวลก็ต้องนิ่งคิด
พิศุทธิ์นอนอยู่ในห้องเสียงคนเดินอยู่ด้านนอกทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นลุกขึ้นแบบงัวเงีย
“ใคร...” เขานึกว่าเป็นกะรัต “กะรัต...นั่นคุณเหรอ”
ยังไม่มีเสียงตอบ พิศุทธิ์ค่อยๆพยุงตัวออกไปเปิดประตูออก ตกใจเมื่อเห็นเนื้อแพรยืนอยู่
“แม่...แม่มาได้ยังไงครับ”
เนื้อแพรเห็นพิศุทธิ์ก็รีบเข้ามาในห้องนอน แล้วมองสำรวจเพื่อจะหาผู้หญิงที่อยู่ในบ้าน
“ก็มาดูสาวที่ลูกหนีมาอยู่ด้วยสิจ้ะ...ไหนล่ะ เอาไปซ่อนไว้ไหน”
“ไม่มีหรอกครับ ผมอยู่ของผมคนเดียว”
“แล้วผู้หญิงคนที่คุยกับแม่เมื่อคืนเป็นใคร”
พิศุทธิ์พยายามเดินเลี่ยง
“ก็แค่คนแถวนี้”
“แน้...อย่าหลบตาแม่นะ”
เนื้อแพรคว้าแขนของพิศุทธิ์ไว้
“โอ๊ะ...” พิศุทธิ์กุมแผลทำหน้าเหยเก
“ชายเป็นอะไรลูก”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”
เนื้อแพรเข้าไปเปิดดูแผลของพิศุทธิ์แล้วก็ตกใจ
“ตายแล้วชาย นี่มันไม่ใช่นิดหน่อยแล้วนะ ชายเป็นอะไรบอกแม่ซิ”
“เรื่องมันยาว ไว้ผมค่อยเล่าให้แม่ฟังทีหลังได้มั้ยครับ”
เนื้อแพรหน้าเสียเมื่อเห็นบาดแผลของลูกชาย
กะรัตเดินจากทางเดินมาถึงหน้าบ้าน นวลหิ้วกล่องอาหารเดินตาม กะรัตเดินนำเข้ามาที่ตัวบ้านเดินผ่านประตูเข้ามา ยืนชะงักกับภาพตรงหน้า นวลที่ยืนหลังพลอยตกใจไปด้วย กะรัตมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เอวบางร่างน้อย ผมยาดำขลับเหมือนสาวรุ่นกำลังทำแผลให้พิศุทธิ์
“เจ็บมากมั้ย”
เนื้อแพรที่ทำแผลเสร็จ ยกมือจับที่แก้มลูกปลอบใจ พิศุทธิ์มองแม่อย่างขอบคุณ กุมมือแม่ไว้อย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว”
เนื้อแพรยืดตัวขึ้นหอมแก้มปลอบขวัญลูกชาย แต่ในมุมมองของกะรัต คือภาพผู้หญิงกับผู้ชายที่กำลังแสดงความรักกันอย่างชัดเจนโจ่งแจ้ง นวลขยับเข้ามองลุ้นจนติดหลังกะรัตที่ยืนนิ่งเหมือนถูกตรึง กะรัตรีบหมุนตัวจะเดินกลับออกจากบ้าน แต่ไม่ทันระวัง เลยชนเข้ากับนวลที่ยืนชิดมาก
“ว๊าย”
นวลเซแซ่ด ของในมือตกกระจาย ทั้งพิศุทธิ์และเนื้อแพรตกใจหันมา นวลมัวแต่วิ่งเก็บของ กะรัตเสียใจ ไม่อยากเผชิญหน้า รีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที
“คุณกั้ง”
ของหล่นจากมือกลิ้งไปอีก นวลวิ่งตามไปเก็บ
กะรัตจ้ำอ้าวออกมาจากบ้านเพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับผู้หญิงของพิศุทธิ์ เดินหนี
ออกมาด้วยอาการยังทำใจไม่ได้ พิศุทธิ์วิ่งประคองแผลตามแล้วร้องตะโกนเรียกไว้
“กะรัต คุณ กะรัต”
สามีตีตรา ตอนที่ 3 (ต่อ)
พิศุทธิ์วิ่งผ่านหน้านวลที่กำลังก้มเก็บข้าวของเพื่อตามกะรัตออกไปที่หน้าหาด เนื้อแพรเดินตามออกมาดูเหตุการณ์อย่างสงสัย
“เดี๋ยวสิครับ ทำไมต้องวิ่งหนีผมแบบนี้ด้วย”
คำถามพิศุทธ์ทำให้กะรัตหยุด คิดขึ้นมาได้ว่าไม่จำเป็นต้องหนี รู้สึกเสียหน้าที่ทำตัวเหมือนคนอกหักเลยกลั้นใจยืดอกเตรียมปรับสีหน้าเถียงข้างๆคูๆออกไป
“ฉันนึกได้ว่าลืมของไว้...คุณกำลังมีแขกก็ตามสบายเถอะ”
“เขาไม่ใช่แขกหรอกครับ เขาเป็น...”
พิศุทธิ์ยังไม่ทันพูดคำว่าแม่ เสียงเนื้อแพรดังขัดขึ้นเสียก่อน
“หนูกั้ง...หนูกั้งใช่มั้ย”
กะรัตมองไปตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลังพิศุทธิ์ เนื้อแพรก้าวออกมา กะรัตช็อค นึกว่าคนรักของพิศุทธิ์ก็คือเนื้อแพร
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่าคุณสองคน” กะรัตมองไปอย่างไม่เชื่อสายตา
เนื้อแพรจ้องหน้า
“น่าจะเป็นฉันมากกว่าที่ต้องถามว่า…คุณมาที่บ้านของเราได้ยังไง”
กะรัตฟังแล้วยิ่งของขึ้น
“ฉันไม่ได้อยากมาเหยียบนักหรอกนะ ถ้ารู้ว่ามันเป็นรังรักที่เธอหลอกฟันเงินพ่อฉันมาซื้อไว้กกผู้ชาย”
“กะรัต นี่คุณพูดอะไร” พิศุทธิ์ตกใจ
กะรัตหันมามองพิศุทธิ์
“คุณรู้รึเปล่าว่านังผู้หญิงคนนี้เป็นเมียน้อยของพ่อฉัน”
“กะรัต มันจะมากไปแล้วนะ” พิศุทธิ์โกรธ
เนื้อแพรเองก็ช็อคเพราะคาดไม่ถึง กะรัตจ้องหน้าพิศุทธิ์
“นี่แสดงว่าเขาไม่ได้บอกคุณ คุณกำลังโดนเขาหลอกแล้วรู้มั้ย เลิกยุ่งกับเขาซะเขากำลังสวมเขาให้คุณไม่รู้ตัวรึไง”
“ถ้าคุณไม่หยุดพูด ผมจะจับคุณโยนลงทะเล ล้างคำพูดของคุณออกไปซะ”
พิศุทธิ์ขยับเข้าหา เอาจริง เนื้อแพรปราม ดึงไว้
“ชาย”
กะรัตผิดหวังที่เห็นพิศุทธิ์ออกโรงปกป้องเนื้อแพรอย่างนั้น
“อย่าบอกนะว่าคุณเองก็รู้อยู่แก่ใจ นี่คงหลงกันจนโงหัวไม่ขึ้นอีกคนแล้วใช่มั้ย”
เนื้อแพรพยายามระงับอารมณ์เต็มที่
“คุณกะรัต...คุณกำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะ”
“ฉันเห็นเธอนัวเนียกับเขาอยู่ตำตา ยังจะแถไปไหน พ่อฉันสนองให้เธอยังไม่ถึงใจพอรึไง เธอถึงต้องมาหาผู้ชายปลดปล่อยถึงนี่”
พิศุทธิ์โกรธมากปราดเข้าอุ้มกะรัต แล้วพรวดพราดตรงดิ่งไปที่ทะเล จะทำเหมือนที่พูดจริงๆ กะรัตดิ้นร้องลั่น
“อ๊าย ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“พิศุทธิ์...พอได้แล้ว” เนื้อแพรร้องลั่นถลาเข้าหา
จังหวะเนื้อแพรยื้อตัวลูกชาย กะรัตดิ้นจนหลุดตกตุ้บลงมา
“อ๊าย” เธอลุกพรวดขึ้น “คนบ้า” กะรัตหันกลับไปสาดอารมณ์ใส่เนื้อแพรอีก “หน้าด้าน” เธอหันมาตวาดพิศุทธิ์ “คนสิ้นคิด อยากจะโดนเขาสนตะพายไว้ใช้คลายเหงาก็เชิญ”
กะรัตจ้ำพรวดๆไป
“คุณกั้ง...รอนวลด้วยค่า” นวลวิ่งตาม
พิศุทธิ์ทนเห็นกะรัตหนีไปแบบนี้ไม่ได้ จะตามไป เนื้อแพรรั้งไว้
“ช่างเขาเถอะชาย”
“ไม่ได้ครับ ผมจะปล่อยให้เขาทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้”
พิศุทธิ์หุนหันตามกะรัตไป
“ชาย...”
เนื้อแพรรีบจ้ำตาม
กะรัตเดินฟึดฟัดมาตามทาง นวลหิ้วของตามมาบ่นอุบด้วยความเสียดาย
“ไม่น่าเลย...เสียของจริงจิ๊ง...ยังไม่ทันจะ...”
กะรัตหันขวับไปมองดุตาขวาง นวลรีบหุบปาก กะรัตจะเดินต่อแล้วชะงัก พิศุทธิ์เข้ามาขวาง
“เดี๋ยว”
สองคนเบรกกันทั้งนายทั้งบ่าว กะรัตตวาดใส่
“ถอยไป”
พิศุทธิ์จ้องหน้ากะรัต พยายามควบคุมอารมณ์
“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าคุณกำลังเข้าใจผิด ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เกาะพ่อคุณกิน แล้วผมกับเขาก็ไม่ได้...”
