พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 14
จิตรารีบพานิตยาไปนั่งพักตรงส่วนรับรองของสวนอาหาร เกียรติก้องปล่อยสองคนให้คุยกันโดยการเดินไปเอาผ้าเย็น นิตยาเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ สภาพน่าเวทนา
“ชั้นกำลังตกนรก เพราะไม่ได้แต่งงานกับคนที่ฉันรัก ฟ้าดินกำลังลงโทษที่ชั้นแย่งพี่ยศมาจากคุณ”
นิตยาเอามือจิตรามากุม“ชั้นจะคืนเค้าให้กับคุณ พี่ยศยังรักคุณอยู่ ชั้นรู้”
จิตราชะงัก ดึงมือออก “คุณเมา กลับไปพักเถอะค่ะ พี่ยศคงกำลังรอคุณอยู่”
“ไม่ พี่ยศกับชั้น ไม่เคยมีอะไรกัน ชั้นรักพี่มนัสคนเดียว”
“แต่คุณมีลูกกับพี่ยศ”
“ลูกพี่มนัสต่างหาก ฮือๆ ชั้นรักษาลูกของพี่มนัสไว้ไม่ได้”
นิตยาฟูมฟาย จิตรานั่งอึ้ง “คุณจิต ถ้าคุณคืนดีกับพี่ยศ พระเจ้าอาจให้ชั้นสมหวังก็ได้ ได้โปรดเถอะ จะให้ชั้นทำอะไรก็ได้”
จิตราตัดบท “หยุดเถอะค่ะ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ชั้นมีผู้ชายที่ดีที่สุด มาอยู่ข้างๆ แล้ว”
“ถึงเค้าจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่รัก มันก็เหมือนตกนรก”
ผู้กองเกียรติก้องถือผ้าเย็นเข้ามาให้ “นี่ผ้าเย็น...”
จิตรารีบเอามาเช็ดหน้าให้นิตยา “เช็ดหน้าซะนะคะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“ไม่ ไม่มีอะไรดีขึ้นอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว...”
นิตยาปัดผ้า เดินโซเซออกไป ผู้กอง และจิตรามองตาม
จิตราเครียดกับสิ่งที่รู้
ด้านจีรณะสอนบ็อบบี้อ่านนิทานอีสปอยู่ที่คุ้มอมรา
“และในที่สุด เต่าก็เดินถึงเส้นชัย ชนะกระต่ายได้ในที่สุด นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า “Let s have the perseverance which can work steadily like the tortoise.”
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นครับ” บ็อบบี้แปล
“เก่งมาก วันนี้แค่นี้ก่อน ไปนอนได้แล้ว”
“ผมอยากถามครูจีแบบลูกผู้ชาย gentleman”
จีรณะเลิกคิ้ว แต่ก็รู้ตัว ลุกจากเปล ยืนตรงคุยกับบ็อบบี้
“ได้ครับ จะถามอะไรครับ”
บ็อบบี้ทำท่าคิด หน้าขรึมจ้องจีรณะเขม็ง “มามี้บอกว่า จะแต่งงานกับครูจี แล้วครูจีจะต้องมาเป็นพ่อของบ็อบบี้”
จีรณะอึ้งไป “ครูจีรักมามี้หรือครับ”
เจอคำถามซื่อๆ จีรณะไปไม่ถูกหลบตาเด็กชายลูกครึ่ง
“เรื่องของผู้ใหญ่ ยังไม่ถึงเวลาที่บ็อบบี้จะรู้นะครับ”
“ผมโตแล้ว ผมต้องคุ้มครองแม่ ถ้าแม่ไม่รักแด็ดดี้แล้วแต่แม่รักครูจี และครูจีก็รักแม่ ผมจะอนุญาตให้แต่งงานกันได้” บ็อบบี้พูดจริงจัง
จีรณะเครียดเลยทีนี้ “ครูยังให้คำตอบไม่ได้ แต่ขอให้บ็อบบี้รับรู้ไว้อย่าง ครูปรารถนาดีกับบ็อบบี้และแม่พิมจริงๆ”
บ็อบบี้พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วบอกอีก “ตอนแรกผมคิดว่าน้าภิตรักกันกับครูจีซะอีก”
จีรณะหูผึ่งหันไปจ้องบ็อบบี้ บีบไหล่ถาม “ทำไม น้าภิตบอกบ็อบบี้หรือ ว่าน้าภิตรักครู”
บ็อบบี้ทำท่านึก ก่อนจะส่ายหัว “น้าภิตไม่ได้พูด ผม...แค่รู้สึกเองครับ”
จีรณะผิดหวัง ทอดถอนใจเซ็งๆ
ขณะที่จีรณะเปิดประตูเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อเตรียมจะอาบน้ำ พิมพรเข้ามากอดทางด้านหลัง จีรณะตกใจ
“พิมเองค่ะ”
“คุณพิม”
ด้านพวงพยายามฉุดแขนโสภิต จะลากออกไปให้ได้
“เร็วเถอะค่ะ เดี๋ยวข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกพอดี แม่เลี้ยงด่าตายเลยเจ้า”
โสภิตพยายามดึงมือออก “อะไรกันป้าพวง จะดึงภิตไปไหน”
พวงเขิน บิดไปมา “พวงเห็นคุณพิมเข้าไปในห้องคุณจีเจ้า”
วูบหนึ่งโสภิตฉุนกึก สูดหายใจลึกๆ “ก็ไม่เห็นเป็นไร เค้าสามีภรรยากัน”
“ไม่ได้เจ้า คุณภิต แม่เลี้ยงสั่งห้ามไว้ ห้ามปล่อยสองคนนี้อยู่กันสองต่อสอง”
