xs
xsm
sm
md
lg

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 13

คืนนั้นที่บ้านคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีหันขวับ ตาลุกวาว อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“อะไรนะตาชาย? เมื่อกี้ ลูกพูดว่าอะไรนะ” คุณหญิงรื่นฤดีตาเขียว เสียงเข้ม “ไหนพูดใหม่อีกทีซิ”
คุณชายอึ้ง จ๋อยไปเหมือนกัน เพราะไม่เคยเห็นแม่อาการแรงอย่างนี้ คุณชายหันมองหน้าพ่อที่นั่งขนลุกเกรียวอยู่ข้างๆ แล้วคุณชายก็ฮึด รวบรวมความกล้า
“คือ... เมื่อกี้ผมพูดว่า...”
ชนะศึกเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงชิงหาวลั่น เบรกสถานการณ์ตึงเครียด
“ห๊าว...ดึกแล้ว พ่อว่าเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่ามั้ย นอนหลับให้สบายใจแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมาว่ากันใหม่”
“ฉันนอนไม่หลับ” คุณหญิงรื่นฤดีกัดฟันพูด
คุณชายกับชนะศึก หนาวยะเยือก เพราะคราวนี้คุณหญิงรื่นฤดีมาแนวนิ่งสยองชวนให้สะพรึงยิ่งกว่าแว้ดๆ ยิ่งนัก
“คู้ณณณ”
“อย่าว่าแต่นอน ต่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่มีวันจะนอนตายตาหลับ” คุณหญิงระเบิด ตะโกนลั่น น้ำตาไหล
คุณชายกับชนะศึก ช็อกที่เห็นคุณหญิงรื่นฤดีสะอื้นฮั่กๆ แบบร้องจริงเจ็บใจจริงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณแม่ อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ” คุณชายจะเข้าไปประคอง คุณหญิงรื่นฤดีสะบัดอย่างแรง
“อย่ามายุ่ง อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ไม่ต้องมาสนใจฉัน ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่”
“คุณแม่” คุณชายอึ้ง
“ใจเย็นๆ น่า คุณ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”
“ทำไมจะไม่ใช่ ถึงขั้นนี้แล้ว ตาชายยังมีหน้ามาพูดว่าจะกลับไปคบกับนังเด็กห่าน 18 มงกุฎนั่นอีก” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปใส่คุณชาย “นี่แกบ้าไปแล้วรึไงตาชาย นี่แกเป็นอะไรไป แกไม่ใช่ตาชายคนเดิมของแม่แล้วใช่มั้ย” คุณหญิงรื่นฤดีสะอื้นฮั่กๆ
“คุณแม่ ผมก็ยังเป็นลูกชายคนเดิมของคุณแม่”
“ไม่ใช่ แกไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของฉัน แกหลงอีนังเด็กห่านนั่นจนหน้ามืดตามัว มันทำอะไรแกห๊าตาชาย แกถึงกล้ามาทำกับแม่แบบนี้” คุณหญิงรื่นฤดีพุ่งเข้าไปตีคุณชายอย่างสุดน้อยใจ สุดโกรธ “ทำไมถึงทำกับแม่แบบนี้ๆๆ”
“คุณแม่”
คุณชายปล่อยให้แม่ตีๆ ด้วยความเสียใจเช่นกัน มีแต่ชนะศึกที่เข้ามาห้ามปรามร้องลั่น
“คุณ ไม่เอา พอแล้วๆๆ นี่คุณทำอะไร ตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยตีลูกชายเราซักครั้งเลยนะคุณรื่นฤดี”
คุณหญิงรื่นฤดีชะงัก สะอื้นเบาๆ
“ใช่ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยตีลูกชายของฉันซักครั้ง ฉันถึงได้เจ็บใจ โกรธตัวเองว่าทำไมไม่ตี นี่ถ้าตีซะบ้าง ลูกมันก็คงจะไม่กล้าทำกับฉันแบบนี้”
“คุณแม่”
“ฉันฟูมฟักเลี้ยงดูลูกชายของฉันมาอย่างดี ฝันอยากเห็นชีวิตของเขาสวยงาม สมบูรณ์ที่สุด แต่ความฝันของฉันกลับมาต้องสะดุดเพราะอีนังเด็กห่าน 18 มงกุฏนั่น ไม่มีวัน...” คุณหญิงรื่นฤดีส่ายหน้าช้าๆ พูดใส่หน้าคุณชาย “ฉันไม่มีวันให้นังเด็กห่านมาดับฝันฉันเป็นอันขาด”
พูดจบคุณหญิงรื่นฤดีก็พรวดออกไปเลย ทิ้งให้คุณชายยืนจ๋อยหนักใจ ชนะศึกก็ได้แต่อึ้ง งานนี้งานใหญ่ ชนะ
ศึกจึงได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจลูกชาย

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านเช่าห่าน แหม่มหน้าบานมากเมื่อรู้ว่าคุณชายมาขอคืนดีกับห่าน
“จริงเหรอห่าน คุณชายเนี่ยนะ เค้ากลับมาง้อขอคืนดีกับแก บ้าาา...มันบ้าาา...มันดราม่าที่สุดอ่ะ” แหม่มอิน
มากถึงกับล้มตัวลงดิ้นเร่าๆ แบบสะใจ “ที่สุดๆๆๆ” ห่านเหลือบมองอาการเพื่อนแล้วเบือนหน้าเหม่อออกไปหน้าบ้าน
แหม่มชะงักเมื่อหันมาเห็น “เฮ๊ย อะไรเนี่ย แกไม่ดีใจเลยเหรอ นี่แกเพี้ยนรึเปล่า แกก่อเรื่องราวสารพัด แกโกหกต้มคุณชายซะเปื่อย แต่ดูดิ๊ คุณชายไม่โกรธแก แถมยังกลับมาง้อขอคบกับแกใหม่ ไอ้ห่านเอ๋ยไอ้ห่านเพื่อนฉัน ชาติที่แล้วแกทำบุญด้วยอะไรห๊า แม่ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ” ห่านฟังแล้วก็ถอนใจ นั่งเหม่อต่อ “หรือแกจะยังช็อกอยู่วะ โอเค. ฉันเข้าใจ เป็นฉันฉันก็ช็อกว่ะวันๆ มีแต่เรื่องซะขนาดนี้ ยังไงแกก็ใจเย็นๆ นะ พักผ่อนซะบ้าง ไปนอนมั้ย ฉันพาแกไปนอน”
ห่านฝืนยิ้มขอบใจ ส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ ฉันยังไม่ง่วง แกไปนอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานเช้า”
แหม่มพยักหน้าจะเดินออกไป แต่ชะงักหันมา
“ไอ้ห่าน” ห่านหันมอง “ค่อยๆ คิดนะ อย่าใจร้อนเหมือนเมื่อก่อน ตั้งสติ เริ่มต้นใหม่ ถามใจตัวเองให้ดีๆ”
ห่านฟัง พยักหน้า
“ขอบใจ แหม่ม” แหม่มยิ้มให้ เดินออก ห่านนั่งกอดเข่า เหม่อมองออกไปหน้าบ้าน ซักพักเริ่มชะเง้อมองหาบื้อ ห่านเดินมองไปที่ฝั่งตรงข้าม ห้องบื้อไฟยังมืดสนิท ห่านถอนหายใจออกมา “หายไปไหนของนาย ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”
ห่านยืนมองห้องบื้ออยู่ตรงนั้น ด้วยสายตาคิดถึง

เช้าวันรุ่งขึ้นห่านนั่งหลับ คอเอียง พิงประตูอยู่แถวๆ เดิม ซักพักสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร.” ดังลั่นมาจากบ้านบื้อ ห่านตกใจตื่น รีบงัวเงียลุกขึ้นวิ่งออกไปดู
ห่านวิ่งพรวดเข้ามาหยุดยืนมอง ลุงจ๊อดกำลังล้างรถตุ๊กตุ๊ก พร้อมแด๊นซ์เพลงขอใจแลกเบอร์โทร ของหญิงลี อย่างเมามัน ห่านอึ้งอยู่นิดนึง ก่อนจะตะโกนเรียก
“ลุ๊ง ลุงจ๊อด ลุงจ๊อดดด”
“ห๊า ว่าไง มีอะไร” ลุงจ๊อดตะโกนถาม
“บื้ออยู่ม๊าย”
“ว่าไงน้าาา ไม่ได้ยิ้นนน”
“ปิดเพลงก่อนนน”
“ห๊า”
“ปิดเพลงก่อน”
“อ๋อๆๆ เออๆๆ” ลุงจ๊อดปิดเพลง “แหม ว่าไง ไอ้หนูห่าน มีอะไร หื้มมม...คนกำลังมันส์”
“เอ่อ...คือ บื้ออยู่รึเปล่าลุง”
“ฮั่นแน่ะ ลืมตาตื่นมาก็ถามหากันงี้ ถามหากันแต่เช้ามีธุระอะไรเร่งด่วนรึจ๊ะหนูห่าน”
“อ่อ...อ๋อ...คือ...คือ ก็ไม่มีอะไร แค่ก็เห็นว่าเมื่อคืนกลับดึก ก็...ก็...อยากรู้ว่า ไปไหนมา”
“อ๋อ...อยากรู้ว่าไปไหนมา อันนี้ก็คงจะไม่มีใครรู้ได้หรอกจ๊ะหนูห่าน”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะลุง”
“ก็เพราะไม่มีใครรู้ว่าไอ้ซื้อบื้อน่ะมันไปไหน และเมื่อคืนมันก็ไม่ได้กลับดึก เพราะจนป่านนี้มันยังไม่ได้กลับบ้านซะด้วยซ้ำ” ห่านอึ้ง

“บื้อยังไม่กลับบ้าน”

ห่านเดินคอตกกลับออกมาจากบ้านบื้อ ซักพักก็เห็นรถนีรนุชขับตรงเข้ามาก็สะดุ้ง หลบวูบ แอบดู เห็นรถนีรนุชแล่นเข้ามาจอด บื้อนั่งข้างๆ ก็อึ้งเลย
“บื้อ คุณน้องนุช”
บื้อกับนีรนุชนั่งคุยกันในรถ อารมณ์ยังต่อเนื่องจากเมื่อคืน
“ขอบคุณนะครับ”
“เหมือนกัน ขอบคุณ ที่อยู่เป็นเพื่อน”
บื้อยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะตบไหล่นีรนุชเบาๆ
“ยังไงสู้ๆ นะครับ”
นีรนุชพยายามยิ้มสู้ พยักหน้าหงึกๆ แต่สุดท้ายน้ำตาหยดติ๋งแล้วโผเข้าซบบื้อ บื้อกอดปลอบไว้อย่างเข้าใจ ห่าน อึ้ง น้ำตาหยดติ๋งไม่รู้ตัว ซักพักห่านค่อยๆ เดินออกไป
ห่านเดินหน้าเศร้ากลับเข้าบ้าน ห่านทรุดนั่งนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่บื้อดีกับเธอ จนมาถึงตอนที่บื้อกอดนีรนุชในรถเมื่อกี้ ห่านเอาหัวเอียงพิงประตู น้ำตาไหลอย่างหมดแรง

ห้องทำงานคุณชาย พรเพ็ญยื่นซองขาวไปตรงหน้าคุณชาย คุณชายมองงงๆ หยิบซองขึ้นมาเปิดอ่านแล้วอึ้ง ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณพรเพ็ญจะลาออก ทำไมครับ”
“พรเพ็ญ ทำงานที่นี่มานานแล้วน่ะค่ะ คุณคุณชาย”
“นั่นน่ะสิครับ ก็เพราะคุณพรเพ็ญทำงานที่นี่มานานเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของเรามากที่สุดคนนึง แล้วทำไมคุณพรเพ็ญถึงจะลาออกล่ะครับ”
พรเพ็ญถอนใจ อึกอัก ไม่อยากพูดมาก
“คืออีกไม่กี่ปีพรเพ็ญก็จะเกษียณแล้ว พรเพ็ญก็อยากจะหยุดพักผ่อน”
“ก็หยุดเลยสิครับ ผมเซ็นต์ให้ คุณพรเพ็ญอยากจะไปพักผ่อนที่ไหน ผมจัดสวัสดิการให้เป็นกรณีพิเศษเลย แต่ผมไม่ยอมให้คุณพรเพ็ญลาออก”
“เอ่อ...”
“จะไปขัดใจเค้าทำไมกันคะ” เสียงดาหลาดังขึ้น คุณชายกับพรเพ็ญหันไปมองเห็นดาหลายืนอยู่ตรงประตู “ทั้งเก่า ทั้งแก่ แถมใกล้จะเกษียณซะขนาดนี้ รีบๆ ออกไปซะก็ได้แล้วค่ะ”
“ทำไมคุณพูดจาแบบนี้ คุณดาหลา”
“ก็ต้องพูดแบบนี้ล่ะค่ะ BKK Plaza ของเราจะได้พัฒนาก้าวหน้าทันสมัยซะที ขืนยังเก็บพนักงานหงำเหงือกแบบนี้ไว้ เฮ่ย...มีหวังกลายเป็นห้างสรรพสินค้าคนชรา”
“คุณดาหลา” พรเพ็ญชักไม่พอใจ
“อย่ามาขึ้นเสียง”
“คุณนั่นแหละ ที่ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเสียงดังในห้องผม” คุณชายขัดขึ้น
“ห๊า พูดอะไรนะคะ พูดผิดพูดใหม่ได้นะคะ ดาหลาให้โอกาส” ดาหลาทำหน้าเหนือกว่าคุณชายมองหน้าดาหลา “ถ้าไม่รู้ว่าพูดผิดตรงไหน ดาหลาจะช่วยแก้ให้ เมื่อกี้คุณคุณชายพูดผิดว่าดาหลาไม่มีสิทธิ์เข้ามาเสียงดังในห้องนี้ แต่ที่ถูกต้องก็คือดาหลามีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเข้ามาในห้องนี้หรือว่าห้องไหนๆ ใน BKK Plaza เพราะว่าคุณหญิงแม่สั่ง”คุณชายกับพรเพ็ญอึ้ง “สั่งว่าให้ดาหลาใช้สิทธิ์ของ “ว่าที่สะใภ้ BKK Plaza” ได้เต็มที่ ทุกประการ ชัดมั้ยคะ เข้าใจถูกต้องกันทุกคนแล้วใช่มั้ยคะ”
พรเพ็ญถึงกับเซ็ง แต่คุณเซ็งยิ่งกว่า

เจ๊มะพร้าว แหม่ม พนักงาน ฯลฯ วิ่งกรูกันออกมาชะงักยืนหยุด
“คุณผู้จัดการ” พรเพ็ญ ยืนถือกล่องนิ่งอยู่ “คุณผู้จัดการ”
ทั้งหมดวิ่งมากอดพรเพ็ญกันแน่น ดูสะเทือนใจ
“อย่าไปนะคะ คุณผู้จัดการอย่าไป” แหม่มเข้ามากอดพรเพ็ญ
“ไม่ยอมค่ะ มะพร้าวไม่ยอม ใครทำคุณผู้จัดการ มันต้องข้ามศพมะพร้าวไปก่อน ไม่ยอม”
ทุกคนฮือ
“ไม่ยอม เราไม่ยอม”
พรเพ็ญตื่นตัน แต่สุดท้ายทำเฮี๊ยบเหมือนเดิม
“เงียบ ฉันขอออกคำสั่งสุดท้ายให้ทุกคนเงียบ” ทุกคนเงียบกริบ ยืนตาปริบๆ “พวกเธอทำอย่างนี้ได้ยังไง ฉันเสียใจมากรู้มั้ย ตลอดเวลาอุตส่าห์อบรมให้พวกเธอเป็นพนักงานที่ดีมีวินัย เคารพกฎกติกามาตลอด เพราะฉะนั้น ฉันเองก็ต้องเคารพกฎกติกาเหมือนกัน”
“แต่มันเป็นกติกาใหม่ ที่ยังไม่มีใครยอมรับนะคะ”
“ใครไม่ยอมรับ” ทุกคนหันไปเห็นดาหลายืนเป็นนางพญาอยู่พร้อม แอปเปิ้ล & ปีโป้ & จีจี้ “ใครไม่ยอมรับกติกาใหม่นี้ ก็ไสหัวออกไปด้วยกันซะเลย...ไป๊”
“ออกไป๊ ออกไป๊ ออกไป๊”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้บอก พนักงานอึ้ง มองๆ หน้ากัน เจ๊มะพร้าวชี้หน้าแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้
“หุบปากเลยนะอีพวกลูกกะจ๊อก”
“แกนั่นแหละหุบปาก อีนังพนักงานขายรองเท้า” ดาหลาสวนกลับ เจ๊มะพร้าวอึ้ง “ไง โดนย้ายไปดมขี้เล็บลูกค้ายังไม่เข็ดใช่มั้ย คราวนี้ย้ายไปดมขี้ลูกค้าในส้วม ไปขัดส้วมซะเลยดีมั้ย”
แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้กรี๊ดกร๊าดสะใจกันใหญ่
“ปากคุณเหม็นมากเลยนะคุณดาหลา” แหม่มสวนขึ้นมา ทุกคนชะงักกึก “ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาดีๆ มีชื่อเสียง แต่ปากจะเหม็นยิ่งกว่าส้วม”
“นังนี่”
ดาหลาตบเพี๊ยะ แหม่มอึ้ง ค่อยๆ หันมามองแล้วตัดสินใจปรี่เข้าจะรุมพร้อมกับเจ๊มะพร้าว ความชุลมุนจะบังเกิด พรเพ็ญลั่น แหวกตรงกลาง
“พอ พอได้แล้ว พ๊ออออ” ทุกคนหยุด “ฉันตัดสินใจแล้ว ต่อให้ตบกันให้ตาย ฉันก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ฉันจะอยู่รึจะไป ฉันตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่เพราะใครจะขับไล่ หรือใครจะยื้อให้อยู่” พรเพ็ญเดินไปจ้องหน้าดาหลา “ฉันมีศักดิ์ศรีของฉัน... ฉันจะไป ฉันไม่หน้าด้านเหมือนใครบางคน” พรเพ็ญพูดใส่หน้าดาหลา ทุกคนฮือฮา ดาหลาโกรธมาก
“จะไปก็รีบไปเลยอีแก่ เดี๋ยวตบให้ฟันร่วงหมดปากเลยนี่”

