พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 18 อวสาน
ในขณะที่หมอเจ้าของไข้ เดินออกจากห้องมาพร้อมกับพยาบาลจ๋า แม่เลี้ยงอมราเดินปรี่เข้ามาหาอย่างร้อนใจ
“หมอ อาการตายศเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่มั้ย”
“ครับ ไม่ถึงชีวิต แต่ยังไม่แน่ว่าอนาคตจะเดินได้เหมือนเดิมมั้ย”
แม่เลี้ยงเบิกตาโพลง “หา”
ภายในห้องคนไข้ จิตรากำลังขยับหมอนให้ยศ
“ค่อยๆ ค่ะ พี่ยศ ทนหน่อยนะคะนิดเดียว”
แม่เลี้ยงเข้ามาเห็นจิตราก็ตาโต
แถมยศดันร้อง “โอ้ย ๆ หลังพี่ เจ็บๆ”
แม่เลี้ยงเข้าใจผิดไปใหญ่ ตรงเข้าไปตบจิตราจนหน้าหัน
“นังตัวดี แกมาแกล้งลูกชั้นทำไมเห็นมันเจ็บ เห็นมันร้อง สะใจแกใช่มั้ย”
ยศเซ็งปนโมโห “แม่ จิตเป็นคนช่วยชีวิตผม แม่ไปตบไปด่าจิตเขาทำไม”
“เพราะชั้นรู้ใจมัน มันแค้นที่แกทิ้งมันไปแต่งงาน พอรู้ว่าแกเจ็บถึงขั้นจะเดินไม่ได้มันเลยแกล้งให้แกพิกลพิการไปเลย”
ยศสะดุดหู “เดี๋ยวแม่ ใครบอกว่าผมจะเดินไม่ได้”
“ก็หมอนะสิ...” แม่เลี้ยงอมราหลุดปาก
“แม่เลี้ยงคะ”
จิตราปรามแม่เลี้ยง ยศช็อก! “จิต ที่ขาพี่ไม่มีความรู้สึกแสดงว่า พี่จะกลายเป็นคนพิการใช่มั้ย”
ยศใจเสียทุบขาตัวเอง โวยลั่นห้อง
“นี่ไง มันชาไปหมดจริงๆ แม่ผมเดินไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมอยากตายๆ”
“พี่ยศ อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้”
ยศดิ้นแล้วเกิดเจ็บแผลร้องโอดโอย แม่เลี้ยงกดเรียกหมอ
“ช่วยด้วยค่ะ เร็วซิคะ”
แม่เลี้ยงลนลาน หยิบคว้าอะไรไม่ถูก
แม่เลี้ยงอมรากลับมายังคุ้ม เดินนำพวงมาถึงหน้าห้องตัวเองแล้ว บ่นบ้าด่าพิมพรอย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด
“ใจมันดำจริงๆ ยัยพิม ชั้นติดตะรางมันก็ไม่ไปเยี่ยม ตายศเจ็บอยู่โรงพยาบาลมันก็ไม่ไปดู”
“เห็นตามช่างมา ไม่รู้ช่างไฟหรือประปาเจ้า”
ในห้องแม่เลี้ยงเวลานั้น ช่างเปิดเซฟได้ พิมพรชะโงกดู คว้าซองฉีกดูเงิน หยิบให้ช่างสองพัน
แม่เลี้ยงเปิดประตูเข้ามาเห็น ตกใจ สองแม่ลูกสบตากัน
“ยัยพิม นี่แกเอาคนมางัดเซฟชั้นเหรอ”
“อ้าว..ผมไม่เกี่ยว”
ช่างชิ่ง คว้ากระเป๋าอุปกรณ์วิ่งหนีออกไปสวนกับแม่เลี้ยงที่พรวดเข้ามา
แม่เลี้ยงเข้าตบตีพิมพร โดยพิมพรกอดซองเงินแน่น หลบพัลวัน
“นังลูกไม่รักดี งานการไม่ช่วยทำ ยังมาขโมยเงินชั้นอีก”
“หนูไม่ได้ขโมย แค่จะเอาไปตั้งตัวได้ดีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน”
“หน้าอย่างแกจะไปไหนรอด เอาเงินคืนชั้นมา”
แม่เลี้ยงโถมเข้าทึ้งหัวลูกสาวพวงคอยห้าม สภาพทุลักทุเล
“อย่าตีลูกเจ้า หยุด ๆๆ”
พวงเข้าจับแยก พิมพรได้ทีวิ่งหนีออกไป
แม่เลี้ยงหอบเหนื่อยแฮกๆ พอตั้งสติได้รีบวิ่งตามพิมพรไป พวงตามติด
พิมพรวิ่งหน้าตื่นโผล่มาที่ประตู เหลียวหาบ็อบบี้พลางร้องเรียก
“บ็อบบี้ๆ”
แม่เลี้ยงอมราตามมาทันรวบตัวพิมพรไว้ แม่ลูกยื้อแย่งซองเงินกัน พวงเข้าห้ามโดนลูกหลง“แกมีสิทธิ์อะไรมาเอาเงินชั้น”
“หนูกับลูกไม่อยู่กับครอบครัวอาชญากรอย่างนี้อีกแล้ว หนูจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ บ็อบบี้ๆ”
บ็อบบี้โผล่มางงๆ พวงขอความช่วยเหลือเด็กชายลูกครึ่ง
“บ็อบบี้ ห้ามยายกับแม่เร็ว”
รถตำรวจเข้ามาจอดหน้าเรือนใหญ่ ตำรวจ ปปง. ก้าวลงมา
แม่เลี้ยงและพิมพรถือซองเงินคนละขอบ เดินถอยออกจากกัน ซองเงินขาด เงินสดห้าล้าน หล่นกระจาย แม่เลี้ยงกะพิมพรจะเก็บเงิน
เจ้าหน้าที่ ปปง.เอ่ยขึ้น “ไม่ต้องแย่งกันครับ เจ้าหน้าที่ ปปง.จัดการให้เองครับ”
สารวัตรเอาหมายส่งให้แม่เลี้ยง “หมายอายัดทรัพย์ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม”
เจ้าหน้าที่ปปง. เก็บเงินกันให้วุ่น
“การฟอกเงินครับ ตอนนี้แม่เลี้ยงกับคุณโสภิต ไม่สามารถจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งสังหาและอสังหาริมทรัพย์ จนกว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์จากคดีเงินกู้และแชร์ลูกโซ่ครับ”
แม่เลี้ยงช็อก ทุกคนอึ้ง
บนโต๊ะทำงานในห้องสารวัตร มีเอกสารถ่ายสำเนาทั้งใบสั่งสินค้า ใบเบิกจ่ายจากธนาคารลายมือโสภิตวางอยู่
จีรณะพยายามช่วยสุดชีวิต “ผมเป็นพยายานให้ได้นะครับ ว่าคุณภิตเป็นคนวางแผนจับไม้เถื่อน เอาพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ต.ช.ด. มาเป็นพยานร่วมก็ได้”
หมู่ทองบอกเสริม “ท่านอดีตผู้ว่าก็ขอให้การเป็นพยายานให้คุณโสภิตครับแต่คุณจีดูหลักฐานที่คุณภิตเอามาปรักปรำกล่าวหาตัวเองซิครับเอกสารต่างๆ สัญญาซื้อขาย นิติกรรมต่าง ๆ ลายเซ็นคุณโสภิตทั้งนั้น”
จีรณะมองเอกสารบนโต๊ะ หน้าเครียดจัด
จีรณะเข้ามาหน้าห้องฝากขังผู้ต้องหา เห็นโสภิตนั่งพิงฝาอยู่
“คุณภิต”
โสภิตหันมาหา “คุณจี”
จีรณะเข้าชิดลูกกรง เอื้อมมือไปหา โสภิตเดินเข้ามา สองคนจับมือกัน
“ทำไมคุณต้องเสียสละทำร้ายตัวเองขนาดนี้ เรายังมีเวลา มีอีกหลายวิธีที่จะช่วยแม่เลี้ยงได้”
โสภิตยิ้มเนือยๆท่าทีปล่อยปลง “เป็นหน้าที่ของลูกที่ดีไม่ใช่เหรอค่ะ ชั้นทำเพื่อแม่ เพื่อพี่ยศ เป็นคุณๆ ก็ต้องทำเหมือนภิต”
“ผมไม่ยอมให้คุณอยู่อย่างนี้แน่ ผมจะหาทางเอาคุณออกมาให้ได้”
โสภิตห้าม “พอเถอะค่ะ เราเหนื่อยกันมามากแล้ว แค่นี้ชั้นทนได้ คุณจีอย่าบอกให้คนที่คุ้มรู้นะคะ ชั้นขอร้อง เดี๋ยวก็ขึ้นศาลแล้วชั้นจะสารภาพทุกอย่าง คงได้ลดโทษบ้าง”
จีรณะไม่ยอม “ไม่นะคุณภิต คุณจะรับโทษทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ทำผิดไม่ได้”
“ชั้นไม่ได้ลงมือทำก็จริง แต่ชั้นก็ช่วยแม่ปกปิดความผิด ลืมเรื่องหุ้นยางพาราแล้วเหรอคะ”
สารวัตรเดินเข้ามา “ขอโทษครับคุณจีรณะ คุณโสภิตครับ ป.ป.ง. เพิ่งอายัดทรัพย์แม่เลี้ยงกับคุณโสภิต เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง”
โสภิตรำพึง “แม่...” ขณะมองมายังจีรณะที่ตกใจอยู่
เวลานั้นพีรพงษ์พัดกอล์ฟอยู่ในสนามหน้าบ้าน สักครู่หนึ่ง สมุน 1 เดินนำแม่เลี้ยงอมรา กาบ และเส่ง เข้ามา สีหน้าแม่เลี้ยงเครียดจัด
สมุน 2 คอยกางร่มให้พีรพงษ์ สมุน 3-4 ยืนอารักขา เก็บลูกไปตั้ง
แม่เลี้ยงทักทายตัดพ้อ “ทำไมพ่อพงษ์ทำป้าเจ็บแสบอย่างนี้”
“ผมไปทำอะไรให้แม่เลี้ยง” พีรพงษ์ทำเมินเฉย
“ก็เรื่องที่หลอกให้ป้าทำไม้เถื่อน หุ้นยาง ลงสมัครนายกเทศมนตรี...”
