ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ 21
ไขลูกำลังร่ายรำเพลงดาบเป็นท่าไม้ตายต่างๆ อยู่คนเดียวในห้องขัง
ไขลูกำลังต่อสู้กับนักโทษหงสา 2-3 คนอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย นักโทษคู่ต่อสู้เสียทีตลอด พัศดีกับผู้คุมยืนมองอย่างหนักใจ
“ไอ้เชลยหงสาวดีนี่ กำลังวังชามันเหลือเกิน ถึกอย่างกับวัวควาย”
“หากเป็นเช่นนี้ ท่านปลัดทัพอาจจะสู้แรงมันไม่ได้ ไม่น่าเปิดโอกาสให้มันจับดาบเลย”
ไขลูเอาหินมายกออกกำลังกายเหงื่อโทรมกาย โดยมีผู้คุมคุมอยู่ห่างๆ
พ่อครัวช่วยกันลำเลียงเสบียงอาหารมาให้ไขลูกับนักโทษคู่ซ้อมกินอย่างเต็มที ไขลูและนักโทษกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
“จำไว้ เป็นเพราะกูเอาพวกมึงมาเป็นคู่ซ้อมจึงได้กินดีอย่างนี้ ฉะนั้นจงทำเป็นสู้กูไม่ได้ แล้วกูจะหาทางให้พวกมึงสบายต่อไป”
มังตรานั่งห้อยพระบาทอยู่บนพระแท่น โชอั้วนั่งล้างเท้าให้อยู่ที่พื้น
“การดวลดาบนี้ข้าพเจ้ามองไม่เห็นว่าเป็นการยุติธรรมที่ตรงไหน”
“ทำไมคิดอย่างนั้น”
“ข้าพเจ้าได้ยินคนในเมืองพูดกันว่า ขุนพลตะคะญีแอบไปฝึกดาบอยู่ที่บ้านกระเหรี่ยงโดยมิให้ใครเห็น”
“ไม่จริง ใครพูดเช่นนั้นไม่ใช่คนตองอู เราเชื่อในสัจจะของท่านขุนพล”
“คนตองอูอาจจะเชื่อสัจจะในพวกตน แต่พระองค์จะห้ามคนหงสาวดีอย่างไขลูให้คิดอย่างคนตองอูได้อย่างไร”
“แล้วน้องท่านจะให้ข้าพเจ้าทำเช่นไร”
“ก็ทำให้ไขลูเห็นว่าคนตองอูมีน้ำใจ มีความยุติธรรม”
“โดยวิธีใด”
“พระองค์ควรจะหาที่ซ้อมอาวุธให้ไขลูในที่โล่งแจ้ง เอาประชาชนเป็นพยาน หากปล่อยให้ซ้อม ปรนเปรออยู่แต่ในคุก พระองค์จะหาผู้ใดเป็นพยานได้ว่าให้การยุติธรรม”
“การดวลนี้ข้าพเจ้ามิเกี่ยว เป็นเรื่องของปลัดทัพร้องท้าเอง”
“แต่การดวลดาบครั้งนี้ หมายถึงศักดิ์และศรีของคนตองอูกับคนหงสาวดี พระองค์จะทำเพิกเฉยกระไรได้”
มังตรานิ่งคิด นางข้าหลวงเข้ามาหมอบกราบที่หน้าประตู
“ท่านแม่ทัพบุเรงนอง รอเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวอยู่ด้านนอกเรือน”
มังตรามีสีหน้างุนงง โชอั้วสงสัยว่ามีเรื่องด่วนอะไรจะเด็ดถึงกลับจากแปร
ตะคะญียังคงนั่งสมาธิอยู่หน้าศาลนัตและแท่นบูชาครูเหมือนเดิม
