วิมานมะพร้าว ตอนที่ 2
ขณะที่แสบกำลังจะใช้ค้อนทุบลูกปืนเพลา สืบสาย ทรงเดช และครรชิต ยืนสังเกตการณ์อยู่ จุลลารับอะไหล่มาจากเข่ง หันมาพอดี ร้องห้ามลั่น
“หยุด”
ทุกคนตกใจ สืบสายเพ่งมองจุลลาอย่างจับสังเกตละเอียดยิบ
“อะไรอีกครับ คุณจุลลา คุณให้ผมถอดลูกปืนออก ผมก็กำลังทำอยู่นี่ไง”
“ใช้ค้อนทุบมันออกมาไม่ได้”
“ไมอ่ะ มอเตอร์ไซค์ก็ทำเงี้ย”
“แต่นี่เครื่องจักรขนาดใหญ่ ทุบแบบนี้ ลูกปืนแตกขึ้นมาล่ะยุ่งตาย”
“ทำไม ลูกปืนแตก ก็เปลี่ยนลูกปืน” ทรงเดชบอก
“รอได้ป่ะล่ะ ลูกปืนเครื่องจักรขนาดใหญ่แบบนี้ ต้องสั่งอะไหล่จากเมืองนอก ซึ่งคุณก็น่าจะรู้”
ทรงเดชอึ้ง สืบสาย แสบและลูกน้อง รวมทั้งครรชิตหันมามองทรงเดช...รู้เรื่องป่ะเนี่ย ทรงเดชรีบแก้ตัว
“ผมรู้ แต่อยากทดสอบว่าคุณรู้หรือเปล่า”
“งั้นเธอก็บอกช่างไปสิ ว่าต้องทำไง เราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ช่างเลยไม่รู้วิธีจัดการ”
“ที่นี่คงมีเครื่องฮีต แบริ่งนะ”
“เออ มี” แสบบอก
“ไปเอามาขยายลูกปืนแล้วค่อยถอดออกจากเพลา”
แสบและลูกน้องมองจุลลาอย่างยอมรับในความสามารถ
“เฮ้ย ไปถอยออกมาซิ ฉันจะอยู่รอรับคำสั่งจากพี่จูนว่าต้องทำอะไรต่อไป ต้องเสร็จก่อนเที่ยงคืน” แสบบอกลูกน้อง จุลลาแอบอมยิ้ม เก็ตแล้วว่าแสบให้การยอมรับ แก๊งค์ลูกน้องแสบออกไปเอาเครื่อง heat bearing สืบสายอึ้งไป ทรงเดชแอบไม่พอใจ
“อย่าลืม ก่อนเที่ยงคืน ทรงเดช ฉันมีเรื่องคุยด้วย”
สืบสายออกไป ทรงเดชยิ้มเหยียดให้จุลลาแล้วตามสืบสายไป
“สู้ๆ ครับ”
ครรชิตชูสองนิ้วให้จุลลาแล้วตามสืบสายออกไป จุลลาถอนหายใจ โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
สืบสายเดินเข้ามาในห้องทำงาน จะคุยงานกับทรงเดช ครรชิตเตรียมจดบันทึก
“สิ่งที่ฉันต้องการจากฝ่ายผลิตก็คือ...”
“ฉันมีเรื่องด่วนอยากจะพูดกับนายก่อนได้มั้ยสืบ” ทรงเดชขัด
“ว่ามาสิ”
“ฉันอยากได้เลขาสักคน”
“นี่เรื่องด่วนเหรอครับ” ครรชิตถามอย่างแปลกใจ
“ด่วนสิ! ระดับปฏิบัติการอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก” ครรชิตอึ้ง แอบไม่พอใจน้ำเสียงดูถูกของทรงเดช “สืบ ฉันรู้ว่าแกเก็ต ผู้บริหารต้องใช้สมองมองภาพรวม จะให้ไปลงรายละเอียดเขียนบันทึกงานเอกสารจุกจิกวุ่นวายได้ยังไง”
“ให้ครรชิตดูให้ แล้วแกฟังฉันได้หรือยัง” สืบสายตัดบท
“โอ๊ะ ได้สิ เอาเลย”
ครรชิตไม่พอใจทรงเดชมาก
“ฉันต้องการให้แกหาวิธีเพิ่มผลผลิตให้มากกว่าเดิม”
“งานถนัดของฉันเลยว่ะ”
“โดยให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตที่เรามีอยู่ เขียนโปรเจ็คมา อีกสองวันฉันจะใช้ประชุม”
แล้วสืบสายก็ก้มลงทำงานต่อ ทรงเดชนั่งอึ้ง ไม่รู้ว่าสืบสายหมดเรื่องคุย
“ห้องแก กว้างขวางดีนะ โต๊ะก็ตัวใหญ่ เก้าอี้ก็ท่าทางนั่งสบาย ห้องฉันสิ...”
ครรชิตขัด เดินไปเปิดประตูให้ทรงเดช
“บอสต้องทำงานต่อแล้วครับ เชิญกลับห้องผู้จัดการฝ่ายผลิตที่ก็ไม่ได้คับแคบและมีทุกอย่างสมตำแหน่งครับ”
สืบสายมองทรงเดช พยักหน้าสำทับ ทรงเดชยิ้มเก้อ ลุกขึ้นเดินออกไป ครรชิตปิดประตู
หน้าห้องทำงานสืบสาย ทรงเดชยืนมองประตูห้องทำงานสืบสายที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า “กรรมการผู้จัดการ” ด้วยสายตาทะเยอะทะยานและอิจฉาริษยา
เย็นวันนั้น สืบสายกำลังจะกลับบ้าน ครรชิตเดินตามหลัง แต่แล้วสืบสายก็เปลี่ยนใจ หยุดเดิน ครรชิตเบรกหัวทิ่ม สืบสายหันเดินกลับเข้าไป
“บอส จะไปไหนครับ”
ครรชิตรีบวิ่งตามสืบสายไป
ขณะนั้นจุลลาช่วยแสบและลูกน้องเปลี่ยนเพลาเครื่องจักร ทุกคนเคร่งเครียดกันมากเพราะเร่งกับเวลา สืบสายเดินมาหยุดดูอยู่มุมหนึ่ง ครรชิตตามมาอย่างเงียบๆ
“แกว่า จะเสร็จก่อนเที่ยงคืนมั้ย”
“ถามว่า จะโหดกับคุณจุลลาเกินไปมั้ยดีกว่าครับบอส ใจร้ายอ่ะ” สืบสายมองครรชิตตาเขียว ครรชิตหลบออกไปทันที สืบสายหันกลับมามองจุลลา
“เธอมันจะแน่สักแค่ไหนกัน ยัยทอมกร่าง”
เวลาผ่านไป จุลลายังซ่อมเครื่องจักรอย่างตั้งใจ เสื้อผ้า หน้าตามอมแมม แสบและลูกน้อง ซึ่งล้าเต็มทน มองจุลลาอย่างทึ่ง
“เฮ้ยพี่ พักก่อนก็ได้ ซัดยาวมาทั้งวันแล้วนะ ข้าวกลางวันก็ไม่กิน”
“ให้เครื่องมันเดินให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยพัก”
จุลลาซ่อมเครื่องต่อไป พวกของแสบทึ่งจุลลามาก
“ผมรู้แล้วว่าทำไมเจ้านายถึงเลือกหัวหน้าพี่จูนมาทำงาน” เข่งบอก
“ไมวะ”
“แกถึกยิ่งกว่าควายอีก”
แสบและลูกน้องหัวเราะชอบใจ
“ขอบใจนะ ทำงาน เดี๋ยวเจอควายขวิดนะพวกเอ็ง” จุลลายื่นมือออกมา “คีม”
ที่มือของจุลลา มีไส้กรอกชีสเซ่เว่นวางลงบนมือของจุลลา จุลลาชะงัก มองไส้กรอกแปลกใจ แล้วเงยหน้ามองเห็นเจ๊พุ่มยืนถือถุงไส้กรอก ยิ้มแป้นอยู่
“เจ๊พุ่ม”
“กับไส้กรอก”
“ตังค์เจ๊พุ่ม”
“วาสนาดีจริงๆ ไอ้ถัดเอ๊ย”
เจ๊พุ่มแจกจ่ายไส้กรอกให้แสบและลูกน้อง
“ตังค์ท่านรอง อย่าคิดว่าจะได้กินตังค์ข้า กินก่อนนายช่าง เดี๋ยวจะไม่มีแรง”
“เราต้องแข่งกับเวลา”
“โหยยย หัวหน้าพี่จูนนนนน กินแค่ห้านาที ไม่เป็นไรหรอกน่า” แสบบอก จุลลาเห็นใจลูกน้อง
“พวกเอ็งกินกันไปก่อนเถอะ ข้าไม่หิว”
แสบและพวกมองหน้ากัน ตัดสินใจคืนไส้กรอกให้เจ๊พุ่ม
“หัวหน้าไม่กิน เราก็ไม่กิน เฮ้ย เร่งมือเข้าเร็วๆ มึงเลยไอ้หยิก ไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้น มึงมาตรงนี้แทนได้เข่ง เร็ว”
จุลลาอมยิ้ม มองลูกน้องอย่างชื่นใจ ซ่อมต่อไป เจ๊พุ่มพอใจกับการทำงานของจุลลามาก
สืบสายกำลังจะเข้านอน ออกมาชงกาแฟ เห็นป้าเมี่ยงสั่งการสาวใช้
“ไปดูซิ ว่าห้องนอนแขกเรียบร้อยหรือยัง”
“ค่ะ” สาวใช้ออกไป
“ใครจะมานอนบ้านเราป้าเมี่ยง” สืบสายถามป้าเมี่ยงอย่างแปลกใจ
“แขกของคุณนายค่ะ ไม่ได้บอกว่าใคร คุณสืบยังไม่นอนเหรอคะ”
“ทำงานอยู่ครับ”
“ตอนนี้ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนนะคะ ทำงานมาทั้งวันแล้วนะคะ”
“ผมอยากให้ปาล์มโปรดักส์ เป็นอิสระทางการเงินจากแบงก์เร็วๆ ก๋งคงนอนอยู่ในฮวงซุ้ยไม่สบายใจนักหรอก ผมรู้” เสียงหมาหอนเกรียว ป้าเมี่ยงตกใจ
“เอาแล้วไง พูดถึงก๋ง ก๋งก็ทักเลยเห็นมั้ยคะ”
“ก๋งผมไม่ใช่หมานะป้าเมี่ยง ก็หมาหอนธรรมดา”
“คุยกับคนไม่เชื่อ ยังไงก็คุยกันไม่เคยรู้เรื่อง”
“ผมไม่เชื่อ เพราะผมไม่เคยเห็น”
“ป้าเองก็ไม่เคยเห็น แต่ป้าก็เชื่อ เรื่องแบบนี้ ถึงเราจะมองไม่เห็น แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะคะคุณสืบ”
เสียงหมาหอนรับอีกครั้ง
“ว้าย ไม่เอาแล้วค่ะ ป้าเข้าห้องแล้ว รีบนอนนะคะ อย่าดึกนัก”
ป้าเมี่ยงรีบเข้าไปข้างใน สืบสายมองตามป้าเมี่ยงยิ้มๆ
“ก๋งมาให้เห็นก็ดีน่ะสิ มีเรื่องจะถามเยอะเลย”
สืบสาย ยิ้มขำๆ ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาผนัง บอกเวลาเกือบสามทุ่ม คิดถึงจุลลา สืบสายเดินออกไปทางหนึ่ง
ขณะนั้นคุณนายเง็กกำลังดุเจ๊พุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง
“อั๊วให้อาหนูจุลลาไปค้างที่บ้านคืนนี้ก่อนก็ได้ อาพุ่ม ลื้อนี่เหลวไหล รีบจัดการซ่อมแอร์ที่บ้านพักนายช่างให้เสร็จพรุ่งนี้เลยนะ อาหนูจุลลาจะได้นอนสบายๆ”
“ค่ะ คุณนาย”
“เด็กคนนี้ ทำงานก็เก่ง ขยัน สู้งานหนัก ไม่ทำให้อั๊วผิดหวังจริงๆ สงสัยเซ้นส์อั๊วจะถูกต้อง อาเตี่ยอีต้องตั้งใจส่งเด็กคนนี้มาให้อั๊ว” คุณนายเง็กไหว้ฟ้าดิน “ขอบคุณอาเตี่ยน้า ที่ส่งคนดีๆ มาให้ อาเตี่ยอย่าบอกนา ที่วันนี้เครื่องเสียก็เป็นฝีมืออาเตี่ย” ลมพัดซู่ จนคุณนายเง็กและเจ๊พุ่มขนลุก “ได้ยินเสียงหมาหอนหรือยังอาพุ่ม”
“ยังค่ะคุณนาย”
“แสดงว่าผีเตี่ยคงยังไม่ออกมา หรือไม่ก็ออกมาแล้ว แต่ยังมาไม่ถึง”
“แล้วคุณนายจะพูดทำไมคะ”
คุณนายเง็กกับเจ๊พุ่มก็รีบเดินเข้าไปในโรงงานด้วยกันทันที อย่างพร้อมเพรียงกัน
จุลลาวางเครื่องมือลงในกล่อง
“แสบ เปิดเครื่องเด้ะ”
“ครับ หัวหน้าพี่จูน”
“พวกเอ็งเลือกสักอย่างเหอะ จะหัวหน้าหรือพี่จูน เรียกซะยาว ฟังแล้วเหนื่อย”
“ครับ พี่จูน” ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน
“ไอ้เข่ง เปิดเครื่อง”
เข่งกดสวิทช์เปิดเครื่อง มีสัญญาณแสดงว่าปกติ ทุกคนตบมือเฮ ดีใจ จุลลามองนาฬิกาข้อมือ บอกเวลาสามทุ่มตรง ยิ้มกริ่ม อย่างผู้มีชัย
สืบสายคุยมือถืออยู่กับครรชิตรับทราบผลการซ่อมเครื่องจักรที่ทันก่อนกำหนดเวลา
“ขอบใจครรชิต” ครรชิตกดวางสาย “บททดสอบยังจะตามมาอีกเรื่อยๆ จุลลา”
สืบสายเดินเข้าบ้านไป
จุลลา แสบและลูกน้องกำลังเก็บเครื่องมือ แสบยื่นมือมาเช็กแฮนด์กับจุลลา
“มันต้องงี้สิ หัวหน้าพวกผม”
จุลลายิ้มโล่งใจ ที่พวกของแสบยอมรับ เช็กแฮนด์กับแสบและลูกน้อง คุณนายเง็ก เจ๊พุ่มเดินเข้ามา
“เรียบร้อยแล้วเหรอ อาหนูจุลลา”
“ค่ะ ท่านรอง ทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราลากลับเลยนะคะ สะ...”
“ยังไม่ต้องสวัสดีฉัน เพราะเรายังไม่ได้ลาจากกัน”
“คะ” จุลลาแปลกใจ
คุณนายเง็กจูงจุลลาเดินเข้ามาตัวโถงบ้าน จุลลาเกรงใจมาก
“จูนว่า จูนไม่รบกวนดีกว่าค่ะท่านรอง เกรงใจค่ะ จูนเป็นแค่ลูกจ้าง ไปค้างบ้านไอ้พวกนั้นก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ” จุลลาสะดุ้ง
“ค่ะ ไม่ค้างค่ะ”
“บ้านพักคนงานข้างหลังโรงงาน มีแต่พวกผู้ชายโสดๆ ไม่ใช่ที่ๆ หนูจะไปอยู่ได้ นึกภาพออกมั้ย หนู ท่ามกลางคนงานผู้ชายที่ยังไม่มีเมีย”
“น่ากลัวมากค่ะ”
“ถูกต้อง เอาน่า ค้างแค่คืนเดียว ไม่ได้รบกวนอะไรฉันเลย และตอนนี้ฉันก็รู้ว่าหนูหิวมาก”
“รู้ได้ไงคะ”
คุณนายเง็กชี้ไปที่ท้องของจุลลา ท่ามกลางความเงียบเสียงท้องร้องครืดคร่าด จ๊อก จุลลาหน้าเสีย คุณนายเง็กผายมือไปทางด้านหนึ่ง ป้าเมี่ยงเดินนำสาวใช้ยกถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่น ควันฉุยเข้ามาตั้งรอที่โต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ”
จุลลาเดินไปนั่งกินข้าวต้ม ป้าเมี่ยง สาวใช้รอรับใช้ คุณนายเง็กนั่งลงมองหน้าจุลลา ยิ้มๆ จุลลามองข้าวต้มในชาม มันย่อง กินไม่ลง จุลลายิ้มแหยให้คุณนายเง็กและป้าเมี่ยง
“น่าอร่อยใช่มั้ย กินให้หมดเลยน้า ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ” จุลลาตักกิน รสชาติแย่มาก แต่ยังยิ้ม “ก็...อร่อยค่ะ”
จุลลาฝืนกินต่อเพื่อรักษามารยาท คุณนายเง็ก ป้าเมี่ยงมองจุลลาอย่างชื่นชมยินดี
“งั้นอั๊วขอตัวนะ หนูทานเสร็จ ขึ้นไปชั้นสองเลยนะ ป้าเมี่ยงทำห้องไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
คุณนายเง็กเดินออกไป จุลลาวางช้อนเลย ดื่มน้ำ ยิ้มให้ป้าเมี่ยง
“อร่อยมากค่ะ แต่หนูคงหิวมากเลยทำให้กินได้น้อย”
“สาวๆ ก็งี้แหล่ะค่ะ กระเพาะเล็ก เชิญชั้นสองเลยดีกว่า เดี๋ยวป้าตามไป ขอเก็บของก่อนนะคะ”
จุลลาลุกจากโต๊ะ เดินออกไป ป้าเมี่ยงสั่งสาวใช้เก็บของ
จุลลาเดินมาหยุดที่เชิงบันได มองขึ้นไปชั้นสอง เหมือนกำลังจะเข้าไปสู่ดินแดนลี้ลับลึกลับอย่างประหลาด จุลลาค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละก้าวๆ จนถึงกลางบันไดเสียงสืบสายก็ดังขึ้น
“ใครน่ะ”
“ว้าย”
จุลลาตกใจเสียหลัก พลาด หงายหลัง ตกบันได สืบสายตกใจเมื่อเห็นจุลลากำลังหงายหลัง กรรเชียงอากาศอยู่ รีบวิ่งเข้าไปรับเอาไว้ จุลลาหงายหลังลงโดยมีสืบสายรับเอาไว้ได้ทัน ทั้งสองคนถอนหายใจโล่งอก จุลลาอึ้ง ก้มลงมองต่ำเห็นแขนสืบสายกำลังรัดอยู่ที่หน้าอกตัวเอง พาดโดนนมเต็มๆ
“เอ่อ...มัน...กำลัง...” จุลลาชี้ที่แขนของสืบสาย สืบสายก้มลงดูแขนตัวเอง ไม่รู้สึกอะไร
“ทำไม”
“คือ...มัน...”