พีรพงษ์สวนออกไป “แม่เลี้ยงคิดเอง เออเองทั้งนั้น อยากมีเงิน มีอำนาจก็มา...ขอพึ่งผม พึ่งบารมีพ่อผม เอาลูกสาวอย่างนังโสภิตมาใส่ตะกร้าล้างน้ำหลอกผมอีก ตกลงใครหลอกใคร”
กาบ และเส่ง ฟังแล้วสบตากันเลิกลัก หลบตาพวกพีรพงษ์
“แก..ไอ้ชาติชั่ว สารเลว”
แม่เลี้ยงอมราโผนเข้าไปจะตบตีพีรพงษ์ แต่ถูกพีรพงษ์ผลักจนกระเด็นกระดอน สมุนเข้าจับแม่เลี้ยงไว้
“ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัวก็ออกไปซะ ชั้นไม่อยากทำร้ายคนแก่แค่แกต้องเลี้ยงลูกที่เป็นง่อยก็น่าเวทนาพออยู่แล้ว” พีรพงษ์ขู่เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
“อย่านึกว่าชั้นไม่รู้นะ แกเป็นคนยิงลูกชายชั้นใช่มั้ย”
พีรพงษ์เยาะหยัน “ฝีมือไอ้ชีพลูกน้องแม่เลี้ยงต่างหาก โง่เลี้ยงงูเห่าไว้กับตัวแล้วยังไม่รู้สึกอีก แต่ก็นั่นแหละ ใจเสาะอย่างไอ้ยศตายๆ ไปก็ดีเหมือนกัน”
แม่เลี้ยงแค้นสุดขีดดิ้นใหญ่ “ชั้นจะฆ่าแกๆ ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้”
พีรพงษ์เสียงดัง “ปล่อยมัน”
สมุนปล่อย พีรพงษ์พูดต่อ “แล้วก็ขอเตือนว่า ต่อไปนี้ทางใครทางมัน”
พอแม่เลี้ยงเป็นอิสระก็หันไปตบหน้ากาบและเส่ง
“ยืนบื้อกันอยู่ได้ เลี้ยงเปลืองน้ำข้าว ขี้ขลาด แกไม่ตายดีแน่ไอ้พงษ์ ไอ้คุณวุฒิ”
แม่เลี้ยงเดินนำออกไป กาบและเส่งตามเซ็งๆ
ทางด้านพิมพรนั่งซับน้ำตา สะอึกสะอื้นอยู่ในห้อง บ็อบบี้เข้ามากอดแม่จากด้านหลังเอาแก้มแนบบ่า
“มามี้อย่าร้องไห้นะครับ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง”
“บ็อบบี้ มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก ตอนนี้คุณยายหมดตัวแล้ว บ้านเราไม่มีอะไรเหลือเลย มามี้ไม่น่าพาลูกกลับมาเลย มามี้ขอโทษนะ”
บ็อบบี้ลุกมานั่งขัดสมาธิหน้าแม่ เอามือแตะเข่าพิมพร
“ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไรหรอกครับ บ็อบบี้ชักไม่ชอบเงินแล้วละ ตอนอยู่เมืองนอก มามี้ก็ทะเลาะกับแด็ดดี้เพราะแด็ดดี้ไม่มีเงิน พอมาเมืองไทยมามี้บอกว่ายายมีเงินเยอะจะได้มีความสุขกัน แต่วันแรกที่มาอยู่จนถึงวันนี้ บ็อบบี้ไม่เห็นใครในบ้านมีความสุขซักคน”
บ็อบบี้พูดตาใสซื่อ พิมพรอึ้งที่ลูกเก็บความรู้สึกมานาน ลูบหัวลูบแก้มลูกชาย
“โธ่ ลูก”
พิมพรกอดลูก ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
รถแล่นเข้ามาจอดหน้าเรือน พวงรีบออกมารับ แม่เลี้ยงลงจากรถ ถามพวงทันที
“ยัยภิตหายหน้าหายตาไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้”
“คุณภิตออกไปแต่เช้าเจ้า ถือถุงไปใบเดียวไม่บอกว่าจะไปไหนเจ้า”
แม่เลี้ยงขยับจะเข้าเรือน พวงพูดต่อ “แม่เลี้ยงเจ้า โรงพยาบาลโทร.มาให้ไปชำระเงินค่าผ่าตัดคุณยศเจ้า”
แม่เลี้ยงหยุดกึกนิ่งคิดก่อนบอก “ไม่เป็นไรๆ ตามฉันมา”
กาบกะเส่งมองหน้ากัน
แม่เลี้ยงหยิบสร้อย แหวน กำไล ในตู้เซฟวางบนผ้าพันคอผืนใหญ่ที่กางบนเตียงอย่างรวดเร็ว มีสร้อยมุก 2 ชุด สร้อยทอง 10 เส้น เครื่องเพชร 3 ชุด แหวนต่างๆ 10 วง กำไล 5 วง อะไรที่อยู่ในกล่องก็เทๆบนผ้าพันคอ โยนกล่องไป รวมกันบนโต๊ะเครื่องแป้ง
แม่เลี้ยงรีบผูกผ้าพันคอเป็นห่อเพ่งมองด้วยความเสียดายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วส่งให้พวง
“เอาไปขาย แล้วรีบไปจัดการค่ารักษาตายศให้เรียบร้อย”
“เจ้า” พวงมองหน้าแม่เลี้ยง สลดใจ
อ่านต่อหน้า 2
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
ไม่นานต่อมา พวงเดินออกมาจากร้านทอง ยิ้มนิดๆ ขึ้นรถเส่งนั่งประกบพวงกาบขับออกไป
พวงนั่งรถมาหลับตาพริ้ม สักครู่หนึ่งลืมตาโพลง เหลียวมองทางอย่างสงสัย
“ไอ้กาบนี่ไม่ใช่ทางไปโรงพยาบาลแกจะพาชั้นไปไหน”
“พี่พวง ส่งเงินมาให้ชั้นดีๆ พวกชั้นไม่อยากทำร้ายพี่” เส่งออกลายให้เห็น
“มันเป็นค่ารักษาคุณยศ เป็นเงินก้อนสุดท้ายของแม่เลี้ยง ชั้นให้พวกแกไม่ได้หรอก”
สองคนสบตากัน พวงหยิบมีดเล็กๆ จากกระเป๋าจ้วงแทงเส่ง แต่เส่งจับมีดพวงยื้อกันไปมา รถเบรกพรืด กาบหันมาต่อยพวงเต็มหมัด ภาพทุกอย่างตรงหน้าแม่บ้านผู้ภักดีดับมืดลง
แม่เลี้ยงอมราก้มหน้านิดๆ ตาแข็งนิ่ง แบมือออกไปเมื่อเห็นพวงกลับมา โดยพวงเช็ดน้ำตา ซับเลือดที่จมูก มุมปาก
“เงินอยู่ไหนๆๆๆ”
“พวกมันเอาเงินไปหมดเลยเจ้า พวงสู้พวกมันไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่ข้างถนนแล้ว”
แม่เลี้ยงปรายตามองพวง ท่าทีไม่เชื่อใจ
“ชั้นไม่เชื่อ แกมันพวกเดียวกัน เดี๋ยวพวกมันก็เอารถไปขาย นัดแกไปแบ่งเงินกันไป...ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้นังนกต่อ เลี้ยงไม่เชื่อง”
“ไม่จริงแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงเข้าใจพวงผิดไปแล้ว อย่าไล่พวงเลย”
แม่เลี้ยงเข้าจิกหัวพวงลากไปหน้าประตู ตบตีพวงระบายแค้น พวงยกแขนบัง
“ไสหัวไปอีพวง”
พวงร้องไห้โฮ เช็ดน้ำตาเดินออกไปต้อยๆ
ที่สุดชีพก็โผล่หัวออกมา เวลานี้นั่งท้ายโต๊ะ มอง คุณวุฒิ และพีรพงษ์ จิบกาแฟอยู่หัวโต๊ะ คุณวุฒิแอบมองชีพยิ้มๆ
“ผมรอจนเรื่องเงียบ พวกมันคิดว่าผมตายไปแล้ว ทีนี้ท่านกับคุณพงษ์จะใช้งานอะไรผมก็ทำได้สะดวกครับ พวกมันเชื่อมโยงพวกเราไม่ได้แน่ๆ”
“ผมจะให้ชีพเป็นมือขวาของผม ไอ้พวกตายยากผมชอบ” พีรพงษ์บอกพ่อ
“ผู้ว่าก็ลาออกไปแล้ว แม่เลี้ยงก็หมดฤทธิ์ โสภิตก็ติดคุกแน่ๆ หลักฐานก็ไม่มีแล้วใช่มั้ย” คุณวุฒิถาม
“ครับพ่อ ผมให้ชีพทำลายไปหมดแล้วหลักฐานไม่มี ไอ้จีรณะก็หมดพิษสง”
คุณวุฒิซัก “แล้วพยานบุคคลล่ะ”
ชีพสบตาพีรพงษ์ลุกยืน “ผมพลาดเอง ผมขอแก้ตัวปิดบัญชี มันเองครับ”
พีรพงษ์ยิ้มสบตาคุณวุฒิเป็นนัย
จีรณะยังจับมือนั่งพิงลูกกรงชิดกับหญิงคนรัก โสภิตพยายามพูดให้เขาทำใจ
“เรามีหลักฐานเท่านี้จริงๆ คุณอย่าคิดมากไปเลยนะคะ ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
จีรณะครุ่นคิด “จริงสิ...เราเน้นแต่หลักฐานที่หาไม่ได้ แต่เราลืมพยานที่ยังไม่ได้ให้การ”
โสภิตนึกได้ “พี่ยศ”
“ผมมัวแต่ห่วงคุณ นิสัยไอ้พงษ์มันไม่เคยละเว้นชีวิตพยาน เลยซักคน มันกับเราใครจะตัดสินใจก่อนกันเท่านั้น”
โสภิตทั้งตกใจ และกังวล “เร็วค่ะ ช่วยพี่ยศด้วยคุณจี”
จีรณะรีบออกไป โสภิตเกาะลูกกรงมองตามอย่างห่วงใย
ชีพใส่แจ๊กเก็ตหนังรัดรูป ตรวจปืนแล้วเหน็บเอว ขึ้นรถคันเดียวกับที่ขับไปตอนขนไม้เถื่อน มีสมุนขับรถคนหนึ่ง พอรถเคลื่อนออกไป พีรพงษ์ และคุณวุฒิ ยืนมองที่ประตูเรือนใหญ่
“ชั้นรอดมาได้ถึงวันนี้ เพราะไม่ประมาท ไอ้ชีพมันรู้ความลับบ้านเรามาไปแล้ว เข้าใจนะ”
“ครับพ่อ”
ชีพนั่งรถออกไปพ้นประตูบ้านแล้ว พ่อลูกสบตากัน
ชีพคาดหน้ากากกันเชื้อ ถือหมวกกันน็อกเดินมาตามทางเดินหน้าห้องพักฟื้นยศ
ที่ด้านหลังเห็นครูลัดดาเดินออกจากห้องเลี้ยวลับหายไป ชีพเดินระแวดระวังเข้าห้อง แต่เห็นเท้าของนางพยาบาลเดินกลับเข้ามามอง
หากชีพสังเกตที่หน้าจะรู้ว่าเป็นลัดดาที่ปลอมตัวมาในคราบพยาบาล
ชีพเปิดประตูเข้ามา เห็นร่างคล้ายยศนอนห่มผ้าตะแคงข้างอยู่บนเตียง ชีพสืบเท้าเข้ามาจนติดเตียง หยิบหมวกออกจากมือ พบว่ามือที่ถือหมวกถือปืนเตรียมพร้อม เดินเข้าไปจ่อใส่คนบนเตียงทั้งย่ามใจ และมั่นใจว่าเป็นยศแน่
“คราวนี้มึงลงนรกแน่”