กะรัตแทรกทันที
“ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมาแก้ตัวกับฉัน คุณกับผู้หญิงคนนั้นจะไปขึ้นช้างลงม้า ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
เนื้อแพรตามมาหยุดดูห่างๆ เห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ก็สงสัย
“แต่เขาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผม ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาพูดถึงเขาในแง่ร้ายเด็ดขาด”
กะรัตฟังแล้วยิ่งจี๊ด
“แล้วคุณจะเอายังไง จะให้ฉันก้มกราบขอบคุณที่เขามาสูบเลือดสูบเนื้อพ่อฉันงั้นเหรอ”
พิศุทธิ์กระชากแขนกะรัตเข้ามาประชิดตัว สั่งเสียงเข้มเด็ดขาด
“คุณต้องไปขอโทษ ผู้หญิงคนนั้น”
กะรัตสะบัดออก
“ไม่” เธอมองเขาอย่างผิดหวังเสียใจ “สุดท้าย ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมด ปลิ้นปล้อน มักมาก เลว”
กะรัตพูดพร้อมกับออกแรงผลักพิศุทธิ์ ไม่ทันระวัง กระแทกโดนแผลของเขาเต็มๆ
“โอ๊ย...”
กะรัตชะงักนิดเดียวแล้วหันไปร้องสั่งนวล
“ไปสินวล ยืนบื้ออยู่ทำไม”
“คุณกั้งด่าเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ”
“นวล” กะรัตตวาด
นวลรีบจ้ำอ้าว กะรัตเดินผ่านกระแทกไหล่พิศุทธิ์ไป พิศุทธิ์ตะโกนตาม
“รู้ไว้ด้วยนะว่าชีวิตนี้...ผมไม่มีทางรักใครมากไปกว่าผู้หญิงคนนั้น”
กะรัตหยุดเดิน พยายามกดความรู้สึกทั้งหมดไว้ แล้วตัดใจเดินจากไป พิศุทธิ์มองตาม ด้วยความผิดหวัง เนื้อแพรจ้องมองทั้งสองคนอย่างสงสัย
เนื้อแพรตามพิศุทธิ์เข้ามาในบ้าน
“นี่มันอะไร ลูกกับกะรัตไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
พิศุทธิ์หน้าเรียบเฉยพยายามข่มอารมณ์
“เปล่านี่ครับ ก็แค่คนรู้จักไม่ได้สนิทสนมอะไร”
พิศุทธิ์พยายามเดินเลี่ยงไม่ยอมสบตาแม่จนยิ่งทำให้เนื้อแพรสงสัย
“ถ้าแค่คนรู้จัก ทำไมเขาถึงต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทำยังกับกำลังหึงหวงลูกขนาดนั้น”
“ก็นิสัยคุณหนูอารมณ์ร้ายตามสไตล์เขานั่นแหละครับ”
เนื้อแพรลอบสังเกตมองดูอารมณ์ของพิศุทธิ์
“แม่ถามจริงๆ เขาใช่ผู้หญิงที่มาอยู่กับลูกที่นี่เมื่อคืนรึเปล่า”
พิศุทธิ์อึ้งๆไปนิดแล้วตอบเลี่ยง
“เขาก็แค่...มาดูแลผมเท่านั้นละครับ”
“ดูแล ลูกกับเขาเป็นอะไรกัน ทำไมเขาถึงต้องมาดูแล”
พิศุทธิ์นิ่งไป ตอบคำถามแม่ไม่ได้ เนื้อแพรจ้อง ถามแบบไม่ปล่อย
“ชาย แม่ถามว่าทำไมกะรัตถึงต้องมาดูแลลูก”
พิศุทธิ์อึดอัดที่ถูกซัก เนื้อแพรหลุบตาลงมองตำแหน่งแผลที่ตัวพิศุทธิ์แล้ววิเคราะห์อย่างคนผ่านโลกมามาก
“ตกลงบาดแผลที่ตัวลูก ฝีมือเขาใช่มั้ย”
“คือ...” พิศุทธิ์อึดอัดไม่อยากบอกเท่าๆกับ ไม่อยากโกหก “เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ผมเจ็บหรอกครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”
แค่นี้เนื้อแพรก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคน เข้าไปจับตัวลูกชายไว้ด้วยความเป็นห่วง
“ฟังแม่นะลูก กะรัตเป็นคนที่น่าสงสารก็จริง แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ลูกควรจะสานต่อ เขาไม่มีวันทำให้ลูกมีความสุขได้ เชื่อแม่”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ตราบใดที่เขายังดูถูกแม่แบบนี้ ผมกับเขาไม่มีทางลงเอยกันอย่างที่แม่เป็นห่วงแน่นอน”
เนื้อแพรได้ยินลูกพูดก็จะเบาใจ แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดวางใจ
กะรัตกดโทรศัพท์รัวโทรหากฤชแต่กดเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ กะรัตหงุดหงิด
“ทำไมไม่รับนะ” เธอพยายามกดโทรเบอร์ใหม่ “ฮัลโหล นี่ฉันกะรัตนะ บอกให้พ่อมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้...ฉันไม่สนใจว่าเขาประชุมอะไร ไปบอกเขาว่าฉันมีเรื่องต้องพูดกับเขาได้ยินไหม”
กุนตีกับนวลแอบคุยอยู่ห่างๆ
“มันจะเป็นไปได้เหรอนวล คุณพิศุทธิ์กับเนื้อแพรเนี่ยนะ”
“อู้ย นวลก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันละค่ะคุณกุ้ง”
“ก็ไหนคุยว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษนักหนา”
“ก็นั่นสิคะ ไม่รู้ไปเสียท่าแม่ดารานั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
กุนตีมองไปทางกะรัตด้วยสีหน้ากังวล
“แต่ยังไงฉันก็ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้”
“นี่ดีนะคะที่คุณกั้งยังไม่เผลอใจรักคุณพิศุทธิ์เข้า ไม่งั้นละก็ ชายสี่หมี่ไม่เกี่ยวทีเดียวค่ะ”
กุนตีอึ้งงงกับมุกนวลแล้วแอบดูกันต่อ...กะรัตเดินพล่านรอโทรศัพท์จนหมดความอดทน
“โฮ้ย พ่อนะพ่อ” เธอกดตัดสาย “นังเนื้อแพร คราวนี้ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
ค่ำนั้น กะรัตกับกุนตีเดินเข้าบ้านหลังจากที่กลับมาจากพัทยา นวลหอบกระเป๋าเสื้อผ้าตามมาติดๆ กฤชแต่งตัวหล่อเฟี้ยว เดินลงจากบันไดมา กะรัตรีบพุ่งเข้าไปหาทันที
“อ้าว ทำไมกลับมากันเร็วนักล่ะลูก”
“พ่อปิดเครื่องหนีกั้งทำไมรู้มั้ยคะว่ากั้งโทรหาพ่อจนนิ้วแทบจะจมเข้าในโทรศัพท์อยู่แล้ว”
“อะไรกันกั้ง พ่อประชุมอยู่ที่บริษัทแล้วพอดีมือถือพ่อมันแบตหมด นี่ก็ต้องออกไปงานเลี้ยงลูกค้าอีก” กฤชหยุดมองกะรัตงงๆ “ว่าแต่กั้งมีอะไรกับพ่อ ท่าทางเอาเรื่องเชียว”
“วันนี้กั้งเจอ นังเมียน้อย ของพ่อ”
“เมียน้อย” กฤชงง
“ก็นังเนื้อแพรนั่นไงคะ พ่อไม่ต้องแกล้งทำมึนเลย”
“กั้ง พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าเนื้อแพรเขาเป็นเพื่อนของพ่อ”
“เพื่อนร่วมเตียงน่ะสิคะ มั้ยคะว่าวันนี้กั้งเห็นความร่านของมันด้วยตาของกั้งเอง พ่อคงไม่รู้ละสิว่านอกจากพ่อ เขายังแอบเลี้ยงเด็กหนุ่มเอาไว้เคี้ยวเล่นด้วย”
“ไปเอาอะไรมาพูด”
กฤชเดินหนีกะรัตตาม
“แต่กั้งเห็นมากะตา เขาไปอี๋อ๋อกับเด็กของเขาที่พัทยา ไม่เชื่อถามนวลดูก็ได้”
กฤชถอนใจหันไปหานวล
“ว่าไงล่ะนวล” กุนตีถาม
นวลอ้ำอึ้ง
“เอ่อ...จริงค่ะคุณผู้ชาย พูดแล้วยังอยากได้...เอ๊ย ไม่น่าเป็นไปได้เลยนะคะ” นวลเล่าไปแบบพาซื่อ “คุณเนื้อแพรอยู่ในห้องกันสองต่อสองกับผู้ชาย ซ้ำผู้ชายคนนั้นยังจะเป็น...”
นวลจะบอกว่าคนที่หมายตาไว้ให้กะรัต กุนตีปราม
“นวล...”
กฤชส่ายหน้า
“ฉันไม่เชื่อ เนื้อแพรไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“เขาสวมเขาให้พ่อขนาดนี้ พ่อยังเข้าข้างเขาอีกเหรอคะ กั้งขอสั่งให้พ่อเลิกกับแม่นั่น ก่อนที่จะถูกนายพิศุทธิ์เยาะเย้ยเอา” กะรัตโกรธ
กฤชตกใจเมื่อได้ยินชื่อพิศุทธิ์
“อะไรนะ เมื่อกี๊กั้งพูดถึงใคร”
“ก็คู่ขาแม่นั่นไงคะ”
“กั้งเขาหมายถึงคุณพิศุทธิ์ที่พ่อรู้จักน่ะแหละค่ะ” กุนตีบอก
“พิศุทธิ์” กฤชหัวเราะขำ “กั้งเอ๊ย”
กะรัตหงุดหงิด
“ทำไมคะ หรือว่าพ่อไม่เชื่อกั้ง”
กฤชตอบอย่างเร็ว
“แน่นอนที่สุด มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะลูก ก็พิศุทธิ์กับเนื้อแพร...”
