บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 10
ที่บริเวณท่าเรือ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่รวมตัวกันอยู่ ก่อนจะแยกย้ายขึ้นเรือ บรรเลงยืนอยู่ข้างๆ แพรพลอย อิศร์ คุยกับพวกเจ้าหน้าที่
“ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าลูกสาวผมยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แต่ผมยังมีความหวังอยู่”
“ขอให้พวกเรากระจายกันตรวจค้นทุกเกาะ เพื่อสอบถามพวกชาวบ้าน แล้วก็ใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เรามีหาผู้สูญหายให้พบ”
นายตำรวจใหญ่ของท้องที่สั่งการ พวกตำรวจและเจ้าหน้าที่รับคำสั่งและกระจายกันไปขึ้นเรืออื่นๆ
จากนั้นนายตำรวจผู้ใหญ่นำบรรเลง แพรพลอย อิศร์ และนักข่าว 3-4 คนไปที่เรือใหญ่
“แพรก็เชื่อว่าคุณเมย์ต้องปลอดภัยดีค่ะท่าน”
“คุณลุงทำใจให้สบายนะครับ”
บรรเลงมองทั้งสอง พยักหน้าให้ มีกำลังใจมากขึ้น
เวลาเดียวกัน สองหนุ่มสาวที่ทุกคนเป็นห่วง ยังอยู่ที่บึงน้ำกลางเกาะ อนุภัทรลุยน้ำลงไปครึ่งเข่า เอากะลากวนหาน้ำใสๆ ในบึงแล้วตักขึ้นมา มายาวีชะโงกหน้ามองน้ำในกะลาแล้วเบ้ปาก
“ยังขุ่นอยู่เลย คุณเดินลงไปลึกๆ หน่อยสิ”
อนุภัทรมองดูน้ำ “นิดเดียวน่า ตั้งทิ้งไว้เฉยๆ เดี๋ยวตะกอนมันก็นอนก้นหมด”
“ฉันไม่อยากท้องร่วงนะ แค่ขาเจ็บก็แย่พอแล้ว”
“โอเคๆๆ”
อนุภัทรเทน้ำทิ้งแล้วลุยน้ำต่อไป จนน้ำถึงหน้าอก
“ผมว่าตรงนี้น้ำใสแล้วล่ะ รอแป๊บนะ”
อนุภัทรช้อนน้ำแล้วจมผลุบลงไป มายาวีส่ายหน้าเอือม
“มุกเก่าๆ เล่นอยู่ได้ ไม่ตลกเลยนะ”
อนุภัทรดิ้นรนอยู่ใต้น้ำ ซักพักก็ปล่อยกะลาลอยขึ้น
“นี่ผู้กองคะ ขึ้นมาได้แล้ว ฉันหิวน้ำ”
อนุภัทรพยายามตะเกียกตะกายจนโผล่หน้าขึ้นมา พยายามจะขอความช่วยเหลือ แต่ก็จมลงไปอีก
“สนุกมากใช่ไหม งั้นก็เล่นไปคนเดียว ฉันไม่กินก็ได้”
มายาวีลุกขึ้น อนุภัทรทะลึ่งพรวดขึ้นมาพอดี หน้าเขียวตะเกียกตะกาย
“ช่วยด้วย ช่วย...”
อนุภัทรหมดแรงจมลงไปอีก มายาวีเริ่มรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล่น
“ผู้กอง! คุณเป็นอะไร”
มายาวีตกใจ รีบลุยน้ำลงไปหา
ขณะเดียวกันเรือแต่ละลำแล่นกระจัดกระจายกันไปกลางทะเล บรรเลงยืนอยู่หัวเรือ ดูกล้องส่องทางไกลสำรวจ
ภายในเรือแพรพลอย และอิศร์กำลังยืนดูการแผนที่กระแสน้ำ ฟังเจ้าหน้าที่อธิบายการคาดคะเนทิศทางที่มายาวีกับอนุภัทรน่าจะถูกน้ำพัดไป
ส่วนมายาวีว่ายไปถึงตัวอนุภัทร แล้วคว้าตัวไว้
“ผู้กอง”
อนุภัทรตะเกียกตะกาย “ข...ขา ! ขาผม”
มายาวีงง ดำลงไปดู เป็นขาอนุภัทรถูกสาหร่ายขนาดใหญ่รัดอยู่ อนุภัทรดิ้นตะกาย มายาวีดำน้ำต่ำลงไป พยายามจะแกะสาหร่ายออก
เรือที่แพรพลอยกับอิศร์ และบรรเลงนั่งมา แล่นผ่านมาทางเกาะ วนอ้อมไปรอบๆ
มายาวีก้มลงไปพยายามดึงๆ สาหร่าย แต่ดึงไม่ออก โผล่หน้าขึ้นมา
“ใจเย็นๆ นะผู้กอง ฉันจะช่วยคุณ”
มายาวีร้อนรนสุดขีด รีบดำน้ำลงไปใหม่
เรือเร็วแล่นไปรอบๆ เกาะผ่านชายหาด แพรพลอยส่องกล้องมองเห็นอะไรบางอย่าง
“เอ๊ะ”
“อะไรเหรอครับ”
“ฉันเห็นซากกองไฟอยู่ตรงนั้นน่ะค่ะ”
อิศร์รับกล้องส่องทางไกลมาส่องดูบ้าง เห็นกองไฟมอดๆ ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ริมหาด
“คุณลุงครับ! เกาะนี้มีคนอยู่”
บรรเลงกับคนในเรือชะงักหันไปมองทันที ตำรวจรีบสั่งให้หันเรือกลับ
แพรพลอยวิ่งนำทุกคนมาที่กองไฟ แล้วเอามืออังเหนือกองไฟ
“ยังอุ่นอยู่เลยค่ะ”
อิศร์เห็นอะไรบางอย่างก้มลงคุ้ย
“คุณแพร ดูนี่สิ” เขาหยิบเศษผ้าจากเสื้อผ้าของอนุภัทรที่พันแผลให้มายาวี
“ท่านคะ เศษผ้าชิ้นนี้เป็นแบบเดียวกับที่ผู้กองอนุภัทรใส่ค่ะ”
บรรเลงตื่นเต้นมาก “ยายเมย์ ยายเมย์ต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ”
“กระจายกันออกตามหาให้ทั่วเกาะ เร็วเข้า” นายตำรวจใหญ่สั่งการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบกระจายกำลังกันออกไป นายตำรวจนำกลุ่มของบรรเลงและนักข่าวไป
มายาวีกับอนุภัทรกอดกัน ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้น้ำ มายาวีพยายามกระชากสาหร่ายให้ขาด สลับกับโผล่ขึ้นมาหายใจ
กลุ่มของบรรเลงเข้ามาในป่า นายตำรวจหัวหน้าทีมร่องรอยพุ่มไม้ถูกแหวกก็ตามรอยไป ทุกคนช่วยกันตะโกนเรียกชื่อทั้งสอง ไปตลอดทาง
อนุภัทรดิ้นใหญ่ๆ จนใกล้จะหมดแรง มายาวีโผล่ขึ้นมา พยายามประคองให้อนุภัทรอยู่เหนือน้ำ
“อีกนิดเดียวนะผุ้กอง ทนอีกนิด”
มายาวีสูดลมหายใจดำลงไปอีกครั้ง พยายามกระชาก
กลุ่มของแพรพลอยติดตามมาตามรอยเดินเท้า
มายาวีดำลงน้ำลึก กระชากสาหร่ายออกจนขาดในที่สุด แต่เห็นอนุภัทรอ่อนแรงพอดี รีบว่ายเข้าไปประคองไว้
“ผู้กอง! ผู้กองภัทร! ฉันทำได้แล้ว คุณไม่เป็นไรแล้วนะ”
อนุภัทรมองมายาวีแบบอ่อนแรงตาใกล้จะปิด มายาวีตกใจรีบประคองแล้วพาว่ายกลับเข้าฝั่ง
พอถึงฝั่งมายาวีจับอนุภัทรนอนราบริมน้ำ ปั๊มหน้าอกให้อย่างเร็วๆ ไม่ต้องโรแมนติกมาก เอาแบบช่วยชีวิตจริงๆ
อนุภัทรสำลักน้ำออกมา แล้วผวาเฮือก
“เป็นไงบ้างคะ”
อนุภัทรกะพริบตาปริบๆ “คุณ...คุณช่วยผม”
“ค่ะ” คุณหนูไฮโซยิ้มน้ำตาคลอ “ฉันไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรหรอก เรามีกันอยู่สองคนนะ คุณอย่าลืมสิ”
อนุภัทรมองหน้ามายาวีอย่างซาบซึ้งใจ ประคองหน้ามายาวีเข้ามาใกล้ เอามือเปื้อนๆ เช็ดน้ำตาให้
มายาวีโผเข้าซบอก สวมกอดอนุภัทรอย่างโล่งอก แล้วซบแน่นอยู่ตรงนั้น
อีกด้านบรรเลง แพรพลอย และอิศร์ แหวกพุ่มไม้มาถึงพอดี เห็นทั้งสองคน
“เมย์”
มายาวีกับอนุภัทรได้ยินเสียง หันไปดู นักข่าวถือโอกาสแชะภาพนั้นไว้อย่างรัวเร็ว
“คุณพ่อ! คุณพ่อ”
บรรเลงรีบวิ่งเข้ามาหา มายาวีลุกขึ้น ตรงเข้ากอดกันสองพ่อลูก ร้องไห้สะอื้นอย่างดีใจ แพรพลอยกับอิศร์รีบเข้าไปดูอนุภัทรที่ยังนอนเพลียๆ อยู่
แพรพลอยกับอิศร์ยืนคุยกันอยู่หน้ารถตู้ของบรรเลงที่เตรียมจะไปสนามบิน
“ผู้กองอนุภัทรเช็คร่างกายเสร็จแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวจะบินกลับพร้อมกับฉันเลย อิศร์กับหนูแพรล่ะจะเอายังไง”
“เราสองคนขออยู่ที่นี่ต่ออีกซักคืนครับ” อิศร์บอก
บรรเลงฉงน “จะเที่ยวต่ออีกเหรอ”
“เปล่าครับคุณลุง พอดีเรามีธุระต้องไปทำน่ะครับ”
“งั้นก็ตามใจนะ เจอกันที่กรุงเทพฯ”
บรรเลงขึ้นรถตู้ออกไปจากท่าเรือ อิศร์หันมามองแพรพลอยยิ้มๆ อย่างรู้ดีว่าต้องไปทำอะไร
สองคนอยู่ที่บ้านเก่าของแพรพลอย ซึ่งตั้งอยู่กลางสวน สภาพด้านนอกเหมือนเดิมทุกอย่าง แพรพลอยกับอิศร์เข้ามาเกาะรั้วบ้านมอง
“ที่ดินและสวนรอบๆ นี่ยังเป็นชื่อฉันอยู่ ฉันก็เลยเก็บเงินสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่ พยายามทำให้เหมือนกับบ้านเดิมให้มากที่สุด แต่ฉันกลับไม่เคยมาเหยียบที่นี่อีกเลย”
“ผมเข้าใจ”
“ทำไมคุณถึงอยากมาที่นี่คะ”
อิศร์ยิ้มอบอุ่น “ผมอยากมาเห็นครอบครัวของคุณ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
แพรพลอยชะงัก ถอยไปหนึ่งก้าวอย่างลังเล อิศร์มองออก ยื่นมือให้จับ
“เราจะเข้าไปเยี่ยมพ่อกับแม่คุณด้วยกัน”
แพรพลอยมองมืออิศร์ทียืนมา ลังเล แต่ก็ยอมเชื่อใจเขา ยื่นมือจับกับอิศร์
อิศร์ค่อยๆ เปิดประตูรั้วด้านนอก พาแพรพลอยเข้าไปข้างใน
อิศร์จูงมือแพรพลอยเข้ามาในบ้าน ตรงบริเวณที่พ่อแม่เคยถูกยิง แพรพลอยมองไปรอบๆ ห้องที่ว่างเปล่า สีหน้าของแพรพลอยที่อึดอัดกดดันขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของพ่อแม่ดังระงม พร้อมๆ กับภาพอดีตผุดขึ้นมา
แพรพลอยหลับตา ตัวเกร็งขึ้นมาจนอิศร์สังเกตได้ อิศร์รีบดึงแพรพลอยเข้ามากอดให้ซบหน้าเข้ากับอกของตน
“อย่าคิดถึงมัน คุณแพร อย่าคิดเรื่องนั้น”
แพรพลอยซบหน้านิ่งกับอกอิศร์ ตัวสั่นๆ มีเสียงสะอื้นรอดมา
“คิดถึงตอนที่คุณกับพ่อแม่มีความสุขสิครับ ตอนที่คุณกับท่านทั้งสองนั่งดูทีวีด้วยกัน ใช้เวลาวันหยุดด้วยกัน คุณจำช่วงเวลานั้นได้ใช่ไหม”
แพรพลอยนิ่งไปซักพักก็ค่อๆย ผละออกมา พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แล้วพยักหน้า
“บ้านหลังนี้ควรจะมีแต่ความทรงจำดีๆ เท่านั้น”
แพรพลอยได้สติ “ค่ะ มันควรจะมีแต่ความทรงจำที่ดี”
แพรพลอยมองไปรอบๆ อีกครั้ง
แพรพลอยเดินเข้ามาในห้องนอนว่างๆ แล้วทอดสายตามองอย่างเศร้าๆ
“ปกติฉันจะนอนกับพ่อแม่ที่ห้องนี้แหละ เพราะฉันติดนิทานที่แม่เล่า ต้องฟังทุกคืน คืนนั้นไหนนอนไม่หลับก็ต้องฟังสองเรื่อง จนบางทีแม่ก็เล่าจนหลับคาหนังสือ”
แพรพลอยยิ้ม แล้วค่อยๆ คลายยิ้มลงจนเศร้า
“พอโตขึ้นมาฉันก็ไม่ต้องฟังนิยายอีก แต่ก็มักจะนอนไม่หลับอยู่ดีเพราะฝันถึงพ่อกับแม่ เสียดายที่แม้แต่รูปของพ่อแม่ซักใบก็ไม่เหลือเลย”
อิศร์ขยับเข้ามาโอบแพรพลอย บีบไหล่เบาๆ
“แต่คุณก็ยังมีท่านอยู่ในความทรงจำเสมอนี่นา นึกถึงภาพเรื่องดีๆ ของท่าน โยนภาพที่ไม่ดีทิ้งไปให้หมด คุณเองก็จะได้สบายใจด้วย”
ครู่ต่อมาแพรพลอยพาอิศร์ออกมาเดินที่สนาม ท่าทางสบายใจขึ้นหลังจากได้สติ
“ตอนเด็กๆ เวลาเสาร์อาทิตย์ พ่อจะชวนฉันกับแม่ออกมาปูเสื่อ เล่นเกมกระดานง่ายๆ หรือไม่ก็เอาหนังสือมานอนอ่านเล่น จนตกเย็นก็ให้แม่เอาข้าวเย็นมาตั้งวงกินข้างนอก ดูต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆ เหมือนมาปิกนิกกัน” บอดี้การ์ดสาวนึกถึงความหลังแล้วยิ้มกับตัวเอง