“เค้าสองคนไม่ใช่เด็กแล้วป้าพวง เค้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
โสภิตดันพวงให้ออกไปจากห้องแต่พวงไม่ยอม “ไม่ได้หรอกค่ะ ยิ่งแม่เลี้ยงรู้ว่าเราเห็นแต่ไม่ไปห้าม โอ๊ย แม่เลี้ยงต้องเล่นงานพวงตายแน่ๆ เลยเจ้า”
โสภิตดันพวงออกไปจนถึงประตูแล้วเปิดประตู
“ป้าพวงก็บอกว่าอยู่กับภิต ไม่รู้ไม่เห็นซิคะ ภิตนอนก่อนนะคะ”
โสภิตปิดประตูลง คิดเครียด อาการคล้ายคนอกหัก สับสนเป็นที่สุด
ส่วนพิมพรยังกอดจีรณะแน่น
“พิมรักคุณ และพิมก็เชื่อว่าถ้าเราใกล้ชิดกันมากขึ้น คุณก็จะรักพิมเหมือนกัน”
พิมพรกอดแน่นขึ้น จีรณะยังนิ่ง “เราไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรักนะครับ”
“พิมไม่สน พิมอยากให้บ็อบบี้มีพ่อ และคุณเป็นคนที่พิมเลือกแล้ว”
จีรณะแกะมือพิมพรออกจนได้ หันมาเผชิญหน้า “คุณพิมครับ ระหว่างเราสองคน ต้องการเวลาที่จะทำความรู้จักกันมากกว่านี้”
พิมพรน้อยใจ “คุณมีใครในใจแล้วใช่มั้ย...เป็นยัยภิตใช่หรือเปล่า”
“มันไม่เกี่ยวกับคนอื่น นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา ที่ผมอยากให้คุณเข้าใจ ผมขอโทษนะครับ”
จีจูงพิมไปที่ประตู หน้าขรึมเปิดประตูให้ พิมน้ำตาคลอ แต่ก็ฝืนยิ้ม
“ค่ะ พิมจะพยายามเข้าใจ”
จีรณะปิดประตูเอาหลังพิง ถอนใจหนักหน่วง คิดถึงแต่โสภิต
พิมพรกลับเข้าห้องตัวเองไป ท่าทีซึมๆ
โสภิตเดินมาอีกทาง แต่ไม่ทันเห็นว่าพิมพรกลับมาที่ห้องแล้ว
“มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา”
โสภิตหันหลังเดินกลับแล้วหยุด “แต่ ถ้านายจีรณะไม่จริงจังกับพี่พิมล่ะเราไม่ได้หึง แต่เราทำเพื่อพี่พิมต่างหาก”
โสภิตตัดสินใจเดินกลับมาใหม่ มาอยู่หน้าห้องจี ยกมือจะเคาะประตูห้อง แต่ก็หดมือกลับ จะเคาะใหม่ก็ลังเลอีก เก้ๆ กังๆ ด้วยสีหน้าหนักใจ แต่ประตูเปิดออกมา จีรณะยืนอยู่ ใส่เสื้อกล้ามกางเกงนอน โสภิตตะลึง
“มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ที่หน้าห้องผมไม่ทราบ”
“ชั้น...ชั้นมาหาพี่พิม”
จีรณะจะบอกว่าพิมพรไม่อยู่ แต่ยั้งปากไว้ “มีธุระอะไร”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้” โสภิตชะโงกหน้าเข้าไปดู ร้องเรียก “พี่พิมอยู่ในห้องใช่มั้ย
จีรณะยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงโสภิตเข้าไปในห้องทันที
โสภิตร้อง “ว้าย”
จีรณะปิดล็อคประตูทันที
อ่านต่อหน้า 2
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 14 (ต่อ)
จีรณะยืนกอดอกขวางอยู่ที่ประตู
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“อ้าว คุณจะมาหาคุณพิมไม่ใช่เหรอ”
โสภิตมองกวาดไปรอบห้องแต่ไม่เจอ “พี่พิมไม่อยู่นี่...”
“คุณพิมออกไปแล้ว”
“งั้นคุณก็ถอยไป”
“คุณบุกมาหาผมถึงห้อง จะให้ผมปล่อยคุณไปง่ายๆ มันก็เสียเชิงชายน่ะซิ”
“คุณอย่าทำอะไรน่าเกลียดนะ”
โสภิตถอย จีรณะเดินรุกไล่มา จนโสภิตชนเตียงหลักหงายลงไปนั่ง จีรณะคุกเข่าแล้วจับมือโสภิตไว้ทั้งสองมือ
“แค่นี้น่าเกลียดมั้ย”
สองคนจ้องตากันนิ่งๆ โสภิตวาบหวิวใจรีบหลบตา พยายามดึงมือออก
“อย่าทำแบบนี้...”
“ตอบคำถามผมก่อน”
“คำถามอะไร”
“คุณรักนายพงษ์เหรอ”
“ตอนนี้ความรักไม่จำเป็นสำหรับชั้น”
“งั้นผมถามใหม่ คุณรักใคร”
“ชั้น...” โสภิตมองจีรณะ เขาจ้องตอบ โสภิตตัดสินใจพูดตรงข้ามกับความจริง “ชั้นไม่ได้รักคุณก็แล้วกัน”
จีรณะคลายมือ โสภิตลุกขึ้นเดินไปที่ประตู “แต่ที่ชั้นรู้ คือพี่พิมรักคุณมาก ถ้าคุณไม่รักพี่ชั้น ก็กรุณาอย่าทำเค้าเสียใจ”
โสภิตเปิดประตูเดินออกไป ทิ้งให้จีรณะนั่งเซ็งอยู่อย่างนั้น
วันต่อมานิตยามานั่งรอมนัสอย่างกระวนกระวายอยู่ที่สวนสาธารณะ สักครู่หนึ่งเห็นมนัสเดินมา
“พี่มนัส นิตดีใจนะที่พี่มนัสมา”
“คุณนิตมีธุระอะไรครับ”
“นิตอยากปรึกษาพี่มนัสเรื่อง...”
