ในสวนขวัญ ตอนที่ 11
เช้าวันต่อมา...ตั๊กแตน ฝ้ายและดำ กำลังทำความสะอาดลานบ้านกันอยู่
“เร่งมือหน่อย เอาให้คุณย่าตื่นมาเห็นแล้วตกกะใจเลย” ฝ้ายบอก
“เอาให้ดีใจดีกว่ามั้งพี่ ให้ตกกะใจจะรุนแรงไป”ตั๊กแตนขัดขึ้น
“ก็ต้องแบบ ตกกะใจตอนแรก แล้วต่อด้วยดีใจไง”ดำแนะ
“ดำพูดถูกต้อง ตกกะใจก่อน แล้วต่อด้วย...” ฝ้ายหันไปทางหน้าบ้านชะงักกึก “ตกกะใจ”
“ไรว้า” ดำหันมาชะงักอีกคน
บนบ้าน ย่าขวัญยืนอยู่ ตั๊กแตนหัวเราะคิกๆ
“จะทำงานก็ทำงานไป คุยกันอยู่นั่นแหละ คุยกันจนย่าตื่น” ย่าขวัญดุเสียงเข้ม
“โน่นเลยครับ ตัวเสียงดัง”ดำชี้ไปที่ฝ้าย
“ปกติย่าต้องโกรธแล้วนะเนี่ย แกยังโชคดีที่เมื่อวานเป็นวันที่ย่ามีความสุข”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็มีคนมาอวยพรให้มีความสุขเป็นร้อย”ฝ้ายยิ้มเอาใจ
“ไม่ใช่แค่นั้น”
“ถูกหวยด้วยเหรอย่า เอ เมื่อวานไม่ใช่วันหวยออกนี่ย่า”ตั๊กแตนแปลกใจ
“ไม่ได้ถูกหวย ก็เหมือนกับถูกล่ะวะ” ย่าขวัญคิดๆ “หลานชายย่ากำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา”
“หลานชายคนไหน” แล้วฝ้ายก็หัวเราะออกมา “อ๋อ พี่ไม้น่ะเหรอ ฝันสลายแล้วย่า”
“อะไรของแก ก็ย่าเห็นเมื่อวานเขากับหนูเป็ดตัวติดกันขนาดนั้น”
“พี่ไม้เข้าเพิ่งบอกกับฉันตะกี้เอง ตอนที่ไล่ให้พวกฉันมากวาดลานบ้านย่านี่แหละ เขาบอกว่าเมื่อวานเขาพยายามทุกอย่างให้คุณเป็ดรับรู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ”
“โธ่เอ๊ย...หลานฉันมันไร้น้ำยาขนาดนั้นเลยเหรอ”ย่าขวัญผิดหวัง
“ก็คุณไม้แกเป็นแบบนั้น วันๆอยู่แต่กับต้นไม้ ละเม็งละครเคยดูกับเขาบ้างไหม คนอย่างนั้นจะบอกรักสาวเป็นเหรอ หืม แตน แฟนแกบอกรักแกยังไง”ดำถอนใจ
“ก็บอกว่า...” ตั๊กแตนนึกได้ “บ้าเหรอ แตนยังไม่มีแฟน”
“อ้าว แล้วไอ้ภูมินั่นใคร”ฝ้ายสวน
“พี่ภูมิเป็นแค่เพื่อน”
“แหม เพื่อน ไม่มีใครเชื่อหรอก”ดำหมั่นไส้
ย่าขวัญปราม
“นี่ พอได้แล้ว พูดเรื่องไม้อยู่ดีๆ กลายเป็นเรื่องแตนได้ไง ย่าว่ามาช่วยกันคิดดีกว่า จะช่วยไอ้ไม้มันยังไงดี”
“ฝ้ายคงช่วยไม่ได้หรอก ทั้งจีบ ทั้งทอดสะพานสุดตัวขนาดนี้ พี่ไม้ยังไม่ยอมเสร็จฝ้ายเลย”
“พี่ไม้แกซื่อบื้อจริงๆ เรื่องจีบหญิงเนี่ย”ตั๊กแตนหนักใจ
“เออ คุณย่า แล้วตอนคุณปู่จีบคุณย่าล่ะ คุณปู่ทำยังไง”ดำสงสัยขึ้นมา
“โอ๋ย จะให้งัดมุกโบราณเลยเหรอ” ตั๊กแตนขำ
“เรื่องของหัวใจมันไม่มีทันสมัยหรือโบราณหรอกวะ” ดำแย้ง
“หยุดก่อน ย่ารู้แล้วว่าจะทำยังไง”ย่าขวัญยกมือห้าม
“ทำไงคะ”ฝ้ายสงสัย
ย่าขวัญนั่งกินอาหารเช้าอยู่ ไม้เข้ามาถามอย่างแปลกใจ หลังจากที่รู้มาจากพวกฝ้าย
“ย่าอยากไปเที่ยวทะเล”
“ใช่ วันเกิดปีนี้ แค่จัดงานอยู่ที่บ้านนี่ย่าว่ามันไม่พอ มันเบื่อๆยังไงไม่รู้ ย่าอยากให้ไม้พาย่าไปเที่ยวทะเล ไปฟื้นความหลัง”
“ความหลังอะไรเหรอย่า”
“ตอนปู่สารภาพรักกับย่า เขาบอกรักย่าริมทะเล”
“โรแมนติคซะ”ไม้ขำ
“นี่พูดจริงๆนะ จะพาย่าไปไหม”ย่าขวัญทำเป็นหงุดหงิดทันที
“ได้ซิย่า ไปกันสองคนเหรอ”
“ไปแค่สองคน มันจะสนุกได้ยังไง ต้องเอาเด็กๆของเราไปด้วย เจ้าแตน เจ้าฝ้าย เจ้าดำ”
“ถ้างั้นต้องหารถตู้”
“เดี๋ยว ยังไม่หมด ย่าอยากให้ชวนบ้านคุณเชียรไปด้วย”
“คุณเชียร”ไม้ชะงัก
“ใช่ แล้วก็หนูเป็ดว่าไง ไปได้ไหม”
“ได้ซิครับ ผมจะรีบไปถามพวกเขาเลย จะว่างเมื่อไหร่ แล้วเราไปกันทันทีเลย”ไม้ยิ้มออกมา
ไม้แทบจะทั้งวิ่งทั้งกระโดดออกจากบ้านไป ย่าขวัญยิ้ม
“คราวนี้ถ้าไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไปซิ”
รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้านเป็ดปุ๊ก ประตูฝั่งคนขับเปิดออก
ไม้ลงมาจากรถ เดินมาที่ประตูข้าง แล้วเปิดออกย่านั่งอยู่ เบาะหลัง ฝ้าย แตน ดำ อยู่เบาะหลังสุด
“เขาพร้อมหรือยังล่ะ” ย่าขวัญถาม
“ยังไม่เห็นเลยครับ”
เชียรเปิดประตูบ้าน ชะโงกหน้าออกมาดู
“มากันแล้วเหรอ...”
เชียรกับเป็ดปุ๊กก็ออกมาจากในบ้าน เป็ดปุ๊กลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พอประมาณออกมาด้วย
“ฝ้าย ไปช่วยคุณเป็ดหิ้วกระเป๋าหน่อย” ไม้สั่ง
“ได้ค่ะ”
ฝ้ายจะลงมาจากในรถ ย่าขวัญยื่นมือไปกันไว้ แล้วย่าขวัญก็มองไม้ พร้อมกับทำหน้าพยักเพยิดให้ไปแทน ไม้จึงไปยืนรอที่ประตูรั้ว ฝ้ายเปิดหน้าต่างรถ มองไปที่กระเป๋าเป็ดปุ๊ก แล้วพูดออกมาจากในรถ
“ต๊าย...คุณเป็ด ไปค้างคืนเดียวนะคะ ยังกับจะไปอยู่เดือนนึง”
“กระเป๋าใหญ่ แต่ข้างในของนิดเดียว” เป็ดปุ๊กบอก
“ของพ่อก็รวมอยู่กับของลูกน่ะ” เชียรเสริม
“มาครับ ผมเอาไปเก็บในรถให้”
ไม้รับกระเป๋าจากเป็ดปุ๊ก แล้วเอาไปเก็บที่ท้ายรถตู้ เชียรปิดประตูบ้าน แล้วพากันเดินมาไหว้ย่าขวัญ
“เป็ดประสานงานเรื่องที่พักให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ได้บ้านหลังเดียวกับที่ย่าขวัญบอกเลย” เป็ดปุ๊กเล่า
“ดีจังเลย เออ หนูเป็ดไปนั่งหน้าคู่กับไม้นะ”
“ทำไมล่ะคะ ว่าจะนั่งกับพ่อ” เป็ดปุ๊กอึกอัก
“จะได้ช่วยบอกทางไม้มันไง คุณเชียร นั่งนี่”
ย่าขวัญชี้ไปที่เบาะหลังต่อจากเธอ
“ไปเหอะลูก” เชียรไล่
“ทุกชีวิตต้องพึ่งคุณเป็ดปุ๊กนะคะ ไม่งั้นไม้พาไปหลงล่ะก็แย่เลย” ตั๊กแตนร้องบอก
เป็ดปุ๊กยอมไปนั่งที่เบาะหน้า ส่วนเชียรเข้าไปในรถแตน ฝ้าย ดำ ไหว้สวัสดีเชียร ไม้ปิดฝาท้ายรถแล้วเดินมาที่นั่งข้างหน้า เห็นเป็ดปุ๊กนั่งอยู่ ก็อึ้งๆ
“คุณย่าให้ช่วยมาบอกทาง”
ไม้พยักหน้ารับ
“กลัวไม้จะหลง” ย่าขวัญร้องบอก
“แต่แบบนี้ไม่แน่ อาจจะยิ่งหลงนะคุณย่า” ดำแหย่
“หลงอะไรของแก” ฝ้ายหันมาถาม
“อ้าว...ก็หลง...รัก...ไง”
ทุกคนหัวเราะกัน เป็ดปุ๊กหันมองไปทางอื่น ขณะที่ไม้อมยิ้ม ขณะเดียวกัน ไข่มุกแอบมองมาที่รถตู้อยู่
ขณะที่ไม้ขับรถเรื่อยๆ ตั๊กแตนกับฝ้ายถือไมค์ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน มีดำคอยเป็นลูกคู่ เชียรตบมือเป็นจังหวะไปด้วย ครู่หนึ่งตั๊กแตนกับฝ้ายก็ร้องเพลงจบลง ทุกคนตบมือ
“ขอฟังเสียงคุณลุงบ้างค่ะ”
ตั๊กแตนส่งไมค์ให้เชียร ทุกคนตบมือ
“เสียงไม่ค่อยเพราะนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตะกี้ก็ไม่ได้เพราะเท่าไหร่” ฝ้ายรีบบอก
“เพลงอะไรดี เอานี่ก็แล้วกัน”
แล้วเชียรก็ร้องเพลง “กลางดง”
“กลางดง พงป่า เขาลำเนาไพร ไกลสังคม...”
เชียรร้องไปขยับตัวเป็นจังหวะไป ย่าขวัญพยักหน้าเป็นจังหวะ เพราะรู้จักเพลงนี้ แต่สำหรับเด็กๆ กลับตรงกันข้าม ทั้งแตน ฝ้าย ดำ ต่างอ้าปากค้าง
“เพลงอะไรอ่ะลุง เกิดไม่ทันอ่ะ” ดำบ่น
“เรากำลังจะไปทะเลนะลุง พาเข้าป่าเฉยเลย” ตั๊กแตนแย้ง
เชียรหัวเราะ
“งั้นเปลี่ยนเพลงใหม่ ทะเลใช่ไหม ได้เลย รุ่นนี้ต้องเกิดทันอยู่แล้ว”
แล้วเชียรก็ร้องเพลง “ฝากฟ้า ทะเลฝัน” ของเบิร์ด
“มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียงเสียงคลื่นกับเสียงเรา”
เป็ดปุ๊กร้องด้วย
“นกน้อย บินมาคู่กัน เคียงกัน เหมือนดังใจมันผูกพัน...ไม่ต่างกับเรา”
ย่าขวัญ เชียร เป็ดปุ๊กดูจะมีความสุขกับเพลงมาก แต่เด็กๆกลับอึ้งๆกันทุกคน
“คุณเป็ดครับ คันหูร้องได้ไหมครับ อยากฟังคันหู” ดำถาม
เชียรเลยต้องหยุดร้อง ย่าขวัญดุ
“อยากฟังคันหูเหรอไอ้ดำ มานี่เลยมา มาฟังใกล้ๆฉันนี่”
“เปล่าครับย่า ฟังอะไรก็ได้ครับ เพราะหมดเลย” ดำหงอ
“ฉันล่ะเบื่อ ไอ้พวกไม่มีรสนิยม เอามานี่”
ย่าขวัญยื่นมือไปขอไมค์ เชียรส่งไมค์ให้
“เพลงสมัยนี้สู้เพลงสมัยก่อนไม่ได้หรอก ต้องเพลงนี้ใคร ร้องได้ช่วยร้องด้วยนะ ไม้ร้องได้แน่ ย่าร้องกล่อมทุกคืน หนูเป็ดด้วยนะ”
แล้วย่าขวัญก็เริ่มร้องเพลง “รัก”
“แสงจันทร์นวลผ่อง...”