“บรรยากาศสดชื่นดีนะครับ มีแต่ต้นไม้”
“ฉันให้คนคอยดูแลให้มันอยู่ในสภาพเดิมที่สุดค่ะ ถึงจะไม่ได้กลับมาอยู่”
อิศร์เงยหน้ามองระเบียงด้านบน
“อีกหน่อยคุณก็มาค้างที่นี่บ้างสิ ผมมานอนเป็นเพื่อนได้นะ” อิศร้องตะโกนขึ้น “พ่อ แม่ คร้าบ อนุญาตให้ผมมาอีกนะคร้าบ แล้วผมจะพาคุณแพรมาเยี่ยมบ่อยๆ คร้าบ”
“คุณ! เดี๋ยวลุงที่เฝ้าบ้านก็ได้ยินเข้าหรอก”
“ก็ได้ยินไปสิ ผมอยากให้ได้ยินไปถึงสวรรค์นี่นา พ่อแม่คุณจะได้สบายใจว่าลูกสาวท่านมีคนคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว”
แพรพลอยมองค้อนหมั่นไส้ ถองอิศร์แรงๆ
“ฉันต่างหากที่ต้องดูแลคุณ”
“เอาเป็นเราสองคนผลัดกันดูแลกันแล้วกันเนอะ” อิศร์เงยหน้ามองฟ้า “ผมสัญญาครับพ่อแม่ ผมจะดูแลคุณแพรแทนพ่อกับแม่ไปชั่วชีวิต”
อิศร์เอื้อมมือจะโอบแพรพลอยเข้ามาใกล้ แพรพลอยลอดวงแขนหนี
“อ้าว จะไปไหนละคุณ อยู่คุยกับพ่อแม่ก่อน”
แพรพลอยเขิน “ไม่”
อิศร์พูดกับฟ้า “เดี๋ยวมานะครับพ่อแม่ ผมจะไปลากคุณแพรมารับปากกับพ่อแม่ให้ได้ (วิ่งตามไป) คุณแพร กลับมาก่อน”
อิศร์วิ่งตามแพรพลอยเข้าบ้านไป
อนุภัทรเดินขึ้นมาบนออฟฟิศของตัวเอง ยิ้มทักทายเจ้าหน้าที่เดินสวนไปมา แต่ทุกคนมองแปลกๆ บ้างก็จับกลุ่มคุยกันอยู่แล้วมองมาด้วยสายตาซุบซิบ
อนุภัทรงงๆ กับท่าทางของทุกคน แต่ไม่คิดอะไร เดินเข้าห้องทำงานไป
อนุภัทรนั่งทำงานอยู่ในห้อง ซักพักประตูห้องทำงานก็เปิดออก เสียงเจ้าหน้าที่ชายคนหนึ่งเอะอะ ไอริณเดินหน้างอ ถือหนังสือพิมพ์จ้ำพรวดๆ ตรงมาหา
“คุณไอริณ”
“ผมพยายามบอกให้เขารอข้างนอกแล้วครับพี่”
อนุภัทรพยักหน้าบอกให้รุ่นน้องออกไป แล้วหันมามองไอริณ
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“มีแน่ค่ะ ริณต้องการคำอธิบายเรื่องนี้” ไอริณกระแทกหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้า “ผู้กองหนีหน้าริณไปหลายวัน พอกลับมาก็มีข่าวอย่างนี้ออกมา มันคืออะไรคะ”
อนุภัทรมองดูหน้าข่าวที่ไอริณฟาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบมาดูชัดๆ ก่อนตกใจ เพราะเป็นรูปภาพที่ตัวเองกับมายาวีกอดกันอยู่ริมบึงบนเกาะร้าง
“เฮ้ย”
“รู้ไหมคะว่าตอนนี้รูปหลากหลายอิริยาบถของคุณกับยายเมย์ แพร่ออกไปทั่วหมดแล้ว ใครๆ เขาก็ซุบซิบว่าคุณสองคนมีอะไรกัน มันจริงหรือเปล่าคะ”
อนุภัทรลุกขึ้นเหวอๆ แล้วเดินผ่านไอริณออกไปเหมือนไม่ได้ยิน
ไอริณงง “ผู้กองภัทร”
อนุภัทรออกมายืนหน้าห้อง มองไปที่โต๊ะทำงานของคนอื่นด้านนอก เห็นหน้าจอเปิดดูภาพที่ตัวเองกับอนุภัทรและมายาวีกอดซบกันหลายภาพหราอยู่บนหน้าจอ บางคนถือหนังสือพิมพ์ หนังสือกอสซิปไฮโซค้างไว้ มองอนุภัทรอย่างเขินๆ
อนุภัทรอึ้ง รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่แน่ เดินลิ่วๆ ออกไปเลย ไอริณเหวอ รีบตาม
“ผู้กอง! ผู้กองจะไปไหนคะ!”
ส่วนมายาวีเดินหน้ามุ่ยออกมาจากในบ้าน มองไปที่นอกรั้วเห็นนักข่าวเกาะรั้ว ถือกล้อง ถือไมค์ รอสัมภาษณ์ตะโกนเข้ามา
“ตายแล้ว” หล่อนรีบคว้าแว่นกันแดดใส่ แล้วหันไปเรียกคนสวน “ลุงปลูก เดี๋ยวไปรอเปิดประตูให้ฉันนะ”
“ครับๆ”
มายาวีรีบไปที่รถ เตรียมจะออกบ้าน แต่พอคนสวนเปิดประตูพวกนักข่าวก็กรูกันเข้ามาในบ้าน
ลุงคนสวนพยายามตะโกนห้ามแต่ไม่ทัน นักข่าววิ่งมาที่รถมายาวี พยายามเคาะกระจกให้เปิด เพื่อสัมภาษณ์ มายาวีทั้งตกใจทั้งรำคาญนักข่าว รีบขับรถหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านอนุภัทรนั่งคุยอยู่กับบรรเลงในห้องโถง
“คุณคลาดกับยายเมย์ไปนิดเดียวผู้กองอนุภัทร เขาเพิ่งออกจากบ้านไปเมื่อกี้”
“ผมเห็นรถคุณเมย์แล้วล่ะครับ แต่เรียกไม่ทัน”
“ยายเมย์รำคาญนักข่าวก็เลยขอหลบไปอยู่กับเพื่อน เฮ้อ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เข้าใจผิดกันไปใหญ่โต ขนาดให้ลงแก้ข่าวแล้วก็ยังไม่เชื่อกัน อยากจะเชื่อกันแต่ไอ้เรื่องเสียๆ หายๆ คุณอ่านแล้วใช่ไหม”
อนุภัทรพยักหน้าเจื่อนๆ
“ผมต้องขอโทษท่านด้วยครับ ที่...”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก เป็นคราวเคราะห์ของยายเมย์เอง รอดตายมาได้ แต่ก็ต้องเสียชื่อ”
บรรเลงถอนใจกลัดกลุ้ม อนุภัทรยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ต่อมาอิศร์เปิดหนังสือกอสซิปที่อนุภัทรเอามาให้ดูแล้วส่ายหน้ากลุ้มไปด้วย
“แย่ว่ะ นักข่าวสมัยนี้ สักแต่จะเขียนข่าวให้หวือหวา พอคนเอาไปลือกันมากๆ คราวนี้ก็ไม่มีใครอยากฟังข้อเท็จจริงแล้ว”
“นั่นน่ะสิ ฉันกลุ้มจะตายอยู่แล้ว เกรงใจท่านบรรเลงด้วย อยู่ๆ ก็ไปพัวพันกับครอบครัวท่าน”
“ในนี้เขาบอกว่าแกหวังจะตกถังข้าวสาร”
“บ้าน่ะสิ ไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลยเว้ย” อนุภัทรโวย
แพรพลอยที่ยืนกดโทรศัพท์อยู่เดินกลับมาร่วมวง
“ติดต่อคุณเมย์ไม่ได้เลยค่ะ เธอปิดโทรศัพท์ทุกเครื่อง แพรลองโทรเข้าเบอร์เพื่อนคุณเมย์ แต่ทางโน้นก็ฝากบอกว่ายังไม่อยากคุยค่ะ”
“ปกติยายเมย์น่าจะรีบโทร.มาวีนใส่แก อันนี้มาแนวเก็บตัวเงียบ ท่าทางจะอาการหนักนะ”
อนุภัทรยิ่งถอนใจหนัก เป็นห่วงมากๆ
ฟากทิตาอยู่ในห้องพัก กำลังเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าเป๋ เตรียมย้ายที่อยู่ ไอศูรย์พรวดพราดเปิดประตูเข้ามา
ทิตาตกใจ “คุณขึ้นมาได้ยังไง”
“ก็ไม่เห็นจะยาก หอพักโกโรโกโสแบบนี้ ฉันเอาเงินง้างปากยามนิดเดียว มันก็ปล่อยให้ขึ้นมาแล้ว”
“ฉันไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ แล้วจะติดต่อไป”
ทิตาเก็บของต่อจะออกไป แต่ไอศูรย์กระชากกลับ
“เธอทำงานไม่สำเร็จแล้วจะหนีไปง่ายๆ อย่างนี้เหรอ”
“ปล่อยฉันนะ”
“ไหนไอ้สุนทรมันบอกว่าฝีมือดี ที่แท้ก็กระจอก ฉันต้องเสียเวลาเสียเงินกับเธอไปตั้งเท่าไร เอาคืนมา”
“ฉันไม่มีให้คุณหรอก ทำงานใหญ่ก็ต้องมีการลงทุน มันจะไปเหลืออะไรล่ะ”
ทิตาจะไป แต่ไอศูรย์ไม่ยอมให้ไป
“คิดจะโกงฉันใช่ไหม”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน”
“มือสมัครเล่นอย่างเธอจะทำอะไรฉันได้ เก่งแต่ปากน่ะสิ” ไอศูรย์เหยียดยิ้ม “ในเมื่อไม่มีเงินคืน จ่ายมาเป็นอย่างอื่นก็ได้”
ไอศูรย์ยิ้มแสยะ กระชากทิตามาจะลวนลาม ทิตาสะบัดล้วนมีดจากกระเป๋าเป้ออกมาตวัดขวับ
“โอ๊ย” ไอศูรย์หน้าหัน เอามือกุมหน้าผาก หันกลับมาอีกทีมีเลือดซึมจากแผลที่ถูกกรีดหัวคิ้ว
“ถ้าไม่อยากอายุสั้น อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้อีก จำไว้”
ทิตาพูดจบก็ผลุนผลันออกไป ไอศูรย์เอามือซับเลือด มองตามทิตาอย่างตะลึง ไม่คิดว่าจะเล่นถึงเลือดตกแบบนี้
เพราะไม่อยากให้คนที่บ้านเห็น ไม่นานต่อมา ไอศูรย์ร้องโอดโอย ขณะที่สุนทรพยายามทำแผลที่หน้าผากให้อยู่ที่บ้านสุนทร
“เรียบร้อยแล้วครับคุณศูรย์”
สุนทรยื่นกระจกให้ไอศูรย์ดูหน้าผากที่ติดผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว
“ถ้าใครถามแก บอกว่าฉันเดินชนกระจกก็แล้วกัน”
สุนทรค้อมหัวรับคำ “คราวหลังคุณศูรย์อย่าไปยุ่งกับทิตาเลยนะครับ มีอะไรสั่งผ่านผมไปดีกว่า
“ฉันไม่อยากได้ผู้หญิงคนนี้แล้ว แกหาคนอื่นมาลงมือเถอะ ไม่เห็นจะได้เรื่อง”
“แต่ทิตาเก่งจริงนะครับ ผมรับรอง”
“ถ้ามันเก่งจริง ไอ้อิศร์มันลงหลุมไปนานแล้ว”
สุนทรนิ่งไม่ตอบโต้ เก็บอุปกรณ์ทำแผล
สุนทรเข้ามาหยิบแก้วกับน้ำแข็งในครัว เตรียมไปให้ไอศูรย์กินเหล้า มองเห็นลูกสาวมัวแต่ล้างผัก
“คุณศูรย์หิวแล้ว กับแกล้มได้หรือยังกรอง”
“ทำไมเขาต้องมากินที่นี่ด้วยล่ะพ่อ ทำไมไม่กินที่บ้าน” กรองทองบ่น ไม่เต็มใจรับใช้
“เธอมีธุระจะคุยกับพ่อ”
“ธุระฆ่าคุณอิศร์ใช่ไหมพ่อ”
สุนทรอึ้ง แล้วรีบกลบเกลื่อน “เหลวไหลน่า”
“เรื่องที่คุณอิศร์เกือบตายที่กระบี่ คงจะเป็นฝีมือเขา”
“กรอง! พ่อบอกให้เลิกพูดเรื่องนี้” สุนทรมองที่เตา “เตรียมกับแกล้มเสร็จแล้วก็รีบเอาออกไป”
สุนทรยกถาดแก้วกับถังน้ำแข็งออกไป กรองทองมองตามเซ็ง
เวลาต่อมา กรองทองวางจานกับแกล้มอย่างกระแทกกระทั้น หน้างอ จนไอศูรย์มอง
สุนทรจ้องดุ “รินให้คุณศูรย์ด้วยสิกรอง”
กรองทองชักสีหน้าใส่พ่อ รินเหล้าใส่แก้วไอศูรย์จนเกือบล้น ไอศูรย์ต้องรีบดึงแก้วออก กรองทองเดินหนีไปเลย ไม่สน
“วันนี้มันเป็นอะไรไม่รู้ คุณศูรย์อย่าไปถือเลยนะครับ”
ไอศูรย์เปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ได้แคร์กรองทอง “แกทำตามที่ฉันบอก ไปหาคนใหม่มา นังทิตาท่าทางจะไม่ได้เรื่อง ขืนพลาดบ่อยๆ ไอ้อิศร์มันคงรู้ตัวเข้าซักวัน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงจะจัดการคุณอิศร์ไม่สำเร็จ แต่ทิตาก็วางระเบิดเอาไว้ตามที่คุณศูรย์สั่งทุกอย่าง
สุนทรพูดกับไอศูรย์อย่างมีเลศนัย
ที่ห้องชันสูตร สำนักงานนิติเวช อิศร์ แพรพลอย อนุภัทร เพื่อนอนุภัทรยืนอยู่หน้าเตียงศพคนร้าย ข้างๆ มีหมอชันสูตร
“ศพคนร้ายที่เสียชีวิตที่ท่าเรือ หมอพบความผิดปกติบางอย่าง” หมอปรารภขึ้น
“อะไรวะ” อิศร์พิศวง