ส่วนที่เรือนตองหวุ่นญี มังตราทรงพระสำราญเสวยน้ำจัณฑ์ที่มหาดเล็กรินถวายอยู่
“พี่ท่านจะให้ข้าพเจ้าระดมคนตองอูมาเต็มสนามประลองยุทธ์ เพื่อดูการดวลดาบของขุนพลตะคะญีกับเจ้าไขลูเชลยหงสาวดีอย่างงั้นหรือ” จะเด็ดนิ่ง หน้าเสีย กลัวมังตราไม่เห็นด้วย “ทำไมต้องให้ความสำคัญการดวลดาบครั้งนี้ถึงปานนั้น”
“การจัดพิธีให้เอิกเกริก ก็เพื่อช่วยท่านครูตะคะญีมิให้เสื่อมเกียรติ”
“จะให้ข้าพเจ้ากับชาวตองอู มาเป็นพยานการตายของตะคะญีอย่างนั้นหรือ”
“เป็นไปทางตรงข้าม..หากพระองค์ให้ความสำคัญ การนี้จะทำให้ครูท่านมีกำลังใจในการดวลดาบมากขึ้น”
“ไขลูกลัวการที่ข้าพเจ้าจะไปดูอย่างนั้นหรือ”
“หากข้าพเจ้าเดาความไขลูถูก การนี้เป็นเพียงอุบายตื้นๆ แค่ต้องการหาทางหลบหนีเท่านั้น”
“อุบายพี่ท่าน ดุจหนามตำต้องเอาหนามบ่ง เพื่อให้หายเจ็บ”
“ต้องขอบน้ำใจแม่นางโชอั้ว คำเสนอของนางทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นทางที่จะช่วยครูท่านได้ ขอพระองค์เชื่อในอุบายนี้เถิด” มังตราหัวเราะ
“ข้าพเจ้าเชื่อแล้ว เล่ห์อุบายนี่เป็นพรสวรรค์ของพี่ท่านจริงๆ เรื่องร้ายแรงที่อาจก่อสงครามอย่างเรื่องตะละแม่เมืองแปรพ่ายรัก ท่านยังนำชื่อข้าพเจ้าตามไปลวงพระเจ้าแปรให้จัดการอุปภิเษกใหม่มา ข้าพเจ้ายังมิได้ดื่มอวยพรฉลองในการอภิเษกของพี่ท่านกับตะละแม่แปรเลย มา มาดื่มกัน”
มังตรารินน้ำจัณฑ์พระราชทานให้จะเด็ดดื่มอย่างสนิทสนม ไม่ถือพระองค์ ตลอดเวลาที่มังตราคุยกับจะเด็ด จะเห็นโชอั้วแอบฟังอยู่
จะเด็ดขี่ม้าตรวจไปรอบๆ สนามประลองดาบ เนงบา สีอ่องขี่ม้าตาม
“ขอพี่ท่านทั้งสอง จงจัดล้อมเวทีเป็นอาณาเขตประลองดาบให้สมศักดิ์ครูเรา และจัดพลับพลาให้พระเจ้าอยู่หัวประทับทอดพระเนตรอย่าให้บกพร่อง”
“ข้าพเจ้าให้สีอ่องเร่งม้าไปตามน้องท่านถึงแปรเพื่อให้รีบมาห้ามพ่อครู แต่แล้วท่านกลับมาสั่งให้เตรียมการใหญ่โต”
“นั่นซิ น้องท่านคิดอะไรอยู่ ทำเหมือนอยากให้ครูเราแพ้”
“ข้าพเจ้าอยากให้ตัวเองเดาการณ์ถูก เราคอยดูกันต่อไปดีกว่า ขอพี่ท่านจัดสนามประลองให้สมพระเกียรติแทนข้าพเจ้าด้วย”
จะเด็ดชักม้าไป เนงบาควบตาม
อ่านต่อหน้า 2
ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ 21 (ต่อ)
จะเด็ดชักม้าไป เนงบาควบตาม
“ท่านบุเรงนอง เออ...”