“คุณผู้จัดการ อย่าไปนะคะ”

แหม่มกับเจ๊มะพร้าวบอก พรเพ็ญมองแหม่ม เจ๊มะพร้าว แล้วหันมาถอดป้ายพนักงานที่คล้องคอ
“ฉันลาออก”
ดาหลายิ้มสะใจ
“ไม่...คุณผู้จัดการ”
พรเพ็ญหันมามองทุกคน
“นับจากนี้ ฉันไม่ใช่คุณจัดการของพวกเธอแล้ว”
ทุกคนโฮ พรเพ็ญยิ้มเข้มแข็งก้าวเดินออก แต่จีจี้ ปีโป้ แอปเปิ้ลเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“อย่าเพิ่งไป” พรเพ็ญชะงัก แอปเปิ้ลก้าวมายืน มือซ่อนอยู่ข้างหลังค่อยๆ ยกโทรโข่งขึ้นมาชูตรงหน้า “เอาไปด้วย คุณดาหลาเมตตาให้เก็บเป็นที่ระลึก”
ทั้งหมดหัวเราะฮาลั่นสะใจ พรเพ็ญค่อยๆ หยิบมามองแล้วยกขึ้นตะโกนใส่หูแอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ดังลั่น
“อีบ้า!”
แล้วพรเพ็ญก็เดินออกไปอย่างหาญกล้า แหม่ม เจ๊มะพร้าว พนักงาน ร้องเรียก ร้องไห้ตามกันระงม

ที่บ้านเช่าห่าน ห่านนั่งหน้าตาเหมือนคนอกหักอยู่คนเดียว ซักพักอดใจไม่ไหวเดินไปเกาะหน้าต่างมองห้องบื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม บื้อเดินเข้ามาเงียบๆ หยุดมองห่านที่ยืนหันหลังอยู่
“มองอะไรอ่ะ” บื้อถามงงๆ ห่านสะดุ้งโหยง หันกลับมาเจอบื้อก็อาย แต่ทำฟอร์มกลบเกลื่อน
“มองอะไร ใครมองอะไร เปล๊า...ไม่ได้มอง”
บื้อพยักหน้าหงึกๆ เดินเอาถุงก๊อบแก๊บมายื่นให้
“อ่ะ”
“อะไรอ่ะ กลิ่นเหมือนหมูปิ้ง”
“จมูกดีใช้ได้ เหมือนปาก”
“โห นายสิ ไอ้ปากปีจอ”
บื้อตะปบถุงกลับ
“อย่ากินเลย งั้น”
ห่านตะปบกลับทันที
“กินสิ กิน นายอุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาฝากนี่ ใช่มั้ย”
“เหลือเว๊ย กินเหลือ ไม่มีใครอยู่บ้าน จะให้ไอ้ด่างก็เสียดาย”
ห่านน้อยใจ พูดจุกๆ คอหอย
“ปากหมาใหญ่แล้วนะ จะพูดอะไรก็นึกถึงใจกันบ้าง ก็รู้ว่าไม่ใช่คนสำคัญอะไร แต่ก็ดูแลกันหน่อย”
พูดจบห่านก็โยนถุงลงกับพื้น เดินพรวดออกไปด้วยความน้อยใจ ทิ้งให้บื้อยืนงง
ห่านเดินป้ายน้ำตามาอย่างน้อยใจ
“ไอ้บ้า ด่าเราเป็นหมูเป็นหมา ใช่สิ เรามันอียัยคอห่านกระจอก ไม่ได้ไฮโซอย่างคุณน้องนุชนี่”
บื้อเดินถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งข้าวตามมา
“บ่นไรเนี่ย พูดคนเดียว บ้ารึเปล่า”
“คำก็บ้า สองคำก็หมา เดี๋ยวจะด่าอะไรอีกล่ะ ด่าเลย ฉันมันไม่มีอะไรดีซักอย่างนี่” ห่านหันมาแว๊ด บื้ออึ้ง
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ เธอเป็นอะไรของเธอยัยคอห่าน เมื่อก่อนฉันกับเธอด่ากันแบบนี้ประจำ แล้วตอนนี้...”
“ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วนี่ ไอ้บื้อบ้า”

ห่านจ้องตาบื้อทั้งน้ำตา แล้วห่านก็สะบัดตัวจะเดินออกไป แต่บื้อรวบตัวดึงห่านมาจูบอย่างแรงทันที ก่อนจะผลักห่านออกมายืนจ้องหน้า...ต่างคนต่างเอ๋อ มองหน้าเหวอใส่กัน เหมือนต้องมนต์สะกด
“นาย...ทำอะไรอ่ะ”
“ก็...” บื้อจ้องตาห่าน กลืนน้ำลายเอื้อก หาคำอธิบาย ห่านจ้องบื้อ ตายังเหวอ รอคำตอบด้วยใจระทึก “ก็...
ก็...จะเอาหมาออกจากปากเธอไง” บื้อพูดเหมือนละเมอ
“เอาหมาออกจากปากชั้น”
“อือ” บื้อพยักหน้าหงึกๆ ห่านหน้ายังเบลอๆ พยักหน้าหงึกๆ
“อ๋อ เหรอ...เออๆ”
“อือ” บื้อยังมองหน้าห่านอยู่ ยื่นถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งให้ “กินซะนะ”
ห่านค่อยๆ รับมา พยักหน้าหงึกๆ
“อือๆ ขอบใจ เดี๋ยวกิน”
“อือๆ ไปก่อนนะ”
“อือๆ โชคดี”
บื้อพยักหน้าหงึกๆ ค่อยๆ เดินออกไป ห่านยังยืนเบลออยู่ตรงนั้น จนบื้อเดินออกไปแล้วถึงได้เซแทบทรุด เอามือแตะปากตัวเอง
“อะไรอ่ะ”

ส่วนบื้อพอพ้นส่ายตาห่านมาแล้วบื้อก็เซ ทรุดอาการเดียวกับห่านเปี๊ยบ บื้อเอาหลังพิงฝา ตะปบหัวใจตัวเองที่แทบจะระเบิดออกมานอกอก บื้อยืนหอบอยู่แป๊บก่อนจะเลื่อนมือไปแตะปากตัวเองนึกถึงตอนที่รวบตัวห่านมาจูบตะกี้
“ไอ้บื้อ” บื้อตบปากตัวเองเพี๊ยะ “ทำอะไรลงไป ไอ้บื้อ ไอ้ซื่อบื้อๆ”
บื้อเสียใจที่ปล่อยใจให้เผลอไปแบบนั้น

ถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งวางใส่จานทั้งถุง ห่านนั่งกับพื้น มองจ้องถุงนั้นอยู่นึกถึงตอนที่บื้อผลักตัวเธอออกหลังจูบ
“นาย...ทำอะไรอ่ะ”
“ก็... จะเอาหมาออกจากปากเธอไง” บื้อบอกเหมือนละเมอ
“เอาหมาออกจากปากชั้น”
“อือ” บื้อพยักหน้าหงึกๆ
ห่านยังนั่งจ้องถุงหมูปิ้ง จนกระทั่งแหม่มกับเจ๊มะพร้าวเดินกลับจากทำงานเข้ามา
“ห่าน”
ห่านหันไปเห็นเจ๊มะพร้าวก็ดีใจ
“เจ๊”
เจ๊มะพร้าวเห็นหมูปิ้งก็ปรี่ลงนั่งเลย
“โหย หมูปิ้ง กำลังหิว”
เจ๊มะพร้าวคว้าถุงหมับ ห่านรีบตะปบมือเจ๊มะพร้าวหมับทันทีอย่างลืมตัว
“ไม่ได้นะเจ๊”
“ทำไมอ่ะ”
“ห้ามกิน”
“เฮ้ย เดี๋ยวนี้หวงกันงี้” ห่านสะดุ้ง รู้สึกตัว
“เอ่อ เฮ้ย...เปล่า ไม่ได้หวง”
“อ่ะ! ไม่หวงก็กิน” เจ๊มะพร้าวคว้าหมับ ห่านตะปบอีกร้องเสียงหลง
“กินไม่ด้าย”
“วะ! นังนี่ เป็นอะไรยะ ไม่ได้หวงแต่กินไม่ได้ ยังไงวะ เจ๊ยิ่งอารมณ์เสียอยู่”
“คือ มัน มันนานแล้วอ่ะ เจ๊อย่ากินเลยนะเดี๋ยวท้องเสีย”
“โหย รุ่นนี้แล้วกินหมูเน่าทั้งตัวยังเฉยเลย”
“อย่าเลยจ๊ะเจ๊”
“เอ๊ะ นังนี่” เจ๊มะพร้าวชักเคือง แหม่มรีบแทรก
“เหอะน่าเจ๊ ของนานแล้วก็อย่าไปกินเลย” แหม่มยื่นถุงในมือให้ “เอาลูกชิ้นนี่ดีกว่ายังร้อนๆ อยู่เลย”
“เออก็ได้” เจ๊มะพร้าวรับมาเคี้ยวหงับๆ อย่างเคืองๆ
“เออ ว่าแต่เจ๊เป็นอะไรเหรอ อารมณ์เสีย” ห่านถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ ก็...”

แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมองหน้ากัน ถอนใจเฮือก แล้วหันมองห่าน

คืนนั้นที่บ้านคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีบอกเสียงเฉียบ
“ดีมาก หนูดาหลาทำถูกต้องแล้ว”
“ขอบพระคุณค่ะคุณหญิงแม่” ดาหลายกมือไหว้คุณหญิงรื่นฤดี
“ไล่คุณพรเพ็ญ พนักงานเก่าแก่ของเราออกเนี่ยเหรอครับ ทำถูกต้อง” คุณชายแย้ง คุณหญิงรื่นฤดีไม่สนใจ ไม่มองหน้าคุณชาย ทำเหมือนเป็นอากาศธาตุ
“ยังไงแม่ก็ฝาก BKK Plaza ไว้กับหนูดาหลาด้วยนะจ๊ะ ตอนนี้เห็นทีหนูดาหลาจะเป็นที่พึ่งเดียวของแม่ซะแล้ว
ลูกตัวเองมันดันพึ่งไม่ได้”
“คุณแม่”
“คุณ ผมว่ามันไปกันใหญ่แล้วนะ” ชนะศึกปราม
“ฉันไม่สน ห้าง BKK Plaza เป็นสมบัติเก่าแก่ของตระกูลฉัน ฉันจะทำอะไรยังไงมันก็เรื่องของฉัน” คุณหญิงรื่นฤดีสวนกลับ ชนะศึกชักเคือง
“อ้าววว ถ้าพูดแบบนี้ก็แล้วแต่คุณละกัน”
ชนะศึกเดินออกเลย คุณชายเครียดมาก
“คุณแม่ครับ คือ...”
คุณหญิงรื่นฤดีทำเป็นไม่ได้ยิน
“ไปจ๊ะ หนูดาหลา คุณดารัณ ไปทานข้าวกัน ฉันหิวแล้ว”
ทั้งหมดลุกไป คุณชายเซ็งสุดๆ

คุณชายตบลูกแบดเปรี้ยงๆ นีรนุชตบเปรี้ยงๆ ทั้งคู่ตบกันไปกันมาก่อนจะนั่งหอบแฮ่ก เหงื่อหยดติ๋งๆ แบบระบายความเครียดกันทั้งคู่
“ขอบใจนะไอ้นุช”
“ดีขึ้นมั้ย”
คุณชายจำใจพยักหน้า
“แต่ก็คงแป๊บเดียว เดี๋ยวก็คงต้องกลับไปเจอความจริงใหม่”
“ก็งี้แหละ ความจริง ยังไงเราก็หนีมันไม่พ้น”
“ฉันก็ยังโชคดีนะ ที่ยังมีแก” นีรนุชอึ้ง หันมา “ทุกทีที่ฉันไม่สบายใจ ฉันก็ได้แกนี่แหละช่วย” คุณชายคล้องคอนีรนุชมาจ้องหน้าใกล้ “ขอบใจมากนะไอ้นุช ขอบใจที่แกไม่เคยทิ้งฉัน”
นีรนุช ทั้งปลื้ม ทั้งเศร้า ก่อนจะเคลิ้มไปกว่านี้นีรนุชตัดสินใจค่อยๆ ดึงตัวเองออกมาแล้วถามด้วยความเป็น
ห่วง
“ชาย ว่าแต่เรื่องของแกกับคุณดาหลา คือเรื่องที่แกจะต้องแต่งงานกับเค้าน่ะ จะยังไงต่อ”
คำถามนี้ทำให้คุณชายหมดแรงหนักขึ้นไปอีก

ห่านถึงกับช็อกหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพรเพ็ญ ขณะที่แหม่มกับเจ๊มะพร้าวนั่งจกส้มตำที่ซื้อมา
“ไม่อยากจะเชื่อ ทำไมคุณดาหลาถึงใจร้ายอย่างนี้”
“โดนกับตัวเองมาแล้วยังจะมาพูดว่าไม่อยากจะเชื่ออีกเหรอไอ้ห่าน”
“จริง คนเรานี่ดูที่หน้าตาภายนอกไม่ได้จริงๆ นะ หน้าตาระดับนางงาม แต่จิตใจทรามยิ่งกว่าแม่มด”
“เพราะฉันคนเดียว ทั้งหมดเป็นเพราะฉันคนเดียว ทุกคนถึงต้องเดือดร้อนแบบนี้”
“บ้า เกี่ยวอะไรกับแกห๊า ไอ้ห่าน”
“จริง อย่างคุณผู้จัดการน่ะคงเพราะไปเหยียบตาปลานังแบหราเข้าให้ถึงได้ซวยจะโดนย้ายไปแผนกแม่บ้าน แกก็เลยลาออก ไม่เกี่ยวกับแกหรอกนังห่าน”
“แล้วเจ๊กับไอ้แหม่มล่ะ โดนย้ายไปขายรองเท้า เกี่ยวมั้ย” แหม่มกับเจ๊มะพร้าวอึ้ง มองหน้ากัน หยุดจกส้มตำ
“ไม่น่าคบเลยจริงๆ คนอย่างฉัน”
“ไอ้บ้าาา” แหม่มกับเจ๊มะพร้าวพูดพร้อมกัน
“คนเรามันก็มีช่วงพลาด ช่วงหน้ามืดตามัวกันได้ทุกคนละวะ มีใครหน้าไหนไม่เคยทำผิดทำพลาด อยู่ที่ว่าผิดแล้วลุกขึ้นแก้ไขรึเปล่า”
“ใช่ เคยได้ยินใช่มั้ย คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวบอกแล้วเริ่มจกส้มตำต่อ ดูดปูเค็มกันจ๊วบๆ เม้าท์ไปด้วย
“แต่ที่ชั่วที่สุดก็ไอ้พวกคนล้มแล้วกระทืบซ้ำเนี่ยสิ แหม้ พูดแล้วเจ๊คัน (เกาเท้า) อยากกระทืบนังแบหรา นังแอ๊บแบ๊ว นังปลากะโห้ แล้วก็นังช้างน้ำนั่นจริงๆ ทำไม๊ มันถึงมีความสุขที่ได้ผลักให้คนล้มแล้วกระทืบซ้ำนักวะ”
“ตอนเด็กๆ มันต้องมีปัญหา พ่อแม่ไม่รักถึงได้อยากเห็นคนอื่นเค้าเจ็บปวด”
“ถูก ดูไอ้ห่านมันซิ ไม่มีพ่อไม่มีแม่แท้ๆ แต่มันยังไม่เห็นจะเคยอิจฉาใคร” เจ๊มะพร้าวพูดอย่างลืมตัว แหม่มตีเจ๊มะพร้าวเพี๊ยะ เจ๊มะพร้าวสะดุ้งรู้ตัว เห็นห่านอึ้ง “แค่กๆๆ ปูเค็มติดคอเจ๊”
“ห่าน” แหม่มห่วง ห่านยิ้มให้
“ก็มันเรื่องจริง ฉันมันลูกกำพร้าจริงๆ แต่เชื่อมั้ย ฉันรู้จักลูกกำพร้าคนนึง” ห่านนึกถึงบื้อ “นอกจากฉันไม่เคยเห็นเค้าอิจฉาใคร เค้ายังเป็นลูกกำพร้าที่ดูจะมีความสุขที่สุดในโลกเลยนะ” ห่านยิ้มออกมา แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมองหน้ากัน
“ใครวะ”