นิตยาพูดไม่ทันจบคำ สายพิณวิ่งเข้ามา “คุณมนัส รอสายพิณเมินกะเจ้า”
“ไม่นานครับ”
นิตยางงๆ “อะไรกัน เธอมาทำไม”
สายพิณฉุน “อ้าว...ก็แฟนเฮานัดมา แล้วเธอล่ะมาทำไม”
นิตยาโกรธ “พี่มนัสทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ผมต้องถามคุณมากกว่าว่าคุณตามตื๊อผมทำไม ทั้งๆที่คุณมีสามีแล้ว อย่างน้อยก็ควรรักษาหน้าผู้ว่าบ้าง”
นิตยาโกรธ “พี่มนัส พี่กล้าพูดกับนิตแบบนี้เหรอ”
สายพิณโมโห “เฮาก็ว่า คุณมนัสอู้ชัดเจนที่สุดแล้วนะ มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วยังมายุ่งกับแฟนคนอื่น บ่มียางอายบ้างเลย”
“แก...”
นิตยาคำราม เตรียมจะเล่นงานสายพิณ
มนัสจับนิตยาไว้ตวาดลั่น
“พอแล้วนะคุณนิต ผมจะไม่อดทนกับคุณต่อไปแล้ว ถ้าคุณยังไม่เลิกทำตัวต่ำๆ แบบนี้ ผมก็จะไม่เกรงใจคุณอีกต่อไป”
นิตยาทั้งตกใจ ทั้งน้อยใจ “พี่มนัส พี่มนัสใจร้ายกับนิตมาก ได้ เราขาดกัน ต่อไปไม่ต้องมาดูดำดูดีกันอีก ตายไปก็ไม่ต้องมายุ่ง”
มนัสบอก “เหมือนกัน ขู่แล้วทำให้ได้อย่างขู่ด้วยนะครับ ผมกับแฟนผมจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขซะที”
“ใช่ มาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย ชิ้วๆๆ” สายพิณไล่
มนัสโอบสายพิณ นิตยาร้องไห้ หัวใจสลาย วิ่งหนีออกไป มนัสปล่อยแขนตกลง สายพิณปิดวิกเลิกแอ็คติ้ง
สายพิณบอก “แรงขนาดนี้ คงไปแล้วไปลับแน่ คุณมนัส”
“ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผม”
“แต่ท่าทางเปิ้นจะรักคุณขนาด”
“มันเป็นไปไม่ได้ครับ ผมถึงต้องทำแบบนี้เพื่ออนาคตคุณนิต”
สายพิณเขิน “ยังไงก็บ่ต้องเกรงใจเน้อ เฮาน่ะเป็นแฟนคุณมนัสจริงๆ ก็ได้”
สายพิณอายม้วน บิดไปมา เงยหน้ามาอีกทีมนัสไปแล้ว สายพิณเซ็ง
นิตยานั่งร้องไห้อยู่ในรถอย่างคั่งแค้น ในที่หยุดสะอื้น เอามือปาดน้ำตาลวกๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
นิตยาหายใจลึกๆ จนเสียงร้องไห้หายไป กดโทรศัพท์โทร.ออก
“พี่ยศ นิตขอค่าเซ็นเอกสาร 5 ล้าน ตกลงมั้ย”
ค่ำนั้นโสภิตนั่งอึดอัดอยู่ในผับ พีรพงษ์โยกตัวตามจังหวะเพลง หันมาถาม
“มาผับไม่ดื่ม มันจะเบื่อนะครับ”
“ภิตไม่ค่อยสบาย ปวดหัว”
ลูกน้องพีรพงษ์เข้ามากระซิบ เขามีสีหน้าเครียดไปถนัดตา พีรพงษ์หันกลับมาหาโสภิต
“ผมมีงานด่วน ต้องรีบไป เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องไปส่งน้องภิต”
พีรพงษ์มาประคองโสภิต แต่โสภิตทำเป็นอ้อล้อกอดแขนพีรพงษ์ พูดบอกใกล้ๆ หู
“ภิตไปกับคุณพงษ์ดีกว่าค่ะ ภิตรอได้ ดึกแล้วภิตไม่อยากไปกับคนอื่น”
พีรพงษ์มองๆ พวกลูกน้องลำบากใจ
“ก็ได้ครับ”
พีรพงษ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าโกดังไม้ ที่จีรณะเคยพาตำรวจมาตรวจจับแต่ล้มเหลว โสภิตแกล้งทำเป็นหลับ
“น้องภิตครับ น้องภิต”
โสภิตแกล้งทำหลับอยู่ “เดี๋ยวเธอจะรู้ว่าฉันเหนือกว่าไอ้จี ทุกลีลาท่าทาง”
สมุนสองคนเดินตรวจมาจากคนละทาง เจอพีรพงษ์ ต่างยกมือไหว้ พีรพงษ์ลงรถโบกมือให้ลูกน้องแล้วเดินเข้าโกดังไป สมุนมองระแวดระวังออกไปคนละทาง
โสภิตลืมตาแป๋วทันควัน
เห็นคนงาน 4 คน นั่งคุกเข่ากลัวลนลานอยู่ในโกดัง ชีพยืนอยู่หน้าคนงานทั้ง 4 สมุนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ
พีรพงษ์เข้ามาเมียงมอง