เด็กๆกำลังจะทำหน้าหงิก แต่พอย่าหันมามองพร้อมกับส่งยิ้ม เด็กทุกคนก็ยิ้มตามย่าไป เพราะกลัวถูกย่าด่า
“นภาพราวพร่างดังทอง เหม่อมองแล้วสุขอุรา”
ย่าส่งไมค์ให้เชียรร้องต่อ
“เดือน สวยสว่างพร่างตา ฟ้าชื่นวิญญาจันทราจุมพิตทุกคืน”
เชียรส่งไมค์ให้ย่าขวัญร้องต่อ
“เห็นนภาสมรัก หวั่นใจนัก เกรงรักกลายไม่ชื่น”
“ไม่ต้องกลัวเป็นอื่น รักพี่มีแต่ชื่น ชื่นรัก เรื่อยไป”
ย่าขวัญเอาไมค์มาจากเชียร แล้วยื่นไปที่ปากเป็ดปุ๊ก ไม่ได้ส่งไมค์ให้ เป็ดปุ๊กสะดุ้ง แต่ก็ร้องต่อได้
“คำก็รักสองคำก็รัก น้องใคร่ทราบนัก รักมากเท่าไหร่”
ย่าขวัญยื่นไมค์ให้ไม้ร้องต่อ
“รักเจ้านั้น รักจนหมดใจ มิมีสิ่งใดมาเทียบพี่รัก”
ไม้ร้องไป ตาก็มองที่เป็ดปุ๊ก ย่าขวัญเอาไมค์กลับมาร้อง
“ครึ่งแผ่นฟ้านี้ได้ไหมพี่” แล้วยื่นไมค์ให้เชียร
“สุดฟ้านี้ ไม่ถึงครึ่งรัก”
“อยากจะเห็นดวงใจพี่นัก” ย่าขวัญร้องแล้วยื่นไมค์ไปให้ดำ
“เชิญย่าควักออกดู พี่ยอมสิ้น”
ย่าหันมายื่นไมค์ให้เป็ดปุ๊ก สลับกับไม้
“หวั่นใจเหลือเอ่ย คำเฉลย ดั่งร้อยลิ้น”
“เสียดาย ไม่สิ้น ลิ้นมีเพียงหนึ่ง ไม่ถึงร้อยพัน”
“ลิ้นหนึ่งอย่างนี้ วจี ยังตามไม่ค่อยจะทัน”
“หากมีร้อยจะให้ทั้งร้อยเสกสรร”
ย่าให้สัญญาณทุกคนร้องพร้อมกัน
“เพ้อ รำพัน แต่คำ..รัก...เอย...”
พอเพลงจบ ทุกคนก็ตบมือกัน หัวเราะมีความสุข เป็ดปุ๊กเหลือบมองไปที่ไม้ ไม้เองก็เหลือบมองกลับมา ทั้งสองคนเขินๆ ขณะที่รถตู้แล่นผ่านป้ายบอกทางไปชะอำ...
ก่อนรถถึงที่พัก เป็ดปุ๊กหันมาถามคนในรถ
“จะซื้อพวกของทะเลไปปิ้งย่างกันไหมคะ แถวนี้จะถูกหน่อย
“หนูเป็ดบอกโชเฟอร์ได้เลย จะให้ไปทางไหน” ย่าขวัญบอก
“เลี้ยวขวาที่สะพานลอยโน่น” เป็ดปุ๊กหันไปสั่ง
“ได้เลยครับเน”
ทุกคนในรถหันมามองกันยิ้มให้กันขำๆ
ย่าขวัญกับเป็ดปุ๊กเดินเลือกซื้อพวกอาหารทะเลสดหลายๆอย่างในตลาดสดเทศบาล ย่าขวัญคอยสอนเป็ดปุ๊กในการเลือกซื้ออาหารทะเลไปด้วย อีกด้าน ไม้กับเชียร มาดูของที่ใช้สำหรับปิ้งย่าง เช่น ถ่าน น้ำมันก๊าด ไฟแช็ค ถ้วยจานชามกระดาษ เชียรหยิบน้ำจิ้มทะเลติดมาด้วย 2-3 ขวด ฝ้ายกับแตนไปซื้อผลไม้ ส่วนดำมาเลือกซื้อน้ำดื่มกับน้ำแข็ง และขนม ครู่ใหญ่ ของที่ซื้อกันมาถูกนำมาใส่ท้ายรถตู้ แล้วไม้ก็ปิดฝากระโปรงหลังลง ไม้เปิดประตู แล้วเข้ามานั่งในที่คนขับ แล้วปิดประตู
ย่าขวัญนั่งมองสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ
“หัวหินเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ”
“ย่าขวัญไม่ได้มาตั้งสามสิบปีแล้ว ไม่เหมือนเดิมแน่ครับ” เชียรบอก
“ลึกเข้าไปยิ่งเปลี่ยนเยอะค่ะคุณย่า” เป็ดปุ๊กเล่า
“บ้านพักอีกไกลไหมครับ”
“ไปเรื่อยๆก่อน เกือบสุดถนน”
ดำเอาหน้ามาชิดหน้าต่าง มองไปข้างๆ
“ไม่เห็นมีทะเลเลย”
“บ้าเหรอ ทะเลอยู่ทางโน้น” ฝ้ายชี้ไปอีกด้าน
“แตนว่าทางนี้นะ” แตนชี้ไปอีกทาง “ย่าคะ ทะเลอยู่ทางไหน”
ย่ายังงงๆกับทิศทาง ไม้ชี้ไปทางขวา
“ทางโน้น”
เป็ดปุ๊กชี้ไปทางซ้าย
“ทางนี้ต่างหาก บ้านพักอยู่ฝั่งนี้”
ไม้หัวเราะ
“ผมรู้หรอกน่า แกล้งปล่อยมุกนิดหน่อย”
เป็ดปุ๊กเบ้ปาก ไม่อยากเชื่อ ไม้มองไปข้างหน้า เห็นป้ายบอกทาง
“เอาไงครับ ไปขวาหรือตรงไป”
“ไม่ๆ เกือบถึงแล้ว นี่ซอยอะไรแล้ว” เป็ดปุ๊กมองหาเลขซอย “แถวนี้แหละ เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลย”
“ใช่เหรอ ไม่เห็นมีป้ายบอก”
“เลี้ยวเข้าไปเหอะน่า เคยมาหรือเปล่า ทำเป็นรู้ดี”
ไม้ยักไหล่ แล้วเลี้ยวเข้าไปในถนนซอย เป็นถนนแคบๆ รถแทบวิ่งสวนกันไม่ได้
รถตู้เข้ามาในซอย ทุกคนมองไปข้างหน้า
“นั่นทะเลหรือเปล่า เห็นทะเลแล้ว”
ที่สุดถนน เป็นทางลงไปที่หาด ตั๊กแตนรีบถาม
“ลงน้ำเลยได้ไหมคะย่า”
ย่าขวัญมองเป็ดปุ๊ก เห็นอาการลังเล
“เดี๋ยวก่อน”
ไม้มองไปข้างๆจะเห็นเป็นรีสอร์ทสวย ค่อนข้างหรู
“ไม่เห็นมีบ้านเก่าๆอย่างที่ย่าบอกเลย”
เป็ดปุ๊กอึ้งๆ มองไปทั้งซ้ายและขวา
“จริงๆมันต้องอยู่ตรงนี้” เป็ดปุ๊กชี้ไปทางขวา
“เขารื้อทิ้งไปแล้วหรือเปล่า” เชียรออกความเห็น
“ไม่ค่ะ เมื่อคืนโทรมา เขาว่าทุกอย่างเหมือนเดิม”
“เราเข้าผิดซอยแล้วล่ะ” ไม้ออกความเห็น
เป็ดปุ๊กหงุดหงิด
“รู้แล้วน่า”
“ผมแค่จะบอกว่าเรา...”
“ฉันรู้แล้ว ก็ถอยออกไปซิ”
ไม้จะถอยรถออกไป ก็มีรถอีกคันหนึ่งเข้ามาจอดต่อท้าย
“ถอยไม่ได้แล้ว”
ไม้ลงจากรถลงไป เจ้าของรถคันที่มาจอดต่อท้ายก็ลงมาจากรถ ท่าทางหงุดหงิด เป็ดกับทุกคนหันไปมอง ทุกคนในรถหันไปมองด้วย เห็นไม้พยายามบอกให้เจ้าของรถถอยรถออกไป แต่เจ้าของรถกลับบอกให้ไม้ถอยไป ไม้ว่าถอยไม่ได้ มันลงหาดแล้ว เจ้าของรถก็ไม่ยอมสองคนเริ่มเถียงกันรุนแรงขึ้น ย่าขวัญมองดูอยู่ เริ่มไม่สบายใจ แล้วย่าขวัญก็เปิดประตูออก แล้วลงไปจากรถ
“ย่าขวัญจะไปไหนครับ”
ย่าขวัญไม่สนใจ เดินไปหาไม้กับชายเจ้าของรถ เชียรลงจากรถ จะตามย่าขวัญไป แต่แล้วทุกคนก็ต้องชะงัก
ย่าขวัญยกมือไหว้ชายคนนั้น ชายเจ้าของรถชะงัก รีบรับไหว้
“หลานเขาพาเข้ามาผิดซอยน่ะค่ะ ฉันอยากจะมาฉลองวันเกิดที่บ้านหลังเก่าที่ฉันกับสามีเคยมาเที่ยวด้วยกัน ก่อนที่เขาจะจากฉันไปต้องขอโทษจริงๆค่ะ” ย่าขวัญไหว้อีกครั้ง
เจ้าของรถรีบรับไหว้
“บ้านเก่าอยู่ถัดไปอีกซอยครับ”
รถคันที่ขวางอยู่ค่อยๆถอยออกมา แล้วรถตู้ของไม้ก็ถอยตามออกมา ย่าขวัญโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่าง แล้วโบกมือให้เจ้าของรถคันนั้น เจ้าของรถโบกมือตอบ แล้วไหว้ย่าขวัญ ไม้ขับรถออกไป
“นึกว่าย่าจะลงไปบู๊กับเขาเมื่อกี้” ย่าขวัญบอกขำๆ
“เห็นฉันเป็นอะไร คนเราน่ะนะ ถ้าคุยกันดีๆก็เข้าใจกันได้ทั้งนั้น”
ทั้งเป็ดปุ๊กและไม้ต่างก็อึ้งๆไป เป็ดปุ๊กมองไปที่ซอยข้างหน้า
“ ซอยนี้แหละถูกแล้ว มีป้ายบอกอยู่ ไม้ขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอย”
บ้านพักริมทะเล เป็นบ้านหลังใหญ่พอสมควร ครู่หนึ่ง รถตู้แล่นเข้ามาจอดข้างๆบ้าน ไม้ลงจากรถ เป็ดปุ๊กมาเปิดประตูข้างรถให้ ย่าขวัญลงมาจากรถเดินมาที่หน้าบ้าน แล้วยืนนิ่งมองดูบ้านหลังนั้นอยู่ตามลำพัง แล้วครู่หนึ่ง น้ำตาก็ไหลออกมา ทุกคนลงมาจากรถ แล้วหยุดมองไปที่ย่าขวัญครู่หนึ่ง
“สงสัยกำลังคิดถึงวันเก่าๆ” ตั๊กแตนพูดเบาๆ
ไม้เดินจากรถไปหาย่า มองไปที่บ้านพักด้วย
“มันนานมากเลย”
“ตอนนั้น ย่าคงมีความสุขมาก”
ย่าขวัญนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหันมามองไม้ ดึงไม้เข้ามา แล้วคล้องแขนไว้
“ตอนนี้ย่ามีไม้อยู่ด้วย ย่าก็มีความสุข”
ไม้รู้สึกดี แม่บ้านที่ดูแลบ้านเดินเข้ามา
“มาเข้าพักใช่ไหมคะ”
“ที่โทรมาเมื่อคืนน่ะค่ะ” เป็ดปุ๊กหันไปบอก
“เชิญที่บ้านเลยค่ะ”
อ่านต่อหน้า 2
ในสวนขวัญ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทุกคนทยอยขึ้นมาบนโถงระเบียงของบ้าน
แต่ละคนหิ้วกระเป๋าของตัวเอง ยกเว้นไม้ที่ตามขึ้นมาหลังสุด พร้อมกับยกกระเป๋าของตัวเอง และของย่า
“มีสามห้องนอนนะคะ ทุกห้องปกติจะนอนได้สองคน แต่ที่นี่จะนอนกี่คนก็ได้ ไม่ทราบมากันกี่คนคะ”
แม่บ้านถาม ฝ้ายบอก
“7 คนค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวจะจัดที่นอนมาเพิ่มให้อีกที่นะคะ” แม่บ้านออกไป
ย่าขวัญหันไปบอก
“เอา ดูซิ ใครจะนอนกับใคร ย่านอนกับหนูเป็ด คุณเชียรพักกับไม้ละกัน ที่เหลือก็ยัดกันเข้าไปห้องที่เหลือ
“ได้ไงครับ ให้ผมนอนกับพี่ฝ้าย ผมก็ไม่เหลือซิครับ” ดำโวย
“ไม่เหลืออะไร พูดให้ดีนะ อย่างนายฉันไม่สนหรอก ถ้านอนห้องพี่ไม้ล่ะก็...ไม่แน่”
ฝ้ายกระพริบตาถี่ๆให้ไม้ ตั๊กแตนทุบฝ้ายพลั่กเข้าให้
“ ออกแนวติดเรทนะพี่”
“ดำมาอยู่กับพี่ละกัน...ได้ไหมครับคุณเชียร”
ไม้หันไปขอความเห็นจากเชียร
“ได้ ผู้ชายมานอนด้วยกันให้หมด”
ดำมองไปรอบๆ แล้วหันมาบอก
“ผมว่า นอนที่นี่ล่ะครับ ตรงระเบียงนี่แหละ ลมเย็นดีด้วย”
“ตามใจ”
“งั้นเอาของไปเก็บกันเลยนะคะ อยากลงน้ำเต็มทีแล้ว” ฝ้ายบอก
“ฝากกระเป๋าในห้องคุณไม้ด้วยนะครับ”
ดำบอก แล้วทุกคนแยกย้ายกันเข้าในห้อง
เก็จเกยูรกับแก้วนั่งคุยกันในรถแท็กซี่
“นังเป็ดนี่มันร้ายจริงๆ บอกว่าไม่มีอะไรกัน แต่กลับไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจอกับย่าเขาขนาดนั้น”
“ทั้งพ่อทั้งลูกเลยล่ะ”
“ดีนะที่แกยังไม่คืนตำแหน่งหัวหน้าให้มัน ไม่งั้นมันคงนั่งหัวเราะเยาะแกจนชักดิ้นชักงอไปแล้ว” เก็จเกยูรออกความเห็น
“เยาะเย้ยกันอยู่ได้ อยู่ข้างเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย”
“ถ้าไม่อยู่ข้างแกแล้วจะมาด้วยกันนี่เหรอ ไม่ต้องห่วง งานนี้ฉันจะพาแกลุยเอง รับรอง คุณไม้ต้องมาสยบแทบเท้าแกแน่”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเหอะ” แก้วทอดถนใจด้วยความเซ็ง
รถแท็กซี่จอดลงที่หน้าร้านสวนขวัญ เก็จเกยูรเปิดประตูลงจากรถ แก้วตามลงมา
“จ่ายค่ารถด้วยซิ” เก็จเกยูรรีบบอก
“นึกว่าพี่...”