หมอเลิกผ้าคลุมศพช่วงบนออก ให้ดูที่หัวไหล่ของศพ มีรอยสักอักษรจีนอยู่
แพรพลอยฉงน “ตัวอักษรจีน”
“ใช่ครับ อักษรจีนแบบนี้เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งมาเฟียแก๊งหนึ่งของฮ่องกงซึ่งมีความเกี่ยวพันอย่างลับๆ กับมิสเตอร์โรเจอร์ ลี เราพบรอยสักนี้ที่หัวไหล่ของคนร้ายทุกศพ”
อิศร์กับแพรพลอยมองหน้ากันอย่างตกใจ
ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องชันสูตร
“ผมสั่งให้ทีมของเราร่วมมือกับตำรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ลีจริงหรือไม่” เพื่อนตำรวจเอ่ยขึ้น
อนุภัทรบอก “คดีนี้ฉันลงไปช่วยไม่ได้ว่ะ หัวหน้าไม่อยากถูกครหาว่าไม่เป็นกลาง”
เพื่อนพยักหน้าเห็นด้วย แล้วปลอบใจอิศร์
“คุณอิศร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถึงไม่มีเจ้าภัทรเราก็ทำงานกันเต็มที่”
“ขอบคุณครับ”
“ถ้าอยากสอบปากคำเพิ่มเติมก็บอกนะคะ” แพรพลอยบอก
“ยินดีครับ ข้อมูลที่คุณแพรพลอยให้ไว้มีประโยชน์มากครับ ทำให้เราแน่ใจว่าทีมสังหารนี้เป็นมืออาชีพมากๆ”
“เพราะคุณแพรแท้ๆ ที่พาพวกเรารอดมาได้ แกเป็นหนี้บุญคุณคุณแพรมากเลยนะเว้ยอิศร์ คุณแพรน่าจะขึ้นค่าจ้างได้แล้วนะครับ”
อนุภัทรกระเซ้าแพรพลอย เพื่อนตำรวจหัวเราะกัน อิศร์ยิ้ม แล้วค่อยๆ คลายยิ้ม ครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ
เช้าวันหนึ่ง แพรพลอยสวมชุดออกกำลังกายออกมาที่สนามหญ้าหน้าตึก วอร์มกล้ามเนื้อ เตรียมออกวิ่ง ใครบางคนขยับเข้ามายืนวอร์มข้างๆ แพรพลอยเงยหน้าขึ้นมาเห็น ทำหน้าตกใจ
“คุณอิศร์”
อิศร์สวมชุดกีฬาเต็มยศ ขยับตัววอร์มร่างกายไปมา
“คุณจะไปวิ่งที่ไหน ผมไปด้วยนะ”
แพรพลอยเงยหน้ามองฟ้า “ท่าทางวันนี้พายุใหญ่จะเข้า คุณไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ แล้วยังจะลุกมาวิ่งออกกำลังกายอีก”
“ก็ผมอยากแข็งแรงบ้าง ใครต่อใครจะได้เลิกพูดว่าผมโชคดีที่มีบอดี้การ์ดสาวคอยปกป้อง ฟังแล้วเสียเชิงชายยังไงไม่รู้” อิศร์หน้ามุ่ย
แพรพลอยยิ้มขำ “โธ่เอ๊ย ผู้กองภัทรก็แค่แซวเล่นเฉยๆ”
“แต่ผมคิดจริง ช่วยเทรนผมหน่อยนะคุณแพร ผมจะได้ดูแลตัวเองได้ ไม่เป็นภาระของคุณมาก จะได้ไม่มีใครมาเรียกผมว่า ไอ้อิสตรี”
แพรพลอยยิ้มขำ “งั้นคราวนี้อย่างอแงบ่นว่าเข็ดอีกนะ”
“ไม่ครับพ้ม” อิศร์ตะเบ๊ะแข็งขัน
แพรพลอยยิ้มพอใจกับความมุ่งมั่นของเขา
แพรพลอยพาอิศร์มาเล่นเครื่องเล่นในฟิตเนส
“ก่อนที่คุณจะไปถึงขั้นใช้ศิลปะป้องกันตัวได้ ก็ควรจะสร้างกล้ามเนื้อให้ตัวเองก่อน”
“จัดมา”
อิศร์ทำท่าฟิตจัด เข้านั่งประจำที่ เป็นเครื่องดึงหลัง
แพรพลอยนั่งซ้อมด้านหลัง สอนวิธีจับอุปกรณ์
“ทำอย่างนี้”
อิศร์แอบยิ้มที่แพรพลอยมาใกล้ แกล้งสูดลมหอม ไม่ได้สนใจที่แพรพลอยสอน แพรพลอยหมั่นไส้แกล้งปลอ่ยมือ อิศร์โดนที่จับกระชากเข้าไปหัวโขกกับบาร์
อิศร์ร้อง “โอ๊ย”
“สมน้ำหน้า”
แพรพลอยทั้งขำทั้งหมั่นไส้ รีบลุกหนี
ที่เครื่องเล่นบาร์เบล แพรพลอยสาธิตให้อิศร์ดู แล้วให้อิศร์ทำตาม
อิศร์เข้าประจำที่ โชว์พาวเพิ่มน้ำหนักเยอะ ยกขึ้นอย่างลำบาก พอปล่อยมือก็ขาสั่นร่วงผล็อย
อีกเครื่อง แพรพลอยเข้ามาประกบสอนด้านหลัง อิศร์แอบพิงแต๊ะอั๋ง
แพรพลอยหมั่นไส้ค่อยๆ ถอยออกมา แล้วให้ครูฝึกหุ่นล่ำมานั่งแทน อิศร์หันหน้ามาจะหอม เห็นเป็นครูฝึก ก็สะดุ้งโหยงเลย
วันต่อมา ครูฝึกจับอิศร์ซ้อมเตะกระสอบทรายอยู่หน้าบ้าน แรกๆ ยังปวกเปียกอยู่ ต้องให้ครูทำให้ดู
เวลาผ่านไปอีกสักระยะ ลงนวมซ้อมจริง อิศร์ตั้งอกตั้งใจ อริสราออกมายืนดู
อิศร์เริ่มใช้หมัดมวยคล่องขึ้น ชกกับครูฝึก โดนเตะล้ม อริสราตกใจ แต่อิศร์ลุกขึ้นสู้ต่อ ไม่ยอมแพ้
ผ่านมาอีกวันอิศร์ลงซ้อมกับแพรพลอย ท่าทางคล่องแคล่ว มีจังหวะแพรพลอยจะชก แต่อิศร์หลบหลีก แล้วรวบตัวแพรพลอยเข้ามาสวมกอดไว้ หัวเราะร่า
แพรพลอยฉวยโอกาสตีเข่า อิศร์กุมเป้ากระโดดเหยง
อิศร์นั่งพักเหนื่อยที่เก้าอี้สนาม พลิกดูแขนที่เป็นรอยแดงๆ อริสราเดินถือกล่องยายิ้มเข้ามาหา
“อิศร์คะ อริสทำแผลให้นะคะ”
อิศร์ตกใจ แต่ห้ามไม่ทัน อริสราถือโอกาสนั่งลงเสีย
“อริส ผมไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวก็หาย”
“รอยช้ำแบบนี้ นวดซะหน่อยเถอะนะค่ะ จะได้ระบม เดี๋ยวอริสทำให้”
อริสราเปิดกล่องยา ป้ายครีม นวดที่แขนให้อิศร์อย่างทะนุถนอม แพรพลอยถือขวดเกลือแร่แช่เย็นเข้ามา
“คุณอิศร์หายเหนื่อยหรือยังคะ เดี๋ยววิ่งอีกซักรอบนะ” พรพลอยชะงักเมื่อเห็นอริสรา
“อิศร์เจ็บขนาดนี้แล้ว ยังไม่พออีกเหรอคะ” อริสราลุกขึ้นจ้องหน้า “จริงๆ คุณมีหน้าที่ต้องปกป้องดูแลอิศร์ แต่ดันหาเรื่องเล่นสนุกให้อิศร์ให้เขาเจ็บตัว มันใช้ได้แล้วเหรอ”
แพรพลอยพูดไม่ออก อิศร์เห็นท่าไม่ดี รีบลุกมาขวาง
“ผมเป็นคนขอให้คุณแพรหาครูฝึกมาสอนผมเอง จะได้มีทักษะป้องกันตัวไว้”
“แต่อิศร์ก็มีบอดี้การ์ดอยู่แล้วนี่คะ ถ้าอิศร์ป้องกันตัวเองได้แล้วจะมีคุณแพรไว้ทำอะไร”
แพรพลอยเบือนหน้าหนี ไม่อยากมีเรื่องด้วย ส่งขวดเครื่องดื่มให้อิศร์
“วันนี้คุณอิศร์พักก่อนก็ได้ค่ะ”
แพรพลอยหันหลังกลับ อิศร์รีบคว้ามือไว้
“ไม่ๆ ผมไม่พัก ผมจะไปวิ่งกับคุณ”
อริสราท้วง “อิศร์คะ แต่...”
“อริสเข้าบ้านไปเถอะครับ เดี๋ยวพี่ศูรย์กลับมาแล้วไม่พอจะโมโหเอา”
อิศร์รีบดึงแพรพลอยไปออกวิ่งต่อ อริสราชักสีหน้าไม่พอใจ มองตามแพรพลอยตาวาววับ
แพรพลอยกับอิศร์วิ่งมาตามถนนหน้าหมู่บ้าน จนหยุดพักเหนื่อยที่หน้าตลาด
“ที่จริงคุณน่าจะพักผ่อนนะคะ เดี๋ยวร่างกายบาดเจ็บขึ้นมาแฟนเก่าคุณจะมาโกรธฉัน”
“พี่สะใภ้” อิศร์ฉุน ย้ำเสียงหนักแน่น “แล้วใครจะมารู้ดีเท่าผมว่าร่างกายยังไหวอยู่หรือเปล่า ดูนี่”
อิศร์เต้นฟุตเวิร์ก ทำท่าชกลม แต่กระโดดมากเลยไถลตกฟุตบาธ
“โอ๊ย”
“เป็นไงล่ะ หมั่นไส้นัก”
แพรพลอยจะออกวิ่งต่อ แต่ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากถนนฝั่งตรงข้าม ทั้งสองหันไปดูเห็นโจรปล้นร้านทองวิ่งออกมาพร้อมกับกระเป๋า เจ้าของร้านวิ่งตามโวยวาย
“ช่วยด้วยค่า ! โจรปล้น”
อิศร์รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งข้ามถนนไปทันที
แพรพลอยตกใจเรียกไว้ “คุณอิศร์”
โจรอีกคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาดักรอหน้าร้านให้อีกคนที่วิ่งจากร้านทองมาซ้อน อิศร์กระโจนเข้ามา ถีบอย่างเท่โจรกระเด็นไป ล้มโครมไปทั้งสองคน
“งานสุจริตมีไม่ทำ อยากรวยทางลัดเหรอ”
โจร 1 ด่ากลับ “เสือกอะไรด้วยวะ”
“ไม่อยากเสือก แต่ทนเห็นคนทำเลวไมได้โว้ย”
โจร 2 ที่ล้มอยู่ด้านหลังอิศร์ชักปืนออกมา
“งั้นตายซะเถอะแก”
“คุณอิศร์ ระวัง”
แพรพลอยตะโกนบอก แล้วจะเข้าไปช่วย แต่อิศร์หันขวับมา จับแขนโจร2 ข้างที่ถือปืนบิด ปืนหลุดมือกระเด็นแตก เห็นชัดว่าเป็นของปลอม
“ใช้ของหลอกเด็กแบบนี้ต้องเอาให้หนัก”
อิศร์ชกต่อยกับโจรสองคน อุตลุด แต่คราวนี้ดูคล่องแคล่วโปรมาก เพราะเก่งและมั่นใจขึ้น
แพรพลอยเห็นอิศร์โดนรุมจะเข้าไปช่วย อิศร์สู้ไปก็ตะโกนห้าม
“คุณแพรไม่ต้อง! ผมจัดการเอง”
อิศร์บู๊ต่อมาดอย่างเท่ ซัดโจรสองคนร่วงผล็อยในที่สุด ตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา รีบตรงเข้าไปจับตัวโจรทั้งสองเอาไว้
อิศร์ยืนเต๊ะท่าอย่างเท่ๆ มาดฮีโร่ พวกไทยมุงรอบปรบมือกันเกรียว แพรพลอยรีบวิ่งเข้ามา
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
อิศร์หอบเหนื่อย “ไม่...ไม่เป็นไร”
แต่พอพูดจบอิศร์ก็ร่วงผล็อยหมดแรงเพราะความเหนื่อย แพรพลอยตกใจ
ด้านอัมพาแวะซื้อกับข้าวไปทำเลี้ยงเด็กๆ เห็นแม่ค้าแถมพักใส่ถุงให้เยอะก็แปลกใจ
“ทำไมแถมเยอะนักล่ะจ๊ะวันนี้”
“เอาไปเถอะครู พรุ่งนี้ฉันก็จะปิดร้านแล้วนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ครูไม่รู้เหรอว่าคุณนายเขาจะเลิกตลาดนี้แล้ว เพราะว่ามีบริษัทมาขอซื้อที่ดินไปทำคอนโดอะไรเนี่ยแหละ ตึกแถวนี้ก็โดนหมด ครูก็ระวังบ้านครูไว้เถอะ”
อัมพามีสีหน้าไม่ดี รู้สึกสังหรณ์ใจตะหงิดๆ
ขณะเดียวกันอิศร์นั่งอยู่ในห้องประชุมพร้อมกับคนอื่นๆ ฟังอำพลพูด
“บริษัทเราเสียความเชื่อมั่นไปเยอะจากคดีทุจริต ผมคิดว่าปลายปีนี้เราควรจะมีโปรเจคท์ใหญ่เพื่อดึงความสนใจและนักลงทุนกลับมา ทุกคนคิดว่ายังไง”
“ผมเห็นด้วยครับ เราไม่ควรอยู่เฉย ไม่งั้นคู่แข่งอย่างโรเจอร์ ลีจะนำหน้าเราออกไปเรื่อยๆ” ไอศูรย์สนับสนุนทันที
“แล้วอิศร์ล่ะ” อำพลถาม
“ผมก็คิดเหมือนพี่ศูรย์ครับ”
ไอศูรย์เยาะ “ฮึ มีความคิดเป็นของตัวเองหน่อยสิ ถ้ามัวแต่ลอกการบ้านฉัน แล้วแกจะยิ่งใหญ่ได้ยังไง
ผู้บริหารผมว่าให้คุณอิศร์ลองไปคิดมาก็ดีนะครับ เราอยากฟังเสียงคนรุ่นใหม่ๆ เผื่อจะมีไอเดียนอกกรอบ”
“งั้นก็เอาเลยอิศร์ งานนี้เป็นงานพิสูจน์กึ๋นของนายแล้ว ไปคิดมาให้ดี พวกเราจะรอฟัง”
อิศร์พยักหน้ารับ ยิ้มฝืดๆ เพราะในสมองยังว่างเปล่า ไอศูรย์ชักสีหน้าหมั่นไส้
อิศร์เดินไปเดินมาในห้องทำงาน ท่าทางกลัดกลุ้มหนัก ขยี้หัวตัวเอง
“โอ๊ย คิดไม่ออก ทำยังไงดี ผมต้องไม่มีอะไรไปเสนอแน่ๆ เลย”
“ใจเย็นๆ สิคะ ค่อยๆ คิดไป”
อิศร์ถอนใจ นั่งลง หยิบนิตยสารแนวอสังหาริมทรัพย์มาพลิกๆ ดู
“จะทำอะไรดีน้า...”