ลัดดาในชุดพยาบาล เข้ามาทางด้านหลัง จับปืนกับข้อมือชีพหัก ชีพคุกเข่าปืนหล่นจากมือ ชายที่อยู่บนเตียง ที่แท้เป็นจีรณะลุกจ่อปืนใส่ชีพ
“อยู่นิ่งๆ ชีพ”
ลัดดาบอกอีก “มอบตัวซะนายชีพ”
ชีพหมุนตัวผลักลัดดาไปล้มใส่จีรณะ แล้วหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
พอชีพออกประตูมา เจอจ่าตุ๋ย ผู้กองเกียรติก้องขวางอยู่ ชีพถีบจ่าตุ๋ยกระเด็น เอาหมวกกันน็อกตีเกียรติก้องเซไป ชีพวิ่งหนีสุดชีวิต จ่าตุ๋ยชักปืน
“อย่ายิง โรงพยาบาล” ผู้กองห้าม
จีรณะ และ ลัดดาตามออกมา ทุกคนวิ่งตามชีพไป
ชีพวิ่งมาที่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นคร่อมใส่หมวก รถพีรพงษ์คันคุ้นตา วิ่งเข้ามาจอด สมุน 1 ลงมา ยิงชีพ 4 นัด ร่วงกับพื้น แล้วรีบขึ้นรถขับหนีไป
จีรณะ และพรรคพวกชักปืนเข้ามา เห็นชีพเลือดกบปาก ไอออกมาเป็นเลือดลิ่ม ด้วยถูกยิงอาการสาหัส จีรณะรีบเข้าไปดู
ชีพชี้ตามรถไป “หลักฐาน” ไอแคกๆ อย่างอ่อนแรง “อยู่ยางอะไหล่รถ ตามไป”
พูดได้เท่านั้นชีพก็ขาดใจตายเกียรติก้องหยิบวิทยุออกมา พูดรหัส
“เป้าหมายกลับรัง”
รถพีรพงษ์ขับมาตามทาง จู่ๆ มีรถตำรวจพุ่งออกมาขวางถนน หมู่ทอง ครูแหวน ถือปืนเล็งรถชีพ
จีรณะขับตามมาประกบหลัง ปิดถนน หมู่มวลเดินสามขุมเข้ามาเล็งปืนใส่ พวกสมุนหมดทางสู้ลงรถยอมจำนน
“นอนคว่ำกับพื้น มือประสานท้ายทอย” เกียรติก้องสั่ง
จีรณะรีบไปรื้อที่เก็บยางอะไหล่เจอซองหลักฐาน หยิบโทรศัพท์มาดู คลี่ยิ้มออก โดยที่ด้านหลัง หมู่มวลจับกุมใส่กุญแจมือยึดปืนพวกสมุน
รถตำรวจเปิดไฟจอดรอหน้าบันไดโรงพักทุ่งทอง โสภิตเดินลงมาขนาบข้างด้วย สารวัตร นายตำรวจกองปราบ หมู่ทองเปิดประตูให้โสภิต
นายตำรวจกองปราบเอากุญแจมือจะใส่โสภิต
“ขออนุญาต ตามระเบียบครับ”
จีรณะขี่รถเข้ามาจอด “เดี๋ยวครับ เดี๋ยวก่อน จะเอาคุณภิตไปไหนครับ”
“ทางกองปราบเค้าขอตัวไปสอบสวนที่กรุงเทพฯครับ” สารวัตรบอก
หมู่ทองเอ่ยขึ้น “กรมป่าไม้เค้าไปแจ้งความกล่าวโทษเอาไว้ทำใจเถอะคุณจี”
โสภิตถามถึงพี่ชาย “พี่ยศปลอดภัยดีใช่มั้ยคะ”
“คุณก็ปลอดภัยด้วย สารวัตรครับ” จีรณะหยิบซองที่สอดอยู่ในเสื้อส่งให้สารวัตร “นี่คือหลักฐานเอาผิดนายพงษ์กับพ่อทั้งเรื่องไม้เถื่อนทุจริตเลือกตั้ง ฆ่าคนตายด้วย”
สารวัตรรับมามองหน้ากับกองปราบ “กลับเข้าไปตรวจสอบหลักฐานก่อน”
จีรณะยิ้ม พยักหน้าให้โสภิต โสภิตทอดยิ้มมองมาเป็นเชิงขอบคุณ
จิตราประคองยศนอนลงบนเตียง เกียรติก้องมีท่าทีขรึมๆ มองยศเป็นระยะ
“ไม่กระทบกระเทือนมากใช่มั้ยจิต”
จิตราแอบมองเกียรติก้อง “ไม่หรอกค่ะ แค่นี้ปลอดภัยแน่ๆ”
ผู้กองก้องพยักหน้าจะเดินออก ยศเรียกไว้ “ผู้กอง”
ยศตัดสินใจ เอื้อมมือไปขอจับมือเกียรติก้อง
จิตรากับเกียรติก้องแปลกใจ “ขอบคุณมากผู้กอง ผมเสียใจจริงๆ ที่เคยทำไม่ดีกับผู้กอง กลั่นแกล้งผู้กองทุกอย่าง ผมขอโทษ”
เกียรติก้องยิ้มขรึมๆ ให้สองคน
“อย่าเสียใจกับผมแล้วก็ไม่ต้องขอโทษด้วย เรื่องของหัวใจเรื่องของความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกครับแต่เรื่องหน้าที่และคุณธรรมผมบังคับใจให้ปฏิบัติได้เสมอ”
เกียรติก้องเอื้อมไปจับมือยศแล้วเดินออกไป
ยศหันมาทางจิตรา “พี่เพิ่งเคยเข้าใจคำว่าลูกผู้ชายก็วันนี้...”
“พี่ก้องเป็นคนดีที่สุดในโลกสำหรับจิต รองจากพี่จี”
“ส่วนพี่เป็นคนเลวที่สุด...แถมยังพิการไร้ประโยชน์”
“พี่ยศคะ...จิตอยู่กับพี่ยศ เพราะจิตเชื่อว่าพี่ยศจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่แค่ร่างกายที่จะต้องดีขึ้น แต่จิตใจด้วย และตอนนี้จิตก็ได้เห็นว่าพี่ยศเปลี่ยนแล้ว”
จิตราจับที่หัวใจยศ ยศจับมือจิตรามาจูบ
“ขอบคุณ ขอบคุณมากจิต....พี่จะไม่ทำให้จิตผิดหวังอีก”
ตอนเย็น แม่เลี้ยง และพิมพร นั่งดูโทรทัศน์อยู่ บ็อบบี้ยกถาดมาม่าสามชามเข้ามาเสิร์ฟให้ยายให้แม่ แล้วนั่งกินเอง
“ในตู้เย็นเหลือหมูก้อนนึง ผักคะน้ากำนึง ไข่แปดฟองเอาไว้ทำข้าวผัดพรุ่งนี้นะครับ”
แม่เลี้ยง และพิมพร สบตากัน ต่างรีบหลบตากันกินมาม่ากันไป
จู่ๆ ไฟดับพรึบ ทีวีก็ดับด้วย
แม่เลี้ยงแปลกใจ “อะไรกันเนี่ย”
“บ้านเราระบบตัดไฟอัตโนมัตินี่คะนี่เงียบไปเลย”
บ็อบบี้วิ่งไปที่หน้าต่าง “เสาไฟถนนก็ติด บ้านข้างๆ ก็มีไฟสว่าง”
แม่เลี้ยงเดินไปที่โทรศัพท์บ้าน เพ่งดูเลขหมายการไฟฟ้าไปกดปุ่มไป
แม่เลี้ยงกระแอมเบาๆ “คุ้มอมราไฟดับค่ะ อะไรนะตัดไฟ จะบ้าเหรอค่าไฟชั้นตัดบัญชีธนาคารย่ะ ทะลึ่งๆ แล้ว ทำไมไม่แจ้งก่อน...อะไร...”
พิมพรเข้ามาบอก “แม่คะเราถูกอายัดทรัพย์ มันระงับการจ่ายอัตโนมัติ”
แม่เลี้ยงโมโห พิมพรเซ็ง มองแม่หน้านิ่งๆ
กลางดึก ภายในห้องนอนแม่เลี้ยงอมรา เห็นขวดยา 4-5 ขวดวางอยู่ 1 ในนั้นเป็นขวดยานอนหลับล้มอยู่ เม็ดยากระจาย
แม่เลี้ยงมีท่าทีซึมเหม่อ หยิบยาใส่ปาก 3-4 เม็ด ช้าๆ กินน้ำ ภายใต้แสงตะเกียงน้ำมันก๊าด จากนั้นแม่เลี้ยงเอนตัวนอน ตาปรือกระพริบตาช้าลงๆ แม่เลี้ยงปรือตาขึ้นอีก เหลียวมองกล่องเครื่องประดับที่โยนกองๆ เอาไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
แม่เลี้ยงเดินเซไปเอากล่องกระแทกโต๊ะทีละกล่อง ทีละฝา
แหวนเพชรหล่นออกมาช้าๆ เล่นกับแสงไฟวิบๆ แหวนวงหนึ่งหล่นกลิ้งไปใต้เตียง
แม่เลี้ยงงัวเงียงสะบัดหัว หยิบตะเกียงส่องใต้เตียง เห็นเพชรเล่นแสงไฟเป็นประกายวิบวับ อยู่สุดมุมเตียง แม่เลี้ยงวางตะเกียง คืบคลานตัวเข้าไป เพราะไม่ระวังเท้าจึงไปเตะโดนตะเกียงคว่ำ
น้ำมันจากตะเกียงไหลนองพื้น ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
บ็อบบี้นอนอยู่บนเตียงกับพิมพรไอแคกๆ เรียกแม่
“มามี้ๆ เหม็นไหม้”
พิมพรควานหาไฟฉาย เปิดไฟควันคลุ้งเต็มห้อง “บ็อบบี้ลุกเร็ว ไฟไหม้”
บ็อบบี้ลุกพรึบ คว้าผ้าห่มสองผืนเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำใส่แล้วรีบออกมา ส่งให้พิมพรคลุมกันควันพร้อมกำชับอย่างชาญฉลาด
“ก้มต่ำๆ กันควันเข้าจมูก ผ้าร้อนเมื่อไหร่วิ่งสปีดเลยนะมามี้”
บ็อบบี้และพิมพร ฝ่าควันไฟมาถึงหน้าห้องนอนแม่เลี้ยง ไฟลามตามเพดาน และข้างฝาเป็นหย่อมๆ บ็อบบี้ตะโกนเรียก
“คุณยายๆ”
พิมพรช่วยเรียก “แม่ๆ”
บ็อบบี้เปิดประตูห้องแม่เลี้ยง ไฟพุ่งออกมาวาบใหญ่ แล้วซาลง
“มามี้ไปก่อน ผมช่วยคุณยายก่อนคุณยายๆ”
บ็อบบี้คลุมโปงจะวิ่งเข้าห้อง
“บ็อบบี้ อย่า อันตราย”
พิมพรขวัญเสียดึงบ็อบบี้มากอดแน่น ถอยหนีควันไฟไปสองคน
จีรณะขี่รถเข้ามากับโสภิต จอดอย่างรวดเร็ว สองคนตกใจ เหลียวรอบๆ บ้าน พบว่าไฟลามไปทั่วทั้งหลัง เห็นไม้ติดไฟหล่นจากชั้น 2 ลงมาบริเวณชั้นล่าง
“บ็อบบี้ๆ” จีรณะมองไปเห็นบางตะโกนเรียก
“แม่ๆ พี่พิม ป้าพวง”
พิมพรกึ่งลากกึ่งจูงแขนบ็อบบี้ ที่มีกิริยาขัดขืนออกมา
“ปล่อยผมๆ คุณยายๆ”
โสภิตหันไปถามพี่สาวท่าทีร้อนใจ “แม่อยู่ไหน พี่พิม”
“ในห้อง แต่พี่ไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหนควันมันเยอะมาก เลยพาบ็อบบี้หนีออกมาก่อน”
โสภิตจะวิ่งเข้าไปจีรณะจับเอาไว้
“ทุกคนถอยออกไปก่อน”
จีรณะคว้าผ้าห่มคลุมตัววิ่งเข้าไปในกองเพลิง ทุกคนรวมตัวกันลุ้นสุดชีวิต
“เรียกดับเพลิงรึยัง”
“ภิตโทร.ตั้งแต่เห็นไฟที่หน้าบ้านแล้วค่ะ”
ทุกคนลุ้น
จีรณะอุ้มแม่เลี้ยงออกมา โสภิตดีใจ “แม่...”