“มีที่ไหนล่ะ...เอ่อ...ไม่ได้เอากระเป๋าตังค์มา”
แก้วเปิดกระเป๋าถือ แล้วหยิบเงินออกมา แก้วถามโชเฟอร์
“เท่าไหร่”
“สองร้อยยี่สิบห้าครับ”
“สองร้อยไม่ได้เหรอ”
โชเฟอร์อึ้ง มองหน้า แก้วส่งเงินให้สองร้อย
“ขี้เกียจหาเศษตังค์ เอาไปก่อนสองร้อย”
แก้วหาเงินในกระเป๋า หยิบแบงค์ยี่สิบออกมา แล้วหาเศษเหรียญได้มาอีกสามบาท
“ได้ยี่สิบสามบาทเอง”
โชเฟอร์ยื่นมารอ
“เอามาเถอะครับ”
แก้วส่งเงินยี่สิบสามบาทให้ โชเฟอร์รับเงินมา แล้วเคลื่อนรถออกไป
“งกจริงๆ แค่บาทสองบาทก็ยังจะเอา”
พอแก้วหันมาก็ต้องชะงัก เก็จเกยูรยืนอยู่ข้างป้ายกระดาษที่แขวนไว้หน้าร้าน
“หยุด 2 วัน”
รอบร้านมีสแลนขึงไว้ กั้นไม่ให้คนเข้าไปได้
“ไม่รู้เหรอว่าเขาหยุด”
แก้วส่ายหน้าเซ็งๆ
“จะไปรู้ได้ยังไง ว้า แล้วทำยังไงเนี่ย”
“แกว่าบ้านย่าอยู่ข้างหลังนี่ใช่ไหม”
“ใช่ ผ่านสวนเข้าไป”
“งั้นก็ลุยเลย” เก็จเกยูรพยักหน้าให้น้องสาว
แก้วกับเก็จเกยูรพากันเดินไปตามทางในสวน แก้วดันกิ่งไม้ให้พ้นหัวตัวเอง แต่พอปล่อยกิ่งไม้ก็เกือบฟาดใส่หน้าพี่สาว
“ระวังหน่อยซิ”
“โทษพี่ สวนเขาก็รกอย่างนี้แหละ”
“รู้งี้ไม่มาด้วยหรอก”
“เดี๋ยวก็ถึงแล้วพี่”
เก็จเกยูรสะดุดรากไม้จะล้ม แต่คว้าตัวแก้วไว้ได้ทัน
“โอ๊ย...”
แก้วจับตัวเก็จเกยูรไว้
“มองพื้นด้วยซิพี่”
“คิดถูกหรือเปล่าเนี่ย จะให้น้องมีผัวเป็นคนสวน”
“ถูกอยู่แล้ว จะเป็นคนสวนหรือชาวนา ถ้ามีเงินล่ะก็ ได้ทั้งนั้น”
แก้วหัวเราะแล้วประคองเก็จเกยูรเดินไป
เก็จเกยูรกับแก้วกระเซอะกระเซิงออกมาจากในสวน สองคนมาหยุดอยู่หน้าบ้านย่าขวัญ ต่างก็ช่วยกันปัดใบไม้ใบหญ้าออกจากเสื้อผ้า และผมเผ้า แล้วมองไปที่บ้าน
“เรียกซิ” เก็จเกยูรสั่ง
แก้วเรียกเข้าไป
“คุณย่าคะ คุณย่าขวัญคะ”
ทันใด เจ้าเอ๋งก็โผล่พรวดออกมา แล้วเห่ากรรโชกใส่ทั้งสองอย่างแรง แก้วกับเก็จเกยูรกระโดดถอยออกมา
“พี่ระวังนะ ท่าทางมันเอาจริง”
เก็จเกยูรตวาดเจ้าเอ๋ง
“ไปนะไอ้หมาบ้า”
เจ้าเอ๋งถอยไปนิดหน่อย แล้วใช้วิธีแยกเขี้ยวขู่คำรามแทน เก็จเกยูรหันซ้ายหันขวา เห็นท่อนไม้ตกอยู่ เลยหยิบขึ้นมาถือไว้ขู่
“อย่าเข้ามานะแก ฉันฟาดจริงๆด้วย... รีบเรียกซิ จะรอให้มันขย้ำคอก่อนเหรอ”
แก้วพยักหน้ารับ แล้วตะโกนเรียก
“ คุณย่าคะ คุณย่าขวัญคะ”
“นั่นใคร”
แมนเดินออกมาจากในบ้าน ท่าทางง่วงๆแต่หงุดหงิด
“มาหาใคร”
“ฉันมาหาคุณย่าขวัญ ช่วยบอกท่านหน่อย”
“ย่าไม่อยู่”
“ว่าไงนะ แล้วเขาไปไหน” เก็จเกยูรทำเสียงวางอำนาจ
“บอกไม่ได้”
“ทำไมจะบอกไม่ได้วะ แขกมาหา ถ้าไม่อยู่ก็ต้องบอกซิว่าอยู่ไหน จะได้ไปตามหา”
“เขาไม่ให้บอก”
“ใครไม่ให้บอก” แก้วสงสัย
“บอกไม่ได้”
“โอ๊ย น่ารำคาญ นี่ คนๆนี้เขาเป็นแฟนของคุณไม้” เก็จเกยูรชี้แก้ว “เขาจะมาเยี่ยมคุณย่า”
แมนมองแก้วแล้วส่ายหน้า
“ใช่ที่ไหน แฟนพี่ไม้ เขาไปกับพี่ไม้ ไปกับย่าโน่น”
แก้วกระซิบเก็จเกยูรเบาๆ
“มันต้องพูดถึงนังเป็ดแน่เลยพี่”
เก็จเกยูรยิ่งโมโห หันมาโวยใส่แมน
“แล้วพวกเขาไปไหนกันล่ะเว๊ย แค่นี้ตอบไม่เป็นเหรอ”
“ไม่ตอบแล้วจะทำไม” แมนกลับเข้าไปในบ้าน
“ออกมาก่อนซีเว๊ย กลัวหรือไง แค่นี้ต้องหนี”
แมนกลับออกมา พร้อมกับมีดพร้า
“ไม่ได้กลัว”
แก้วเข้ามาใกล้เก็จเกยูร
“พี่เก็จ มันเอาจริง”
เก็จเกยูรขู่แมน
“อย่านะเว๊ย ถ้าแกทำอะไรฉัน แกติดคุกนะ”
“กูไม่ทำหรอก...ไอ้เอ๋ง กัดมันเลย”
ไอ้เอ๋งหันกลับไปที่เก็จเกยูรกับแก้ว ขู่คำรามเสียงดัง แล้วกระโดดใส่ สองสาวร้องลั่น แล้วรีบวิ่งหนีพร้อมกับโวยวายไปด้วย
“ไปนะ ไอ้หมาบ้า ไปให้พ้น”
“รอแก้วด้วยซิพี่”
สองสาววิ่งออกไปตามถนน ไอ้เอ๋งไล่กวดไป แมน ยืนเท้าสะเอว
“เล่นก๊ะใครไม่เล่น”
ย่าขวัญยืนอยู่บนระเบียงบ้านพักกับเชียร
“ลมพัดเย็นสบายดีจังนะครับ”
“คุณเชียรมาเที่ยวทะเลบ่อยไหม”
“ไม่บ่อยหรอกครับ ตอนลูกเล็กๆก็พอมีเวลาบ้าง แต่หลังๆนี่ไม่ได้มาเลย เวลาว่างไม่ตรงกันสักที สิบกว่าปีแล้วมั้งครับ ยิ่งพอแม่เป็ดปุ๊กเขาไม่อยู่แล้ว ก็ไม่เคยไปเที่ยวไหน”
“สงสัยจะหัวอกเดียวกันนะเรา” ย่าขวัญหัวเราะ
ฝ้ายกับคนอื่นๆดังเข้ามา
“เอาเร็วๆหน่อย ทะเลรอนานแล้ว”
ฝ้ายออกมาจากในห้อง เปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ครู่หนึ่งตั๊กแตนตามออกมา พร้อมกับดำ
“จะไปไหนกัน”
“เล่นน้ำไงคะคุณย่า คุณย่าไม่ลงเหรอ”
“แดดเปรี้ยงแบบนี้เนี่ยนะ”
“ยังไงมันก็ดำดีสีไม่ตกอยู่แล้วล่ะครับ” ดำฉีกยิ้มกว้าง
“พี่ฝ้ายเขาบอกจะพยายามเล่นอยู่ในร่มน่ะค่ะ” ตั๊กแตนแซว
ทุกคนหัวเราะกัน แล้วพวกเด็กๆก็วิ่งลงจากบ้าน
“อ้าว แล้วไม่ใครช่วยเตรียมอาหารเหรอ จะไม่กินข้าวเย็นกันหรือไง”
ไม้ออกมาจากในห้อง
“เดี๋ยวไม้ทำให้ก็ได้ย่า”
เป็ดปุ๊กออกมาจากอีกห้อง เชียรหันมาถาม
“เป็ดลงน้ำไหมล่ะลูก”
“ยังหรอกค่ะ แดดมันแรง”
“ยังงี้ก็ช่วยไม้เขาเตรียมอาหารเลยซิ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ไม้หันไปบอก
“จะทำคนเดียวได้ยังไง ของเยอะแยะ” เชียรแย้ง
“ทำเป็นหรือเปล่าล่ะหนูเป็ด” ย่าขวัญถาม
“ได้ค่ะ”
ไม้เดินมาหาเป็ดปุ๊ก
“งั้นทำกันเลยไหมครับ”
เป็ดปุ๊กพยักหน้ารับ ไม้กับเป็ดปุ๊กลงจากเรือนไป เชียรยังมาทำขยิบตาให้ย่าขวัญ สองคนยิ้มให้กัน
ไม้กับเป็ดปุ๊กเข้ามาในครัว ไม้หิ้วถังใส่อาหารทะเลมือหนึ่ง และถุงใส่ถ่านกับอุปกรณ์ติดเตาอีกมือหนึ่ง
แล้วเอาทั้งสองอย่างวางลงที่โต๊ะในครัว
“คุณจะทำอะไร”
“มีอะไรให้ทำบ้างล่ะ”
“ล้างกุ้ง ปลาหมึก หรือจะติดเตา”
“ฉันล้างให้แล้วกัน”
“งั้นผมจะติดเตา”
ไม้เปิดถังอาหารทะเล จะหยิบถุงอาหารสดแต่ละอย่างออกมา แล้วนึกขึ้นได้ หยิบโทรศัพท์มือถือจาก
กระเป๋าเสื้อออกมา แล้ววางลงที่โต๊ะห่างจากของเปียกๆทั้งหลาย แล้วเอาถุงอาหารสดมาไว้ที่ซิงค์
“อยู่ตรงนี้นะ”
ไม้เดินมาหยิบถุงถ่านและอุปกรณ์ติดเตาออกไป เป็ดปุ๊กเข้าไปจัดการกับอาหารทะเล
ใต้ต้นมะพร้าวในลานนอกบ้าน มีเตาปิ้งย่างตั้งอยู่ มีตะแกรงวางอยู่ด้านบน พร้อมกับแผ่นสังกะสีปิดเตาเอาไว้ ข้างๆเตา มีโต๊ะสำหรับวางอาหารที่จะนำมาปิ้ง ห่างออกไปเป็นโต๊ะสนามสำหรับนั่งกินอาหารกัน ไม้หิ้วถุงถ่านและอุปกรณ์ติดเตามาที่เตาปิ้งย่าง ยกแผ่นสังกะสีที่ปิดเตาไว้ออก แล้วเอาตะแกรงมาดู
