“แพนเค็ก”ยกครอบครัวเทคบริษัท บิลเลี่ยนแนร์เฮิร์บส์ ถือหุ้นรวม60% ลุยธุรกิจสมุนไพรเต็มสูบ พร้อมเท 800 ล้านบาท ส่งยาสตรีตราโหรทศพรโอสถแบบแคปซูนนั่งบัลลังภ์ภายในปีหน้า ก้าวสู่ผู้นำอาเซียนใน 2-3ปี พร้อมกวาดรายได้แบบก้าวกระโดดทะลุ 5,000 ล้านบาท จากปีนี้ปิดรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท
นายพัฒน์ชรัช รัตนศุทธพบูลย์ ประธาน บริษัท บิลเลี่ยนแนร์เฮิร์บส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาสตรีตราโหรทศพรโอสถ เปิดเผยว่า เดิมบริษัทมีหุ้นส่วนอยู่ 3 คน คือ ตน นายนทีเทพ จามิกรณ์ ตำแหน่งผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นบิดาของนักแสดงสาว แพนเค็ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และนายพุฒิธร อภิสฤษฎ์ ตำแหน่งรองประธาน โดยที่ผ่านมาบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายยาสมุนไพรอยู่ 7-8 แบรนด์
มีสรรพคุณรักาโรคเบาหวาน เก๊า บำรุงร่างกาย และรักษาโรคริดสีดวง เป็นต้น ซึ่งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักดี คือ แบรนด์ เกร็กคู ถือเป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้สูงสุดไม่ต่ำกว่า 70-90% พร้อมส่งให้รายได้รวมบริษัทปีนี้ปิดที่ 1,000 ล้านบาทตามเป้า
อย่างไรก็ตามจากการที่เป็นเพื่อนและร่วมธุรกิจกับทางนายนทีเทพ จึงมีแผนที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตได้เร็วขึ้น โดยการร่วมทุนเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ จากเดิมที่มีอยู่ 3 หุ้นหลัก เพิ่มเป็น 5 หุ้น ในสัดส่วนเท่าๆกัน ขณะที่ทุนจดทะเบียนยังเท่าเดิมที่ 500 ล้านบาท โดยหุ้นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา คือ นางนวลนง จามิกรณ์ แม่ของแพนเค็ก ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ บริษัท
และตัวแพนเค็กเอง โดยแพนเค็กจะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารฝ่ายการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมคุณภาพสินค้า ผลิตภัณฑ์ยาสตรีตราโหรทศพรโอสถ ดังนั้นหลังการปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ ครอบครัวจามิกรณ์จึงมีหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าวกว่า คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ถือเป็นการเข้ามาทำธุรกิจแบบเต็มตัว
“เดิมตนมีหุ้นอยู่ราว 50% แต่การปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ ส่วนสำคัญเพื่อต้องการขยายธุรกิจให้มีการเติบโตเร็วขึ้น และเพื่อต้องการก้าวสู่ระดับอาเซียน โดยผลิตภัณฑ์ที่จะโฟกัส คือ ยาสตรีสตรีตราโหรทศพรโอสถ ซึ่งเดิมวางจำหน่ายแบบขวดน้ำ หลังจากนี้จะจำหน่ายแบบแคปซูลเป็นหลัก พร้อมใช้แพนเค็ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า
มั่นใจว่าจะช่วยให้บริษัทมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในปีต่อไป”
สำหรับแผนการดำเนินงาน ปีหน้าพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 800 ล้านบาท สำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ให้ความรู้ ในส่วนของยาสตรีตราโหรทศพรโอสถ ไปทั่วประเทศ เจากลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มขึ้น มั่นใจว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท หรือส่งรายได้รวมปีหน้าทำได้กว่า 5,000 ล้านบาท โดยกว่า 40-50% มาจาก ยาสตรีตราโหรทศพรโอสถ อันดับสอง คือ ยาเกร็กคู
และอันดับสาม มาจากแบรนด์สินค้าอื่นๆรวมกัน ทั้งนี้ในปีหน้ายังพร้อมรุกตลาดต่างประเทศด้วย ทั้ง ลาว และเวียดนาม ที่พบว่านิยมรับประทาน ยาสตรีเช่นเดียวกันไทย นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ สรรพคุณสำหรับรักษาโรคมะเร็งด้วย
ปัจจุบันตลาดยาสมุนไพรจากศูนย์ขายส่ง มีมูลค่า 1,260 ล้านบาท และแบบค้าปลีกจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคมีมูลค่าถึง 2,240 ล้านบาท โตปีละ 30-50% โดยกลุ่มยาที่มียอดขายสูงสุด คือ ยาบำรุงโลหิต 25.73% 2.ยาสตรีและยาหลังคลอด 9.53%