“มีการอันใดที่ยังเกรงว่าจะไม่สมบูรณ์อีก” จะเด็ดหันมาถาม
“ข้าพเจ้าเกรงว่าเจ้าไขลูมันจะหาทางหนี” จะเด็ดยิ้ม
“ก็ให้มันหนี คนทั้งพุกามจะได้รู้ว่าทหารเสือหงสามันตาขาว”
จะเด็ดควบม้าจะไปต่อ เนงบาขยับตาม
“เออ มีอีกเรื่อง” จะเด็ดชะลอม้าลง
“แจ้งมาเถิด”
“ท่านเป็นน้องที่เคารพข้าพเจ้าดุจพี่ร่วมสาบาน เป็นแม่ทัพที่เอาใจใส่แก่หมู่ทหาร แม้แต่จาเลงกาโบท่านยังหาหญิงหงสาวดีให้เป็นเมียได้” จะเด็ดหัวเราะ
“นี่พี่ท่านไปหลงนางผู้คนใด ข้าพเจ้าไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเลย”
“หญิงผู้นี้ใกล้ชิดข้าพเจ้ามาแต่ยังไม่แตกสาว อยากจะให้ท่านเป็นคนแจ้งความรักข้าพเจ้าแก่นางด้วย”
“ทำไมพี่ท่านไม่แจ้งแก่นางเอง”
“นางเป็นคนดุ ไม่ค่อยเชื่อฟังข้า แต่ท่านเป็นคนช่างเจรจา มีกลวิธีกล่อมสตรี จึงอยากให้ท่านกล่อมนางให้รักข้าที” จะเด็ดยิ้ม
“ได้ ข้าพเจ้าจะช่วยเจรจาให้พี่ท่านสมหวังเอง นางผู้นั้นคือใคร...”
“ก็ แม่นางกันทิมาไง แจ้งแก่นางทีว่าข้าพเจ้านี้รักนางจนอกจะแตกออกเป็นเสี่ยงแล้ว หากได้ฤกษ์ดีจะขอยกขบวนไปขอนางกับท่านครูตะคะญี”
จะเด็ดที่ยิ้มๆ อยู่ ถึงกับอึ้งยิ้มไม่ออก
โชอั้วเดินลับๆ ล่อๆ มาหาจอลุกับสมทะที่ยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หลังเรือน เพราะต้องเปลี่ยนแผนใหม่จากที่วางแผนไว้จะให้ไขลูหนีตอนวันประลอง แต่จะเด็ดรู้ทันจึงต้องหาวิธีช่วยไขลูหนีก่อนวันประลอง
“ท่านไขลูแจ้งว่าให้รีบพาหนีไปให้เร็วที่สุดก่อนวันดวลดาบมาถึง สั่งให้ข้าพเจ้ามาขอความช่วยเหลือจากพระนาง” จอลุบอก
“จะให้ข้าพเจ้าพาหนี เป็นไปไม่ได้”
“ไม่ถึงการนั้นดอก ขอเพียงได้ตราอาญาสิทธิ์จากพระนางเป็นใบเบิกทางก็พอ”
“ทำอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็ถูกจับได้ซิว่าเป็นผู้สมคบกับพวกท่าน”
“เราไม่มีทางเลือกแล้ว หากไม่ได้หมายข้าพเจ้าก็ไม่อาจพาท่านไขลูไปเฝ้าพระอุปราชสอพินยาได้ เรามาเพื่อการนี้ ฉะนั้นท่านต้องช่วยข้าพเจ้าทำการให้สำเร็จ ส่วนเรื่องของพระนางก็หาทางแก้เอาเอง”
โชอั้วตกใจ ไม่กล้าให้
ชานเรือนตะคะญี จะเด็ดนั่งคุยอยู่กับตะคะญี เมียและปอละเตียงทำครัวอยู่อยู่ใกล้ๆ
“ไอ้พวกเนงบามันปรามาสข้าพเจ้าว่าจะสู้ไอ้เชลยหงสามิได้ซิ จึงไปตามท่านแม่ทัพมาห้าม”
