xs
xsm
sm
md
lg

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 5

ด้านสาจูงมือหญิงโสภาเข้ามาที่สวนข้างบ้าน ตรงที่มีม้านั่ง แม้จะเป็นกลางคืน แต่สวนก็ถูกตกแต่งด้วยไฟอย่างสวยงาม ดูโรแมนติก หญิงโสภามองไปรอบตัวอย่างตื่นๆ

“คุณหญิงรอที่นี่นะคะเดี๋ยวสามา”
หญิงโสภาดึงมือสาไว้ “สาจะไปไหน”
“สาจะไปตามคุณสมศักดิ์ไงคะ รีบคุยกันจะได้รีบกลับ...ไม่ต้องกลัวค่ะคนดี เดี๋ยวสากลับมา”
สาเดินออกไปทางตัวบ้าน ลับตาไป
หญิงโสภายืนเคว้งคว้าง พอหันมาอีกด้าน ก็เห็นสมศักดิ์เดินออกมาจากหลังต้นไม้ ทอดเสียงนุ่มทัก
“คุณหญิงโสภา”
หญิงโสภาตัวแข็ง พูดไม่ออกสมศักดิ์เดินใกล้เข้ามา
“พูดอะไรสักคำสิครับ คุณหญิง ผมจะได้แน่ใจ ว่าผมไม่ได้ฝันไป”
หญิงโสภาไม่พูดด้วยเขิน สมศักดิ์เดินมายืนตรงหน้า
“แต่ถ้านี่มันเป็นความฝัน ก็ขอให้ผมหลับใหลอยู่อย่างนี้ไปชั่วชีวิต”
หญิงโสภาถามเสียงเบาหวิว “ทำไมล่ะคะ”
“เพราะผมรู้ดีครับ ว่าถ้าผมตื่นขึ้นมา คุณหญิงโสภาก็คงจะลอยจากไปเหมือนดวงจันทร์ที่ทิ้งกระต่ายให้แหงนคอยอยู่อย่างนั้น”
“หญิงไม่ใช่ดวงจันทร์”
“งั้น...ผมก็ทำได้มากกว่ามอง...ใช่ไหมครับ”
สมศักดิ์เอื้อมมือไปกุมมือหญิงโสภา หญิงโสภาตกใจ แต่พอได้รับรู้ถึงสัมผัสที่อบอุ่น ทะนุถนอม ก็ยินยอมให้สมศักดิ์จูงไปนั่งคุยที่ม้านั่งโดยดี
สานั่งหลบมุมอยู่ แอบดู บ่นพึมพำ
“เวรกรรมอะไรของกู๊ ต้องมานั่งแอบดูเขาอย่างนี้ อีสาเอ๊ย”
สาดูไป ตบยุงไปด้วยเปาะแปะ ทั้งอิจฉา ทั้งห่วงหญิงโสภา ทั้งอนาถชีวิตตัวเอง

อีกฟาก รถจอดหน้าวัง ชิดรีบมาเปิดประตูให้หม่อมพริ้ม หม่อมพริ้มรีบเดินเข้าตึก
หม่อมพริ้มเดินเข้ามาที่โถงทางเข้า เจิมลุกลี้ลุกลนตามด้วยความร้อนใจ มือหิ้วรองเท้า ไม่ใส่แล้วพุดรีบเข้ามารับหน้า
“พุด สาอยู่กับคุณชายหรือเปล่า”
พุดยอบตัวลง “อยู่แต่นังหวนค่ะ หม่อม”
“ไปดูที่เรือนบ่าวสิ มันอยู่ที่นั่นไหม”
“บ่าวไปเองเจ้าค่ะ”
เจิมรีบร้อนออกไป หม่อมพริ้มมองไปทางห้องชายรวี แล้วเดินอาดๆ ไป

ในห้องนอนคุณชายรวีช่วงโชติ เหลือไฟแค่พอรำไร หวนนั่งไกวเปลอยู่คนเดียวหม่อมพริ้มเดินเข้าไปในห้อง ท่าทีสงบลงเพราะกลัวรบกวนชายรวี
หม่อมพริ้มถามเสียงเบา “ชายรวีหลับแล้วหรือ”
“ค่ะ หม่อม”
“เอ็งเลี้ยงคุณชายอยู่คนเดียวรึ หวน” หวนพยักหน้า “แล้วอีสาไปไหน”
“มันเรียกให้บ่าวมาดูคุณชาย แล้วหายตัวไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วเจ้าค่ะ”
หม่อมพริ้มกำมือแน่น โกรธจัด เดาออกว่าสาไปไหน

อีสานั่งเซ็งรออยู่ ยุงกัดแก้ม สาตบผัวะ เลยตื่นตัวขึ้นมา สามองไปที่ดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่กลางฟ้า สะดุ้งพรวด
“ตาย... นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามกันนี่”
สารีบลุก เดินเข้าไปพลางร้องเรียก
“คุณหญิงขา คุณหญิง...ดึกแล้ว กลับได้แล้วค่ะ”
ที่ม้านั่งหญิงโสภาอิงแอบแนบซบอยู่ในอ้อมแขนสมศักดิ์รีบผละออก ลุกขึ้นทันที
สามองจับผิด “มัวทำอะไรกันอยู่เนิ่นนาน กลับได้แล้วค่ะ”
หญิงโสภาอายมาก “จ้ะๆ” รีบบอกลาสมศักดิ์ “หญิงต้องไปแล้วค่ะ”
สมศักดิ์ตาเชื่อมคว้ามือไว้ “เมื่อไหร่ผมจะได้พบคุณหญิงอีกล่ะครับ”
“หญิง... หญิง”
สาหมั่นไส้ กระชากมือหญิงโสภาออกมา ดันให้เดินไป
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ คุณ...” สาดุหญิงโสภา “ไปค่ะ ออกมานานแล้ว เดี๋ยวคนจะสงสัย”

สาพาคุณหญิงโสภาเดินมาจากทางด้านรั้วซักไซ้ไปด้วย
“คุณสมศักดิ์เค้าทำอะไรคุณหญิงบ้างรึเปล่าคะ
หญิงโสภาอายมาก ตอบอุบอิบ “เปล่า”
“สาไม่เชื่อหรอก นั่งกันอยู่มืดๆ ตั้งนานสองนาน นอกจากจับมือถือแขนแล้วทำอะไรอีกคะ”
คุณหญิงโสภายิ่งอายหนัก “เปล่า”
“ไม่จริง บอกสามานะคะ เขากอดเขาจูบคุณหญิงไปแล้วหรือยัง”
หญิงโสภาอายมาก “สาอ้ะ
สาเอามือปิดปากหญิงโสภา หญิงโสภาตกใจ สากระชากหญิงโสภาเข้าไปหลบพุ่มไม้

“ชู่ว์ เงียบค่ะ”

ทั้งสองเห็นเจิมเดินมา หน้าตาเอาเรื่องมองหาสา ปากก็ร้องเรียก

“อีสา ข้าเห็นเงาคนไหวๆ นั่นเอ็งใช่ไหม อีนังสา”
สากับหญิงโสภามองหน้ากัน แตกตื่น
หญิงโสภากระซิบ “เจิมเห็นเราแล้ว ทำยังไงดีล่ะ”
“ป้าเจิมแกพูดดักไปงั้นแหละค่ะ เอางี้ คุณหญิงวิ่งอ้อมไปทางโน้นนะคะ แล้วหลบขึ้นไปทางบันไดหลัง”
“แล้วสาล่ะ”
“สาจะล่อป้าเจิมไปเอง... คุณหญิงหลบเข้าห้องดีๆ อย่าให้ใครเห็นนะคะ แล้วถ้าใครถาม ก็บอกว่าเข้านอนแต่วัน อย่ารับเป็นอันขาด ว่าออกมาข้างนอก”
“แต่ว่า…สา”
สาไม่ฟัง ออกวิ่งลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ เจิมได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบ หันมองเห็นร่างของสาแวบๆ
“อีสา เอ็งจะหนีไปไหน หยุดนะ อีนังสา”
เจิมวิ่งตามสาไป

สาวิ่งไปหลบไป จนเห็นเจิมกระย่องกระแย่งตามมาห่างๆ สาวิ่งมา จนมาเจอเข้ากับหม่อมพริ้ม ที่ยืนอยู่สาชะงักกึกขาแข็ง
“หม่อม”
หม่อมพริ้มหน้านิ่ง ดุ เสียงเย็นเยียบจับขั้วกระดูก
“เอ็งวิ่งหนีอะไร นังสา ลืมไปหรือไงว่าเอ็งกำลังมีท้อง”
สาอึ้ง เพิ่งนึกได้ เจิมตามมาทันพอดี หอบแฮก
“หรือเอ็งจะวิ่งให้ลูกมันหลุดออกมา จะได้ไประริกระรี้กับผู้ชายให้สบายใจ”
สานิ่ง คิดหาทางเอาตัวรอด