แพรพลอยเห็นอิศร์เปิดดูโครงการอื่นๆ ก็ยื่นมือไปดึงมา
“ถ้าคุณอยากได้ไอเดียใหม่ๆ ก็อย่าหาเอาจากของคนอื่นสิ”
“ก็ผมคิดไม่ออก”
“ความคิดนอกกรอบมันก็ต้องอยู่ข้างนอก ไม่มีในหนังสือพวกนี้หรอก”
“ข้างนอกน่ะมันที่ไหนล่ะ สงสัยจะเจอทางตันซะแล้วไอ้อิศร์เอ๊ย”
อิศร์บ่นบ้าแล้วเดินออกไปยืนมองวิว ถอนใจเซ็งๆ แพรพลอยเดินออกมายืนข้างๆ
“ยิ่งกดดันตัวเองก็ยิ่งเครียด ดูซิคิ้วขมวดจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว”
แพรพลอยขยี้นวดหัวคิ้วให้อิศร์อย่างเอ็นดู
“เย็นนี้ฉันจะไปกินข้าวกับแม่ คุณจะไปด้วยไหม เผื่อได้เล่นกับเด็กๆ แล้วจะหายเครียด”
อิศร์ค่อยๆ ยิ้มออก รีบพยักหน้ารับ
เวลาเดียวกันมายาวีนอนเล่นอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เปิดมาเจอหน้าข่าวของตัวเองก็ยิ่งเซ็ง
“โอ๊ย หนีไปไหนก็ไม่พ้น”
มายาวีโยนหนังสือไปพ้นๆ ตัว แล้วนอนกลิ้งเซ็งๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณเมย์คะ คุณผู้ชายให้หาค่ะ”
“เดี๋ยวฉันลงไป”
มายาวีเดินลงมาในห้องรับแขก แล้วชะงักเมื่อเห็นอนุภัทรนั่งอยู่กับบรรเลง
“คุณเมย์” อนุภัทรทัก ดี๊ด๊าดีใจ
“คุยกันเองนะลูก พ่อไปล่ะ”
“อ้าว คุณพ่อเรียกเมย์ไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็เรียกให้มาพบกับผู้กองอนุภัทรเขาไง” บรรเลงบอกกับอนุภัทร “ตามสบายนะคุณ”
มายาวีทำหน้ามุ่ย เมินหน้าหนีอนุภัทรอย่างงอนๆ
มายาวีเดินคุยกับอนุภัทรอยู่ในสวนสวย ท่าทางเซ็งๆ
“ผมขอโทษนะทีเป็นต้นเหตุความยุ่งยากของคุณ”
“รู้เหมือนกันเหรอ”
“รู้สิ แล้วผมก็ไม่สบายใจมากด้วย แต่คุณไม่เปิดโอกาสให้ผมคุยด้วยเลย โทรมาก็ไม่รับ”
มายาวีถอนใจ “ก็ฉันเครียดอยู่ เกิดมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นดาราหน้าหนึ่งหนังสือกอสซิป โอ๊ย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
มายาวีเอามือปิดหน้าตัวเอง กลัดกลุ้ม อนุภัทรดึงออก
“เอาไว้ที่เดิมนี่แหละ ไม่ต้องเอาไปไหนหรอก ผมจะหาทางแก้ไขเอง”
“คุณจะแก้ยังไง”
“ผมจะพาคุณไปแถลงข่าว คุณพ่อคุณอนุญาตแล้ว” ผู้กองพูดขึงขังจริงจัง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ “เราจะเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกคนโชคร้ายสองคนที่ไปติดเกาะอยู่ด้วยกัน”
มายาวีแอบหน้าเสียนิดหนึ่ง จากน้ำเสียงไร้เยื่อใยนั้น
“แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดอย่างที่ข่าวเขียน ไม่มีการกอดจูบอะไรทั้งนั้น เพื่อปกป้องเกียรติยศของคุณ”
มายาวีค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“มันจะได้ผลเหรอ”
“ได้ผลสิ เพราะหลังจากนั้นผมจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณอย่างเด็ดขาด จะไม่มีใครโยงเรื่องของเราสองคนไปในทางเสียหายอีก”
มายาวีจ๋อย จะเอาอย่างนั้นจริงเหรอ? ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น
มายาวีกดรับ “ว่าไงปุ๊กกี้ อะไรนะ”
มายาวีเปิดทีวีดู เห็นในทีวีไอริณกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวในงานอีเวนท์ เป็นรายการซุบซิบไฮโซ มีชื่อนามสกุลไอริณเป็นแคปชั่นอยู่ใต้จอ
ไอริณยืนอยู่หน้า backdrop ให้สัมภาษณ์นักข่าว
“ได้ข่าวว่าตอนนี้คุณไอริณมีหนุ่มรู้ใจแล้ว เมื่อไรจะเปิดตัวคะ”
“อ๋อ ก็เร็วๆ นี้ค่ะ เขากำลังรอเคลียร์อะไรๆ นิดหน่อย”
“เป็นใครคะ พอจะบอกได้ไหม”
“ก็เป็นนายตำรวจค่ะ เรารู้จักกันตอนที่เขามาทำคดีเกี่ยวกับบริษัทของคุณพ่อ เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษ”
อนุภัทรฟังไอริณให้สัมภาษณ์แล้วรู้สึกแปลกๆ บรรเลง และมายาวี ก็ทะแม่งๆ หูมากขึ้น
นักข่าวถามต่อ “เอ๊ะ ใช่คนที่เป็นข่าวพัวพันกับคุณมายาวี ลูกสาวท่านบรรเลงหรือเปล่าคะ”
“อุ๊ย เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันค่ะ เขากับคุณมายาวีไม่มีอะไรกันนะคะ คุณมายาวีเธอเป็นสาวเปรี้ยว มีผู้ชายพัวพันเยอะ คงไม่มายุ่งกับคนของริณหรอกค่ะ”
ภาพในจอไอริณหัวเราะระรื่นกับนักข่าว
มายาวีหันขวับมาหาอนุภัทรที่กำลังเหวอ
“นี่ใช่ไหม ที่ทำให้คุณต้องรีบเคลียร์เรื่องของฉัน”
“เฮ้ย ม...ไม่ใช่นะ ผมไม่...” อนุภัทรจะบอกว่าไม่รู้เรื่องแต่ถูกมายาวีแย่งพูด
“จะเปิดตัวกันก็เปิดไปสิ! ทำไมต้องเอาฉันไปเกี่ยวด้วย แล้วที่แฟนคุณไปพูดว่าฉันมีผู้ชายพัวพันเยอะมันหมายความว่ายังไง ห๊า”
มายาวีผลักอนุภัทรออกมาจากบ้าน บรรเลงพยายามมาห้าม
“ไปนะ ออกไป๊”
“เดี๋ยวคุณเมย์”
บรรเลงไกล่เกลี่ย “ยายเมย์ ฟังเขาก่อนสิลูก”
“ไม่ฟัง เมย์ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น! คุณไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ ถ้าอยากจะแถลงข่าวนักก็เชิญแถลงข่าวเปิดตัวกับแฟนคุณ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
มายาวีไม่ฟังใคร ดึงประตูบ้านปิดใส่หน้าอนุภัทรโครม
ทางด้านอัมพาเตรียมอาหารใส่จานสำหรับมื้อเย็น มีแพรพลอยคอยช่วย
“แพรนะแพร เกิดเรื่องที่กระบี่ก็ไม่เล่าให้แม่ฟัง”
“ก็กลัวแม่จะไม่สบายใจนี่คะ สุดท้ายแพรก็กลับมาครบสามสิบสอง แม่เห็นไหมล่ะ” แพรพลอยรีบเข้าไปกอดอ้อน
อัมพากอดตอบ ลูบหัว แต่สีหน้ายังเป็นห่วง
“แต่คนเรามันจะโชคดีได้ทุกครั้งเหรอแพร แม่รู้ว่าแพรเก่ง แต่บางทีแม่ก็อดคิดไม่ได้นะว่าอาชีพของแพรมันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่าสำหรับผู้หญิง”
“งั้นทำไงดีล่ะคะ ให้แพรลาออกตอนนี้เลยไหม เดี๋ยวแพรจะได้ไปบอกคุณอิศร์”
“แม่ว่า แพรไม่อยากออกหรอก”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ตอนนี้แพรกับเขาก็ดู...ใกล้ชิดกันดี” อัมพายิ้ม “งานของแพรมันชักจะกลืนไปกับห่วงใยส่วนตัวแล้วมั้ง แม่ว่า”
“แม่อ้ะ”
แพรพลอยกระเง้ากระงอด ก้มหน้างุด จัดจานอาหารต่อ อัมพายิ้มเอ็นดู
ฟากอิศร์เดินเข้ามาเรือนนอนของเด็กๆ เห็นกรณ์ เปี๊ยกและเด็กอื่นๆ ง่วนกับกองเลโก้ที่กระจัดกระจายอยู่รอบตัว
“พี่อิศร์! เย้ พี่อิศร์มา” เปี๊ยกกับคนอื่นๆ วิ่งเข้ามารุมล้อมอิศร์อย่างดีใจ
“ทำอะไรกันอยู่ ให้พี่เล่นด้วยสิ”
“เอาเลยพี่อิศร์ พวกเรากำลังร่วมกันสร้างเมืองอยู่”
“สร้างเมือง” อิศร์งง
“วันนี้มีคนบริจาคตัวต่อเลโก้มาหลายกล่องเลยครับ เด็กๆ ก็เลยอยากจะเอามาต่อเล่นให้เหมือนในแบบพวกนี้”
กรณ์โชว์ให้ดูโมเดลรูปเมืองเลโก้ที่มีตึกรามบ้านคน สวนสนุก
“เปี๊ยกจะสร้างโรงเรียนไว้ใกล้ๆ บ้าน แล้วก็ให้มีสวนสนุก สวนสัตว์อยู่ติดกันด้วย” เปี๊ยกหยิบตุ๊กตาเลโก้ขึ้นมา “เด็กในเมืองนี้จะได้มีที่เที่ยวเล่นไม่ออกไปเจอมลพิษข้างนอก พี่อิศร์ว่าดีไหม”
อิศร์พยักหน้าหงึกหงัก สมองของเขาเกิดแรงบันดาลใจบางอย่างขึ้นมา
ภายในห้องประชุมบริษัทเดชโชดมหลายวันต่อมา อิศร์ฉายให้ดูภาพร่างแบบจำลองบนจอ ที่มีหมู่บ้าน โรงเรียน สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล อยู่รวมกันเป็นเมืองขนาดย่อม
“โครงการที่ผมจะนำเสนอก็คือการสร้าง กรีนซิตี้ เมืองสีเขียวกลางกรุงเทพ โดยทำเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ปลอดมลพิษแต่มีสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ตลาดค้าปลีก และที่สำคัญคือสวนสาธารณะ”
ภาพฉายขึ้นประกอบรับคำอธิบายของอิศร์ไปเรื่อยๆ
“โดยจุดมุ่งหมายของกรีนซิตี้ก็คือให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกในชีวิตประจำวันมากที่สุดโดยไม่ต้องออกไปผจญกับความวุ่นวายและมลพิษที่มีอยู่ทั่วเมืองหลวง กรีนซิตี้จะเน้นเรื่องคุณภาพชีวิตมากกว่าความหรูหราสะดวกสบาย ผมว่านี่คือสิ่งคนกรุงกำลังต้องการ”
ทุกคนในห้องประชุมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเริ่มซุบซิบคุยกัน
ผู้บริหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “น่าสนใจนะคุณอิศร์ ที่จริงโครงการแบบนี้ก็เคยมีอยู่บ้าง แต่ถ้าเราทำให้ครบวงจรจนเหมือนเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ใจกลางเมือง ต้องได้รับการตอบรับดีแน่ๆ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย อิศร์ยิ้มแฉ่ง ไอศูรย์กับอำพลลอบสบตากันอย่างขัดอกขัดใจ
ไอศูรย์เดินหงุดหงิดเข้ามาในห้องทำงาน อำพลตามมา
“ทำไมคุณพ่อไม่ขัดมันคำ ปล่อยให้มันได้หน้าจนคับห้องประชุมไปจนได้”
“พ่อไม่อยากได้ชื่อว่าพูดอย่างทำอย่าง ในเมื่อประกาศว่าจะให้มันพิสูจน์กึ๋น ก็ต้องปล่อยให้มันทำไป”