กะรัตยังทำหน้าเหยียดหยาม กฤชขยับเข้าไปพูดกับลูกอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เขาเป็นแม่ลูกกัน”
ทุกคนอึ้ง เหวอ นวลหน้าตื่น
“โอ๊ะ โอว...”
กะรัตอึ้งไม่อยากจะเชื่อ
“อะไรนะคะ พ่อบอกว่า...”
กฤชเน้นเสียง
“ม.ร.ว.พิศุทธิ์ ศักดิ์โกศล ลูกชายคนเดียวของเนื้อแพรที่เกิดกับท่านชายอ๊อด ลูกชายแท้ๆ ของหม่อมมลุลี เจ้าของวังศักดิ์โกศล”
กะรัตช็อก หน้าชาวืดนิ่งอยู่ตรงนั้น
ค่ำนั้น...กันตาหัวเราะดังลั่น กะรัตยืนเป็นจำเลยอยู่กลางห้อง
“สงสัยก้อยต้องบันทึกลงในปฏิทินร้อยปีว่าวันนี้ คือวันหน้าแตกแห่งชาติของพี่กั้ง”
นวลพลอยหัวเราะขำไปด้วย กุนนตีได้แต่ส่ายหน้าระอาความหุนหันของน้อง
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เล่นหวีดหวานคลุกวงในกันซะขนาดนั้น แล้วยังพูดจากำกวมให้กั้งเข้าใจผิด” กะรัตหน้าจ๋อย
“เป็นเพราะเราหึงจนไม่ได้ดูตาม้าตาเรือมากกว่าละมั้งยัยกั้ง” กุนตีขัดขึ้น
กะรัตถูกจี้จุด หน้าแดงซ่าน เขิน เข้าไปนั่งเกาะแขนพี่สาวที่นั่งอยู่บนเตียง
“แล้วทีนี้กั้งจะทำยังไงดีพี่กุ้ง กั้งเล่นงานแม่เขาซะเละไม่มีชิ้นดีเลย”
“ท่าจะประกอบร่างยากแล้วละค่ะคุณกั้ง โดนสับยับยุ่ยซะขนาดนั้น” นวลแทรกอย่างหนักใจ
กะรัตแทบอยากจะกรี๊ดออกมา
“โอ๊ย ซวย ๆ ทำไมมันถึงได้ซวยอย่างนี้ แล้วนี่จะเข้าหน้าเขาได้ยังไง”
“เคสนี้...หมอไม่รับเย็บนะพี่กั้ง” กันตาแซว
“ไม่ได้นะก้อย เธอยุพี่มาแต่แรก จะทิ้งกันกลางทางอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“พี่ว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่เขาจะโกรธกั้งมากแค่ไหน แต่มันสำคัญที่เขาเป็นลูกของเนื้อแพร ถึงเขาจะอภัย แต่กั้งจะรับได้เหรอที่เขาเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้น”
กุนตีพูดเรียบๆ แต่กะรัตฟังแล้วอึ้ง ถึงกับยกมือขยี้หัวตัวเองจะบ้าตาย
“โอ๊ย”
“เอ...หรือว่านี่มันเป็นอุปสรรคของรักแท้” นวลรีบคลานเข้าไปหากะรัต “คุณกั้งขา เขา
อาจจะเกิดมาเป็นคู่ของกั้งจริงๆก็ได้นะคะ เพราะที่ผ่านมา คุณกั้งแค่กระดิกนิ้วหลิ่วตา ก็ได้สามีมาสามคน แต่คนนี้...”
กะรัตหยุดมือที่ขยี้หัว เหลือบตาขึ้นมองนวล เหมือนเห็นเป็นที่พึ่งสุดท้าย กันตาคล้อยตามนวล
“นั่นสิ ก้อยเห็นด้วยกับนวลนะคะพี่กั้ง”
กุนตีคิดต่างออกไปจึงเตือน
“แต่พี่ว่ากั้งตัดใจซะดีกว่า เพราะยังไง กั้งคงยอมรับเนื้อแพรมาเป็นแม่ผัวไม่ได้...จริงมั้ย”
กุนตีเดินออกจากห้องไป กะรัตจิตตกฮวบ หน้าเครียด กันตาเห็นท่าทีของพี่แล้วสงสารรีบเดินเข้าไป กระซิบให้กำลังใจ
“แต่คนที่พี่จะอยู่ด้วยคือลูก ไม่ใช่แม่ คิดดีๆนะพี่กั้ง”
กะรัตนิ่งคิด
วันใหม่...พิศุทธิ์เดินออกจากตัวตึกคณะที่สอน เสียงมือถือดังขึ้นเขาออกมาดู หน้าจอเป็นชื่อกะรัต พิศุทธิ์ยืนลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี ท่านชายอ๊อดเดินมาถึงพอดี โวยวายใส่
“คณบดีโทรไปบอกฉันเมื่อกี๊ว่าแกมาลาออก บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกจะลาออกไปไหน”
พิศุทธิ์อึ้งไปนิดเดียว ไม่คิดว่าข่าวจะไปเร็วขนาดนี้
“ผมได้งานที่ใหม่ เป็นบริษัทเอกชน” พิศุทธิ์เหลียวมองไปทางตัวตึก “ที่นี่มีคนคุ้นเคยของท่านพ่ออยู่มากเกินไป ผมคงไม่สะดวกจะทำงานต่อแล้วละครับ”
“นี่แกอยากจะลองดีกับฉันใช่มั้ย ถึงกล้าหักหน้าฉันแบบนี้” ท่านชายอ๊อดตวาดเสียงดัง
พิศุทธิ์ตกใจที่เห็นท่านชายอ๊อดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ มองไปรอบๆ อย่างระวังตัว
“ผมว่าเรากลับไปคุยเรื่องนี้กันที่บ้านดีกว่าครับ”
พิศุทธิ์เดินหนีไปเร็วๆ ท่านชายอ๊อดตาม
พิศุทธิ์เดินหนีท่านชายอ๊อดออกมาที่ลานจอดรถ ท่านชายอ๊อดจ้ำอ้าวตามปากยังตะโกนไล่หลังไม่หยุด
“แกกล้าปฏิเสธตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี แกยังสติดีอยู่รึเปล่า”
พิศุทธิ์ทำหูทวนลม เดินไปที่ประตู ท่านชายอ๊อดปราดเข้าขวาง
“ฉันไม่ให้แกไปทำงานที่ไหนทั้งนั้น แกต้องไปรับตำแหน่งที่ฉันหาไว้ให้”
“ผมคงไม่มีบารมีพอจะไปรับตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น ถ้าท่านพ่อเสียดายก็รับมันไว้เองเถอะครับ”
พิศุทธิ์จะเปิดประตูรถ ท่านชายอ๊อดรีบตะปบที่เปิดประตู
“บอกมาว่าแกอยากได้อะไร รถ คอนโด ที่ดินหรือเงินสดเท่าไหร่ฉันก็ยอมจ่าย”
“ผมแค่ขอใช้ความรู้ความสามารถหากิน นอกนั้นผมไม่ต้องการอะไร ขอโทษนะครับ”
พิศุทธิ์ดึงมือพ่อออกแล้วเปิดประตู ท่านชายอ๊อดกระแทกประตูปิดแรงๆ
“แกรู้รึเปล่าว่าถ้าแกปฏิเสธ บริษัทของฉันจะเสียหายขนาดไหน แกอยากเห็นตระกูลเราถูกฟ้องล้ม ละลายรึไง”
พิศุทธิ์หันมามองท่านชายอ๊อด ที่ในที่สุดก็ยอมหลุดปากพูดความจริงออกมา
“ผมไม่เคยใช้นามสกุลของท่านพ่อแสวงหาผลประโยชน์อะไร ดังนั้นกรุณาอย่าเห็นผมเป็นสมบัติของตระกูล ที่มีเอาไว้เป็นเครื่องมือหากินอีกเลยครับ”
“แก”
ท่านชายอ๊อดโกรธจนหน้าแดงหน้าดำ พิศุทธิ์แม้จะเจ็บแปลบทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ แต่ก็ตัดใจขึ้นรถแล้วขับ ออกไปท่านชายอ๊อดโมโห
“ไอ้ลูก...โว๊ย”
กะรัตยืนอยู่หน้าหน้าสปาของเนื้อแพร หน้าร้านมีรูปของเนื้อแพรเป็นพรีเซนเตอร์ติดอยู่ กะรัตยืนนิ่งมองรูปนั้นอยู่นานก่อนจะทำใจเดินเข้าไป
กะรัตเปิดประตูเดินเข้ามาหาพนักงานที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ต้อนรับ พนักงานยกมือไหว้กะรัตอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะ...มารับบริการอะไรดีคะ”
“ฉันมาขอพบคุณเนื้อแพร”
“ไม่ทราบว่านัดเอาไว้รึเปล่าคะ”
ระหว่างนั้นเองเนื้อแพรกำลังเดินออกมาส่งลูกค้าที่เพิ่งใช้บริการเสร็จพอดี ทันทีที่เนื้อแพรเห็นกะรัตมาที่ร้านก็แปลกใจ เนื้อแพรนึกไม่ถึง
“คุณกะรัต...”