ด้านหญิงโสภาย่องขึ้นบันได วิ่งกลับเข้าที่ห้องของตัวเอง ระหว่างที่กำลังเปิดประตูประตูห้องอีกห้องหนึ่งก็เปิดออกมา หญิงโสภาชะงัก หญิงจ้อยที่งัวเงียออกมา เห็นหญิงโสภาเข้า
หญิงจ้อยขยี้ตา ง่วงๆ งงๆ “พี่หญิง”
หญิงโสภาตอบเสียงอ่อย “จ๋า...”
“ไปไหนมาคะ”
“ไปเข้าห้องน้ำจ้ะ” แล้วคุณหญิงก็แกล้งหาว “ดึกแล้ว พี่นอนก่อนนะ”
หญิงโสภาเข้าห้องไป หญิงจ้อยยืนขยี้ตางงๆ ปากบ่นพึมพำ
“ไปห้องน้ำ ทำไมแต่งตัวสวยจัง”

เจิมลากแขนสาเข้ามาในห้องหนังสือบนตำหนักใหญ่ กดตัวให้สานั่งลงกับพื้น หม่อมพริ้มเกรี้ยวกราดใส่ทันที
“เอ็งไปหาคนที่ชื่อสมศักดิ์มาใช่ไหมอีสา”
สาก้มหน้างุด เจิมตวาด
“หม่อมท่านถาม ตอบท่านซีวะ”
สากัดฟัน ข่มความกลัว “ค่ะ”
“หน้าด้าน ไม่มียางอาย...เป็นสาวเป็นนาง วิ่งแร่ไปหาผู้ชายถึงบ้าน มันก็เลวเต็มทีแล้วแต่เอ็งมันเลวยิ่งกว่า”
หม่อมพริ้มบันดาลโทสะ ลงไปจิกหัวสาให้เงยหน้าขึ้นมาน้ำเสียงทั้งโกรธ ทั้งดูแคลนอย่างที่สุด
“มีลูกของท่านคาท้องอยู่ทั้งคน ถึงไม่อายผีสางเทวดา เอ็งก็น่าจะอายลูกที่อยู่ในท้องบ้างแต่นี่อะไร”
หม่อมพริ้มผลักสา จนสาเซไป
“ทำตัวเหมือนหมูเหมือนหมา อดอาจมไม่ได้”
สาเงยหน้ามองหม่อมพริ้ม น้ำตาเอ่อ เจ็บใจ เสียใจ ประชดออกมา
“จะหมูจะหมาหรือพญาหงส์ทอง ถึงเวลา มันก็ “อยาก” เหมือนกันทั้งนั้นล่ะค่ะหม่อม”
หม่อมพริ้มตบเผียะ สาหน้าหัน
“ต่ำ! สกปรก! ข้าคิดถูกแล้วที่ไม่ให้เอ็งเลี้ยงชายรวี” หม่อมลุกขึ้นยืน ประกาศกร้าว “นับแต่นี้ไป ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้เอ็งขึ้นมาตำหนักใหญ่ มือโสโครกของเอ็ง ห้ามมาแตะต้องชายรวีอีก”
สาน้ำตาไหลพราก เจิมตกใจ พยายามอ้อนวอน
“หม่อมเจ้าขา...”
“หุบปาก นังเจิม” หม่อมหันมาทางสา “เอ็งกลับไปนอนที่เรือนบ่าว แล้วถ้าข้าจับได้ ว่าเอ็งยังไปยุ่งกับไอ้ผู้ชายคนนั้น ...เอ็งคลอดลูกของท่านเมื่อไหร่ ข้าจะไสหัวเอ็งออกจากวังรวีวาร”

หม่อมพริ้มประกาศด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สามองจ้องด้วยนัยน์ตาวาววับ ทั้งเจ็บใจ ทั้งน้อยใจ

เช้านี้หม่อมพริ้มนั่งอยู่หัวโต๊ะ ห้องอาหาร วังรวีวาร หน้าตาไม่สดใส จากเหตุการณ์เมื่อคืน หญิงจิ๋มกับหญิงจ้อยในชุดนักเรียนเลยพลอยนั่งตัวลีบเล็ก
บนโต๊ะมีจานช้อนและอาหารจัดวางเรียบร้อย เจิม พุด หวนคอยรับใช้ข้างๆ อาหารเช้ายังเป็นข้าวและกับข้าวตามปกติ ทุกอย่างในห้องเงียบสนิท จนแทบได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดิน
หม่อมพริ้มดูนาฬิกาเรือนใหญ่ในห้อง เห็นว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงตรง ก็หันไปบอกเจิม
“ให้ตักข้าวเถอะไม่ต้องรอแล้ว
เจิมพยักหน้าให้พุดกับหวน ทั้งสองจะเข้ามาเสิร์ฟ พอดีหญิงโสภาเดินเข้ามา ทั้งสองชะงัก
หญิงโสภาไหว้หม่อมพริ้มก่อนลงนั่งประจำที่
“ขอประทานโทษค่ะ หม่อมแม่”
“ทำไมวันนี้ช้านักล่ะ หญิง”
“หญิงรอสาอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นขึ้นไป”
“ต่อไปไม่ต้องรอมัน หญิงแต่งตัวเอง หรือไม่ก็เรียกหวนหรือพุดขึ้นไปช่วย” หญิงโสภาทำหน้าสงสัย “แม่ไม่ให้สามันขึ้นมาบนตำหนักแล้ว”
หญิงโสภาตกใจ “ทำไมล่ะค่ะ หม่อมแม่” คุณหญิงสังหรณ์ใจไปเรื่องเมื่อคืน “หม่อมแม่โกรธสาเรื่องอะไร สาทำผิดอะไรเหรอคะ”
“หญิงอย่าไปสนใจเลย รับประทานข้าวเถอะ”
หญิงโสภาเซ้าซี้กังวลมาก “แต่หม่อมแม่คะ หญิงอยากทราบ หม่อมแม่ลงโทษสาเพราะอะไร”
หม่อมพริ้มเสียงเข้ม “หญิง! ไม่ใช่เรื่องของเด็ก! เลิกถามได้แล้ว”
หม่อมพริ้มหันไปทำสัญญาณให้ตักข้าว หญิงโสภาจำใจเงียบ แต่สีหน้ากังวลจัด
 
เจิมแอบมอง เห็นอาการของหญิงโสภา แปลกใจสงสัย

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ส่วนที่โรงครัว จวนวางน้ำพริกผักจิ้มลงกลางวงข้าวของบ่าวที่จัดรอไว้ หวนกับพุดเดินเข้ามา หน้าตาเซ็งๆ ในมือถือถาดสำรับอาหารเช้าที่เหลือเอาลงมาจากบนตึก เจิมเดินหน้าตากังวลตามเข้ามาทีหลังเงียบๆ

“เอ้า ทำไมทำหน้าอย่างนั้นกันล่ะ”
จวนเห็นสำรับที่ยกลงมามีกับข้าวเหลือเต็ม แอบกังวล
“เหลือบานเบอะเลย หม่อมท่านไม่โปรดรึวะนังหวน”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ น้าจวน...แต่ก็รับแค่นิดเดียว” หวนบอก

หวนกับพุดพลางช่วยกันเอากับข้าวที่เหลือจัดลงที่วงข้าวของบ่าว
“คงกลุ้มใจเรื่องอีสาละมั้ง” จวนว่า
หวนพูดซื่อๆ ไม่ได้สงสัยอะไร “คุณหญิงโสภาเลยพาลรับไม่ลงไปด้วยท่าทางเธอเป็นห่วงสามันมากนะน้า”
เจิมที่นิ่งฟังคิดๆ อยู่ ทนไม่ไหวถามขึ้น
“แล้วนี่อีตัวดีมันอยู่ไหนล่ะ”
“เมื่อเช้าฉันเห็นมันนอนซมอยู่ในห้องแน่ะ ป้า” หวนนึกห่วง “มันจะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้าวปลาก็ไม่มากิน”
หวนเป็นห่วงสา ส่วนเจิมนั้นครุ่นคิด สงสัย