“ต้องล้างนิดหน่อย”
ไม้เอาตะแกรงออก ไปพิงไว้ที่โต๊ะ แล้วเอาถ่านมาเทลงในเตาจำนวนหนึ่ง แล้วหยิบน้ำมันรอนสัน มาฉีดน้ำมันลงบนถ่าน จากนั้นก็เอาไม้ขีดขึ้นมา จุดไม้ขีด แล้วโยนลงไปในเตา
ไฟในเตาลุกพรึ่บขึ้น
เป็ดปุ๊กล้างกุ้งจนเกือบเสร็จแล้ว เอากุ้งไปไว้ในกาละมัง แล้วหยิบถุงปลาหมึกมา กำลังจะจัดการต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของไม้ดังขึ้น
เป็ดปุ๊กหันไปมองเห็นโทรศัพท์ของไม้วางอยู่บนโต๊ะ เธอล้างมือนิดหน่อย แล้วเดินมาที่โทรศัพท์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ตั้งใจจะเอาไปให้ไม้ แต่พอตามองไปที่จอก็ต้องชะงักมีชื่อของ “แก้ว” ปรากฏอยู่
เป็ดปุ๊กนิ่งอึ้งไปนิดหน่อย แล้วตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงที่เดิมเดินกลับไปที่ซิงค์ ล้างปลาหมึกต่อ โทรศัพท์ดังอีกครู่หนึ่งก็เงียบลง เป็ดปุ๊กรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร ตั้งใจจะทำงานให้เสร็จๆ ไม้เดินเข้ามาในครัว
“เตาติดแล้วนะ คุณเป็นไงบ้าง”
“กุ้งเสร็จแล้ว”
“เดี๋ยวสักครู่เอาไปปิ้งเลยก็ได้”
เสียงโทรศัพท์มือถือของไม้ดังขึ้นมาอีก เป็ดปุ๊กชะงัก ชำเลืองมองดู ไม้เดินไปหยิบโทรศัพท์มาดู แล้วชะงัก เหลือบมองไปทางเป็ดปุ๊ก เธอรีบหันกลับ ทำเป็นไม่สนใจ ไม้ลังเลนิดหน่อย แล้วเดินถือโทรศัพท์ออกไปจากครัว เป็ดปุ๊กหันมองตามไป รู้สึกหงุดหงิด
ไม้เดินออกมาที่ลานนอกบ้าน กดรับสายแล้วพูดโทรศัพท์
“ว่าไงครับคุณแก้ว”
แก้วกับเก็จเกยูรนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารใกล้ร้านสวนขวัญ
“คุณไม้อยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“แก้วแวะมาหาคุณไม้ที่ร้านแต่ไม่เจอ”
“ผมไม่ได้อยู่ที่ร้าน”
“บอกไปเลยว่าอยากมาหา” เก็จเกยูรรีบบอก
“แก้วอยากเจอคุณไม้น่ะค่ะ อยู่ที่ไหนเหรอคะ เดี๋ยวแก้วจะไปหา”
“คุณแก้วมาไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ให้บอกมาว่าอยู่ไหน” เก็จเกยูรกระซิบ
“บอกมาก่อนซิคะว่าอยู่ไหน แล้วแก้วจะคิดเองว่าไปได้หรือเปล่า”
“ผมอยู่ต่างจังหวัด”
“ต่างจังหวัด” แก้วชะงัก
“ไปต่างจังหวัดกันเหรอ พานังเป็ดไปด้วยเหรอ” เก็จเกยูรบ่น
“คุณแก้วอยู่กับใครเหรอครับ” ไม้ได้ยินเสียงแว่วๆ
“พี่สาวแก้วน่ะค่ะ เอ่อ คุณไม้ไปจังหวัดไหนกันเหรอคะ”
เป็ดปุ๊กออกมาข้างนอก ในมือถือชามใส่กุ้งออกมาด้วย มองไม้ที่กำลัง พูดโทรศัพท์ยิ้มๆ เหมือนมีความสุขที่ได้คุย
“จะอยากรู้ไปทำไมล่ะครับ ยังไงคุณแก้วก็มาไม่ได้หรอก”
เป็ดปุ๊กเดินถือชามกุ้งมาที่เตา
“เอากุ้งมาให้ก่อน เผื่อจะย่างเลย”
ไม้สะดุ้ง รีบเอามือปิดที่ไมค์โทรศัพท์
“วางไว้ก่อนก็ได้ครับ”
ไม้ชี้ไปที่โต๊ะข้างๆเตา เป็ดปุ๊กหันมาถาม
“ใครโทรมาเหรอ”
“เอ่อ...ลูกค้าน่ะครับ” ไม้อึกอัก
ไม้เดินออกห่างไปอีก พยายามพูดเบาๆ เป็ดปุ๊กไม่พอใจ เอาชามกุ้งไปวางไว้ที่โต๊ะข้างๆเตา ชามอยู่หมิ่นเหม่มาก แล้วเธอก็เดินงอนๆออกไปจากบริเวณนั้น ไม่ได้กลับเข้าไปในครัว
ลมกรรโชกแรงพัดมา กิ่งมะพร้าวแก่กิ่งหนึ่งถูกลมพัดหลุดจากต้น ตกลงมาถูกชามกุ้ง ทำให้ชามกุ้งพลิกคว่ำ กุ้งทั้งหมดตกลงไปในเตาปิ้ง ที่มีถ่านแดงๆอยู่ เตา ไฟลุกพรึ่บขึ้น เผากุ้งทั้งหมดในนั้น ไม่นานไฟที่ลุกอยู่เริ่มลดลง แต่ยังมีควันออกมาบ้าง เป็ดปุ๊กเดินลงไปที่หาด หันมามองไม้นิดหน่อย ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เลยหันไปไม่อยากมอง ไม้ ยังพูดโทรศัพท์อยู่
“ยังไม่รู้เลยครับว่าจะกลับเมื่อไหร่แต่คุณตามมาไม่ได้หรอกครับ...คือ เราเดินทางกันไปเรื่อยๆน่ะครับ บอกไม่ได้ว่าจะหยุดอยู่ที่ไหน...โอเคนะครับ แค่นี้ก่อน แล้วเจอกันที่กรุงเทพนะครับ สวัสดีครับ”
ไม้กดวางสาย ส่ายหน้าเบื่อๆ แล้วหันมา เห็นเป็ดปุ๊กอยู่ริมหาดไกลๆ ก็นึกสงสัย
เป็ดปุ๊กยืนอยู่ริมหาด เดินลุยน้ำทะเลนิดหน่อย ตาก็มองออกไปในทะเล ครู่หนึ่ง ไม้เดินเข้ามาทางด้านหลัง
“เสร็จหมดแล้วเหรอ”
“เสร็จแต่กุ้ง วางไว้ให้ตรงเตาไง”
“แล้วทำไมไม่ทำต่อล่ะ”
“เหนื่อย อยากพักผ่อน”
“พักผ่อน” ไม้ชะงัก
“ใช่ อยากแตะน้ำทะเลบ้าง ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ถูกน้ำทะเลเลย”
“วางของทิ้งไว้ในครัวอย่างนั้น เดี๋ยวหมาแมวก็เอาไปกินหรอก”
“อย่าห่วงเลย ฉันเก็บไว้อย่างดี แล้วถ้าจะมีอะไรเสียหาย ฉันจะไปซื้อมาใช้ให้”
“แล้วไง เมื่อไหร่จะกลับไปทำต่อ”
“อยากไปก็จะไป ทำไมต้องมาเซ้าซี้กับฉันนัก ที่นายยังไม่ทำงาน หนีไปโทรศัพท์เฉย”
“อ้าว ก็ผมคุยธุระ”
“ธุระเหรอ ฉันรู้ว่าใครโทรมา”
ไม้อึ้ง เป็ดปุ๊กไม่อยากพูดต่อ หันหน้าไปทางอื่น ฝ้าย ตั๊กแตน ดำ วิ่งตัวเปียกเข้ามาหาทั้งสอง
“พี่ไม้ คุณเป็ด ไปลงน้ำกันเถอะค่ะ” ฝ้ายชวน
“น้ำกำลังเย็นสบายเลยพี่” ตั๊กแตนบอก
“กำลังจะปิ้งกุ้งปิ้งปลาหมึกให้พวกเธอกินอยู่เนี่ย” ไม้ขัดขึ้น
“ปิ้งแล้วเหรอครับ กินได้หรือยัง” ดำดีใจ
“ยัง พนักงานยังทำไม่เสร็จ”
ไม้เหลือบมองไปทางเป็ดปุ๊ก ดำชะงัก ทำจมูกดมๆ
“เอ๊ะ ยังไม่ปิ้ง แล้วทำไมผมได้กลิ่นกุ้งเผาล่ะครับ”
ทุกคนทำจมูกฟุดฟิดกัน ฝ้ายยิ้มออกมา
“จริงด้วยหอมฉุยเลย”
“ปิ้งที่เตานั่นหรือเปล่าพี่” ตั๊กแตนชี้ไปที่เตา
ไม้หันไปมองที่เตามีควันลอยออกมา ไม้ตกใจ
อ่านต่อหน้า 3
ในสวนขวัญ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เตาปิ้งย่าง ควันลอยขึ้นมามากพอสมควร
ไม้วิ่งมาถึงเตา พอเข้าไปก็ชะงัก เสียดายมาก เขามองที่พื้น เห็นชามใส่กุ้งตกอยู่ จึงหยิบขึ้นมา แล้วใช้ที่คีบหยิบกุ้งไหม้ๆใส่ชาม พวกฝ้ายตามมาถึงเตา ตั๊กแตนเข้าไปถาม
“เป็นไงบ้างพี่ไม้”
“ไหม้หมด” ไม้เซ็งๆ
“ไม่หมด แสดงว่ายังเหลือ” ดำยิ้ม
ไม้หันขวับมามองหน้าดำ ไม่ขำด้วย
“เห็นหน้าเครียดๆ เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศหน่อย”
“ไม่ใช่เวลา”
เป็ดปุ๊กเดินเข้ามาดู พอเห็นไม้คีบกุ้งดำๆขึ้นมาจากเตาก็อึ้งๆ ฝ้ายหันมาบอก
“กุ้งไหม้หมดเลยคุณเป็ด”