“แต่โครงการนี้มันเป็นงานใหญ่ ถ้ามันทำจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ขาเก้าอี้คุณพ่อสั่นสะเทือนแน่”
“เราก็อย่าทำให้มันเกิดขึ้นสิ” อำพลบอก
“โธ่คุณพ่อ มันหนังเหนียวอย่างนี้ ผมก็จนปัญญาเหมือนกัน”
“แต่งานนี้เราต้องขัดขวางให้ได้ ถ้าตัวมันตายยาก อย่างน้อยโครงการที่มันคิดก็ต้องตาย”
อำพลพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
ด้านอนุภัทรนั่งเปิดหนังสือกอสซิป เห็นสกู๊ปข่าวซุบซิบของมายาวียังเล่นไม่เลิก ขึ้นพาดหัว “เปิดกรุหนุ่มในสต๊อกของไฮโซสาวเปรี้ยว มายาวี ศรัทธาสิทธิ์” แล้วมีภาพชายหนุ่ม 4 คน กับโปรไฟล์สั้นๆ
อนุภัทรถอนใจ เป็นห่วงมายาวี สีหน้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี
แพรพลอยกับอิศร์เปิดดูหนังสือที่อนุภัทรเอามาให้ดูแล้วส่ายหน้า
“เหลวไหลทั้งเพ ผู้ชายของยายเมย์ที่ไหนกัน ฉันเห็นแต่สาวๆ”
“หมายความว่าไงวะ”
“ก็พวกนี้เพื่อนสาวยายเมย์ทั้งนั้น” อิศร์ว่า
“แพรรู้จักทุกคนในนี้ค่ะผู้กอง ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ใช่หนุ่มในสต็อกของคุณเมย์แน่ๆ พวกนี้เขากินกันเองค่ะ คุณเมย์อาจจะดูเป็นสาวสมัยใหม่ แต่ไม่ใช่คนเจ้าชู้แน่นอนค่ะ”
“งั้นผมก็ยิ่งสงสารคุณเมย์ที่ถูกป้ายสีไปกันใหญ่”
“ยายริณต้องเป็นคนให้ข่าวแน่ๆ ร้ายจริงๆ” อิศร์บ่น เห็นอนุภัทรกลุ้มๆ ก็แกล้งแหย่เล่น “ถ้าแกจะตัดปัญหาก็ยอมๆ น้องฉันเหอะวะ เรื่องจะได้จบ”
อนุภัทรลุกพรวด “จะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้คิดอะไรกับน้องแกนะโว้ย แล้วต่อให้ฉันยอม ก็ล้างชื่อเสียงให้คุณเมย์ไม่ได้อยู่ดี”
“แล้วผู้กองจะทำยังไงคะ”
อนุภัทรนิ่งคิด แล้วถอนใจเฮือกแบบตัดสินใจเด็ดขาด หันมาหาทั้งสอง
“ผมคิดไว้แล้ว แต่คงต้องขอความช่วยเหลือคุณแพรกับนายอิศร์หน่อย”
กรณ์ถือกระดาษแผ่นหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาในบ้านอัมพา หน้าตาตื่น
“แม่ครับ แม่”
อัมพาโผล่หน้าออกมาจากในครัว กรณ์รีบวิ่งเข้ามาหา
“ผมเจอกระดาษแผ่นนี้แปะอยู่หน้าบ้านครับ”
“ประกาศยกเลิกสัญญาเช่า” อัมพาตกใจสุดขีด “นี่มันเกิดอะไรขึ้น เขาจะมาไล่ที่เราเหรอกรณ์”
“นั่นสิครับ ก็เราจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ยายคุณนายไปแล้วนี่นา”
“แม่ได้ยินว่าคุณนายเขาขายที่ในให้พวกนายทุนไปทำคอนโด นี่แปลว่าเราต้องโดนไปด้วยใช่ไหมกรณ์”
อัมพากับกรณ์มองหน้ากันอย่างเป็นกังวล
สองคนพาตัวเองมาอยู่ที่บ้านคุณนายเนื้อทอง ซึ่งวางท่าเชิด ไม่แยแสน่าหมั่นไส้อยู่ในห้องรับแขก
“ใช่! ฉันขายที่ดินในซอยนี้ไปหมดแล้ว รวมทั้งที่มูลนิธินั่นด้วย เพราะมีคนเขาให้ราคาดี”
กรณ์ท้วง “แต่คุณนายได้ค่าเช่าทั้งปีของเราไปแล้ว จะมายกเลิกสัญญาตอนนี้ได้ยังไงครับ”
เนื้อทองพ่นเสียงรำคาญ แล้วหันไปเปิดลิ้นชักหยิบเช็คให้
“ฉันเตรียมไว้เช็คให้แล้วย่ะ เอาเงินที่เหลือคืนไป แล้วก็ย้ายออกไปซะ”
กรณ์ไม่พอใจมาก “ง่ายๆ อย่างนี้เหรอ”
“ง่ายอย่างนี้แหละ”
อัมพาเอ่ยขึ้น “คุณนายคะ แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“นั่นมันปัญหาของเธอไม่ใช่ของฉัน แต่ถ้าไม่มีที่ไปจะอยู่ไปก่อนก็ได้นะ รอให้มิสเตอร์ลี เจ้าของที่ดินตัวจริงเขามาทุบไล่ก็ดี จะได้ไม่ต้องขนของไงล่ะ”
เนื้อทองหัวเราะเยาะ จะลุกขึ้นเดินหนี กรณ์เลือดขึ้นหน้า
“หนอย นังคุณนายหน้าเลือด นังคุณนายใจยักษ์”
กรณ์ถลาเข้าหา ทำท่าจะบีบคอ อัมพารีบเข้าไปห้าม เนื้อทองตกใจร้องกรี๊ด
ไม่นานนัก ลูกน้องคุณนายจับกรณ์โยนออกมาจากบ้าน อัมพารีบวิ่งตามมาประคอง เป็นห่วง
“อย่าให้เห็นว่ามาเหยียบที่นี่อีกนะโว้ย”
ลูกน้องปิดรั้วแล้วเดินเข้าไป อัมพาประคองให้กรณ์ลุกขึ้น
“อย่าไปมีเรื่องกับเขาเลยลูก”
“แต่คนเลวมันจะได้ใจนะแม่”
“ยังไงเราก็แพ้อยู่ดี อย่าลืมนะลูกว่าที่ดินนั่นมันไม่ใช่ของเรา”
“แปลว่าเรายังไงเราก็ต้องย้ายออกเหรอแม่ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
อัมพาส่ายหน้ากลุ้ม หยิบประกาศมาอ่านรายละเอียดอีกที แล้วสายตาหยุดลงที่ท้ายกระดาษ มีสัญลักษณ์โลโก้ของบริษัทลีเดเวลลอปเมนท์
เหตุการณ์ตอนเลขาของมิสเตอร์ลีลงมาแนะนำตัวกับอัมพาผุดขึ้นมา
“ผมเป็นเลขาประจำตัวของมิสเตอร์โรเจอร์ ลี แห่งบริษัทลีเดเวลลอปเมนท์ มิสเตอร์ลีต้องการจะนำเงินมาบริจาคมูลนิธิของคุณ”
“ลี เดเวลลอปเมนท์...” อัมพาพึมพำ
“อะไรครับแม่” กรณ์ฉงน
“กรณ์จำได้ไหมลูก วันก่อนที่มีนักธุรกิจคนหนึ่งมาทำบุญที่มูลนิธิเรา เขาเป็นเจ้าของบริษัทนี้”
กรณ์นิ่งมองดูชื่อบริษัท แล้วนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา
“มิสเตอร์ลี”
ฟากมายาวียืนเหม่อลอยอยู่ในห้อง นึกถึงตอนที่อนุภัทรเกลี้ยกล่อมตนให้ไปแถลงข่าวด้วยกัน
“ผมจะพาคุณไปแถลงข่าว คุณพ่อคุณอนุญาตแล้ว เราจะเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกคนโชคร้ายสองคนที่ไปติดเกาะอยู่ด้วยกัน”
มายาวีมีสีหน้าเศร้า เจ็บลึกๆ ในใจ
“คุณคงกลัวไอริณเข้าใจผิดสินะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น มายาวีหันไปมอง สาวใช้ร้องบอก
“คุณเมย์คะ ของว่างค่ะ”
มายาวีเดินไปเปิดประตู แต่สาวใช้รีบหลบฉาก กลายเป็นอนุภัทรถือถาดขนมยิ้มอยู่ตรงหน้า
มายาวีตกใจ พยายามปิดประตู แต่อนุภัทรเอาตัวแทรกออกมาจนได้ มายาวีวิ่งไปคว้าหมอนข้าง
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
อนุภัทรรีบบอก “ผมมาดีนะคุณเมย์”
“ขึ้นมาถึงห้องนอนฉันเนี่ยเหรอเรียกว่ามาดี ฉันจะฟ้องคุณพ่อ”
“คุณพ่อคุณอนุญาตให้ผมขึ้นมา ทานขนมให้อารมณ์ดีก่อนก็ได้แล้วค่อยคุยกัน นะคุณนะ”
มายาวีเอาหมอนปาใส่อนุภัทรจนถอยกรูดไปมุมห้อง
“ไม่ ฉันไม่คุย ออกไป” พอเห็นอนุภัทรไม่ยอมออก เลยวิ่งไปที่ประตู “ไม่ไปใช่ไหม ฉันไปเอง”
มายาวีพุ่งพรวดไปที่ประตู อนุภัทรรีบตามไปจับไว้
“คุณเมย์ ฟังก่อน ผมมาหาคุณก็เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าเราต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อไม่ให้คุณเสียชื่อมากไปกว่านี้ ผมอยากจะรับผิดชอบนะ”
“คุณก็ไปบอกให้แฟนคุณหยุดใส่ร้ายฉันสิ”
“คุณไอริณไม่ใช่แฟนผม! ที่เขาให้สัมภาษณ์ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
มายาวีนิ่งงันไป เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอนุภัทร
“แต่ผมก็ถือว่าเรื่องนี้ ผมต้องรับผิดชอบ มันมีทางออกทางเดียวที่จะไม่ให้คุณเสียหาย”
“อะไร”
อนุภัทรมองหน้ามายาวีซึ้งๆ แล้วทรุดลงคุกเข่าข้างเดียว จับมือมายาวีไว้
“หมั้นกับผมนะ”
อิศร์กับแพรพลอยมาถึงเว้ดดิ้งสตูดิโอแล้ว พอกำลังจะเข้าไปแพรพลอยก็เกิดชะงัก
“อ้าว เป็นอะไรไปล่ะคุณ”
“เอ่อ คุณไปเองดีกว่านะ เดี๋ยวฉันรอข้างนอก” แพรพลอยจะไป
อิศร์รีบจับแขนไว้ “ไปด้วยกันสิ”
“แต่ฉัน...”
“ไอ้ภัทรมันขอร้องให้เราช่วยเตรียมงานหมั้นให้ แต่ผมไม่เคยหมั้นมาก่อน เดี๋ยวก็ไม่รู้เรื่องกัน”
“แล้วฉันเคยหรือไงเล่า”
“ก็ฝึกไว้ เดี๋ยวพอถึงทีเรา จะได้ไม่งง”
อิศร์ยิ้มกระหยิ่ม ท่าทีกรุ้มกริ่มแล้วดึงแขนแพรพลอยเข้าไป
พนักงานเวดดิ้งสตูดิโอ ออกมาต้อนรับแพรพลอยกับอิศร์ เชิญให้นั่ง
“ต้องการจะดูแพ็คเกจงานหมั้นเหรอคะ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีด้วยก่อนนะคะ”
“เอ่อ ไม่ใช่หรอกค่ะ คือเราเป็นแค่เพื่อนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว” แพพลอยยิ้มเขิน
“เจ้าของงานเขายุ่งๆ น่ะครับ พวกเราก็เลยอาสา จะได้ดูเป็นแนวทางงานตัวเองด้วย”
แพรพลอยตีแขนอิศร์ดังเผียะ
“อ๋อ ค่ะ งั้นเริ่มจากธีมของงานดูก่อนไหมคะ นี่เป็นตัวอย่างการจัดดอกไม้แต่งสถานที่ ลองเลือกดูแบบก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวไปดูดอกไม้กัน”
พนักงานยื่นแฟ้มตัวอย่างงานให้อิศร์กับแพรพลอยดู อิศร์ขยับเข้ามานั่งใกล้แพรพลอย ก้มหน้าแนบชิด โอบเอว ถามเสียงหวาน “ชอบแบบไหนจ๊ะดาร์ลิ๊ง”
แพรพลอยหันไปทำตาขวาง อิศร์ไม่รู้ไม่ชี้ตีเนียนกระแซะเบียดแพรพลอย ชี้ชวนให้ดูรูปต่างๆ พนักงานมองอมยิ้ม
สองคนอยู่ตรงมุมเลือกดอกไม้ แพรพลอยเลือกดอกไม้ไปเพลินๆ หันมา เจออิศร์ยื่นดอกหน้าวัวให้
แพรพลอยส่ายหน้าขำ “งานหมั้นนะคะ แบบนี้หน้าบานเกินไป”
อิศร์หันไปหยิบดอกธูปมาโบกตรงหน้า
“ดอกนี้ดีไหม ใหญ่อลังการดี”