“ข้าพเจ้าไม่ได้หมายมาห้ามการประลองดาบท่านครูดอก อยากจะมาปรนิบัติท่านครูจนถึงวันประลองยุทธ์ต่างหาก”
“ข้าพเจ้า เคยถวายชีวิตปกป้องแผ่นดินให้พระเจ้าเมงกยินโยพระราชบิดาพระเจ้าตะเบชเวตี้มา หากจะสิ้นชื่อเพราะไอ้เชลยไขลูก็อย่านับข้าพเจ้าเป็นครูดาบตองอูให้อับอาย”
“ครูอย่าน้อยใจพวกศิษย์ที่เป็นห่วงครูเลย แม้พระเจ้าอยู่หัวมังตรายังแสดงให้ประจักษ์ในเกียรติครูท่าน ถึงจะเสด็จมาประทับเป็นประธานในการดวลดาบครั้งนี้ด้วย”
“พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จทอดพระเนตรหรือ ก็เป็นการดวลดาบที่เอิกเกริกมากซิ”
“ใช่ ครูท่าน ชาวเมืองต่างตื่นเต้น อยากให้ถึงวันดวลโดยเร็ว”
“ถึงขั้นนี้แล้วข้าพเจ้ายิ่งแพ้มิได้ ขอท่านแม่ทัพไว้ใจข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าต้องชนะไอ้ไขลูครูดาบหงสาให้ได้ แล้วไอ้เชลยไขลูมันเป็นอย่างไรบ้าง”
“มันก็ตั้งใจซ้อมมิน้อย เพราะเพลานี้กลายเป็นการดวลดาบที่มีศักดิ์ศรีของเมืองตองอูกับหงสาวดีเป็นประกันเสียแล้ว”
ตะคะญีนิ่งเงียบ เมียหยุดเลี้ยงหลานหันมามองอย่างเป็นห่วง
ปอละเตียงกำลังซักผ้าอยู่ริมลำธาร จะเด็ดเดินเข้ามา ปอละเตียงเห็นดีใจ
“ตั้งแต่มาถึง ข้าพเจ้ายังมิแจ้งเรื่องจาเลงกาโบให้ท่านหายห่วงเลย”
“ข้าพเจ้าเห็นท่านวิตกการของพ่อจึงมิอยากกวนถามความส่วนตัว”
“ท่านอย่างหวงจาเลงกาโบเลย เพลานี้แปรกับตองอูดุจญาติมิตรที่ผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น มิเครียดขึงต่อกันดุจก่อน เสร็จการดวลดาบครูท่าน ข้าพเจ้าก็จะให้จาเลงกาโบกลับมาให้ท่านซบอกห่มกายให้หายหนาวอยู่กับลูกทุกคืน”
ปอละเตียงหัวเราะอาย
“จาเลงกาโบนั้นซื่อ ยากจะหาชายใดในตองอูเสมอ แม้จะไปอยู่ไกลตาก็มิได้ทำให้ระแวงใจ เป็นห่วงแต่จะทุกข์กายไม่มีผู้ดูแลมากกว่า”
“ข้าพเจ้าดีใจนักที่ได้ยินคำท่าน นับเป็นบุญข้าพเจ้าแท้ที่ทำให้จาเลงกาโบสมรัก สร้างสุขให้ท่าน”
“ข้าพเจ้าต่างหากเป็นหนี้คุณท่าน หากต้องเป็นเมียชายที่หาคำมั่นไม่ได้ คงรองน้ำตาป้อนลูกทุกวัน”
จะเด็ดไม่กล้าสบตาปอละเตียง
อ่านต่อหน้า 3
ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ 21 (ต่อ)
จะเด็ดไม่กล้าสบตาปอละเตียง
“ข้าพเจ้ามาหาครูท่านนี้ ยังมีการสำคัญเรื่องหนึ่งอยากจะปรึกษาท่าน”
“ข้าพเจ้าแค่หญิงสามัญ จะมีการใดให้แม่ทัพใหญ่อย่างท่านมาปรึกษา”