“มันอะไรก็ว่ามาสิ”
“แขนคุณโดนนมฉัน”
“เฮ้ย”
สืบสายตกใจ หน้าแดง รีบชักออก ผลักจุลลาให้ยืนเป็นปกติ จุลลาหันมามองสืบสาย สืบสายเป็นฝ่ายอายซะเอง แทนที่จะเป็นจุลลา
“อายทำไม ฉันดิ่ ต้องอาย”
“ผู้หญิงอะไร ไม่มียาง”
“ยางอายน่ะเหรอ มี แต่เก็บเอาไว้ใช้กับคนที่คู่ควร”
สืบสายมองจุลลา เจ็บใจ ป้าเมี่ยงเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว คุณสืบ ยังไม่นอนเหรอคะ”
“ทำไมผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเรา บ้านพักนายช่างก็มี”
คุณนายเง็กเดินเข้ามา
“บ้านพักนายช่างแอร์เสีย พรุ่งนี้ถึงจะซ่อมเรียบร้อย อั๊วเลยให้มานอนค้างที่บ้าน มีปัญหาอะไรมั้ย อาตี๋” สืบสายอึ้ง
“ไม่มีครับ”
“แล้วจะบอกอะไรให้นะ อาหนูจุลลาอีซ่อมเครื่องจักรจนใช้งานได้แล้วเป็นปกติ ทันเวลา เก่งมั้ย”
“ยังบอกไม่ได้หรอกครับ คนเรามันต้องดูกันยาวๆ ป้าเมี่ยง อย่าลืมกำชับยาม คอยสอดส่องให้ดี คืนนี้อาจจะมีตีนแมวเข้ามายกเค้าในบ้านเรา”
จุลลาปี๊ดกับคำและสายตาดูแคลนของสืบสาย คุณนายเง็กถอนใจ รู้ใจและความคิดของลูกชายดี สืบสายเดินออกไป
“โอ๊ย ตีนมงตีนแมงที่ไหนมันจะกล้า ผีเจ้าของบ้านเฮี้ยนขนาดนี้” ป้าเมี่ยงบอก
“ผีเจ้าของบ้าน” จุลลาแปลกใจ
“อาเมี่ยง” ป้าเมี่ยงจ๋อย รีบปิดปากตัวเอง ทำไม่รู้ไม่ชี้ “รีบไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะหนู ดึกแล้ว ท่าทางเพลียมากนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะท่านรอง”
จุลลาตามป้าเมี่ยงขึ้นไป คุณนายเง็กถอนใจกับสืบสาย
“อาตี๋นะอาตี๋ ตั้งป้อมไม่เลิก ฮึ”
ป้าเมี่ยงเปิดประตูห้องพักให้จุลลา
“ป้าเตรียมชุดนอนไว้ให้แล้วนะคะ แล้วเดี๋ยวป้าจะเอาชุดนี้ไปซักให้ พรุ่งนี้จะได้ใส่”
“ไม่เป็นไรค่ะ จูนมีชุด อ้าว...เป้ ว้า ลืมไว้ที่ล็อคเกอร์ที่โรงงาน”
“ไม่ต้องเสียเวลาไปเอาหรอกค่ะ คืนนี้ใช้บริการชุดของป้าก่อน”
“ค่ะ รบกวนนะคะ”
“เชิญค่ะ”
ป้าเมี่ยงเดินนำจุลลาเข้าไป สืบสายแอบแง้มประตูห้องตัวเอง สังเกตจุลลาอยู่แล้วตลอดเวลา มองอย่างไม่พอใจ ปิดประตู
สืบสายยืนพิงประตู
“ดูคนมันต้องดูกันยาวๆ” สืบสายกอดอก แล้วภาพที่โอบโดนนมจุลลาก็แวบเข้ามาในความคิด สืบสายสะดุ้ง รีบสลัดแขน “บ้า! ใครจะอยากไปโดน เอิ่ม...ไอ้นั่นเธอ”
สืบสายสลัดความคิด เดินเข้าห้องไป
ภายในห้องพักแขก จุลลาอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อย ชุดนอนหญิงมาก จุลลาเห็นชุดคลุมยาวแขวนอยู่ รีบเอามาสวมทับ เห็นป้าเมี่ยงกำลังเปิดผ้าคลุมเตียงให้ จุลลาเดินไปเปิดประตูระเบียง มองออกไปข้างนอก ลมพัดเย็น จุลลาสดชื่น พลันก็เห็นฮวงซุ้ยสีขาวโดดเด่นเมื่อต้องแสงจันทร์
“ป้าคะ นั่นฮวงซุ้ยของใคร ป้าทราบมั้ยคะ”
“อ๋อ นั่นเหรอคะ ก็ของเถ้าแก่ที่เป็นเตี่ยของท่านประธานไงคะ พอแกตายไปก็เลยทำฮวงซุ้ยเอาไว้ตรงที่ที่แกจัดเตรียมเอาไว้ก่อนตายนี่แหละค่ะ”
“ทำไมคนงานเรียกเจ้าสัว ไม่เรียกเถ้าแก่”
“คนในบ้านหรือคนคุ้นเคยจะเรียกเจ้าสัวว่าเถ้าแก่ค่ะ”
“แกตายไปนานแล้วเหรอคะ”
“สามสี่ปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนเถ้าแก่แกเป็นเจ้าของโรงงานเอง แกอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้วนะคะ ตั้งแต่แถวนี้ยังมีแต่สวนมะพร้าว เถ้าแก่เป็นเจ้าของสวนมะพร้าว ขายมะพร้าวมาก่อน ใครๆ แถวนี้ก็รู้จักแกกันทุกคน”
“มิน่าล่ะ ตายก็เลยให้ทำฮวงซุ้ยที่นี่”
“แกรักที่ดินของแกจะตายไปค่ะ ที่ดินแถวนี้ของแกทั้งหมดนะคะ สุดลูกหูลูกตาโน่นล่ะค่ะไม่รู้กี่ร้อยไร่ ไม่ยอมแบ่งโฉนดขายด้วย โรงงานอีกแห่งเขามาของซื้อตั้งหลายสิบล้าน แกยังไม่ยอมขายเลย ตะเพิดออกจากบ้านแทบไม่ทัน”
“คนรุ่นปู่ย่าตายายก็ยังงี้แหละ เกิดที่ไหน ก็รักที่นั่น ยิ่งอยู่มานาน ยิ่งไม่ค่อยอยากโยกย้ายไปไหน...” จู่ๆ จุลลาก็รู้สึกง่วงขึ้นมากะทันหัน หาว
“เตียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณนอนพักเถอะค่ะ ป้าไม่กวนแล้ว หลับฝันดีนะคะ”
“จู่ๆ ก็ง่วงขึ้นมาซะงั้น ปกติจูนนอนดึก แต่คืนนี้คงหลับเป็นตาย ไม่ฝันแน่เลยค่ะ”
“ฝันอะไรอย่าลืมเล่าให้ป้าฟังบ้างนะคะ”
จุลลายิ้มให้ป้าเมี่ยง ไม่ติดใจสงสัยอะไร ป้าเมี่ยงเดินออกไป จุลลารู้สึกหนังตาหนักขึ้นมาทุกที ปิดประตูระเบียง เดินไปที่เตียง
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมดังขึ้นเบาๆ จุลลาชะงัก หันกลับไปที่ระเบียงอีกครั้ง แล้วจุลลาก็เบิกตาโพลง ตกใจ
จุลลายืนตกใจ มองออกไปที่ระเบียง เห็นเถ้าแก่ซึ่งเป็นชายจีนสูงอายุร่างท้วมยืนอยู่ที่ระเบียง ยิ้มให้จุลลา
“เป็นยังไงอาหนู ทำงานหนักมั้ยวันนี้”
จุลลาขยี้ตาอีกครั้งเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่ก็ยังเห็นร่างของเก้าแก่อยู่ที่เดิม ส่งยิ้มมาให้จุลลาอย่างใจดี
จุลลามองไปที่ฮวงซุ้ยทันที แล้วหันมองเถ้าแก่ รู้โดยสัญชาติญาณว่าเถ้าแก่ไม่ใช่คน ยิ่งตัวแข็งหนักขึ้น
“อ้าว พูดด้วยดีๆ ก็ไม่พูด เอ๊ะ หรือว่า ได้ยินอั๊วไม่ชัด รอเดี๋ยว” จุลลาเห็นเต็มตาว่าเถ้าแก่เคลื่อนตัวเองทะลุประตูกระจกเข้ามาในห้อง จุลลายิ่งอึ้ง ตัวแข็ง “อ่ะ ตอนนี้ก็มาอยู่ใกล้ลื้อแล้ว จะได้คุยกันสะดวกๆ” จุลลาพูดไม่ออก ตัวแข็ง ตาโต “งานหนักมั้ยวันนี้ ดูลื้อเหนื่อยๆ ไหวมั้ยคนไทย”
“เถ้า...แก่...เป็น...ผี...ใช่มั้ย” จุลลาพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“คนตายไปแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะอีหนู”
“ผี อ๊ากส์”
จุลลาร้องลั่นด้วยความตกใจที่เห็นผี ทำให้ผีเถ้าแก่ตกใจไปด้วย
“อ๊ากส์” จุลลาวิ่งไปหลบอยู่มุมห้อง มุดอะไรได้มุด เถ้าแก่ได้สติ “จะร้องตามอีทำไมวะ อ้อ ตกใจเสียงร้องอี อาหนูช่าง ไม่ต้องตกใจ ถึงอั๊วจะเป็นผี แต่อั๊วมาดี”
“อ๊ากส์”
“อุวะ บอกว่ามาดี ไม่ต้องกลัว”
“กลัว”
“กลัวทำไม อั๊วออกจะรูปหล่อ ยิ้มหวาน มีเขี้ยว”
“มุดอยู่ ไม่เห็น” จุลลาตัดบท
“ก็เงยหน้าสิวะ จะได้เห็นชัดๆ ว่าอั๊วเป็นผีที่ใจดี มีเมตตา มาดี ไม่ได้มาหลอก” จุลลาหยุดสั่น เหมือนจะตั้งสติได้ เถ้าแก่ยิ้มอย่างพอใจ คิดว่าจุลลาหายกลัวแล้ว “หายกลัวแล้วก็ค่อยๆ หันมาคุยกันอย่างสันติ อั๊วสัญญา”
จุลลาแหกปากร้อง เพราะยังกลัวเหมือนเดิม
“อ๊ายส์”
สืบสายเปิดประตูห้องออกมาอย่างแผ่วเบา มองไปรอบๆ สำรวจบ้านอย่างไม่ไว้ใจ กลัวมีสิ่งผิดปกติ เช่น โจรงัดแงะ
“อ๊ายยย”
เสียงจุลลาร้องดังออกมาทำให้สืบสายหูผึ่ง คุณนายเง็ก เสี่ยตง วิ่งออกมาอย่างตกใจ
“อาตี๋ เสียงอาหนูช่างร้องใช่มั้ย”
“อีเป็นอะไร อาตี๋”
“ไม่รู้ครับ”
“ชัวร์ อีเจอผีเตี่ยแล้ว”
สืบสาย เสี่ยตงหันมามองหน้ากัน แปลกใจ แล้วทั้งหมดก็กรูกันไปที่หน้าห้องพักจุลลาทันที สืบสายจะเคาะประตู แต่คุณนายเง็กตะครุบไว้
“อย่า อาตี๋”
“ทำไมล่ะหม่าม้า ผมอยากรู้ ว่าจุลลาเป็นอะไร ถึงได้ร้องเสียงดังลั่น”
“อีเจอผีก๋งลื้อไง ใครเจอผีก็ต้องร้องเสียงดังทั้งนั้นแหละ ไม่เคยเห็นใครร้อง งี้ด งี้ด เก็บเสียงสักคน”
“งั้นก็พิสูจน์เลย ว่าอีเจอผีเตี่ยหรือเจออะไร อาตี๋ เคาะ” เสี่ยตงบอก สืบสายจะเคาะ
“อย่าเคาะ” คุณนายเง็กรีบห้าม
“อะไรของลื้ออีกวะ อาเง็ก”
“อั๊วมั่นใจ ว่าอาหนูช่างอีเจอผีเตี่ย เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งขัดจังหวะ อั๊วอยากรู้ว่าเตี่ยจะคุยอะไรกับอี” สืบสายและเสี่ยตงทำหน้าอึดอัด “บ้านนี้ใครใหญ่”
สืบสาย เสี่ยตงเซ็ง คุณนายเง็กเข้าไปเอาหูแนบประตู แอบฟังเหตุการณ์ภายในห้อง
ภายในห้องพักจุลลา ผีเถ้าแก่ยืนมองจุลลาด้วยความเซ็ง จุลลาไหว้ปะหลกๆ โผล่มา ไม่กล้าลืมตาเต็มตา
“หนูไหว้ล่ะ อย่ามาหลอกหนูเลย กราบก็ได้ กราบงามๆ”
ผีเถ้าแก่แกล้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจ
“อั๊วคงเข้าใจผิดหมดสินะ ที่คิดว่าคนเกิดวันอังคาร เดือนสาม ปีขาลจะเป็นคนดวงแข็ง จิตแข็ง และกล้าพอจะคุยกับอั๊วได้”
“ไม่แข็ง เข้าใจผิด ไม่เคยกล้าคุยกับผีเลย ปล่อยหนูไปเถอะนะ ขอร้อง”
“เฮ้อ...อั๊วคงไม่มีวาสนาได้คุยกับใครถึงสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ วิญญาณอั๊วคงต้องติดอยู่ในฮวงซุ้ย ไม่ได้ไปผุดไปเกิด อีกนานแสนนาน”
“โอย คนแก่นี่เหมือนกันหมด ไม่ว่าคนว่าผี ขี้บ่น ไล่ก็ไม่ไป ดื้อด้าน” จุลลาบ่นกับตัวเอง จู่ๆ ผีเถ้าแก่ก็ไปโผล่หน้าข้างๆ จุลลา
“อั๊วได้ยินนะ” จุลลาเข่าอ่อน มือไม้อ่อน
“ไม่ไป แถมกระชับพื้นที่เข้ามาอี๊กกก อ๊ากส์”
จุลลาวิ่งหนี แทบจะกระโดดข้ามเตียงได้ ไปที่อีกฝั่งทันทีด้วยความตกใจ
หน้าห้องพักจุลลา สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงที่กำลังเอาหูแนบประตูผงะเพราะตกใจเสียงร้องจุลลา
“ผีเผออะไรวะ แอบฟังตั้งนาน ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงร้องของอาจุลลา อ๊าย อ๊าย แค่เนียะ”
“นั่นสิม้า จุลลาอาจจะแค่นอนละเมอธรรมดา”
“ไม่น่า อั๊วรู้สึกได้ว่าคืนนี้ผีเตี่ยต้องมาหาอาหนูช่าง”
คุณนายเง็กยังไม่เชื่อ เอาหูแนบประตู เช็คเพื่อความมั่นใจอีกที
ภายในห้องจุลลาหนีไปชนผนัง ไม่มีที่ไป อยากร้องไห้
“อ่ะ ลื้อจะหนีไปไหนอีก แน่จริง ทะลุผนังไปเลยซี่”
“ถ้าทะลุไปได้ จะตามไปป่ะล่ะ”
“ตาม พูดเลย ลื้อไปไหน อั๊วไปด้วย”
จุลลาหันมาเผชิญหน้าผีเถ้าแก่
“งั้นไม่หนีก็ได้! อ่ะ ยอมแล้ว จะเอาไงก็ว่ามา” จุลลาปาดน้ำตาป้อยๆ “จะหลอกให้หัวโกร๋นเลยใช่มั้ย แล้วพรุ่งนี้หนูก็ต้องลาออกจากงาน รู้มั้ย” จุลลาเริ่มดราม่า อึดอัด แค้นใจจริงๆ “กว่าจะได้งานที่นี่หนูเตะฝุ่นเป็นเดือนๆ เกาะพ่อแม่กิน จนอายแมว แล้วเถ้าแก่ก็มาทำอย่างนี้กับหนูอีก ว่างมากหรือไง หา! หรือว่าเป็นผีโรคจิต! เสพติดความ
เสียใจของคน” เถ้าแก่อึ้ง ใจเสีย
“เฮ้ย ลื้อ ใจเย็นๆ ก่อน อั๊วไม่ได้ตั้งใจ” เถ้าแก่ควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋า ส่งให้จุลลา “ซับน้ำตาซะอาหนูช่าง อั๊วเห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้ อั๊วเจ็บไปด้วย”
“ไม่ซับ ดี หนูเจ็บ เถ้าแก่ก็ต้องเจ็บ จะได้เลิกหลอกหนูซะที แล้วไปที่ชอบๆ อยากกินอะไร พรุ่งนี้หนูจะทำบุญกรวดน้ำไปให้”
“ก็นั่นไง ฮวงซุ้ยข้างล่าง ที่ชอบของอั๊ว ไม่ต้องทำบุญอะไรไปให้อั๊วหรอก ลูกหลานอั๊วเผากงเต๊กไปให้เป็นประจำแล้ว มีครบหมดทุกอย่าง ไอโฟน ไอแผ่ด ขนาดตุ๊กตาเฟอร์บี้มันยังเผาไปให้อั๊วเลย น่าวร็อกอ่ะ”
“ก็นั่นไง ลูกหลานก็มี ทำไมไม่ไปคุย ทำไมต้องเป็นหนู”
“แค่โผล่ให้พวกอีเห็น ก็กลัวกันขี้หดตดหาย อย่าไปคิดถึงขนาดคุยด้วยเลย อีกอย่าง ไม่มีใครจูนกะอั๊วติด อย่างตอนนี้ ลื้อคุยกับอั๊วดังลั่นบ้าน ก็ไม่มีใครฟังได้ยิน”
เถ้าแก่ยิ้มตาหยีให้จุลลา เป็นมิตรมาก แต่จุลลาอยากตาย
คุณนายเง็กยังเอาหูแนบประตูยังตั้งใจฟัง