ทุกคนเข้ามารุมกัน แม่เลี้ยงหมดสติ เสียงหวอรถพยาบาลดังเข้ามา
ตอนสายๆ วันต่อมา ที่ตลาดชุมชน ชาวบ้านจับกลุ่มวิจารณ์อยู่ที่ร้านหนานเทือง บัวหอมพนมมือท่วมหัว สาธุ
“เทวดาฟ้าดินเจ้าขาเฮาเชื่อแล้วว่าเวรกรรมมันมีจริง บ่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ก็หันกันทันใจเลย”
สายพิณเสริม “ใครจะไปคิด แม่เลี้ยงยึดที่ชาวบ้านมาเท่าไหร่ กระพริบตาหนเดียว ถูกพระเพลิงยึดคืน บ้านถูกเผาซะราบคาบ”
“ทองหยองที่เอาไปขาย ก็ถูกลูกน้องปล้นไปหมด” หมู่ทอง
หนานเทืองยกน้ำมาให้หมู่ทอง “ปุนยัง โจเรหิ ทูหะรัง ความดี โจรขโมยลักพาไปไม่ได้”
“แล้วผู้ร้ายตัวจริงอย่างไอ้พงษ์มันจะเป็นยังไงน้อ”
“ก็คงลอยนวลเหมือนเดิม ใหญ่ซะอย่าง หรือใครจะเถียง” สายพิณว่า
บุญมีเดินเข้ามาสมทบ พูดลอยๆ“มันก็บ่แน่เสมอไปหรอก”
ทุกคนหันมามอง บัวหอมหูผึ้ง ถามตามนิสัยสอดรู้
“แกรู้อะไร บอกมาเลย”
คุณวุฒิพูดโทรศัพท์กับพีรพงษ์อยู่ในห้องนอน ที่คฤหาสน์
“เราจะปล่อยข่าวตำรวจว่าแกหนีลงใต้ แต่จริงๆ แล้วพ่อจะให้คนพาแกออกตรงท่าข้ามเชียงของ แกรอที่นั่นพ่อจะเอาพวกเงิน กับทองแท่งไปให้ เรื่องเงียบค่อยกลับมา”
พีรพงษ์ใส่แว่นดำ นั่งอยู่ในรถที่สมุนขับมาตามทางสายหนึ่ง
“ครับพ่อ...” พีรพงษ์กดวางสาย พูดอย่างลำพอง “คนอย่างอั๊ว ไม่ยอมติดตะรางง่ายๆหรอก พ่ออั๊วใหญ่ซะอย่าง”
ขณะเดียวกันนั้น ภาพในจอทีวี ในห้องนอนคุณวุฒิ กำลังเผยแพร่คลิปภาพตอนที่คุณวุฒิเดินออกมากับสัญญา จากมือถือของโสภิตนั่นเอง
คุณวุฒิตกใจสุดขีด ปล่อยโทรศัพท์ร่วงหลุดมือ “เฮ้ย”
พิธีกรในจอรายงานต่อ “ภาพคลิปหลักฐานเหล่านี้ จะเป็นชนวนเบาะแสให้ทาง กลต.ดำเนินการเอาผิดกับผู้ซื้อเสียงต่อไป”
บรรดาหมู่มวลสภากาแฟ จ้องหน้าจอโทรทัศน์ในร้านหนานเทืองเป็นตาเดียว
ภาพในจอ เป็นตอน สัญญา นั่งกินข้าวกับพงษ์และคุณวุฒิ ในร้านอาหารหรู
บัวหอมไม่อยากเชื่อ “นี่เฮากำลังดูข่าวหรือดูละครล่ะเนี่ย”
สายพิณเสริม “มันส์จริงๆ อย่างกะดูหนังนักสืบตอนอวสาน”
หมู่ทองทึ่ง “คลิปนี้ใครแอบถ่ายมาวะ เด็ดจริงๆ”
ที่จอทีวี พิธีกรกำลังสัมภาษณ์เด็กเสิร์ฟ เจ้าของผลงาน
“ผมตั้งใจถ่ายไว้เองแหละครับ พอกันที ทนไม่ไหวแล้ว พวกเราปล่อยให้คนเลวๆมันซื้อเสียงโกงกินชาติ กล้าทำอะไรเย้ยกฎหมายอย่างเห็นแก่ตัวมานานแล้ว ถ้าเราไม่ช่วยกันเปิดโปงมัน มันก็ไม่หมดไปจากประเทศไทยซักที”
หมู่มวลถูกใจตบมือเฮกันสายพิณดี๊ด๊าชอบใจใหญ่ “หล่อมาก ร้านนี้อยู่ที่ไหน เฮาจะไปขอลายเซ็น”
บุญมีบอก “ไอ้จ๊อด มันเป็นเด็กในคาถาของข้าเองโว้ย”
บัวหอมตื่นเต้น “โอ้โฮ สุดยอด เลยบุญมี”
หนานเทืองชอบใจมาก “นี่ละพระเอกตัวจริง วันนี้อั๊วไม่คิดเงิน”
บุญมีพูดเป็นทางการ “ต่อไปพวกเราต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าให้ใครมาหลอก มาเอาเปรียบพวกเราคนรากหญ้าได้อีกจริงมั้ย”
มีเสียงเฮกันลั่นในกลุ่มหมู่มวล ต่างสนับสนุนชูมือเห็นด้วยสลอน
“ใช่ๆๆ ไม่ยอมๆๆ”
แม่เลี้ยงอมรา และลูกหลานต้องมาพักอยู่บ้านจีรณะ เวลานี้นั่งอยู่ที่ม้าหินข้างต้นไม้มองออกไปนอกบ้าน ท่าทางเหม่อลอย
บ็อบบี้วิ่งมาหา “ยายครับยาย ไปกินข้าวเถอะ น้าภิตจัดจะเสร็จแล้ว”
แม่เลี้ยงไม่ตอบมองเหม่อออกไปข้างนอก บ็อบบี้เขย่าแขน
“บ็อบบี้หิวแล้ว ไปกินกันเถอะครับ”
แม่เลี้ยงไม่ตอบ เบี่ยงตัวหลบหลาน เหม่อมองอีกมุม บ็อบบี้ไม่กล้ากวนอีก ถอนใจ เดินจ๋อยๆออกมา
อีกมุม มองเห็นกันไกลๆ โสภิตจัดอาหารใส่จานวางบนโต๊ะ ชะเง้อมองบ็อบบี้กับแม่อยู่ห่างๆ
พิมพรเดินมาสมทบเพราะมองสองคนนั้นเหมือนกัน โสภิตหันมาเห็น
“พี่พิมจะกินข้าวเลยหรือเปล่าคะ”
“ไม่ละ พี่กินไม่ลง”
“ยังไงก็ต้องกินค่ะ ไม่กินจะมีแรงสู้กับวันพรุ่งนี้ไหวหรือคะ”
พิมพรถอนใจ “ไม่นึกว่าวันอย่างนี้จะมาถึงอีก พี่ยังจำที่เราถูกไล่ออกจากบ้านตอนเด็กๆ ได้อยู่เลย”
“แต่เราผ่านวันนั้นมาได้ วันนี้ก็ต้องผ่านได้เหมือนกัน”
“วันนี้เราไม่เหลืออะไรเลยนะ”
จีรณะเข้าจากด้านหลัง ส่งเสียงนำมาก่อน
“เหลือเพื่อนไงครับ อย่างน้อยคุณก็ยังมีเพื่อน”
อาโปเดินตามหลังมา หิ้วข้าวของต่างๆ มาจากดอย พิมพรกับอาโปสบตากัน ต่างคนยังมีฟอร์มใส่กัน พิมพรคอแข็ง พูดลอยๆ บอกโสภิต
“พี่ไปอาบน้ำก่อน”
บ็อบบี้วิ่งมาหา เห็นอาโป ตะโกนมาแต่ไกล
“พี่อาโป มีอะไรมาฝากบ็อบบี้บ้าง”
อาโปหัวเราะ ชูถุงขึ้นให้ดูร้องเป็นเพลง “ฉันมีแครอทมาฝาก”
โสภิตกับจีรณะขำ บ็อบบี้งงๆ
“นี่ของคุณ ผมแวะซื้อร้านอาหารเหนือที่อร่อยที่สุดในเมือง”
จีรณะหยิบอาหารพวกแอ๊บปลา ไส้อั่วออกมาตรงหน้า โสภิตได้กลิ่นก็รู้สึกผะอืดผะอม
“หือ เหม็น”
โสภิตจะอ้วกวิ่งไปทางหลังบ้าน จีรณะตาม
โสภิตมาอาเจียน จีรณะวิ่งตามมาลูบหลัง บอกอย่างเป็นห่วง
“ไปหาหมอเถอะ”
“ไม่เป็นไร หมู่นี้ชั้นกินข้าวไม่เป็นเวลา คงเป็นกรดไหลย้อน”
“คุณเอาแต่ดูแลคนอื่น ต้องดูแลตัวเองบ้าง มานี่ เดี๋ยวผมอุ้มคุณไปนอน”
“อย่าค่ะ เกรงใจพี่พิมบ้าง คุณยังได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอนะคะ”
“ผมคงต้องคุยกับคุณพิมให้รู้เรื่อง”
โสภิตรีบห้าม “ไม่นะคะ อย่าเพิ่ง ตอนนี้ทุกคนยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรับรู้เรื่องนี้ มันยังไม่สำคัญ”
จีรณะบีบแขนโสภิตแน่นขึ้นอีก ยืนยันหนักแน่น
“แต่สำหรับผม มันสำคัญมาก ผมอยากทำให้ทุกอย่างถูกต้องซะที”
จีรณะจ้องตามองโสภิตอย่างลึกซึ้ง
อาโปวิ่งมา “นายๆ” ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นสองคนหวานกันอยู่
“มีอะไร”
“นายปิดมือถือ ผู้กองเลยโทร.เข้าโทรศัพท์บ้านให้นายติดต่อกลับเดี๋ยวนี้ ผู้กองรู้ที่ซ่อนนายพงษ์แล้ว”
จีรณะ และโสภิต ตื่นเต้น
พีรพงษ์หงุดหงิดสุดขีด หลบอยู่ในห้องพักรีสอร์ทที่นัดกับคุณวุฒิ คอยลุกมาแหวกม่านหน้าต่าง สอดส่องสายตาดูนาฬิกาข้อมือ สมุน 1สมุน 2 หน้าเครียด นั่งที่เตียงและเก้าอี้
สักครู่หนึ่งมีเสียงเคาะประตู พีรพงษ์ และสมุนชักปืน สมุน 1ดูที่ตาแมว รีบเก็บปืน เปิดประตู
คุณวุฒิ และ สมุน 3 สมุน 4 เข้ามา ท่าทีร้อนรน สมุน 3 สมุน 4 ถือกระเป๋าเดินทางใบย่อมมาด้วย คุณวุฒิชี้ไปบนเตียง ทั้งสองวางกระเป๋าลง
“แน่ใจนะครับ ว่าพ่อจะไม่ติดคุก”
คุณวุฒิพยักหน้า “แกล่วงหน้าไปก่อน เงินสดกับทองคำแท่งพวกนี้คงตั้งหลักได้พักใหญ่ รีบไปกันเถอะ ได้เวลานัดแล้ว”
สมุน 1 สมุน 2 เดินนำคุณวุฒิไป สมุน3 สมุน 4 สะพายกระเป๋าเดินตัวเอียง ตามคุณวุฒิไป
ขณะที่สมุนสองคนเอากระเป๋าขึ้นรถคุณวุฒิ พีรพงษ์ก็กำลังจะขึ้นรถกับสมุนอีก 2 คน