“การทัพนั้นแม้หนักใจก็นับเป็นหน้าที่ มิกล้าเอามาเป็นทุกข์กับผู้อื่นแต่การในเรื่องรัก ยากจะตัดสินใจเอง”
“หญิงใดทำให้ท่านตันหนทางเอาชนะใจได้อีก ถึงปานนี้ท่านยังมีใจไปทำร้ายหญิงอื่นอีกหรือ”
“หากเรื่องรักครั้งนี้มิได้เป็นของข้าพเจ้าดอก เนงบาเป็นผู้ฝากมา”
“ท่านนายกองเนงบาไปหลงสวาทหญิงใด ถึงฝากท่านมาให้หนักใจ”
“ก็แม่กันทิมาไง เนงบาแอบรักแม่กันทิมามานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอกให้กันทิมารู้ ก็คงรู้ว่ากันทิมาคงไม่รับรัก ข้าพเจ้าจึงหนักใจ”
“ข้าพเจ้าว่ากันทิมานั้นไม่มีวันอยู่กับเนงบาได้”
“ทำไมท่านพูดเช่นนั้น”
“ข้าพเจ้าเป็นหญิง เห็นตาที่กันทิมามองท่านก็รู้แล้วว่ากันทิมาคิดอะไร ท่านกำลังจะหาทางบังคับกันทิมาให้ลงแก่เนงบา เหมือนกับที่ทำกับข้าพเจ้าที่ต้องลงแก่จาเลงกาโบ ท่านรักเพื่อนนั้นข้าพเจ้าบูชาน้ำใจนัก แต่ท่านกำลังจะทรมานผู้หญิงคนหนึ่งให้ตายทั้งเป็น”
“ท่านกำลังหมายความว่า…”
“แม่กันทิมายอมเสี่ยงตายปลอมเป็นชายไปช่วยท่านถึงคุกแปร และยังอีกหลายๆ ศึกเพื่ออะไร มิใช่เพราะดำรัสสั่งของตะละแม่จันทราเพียงอย่างเดียวดอก เป็นเพราะท่านต่างหาก นางนั้นมีใจแก่ท่าน แต่นางเป็นคนใจหนักอย่างพ่อกับพี่ชายจึงเก็บงำ ความในใจไว้ตลอดมา”
“ข้าพเจ้า...”
“ข้าพเจ้าเดาได้ว่าเมื่อครั้งท่านมาพักอยู่ซ้อมดาบกับพ่อครูที่นี่ ท่านคงคะนองใจใช้คำรื่นลวงนางเหมือนหญิงอื่นๆ เหมือนที่เคยลวงข้าพเจ้ามาก่อน เสร็จแล้วท่านอาจจะลืม แม่ทัพบุเรงนองนั้นประหารศัตรูกลางศึกได้เหี้ยมหาญแล้ว ยังใช้คมลิ้นประหารสตรีให้ตายทั้งเป็นได้เป็นเยี่ยมอีกด้วย”
จะเด็ดรู้สึกหนักใจมาก
คืนนั้นจะเด็ดเดินตรงไปที่ห้องกันทิมา เคาะประตูเรียก
“กันทิมา กันทิมา แม่กันทิมา ข้าพเจ้ารู้นะว่าท่านยังไม่นอน เปิดประตูให้ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ามีการจะแจ้งให้ท่านเข้าใจ” กันทิมานอนฟังอยู่ในห้อง “หากแม่ไม่เปิดข้าพเจ้าจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้”
กันทิมาลุกขึ้นนั่งฟัง
“เพลานี้ท่านกินตำแหน่งใหญ่กว่าใครทั้งแผ่นดินแล้ว อย่ามาข้องแวะข้าพเจ้าเลย”
“เมื่อครั้งท่านแต่งเป็นชายลอบไปฟังข่าวถึงเมืองแปร เราเคยนอนร่วมห้องกันมาแล้ว ท่านจะมาระแวงข้าพเจ้าอีกทำไม ถอดลิ่มให้ข้าพเจ้าเข้าไปเถิด เดี๋ยวมีผู้ใดมาเห็นความจะยิ่งแตก”