“ไง ได้ยินอะไรมั้ย”
“ได้ยิน”
“ได้ยินว่าอะไร ม้า”
“กริบ”
“หือ”
“ก็เงียบกริบไง” คุณนายเง็กบอกอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็ไปนอนเถอะ เสียเวลา”
“อุตส่าห์ตั้งความหวัง ว่าถ้าอาหนูช่างมานอนที่นี่ ผีเตี่ยอาจจะมาหาอี”
“อั๊วบอกแล้วไง ว่าวันเดือนปีเกิดของอี อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกะเตี่ยอั๊ว”
“ก็แค่อาจจะ วันพระไม่ได้มีหนเดียว อั๊วยังไม่เลิกความพยายามหรอก” คุณนายเง็กเดินหงุดหงิดออกไป
“ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ อาตี๋ จะมายืนทำไม ไปนอนได้แล้ว”
“ครับป๊า”
เสี่ยงตงเดินออกไป สืบสายมองไปที่ประตูห้องจุลลา ยังไม่วางใจนัก
ภายในห้องพักจุลลา จุลลาทรุดตัวลงนั่ง หยิกตัวเอง
“โอ๊ย”
“ลื้อทำอะไรวะ อาหนูช่าง”
“หยิกตัวเอง ทำให้เจ็บ จะได้ตื่นจากความฝันสักที”
“ลื้อไม่ได้ฝัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความจริง” ผีเถ้าแก่กระเถิบเข้าไปใกล้จุลลา จุลลาผงะ หนี
“อย่า! หยุดอยู่ตรงนั้นเลย เข้ามาใกล้กว่านี้ จะช็อกให้ดู”
“แน่ะ ไม่ต้องมาหลอกผีอย่างอั๊ว คนเกิดวันดวงแข็งโป๊ก วันอังคาร เดือนสาม ปีขาล! อย่างลื้อ ไม่กลัวผี”
“ก็บอกแล้วว่ากลัว”
“กลัวจริง ลื้อช็อกตายไปแล้ว อั๊วแก่แล้วนะ อย่าให้ออกแรงเถียงเยอะ จะเป็นลม”
“เป็นผี เป็นลมได้ไง”
“น่านไง เชื่อแล้วใช่มั้ยว่าผีมีจริง”
“ยัง นี่เป็นความฝัน”
“ดื้อเหมือนวัวเหมือนควาย”
“ก็ถ้าไม่เหมือนวัวเหมือนควาย หนูก็ทำงานยังงี้ไม่ได้หรอก”
“วะ”
“เดี๋ยวก่อน ที่ท่านรองรับหนูเข้าทำงานเพราะวันเกิดหนู เถ้าแก่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยใช่มั้ย”
“เออสิ! เพราะอั๊วอยากคุยกับใครสักคนที่คุยกันรู้เรื่อง” จุลลารีบออกตัวปฏิเสธ
“ไม่รู้เรื่อง”
“แต่ลื้อก็เคยบอกว่าอยากเจอ อยากคุยกับอั๊ว”
“พูดเล่น”
“เหนื่อย”
“หนูก็เหนื่อย” ผีเถ้าแก่จ้องมองจุลลาอย่างเหนื่อยใจ จุลลาก็จ้องผีเถ้าแก่ไม่ยอมแพ้ และแล้วจุลลาก็ก้มลงกราบ “หนูกราบล่ะ ไปเถ้อะ หนูง่วง หนูเพลีย หนูหมดแรง หนูคุยอะไรกับเถ้าแก่ไม่ไหวแล้ว ไปเถอะ ชิ้วๆ”
“ผี ไม่ใช่ไก่”
สืบสายเดินวกกลับเข้ามาแอบฟังเสียงในห้องจุลลาอีกรอบด้วยความสงสัย
“ยัยนั่นพึมพำอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง คงละเมอ หึ”
สืบสายครุ่นคิด ลังเล จะฟังต่อไปดีหรือเปล่า แล้วก็ไม่ติดใจอะไรต่อไปเดินออกไป
ภายในห้อง ผีเถ้าแก่เปลี่ยนท่าที อ่อนลง ทำตัวน่าสงสาร
“อั๊วเหงา ไม่มีใครคุยด้วย ไม่งั้น อั๊วก็ต้องไปคุยกะเพื่อนถึงชลบุรีโน่น”
“ผีก็ต้องไปคุยกับผี ถูกแล้ว คนไม่เกี่ยว”
“ลื้อเป็นคนดี ขยัน อดทน มีจิตสำนึกและมารยาท ซึ่งหาได้ยากในตัวเด็กสมัยนี้ ดูจากที่ลื้อขออนุญาตอั๊วก่อนเข้าไปสำรวจฮวงซุ้ยเมื่อวาน”
“ไม่ต้องชม ไม่ใจอ่อน ตกลงไม่ไปใช่มั้ย งั้นหนูไปเอง ลาล่ะค่ะ สวัสดี”
จุลลายกมือไหว้ผีเถ้าแก่ รีบกระโดดไปบนเตียงจะเอาผ้าห่มคลุมโปง ผีเถ้าแก่มากระชากผ้าห่มออก จุลลารีบดึงกลับมาห่ม ในโปงผ้าห่มจุลลาพยายามรวบรวมสมาธิสวดมนต์
“นะโม ตัสสะ โอ๊ย...สมาธิ สมาธิ นะโม...โอ๊ย อะไรต่ออ่ะ”
“อั๊วบอกแล้วไง ว่าอั๊วมาดี ก็ไม่ยอมเชื่อ อั๊วโกรธ”
“หนูก็โกรธ ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเจอผีแล้วมันจะมีเรื่องดีๆ แต่ถึงคราวดวงตก ซวย มีเคราะห์”
“ว่าอั๊วเป็นตัวซวยเรอะ”
เถ้าแก่ทำเป็นโกรธ แสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อขู่จุลลา ลมพัดเข้ามาอย่างแรง หน้าตาบิดเบี้ยว ดูน่ากลัวมาก จุลลาเปิดโปงผ้าห่มออกมาด้วยความตกใจ เห็นสภาพผีเถ้าแก่ หน้าบึ้ง ท่ามกลางลมพัดผลิว ม่านไสว เสียงลมอื้ออึง จุลลาอึ้งมอง เหมือนจะช็อกกลัว ผีเถ้าแก่หัวเราะน่ากลัวมาก
“หึ ฮ่ะๆๆๆ คราวนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าอั๊วเป็นผีและลื้อกำลังกลัวอั๊ว” จุลลาหาว
“เถ้าแก่ เอาจริงๆ นะ หนูง่วง โอเคนะ”
ผีเถ้าแก่เซ็ง เหี่ยว กลับสู่ภาวะปกติ
“เฮ้ย! อย่าดูถูกพลังของอั๊ว”
“ไม่ได้ดูถูก แต่ไม่ไหว หนูง่วงจริงๆ โอเคนะ สวัสดีค่ะ” จุลลาไม่สนใจ คลุมโปงและกำลังจะล้มตัวลงนอน
“อั๊วไม่ให้นอน”
“เอ๊ เอาคืนมา” จุลลาแย่งผ้าห่มคืน
“ขอให้ลื้อตกเตียง”
จุลลาเอนตัวลงปุ๊บ แต่ตกเตียง เสียงดังตุ๊บ
“โอ๊ย”
เช้าวันรุ่งขึ้น สืบสายในชุดวิ่งที่เพิ่งวิ่งเสร็จ เดินผ่านห้องจุลลาได้ยินเสียงร้องของจุลลาพอดี จึงชะงัก เดินมาที่หน้าห้องพักจุลลา
ภายในห้อง จุลลานอนหลังแอ่นเพราะเอาหลังลง กระแทกพื้นเต็มๆ เจ็บ
“โอยยย” จุลลาลุกขึ้นอย่างโมโห คิดว่าผีเถ้าแก่ยังอยู่ “เถ้าแก่นะเถ้าแก่ ไม่ได้อย่างใจแล้วแช่งเป็นเด็กไปได้”
จุลลามองหาไม่เห็นผีเถ้าแก่ และที่สำคัญสว่างแล้ว “เฮ้ย สว่างตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” จุลลาหันมองนาฬิกาในห้องเจ็ดโมงเช้าพอดี “หรือว่าที่เจอผีเถ้าแก่เมื่อกี้ฝันไป ใช่ มันคือความฝัน มันไม่ใช่เรื่องจริง! เฮ้อ...แสดงว่าชีวิตยังปกติ ดวงไม่ตก ไม่ซวย ไม่มีเคราะห์ ทำงานดีกว่า” จุลลารีบพับผ้าห่ม เก็บเตียงอย่างรวดเร็ว จะหันเข้าห้องน้ำแต่ขาพันกัน ล้มป้าบ“โอ๊ย”
สืบสายอยู่ที่หน้าห้องจุลลา สะดุ้ง ตกใจ
“อะไรของเค้า เมื่อคืนร้องอ๊าย เช้านี้ร้องโอ๊ย มันจะเจ็บปวดอะไรนักหนา” สืบสายเคาะประตูทันที “จุลลา จุลลา”
จุลลาได้ยินเสียงสืบสาย ขณะที่นอนหน้าคว่ำอยู่บนพื้น เงยหน้าขึ้นทันที ตกใจ
“คุณสืบสาย”
จุลลารีบลุกแซะตัวเองขึ้นมา วิ่งไปที่ประตูห้อง เพื่อจะเปิดประตู
สืบสายเคาะประตูห้องอยู่ จุลลาเปิดประตูผ่างออกมา สืบสายอึ้ง อ้าปากค้าง เพราะเห็นสภาพของจุลลา ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเยิน เสื้อคลุมชุดนอนอันสวยงามอ่อนหวานหลุดลุ่ย ผมเผ้ากระจายเต็มหน้า หัวฟู สืบสายรีบหันไปทางอื่น แล้วชี้ไปที่เสื้อผ้าของจุลลา ส่งสัญญาณว่าให้ปิดให้เรียบร้อย จุลลาก้มลงมอง เห็นว่าเปิดโชว์เนื้อหนังอยู่นิดๆ จุลลาอาย รีบกระชับปิดมิดชิดถึงคอ
“นอน หรือว่าไปฟัดกับหมาที่ไหนมา”
“ไม่ได้ฟัดกับหมาที่ไหน และคิดว่าอาจจะยังไม่ได้นอน”
“คิดว่าอาจจะยังไม่ได้นอน แล้วคิดว่าอาจจะมัวทำอะไรอยู่”
“คิดว่าอาจจะเถียงกับผีอยู่”
“หือ ผี”
“ใช่ ผี”
“ผีใคร ผีอะไร ผีที่ไหน แล้วยังไง คุยอะไรกัน” สืบสายถามเป็นชุด
“หยุด”
“ฉันเป็นเจ้านายเธอ เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน นี่ก็มาอาศัยนอนบ้านฉัน ก็ควรจะยิ่งต้องทำตัวนอบน้อม”
“เยอะ” จุลลาแอบบ่น
“จุลลา”
“ขอโทษค่ะ ฉันควรกลับเข้าไปได้หรือยัง ไม่อยากไปทำงานสาย เพราะคิดว่ากำลังถูกเพ่งเล็ง คงไม่เป็นผลดีกับหน้าที่การงานของตัวเองนัก”
“ตกลง เธอคุยกับผีจริงหรือเปล่า”
“ในฝัน”
“ไร้สาระ”
“หรือจะให้บอกว่าฉันคุยกับผีจริงๆ”
“ฉันไม่เชื่อ”
“นั่นไง พูดอะไรไปก็ไม่เชื่อสักอย่าง ทีหลังก็ไม่ควรจะถาม ดีมั้ย คะ”
“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องมาสั่ง”
“ฉันเสนอความคิดเห็น”
“เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่ต้องเสนอ เพราะฉันไม่คิดจะเชื่อเธออยู่แล้วตั้งแต่แรก”
“อคติ ใจแคบ ชอบแสดงอำนาจกดขี่คนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูมีตัวตน หรือจริงๆ แล้ว คุณมันไม่มีความสามารถ ไม่มีใครยอมรับ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ได้มา ก็ได้มาเพราะเป็นลูกชายเจ้าของแค่นั้น” จุลลาใส่เป็นชุดอย่างหมดความอดทนทำให้สืบสายถึงกับอึ้ง โกรธมาก
“จุลลา”
“ไหนๆ ก็จะถูกห้ามไม่ให้พูดอีก ก็ขอพูดต่อให้จบ คุณมันต้องการระบายความรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง เลยมาไล่บี้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันที่ไม่มีอะไรสู้คุณได้เลย” สืบสายอึ้ง โกรธมาก พูดไม่ออก ไม่พอใจที่สุด เดินออกไปทันที จุลลาอึ้ง เพิ่งได้สติ หน้าเสีย “พูดแรงไปป่ะเนี่ย”
ผีเถ้าแก่เข้ามาข้างๆ จุลลา
“แรง”
“เฮ้ย” จุลลาตกใจ อึ้ง ตาค้าง ผีเถ้าแก่ยืนยิ้มให้จุลลา จุลลาเปิดประตูเข้าห้อง ปิดดังโครม จนผีเถ้าแก่สะดุ้ง
“อั๊วไม่เข้าไปหรอก ลื้อจะอาบน้ำแต่งตัว อั๊วมีมารยาท! ไปหาอาตี๋ก็ได้วะ”
แล้วผีเถ้าแก่ก็หายตัวไป
สืบสายกลับเข้าห้องอย่างหงุดหงิด นึกถึงคำพูดของจุลลา
“หรือจริงๆ แล้ว คุณมันไม่มีความสามารถ ไม่มีใครยอมรับ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ได้มา ก็ได้มาเพราะเป็นลูกชายเจ้าของแค่นั้น”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ สืบสาย
“อย่าคิดมากน่าอาตี๋ อีพูดเพราะความโมโห แต่ลื้อก็สมควรถูกด่าจริงๆ ว่ะ” สืบสายหันมองไปทางผีเถ้าแก่ แต่มองไม่เห็น “ถ้าลื้อจะเปิดใจเชื่อสักนิดว่าผีมีจริง ลื้อจะได้ยินก๋งพูดกับลื้อ”
“ไร้สาระจริงๆ”
“ว่าใครวะ”
“ยัยจุลลา”
“แล้วไป ก๋งรู้ว่าลื้อสะเทือนใจ เพราะอีคงพูดแทงใจดำลื้อ เอาน่ะ ลื้อเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกได้แค่ปีเดียว จะได้รับความเชื่อใจและการยอมรับจากใครมันต้องใช้เวลา ลื้อต้องอดทน”
สืบสายตัดใจ รวบรวมพลัง เดินเข้าห้องน้ำไป ผีเถ้าแก่มองตามสืบสายอย่างเป็นห่วง
จุลลาเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดที่ใส่เมื่อวานซึ่งผ่านการซักอย่างสะอาดแล้ว จุลลาเร่งเดินจะออกไปจากบ้าน ด้วยความกลัว
“ผีไม่มีจริง ผีไม่มาหลอกกลางวันแสกๆ ที่เห็นเมื่อกี้มันคือ ภาพติดตาจากเมื่อคืน” ป้าเมี่ยงตามเข้ามา
“ไม่รับอาหารเช้าก่อนเหรอคะ นายช่าง”
“ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ หนูรีบจริงๆ ค่ะ”
จุลลารีบไหว้ จะรีบออก แต่เมื่อผ่านหน้าห้องทำงานเก่าของเถ้าแก่ หางตาจุลลาเห็นกรอบรูปในห้อง เบรกหัวแทบทิ่ม หันไปข้างในห้อง สายตาปะทะกับรูปของเถ้าแก่ในชุดทักซีโดติดเหรียญตราเต็มหน้าอก ยืนเต๊ะท่ายิ้มแป้น...จุลลาอึ้ง ขยี้ตามองอีกครั้ง ยังไม่เชื่อสายตา รีบรี่เข้าไปในห้องทันที ป้าเมี่ยงตามไปอย่างแปลกใจ
สาวใช้กำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องทำงานเก่าของเถ้าแก่ ขณะที่จุลลาเข้ามาดูรูปของเถ้าแก่ ป้าเมี่ยงตามเข้ามา สาวใช้รีบออกไป
“นี่รูปใครคะ”
“รูปเตี่ยของท่านประธานค่ะ”
“เป๊ะ”
“อะไรเป๊ะคะ”
“ผี”
“คะ”
“คือแบบว่าไม่มีอะไรค่ะ หนูว่า ใช่เลย นี่ต้องเป็นท่านเจ้าสัวเตี่ยของท่านประธานแน่ๆ ไม่งั้นจะเอามาติดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ รูปท่าน เป๊ะมากค่ะ”
“ใช่ค่ะ นี่เป็นห้องทำงานของแกค่ะ พอแกตายก็ไม่มีใครใช้ แต่ก็ต้องให้เด็กมาทำความสะอาดทุกวัน ตามคำสั่งของท่านรองค่ะ”
“ค่ะ ดีค่ะ”
“เมื่อคืน หลับสบายดีมั้ยคะ”
“ดีค่ะ”
“ไม่เห็น หรือได้ยิน หรือได้เจอ หรือ...”