แพรพลอยมองดอกธูป ส่ายหน้าขำ เดินเลี่ยงไปเลือกดอกไม้อีกทาง
ต่อมาอิศร์ยื่นดอกหงอนไก่ให้ แพรพลอยมองจ้องหน้า ทำนองว่าเอาจริงเหรอ
“นี่มันงานหมั้นนะคะ ควรจะใช้ดอกไม้อะไรที่มันมีความหมายดีๆ สิ”
อิศร์ทำท่าคิด แล้วคราวนี้หันไปหยิบดอกบัวมา
“งั้นเอาดอกนี้ แด่ความรัก ผมขอชาบู”
แพรพลอยฉงน “บูชา”
อิศร์ย้ำ “ผมขอบูชาความรัก”
“เฮ้อ...” แพรพลอย ส่ายหน้าเพลียๆ แล้วเดินหนี
แพรพลอยเดินไปอีกมุม ดมดอกไม้สวย สีหน้าเพลิดเพลิน อิศร์เลื่อนตัวเข้ามาซ่อนดอกไม้ดอกหนึ่งไว้ด้านหลัง
“ผมว่าดอกนี้เหมาะกับความรักมากที่สุด”
อิศร์ยื่นกุหลาบแดงก้านยาวดอกใหญ่เบิ้มให้แพรพลอย
“เหมาะกับคุณมากด้วย”
แพรพลอยรับมาเขินๆ อิศร์ขยับตัวเข้ามาใกล้ พนักงานโผล่หน้ามาถาม
“ตกลงเลือกธีมได้หรือยังคะว่าอยากได้แบบไหน” พนักงานถาม
“อลังการงานสร้างครับ” อิศร์ว่า
แพรพลอยแย้ง “เรียบง่ายมีสไตล์ค่ะ”
อิศร์และแพรพลอยแทบจะพูดพร้อมกัน แล้วต่างคนต่างเอ๊ะ ไม่ตรงกัน
พนักงานยิ้มขำ “อ้าว ยังไงดีคะ”
แพรพลอยบอก “ฉันว่าเรียบๆ เก๋ๆ น่ารักกว่า”
“แต่ไอ้ภัทรหมั้นกับลูกสาวรัฐมนตรี มันต้องให้สมฐานะ จัดใหญ่ไปเลย”
“แต่ผู้กองบอกว่าอยากได้บรรยากาศแบบอบอุ่นนะคะ”
“คุณก็รู้จักยัยเมย์ เจ้าแม่เว่อวัง ชอบแบบยกดอกไม้มาทั้งสวน”
แพรพลอยกับอิศร์ตั้งท่าเถียงกัน พนักงานรีบไกล่เกลี่ย
“เอ้อ ค่อยๆ ตกลงกันดีกว่าค่ะ”
แพรพลอยหันมาบอกเจ้าของร้าน “ธีมงานดอกไม้แบบเก๋ๆ เรียบๆ ไม่ต้องเว่อร์ค่ะ”
อิศร์หันไปบอกเจ้าของร้าน “หรูๆไปเลยครับ ทุ่มไม่อั้น จัดหนัก จัดใหญ่ มีกี่ดอกกี่สวน ขนมา”
“เอาอย่างนี้ค่ะ ดิฉันว่า…” เจ้าของร้านหยิบโทรศัพท์ “ลองโทร.ไปถามเจ้าภาพอีกซักรอบดีไหมคะ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แหะๆ”
แพรพลอยกับอิศร์ได้สติ หยุดทะเลาะ
“จริงสิ ไม่ใช่งานของเราซะหน่อยเนอะ”
แพรพลอยกับอิศร์ยิ้มเขิน
เสียงโวยวายของมายาวีดังลั่นบ้าน ขณะเอาหมอนข้างไล่ฟาดอนุภัทรลงบันไดมา อนุภัทรร้องลั่น
“โอ๊ย! อย่าทำผม”
“บ้า คุณมันบ้าชัดๆ เลย นี่เหรอวิธีแก้ปัญหาของคุณ อยู่ๆ ก็จะมาขอฉันหมั้น”
“มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้คนอื่นเลิกพูดไม่ดีถึงคุณ ถ้าเราหมั้นกันซะ ข่าวลือทุกอย่างจะได้ยุติ คุณพ่อคุณก็เห็นด้วย”
“นี่พ่อฉันก็รู้เรื่องนี้เหรอ”
บรรเลงเดินออกมาในจังหวะนี้
“ใช่ พ่ออนุญาต นอกจากเมย์จะมีทางออกอื่น”
ต่อมา มายาวีเดินตามมาคุยกับบรรเลง ตรงมุมหนึ่งในบ้าน
“พ่อก็ไม่ได้เห็นด้วยเรื่องการตกกระไดพลอยโจน แต่มาถึงขั้นนี้แล้วพ่อเป็นห่วงชื่อเสียงของเมย์ ผู้กองอนุภัทรเองเขาก็อยากจะรับผิดชอบ”
“แต่เขา...” มายาวีจะบอกว่าอนุภัทรไม่ได้รักตัวเอง แต่กระดากปาก
“พ่อเห็นว่าเขากับเมย์ก็สนิทสนมกันดี ถือเป็นโอกาสศึกษากันไปก็ได้นี่ลูก บางทีที่เขาตัดสินใจแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาสนใจเมย์ก็ได้นะ” บรรเลงยิ้มอย่างเอ็นดู “พ่อเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา”
“เขาบอกคุณพ่ออย่างนั้นเหรอคะ”
“เปล่า แต่พ่อเป็นผู้ชาย พ่อรู้ว่าไม่มีชายโสดคนไหนอยากจะหาเรื่องผูกมัดตัวเองกับผู้หญิงที่เขาไม่มีใจด้วยหรอก เมย์เองก็น่าจะลองเปิดใจรับเขาไว้พิจารณานะ ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว”
“เมย์ไม่เคยคิดว่าถ้าตัวเองมีคู่หมั้น มันจะต้องได้มาด้วยวิธีการแบบนี้”
“ก็ลองดูไปก่อน เมย์อาจจะเข้ากับเขาได้ดีก็ได้ หรือถ้าไม่ แล้วเมย์เจอคนที่ดีกว่า ผู้กองก็รับปากพ่อแล้วว่าเขายินดีที่จะให้เมย์เป็นอิสระ ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครมาว่าอะไรเมย์ได้อีก”
มายาวีมองบรรเลงอย่างกลุ้มใจ ไม่ได้รังเกียจอนุภัทร แต่รู้สึกกลัวปนกังวลในสถานภาพใหม่ต่างหาก
พนักงานร้านกำลังช่วยแพรพลอยแต่งตัวสวยๆ สำหรับการเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานหมั้น แพรพลอยหมุนตัวมองดูในกระจกอย่างอายๆ
“สวยมากเลยค่ะ”
แพรพลอยกังวล “มันไม่โป๊ไปเหรอคะ”
“ไม่หรอกค่ะ แบบนี้กำลังน่ารักเลย”
แพรพลอยยิ้มอายๆ เขินๆ มองดูตัวเองในกระจกไปมา
“ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ”
“เชิญค่ะ ทางด้านหลังนะคะ”
แพรพลอยเดินออกไปตามที่พนักงานชี้
ครู่ต่อมาแพรพลอยออกจากห้องน้ำ เดินหลงมาทางสตูดิโอที่ปิดไฟมืด มองไม่เห็นทางเลยกดสวิทช์ด้านข้าง เห็นสตูดิโอถูกตกแต่งประดับประดาคล้ายๆ เวทีงานแต่งงาน มีซุ้มดอกไม้
อิศร์ในชุดสูทสุดหล่อเดินเข้ามาเห็นแพรพลอยพอดี
“คุณแพร”
ผู้กำกับฯ เอ็มวีออกมาเห็นอิศร์กับแพรพลอยก็เข้าใจว่าเป็นคู่บ่าวสาวที่มาซ้อมคิวถ่ายเอ็มวีงานแต่ง
“มาแล้วเหรอครับ เชิญๆ เดี๋ยวเราจะได้ซ้อมคิวแสดงกันเลย”
ผู้กำกับฯ ส่งไมโครโฟนให้อิศร์กับแพรพลอย ทั้งสองงงๆ แต่ก็รับมา
“ทั้งสองสแตนด์บายนะครับ เดี๋ยวดนตรีจะขึ้น แล้วคุณผู้ชายก็เริ่มร้อง รอบแรกนี่ลิปซิงค์ก่อน เดี๋ยวค่อยถ่ายจริง โอเค สาม สอง หนึ่ง แอ็คชั่น”
ผู้กำกับฯ ถอยออกไป ดนตรีเพลงรักหวานซึ้งดังขึ้น แพรพลอยเงอะงะ งงๆ มองไปรอบ เห็นไฟแสงสีในสตูดิโอเริ่มติดขึ้น ทีมงานส่งสัญญาณให้อิศร์ร้องเพลง อิศร์งงๆ แล้วรีบร้องคลอไปกับเพลง
ผู้กำกับฯ ส่งสัญญาณให้ตากล้องถือแฮนด์เฮลเข้าไปจับใกล้ๆ
“ฝ่ายชายกอดฝ่ายหญิงหน่อยครับ”
อิศร์งงๆ แต่เห็นกล้อง ก็เข้ามาใกล้ก็กอดตาม
“เอาล่ะ ทีนี้คิวฝ่ายหญิงร้อง” ผู้กำกับฯ บอก แพรพลอยทำหน้าเหรอหรา งง “อะไร จำเนื้อไม่ได้เหรอ เดี๋ยวค่อยท่องครับ มั่วๆ ไปก่อน”
แพรพลอยมึนๆ ร้องมั่วๆ ตามผู้กำกับฯ ไป ตากล้องแพนภาพมุมไปรอบๆ พร้อมกับเพลงที่คลอไปเรื่อยๆ
“ทีนี้พอถึงท่อนจบเพลง ทั้งสองคนหันหน้าเอาจมูกชนกันนิดนึง นั่นแหละ อย่างงั้น”
อิศร์กับแพรพลอยทำตาม ตากล้องตามมาซูมเก็บภาพความใกล้ชิด เพลงเล่นจบพอดี ผู้กำกับฯ ตบมือชอบใจ
“เยี่ยมมากครับ เยี่ยมมาก อ้ะ น้องเติมแป้งนิดนึง”
ทีมงานเข้ามาตบแป้งให้อิศร์กับแพรพลอย พนักงานเวดดิ้งโผล่ออกมาที่หน้าประตูสตูดิโอ
“คุณอิศร์ คุณแพร มาทำอะไรที่นี่คะ”
อิศร์อึกอัก “อ้าว ก็...”
อิศร์กับแพรพลอยมองหน้ากัน งงๆ
“พวกเรารอถ่ายรูปอยู่ที่สตูดิโอโน้น”
ผู้กำกับฯ งวยงง “อ้าว นี่ไม่ใช่คู่บ่าวสาวที่มาซ้อมถ่ายเอ็มวีเหรอ”
“ไม่ใช่พี่ คู่นั้นเขาเพิ่งมา นี่ไง”
พนักงานพยักพเยิดไปทางคู่บ่าวสาวตัวจริงที่เดินเข้ามา
“แล้วนี่ใครอะ ปัดโธ่”
ผู้กำกับฯ และทีมงานเซ็ง แยกย้ายกันไปเตรียมงานใหม่ อิศร์กับแพรพลอยยืนเจื่อนๆ
ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว
อิศร์กับแพรพลอย เดินออกมาหน้าสตูดิโอ
“ฉันก็นึกว่าเป็นไอเดียของคุณที่ให้ถ่ายเอ็มวีอะไรนั่นไปฉายในงานของผู้กอง”
“ผมก็นึกว่าเป็นความคิดของคุณเหมือนกัน”
“หน้าแตกเลย”
แพรพลอยเซ็ง สบตากับอิศร์ ซักพักก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ที่จริงผมกว่าก็น่ารักดีนะ เราน่าจะไปขอก็อปปี้เก็บไว้”
“จะเอาไปฉายที่ไหนล่ะ อายเขา”
“ก็งานของเราไง” อิศร์ยิ้มมองมา
แพรพลอยอาย เฉไฉตัดบท
“เราต้องเตรียมอะไรให้ผู้กองกับคุณเมย์อีกไหมคะ ไปเถอะ เดี๋ยวจะเย็น”
“มีอีกอย่างนึง”
อิศร์บอกพลางยิ้มมีเลศนัย
ไม่นานต่อมา สองคนอยู่ที่ร้านขายเพชรในห้างหรู พนักงานเอาแบบแหวนมาให้แพรพลอยกับอิศร์เลือก แพรพลอยทำหน้างงๆ
“เราต้องเลือกแหวนให้เขาด้วยคุณอิศร์ เรื่องแบบนี้สองคนนั้นน่าจะมาทำเองมากกว่านะ” แพรพลอยทักท้วง
“ก็ไอ้ภัทรมันไม่ว่าง มัวแต่ตื๊อให้ยายเมย์รับมั่นอยู่ ให้เราดูแบบไปให้ก่อนแล้วมันจะมาซื้อเอง”
“แต่ฉันก็เลือกไม่ถูกอยู่ดี”
“เลือกแบบที่คุณอยากได้สิ”
“แต่ฉันกับคุณเมย์รสนิยมไม่เหมือนกัน”
“ในเมื่อคุณไม่ใช่ทอม ก็ต้องรู้บ้างแหละน่าว่าผู้หญิงชอบแหวนแบบไหน”
แพรพลอยถองอิศร์อย่างเขินๆ พนักงานอมยิ้ม
“ลองดูเซ็ทนี้ดีไหมคะ คอลเล็คชั่นใหม่ของเรา” พลางหยิบออกมาให้ดู
แพรพลอยหยิบวงนี้ออกมาดู อิศร์ชะโงกหน้ามอง
“ผมว่าเพชรมันน้อยไปหน่อยนะ หมั้นทั้งทีต้องเม็ดใหญ่กว่านี้ถึงจะสมกับคุณ” อิศร์เห็นแพรพลอยมอง “เอ้อ...ผมหมายถึงสมกับลูกสาวรัฐมนตรีอย่างยายเมย์”
แพรพลอยออกไอเดีย “คุณเมย์มีแหวนอย่างนี้เยอะแล้ว เธออาจจะไม่ชอบแบบเดิมๆ”
“แหวนหมั้นมันต้องใส่ติดนิ้ว น่าจะให้ดูสะดุดตา แต่ถ้าคุณชอบวงนี้จริงๆ ก็โอเค”
พนักงานบอก “ลองใส่ดูได้ค่ะ”
แพรพลอยเก้อๆ เขินๆ “เอ้อ ฉันไม่ใช่...