“มันยังไงกัน อยู่ดีๆ ไม้มันจะหายไปได้ยังไง”
ส่วนโสภิตเหลียวหน้าแลหลังเข้ามาแอบดู แอบฟังข้างๆ โกดัง
สมุน 1 รายงาน “ไม้มาครบครับ แต่ไม้พะยูงหายไป 30 ท่อน มันสอดไส้ไม้อื่นมาแทน”
ชีพชี้ไปที่สมุนอีกคน กับชี้คนงาน 2 คนที่พื้น
โสภิตที่แอบอยู่ตาโตเมื่อได้ยินคำว่าไม้พะยูง ฟังต่อ
“ไอ้หน่องเป็นคนขับรถไปรับไม้ ไอ้สองคนนี้เป็นคนขน ไอ้สองคนนี้อยู่โกดังระหว่างทางมาที่นี่”
ชีพชักปืนชี้ไปที่ลูกน้องชื่อหน่อง “เอ็งเป็นคนไปรับไม้ ไอ้หน่อง”
ชีพง้างขึ้นนก พีรพงษ์ตบมือชีพลดปืนลงอย่างเร็ว หน่องหลับตาปี๋
โสภิตตกใจปิดปากไม่ให้ร้อง
“ใจเย็น มันรับใช้ชั้นมาตั้งแต่รุ่นพ่อ” พีรพงษ์บอก
หน่องรีบหยิบใบรับของส่งให้พีรพงษ์มือไม้สั่น
“ผมไปรับไม้มาเท่าไหร่ ก็เอามาลงที่โกดังเท่านั้นแหละครับ”
คนงาน 1 รีบบอก “ผมขนลงรถอย่างเดียว”
คนงาน 2 เสริม “พวกผมไม่กล้าหรอกนาย”
พีรพงษ์ตบไหล่ชีพเบาๆ ชีพเก็บปืน
“เรื่องนี้ชั้นจะสืบสาวเรื่องราวเอง อาจผิดพลาดจากต้นทางก็ได้ วันนี้ชั้นต้องรีบไปปิดบัญชีรักบัญชีแค้นซะหน่อย”
โสภิตรีบออกไปจากที่แอบฟัง
พอออกมาโสภิตโผล่มาจ๊ะเอ๋กับสมุนยามที่เดินผ่านไป โสภิตเลยกลับเข้ารถไม่ได้ โสภิตตัดสินใจเปิดกระเป๋าหยิบลิปสติกแดงเอาฟันกัด อมไว้ในปาก
พีรพงษ์เดินออกมาจากโกดัง ชีพตามมาส่ง
“นี่คุณพงษ์พาคุณภิตมาด้วยเหรอครับ”
“ใช่ เค้าไม่ค่อยสบาย หลับอยู่ในรถ”
“แต่ผมว่าคุณภิตไม่น่าไว้ใจนะครับ” ชีพเตือนอย่างหวังดี
พีรพงษ์ฉุนกึก
“นี่แกคิดว่าชั้นโง่เหรอไง”
ทั้งคู่เดินถึงที่รถ มองจนทั่วแต่ไม่มีโสภิต ชีพถามท่าทางหงุดหงิด
“ไหนล่ะครับ คุณภิต”
พีรพงษ์เปิดรถไม่เห็น ก็ตกใจ ชีพบ่นต่อ “ผมนึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
“พูดมากทำไม ตามตัวมาให้ได้ซิวะ”
ชีพชักปืน พีรพงษ์ก็จะวิ่งกลับเข้าไปในโกดัง เสียงโสภิตร้องดังขึ้น
“โอ๊ยๆๆ”
ทั้งคู่หันไปเห็นโสภิตกุมท้องทรุดอยู่
“คุณภิต” พีรพงษ์เข้าไปประคอง “เป็นอะไรไปครับ แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้”
โสภิตไอแคก เบาๆ ลิปสติกปนน้ำลายเป็นลิ่มๆ เลอะมุมปาก
พีรพงษ์ตกใจ โสภิตบอก “กระเพาะอักเสบค่ะ ภิตกำลังจะลงไปตามคุณพงษ์” โสภิตไออีกเบาๆ
“ภิตลืมยาไว้ที่บ้าน โอ๊ย”
“ครับๆ ผมจะรีบไปส่งเดี๋ยวนี้เลย”
พีรพงษ์ประคองโสภิตขึ้นรถไป ชีพมองตามไม่วางใจเอาเลย
เช้านี้ แม่เลี้ยงอมราแต่งตัวทะมัดทแมง เตรียมจะออกไปหาเสียง พวงถือของตามต้อยๆ เสียงบ็อบบี้หัวเราะมา
แม่เลี้ยงกับพวงหันไปมอง บ็อบบี้ พิมพร และจีรณะ ต่อเลโก้กันสนุกสนาน
พวงปลื้ม “อย่างกับพ่อ แม่ ลูก แต้ๆ กันนะเจ้า”
แม่เลี้ยงฉุน “แกดูยังไง ลูกหลานชั้นหน้าตาดูดีมีสกุล ไอ้จีหน้าอย่างกับแย้ปิ้ง ปิ้งเกรียมๆ”
“แต่พวงว่าคุณจีหน้าตาก็หล่อนะเจ้า เหมือนพระเอกละครช่อง 7” พวงปลื้มไม่เลิก
แม่เลี้ยงมองหน้าตาขวาง พวงเปลี่ยนท่าที “ดูอีกทีก็เหมือนแย้ปิ้งแต๊ๆ ปิ้งแล้วเอาไปรมควันเนอะเจ้า”
พิมพรหัวเราะแล้วซบจีรณะอย่างรักใคร่ แม่เลี้ยงหมั่นไส้ คิดจะหาทางแยก
“ยัยพิม วันนี้ชั้นต้องไปหาเสียงหลายที่ แกไปกับชั้นหน่อย”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอกค่ะ ร้อนจะตาย...วันนี้พิมจะพาบ็อบบี้ไปซื้อหนังสือนิทานมาฝึกภาษา”
แม่เลี้ยงอมราไม่ยอม “ชั้นจ้างคนมาช่วยดูบ็อบบี้แล้ว แกต้องมาช่วยชั้นทำงาน”