ที่บ้านเช่าบื้อ บื้อเล่นกีตาร์แต่สีหน้าดูไม่มีความสุขเลยซักนิด ผิดกับลุงจ๊อดกับโย่งที่ร้องเพลงอย่างเริงร่า โดยมีโจ๊กนั่งดูยิ้มๆ อยู่ ลุงจ๊อดเห็นหน้าบื้อก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวๆๆ ประทานโทษเถอะครับคุณบื้อ ถ้าปวดขี้ก็ขอเชิญไปขี้ก่อนเถอะครับ คนอาไร นั่งเล่นกีตาร์ยังก๊ะขี้ไม่ออก...หน้าตามีความสุขมว๊ากกก”
“เออ จริงว่ะ เป็นไรไปวะไอ้บื้อ”
“อกหักเหรอพี่” โจ๊กถาม
“แหน่ะ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกมา”
“โห่ย ไม่มีอะไร ไปนอนแล้ว”
บื้อลุกพรวดออกไปเลย ลุงจ๊อดทำหน้าเลศนัย
“ไม่มีอะไร แปลว่า...”
“มันต้องมีอะไร”
ลุงจ๊อด โจ๊ก โย่งบอกพร้อมกันแล้ว ขำๆ คิกคัก

ห่านยืนที่หน้าต่าง มองไปฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้องบื้อ ซักพักบื้อก็เดินมายืนที่หน้าต่างเช่นกัน ห่านเพยิดหน้าให้บื้อ บื้อเพยิดหน้าตอบ
“เป็นไง” ห่านทัก
“อ่อ...อ๋อ ก็...โอเค”
สองคนดูเก้อๆ อึกๆ อักๆ ห่านฟอร์ม แกล้งหาวปากกว้าง
“ห๊าววว ง่วงนอนแระ” บื้อหาวด้วย
“เออ ง่วงเหมือนกัน”
“งั้นไปนอนนะ”
“อือ ไปเหอะ”
ห่านพยักหน้าหงึกๆ ให้แล้วก็เดินออกไป สายตาบื้อสลดลง มองหน้าต่างที่ว่างเปล่าบ้านห่านแล้วก็ถอนใจเฮือก

จริงๆ แล้วห่านแอบยืนใจวูบวาบอยู่ข้างๆ หน้าต่างนั่นแหละ

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 13 (ต่อ)

นีรนุชเดินผ่านร้านขายยาแล้วชะงักเมื่อเห็นดาหลาใส่แว่นดำทั้งที่เป็นเวลากลางคืน ดาหลาเดินล่อกแล่กเข้าร้านขายยาไปวูบๆ นีรนุชสงสัยแอบยืนมอง ซักพักดาหลาซื้อของเสร็จก็เดินก้มหน้าหงุดๆๆ ออกมาแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
“คุณดาหลา” นีรนุชตัดสินใจเดินเข้าร้านขายยา “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ไม่ทราบผู้หญิงคนเมื่อกี้ ที่ใส่แว่นดำน่ะค่ะ เค้ามาซื้ออะไรเหรอคะ” คนขายมองหน้านีรนุชอย่างไม่ไว้ใจ “เค้าใช้ให้ฉันมาซื้อเพิ่ม ฉันเป็นเพื่อนเค้าน่ะค่ะ”
“อ๋อ”
“ขอเหมือนเดิมเป๊ะเลยนะคะ เพื่อนฉันเค้าอยากซื้อตุนไว้”
“เอากี่แผงล่ะ”
“อ๋อ...เอ่อ ซัก 2 แผงก็ได้ค่ะ” คนขายหยิบใส่ถุงส่งให้ นีรนุชจ่ายเงินเสร็จ รีบเดินออกมาควักยาออกอ่านแล้วอึ้ง “ยาคุม”

นีรนุชสะกดรอยตามดาหลามาจนถึงที่จอดรถ นีรนุชมองหาซ้าย-ขวา ไปจนถึงที่เปลี่ยวๆ ลับตาผู้คน
“ไปไหนแล้ว เร็วจัง” นีรนุชหันขวับกลับมาสะดุ้งเฮือกเพราะเจอ ‘ดาหลา’ โผล่มาประจันหน้าอย่างชิดตัว “คุณดาหลา” นีรนุชอุทานอย่างตกใจ
“ตามหาใคร”
นีรนุชสะดุ้ง รีบเอาถุงยาซ่อนข้างหลัง
“ปะ...ปะ...เปล่านี่คะ ฉันก็จะกลับบ้าน”
ดาหลามองนีรนุชอย่างจับพิรุธ
“กลับบ้าน” ดาหลามองมือที่ซ่อนไว้ “แล้วซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง ไหนเอามาดูซิ”
ดาหลาพยายามตะปบมือนีรนุชที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง ยื้อยุดกันไปมาก็มีแต่กระเป๋าเสื้อผ้าเล็กๆ และไม้แบด
“คุณทำอะไรของคุณ” นีรนุชถามเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ ดาหลาจ๋อยไปนิดนึงแล้วแว้ดกลับ
“ก็เธอมันมีพิรุธ”
“ดูละครเยอะไปรึเปล่า น้ำเน่ามากไปแล้ว”
พอพูดจบนีรนุชก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ดาหลามองตามอย่างระแวง
นีรนุชรีบขึ้นรถที่จอดอยู่ถัดไป รีบล็อคประตู หอบเพราะลุ้น ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือดึงถุงยาที่เหน็บไว้ที่ขอบเอวกางเกงด้านหลังออกมามอง แล้วหันไปมองดาหลาก็เห็นดาหลายังยืนมองมา นีรนุชรีบสตาร์ทรถแล่นผ่านดาหลาไป
ดาหลามองตามอย่างเคืองๆ
“นังนี่ ชักจะยังไง”

เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านเช่าห่าน ห่านสะบัดผ้าพรึ่บก่อนจะกางออกตากๆๆ ตากจนเต็มราวก็แหวก ตกใจสุดขีดเมื่อแหวกมาเจอหน้า ‘บื้อ’ เต็ม ๆ
“ว้าย!” สองคนมองตากันอึกอักๆ ห่านฟอร์มทำเข้ม “บ้า โผล่มาเงียบๆ ตกใจหมด”
“แล้วจะให้มายังไง ก็มายังงี้ทุกทีอ่ะ”
“แหม! ปาก...” ห่านชะงัก จะด่าว่าปากหมาก็กลัวหมาจะถูกจูบปาก บื้อเองก็ชะงักเงอะเงิ่นไปเช่นกัน รู้ว่าห่านคิดอะไรอยู่ “มาทำไม มีอะไร” ห่านแกล้งทำเสียงเขียว
“ก็กะจะมาช่วยซักผ้า”
“โห...มาเอาสายป่านเนี้ยนะ ขอบใจ”
“โทษ...ก็เมื่อคืนมันนอนไม่ค่อยหลับ”
บื้อสะดุ้งที่หลุดปาก ห่านชะงัก เพราะเธอก็นอนไม่หลับเหมือนกัน
“เป็นไรอ่ะ นอนไม่หลับ”
“เออ...ก็...ยุงมันกัด”
“อ๋อ”
“แล้วเธอล่ะ เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ย”
“ก็...ไม่ค่อย”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“เออ ก็...เหมือนกันแหละ ยุงกัด”
“อ๋อ...อือ งั้นฉันไปนะ”
บื้อหันหลังจะเดินออกไป ห่านตัดสินใจเรียกไว้
“เดี๋ยว”
บื้อชะงัก หันหลังกลับมา
“มีอะไร”
“คือ ฉัน...ฉันอยากจะ...” บื้อนึกได้
“เออ ใช่ ฉันก็มีเรื่องอยากจะบอกเธอ เกือบลืมเลย”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ข่าวดี” บื้อยิ้มแฉ่ง ห่านอึ้งเพราะนึกว่าเรื่องนีรนุช
“ข่าวดี”
“ใช่ ฉันกำลังจะ...” บื้อกำลังจะบอกเรื่องที่ได้เป็นนักร้องแต่เสียงคุณชายดังขึ้นซะก่อน
“คุณห่านครับ”
บื้อกับห่านหันไปมองเห็นคุณชายยืนอยู่ บื้อวูบ
“คุณคุณชาย”
คุณชายยิ้มให้ห่านเต็มที่ ก่อนจะหันไปมองบื้อ ยิ้มให้น้อยๆ ตามมารยาท บื้อมองเฉยๆ ไม่ยิ้มตอบ หันมองห่านอีกทีก่อนจะเดินออกไป ห่านมองตาม ก่อนจะตัดสินใจจะเรียกไว้
“บื้อ”
คุณชายขวางไว้
“คุณห่านครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษา” ห่านมองหน้าคุณชาย คุณชายพรวดเข้าจับไหล่ห่าน “ผมไม่ได้รักคุณดาหลา ผมไม่มีวันจะแต่งงานกับคุณดาหลา”
ห่านส่ายหน้าน้อยๆ ค่อยๆ แกะมือคุณชายออก
“แต่เรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว”
“เราก็ช่วยกันทำให้มันผ่านไปได้อีกซิครับ นะครับ...คุณห่าน”
ห่านอึ้ง ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือออก แล้วพูดอย่างสะเทือนใจ
“ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเลย คงจะดีกว่าค่ะคุณคุณชาย”
“ไม่ ผมจะไม่ปล่อยให้คนที่ผมรักเดินผ่านจากชีวิตผมไปแบบนี้ ผมจะพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน” ห่านอึ้ง คุณชายจับมือห่านอีกครั้ง สายตาเว้าวอน “เราต้องจับมือกันก้าวเดินไปด้วยกันนะครับ ผมขอร้อง” ห่านถอนใจเฮือก “คุณคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คุณดาหลา”

คุณชายมองห่านจริงจัง ห่านเบือนหน้าหลบสายตานั้น อีกมุมหนึ่งบื้อยืนฟังทุกอย่างอยู่ใกล้ๆ ถึงกับหมดแรงก่อนจะค่อยๆ รวบรวมแรงแล้วเดินออกไป

วันต่อมาที่ห้องอัดเสียง บื้อลีดกีต้าร์จบแล้วเริ่มร้องเพลง... “ฟ้ายังมีหม่น ฝนมันยังมีแล้ง สลากยังมีกินแบ่ง แต่จะให้แบ่งใจนี้ไม่มีทาง”
แผ่น ซีดี eject ออกมาจากเครื่องเล่นในรถ นีรนุชหยิบมาถือไว้
“เพราะมากเลยบื้อ”
บื้อยิ้มน้อยๆ ส่ายหน้า
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“จริง ฉันชอบจริงๆ นะ ขอได้มั้ย แผ่นนี้”
“เอาไปไล่แมลงวันเหรอครับ”
“บ้า ขอนะ” บื้อพยักหน้าหงึกๆ
“แต่อย่าเพิ่งให้ใครฟังนะครับ มันยังเป็นความลับของบริษัท”
“โอเค” นีรนุชทำท่ารูดซิปปาก “ปิดสนิท ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ห่วงหรอกครับ เรา 2 คนเก็บความลับเก่งอยู่แล้ว”
นีรนุชยิ้มแฉ่ง ก่อนจะค่อยๆ เศร้าเมื่อนึกถึง ‘ความลับ’ ที่ต่างคนต่างเก็บไว้
“จริงสิ คุณห่านเป็นไงบ้าง”
“ก็...คงโอเค.มั้งครับ”
“แล้วบื้อล่ะ โอเค.มั้ย”
“ผมเหรอ”
บื้อไม่รู้จะตอบยังไง เงยหน้าพิงเบาะ ถอนใจยาว นีรนุชมอง แค่นี้ก็รู้แล้วจึงเอามือแตะมือบื้อแปะๆ ปลอบใจ ก่อนที่ตัวเองก็พิงเบาะ ถอนใจยาวด้วยเช่นกัน

วันต่อมาที่บ้านคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดีตกใจมาก
“กล้าดียังไงถึงมาพูดกับแม่แบบนี้ กล้าดียังไงห๊า”
“ใจเย็นๆ น่าคุณ”
“ใจเย็นๆ ขนาดนี้แล้วยังจะให้ฉันใจเย็นๆ คุณไม่ได้ยินเหรอคะ ลูกชายคุณเค้ามาบอกฉันว่าเค้าจะขอพานังเด็กห่าน 18 มงกุฎนั่นมาหาฉัน...ฝันไปเถอะ”
“คุณแม่ครับ ให้โอกาสเรา 2 คนซักครั้งเถอะครับคุณแม่”
“เรา 2 คน เฮอะ กล้าพูด? เรา 2 คน...อย่าพูดคำนี้ให้แม่ได้ยินอีกเป็นอันขาด เพราะแม่ไม่มีวันที่จะยอมให้ ‘คุณคุณชาย’ ลูกชายคนเดียวของแม่ลดตัวลงไปรวมเป็นเรา 2 คนกับนังเด็กจรจัดนั่นแน่นอน เป็นตายยังไงแม่ก็ไม่ยอม”
ทุกคนนิ่งอึ้งกันไปพักนึง จนในที่สุดคุณชายค่อยๆ ทรุดคุกเข่าลงตรงหน้าแม่
“คุณแม่ครับ ผมขอร้อง ให้โอกาสห่านได้พบคุณแม่ ให้คุณแม่ได้พิจารณา แล้วคุณแม่จะเห็น ‘ตัวจริง’ ของห่านอย่างที่ผมเห็น”
“เห็น เหรอตาชาย ตอนนี้แกมองเห็นด้วยเหรอ ตาแกมันบอด มืดสนิท มองอะไรไม่เห็นตั้งแต่แกรู้จักนังเด็กห่านนั่นแล้ว”
“ผมขอร้อง”
คุณหญิงรื่นฤดีแอบอึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็ยังพยายามเชิดอยู่
“คุณณณ...ลูกมันทำถึงขนาดนี้ จะใจดำไปถึงไหน” ชนะศึกบอก คุณหญิงรื่นฤดีหันมาแว้ด
“ใครว่าฉัน ใจดำ”
คุณหญิงรื่นฤดีมองชนะศึกแล้วเชิด
“ขอโอกาสซักครั้งนะครับ ครั้งเดียวก็ยังดี”
คุณหญิงรื่นฤดีอึ้งไปแล้วก็คิดแผนอะไรขึ้นมาได้
“ก็ได้” คุณชายดีใจมาก
“คุณแม่” คุณชายลุกขึ้นจะกอด
“แต่” คุณชายชะงักกึก
“หู้ย...จะต่งจะแต่อะไรอีกล่ะคู้ณณณ”
“แต่อะไรครับคุณแม่”
“แม่จะให้โอกาสชาย แต่...แต่แม่ไม่ยินดีที่จะให้นังเด็กห่านนั่นเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ แม่รังเกียจ อัปมงคล”
คุณชายอึ้ง ชนะศึกส่ายหน้าเซ็ง
วันต่อมาที่สนามแบด นีรนุชต่อว่าคุณชาย
“นี่แกหาเรื่องรึเปล่า ชาย”
คุณชายนั่งอยู่ ยกน้ำขึ้นดื่ม เช็ดเหงื่อ
“ฉันอยากให้คุณแม่ได้เห็นคุณห่านอย่างที่ฉันเห็น”
“แล้วถ้าแม่แกเค้ายังไม่เห็นล่ะ”
คุณชายอึ้งไป ก่อนจะบอกอย่างมั่นใจ
“ซักวันนึงแม่ฉันก็จะต้องเห็นว่าคุณห่านเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก ไม่เหมือนคุณดาหลา”
“จริงสิ พูดถึงคุณดาหลา วันก่อนฉัน...” นีรนุชชะงักว่าควรพูดดีมั้ย
“ทำไม คุณดาหลาทำไมวะไอ้นุช”
นีรนุชยังไม่ทันได้บอก เพราะเสียงของดาหลาดังขึ้นซะก่อน
“คุณคุณชาย”
นีรนุชกับคุณชายหันขวับไปมองเห็นดาหลาในชุดเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นกุด เดินนวยนาดมาหา
“คุณดาหลา”
“หืมม์ มาไม่ชวน เดี๋ยวนี้มาตีแบดกันบ่อยเกินนะคะ”
“เมื่อก่อนบ่อยกว่านี้อีกค่ะ ตีกันทุกวัน”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้คุณคุณชายต้องตีกับดาหลาคนเดียวเท่านั้น” ดาหลากระชากไม้แบดในมือนีรนุชมาถือไว้ “คุณคุณชายไม่ควรคู่กับคุณน้องนุช หรือว่ากับใครทั้งนั้น นอกจากดาหลา”
“แต่วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว ไอ้นุช ช่วยตีกับคุณดาหลาแทนฉันทีได้มั้ย”
“ได้ สบายมาก” นีรนุชมองหน้าดาหลา “กล้าสู้รึเปล่าหรอก”
“ทำไมฉันจะไม่กล้าสู้ คนอย่างดาหลา กล้าสู้กล้าไฟท์”
สองสาวประชิดจ้องหน้ากัน

สองสาวโต้แบดกัน นีรนุชแกล้งโยกซ้าย-ขวา ตบผลัวะๆ ดาหลาวิ่งซ้าย ถลาขวา วิ่งรับลูกตบ สุดท้ายนีรนุชตบผลัวะ ดาหลาพุ่งเข้ารับลูกตบหน้าไถลจับกบกับพื้น นีรนุชกับคุณชายตีมือกัน