เป็ดปุ๊กรู้สึกแย่ พอเงยหน้าขึ้นมา เห็นไม้มองมาที่เธออย่างไม่ค่อยพอใจนักก็ยิ่งรู้สึกแย่ ย่าขวัญ กับเชียรเดินเข้ามา
“มีอะไรเหรอลูก”
“กุ้งน่ะครับ มันตกลงไปในเตา เลยไหม้หมดเลย” ไม้บอก
“อ้าว แล้วมันลงไปได้ยังไง” เชียรแปลกใจ
ดำหยิบใบมะพร้าวที่หล่นอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วเงยหน้ามองต้นมะพร้าว
“ต้องไอ้นี่แน่เลย หล่นมาโดนชามกุ้ง”
“ช่างมันเหอะ ไม่มีกุ้งกินก็ไม่ต้องกิน อย่างอื่นยังเหลือใช่ไหมล่ะ ปลาหมึกย่างก็อร่อย” ย่าขวัญแนะ
“ย่าเคี้ยวปลาหมึกไหวเหรอ เห็นบ่นว่าฟันปลอมไม่ค่อยแน่นแล้ว” ตั๊กแตนมองย่า
ทุกคนฮากัน
“นังแตนเดี๋ยวเหอะ” ย่าขวัญดุ
“เดี๋ยวเป็ดไปซื้อมาให้ใหม่ค่ะ” เป็ดปุ๊กพูดขึ้น
ทุกคนชะงักเงียบทันที แล้วหันมามองเป็ดปุ๊ก
“ความผิดของเป็ดเองที่เอามาไว้ตรงนี้”
“ไปซื้อที่ไหนลูก” เชียรหันมาหาลูกสาว
“ตรงเขาตะเกียบค่ะ เรียกตุ๊กๆไปแป๊บเดียว”
แล้วเป็ดปุ๊กก็เดินออกไปเลย ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เป็ดปุ๊กเดินมาในซอยออกจากที่พักตามลำพัง สะพายกระเป๋าถือมาด้วย ครู่หนึ่ง รถตู้ของไม้แล่นเข้ามาข้างๆ กระจกรถเปิดอยู่ ไม้คุยไปด้วยขับรถตามไปด้วย
“ขึ้นรถเหอะ ผมจะพาไป”
“ฉันไปเองได้”
“ไม่เอาน่า จะไปคนเดียวได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้”
“แค่พามาที่นี่ยังเข้าผิดซอย เกิดไปหลงอยู่ที่ไหน ใครจะไปตามเจอ”
“ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก มากไปแล้ว”
ไม้ตัดสินใจเร่งรถแซงขึ้นไป แล้วจอดขวางทางไว้ เขาลงมาจากรถ เปิดประตูที่นั่งข้างคนขับออก เป็ดปุ๊กเดินมาถึงพอดี
“ขึ้นรถ”
“จะบังคับกันเหรอ”
“ถ้าไม่ขึ้น ผมจะอุ้มขึ้นไปให้”
เป็ดปุ๊กอึ้ง นิ่งไป ไม้ขยับเข้ามาทำท่าจะจับตัวเป็ดปุ๊ก
“อย่านะ...ไม่ต้อง วุ่นวายจริงๆเลย”
เป็ดปุ๊กยอมขึ้นไปนั่งในรถ ไม้ปิดประตู แล้วเดินกลับมาเปิดประตูฝั่งคนขับขึ้นไปนั่ง เป็ดปุ๊กไม่มองไม้ หน้าบึ้งๆมองไปข้างหน้า ไม้ยักไหล่นิดหน่อย แล้วเคลื่อนรถออกไป
ในร้านขายอาหารทะเลสด เป็ดปุ๊กกำลังเลือกดูกุ้งในร้าน ไม้ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วก็กระซิบ
“ไม่ต้องซื้อหรอก แพงกว่ากันตั้งสองเท่า”
“ก็ยังถูกกว่าไปกินที่ร้าน” เป็ดปุ๊กหยิบกุ้งใส่ภาชนะ
“เสียดายตังค์”
“มาเที่ยวอย่างนี้มันต้องเต็มที่ เสียดายไม่ได้หรอก อีกอย่าง นี่ก็เงินฉัน”
ไม้นิ่งไป เป็ดปุ๊กหยิบกุ้งมาดูนิดหน่อยก่อนจะใส่ในภาชนะ
“แล้วเลือกเป็นเหรอ”
“เป็นซิ คุณย่าสอนไว้แล้ว” เป็ดปุ๊กหยิบอีกตัวใส่ภาชนะ “นี่ นายจะไปไหนก็ไป น่ารำคาญ”
“งั้น...เอาปูไปเพิ่มละกัน”
ไม้แยกไปเลือกปู เป็ดปุ๊กส่งภาชนะใส่กุ้งให้แม่ค้า ไม้ก็ส่งปูให้ด้วย
“เยอะเลย ทีงี้ไม่เสียดาย”
“มาเที่ยวมันต้องเต็มที่ อีกอย่าง อันนี้ผมจ่ายเอง”
เป็ดปุ๊กทำหน้าหมั่นไส้
“กุ้งพันสอง ปูห้าร้อยเจ็ดสิบค่ะ” แม่ค้าบอก
เป็ดปุ๊กเปิดกระเป๋า หยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วหยิบเงินในกระเป๋าออกมาสองพัน ส่งให้แม่ค้า
“นี่ค่ะ”
แม่ค้ารับเงินจากเป็ดปุ๊ก ไม้ส่งแบงค์พันให้เหมือนกัน
“ทอนให้เขาไปแปดร้อย อันนี้ของผม”
“ไม่ต้องหรอก”
“ผมจะใช้เงินผมซื้อ”
“ฉันออกให้เอง เก็บเงินไปซะ”
“แม่ค้าทอนมาก่อนเลย” ไม้ไม่สนใจ พูดกับแม่ค้า
“คิดรวมกันเลยแม่ค้า” เป็ดปุ๊กสวน
“ตกลงเอาไงแน่คะ” แม่ค้างงๆไม่รู้จะทำตามใคร
“น่ารำคาญ นายจัดการเองก็แล้วกัน ฉันจะไปรอที่รถ” เป็ดปุ๊กหงุดหงิด
เป็ดปุ๊กเดินออกจากร้านไปเลย ไม้มองตามส่ายหน้าเบื่อๆเหมือนกัน
เป็ดปุ๊กรออยู่ใกล้ๆรถ ครู่หนึ่งไม้เดินหิ้วถุงอาหารทะเลมา พอเขามาถึงรถก็เปิดประตูที่นั่งด้านหลัง เอาถังโฟมเก็บความเย็นมาเปิดออก แล้วเก็บอาหารทะเลไว้ในนั้น เป็ดปุ๊กมารอจะขึ้น ไม้หันกลับมา แล้วหยิบเงินทอนแปดร้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้
“เอา นี่เงินทอนของคุณ”
“เอามาสามร้อยพอ”
“เอาไปหมดนี่แหละ”
ไม้จับมือเป็ดปุ๊กขึ้นมา จะเอาเงินใส่มือ แต่เป็ดปุ๊กกำมือไว้ ไม้ชะงัก
“จะดื้อไปถึงไหนกันเนี่ย”
“ก็มันความผิดของฉัน ฉันจะจ่ายเอง”
“แต่ปูไม่เกี่ยวนี่นา”
“แค่นี้ฉันเลี้ยงได้ เดี๋ยวก็ไปกินกันทุกคน”
“เถอะน่า ให้ผมมีส่วนออกบ้างก็ยังดี”
“ทำไมถึงยังมีส่วนนัก”
“เพราะว่า...ผมก็ผิดด้วย”
เป็ดปุ๊กชะงัก ไม่เข้าใจ
“ผมควรจะสนใจตอนคุณเอากุ้งไปวางไว้ แต่ก็ไม่ได้หันไปมอง”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะนายกำลังติดคุยธุระกับลูกค้า...คนสำคัญ”
“คุณรู้ใช่ไหมว่าใคร”
“แก้วใช่ไหม”
“ใช่” ไม้ตัดสินใจยอมรับ
“แล้วทำไมต้องโกหกว่าเป็นลูกค้า”
“ก็ไม่อยากให้คุณคิดมาก ผมเล่าให้คุณฟังเลยก็ได้ คุณแก้วเขาโทรมาถามว่าผมอยู่ไหน เขาอยากมาหา ผมก็บอกว่าเขามาไม่ได้ ผมไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าเราอยู่ที่ไหน”
“แล้วบอกเขาหรือเปล่าว่าอยู่กับใครบ้าง”
“เขาไม่ได้ถาม”
“นายกลัวเขาจะไม่พอใจต่างหาก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่...ไม่อยากคุยต่อ ผมบอกเขาแค่นั้น แล้วผมก็วางสายไปเลย”
เป็ดปุ๊กยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ไม้พูดต่อ
“เอาเหอะๆ นายจะทำอะไรเพราะอะไร มันก็เรื่องของนาย ฉันไม่ได้อยากรับรู้ด้วยแล้ว”
เป็ดปุ๊กเดินออกไป ไม้หน้าเหวอ
“อ้าว แล้วคุณจะไปไหน”
“ไปเดินเล่น”
“เดินเล่นที่ไหน” ไม้ตามไป
“ก็เดินไปเรื่อยๆ อาจจะเดินไปจนถึงบ้านพักเลยก็ได้”
“มันไกลนะคุณ”
“ถ้าไม่ไหวก็เรียกตุ๊กๆกลับ ไม่ต้องตามมาแล้ว นายกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวกุ้งจะเสีย”
ไม้ทนไม่ไหว ตัดสินใจเข้ามาอุ้มทันที
“ทำอะไรปล่อยนะ”
“กับคุณมีวิธีเดียวเท่านั้นแหละ”
ไม้อุ้มเป็ดปุ๊กกลับมาที่รถ เธอทุบเขาตลอด
“ปล่อย ไม่ปล่อยฉันร้องนะ”
ไม้ไม่ปล่อย
“ช่วยด้วยค่ะ ลักพาตัวค่ะ ช่วยด้วย”
ชาวบ้านแถวนั้นเริ่มหันมามอง ไม้ตะโกนไป
“เมียผมเองครับ ทะเลาะกันแล้วแบบนี้ทุกที เมียผมครับ เมียผม”
“พูดอย่างนั้นได้ยังไง นายนี่มัน...”