สานั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ในห้อง หน้าตายังโกรธหม่อมพริ้มอยู่ สาผลักสำรับที่หวนยกมาให้ออกห่างตัว
“ฉันกินไม่ลง”
“แข็งใจหน่อยเถอะวะ สา เอ็งไม่ใช่ตัวคนเดียวนา ยังมีลูกในท้อง”
ยินคำว่าลูกสายิ่งขัดใจ “โอ๊ย คำก็ลูกในท้อง สองคำก็ลูกในท้อง...ไม่ใช่เพราะไอ้ลูกในท้องนี่หรอกรึ ฉันถึงลำบากอย่างนี้”
สานึกไปถึงเรื่องที่ตนพลาดหวังจากสมศักดิ์ พาลน้อยใจ หวนแย้งเตือนสติ
“ลำบากอะไร สา ทุกวันนี้เราก็มีกินมีที่อยู่สุขสบาย...”
สาสวนทันที “แต่ยังไงก็เป็นขี้ข้า!ชีวิตฉันอยู่ในกำมือหม่อมท่าน” สานึกน้อยใจหม่อม “เขาถือว่าเขาเป็นนาย นึกอยากจะตีจะด่ายังไงก็ทำได้”
หวนทนไม่ไหว เถียงบ้าง “ถ้าเอ็งอยู่เฉยๆ หม่อมท่านเคยตีเคยด่าเอ็งที่ไหน แต่นี่เอ็งดันหอบท้องออกไปหาผู้ชายถึงบ้าน ท่านไม่เอาหวายลงหลังให้ก็บุญหัวแล้ว”
สาโมโหลืมตัวประชด “ก็ลองมาลงหวายฉันซี แม่จะป่าวประกาศให้ทั่วทีเดียว ว่าใครกันแน่ที่มันแร่ไปหาผู้ชายถึงบ้าน”
หวนงงไม่เข้าใจ “เอ็งว่าอะไรนะ สา”
สาชะงัก รู้สึกตัว รีบตัดบท
“เปล่า”
“ก็ตะกี้เอ็งว่า”
สารีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่ทำฉันโมโหจนหิวข้าว” แล้วดึงสำรับกลับมา “ไหน ดูซิ มีอะไรกินบ้าง”
สองคนไม่รู้ว่าที่ด้านนอกห้อง เจิมยืนแอบฟังอยู่นานแล้ว ครุ่นคิดหนัก

ตกเย็นหม่อมพริ้มนั่งตัดแต่งไม้ดัด เจิมรับใช้อยู่ใกล้ๆ สีหน้าเลื่อนลอย กลุ้มใจคิดถึงคำพูดอีสา
“ก็ลองมาลงหวายฉันซี แม่จะป่าวประกาศให้ทั่วทีเดียว ว่าใครกันแน่ ที่มันแร่ไปหาผู้ชายถึงบ้าน
หม่อมพริ้มส่งคีมเล็กๆ ที่ใช้ดัดลวดให้ เจิมนั่งนิ่ง ไม่รับ หม่อมพริ้มถาม
“เอ็งเป็นอะไรไป”
เจิมสะดุ้ง “เจ้าคะ”
“ข้าเห็นเอ็งนั่งใจลอยอยู่เป็นนานสองนาน มีอะไรรึเปล่านังเจิม”
“ไม่มีเจ้าค่ะ” เจิมรับคีมมา “ขอประทานโทษเจ้าค่ะ”
หม่อมพริ้มไม่ค่อยเชื่อ “อีสามันแผลงฤทธิ์อีกรึ”
“เปล่าเจ้าค่ะ มันก็นิ่งๆ ซึมๆ ไม่พูดอะไรกับใคร”
“งั้นเอ็งเป็นอะไร”
เจิมอึกอัก ไม่กล้าบอกพอดีหญิงจิ๋มและหญิงจ้อยกลับมาจากโรงเรียน วิ่งแข่งกันเข้ามาหา
“หม่อมแม่ขา” หญิงจ้อยเข้ามาถึงก่อน กอดเอวหม่อมพริ้มไว้
“เบาๆ สิ หญิงจ้อย แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่ง”
หญิงจิ๋มมาทีหลัง รีบฟ้องเอาหน้า “หญิงก็บอกแล้วค่ะ หม่อมแม่แต่หญิงจ้อยดื้อ”
หญิงจ้อยแลบลิ้นใส่หญิงจิ๋ม แล้วหันมาอ้อน “หญิงคิดถึงหม่อมแม่มากตะหากค่ะ”
หม่อมพริ้มขำ รู้ทัน “พูดแบบนี้จะอ้อนเอาอะไร”
“เย็นนี้หญิงขอเล่นแบดมินตันนะคะ”
“ทำการบ้านเสร็จแล้วถึงจะเล่นได้”
“หญิงทำเสร็จตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้วค่ะ” หญิงจิ๋มว่า
หญิงจ้อยแอบเบ้ปากใส่ “หญิงจะเล่นกับพี่หญิงโสภาต่างหาก”
หญิงจิ๋มเชิดเชอะ “งั้นตัวก็อดเล่น”
หม่อมพริ้มแปลกใจ “ทำไมล่ะลูก”
“พี่หญิงโสภาบอกว่าไม่ว่างค่ะ พอกลับมาถึงบ้านก็หายไปเลย ไม่ทราบไปไหน” หญิงจิ๋มบอก
เจิมได้ยิน ใจหล่นวูบ เผลอทำคีมหล่นจากมือ หม่อมพริ้มหันมามอง เจิมยิ้มแหยๆ

หญิงโสภาแวะมาที่เรือนบ่าวจับมือสาบีบอย่างเห็นใจแต่ตัวเองกลับหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้
“หญิงขอโทษนะจ๊ะสา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณหญิง ให้หม่อมเข้าใจว่าสาเหลวไหล ยังดีกว่าให้หม่อมท่านจับได้ว่าสาพาคุณหญิงออกไปหาคุณสมศักดิ์ หม่อมท่านเอาสาถึงตายแน่”
หญิงโสภายิ่งเสียใจ “ใครต่อใครต้องพากันเดือดร้อน เพราะหญิงทำตัวไม่ดี”
สาท้วง “ไม่ดีอะไรกันคะ คุณหญิง ผู้หญิงผู้ชายรักกันมันเรื่องธรรมดา โบราณเขายังว่าธรรมดานารีต้องมีผัว”
หญิงโสภาไม่ขำไปกับสา ยิ่งละอายใจ ทำหน้าจะร้องไห้ สาปลอบใจเหมือนจะปลอบตัวเองไปด้วย
“ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหน คุณหญิงกับคุณสมศักดิ์รักกัน มันไม่ผิดหรอกค่ะ คุณหญิงขา”
หญิงโสภาน้ำตาไหล “จะผิดหรือจะถูก มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี หญิงคงไม่มีโอกาสได้พบคุณสมศักดิ์อีกแล้ว สิ้นสุดกันที”
หญิงโสภาน้ำตาไหลพราก

สาสงสารคุณหญิง เหมือนกับที่สงสารตัวเอง ที่คงไม่ได้พบสมศักดิ์อีกแล้ว

เช้าตรู่ วันต่อมา หวนกับสามาซื้อของตลาดยามเช้า ซึ่งเป็นถนนดินแคบๆ ยาวๆ สองข้างทางมีชาวบ้านเอาของมาวางขายแบกับดิน เป็นพวกพืชผักสวนครัวที่ปลูกเอง ปลาสด ขนม และของกินแปลกๆ

มีคนจีนมาตั้งหาบขายกาแฟ แม่บ้านต่างๆ วัย เดินเลือกหาซื้อของกันขวักไขว่
สมศักดิ์นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟ แต่ท่าทางร้อนรน สายตาสอดส่ายเหมือนมองหาใคร
สากับหวนถือตะกร้าจ่ายตลาดเดินเข้ามา ท้องได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว มีพุงยื่นออกมานิดๆ หวนมองไปรอบๆ
สมศักดิ์มองเห็นสา รีบเดินเข้าไปเฉียดด้านหลัง แอบสะกิดสาที่ต้นแขน
“เอ๊ะ”
สมศักดิ์หลิ่วตา ทำบุ้ยใบ้ไปด้านใน แล้วเดินผ่านไป หวนหันมาบอก
“ไอ้ช่อนตัวโตน่ากิน ซื้อไปทำแกงส้มดีไหม สา”
สาสบโอกาส “พี่หวนเลือกเองได้ไหม ฉันเหม็นคาวปลา เวียนหัวไปหมด”
“เออ จริงซี เอ็งกำลังท้องกำลังไส้...งั้นไปรอทางโน้นก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
สารีบเดินออกไป