รถของเกียรติก้องแล่นเข้ามาเบรคห่างราว 30 เมตร เกียรติก้อง และจีรณะ ชักปืน
“มอบตัวเดี๋ยวนี้นายพงษ์ อย่าต่อสู้ขัดขืน” เกียรติก้องตะโกนบอก
จีรณะตะโกนตาม “นายคุณวุฒิ คุณกำลังทำผิดฐานช่วยผู้ต้องหาหลบหนี คดีอาญามอบตัวซะ โทษหนักจะได้เป็นเบา”
คุณวุฒิสบตาพีรพงษ์นิ่ง สมุนทั้ง 4 เลิกลักคุณวุฒิสั่งเข้ม
“สู้มัน กูไม่มีวันยอมติดคุก”
สองฝ่ายควักปืนยิงกันเสียงดังสนั่น สมุน 1 คว้า M16 ในรถรัวใส่ พวกจีรณะเห็น ต่างนอนราบกับพื้นสู้ปืนกลไม่ได้
พีรพงษ์ คุณวุฒิ และ สมุนขึ้นรถ ขับหนีไป
รถพีรพงษ์กับคุณวุฒิ พร้อมสมุนเข้ามาจอด ทุกคนลงรถวิ่งสุดแรงไปที่ท่าเรือ
“พวกนั้นล่ะพ่อ มันหลอกเรารึเปล่า”
“ไม่มีทาง มันอยากได้เงินเรา”
เรือเร็ว เจ็ทโบท ขนาด 10 ที่นั่ง แล่นเลียบฝั่งเข้ามาจากที่ซ่อน
รถพวกจีรณะแล่นเข้ามา สมุนทั้ง 4 ถูกจีรณะ เกียรติก้อง จ่าตุ๋ย และหมู่ทองวิสามัญ ตายคาที่
คุณวุฒิกับพีรพงษ์ ขึ้นเรือไปได้พร้อมกระเป๋าอาการทุลักทุเล เรือแล่นทะยานไปอีกฝั่ง จีรณะ เกียรติก้อง และจ่าตุ๋ยเล็งปืนเตรียมยิง
หมู่ทองบอก “เปลืองกระสุนเปล่าๆ ครับ”
เรือแล่นไปลิบๆ แล้วหยุดเอาดื้อๆ กลางน้ำ
คุณวุฒิงง “จอดเรือทำไม”
พีรพงษ์สังหรณ์ใจ “พวกแกจะทำอะไร”
จีนฮ่อที่เป็นหัวหน้า มองพ่อลูกหน้านิ่งขรึม “เงินค่าไม้พะยูงยังไม่ได้แบ่ง”
“นี่ไง เงินเต็มกระเป๋าเลย” คุณวุฒิว่า
“ลื้อถูกปลดแล้ว ส.ส.”
พีรพงษ์โมโห “เฮ้ย เอาไปเลยทั้งเงิน ทั้งทอง”
จีนฮ่อบอก “ลื้อหมดราคาแล้ว”
พีรพงษ์ และคุณวุฒิ ชักปืน แต่จีนฮ่อที่คุมเชิงใกล้ๆ สองคน ชักมีดกระหน่ำแทงสองพ่อลูกไม่ยั้ง ในสำนึกสุดท้าย ความชั่วความริยำที่พีรพงษ์เคยก่อ ผุดขึ้นมาราวสายน้ำไหล
หัวหน้าจีนฮ่อ ผลักสองพ่อลูก ลงน้ำจมหายไป
พวกจีรณะมองเห็นเหตุการณ์หมด ทุกคนตกใจ เรือติดเครื่อง แล่นหนีต่อไปฝั่งเพื่อนบ้าน
ทิ้งศพสองพ่อลูก ลอยอยู่กลางน้ำสีแดงฉาน
เช้าตรู่วันหนึ่งจิตราในชุดพยาบาล เพิ่งออกจากเวรกลับบ้าน ก้าวเข้ามาในบ้าน วางกระเป๋า เดินไปที่โต๊ะรินน้ำดื่ม มองไปมุมบ้าน
ภาพในสายตาดูมืดๆ มัวๆ ด้วยยังเช้าอยู่มาก จิตราเพ่งมองจนเห็นเชือกที่ผูกไว้แล้วกับขื่อ และมีแม่เลี้ยงอมรากำลังปีนขึ้นเก้าอี้ เตรียมผูกคอตาย
จิตราเห็นถนัดตาก็ตกใจ ตาลุกโพลง วิ่งไปหาอย่างว่องไว จิตราดึงแม่เลี้ยงลงเซมาปะทะกับตัวจนถอยไปสองก้าว แม่เลี้ยงโกรธ ตวาดแว้ด
“ไปให้พ้น มายุ่งกับฉันทำไม”
“แม่เลี้ยงทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
แม่เลี้ยงผลักจิตราเต็มแรง
“มันเรื่องของชั้น ชีวิตของชั้น อย่ามายุ่ง”
แม่เลี้ยงอมราปีนอีกครั้ง จิตราถลาดึงไว้ จนแม่เลี้ยงตกลงมาอีก จิตราก้าวเข้าไปประชิดตัว ตบหน้าแม่เลี้ยงเต็มแรงจนหน้าหัน แม่เลี้ยงอึ้ง คาดไม่ถึง เอามือจับแก้ม จิตราเชิดหน้าพูดอย่างมั่นใจ เข้มแข็ง
“คนขี้แพ้ ขี้ขลาด”
แม่เลี้ยงสลดหดหู่ หมดอาลัยตายอยาก ปล่อยโฮออกมา
“ใช่ ชั้นแพ้หมดทุกทางแล้ว หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“แม่เลี้ยงยังมีสองมือ สองแขน มีสมอง ทำไมถึงยอมแพ้อะไรง่ายๆ คิดหรือเปล่าว่า ถ้าแม่เลี้ยงตายไป พี่ยศ บ็อบบี้จะทำยังไง”
อาโปหน้าตื่นวิ่งมาหาทั้งสอง
“พี่จิตไปช่วยบ็อบบี้ด้วย บ็อบบี้หอบ น่ากลัวมากเลย”
อ่านต่อหน้า 4
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
บ็อบบี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ร่างน้อยๆ ถูกครอบจมูกอยู่บนรถเข็น ที่เข็นมาอย่างเร็วไปห้องฉุกเฉิน
พิมพรกับโสภิตวิ่งตามไปติดๆ ตามหลังมาด้วยแม่เลี้ยง มีจิตราคอยระวังแม่เลี้ยงอยู่อีกชั้นหนึ่ง บ็อบบี้ถูกเข็นเข้าห้องไป ทุกคนหน้าเครียด รอฟังอยู่หน้าห้อง
เวลาผ่านไปสักระยะ หมอเปิดประตูออกมา ทุกคนออเข้าไปถาม
“ใครเป็นพ่อแม่เด็กครับ” หมอถาม
พิมพรก้าวเข้าไป “ดิฉันค่ะ บ็อบบี้ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะ”
หมอส่ายหน้า “เด็กอาการหนักมาก ต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัย”
โสภิตตกใจ “หมายความว่าต้องย้ายไปผ่าตัดที่กรุงเทพฯใช่มั้ยคะ”
หมอพยักหน้า
แม่เลี้ยงเข่าอ่อน สภิตเข้าประคอง “ชั้นจะหาเงินที่ไหนมารักษาหลาน”
ปัญหารุมเร้ารอบด้านโสภิตอัดอั้นเดินมาแอบร้องไห้ อนาถในโชคชะตา จีรณะตามมาเจอ
“คุณภิต....ผมกลับไปบ้านเลยเพิ่งรู้เรื่องจากอาโป บ็อบบี้เป็นไง”
โสภิตส่ายหน้า โผเข้ากอดเขาแน่น จีรณะกอดปลอบ “ใจเย็นๆ บ็อบบี้เป็นเด็กดี บ็อบบี้ต้องไม่เป็นอะไร”
“กรรมมันตามทันครอบครัวชั้นแล้วใช่มั้ย ทุกอย่างมันถึงได้เลวร้ายขนาดนี้”
“แต่คุณก็ทำกรรมดีไว้มาก ค่อยๆ คิด ต้องมีทางออก”
โสภิตพยักหน้า “เออ แล้ว ตกลงจับนายพงษ์ได้มั้ยคะ”
“ทั้งนายพงษ์กับพ่อ ถูกพวกค้าไม้เถื่อนฆ่าตายทั้งคู่” โสภิตฟังแล้วอึ้ง “ความชั่วที่พวกเค้าก่อ มันไม่ต้องรอให้ศาลไหนมาตัดสิน”
โสภิตสะท้อนใจ “เหมือนที่พวกชั้นกำลังถูกพิพากษาอยู่ในตอนนี้”
“อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันดี อนาคตต้องดี ผมเชื่ออย่างนั้น”
สองคนให้กำลังใจกัน โดยไม่เห็นว่า แม่เลี้ยงอมราเดินร้องไห้ ผ่านทั้งคู่ออกไปจากโรงพยาบาล
แม่เลี้ยงอมรา ไม่มีที่พึ่ง พาตัวเองเข้ามากราบพระประธานในโบสถ์วัดทุ่งทอง พนมมืออธิษฐาน
“ลูกรู้ตัว ว่าไม่ได้เป็นคนดีอะไรมากมาย ทำชั่วมามาก เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์มาตลอด ลูกขอรับเอากรรมทั้งหมดไว้เอง ขอตกนรกคนเดียว อย่าเอาชีวิตบ็อบบี้ไปเลยนะคะ”
หลวงพ่อเดินเข้ามาปลอบใจ พูดจากด้านหลัง
“นรกสวรรค์ไม่ต้องรอตาย โยมสำนึกผิดคิดได้ตอนนี้คือโยมได้ขึ้นสวรรค์แล้ว”
แม่เลี้ยงหันมากราบหลวงพ่อ “แต่ถึงคิดได้ มันก็สายเกินไปแล้ว จิตใจเหมือนตกอยู่ในนรกค้นหาทางสว่างอย่างไรก็ไม่เห็น”
แม่เลี้ยงเอาแหวนที่เก็บได้ก่อนไฟไหม้ สมบัติชิ้นสุดท้าย ยื่นใส่พานถวายหลวงพ่อ
“ดิฉันมีสิ่งนี้เป็นของมีค่าติดตัวมา ดิฉันขอถวายเพื่อทำบุญต่อชีวิตหลานด้วยเถอะค่ะ”
“อนุโมทนาโยม แต่จริงๆ แล้วอาตมาก็อยากให้โยมเข้าใจว่าเราไม่สามารถติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้หรอกนะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
แม่เลี้ยงพนมมือไหว้ น้ำตาไหลพราก
ด้านบ็อบบี้นอนหอบอยู่บนเตียง พิมพรใส่ถุงเท้าให้ลูกชาย ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ บ็อบบี้ฝืนยิ้ม แต่หน้าซีดเซียวเห็นได้ชัด
“ดีจัง อุ่น...”