บ็อบบี้สงสัย “หาเสียงคืออะไรครับ”
จีรณะอธิบาย “คุณยายจะสมัครเป็นนายกเทศมนตรี MAYOR น่ะครับ บ็อบบี้คุณยายก็ต้องลงไปแนะนำตัว ไปบอกชาวบ้านว่ารับตำแหน่งแล้ว จะทำประโยชน์อะไรให้ทุกคนได้บ้าง ใครชอบสิ่งที่คุณยายพูด ก็จะไปลงคะแนนเลือกคุณยาย”
บ็อบบี้ชอบใจ “ไอ ซี บ็อบบี้จะไปช่วยคุณยายหาเสียง”
พิมพรห้ามลูก “พอเลย ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของทุกคนครับ คุณพิม เพียงแต่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ให้เข้าใจ”
แม่เลี้ยงฟังจีรณะแล้วเกิดความคิดบางอย่าง
“นายจีรณะ มาคุยกับชั้นหน่อย”
จีรณะมองแม่ยายอย่างพิศวงงงงวย
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 14 (ต่อ)
สองคน แม่เลี้ยงอมรา และ จีรณะ คุยกันอยู่ในสำนักงานที่คุ้ม จีรณะฟังข้อเสนอแม่เลี้ยงแล้วงง ย้อนทวนถาม
“ข้อตกลงของเรา คือผมเป็นสามีจอมปลอมให้คุณพิมแลกกับอิสระภาพเท่านั้น ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ ชั้นจ้างเธอให้มาเป็นพ่อชั่วคราวของหลานชั้น แต่ตอนนี้ชั้นก็ไม่เห็นเธอต้องทำอะไร นอกจากนั่งๆ นอนๆ อีกอย่าง เธอก็เป็นที่รัก นับถือของชาวบ้าน ถ้าเป็นหัวคะแนนให้ชั้นๆ จะให้ค่าจ้างเพิ่ม”
จีรณะเล่นแง่ ทำเป็นนับนิ้วไปมา “ผมจบปริญญาตรีเงินเดือนขั้นต่ำหมื่นห้า เป็นหัวคะแนนหาเสียง เสี่ยงชีวิต คิดเพิ่มวันละห้าร้อย ตกลงมั้ย”
แม่เลี้ยงมองอย่างเกลียดชัง คว้ากระเป๋ามาเปิดเอาเงิน
“เอาไปเลยพันนึง ชั้นไม่มีเศษ”
“ใจป้ำซะด้วย แต่อย่าเลยครับ ขี้เกียจเจอดอกเบี้ยทบต้นเอาไว้ผมคิดทีเดียว ตอนจบงาน”
จีรณะยิ้มกวน
พิมพร และ บ็อบบี้ออกมาส่งจีรณะที่รถ จีรณะลูบหัวบ็อบบี้
“ครูไปช่วยคุณยายหาเสียงก่อนนะ”
โสภิตออกมาจากเรือนได้ยิน ก็ชะงัก รีบเข้ามาถามพิมพร
“คุณจีจะไปช่วยแม่หาเสียงเหรอคะ”
“ใช่ ไม่รู้ใครเอาไอเดียนี้มาให้แม่” พิมพรมองโสภิตหน้าตึง “เหมือนร่วมมือกับแม่ไม่ให้ชั้นใกล้ชิดกับคุณจี”
โสภิตเซ็งปนโมโห “คนคนนั้นไม่ใช่ภิตแน่ค่ะ เพราะตอนนี้ภิตมีเวลาสนใจเฉพาะเรื่องของตัวเองกับคุณพงษ์เท่านั้น”
พีรพงษ์ขับรถเข้ามาพอดี ลงรถมาไหว้แม่เลี้ยงอย่างนอบน้อม
โสภิตวิ่งเข้าไปหา
“สวัสดีครับแม่เลี้ยง”
แม่เลี้ยงอมราหน้าบาน “บุญรักษาจ้ะ”
“มาเร็วจังค่ะ ภิตกำลังรออยู่เลย”
“น้องภิตอาการดีขึ้นแล้วเหรอครับ”
แม่เลี้ยงงง “อ้าว แล้วเป็นอะไรล่ะ”
จีรณะมองมาอย่างหึงหวง
“โรคกระเพาะกำเริบค่ะ แต่พอได้กินยาก็หายแล้วไปเถอะค่ะ คืนนี้ไปดื่มกันอีกนะคะ ภิตขอแก้ตัว”
พีรพงษ์โอบเอวโสภิตไปขึ้นรถแล้วขับพากันออกไป แม่เลี้ยงบอกคนอื่นๆ
“ไปได้แล้ว ไอ้ชีพมันไปรอที่นัดแล้ว”
กาบ เส่ง และแม่เลี้ยงขึ้นรถไป จีรณะหันมายิ้มให้พิมพร
“แล้วรีบกลับมาทานข้าวเย็นนะคะ พิมจะรอ”
แม่เลี้ยงอมราเบ้หน้า รถเคลื่อนตัวออกไป บ็อบบี้โบกมือให้
เวลาต่อมา แม่เลี้ยงอมราเดินแจกแผ่นพับอยู่ในลานวัด ไหว้ชาวบ้านบ้าง ยืนถ่ายรูปบ้าง กาบตรวจบัตรประชาชน เส่งตรวจนับเงิน ส่งให้ชีพจ่ายให้ชาวบ้านแบบงุบงิบรู้กัน โดยแจกเป็นกล่องโฟมคล้ายข้าวกล่อง พอชาวบ้านแอบเปิด เห็นเป็นแบงค์แทน
จีรณะอยู่อีกมุมถือโทรโข่งพูดปราศัย
“ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกไม่กี่วัน ยังมีเวลาไปตรวจรายชื่อที่อำเภอครับดูสำเนาทะเบียนบ้าน มีรายชื่ออื่นแฝงเข้ามาหรือเปล่า อย่านอนหลับทับสิทธิ์นะครับ เลือกคนดีไปทำหน้าที่แทนเรา”
ชีพ กาบ และเส่งกำลังงุบงิบแจกเงินต่อไป
จีรณะถือโทรโข่งเดินไปพูดไป “การซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งคนขายคนซื้อคนที่จ่ายเงิน เค้าจะมาทุจริตถอนเงินคืนจากภาษีของพวกเราถ้าได้รับเลือกตั้ง”
คำพูดกระแทกเข้าหน้าแม่เลี้ยงจังๆ จึงส่งสายตามองจิกไปที่จีรณะ
ชีพ กาบ และเส่ง เดินเข้ามาหาจีรณะอย่างมุ่งร้าย
ชีพนั้นปัดโทรโข่งจากมือจีรณะอย่างโมโห
“เฮ้ย มาหาเสียงหรือมาทำลายเสียงกันแน่ ไอ้กาฝาก ผัวเช่า”
แม่เลี้ยงเห็นรีบแย่งโทรโข่งจากจีรณะมาพูด “นโยบายของแม่เลี้ยงอมรา รถอีแต๋นคันแรกลดห้าพัน เอาคูปองไปลดภาษีได้ห้าร้อย รับประกันราคาไข่เป็ดห้าบาททุกฟอง พี่น้องทุ่งทองเศรษกิจดีมีความสุขทุกครัวเรือน ทุกบ้านทุกเรือน เลือกแม่เลี้ยงอมรา เป็นตัวแทนชนประชา เข้าสภาเป็นนายกเทศมนตรี”
ลูกทีมส่งเสียงเซ็งแซ่ “อมรา เบอร์หนึ่ง เบอร์หนึ่งอมรา”
ชีพยังแจกข้าวกล่องต่อไประหว่างแม่เลี้ยงพูด จีรณะควักมือถือทำท่าจะถ่ายรูป ชีพหันมาเห็น เดินไปผลักอก
“ทำอะไรวะ ....” ชีพแย่งโทรศัพท์ แต่จีรณะขัดขืนไม่ให้ พร้อมกับเดินหนี ชีพตามกระชากเสื้อ“บอกให้หยุด”
ชาวบ้านที่ฟังอยู่ ชี้ไปที่พวกจีรณะกับชีพ ส่งเสียงดังลั่นลานวัด
“เฮ้ยๆ ทีมแม่เลี้ยงมีมวยมาโชว์ด้วยเว้ย”
จีรณะแกล้งวิ่งมาหลบหลังแม่เลี้ยงอมรา แม่เลี้ยง คว้าน้ำเปล่าที่กาบคอยถือสาดใส่ชีพ
“เราลดความขัดแย้งด้วยน้ำเปล่า ไม่มีความรุนแรงเบอร์หนึ่งนะคะ แม่เลี้ยงอมรา ถ้าจะให้ดีเลือกยกทีมเลยนะคะ”
แม่เลี้ยงยิ้มหวานแล้วหันมาถลึงตาใส่ชีพ
อีกมุมตรงที่นั่งพัก ชีพโมโหสุดขีด ฟ้องใหญ่
“ไอ้...คุณจีรณะมาขัดขวางการหาเสียงของเรานะครับ แถมยังแอบถ่ายรูปพวกผม ตอนแจกข้าวด้วย”
“ผมไม่ได้ขัดขวาง เดี๋ยวนี้คนมีโทรศัพท์มีกล้องถ่ายรูปเยอะ ถ้าเค้าเอารูปไปเป็นหลักฐาน แม่เลี้ยงหมดสิทธิ์แน่ ถูกฟ้อง โดนปรับ ถูกเพิกถอนสิทธิ์” จีรณะบอก
แม่เลี้ยงเห็นด้วย “เออ...จริงด้วย ไอ้ชีพ ที่หลังอย่าโง่สิ เค้ามีกฎหมายเลือกตั้ง ทำอะไรให้เนียนๆ หน่อย หนนี้ชั้นแทงหมดหน้าตัก ถ้าพลาด ละก็ ชั้นหมดตัวแน่ๆ”
ชีพฮึดฮัดมองด้วยท่าทีไม่พอใจ
จีรณะยังคงหันไปพูดต่อ
“การซื้อคนด้วยเงิน ไม่ได้ผลเท่าซื้อด้วยใจ เดี๋ยวนี้ชาวบ้าน ชาวไร่ชาวนาเค้าไม่ได้โง่แล้ว เค้ารับเงินแม่เลี้ยงจริง แต่ก็ใช่ว่าเค้าจะเลือกแม่เลี้ยง”
ชีพโมโห “ที่คนจะไม่เลือกแม่เลี้ยงเพราะมีนายมาเป็นหนอนบ่อนไส้มากกว่า”
จีรณะยักไหล่ “แล้วแต่ ผมรับจ้างมาเป็นรายวัน ไม่พอใจก็ไม่ต้องจ้าง ผมจะได้กลับไปนอน”
จากนั้นจีรณะก็เดินออกไป ชีพโมโหสุดขีด “แม่เลี้ยง”
แม่เลี้ยงอมราตวาด “พอแล้ว พอ ไอ้จีมันพูดถูก แกนั่นแหละทำอะไรไม่รู้จักคิดต่อไปนี้ไม่ต้องแจกเงินพร่ำเพรื่ออีก”
ชีพเซ็งสุดขีด
ด้านโสภิตเปิดสมุดเสนอเซ็น แล้วไปเปิดแฟ้ม เอาเอกสารมาเทียบกัน คิ้วขมวด ยศเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“มาทำอะไรห้องพี่”
โสภิตเสียงเข้ม ยิ้มดุ “เช็คสั่งจ่ายคุณนิตยาหลายล้านบาท เป็นค่าอะไรคะพี่ยศ”
“อย่ามายุ่ง พี่จัดการเอง ทีหลังไม่ต้องมาห้องพี่ด้วย”
ยศเดินหนีจะออกจากห้อง โสภิตเดินตาม “จะเดินหนีอย่างนี้ไม่ได้ ตอบภิตมาก่อนพี่ยศ”