กันทิมาสับสนในใจ แต่ก็ตัดสินใจไปเปิดประตูให้ จะเด็ดรีบเข้าไปแล้วปิดประตู กันทิมาถอยออกไปอยู่อีกมุมของห้อง
“รีบแจ้งมา แล้วรีบออกไปเถอะ ถ้ามีคนรู้จะไม่งามแก่ข้าพเจ้า”
“ข้าพเจ้าอยากจะอธิบายเรื่องที่เนงบา…”
“อย่าเอ่ยชื่อคนผู้นี้กับข้าพเจ้า ถ้าจะแจ้งเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่ขอฟัง”
“ถ้าไม่แจ้งเรื่องพี่เนงบาก่อน เรื่องอื่นเราจะทำความเข้าใจกันต่อได้อย่างไร” กันทิมาสงบลง “พี่เนงบาคือเพื่อนผู้ซื่อ แต่ทำการสิ่งใดมักไม่เป็นผลเท่าพี่จาเลงกาโบกับพี่สีอ่อง ข้าพเจ้าไม่มีช่องใดจะสรรเสริญ เผอิญเกลอพี่ผู้นี้จงใจจะฝากผีฝากไข้กับท่าน ข้าพเจ้าจึงอยากให้พี่เนงบาสมหวัง”
“ข้าพเจ้าไม่ยินดีกับเนงบา หากจะมาบังคับข่มขืนขอตายเสียดีกว่า”
“หากได้รับฟังคำมั่นอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็จะขอแจ้งเรื่องของข้าพเจ้าโดยตรง” กันทิมาจ้องมองจะเด็ดอย่างไม่แน่ใจ “ข้าพเจ้าอยากจะขอบคุณน้องท่านที่ปลอมเป็นนาคะตะเชโบ ลอบเข้าไปช่วยข้าพเจ้าถึงในโรงจำแปร”
“ท่านรู้…”
“กุศลนี้คงตอบคืนไม่มีหมด และเมื่อครั้งหนีภัยโทษจากในเมืองมาอาศัยร่มเงาพ่อครูตะคะญีก็มีแต่น้องท่านให้ใจเมตตา ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าหายศศักดิ์ใดๆ ไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงนับน้ำใจท่านว่าบริสุทธิ์หาหญิงใดจะเสมอได้ในชีวิต ถึงเพียงนี้แล้วเรามีอะไรต้องปิดบังกันอีก” กันทิมาร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ จะเด็ดขยับเข้าไปกุมมือไว้ “ข้าพเจ้าขอโทษที่มองข้ามน้ำใจน้องท่านตลอดมา”
กันทิมาเข้ากอดจะเด็ดอย่างสุดจะห้ามใจตัวเองได้ จะเด็ดกอดตอบ
“ข้าพเจ้าเปิดใจแก่ท่านอย่างนี้แล้วท่านจะเมตตาแค่ไหนก็สุดแท้แต่เถิด”
จะเด็ดเช็ดน้ำตาให้ แล้วหอมแก้มกันทิมาด้วยความรัก
อ่านต่อหน้า 4
ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่ 21 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น จะเด็ดและนักดาบช่วยกันจัดม้ารอตะคะญีอยู่ที่ลานบ้าน
ตะคะญี เมีย กันทิมา ปอละเตียง ลูกชาย กำลังทำพิธีอยู่หน้าแท่นบูชาครู ตะคะญีเดินลงเรือนตรงมาที่ม้าพร้อมกับกันทิมา ปอละเตียง ลูกชาย เมีย
“ข้าพเจ้าขอฝากท่านบุเรงนองคุ้มครองพ่อครูให้ข้าพเจ้าด้วย”