“อย่าพูดมากเลย เดี๋ยวเหนื่อย”
ประตูห้องเปิดออก จิตราเข็นรถของยศเข้ามาในห้อง บ็อบบี้ผงกหัว ทัก
“น้ายศ”
“ไง หายซ่าเลยซิ”
“น้ายศหายแล้วเหรอครับ”
“ยัง แต่อีกไม่นานหรอก แกก็ต้องรีบหายนะ เราจะได้ไปเตะบอลกัน”
พิมพรมองขายศที่ถูกคลุมไว้ เพราะเป็นอัมพาตช่วงล่าง พอเงยหน้ามาสบตากับจิตราที่เศร้าๆสะเทือนใจกับคำพูดยศ
บ็อบบี้ยิ้มซื่อ “ดีครับ...บ็อบบี้อยาก เตะ บอล”
ยศให้กำลังใจหลานตัวน้อย
“สู้สู้ อย่ายอมแพ้น้า เดี๋ยวรักษาหาย มาแข่งกัน ใครจะวิ่งเร็วกว่ากัน”
พิมพรทนไม่ไหว แต่พยายามซ่อนน้ำตา แหงนหน้าดูเพดาน สุดท้ายเดินออกจากห้องไป
พิมพรวิ่งร้องไห้ออกมาจากห้อง ไม่อยากให้ลูกและน้องเห็น ไปยืนร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง อีกด้าน หนึ่งโทมัสเดินมากับทนาย วันนี้โทมัสแต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกครั้ง โทมัสเห็นพิมพรร้องไห้จึงหันไปสั่งทนาย
“รออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมมา”
โทมัสวิ่งไปหาพิมพร “คุณร้องไห้ทำไม พิม”
พิมพรหันมาเห็นโทมัส ทนไม่ไหว “บ็อบบี้...” พิมพรปล่อยโฮออกมา
โทมัสตกใจปนงง เดินเข้าไปจับไหล่พิมพรถาม
“บ็อบบี้เป็นอะไร บอกผมมา”
พิมพรปล่อยโฮ เผลอเข้าไปซุกอกสามีฝรั่งร้องไห้ โทมัสงง
ทั้งชาวบ้าน แม่ค้า เด็กนักเรียน มารถสองแถวศาลาท่ารถประจำทาง แม่เลี้ยงอมรามารอรถกลับไปโรงพยาบาลในตัวเมือง
รถสองแถวประจำทางมีผู้โดยสารอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง คนขึ้นลง แม่เลี้ยงวิ่งตามไปอาการทุลักทุเล ถูกเบียดจนไม่ได้ขึ้น รถแล่นออกไป
รถสองแถวอีกคันมาจอด แม่เลี้ยงจะขึ้น แต่ถูกคนด้านในพรวดพราดสวนออกมา ชนแม่เลี้ยงที่รอขึ้นรถ ล้มก้นจ้ำเบ้า
เวลาผ่านไปอีก แลเห็นแม่เลี้ยงอมราเดินกระเผลก อยู่ริมถนน ท่ามกลางแดดเปรี้ยง
ไกลออกไป รถบุญมีขับมาตามทาง มีลุงคำปันนั่งมาข้างๆ บุญมี มองเห็นแม่เลี้ยงเดินกลับท่าทางอิดโรย น่าสงสาร
รถบุญมีแล่นมาเบรคเอี๊ยดปาดหน้า แม่เลี้ยงตกใจ ถดตัวถอยหนีโดยอัติโนมัติ บุญมีกับคำปันลงรถมาหา แม่เลี้ยงกลัวถูกทำร้าย
“อย่าทำอะไรชั้น ช่วยด้วย”
แม่เลี้ยงผวาทิ้งถุงที่ถือ วิ่งเตลิดหนี แต่บุญมีวิ่งทันไปจับต้นแขนหมับ แม่เลี้ยงสะดุ้งเฮือก ทรุดลงนั่งยองๆ พนมมือท่วมหัว
“อย่าฆ่าฉันเลย ฉันต้องไปดูแลลูกดูแลหลาน”
บุญมีสั่งเข้ม “ไปขึ้นรถ”
แม่เลี้ยงกลัว ไหว้ปลกๆ “เมตตาชั้นเถอะ ได้โปรด”
บุญมีมองสบตากับคำปัน พากันถอนใจ
คำปันบอกเสียงอ่อนโยน “แค่จะพาไปส่ง ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ แม่เลี้ยง”
แม่เลี้ยงหยุดไหว้ เงยขึ้นมองหน้าสองคนอย่างไม่เชื่อสายตา
บุญมีถาม “แม่เลี้ยงจะไปไหน”
ขณะเดียวกันจีรณะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในลานจอดรถโรงพยาบาล โสภิตซ้อนท้าย จีรณะจอดรถ โสภิตก้าวลง ถอดหมวกกันน็อค
รถของบุญมี แล่นมาจอดอีกทาง คำปันลุกออกมาจากที่นั่ง มาเปิดประตูให้ แม่เลี้ยงลงจากรถ
แต่ประตูดันเปิดไม่ได้ บุญมีลงมาช่วยดันประตูให้ ช่วยประคองลงมา
โสภิตเห็นแม่เลี้ยงขาเคล็ดเดินเซก็เข้าใจผิด เบิกตาโตวิ่งไปร้องลั่น
“อย่า อย่าทำอะไรแม่เลย ชั้นไหว้ละ”
โสภิตเข้าไปขวาง พนมมือไหว้ จีรณะตามมางงๆ แม่เลี้ยงมาดึงมือที่พนมอยู่ของโสภิตลง
“เค้าสองคนมาส่งแม่”
แม่เลี้ยงหันไปหาทั้งสอง “ขอบคุณนะทั้งสองคนเลย ที่มาส่งชั้น”
แม่เลี้ยงก้มหัวขอบคุณ ยิ้มให้ แล้วเดินไปกับโสภิต จีรณะมองฉงน งงๆ หันมามองบุญมีและคำปัน
“น้ามี”
บุญมีปฏิเสธ “ไม่ใช่ๆ น้าแค่ทำตามที่ลุงคำปันขอ ไม่ต้องมามองซึ้งอะไรกับน้าหรอก”
จีรณะถามชายชราด้วยสายตา “ลุงผ่านไปเห็นคุ้มอมราไฟไหม้หมด เหลือแต่ซาก ก็มาคิดได้ว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน จะอาฆาดกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าอโหสิได้ ก็เป็นบุญกุศลกับตัวเรา”
จีรณะยิ้มกว้าง ซึ้งใจ
“ผมดีใจครับ ที่น้ากับลุงคิดอย่างนี้”
จีรณะ โสภิตเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของบ็อบบี้พร้อมกับแม่เลี้ยง โสภิตมองไปที่เตียงพบว่าว่างเปล่า ที่นอนก็ถูกทำจนเรียบแปร้ โสภิตอึ้งยืนตัวแข็ง แม่เลี้ยงเดินตามมาแต่สะดุดตามโสภิต มองไปไม่มีบ็อบบี้ก็ตกใจ
“บ็อบบี้ บ็อบบี้ไปไหน หรือว่า...”
จีรณะเดินไปดูในห้องน้ำ
แม่เลี้ยงลนลานมองไปรอบๆ ห้อง โสภิตใจเสีย จับแม่ไว้ ทุกคนต่างคิดว่าบ็อบบี้เสียชีวิต โสภิตเสียงสั่น ส่ายหัวปลอบตัวเองกับแม่ “บ็อบบี้ต้องไม่เป็นอะไรค่ะแม่”
“ผมจะออกไปถามหมอ”
จีรณะยังไม่ทันออกไปพิมพร ก็เปิดประตูเข้ามา โสภิตรีบเดินไปถาม
“บ็อบบี้หายไปไหนคะ คงจะไม่...ได้”
“บ็อบบี้ไปเช็คความพร้อม เพื่อจะเดินทางไปรักษาที่เมืองนอก”
แม่เลี้ยงงง “แกพูดอะไรนะยายพิม แกจะไปหาเงินจากที่ไหน จะไปได้ยังไง”
โทมัสรออยู่หน้าห้องไอซียู จีรณะ โสภิต แม่เลี้ยง และพิมพร เดินตรงมา พอดีหมอเปิดประตูออกมา แล้วเข้ามาพูดกับโทมัส ทุกคนเดินมาฟังด้วย
“เรียบร้อยครับ ผมตรวจอาการแล้ว แล้วประสานงานทุกด้านเรียบร้อย เด็กเดินทางได้เลย”
“ขอบคุณครับ”
หมอออกไปอีกทาง โทมัสเห็นแม่เลี้ยง ยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
แม่เลี้ยงอมรางง เพิ่งเจอลูกเขยตาน้ำข้าวครั้งแรก “นี่ นายคือ”
“โทมัสครับ ผมเป็น พ่อบ็อบบี้”
แม่เลี้ยงมองโทมัสหัวจดเท้า เพราะคิดไว้ว่าต้องดูแย่กว่านี้
“ผมบินมาเพื่อตกลงกับพิมอีกครั้งเรื่องบ็อบบี้ เลยเพิ่งรู้ว่าบ็อบบี้ป่วยหนัก ผมขอพาบ็อบบี้ไปรักษาที่อเมริกาเองครับ”
แม่เลี้ยงทำหน้าไม่เชื่อ “นายน่ะเหรอ เป็นไปได้ยังไง ถ้านายรวยขนาดนั้น ยัยพิมมันคงไม่หอบลูกหนีมาหาชั้นหรอก”
โทมัสอธิบาย “เมื่อก่อน ผมอาจจะบ้าอุดมการณ์มากไป แต่ตอนนี้ผมขายรูปออกไปแล้ว ผมมีเงินพอที่จะรักษาบ็อบบี้แน่นอน”
โสภิตดีใจอย่างชัดเจนพนมมือ “ขอบคุณสวรรค์ ที่เมตตาเราอย่างนี้”
จีรณะโอบโสภิตดีใจด้วย
โทมัสหน้าสลด “แต่ ผมต้องรอพิมตัดสินใจ เพราะเค้าแต่งงานไปกับมิสเตอร์จีแล้ว มิสเตอร์จีอาจไม่อนุญาต”
จีรณะเดินเข้าไปตบไหล่โทมัส
“ไม่ต้องกังวล เรื่องแต่งงานของผมกับคุณพิมเป็นเรื่องโกหก เราเล่นละครเพื่อไม่ให้คุณแย่งบ็อบบี้ไปจากคุณพิม”
“ไอ ดอนท์ อันเดอร์ แสตนด์”
โทมัสงง ไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง” จีรณะยิ้มบอก
บ็อบบี้นอนอยู่บนเตียงละเมอเสียงดัง
“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ คัมออน”
พิมพรกุมมือลูกไว้ บ็อบบี้ลืมตาขึ้น ดูเหนื่อยล้า พิมพรลูบหน้าลูก
“ผมฝันเห็นแด๊ดดี้”