“ป้าเมี่ยงครับ” สืบสายเดินเข้ามา หน้าตาบึ้งที่เห็นจุลลา จุลลาไม่หลบ มองหน้าสืบสายนิ่งเฉย สืบสายยิ่งรู้สึกว่าจุลลาถือดี
“จะไปทำงานแล้วใช่มั้ยคะ เดี๋ยวป้าไปหยิบรองเท้าให้นะคะ” ป้าเมี่ยงรีบเลี่ยงออกไป สืบสายจะเข้าไป
“คุณหนูเกิ๊น” จุลลาพูดขึ้นลอยๆ แต่ทำให้สืบสายชะงัก หันมาทันที
“เธอ”
ที่รูปเถ้าแก่ จากรูปถ่ายกลายเป็นเถ้าแก่ที่มีชีวิต
“เออ ด่ามันเลย ด่าแทนอั๊ว อั๊วตายแล้วก็ไม่มีใครคอยด่ามัน นิสัยคุณหนูแก้ไม่หายสักทีนะอาตี๋”
จุลลาตัวแข็ง หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นรูปเถ้าแก่โบกมือทักทาย สืบสายมองตามสายตาของจุลลา ไปที่รูปเถ้าแก่ เห็นเป็นรูปถ่ายธรรมดา
“เก่งจริงก็มองหน้าฉัน หลบทำไม” จุลลารีบหันมามองหน้าสืบสาย
“ไม่เห็นหรือได้ยินใครพูดอะไรบ้างรึ”
“เห็นและได้ยินเธอด่าฉันว่าคุณหนูอยู่ไง”
“ก็นั่นไง” จุลลาชี้ไปที่รูปเถ้าแก่
“นั่นอะไร จะบอกว่ารูปก๋งฉันพูดกับเธองั้นสิ”
“ก็ใช่สิ”
“หึ...ไร้สาระ”
“ช่วยตบหน้าฉันที” จุลลาบอกสืบสาย สืบสายตกใจ
“เป็นบ้าอะไรของเธอ จู่ๆ ก็อยากถูกตบ”
“ตบจูบด้วยสิอาหนูช่าง อั๊วชอบ” ผีเถ้าแก่บอก จุลลาหันไปถลึงตาใส่รูปเถ้าแก่ ทนไม่ไหว รีบเดินออกไปทันที
“เพี้ยน”
สืบสายหันมองรูปเถ้าแก่อย่างสงสัย รูปที่เคยมีชีวิตกลับเป็นรูปถ่ายเหมือนเดิม สืบสายเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
จุลลาเดินเข้ามาในร้านเจ๊อ้อย ซึ่งแสบกำลังซัดข้าวอยู่ จุลลาพยายามตั้งสติ
“กินอะไรมาหรือยัง เจ๊รับออเดอร์ลูกพี่ผมด้วย” แสบบอก เจ๊อ้อยเข้ามา
“อุ๊ยตาย นี่แสดงว่า ได้งานเป็นหัวหน้าไอ้แสบแล้ว โดนหรือยังคะ”
“โดนอะไรเจ๊”
“ก็โดนผีเจ้าสัวหลอกเอาหรือยัง”
“ไปนอนบ้านเจ้าสัวเมื่อคืน เป็นไง เจอมั้ย เขาลือกันว่าผีเจ้าสัวเฮี้ยนยังกะอะไรดี” แสบถาม จุลลาอึ้ง แสบ เจ๊อ้อยรอฟังหูผึ่ง ตาโต จุลลาอ้าปากจะเล่า แสบ เจ๊อ้อยลุ้นมากขึ้น
“ขอกาแฟดำร้อนก่อนเจ๊ ข้าวผัดหมู ไข่ดาวสอง หมูน้อย ข้าวเยอะด้วยอีกจาน ไม่งั้น ไม่มีแรงเล่า”
เจ๊อ้อยกับแสบถึงกับเซ็ง อุตส่าห์รอฟัง
คุณนายเง็กเสียงดัง คุยกับป้าเมี่ยงที่ยืนรายงานอยู่ ขณะที่เสี่ยตงกำลังกินกาแฟ
“หา ไม่มีอะไรผิดปกติ” เสี่ยตงตกใจ
“ลื้อจะเสียงดังลั่นบ้านไปทำไมวะ อาเง็ก”
“อะไร ทำมาเป็นฟังไม่ได้ ทีเมื่อก่อน ไม่เห็นจะว่า” เสี่ยตงส่ายหัว ขี้เกียจเถียง ดื่มกาแฟต่อ “อาเมี่ยง ลื้อคาบข่าวมารายงานอั๊ว ไม่ผิดแน่นะ”
“ค่ะ ท่าทางของนายช่างเป็นปกติดีทุกอย่าง”
“เลิกคิดเรื่องอาหนูช่างลื้อจะมาเป็นสื่อระหว่างเตี่ยกับพวกเราได้แล้วอาเง็ก เสียเวลา อั๊วไปทำงานดีกว่า”
“ลื้อก็ปล่อยให้อาตี๋ทำไปสิ”
“อั๊วยังไม่วางใจ”
เสี่ยตงเดินออกไป คุณนายเง็กยังไม่เลิกความพยายาม
“อาเมี่ยง เอาโทรศัพท์มา อั๊วจะโทรหาสายข่าวที่โรงงาน”
“ค่ะ ท่านรอง”
ป้าเมี่ยงหายออกไป คุณนายเง็กยังคงคิดวนเวียนเรื่องของจุลลาไม่เลิก
ที่ร้านเจ๊อ้อย จุลลากำลังโซ้ยข้าว แสบ เจ๊อ้อยยังรอฟัง จุลลาอิ่ม รวบช้อน กินน้ำ สบายท้อง
“อร่อยใช่มั้ยจ๊ะนายช่าง ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าใช่”
“ก็บอกไปเลยตรงๆ ที่กินน่ะกินกันตาย”
“ไอ้แสบ”
จุลลาเปลี่ยนหัวข้อ กลัวยาว ควักเงินวาง
“ค่าข้าว กาแฟ และก็ของแสบด้วยเจ๊”
“พี่จูนน่าร็อกอ่ะ หัวหน้าคนมันต้องใจฟ่างงงง เหมือนแม่น้ำแบบนี้” แสบชม
“เงินหมดอีกแล้วล่ะเซ่ ตั้งแต่ต้นเดือน เอาเงินไปทำอะไรหมดวะ พ่อแม่พี่น้องที่ไหนก็ไม่มี” เจ๊อ้อยถามอย่างสงสัย แสบอึ้ง แต่รีบกลบเกลื่อน
“แฟนเยอะ ต้องเลี้ยงหญิง”
“ถุย ไม่เห็นมีใครเอาแกสักคน อย่ามาน้ำลาย”
เจ๊พุ่มเข้ามานั่งประชิดจุลลา เจ๊อ้อยเห็นเจ๊พุ่มแล้วเบือนหน้าหนีทันที
“นายช่าง เดี๋ยววันนี้ก็เข้าไปอยู่บ้านได้แล้วนะ นัดช่างมาซ่อมแอร์แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
“อุ๊ย นายช่างหน้าซีดๆ เนอะ เหมือนเจออะไรน่ากลัวๆ มาหรือเปล่า” เจ๊พุ่มแกล้งถาม
“ก็เจอหน้าแกไง” เจ๊อ้อยสวนกลับทันที
“อ้าว นังอ้อย! แกว่งปากหาเรื่องแต่เช้าเลยนะ อย่าสาระแนขัดจังหวะ” เจ๊พุ่มบอกอย่างไม่พอใจ
“หนอย นังพุ่ม! อย่าลืมนะว่าแกนั่งทำหน้าเงือกอยู่ในที่ของใคร ที่นี่ ฉันเป็นเจ้าที่ สัมภะเวสีอย่างแก ออกไปเลย”
“นังอ้อย”
“นังพุ่ม”
จุลลากระซิบถามแสบทันที ขณะที่เจ๊อ้อย เจ๊พุ่มจ้องหน้าจะกินเลือดกินเนื้อกัน
“สองคนนี่เป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางไหนอ่ะ”
“สมัยสาวๆ ชอบพระเอกลิเกคนเดียวกัน แข่งกันอ่อยน่าดู ทุ่มไม่อั้น สุดท้ายก็ถูกหลอกทั้งคู่ พระเอกลิเกปิดวิกหนีไปกับนางนพมาศโน่น”
“ความจริงน่าจะเห็นอกเห็นใจกันนะ เพราะหัวอกเดียวกัน”
“ศึกแห่งศักดิ์ศรี ไม่มีคำว่าจบ คงทะเลาะกันยันชาติหน้าแหละ”
“ไม่ดีเลย เจ๊! ฉันไปทำงานก่อนนะ”
จุลลาจะเดินออก แต่สองเจ๊เข้าไปดึงมือเอาไว้คนละข้าง
“ยังไปไม่ได้” สองเจ๊บอกออกมาพร้อมกัน
“เอ๊า”
น้ำหวานนั่งเซ็งอยู่ที่ประชาสัมพันธ์ เหม่อลอย ไร้วิญญาณ ทรงเดชเดินเข้ามา เห็นน้ำหวานก็ยิ้มพรายเลยทีเดียวแล้วเดินตรงเข้าไปหาน้ำหวาน
“มาแต่เช้าเลยนะจ๊ะ น้ำหวาน”
น้ำหวานสะดุ้ง ยิ้มให้ทรงเดชตามมารยาทและไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณทรงเดช”
“ขยันน่าดูเลยนะเรา”
“บ้านอยู่ใกล้แค่นี้เองค่ะ เลยมาเร็ว”
“เหมือนผม ผมชอบมาเช้า กลับดึก คนโสดก็อย่างนี้แหละ ไม่มีครอบครัวต้องไปดูแล เลยทุ่มเทกับการทำงานได้เต็มที่ นี่ก็มาเช่าบ้านแถวนี้เดือนแค่หมื่นกว่าบาท ไปกลับโรงงานกับคอนโดราคาสิบล้านแถวสุขุมวิทไม่ไหว”
“เหรอคะ” น้ำหวานยิ้มแห้งให้ทรงเดช แล้วหันไปแอบแหวะ
“มีเพื่อนที่นี่แล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มี กลางวันนี้ไปทานข้าวกับผมสิ ผมเองก็ยังไม่รู้จักใคร”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหวานตามเตี่ยมาส่งถุงพลาสติกให้ที่นี่ตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยกับคนที่นี่ดีค่ะ”
“อ๊ออ เหรออออ”
ทรงเดชหน้าแตก แอบไม่พอใจที่ถูกน้ำหวานปฏิเสธ สืบสายเดินเข้ามาพอดีกับครรชิต น้ำหวานรู้สึกโล่งใจ ทรงเดชรีบเสนอหน้าทันที
“ไฮ สืบ เพื่อน! มาแต่เช้าเลยนะ”
“แกก็มาเช้านี่”
“ก็ อยากเริ่มต้นงานใหม่ ในที่ใหม่ๆ เร็วๆ ฉันมีเรื่องงานจะคุยกับนายด้วยเพื่อน”
“ไปสิ”
สืบสายเดินนำไป ทรงเดชเดินตาม น้ำหวานเม้ากับครรชิตทันที
“ถ้าเอ็มดีกับพี่ยังไม่เข้ามา แมลงโม้คงออกจากปากคุณทรงเดชอีกเพียบ”
“ไม่ดีจ๊ะ ไม่ดี อย่าเม้าผู้บริหาร...เค้าโม้ว่าไง จัดมาให้ละเอียดเลยน้อง”
ครรชิตหยิบสมุดมาเตรียมจดรายละเอียดทันที
“ต้องจดด้วยเหรอพี่”
“เผื่อไว้ใช้ในภายภาคหน้าจ๊ะ”
ที่ร้านเจ๊อ้อย จุลลากำลังจะถูกแยกร่างโดยเจ๊อ้อย เจ๊พุ่ม แสบยืนดูอยู่แบบกลุ้มๆ
“นายช่างยังไม่บอกเจ๊เลย ตกลงโดนหรือไม่โดน”
“นายช่างบอกเจ๊ก่อน ว่าที่หน้าซีดน่ะ เจอหรือไม่เจอ”
“เอ่อ...” จุลลาไม่รู้จะทำไง
“ปล่อยพี่จูนเถอะ เจ๊”
“ไม่ปล่อย” สองเจ๊บอกออกมาพร้อมกัน
“ไม่ปล่อย เจอแสบชักดาบ” แสบขู่
“ปล่อยก็ได้” สองเจ๊ยอมปล่อยจุลลา
“ขอบใจนะแสบ”
“ผมเป็นคนกตัญญูพี่”
จุลลาเห็นสีหน้าเจ๊อ้อยกับเจ๊พุ่มยังอยากรู้มากอยู่
“โอเค...เดี๋ยวตอบพร้อมกันเลยสำหรับคำถามของเจ๊สองคน” เจ๊อ้อย เจ๊พุ่มตั้งใจฟังมาก “ไม่โดนและไม่เจออะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปกติ ไม่มีผี”
ทันใดนั้น หม้อ กระทะ ที่แขวนอยู่ในร้านก็ร่วงลงบนพื้นกราว ทุกคนรวมจุลลา ตกใจ สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
ทุกคนมองของที่ตกอยู่บนพื้นด้วยความฉงน ตัวแข็ง มองหน้ากันไปมา
“ในลักษณะของที่หล่นลงมาเอง ทั้งๆ ที่เจ๊มั่นใจมากมายว่ามันได้แขวนอยู่ในที่ของมันอย่างมั่นคงแข็งแรง” เจ๊อ้อยบอก
“ถ้าอย่างนั้น ในส่วนนี้ แสบขอให้สามคำ สั้นๆ แต่มีความหมาย...”