“เอาเถอะน่า จะได้เห็นว่ามันใส่สวยหรือเปล่า”
อิศร์ทึกทักคะยั้นคะยอ หยิบแหวนมาสวมให้แพรพลอยเฉย แพรพลอยตัวเกร็ง เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายสวมแหวนให้มาก่อน
“เหมาะกับคุณผู้หญิงมากเลยค่ะ”
อิศร์ยิ้มพอใจ แต่แพรพลอยพยายามถอดออก
“แต่...ฉันไม่ใช่คนที่จะต้องใส่หรอกค่ะ ซื้อให้เพื่อน” หล่อนรีบดึงออก แต่ติดนิ้ว “ฉันถอดไม่ออก”
แพรพลอยพยายามดึงแหวนออกจากนิ้วแต่ยังไงก็ไม่หลุด พนักงานรีบหันไปบอกเพื่อนให้มาพาแพรพลอยไปห้องน้ำ
อิศร์มองตาม ยิ้มมีเลศนัยแล้วกระซิบถามพนักงาน
“ตกลงวงนั้นเท่าไรเหรอครับ”
แพรพลอยเดินจับนิ้วตัวเองออกมาหน้าร้าน อิศร์ตามติด
“วันนี้มันวันอะไรนะ มีแต่เรื่องน่าอาย นี่ถ้าเมื่อกี้ฉันถอดไม่ออกต้องแย่แน่ๆ”
“ถอดไม่ออกก็ซื้อใส่ไปเลยสิ ไม่เห็นจะยาก”
“ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ตั้งแพง”
อิศร์พูดทีเล่นทีจริง “ถ้าคุณอยากได้จริงๆ ผมก็ซื้อให้ได้ คุณชอบหรือเปล่าล่ะ ถ้าชอบก็ไปเลย”
อิศร์ดึงแขนแพรพลอยจะกลับเข้าร้าน แพรพลอยดึงไว้
“ฮื้อ คุณ ไม่เอา ของแพงๆ แบบนั้นฉันไม่กล้ารับรับหรอก ไปเถอะค่ะ”
แพรพลอยทำหน้าเขินแล้วเดินหนีไป อิศร์มองตามยิ้มๆ แล้วล้วงกระเป๋ากางเกง เห็นว่าในมือมีกล่องแหวนกำมะหยี่อยู่
ส่วนอัมพากับกรณ์กำลังนั่งคุยกับเลขาของมิสเตอร์ลีในห้องรับรองที่ออฟฟิศ
“มิสเตอร์ลีไม่สะดวกออกมาพบ เลยให้ผมมาเป็นตัวแทน”
“คุณจำฉันได้ ฉันคือเจ้าของบ้านโอบไอรักที่เจ้านายคุณไปทำบุญเมื่อวันก่อน” อัมพาทัก
เลขาพยักหน้ารับ “มูลนิธิเด็ก”
“ใช่ พวกเราทำมูลนิธิดูแลเด็กกำพร้า วันนี้เราได้รับเอกสารนี่” กรณ์เอาใบปลิวประกาศไล่ที่ให้ดู “เจ้าของที่ดินบอกว่าบริษัทของคุณจะซื้อที่ตรงนั้นไปทำคอนโด”
“ถูกต้อง เป็นไปตามนั้นแหละครับ” เลขายอมรับ
“คุณจะไล่พวกเราไม่ได้นะ พวกเราไม่มีที่ไป” กรณ์ว่า
“เจ้านายคุณแวะมาทำบุญกับเรา แล้วเข้าดูสนใจมูลนิธิของเรามากด้วย ให้ฉันกับลูกชายเข้าพบเขาเถอะนะคะ ฉันคิดว่าเขาต้องเข้าใจ” อัมพายังมองในแง่ดี
เลขาหัวเราะ “ขอโทษนะครับ ที่มิสเตอร์แวะไปที่มูลนิธิของคุณวันนั้น เหตุผลจริงๆ ก็คือไปสำรวจพื้นที่ การทำบุญเป็นแค่ฉากหน้า”
อัมพากับกรณ์นิ่งอึ้ง เลขายิ้มปรานีแต่ดูเย็นชา
“ยังไงมูลนิธิของคุณก็ต้องย้ายออกไปตามกำหนดครับ”
ต่อมาไม่นานนัก อัมพากับกรณ์เดินออกมาจากออฟฟิศ อัมพาดูเศร้าหมอง สะเทือนใจ ซักพักก็เหมือนขาอ่อน
“ทำไม...ทำไมถึงเป็นอย่างนี้” แม่ครูของเด็กๆ ขาอ่อนไม่มีแรง
กรณ์ตกใจรีบประคอง “แม่”
อัมพาน้ำตาคลอ “แม่จะหาทางออกยังไงกับเรื่องนี้ดี ลำพังเราไม่มีที่อยู่ แม่ทนได้ ให้ไปข้างถนนแม่ก็อยู่ได้ แต่เด็กๆ ล่ะ เราจะทำยังไงกับเด็กๆ ดีกรณ์”
อัมพาก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ และสะเทือนใจ กรณ์ประคองพาไปหาที่นั่ง
“ผมจะปรึกษากับแพร”
อัมพาห้ามไว้ “อย่านะกรณ์ อย่าเพิ่งบอกแพร ถ้าแพรรู้คุณอิศร์ก็ต้องรู้ แม่ไม่อยากรบกวนเขาอีกแล้ว กรณ์ก็เห็นว่าคนที่บ้านเขามองเรายังไง มองแพรยังไง”
กรณ์นิ่งอึ้ง ไม่เห็นด้วย แต่ก็จนปัญญา ไม่รู้จะทำยังไงดี
วันต่อมาอำพลอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วพับเก็บอย่างหัวเสีย ไอศูรย์เดินเข้ามา
“หงุดหงิดอะไรครับคุณพ่อ”
“ก็ไอ้พวกนักข่าวเศรษฐกิจน่ะสิ ลงสกู๊ปชื่นชมไอ้อิศร์กันใหญ่ นี่ขนาดว่ามันยังเก็บเรื่องโปรเจ็คท์ใหม่เป็นความลับอยู่เลยนะ ถ้าเปิดตัวจริงๆ พ่อคงเป็นแค่ไอ้แก่ที่เตรียมถูกเขี่ยทิ้งจากเก้าอี้”
“เราก็อย่าให้มันเกิดขึ้นสิครับ คุณพ่อเคยบอกว่าถ้ามันไม่ตาย โปรเจ็คท์มันก็ต้องตาย ตอนนี้ผมมีไอเดียแล้ว”
ไอศูรย์สบตากับอำพล ยิ้มนิดๆ อย่างมีแผน
วันนี้เป็นวันหมั้น มายาวีนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้อง แพรพลอยแต่งตัวสวยเตรียมเข้ามา
“เสร็จหรือยังคะคุณเมย์”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ช่างหน้า-ช่างผมเก็บของออกไป
“รีบเปลี่ยนชุดเถอะค่ะคุณเมย์ แขกมากันแล้ว”
มายาวีมองตัวเองในกระจกแล้วถอนใจ นั่งนิ่ง แพรพลอยเห็นมายาวีไม่ลุกขึ้นมาแต่งตัวก็แปลกใจ
“คุณเมย์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูไม่สบายใจเลย”
“เมย์ไม่เคยคิดเลยว่าในที่สุดจะต้องมาหมั้นกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเมย์”
“แต่ผู้กองก็คือผู้ชายที่หวังดี อยากปกป้องคุณเมย์นะคะ ถึงได้เสนอตัวทำแบบนี้
“เขาก็แค่ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้มีอินเนอร์ เมย์ทำใจไม่ได้ที่จะมีคู่หมั้นแบบนั้น มันไม่ใช่แบบที่เมย์ฝันไว้เลย”
“ความจริงกับสิ่งที่ฝันไว้บางทีมันก็ไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างหน้ามือกับหลังมือนะคะ”
มายาวียังคงอิดออด แพรพลอยหยิบชุดในถุงมาให้มายาวี
“สิ่งดีๆ บางครั้งก็เกิดขึ้นได้จากเจตนาที่ดี ไม่แน่คุณเมย์กับผู้กองอาจจะใกล้ชิดจนเกิดอินเนอร์ขึ้นมาจริงๆ หลังจากหมั้นกันก็ได้” แพรพลอยยิ้มแซว “ขึ้นอยู่กับว่าคุณเมย์ต้องการให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า”
มายาวีเขินอายหลบสายตาวูบ
งานหมั้นแบบส่วนตัวจัดขึ้นที่ห้องรับแขกบ้านท่านบรรเลง อนุภัทรนั่งรอยู่ที่กลางวงพิธี บรรเลงหันไปเห็นแพรพลอยลงมาก็รีบบอกกับพ่อแม่อนุภัทรและแขกผู้ใหญ่
“ยายเมย์มาแล้วครับ”
ทุกคนหันไปมอง มายาวีเดินตามแพรพลอยลงมาในชุดไทยงดงามเรียบร้อย อนุภัทรตะลึงแล มายาวียืนนิ่งก้มหน้าหลบสายตา
“เมย์ นั่งสิลูก”
มายาวีค่อยๆ ลงนั่งพับเพียบข้างๆ อนุภัทรที่ยังมองไม่วางตา มายาวีช้อนสายตาขึ้น
“วันนี้คุณสวยแปลกตากว่าที่เคยเห็นนะ”
มายาวีเขิน ไม่ยอมตอบ อิศร์มองทั้งสองยิ้มๆ แล้วดูนาฬิกา
“ได้เวลาฤกษ์แล้วครับคุณลุง”
“งั้นก็เริ่มกันเลยแล้วกันนะ”
เสียงไอริณแหลมเข้ามา “รอริณด้วยสิคะ”
ทุกคนหันไปมองที่ประตู เห็นไอริณใส่ชุดสีเข้ม เปรี้ยว เฉี่ยว เหมือนจงใจมาแย่งซีนงานนี้โดยตรง
“หวังว่ายังจะมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่หมั้นทั้งสองทันเวลานะคะ”
ไอริณยิ้มหวานให้แขก แล้วจ้องดุๆ ไปที่อนุภัทรกับมายาวี
“ผู้กองอนุภัทรอ้ะ จะหมั้นก็ไม่บอกริณซักคำ”
อิศร์กระตุกแขนไอริณ กระซิบถาม “ยายริณ ทำอะไร”
ทุกคนทำหน้างงๆ อิศร์ยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรครับ เชิญเริ่มพิธีได้เลยครับคุณลุง”
บรรเลงเริ่มพิธี อิศร์จับแขนไอริณให้นั่งอยู่ข้างๆ ไอริณกระฟัดกระเฟียด มองดูทั้งสองอย่างเจ็บใจ
ขณะเดียวกันบนดาดฟ้าอาคารเดชโชดมกรุ๊ปอันว่างเปล่า ที่ขอบตึกมีตะขออันใหญ่ถูกโยนมาเกี่ยวไว้
ตะขอขยับไปมาเหมือนถูกดึง ก่อนที่มือใครบางคนจะเลื่อนขึ้นมาคว้าขอบตึกเดียวกันไว้ แล้วเหวี่ยงตัวขึ้น เปิดหน้าให้เห็นว่าเป็นทิตาในชุดโจรกรรม
ทิตาก้าวขึ้นมา มองไปรอบๆ เห็นประตูที่จะไปเข้าไปด้านในออฟฟิศ
เสียงไอศูรย์อธิบายดังขึ้นมาเป็นระยะ “วันนี้เป็นวันหยุด ไม่มีคนมาทำงาน ฉันอยากให้เธอเข้าไปทำอะไรบางอย่างให้ฉัน”
ทิตาย่องมาถึงหน้าประตู ใช้กุญแจผีเปิดประตูเข้าไป แล้วหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องค่อยๆ ปีนตามขึ้นมาจากดาดฟ้า
ทิตาเข้ามาข้างในตึก มีลูกน้องคอยระแวดระวังคุ้มกัน ทิตามองเห็นกล้องวงจรปิดใช้ปืนเก็บเสียงยิงทำลายกล้อง
รปภ.เดินตรวจตราโผล่ออกมาเห็นทิตากับพวกก็ตกใจ แต่ยังไม่ทันทำอะไรก็โดนลูกน้องยิงตาย โดยใช้ปืนเก็บเสียงทุกคน จากนั้นลูกน้องกระจายกำลังกันลงไปตามชั้นต่างๆ เจอรปภ.ที่ไหนก็ยิงตรงนั้น ตายเป็นผักปลา
ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายกล้องในจอ เห็นถูกยิงดับไปเรื่อยๆ ด้วยฝีมืของทิตากับพวก รปภ.ในป้อมไม่รู้เรื่อง เพราะมัวแต่อ่านหนังสือพระเครื่องอยู่
ทางสะดวก ทิตาเข้ามาในลิฟต์หยิบบัตรพนักงานปลอมออกมา เสียงไอศูรย์ดังขึ้นมาอีก
“ฉันต้องการให้เธอเข้าไปขโมยข้อมูลโปรเจ็คท์พันล้านของไอ้อิศร์ แต่ต้องทิ้งร้องรอยเอาไว้ให้เหมือนว่าเป็นการโจรกรรม”
ทิตาเอาบัตรเสียบ กดเลขชั้นบนสุดที่เป็นส่วนออฟฟิศของอิศร์ ลิฟต์ขึ้นไปรวดเร็ว
บรรยากาศงานเลี้ยงหลังพิธีหมั้น เป็นไปอย่างสบายๆ ง่ายๆ พนักงานเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มกับถาดค็อกเทล มายาวีเดินออกมาส่งแขกบางคนกลับบ้าน พอจะกลับเข้าบ้านก็เจอไอริณยืนขวางอยู่
“แหวนสวยดีนี่”
“ขอบคุณค่ะ” มายาวีก้มดูที่นิ้วตัวเอง
ไอริณเหน็บแนม “คงไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรหรอกมั้ง ก็เป็นแค่งานหมั้นปาหี่ปลอมๆ นี่นะ”
มายาวีหน้าเจื่อนไปที่ไอริณรู้เรื่องนี้ ไอริณยิ้มเยาะ
“แปลกใจเหรอที่ฉันรู้ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะยังไม่ไม่บอกใครหรอก ปล่อยให้เธอกับผู้กองอนุภัทรเล่นละครไปอีกซักพัก แล้วค่อยทวงคืน”
พูดจบไอริณเดินเชิดออกไป มายาวีเจ็บใจ บรรเลงเดินเข้ามา
“เมย์ มาถ่ายรูปหน่อยสิลูกเดี๋ยวแขกผู้ใหญ่จะกลับแล้ว”
มายาวีจำต้องเดินตามบรรเลงไปที่กลุ่มของอนุภัทรที่คุยกับแขก
ตากล้องเข้ามากำกับให้มายาวีกับอนุภัทรยืนถ่ายรูปคู่กันใกล้ชิด แต่สีหน้ามายาวีดูเซ็งๆ
แพรพลอยกับอิศร์ยืนดูทั้งสองถ่ายรูปคู่อยู่อีกมุม แพรพลอยฉงน
“แปลกจัง”
“อะไรเหรอครับ”
“แหวนหมั้นเป็นแหวนเก่าของคุณแม่ผู้กองนี่คะ แล้วทำไมวันนั้นคุณถึงชวนฉันไปเลือกแหวน”
อิศร์สะดุ้ง อึกอัก“ก็...ก็ตอนแรกไอ้ภัทรมันอยากได้แหวนใหม่ กลัวเมย์ไม่ชอบของเก่า แต่มันคงตกลงกันได้แล้วมั้ง”
แพรพลอยยังงงๆ ไม่ค่อยเชื่อ “เหรอคะ”
อิศร์ยิ้มกลบเกลื่อน แล้วเฉไฉ แกล้งทักเพื่อน
“เฮ้ย จะกลับแล้วเหรอ” เขารีบหันไปตัดบทกลัวโดนแพรพลอยซักไซ้ “เดี๋ยวผมมานะ”
ทางด้านทิตาเข้ามาในห้องทำงานอิศร์แล้ว หล่อนตรงไปที่คอมพิวเตอร์ เปิดเครื่องเตรียมคัดลอกข้อมูลโครงการ