ยศเปิดประตู พีรพงษ์เดินสวนเข้ามา ทำหน้าแปลกใจ
“น้องภิตสงสัยอะไร ก็ถามผมมาได้ครับ”
ยศหน้าซีด โสภิตเปลี่ยนเป็นอีกเรื่อง “ภิตสงสัยค่ะ ว่าที่นี่ปันผลสูง มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากตั้งหลายเท่า ภิตอยากเอาเงินมาลงทุนด้วย จะได้มั้ยคะ”
พีรพงษ์แปลกใจ “คนอื่นผมคงไม่ยอม แต่ถ้าเป็นน้องภิต ได้ทุกอย่างไม่มีข้อแม้ครับ”
ยศมองน้องสาวด้วยท่าทีร้อนใจ อยากบอกว่าเป็นเรื่องไม่ดี อย่าทำ ก็ไม่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
อ่านต่อหน้า 4
พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตรงมุมหนึ่งในออฟฟิศ ยศคุยอยู่กับพีรพงษ์ที่ดูใบผ่านทางลายเซ็นปลอมอย่างพอใจ
“ดีมาก คราวนี้เรารวยแน่ๆ เสียให้นิตยาแค่ห้าล้าน คุ้มสุดๆ”
“แต่ผมไม่สบายใจเลย หนนี้เป็นหนสุดท้ายจริงๆ นะคุณ”
“เออ น่า ผมรับรองว่าไม่มีใครทำอะไรเราได้ เอาหัวเป็นประกัน” พีรพงษ์รับปากส่งๆ
แม่เลี้ยงกลับคุ้ม เดินสะบัดเสื้อ ท่าทีร้อนสุดขีดเพิ่งหาเสียงเสร็จเข้ามา เห็นบนโต๊ะ อาหารเพียบ มีน้ำส้มคั้นเป็นเหยือก และใส่แก้วไว้ด้วย
“โอ้โฮ วันนี้นังพวงมันรู้ใจชั้นจริง แบบนี้ต้องขึ้นเงินเดือน” แม่เลี้ยงคว้าน้ำส้มเย็นๆ มาดื่ม
พิมพรยกราดหน้าทะเลออกมาวางหน้าแม่ “หาเสียงกันมาเหนื่อยๆ มื้อนี้ราดหน้าทะเลค่ะ พิมไปจ่ายตลาดมาเอง สดๆ ทั้งนั้น”
“เออ อ๋อ ฝีมือแก ทำเอาใจผู้ชาย ชั้นเลยพลอยได้อานิสงส์”
บ็อบบี้ยกราดหน้าออกมาอีกจาน พวงยกมาอีก 2 จาน
“นี่ครับของยาย ต้องใส่กุ้งใส่ปูเยอะๆ บ็อบบี้ช่วยป้าพวงแกะเองกับมือเลยครับ”
แม่เลี้ยงปลื้มหอมแก้มบ็อบบี้ “ขอบใจมาก น่ารักจริงๆ หลานยาย”
พิมพรถาม “คุณจีละคะ”
แม่เลี้ยงบอกนำเสียงขุ่น “มันขอลงกลางทาง บอกจะแวะไปหาน้องมัน มาบ็อบบี้มากินกับยายลูก”
พิมพรหมดอารมณ์
ด้านจิตราอยู่ในห้องที่บ้าน ยืนดูชุดแต่งงานเป็นชุดไทยเรียบๆ แขวนอยู่ คิดถึงเรื่องยศที่นิตยาเล่าให้ฟัง
จิตราดึงมือนิตยาออก “คุณเมา กลับไปพักเถอะค่ะ พี่ยศคงกำลังรอคุณอยู่”
“ไม่ พี่ยศกับชั้น ไม่เคยมีอะไรกัน ชั้นรักพี่มนัสคนเดียว”
“แต่คุณมีลูกกับพี่ยศ”
“ลูกพี่มนัสต่างหาก ฮือๆ ชั้นรักษาลูกของพี่มนัสไว้ไม่ได้”
จิตรานั่งอึ้ง นิตยาฟูมฟายต่อ “คุณจิต ถ้าคุณคืนดีกับพี่ยศ พระเจ้าอาจให้ชั้นสมหวังก็ได้ ได้โปรดเถอะ จะให้ชั้นทำอะไรก็ได้”
“หยุดเถอะค่ะ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ชั้นมีผู้ชายที่ดีที่สุด มาอยู่ข้างๆ แล้ว”
“ถึงเค้าจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่รัก มันก็เหมือนตกนรก”
จิตราสะบัดหัว ไล่ความคิด “เรื่องของเค้าไม่เกี่ยวกับเรา ลืมซะ”
เสียงจีรณะเรียกดังขึ้น “จิต”
จิตราสะดุ้ง “พี่จี”
สองพี่น้องนั่งคุยกันอยู่ในบ้าน
“งานแต่งงานไม่มีปัญหาใช่มั้ย”
“ไม่มีค่ะ แค่ใส่บาตรเช้าแล้วก็เลี้ยงข้าวแขกไม่กี่คน”
“พี่เห็นจิตหน้าตาไม่สบาย”
“งานที่โรงพยาบาลค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะ แล้วพี่จีล่ะค่ะ ไปอยู่ที่คุ้มเป็นยังไง”
“ก็โอเค ชีวิตตื่นเต้นดี”
“แค่พี่จีไปเป็นลูกเขยแม่เลี้ยง จิตก็ตอบคำถามชาวบ้านไม่ไหวแล้ว นี่พี่จียังไปช่วยแม่เลี้ยงหาเสียงด้วย” จิตราพูดเป็นเชิงติงพี่ชาย
“อืม...”