“สามคำมีอะไรบ้าง ไอ้แสบ”
“ผี - หลอก - ครับ”
“โอ๊ย บังเอิญลมพัดแรงหรอก ผีที่ไหน ไม่มี” จุลลาบอก จู่ๆ เก้าอี้พลาสติกก็ล้มลงพื้น ทีละตัว ทีละตัว ทีละตัว
จุลลา แสบ เจ๊อ้อยและคนงานยืนอึ้ง
“ไอ้แสบ เจ๊ขอเพิ่มอีกสามคำเด๊ะ”
“ผี-ชัวร์-ครับ”
จุลลา แสบ เจ๊อ้อ เจ๊พุ่ม และคนงานทั้งหมดในร้านก็พากันลุกหนีออกไปจากร้านทันทีอย่างพร้อมเพรียงกัน
เข่ง ถัด หยิก เดินมาจะเข้าไปในร้านเจ๊อ้อย แต่จุลลา แสบ เจ๊อ้อยและคนงานเดินกรูออกมา
“พี่จูน หวัดดีครับ จะไปไหน รอก่อน จะมากินข้าวด้วย”
“ไม่ขาย ปิดร้านกะทันหัน”
“อ้าว ไมอ่ะ เจ๊”
“หน้าซีด เหมือนเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ”
จุลลาและทุกคนเงียบ มองหน้ากัน แล้วหันไปพยักหน้ากับหยิก เข่ง ถัด
“มั่นใจสุดๆ อ่ะ” แสบบอก
“งั้น รออะไรอยู่ล่ะครับ”
จุลลาและขบวนก็วงแตก เดินเร็วออกไป โดยมีจุลลาเป็นหัวขบวน
ทรงเดชกำลังคุยกับสืบสายอยู่ในห้องทำงานสืบสาย แต่สืบสายไม่มีสมาธิฟัง เอาแต่เหม่อ
“สืบ นายฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
“อ๋อ เออฟังอยู่ ตกลง เรื่องเลขาของนาย ฉัน...”
“น้ำหวานไง”
“หือ”
“เมื่อเช้าเผอิญว่าฉันได้คุยกับน้ำหวาน ก็คุยเล่นๆ น่ะนะ เลยทำให้รู้ว่าน้องเค้าไม่ค่อยชอบงานประชาสัมพันธ์เท่าไหร่ เค้าอยากเป็นเลขา”
“ใช่ น้ำหวานจบเลขา แต่ตอนนั้นไม่มีตำแหน่งว่าง ป๊าฉันเลยให้ไปช่วยงานที่ประชาสัมพันธ์ก่อน”
“ก็ตอนนี้ มีตำแหน่งแล้วไง”
“ฉันจะคุยกับป๊าให้”
“แกเป็นเอ็มดี แกตัดสินใจเองก็ได้ เรื่องเล็กน้อย ไม่น่าจะไปกวนใจป๊า แล้วยังงี้เมื่อไหร่ป๊าจะวางใจแกวะ”
“โอเค ตามนั้น ฉันจะสั่งไปทางครรชิต ให้น้ำหวานไปเป็นเลขาแก” สืบสายตัดบท ทรงเดชลอบยิ้ม สืบสายลุกขึ้น “รู้หรือยัง ว่าเครื่องจักรหมายเลขห้าที่เสีย จุลลากับลูกน้องซ่อมจนใช้งานได้แล้ว”
ทรงเดชไม่รู้ แต่กลบเกลื่อน
“อ๋อ รู้แล้ว กำลังจะเข้าไปเช็คอยู่นี่แหละ”
“งั้นไปด้วยกัน”
สืบสายลุกออกไป ทรงเดชตาม แอบยิ้มกริ่ม
สืบสาย ทรงเดชและครรชิตเดินมาด้วยกัน ครรชิตคอยจับตามองทรงเดชตลอดเวลา ทันใดนั้นมีเสียงนกหวีดดังลั่นจนสืบสาย ทรงเดชและครรชิตตกใจ หันไปมองเห็นยามจ่อย กำลังเป่านกหวีดห้ามสืบสาย ไม่ให้เดินต่อ แล้ววิ่งมา ตะเบ๊ะสืบสาย
“ขออนุญาตครับผม เอ็มดีครับผม”
“เป่านกหวีดทำไม”
“จะเข้าโรงงานใช่มั้ยครับผม”
“ใช่”
“กรุณาระวังการจราจรนิดนึงครับผม”
“ระวังอะไรนะ”
ยามจ่อยชี้ไปทางมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเข้าโรงงาน สืบสายหันไปเห็นจุลลานำขบวนแสบและลูกน้อง รวมเจ๊อ้อย เจ๊พุ่มและคนงานเดินเร็วเข้าโรงงานไป
“พวกนั้น เป็นอะไร แข่งเดินเร็วหรือไง”
“ไม่ได้แข่งกันครับผม แต่ร่วมใจกันเดินเร็วหนีผีเจ้าสัวครับผม”
“หา”
สืบสาย ทรงเดช ครรชิตตกใจ สืบสายไม่พอใจ ทรงเดชบ่างทันที
“ไร้สาระสิ้นดี ผีอะไรกัน นี่มันปีไหนแล้ว ยังงมงายเรื่องผีอะไรกันอยู่ ถ้าคนงานยังมีทัศนคติอย่างนี้ ฉันคงพัฒนาระบบคุณภาพเพื่อผลผลิตให้แกลำบากนะเพื่อน” สืบสายไม่พอใจ ทรงเดชบ่างต่อ “แล้วโดยเฉพาะหัวหน้าแผนกซ่อมบำรุง กลับเป็นหัวขบวนซะเอง ไม่ไหว”
“ครรชิต เรียกยัยจุลลามาพบฉันที่ห้องด่วน” สืบสายมองไม่เห็นครรชิต “ครรชิต”
“อยู่ตรงโน้นครับผม”
สืบสายหันไป เห็นครรชิตกำลังนั่งพับเพียบไว้ศาลพระภูมิเจ้าที่อยู่ปะหลกๆ
“เจ้าที่ที่รักและนับถือ ช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยนะครับ”
“ไอ้ครรชิต”
สืบสายขึ้นเสียง ทรงเดชยิ้มกริ่มที่แผนบ่างสำเร็จ
สตูดิโอถ่ายโฆษณา ขณะนั้นช่างแต่งหน้า ช่างทำผมนั่งกินกาแฟ ขนมครก ปาท่องอยู่ในห้องแต่งตัว
“นัดนางแปดโมงเช้า โน่นค่ะ เที่ยงจะโผล่มาป๊ะเหอะ แล้วจะนัดเรามาเช้า ทำเพื่อ!”
“เราก็ทำตามหน้าที่เรา เค้านัดให้มาตอนไหนก็มา นางจะมากี่โมงก็เรื่องของนาง”
“เอ๊า คุณแม่คะ นางมาสาย เวลาเหลือน้อย ทีมงานก็มาเร่งๆๆ พอออกมาไม่สวย ใครโดนคะ ชาวเราใช่มั้ยคะ ใช่”
เดือนพิไลเปิดประตูผลัวะเข้ามา หน้าตาเบิกบาน ช่างหน้า ช่างผมอึ้ง ปาท่องโก๋คาปาก มองนาฬิกา แปดโมงเป๊ะ เดือนพิไลเดินมานั่งตรงข้ามช่างแต่งหน้า
“เจ๊! อย่ามัวแต่เม้ามอย ทำงาน เร็ว วันนี้ขอหน้าผมเป๊ะเลยนะ” ช่างแต่งหน้ายังไม่ขยับ “เอ๊า เจ๊! บอกให้เร็วๆ เดี๋ยวลูกค้ามาเห็นฉันในสภาพไม่พร้อม เหวี่ยงนะ”
ช่างแต่งหน้า ช่างผมกุลีกุจอกันทำงานทันทีด้วยความช็อก พี่บีเปิดประตูเข้ามาเห็นเดือนพิไลนั่งแต่งหน้าอยู่แล้วก็ตกใจ ช็อก
“ว้าย หมีออกลูกเป็นเฟอร์บี้เถอะค่ะ น้องมูนมาตรงเวลา”
“คนมีความรักก็เงี้ย ทำให้เรามีพลังลุกขึ้นมาทำอะไรดีๆ ให้ตัวเอง”
ช่างแต่งหน้า ช่างผมหูผึ่ง เดือนพิไลยิ้มกริ่ม เข้าแผน
สืบสายเดินเหวี่ยงเข้ามาในห้องทำงาน
“ครรชิต! โทรตามยัยจุลลามาหรือยัง ป่านนี้ทำไมยังไม่มา”
ครรชิตกำลังยกหูโทรศัพท์ที่โต๊ะขึ้นมาจะโทรพอดี
“เอ่อ...ยังไม่ได้โทรเลยครับ”
“รอมาโทรที่โต๊ะเนี่ยนะ แล้วจะไปทันกินอะไร ทำไมไม่โทรเข้ามือถือของยัยนั่น”
“ไม่ได้เมมเอาไว้ครับ บอส”
“ไม่ได้เรื่อง เป็นหน้าที่ที่แกต้องมีเบอร์ของพนักงานทุกคน”
“ครับบอส เอ่อ จะให้ผมโทรตามคุณจุลลาได้หรือยังครับ”
“ก็โทรสิ”ครรชิตกดเบอร์ภายในโทรหาจุลลา สืบสายประกบ แต่ครรชิตยังกดไม่เสร็จ สืบสายก็ขัด “ตามทรงเดชมาด้วย”
“ครับบอส” ครรชิตจะกดเบอร์
“ตามพวกช่างทั้งหมดมาด้วย” สืบสายขัด
“ครับ” ครรชิตจะกดเบอร์
“ตามคนคุมเครื่องจักรเบอร์ห้ามาด้วย” สืบสายขัด ครรชิตเริ่มปาดเหงื่อ
“ครับ” ครรชิตจะกดเบอร์ สืบสายอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรอีก ครรชิตรีบขัด “ครับ วันนี้ผมจะได้ตามคนให้บอสสักคนมั้ยครับ ขัดจนตัวผมขึ้นเงาแล้วครับ”
สืบสายเสียหน้า แต่กลบเกลื่อน
“ก็โทรสิ! ฉันไม่ได้ขัดอะไรแกแล้วนี่ เร็วๆ”
สืบสายเข้าห้องไป ปิดประตูปัง
“เฮ้อ ยอมรับผิดน่ะ เคยบ้างมั้ย ไม่เค้ยยย”
ครรชิตกดเบอร์ต่อหาจุลลา
จุลลาเดินเข้ามาในห้องแผนกซ่อมบำรุง ตั้งสติอย่างด่วน แล้วหันมาสั่งแสบและลูกน้อง
“เอาล่ะ ทุกคน ตั้งสติ” แสบและลูกน้องยังตัวสั่นพั่บๆ “ฉันบอกให้ตั้งสติ ไม่ต้องสั่น จะกลัวฉันหรือกลัวผี เลือกเอา”
แสบและลูกน้องหยุดสั่น
“กลัวพี่จูนครับ”
“ฟังนะ แล้วสะกดจิตตัวเองเอาไว้ ผีทำให้เรากลัว แต่งานทำให้เราไม่อดตาย”
“แล้วไงครับพี่”
“ถ้าพวกแกเอาแต่กลัวผี ไม่เป็นอันทำงานทำการ ก็อดตายสิ ถ้าไม่อยากถูกไล่ออก ก็ทำงาน”
เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น จุลลาและทุกคนสะดุ้งโหยง
“แล้วพี่จูนสะดุ้งทำไมครับ”
“ตกใจ ใครก็ได้ไปรับโทรศัพท์ที” แสบ เข่ง หยิกพร้อมใจกันผลักถัดเข้าไปในห้องเพื่อรับโทรศัพท์ “จำไว้นะ ที่เราเห็นมันไม่ใช่ผี มันเป็นเรื่องของ...”
“ก็ของผีแหละครับพี่”
“ถ้าเราคิดว่าเป็นผี มันก็คือผี แต่ถ้าเราไม่คิด...”
“ก็คือผีครับ”
“โอ๊ย เลิกคิด ให้คิดแต่เรื่องงานอย่างเดียว”
“ครับผม” ทุกคนตอบรับ แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี
“วันนี้เราต้องตรวจเช็คสภาพการใช้งานของเครื่องจักรทุกตัวให้เสร็จเพื่อทำประวัติ”
“ทุกตัว จะบ้าเหรอพี่ ปีหนึ่งก็ไม่เสร็จ”
“แกใช้ปากหรือใช้มือทำงาน”
“มือ”
“บางทีก็มีเท้าบ้างไรบ้าง เตะเครื่องตอนมันเกเร”
แสบแกว่งเท้าไปเตะเข่ง เข่งหลบได้หวุดหวิด
“ถ้าใช้มือทำงาน เดี๋ยวก็เสร็จ ถ้ามัวแต่โม้ ชาตินี้ก็ไม่เสร็จ”
แสบและลูกน้องยอมรับ แบบท้อๆ
“ไปเว้ยพวกเรา ทำงานที่เรารัก ด้วยสองมือของเรานี่ แล้วเลิกคิดเรื่องผี”
“พี่เลิกได้ป่ะ”
“ไม่ได้ว่ะ”
“เฮ้อ”
แสบหันไปเห็นเจ๊อ้อย เจ๊พุ่มนั่งยิ้มอยู่ข้างหลัง จับมือกันแน่นเชียว แสบและลูกน้องตกใจ
“เฮ้ย เจ๊! มานั่งทำอะไรตรงนี้”
“รวมกันเราอยู่”
“แยกหมู่...”
“เราจะอยู่สบายมากกว่ารวม กลับร้านไปได้แล้ว เจ๊พุ่มก็เหมือนกันไปทำงาน อย่ามาเกะกะ” แสบขัด
“ให้เจ๊อยู่ต่ออีกแป๊บเหอะวะ ทำใจยังไม่ได้ ผีแน่ๆ”
“แกว่า ผีเจ้าสัวป่ะวะ”
“จะเหลือเรอะ มีแต่ผีเจ้าสัวแหละที่ออกมาเฮี้ยนพวกเราอยู่น่ะ”
ถัดวิ่งออกมาจากห้อง หน้าตาตื่นตกใจ
“ซวยแล้วครับพี่” ทุกคนสะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย”
จุลลาและทุกคนเห็นถัดเป็นคนตะโกนทำให้ตกใจ โล่งอก
“จะตะโกนให้ตกใจทำไมวะเนี่ย มีเรื่องอะไรซวยกว่าเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ อีกวะ”
ถัดหน้าซีด จุลลาแปลกใจ
ครรชิตเดินตามสืบสายเพื่อจะเข้าห้องประชุม จู่ๆ สืบสายก็นึกขึ้นได้
“ฉันต้องไปดูถ่ายโฆษณากี่โมง”
“ตอนนี้แหละครับ เอาไงดีครับ”
สืบสายครุ่นคิด หาทางออก
ครรชิตเดินนำจุลลา แสบและลูกน้อง รวมถึงเจ๊พุ่ม เจ๊อ้อยมาถึงหน้าห้องประชุม ทรงเดชเดินเข้ามาสมทบ จุลลาชะงัก ทรงเดชยิ้มเย้ยจุลลา
“เอ่อ จะเข้าร่วมประชุมด้วยเหรอครับ เอ๊...ผมว่าบอสไม่ได้เชิญคุณทรงเดชนะครับ”
“ไม่เชิญ ฉันก็จะเข้า ในฐานะที่ฉันเป็นหัวหน้าของพวกขบวนการงมงายนี่ ต้องแสดงความรับผิดชอบบ้าง”
จุลลา แสบและลูกน้องมองทรงเดชอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร รู้ดีว่าทรงเดชไม่ได้หมายความอย่างที่พูด
“อ้อ ครับ งั้น เชิญทุกคนในห้องประชุมครับ บอสรออยู่”
ครรชิตเปิดประตู จุลลาจะเข้าไป แต่ถูกทรงเดชแซงเพราะไม่อยากให้ผู้หญิงเดินนำหน้า จุลลาชะงัก หยุดให้ทรงเดชไปก่อน แสบหมั่นไว้ทรงเดชมาก เท้าลอยเกือบถีบตูดทรงเดชแต่ถูกจุลลาสกัดไว้ได้ทันก่อนที่ทรงเดชจะหันมาเห็น เพราะรู้สึกว่าถูกแทงข้างหลัง
จุลลา แสบและลูกน้องทำไม่รู้ไม่ชี้ ทรงเดชเดินเข้าห้องไป จุลลา แสบและลูกน้องเดินตาม เจ๊พุ่ม เจ๊อ้อยจะตาม แต่ถูกครรชิตห้ามไว้
“เจ๊อ้อย! ไม่เกี่ยว”
“อ้าว ก็...เจอด้วยกันก็ต้องเข้าไปด้วยกันสิ”
“ไม่ใช่พนักงานของที่นี่”
“เออ ลืม ขอโทษ”
ครรชิตรีบเข้าไป ปิดประตู ทิ้งเจ๊อ้อยตามลำพัง เจ๊อ้อยกลัว
“จะโผล่มาอีกหรือเปล่าวะเนี่ย ไปล่ะ”
เจ๊อ้อยรีบวิ่งหนีไป
ในห้องประชุม จุลลายืนอุดปากทางเข้าไปนั่ง ทุกคนยืนอยู่ข้างหลังจุลลา ประหลาดใจ
“พี่จูน ทำไมไม่เข้าไป”
สืบสายนั่งอยู่กับทรงเดช
“หรือต้องพูดคำว่าเชิญ ถึงจะเข้ามานั่ง”
จุลลาไม่ได้สนใจสืบสาย กลับมองเลยไปข้างๆ เพราะเห็นผีเถ้าแก่สไลด์เก้าอี้ที่นั่งมาประชิดข้างสืบสาย กลายเป็นองค์ประธานร่วม และทรงเดชนั่งอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง มองมาที่จุลลาและแก๊งด้วยสายตาไม่เป็นมิตร จุลลาตัวแข็งไม่ยอมก้าวขา จนแสบและลูกน้องเดินเข้าไปไม่ได้
“ไอ้แสบ นับซิ ในห้องมีกี่คน” จุลลาบอก
“เอ็มดี นายทรงเดช ส่วนพี่ครรชิตอยู่ตรงนี้กับพี่กับพวกผม รวมกันเป็น...เก้า”
“ไม่มีคนอื่นเลยเหรอ ดูดีๆ”
“ไม่มีนี่พี่”
“หรือว่านายช่างเห็นใคร” เจ๊พุ่มถาม แสบตกใจนำทีม
“เห็นผีอ่ะเด่ะ ว้ากส์”
แสบ เข่ง ถัด หยิก ครรชิตและเจ๊พุ่มร้องลั่น เตรียมวงแตก สืบสายและทรงเดช มองไปรอบๆ อย่างตกใจ ก็มองไม่เห็นใคร
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
สืบสายบอกอย่างเหลืออด แต่ชาวคณะก็ยังไม่หยุด วิ่งวนชนกันไปมาหาทางออกจากห้องวุ่นวาย ผีเถ้าแก่หัวเราะชอบใจ จุลลามองผีเถ้าแก่เข่นเขี้ยว แต่ผีเถ้าแก่หลับยักไหล่ใส่ สืบสายจนปัญญา ทรงเดชลุกขึ้นแสดงพลังเอง
“หยุดเดี๋ยวนี้ เฮ้ย”
แสบและชาวคณะหยุดพล่านทันที มองมาที่สืบสายและทรงเดชหน้าเสีย
“เชิญต่อได้เลย เพื่อนรัก...”