วันรุ่งขึ้นที่ห้าง BKK Plaza แผนกเครื่องสำอาง แอปเปิ้ลแต่งหน้าลูกค้าไปเม้าท์ไปอย่างออกรส
“กร๊ากๆๆ ยิ่งนึกยิ่งสมน้ำหน้านะ อีนังห่าน ชิ! สะเออะอยากจะเป็นซินเดอเรลล่าแล้วเป็นไง ตอนนี้ต้องเด้งออกไปเป็นนังซินซักผ้าเหยงๆ สะใจจริงๆ ฮ่าๆๆๆ เล่นกะใครไม่เล่นดั๊นมาเล่นกับแอปเปิ้ล”
แอปเปิ้ลใส่อารมณ์กระแทกพู่กันทาปากใส่ปากลูกค้า
“โอ๊ยยย” แอปเปิ้ลสะดุ้ง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะคุณลูกค้า คือลิปสติกรุ่นนี้มันต้องทาเน้นๆ หนักๆ อ่ะค่ะ ถึงจะออกมาเด้งอย่างอั้ม อย่างแพนเค้ก”
“เหรอ” ลูกค้าพยักหน้าหงึกๆ ให้ทาต่อ
“ว่าแต่...” ปีโป้ถอนใจเฮือก “นังห่านมันเด้งไปคนเดียวไม่พอ ดันพาพี่บื้อของเราเด้งออกไปด้วยนี่ดิ คิดถึงจุงเบย”
“จริงด้วย พี่บื้อ หืมม์...นึกแล้วปรี๊ดอยากตามไปตบ มันให้หัวทิ่มกะละมังจมฟองแฟ้บตายซะจริงๆ”
“งั้นตอนนี้เราไปตบเพื่อนมัน ฝากไปให้มันกันก่อนมั๊ยล่ะ” จีจี้บอก แอปเปิ้ลกับปีโป้มองหน้ากันตาวาว
“เริ่ด”
แอปเปิ้ลกระแทกพู่กันกับเคาน์เตอร์แล้วลุกพรวดเดินกันออกไป ลูกค้าทำท่าสยองมาก รีบหอบกระเป๋าวิ่งพรวดหนีไปจากตรงนั้น

ที่แผนกรองเท้า แอปเปิ้ลกวาดรองเท้าจากชั้นวาง ร่วงลงพื้นกราว
“แกทำอะไรของแก นังแอ๊บ” แหม่มถามอย่างไม่พอใจ แอปเปิ้ลหันขวับ
“นี่ ฉันเด็กใคร บังอาจมาเรียกฉัน ‘นังแอ๊บ’ เดี๋ยวได้โดนคุณดาหลาย้ายไปล้างส้วมหรอกนังพวกนี้”
“เจ๊ไม่ไหวแล้วโว๊ย”
พูดจบเจ๊มะพร้าวก็โดดเข้าลุยแอปเปิ้ล จีจี้ ปีโป้ แหม่มเข้าไปช่วยก็ชุลมุน โย่งวิ่งเข้ามาเป่านกหวีดปรี๊ดๆ แต่ไม่มีใครหยุด จู่ๆ แหม่มโดนผลักหงายหลังล้มลง โย่งร้องเรียกลั่น
“แหม่ม” โย่งโดดพุ่งเหมือนจะลงไปคร่อม (ปกป้อง) แหม่ม แต่แหม่มเอาเท้ายันเป้าโย่ง แล้วเอามือยันหน้าไว้โย่งถึงกับหน้าเขียว “แหม่ม”
“ไม่ต้องเลย”
“อยากปากชนกันเหมือนในละครมั่งอ่ะ”
“อย่าดราม่า”
แหม่มตะคอกใส่หน้าจากนั้นก็ผลักอย่างแรง ถีบแรงจนโย่งตัวงอหลีกทางไป แหม่มพุ่งไปลุยในวงต่อชุลมุน โย่งนั่งกองเจ็บจู๋อยู่ปากก็ร้องห้าม
“หยุด บอกให้หยุด”
โย่งหยิบนกหวีดมาเป่าปรี๊ดๆๆ แต่ไม่มีใครหยุด

ห่านพรวดพราดเข้ามาในบ้านด้วยความตกใจ
“ไอ้แหม่ม? เจ๊?” เจ๊มะพร้าว แหม่ม นั่งจ๋อยอยู่ ขอบตาม่วงเขียว มุมปากแตกช้ำเพราะตบกับแอปเปิ้ลและพวก ห่านถึงกับพูดไม่ออก จุก ส่ายหน้า ทรุดนั่ง “นี่มันอะไร ใจคอจะไม่จบไม่สิ้นกันซะทีเลยเหรอ”
“ก็เออสิ อุ๊ยส์ ไม่รู้อีนังพวกนี้มันจะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน”
“ใช่ เล่นแกซะจนเละเป็นโจ๊กยังไม่พอ อีตาบื้อก็ตกงาน คุณผู้จัดการก็เพิ่งจะกระเด็นไปแหมบๆ” ห่านอึ้ง เจ๊มะพร้าวของขึ้นใส่ต่อ
“ดูดู๊! มันยังไม่สะใจ ยังตามมาโขกสับเจ๊กะนังแหม่ม เอะอะก็เอานังแบหรามาขู่ “เดี๋ยวได้โดนคุณดาหลาย้ายไปล้างส้วมหรอกนังพวกนี้” เชอะ กลัวตายล่ะ ไงล่ะ?ตบกันเละ กลัวที่ไหน...อูยส์” เจ๊มะพร้าวเจ็บปาก ห่านอึ้ง สงสารเพื่อนมาก
“แหม่ม เจ๊ เป็นเพราะฉันคนเดียว บื้อ คุณผู้จัดการ ทุกคนต้องลำบากเพราะฉันคนเดียวจริงๆ”
“เฮ๊ยยย ไม่จริง ไม่ใช่หรอกห่าน เป็นเพราะอีนังพวกนั้นมันเลวลากไส้ต่างหาก”
“ใช่ ไส้เน่าด้วย ปากงี้เหม็น หนอย...พูดมาแต่ละคำ ทำยังกะใหญ่ซะเต็มประดา เอาจริงๆ นะ เจ๊ว่าพวกมันน่ะมโนกันไปเอง คิดเองเพ้อเอง ว่าอีนังแบหราจะได้เป็นสะใภ้ BKK Plaza ...ถุ้ย”
“จริง เด็กอมมือมันยังดูรู้ว่าคุณคุณชายไม่ได้พิศวาสนังแบหราซักกะนิ้ด แกต่างหากไอ้ห่าน แก...คือคนที่คุณคุณชายรักมากกกก”
“ถูก” ห่านอึ้ง “แหม...ไม่อยากจะนึกไม่อยากจะมโนว่า ถ้าแกกับคุณคุณชายได้กัน ถ้าไอ้ห่านของเรากลายเป็นสะใภ้ BKK Plazaขึ้นมาล่ะก้อ พวกเราคงจะสบาย ไม่มีใครกล้าหือ อีตาบื้อกะคุณผู้จัดการก็คงจะได้กลับมา ที่สำคัญ อีนังแบหรากะอีพวกลูกกระจ๊อกมันต้องโดนเฉดหัวออกยกแก๊งค์แน่ๆ”
ห่านฟังเจ๊มะพร้าว คิด สับสน

ห่านคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา

“เล่นแกซะเละเป็นโจ๊กยังไม่พอ อีตาบื้อก็ตกงาน คุณผู้จัดการก็เพิ่งจะกระเด็นไปแหมบๆ”
“ดูดู๊! มันยังไม่สะใจ ยังตามโขกสับเจ๊กะนังแหม่ม เอะอะก็เอานังแบหรามาขู่ เดี๋ยวได้โดนคุณดาหลาย้ายไปล้างส้วมหรอกนังพวกนี้”
“ถ้าไอ้ห่านของเรากลายเป็นสะใภ้ BKK Plaza ขึ้นมาล่ะก้อ พวกเราคงจะสบาย ไม่มีใครกล้าหือ อีตาบื้อกะคุณผู้จัดการก็คงจะได้กลับมา”
ห่านมองไปที่หน้าต่างบ้านบื้อ ไฟยังมืดมิด ห่านคิด
“ผมขอบคุณคุณน้องนุชมากๆ นะครับที่ให้โอกาสผม”
“อะไรนะ ฉลอง ข่าวดี”
“เอาเป็นว่าชัวร์เมื่อไหร่ จะรีบบอกเธอเป็นคนแรก”
ห่านอึ้ง มองไปที่หน้าต่างบ้านบื้อ คิดถึงภาพนีรนุชโผเข้าซบบื้อในรถ บื้อกอดปลอบใจไว้ ห่านหันหลังให้บ้านบื้อทันทีอย่างสะเทือนใจ ห่านค่อยๆ คิดทบทวนใหม่
“เด็กอมมือมันยังดูรู้ว่าคุณคุณชายไม่ได้พิศวาสนังแบหราซักกะนิ้ด แกต่างหากไอ้ห่าน แกคือคนที่คุณคุณชายรักมาก”
ห่านถอนหายใจนึกถึงคำพูดคุณชาย
“ที่ผ่านมาผมขอโทษ...ผมมันโง่ / โง่ขนาดที่ไม่รู้ใจตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองรักใคร...ผมรักคุณ คุณห่าน”
ห่านถอนหายใจเฮือก แต่สุดท้ายค่อยๆ หันกลับไปมองที่หน้าต่างบ้านบื้ออีกที แต่แล้วเหลือบไปเห็นรถนีรนุชเข้ามาจอดหน้าบ้านบื้อ ห่านอึ้ง
บื้อลงจากรถ นีรนุชตามลงมายืนคุย ห่านอึ้ง ค่อยๆ หลบแอบดู นีรนุชกับบื้อยืนคุยกันข้างรถ
“ขอบคุณคุณน้องนุชนะครับ มารับมาส่งตลอดเลย”
“ไม่เป็นไร ว่างงาน ไม่มีอะไรทำ”
“ไม่รู้จะพูดยังไงเนี่ย จะพูดขอบคุณอีกเดี๋ยวคุณก็ว่าอีก”
“รู้ก็ดีแลเว โอเค.ฉันไปนะ”
นีรนุชจะเดินออก บื้อเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ” นีรนุชหันกลับมามองหน้าบื้อ บื้อมองหน้าน้องนุช บื้อเดินไปจับมือนีรนุช ห่านใจวูบ “จะว่าก็ว่าเหอะ ผมอยากของคุณคุณจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสทำเพลง ได้เซ็นสัญญา ยังนึกว่าฝันอยู่นะเนี่ย”
นีรนุชหยิกแก้มบื้อทันที
“นี่”
“โอ๊ยย! อะไรอ่ะ” ห่านตะลึง
“ก็จะได้รู้ว่าเรื่องจริง ไม่ได้ฝัน ไปล่ะดึกแล้ว”

สองคนโบกมือลากัน นีรนุชขึ้นรถ บื้อยืนส่ง โบกมือให้จนลับตา ห่านแอบดู เศร้า หันหลังพิงฝา บื้อจะเดินเข้าบ้าน ชะงัก เงยหน้ามองดูหน้าต่างบ้านห่าน เห็นแต่หน้าต่าง บื้อถอนหายใจ คิดถึง แล้วเดินเข้าบ้านไป ห่านยังจ๋อย น้ำตาหยดติ๋ง

กลางดึกคืนนั้นห่านมาเคาะประตูบ้านบื้อ ซักพักเสียงลุงจ๊อดโวยวายมาลั่น
“จะบ้าเหรอวะ มาเคาะประตูดึกดื่นเที่ยงคืน” ลุงจ๊อดปะแป้งขาวว่อกหน้าตางัวเงียเปิดประตูผลัวะ “ใครตายวะ” ลุงจ๊อดชะงักกึก “อ้าว”
ห่านยืนหน้านิ่งจริงจัง
“ขอคุยกับบื้อหน่อยสิลุง”
“บื้อ” ห่านยังนิ่งๆ “จ๊ะๆๆ”
ลุงจ๊อดวิ่งผลุบเข้าไป

ห่านนั่งรออยู่หน้าบ้าน บื้อเดินงัวเงียมาปากก็บ่น
“จะบ้ารึเปล่ายัยคอห่าน คนกำลังนอนหลับฝันดีจะมาคุยอะไรกันตอนนี้ ไว้พรุ่งนี้คุยก็ได้” ห่านแอบน้อยใจ บื้อ
ขยี้ตา “มีอะไรสำคัญนักหนาห๊า”
ห่านกลืนความน้อยใจ ก่อนจะพูดเรียบๆ แต่แอบเสียงสั่น
“มันก็...สำคัญสำหรับฉัน แต่ไม่รู้จะสำคัญสำหรับนายรึเปล่านะ”
บื้อชะงัก นั่งลงข้างๆ
“เอ้า มีอะไรว่ามา”
ห่านมองหน้าบื้อซักพัก
“นายว่าฉันกลับไปเริ่มต้นใหม่กับคุณคุณชายดีมั้ย” บื้ออึ้งช็อก หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ห่านถอนใจ หลบตาบื้อ
“คือไม่ใช่ว่าฉันดื้อหรือว่าฝันสูงแบบเมื่อก่อนแล้วนะ” บื้อยังอึ้ง หูอื้ออยู่ “แต่...คุณคุณชายกลับมาคุยกับฉัน ฉันเห็นความตั้งใจจริงของเค้า และที่สำคัญฉันคิดว่า ฉันเองก็...” ห่านมองตาบื้อเหมือนจะถามเป็นนัยๆ “ไม่มีใคร”
สองคนจ้องตากัน สุดท้ายบื้อเป็นฝ่ายหลบตา ห่านเห็นบื้อไม่เถียง ไม่พูดซักคำก็ยิ่งช้ำ น้อยใจถามเสียงเครือ
“เธอว่าดีมั้ย” บื้อนิ่ง ห่านอยากได้ยินให้ชัดๆ เคลียร์ๆ จะได้จบๆ ก็เลยถามเสียงดัง ทั้งที่น้อยใจ “ว่าไง ฉันถาม
ว่าดีมั้ย ทำไมไม่ตอบ”
บื้อหันขวับ ตอบเสียงดังเช่นกัน
“ดี”
แล้วบื้อก็ลุกพรวดเดินออกไปเลย ปล่อยให้ห่านนั่งอึ้งน้ำตาหยดอยู่ตรงนั้น
บื้อเดินผ่านลุงจ๊อด โจ๊ก โย่ง ที่แอบซุ่มดูอยู่ทั้งฝูง ทุกคนหลบวูบแล้วทำหน้าสลดกันหมด บื้อปิดประตูเปรี้ยง ทรุดนั่ง จับหัวใจที่เจ็บปวด ขณะที่ห่านยังนั่งสะอื้นร้องไห้อยู่คนเดียว

วันต่อมาดาหลาพุ่งเข้ามาหาคุณหญิงรื่นฤดีด้วยความตกใจ
“ไม่จริงนะคะ ไม่ได้นะคะ จู่ๆ คุณหญิงแม่จะยอมให้คุณคุณชายกลับไปคบกับอีนังคอห่านลวงโลกนั่น มันเป็นไปไม่ได้ ดาหลาไม่ยอมนะคะคุณหญิงแม่”
ดารัณรีบปรามลูก แอบหยิก
“ใจเย็นๆ สิจ๊ะดาหลา ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นคะคุณหญิง ทำไมจู่ๆ คุณหญิงถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ ดิฉันว่า...มันต้องมีอะไร ใช่มั้ยคะ”
“เก่งค่ะ คุณดารัณเก่งมาก รู้ใจดิฉัน หนูดาหลา...คำโบราณท่านว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ตอนนี้ตาชายยังคงหลงเหลือเยื่อใยกับนังเด็กลวงโลกนั่นอยู่ แต่แม่เชื่อว่าน่าจะเป็นเพียงแค่เยื่อใยบางๆ ที่เราน่าจะตัดมันทิ้งได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร”
“เพียงแต่เราต้องใช้เวลาแล้วก็ใจเย็นๆ ซักนิด” ดารัณบอกต่อ คุณหญิงรื่นฤดียิ้ม
“เก่งค่ะ คุณดารัณเก่งมากอีกแล้ว ณ จุดนี้เราปล่อยให้คนของเราสบายๆ ไปก่อน ตาชายเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร ขืนเราไปร้ายใส่นังเด็กห่านนั่นต่อหน้าต่อตาตาชาย เราก็จะยิ่งเป็นนังมารร้ายในสายตาคนของเรา”
ดาหลาตาวาวร้าย
“แปลว่าเราต้องร้ายลับหลัง”
“เก่งค่ะ เก่งเหมือนคุณแม่”
“ต่อหน้าคุณคุณชาย เราก็ทำดีต่อนังเด็กห่าน แต่ลับหลัง เราก็...” ดารัณมองหน้าลูกสาวแล้วพูดพร้อมกัน
“ร้ายใส่มัน”
คุณหญิงรื่นฤดียิ้ม ถูกใจมากที่สุด
“เก่งค่ะ เก่งทั้งคุณแม่ คุณลูก”
ทั้งสามคนหัวเราะประสานกันลั่น ชนะศึกนั่งอ่าน นสพ. อยู่อีกมุม ส่ายหน้า
“ชีวิตจริง น้ำเน่ายิ่งกว่าละคร เฮ้อ”