พิมพรสงสารลูก “ฝันดีนี่หน่า แปลว่าลูกจะได้เจอกับแดดดี้เร็วๆนี้ดีใจสุดๆ”
“มามี้หลอกบ็อบบี้อีกแล้ว”
แม่เลี้ยงอมราเดินเข้ามา “แม่เค้าไม่ได้หลอกบ็อบบี้ ยายเป็นพยานได้”
“แต่คุณยายไม่ชอบแด๊ดดี้นี่ครับ”
แม่เลี้ยงบอกอ่อนโยน “ใครว่า ยายรักทุกคนที่บ็อบบี้รักนั่นแหละ”
โสภิตพาโทมัสเข้ามา บอกหลาน “ดูซิบ็อบบี้ ใครมา”
บ็อบบี้ตาโต “แด๊ดดี้
โทมัสขยับไปชิดเตียง ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน
“ในที่สุดเราก็ได้พบกัน พ่อคิดถึงลูกที่สุด”
พิมพรถอยมายืนข้างๆ โสภิต มองบ็อบบี้กับพ่อ พูดเสียงเบาออกมาได้ยินกันสองคน โดยไม่มองหน้าน้องสาว น้ำตาเริ่มปริ่มๆ
“ฉันจะคืนเค้าให้แก ยายภิต”
โสภิตตกใจ หันไปมองพี่สาว น้ำตาที่อั้นไว้ของพิมพร ไหลรินรดแก้มช้าๆ
ที่ร้านหนานเทืองเช้านี้ บรรดาหมู่มวลเลี้ยงฉลองชนแก้วกันร่าเริง บรรยากาศเฮฮา จีรณะกับมหาเชียรเดินเข้ามา ทุกคนไหว้ทักทายกัน
บุญมีเข้าไปโอบคอจีรณะมานั่งร่วมวง มหาเดินมานั่งด้วย ดุ่ย และไทร กุลีกุจอจัดเก้าอี้ให้มหาเชียร ประจบประแจง
บุญมียิ้มร่าบอก “นี่พวกเรามาเลี้ยงฉลองตำแหน่งให้ท่านนายกครับ”
“นี่แหละ คนมันมีบุญ อยู่เฉยๆ ศัตรูก็แพ้พ่าย ทั้งไอ้สัญญาทั้งแม่เลี้ยง ตกเก้าอี้ไปทั้งคู่” บัวหอมว่า
“ก็เพราะพวกเราช่วยกันตรวจสอบ ถึงได้คนดีอย่างลุงมหามาเป็นผู้นำของเรา” จีรณะบอก
“ขอบคุณทุกๆ คน แต่สุราเมระยะพวกนี้ กินแล้วขาดสติ ไม่สมควรใช้ในการฉลองดอกนะ”
บุญมี ดุ่ย และไทร ถึงสำลัก ดื่มจนหมด แล้วรีบซ่อนขวด มหาหันไปมองชาวคณะ
ดาบม้วนรีบนำเสนอตัวเอง “ผมเป็นคนรวบรวมหลักฐานให้นายสัญญามันกระเด็นไปรอบนี้ ยังไงตอนเลื่อนขั้นปีนี้ นายกก็อย่าลืมผมล่ะ”
หมู่ทองเสนอตัวมั่ง “ชั้นก็อยากฝากตัวเป็นผู้ติดตามนายกครับ”
สายพิณว่า “เลขาล่ะจ๊ะ ชั้นเป็นได้นะ ชั้นชงกาแฟเป็น”
“วายะมัดสุ สะกิดเจสุ จงพยายามในหน้าที่ของตน ทำงานในอาชีพของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ”
ทุกคนส่ายหัว หนานเทืองเดินมาฟังอย่างตั้งใจ
“ท่าจะช่วยกันทำงานก็ดี ชั้นมีโครงการจะรณรงค์ไม่ให้มีเรื่องการพนัน หวย” มหา มองบัวหอม สายพิณ “เหล้า” คราวนี้มองบุญมี “และมีการอบรมฎิบัติธรรมควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพ ให้ทุ่งทองเรา เป็นทองคำสมชื่อ” สุดท้ายมองมาที่ หมู่ทอง และดาบม้วน แล้วพยักหน้าบอกจีรณะ “จีรณะ เอาเอกสารมาแจกกันที”
จีรณะเอาเอกสารมาแจก แต่ละคนรับ แล้วก็บอกว่า นึกได้ว่ามีธุระค่อยๆ สลายโต๋กันไป
มหาเชียรถอนใจจีรณะปลอบ “ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ คงจะเปลี่ยนไม่ได้ในชั่วข้ามคืน”
หนานเทืองเห็นด้วย “ใช่ๆ ขนาดแม่เลี้ยงอมรายังเปลี่ยนได้เลย”
บ็อบบี้ พิมพร และโทมัส มาร่ำลาเพื่อไปอเมริกา บ็อบบี้กอดกับคุณยายแน่น แม่เลี้ยงอมรานั่งบนเก้าอี้ในห้องรับแขกบ้านจีรณะ หอมซ้ายหอมขวาบ็อบบี้
พิมพรเดินคุกเข่าเข้าไปกราบตักแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงชะงัก
“แม่คะ พิมกราบขอโทษ กับความผิดทุกอย่างที่พิมทำลงไป พิมไม่เคยทำอะไรให้แม่มีความสุข หรือภาคภูมิใจเลย”
แม่เลี้ยง ซึ่งยามนี้มือข้างหนึ่งกอดบ็อบบี้ อีกข้างลูบหัวพิมพร
“ใครบอก แกน่ะเรียนเก่งชิงทุนไปเมืองนอกได้ ยังไม่เก่งอีกเหรอ แล้ว...” แม่เลี้ยงสวมกอดบ็อบบี้แน่น “สิ่งนี้แหละ หลานคนนี้ทำให้แม่มีความสุขที่สุด”
พิมพรยิ้มทั้งน้ำตาที่แม่ออกปากชมตัวเองให้ได้ยินเป็นครั้งแรก บ็อบบี้กับยศตีมือกัน ยศบอก
“อย่าลืมสัญญา กลับมาเตะบอลกัน”
“ครับ”
แม่เลี้ยงนึกบางอย่างออก “อ้อ แม่จะบอกไว้อย่าง ต่อไป ห้ามหอบลูกกลับมาเข้าใจมั้ย” ทุกคนงง แม่เลี้ยงบอกต่อ “เพราะแม่จะไปเยี่ยมเองไงล่ะ”
ทุกคนยิ้มออกร่ำลากัน สวมกอดกัน บ็อบบี้บ๊ายบายให้ แม่เลี้ยงกับยศ บ๊ายบายตอบ
แต่พอทุกคนไปแล้ว โสภิตก็วิ่งเข้ามา โดยมีตำรวจเดินตามเข้ามา
“แม่คะ ไม่รู้เข้าใจผิดอะไรกัน ตำรวจบอกจะมาเชิญตัวแม่ค่ะ”
แม่เลี้ยงยิ้มเยือกเย็น ท่าทีสุขุม “แม่ติดต่อตำรวจไปเองแหละ ว่าจะมอบตัว”
“แม่ทำอย่างนั้นทำไม เราสู้คดีได้นะคะ”
แม่เลี้ยงส่ายหัว “อยากใช้กรรมให้หมดในชาตินี้ ไม่รู้จะทันหรือเปล่า แต่แม่ก็จะเริ่มต้นทำไปเรื่อยๆ จนหมดลมหายใจนี่ละ พ่อจี ฉันฝากดูแลครอบครัวด้วย”
จีรณะเดินเข้าไปยกมือไหว้อย่างจริงใจ “ครับ ผมยินดีครับ”
แม่เลี้ยงเข้ามากอดจีรณะเป็นครั้งแรก แม่เลี้ยงอมราจ้องหน้าลูกเขย
“ฉันขออะไรอย่างนึงจะได้มั้ย”
ในเวลาต่อมา แม่เลี้ยงอมราพาตัวเองมานั่งพับเพียบอยู่ในห้องพระบ้านจีรณะ มองที่รูปครูเจือนิ่งนาน แม่เลี้ยงพนมมือไหว้ และพูดไปด้วย
“ฉันมาไหว้ครูเจือ ฉันอยากสารภาพว่า ฉันนับถือจิตใจครูเจือมานานแล้ว แต่ฉันไม่อยากจะยอมรับ เพราะถ้าฉันยอมรับมันก็เหมือนเป็นกระจกที่สะท้อน ว่าฉันเลวแค่ไหน ขอบคุณนะ ที่เลี้ยงลูกมาดีเหลือเกิน ให้เป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านและสังคม ฉันนอนตายตาหลับแล้ว ที่ลูกของครูเจือตกลงที่จะดูแล ลูกๆของฉัน”
แม่เลี้ยงพนมมือไหว้รูปครูเจืออีกครั้ง
โสภิตกับจีรณะที่นั่งอยู่ด้านหลัง กุมมือกันบีบมือให้แรงใจกันและกัน
เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน
ในตอนเย็นวันหนึ่ง จิตราหิ้วของกินมาจากข้างนอก มาวางบนโต๊ะกลางบ้าน มองหายศ
“พี่ยศ พี่ยศคะ”
จิตรามองไปรอบๆ ที่ที่ยศเคยอยู่ไม่มี
“พี่ยศ”
จิตราเดินไปหาตามที่ต่างๆ จนทั่ว ก็ไม่เจอ
“พี่ยศ อยู่ไหนคะ”
จิตราตกใจ
จิตราวิ่งออกมาหน้าบ้าน พบยศในรถวีลแชร์ ถูกเข็นโดยมนัสและนิตยา
“พี่ยศ จิตตกใจหมดเลย เกือบไปแจ้งตำรวจแล้ว”
“ขอโทษที มนัสกับนิตยาเค้ามารับพี่ไปศูนย์ฝึกอาชีพน่ะ”
นิตยาเดินมาจนใกล้ยื่นการ์ดงานแต่งมาให้จิตรา
“นิตตั้งใจเอาการ์ดมาเชิญด้วยค่ะ เป็นงานเล็กๆ เลี้ยงกันแต่ภายในกับคนที่สนิทๆ กันเท่านั้น”
มนัสบอกยิ้มๆ “เพราะเจ้าบ่าวจนน่ะครับ”
นิตยาค้อน มนัสบอก “ขอเชิญคุณทั้งสองนะครับ”
“ดีใจด้วยนะคะ เราสองคนไปร่วมงานแน่” จิตราว่า
“ถ้าคุณมนัสจน ตอนนี้ผมก็ยาจกแล้วละครับ” ยศประชดตัวเอง
นิตยายิ้ม “แล้วคุณสองคนละคะจะจัดงานเมื่อไหร่ อย่าลืมเราสองคนนะคะ”
จิตรากับยศไม่ตอบ ยิ้มให้อย่างเดียว
เวลาต่อมา ยศนั่งง่วนฉีกใบลานที่เก้าอี้สนาม จิตรายกโอวัลตินกับขนมมาวางที่โต๊ะ
“ไหนวันนี้ที่ศูนย์สอนอะไร ให้จิตตรวจการบ้านหน่อย”
ยศพยายามซ่อนของที่วาง พวกวัสดุที่ทำด้วยมือ เช่นปลาตะเพียนสานตัวเล็กๆ ตั๊กแตนแต่ยังดูบุบบี้ไม่รู้เป็นตัวอะไร
จิตราเอื้อมมือหยิบมาได้ตัวหนึ่ง เอาขึ้นมาดู
“มันตัวอะไรคะเนี่ย”