กะรัตเผชิญหน้ากับเนื้อแพรสีหน้าของเธอนิ่ง เนื้อแพรเดาไม่ได้เลยว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่
ในห้องรับรองแขกสปา เนื้อแพรนั่งลงตรงหน้าของกะรัต
“คุณมาถึงที่นี่มีอะไรรึเปล่าคะ”
กะรัตพูดไปในทันที
“ฉันจะมาขอโทษคุณ”
เนื้อแพรแทบไม่เชื่อสายตา ว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของกะรัตง่ายๆ
พิศุทธิ์เดินเข้ามาในสปา พนักงานทักทายอย่างเป็นกันเอง พิศุทธิ์เดินมาถึงหน้าห้องรับรองเปิดประตูเข้าไป ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจที่เห็นกะรัตนั่งคุย อยู่กับเนื้อแพร
“ฉันไม่รู้มาก่อนว่าคุณ เป็นแม่ของพิศุทธิ์ก็เลยทึกทักเอาว่าพวกคุณเป็นคู่รักกัน”
พิศุทธิ์ได้ยินน้ำเสียงที่กะรัตพูดกับแม่อย่างใจเย็น ทำให้เขาไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะ จึงแอบลอบมองกะรัตกับเนื้อแพรจากทางด้านนอกประตูนั้น เขาแปลกใจกับทีท่าของกะรัตที่ไม่เกรี้ยวกราดอย่างคราวก่อน
“การที่ชายพัวพันกับคนอย่างฉัน คงจะทำให้คุณผิดหวังมาก”
“ฉันยอมรับว่าฉันไม่ชอบคุณ”
“คุณก็เลยพาลรังเกียจชายไปด้วย”
พิศุทธิ์ที่กำลังรอฟังคำตอบนั้นอย่างตั้งใจ
“เปล่า ฉันไม่เคยนึกรังเกียจเขา ฉันยังอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ดีกับฉัน”
พิศุทธิ์แปลกใจกับคำพูดตรงไปตรงมาของกะรัต เนื้อแพรพยายามจะจับความรู้สึกที่กะรัตมีต่อพิศุทธิ์
“สรุปก็คือ คุณแค่ไม่อยากผิดใจกับชาย คุณก็เลยจำเป็นต้องมาขอโทษฉัน”
“เปล่า ฉันรู้ตัวว่าฉันทำผิดต่อคุณก็เลยอยากจะขอโทษที่ต่อว่าคุณเสียๆหายๆ”
เนื้อแพรยังคาใจเกี่ยวกับความเชื่อของกะรัตเรื่องเธอกับกฤช เลยหยั่งเชิงออกไป
“ทั้งที่คุณยังเข้าใจว่าฉันเป็นเมียน้อยพ่อคุณ”
“แต่นี่มันเป็นคนละเรื่องกันนะคะ”
“นั่นแสดงว่าคุณยังเชื่อ”
กะรัตที่ถูกเนื้อแพรรุก เริ่มอึดอัด
“ฉันขอถามหน่อย...ทำไมคุณถึงเชื่อนักว่าพ่อคุณกับฉันมีอะไรกัน”
“ใครๆเขาก็คิดแบบนั้นกันทั้งนั้น”
เนื้อแพรนึกอยู่แล้วว่ากะรัตต้องคิดแบบนี้
“คุณเชื่อเพราะฟังคำพูดคนอื่น...”
กะรัตอึ้ง พิศุทธิ์เริ่มหน้าไม่ดี
“คุณกำลังจะบอกฉันว่าคุณกับพ่อไม่มีอะไรกัน...งั้นเหรอคะ”
“ที่จริงฉันยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณกฤช ค่อนข้างจะหมิ่นเหม่ต่อความเข้าใจผิดของคนทั่วไป”
พิศุทธิ์ตั้งใจฟังประเด็นนี้แทบไม่หายใจ
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อฉันหรือไม่ก็ตาม...ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่เคยแย่งสามีใคร ฉันกับคุณกฤชคบหากันด้วยความบริสุทธิ์ใจในฐานะเพื่อนและคนที่ทำธุรกิจร่วมกันเท่านั้น”
คำพูดเนื้อแพรที่เน้นชัดมั่นใจ ทำให้กะรัตกับพิศุทธิ์ต่างอึ้งกันไปตามๆ โดยเฉพาะพิศุทธิ์ที่รู้สึกผิดที่เคย เคลือบแคลงแม่มาตลอด
“ไหนๆเราก็เปิดใจกันมาขนาดนี้ ฉันขอบอกคุณตามตรงว่า ไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไงกับฉันก็ตาม แต่ฉันไม่สบายใจที่คุณจะคบหากับพิศุทธิ์”
“แต่ฉัน...” กะรัตจะบอกว่าคิดกับเขาแค่เพื่อน แต่เนื้อแพรดักคอไว้ก่อน
“ลองถามใจตัวเองดูว่าคุณอยากหาเพื่อนจริงๆ หรือแค่หาใครมาเยียวยา ความเหงา ของคุณ ถ้าแค่จะหาอะไรแบบนั้น ลองมองหาจากคนอื่นเถอะค่ะ”
กะรัตได้ฟังคำพูดตรงไปตรงมาของเนื้อแพร รู้สึกชาวืดไปทั้งตัว แต่ด้วยพื้นฐานเดิมที่ไม่ยอมคนทำให้คอตั้ง
หลังตรงขึ้นมาอีก
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง ฉันยืนยันว่าฉันมาที่นี่เพราะต้องการมาขอโทษคุณเท่านั้น ส่วนเรื่องพิศุทธิ์ไม่ว่าเขาแค่สมเพช เวทนาหรือจะเกลียดขี้หน้าฉันไปแล้วก็ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าควรจะทำ ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่านั้น”
พิศุทธิ์ฟังแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นหายวูบไป กะรัตลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วออกไป เนื้อแพรมองอาการตัดพ้อของกะรัตเห็นความหวั่นไหวไปกับพิศุทธิ์จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วแน่นอน
กะรัตเดินออกมาจากสปาอย่างอึดอัด เธอตัดสินใจเดินไปแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเธอเห็นพิศุทธิ์มาหยุดยืนมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“คุณ...”
พิศุทธิ์มองกะรัตด้วยสายตาอ่อนโยนลง หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอสารภาพกับเนื้อแพรไปทั้งหมด
“ไม่นึกว่าจะได้เจอคุณอีก”
“ฉันมาเคลียร์กับแม่คุณ ฉันเสียใจที่พูดจาเหลวไหลออกไปอย่างนั้น”
“เขาว่าคนไม่รู้ย่อมไม่ผิดนี่จริงไหม”
กะรัตมองพิศุทธิ์อย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะยกโทษให้เธอง่ายอย่างนี้
“คุณไม่โกรธฉันแล้วเหรอ ไหนคุณว่าไม่อยากให้ฉันมาเจอหน้าอีกแล้วไง”
“คนเอาแต่ใจอย่างคุณ ผมคงห้ามไม่ได้”
พิศุทธิ์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน กะรัตมองเห็นพิศุทธิ์ใจอ่อนแบบนั้นแต่กลับไม่ได้สบายใจขึ้นแต่อย่างใด เพราะมันยิ่งทำให้เธอละอายใจ
“คุณเป็นคนดีจริงๆด้วย ฉันขอโทษที่เข้ามาป่วนให้ชีวิตคุณวุ่นวาย”
“คนเป็นเพื่อนกันก็ต้องยกโทษให้กันได้”
กะรัตได้ยินคำว่าเพื่อนแล้วเสียดแทงใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองคิดไปไกลกว่านั้น เธอยิ้มกร่อยๆ
“แค่คุณยอมเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉัน ก็นับว่าบุญแค่ไหนแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้คุณเดือดร้อนตั้งหลายครั้ง ฉันจะพยายามไม่กวนใจคุณไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน”
กะรัตตัดสินใจเดินหลบไป พิศุทธิ์เห็นอาการของเธอก็มองตามไปอย่างไม่สบายใจ เนื้อแพรคอยจับจ้องดูทั้งคู่อยู่มองดูใบหน้าของพิศุทธิ์ที่สลดไปอย่างไม่สบายใจเพราะกลัวพิศุทธิ์จะมีใจให้กับ กะรัตไปแล้ว
ค่ำนั้น พิศุทธิ์พาเนื้อแพรกลับมาที่บ้าน หน้าตาของเขายังครุ่นคิดถึงปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของกะรัต อยู่ตลอดเวลา เนื้อแพรเห็นลูกชายใจอ่อนให้กะรัตแล้วจึงได้ดักคอขึ้นมา
“วันนี้ชายได้ยินตอนแม่คุยกับกะรัตใช่ไหม”
พิศุทธิ์ชะงักนิดนึง สุดท้ายบอกความจริง
“ครับ...”