“ขอบใจ”
สืบสายมองมาที่ทุกคนอย่างไม่พอใจ จุลลาถอนใจ เครียด ความกลัวผีเถ้าแก่ลดน้อยลง กลายเป็นความเซ็ง ในขณะที่ผีเถ้าแก่ก็นั่งดูผลงานอย่างสบายอกสบายใจ
สืบสายเข้ามาต่อว่าจุลลา ในขณะที่แสบและลูกน้องนั่งต่อจากจุลลา ตรงข้ามกับทรงเดช ผีเถ้าแก่และครรชิตยืนอยู่คนละข้างที่เก้าอี้สืบสาย
“ถ้าคุณเป็นคนมีการศึกษาที่ดีอย่างที่ระบุเอาไว้ในใบสมัคร ก็ควรจะมีวิจารณญาณไม่ใช่กลายเป็นคนนำให้คนงานที่นี่งมงายเรื่องผี”
“แต่ผีมีจริงนะคะคุณสืบ ไม่งั้นเจ๊...” เจ๊พุ่มบอก สืบสายรีบพูดขัด
“หยุดเลยเจ๊ ผมขอสั่งนะ ต่อไปนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามพูดเรื่องเหนือธรรมชาติหรือทำให้เห็นว่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก ถ้าผมรู้ ผมจะไล่ออกให้หมด ครรชิต จดลงไป”
“ครับบอส”
ทุกคนถอนใจเฮือก จุลลาสบตาผีเถ้าแก่ที่ยืนยิ้ม ไม่รู้ไม่ชี้ จุลลายิ่งอึดอัด
“ขออนุญาตครับ ผม...” แสบยกมือ
“ไม่อนุญาต”
แสบลดมือลงทันที แต่ก็พูด
“อย่าว่าพี่จูนคนเดียวเลยครับ ทุกคนวิ่งหนีหูตูบกันอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่มีใครนำใคร เพียงแต่ตอนนออกตัววิ่ง พี่จูนบังเอิญอยู่แถวหน้า”
“ผมยังไม่ได้อนุญาตให้พูด”
“ครับ” แสบจ๋อย
“คุณไม่เห็นผี แต่ไม่ได้แปลว่า ไม่มีผี” จุลลาบอก
“ถูกต้อง” ผีเถ้าแก่เห็นด้วย จุลลามองผีเถ้าแก่ตาดุ ผีเถ้าแก่เงียบ
“นั่นมันมาตรฐานของคุณ แต่มาตรฐานของผม ผมไม่เห็นก็คือไม่มี”
“โอเค เราอยู่กันคนละจุดคุยกันไปก็หาข้อสรุปไม่เจอ”
“พี่จูน พี่เชื่อแล้วใช่มั้ย ว่าผีมีจริง” แสบถามจุลลา จุลลามองผีเถ้าแก่ ที่เดินเล่นไปมาในห้อง แล้วถอนใจ พยักหน้าช้าๆ
“เออ เชื่อแล้ว” จุลลาพูดเบาๆ กับแสบ ผีเถ้าแก่โผล่มาข้างๆ จุลลา
“ฮ่ะๆๆๆ เห็นผีได้ สนุกจะตาย ลื้อจะได้สัมผัสกับประสบการณ์เหนือจริงอีกเยอะ เชื่ออั๊ว”
“พอเห้อะ” สืบสายสะดุ้ง คิดว่าถูกจุลลาย้อน ไม่พอใจ
“นี่คุณ”
“เอ่อ ขอโทษค่ะ คือฉัน...”
“ไม่มีความเคารพและให้เกียรติผู้บริหารแบบนี้ ท่าทางจะคุมยากนะสืบ” ทรงเดชบอก
“ก็ลองดู ถ้าคุมไม่ได้ ทำตัวแหกกฎ ก็เป็นเหตุผลให้ออกจากงานได้”
“ไอ้หยา อีไม่ใช่คุมไม่ได้ ลื้ออย่าไปเชื่อเพื่อนลื้อมากน่า” ผีเถ้าแก่หันไปด่าทรงเดช “ไอ้บ่างเอ้ย”
ทรงเดชสะดุ้ง เหมือนถูกใครด่าเข้าหู แต่มองไม่เห็นใคร
“ไปได้แล้ว”
จุลลามองสืบสายด้วยสายตาไม่พอใจ แต่พยายามอดทน ไม่พูดอะไรอีก เดี๋ยวเข้าตัว แสบ ลูกน้องและเจ๊พุ่มทยอยกันออกไป เหลือจุลลา ผีเถ้าแก่โผล่หน้าเข้าไปพูดกับจุลลาทำให้จุลลาสะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย”
“ลื้ออย่าทำตัวมีพิรุธซีเวลาคุยกับอั๊ว ทำตัวปกติๆ เป็นมั้ย”
“ก็มาให้ปกติหน่อยสิ เราต้องเคลียร์กัน” จุลลาพูดเบาๆ กับผีเถ้าแก่
“งั้นเจอกันที่ฮวงซุ้ย เพราะเราต้องการความเป็นส่วนตัว”
จุลลา ผีเถ้าแก่ประสานตากันอย่างเข้มข้น โดยมีสืบสายเฝ้ามองอยู่อย่างสนใจเงียบๆ ว่าจุลลามีท่าทางแปลกๆ
ที่สตูดิโอถ่ายโฆษณา เดือนพิไลที่แต่งหน้าทำผมเสร็จ โวยลั่นใส่เอเจนซี่
“ลูกค้ายังไม่มาอีกเหรอ”
“ยังค่ะ”
“จะมาถึงกี่โมง”
“เอ่อ คงใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ”
“คงเหรอ ใช้คำว่าคงได้ยังไง ไม่มืออาชีพเลย เคยทำงานหรือเปล่าเนี่ย หรือเพิ่งจบ” เอเจนซี่อึ้ง ที่เจอเหวี่ยง ทำอะไรไม่ถูก “เบื่อพวกไม่มีประสบการณ์ ไปโทรหาลูกค้าสิ อย่ามายืนแบ๊ว ไม่ชอบ”
“ค่ะๆ”
เอเจนซี่รีบวิ่งออกไป
“พิไล” พี่บีเข้ามาหาเดือนพิไล
“มูนค่ะ”
ช่างแต่งหน้า ช่างผมมองหน้ากัน เหวอ
“มูน ใจเย็นๆ สิ น้องเค้ายังเด็ก ไปตะคอกแบบนี้ขวัญกระเจิงหมด”
“จะได้รู้ไว้ ว่าทำงานแบบมืออาชีพต้องเป๊ะ อย่ามาเอ๋อ”
เอเจนซี่เปิดประตูเข้ามาใหม่
“ลูกค้ามาแล้วค่ะ คุณมูน”
“มีอารมณ์แล้วล่ะทีนี้”
เสี่ยตงก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัว ด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่ากระชุ่มกระชวย ช่างแต่งหน้า ช่างผมหัวเราะก๊ากออกมา เดือนพิไลหน้าเสีย หุบยิ้มแทบไม่ทัน
เดือนพิไลเข้ามาไหว้เสี่ยตงด้วยท่าทางชดช้อย เสี่ยตงรับไหว้อย่างเอ็นดู มีแตะนิดแตะหน่อย พอชุ่มชื่นใจ เดือนพิไลแอบแหวะ แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทน
“ไม่คิดว่าจะเป็นเสี่ยที่มาดูมูนถ่ายโฆษณา ดูสิ เซอร์ไพรส์มากเลยค่ะ มูนดีใจมาก”
“ตอนแรกอาตี๋ เอ๊ย อาสืบสายอีจะมาแล้ว แต่ติดธุระด่วน เลยให้อั๊วมาดูให้หน่อย”
“ธุระด่วน หรือจริงๆ แล้ว คุณสืบสายไม่พอใจที่มูนมารับงานนี้ เลยไม่อยากมาเห็นหน้ากันแน่คะ”
“ไอ้หยา ทำไมอาหนูเดือนพิไลคิดอย่างนั้น ไม่มี้ ไม่จริ้งงง อาสืบสายอีจะไม่พอใจหนูได้ยังไง หนูเป็นคนสวยและที่สำคัญ ราคาถูก...”
“คะ”
“หมายถึง ทำงานด้วยง่ายดี ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้นแน่นอน”
“คงมีแต่เสี่ยมั้งคะที่ให้กำลังใจมูน ไม่งั้น มูนคงจะต่อสู้บนเส้นทางนี้อย่างโดดเดี่ยวคนเดียว”
“อย่าพูดแบบนั้น หนูไม่ต้องห่วง ที่ปาล์มโปรดักส์ หนูเนฟเวอร์วอล์คอะโลนแน่ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเสี่ยหรอก รักเสี่ยก็ต้องยอมรับทุกอย่างที่เสี่ยเป็นคนตัดสินใจ”
“มูนอบอุ่นที่สุดเลยค่ะ ที่มีเสี่ยคอยปกป้อง ขอบคุณนะคะ”
เดือนพิไลไหว้ลงที่อกของเสี่ยตง เสี่ยตงยิ่งฟิต กระชุ่มกระชวย เดือนพิไลแอบยิ้มกริ่มที่ตอนนี้เสี่ยตงเป็นพวกเดียวกันแล้ว แต่แล้วเสี่ยตงก็สะดุ้งเฮือก
“ไอ้หยา”
“เสี่ยเป็นอะไรไปคะ”
“มือถืออั๊วมันสั่น”
เสี่ยตงรีบหยิบมือถือจากกระเป๋ามาดูเห็นเบอร์โชว์หน้าจอว่า อาเง็ก เสี่ยตงมองเดือนพิไล กรุ้มกริ่ม รีบปิดมือถือเลย
คุณนายเง็กอยู่ที่ห้องทำงานเสี่ยตง กดปิดมือถืออย่างหงุดหงิด
“ไอ้หยา ปิดเครื่องใส่อั๊ว”
“แบตมือถือท่านประธานอาจจะหมดก็ได้นะคะ” เลขาบอก
“อีบอกมั้ยว่าจะกลับเมื่อไหร่”
“ไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ”
“อีไปกับใคร”
“ขับรถไปคนเดียวค่ะ”
“คนเดียว อาเลขา โทรจิกจนกว่าอีจะเปิดมือถือ”
“ค่ะ”
เลขารีบโทรศัพท์ คุณนายเง็กหงุดหงิด
ที่สตูดิโอ เอเจนซี่เข้ามาตามเดือนพิไล
“คุณมูนคะ จะเริ่มถ่ายแล้วค่ะ เชิญคุณลูกค้าด้วยนะคะ”
“ค่ะมูนพร้อมนานแล้วค่ะ เดี๋ยวมูนดูแลลูกค้าเองค่ะ” เอเจนซี่พยักหน้ารับ แล้วออกไป “ถ่ายเสร็จแล้ว เสี่ยมีงานที่ไหนต่อหรือเปล่าคะ”
“เสี่ยคงต้องเข้าออฟฟิศ”
“ว้า เสียดายจัง ว่าจะเชิญเสี่ยไปทานอาหารเพื่อแสดงความขอบคุณที่เลือกมูนทำงานนี้ด้วยซะหน่อย”
“ก็ได้นี่ ไม่มีปัญหา ตอนเย็นๆ ดีมั้ย เสี่ยจะได้ให้อาสืบอีมาทานด้วย หนูเป็นคนน่ารัก เสี่ยอยากให้อาสืบกับหนูได้คุยกัน”
“จะดีเหรอคะ คุณสืบสายคงยุ่ง”
“ยุ่งก็ต้องมา นี่เป็นคำสั่ง ฮ่าๆๆ”
“เกรงใจจังค่ะ แต่ก็ได้ค่ะ”
เดือนพิไลยิ้มหวาน สมอารมณ์หมาย
จุลลาวิ่งฉิวผ่านป้อมยามไป
“วิ่งระวังล้มนะครับผม นายช่าง รีบไปไหนครับผม”
“ไปซื้อของร้านเจ๊อ้อย” จุลลาตอบโดยไม่หันมา จุลลาวิ่งพ้นไปแล้ว ยามจ่อยอึ้ง มองมาที่ขาตัวเอง เห็นเจ๊อ้อยนั่งตัวลีบเล็กกอดขายามจ่อยอยู่
“แต่เจ๊อ้อยยังนั่งผมชี้ตั้งอยู่ตรงนี้เลยนะครับผม”
“ใครหาฉันเหรอ ยามจ่อย” เจ๊อ้อยถามเสียงอ้อน
“นายช่างครับผม บอกจะไปซื้อของร้านเจ๊ครับผม”
“ใครจะซื้อจะขโมยก็เอาไปเห้อะ อยากจะเจอผีเก้าอี้ ผีหม้ออีกก็เอาเลย เจ๊เพลีย ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้เจ๊หน่อยนะ เจ๊อ่อนแอมาก”
เจ๊อ้อยหลบผีเถ้าแก่อยู่ในป้อมยามต่อไป ไม่สนใจอะไรแล้ว ยามจ่อยส่ายหน้ากับเจ๊อ้อย รถของสืบสายแล่นมา ครรชิตลดกระจก ยามจ่อยรีบถีบเจ๊อ้อยให้หลบไปให้พ้นเพราะกลัวสืบสาย เจ๊อ้อยกระเด็น ยามจ่อยตะเบ๊ะ เปิดไม้กั้นให้ สืบสายลดกระจกลงมา
“ฉันเห็นจุลลาวิ่งออกไป ไปไหน”
“ตาไวจริงๆ ครับผม นายช่างไปซื้อของร้านเจ๊อ้อยครับผม”
สืบสายพยักหน้ารับรู้ ปิดกระจก ครรชิตออกรถไป
จุลลาวิ่งมาถึงหน้าฮวงซุ้ย เหนื่อยหอบ
“มาแล้วเถ้าแก่ ออกมาเลย เร็วๆ ต้องรีบกลับไปทำงาน” เงียบ มีเพียงลมพัดต้นมะพร้าว “จะนัดมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่คุยที่โรงงานให้จบๆ ก็ไม่รู้ เถ้าแก่! ได้นมั้ย กลับมาหรือยัง เถ้าแก่” เงียบ “งั้นกลับ”
จุลลาหันหลังกลับ เจอผีเถ้าแก่ยืนยิ้มอยู่ ในมือถือถ้วยน้ำชา
“อั๊วอยู่นี่”
“ว้าย”
“เวลาลื้อตกใจแบบนี้ ก็ดูเป็นผู้หญิงดีนี่หว่า”
“ก็หนูเป็นผู้หญิง”
“แต่อั๊วไม่เห็นว่าลื้อเป็นผู้หญิงเลยว่ะ”
“นัดมาด่า หรือมาเคลียร์”
“เจี๊ยะเต้ก่อนนา อาหนูช่าง มาๆ นั่งๆ เข้าไปนั่งในฮวงซุ้ยอั๊วมั้ย”
“ไม่ดีมั้ง อีกอย่าง รีบคุยเถอะ อย่าชวนเจียะเต้อยู่เลย กลัวกลับไปโรงงานแล้วต้องเจี๊ยะตะ (จะพูดว่าตีน แต่เบรกไว้ทัน) นั่นแหละ เร็วๆ หนูรีบกลับไปทำงาน”
“ลื้อนี่ยังต้องฝึกอีกเยอะว่ะ พูดจาไม่เพราะหยาบกระด้างหูจริงๆ”
“นับสามนะ หนึ่ง...สอง...”