“ถ้าเขาเชื่อคุณ แล้วจับผมไปเข้าคุก คุณต้องไปประกันผมนะอยากวุ่นวายเหรอ”
“งั้นก็ปล่อยฉันลง ฉันไม่ไปไหนแล้ว” เป็ดปุ๊กอึดอัดเป็นที่สุด
“สัญญาก่อน”
“ไม่”
“เมียผมครับ คนนี้เมียผม ดื้อมากๆเลย” ไม้ตะโกนต่อ
“ก็ได้ ๆ ฉันสัญญา”
ไม้ยิ้ม แล้วปล่อยลง เป็ดปุ๊กหงุดหงิดมาก เดินกลับไปที่รถ ชาวบ้านแถวนั้นโล่งอก บางคนยกนิ้วให้ ไม้ยิ้มขอบคุณทุกคน
ตั๊กแตนเดินพูดโทรศัพท์มือถือมาริมหาด
“มากับพี่ไม้ กับย่า พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว”
ภูมินั่งพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้าน
“ไปก็น่าจะบอกหน่อย จะได้ไปเจอที่โน่น”
“ได้ยังไง พี่ไม้จะได้เอาตาย”
“ไม่กลัวหรอก”
“แต่แตนกลัว”
“นี่ ถามอะไรหน่อย รู้เรื่องที่ตำรวจมาที่บ้านภูมิไหม”
“ตำรวจเหรอ” ตั๊กแตนอึ้งๆ
“พ่อบอกเห็นแตนกับพี่ไม้ไปกับตำรวจด้วย ไปบอกอะไรตำรวจหรือเปล่า”
“ใครจะกล้าบอก ตำรวจเขาก็ถามไปหมดนั่นแหละ ใครที่รู้จักกับพี่ไม้ รู้จักกับแตน”
“อย่าให้รู้นะว่าหักหลังภูมิ”
“ไม่หรอกน่า ความจริง...พี่ภูมิก็น่าจะเลิกยุ่งกับคนพวกนี้”
“เลิกได้ไง เขาใจดีออก จ่ายดีมากๆ”
“แต่มันอันตรายน่ะ แตน...เป็นห่วงนะ”
“เป็นห่วง ก็ทำตัวให้ดี อย่าปากโป้ง”
ตั๊กแตนอึ้งๆ
ฝ้ายกับดำ กำลังช่วยกันย่างอาหารทะเลอยู่ ครู่หนึ่ง ตั๊กแตนเดินกลับเข้ามา
“คุยโทรศัพท์กับแฟนล่ะซิ” ฝ้ายแซว
ตั๊กแตนเอานิ้วจุ๊ย์ปาก แล้วมองไปทางไม้ ฝ้ายเลยไม่พูดอะไรต่อ...ย่าขวัญ เชียร ไม้ และเป็ดปุ๊กนั่งกินอาหารกันอยู่ เป็ดปุ๊กอยู่มุมฝั่งหนึ่ง ไม้อยู่อีกมุมฝั่งหนึ่ง ย่าขวัญเอ่ยขึ้น
“นี่ดีนะ หนูเป็ดรู้แหล่งซื้ออาหารทะเล พวกนี้เลยได้กินกุ้ง”
“กุ้งนี่ใครเลือกล่ะ สดดี” เชียรยิ้มพอใจ
“เป็ดเลือกเองค่ะ ตามที่คุณย่าสอน”
เป็ดปุ๊กเหลือบมองไปทางไม้ เห็นเขาก็เหลือบมองมาทางเธอ เป็ดปุ๊กยักคิ้วทำนองจะบอกว่า ไงล่ะ
“แล้วปูล่ะครับ อร่อยไหม ผมเป็นคนเลือก” ไม้ถาม
“ปูไม่อร่อยเลย”
“โห ย่า” ไม้จ๋อย
ย่าขวัญหัวเราะ
“แหย่เล่นน่ะ ปูก็อร่อย เลือกเก่งเหมือนกัน”
ไม้ยิ้มเย้ยๆกลับให้บ้าง เป็ดปุ๊กหงุดหงิด ย่าขวัญเห็นท่าทางของเป็ดปุ๊กกับไม้แล้วส่ายหน้า ตัดสินใจช่วย
“ไม้ กุ้งหนูเป็ดหมดแล้ว ไปเอามาเพิ่มให้หน่อย”
ไม้ลุกขึ้น เป็ดปุ๊กก็ลุกเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า เป็ดไปเอาเอง”
เป็ดปุ๊กเดินไปที่เตา ย่าขวัญทำปากบุ้ยใบ้กับไม้ให้ตามไป ไม้รับรู้ แล้วลุกไปที่เตา ทุกคนที่โต๊ะคอยดูอาการของทั้งสอง...ไม้มาถึงก่อนเป็ด
“ได้กุ้งเพิ่มหรือยัง”
“นี่เลยค่ะพี่ไม้” ตั๊กแตนชี้ที่เตา
ไม้เข้ามาหยิบที่คีบเพื่อจะคีบกุ้ง เป็ดปุ๊กถือจานมาถึงพอดี ไม้คีบกุ้งแล้วเอาใส่จานให้
“เอานี่ครับ ตัวใหญ่น่ากินเชียว ทานให้อร่อยนะครับ”
ไม้คีบให้อีก 2-3 ตัว เป็ดปุ๊กส่งจานนั้นให้ไม้
“นายกินเหอะ ฉันไม่ชอบยืมจมูกคนอื่นหายใจ”
ไม้รับจานกุ้งนั้นมาถือไว้ เป็ดปุ๊กเดินไปหยิบจานมาอีกใบ ไม้ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ถอยออกมา เด็กๆที่เตาปิ้งพอจะรู้ว่าบรรยากาศชักไม่ค่อยดี เลยพากันเงียบไปหมด เป็ดปุ๊กก็ใช้ที่คีบหยิบกุ้งใส่จานของเธอเอง ทุกคนแอบมองเป็ดปุ๊กกับไม้ เชียรส่ายหน้า
“ดื้อจริงๆ ลูกผม”
“ไม่รู้ผิดใจเรื่องอะไรกันอีก” ย่าขวัญถอนใจ “เรื่องบางเรื่องก็ใช้วิธีธรรมดาไม่ได้”
“งั้นจะทำยังไงดีล่ะครับ”
“ในเมื่อใช้วิธีทางโลกไม่ได้ ก็ต้องใช้ทางธรรมแล้วล่ะ”
เชียรกับหทัยหันมามองกัน ยังไม่เข้าใจวิธีของย่าขวัญ
วันรุ่งขึ้น...บนศาลาวัด...ย่าขวัญยกเครื่องสังฆทานถวายหลวงพ่อ ทุกคนกราบหลวงพ่อ
หลังเสร็จพิธี หลวงพ่อก็ชวนชาวคณะคุย
“นี่ลูกหลานทั้งนั้นเหรอ”
“เจ้าค่ะ ลูกๆหลานๆทั้งนั้น มีคุณเชียรกับลูกสาว” ย่าขวัญผายมือไปทางเชียรกับเป็ดปุ๊ก “นี่เป็นเพื่อนบ้าน”
“ก็ดีนะ มาทำบุญวันเกิดด้วย ได้เที่ยวพักผ่อนด้วย ไม่มีอะไรดีกว่าการได้อยู่กับคนที่รู้ใจแล้ว”
ย่าขวัญนิ่งคิดไปนิดหน่อย เหลือบมองไปที่เป็ดปุ๊ก แล้วเหลือบมองกลับมาที่ไม้
“คนรู้ใจมันดียังไงเหรอคะหลวงพ่อ”
“ทำไมจะไม่ดี ถ้ามีใครคนนึงที่รู้ว่าเราคิดยังไง รู้ว่าเราชอบอะไรเกลียดอะไร เรายังไม่ทันต้องพูด เขาก็เข้าใจเราแล้ว”
“แบบ แค่มองตาก็รู้ใจ ใช่ไหมคะ” ฝ้ายถาม
“นั่นแหละ คนรู้ใจก็คือ กัลยาณมิตร คือคนที่จะคอยช่วยประคับประคองชีวิตเรา ยามมีทุกข์ก็ช่วยให้พ้นทุกข์ ยามมีสุขก็ร่วมยินดีกับเรา แบบนี้ไม่ดีเหรอ”
“เราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ว่าใครเป็นรู้ใจเรา เขาต้องตามใจเราเสมอเหรอเจ้าคะ” ย่าขวัญถามอีก
“คนที่ขัดใจเรา ก็เป็นคนรู้ใจได้ ถ้ารู้ว่าเรากำลังคิดจะทำในสิ่งที่ผิดแล้วเขามาขัดใจเรา ช่วยให้เราทำในสิ่งที่ถูก สิ่งที่ดีงาม เขาก็เป็นกัลยาณมิตรของเรา จะบอกให้นะ ใครที่ได้มีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ ถือว่าเป็นบุญที่สุดแล้วอย่าได้ละเลย ทอดทิ้งกันเด็ดขาด”
เป็ดปุ๊กกับไม้เหลือบมองกัน สบตากันครู่หนึ่ง แล้วหลบสายตาไปทางอื่น ย่าขวัญเหลือบมองไปทางทั้งสองคน พอจะรู้ว่าสองคนคิดอะไรบางอย่างกับคำสอนของหลวงพ่อแล้ว
ทุกคนลงจากศาลาวัดแล้วพากันเดินเที่ยวไปตามส่วนต่างๆของวัด หลายส่วนมีทั้งไหว้พระตามศาลาต่างๆ หรือแวะถ่ายรูปจุดสำคัญๆ ระหว่างการเดินไปทั่วๆในวัด ย่าขวัญเห็นเป็ดปุ๊กก็แยกเป็นกลุ่มเล็กไปกับฝ้ายและตั๊กแตน ส่วนไม้ก็ไปกับดำ ย่าขวัญคิดอะไรนิดหน่อย แล้วเรียกฝ้ายมา
“ฝ้าย ฝ้ายเอ๊ย”
ฝ้ายผละจากเป็ดปุ๊กแล้วมาหา ย่าขวัญหันไปเรียกดำ
“ดำ มานี่หน่อย”
ดำผละจากไม้มาหาย่า ย่าขวัญคุยอะไรกับฝ้ายและดำอยู่ครู่หนึ่ง สองคนก็ยิ้มรับแล้วแยกกันกลับไป ฝ้ายกลับมาหาเป็ดปุ๊ก
“คุณเป็ดไปเสี่ยงเซียมซีกันดีกว่า”
“ฉันไม่ค่อยเชื่อหรอก”
“แต่เขาว่าวัดนี้แม่นนะคะ มาเหอะ”
ฝ้ายจูงเป็ดปุ๊กไปที่ศาลาเซียมซี
ไม้ชะงักกับสิ่งที่ดำบอก
“อะไรนะ จะให้ฉันเสี่ยงเซียมซี”
“เขาบอกว่ามาที่นี่แล้วพลาดไม่ได้นะครับ จะได้รู้ว่าดวงเราจะเป็นยังไงไงครับ”
ไม้จำยอมไป
ในศาลาเสี่ยงเซียมซี...เป็ดปุ๊กคุกเข่าเขย่าเซียมซีอยู่ ฝ้ายกับตั๊กแตนอยู่ด้วย ไม้กับดำเดินมาถึง พอไม้เห็นเป็ดปุ๊กกำทำท่าจะเดินออก ดำต้องดึงตัวไว้ เป็ดปุ๊กเขย่าจนติ้วหลุดออกมา แล้วหยิบขึ้นมาดู
“ได้สิบสอง”
“โน่นค่ะ ไปเอาใบทำนายตรงโน้น”
ฝ้ายกับตั๊กแตนพาเป็ดปุ๊กไปเอาใบทำนาย ดำพาไม้เข้ามาเสี่ยงเซียมซี ไม้นั่งลง แล้วเริ่มเขย่าเซียมซี
เป็ดปุ๊กอดหันมามองไม่ได้ ไม้เขย่าอยู่ครู่หนึ่ง ติ้วก็หล่นออกมา เขาหยิบขึ้นมาดู
“เลขสาม”
“มาเลย ไปดูกันว่าจะเฮงหรือซวย” ดำชวน
“ต้องเฮงอยู่แล้ว” ไม้บอกทันที
ดำกับไม้ พากันไปเอาใบทำนายที่จุดใบทำนาย ฝ้ายกับตั๊กแตนอ่านคำทำนายแล้วหัวเราะกันคิกคัก
“ไหนเขาว่ายังไง” เป็ดปุ๊กอยากรู้
“แม่นมากๆเลยค่ะ” ฝ้ายยิ้ม
ดำเอาใบเลขสามมา แล้วอ่านดู พร้อมกับหัวเราะออกมา ไม้สงสัย
“มันยังไงวะเนี่ย ใครเสียงเซียมซีกันแน่”
“พี่ต้องไม่เชื่อแน่ๆเลยพี่ไม้ จะตรงอะไรขนาดนั้น”
ย่าขวัญ เชียร และหทัยเดินมา แล้วนั่งที่ม้าหินใกล้ๆศาลาเซียมซี
“ไหน เอามาดูซิ โชคดีหรือเปล่า” ย่าขวัญเรียก
ฝ้าย ตั๊กแตนและดำเดินมาหาย่าขวัญ เป็ดปุ๊กหันไปมองไม้นิดหน่อย แล้วเดินไปสมทบ ไม้ก็เดินตามมา
“แม่นจริงๆคุณย่า” ฝ้ายบอกอย่างตื่นเต้น
“ให้หนูเป็ดเขาอ่านซิ” ย่าขวัญบอก
ฝ้ายส่งใบทำนายให้ เป็ดปุ๊กอ่านดูในใจ แล้วอึ้งๆ
“เอ้า อ่านให้ทุกคนได้ยินซิลูก” เชียรบอก
เป็ดปุ๊กอึกอักนิดหน่อย แล้วอ่าน
“ใบสิบสองถ้ามีเรื่องให้เคืองโกรธคนใจโหดชอบรังแกแย่นักหนา ไม่รู้ถูกรู้ผิดจิตระอา ภาวนาเท่านั้นจะล้างใจ ถ้าไม่ลดโทสะจะไม่สุข เขาแรงมา เราก็รุก ทุกข์ถึงไหน เพียงแต่ละความโง่เขลาเราอภัย แล้วจะยิ้มกันได้ใจสุขเอย”
อ่านต่อหน้า 4
ในสวนขวัญ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ย่าขวัญหันไปหาไม้
“แล้วของไม้ล่ะ”
“ของคุณไม้ยิ่งแม่นกว่า”
ดำส่งใบทำนายให้ ไม้อ่านดูนิดหน่อย
“อุ๊ย ไร้สาระ”
“ไม้ อ่านเลยลูก” ย่าขวัญมองหน้าไม้
ไม้จำเป็นต้องอ่าน
“ใบที่สามความทุกข์ยังรุกล้อม กินไม่ได้ผ่ายผอมยอมไม่ไหว ถูกสะบัดตัดรักหักเยื่อใย คนเคยรักเขาผลักไสไม่ยินดี”