“ถ้าไม่ใช่เพราะลูก เขาก็คงไม่มาขอโทษแม่”
“แม่ไม่เชื่อว่าเขารู้สึกผิดต่อแม่จริงๆเหรอครับ”
“แม่ไม่ได้อคติอะไรกะรัตนะลูก แม่แค่ไม่อยากให้ลูกไปจริงจังกับคำพูดของกะรัตนัก ช่วงนี้เขาเหงา เขาก็เห็นค่าของเรา แต่ผู้หญิงรักสนุกอย่างเขาไม่หยุดอยู่ใครคนใดคนหนึ่งได้นานแน่ๆ”
“แม่อย่าเพิ่งคิดมากสิครับ เขาอาจไม่ทันได้คิดอะไรทำนองนั้นกับผมก็ได้”
“กะรัตก็เหมือนไม้เลื้อย เขาอยู่ด้วยตัวเองคนเดียวไม่ได้ เขาถึงได้เปลี่ยนสามีปี เว้นปีแบบนี้ไง”
“เขาอาจจะไม่ได้มีความสุขที่ต้องเปลี่ยนสามีบ่อยๆก็ได้นะครับแม่”
“แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ชายจะต้องไปคอยรับผิดชอบความอ่อนไหวของเขานี่จ้ะ เชื่อเถอะว่ามีคนห่วงเขามากพอแล้ว ลูกแม่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในวังวนของเขาอีกคนหรอกนะลูก”
พิศุทธิ์ฟังเนื้อแพรดักคอแบบนั้นแล้วรู้สึกหนักใจ
“ลูกกับเขาต่างกันเกินไป อยู่ให้ห่างเขาไว้จะดีกว่านะลูกนะ”
พิศุทธิ์นิ่งคิด
ยามค่ำคืนบรรยากาศโดยรอบดูเหงาๆเศร้าๆ กะรัตนั่งอยู่ที่เก้าอี้สนามในอาการเหม่อลอย คิดถึงพิศุทธิ์ เธอนึกถึงภาพที่เขาช่วยเธอที่ทะเล...พับขากางเกงให้...นวดเท้า...ทำอาหารให้กิน...พยายามจะปัดมีดออกแล้วเขาก็ถูกแทง...นวลเดินออกมาถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณกั้งขา...ดึกมากแล้ว เข้านอนเถอะนะคะ”
“ฉันอยากทำงาน”
นวลชะงักตกใจเผลอแหกปากอุทานเสียงดัง
“อะไรนะคะ” นวลเอานิ้วล้วงหูตัวเองว่าได้ยินไม่ผิด “สงสัยนวลจะได้ยินผิด”
กะรัตถอนใจ
“นี่เธอคิดว่าคนอย่างฉันไม่ไร้ค่าจนทำอะไรไม่ใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ...ไม่ใช่...นวลแค่...” นวลพยายามหาคำแก้ตัว “...แค่”
กันตาเดินเข้ามา นวลหันไปมองเหมือนหาตัวช่วย
“มีอะไรกันเหรอคะ” กันตาถามเรียบๆ
“พี่อยากเปิดร้านเสื้อเป็นของตัวเอง”
“อะไรนะ” กันตาตกใจไม่ต่างจากนวล
กะรัตชักหงุดหงิด
“ฉันรู้ ไม่มีใครคิดว่าฉันจะทำได้ ฉันถึงอยากพิสูจน์ให้ใครๆ...” กะรัตนึกถึงเนื้อแพร “รู้ว่าถ้าคนอย่างกะรัตจริงจังเป็น และคิดเริ่มต้นทำอะไรใหม่...ก็ทำได้”
กันตามองหน้ากับนวลว่า กะรัตท่าจะเครียดเอามากๆ กะรัตหน้าหม่นเศร้ามากปิดเปลือกตาลงเหมือนอยากทำใจให้ลืมพิศุทธิ์
พิศุทธิ์ตกอยู่ในอาการเดียวกันกับกะรัต ลืมตาขึ้นมา ยกมือถือในมือขึ้นมอง กดเบอร์กะรัตลงไป แล้วตัดสินใจกดปุ่ม End Call...พิศุทธิ์นั่งเหม่อมองท้องฟ้า...พยายามตัดใจจากกะรัต
สามีตีตรา ตอนที่ 3 (ต่อ)
สองเดือนต่อมา...
สายน้ำผึ้งพยายามจะหางานทำใหม่ แต่ละงานไม่ตรงกับที่เธอต้องการ กากกะบาทลงในกรอบรับสมัครงานของบริษัทต่างๆในหนังสือพิมพ์ จนแดงเถือกไปหมด ความเครียด ทำให้เธอเกิดอาการคลื่นเหียน ต้องคว้ากระโถนขึ้นมาอ๊วก
กะรัต กุนตีและกันตาพากันมาดูสถานที่ที่กะรัตจะใช้เปิดร้านเสื้อ กุนตีกับกันตาเดินดูรอบแต่กะรัตยืน เหม่อหมองเศร้า กันตากับกุนตีเห็นอาการกะรัตแล้วส่ายหัว
พิศุทธิ์ยื่นใบลาออกกับบริษัทเดิม หัวหน้าจับมือ พิศุทธิ์ถือกล่องที่เก็บของ ของตัวเองเดินออกจากที่ทำงานเก่า
สายน้ำผึ้งไปสมัครงาน แต่ถูกปฏิเสธ
เดือนต่อมา...ร้านของกะรัตตกแต่งเสร็จแล้ว เธอกำลังตัดผ้า และหยิบโทรศัพท์จะกดเบอร์พิศุทธิ์ แต่ก็กดวาง กันตามองพี่สาว แล้วจะไปกดโทรศัพท์ให้กะรัตไม่ยอม
พิศุทธิ์นั่งมองโทรศัพท์ เนื้อแพรแอบเห็นอาการที่ลูกชายดูซึมๆไป
สายน้ำผึ้งกำลังสัมภาษณ์งานแต่คลื่นไส้ต้องอาเจียน คนสัมภาษณ์ช่วยลูบหลังแล้วส่ายหัว
สายน้ำผึ้งเปิดหาหนังสือพิมพ์ฉบับแล้วฉบับเล่า รสสุคนธ์เดินเข้ามาหยุดมองหลานอย่างเวทนา
พิศุทธิ์จับมือกับหัวหน้างานบริษัทใหม่ ทุกคนปรบมือต้อนรับ
กะรัตลงมือวาดแบบ แต่ก็ขยำทิ้ง แผ่นแล้วแผ่นเล่า
สายน้ำผึ้งมองรอยกากบาทเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น เธอรู้สึกกดดันกับความลำบากยากแค้น ของตัวเอง ปัดหนังสือ์พิมพ์ตกจากโต๊ะอย่างแรง รสสุคนธ์มาเก็บ สายน้ำผึ้ง ลุกขึ้นเดินหนีหน้าไปทันที
สายน้ำผึ้งวางหนังสือพิมพ์ปึกโตลงบนโต๊ะ เธอเริ่มใส่ชุดคลุมท้องเพราะท้องได้เกือบห้าเดือนแล้ว รสสุคนธ์ยกน้ำส้มคั้นให้แล้วมองอย่างสงสาร
“ไม่พักซะบ้างเหรอผึ้ง ตั้งแต่ออกจากงานน้าเห็นผึ้งตระเวนหางานทุกวัน”
“ผึ้งพักไม่ได้หรอกค่ะ มีคนคอยรอสมน้ำหน้าผึ้งอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ ผึ้งจะต้องรีบหางานใหม่ให้ได้ ผึ้งไม่ยอมให้ใครมาหัวเราะเยาะผึ้งกับลูกได้ทีหลัง”
สายน้ำผึ้งหยิบหนังสือพิมพ์หน้าหางานออกมาปึกโต
“งั้นเดี๋ยวน้าไปหาอะไรมาให้กินนะ”
รสสุคนธ์เดินไป สายน้ำผึ้งมุ่งมั่นนั่งหางานจากในหนังสือพิมพ์อย่างจริงจัง
หลายวันต่อมา...ในห้องสัมภาษณ์งานในโรงงานอาหารสำเร็จรูป สายน้ำผึ้งดีใจมากที่ผู้จัดการรับเธอเข้าทำงาน
“ตกลงว่าคุณรับดิฉันแล้วใช่ไหมคะ” สายน้ำผึ้งยกมือไหว้ “ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสดิฉัน รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”
“ผมจะไม่รับคุณได้ไง ก็ผมจำได้ว่าเคยเจอคุณกับคุณกะรัตมางานเปิดตัวสินค้าใหม่ของผม ครอบครัวคุณกะรัตมีบุญคุณกับบริษัทเรามาก”
สายน้ำผึ้งหุบยิ้มลุกพรวดขึ้นทันที
“อะไรนะ ที่คุณรับฉันเข้าทำงาน เพราะฉันเป็นเพื่อนกะรัตงั้นเหรอ”
ผู้จัดการงง
“ขอโทษนะ ดิฉันคงไม่สะดวกที่จะร่วมงานกับคนที่ต้องอาศัยใบบุญพวกตระกูล เทพทัต”
สายน้ำผึ้งพูดจบก็พรวดพราดออกจากห้องไป ผู้จัดการยืนเหวอ
ในห้องเสื้อ...กะรัตกำลังออกแบบเสื้อ แต่ขีดๆวาดๆ แบบแล้วแบบเล่าก็ไม่ได้อย่างใจ ขยำๆกระดาษแล้วเขวี้ยงทิ้ง กันตาก้าวเข้ามา ตรงก้อนกระดาษที่กะรัตเขวี้ยงลงมาพอดี บนพื้น มีก้อนกระดาษถูกขยำทิ้งเกลื่อน กะรัตที่หงุดหงิดงุ่นง่าน เขวี้ยงดินสอสเก็ตช์ลงบนโต๊ะแล้วลุกพรวดขึ้น
“ก้อยไม่เข้าใจว่าพี่กั้งจะทรมานตัวเองอยู่ทำไม” กันตามองไปที่ราวเสื้อ “งานกับผู้ชายมันสนอง NEED ให้เราไม่เหมือนกันหรอกนะ”
“แล้วเธอจะให้พี่ทำยังไง...แม่เขาออกโรงตีกันซะขนาดนั้น”
“ให้อีกเดือนเดียว คิดดีๆนะ...ถ้าพี่กั้งไม่บุก ผู้ชายดีๆอย่างคุณพิศุทธิ์...หลุดแน่”
กะรัตมองหน้าน้องอย่างครุ่นคิด
สัปดาห์ต่อมา สายน้ำผึ้งมาสัมภาษณ์งานกับบริษัทอีกแห่งหนึ่ง เธอหน้าตาเคร่งขรึมไม่กระตือรือร้น เหมือนเก่า คนสัมภาษณ์เหล่มองท้องของเธอแล้วถอนหายใจ
“ผมขอโทษจริงๆผมคงรับคุณไว้ไม่ได้”
สายน้ำผึ้งน้ำเสียงเย็นชา
“เป็นเพราะว่าฉันท้องเหรอคะ”
“มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ”
“ดิฉันไม่ใช้สิทธิ์ลาคลอดเต็มระยะเวลาก็ได้ ถ้าคุณไม่สบายใจ”
“อย่าเลยครับเดี๋ยวจะหาว่าผมเอาเปรียบคุณได้”
สายน้ำผึ้งเริ่มโมโห
“ดิฉันแค่ท้องนะคะ ไม่ได้พิการ ทั้งสมองแขนขาของดิฉันยังทำงานได้”