“มา คุย”
“จะเอาไงกับหนู”
จุลลามองเถ้าแก่จริงจังมาก ณ จุดนี้ ความกลัวไม่เหลือแล้ว
สืบสายนั่งเครียดอยู่ในรถ รู้สึกคิดถึงก๋ง
“ครรชิต เลี้ยวกลับ”
“กลับไปไหนครับ บอส”
“บอกให้เลี้ยวกลับ”
ครรชิตหยุดรถ เลี้ยวรถกลับ
ที่ฮวงซุ้ยเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่ลอยไปลอยมาคุยกับจุลลา
“อั๊วบอกแล้วไง อยากให้ลื้อเป็นเพื่อนคุยกับอั๊ว แล้วอั๊วสัญญาจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ป่วนใครอีก โอเคป่ะ”
“ไม่โอเค”
“ทำไมวะ”
“เลิกลอยไปลอยมาก่อนได้มั้ย เถ้าแก่ เวียนหัว”
“ลื้อนี่มันเรื่องมากจริงๆ อยู่เฉยๆ ก็ได้วะ”
“ขอบคุณ”
“ค่ะด้วย”
“ค่ะ”
“ทีหลังก็พูดให้ติดปาก คนพูดจาเพราะ คนฟังจะเอ็นดู”
“มันจะมาดูเอ็นหนูดิ่...ค่ะ”
“ก็ถีบมันไปสิ ลื้อตีนหนัก อั๊วรู้”
“เข้าเรื่องๆ สัญญากับหนูข้อหนึ่งก่อน ถ้าอยากให้หนูเป็นเพื่อนคุยด้วยจริงๆ”
“ว่ามา อั๊วรักษาสัญญาเสมอ ตั้งแต่ยังเป็นคนยันเป็นผี ไม่เคยผิดสัญญากับใคร”
“แมนอ่ะ”
“แน่นอน”
“เถ้าแก่สัญญาว่าจะไม่ป่วนให้หนูต้องเดือดร้อนเหมือนเมื่อเช้าอีก เห็นไม่ใช่เหรอว่าหลานชายเถ้าแก่จะไล่หนูออก ถ้าพูดเรื่องผีขึ้นมาอีก ถ้าผิดสัญญาเป็นอันล้มเลิกการเป็นเพื่อน”
“อั๊วสัญญา อั๊วจะทำตัวดี ไม่ให้ลื้อเดือดร้อน”
“แค่คุยเป็นเพื่อนเท่านั้นนะ”
“แล้วเพื่อนกัน พอจะช่วยเหลืออั๊วบ้างได้มั้ย”
“ช่วยอะไร”
“เช่น ช่วยดัดนิสัยอาตี๋”
“โน่ ไม่ใช่แม่”
จู่ๆ ผีเถ้าแก่ก็ตกใจ
“เฮ้ย”
“อะไรเถ้าแก่”
“หลบเร็ว”
“หลบใคร”
สืบสายกำลังเดินมาที่ฮวงซุ้ย แต่ยังไม่เห็นจุลลา จุลลาเห็นสืบสายก็ตกใจ กระโดดทะลุผ่านร่างผีเถ้าแก่ไปหลบอยู่ข้างๆ ทันที ผีเถ้าแก่ยืนรอสืบสายอยู่ สืบสายเดินเข้ามาในฮวงซุ้ย จุลลาแอบดูอยู่ เท้าไปเหยียบกิ่งไม้เสียงดังกรอบ สืบสายตกใจหันไปมองทางจุลลา จุลลาตัวแข็งทื่อ
จุลลาแอบอยู่ เห็นสืบสายเดินตรงมายังจุดที่จุลลาแอบ จุลลาตกใจ ใจหายวาบ หันมาตั้งสติ เจอผีเถ้าแก่หลบอยู่ด้วยข้างๆ จุลลาตกใจสะดุ้งเฮือก
“จะหลบทำไม” จุลลากระซิบถามผีเถ้าแก่
“อั๊วกลัวอาตี๋เห็นสิวะ”
“ถ้าแก่เป็นผี แล้วเค้าก็มองเถ้าแก่ไม่เห็น ลืมไปแล้วหรือไง”
“เออ ว่ะ”
สืบสายมองมาอย่างสงสัย
“ใครอยู่ตรงนั้น”
จุลลาตกใจ สัญชาติญาณเอาตัวรอดทำงานทันที
“เมี้ยววววว”
“แมว”
“เสียงไม่ได้เหมือนเล้ย ใครเชื่อก็บ้าแล้ว” ผีเถ้าแก่บ่นแต่ สืบสายเชื่อ หมดความสงสัย ไม่พอใจเรื่องแมวมาเพ่นพ่านแทน
“แมวใครที่ไหน ไม่รู้จะมาทำเรี่ยราดในฮวงซุ้ยก๋งหรือเปล่า”
สืบสายเดินออกไป ตรงไปที่หน้าฮวงซุ้ยด้วยความเป็นห่วง จุลลาหันไปยิ้มให้ผีเถ้าแก่อวดๆ
“เออ บ้าพอกัน”
สืบสายเข้ามายืนหน้าฮวงซุ้ยเห็นเศษใบไม้หล่นร่วง สืบสายเก็บกวาดออกไประหว่างนั้นเหลือบเห็นข้าวของวางไม่เป็นระเบียบ สืบสายลงมือจัดให้เข้าที่ ผีเถ้าแก่ยืนมองด้วยสายตาเอ็นดูและเมตตา จุลลายังนั่งแอบดูสืบสายอยู่ที่มุมหนึ่ง จุลลาจึงเห็นมุมอ่อนโยนของสืบสายที่ตัวเองไม่เคยเห็น รู้สึกแปลกตา
“ทำไมไม่มีใครดูแลเลย”
“มันก็ไม่ได้รก หรือว่าสกปรกอะไรนักหนาหรอกอาตี๋”
“ยกตำแหน่งมิสเตอร์เป๊ะให้เลย” จุลลาบอกเบาๆ สืบสายชะงัก หันขวับมองมาทางจุลลา จุลลาตกใจ รีบหลบ ตัวแข็ง
“รู้ก็รู้อยู่ ถ้าอาตี๋รู้ว่าลื้อหนีงานมาอยู่ที่นี่ ลื้อคอขาดแน่ อยู่เงียบๆ เฉยๆ” ผีเถ้าแก่บอก จุลลาชูนิ้วโอเค “มาหาก๋ง มีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ย อาตี๋ เล่าให้ก๋งฟังซิ” ผีเถ้าแก่ถามสืบสาย ขณะที่สืบสายยังยืนนิ่ง มองฮวงซุ้ยด้วยสายตาตัดพ้อ
“ทำไมก๋งต้องตายด้วยครับ”
“ไอ้หยา ก็คนมันแก่ สังขารก็เสื่อมทรุดโทรมตามวัย ป่วยตายไปก็ถูกแล้ว”
“ไม่ตายไม่ได้เหรอครับ”
“วะ ให้นอนพะงาบๆ เป็นมนุษย์สายยางอยู่บนเตียงอั๊วไม่เอา”
จุลลาหลุดขำกับคำถามและคำตอบของปู่หลาน แต่ไม่กล้ามีเสียง สืบสายคอตก ถอนใจ เพราะรู้ดีว่าถามไปก็เท่านั้น
“ผมไม่อยากให้ก๋งตาย ไม่มีก๋ง ผมก็เหมือนไม่มีใคร” ผีเถ้าแก่อึ้ง จุลลาก็อึ้ง เห็นความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้างอยู่ในแววตาของสืบสาย จุลลารู้สึกอ่อนลง “ผมคิดถึงก๋งมากนะครับ”
“ก๋งก็คิดถึงลื้อ ก๋งมีหลายอย่างที่อยากจะสอนลื้อ แต่ก็ไม่ทัน” ทั้งสืบสายและผีเถ้าแก่อึ้งกันไปทั้งสองคน จุลลาอินกับปู่และหลานโดยไม่รู้ตัว “ลื้อต้องเข้มแข็ง ยืนด้วยขาตัวเองให้ได้ และถ้าไม่อยากโดดเดี่ยว ก็ต้องทำตัวให้เหมือนต้นหลิว ที่กิ่งของมันจะโน้มลงมาหาพื้นดินเสมอ ลื้อเข้าใจมั้ย”
“ผมเข้าใจนะ ไม่ต้องห่วงนะครับก๋ง ผมจะทำให้ป๊าเห็น ว่าผมบริหารโรงงานนี้ตามแนวทางของก๋งได้”
“ดี”
จุลลาเผลอยิ้มไปกับสืบสาย
“และใครก็ตามที่บังอาจพูดถึงก๋ง ว่าเป็นผีเฮี้ยนๆ ชอบหลอกชาวบ้านอีก ผมจะไม่เอาไว้ ฐานลบหลู่ให้ก๋งต้องเสียหาย”
“ก็ดี...เฮ้ย อาตี๋ ไม่ต้อง อั๊วไม่ถือ เพราะอั๊วเฮี้ยนจริง”
“ผมเข้มแข็งขึ้นเยอะเลยครับก๋ง ขอบคุณนะครับ”
สืบสายยิ้ม ไหว้ฮวงซุ้ย แล้วออกไป จุลลาเผลอยิ้มขำๆ กับความคิดของสืบสาย จู่ๆ ผีเถ้าแก่ก็เยี่ยมหน้าเข้ามา
“ยิ้มแบบนี้แสดงว่าลื้อ....”
จุลลาอึ้ง หุบยิ้ม
จุลลาเดินหนีผีเถ้าแก่มา
“หนูแค่กล้ามเนื้อที่หน้ากระตุก เลยทำให้ดูเหมือนยิ้ม”
“ไปหลอกเด็กเห้อะ” ผีเถ้าแก่บอกอย่างไม่เชื่อ
“โอเค หนูยิ้ม แล้วไง”
“ลื้อชอบอาตี๋ของอั๊ว”
“ฝันเถอะค่ะ”
“ตั้งแต่เป็นผี อั๊วไม่เคยฝัน เพราะอั๊วไม่นอน”
“ทำไมเถ้าแก่ถึงอยากให้หนูชอบอาตี๋ของเถ้าแก่นักนะ”
“ลื้อก็ได้ยินแล้วนี่ว่าอีต้องพิสูจน์ตัวเองกับอาตง อีกำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว อีต้องการพันธมิตรคอยช่วยเหลือ” จุลลาอึ้ง
“ตกลงที่หนูด่าเค้าไปเมื่อคืน เรื่องจริงเหรอคะ”
“ใช่ โดนตรงๆ เต็มๆ ลื้อไม่สงสารอีเหรอ” จุลลาส่ายหน้า
“หึ อคติในใจของเค้าทำให้หนูสงสารไม่ลง”
“ลื้อก็เปลี่ยนอคติในใจอาตี๋ซะสิ”
“เถ้าแก่รู้มั้ยว่าสิ่งที่เปลี่ยนยากที่สุดของมนุษย์ก็คืออคติในใจ”
“แต่ใช่ว่าเปลี่ยนไม่ได้ พนันกันมั้ย”
“ผีพนัน มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่เอา ไม่ชอบเล่นพนัน บาป”
“ไม่พนันก็ได้ แต่...อั๊วขอท้าลื้อ”
“ได้คืบจะเอาศอกนะเถ้าแก่ เมื่อกี้ขอแค่เป็นเพื่อน มาตอนนี้ ก็มาท้าให้ทำเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้”
“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ลื้อก็อคติ แถมใจแคบ ไม่เปิดโอกาสให้คนที่เห็นผิดเป็นชอบได้กลับตัว ใช้ไม่ได้ เก๋า...” ผีเถ้าแก่อารมณ์ขึ้น จุลลารีบขัด
“เป๊ง หมดเวลา!หนูจะไปทำงาน ถ้าเถ้าแก่เซ้าซี้หนูเรื่องให้ไปล้างอคติในใจของหลานเถ้าแก่อีก เลิกคบ! และหนูจะลาออก สวัสดีค่ะ”
จุลลาไหว้ผีเถ้าแก่แล้วเดินออกไปทันที
“ดื้อด้านที่สุด เหมือนใครวะ”
ที่สตูดิโอ เสี่ยตงชื่นชมเดือนพิไลที่กำลังโพสต์ท่ากับโปรดักส์อยู่บนบลูสกรีนให้สืบสายที่นั่งดูอยู่ด้วยฟัง ครรชิตยืนอยู่ใกล้ๆ คอยรับคำสั่ง
“เหมือนแม่ลื้อตอนสาวๆเลยนะอาตี๋ อีสวย น่าเอ็นดู มีมารยาทและทำงานเป็นมืออาชีพ”
“ครับ” สืบสายรับคำนิ่งๆ ไม่ได้คล้อยตามแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“เหรอออ” ครรชิตบอกอย่างลืมตัว
“อะไรของลื้อวะ อาครรชิต” เสี่ยตงหันมาถามครรชิต ครรชิตรีบแก้ตัว
“อ๋อ เรอครับ ผมอยากจะเรอ”
“อย่าเสียมารยาทในนี้”
“ครับผม”
ครรชิตจ๋อยๆ เงียบๆ แต่แอบฟังเก็บรายละเอียดต่อไป เสี่ยตงชื่นชมเดือนพิไลให้สืบสายฟังต่อ
“เดี๋ยวถ่ายโฆษณาเสร็จ อั๊วเชิญอาหนูมูนไปกินข้าว ลื้อก็ต้องไปด้วย”
“แต่ผม”
“ไอ้หยา อย่าขัดใจอั๊วได้มั้ย เรื่องงานอั๊วก็ยอมให้ลื้อแล้ว ลื้อตามใจอั๊วบ้างสิ”
“ป๊าอยากไปทานข้าวหรือมีอะไรนอกเหนือจากนั้นหรือเปล่าล่ะครับ”
“ไม่มี้ ก็แค่เลี้ยงขอบคุณเฉยๆ ไม่มีอะไรทับซ้อน”
“เหรอ” ครรชิตลืมตัวอีก
“ไอ้ครรชิต อะไรของลื้อนักหนาวะ”
“ผมจะเรออีกแล้วครับ” ครรชิตรีบแก้ตัว
“ไปข้างนอกเลย ไป ก่อนที่อั๊วจะเอาอะไรมาอุดปากลื้อ” ครรชิตสบตาสืบสาย สืบสายพยักหน้าอนุญาตครรชิต ครรชิตเลยรีบออกไปเพื่อไปรายงานเรื่องนี้กับคุณนายเง็ก “ว่าไง อาตี๋”
“ก็ได้ครับ”
เสี่ยตงพอใจ ในขณะที่สืบสายรู้สึกอึดอัด มองดูเดือนพิไลถ่ายแบบ เดือนพิไลเหลือบเห็นสืบสาย ตั้งใจโพสต์ท่าเซ็กซี่เย้ายวนกับกล้อง
“คัท คุณเดือนพิไลครับ ผมขอแบบอ่อนหวานครับ ไม่ใช่เซ็กซี่ เอาใหม่ครับ” ผู้กำกับบอก
“ขอโทษค่ะ”
เดือนพิไลยิ้มเขิน หน้าแตก รีบจูนตัวเองใหม่ สืบสายมองเดือนพิไลอย่างพิจารณา
ครรชิตออกมาโทรศัพท์รายงานคุณนายเง็ก คุณนายเง็กจึงวีนมาทางโทรศัพท์
“อีจะพาอาตี๋ไปดินเนอร์กับยัยเดือนพิไล”
“ซึ่งมีชื่อเล่นอันกิ๊บเก๋ว่า มูน ครับ”
“จะข้าวเหนียวมูนหรือเซเลอร์มูน อั๊วก็ไม่อยากให้ลูกกับผัวอั๊วไปใกล้ชิดสนิทสนม”
“ท่านรองไม่อยาก แต่ท่านประธานดูอย้ากอยากนะครับ”
“ไอ้หยา! มันอยากมากขนาดไหนวะ”
“ก็ขนาดบอสปฏิเสธไปแล้ว แต่ท่านประธานยังจะบังคับ แถมอากัปกริยาก็ดูจะเอื้อเอ็นดูคุณข้าวเหนียวมูนเป็นพิเศษ ท่าทางจะลงนะมาดี” คุณนายเง็กตบโต๊ะปัง
“จะไปกันกี่โมง”
“ไม่ทราบครับ ทราบแต่ว่าหลังงานเสร็จ”
“รายงานอั๊วเป็นระยะ”
“ครับ ท่านรอง” ครรชิตกดวางสาย นึกแปลกใจ “ให้รายงานเป็นระยะ แค่นี้เองเหรอ ว้า นึกว่าจะมีเฮ”
ครรชิตเดินออกไป ทางด้านคุณนายเง็ก เธอเดือดดาลมาก
“มีเฮแน่! ไอ้ท่านประธาน”
ที่โรงงาน จุลลาและแสบกำลังตรวจเช็คเครื่องจักรตัวหนึ่งอยู่เพื่อทำประวัติ จุลลาทำหน้าที่จด แต่ใจเหม่อลอยคิดถึงเรื่องผีเถ้าแก่และสืบสาย
“พิสูจน์ตัวเองกับท่านประธาน นายนั่นไม่ถูกกับพ่อ”
“ไรเพ่” แสบถามขึ้นมา จุลลาตกใจ