สาเดินเร็วๆ มาอีกมุมของตลาด มองหาสมศักดิ์ มีมือมาคว้าแขนเข้าไปในตรอกเล็กๆ ริมถนน
“อุ๊ย” สาทั้งตกใจ และดีใจ “คุณสมศักดิ์”
สมศักดิ์ตัดพ้อ “ผมไปรอคุณที่ริมรั้วเกือบทุกวัน ไม่ได้เห็นแม้แต่เงา คิดถึงเหมือนใจจะขาด”
สาหวั่นไหวไปกับคำหวาน แต่ก็อดค้อน ค่อนแคะไม่ได้ “รอฉัน หรือรอใครกันแน่คะ”
สมศักดิ์ยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่สา “คุณไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหายหน้าไป”
“คราวก่อน ฉันโดนหม่อมจับได้ว่าไปบ้านคุณ หม่อมท่านคาดโทษเอาไว้ ถ้าฉันไปหาคุณอีก ฉันจะโดนไล่ออกจากวัง”
สมศักดิ์พูดทีเล่นทีจริง “ก็มาอยู่กับผมก็ได้นี่”
สาค้อน “อย่ามาพูดเล่นหน่อยเลยเรียกฉันมานี่จะเอาอะไร”
“ทำยังไงผมถึงจะได้พบคุณหญิงโสภาอีกล่ะครับ คุณช่วยผมอีกสักครั้งได้ไหม”
สาอดหึงไม่ได้ “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคอ ฉันจะทำไปทำไม”
“ถือว่าทำบุญทำกุศลไงครับ ช่วยให้คนรักได้สมหวัง”
“นี่... อย่าหาว่าฉันปากเสียเลยนะ ระหว่างคุณกับคุณหญิงน่ะ ไม่มีทางสมหวังหรอก หม่อมท่านไม่มีทาง...”
สมศักดิ์เอาปลายนิ้วแตะปากสา สาหยุด ใจเต้นไปหมด
“มีสิครับ...ผมมีวิธีของผมแต่คุณอุษาต้องยอมช่วย” สมศักดิ์อ้อน “นะครับ ถ้าผมสมปรารถนา” หนุ่มชีกอจ้องตาลึกซึ้ง “ผมจะยกชีวิตและร่างกายของผมให้คุณอุษาเป็นการตอบแทน”
สาเข้าใจว่าสมศักดิ์พยายามจะสื่ออะไร หน้าแดงซ่าน
“บ้า! พูดอะไร” สาประชด “ถ้าคุณสองคนสมหวังกันจริง ชีวิตและร่างกายของคุณ ก็ต้องเป็นของคุณหญิง จะมายกให้ฉันได้ยังไง”
สมศักดิ์ยิ้มหยิ่งแบบผู้ชายที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่า
“ใครว่า.. ชีวิตและร่างกายของคุณหญิงต่างหากที่เป็นของผม แต่ชีวิตและร่างกายของผม เป็นของคุณอุษาครับ”
สาค้อน “ขอให้มันจริงอย่างปากว่าเถอะ ฉันจะคอยรับ”
สมศักดิ์พรายยิ้ม แล้วหยิบซองจดหมายสีชมพูออกมาใส่มือสาลูบมือสาเบาๆ สาสะเทิ้น

ตรงปากตรอก คนเดินขวักไขว่ หวนเดินชะเง้อชะแง้มองหาสาอยู่บริเวณนั้น
“ไปไหนของมันนะ...เอ๊ะ นั่น”
หวนเห็นสมศักดิ์เดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากตรอก เดินลับหายไปในหมู่คน
หวนเขม้นมอง อีกอึดใจก็มีสาเยี่ยมหน้าออกมาจากตรอก หวนหลบวูบหลังต้นไม้
สามองๆ ไม่เห็นหวน ก็เดินออกมาจากตรอก
หวนยังเห็นสาเอาซองสีชมพูใส่อกเสื้อ แล้วทำเป็นเดินดูของ หวนหน้าเครียด

กลับวังมาหวนแอบมาเล่าให้เจิมฟังที่เรือนบ่าว เจิมหายใจฟืดฟาดด้วยความโกรธ
“ดูท่า สามันคงจะรักผู้ชายคนนั้นจริงๆ แหละป้า”
“มันน่ะรักเขาแน่ล่ะ แต่ไอ้พูชายนี่สิ ข้ากลัวว่ามันจะมาหลอกใช้อีสาน่ะซี”
หวนงง “หลอกใช้...ใช้ทำอะไร”
เจิมฉุนของขึ้น “ข้าจะไปรู้รึ เอ็งก็ไม่ได้เรื่อง น่าจะเข้าไปแอบดูใกล้ๆ จะได้รู้ว่ามันคุยอะไรกัน”
“ฉันมาเห็นก็ตอนเขาแยกกันไปแล้ว เห็นแต่ว่านังสามันมีซองจดหมายสีชมพูๆ ติดมือมาซองนึงเท่านั้นล่ะ”

ซองจดหมายสีชมพูอยู่ในมือหญิงโสภาแล้ว คุณหญิงเปิดออกอ่าน

“คุณหญิงโสภา แม่ยอดชีวิตของผม...”

คุณหญิงเอาจดหมายแนบใจ อ่านไปคิดถึงสมศักดิ์ไป ราวกับเขามาอ่านให้ฟังข้างหู

“...ขณะนี้ผมมีสภาพไม่ผิดไปจากคนไข้หนักที่ต้องการหมอและหมอที่จะช่วยผมได้คือคุณหญิงคนเดียว ผมยอมสละชีวิตของผมทั้งชีวิตขอให้ได้อยู่ใกล้คุณหญิงเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น”

หญิงโสภาหวนคิดถึงในคืนนั้น ตอนสมศักดิ์จับมือหญิงโสภามาจูบเบาๆ หญิงโสภาดึงมือออก แล้วลุกหนี แต่ด้วยความตื่นเต้นรีบร้อน กลับเซจะล้ม สมศักดิ์เลยได้โอกาสประคองแล้วกอดไว้
หญิงโสภานอนกอดหมอน ตาปรอย เศร้าจดหมายสีชมพูวางตรงหน้า

“ผมจะฝากหัวใจไปให้คุณหญิง แต่หัวใจผมมีดวงเดียวแล้วคุณหญิงได้เอาไป แล้วทั้งหัวใจ จากคนที่รักและบูชาคุณหญิง...สมศักดิ์”

หญิงโสภาคร่ำครวญ “คุณก็เอาหัวใจของหญิงไปแล้วเหมือนกันแล้วจากนี้ หญิงจะอยู่ต่อไปได้ยังไง”
คุณหญิงซบหน้าลงกับหมอน น้ำตาริน เสียงเคาะประตู หญิงโสภาสะดุ้ง รีบเช็ดน้ำตา
เจิมเข้ามา “คุณหญิงเจ้าขา”
หญิงโสภารีบเอาจดหมายซุกใต้หมอนอย่างเร็ว “มีอะไรจ๊ะ”
“หม่อมท่านให้หาเจ้าค่ะ”
“จ้ะๆ เจิมลงไปก่อน เดี๋ยวหญิงลงไป”
เจิมมองไปที่มือหญิงโสภาที่ซุกไว้ใต้หมอน เห็นปลายซองสีชมพูแลบออกมา

หญิงโสภาเห็นเจิมมอง เลยเลื่อนมือดันซองเข้าไปไว้ในปลอกหมอน หน้าเจื่อนๆ มีพิรุธ
 
อ่านต่อหน้า 3

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 5 (ต่อ)

หม่อมพริ้มนั่งพักผ่อนใช้เวลาอยู่กับลูกๆ เหมือนทุกวันในห้องสำราญ มีพุดพัดวีอยู่ด้านหลัง หญิงโสภานั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า เจิมนั่งอยู่อีกด้าน

“วันก่อนแม่ไปเยี่ยมท่านป้าของหญิงท่านเอ่ยปากขอให้หญิงไปอยู่ในวังด้วย”
หญิงโสภาตกใจ “ไปอยู่ในวังหรือคะ”
“ก็ซักเดือนสองเดือนเท่านั้นล่ะจ้ะตำหนักท่านป้าน่ะขึ้นชื่อเรื่องเครื่องคาวหวานหญิงเก่งแต่งานเย็บปักถักร้อย ไม่ได้นะลูก เรื่องกับข้าวกับปลาก็สำคัญ”
หญิงจิ๋มพูดสอดประสาเด็กแก่แดด “หัดเอาไว้ทำเลี้ยงลูกเลี้ยงผัว อย่างที่หม่อมแม่สอนพี่หญิงใหญ่ใช่ไหมคะ”
หม่อมพริ้มเอ็ด “แม่บอกกี่หนแล้ว ว่าอย่าพูดสอดผู้ใหญ่”
“เอ่อ แต่หญิง...หญิงยังไม่อยากไปน่ะค่ะ หม่อมแม่ หญิงอยากอยู่บ้านมากกว่า”
หม่อมพริ้มมองอย่างแปลกใจ เจิมลอบมองอย่างรู้ทัน
“บ้านก็อยู่มาแต่เล็กแต่น้อย ไปปรนนิบัติท่านป้าสองเดือนจะเป็นไร”
หญิงจ้อยคิกคัก “พี่หญิงโสภากลัวคนคอย เขาจะคอยเก้อหรือคะ”
เจิมกะหญิงโสภาสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน
“ใครกัน...ใครคอยใคร” หม่อมพริ้มสนใจ
หญิงโสภาปฏิเสธ “ไม่มีค่ะ”
หญิงจ้อยบอกทันที “มีค่ะ ผู้ชายตัวสูงๆ ที่มายืนคอยดูพี่หญิงทุกวันไงคะ”
หญิงโสภารีบเถียง ดุน้องสาว “ใคร... ไม่เห็นมีซักหน่อย หญิงจ้อยพูดจาเหลวไหล”
“หญิงพูดจริงไม่เชื่อถามพี่หญิงจิ๋มดูก็ได้” หญิงจ้อยเถียง
หญิงจิ๋มเบ้ปาก “พวกกุ๊ยข้างถนนน่ะค่ะ หม่อมแม่ มายืนมองรถพวกเราทุกวันน่ารำคาญจะตาย”
หม่อมพริ้มหน้าเครียดถามหญิงโสภา
“เขามาทำท่าทางรุ่มร่ามกับหญิงหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ เขาก็แค่ยืนมองรถเราแล่นผ่านไปเท่านั้น” หญิงโสภาพูดไม่เต็มปาก “เขาอาจจะไม่ได้มองหญิงก็ได้”
เจิมแอบมองหญิงโสภาที่ก้มหน้างุด ยิ่งมั่นใจว่าอะไรเป็นอะไร
หม่อมพริ้มเห็นอาการของหญิงโสภาก็เข้าใจว่ามีคนมาแอบดูลูกสาวจริงๆ แต่ไม่ได้คิดไปถึงสมศักดิ์ ได้แต่เตือนกว้างๆ
“หญิงก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว จะไปไหนมาไหนก็เก็บหูเก็บตาให้เรียบร้อย อย่าให้คนแปลกหน้ามาลามปามเอาได้”
หญิงโสภาก้มหน้า หลบตา “ค่ะ”
หม่อมพริ้มสอนลูกๆ ทั้งสาม
“เป็นลูกผู้หญิงการวางตัวเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเป็นลูกชาติลูกตระกูล ยิ่งต้องวางตัวให้สูง วางตัวให้ดี อย่าให้ใครดูถูกไปถึงชาติพงศ์วงศ์วานได้”