คนสัมภาษณ์ออกจะเอือมระอา
“เรื่องภาวะทางอารมณ์ต่างหากครับ ที่เรากลัวว่าคุณจะควบคุมมันไว้ไม่ได้”
สายน้ำผึ้งหน้าจ๋อยไปทันที เมื่อได้ยินคนสัมภาษณ์ตอกกลับมาแบบนี้
สัปดาห์ต่อมา สายน้ำผึ้งมาสมัครงานที่บริษัทวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป หัวหน้าแผนกถามคำถามสายน้ำผึ้งที่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อน
“ถ้างานของคุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ้าง คุณจะมีปัญหาไหมครับ”
สายน้ำผึ้งเสียงยังเนือยๆ คิดว่าคงไม่ได้งานอีก
“คุณจะรับฉันเข้าทำงานเหรอคะ”
“ถ้าคุณยอมรับเงื่อนไขที่ผมบอกได้ คุณก็มาเริ่มงานได้เลย”
สายน้ำผึ้งงงตกใจ คิดไม่ถึง
“นี่คุณ...รับฉันแล้วจริงๆเหรอคะ...ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ”
สายน้ำผึ้งเดินลูบท้องออกมาที่หน้าลิฟต์อย่างดีใจ เธอยื่นมือไปกดรอลิฟต์ แล้วชนเข้ากับมืออีกมือหนึ่ง ที่ยื่นเข้ามากดลิฟต์พร้อมๆกัน
“ขอโทษค่ะ”
สายน้ำผึ้งหันไปแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพิศุทธิ์คือคนที่มากดลิฟต์พร้อมกับเธอ พิศุทธิ์ก็ตกใจเหมือนกัน
“...คุณ”
พิศุทธิ์จำสายน้ำผึ้งได้ เลยออกอาการกระอักกระอ่วนนิดๆเมื่อนึกถึงเรื่องระหว่างสายน้ำผึ้งกับกะรัต สายน้ำผึ้งคุ้นๆ พยายามนึก
“คุณน่ะเอง คุณทำงานที่นี่เหรอคะ”
“อย่าบอกนะครับว่าคุณก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน”
“โลกกลมจังเลย ดิฉันเพิ่งได้งานวันนี้เองค่ะ”
พิศุทธิ์อึดอัดแต่ต้องพูดออกไปตามมารยาท
“ดีใจด้วยนะครับ”
“เชื่อมั้ยคะ ดิฉันหางานมาเกือบสามเดือน ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าอยู่ๆก็จะได้”
พิศุทธิ์มองไปที่ท้องสายน้ำผึ้ง แล้วใจอ่อน อดจะสงสารไม่ได้
“เรื่องดีๆมักจะเกิดตอนที่เราไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้แหละครับ”
เสียงสัญญาณลิฟต์มาจอดที่ชั้นพอดี ประตูลิฟต์เปิดออก สายน้ำผึ้งเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปุ่มเปิดรอขณะที่พิศุทธิ์กำลังจะเข้าไปในลิฟต์ เสียงมือถือของเขาดังขึ้นพอดี พิศุทธิ์เปลี่ยนใจหยุดรับโทรศัพท์
“เชิญคุณก่อนเถอะครับ” พิศุทธิ์กดรับเดินห่างออกไป “สวัสดีครับ...ใช่ครับ ผมกำลังพูด”
สายน้ำผึ้งยังมองพิศุทธิ์ ครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาเมื่อครู่
“เรื่องดีๆมักจะเกิดตอนที่เราไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้แหละครับ”
สายน้ำผึ้งยิ้มอย่างมีความหวังขึ้นมา ก่อนลิฟท์จะเคลื่อนปิดลง
กันตาคุยมือถือมาจากห้องพักในโรงพยาบาล กะรัตในชุดคนไข้นั่งลุ้นอยู่บนเตียง
“นี่ก้อยน้องพี่กั้งนะคะ...คุณพิศุทธิ์จำได้มั้ยคะ”
พิศุทธิ์รู้ว่ากันตาโทรมาก็อึ้งๆ
“เอ่อ...ครับ”
“ก้อยจะโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณพิศุทธิ์เรื่องพี่กั้งหน่อยค่ะ คือ...ตั้งแต่วันที่พี่กั้งไปขอโทษคุณกับ คุณแม่ของคุณ พี่กั้งกลายเป็นคนซึมเศร้า ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน นี่ก็อาการทรุดหนักจนต้องให้น้ำเกลือเลี้ยงชีวิตไว้ ก้อยขอล่ะค่ะคงมีแค่คุณคนเดียวที่จะทำให้พี่กั้งดีขึ้นได้ คุณช่วยมาหาพี่กั้งที่โรงพยาบาลหน่อยได้มั้ยคะ”
พิศุทธิ์ได้ฟังใจวูบเป็นห่วงกะรัต แต่ก็ยังหนักใจเรื่องแม่
“ถ้าคุณปฏิเสธ...พี่กั้งคงจะ...”
“เอ่อ...ตกลงครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ละ”
กันตาดีใจที่ทำสำเร็จ...พิศุทธิ์ที่กังวลใจไปหมด แต่ก็ตัดสินใจ เดินกลับไปที่ลิฟท์ทันที...กันตายักคิ้วอวดที่ สามารถวางแผนหลอกล่อพิศุทธิ์มาได้
“เป็นยังไงล่ะคะ แผนก้อยเริ่ดไหม”
กะรัตหยิกแก้มกันตา
“น่ารักมาก พี่สัญญา พี่จะเอาชนะใจเขาให้ได้”
“พี่กั้งก็อย่าหลุดแผนแล้วกัน ทำสำออยให้เหมือนตรอมใจเข้าไว้”
“พี่เป็นห่วงก็อีตรงนี้แหละ เธอก็รู้ว่าพี่เสแสร้งเป็นซะที่ไหน” กะรัตหนักใจ
“มาถึงขนาดนี้แล้วยังไงพี่กั้งก็ถอยไม่ได้...เล่ห์ กล มนต์ มารยาสาไถ มีเท่าไหร่ต้องจัดให้ครบ”
“ขอแค่รู้ว่าเขายังมีเยื่อใยให้พี่บ้าง รับรองพี่จะเดินหน้าทำทุกอย่างไม่ให้เขาหลุดมือไปได้เลย”
กะรัตลุ้นตื่นเต้นเมื่อรู้ว่า กำลังจะได้เจอพิศุทธิ์อีกครั้ง
พิศุทธิ์ออกจากลิฟต์มาอย่างรีบร้อน เขาเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์วอร์ดโรงพยาบาลไป กันตาแอบอยู่หลังเคาน์เตอร์โผล่มายิ้มเมื่อเห็นพิศุทธิ์มาตามแผน
กะรัตแกล้งนอนรออยู่บนเตียงในห้องพัก มีเสาน้ำเกลือวางอยู่ข้างๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น กะรัตรีบนอนห่มผ้าทำท่าป่วยทันที พิศุทธิ์ค่อยๆเปิดประตูเข้าห้องมา เขาแปลกใจเมื่อไม่เห็นใคร พิศุทธิ์เดินมาที่เตียงเห็นกะรัตนอนหันหลังให้อยู่ เขาเดินเข้ามาดูอาการใกล้ๆ
“หนาว...ฉันหนาว”
พิศุทธิ์พยายามห่มผ้าห่มให้ กะรัตที่ยังหลับตา ยกมือเปะปะมาคว้ามือพิศุทธิ์ไว้แกล้งเพ้อ
“ฉันคิดถึงคุณมากรู้มั้ย”
พิศุทธิ์มองดูอาการเพ้อของกะรัตอย่างแปลกใจ กะรัตค่อยๆแกล้งปรือตาขึ้นมาแบบสะลึมสะลือ
“นั่นคุณเหรอพิศุทธิ์” เธอลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งยิ้มแบบอ่อนแรง “คุณมาหาฉันจริงๆเหรอคะ”
“คุณทำร้ายตัวเองอีกทำไม”
“ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
“ไม่กินไม่นอนมันก็คือการค่อยๆปล่อยให้ตัวเองตาย ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าให้รักตัวเองให้มาก”
กะรัตรีบคว้ามือพิศุทธิ์มาจับกุมไว้อ้อนๆ
“ฉันพยายามจะรักตัวเองแล้ว แต่พอรู้ว่าต้องอยู่โดยไม่มีใครให้รักฉันก็ไม่อยากอยู่อีก” กะรัตทำท่าจะร้องไห้
“กะรัต...ผม...” พิศุทธิ์ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
“รู้มั้ยว่าเกือบสามเดือนที่ไม่มีคุณ ฉันเหงาแค่ไหน”
พิศุทธิ์มองมือกะรัตที่กุมมือเขาไว้ พลันสายตามองไปเห็นแถบเทปกาวสายน้ำเกลือที่ติดมือของเธอหลุดออก เขารู้ทันทีว่าถูกหลอก
“ฉันรู้ตัวว่าฉันคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ...”
“ผมเชื่อแล้วว่าคุณคงเหงามาก”
พิศุทธิ์จับมือกะรัตที่แถบเทปหลุดขึ้นมา ไม่มีเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่
“ถึงได้มีเวลาว่างมาแกล้งนอนป่วยแบบนี้”
กะรัตหน้าเจื่อนที่ถูกจับได้ พิศุทธิ์หัวเสีย
“ตกลงคุณเล่นตลกอะไร วันๆคุณคงว่างมาก ถึงเที่ยวแกล้งคนอื่นไปทั่วแบบนี้”
“ก็คุณอยากใจดำกับฉันก่อนทำไม”
“พอกันทีกะรัต ผมไม่มีเวลามาไร้สาระกับคนอย่างคุณแล้ว”
พิศุทธิ์เดินหนีออกจากห้องไป กะรัตตกใจรีบตามออกไปปรับความเข้าใจ
พิศุทธิ์เดินออกจากห้องมา กะรัตในชุดคนไข้รีบวิ่งตามออกมา
“คุณพิศุทธิ์อย่าเพิ่งไป”
กะรัตรีบออกมาดักหน้าไว้
“ฉันขอโทษ ฉัน...”