“อ๊าย” เด็กๆส่งเสียงแซวกัน
“ไม่ฟังแล้วนะ” ไม้ดุเสียงเข้ม
“อ่านต่อซิไม้ ย่าอยากรู้”
ไม้เหลือบมองเป็ดปุ๊กนิดหน่อย แล้วอ่านต่อ
“แต่ถ้าสู้ก็มีหวังรั้งไว้ได้ ตื้อเท่านั้นชนะใจเขาไม่หนี ต้องขยันหมั่นรุกทุกวิธี แล้วคนดีจะรักหลงจนลงเอย”
“อ๊าย” เด็กๆร้องแซวกันอีก
“ไม่เห็นจะแม่นเลย”
เป็ดปุ๊กรู้สึกอาย แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั้น ย่าขวัญรีบบอกไม้
“ตามไปซิ เซียมซีบอกให้ตื้อไม่ใช่เหรอ”
“โธ่ย่าครับ ไว้ให้เขาอารมณ์ดีๆก่อนละกัน”
ไม้มองตามเป็ดปุ๊กไป
รถตู้จอดอยู่ข้างๆบ้าน เป็ดปุ๊กออกมาจากในห้อง มายืนอยู่ที่ระเบียง แล้วครู่หนึ่งก็เดินลงจากบ้าน จะเดินไปที่หาด ฝ้ายออกมาจากห้องครัวชั้นล่าง
“คุณเป็ดจะไปไหนคะ”
“เดินเล่นแถวนี้แหละ”
เป็ดปุ๊กเดินออกไป ฝ้ายรีบออกมาจากห้องครัว แล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้าน มาที่หน้าห้องไม้ เคาะประตูเรียก
“พี่ไม้ พี่ไม้”
ไม้เปิดประตูออกมา
“มีอะไร”
“คุณเป็ดไปโน่นแล้ว” ฝ้ายชี้ไปที่หาด
ไม้มองตามเห็นเป็ดปุ๊กยืนอยู่ริมหาด
“ขอบใจนะ”
ไม้เดินลงจากบ้านไป ฝ้ายมองตามไปครู่หนึ่ง แล้วหันมาบอกทุกคน
“ทุกคนๆ ออกมาเร็วด่วนจี๋”
ทุกคนที่เหลือทยอยออกมา ย่าขวัญเข้ามาถาม
“อะไรกันนังฝ้าย อะไรด่วนจี๋”
“โน่นค่ะ สนใจไหม” ฝ้ายชี้ไปทางหาด
ทุกคนมองตามที่ฝ้ายชี้ไป พอเห็นเป็ดปุ๊กกับไม้ ทุกคนก็ทยอยลงจากบ้าน
“อุ๊ย เดี๋ยวซิคะ ขอเอาหมวกก่อน อย่าเร็วนัก”
ฝ้ายกลับเข้าไปในห้อง ขณะที่ทุกคนลงไปข้างล่าง
เป็ดปุ๊กเดินมาตามลำพัง ย่ำน้ำมาตามริมหาด ครู่หนึ่งเธอหันมาเห็นไม้เดินตามมาก็หันกลับ ทำท่าจะเดินหนี ไม้รีบวิ่งตามมาให้ทัน
“คุณเป็ด เดี๋ยวซิ”
เป็ดปุ๊กเดินช้าลง ไม้ตามมาทัน
“ตามมาทำไม”
“เห็นคุณอยู่คนเดียว”
“คิดจะทำอย่างที่เซียมซีทำนายล่ะซิ อย่าหวังเลย ไม่สำเร็จหรอก”
“แต่มันก็เหลือเชื่อ ทั้งของคุณของผม ตรงมาก”
“มันบังเอิญหรอก คำทำนายพวกนี้ เขาก็เขียนให้มันกลางๆไว้ ใครได้เบอร์อะไรก็จะรู้สึกว่าตรงไปหมด”
“ผมก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรอก แค่...มีหลายอย่างที่เราไม่เคยคุยกันให้เข้าใจ”
“ฉันเข้าใจทุกอย่าง นายไม้ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนายนะ แค่หงุดหงิดพฤติกรรมบางอย่างของนาย”
“ผมพอจะรู้ว่าพฤติกรรมอะไรที่คุณไม่ชอบ ผมจะพยายามไม่ทำอีก...เพื่อคุณ”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก”
“แต่คุณเองก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“เรื่องอะไร”
“จำวันที่ผมชกกับโอมได้ไหม”
เป็ดปุ๊กพยักหน้ารับ
“พอผมชกโอมล้มลงไป แล้วคุณเข้าไปประคองโอม แล้วก็ตวาดใส่ผมว่า อยากให้เขาตายหรือไง วินาทีนั้น ทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด โอม สำคัญสำหรับคุณมากขนาดนั้นเลย”
“มันตั้งนานแล้วนี่”
“คุณไม่ได้รู้สึกกับเขาอย่างนั้นใช่ไหม”
“ฉันจะไปรู้สึกอย่างนั้นได้ยังไง ฉันแทบไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ เขาเป็นแค่ผู้จัดการหมู่บ้าน ที่ฉันทำแบบนั้น เพราะอยากให้เรื่องมันจบ ฉันอยากให้เขาออกไปให้พ้นจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากให้นายทำร้ายเขาอีก เพราะคนที่จะเดือดร้อน...คือ...นาย”
“คุณทำเพื่อผม”
ไม้มอง เป็ดปุ๊กมองตอบ
“นายสำคัญสำหรับฉันมากกว่าเขา”
ทุกคนหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ห่างออกมาจากหาด ตาก็มองไปที่เป็ดปุ๊กกับไม้ ดำพูดขึ้น
“มองตากันแล้ว”
ย่าขวัญหันมาปราม
“เบาๆซิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยิน”
“ไม่ได้ยินหรอกครับ ตรงนั้นเสียงคลื่นมันดัง”
“รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ มาแอบดูลูกสาวตัวเอง” เชียรถอนใจ
ตั๊กแตนแทรกขึ้น
“คุณย่าแอบดูหลานตัวเองยังไม่รู้สึกผิดเลยค่ะ”
ย่าขวัญหันมามอง ตั๊กแตนยิ้มแหยๆยกมือไหว้
ฝ้ายลงมาจากบ้านพัก ใส่หมวกแก๊ปสีแดงลงมามองหา
“ไปไหนกันหมดแล้วเนี่ย”
ฝ้ายมองไปตามหาดทราย ก็เห็นกลุ่มของย่าขวัญหลบอยู่หลังต้นไม้
“ไม่รอกันเลย”
ฝ้ายรีบวิ่งไปหา
ไม้กับเป็ดปุ๊กยังยืนมองตากันอยู่ ครู่หนึ่งคลื่นค่อนข้างแรงซัดเข้ามา ไม้รีบคว้ามือเป็ดปุ๊ก แล้วดึงขึ้นมาบนฝั่ง
“ทำอะไร”
“คลื่นมันแรง กลัวคุณจะเปียก”
“ฉันไม่กลัวหรอก เรื่องเปียกเนี่ย”
“จริงหรือเปล่า”
ไม้วักน้ำทะเลสาดใส่เป็ดปุ๊กทันที
“อะไรเนี่ย”
เป็ดปุ๊กวักน้ำสาดใส่บ้าง ไม้ก็วักน้ำใส่หลายครั้งเลย เป็ดปุ๊กวิ่งหนีลงไปในน้ำ แล้วสาดน้ำใส่ ไม้วิ่งตามลงไปสาดน้ำใส่ใหญ่ เป็ดปุ๊กก็สาดน้ำใส่กลับ เป็ดปุ๊กหันหน้าไปทางอื่นแล้วสาดน้ำไปจนครู่หนึ่ง เป็ดปุ๊กรู้สึกว่าไม้ไม่ได้สาดน้ำ เธอจึงหยุดสาดน้ำ แล้วหันมามอง ไม้หายไปจากบริเวณนั้นแล้ว เป็ดปุ๊กเริ่มงงๆ แล้วหันมองหา แต่ก็ไม่เห็น
“ไม้ อยู่ไหน ไม้ เล่นแบบนี้ไม่ดีนะ ฉันไม่ชอบ”
เป็ดปุ๊กหันซ้ายหันขวามองหาแต่ก็หาไม่เจอ เริ่มรู้สึกไม่ดี
“ไม้ ไม่เอานะ อย่าเล่นแบบนี้”
เป็ดปุ๊กเริ่มรู้สึกแย่ แล้วทันใด ไม้ก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ ใกล้ๆกับที่เธอยืนอยู่ เป็ดปุ๊กนึกโมโห ทุบเขาเข้าให้ ไม้หัวเราะไปด้วยปัดป้องไปด้วย แต่พอเป็ดปุ๊กทุบหนักเข้า ไม้ก็จับมือเธอไว้ แล้วจับหันไป ตัวเองก็กอดไว้จากทางด้านหลัง
“ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”
“ก็คุณทำร้ายผมก่อน ผมไม่ยอมหรอก”
“ไม้ ขอร้อง”
ไม้ยังกอดอยู่อย่างนั้น ครู่หนึ่งเป็ดปุ๊กนิ่งไป ไม้รู้สึกไม่ดี
“โกรธเหรอ”
“เปล่าหรอก โน่น”
เป็ดปุ๊กพยักหน้าให้มองไปที่พุ่มไม้ เห็นฝ้ายกระโดดหยองแหยงไปที่กลุ่มย่าขวัญ หมวกแดงของฝ้ายดูเด่นมาก ไม้ปล่อยแขนจากเป็ดปุ๊กทันที พร้อมกับหัวเราะ เป็ดปุ๊กก็ขำไปด้วย
ฝ้ายเข้ามาร่วมกลุ่ม
“ไม่รอกันเลย ถึงไหนแล้วคะ”
ดำหันมามองหน้าฝ้ายเซ็งๆ
“ถึงไหนอะไรกันเล่า โน่น เขาแยกกันแล้ว เพราะเธอนั่นแหละ”
“พี่ฝ้ายเนี่ย ตัวบ่อนแตกจริงๆเลย” ตั๊กแตนส่ายหน้า
“กำลังจะดีแล้วเชียว นังฝ้ายเอ๊ย มาตีทีซิ” ย่าขวัญเซ็ง
ย่าขวัญตีก้นฝ้าย เด็กคนอื่นๆเลยขอผสมโรงด้วย ฝ้ายร้องลั่น
“โอ๊ย เจ็บนะ พอแล้ว”
“จุ๊ย์ๆ โน่นๆ ขึ้นจากน้ำแล้ว” เชียรจุ๊ปาก
ทุกคนหันกลับไปมองที่ริมหาด
ไม้จูงมือเป็ดปุ๊กขึ้นมาจากหาด พอเป็ดปุ๊กขึ้นจากน้ำ ไม้ก็ปล่อยมือ สองคนเดินเคียงคู่กันไป ครู่หนึ่งเป็ดปุ๊กยื่นมือมาจับมือไม้
สองคนจับมือกันเดินไป
วันต่อมา หทัยเดินเข้ามาหน้าบ้านย่าขวัญร้องถาม
“คุณแม่คะ อยู่ไหมคะ”
เสียงย่าขวัญดังออกมาจากในบ้าน
“อยู่ในบ้านลูก จัดของอยู่ เข้ามาเลย”
หทัยแปลกใจ แล้วเข้าไปในบ้านหทัยเดินเข้ามา แล้วชะงักย่าขวัญกำลังจัดของหลายถุงที่อยู่บนโต๊ะ
“อะไรคะเนี่ย เยอะแยะเลย”
“ของทะเลแห้งน่ะ”
“ใครเอามาฝากเหรอคะ”
“แม่ซื้อมาเองแหละ ไปทะเลทั้งทีก็ต้องติดมือมาฝาก นี่กำลังแบ่งถุงอยู่”
“ไปทะเล คุณแม่ไปเมื่อไหร่คะ”
“อะไร นี่ไม่รู้เหรอ ไปมาสองวันแล้ว เพิ่งกลับมาเมื่อวาน”
“แหม น่าเสียดาย หทัยอยากไปด้วยจัง แต่คุณแม่ได้ไปพักผ่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ ไม่เห็นคุณแม่ไปต่างจังหวัดหลายปีแล้ว”
“ความจริงแม่ไม่ได้ไปเพื่อตัวเองหรอก”
“อ้าว แล้วไปเพื่อใครล่ะคะ”
“เพื่อเจ้าไม้กับหนูเป็ด”
“ยังไงกันคะ หทัยไม่เข้าใจ”หทัยแปลกใจ
“แม่อยากให้สองคนเขา...ลงเอยกัน”
“อะไรนะคะ มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“แหม หทัย เธอควรจะเลิกหมกตัวอยู่แต่กับงาน แล้วหันมามองคนอื่นๆรอบตัวบ้างนะ”
“หทัยก็เคยได้ยินพิกุลพูดให้ฟังบ้าง ว่าสองคนเขาสนิทกัน แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาด...ลงเอยกันได้”
“ไม้น่ะมันชอบหนูเป็ด แต่มันปากแข็ง ไม่ยอมบอกเขา ส่วนหนูเป็ดน่ะ เขาก็ดีกับมัน แต่เขายังดูใจมันอยู่ ไปทะเลเที่ยวนี้ก็เพราะอยากให้สองคนได้สารภาพความในใจกัน”
“แล้วสำเร็จไหมคะ”
“ก็เกือบๆแล้ว สองคนเลิกงอนกันแล้ว แต่ยังปากแข็งเหมือนเดิม”
“คุณเป็ดปุ๊กแกเป็นคนดีมากเลย ต้องคนอย่างนี้แหละ ถึงจะเหมาะกับไม้ แหม หทัยอยากมีส่วนช่วยจังเลย แต่ไม้คง...”