คุณชายดีใจมาก โผกอดคุณหญิงรื่นฤดีแน่น
“คุณแม่”
คุณหญิงรื่นฤดีค่อยๆ ผลักลูกชายออก
“โอย เบาๆๆ เดี๋ยวแม่ก็หายใจไม่ออกตายกันพอดี”
“ไม่ได้ครับ ตายไม่ได้ครับ คุณแม่จะต้องอายุยืนจะต้องอยู่เลี้ยงหลานของผมกับห่านไปอีกร้อยๆ ปี”
คุณหญิงรื่นฤดีแอบแหวะก่อนจะยิ้ม
“โห...ร้อยๆ ปี แม่คงผุเป็นปุ๋ยแล้ว”
“ไม่ครับ ไม่จริง คุณหญิงแม่ของชายสวย สวยที่สุด สวยสองพันปีไม่มีใครเทียบได้”
คุณหญิงรื่นฤดีแอบปลื้ม ก่อนจะค้อน
“จริงเหรอ? แล้วนัง...เอ๊ย! หนู่ห่านล่ะ ไม่สวยเหรอ”
“สวย...สวยสิครับ แต่สวยคนละแบบ คุณหญิงแม่ของชายสวยสง่า ส่วนคุณห่านสวยน่ารัก”
คุณหญิงรื่นฤดีแอบเบ้ปาก ก่อนจะเข้าเรื่อง
“เออ จริงสิ ไหนๆ หนูห่านก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ชาย เอ่อ...ชอบพอ เพราะฉะนั้นเค้าก็ควรจะทำตัวให้มันดูคู่ควรกับชายด้วยนะ”
“คุณแม่หมายความว่าไงครับ”
“ก็แหมะ ดูสภาพซิ แต่งเนื้อแต่งตัวตลาดนัด หน้าตาจืดชืด ใส่แว่นตาเอ๋ออ๋าเหรอหรา” คุณชายมองคุณหญิงรื่นฤดีเม้าท์เพลิน คุณหญิงรื่นฤดีรู้สึกตัว “เอ่อ...คือ แม่ก็เป็นห่วง ไม่อยากให้ใครดูถูกดูแคลนว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่”
“อะไรนะครับ ว่าที่ลูกสะใภ้คุณแม่”
“ใช่จ๊ะ”
คุณชายโผเข้ากอดแม่แน่น
“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับคุณแม่ ชายรักแม่ที่สุดในโลกเลย”
“พอแล้ว เดี๋ยวก็ได้ขาดใจตาย”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำทุกออย่างให้ดีที่สุด ผมจะทำให้ทุกคนเห็นว่าคุณห่านคู่ควรกับผมที่สุดแล้ว”
“ดีจ้า ดีมาก อ้อ! แม่อยากจะนัดเจอหนูห่าน แต่อย่างที่บอกนะ แม่ก็ขอเจอข้างนอกแล้วก็อย่าลืมให้แต่งตัวดี ๆ มาด้วยล่ะ จะได้ไม่อายใครเค้า”
“ได้เลยครับคุณแม่ ได้เลย ขอบคุณนะครับ”

สองแม่ลูกกอดกัน แต่คุณหญิงรื่นฤดีมีสีหน้าร้ายๆ

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 13 (ต่อ)

ห่านชะงักอึ้งกับสิ่งที่คุณชายบอก
“อะไรนะคะ จะให้ห่านพลิกโฉม”
ห่านนั่งซักผ้าคาอยู่ คุณชายยืนอยู่รีบทรุดลงนั่งคุยด้วย
“ใช่ คุณแม่ท่านหวังดีอยากให้ห่านดูดีไม่มีใครมาว่า”
“ก็ว่าไปสิคะ ให้ห่านโดนว่าๆ กระจอกก็คงจะดีกว่าเมื่อตอนที่โดนตราหน้าว่าลวงโลก, 18 มงกุฏ เพราะห่านไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ห่านไม่อยากโดนประณามอย่างนั้นอีกแล้ว”
“ไม่ใช่นะห่าน มันคนละเรื่อง คราวนี้ผมเต็มใจ ผมภูมิใจที่จะทำให้ใครๆ ได้เห็น “คุณห่าน” ผู้หญิงที่ผมรัก สวยและดูดีแค่ไหน” ห่านอึ้ง
“คุณคุณชายไม่ได้รักห่านอย่างที่ห่านเป็นหรอกเหรอคะ”
“ห่าน” คุณชายคว้ามือห่านในกะละมังฟองแฟ๊บมาจับเลย “ผมรักห่านอย่างที่ห่านเป็น แต่ผมอยากจะทำให้คนอื่นๆ ยอมรับห่าน และให้เกียรติห่านด้วย เข้าใจมั้ยครับ”
บื้อเดินหอบตระกร้าเสื้อผ้าใส่แล้วเข้ามาพอดี ชะงักมองคุณชายกับห่านที่จับมือกันอยู่ ห่านกับคุณชายหันไปมอง
“บื้อ” คุณชายยิ้มให้บื้อ
“โทษ” บื้อเดินเอาตะกร้ามาวางใส่ 2 คนที่นั่งอยู่ “เจ๊พรหน้าปากซอยฝากผ้ามากับลุงจ๊อด”
วางเสร็จก็เดินออกไป ห่านพูดกับคุณชายทันทีด้วยอารมณ์น้อยใจ และต้องการประชด
“ได้ค่ะคุณคุณชาย คุณคุณชายอยากให้ห่านทำอะไร ห่านยอมทุกอย่าง” บื้อชะงัก หยุดเดิน
“จริงเหรอห่าน” คุณชายสวมกอดห่านแน่น “ ผมรักห่าน รักห่านที่สุดในโลกเลย”
บื้อหันมามองภาพทิ่มตาทิ่มใจ แล้วเดินออก ห่านเหลือบมองบื้อด้วยความน้อยใจ

บื้อเดินอารมณ์บ่จอยกลับเข้าบ้านขณะนั้นลุงจ๊อด โจ๊ก โย่ง นั่งกินข้าวกันอยู่
“เฮ้ย กินข้าว” โย่งเรียก บื้อเดินผ่านไป พูดไป ไม่หยุดเดิน
“ไม่กิน ไม่หิว”
“อ้าววว” ลุงจ๊อด โจ๊ก โย่ง ร้องออกมาพร้อมกัน
“ยังไงอ่ะลุง”
“หึๆ จะยังไง ก็’รมณ์เสีย ’รมณ์บ่จอย”
“ทำไมอ่ะลุง”
“หึๆ จะทำไม? พวกมึงแหละจะถามกูทำไม จะถามอะไรกันนักหนา ก็นั่งอยู่ด้วยกันเนี่ย พวกมึงไม่รู้ แล้วกูจะรู้มั๊ย กิ๊น” ลุงจ๊อดโวยลั่น
ทุกคนก้มหน้าก้มตากินข้าวแต่หน้าตายังอยากรู้มาก
บื้อเข้ามาในห้องชกหมอนเปรี้ยงๆๆ ด้วยความอึดอัดคับแค้นใจสุด ๆ ก่อนจะทรุดลงนั่ง

ห้องทำงานคุณชายที่ห้าง BKK Plaza คุณชายกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับห่าน
“นี่ผมจะเลิกงานแล้ว เราไปหาอะไรทานกันมั๊ยครับ”
“ห่านไม่อยากไปไหนอ่ะค่ะ”
คุณชายนิ่งไปนิด ก่อนจะยิ้มกว้าง
“ถ้างั้นผมไปหาคุณที่บ้าน คุณทำอะไรให้ผมทานก็ได้ อีกชั่วโมงนึง เราเจอกัน”
คุณชายวางสายสีหน้าแช่มชื่นมากๆ

คุณชายสีหน้ายิ้มแย้มเดินมาที่รถ หยิบมือถือออกมากดโทรออก
“อยู่ไหน”
คุณชายโทรหานีรนุช ขระนั้นนีรนุชนอนหน้าซีดอยู่บนโซฟา
“อยู่บ้าน” นีรนุชบอกเสียงอ่อนแรง คุณชายหยุดเดิน นิ่วหน้าสงสัย
“ทำไมเสียงแกเป็นแบบนี้”
“ไม่สบายนิดหน่อย”
“ไม่นิดแล้วล่ะ แค่นี้นะ”
คุณชายวางหูแล้วรีบไป

ห่านทำกับข้าวเนือยๆ แล้วนึกถึงบื้อขึ้นมา ห่านนึกถึงตอนที่เธอกับบื้อช่วยกันทำอาหาร ห่านต้มน้ำซุป บื้อกำลังหั่นบางอย่าง ห่านหันมาสะกิดบื้อ
“ได้ยังบื้อ” บื้อหันมาน้ำตาไหล ห่านตกใจ “ร้องไห้ทำไม”
“ฉันไม่ได้ร้อง” ห่านเห็นว่าบื้อหั่นหัวหอมก็เลยยิ้ม “แสบตาไปหมดแล้ว”
บื้อจะยกมือขยี้ตา ห่านรีบห้าม
“เฮ้ย อย่าอย่าอย่า” บื้อหยุดกึก..ห่านรีบดึงทิชชู่มาแล้วก็ค่อยๆ เช็ดตาให้บื้อ บื้อนิ่งที่ห่านอยู่ตรงหน้าเค้า “โอเคขึ้นยัง”
“อือ”
ห่านผละออกมา บื้อทำหน้าไม่ถูก
“นายไปตอกไข่ใส่ชามให้ฉันดีกว่า”
บื้อพยักหน้า เดินไปหยิบไข่มาตอก แล้วก็ลอบมองห่านตลอดเวลา บื้อที่ลอบมองห่าน เห็นห่านทำโน่นทำนี่ก็ยิ้มบางๆ ออกมาอย่างมีความสุข บื้อหยิบไข่ตอกไปเรื่อยๆ จนเกินฟองที่สาม
ห่านมาดูน้ำต้ม ตักขึ้นมาชิม ห่านร้อน ยกมือปาดเหงื่อที่หน้า สะบัดผม บื้อยิ้ม มือยังตอกไข่ไปเรื่อยๆ จนไข่จะหมดแผง ห่านหันมาเห็นไข่เต็มชามก็ตกใจ ร้องลั่น
“นายบื้อ” บื้อสะดุ้งโหยง
“อะไร” บื้อยกมือกุมหัวใจ “ตกใจหมด”
“ไข่นาย” ห่านชี้ต่ำ บื้อชะงัก รีบตะปบไข่ตัวเอง
“ทำไม ทะลึ่ง”
“บ้า ทะลึ่งที่ไหน นายทำอะไรของนาย จะเจียวไข่เลี้ยงทั้งซอยเหรอยะ”
บื้อมองห่านยิ้มแหย ห่านถอนหายใจ

ห่านอมยิ้มในใจจ๋อย เพราะมันเป็นอดีตไปแล้ว

คุณชายรีบมาหานีรนุชที่บ้าน พอมาถึงคุณจับหน้าผากนีรนุช สีหน้ากังวลใจมาก
“แกตัวร้อนมาก ไปหาหมอเถอะ”
“ไม่ไป ฉันทานยาแล้ว เดี๋ยวก็หาย”
“อย่าดื้อได้ป่ะ ลุกขึ้น”
“ไม่ ฉันไม่ไป”
นีรนุชตัวสั่นเพราะไข้ คุณชายตัดสินใจอุ้มนีรนุชขึ้นมา นีรนุชตกใจ
“ทำไรวะ? ชาย ปล่อยนะเว๊ย”
คุณชายไม่สน อุ้มนีรนุชเดินออกไปจากบ้านทันที

คุณชายพานีรนุชมาหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากตรวจเสร็จทั้งคู่นั่งอยู่กับหมอ
“คุณเป็นไข้หวัดครับ แต่เท่าที่ดูอาการ ไม่ใช่สายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง เดี๋ยวรับยาแล้วก็กลับบ้านได้”
“ขอบคุณครับหมอ”
คุณชายหันไปยิ้มให้นีรนุช นีรนุชเซ็งมาก

ที่บ้านเช่าห่าน ห่านแต่งตัวสวย นั่งรอคุณชายที่โต๊ะอาหาร ห่านดูเวลาเห็นว่าสองทุ่มแล้ว ห่านมองไปที่ประตูบ้านว่าเมื่อไหร่คุณชายจะมา
ขณะนั้นคุณชายยังอยู่บ้านนีรนุช คุณชายพานีรนุชเข้ามานั่ง พร้อมกับเอาถุงยาวางบนโต๊ะ
“ฉันไปเอาน้ำมาให้แกกินยานะ”
คุณชายเดินออกไป นีรนุชมองตามแล้วก็ยิ้ม ไม่นานคุณชายเอาน้ำกลับมา พร้อมเอายาให้นีรนุช
“แกไปได้แล้วชาย ฉันดูแลตัวเองได้”
“แรงจะเดินยังไม่มี จะดูแลตัวเองได้ไง”
“เดี๋ยวฉันก็นอนตรงนี้แหละ แกรีบไปหาคุณห่านเถอะ” คุณชายอึ้ง เพราะเพิ่งนึกได้ว่านัดห่านเอาไว้
“คุณห่าน จริงด้วย ลืมไปเลย”
นีรนุชมองคุณชายอย่างสงสัย

มือถือห่านมีสายโทร.เข้าจากคุณชาย แต่ไม่มีใครรับ มือถือห่านวางอยู่บนโต๊ะ ไม่มีห่าน ไม่มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะแล้ว
ห่านยื่นถาดอาหารให้ลุงจ๊อด ลุงจ๊อดตาวาวมาก
“คุณพระช่วย นางฟ้า นางฟ้ามาโปรด” ลุงจ๊อดหันไปตะโกนเรียกโย่ง โจ๊ก “ลาภปากละเว๊ยพวกเรา”
ทุกคนฮือมา จะมารับถาดจากมือห่านแต่ห่านดึงไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“อ้าว!”
ห่านแอบๆ มองๆ
“อยู่กันแค่นี้เหรอ”
“บร๊ะ ก็อยู่กันแค่นี้สิจ๊ะหนูห่าน จะให้อยู่กันแค่ไหนจ๊ะ”
“บื้อล่ะ บื้อไม่อยู่เหรอ”
ทุกคนมองหน้ากัน...ฮั่นแน่!
“เฮียไม่อยู่หรอกพี่ห่าน หายไปทั้งวัน”
“ใช่ หมู่นี้ไอ้บื้อหายหัวบ่อยน่าดู ไม่รู้หายไปไหน สงสัยจะไปติดหญิงที่ไหนซะละม้าง” ห่านอึ้ง
ลุงจ๊อด โจ๊กอึ้ง หันเหล่โย่งที่หน้าจ๋อย ห่านหันหลังเดินออกพรวดไปอย่างเร็วเลย ที่ซวยคือเอาถาดกับข้าวไปด้วย ลุงจ๊อดตบหัวโย่งผลัวะ
“ไอ้โย่ง ไอ้ปากอัปรีย์ ไอ้ปากพาซวย เอ็งพูดอะไรของเอ็งวะ เอ็งเอาไส้ติ่งคิดรึไงวะ ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น”
“จริง ไม่พูดก็ได้นะพี่ ไม่มีใครว่า”
“อะไรไม่อะไร กูเลยอดกินข้าวฟรีเลย” ลุงจ๊อดตบอีกที “ไอ้เวรเอ๊ย”
โย่งกุมหัวป้อย
“โหย...ลุง ฉันก็คิดแล้วนะ”
“คิด”
“อือ ก็คิดจะลองใจห่านเค้าไงว่าจะหึงไอ้บื้อมันรึเปล่า เราก็อยากยั่วห่านเค้าบ้าง สร้างมูลค่าให้คนของเรา”
“หืม สร้างมูลค่า วันหลังมึงช่วยไปสร้างจังหวะอื่น จังหวะที่หนูห่านเค้าไม่ได้ถือกับข้าวมาด้วยได้มั๊ยค้าบ” ลุงจ๊อดตบอีกทีส่งท้าย “พ่ออัจฉริยะ พ่อคนช่างคิด ถุ้ย”
ลุงจ๊อดอารมณ์เสียเดินออก โจ๊กตบไหล่เข้าใจโย่ง โย่งหน้าจ๋อยกุมหัวป้อยๆ

บื้ออยู่ที่ห้องอัด นั่งคุดคู้ลีดกีต้าร์อย่างระบายอารมณ์ เหงาๆ คนเดียว ซักพักรปภ.เดินมาเปิดประตู ชะโงกดู
“น้องๆ พี่ต้องล็อคห้องแล้ว เที่ยงคืนแล้ว”
“โอเค.ครับ เดี๋ยวกลับแล้ว” รปภ.ออกไป บื้อลุกขึ้นเก็บกีต้าร์เซ็งๆ ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น บื้อเอามามอง งง “คุณคุณชาย”
บื้อคิดนิดนึงแล้วตัดสินใจรับสาย
“ครับผม... ครับ” บื้อฟังแล้วเริ่มขมวดคิ้ว อึ้ง “อะไรนะครับ”
“ช่วยผมหน่อยเถอะนะคุณบื้อ ผมรู้ว่าคุณห่านเป็นคนดื้อ ถ้าผมบอกให้เค้าไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ คนเดียว เค้าต้องไม่ไปแน่ๆ”
“แต่ ผมไม่...”
“ผมรู้ว่าเค้าฟังคุณ คุณบื้อเป็นคนเดียวที่คุณห่านเชื่อ” บื้ออึ้ง

กลางดึกคืนนั้นห่านเปิดประตู ผงะอึ้ง เห็นหน้าบื้อเต็มๆ ห่านอึกอัก เชิดๆ ฟอร์มๆ
“มีอะไร? คนเค้าจะหลับจะนอน”
“ก็ไม่ได้อยากจะมี แต่คุณคุณชายมี เค้าฝากฉันมาบอก”
“แล้วนายมาเกี่ยวอะไรเรื่องของฉันกับคุณชาย ทำไมเค้าต้องให้นายมาบอก เค้าบอกฉันเองก็ได้นี่”
“ก็แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์เค้าล่ะ” ห่านสะดุ้ง
“เออ จริงด้วย ลืมไว้ไหนวะ”
“อ่ะ พรุ่งนี้คุณคุณชายให้ฉันพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า”
“พรุ่งนี้ ซื้อเสื้อผ้า เกี่ยวอะไรกับนาย” ห่านงง ขณะที่บื้อน้อยใจ
“ก็ไม่ได้อยากจะเกี่ยว เค้าขอมา ก็ทำให้ ก็แค่นั้น ไม่ได้เรื่องใหญ่อะไร”
พอพูดจบบื้อก็เดินกลับไปแบบไม่ใส่ใจ ห่านทั้งอึ้งและน้อยใจ
“ก็แค่นั้น ไม่ได้เรื่องใหญ่อะไร ใช่สิ ฉันมันไม่สำคัญอะไรนี่ ไม่ใช่คนสำคัญของนาย”