“ไม่เคยเห็นหรือ สัตว์สานใบลาน นี่ตัวตั๊กแตน”
จิตราขำ “นี่เหรอคะตั๊กแตน ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย”
ยศแย่งมางอนๆ “วันนี้ไม่เหมือน ต่อไปก็เหมือน พี่จะส่งไปให้แม่ดู”
“ก่อนส่งงานแม่เลี้ยง ให้จิตตรวจก่อนนะคะ”
“ตรวจสุขภาพพี่ก่อนดีกว่า พี่จะกลับมาแข็งแรงให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้นค่อยขอจิตแต่งงาน แล้วแต่จิตจะพิจารณาเอง ว่าพี่เหมาะสมคู่ควรกับจิตหรือเปล่า”
จิตราค้อน ยศดึงจิตรามากอดอย่างแนบแน่นแสนรัก
ส่วนที่โรงเรียนบนดอย ซึ่งย้ายมาสร้างตรงที่เก่าแล้ว อาโปกับเกียรติก้อง กำลังตรวจ เช็ค เก็บอุปกรณ์กีฬาอยู่ โดยผู้กองก้องคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“เจอคุณยศแล้วใช่มั้ย ดีแล้วละ ทุกคนสบายดี จ้ะ”
เกียรติก้องวางสาย หันไปบอกอาโปที่เช็ดลูกบอลอยู่
“จิตเค้าเจอคุณยศแล้ว ไม่ต้องห่วง”
อาโปหมั่นไส้ ค้อนลมค้อนแล้ง “ใครไปห่วงคนอย่างตานั่น ผู้กองก็แปลก ยังมีหน้าไปเป็นห่วงเป็นใยเค้าอีก เค้าทำกับตัวขนาดนั้น”
เกียรติก้องยิ้มๆ “อ้าว เป็นเพื่อนกันนี่”
อาโปตะโกนใส่หน้า “หมั่นไส้ หมั่นไส้คนดี”
เกียรติก้องหัวเราะ “เรานี่พาล มาช่วยชั้นพับตาข่ายนี่ก่อน”
ผู้กองชูตาข่ายโกลฟุตบอลขึ้นมา ส่งให้ อาโปกระแทกเท้าเดินมาช่วย ช่วยดึงตาข่ายอีกด้าน เดินไป
เกียรติก้องหน้าตาหมั่นเขี้ยว แกล้งกระตุกตาข่าย ร่างอาโปหวือม้วนตัวตามตาข่ายมาชนเกียรติก้อง
ต่างฝ่ายต่างขยับหนี เลยทำให้ตาข่ายพันทั้งคู่แนบชิดกัน อาโปยิ่งดิ้น กลายเป็นตัวชนตัว แก้มชนแก้ม ทั้งคู่ต่างชะงัก
อาโปโวยวาย “เฮ้ย”
“ใจเย็น”
เกียรติก้องต้องกอดประคองอาโปไว้ จากนั้นค่อยๆ คลี่ตาข่ายออก อาโปเขินหน้าแดง เกียรติก้องอมยิ้ม
จีรณะวิ่งเข้ามา มองสองคนอย่างงงๆ
“เห็นโสภิตหรือเปล่า...เราสองคนเล่นอะไรกันเนี่ย”
เกียรติก้องพยายามสาวตาข่ายแก้มัด อาโปบอกหน้าคว่ำ
“ไม่ได้เล่น มันติดตาข่ายอยู่ พี่ภิตไปทำงาน”
จีรณะฟังแล้วควันออกหู “ทำงานอะไร จะทำงานได้ยังไง ผู้หญิงอะไร ดื้อชะมัด อย่างนี้ต้องสั่งสอนให้เชื่อฟังซะบ้าง”
เกียรติก้องได้ยินก็หัวเราะ “แต่ชั้นว่าแกเป็นหนักกว่า วันๆ ถามหาแต่เมียไม่ทำงานทำการ ฮ่า ฮ่า”
จีรณะตาขวาง “ก็คนมันรักเมีย มีปัญหามั้ย หัวเราะอะไรวะ”
ผู้กองสาวตาข่ายจนจะหมดจากตัวกับอาโปแล้ว จู่ๆ จีรณะจับตาข่ายอีกด้านดัง จนพันสองคนแนบชิดกันแน่นเลยทีนี้
“เฮ้ย อะไรวะ”
“นายอย่าแกล้งสิ โอ้ย นายบ้า”
จีรณะยืนมองผลงานหัวเราะชอบใจ “ฮ่า ฮ่า”
จากนั้นจีรณะเดินหนีไป เกียรติก้องกับอาโปต่างฝ่ายต่างเขินกันอยู่ไปมา พร้อมกับรู้สึกวูบวาบในใจโดยประหลาด
ที่แปลงผัก หลังโรงเรียน โสภิตในชุดพื้นเมืองหลวมๆ กำลังเก็บผัก จีรณะทอดสายมองรอบๆ อิ่มตากับวิวทิวทัศน์สวยงาม จนเจอโสภิต ก็วิ่งไปหา พอไปถึงก็แย่งผักในมือโสภิตมา
โสภิตเอ็ด “ตะกละจริง ยังกินไม่ได้”
“ผมไม่ได้แย่งไปกิน แต่ผมไม่ให้คุณทำงาน”
“มีสิทธิ์อะไร มาห้ามชั้น”
“ทำไมท้องแล้วไม่บอกผม นี่ถ้าผมไม่ไปหาจิตรา แล้วจิตราฝากยามาให้คุณ ผมก็ไม่รู้”
โสภิตเฉไฉเมินมองไปอีกทาง “ทำไมฉันต้องบอกคุณ”
จีรณะชักฉุน “ก็ผมเป็นพ่อเด็กไง”
โสภิตเลิกคิ้วแกล้ง “แน่ใจเหรอ”
จีรณะโมโห ปน หมั่นไส้ เข้ามารวบตัวโสภิต ช้อนอุ้มในวงแขน
“ไป เดี๋ยวผมจะไปคอนเฟิร์มอีกซักหน จะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีก”
โสภิตทุบตีตัวจีรณะระรัว“ทะลึ่ง ปล่อยชั้นนะ ตาบ้า”
จีรณะไม่สน อุ้มโสภิตเดินไปทางบ้านพัก โสภิตดิ้นพัลวัน
จีรณะอุ้มโสภิตผ่าน บรรดา ครู นักเรียนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ ครูแหวน จ่าตุ๋ย ครูลัดดา ช่วยกันทำกับข้าว หั่นผัก จ่าตุ๋ยติดไฟ เด็กๆ ช่วยกันหยิบจานชาม หมู่มวลมองจีรณะอุ้มโสภิตยิ้มขำ
จีรณะกำลังเดินผ่าน ประกาศบอกข่าวดี “ผมกำลังจะเป็นพ่อแล้วนะครับ ดีใจกับผมด้วย”
ทุกคนเฮลั่น ตบมือกันให้เกรียวกราว จีรณะยิ้มภูมิใจ โสภิตอายม้วน ตีไหล่จีรณะระบายเขิน
“บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้”
จีรณะตะโกนใส่หมู่มวล
“พวกเรา ถ้าลูกคลอดแล้ว ผมจะประกวดตั้งชื่อดีมั้ย ชิงรางวัลไปดูหมีแพนด้า”
เด็กๆ เฮกันลั่น จีรณะยิ้มแก้มแทบแตก ภาคภูมิใจ โสภิตหมั่นไส้
เย็นแล้ว จีรณะอุ้มโสภิตมาวางลงบนเนินสวย ทั้งสองคนชื่นชมวิวทัวทัศน์ที่ธรรมชาติสรรสร้างตรงหน้า
“ชั้นอยากให้ลูกเกิดที่นี่ ที่ที่มีแต่ธรรมชาติสวยงาม อากาศดีๆ สังคมบริสุทธิ์ เรียบง่าย”
“แล้วคุณไม่เสียดายคุ้มอมราหรือ”
“มันเป็นอดีตค่ะ เป็นวัตถุไม่ยั่งยืน บ้านไหม้ได้ก็ปลูกใหม่ได้ แต่ความดีงามปลูกยาก”
จีรณะเอื้อมมือไปบีบจมูกโสภิตชม “เมียผมพูดจาคมคายนะ น่าหาอาชีพเสริมให้ทำ”
โสภิตมองจีรณะอย่างสงสัย
จีรณะไม่ตอบ ชวนโสภิตดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างสวยงาม
เช้านี้ โสภิตเริ่มสอนคณิตศาสตร์ให้เด็กๆ เป็นวันแรก มีนักเรียนในห้องราว 7-8 คน ครูอัปสรโสภิตอยู่หน้ากระดานดำ เด็กๆ ต่างตั้งใจฟัง
“เลขเป็นวิชาที่สำคัญมากๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน”
นักเรียน 1 ยกมือบอก “แต่มันยาก”
“ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าเราตั้งใจ เราจะจนหรือจะรวยอยู่ที่เราใช้ตัวเลขทั้งนั้น ถ้าเราหาเงินมาได้มากกว่าใช้จ่ายไป เราก็จะ...”
นักเรียนสองสามคนยกมือขึ้น โสภิตชี้ไปที่คนหนึ่ง นักเรียน 2 ตอบ “มีเงินเหลือ
“ถูกต้องค่ะ เงินที่เหลือ เราต้องเก็บออม ไม่ใช่ใช้เงินจนหมด ที่สำคัญ เราต้องทำงานหาเงินมาด้วยความสุจริต ไม่คดโกง ไม่ลักขโมยใคร เข้าใจมั้ย”
เด็กตอบพร้อมกันว่า “เข้าใจครับ” / “เข้าใจค่ะ”
จีรณะ อาโป และเกียรติก้อง ยืนอยู่นอกห้อง ดูการสอนด็กๆ ของโสภิต
เกียรติก้อง “แกนี่จัดคนได้ถูกกับงานจริงๆ เด็กหมู่บ้านเราคงไม่เป็นหนี้ในอนาคตแน่ๆ ฮ่า ฮ่า”
อาโปหมั่นไส้ “หมู่บ้านนี้คงรวยตายเลย”
จีรณะยิ้ม “ฉันนึกออกเลย ว่าลูกของชั้น เกิดมาต้องเก่ง บัญชีเชียวหละ ฮ่า ฮ่า”
หมู่มวลอยู่ด้วยขำๆกัน
เสียงเด็กๆ อ่านหน้าที่พลเมือง พร้อมๆกัน
“พลเมืองดี หมายถึง ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่พลเมืองได้ครบถ้วน ทั้งกิจที่ต้องทำ และกิจที่ควรทำ”
จีรณะมองไปสบตากับอัปสรโสภิต สองคนยิ้มให้กันอย่างสุขใจ ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามเขียวขจีบนดอยสูง และความดีงามในจิตใจเด็กๆ ที่เขาและเธอร่วมกับปลูกสร้าง
ด้วยหัวใจสองดวงของเขาและเธอ ที่บัดนี้พรมแดนกั้นขวาง ได้ถูกทลายลงไปจนหมดสิ้นแล้ว
จบบริบูรณ์