พิศุทธิ์สวนไปแบบรู้ทัน
“อย่าบอกว่าคุณไม่ตั้งใจ”
“ก็ได้ ครั้งนี้ฉันตั้งใจ” กะรัตจ๋อย
“คุณคงสนุก กับการได้ล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นซะจนเคยสินะ”
กะรัตอ้อมแอ้มออกมา
“ฉันรู้...แต่จะให้ฉันทำยังไง...ก็ฉันคิดถึงคุณนี่นา...”
“แต่ผมว่าคุณแค่จะเอาชนะผมมากกว่า”
“ตกลงคุณเชื่อคำพูดของแม่คุณจริงๆใช่มั้ย...คุณไม่เชื่อว่าฉันจะเริ่มต้นใหม่ได้จริงๆใช่มั้ย”
กะรัตเสียใจ พิศุทธิ์ใจอ่อนลง
“กะรัต...”
“ฉันเสียใจ ฉันหลงคิดว่าคุณจะมองฉันต่างจากคนอื่น ไม่คิดเลยว่าคุณจะ...” กะรัตน้ำตา
คลอออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้น...ผมแค่...ต้องการเวลาเพื่อ...”
กะรัตหันหน้ามองพิศุทธิ์ อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่พิศุทธิ์ก็หยุดอยู่แค่นั้น กะรัตเลิกมารยาสาไถแล้ว รู้สึกว่าคงต้องยอมปล่อยพิศุทธิ์ไป เลยทะลักทะลายทุกอย่างออกมาหมดใจ
“คุณคิดว่าฉันมีความสุขกับการได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงสามผัวนักรึไง...ฉันเองก็อยากมีใครสักคนที่รักฉันจริง ร่วมชีวิตกันเหมือนคนอื่นๆทั่วไป แล้วที่ฉันต้องหลอกคุณ ไม่ใช่เพราะฉันเห็นคุณเป็นของเล่น ฉันก็อายเป็นเหมือน กันนะเวลาที่ต้องแอบ ไปรักใครเขาอยู่ข้างเดียว”
พิศุทธิ์นิ่งอึ้งไปกับคำพูดโพล่งออกมาตรงๆ กะรัตที่รู้ตัว ถึงกับทำหน้าไม่ถูก ที่หลุดปากบอกรักพิศุทธิ์ไป แบบนั้น กะรัตสบตาพิศุทธิ์เศร้าๆ
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลา”
กะรัตตัดใจเดินกลับห้องไป ทิ้งให้พิศุทธิ์รู้สึกสับสนอยู่ตรงนั้น
กันตาอยู่ในห้อง กำลังแปลกใจที่เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น กะรัตเดินเข้าห้องมาแบบหมดอาลัยตายอยาก
“พี่กั้ง หายไปไหนมา แล้วเป็นไง เรียบร้อยโรงเรียนกะรัตมั้ย”
“มันจบแล้วละ”
“อ้าว...” กันตางง
กะรัตเดินไปล้มนอนลงบนเตียงแบบเซ็งๆ
“เขารู้ความจริงว่าพี่หลอกเขา ที่แย่กว่านั้นคือพี่ดันหลุดปากบอกรักเขาออกไปด้วยน่ะสิ”
ขาดคำของกะรัต พิศุทธิ์ย้อนกลับเข้ามาในห้องอีก กันตาตกใจ แต่กะรัตไม่เห็น พิศุทธิ์รีบยกมือขึ้นห้าม ไม่ให้กันตาส่งเสียง กันตายิ้มแล้วปล่อยให้พิศุทธิ์ได้อยู่กับกะรัตแค่สองต่อสอง กะรัตยังเพ้อต่อ หันหน้าไปทางหน้าต่าง
“เพราะพี่มันไม่เจียมตัว ดันไปรักผู้ชายดีๆทุกอย่างมันถึงได้ยากเย็นอย่างนี้”
“ผมคงบาปมากเลยนะที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ขนาดนี้”
กะรัตตกใจหันขวับมา พอเห็นพิศุทธิ์ยืนอยู่ตรงหน้าก็ดีใจมาก
“คุณพิศุทธิ์”
“คุณอยากคบกับผมจริงรึเปล่า”
กะรัตรีบตอบแบบไม่อาย
“อยากค่ะ”
“งั้นคุณรับปากผมเรื่องหนึ่งได้ไหม”
“ฉันสัญญา...ฉันจะไม่ทำตัวงี่เง่าไร้สาระอีก”
พิศุทธิ์แอบขำ
“เรื่องนั้นผมพอจะหยวนให้คุณได้”
“ก็ถ้าอย่างนั้นคุณอยากให้ฉันรับปากอะไร”
“ถ้าเราจะคบกัน คุณต้องรับปากว่าจะเปิดใจมองแม่ของผมใหม่”
กะรัตยืนยันหนักแน่น
“ได้ค่ะ ฉันทำได้ ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้ผู้ใหญ่เห็นว่าเราจริงจังกับการเริ่มต้น...ไม่ได้คิดจะคบกันแค่ฉาบฉวย” กะรัตยกมือสัญญา “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อ ลบคำสบประมาทของทุกคน...เหมือนอย่างกับร้านของฉันไงคะ ไม่มีใครคิดว่า ฉันทำได้ ฉันก็พยายามทำให้ได้”
พิศุทธิ์ยิ้มเอ็นดูความตั้งใจของกะรัต
“แล้วคุณล่ะ อยากให้ผมเปลี่ยนอะไรบ้างไหม”
กะรัตคิดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันอยากให้คุณเปลี่ยน...”
พิศุทธิ์มองกะรัตที่ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างระแวง
“เปลี่ยนอะไรครับ”
“เปลี่ยนจากที่เคยเรียกชื่อฉัน...เป็นเรียกฉันว่า...ที่รัก...แทน”
“หือ”
“ไหนเรียกสิคะ...ที่รัก” กะรัตอ้อน
พิศุทธิ์อึกอักเขินไม่ยอมเรียก
“ผมไม่...”
กะรัตรีบพูดแทรก
“ถ้าคุณไม่เรียก ฉันหอมแก้มคุณจริงๆด้วย”
กะรัตกระโดดเข้าไปกอดทำท่าจะหอมแก้ม พิศุทธิ์ยืนนิ่งเกร็งเพราะรู้สึกอายที่กะรัตจู่โจมกะทันหัน
“คุณ นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“เรียกที่รักก่อนเร็ว...ที่รักจ๋า”
“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ”
กะรัตเห็นพิศุทธิ์เขินมากแล้วขำ
“ก็ได้ค่ะ คุณสัญญาแล้วนะ”
กะรัตเข้าไปกอดแขนพิศุทธิ์ สองคนมองกันอย่างมีความสุขเต็มที่
กันตาเดินยิ้มมีความสุขเข้ามาในห้องตรวจ เมื่อคิดว่าพิศุทธิ์กับกะรัตอาจจะกำลังลงเอยกันได้ด้วยดี ระหว่างที่กันตาเดินไปหยิบเสื้อกาวน์ที่แขวนอยู่มาใส่ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ผลุนผันเข้ามาในห้องตรวจ กันตาตกใจ
“นี่อะไรกัน…คุณเป็นใคร”
“ชู่ว์...”
ศิวาทำมือขอร้องให้กันตาปิดปากเงียบ เพราะกลัวบอดี้การ์ดจะได้ยิน
“คุณเข้ามาทำไม” กันตาถามเสียงเข้ม
ศิวารวบตัวปิดปากกันตาไว้ในขณะที่สายตายังสอดส่องอยู่ข้างนอก กันตาดิ้นส่งเสียงอู้อี้
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า ขอผมหลบในนี้แป๊บนะ”
กันตาหยุดดิ้น ศิวารอจนแน่ใจว่าลูกน้องไม่ตามมาก็เหลียวมามองกันตา ศิวาอึ้งในความสวยของหญิงสาว เขาออกลายเจ้าชู้ทันที
“หัวใจคุณเต้นแร๊งแรงนะหมอ เป็นอย่างนี้เวลาอยู่ใกล้คนไข้ทุกคนรึเปล่าครับ”
กันตาสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของศิวาอย่างไม่พอใจ
“นี่มันห้องตรวจ เข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”
“ผมขอโทษนะครับที่ผมทำให้หมอตกใจ ขอผมรอในนี้ก่อนได้ไหม ขอร้องล่ะนะ ตอนนี้ผมยังไม่กล้าออกไป”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันก็มีคนไข้”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ศิวาสะดุ้ง
“นะครับคนสวย...ช่วยผมสักครั้งนะครับ”
กันตายังไม่ทันตอบอะไร ประตูก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา
“อ้าว หมอก้อย เจอคนไข้แล้วเหรอคะ”
ศิวาหน้าเหวอเมื่อรู้ว่ากันตาคือหมอของเขา
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณ...”
กันตายิ้มๆ
“ที่แท้คุณก็คือคนไข้พิเศษที่มาตรวจหาสารเสพติดสินะ”
พยาบาลหันมาถามกันตา
“จะให้ส่งห้องเลือดเลยมั้ยคะ”
ศิวาลุกขึ้นทันที
“ไม่นะครับ ผมไม่ไป หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ไป”
“โอเคค่ะ ไม่ไปก็ไม่ไป”
“คุณหมอเชื่อผมใช่มั้ย” ศิวายิ้มโล่งอก
“ค่ะ ถ้าคุณไม่อยากไปก็ไม่จำเป็นต้องไป”
ศิวาหันไปหาพยาบาล
“ได้ยินรึยัง ขนาดหมอยังเข้าข้างผมเลยเห็นมั้ย”
กันตาหยิบเข็มเจาะเลือดมาเตรียมไว้
“อยู่ที่นี่ให้หมอเจาะเองก็ได้”
ศิวาหันมาเห็นกันตาถือเข็มเจาะเลือดในมือก็ช็อค
“ไม่นะ...”