ห่านน้ำตารื้น

คุณชายห่มผ้าให้นีรนุชที่นอนอยู่
“แกกลับบ้านไปได้แล้ว ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆ”
คุณชายไม่เชื่อ ก้มหน้าเอาหน้าผากตัวเองแตะหน้าผากนีรนุช นีรนุชชะงัก คุณชายผละออกมา
“ตัวยังอุ่นๆ ฉันไม่ไว้ใจ เกิดแกเป็นอะไรขึ้นมากลางดึก ใครจะดูแล ฉันจะลงไปนอนข้างล่าง มีไรก็โทรเรียก”
“ไอ้ชาย”
“ไม่ต้องไล่ ยังไงฉันก็ไม่กลับ นอนได้แล้ว”
คุณชายลุกขึ้นเดินไปปิดไฟ แล้วออกจากห้อง นีรนุชรู้สึกดีแบบสุดๆ
นีรนุชเดินมาที่ห้องรับแขกเบาๆ ในมือถือผ้าห่มมาด้วย เห็นคุณชายนอนหลับบนโซฟา มือกอดอก เพราะอากาศเย็น นีรนุชเดินมาใกล้ เอาผ้าห่มให้คุณชาย ก่อนจะคุกเข่าข้างโซฟา มองหน้าคุณชายด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่อย่างเพื่อน แต่เป็นแววตาของคนรัก
“แกไม่เคยรู้เลยใช่มั้ย ชาย” นีรนุชถอนใจ “ไม่รู้ก็ดีแล้ว อย่างนี้ล่ะ ดีแล้ว”
นีรนุชมองคุณชายหน้าเศร้า แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งมามองหน้าชายที่เก้าอี้ตรงข้าม คุณชายนอนหลับไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

วันต่อมาบื้อพาห่านมาที่ร้านเสื้อแบรนเนมของสุรเดช สุรเดชกอดบื้อแน่น บื้อหน้าแหย ไม่นานสุรเดชผละออกมา
“ที่แท้ก็น้องบื้อนั่นเอง คนที่คุณชายบอกว่าจะเป็นคนพาคุณห่านมาซื้อชุด พี่เลือกชุดไว้ให้คุณห่านแล้ว เชิญคุณห่านไปลองดีกว่านะครับ”
“ค่ะ”
สุรเดชพาห่านเดินออกไป บื้อเดินตามไปติดๆ

ระหว่างที่ห่านลองชุด สุรเดชเดินมาหาบื้อที่นั่งรอ
“ระหว่างรอคุณห่าน ไปแก้ผ้ากันมั๊ย”
“ห๊ะ”
“อุ๊ยตาย ขอโทษจ๊ะ พี่พูดไม่จบประโยค ไปแก้ผ้าลองชุดกันมั๊ย”
“ไม่ครับ”
“ไม่...ไม่ได้จ๊ะ เพราะพี่อยากให้น้องบื้อ ไปกันเถอะจ๊ะ”
สุรเดชฉุดแขนบื้อพาเดินออกไปทันที
บื้อเดินออกมาในชุดสูทอย่างเท่ห์ สุรเดชเห็นแล้วก็เอามือมาประสานกันด้วยความปลาบปลื้มมากมาย
“หล่อมาก เหมือนพระเอกเกาหลีเลย ชุดของพี่ดูดีขึ้นเพราะน้องบื้อเลยนะเนี่ย”
บื้อทำหน้าไม่ถูก รู้สุดขัดๆ เขินๆ ไม่นานห่านเดินออกมา
“พี่สุคะ”
บื้อกับสุรเดชหันไป ห่านเห็นบื้อในชุดสูทก็มีอึ้งและตะลึงไปเล็กน้อย
“เลิศมากค่ะคุณห่าน ชุดนี้เกิดมาเพื่อคุณจริงๆ ไหนลองหมุนตัวสิครับ” ห่านหมุนตัว สุรเดชเข้ามายืนข้างๆ “สวยมาก อุ๊ยๆ” สุรเดชนึกได้หันไปจับบื้อมายืนข้างห่านเห็นว่าใส่เสื้อผ้าโทนสีเดียวกัน “เหมาะสมกันที่สุดเลยครับ”
บื้อกับห่านมองหน้ากัน ด้วยความเก้อเขิน ระหว่างนั้นเสียงมือถือสุรเดชดังขึ้น สุรเดชหยิบขึ้นมากดรับสาย “สุรเดชพูดครับ ไม่ค่อยได้ยินเลย” สุรเดชหันมาพูดกับห่านและบื้อ “ขอตัวแป๊บนึงนะครับ”
สุรเดชเดินออกไป บื้อกับห่านมองหน้ากัน ทำหน้าไม่ถูก

หลังจากซื้อชุดเสร็จแล้วบื้อกับห่านเดินมาด้วยกัน บื้อมองไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม
“เราข้ามไปเรียกรถฝั่งโน้นกันเถอะ”
ห่านพยักหน้า และเดินข้ามถนนทันที โดยไม่ได้มองรถที่แล่นมา เสียงบีบแตรลั่น บื้อกับห่านตกใจหันไป ห่านตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก บื้อรีบคว้าแขนห่านแล้วดึงเข้ามากอดไว้ รถคันนั้นแล่นออกไป ห่านหน้าซีด กลัวสุดๆ บื้อมองห่านเป็นห่วง
“เป็นไงมั่ง” ห่านส่ายหัว
“ไม่เป็นไร แค่ตกใจ”
“ยัยบ๊องเอ๊ย จะข้ามถนนทำไมไม่ดูรถ ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันตายแน่” ห่านอึ้ง
“ทำไมต้องตายด้วย?”
“ก็ฉัน...” บื้ออยากบอกว่าห่วงแต่พูดไม่ได้ “คุณชายจะเล่นงานฉันตายน่ะสิ”
ห่านเงียบ บื้อผละออกจากห่านแล้วคว้ามือห่านมากุมแน่น ห่านชะงัก มองมือบื้อที่จับมือตัวเอง บื้อไม่พูดอะไร พาห่านเดินข้ามถนน ห่านแอบรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

อีกด้านหนึ่ง คุณชายกำลังทำข้าวต้มให้นีรนุช ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น น่ารัก คุณชายตักข้าวต้มขึ้นมาชิมด้วยสีหน้าที่พอใจ ไม่นานนีรนุชเดินเข้ามา
“ทำไรอ่ะ? หอมจังเลย”
“ข้าวต้ม โด๊ปคนป่วย”
นีรนุชมายืนดู
“คิดถึงตอนเรียนที่สวิสฯ เนอะ แกทำอาหารเช้าให้ฉันกินทุกวัน จนอ้วนยังกะหมู”
“ฉันไม่ได้บังคับให้แกกินซักหน่อย”
“ก็แกทำอร่อยทำไมล่ะ” สองคนยิ้มให้กัน “ตอนนั้นฉันมีความสุขมากที่สุดเลยรู้มั๊ย”
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันดีใจที่มีแกเป็นเพื่อนนะไอ้นุช”
นีรนุชสะอึกไปนิดนึงกับคำว่า”เพื่อน” ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
“อื้อ ฉันก็เหมือนกัน”
คุณชายก้มหน้าก้มตาทำอาหารต่อ นีรนุชมองคุณชายเศร้ามาก

นีรนนุชเดินออกมาส่งคุณชายที่ประตู
“แกมียาก่อนอาหารเที่ยงกับอาหารเย็น ยาหลังอาหารต้องกินทันทีหลังกินข้าว ทั้งสามมื้อ ไม่งั้นมันจะกัดกระเพาะ แล้วก็มียาก่อนนอนด้วย ห้ามลืมเด็ดขาด ที่สำคัญดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ นอนพักมากๆ ถ้าเกิดรู้สึกไม่ดี โทรหาฉันทันที เข้าใจป่ะ”
“รู้แล้ว บ่นเป็นคนแก่ไปได้ รีบไปเถอะ วันนี้แกต้องพาคุณห่านไปเจอแม่ไม่ใช่เหรอ” คุณชายพยักหน้า “โชคดี”
“ไปนะ”

นีรนุชพยักหน้า คุณชายขยี้หัวนีรนุชแล้วก็เดินออกไป นีรนุชแอบซึมไปเล็กน้อย

คุณชายพาห่านมาพบกับคุณหญิงรื่นฤดีที่ Community Mall ห่านยกมือไหว้คุณหญิงรื่นฤดี คุณหญิงรื่นฤดียิ้มแย้มใจดี จับมือห่าน ห่านชะงัก
“ดีใจที่ได้เจอหนูอีกครั้งนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
คุณชายยิ้มที่แม่พูดดีกับห่าน
“เดี๋ยวหนูไปกับแม่นะ”
“คะ” ห่านงง หันไปมองคุณชาย คุณชายนิ่วหน้า
“คุณแม่จะพาคุณห่านไปไหนครับ”
“เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายอย่างลูกห้ามไปด้วยจ๊ะ” คุณชายเหวอ ห่านอึ้ง หันไปมองคุณหญิงรื่นฤดีแปลกใจ คุณหญิงรื่นฤดีจับมือห่าน “เราไปกันสองคน ให้ตาชายรอแถวนี้”
“ผมว่าผมไปด้วยดีกว่านะครับ”
“แม่ไม่ทำอะไรหนูห่านหรอกนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง”
คุณหญิงรื่นฤดีจับมือห่านพาเดินออกไป ห่านไปแบบงงๆ คุณชายมองตามสีหน้าเป็นห่วง

คุณหญิงรื่นฤดีกับห่านเดินเข้ามาในร้านขายเพชร พนักงานเข้ามาต้อนรับอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณหญิงรื่นฤดี”
“สวัสดีจ๊ะ วันนี้ฉันพาว่าที่ลูกสะใภ้มาด้วย”
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางห่าน ห่านทำหน้าไม่ถูก รู้สึกขัดเขิน พนักงานหันไปมองห่านเป็นตาเดียว
“เออ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” พนักงานหันไปทางคุณหญิงรื่นฤดี “คอลเลคชั่นใหม่เพิ่งมาถึง คุณหญิงสนใจชมมั๊ยคะ”
“จ๊ะ”
พนักงานเดินนำ คุณหญิงรื่นฤดีกับห่านเดินตาม
พนักงานเอาเครื่องเพชร ประกอบด้วย สร้อยคอ ต่างหู และสร้อยข้อมือ ออกมาวางบนถาดผ้ากำมะหยี่ที่วางบนโต๊ะ ห่านมองด้วยความตะลึง ตาโต อ้าปากหวอ เพราะ”สวยมาก”
“แบบเก๋ เพชรน้ำงาม ถูกใจฉัน”
“คุณหญิงรับชุดนี้เลยนะคะ”
“จ๊ะ หนูห่านตามสบายนะ ฉันจะไปดูทางด้านโน้น”
“ค่ะ” คุณหญิงรื่นฤดีเดินออกไป พนักงานอีกคนรอต้อนรับ ห่านรีบหันไปทางพนักงานสีหน้าอยากรู้มากๆ “ขอโทษนะคะ เครื่องเพชรชุดนี้ ราคาเท่าไหร่คะ”
“ห้าล้านค่ะ”
“อ๋อ...ห้าล้าน” ห่านทำเสียงปกติแล้วตกใจแทบสิ้นสติ “หะ...ห้า...ห้าล้าน” ห่านเสียงดัง ทำให้พนักงานแถวนั้นหันมามอง ห่านอายมาก ยิ้มแหยหันมาบ่นพึมพำกับตัวเอง “แกต้องทำงานกี่ชาติเนี่ยถึงจะมีปัญญาซื้อเครื่องเพชรแบบนี้ได้ห๊า นังห่าน”

คุณชายคุยกับน้องนุชผ่านทางเฟซไทม์
“ไม่รู้คุณแม่พาคุณห่านไปไหน”
นีรนุชนั่งอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะมีไอแพด หน้าคุณชายเต็มจอ
“แกนี่อาการหนัก ดูจะป่วยกว่าฉันอีกนะไอ้ชาย” คุณชายถอนหายใจ
“แกคิดว่าทุกอย่างมันจะโอเคใช่ป่ะวะ”
“อื้อ ทำใจให้สบายเถอะชาย แม่แกเค้าต้องรักห่านเหมือนที่แกรัก...เชื่อเหอะ”
คุณชายพยักหน้า

ที่ร้านขายเพชร ห่านยังคงจ้องเครื่องเพชรชุดนั้น หน้ายังอึ้งตะลึงไม่หาย
“บ้า บ้าไปแล้ว ราคาขนาดนี้ ซื้อบ้านหลังโตๆ ได้ทั้งหมู่บ้านเลยนะเนี่ย”
ห่านหันไปเจอคุณหญิงรื่นฤดีก็ชะงัก ห่านยิ้มออกมา
“อยากได้เครื่องเพชรชุดไหนมั๊ยจ๊ะ”
“ไม่ค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีไม่พูดหันไปทางพนักงาน
“เลือกสร้อยข้อมือน่ารักๆ ให้หนูคนนี้หน่อยสิจ๊ะ” ห่านเหวอ พนักงานยิ้มรับ หยิบสร้อยข้อมือออกมาวางบนถาดกำมะหยี่ คุณหญิงรื่นฤดีหยิบสร้อยขึ้นมา แล้วทาบไปที่ข้อมือห่าน ห่านตกใจ “เหมาะกับหนู ชอบมั๊ย” ห่านอึ้ง
“คุณหญิงจะซื้อให้ห่านเหรอคะ”
“จ๊ะ ฉันซื้อให้ ตกลงชอบมั๊ย”
“อย่าเลยค่ะ ของแพงๆ อย่างนี้มันไม่เหมาะกับห่าน ห่านรับไม่ได้”
“เงินแค่นี้ ขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วง รับไว้เถอะ ฉันรู้ว่าชีวิตของหนูไม่เคยได้ของดีดีแบบนี้”
ห่านอึ้ง คุณหญิงรื่นฤดียิ้มทำเหมือนไม่คิดอะไร แต่จริงๆ จงใจพูดให้ห่านรู้สึก ห่านได้แต่ยิ้มเจื่อน
“ห่านขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่คุณหญิงกรุณาห่านมากขนาดนี้ แต่ห่านรับเอาไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” คุณหญิงรื่นฤดีทำเป็นถอนหายใจ
“นี่ถ้าตาชายรู้ว่าหนูรังเกียจฉัน ตาชายคงจะเสียใจมาก” คุณหญิงรื่นฤดีแกล้งทำหน้าเศร้า ห่านรีบพูด
“ห่านไม่ได้รังเกียจคุณหญิงนะคะ”
“ถ้าไม่รังเกียจ ก็รับไว้สิจ๊ะ ฉันจะได้สบายใจ นะ” คุณหญิงรื่นฤดีมองหน้าห่านว่าจะตอบยังไง ห่านถอนใจ
“ห่านรับไว้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณหญิงอีกครั้งนะคะ”
คุณหญิงรื่นฤดีมองหน้าห่านพลางคิดในใจ
“นึกว่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรี ที่ไหนได้เธอมันก็เห็นแก่เงิน เหมือนอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด” คุณหญิงรื่นฤดีทำเป็นยิ้มแสนดี
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ใส่เลยนะ”
“อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ มันแพงมากจนห่านไม่กล้าใส่”
“งั้นก็ตามใจ”
ห่านยิ้ม และก้มมองสร้อยข้อมือ สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ จังหวะนั้นคุณหญิงรื่นฤดีก็เหลือบไปเห็นคุณหญิงชื่นเดินเข้ามา คุณหญิงชื่นแต่งตัวจัดเต็มดูเป็นไฮโซโคตรรวย คุณหญิงรื่นฤดีกับคุณหญิงชื่นมองหน้ากันแล้วนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
คุณหญิงชื่นหรือนางชื่น เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ ผมเผ้าไม่ได้เซ็ท เสื้อที่ใส่ก็เก่าๆ ซีดๆ หน้าดำ ฝ้าเยอะ เพราะไม่ได้แต่งหน้า คุณหญิงรื่นฤดีมองหน้าชื่นอึ้งๆ ก่อนจะหันมาทางดาหลากับดารัณ
“จะไหวเหรอลูก ให้มาเล่นเป็นคุณหญิง”
“ไหวค่ะคุณแม่ คนที่โมเดลลิ่งแนะนำป้าชื่นมาให้ดาหลา”
“ป้าแกเป็นตัวประกอบ เล่นหนังเล่นละครมาเยอะแยอ ฝีมือการแสดงนี่ระดับนางเอกช่องเลยนะคะ รับรองว่าเนียนค่ะ”

คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางชื่น ชื่นยิ้มแฉ่ง

ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 13 (ต่อ)