“เฮ่ย! ไม่มีอะไร เช็คเครื่องต่อสิ เร็วๆ ยังเหลืออีกเยอะ”
จุลลาจดข้อมูลยิกๆ พยายามรวบรวมสมาธิ ขณะนั้นน้ำหวานหน้างอ แบกกล่องกระดาษใส่เครื่องใช้สำนักงาน สะพายกระเป๋าเดินตัดโรงงานไปทางหนึ่ง แสบเงยหน้ามาเห็นน้ำหวานพอดี แปลกใจ
“น้ำหวาน” จุลลาคิดว่าแสบเพ้อ
“ไอ้แสบ เวลาทำงาน อย่าเพิ่งคิดถึงหญิง รอพักกลางวันก่อน ค่อยเพ้อ”
“ความคิดถึงมันห้ามกันได้ด้วยเหรอพี่”
“ไอ้เน่าเอ้ย”
“อีกอย่าง จะไม่เพ้อ ถ้าไม่เห็น”
จุลลาหันมองตามสายตาของแสบ เห็นน้ำหวานเดินไปทางหนึ่ง
“ขนข้าวของไปไหน เหมือนจะไม่ทำงานที่นี่แล้วงั้นแหละ” แสบตกใจ
“ฮ้า น้องน้ำหวานถูกไล่ออก! เป็นไปไม่ได้”
เสียงออดพักกลางวันดังขึ้นพอดี
“อ่ะ พักพอดี ไปตามหัวใจของแกเลยไป” จุลลาบบอกแล้วจะเดินไปทางหนึ่ง แสบเข้าไปลากจุลลาให้ตามไปด้วย
“พี่ไปด้วย”
“เฮ้ย ฉันไม่เกี่ยว”
“ช่วยหน่อยนะพี่ กลัวน้องน้ำหวานไม่คุยด้วย พี่ช่วยเป็นสะพานให้ผมเหยียบข้ามไปหาน้องน้ำหวานหน่อยนะ นะๆๆ”
“ก็ได้ แต่อย่าบ่อย”
“รักมากกกก” แสบส่งสัญลักษณ์นิ้วให้จุลลา
“ให้คนอื่นโน่น” จุลลาผลักมือแสบให้หันไปทางน้ำหวาน
“คนนั้น สุดๆ อยู่แล้ว”
จุลลาส่ายหัวเดินตามแสบไป
น้ำหวานเดินมาหยุดหน้าห้องทรงเดช ซึ่งเป็นห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตที่อยู่ด้านหนึ่งของโรงงาน น้ำหวานเคาะประตูห้อง
“น้ำหวานเองค่ะ คุณทรงเดช”
จุลลาและแสบโผล่หน้ามา แอบดูจากมุมหนึ่ง
“น้องน้ำหวานมาหาไอ้ส่งเดชว่ะพี่”
“รู้แล้ว ตาไม่ได้บอด หูไม่ได้หนวก”
ทรงเดชเปิดประตูออกมาเห็นน้ำหวานปุ๊บ ทรงเดชยิ้มกว้าง ยืนเท่โชว์น้ำหวาน แสบหมั่นไส้ทรงเดช
“ดูมันๆ ผู้หญิงยืนถือของหนักๆ อยู่ข้างหน้า ไม่คิดจะช่วยกันบ้างหรือไง”
“แกก็ไปช่วยสิ”
“ได้ถูกด่ากลับมาสิ”
“งั้นก็เงียบๆ ก่อน ฟัง”
จุลลาจับหน้าแสบให้หันไปฟังต่อ
“ผมเตรียมโต๊ะทำงานของน้ำหวานไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะ” ทรงเดชบอก
“ไหนคะ”
“ในห้องผมไง เป็นเลขาผม ก็ต้องอยู่ใกล้ผม มีอะไรจะได้เรียกใช้สะดวก”
“เป็นเลขา” แสบตกใจมาก ทรงเดช น้ำหวานหันขวับ จุลลารีบดึงแสบให้หลบ
“โอย หลบอีกแล้ว วันนี้ หลบทั้งวัน มาทำงานหรือมาซุ่มโป่งชาวบ้านวะเนี่ย” จุลลาบ่น
“เป็นอะไรพี่” แสบหันมาถาม
“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร รีบไปกินข้าวก่อนเถอะแสบ น้องเค้ายังทำงานอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน สบายใจได้แล้ว”
“ยิ่งไม่สบายใจหนักเลยพี่ที่น้องน้ำหวานมาเป็นเลขาของไอ้ส่งเดช ส่งปลาย่างไปไว้กับแมวชัดๆ”
แสบเจ็บใจและไม่ไว้ใจทรงเดช จุลลาถอนใจ เห็นใจแสบและเป็นกังวลกับสวัสดิภาพของน้ำหวานเหมือนกัน
ที่ห้องพักรับประทานอาหารของผู้บริหารปาล์มโปรดักส์ เจ๊พุ่มกำลังรายงานคุณนายเง็กเรื่องเห็นผีกลางวันแสกๆ ที่ร้านเจ๊อ้อย อย่างออกรสออกชาติ คุณนายเง็กตื่นเต้นมาก
“จะๆ คาตาเลยค่ะคุณนาย ถ้าเป็นลมได้ พุ่มเป็นลมไปแล้วค่ะคุณนาย แต่ตอนนั้นมันตกใจมากกว่า เลยลืมเป็นลม”
“ลื้อคิดว่า เป็นผีก๋งอาตี๋หรือเปล่า”
เจ๊พุ่มลืมตัวเข้าไปปิดปากคุณนายเง็ก
“อย่าพูดค่ะ ท่านรอง”
“ว้าย” คุณนายเง็กรีบแกะมือเจ๊พุ่มออก “อั๊วจะพูด มาห้ามทำไม”
“คุณสืบสายบอกพวกเราทุกคนว่าห้ามพูดเรื่องผีอีก ไม่งั้นไล่ออก โดยเฉพาะนายช่าง โดนหนักกว่าใครเลยนะคะ ออฟฟิศนอกเวลาของพุ่มเลยพลอยเดือดร้อนไปด้วยเลย”
“ลื้อก็แอบๆ เอาซี อย่าให้อาตี๋อีรู้ แล้วอาหนูช่างอีว่าไงเรื่องถูกผีหลอก”
“ก็กลัวสิคะ เจอเข้าไปเต็มๆ แบบนี้ ตอนแรกแกก็ไม่เชื่อนะคะว่าเป็นผี แต่ตอนนี้เชื่อสนิท”
“ตกลงลื้อว่าใช่ผีเตี่ยหรือเปล่า”
“แน่ๆ ค่ะ”
“ลื้อคอยจับตามองอาหนูช่างให้ดี อั๊วแน่ใจว่าอีกไม่นาน สิ่งที่อั๊วคิดมันจะเป็นจริง”
“คิดอะไรเหรอคะ”
“อาหนูช่างคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรารู้ว่า ผีเตี่ยต้องการอะไร”
“แล้วทำไม ท่านรองไม่ไปถามนายช่างตรงๆ เลยล่ะค่ะ”
“ถามได้ยังไง ก็ตอนนี้อั๊วยังไม่แน่ใจว่าอีติดต่อกับผีเตี่ยได้จริงๆ หรือเปล่า อั๊วไม่อยากให้อีคิดว่าอั๊วงมงาย กระโตกกระตากไป อาตี๋อีรู้ ไล่อั๊วออกจะทำไง”
“ไล่แม่ออกจากที่นี่ได้ด้วยเหรอคะ”
“เออ ลืมไป ว่าที่นี่อั๊วใหญ่ ไปๆๆๆ ไปรินน้ำให้อั๊ว คอแห้ง”
เจ๊พุ่มเลี่ยงไปรินน้ำให้คุณนายเง็ก คุณนายเง็กหมายมั่นกับภารกิจมาก
ที่ร้านเจ๊อ้อย แสบนั่งซึมอยู่ท่ามกลางชาวแก๊ง เจ๊อ้อยนั่งประชิดติดจุลลาเพื่อถามเรื่องผีเถ้าแก่ ชาวแก๊งสนใจฟัง ยกเว้นแสบ
“นายช่างแน่ใจได้ยังไงว่าผีเจ้าสัวจะไม่มาที่นี่อีก”
“แล้วเจ๊รู้ได้ยังไง ว่าผีที่เห็น เป็นผีเจ้าสัว” จุลลาย้อนถาม
“โอ้ย เฮี้ยนแบบนี้ มีอยู่เจ้าเดียวล่ะค่า นายช่างคนเก่าถึงได้วิ่งหนีไปรู้กี่คนต่อกี่คนไงค้า เจ๊เจอจะๆ คาตาก็วันนี้ โอย พูดถึงยังขนลุกไม่หาย”
“ต่อไปนี้ รับรองได้ว่าผีเจ้าสัวจะไม่มากวนใจเจ๊และพวกเราทุกคนอีก” เจ๊อ้อยและชาวแก๊งมองหน้ากัน ลังเล “ฉันสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว สบายใจได้ นี่...รู้สึกมั้ยว่าอากาศปลอดโปร่ง ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ”
ทุกคนสูดอากาศ อุปาทาน ยกเว้นแสบที่ยังซึม
“จริงๆ ด้วย” เจ๊อ้อยบอกแต่แสบทะลึ่งพรวดขึ้นมา
“ไม่จริง”
“เฮ้ย” ทุกคนตกใจ
“พี่รู้ได้ไง ว่าผีเจ้าสัวจะมาอีก” เข่งถามแสบ
“ฉันพูดถึงน้องน้ำหวาน พวกแกพูดถึงเรื่องอะไรวะ”
“น้องน้ำหวาน ใครวะ ไอ้แสบ”
“แฟนพี่แสบเค้าเจ๊”
“แต่เค้าไม่รู้ตัวหรอกเจ๊”
แสบร้อนใจ ขณะนั้นน้ำหวานเดินเข้ามาพอดี แสบจึงเข้าไปหาน้ำหวานทันทีด้วยความร้อนใจ
“ตกลงโดนแล้วเหรอจ๊ะ น้องน้ำหวาน โธ่เอ้ย ไม่น่าเลย”
“โดนอะไรของแก ไอ้แสบ” แสบสะดุ้งเฮือก ถอยกรูดมาอยู่ที่โต๊ะตามเดิม น้ำหวานเห็นจุลลานั่งอยู่ เดินเข้ามาหา “พี่จูน หนูขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“นะพี่นะ หนูกลุ้มใจ”
“พี่จูนอาจจะไม่พร้อม แต่พี่พร้อมนะจ๊ะ” แสบเสนอหน้า
“คนอื่น อย่ามายุ่ง” น้ำหวานบอก แสบสะดุ้ง หงอ
“ว้าย!” น้ำหวานจับมือจุลลาจูงออกไป “ไรแว้...ทีเราล่ะ แยกเขี้ยวจะกัด ทีพี่จูนแล้วจับมือถือแขน”
“เป็นตุ๊ดสิแก น้องเค้าจะได้ไม่กัด” เจ๊อ้อยบอก
“เออ ดีเหมือนกัน เย้ย เจ๊”
“ทำไมน้องเค้าถึงได้เกลียดแกนักวะ แกก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนะ นอกจากไม่หล่อ ปากเสีย กำพร้า แถมจนยังก๊ะหมา”
“เออ นั่นสิ เฮ้ย เจ๊ หลอกด่ากันทำไมเนี่ย”
“เอา ใครจะกินอะไร สั่งมา”
เจ๊อ้อยเปลี่ยนเรื่อง แสบหงุดหงิด
น้ำหวานพาจุลลามาคุยกันตามลำพัง
“หนูไม่ชอบคุณทรงเดชเลย แต่หนูก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันเป็นคำสั่งของคุณสืบสาย” น้ำหวานบ่นให้จุลลาฟัง
“ทำไมเราถึงไม่ชอบนายส่งเดช เอ้ย คุณทรงเดช”
“ขี้โม้ แถมขี้หลี ตั้งแต่วันแรก เค้ามองหนูเหมือนจะงาบหนูเข้าปากไปด้วยเลยนะ”
“เฮ้ย! จริงเด่ะ”
“หนูกลัวอ่ะพี่ แต่หนูรู้ว่าพี่จูนไม่กลัวเค้า พี่สอนหนูหน่อยดิ่ ทำไงดีให้ไม่กลัว”
“ก็ต้องไม่กลัว”
“สอนมากเลย”
“หรือไม่จริง เราต้องระงับความกลัวด้วยการไม่กลัว ทำใจให้เข้มแข็ง ถ้าหากเค้าทำอะไรเราขึ้นมาจริงๆ คุมสติเอาไว้ แล้วรายงานผู้บริหาร หรือไม่ก็มาบอกพี่”
“ค่ะ ขอบคุณพี่จูนมากเลยนะ”
จุลลายิ้มให้กำลังใจน้ำหวาน
เดือนพิไลเดินมาส่งเสี่ยตง สืบสาย ครรชิตหน้าสตูดิโอ โดยมีพี่บีและเอเจนซี่ตามมาด้วย
“ครรชิต ไปเตรียมรถไป” สืบสายบอกแต่ครรชิตอยากต่อ
“เราเดินไปพร้อมๆ กันก็ได้นะครับบอส”
“ครรชิต”
“ครับ บอส”
ครรชิตรีบวิ่งออกไป
“เสียดายจังนะคะ คิดว่าจะอยู่ดูมูนทำงานจนเสร็จซะอีก”
“แหมๆ เดี๋ยวเย็นนี้เราก็เจอกันอีกน่าหนูมูน ตั้งใจทำงานนะจ๊ะ”
“ค่ะ เสี่”ย
เสี่ยตงรับไหว้เดือนพิไล จับมือนานแน่น เดือนพิไลหน้าเสีย พยายามชักกลับ แต่เสี่ยตงก็ไม่ยอมปล่อย เสียงมือถือสืบสายดังขึ้น สืบสายเห็นเบอร์รีบกดรับ
“ครับ” สืบสายหันไปมองเสี่ยตง “แฮ่ม ป๊าครับ”
“ว่าไงวะ อาตี๋”
“หม่าม้าโทรมา จะคุยกับป๊าครับ”
เสี่ยตงรีบชักมือกลับ ตกใจ
“ไอ้หยา” เสี่ยตงรับมือถือมาจากสืบสาย เดินเลี่ยงไป เสียงอ่อนเสียงหวาน “ฮัลโหล ว่าไง อาเง็ก คิดถึงอะไรกันนักหนา”
สืบสายยืนรอเสี่ยตง เดือนพิไลรีบลากพี่บีไปคุยทางหนึ่ง เบาๆ
“เข้าไปก่อน หนูส่งลูกค้าเอง”
“นังมูน”
“อะไร เป็นพรีเซ็นเตอร์ดูแลลูกค้าก็ถูกแล้ว หยิบนังประสานงานนี่ติดไปด้วย ให้ไปเช็คให้หน่อยว่าเหลืออีกกี่คัทถึงจะเสร็จ”
“ก็ได้ แค่ดูแลนะ อย่าไปดูอย่างอื่น”
พี่บีเข้าไปพูดอะไรสองสามคำกับเอเจนซี่ เอเจนซี่ยิ้มให้เดือนพิไล เดือนพิไลยิ้มตอบ พี่บีกับเอเจนซี่เข้าไปข้างใน เดือนพิไลยิ้มกริ่ม รีบเดินมาประกบข้างสืบสาย
“ท่าทางคุณพ่อคุณแม่คุณ รักกันมากนะคะ”
“ครับ”
“น่าอิจฉาจังนะคะ มูนฝันว่าอยากมีความรักที่มั่นคงอย่างนี้บ้าง”
“กับแฟนคุณล่ะครับ”
เดือนพิไลนึกขึ้นได้ว่าโกหกว่ามีแฟนแล้ว รีบกลบเกลื่อน
“อ๋อ ค่ะ คือแฟนของมูนเค้า...” เดือนพิไลทำน้ำตาซึม เศร้า หมอง “อย่าพูดถึงเค้าอีกได้มั้ยคะ” สืบสายอึ้ง
“ขอโทษครับ ผมไม่ทราบว่ามีปัญหากัน”
“ค่ะ เค้านอกใจมูน เราจบกันแล้วค่ะ”
สืบสายอึ้ง เดือนพิไลบีบน้ำตาหนักขึ้น
จุลลาจูงมือน้ำหวานเข้ามานั่งรวมโต๊ะกับพวกของแสบ จุลลาจงใจให้น้ำหวานนั่งใกล้แสบ แต่น้ำหวานชิงนั่งเว้นเก้าอี้ข้างแสบให้จุลลานั่งแทน
“หนูนั่งตรงนี้ดีกว่า”
“กลัวพี่เหรอจ๊ะน้องน้ำหวาน”
“เออ”
แสบจ๋อย จุลลากระซิบกับแสบ
“ใจเย็นๆ สิ ค่อยเป็นค่อยไป เข้าใจมั้ย”
“ก็ได้”
ไอ้แสบยังไม่วายยิ้มหวานให้นางในฝันของมัน แต่น้ำหวานตีหน้านิ่ง ไม่สนใจแสบสักนิด
อ่านต่อตอนที่ 3