ศิวาหน้าซีดแล้วเป็นลมล้มพับไป
ศิวานอนสลบอยู่บนเตียง พยาบาลคอยเอาแอมโมเนียจ่อจมูกให้สูดดม สักครู่เขาสะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา เห็นเป็นใบหน้าสวยหวานของกันตา ก็จ้องค้างนานกับความสวยนั้น กันตาสะกิดถาม
“เป็นไงคะ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
ศิวาเพิ่งได้สติรู้ตัวว่าตัวเองเป็นลมพับไป
“นี่ผมเป็นอะไร”
“คุณกลัวเข็มจนเป็นลม” พยาบาลบอก
“นี่ถ้าอีกสักชั่วโมงยังไม่ฟื้น หมอนึกว่าต้องปั๊มหัวใจให้แล้วนะคะ” กันตาประชด
ศิวามองไปเห็นกันตา พยาบาลและบอดี้การ์ดแอบอมยิ้มก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปแทรกไว้ที่ไหน เขารีบหุนหันลุกหนีจากเตียงด้วยความอาย บอดี้การ์ดรีบเข้าไปประคอง
“ระวังครับ”
“ไม่ต้อง”
ศิวาหงุดหงิด เจ็บใจที่เป็นลมเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าสาว เขาออกจากห้องตรวจ ไปไม่กล้าหันมาสบตา กันตาอีกเลย ศิวาออกมาหน้าห้องไม่วายมองชื่อของกันตาที่ติดอยู่หน้าห้อง เขาหยุดอ่าน
“กันตา เทพทัต...เราได้เจอกันอีกแน่”
ศิวาจดจำชื่อไว้แบบขึ้นใจ สวยครบเครื่องขนาดนี้ ไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่
เนื้อแพรนั่งอ่านหนังสือรอลูกชายอยู่ในห้องนั่งเล่น พิศุทธิ์เดินเข้ามาในบ้าน
“กลับซะดึกเลยลูก แล้วนี่ทานอะไรมารึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ” พิศุทธิ์อ้ำอึ้งนิดๆ “แม่ครับ...พอดีผมไปเจอเพื่อนมา”
“เพื่อนคนไหน” เนื้อแพรสงสัย
พิศุทธิ์ชะงักไปนิด
“เอาเป็นว่าผมจะไม่ทำให้แม่ไม่สบายใจแล้วกันนะครับ”
“จ้ะ...ไปอาบน้ำซะไปลูกไป พรุ่งนี้ยังต้องไปลุยงานต่ออีก”
พิศุทธิ์เข้าไปหอมแก้มแม่แล้วเดินขึ้นห้องไป เนื้อแพรได้ยินคำพูดลูกก็คลายกังวล นั่งลงอ่านหนังสือต่อ พิศุทธิ์ชะลอเท้าตรงบันได หันมองแม่อย่างไม่สบายใจที่ต้องปกปิดแม่
ห้องประชุมบริษัทวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปวันใหม่ เสียงปรบมือดังก้องในห้องประชุม หัวหน้าแผนกกำลังชื่นชมพิศุทธิ์กับทีมงาน สายน้ำผึ้งคือหนึ่งในทีมงานด้วย
“ขอปรบมือให้กับโมเดลใหม่ของการแปรรูปอาหาร ผลงานวิจัยของคุณพิศุทธิ์...หวังว่าคุณคงพาดรีมทีมของเราสร้างสรรค์งานที่เป็นนวัตกรรมได้เร็วๆนี้นะครับ”
พิศุทธิ์ยิ้มรับ
“คุณพิศุทธิ์ลุกขึ้นกล่าวอะไรกับพวกเราสักนิดนะครับ”
พิศุทธิ์ลุกขึ้นพูดกับทุกคน
“ผมอยากบอกว่าผมเป็นแค่กลไกเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น การที่องค์กรของเราจะขับเคลื่อนไป จนกลายเป็นบริษัทต้นแบบได้ คงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ผมต้องขอบคุณสำหรับความร่วมมือและความเป็นมืออาชีพของทุกคนด้วยนะครับ”
ทุกคนปรบมือให้พิศุทธิ์อีกครั้งอย่างชื่นชม สายน้ำผึ้งในชุดสีสันสดใสแอบมองพิศุทธิ์ด้วยสายตาปลาบปลื้ม หัวหน้าแผนกประกาศต่อ
“วันนี้เรายังมีน้องใหม่ ผมขออนุญาตแนะนำคุณสายน้ำผึ้ง คุณแม่ยังสาวที่จะเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการตลาดให้เราด้วย”
สายน้ำผึ้งลุกขึ้นแนะนำตัวกับทุกๆคนในห้องประชุมนั้น เธอดูสวยและมีชีวิตชีวาขึ้นจากแต่ก่อนมาก
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนอย่างเป็นทางการนะคะ” สายน้ำผึ้งหันไปยิ้มหวานให้พิศุทธิ์เป็นพิเศษ “ดิฉันรับรองค่ะว่าจะแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากบริษัทอื่น ให้เรากลายเป็นอันดับต้นๆของประเทศให้ได้”
หัวหน้าแผนกยิ้มแย้ม
“ได้คนไฟแรงอย่างคุณพิศุทธิ์กับคุณสายน้ำผึ้งมาร่วมงาน ผมมั่นใจว่า ซี.เอฟ.อินเตอร์ฟู้ด ของเราต้องก้าวไกลแซงหน้าคู่แข่งภายในปีนี้แน่นอน”
ทุกคนปรบมือต้อนรับ สายน้ำผึ้งหันไปยิ้มให้กับพิศุทธิ์อย่างเจาะจง
พนักงานทยอยออกมาจากห้องประชุม สายน้ำผึ้งหยุดยืนรอพิศุทธิ์อยู่ที่หน้าห้อง ทันทีที่พิศุทธิ์เดินออกมา สายน้ำผึ้งรีบเข้าไปหาทันที พิศุทธิ์หันมาเห็นสายน้ำผึ้งก็ยิ้มให้
“คุณเก่งมากนะครับ วิเคราะห์ตลาดได้เฉียบคมมาก”
“ดิฉันยังอยากจะให้มันลงตัวกว่านี้ ว่าจะขอปรึกษากับฝ่ายวิจัยอยู่พอดี”
“ยินดีครับ ไม่มีปัญหา”
“นี่ก็เที่ยงพอแล้ว ยังไงเราไปทานข้าวแล้วคุยเรื่องนี้กันไปด้วยดีมั้ยคะ”
พิศุทธิ์ที่เคยรู้ประวัติสายน้ำผึ้งทำให้ค่อนข้างระวังตัว แต่ก็ปฏิเสธด้วยท่าทีเกรงใจไม่เสียมารยาท
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมมีนัดไว้ก่อนแล้ว”
“ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ ไว้โอกาสหน้านะคะ”
“ถ้าคุณสายน้ำผึ้งมีอะไรจะปรึกษาผมได้ที่ฝ่ายเลยนะครับ”
พิศุทธิ์ออกตัวกันไปเนียนๆ สายน้ำผึ้งที่ไม่รู้ว่าพิศุทธิ์รู้เบื้องหลังตัวเอง มองตามไปอย่างปลื้มๆในความ
สุภาพดูดีของพิศุทธิ์
ในร้านอาหาร...กะรัตจัดแจงตักกับข้าวใส่จานให้พิศุทธิ์อย่างเอาใจ
“ตกลงคุณจะเรียกฉันว่าที่รักได้รึยังคะ”
พิศุทธิ์แทบสำลักข้าวเขิน
“เอ่อ...เรียกตรงนี้เลยเหรอ”
กะรัตเห็นพิศุทธิ์ที่ทำหน้าเขินแล้วขำ
“ก็ได้ๆ เอาไว้คุณพร้อม ค่อยเรียกก็ได้” กะรัตตักกับข้าวให้ “ทานเยอะๆนะ คุณใช้สมองคิดงานทั้งวัน...คุณบอกว่า งานคุณอยู่ฝ่ายวิจัยรสชาติใหม่ๆของสินค้าใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ตอนนี้บริษัทต้องการรสชาติแปลกใหม่ แต่ถูกปากคนไทย ช่วงนี้เราเลยต้องคิดกันหนัก ว่าจะเลือกรสอะไรกันดี”
“ฉันอยากให้คุณคิดรสชาติขนมที่มันเป็นรสของฉันคนเดียวจังเลย คุณทำให้ฉันได้ไหมคะ” กะรัตหยอก
“รสชาติที่เป็นของคุณคนเดียว...ยากแฮะ...ไม่รู้ว่ารสแบบไหนจะถูกใจคุณ” พิศุทธิ์หัวเราะ
“พูดแบบนี้ แปลว่าคุณรับปากจะทำขนมรสชาติของฉันคนเดียวแล้วนะคะ”
“งั้นผมต้องเริ่มรู้ก่อนว่าวันนี้คุณไปทำอะไรมาบ้าง เพื่อวิเคราะห์ถูกว่ารสชาติไหนควรเป็นของคุณ”
“วันๆฉันก็มีอะไรต้องทำเยอะแยะ”
“เช่น...เพ้นท์เล็บ นวดน้ำมัน ปาร์ตี้...”
กะรัตแกล้งตีแขนพิศุทธิ์
“คุณน่ะ ชอบคิดว่าฉันทำแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องมีสาระฉันก็มีนะพูดแล้วจะหาว่าคุย...ตอนนี้ฉันกำลังมีโปรเจ็คท์จะไปเป็นสไตล์ลิสท์ส่วนตัว เปลี่ยนใครคนหนึ่งเป็นคนใหม่ จะเนรมิตเอาชนิดให้คนจำไม่ได้”
“งานแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ” พิศุทธิ์แปลกใจ
“มีสิ ลูกค้าคนแรกของฉัน ก็คุณนี่ไง”
“ฮะ” พิศุทธิ์ตกใจ
จบตอนที่ 3