กลับมาปัจจุบัน คุณหญิงรื่นฤดีเดินไปหาคุณหญิงชื่น
“คุณหญิงชื่นขา”
คุณหญิงชื่นหันมาทางคุณหญิงรื่นฤดี แล้วก็ตรงปรี่เข้ามากอดทักทายชนแก้มซ้าย-ขวาแบบกระแดะๆ ห่านหันไปมอง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“ค่ะ...เริ่มแผนได้เลย” คุณหญิงรื่นฤดีกระซิบเสียงเบา คุณหญิงชื่นพูดแบบไม่ขยับปาก
“ค่ะ” สองคนผละออกจากกัน “มาคนเดียวเหรอคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางห่าน “ฉันมากับแฟนของลูกชาย”
“อ๋อ”
ห่านยกมือไหว้คุณหญิงชื่น คุณหญิงชื่นรับไหว้
“สวัสดีจ๊ะ หน้าตาสะสวย ชื่ออะไรจ๊ะ”
“ห่านค่ะ”
“ฮ่าๆๆ” คุณหญิงชื่นหัวเราะ ห่านชะงัก “มาถึงก็เล่นมุขเลยนะจ๊ะ คนอะไรชื่อห่าน ฮ่าๆๆ น่าเกลี๊ยด น่าเกลียด”
คุณหญิงรื่นฤดีลอบยิ้มสะใจ ห่านหน้าเสีย ไปไม่ถูก
“คุณหญิงชื่นขา ไม่ได้มุขค่ะ ชื่อห่านจริงๆ”
คุณหญิงชื่นหยุดหัวเราะ แกล้งรู้สึกผิด
“ตายจริง ขอโทษจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ว่าแต่หนูเป็นลูกเต้าเหล่าใครจ๊ะ”
ห่านนิ่ง พูดไม่ออก ตอบไม่ถูก คุณหญิงรื่นฤดีลอบยิ้มสะใจครั้งที่สอง
“ห่าน ห่านไม่ทราบค่ะ” คุณหญิงชื่นแกล้งทำเป็นตกใจ
“ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร หมายความว่าหนูกำพร้าเหรอจ๊ะ”
คุณหญิงชื่นย้ำหนักแน่นตรงคำว่า “กำพร้า” ทำให้ห่านจ๋อย
“ค่ะ”
“อุ๊ยตาย ต้องขอโทษอีกครั้ง ไม่ได้ตั้งใจ”
ห่านหน้าเสีย พูดไม่ออก คุณหญิงรื่นฤดีเดินไปใกล้คุณหญิงชื่นแล้วซุบซิบกัน แต่คุณหญิงชื่นทำเสียงดังเพราะต้องการให้ห่านได้ยิน
“ฉันนึกว่าแฟนคุณชายเป็นลูกคุณๆ ที่ไหนซักคุณ ถึงถามออกไป”
“หนูห่านเป็นพนักงานขายรองเท้าที่ห้างฯ ดิฉันค่ะ”
คุณหญิงชื่นปิดปากแกล้งตกใจ
“คุณพระ! นี่คุณชายคว้าเด็กในห้างฯ มาเป็นแฟน มันคู่ควรแล้วเหรอคะคุณหญิง” ห่านได้ยินทุกอย่าง แต่แกล้งทำเป็นหันไปทางอื่น ทั้งๆ ที่ตั้งใจฟัง “ดิฉันว่าไม่เหมาะสมซักนิด เค้าไม่มีทางมาอยู่ในสังคมของเราได้หรอกค่ะ เกิดเป็นห่าน มันก็ต้องเป็นห่านวันยังค่ำ ไม่มีทางที่จะกลายเป็นหงส์ได้หรอกค่ะคุณหญิง...เจียมตัวหน่อยก็ดีนะจ๊ะหนู ห่าน” คุณหญิงชื่นหันมาบอกห่าน
ห่านทนฟังต่อไปอีกไม่ไหว เลยเดินออกไป คุณหญิงรื่นฤดีกับคุณหญิงชื่นค่อยๆ หันไปมองห่าน แล้วก็หันมายิ้มให้กัน
“ทำดีมาก”
คุณหญิงรื่นฤดีสีหน้าพอใจมาก

ห่านออกมายืนหลบแถวหน้าร้านขายเพชร บทสนทนาของคุณหญิงรื่นฤดีกับคุณหญิงชื่นยังดังก้องอยู่ในหัว
“หนูห่านเป็นพนักงานขายรองเท้าที่ห้างฯ ดิฉันเองค่ะ”
“คุณพระ นี่คุณชายคว้าเด็กในห้างฯ มาเป็นแฟนเหรอคะ มันคู่ควรแล้วเหรอคะคุณหญิง ดิฉันว่าไม่เหมาะสมซักนิด เค้าไม่มีทางมาอยู่ในสังคมของเราได้หรอกค่ะ เหมือนสอนจระเข้ให้ปีนต้นไม้ชัดๆ นี่ถ้าเกิดใครรู้เข้า คุณชายจะเป็นฝ่ายเสียหายนะคะ”
ห่านถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่นานคุณหญิงรื่นฤดีเดินออกมา ห่านเห็นก็รีบทำหน้าให้เป็นปกติ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณหญิงรื่นฤดีไม่ได้หวังดีกับเธอ
“ออกมาหลบอยู่นี่เอง เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ห่านฝืนยิ้ม
“เปล่าค่ะ”
“ถ้างั้นเราไปที่อื่นกันเถอะจ๊ะ”
“แล้วของคุณหญิงล่ะคะ”
“อู๊ย ข้าวของราคาแพงขนาดนั้น ฉันไม่ต้องถือเองให้เมื่อยหรอกจ๊ะหนู ทางร้านเค้าจะส่งไปให้ถึงบ้าน”
“ดีจังเลยนะคะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องธรรมดามาก ที่จะมีคนมาคอยบริการเรา เพราะว่าเรามีเงิน เงินน่ะซื้อได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งความรัก หนูว่าจริงมั้ย”
ห่านนิ่งเหมือนรู้ว่าคุณหญิงรื่นฤดีพูดถึงเธอ
“ห่านว่าไม่จริงนะคะ ความรักใช้เงินซื้อไม่ได้หรอกค่ะ”
ห่านสีหน้าจริงจัง คุณหญิงรื่นฤดีลอบเบ้หน้าหมั่นไส้ แล้วก็หันมาฝืนยิ้ม
“หนูนี่เป็นคนดีอย่างที่ตาชายบอกเอาไว้จริงๆ เราไปร้านอื่นกันต่อเถอะจ๊ะ”

คุณหญิงรื่นฤดียิ้มให้ห่านและเดินออกไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันที

เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้านคุณหญิงรื่นฤดีตบโต๊ะเปรี้ยงผลุดลุกขึ้นอย่างโมโห
“แม่ไม่ยอม นังเด็กนั่นมันต้องมากราบเท้าขอโทษแม่”
คุณชายตะลึง ดาหลา ดารัณ สะใจ ชนะศึกระอาใจ
“คุณแม่ คุณแม่ไม่เอ็นดูไม่เมตตาคุณห่านแล้วเหรอครับ”
คุณหญิงรื่นฤดีสะดุ้ง เผลอหลุด เลยฟอร์มดราม่า
“ก็...ก็” ทำจุกพูดไม่ออก “ก็แม่เสียใจ แม่อุตส่าห์เปิดใจ ตั้งใจจะพาหนูห่านไปปรับความเข้าใจกัน แต่ดูสิ ดูหนูห่านทำกับแม่ ไม่รู้ไม่พอใจอะไร จู่ก็เดินสะบัดหนีกลับไปต่อหน้าต่อตาแม่ แม่เสียใจ” คุณหญิงรื่นฤดีแกล้งสะอื้น
คุณชายอึ้ง ดาหลา ดารัณ ทำหูทำตาใส่กันว่าคุณหญิงรื่นฤดีดราม่ามั่กๆ ชนะศึกงงๆ
“ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ คุณห่านไม่น่าเป็นคนแบบนั้น”
“ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น มัน เอ๊ย!..คุณห่านต้องเป็นนั้นแน่ๆ ค่ะ ก็ขนาดกล้าอุปโลกน์ตัวเองให้เป็นไฮโซฮันนี่ตบตาคนทั้งบ้านทั้งเมืองได้ แล้วกะอีกแค่จะแอ๊บทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าคุณชาย แต่ลับหลังกลับเป็นนางมารร้ายใส่คุณหญิงแม่ แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”
“แค่นี้ก็คิดเยอะแล้วล่ะครับคุณดารัณ โห...คิดยังไง?” ชนะศึกแย้ง “จำมาจากละครเรื่องไหนครับเนี่ย”
“ไม่ตลกนะคุณ” คุณหญิงรื่นฤดีแว้ดใส่สามี “ ใครว่าเรื่องแบบนี้มีแต่ในละคร ดูข่าว นสพ. ข่าวทีวี.สิคะ เดี๋ยวอุ้ม เดี๋ยวปล้น เดี๋ยวฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน ใช่สิ...เดี๋ยวนี้ฉันมันหมดความหมาย ไม่มีใครห่วงฉันแล้วนี่” คุณหญิงรื่นฤดีสะอื้นอีก คุณชายสงสาร โอบแม่ไว้
“ไม่เอาครับคุณแม่ ชายยังรักยังห่วงคุณแม่เหมือนเดิม เพียงแต่ชายคิดว่ามันต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันเล็กน้อย”
“โห...ไม่น้อยล่ะค่ะ อย่างนี้มันเรื่องใหญ่ นี่ใครคะใคร คุณหญิงแม่นะคะ ไม่ใช่เพื่อนเล่นของคุณคอห่านนั่น” ดาหลาบอก
“แม่เอง เห็นหนูห่านวันนี้ก็รู้สึกรักและเอ็นดูมาก แม่ยังเมตตาซื้อสร้อยเพชรให้หนูห่านไปเส้นนึง”
คุณชายแปลกใจ ดาหลา ดารัณ ตะลึงช็อก หน้าเสีย สองแม่ลูกหันมาพูดใส่กันแบบไม่ออกเสียง

“สร้อยเพชร”

อีกด้านหนึ่งที่ห้องเช่าห่าน ห่านเปิดกล่องเห็นเป็นสร้อยข้อมือเพชรที่คุณหญิงรื่นฤดีซื้อให้ ห่านนั่งมองด้วยสายตาว่างเปล่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านเพชร
“อย่าเลยค่ะ ของแพง ๆ อย่างนี้มันไม่เหมาะกับห่าน ห่านรับไม่ได้”
“เงินแค่นี้ ขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วง รับไว้เถอะ ฉันรู้ว่าชีวิตของหนูไม่เคยได้ของดีดีแบบนี้” ห่านอึ้ง คุณหญิงรื่นฤดียิ้ม
“เกิดเป็นห่านมันก็ต้องเป็นห่านวันยังค่ำ ไม่มีทางจะกลายเป็นหงส์ได้หรอกค่ะคุณหญิง เจียมตัวหน่อยก็ดีนะจ๊ะหนูห่าน”
คำพูดของคุณหญิงชื่นทำให้ห่านนึกน้อยใจ ห่านถอนใจเฮือก ตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขณะที่กำลังจะปิดกล่องสร้อยข้อมือเพชรจู่ๆ ก็มีมือมากระชากกล่องไปซึ่งก็คือแหม่มนั่นเอง
“โอ้วมายก็อดดด นี่มันอะไรกันเนี่ย ตาไอ้แหม่มไม่ได้ฝาดใช่มั้ย?” เหม่มร้องเพลงเดินเต้นกระแกะหยิบสร้อยมาคาดหน้าผาก “Shine bright like a Daimond...”
ห่านรีบกะโดดตะปบแย่งคืน
“ไอ้แหม่ม เอามา อย่า เอาคืนมา”
แหม่มไม่คืน ซ่อนไว้ให้ห่านยื้อแย่ง
“ไม่คืน ไม่คืน แกต้องบอกฉันก่อนว่านี่มันอะไร? สร้อยเพชรจริงหรือเพชรเก๊? และที่สำคัญใครให้แกมา” แหม่มชูสร้อยล้อๆ ห่านทำท่าเหนื่อยเหมือนจะยอมแพ้
“แหม่มอ่ะ แกอย่าแกล้งฉันอย่างนี้สิ คืนฉันมาก่อน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
“จริงอ่ะ แน่นะ”
ห่านพยักหน้าแล้วโดดตะปบดึงสร้อยมาจากมือแหม่มทันที ทันใดนั้นสร้อยเพชรขาดร่วงกระเด็น ห่านช็อก แหม่มช็อก ห่านร้องลั่น
“แย่แล้ว แย่แล้ววว”
สองสาวยืนช็อกอยู่ตรงนั้น

ที่บ้านคุณชาย ดาหลาลุกพรวดเหมือนใจจะขาด
“คุณหญิงแม่ คุณหญิงแม่นึกยังไงถึงได้ซื้อสร้อยเพชรให้นัง 18 มงกุฎนั่นคะ”
“มันเอาน้ำมันอะไรแตะตัวคุณหญิงรึเปล่า ลองนึกให้ดีๆ สิคะ”
“ไม่ช่ายหรอกค่าา เพียงแต่ดิฉันคิดว่า การที่เราจะลวงหมาป่าให้มาติดกับดัก เราก็ควรจะต้องมีเหยื่อล่อ”
“เหยื่อเป็นสร้อยเพชรเนี่ยนะคะ แพงไปป่ะค่ะคุณหญิงแม่”
“แพง? สร้อยเพชรเส้นละไม่กี่แสน? กระจอกมากเมื่อเทียบกับสมบัติอันมีค่าที่สุดในชีวิตของคุณหญิงรื่นฤดีที่ชื่อว่า “คุณคุณชาย” สองแม่ลูกแอบเหล่ เบะปาก เสียดายสร้อยเพชร “หนูดาหลากับคุณดารัณว่าจริงมั้ยคะ”
คุณหญิงรื่นฤดีหันมาถาม สองแม่ลูกรีบปรับสีหน้า
“จริงค่ะ จริงที่สุด”
“โห...แผนการณ์ของคุณแม่นี่เริ่ดสุดๆ ไปเลยค่ะ ว่าแต่...ตกลงนัง 18 มงกุฎนั่นมันเอามั้ยคะ สร้อยเพชร” คุณหญิงรื่นฤดีหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ เอาซิ มีรึจะไม่เอา? หนอยตอนแรกก็ทำเป็นลีลาแต่สุดท้ายก็รีบตะครุบมือไม้สั่น เชอะ! นังเด็กเมื่อวานซืน นึกเหรอว่าจะตบตาคนอย่างคุณหญิงรื่นฤดีได้” สองแม่ลูกแอบเบะปาก คุณหญิงรื่นฤดีหันมาถาม “หนูดาหลากับคุณดารัณว่าจริงมั้ยคะ”
“จริงค่ะ” สองแม่ลูกตอบรับทันที คุณหญิงรื่นฤดีหัวเราะชอบใจ

ขณะนั้นห่านกับแหม่ม กำลังคลาน โก้งโค้ง มุด ก้มๆ เงยๆ หาเพชรที่หลุดกระเด็นกระจัดกระจายตามพื้น ซอกโต๊ะ ตู้ ห่านทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แหม่ม เจออีกมั้ย”
แหม่มทำหน้าจะร้องไห้เหมือนกัน
“ไม่เจอ หาจนตาจะหลุดแล้ว ครบแล้วป่ะห่าน? มีแค่นี้มั้ง?”
ห่านก้มมองสร้อยที่ประคองไว้ในมือ
“ไม่นะ น่าจะยังขาดอีก” ห่านเขี่ยๆ ดู “ขาดอีกเม็ดนึง เม็ดเดียว รูปหัวใจอ่ะ มีอยู่เม็ดเดียว เร็วเหอะ ช่วยกันหา”
ห่านรีบเอาเพชรลงกล่องแล้วรีบกลับมาคลาน มุดหาเหมือนเก่า บื้อเดินถือตระกร้าผ้าลูกค้าเข้ามาชะงัก มองผู้หญิงสองคนคลานตูดโด่งอย่างขะมักเขม้นดูตลกสิ้นดี บื้อมองงงๆ ซักพักห่านคลานๆๆ ตาก็ยังจ้องอยู่ที่พื้นหน้าแนบพื้นจนไปหยุดอยู่ที่เท้าบื้อ ห่านค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง บื้อจ้องหน้าห่านแล้วถามออกมา
“ทำอะไรของเธออ่ะ” ห่านสะดุ้งโหยง
“ว๊าย อีตาบ้า” ห่านรีบลุกขึ้นยืน “มายังไงไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมด คนอะไร ประหลาด”
“เธอสิประหลาด ว่างมากเหรอถึงมาคลานตูดโด่งเล่นกัน”
“บ้า” ห่านกับแหม่มบอกออกมาพร้อมกัน
“คลานเล่นซะที่ไหน ไอ้ห่านมันทำสร้อยเพชรขาด มันคลานหาสร้อยเพชร”

แหม่มโวย ห่านสะดุ้ง ไม่อยากบอกเรื่องสร้อย บื้ออึ้ง มองห่าน ห่านทำหน้าไม่ถูก

 
บื้อคลานตูดโด่งท่าเดียวกับห่านเด๊ะ โดยมีแหม่มยืนช่วยส่องไฟฉายตามซอกตู้ ใต้เตียง ใต้โต๊ะ บื้อกับห่านคลานเดี๋ยวก็ตูดชนกัน เดี๋ยวก็หัวโขกกันโป๊ก ห่านคลานไป จะร้องไห้ไป
 