ส่วนรปภ.ป้อมยามอ่านหนังสือพระจบ หันมามองจอ เห็นทุกจอสัญญาณดับหมด รปภ.ลุกขึ้นตกใจ ลูกท้องทิตาเข้าซ้อนด้านหลัง เอาปืนเก็บเสียงจ่อหลัง รปภ.โดนยิงร่างทรุดลงไปกองกับพื้น
ทิตารอดาวน์โหลดข้อมูลอย่างกระวนกระวาย เห็นเปอร์เซ็นต์ดาวน์โหลดขึ้นช้าๆ
ลูกน้องทิตาช่วยกันลากร่างรปภ.ออกจากป้อมมาที่ห้องเก็บของ แล้วจับโยนไว้ เห็นใกล้ๆ มีศพของรปภ.หลายคนถูกยิงบนตึกกองรวมกันอยู่ระเนระนาด
ลูกน้องมองดูผลงานแล้วพยักหน้ากันก่อนออกไป
นายแสวง รปภ.คนล่าสุดที่เพิ่งถูกลากเข้ามา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขายังไม่ตาย แต่ขยับตัวอย่างเจ็บปวด พยายามล้วงมือหาอะไรบางอย่างที่กระเป๋า
ทิตาเฝ้ามองการโหลดข้อมูล เปอร์เซ็นต์ค่อยๆ เพิ่มขึ้น 50 % ครึ่งทางแล้ว
ขณะที่อิศร์ยืนคุยกับเพื่อนที่มาร่วมงานหมั้น โทรศัพท์ดังขึ้น เลยกดรับ
“ว่าไงนายแสวง” ตกใจ “อะไรนะ”
อิศร์ส่งสายตาขอตัวจากเพื่อนแล้วแยกออกมาคุยโทรศัพท์
สักครู่หนึ่งอิศร์เดินเข้ามาหาแพรพลอยที่อยู่กับอนุภัทร มายาวี
“คุณแพร เราต้องไปที่บริษัทด่วน”
“มีอะไรเหรอคะ”
“มีคนบุกรุก มันฆ่าพวกรปภ.ในตึกตายหมด แล้วก็ยิงนายแสวงบาดเจ็บสาหัส เรารีบไปกันเถอะ”
อิศร์กับแพรพลอยจะไป อนุภัทรละล้าละลัง
“ฉันไปด้วย เผื่อจะมีอะไรช่วยได้” อนุภัทรนึกได้ มองหน้ามายาวีอย่างลังเล “คุณจะถือหรือเปล่า”
มายาวีพยักหน้าให้ “ผู้กองไปเถอะ ฉันจะบอกคุณพ่อให้ ระวังตัวด้วยนะ”
อนุภัทรพยักหน้าโล่งใจแล้วรีบตามอิศร์กับแพรพลอยไป
ทิตาลุ้นๆ ดูประมวลผลการโหลดข้อมูลที่กำลังจะสมบูรณ์ ตัวเลขขยับเป็น 98…99…100 ทิตาดีใจกำลังจะดึง thumb drive ออก ทันใดหน้าจอคอมพ์กลับเกิดสัญญาณ alert กะพริบเตือน
ทั้งสามมาถึงบริษัทในเวลาอันรวดเร็ว อิศร์พาทุกคนไปที่ป้อมยาม
“กล้องทุกตัวถูกทำลายหมด ฉันว่าคนร้ายไม่ได้มีคนเดียวแน่”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของอิศร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง อิศร์กดดูเห็นว่าเป็นสัญญาณเตือน
“ฉันตั้งระบบรักษาความปลอดภัยไว้ที่คอมพิวเตอร์บนห้อง ตอนนี้มันถูกแฮ็ค”
“พวกมันต้องการข้อมูลอะไรของคุณ” แพรพลอยฉงน
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานอิศร์ยังดังอื้ออึง ทิตาหาทางกระชากปลั๊กออก แล้วรีบเก็บ thumb drive ใส่กระเป๋า พร้อมกับกดโทรศัพท์หาไอศูรย์
“ฉันได้มาแล้ว แต่มันมีสัญญาณเตือน นายอิศร์ต้องรู้ตัวแน่”
ส่วนทั้งสามคนวิ่งเข้ามาในตึก เตรียมจะขึ้นไปดู อิศร์มองเห็นลิฟต์ตัวหนึ่งสงบนิ่งอยู่ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นชั้นผู้บริหาร
“มันขึ้นไปถึงชั้นบริหารได้ แสดงว่ามันเป็นคนใน”
“หรือรู้รหัสมาจากคนใน”
“กล้องถูกทำลายหมดทุกตัวเลยเหรอ แบบนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่ามีพวกมันกี่คน” อนุภัทรประเมินสถานการณ์
“ก็ต้องนับเอาเอง ฉันจะขึ้นไปข้างบน คุณแพรไปที่ห้องเก็บของด้านหลัง นายแสวงอยู่ที่นั่น ภัทรแกเรียกกำลังเสริมกับรถพยาบาลด้วย”
แพรพลอยท้วง “คุณจะขึ้นไปคนเดียวได้ยังไง”
“คราวนี้ผมไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น”
อิศร์เข้าไปกดลิฟต์อย่างมุ่งมั่นเข้มแข็ง
ลูกน้องทิตาคุมเชิงอยู่หน้าลิฟต์ชั้นผู้บริหาร มองเห็นลิฟต์วิ่งขึ้นมา ลูกน้องว.หาทิตาจากหูฟังที่เสียบอยู่
“มีคนขึ้นมาที่ชั้นผมครับ”
ประตูลิฟต์เปิดออก ลูกน้องเล็งปืนจะยิง แต่กลายเป็นลิฟต์ว่างเปล่า งง เลยเดินเข้าไปดู เลยไม่เห็นว่าลิฟต์อีกตัวก็เลื่อนขึ้นมาเหมือนกัน เป็นฝีมืออิศร์ที่กดหลอกเอาไว้
ลูกน้องทิตากวาดตามอง เงยหน้าดูเพดานลิฟต์อย่างสนใจ แต่พอหันกลับมาเจออิศร์ยืนอยู่ อิศร์พุ่งเข้าชาร์จซัดไม่ยั้ง ลูกน้องตั้งตัวไม่ทัน โดนอัดหมดสติ อิศร์ปลดปืนมา
อิศร์ลากร่างของลูกน้องออกมาจากลิฟต์ แล้วเข้าลืฟท์ไปกดให้ขึ้นชั้นต่อไป
ลิฟต์เลื่อนขึ้นมาเปิดหน้าชั้นถัดมา ลูกน้องเตรียมจะยิงใส่ลิฟต์ แต่เห็นลิฟต์ว่าง เลยเดินมาดูใกล้ๆ หน้าลิฟต์ อิศร์โผล่มาจากบันไดหนีไฟด้านข้าง ยิงเปรี้ยงเข้าใส่ลูกน้องทิตาตายคาที่
อนุภัทรเข้าดูแสวงที่นอนกองอยู่กับศพรปภ.คนอื่นๆ ในห้องเก็บของ สภาพแสวงนอนฟุบมือถือยังกำแน่นอยู่
อนุภัทรกับแพรพลอย “นายแสวงสิ้นใจแล้วครับ”
แพรพลอยถอนใจ โทรศัพท์ดังขึ้น กดรับ
“ผมอยู่บนโซนชั้นผู้บริหาร ดูเหมือนจะมีพวกมันอยู่ทุกชั้นเลย”
“ระวังตัวนะคะ”
แพรพลอยตัดสาย ลูกน้องของทิตาโผล่มาเห็นทั้งคู่พอดี กราดยิงสะกัด
อนุภัทรพาแพรพลอยวิ่งหลบไปทางด้านหลัง ลูกน้องตามไป
ลูกน้องตามไล่ยิ่งทั้งสองคนมาในลานจอดรถ แล้วหยุดมองหา มันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระเด็นไปไกล ลูกน้องตามไปดู หยุดยืนใกล้รถคันหนึ่ง และถูกมือแพรพลอยที่ซ่อนอยู่ใต้รถกระชากล้มลง
ลูกน้องตั้งหลักได้จะชักปืนยิง แต่ถูกฟาดหัวจากด้านหลังแน่นนิ่งไป ด้วยฝีมืออนุภัทร
ผู้กองแกะปืนลูกน้องส่งให้แพรพลอย “ไปดูไอ้อิศร์เถอะครับ ผมขอกำลังเสริมได้แล้วจะตามไป”
แพรพลอยรับคำแล้ววิ่งออกไป
ที่หน้าลิฟต์ ลูกน้องทิตามองเห็นลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นบน เตรียมพร้อม แต่พอลิฟต์เปิดออกก็ว่างเปล่าเช่นกัน
อิศร์โผล่มาทางด้านหลัง ออกจากลิฟต์อีกตัว ถีบลูกน้องกระเด็นเข้าลิฟต์ไป ลูกน้องดีดตัวจะชักปืนสู้ แต่อิศร์ไวกว่าเล็งปืนขู่
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นแกเป็นผีเฝ้าตึกฉันแน่”
ลูกน้องทำท่ากลัวๆ แล้วฉวยจังหวะเผลอเตะสูงจนปืนหลุดมืออิศร์ ลูกน้องจะยิงอิศร์บ้าง คราวนี้อิศร์ตวัดขาเตะคืน คว่ำไป ปืนหลุดกระเด็น
อิศร์ตรงเข้ากระชากลูกน้องออกมาจากลิฟต์ ลูกน้องทำอ่อนปวกเปียก แต่พอพ้นจากลิฟต์ก็หมุนตัว เหวี่ยงอิศร์เข้าไปแทน อิศร์กระแทกลิฟท์ โครม
ลูกน้องทิตาจะหนี อิศร์เตะตัดขาจนมันล้มลง อิศร์แล้วลากกลับเข้ามา ฟันศอก อัพเปอร์คัทปลายคาง แล้วจับหัวเอาคางกระแทกกับเข่าอีกที ด้วยชั้นเชิงมวยไทยที่ไปฝึกมาก่อนหน้านี้ จนอีกฝ่ายสลบเหมือด
อิศร์ตรงเข้ามาในออฟฟิศ ลูกน้องทิตาโผล่ออกมาดักพุ่งเข้าใส่ทันที อิศร์ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ลูกน้อง 2 ใช้เก้าอี้ออฟฟิศเป็นอาวุธ จับขาแล้วเหวี่ยงกะฟาดเข้าหน้าอิศร์
อิศร์เอนหลังแทบจะแนบโต๊ะ หลบฉิวเฉียด สะบัดขาขึ้นเตะฟาดเข้าข้างลำตัวลูกน้อง 2 อาศัยแรงเหวี่ยงของลูกน้อง 2 ทำให้ลูกน้อง 2 ทำเก้าอี้หล่นโครม ตัวมันกระเด็นไปอีกทาง
“คุณอิศร์”
อิศร์หันไปเห็นแพรพลอยวิ่งตามเข้ามา แล้วได้ยินเสียงอะไรบางอย่างลึกเข้าไปด้านในของออฟฟิศใกล้ห้องทำงานตัวเอง
“คุณอยู่ที่นี่นะ”
อิศร์รีบตามเสียงนั้นไป แพรพลอยมองตาม เป็นห่วงมากๆ
ลูกน้องทิตาที่นอนกองอยู่กับพื้น มองไปเห็นที่เสียบกระดาษตกอยู่กับพื้น ค่อยๆ เสือกมือไปหยิบ
อิศร์วิ่งตรงมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ลูกน้องอีกสองคนที่ดักรออยู่ พุ่งเข้าใส่เอาตัวกระแทกสะกัด ลูกน้อง 4 จับอิศร์ไว้ ให้ลูกน้อง 3 ซัดหมัดเข้าที่ท้อง
อิศร์พยายามถีบตัวเองให้พ้นจากการรัดตัว มองเห็นลูกน้อง3 ชักมีดจะแทง
อิศร์เหวี่ยงตัวเองเอาขาหนีบ 3ใช้ฐานที่ลูกน้อง 4 ล็อคตัวเองไว้ อิศร์พลิกขา ลูกน้อง 3 คอพับลงไป
ลูกน้อง 4 จับอิศร์ยก แล้วกระแทกลงมากลางเข่า อิศร์จุก อ๊าก
แพรพลอยอยู่ชั้นบนสุด ได้ยินเสียงร้อง หันไปมองอิศร์อย่างเป็นห่วง ลูกน้องที่พื้นลุกขึ้นมา เงื้อที่เสียบกระดาษใส่
แพรพลอยหันมาเห็นเอี้ยวตัวหลบ มองไปเห็นที่โต๊ะใกล้ๆ มีแม็กยิงกระดาษตัวใหญ่ รีบคว้ามา 2 ตัว ถือ 2 มือ ราวกับถือปืน
ลูกน้องพุ่งเข้ามาถึง แพรพลอยเอี้ยวตัวหลบที่เสียบกระดาษแล้วกดแม็กลงไปที่กลางหลังมัน ลูกน้อง 2 ทรุด แพรพลอยกดแม็กเข้าที่หลังลูกน้อง 2
“อ๊าก”
ลูกน้อง 2 ตัวแอ่น ทั้งเจ็บตัว ทั้งเจ็บใจ รวบรวมแรงฮึด ดีดตัวฟันศอกกลับ ศอกของมันโดนแขนแพรพลอย จนแม็กยิงทั้งสองตัวหล่นจากมือ แพรพลอยเซไปทับกองแฟ้มห้าห่วง สันใหญ่ๆ
ลูกน้อง 2 ได้ที พุ่งเข้ามา แพรพลอยคว้าแฟ้ม แล้วเสิร์ฟโฟร์แฮนด์ด้วยแฟ้มเข้ากะเดือกลูกน้อง 2 ทรุดลงกองกับพื้นแน่นิ่ง
อิศร์ต่อสู้กับลูกน้อง 4 ที่พื้น กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ทิตาโผล่ออกมาจะยิงใส่อิศร์ แต่ถูกยิงสะกัดเสียก่อน ปืนหลุดมือกระเด็นไป ทิตาหันไปมอง เห็นแพรพลอยเล็งปืนวิ่งตรงมาหา เลยจะหนีเอาตัวรอด
อิศร์เห็นทิตาจะหนี พยายามจะตะกายไป แต่ถูกลูกน้อง 4 จับไว้ แล้วจิ้มตาอิศร์
“โอ๊ย”
ลูกน้อง 4 ตะกายหนีไปได้ ในจังหวะที่แพรพลอยวิ่งเข้ามาถึง
“คุณอิศร์”
“มันหนีไปออกไปทางดาดฟ้า”
แพรพลอยรีบวิ่งไปทันที อิศร์กัดฟันวิ่งกะเผลกๆ ตามไป
ทิตาและลูกน้อง 4 ออกมาที่ดาดฟ้า อิศร์กับแพรพลอยตามมา
“หยุดนะ”
ทิตาชะงัก หันมา แล้วยันลูกน้อง 4 เข้าสู้ ตัวเองแอบกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ ก่อนจะหนีไป
“คุณแพรตาม ไอ้นี่…ผมจัดการเอง”
แพรพลอยวิ่งไล่ตามทิตาไป
ลูกน้อง 4 กับอิศร์บู๊มือเปล่า ลูกน้อง 4 ตัวใหญ่ ได้ทีเหวี่ยงอิศร์ไปโดนจานดาวเทียมบนดาดฟ้าตึก โครมใหญ่ จนจานล้ม
ลูกน้อง 4 จะเข้ามาซ้ำ แต่อิศร์เหวี่ยงจานดาวเทียมเข้าต้าน ราวกับเอากระทะตบเหม่งลูกน้อง 4 เสียหลัก และเสียที
แพรพลอยวิ่งตามทิตามา ทิตาย่อตัวลงแล้วกวาดขากะตัดขาสะกัด แพรพลอยสะดุด แต่ม้วนตัวในท่าม้วนหน้าลงอย่างสวยงาม แล้วสะบัดตัวขึ้นยืนเท่ได้อีก
“แกต้องการอะไร”
“หึ”
ทิตายิ้มเยาะ มือแตะไปที่กระเป๋ากางเกง แพรพลอยมองเห็น รู้ว่าทิตาได้อะไรบางอย่างไปแล้ว
“ถามใหม่ไหม”
แพรพลอยชะงัก จำเสียงได้ แม้ทิตาจะใส่หน้ากาก
“เธอ เธออีกแล้วเหรอ เป็นใครกันแน่”
“ไม่ต้องรู้หรอก แพรพลอย”
แพรพลอยอึ้ง ตะลึงไปครู่หนึ่ง “เธอรู้จักฉัน”
อ่านต่อตอนที่ 11