ที่ศาลากลางสวน วันต่อมา พอสาได้ฟังก็แค่นหัวเราะเยาะเย้ย
“วุ้ย ต่อให้อยู่สูงแค่ไหน สุดท้าย ก็ต้องมีคนสอยลงมาจนได้...หรือไม่ ก็เหี่ยวแห้งแหงแก๋จนตกลงมาเอง” แล้วหันมาหาหญิงโสภา “ใจคอหม่อมท่านจะเลี้ยงคุณหญิงให้แก่คาบ้าน ขึ้นคานไปเหมือนป้าเจิมกับนังหวนหรือยังไงคะ”
หญิงโสภาไม่ขำ สีหน้ากลัดกลุ้ม
“สาอย่ามัวแต่พูดเล่นอยู่เลย อีกไม่กี่วันหญิงก็จะต้องเข้าวังแล้ว สาช่วยหญิงคิดหน่อยซีจ๊ะ ว่าจะทำยังไง”
“เรื่องที่คุณสมศักดิ์เขาอยากพบคุณหญิงน่ะหรือคะ”
หญิงโสภาพยักหน้า “เขาบอกว่าเขาคงจะขาดใจถ้าไม่ได้เจอหญิง...สาบอกเขาหน่อยได้ไหม ว่าหญิงต้องเข้าวังตามคำสั่งหม่อมแม่ หญิงไปพบเขาไม่ได้จริงๆ”
สาเวทนาในความซื่อ “ค่ะๆ สาจะหาทางไปบอกให้” นึกแล้วหมั่นไส้สมศักดิ์ “แค่นี้ คงไม่ถึงกับขาดใจตายหรอกค่ะ”
หญิงโสภาเศร้าลง “นั่นสิ เผลอๆ เขาจะลืมหญิงเสียก่อนก็ไม่รู้...สาจ๋า สาบอกเค้าด้วยนะว่าหญิง...” คุณหญิงพูดไม่ออก “หญิง...”
หญิงโสภาน้ำตาคลอ อัดอั้น พูดไม่ออก สามองอย่างสงสาร
สาถามเสียงอ่อนโยน “คุณหญิงรักเขาใช่ไหมคะ”
หญิงโสภาก้มหน้า น้ำตาหยด สายิ่งเวทนา
“คุณหญิงอยากเจอเขาใช่ไหมคะ”
หญิงโสภาปาดน้ำตา “ไม่ได้หรอกจ้ะ สา ถ้าหม่อมแม่รู้ ...”
สานึกอยากเอาชนะหม่อมพริ้มขึ้นมาในนาทีนั้น
“ก็ต้องไม่ให้รู้สิคะ...”
หญิงโสภามองสางงๆ สายิ้มเจ้าเล่ห์

เช้าวันนี้หญิงโสภานอนอยู่บนเตียง คิดถึงคำสั่งของสา
“พรุ่งนี้วันพระ หม่อมท่านจะต้องไปวัด ทำบุญให้ท่านชาย ทุกทีคุณหญิงก็จะต้องตามไปด้วยคุณหญิงก็ต้องอ้างว่าไม่สบาย ไปด้วยไม่ได้”
หม่อมพริ้มแต่งตัวสวยแบบจะออกจากบ้านเดินหน้าตาร้อนใจมาที่เตียง
“หญิง เห็นพุดมันบอกว่าหญิงไม่สบาย” หม่อมเอามือแตะหน้าผากลูก “ตัวก็ไม่ร้อน เป็นอะไรหรือ”
หญิงโสภาพูดอุบอิบ หลบตา “ปวดศีรษะค่ะ”
หม่อมพริ้มเชื่อสนิท เนื่องเพราะหญิงโสภาไม่เคยโกหก
“คงเพราะคร่ำเคร่งอ่านหนังสือมากไป .. งั้นหญิงนอนพักนะ ไม่ต้องไปวัดกับแม่ก็ได้” หม่อมหันไปสั่ง “พุด เอ็งไปบอกนังจวน ให้ต้มข้าวต้มให้คุณหญิง”
“ค่ะหม่อม”
พุดรีบออกไป หม่อมพริ้มบอกกับหญิงโสภา
“กินข้าวแล้วนอนพักนะลูกนะ ถ้ายังไม่หาย แม่จะพาไปหาคุณหลวงหมอ”
หญิงโสภาหลบตา ละอายใจมาก “ค่ะ”

หม่อมพริ้มขึ้นรถพร้อมคุณหญิงทั้งสอง พุดถือกระเป๋าติดตามไปนั่งด้านหน้าคนขับ เจิมรอส่งขึ้นรถ
สาแอบมองจากหลังพุ่มไม้ที่สนามหน้าวัง เห็นชิดขับรถแล่นผ่านออกไป

ตอนสายเจิมกับหวนเดินกลับเข้ามาด้านใน เห็นหญิงโสภาแต่งตัวเรียบร้อยเดินลงมาจากชั้นบน
“อ้าว คุณหญิง จะไปไหนคะ” เจิมแปลกใจ
“ในห้องมันอุดอู้ หญิงว่าจะไปนั่งที่ศาลาในสวน”
“อย่าเลยค่ะ ยิ่งไม่สบายอยู่ โดนแดดโดนลม เดี๋ยวจะยิ่งทรุดหนัก” หวนท้วง
“หญิงไปนั่งไม่นานหรอกค่ะ”
“คุณหญิงคะ...”
หวนชะงัก เพราะหญิงโสภาเดินออกไปเลย หันมามองหน้าเจิม
“เอาไงป้า”
“คุณหญิงเธอไปแค่ศาลานี่เอง คงไม่เป็นไรหรอก” เจิมคิดๆ “ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไปดูๆ แลๆ อะไรหน่อย”
เจิมมองขึ้นไปชั้นบนอย่างหมายมาด
ต่อจากนั้นไม่นานเจิมพาตัวเองมาอยู่ในห้องนอนคุณหญิง มองสำรวจเตียงนอนของหญิงโสภาอย่างพินิจ พลิกหมอนดูอย่างละเอียด พยายามหาจดหมาย
“เมื่อวันก่อนเห็นอยู่ในนี้นี่นา...ไปไหนนะ”

เจิมมองไปรอบๆ สายตาไปหยุดที่โต๊ะเขียนหนังสือที่มีลิ้นชัก

ส่วนอีสาพาหญิงโสภามุดรั้วออกมา สมศักดิ์ที่รออยู่พุ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ

“คุณหญิง” คว้ามือมากุม “ยอดรักของผม
สาหน้าเจื่อนอดสะเทือนใจไม่ได้ หญิงโสภาดึงมือออกอย่างขวยเขิน
“ผมดีใจเหลือเกิน นึกว่าจะมาไม่ได้เสียแล้ว”
สานึกหมั่นไส้ บอกเสียงขุ่น “เอ้า อยากเจอก็พามาให้แล้ว จะพูดอะไรก็พูดสิคุณ”
“เข้าไปในบ้านก่อนดีกว่า”
“จะให้หญิงเข้าไปในบ้านของคุณหรือคะ” คุณหญิงหน้าเสีย หันมองสาเป็นเชิงถาม
สมศักดิ์อธิบายกับสา “อยู่ข้างนอก ถ้าใครมาเห็นเข้า จะเดือดร้อนกันไปหมด”
“ไปเถอะค่ะ คุณหญิง ไม่มีอะไรหรอก สาจะรออยู่ใกล้ๆ”
สมศักดิ์ผายมือ “เชิญครับ”
หญิงโสภาเดินนำไปอย่างขลาดๆ สาคว้าแขนเสื้อสมศักดิ์ไว้ ตวัดเสียงใส่
“อย่านานนักล่ะ ถ้ามีคนจับได้ คุณหญิงจะเดือดร้อน”
สมศักดิ์หลิ่วตาล้อ เข้าใจว่าสาหึง