“แย่แน่ๆ ถ้าหาไม่เจอฉันแย่แน่ๆ”
บื้อเซ็งห่าน ก่อนจะตวัดสายตาไปเจออะไรแว๊บๆ ในซอกมุมลึกๆ บื้อเอื้อมมือสุดแขนไปหยิบเพชรที่เป็นรูปหัวใจมามอง ก่อนจะชูใส่หน้าห่าน
“ใช่รึเปล่า”
ห่านจ้องมอง ตาโต คว้ามามองใกล้ๆ ดีใจสุดขีด
“ใช่ ใช่แล้ว ใช่จริงๆ ด้วย นายหาหัวใจของฉันเจอ เก่งที่สุดเลยไอ้บื้อของช้านนนน”
ห่านโผเข้ากอดบื้อแน่น เนิ่นนาน บื้ออึ้ง ห่านดีใจไม่รู้ตัว แหม่มอึ้ง ตะลึง
สองคนยังกอดกันอยู่ ซักพักแหม่มกระแอม
“แค่กๆๆๆ” บื้อกับห่านรีบผละออกจากกัน “เอ่อ...เจอแล้วนะ โอเคนะ ตามสบายนะ”
แหม่มรีบวิ่งจู๊ดออกไป เหลือบื้อกับห่าน ทั้งคู่มองหน้ากัน

บื้อเดินออกมาจากบ้านห่าน ห่านวิ่งตาม
“เดี๋ยว...นายบื้อ...เดี๋ยว” บื้อหันกลับมามอง “เอ่อ...คือ ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไร” บื้อพูดจบก็จะเดินออกไป ห่านรีบวิ่งมาขวางหน้าไว้ เกือบชนกัน ต่างคนต่างรีบผงะออก บื้อยกมือ 2 ข้าง “โทษ...โทษ...”
“อือๆ โทษเหมือนกัน” สองคนมองหน้ากัน ห่านตัดสินใจพูด “คือ ยังงี้นะ มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”
“ฉันคิดอะไร”
“ก็...ฉันไม่ได้จะไปหลอกเอาสร้อยเพชรอะไรนั่นมาจากคุณคุณชายนะ แต่คุณหญิงแม่คุณชายเค้าให้ฉัน”
“มันก็เรื่องของเธอ”
บื้อจะเดินออกไป ห่านรีบมาขวางไว้อีกแล้วแว้ดเสียงดัง
“ฉันตั้งใจว่าฉันจะเอาไปคืน”
บื้อมองห่านแล้วพูดเสียงดังอย่างพาลๆ
“ก็บอกแล้วไง มันเรื่องของเธอ”
บื้อจะเดินไป ห่านผลักอกบื้อไว้อย่างแรง ไม่ให้เดินไป
“ฉันไม่ให้นายไป” บื้อชะงักกึก
“ทำไม”
ห่านมองหน้าบื้อ เสียงอ่อนลง
“ฉันอยากให้นายช่วยพาฉันเอาสร้อยไปซ่อม” บื้ออึ้ง ห่านทำตาละห้อย บื้อกำลังอ้าปากจะด่า ห่านชิงพูด “ตอนแรกก็ว่าจะชวนไอ้แหม่ม แต่มันลางานไม่ได้ ไอ้จะไปคนเดียวก็เสียวอ่ะ กลัวโดนปล้นฆ่าปาดคอ...นะ บื้อ มีนายคนเดียวแหละที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองฉันได้ จริงมั้ย” ห่านทำตาปริบๆ ใส่ บื้อถึงกับเซ็ง

วันต่อมาคุณชานนัดเจอกับนีรนุชที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่มั้ยไอ้ชาย ว่าอย่าหาเรื่อง”
“อย่าเพิ่งซ้ำเติมกันสิว้า ให้กำลังใจกันหน่อย ฉันก็แค่อยากทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ดีที่สุด” นีรนุชถอนใจ อย่างเห็นใจ เติมน้ำตาลก้อนใส่กาแฟให้คุณชาย คุณชายโวย “เฮ่ยๆ ฉันไม่ใส่น้ำตาล ลืมเหรอไอ้นุช”
“ไม่เคยลืม เพียงแต่ช่วงนี้น้ำตาลแกอาจจะตก เติมน้ำตาลซะหน่อย อีกอย่างลองเปลี่ยนๆ อะไรใหม่ดูบ้าง เผื่อจะเจออะไรเป็นทางเลือกใหม่”
“วันนี้มาแนวไหนวะ แอบมีปรัชญาซ่อนเร้นอะไรเนี่ย”
“ไม่มี้ มันก็แค่น้ำตาล อ่ะ ว่าเรื่องของแกต่อ ตกลงยังไง”
“ก็...ยังไม่รู้จะยังไง คุณแม่อยากให้คุณห่านไปขอโทษ”
นีรนุชสำลักกาแฟ
“ขอโทษ...ไม่มีทาง คนอย่างคุณห่านดูก็รู้ว่าเป็นคนแข็ง ไม่ยอมใครง่ายๆ” คุณชายพยักหน้าหงึกๆ
“อือ จริง”
“เออ นี่ ฉันขอถามอะไรแกหน่อยได้มั้ย?”คุณชายมองหน้านีรนุช “ตอนที่แกโกรธที่คุณห่านโกหกแกว่าเป็นคุณฮันนี่ เพราะอะไรแกถึงหายโกรธเค้าได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้น”
“ก็...หลายอย่าง อย่างแรกก็คุณบื้อ คำพูดคุณบื้อเตือนสติฉัน” คุณชายนึกถึงตอนที่ถูกบื้อต่อยหน้าแล้วด่าคุณชายว่าโง่ ไม่รู้ว่าห่านรัก “อีกอย่าง ฉันกลับไปที่บ้านทอตะวัน”
“บ้านทอตะวัน” คุณชายพยักหน้า
“หลังจากเกิดเรื่องไม่นาน ฉันก็กลับไปที่บ้านเด็กกำพร้าทอตะวันอีกครั้งนึง”
คุณชายนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น คุณชายเดินถือถุงใบใหญ่ใส่ขนมเพียบมาหาเด็กๆ ที่ยืนจับกลุ่มเล่นกันอยู่ในสนาม เด็กๆ เห็นคุณชายก็กรูเข้ามาห้อมล้อมดีใจกันเซ็งแซ่
“พี่ชายใจดี พี่ชายรูปหล่อมาอีกแล้วๆๆ”
“พี่ชาย พี่ชาย”
“ว่าไงครับ”
“พี่สาวคนสวยไม่มาด้วยเหรอ พี่คนสวยใจดี หนูชอบ” คุณชายอึ้งไป
“พี่สาว ไม่มาแล้ว เค้า...ไปแล้ว”
“ว้า เสียดายจัง อ้อ! ตอนนี้หนูกับ..ที่แย่งไข่พะโล้ดีกันแล้วนะ”
คุณชายนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เด็กแย่งไข่พะโล้แล้วคุณชายบอกให้ไม่โกหก คุณชายถึงกับอึ้ง
“เหรอครับ”
“ก็พี่ชายสอนว่าโกหกไม่ดีจะไม่มีคนรัก...ก็ไม่โกหกอีกเลย แล้วก็แบ่งขนมหนูตลอด”
“ดีแล้วครับ ดีมาก”
“ตอนแรกหนูว่าจะไม่ดีกับ...หรอกเพราะหนูไม่ชอบ ไม่ชอบคนโกหก แต่พี่สาวคนสวยมากระซิบหนูบอกว่าไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครอยากเป็นคนโกหก ถ้าเค้าทำผิดแล้วสำนึกผิด เราก็ควรยกโทษให้ หนูก็เลยยกโทษให้..? เพราะรู้ว่า..? อยากกินไข่ใบนั้นจริงๆ” คุณชายอึ้ง “ถ้าพี่ชายเจอพี่สาวอีก ฝากบอกพี่สาวด้วยนะว่าหนูทำตามที่พี่สาวสอนแล้ว”
เด็กพูดจบก็วิ่งออกไป ปล่อยให้คุณชายอึ้ง
นีรนุชเองก็อึ้งเหมือนกันกับสิ่งที่คุณชายเล่า
“เด็กๆ พวกนั้นสอนให้ฉันรู้ว่า ฉันควรมองให้เห็นถึงจิตใจคุณห่านที่เป็นคุณห่าน ไม่ใช่คุณห่านที่เป็นคุณฮันนี่”
นีรนุชพยักหน้าเห็นด้วย “และอย่างสุดท้าย “ฉันคิดว่า ฉันรักคุณห่าน ชีวิตนี้ฉันคงขาดเค้าไม่ได้”

นีรนุชอึ้ง หน้าจ๋อย ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มน้อยๆ ทั้งที่น้ำตาตกใน เมื่อแยกจากคุณชาย นีรนุชเดินอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆ เศร้าๆ นึกถึงภาพความสนิทสนมระหว่างเธอกับคุณชาย นีรนุชก็ยิ่งเศร้า

บื้อนั่งลงแล้วแหงะขึ้นมองหน้าห่านที่ยังยืนอึ้งอยู่
“เร็วดิ”
บื้อกระชากข้อมือห่านให้นั่งลงข้างๆ แต่ห่านนั่งอึ้งนิดนึงก่อนจะกระชากมือบื้อออกไปพูดไกลๆ จากที่เมื่อกี้
“แน่ใจเหรอ” ห่านพูดเหมือนกระซิบใกล้หูบื้อ
“ก็เออดิ”
“เนี่ยนะ? แน่ใจนะว่าจะให้ฉันเอาสร้อยเพชรมาซ่อมที่นี่”
“ก็แน่ใจดิ จะทำไม”
ห่านหันไปมอง กลืนน้ำลายเอื้อกเพราะร้านที่บื้อจะเอาสร้อยมาซ่อมเป็นแผงข้างทางประมาณร้านซ่อมนาฬิกาทำกรอบพระ เจ้าของเป็นลุงหน้าโหดอย่างโจรลายสักพร้อยมองมา
“บ้า เธอจะบ้าเหรอนายซื่อบื้อ สร้อยข้อมือเพชรราคาเป็นแสนๆ นายจะให้ฉันมาซ่อมที่กระจอกๆ แบบนี้เนี่ยนะ บ้าไปแล้ว” ห่านโวย
“จะเอายังไง ก็ฉันมันคนกระจอก จะไปรู้จักร้านไฮโซบ้าบอที่ไหน” ห่านอึ้ง “ขอร้องให้ฉันช่วย ฉันก็ช่วยแล้วไง ช่วยได้แค่นี้ไม่พอใจก็ไปให้คนอื่นช่วยละกัน”
บื้อจะเดินออกไป ห่านรีบคว้าแขนไว้ อีกมุมแอปเปิ้ล ปีปี้ จี้จี้ เดินมาแล้วชะงักเมื่อเห็นบื้อกับห่าน
“แม่เจ้า”
“บื้อ นังคอห่าน”
สามสาวหลบวูบแอบดู
“เดี๋ยว หัวล้านแล้วเหรอเดี๋ยวนี้ ขี้น้อยใจชะมัดเลย” บื้อถอนใจเซ็ง “โธ่ อย่าโกรธนะ ก็แค่ถามดูว่าแน่ใจเหรอ”
ห่านมองถุงกระดาษเก่าๆ ในมือแล้วมองบื้อ “ก็ได้ ฉันเชื่อเธอ”
บื้อมองแล้วเดินนำไป ห่านเดินตาม สามสาวตาวาว พุ่งราวกับนักสืบสะกดรอยตาม

ห่านค่อยๆ หยิบกล่องสร้อยออกมาจากถุงกระดาษเก่าๆ ที่วางอยู่บนตักขึ้นมาถือไว้ มองหน้าลุงทีมองหน้าบื้อที บื้อเพยิดหน้าให้ส่งๆ ให้ลุงซะที ห่านตัดใจค่อยๆ ยื่นให้ มือสั่นงึกๆๆ บื้อรำคาญคว้ากล่องหมับยื่นให้ลุงเจ้าของร้านเลย
“เย้ยยย”
“ลุงยักษ์ครับ ช่วยซ่อมให้ที”
ลุงยักษ์มองหน้าแล้วมองห่าน
“นังนี่มันเป็นอะไรเยอะ” ห่านสะดุ้ง
“อย่าไปสนใจเลยครับลุง” บื้อมองห่านอย่างรำคาญๆ “บ้าๆ บอๆ”
“เอ๊า” ห่านจะเถียง บื้อตัดบท
“ช่วยดูให้หน่อยครับ”
ลุงยักษ์มองห่านเหล่ๆ ทำท่าจะเปิดกล่อง แอปเปิ้ล ปีโป้ จีจี้ชะเง้อชะแง้คอยาวอยากรู้
“ระวังค่ะ” ห่านโพล่งขึ้นมา ลุงยักษ์สะดุ้งโหยงตกใจมาก ปิดกล่องผลัวะ หลุดฟอร์มตัวใหญ่ใจปลาซิว
“นังบ้า หัวใจจะวาย” ลุงยักษ์กุมหัวใจ “นี่ ไอ้บื้อ จะเอาไปซ่อมที่ไหนก็ไป ข้าไม่ซ่อมให้แล้ว”
พูดจบก็โยนกล่องเพชรลอยโด่งละลิ่ว ห่านตกใจสุดขีด แอปเปิ้ลเล็งสุดสายตา ห่านพุ่งตัวตะครุบไว้ได้ เหมือนเป็นผู้รักษาประตู แม้จะล้มตัวลงข้างถนนก็ไม่หวั่น แอปเปิ้ลมองจับพิรุธ ห่านลุกขึ้นโวย
“โหย...ลุงคะ ของแพงนะคะไม่ใช่บาทสองบาท นึกจะโยนก็โยนง่ายๆ ยังงี้เลยเหรอคะ” แอปเปิ้ลหูผึ่ง
“มันจะซักกี่บาทกันวะ เชอะ”
“เป็นแสนค่า เป็นแสน” ห่านหลุดปาก แอปเปิ้ลตาโต
“ห๊า”
บื้อหันมองหน้าห่าน ตกใจ ห่านก็ตกใจที่หลุดปาก ทันใดนั้นบื้อก็ขำก๊าก
“บ้า ฮ่าๆ ผมบอกแล้วว่ายัยนี่มันบ้า” บื้อกระชากกล่องมาถือไว้ “สร้อยเก๊น่ะลุง ยัยนี่มันบ้ามันอยากเป็นไฮโซ ไปซื้อสร้อยเก๊มาใส่ดันทำขาดก็ของกระจอกน่ะลุง ขาดง่าย ไม่เชื่อดูสิ”
พูดจบบื้อก็เปิดกล่องให้ดู แอปเปิ้ลชะเง้อ ลุงยักษ์ชะโงกดูสร้อยเพชรขาดในกล่อง จ้องตาไม่กระพริบ ห่านลุ้น
บื้อลุ้น ลุงยักษ์มองหน้าบื้อ
“แต่มันเหมือนของจริงมากนะเว๊ยไอ้บื้อ”
ห่าน บื้อ มองหน้ากันอึ้ง
“โหย...ลุง เดี๋ยวนี้เพชรเก๊ทำเหมือนเป๊ะ เผลอๆ สวยกว่าเพชรจริงอีก ก็เหมือนพระเครื่องแหละ จริงมั้ยลุง”
“เออ...จริงว่ะ เดี๋ยวนี้มันปลอมกันเป๊ะเชียว” บื้อโล่งอก
“ตกลง ช่วยซ่อมให้หน่อยนะลุงนะ อย่างเร็วเลย เดี๋ยวผมนั่งรอเอาไปเลย”
“ไอ้บ้า งานข้าเยอะแยะ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา”
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวหาย” ห่านโพล่งอย่างลืมตัว
“หนอย นังนี่ เห็นข้าหน้ายังงี้แต่นิสัยข้าไม่ได้อุบาวท์เหมือนหน้านะเว๊ย ไม่เหมือนบางคน หน้าตาดีแต่นิสัยอุบาวท์” ห่านจ๋อย บื้อชอบ “แล้วอีกอย่าง ข้าก็ไม่ตาถั่ว ไม่โง่จะแฮ๊ปของเก๊ของเอ็งหรอกเว๊ย...นังบ้า” ห่านสะดุ้ง บื้อชอบมาก “อ่ะๆๆ จะรีบทำให้จะได้รีบๆ ไปให้พ้น รำคาญ”
ห่านค้อนลุงยักษ์ หันมาเจอบื้อทำหน้าตาสะใจอยู่ก็ค้อนบื้อให้อีกดอก ขณะที่แอปเปิ้ลแอบดูด้วยหน้าตาเอาเรื่อง
“เพชรเก๊ เป็นแสน” แอปเปิ้ลแสยะยิ้ม “นังคอห่าน”

แอปเปิ้ลนำเรื่องนี้ไปบอกดาหลา ดาหลาตาวาวตกใจ
“เธอว่าไงนะ แอปเปิ้ล”
“แอปเปิ้ลก็ว่า นังห่านเอาสร้อยเพชรเก๊ไปซ่อม”
“สร้อยเพชรเก๊”
“ค่ะ แต่ที่มีกลิ่นก็คือ แอปเปิ้ลแอบได้ยินแว่วๆ นังนั่นมันโม้ว่าสร้อยเพชรเส้นนั้นราคาเป็นแสนๆ”
“เป็นแสนๆ” ดาหลานึกถึงคำพูดคุณหญิงรื่นฤดี
“แพง? สร้อยเพชรเส้นละไม่กี่แสน กระจอกมาก”
ดาหลาตาวาว
“ได้การล่ะ แกโดนเชือดแน่ นังคอห่าน ฮ่า ๆๆ”
แอปเปิ้ลหัวเราะไปกับเค้าด้วย

“ค่ะ ฮ่าๆๆ”

จบตอนที่ 13

อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น