“ต้องให้เวลามันอีกหน่อย หทัยสนิทกับหนูเป็ด ก็ช่วยเชียร์ทางนั้นก็แล้วกัน”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”หทัยยิ้ม
เสียงเห่าของเจ้าเอ๋งดังเข้ามา แล้วตามด้วยเสียงศักดิ์
“เฮ้ย ไปไกลเลยไอ้หมาบ้า อยากตายหรือไง”
หทัยกับย่าขวัญหันมามองกัน
“แม่อยู่ไหมครับ”
ย่าขวัญตะโกนตอบไป
“อยู่ เข้ามาเลย”
ศักดิ์เข้ามาในบ้าน
“หวัดดีครับแม่” ศักดิ์ชะงักเมื่อเห็นหทัย นึกไม่ชอบ “คิดว่าแม่อยู่คนเดียว”
“กำลังจะกลับพอดี...กลับก่อนนะคะแม่” หทัยไหว้ลาย่าขวัญ
หทัยเดินผ่านศักดิ์จะออกจากบ้านศักดิ์พูดเบาๆกับหทัย
“มาประจบเอาอะไรแม่ฉันเหรอ”
“แค่แวะมาเยี่ยมน่ะ”
แล้วหทัยก็ออกจากบ้านไป
หทัยเดินออกมาจากในบ้าน จะออกไปที่ถนน แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี เดินไปใต้หน้าต่าง แล้วฟังการสนทนา
ของทั้งสองย่าขวัญหันมาถามศักดิ์
“ลืมอะไรไว้เหรอลูก”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับแม่วันก่อนในงานวันเกิดแม่น่ะ ผมได้คุยกับคุณกรณ์ แล้วได้ความคิดอะไรดีๆหลายอย่างเลยแม่”
หทัยรู้สึกไม่ชอบทันทีที่ได้ยินชื่ออลงกรณ์ ตัดสินใจอยู่ฟัง...ย่าขวัญเดินลงมานั่งที่เก้าอี้รับแขก ศักดิ์ลงมานั่งคุยต่อ
“คุณกรณ์เขาเล่าแผนการให้ผมฟังว่า เขาจะทำหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ แล้วชวนผมร่วมหุ้นด้วย เขาจะต่อยอดจากหมู่บ้านเสริมขวัญไงแม่ ทำบ้านขนาดเล็กลง ราคาถูกกว่า แต่จะมีสาธารณูปโภคระดับเดียวกับหมู่บ้านเสริมขวัญ งานนี้รับรองขายหมด รวยเละแน่ๆ”
“ถ้าทำได้จริง”
“ทำได้อยู่แล้วล่ะแม่ สมองเขาระดับไหน หมู่บ้านเสริมขวัญยังขายดิบขายดีเห็นไหมล่ะ”
“คุณกรณ์เขามีที่ดินแล้วเหรอ”
“ก็ที่ดินผืนนี้ไงแม่ ที่สวยจะตายไป เชื่อมกับหมู่บ้านเสริมขวัญได้เลย แถมที่ยังติดถนน ผมมีที่ คุณกรณ์มีแผนงานที่เฉียบคม ยังจะลูกชายของเขาที่จะทำทางด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้อีกล่ะ งานนี้เงินเห็นๆนะแม่”
ย่าขวัญยังนิ่งๆอยู่ ไม่ได้เห็นคล้อยตามไปกับศักดิ์เท่าไหร่
“เชื่อผมซิ รับรอง ครั้งนี้ต้องไปได้สวย แค่แม่ยกที่ดินผืนนี้ให้ผมเท่านั้นแหละถึงไง แม่ก็ต้องยกที่ดินผืนนี้ให้ผมอยู่แล้วนี่ จะให้ตอนนี้ หรือให้ตอน...ตอนไหน ยังไงก็ต้องให้ใช่ไหมล่ะแม่”
ย่าขวัญไม่ตอบ ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะที่มีแก้วกับขวดน้ำ รินน้ำกิน
“โอนที่ให้ผมตอนนี้เหอะแม่ แม่จะได้เห็นว่าผมเอาที่ดินแม่ไปต่อยอดทำธุรกิจให้เจริญก้าวหน้า แม่จะได้ชื่นใจไงล่ะว่าลูกแม่ประสบความสำเร็จ”
ย่าขวัญดื่มน้ำ เหมือนไม่ได้ยินศักดิ์พูด
“แม่”
“เราพูดเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่เหรอลูก”
“แต่ตอนนั้นผมยังไม่มีแผนงานชัดเจนเหมือนตอนนี้นี่แม่ ผมกับคุณกรณ์ช่วยกันคิดวางแผนอย่างดี รับรองไม่พลาด หรือแม่ไม่เชื่อฝีมือผม”
“นั่นมันอีกเรื่องนึง เรื่องที่แม่อยากจะพูดกับศักดิ์ซ้ำอีกครั้งก็คือแม่ยกที่ดินในส่วนของศักดิ์ ให้ศักดิ์ไปแล้ว”
“แม่ก็รู้ ที่นั่นผมขายให้พี่เสริมไปแล้ว เลิกพูดถึงมันได้ไหมครับเรากำลังพูดถึงที่ผืนนี้กันอยู่” ศักดิ์ชี้ลงไปที่พื้น
“แต่ที่ตรงนี้มันเป็นของแม่”
“ซึ่งในที่สุด วันนึงมันก็ต้องเป็นของผม”
“แม่ไม่เคยพูดสักคำนะว่าแม่จะยกที่ผืนนี้ให้ศักดิ์”
“แล้วแม่จะให้ใคร ให้ไอ้ไม้ใช่ไหมมีอะไรก็เอาไปประเคนให้มันจนหมด แม่จะใจจืดใจดำกับลูกไปถึงไหน นี่เหรอรักลูกห่วงลูก แม่ทำแบบนี้ได้ยังไง แม่เป็นแม่ประสาอะไร”
“ศักดิ์”ย่าขวัญพูดเบาๆ เจ็บปวด
หทัยก็กลับเข้ามาในบ้าน
“ขอโทษนะคะ”
ทั้งศักดิ์และย่าขวัญชะงัก
“ฉันว่าจะกลับมาเอาอาหารทะเลแห้ง พอดี...ได้ยิน คุณแม่เพิ่งได้ทำบุญ อิ่มอกอิ่มใจมาหยกๆ อย่าเพิ่งหาเรื่องอะไรมารกใจคุณอีกเลยนะคะ”
“อย่ายุ่งได้ไหม”ศักดิ์จ้องหน้าหทัย
“คงไม่ได้ค่ะ เพราะคุณแม่ก็เป็นแม่ฉันเหมือนกัน”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะหทัย ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอเองก็อยากได้ที่ผืนนี้อยู่เหมือนกันใช่ไหม คงดีใจล่ะซิ ที่แม่จะยกให้ไอ้ไม้”
“ฉันไม่เคยมีความคิดแบบนั้น ไม้มีสมบัติของคุณเสริม พ่อของเขาอยู่แล้ว และฉันก็เก็บรักษาผลประโยชน์ไว้ให้เขาอย่างดี ฉันไม่ต้องการที่ดินของคุณแม่หรอก”
“เก็บรักษาไว้ให้ไม้ ฉันลืมไป เธอมันก็ใจดำเหมือนกับแม่นั่นแหละ อะไรก็ยกให้ไอ้ไม้ ทั้งๆที่คุณกรณ์เขาอุตส่าห์ช่วยลงแรงทำกันมากลับไม่ได้ซักสตางค์แดงเดียว จนเขาต้องมาคิดทำโครงการใหม่ระวังให้ดีเหอะ สักวันทั้งลูกทั้งผัวจะเฉดหัวทิ้ง แล้วอย่าหวังว่าไอ้ไม้มันจะเลี้ยงเธอนะ ได้ยินว่ามันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นแม่ไม่ใช่เหรอ”
หทัยรู้ว่าศักดิ์แค่ต้องการพูดให้บาดใจเธอ หทัยเจ็บ แต่พยายามห้ามความรู้สึกไว้
“นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัวฉันค่ะ คุณไม่เกี่ยว”
“งั้นนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัวฉันเหมือนกัน เธอ หรือใครหน้าไหน ก็ไม่มีสิทธิ์มา...เสือก”
“แต่ฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว มันเกี่ยวข้องกับชีวิตคุณแม่ด้วยถ้าคุณเอาที่ดินผืนนี้ไป แล้วคุณแม่จะไปอยู่ที่ไหน แม่อายุปูนนี้แล้วนะคะ”
“แม่คนเดียว ฉันเลี้ยงได้น่า”
“งั้นก็ทำซะตอนนี้ดีกว่าไหมคะ เอาซิคะ เลี้ยงดูแม่ให้ดี ให้สุขกายสบายใจในที่ๆแม่อยากอยู่อยากใช้ชีวิตไปจนตาย ที่ผ่านมาฉันไม่เห็นคุณมาหาแม่สักครั้ง วันทำบุญครอบวันตายของพ่อหรือของเสริม คุณก็ไม่มา คุณจะมาหาแม่ก็ต่อเมื่อไม่มีเงินไม่อีกทีก็มา ขอ มา ไถ”
ศักดิ์โกรธมาก กำมือแน่น หน้าแดงก่ำ
“อีหทัย มึงอย่าเสือกเรื่องของกูได้ไหม ทางใครทางมันดีกว่า ไม่งั้นกูจะบอกคุณกรณ์ให้เขาตบมึง
ให้คว่ำ”
ย่าขวัญเข้ามาขวางระหว่างทั้งสอง
“พอเถอะศักดิ์ หทัย อย่าทะเลาะกันเลย แม่ขอร้อง
ศักดิ์และหทัยชะงัก
“กลับไปก่อนเถอะ แม่อยากอยู่เงียบๆ”
ศักดิ์หัวเสียออกจากบ้านไปหทัยมองตามศักดิ์ไปนิดหน่อย แล้วหันมามองย่าขวัญ
“หทัยขอโทษนะคะแม่”
ย่าขวัญนิ่งอยู่ ไม่สบตากับหทัย
หทัยเดินซึมๆมาในสวนหย่อมของหมู่บ้าน แล้วนั่งลงที่ม้าหินเป็ดปุ๊กกับเชียรเดินมากันแต่ไกล สองคนอยู่ในชุดจ๊อกกิ้ง เป็ดปุ๊กจูงยักษ์เบิ้มมาด้วยเชียรหันไปถามเป็ดปุ๊ก
“ว่าไง หมดแรงแล้วเหรอ แพ้พ่อก็ได้นะ”
“ก็เคยมาวิ่งทีไหนล่ะคะ”
สองคนหัวเราะกันแล้วเชียรก็เห็นหทัยนั่งอยู่ ท่าทางซึมๆ
“คุณหทัย”
หทัยรู้สึกตัวหันมา
“คุณเชียร คุณเป็ด มาออกกำลังเหรอคะ”
“เป็ดปุ๊กเขาชวนน่ะครับ อยากจะลองจ๊อกกิ้งดู แต่ไม่ไหว กึ่งวิ่งกึ่งเดินอยู่นี่แหละ”
“ก็พอกันนั่นแหละพ่อ อ้อ ไม่ต้องกลัวเจ้ายักษ์เบิ้มจะทำสนามเลอะเทอะนะคะ มีอุปกรณ์มาพร้อมค่ะ” เป็ดปุ๊กล้วงถุงพลาสติคออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ดีนะครับที่หมู่บ้านนี้ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น เลยไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยเป็ดปุ๊กคิดไม่ผิดที่ซื้อที่นี่”
“แต่ฉันอาจจะคิดผิดที่ทำหมู่บ้านนี้ขึ้นมา”
“อ้าว”เชียรกับเป็ดปุ๊กร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“มีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ”หทัยหัวเราะหึๆกลบเกลื่อน
“ค่อยๆคิดค่อยๆแก้ไปครับ ทุกคนก็มีปัญหากันทั้งนั้น”
“ก็พยายามบอกตัวเองอย่างนั้นล่ะค่ะ แต่ปัญหาของฉันมันซับซ้อน ต่อเนื่อง ยืดยาว มันนัวเนียไปหมด จนไม่รู้จะเริ่มต้นแก้ตรงไหนเลยคิดว่า รู้งี้ ไม่น่าคิดทำหมู่บ้านขึ้นมาเลย”
หทัยหยุดไป เชียรกับเป็ดปุ๊กหันมามองกัน เป็ดปุ๊กทำท่าจะถาม แต่หทัยพูดขึ้นก่อน
“ที่คิดทำตอนนั้นก็เพราะไม้”
เชียรพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
อ่านต่อตอนที่ 12