ฟากเจิมค้นลิ้นชักทุกอันจนทั่ว ไม่เจอจดหมายสีชมพูที่ว่า เจิมเกาหัวแกรกๆ
“ไปไหนวะ” เจิมลงนั่งแปะกับพื้นอย่างหมดแรง
จังหวะนี้ ที่จุดระดับสายตาของเจิม เห็นเป็นกล่องที่มีลักษณะภายนอกเหมือนหนังสือเล่มใหญ่ๆ วางปะปนอยู่กับหนังสือ เจิมลุกไปหยิบมาเปิดดู เห็นด้านในมีจดหมายสีชมพู 4-5 ฉบับวางอยู่อย่างเรียบร้อย
เจิมจะหยิบดู แต่ประตูห้องเปิดเข้ามา เจิมตกใจรีบวางมือวิ่งจะหาที่หลบ แต่ไม่มีที่เลย เป็นจวนเดินเข้ามา ในมือมีถาดใส่ชามข้าวต้ม
“คุณหญิงขา” พอเห็นเจิมยืนอยู่กลางห้อง หวนก็แปลกใจ “อ้าว พี่เจิมมาทำอะไรในนี้”
เจิมโล่งอก “เรื่องของข้า แล้วเอ็งล่ะ เข้ามาทำไม”
“หม่อมท่านสั่งให้ฉันต้มข้าวต้มมาให้คุณหญิงโสภา”
“คุณหญิงเธออยู่ที่ศาลาในสวน นังหวนไม่ได้บอกเอ็งรึ”
“บอก... ฉันก็ไปมาแล้ว แต่ไม่เจอใคร นึกว่าคุณหญิงเธอกลับมาที่ห้องซะอีก เอ...แล้วตกลงเธอหายไปไหนล่ะนี่”
เจิมใจหล่นวูบ “คุณหญิง”

สองคนอยู่กันสองต่อสองภายในห้อง สมศักดิ์กับหญิงโสภานั่งคุยกันอยู่บนเก้าอี้ยาว สมศักดิ์แกล้งถอนใจยาวทำหน้าเศร้า
“สองเดือนที่เราจะไม่ได้เห็นหน้ากัน ผมคงต้องหักใจลืมคุณหญิงให้ได้”
หญิงโสภาตกใจ นึกไม่ถึง “ทำไมล่ะคะ”
“ไม่อย่างนั้น ผมอาจจะขาดใจตายเพราะความคิดถึง”
หญิงโสภาใจอ่อนยวบ “โธ่ คุณสมศักดิ์” สาวน้อยข่มความอายพูดออกมา “หญิงก็คงจะคิดถึงคุณมากเหมือนกันค่ะ”
“ถ้าใจเราสองคนต่างก็คิดถึงกัน อย่างนั้น ผมขออะไรคุณหญิงสักอย่างจะได้ไหม”
สมศักดิ์กุมมือหญิงโสภา มองตาอย่างดื่มด่ำเตรียมตัวก้าวข้ามไปสู่ขั้นต่อไป

ด้านสานั่งเด็ดกลีบดอกไม้รอ สลับกับการมองชะเง้อเข้าไปข้างใน ถอนใจฟืดฟาด ทั้งอิจฉา ทั้งเซ็งปะปนกัน
“คุยอะไรกันนานนัก”
สาตัดสินใจลุกขึ้น จะไปตาม ได้ยินเสียงเจิมดังแว่วมาจากฝั่งวังรวีวาร
“อีสา อีสา”
สาใจหายวับ
“ป้าเจิม”
เจิมเดินหน้าตาเอาเรื่องมาทางรั้วฝั่งวังรวีวาร ปากร้องเรียก ไม่ดังนัก กลัวคนอื่นได้ยิน
“อีสา มึงอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้...คุณหญิงขา คุณหญิงโสภา”
สาอยู่ที่ฝั่งบ้านสมศักดิ์ตกใจมาก
“แย่แล้ว!คุณหญิง”

หญิงโสภาใจสั่น มือเย็นเฉียบ พูดเสียงเบาหวิว “คุณสมศักดิ์จะขออะไรคะ”
“ผมอยากจะขอกลิ่นแก้มของคุณหญิง เอาไว้เตือนใจให้คิดถึง เวลาที่เราต้องห่างไกลกัน”
“ม.. ไม่ค่ะ”
หญิงโสภาก้มหน้างุด มีทีท่าเหมือนปฏิเสธ สมศักดิ์เชยคางให้เงยขึ้น
“นะครับ... คุณหญิง”
สมศักดิ์ก้มหน้าลงมาจะจูบแล้ว สาวิ่งพรวดเข้ามาพอดี ปากร้องลั่น
“คุณหญิงขาแย่แล้ว”
หญิงโสภาผลักสมศักดิ์ออก สาวิ่งเข้ามาหาทั้งสอง
สมศักดิ์โกรธนิดๆ “อะไรกัน คุณสา”
“ป้าเจิมมาค่ะ แกร้องเรียกหาสากับคุณหญิง”
“ตายจริง” หญิงโสภาตกใจสุดขีด
สากระชากมือหญิงโสภา “กลับเดี๋ยวนี้ค่ะ คุณหญิง ถ้าป้าเจิมแกเห็นคุณหญิงที่นี่ สาตายแน่”

ทั้งสองพากันวิ่งออกไป สมศักดิ์เจ็บใจที่ถูกขัดจังหวะ

อ่านต่อหน้า 4

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 5 (ต่อ)

สาพาหญิงโสภามุดรั้วกลับมาฝั่งวัง ตื่นเต้นสุดๆ สาหันมามองหญิงโสภา ปากพูดเร่งไปด้วย

“เร็วๆ เข้าสิคะ คุณหญิง เดี๋ยวก็...”
สาเห็นหญิงโสภายืนตัวแข็ง สาหันมาเห็นเจิมยืนจังก้าอยู่ โกรธจนตัวสั่น
“อีสา! เอ็งทำอะไร”
สาพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ “ฉันพาคุณหญิงไปเก็บดอกมะลิ”
“โกหก! ข้านี่ผมสองสีแล้วนะ อีสา อย่าคิดว่าข้ารู้ไม่ทันเอ็ง” เจิมชี้หน้า “กล้าดียังไง ถึงได้พาคุณหญิงออกไปพบกับผู้ชาย”
“ฉัน ...ฉันเปล่านะป้า”
เจิมโมโหสุดขีด “เขาหลอกเอ็งอีท่าไหน เอ็งถึงได้ทรยศท่าน อีสา อีเนรคุณ เลี้ยงเสียข้าวสุก ถ้าไม่เห็นแก่ว่าข้าเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เล็กๆ ล่ะก็ ข้าจะเรียนหม่อมให้เฉดหัวออกไปจากวังเดี๋ยวนี้เลย”
“อย่านะจ๊ะ ป้าเจิม อย่า หญิงขอ อย่าฟ้องหม่อมแม่เลย หญิงผิดเอง อย่าไปโทษสา”
เจิมเข้าไปจับแขนหญิงโสภา
“คุณหญิงขึ้นตำหนักเถอะค่ะ เดี๋ยวหม่อมแม่จะกลับมาแล้ว” เจิมชี้หน้าคาดโทษสา “ส่วนเอ็งเดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการ”

หญิงโสภานั่งที่เตียงแล้ว เจิมพูดขรึมๆ
“เจิมเป็นแค่บ่าว อย่าหาว่าอาจเอื้อม แต่เจิมจะเตือน ว่าคุณหญิงอย่าไปเชื่ออีสามันกำลังชักพาคุณหญิงลงต่ำ”
หญิงโสภาส่ายหน้า “สาไม่ได้บอกให้หญิงทำ”
“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี ไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณหญิงเลยซักนิด เชื่อเจิมนะคะ ทูนหัว อย่าเอาทองไปรู่กระเบื้องให้มันเปลืองเกียรติยศของคุณหญิงเลยค่ะ”
หญิงโสภานิ่ง
“รับปากเจิมนะเจ้าคะ ว่าจะไม่ไปยุ่งกับเขาอีก ไม่อย่างนั้น เจิมคงจะต้องเรียนให้หม่อมท่านทราบ”
หญิงโสภาจำใจรับ “จ้ะ หญิงจะรับปาก” คุณหญิงบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเจิมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรสา”