จะเด็ดยิ้มให้แล้วไหว้ลา
“ไปกันเถอะ”
จะเด็ดหันไปทางปอละเตียง
“แล้วข้าพเจ้าจะแจ้งข่าวแก่จาเลงกาโบให้”
ปอละเตียงยกมือไหว้จะเด็ดน้ำตาคลอ จะเด็ดมองกันทิมา ตะคะญีมองทั้งสองคน ตะคะญีและนักดาบควบม้านำออกไป จะเด็ดควบตาม เมียตะคะญี ปอละเตียง กันทิมามองตามอย่างเป็นห่วง
ลานหน้าโรงจำตองอู จอลุกับสมทะในเครื่องแบบทหารตองอูขับนำเกวียนประทุนเข้ามา ทหารผู้คุมพัศดีเดินเข้ามาขวางไว้
“พวกเจ้ามีการอะไรถึงมาแต่เช้า”
จอลุชูป้ายอาญาสิทธิ์ให้ดู
“พระเจ้ามังตราให้มาคุมตัวนักโทษหงสาไปเป็นการลับ”
พัศดีงงแต่เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์จึงถอยหนี ผู้คุมคุมตัวไขลูออกมาจากในคุก สมทะรีบกระโดดลงจากเกวียน วิ่งขึ้นไปฉุดไขลูลงมา
“ปล่อยข้า จะเอาข้าไปไหน บุเรงนองเล่นไม่ซื่อ จะนำข้าไปสังหารช่วยข้าด้วยๆๆ”
สมทะไม่ฟังเสียงรีบดึงขึ้นเกวียนขับออกไป พัศดีมองตามเหมือนจะพอใจ
“นึกแล้วว่าท่านบุเรงนองไม่มีวันให้ท่านขุนพล ลงประลองดาบกับไอ้เชลยหงสาแน่นอน”
ขบวนจอลุขับเกวียนผ่านป่ามาอย่างรวดเร็ว
สมทะกับไขลูนั่งหมอบมาอยู่ในเกวียน สักครู่ไขลูเอาผ้าคลุมออก ชะโงกออกมานอกเกวียนมองทางไปทั่วๆ
“ถึงที่ไดแล้ว”
“ออกนอกเขตตองอูแล้ว”
“ข้าพเจ้าไม่น่าหนีเลย น่าจะได้ประลองดาบกับไอ้เฒ่าตะคะญี”
“การนี้มิใช่การดวลดาบธรรมดา พระอุปราชสอพินยาต้องการตัวท่านคืนหงสาวดี ใยจะอยู่หลงกลให้มันหัวเราะเยาะเล่า”
“แต่มันจะถือเป็นเหตุให้ประจานเรา ขุนดาบหงสาวดีหนีการดวลดาบกับขุนพลตองอูเพราะกลัวตาย มันจะเหลือศักดิ์ศรีอะไร”
“กลศึก หากยึดมั่นแต่ศักดิ์ศรี การสงครามอาจพ่ายแพ้ในที่สุด”
“จะเด็ดกลับมาบัญชาการเองเช่นนี้ เรามิควรเสี่ยง” ไขลูชะงัก
“จะเด็ดมันกลับมาตองอูหรือ”
“มันเป็นผู้สั่งการทั้งหมด มันกราบทูลพระเจ้ามังตราและเกณฑ์ชาวเมืองมาดูท่าน มันคงมีแผนประหารท่านถวายพระเจ้าอยู่หัวมันเป็นแน่”
ไขลูคิดอะไรบางอย่างได้
“มหาเถรเฒ่ากุโสดอกลับมากับจะเด็ดด้วยหรือเปล่า”
“ข้าพเจ้าไม่เห็น มันเร่งมาจากแปรได้เร็วขนาดนี้ คงไม่เอามหาเถรกุโสดอเป็นเครื่องถ่วงการเดินทางดอก”
ไขลูนิ่งคิดอะไรบางอย่าง
“งั้นพาข้าไปแปรก่อน”
“พระอุปราชสอพินยารอรับท่านอยู่ที่หงสาวดีนะท่านไขลู”
ไขลูโกรธ ตะโกนเสียงดัง
“พาข้าไปแปร ได้ยินไม๊”
อ่านต่อตอนที่ 22