“พี่จี เรามีกันแค่สองคน พี่จีคิดทำอะไร บอกจิตบ้างได้มั้ยคะ”
“บางทีพี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันน่ะ จิต”
จิตราฟังแล้วงงๆ จีรณะตัดบท “อย่าให้ปัญหาของพี่ไปทำให้จิตกลุ้มใจเลย จิตกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุด ทำใจให้สบาย ไม่ต้องห่วงพี่”
“ค่ะ”
ต่อมาไม่นาน จีรณะเดินระแวดระวังเข้ามาในลานจอดรถออฟฟิศบริษัทยศและพีรพงษ์ เห็นยศเดินออกมาจีรณะหลบวูบ ยศเดินมาด้วยท่าทีสับสนอย่างหนัก ทั้งเกาหัวทึ้งหัวตัวเอง สุดท้ายขับรถทะยานออกไป
จีรณะจดสายตามองตามยศตลอด ก่อนจะเหลียวมองขึ้นไปบนตึกสำนักงาน หาทางขึ้นไป
ภายในออฟฟิศ มีเพียงแสงไฟสลัวๆ เปิดไว้เป็นหย่อมๆ
ภายในห้องทำงานยศ โสภิตนั่งคิดแผนจะล้วงความลับต่อ พีรพงษ์เข้ามาวางแก้วแชมเปญ เปิดจุกเสียงดัง ฟองฟอดจากขวดรินแก้วให้โสภิต มองตาหวานฉ่ำ
จีรณะใช้อุปกรณ์มีดพับงัดแงะกระจกบานเลื่อนจากด้านนอกเข้าในตึก พบว่าไม่มีใคร จีรณะเลื่อนบานกระจก ปีนเข้ามา เห็นไฟในห้องทำงานยศลอดออกมา
จีรณะรีบฉากหลบไปหน้าห้องทำงานยศ จากประตูที่แง้มอยู่ เขามองจากประตู เห็นกระเป๋าถือโสภิตวางอยู่บนโต๊ะ คอมยังเปิด
จีรณะเปิดเข้าไปในห้องยศ พบว่ามีอีกห้องต่อเนื่องกัน ในนั้นโสภิตอยู่กับพีรพงษ์ เปิดแต่ไฟโคมบนโต๊ะ จีรณะเปิดประตูให้กว้างขึ้น แอบดู
โสภิตยื่นเช็คให้พีรพงษ์
“ภิตมีเงินเก็บแค่ 4 ล้าน ตอนนี้ใช้เงินหาเสียงเยอะมากค่ะ”
พีรพงษ์ตาโต สะกดความดีใจ “อีกสามสี่วันคุณพงษ์ไปธนาคารกับภิต ภิตจะโอนเงินที่แม่มอบอำนาจให้อีก 10 ล้าน ตกลงตามนี้นะคะ”
พีรพงษ์จับมือโสภิต จูบมือแล้วผลักมือที่ถือเช็คออกไป “ไม่ต้องหรอกครับน้องภิต สำหรับน้องภิต แค่น้องภิตมาช่วยงาน ผมก็ดีใจมากแล้ว ที่สำคัญ น้องภิตคือหุ้นส่วนชีวิตของผมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะ”
โสภิตเก็บเช็ค พีรพงษ์รินแชมเปญให้โสภิตอีกแก้ว
“ขอต้อนรับหุ้นส่วนคนใหม่ครับ”
“ถ้าคุณพงษ์คิดว่าภิตเป็นหุ้นส่วนชีวิต บอกได้มั้ยคะว่า ธุรกิจของเราคืออะไรกันแน่”
พีรพงษ์เกือบสำลัก โสภิตทำเป็นน้อยใจ “คุณพงษ์ไม่ไว้ใจภิตจริง”
โสภิตวางแก้วพีรพงษ์กอดปลอบ “น้องภิตอย่าเข้าใจผิด แต่ธุรกิจของเราเป็นเรื่องค่อนข้างเสี่ยง ผมกลัวว่าน้องภิตจะคิดมาก”
จีรณะมองภาพอันบาดตา กำมือแน่น
โสภิตทำทีเป็นหัวเราะร่วน เอามือปิดปากเขา
“ธุรกิจที่ภิตช่วยแม่ทำมันก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว เงินกู้นอกระบบเอย แชร์ลูกโซ่เอย ภิตไม่ใช่ไก่อ่อนอย่างที่คุณพงษ์คิด นะคะ...ไม้เถื่อนใช่มั้ยคะ”
พีรพงษ์อึ้ง เสียงข้อความโทรศัทพ์ดังเตือน พีรพงษ์กดดู
“ลูกค้าผมนัดรับสินค้า จ่ายเงิน วันอาทิตย์นี้ ถ้าคุณภิตอยากรู้ว่าสินค้าเราคืออะไร เราไปด้วยกัน”
“ได้ค่ะ”
“แต่ตอนนี้ พักเรื่องงาน มาจัดการเรื่องหัวใจก่อน”
พีรพงษ์นัวเนียยอดดวงใจต่อหน้า จีรณะทนไม่ไหว มองหาอุปกรณ์ จนกระทั่งสายตาเห็นแจกัน เลยทุ่มลงพื้นเสียงดังเพล้ง พีรพงษ์ตกใจ วิ่งเข้ามาดูในห้อง จีรณะแอบอยู่หลังประตู โสภิตตามเข้ามา
จีรณะปิดไฟทันที ทั้งห้องมืดสนิท พีรพงษ์ร้อง “เฮ้ย”
จีรณะเข้ากอดด้านหลังโสภิตเอามือปิดปาก ลากหล่อนออกไป ปิดประตูลง
“คุณภิต คุณภิตครับ”
พีรพงษ์ตะโกนเรียก แล้วเดินชนอะไรสักอย่างเต็มแรงจังๆ จนจุก เสียงของหล่นล้มเละเทะ
จีรณะผลักโสภิตมาอีกห้องปิดประตูล็อคทันที
โสภิตตกใจมากที่เห็นว่าเป็นจีรณะ “คุณ จะบ้าเหรอ กล้าเข้ามาได้ยังไง”
“ถ้าไม่มาก็ไม่เห็นซิว่าคุณเล่นรักกับชู้”
โสภิตจะตบจีรณะกอดไว้เสียงพีรพงษ์ดังลอดเข้ามา “น้องภิตครับ...น้องภิต”
“รีบไปซะ ถ้าไม่อยากตาย”
“คุณก็ต้องออกไปด้วย ถ้าไม่ไป ผมจะไปฆ่ามัน”
“อย่านะ”
เสียงทุบประตู ตามด้วยเสียงพีรพงษ์ “คุณอยู่ข้างในรึเปล่า”
“ชั้นขอร้อง”
พีรพงษ์เอาตัวกระแทกประตู โสภิตเปิดออกพอดี พีรพงษ์เซ
“คุณพงษ์”
จีรณะแอบหลังโต๊ะแล้ว โสภิตรีบประคองพีรพงษ์
“มันต้องมีคนร้ายเข้ามาในนี้ เห็นมันหรือเปล่าครับ”
“ภิตก็คิดอย่างงั้นเลย รีบเข้ามาดูว่ามีอะไรหายบ้าง แต่ก็ไม่เจอใครค่ะ”
“แล้วทำไมต้องล็อคประตูด้วยครับ”
“อ้าว ประตูล็อคเหรอคะ ภิตไม่ทันสังเกต มัวแต่ตกใจ ภิตว่ารีบไปดูห้องอื่นกันเถอะค่ะ”
โสภิตดึงตัวพีรพงษ์ออกห้องนี้ไป แล้วหันกลับมามองแวบหนึ่ง เห็นจีรณะโผล่ออกมาจากที่ซ่อนมองมาตาดุ
อ่านต่อตอนที่ 15