ที่นอกห้องพักของสา หวนเอาหูแนบข้างฝาแอบฟัง ท่าทางเสียวไส้ เสียงหวายแหวกอากาศขวับๆ น่ากลัว
ส่วนในห้อง เจิมฟาดหวายลงที่พื้นข้างตัวสาอย่างแรง สานั่งตัวงอ ถดถอยหนีไปรอบๆ ห้องด้วย
ความกลัว ท่าที ตลกๆ
“มึงจะหนีทำไม อีสา เก่งนักไม่ใช่รึ เก่งจริงจะหนีทำไม”
“ไม่หนีก็โดนสิป้า” เจิมฟาด สาหนี “ฉันจะฟ้องคุณหญิงโสภาว่าป้าตีฉัน”
เจิมฟาดอีก “กูตีโดนมึงที่ไหน”
“ก็ฉันหนีทันไง” เจิมฟาดอีก สาหนีอีก
“ถ้ากูไม่เกรงใจลูกท่านชายในท้องมึง นึกหรือว่าจะหนีกูทันนังนี่”
เจิมจะฟาด สาพุ่งไปคว้ามือเอาไว้
“พอเสียทีเถอะป้า ..เชื่อฉันซี มันไม่ได้มีอะไรเสียหาย”
“อี...อีสา อีสารเลว มึงพูดมาได้ยังไง มึงพาลูกท่านไปให้ผู้ชายโลมเล่นถึงบ้าน ยังจะมาพูดว่าไม่มีอะไรเสียหาย”
“ก็เขารักใคร่ชอบพอกัน”
“โกหก ก็ไอ้พูชายมันรักชอบอยู่กับเอ็งไม่ใช่รึ”
“โอ๊ย ใครเขาจะมารักมาชอบฉันเล่า ป้า ไม่ใช่สาวซะเมื่อไหร่ คุณสมศักดิ์น่ะเขารักคุณหญิงโสภา เขารักจริงๆ นะป้า”
“ถุย!”
“คุณสมศักดิ์เขาก็เป็นลูกผู้ดีเหมือนกันนะป้า พ่อเขาเป็นถึงคุณหลวง เขาบอกฉันว่า เขาจะหาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณหญิงจากหม่อม”
เจิมถึงกับทิ้งหวายลงพื้น หมดแรงจะด่า มองสาอย่างโกรธๆ สาเชิดใส่ ไม่กลัวสักน้อย

เช้าวันหนึ่ง มีรถหรูจอดที่หน้าวังรวีวาร มหาดเล็กแต่งตัวเรียบร้อยเดินมาเปิดประตูให้หม่อมเจ้าสืบสาย อายุ 50 ปี แต่งตัวเต็มยศ มีไม้เท้า ดูโก้ เดินลงมา ท่านชายท่าทางเป็นคนอารมณ์ดี ใบหน้ายิ้มแย้ม ติดหัวเราะก่อนพูด
“เอาละ ขอบใจๆ”
หม่อมพริ้มเดินออกมาต้อนรับ ท่าทางดีใจ
“ท่านชาย” หม่อมไหว้ “หม่อมฉันดีใจเหลือเกิน อุตส่าห์เสด็จมาเยี่ยมถึงบ้าน”
“ไม่ได้มาที่รวีวารเสียนาน...พอดีวันนี้มีธุระปะปังจะมาคุยกับแม่พริ้มด้วย”
“ธุระกับหม่อมฉันหรือเพคะ เรื่องอะไรหรือเพคะ”
ท่านชายหัวเราะ “ธุระของพ่อแม่ จะมีเรื่องอะไร้ นอกจากเรื่องของลูก จริงไหม”
พูดจบท่านชายสืบสายหัวเราะอีก หม่อมพริ้มชักพอจะเดาได้ ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ

โต๊ะน้ำชาถูกจัดรับรองอย่างสวยงาม ใช้ชุดน้ำชากระเบื้องของอังกฤษ ขนมที่กินกับน้ำชาเป็นขนมไทย ของว่างทั้งคาวหวานฝีมือประณีต ท่านชายนั่งดื่มน้ำชากับหม่อมพริ้ม มีบ่าวไพร่รอรับใช้อยู่โดยรอบ
ท่านชายหัวเราะ “เออ อร่อยจริงๆ สมกับที่ใครๆ เขาร่ำลือกัน ว่าเรื่องกินเรื่องอยู่ที่ไหนก็ไม่สู้วังรวีวาร” พูดจบก็หัวเราะอีก
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ที่มาวันนี้เนี่ย จะมาบอกว่า เจ้าสืบสวัสดิ์ลูกชายของฉัน เขาเพิ่งได้รับแต่งตั้ง ให้ไปเป็นทูตประจำที่ฝรั่งเศสแน่ะ แม่พริ้ม”
พริ้มพลอยตื่นเต้นด้วย “เป็นข่าวดีจริงๆ เพคะ แล้วคุณชายจะไปเมื่อไหร่เพคะ”
“ต้องเดินทางภายในสามเดือนนี้ล่ะ...ฉันก็มีลูกชายสืบสกุลอยู่คนเดียว ก็กลัวว่ามันไปอยู่ไกลหูไกลตา ฉวยไปคว้านังแหม่มผมทองมาเป็นเมียล่ะก็ ฉันคงจะอกแตกตาย”
หม่อมพริ้มพอจะเดาทางออก แต่วางท่าสุขุม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ก็จริงเพคะ”
“ฉันก็เลยอยากมาถาม ว่าถ้าหากว่าฉันจะขอดอกไม้ของวังรวีวาร ไปปลูกเป็นมิ่งขวัญ เป็นเกียรติเป็นศรีที่เรือนลูกชายฉัน แม่พริ้มจะเห็นว่ากระไร”
หม่อมพริ้มยิ้มปลื้ม

คืนนั้นหม่อมพริ้มนำเรื่องมาบอกลูกสาวในห้องนอน หญิงโสภาตกใจสุดขีด
“อะไรนะคะ! หม่อมแม่จะให้หญิงแต่งงาน!”
หม่อมพริ้มยิ้มปลอบ
“ตอนแรกแม่เองก็ตกใจเหมือนกันจ้ะในใจก็ยังคิดว่าหญิงเป็นเด็กอยู่เรื่อย แต่มานึกอีกที ตอนหญิงโศภีกับหญิงศุภลักษณ์แต่งงาน ก็อายุ 16 ปีเท่าหญิงนี่แหละ”
“แต่หญิงไม่พร้อมค่ะ…มัน ...มันเร็วเกินไป”
“จ้ะ มันก็ปุบปับไปหน่อย แต่จะทำยังไงได้ ทางท่านลุงสืบสายท่านก็เพิ่งทราบว่าคุณชายจะต้องไปรายงานตัวภายในสามเดือนนี้ ...แต่ไม่ต้องห่วงนะ หญิง ท่านลุงรับปากกับแม่ ว่าจะจัดพิธีให้ยิ่งใหญ่ ไม่ให้ใครมานินทาได้”
“แต่หม่อมแม่คะ หญิงไม่อยาก...”
“ผู้หญิงเราจะช้าจะเร็วก็ต้องมีคู่ ชายสืบสวัสดิ์เองก็การศึกษาดี ชาติตระกูลดี เป็นหม่อมราชวงศ์เหมือนกันกับหญิง เหมาะสมเท่าเทียมกันทุกอย่าง คนดีๆ อย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะลูก”
หญิงโสภาอึ้งไป หม่อมพริ้มชี้แจง
“หญิงแต่งงาน ได้สามีดีๆ ปกป้องคุ้มครอง แม่ก็หมดห่วง จะได้นอนตายตาหลับเสียที”
หญิงโสภาเถียงไม่ออก นิ่งอึ้งไป

ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของตลาดยามเช้า สากับสมศักดิ์หลบมุมคุยกันอยู่
สมศักดิ์ตกใจ “จริงหรือครับคุณสา”
“ฉันจะหลอกคุณไปทำไม”
สมศักดิ์กลุ้ม “แล้วผมจะทำยังไงดี..เวลาแค่สามเดือนเท่านั้น ผมจะไปทำอะไรได้”
“ฉันมีหน้าที่มาบอกคุณเท่านั้น ส่วนจะทำยังไง ไอ้ฉันก็จนปัญญาเหมือนกันสงสารก็แต่คุณหญิง เธอกลุ้มใจมากไม่เป็นอันกินอันนอน”
“ผมจะยอมให้เธอแต่งงานกับคนอื่นไปไม่ได้”
“คุณเคยบอกว่าจะเอาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณหญิงไม่ใช่หรือ เธออยากรู้ ว่าคุณจะทำตามที่พูดไหม...เธอรอคำตอบของคุณอยู่นะคะ คุณสมศักดิ์”

สมศักดิ์อึ้งๆ ไป

สมศักดิ์ไปทำงานที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ยินเสียงวินิจหัวเราะลั่นดังออกมาจากในห้องทำงาน ที่มีโต๊ะเสมียนวางเป็นแถว นาฬิกาเรือนใหญ่ข้างผนังตั้งบอกเวลาเที่ยงครึ่ง โต๊ะอื่นๆ ว่างหมด เพราะเป็นเวลาพัก

ที่โต๊ะทำงานเสมียนธรรมดา ไม่ต่างจากคนอื่นๆ สมศักดิ์นั่งหน้าเครียดอยู่ ตรงหน้าคือวินิจที่มาเยี่ยม และกำลังหัวเราะพลางตบไหล่สมศักดิ์ถาม

“แกจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะ”
“พี่ก็รู้ พ่อผมเป็นแค่คุณหลวงจนๆ คนนึง มิหนำซ้ำ ผมเองก็เป็นแค่ลูกเมียน้อย จะเอาผู้ใหญ่ที่ไหนไปสู่ขอหม่อมราชวงศ์หญิงแห่งราชสกุลรวีวาร”
“แปลว่าแกหลอกเจ้าหล่อน”
“ใครว่า ผมจริงจังกับเธอมาก”
วินิจเย้า “อ้าว แล้วยายอุษา พระพี่เลี้ยงนั่นล่ะ”
“คุณสาเป็นผู้หญิงที่สวย มีเสน่ห์ ผมไม่เคยเห็นใครที่น่าหลงใหลเท่าเธอมาก่อน แต่น่าเสียดาย...”
“แกเป็นแม่หม้ายลูกติดงั้นซี พูดตรงๆ นะ ฉันว่าถึงจะมีลูกแล้ว ยายอุษานี่ยังน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ”
“ผมไม่เคยคิดรังเกียจคุณอุษาที่เธอเป็นแม่หม้ายลูกติด แต่ว่า...”
“ผมตั้งใจว่าจะลบคำสบประมาทของทุกคนที่บ้าน ที่พูดว่าลูกเมียน้อยอย่างผมไม่มีวันได้ดี... เพราะฉะนั้น ผมจะต้องเป็นสามีของคุณหญิงโสภา เป็นเขยของราชสกุลรวีวารให้ได้”
สมศักดิ์มองไปข้างหน้า แววตาแข็งกร้าว

อยู่มาวันหนึ่งหวนเดินนำสมศักดิ์เข้ามานั่งรออยู่ในห้องโถง
“รอสักครู่นะคะคุณ ฉันให้คนไปเรียนหม่อมแล้ว”
“ครับ”
สมศักดิ์ลงนั่ง ท่วงท่าสง่า หวนแอบดู พึมพำ
“เฮ้อ รูปงามจริงๆ มิน่า” หวนถอนใจ
หม่อมพริ้มเดินเข้ามาที่ทางเข้า สีหน้าเย็นชา พุดถือพัดเดินตามหลัง สมศักดิ์ลุกขึ้นยืน ไหว้
“ผมต้องขอประทานโทษที่มารบกวนเวลาหม่อม”
หม่อมพริ้มลงนั่ง “คุณมีอะไรก็ว่ามา”
“ผมมากราบลา…ผมบอกคืนบ้านเช่าทางสำนักงานไปแล้ว คิดว่าคงจะย้ายออกไป ภายในสองสามวันนี้”
หม่อมพริ้มยิ้ม ทั้งดีใจ ทั้งสะใจ เข้าใจว่าสมศักดิ์ย้ายออกไปเพราะหมดหวังในตัวสา
“ฉันจะไม่ถามหรอกนะ ว่าทำไม...เอาเป็นว่า ฉันขออวยพร ให้เธอไปดี” หม่อมพูดมีนัยบางประการ “ไปพบที่ใหม่ ที่เหมาะสมกับเธอในเร็ววันนี้”
“ขอให้สมพรปากเถอะครับ หม่อม ถ้าเป็นได้อย่างนั้นจริงๆ ผมจะดีใจมาก”
สมศักดิ์ยิ้มตอบ ตาเป็นประกายเย้ยหยัน

ต่อมาหวนเดินออกมาส่งสมศักดิ์ออกจากตำหนัก สมศักดิ์มองซ้ายมองขวา หน้าตามีแผน แล้วหันมาบอก
“ส่งผมแค่นี้ก็พอครับ คุณหวน”
หวนเขิน “โอ๊ย อย่ามาเรียกฉันว่าคุณว่าเคิน ขี้กลากจะกินหัวเอา”
“พี่หวนไม่ต้องไปส่งผมที่หน้าประตูหรอก ผมจะเดินตัดสวนไปออกที่รั้วข้างวังนี่มันใกล้กว่า”
“เอ จะดีรึ” หวนลังเล
“ดีครับ ขอบคุณนะครับ พี่หวน”
สมศักดิ์ยิ้มแล้วเดินเร็วรี่ ออกไปทันที หวนยืนงง

สมศักดิ์เดินหลบสายตาผู้คนมา มองไปทางหลังตึกเห็นเรือนบ่าวอยู่ตรงหน้า รีบแอบย่องเข้าไป
สาตากผ้าอยู่ด้านหลังเรือน สมศักดิ์ย่องเข้ามาหา ประชิดตัว
“คุณสา”
สาตกใจมาก “คุณ”
สมศักดิ์ทำสัญญาณให้สาเงียบ สาพยักหน้า แล้วดึงเข้ามุมลับตา ต่อว่าทันที
“คุณมาที่นี่ทำไม อยากเข้าคุกหรือยังไง”
“ไม่มีโอกาสอื่นแล้ว ผมจำเป็นต้องเสี่ยง” จอมเจ้าชู้ส่งจดหมายสีชมพูให้ “คุณเอานี่ให้คุณหญิงอ่าน แผนการทั้งหมดอยู่ในนี้”
“แผนการอะไร”
“ผมขอให้คุณหญิงหนีไปกับผม...แล้วก็คุณด้วย” สมศักดิ์บอก
สาตกใจเป็นที่สุดๆ “อะไรนะ...คุณหญิง ฉัน คุณ...ไม่ ไม่ได้”
“ไม่มีทางอื่นแล้ว ถ้าคุณกับคุณหญิงไม่ทำนี่คงเป็นครั้งสุดท้าย ที่คุณจะได้เห็นหน้าผม”
สาอึ้ง เรื่องนี้ใหญ่กว่าที่หล่อนคิด
“ไม่...ไม่ได้ ฉันทำไม่ได้”
สมศักดิ์กล่อม “คุณก็รู้ คุณหญิงรักผม ผมก็รักคุณหญิง คุณอุษาจะเป็นเหมือนเทวดาที่อุ้มสมเราสองคน... ผมกับคุณหญิงโสภา”
สาลังเล “เหมือนอุ้มสมอุณรุทกับนางอุษาหยั่งงั้นเหรอ”
“ครับ” สมศักดิ์กระซิบข้างหู “เหมือนอุณรุทกับนางอุษา... แล้วหลังจากนั้น “เราสามคน” จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”
สาสับสนลังเลใจมาก

หญิงโสภามาพบสาที่ศาลากลางสวน ในมือถือจดหมายสมศักดิ์ ที่เพิ่งอ่านจบ ราชนิกุลสาวน้อยตกใจมาก
“ตายจริง ไม่ ไม่นะ สา หญิงไม่กล้า”
สาพูดด้วยความหนักใจ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่
“ค่ะ สาก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าคุณหญิงคงไม่กล้า”
“นี่มันหนีตามผู้ชายนะสา หม่อมแม่ฆ่าหญิงตายแน่”
“ก็นั่นน่ะสิคะ” สาทอดถอนใจ “แต่จะว่าไป มันก็ไม่มีทางอื่น เพราะต่อให้คุณสมศักดิ์เธอมาขอคุณหญิงจริงๆ หม่อมท่านก็ไม่มีทางยกให้”
“ถ้าหญิงจะพูดความจริงล่ะ”
สาฉงน “ความจริง?”
หญิงโสภามีสีหน้าละอาย แต่ก็ฝืนใจพูด
“คุณสมศักดิ์...ถูกเนื้อต้องตัวหญิงไปแล้ว ถึงไม่ได้...” คุณหญิงนึกแล้วอายมาก “เป็นอะไรกัน
แต่หญิงก็เป็นของคนอื่นไม่ได้แล้ว”
หญิงโสภาจะเดินออกจากห้องไป สานึกได้ รีบคว้าตัวไว้
“อย่าค่ะ คุณหญิง อย่านะคะ คุณหญิงพูดไม่ได้นะคะ ขืนพูดไป หม่อมเอาตำรวจมาลากคอคุณสมศักดิ์เข้าตะรางแน่”
“งั้นจะให้หญิงทำยังไงล่ะ สา”
“ก็คงต้องปล่อยมันไปตามบุญตามกรรมล่ะค่ะ คุณหญิงก็แต่งงานกับคุณชายสืบสวัสดิ์ไป ส่วนคุณสมศักดิ์ก็...” สาถอนใจอีก “คงจะไม่มาให้เราเห็นหน้าอีก”
สาถอนใจ สงสารตัวเองมากกว่าใคร หญิงโสภาครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น
“ยังไงหญิงก็ไม่แต่ง... สาจ๋า สาบอกคุณสมศักดิ์ด้วยนะ ว่าหญิงรักเขาคนเดียวถึงจะไม่ได้เป็นของเขาแต่หญิงก็จะไม่เป็นของคนอื่น...”
สามองอย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจ
“จะไม่มีผู้ชายคนไหนอีก นอกจากเขา...ตลอดชีวิตของหญิง”

คุณหญิงโสภาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว เยือกเย็น สาฟังแล้วอึ้งๆ รู้สึกหนาวในใจอย่างประหลาด

อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น