ธิดาพญายม ตอนที่ 3
เอกภพยืนระวังอยู่หน้าบ้านพัก ทันใดนั้นร่างของณัชชาแวบมาถึงเอกภพหันกลับมา
“เรียบร้อย ตามความคิดของพวกมันรถระเบิด ลุงสมไม่รอด อย่างน้อยก็หลอกให้มันไปห่างจากที่นี่ได้ระยะหนึ่ง”
“อืม หวังว่าเราจะได้พบทายาทที่เหลือก่อนที่พวกมันจะเจอที่นี่”
“พรุ่งนี้ก็คงรู้”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างมีความหวัง
วันต่อมารถของเอกภพแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านหรูหลังหนึ่ง
“ใช่แล้วครับตรงตาม ที่อยู่ที่ส่งมา”
เอกภพกับไกรยุทธ์เปิดประตูลงจากรถ เอกภพเดินไปกดกริ่ง ประตูเปิดออกร่างของชายคนหนึ่งปรากฏ
“ผมมาหาคุณณัฐครับ”
“เชิญครับ คุณณัฐรออยู่แล้ว”
เอกภพกับไกรยุทธ์ก้าวเข้าไปด้านในประตูรั้วหน้าบ้าน ประตูหน้าบ้านปิดลง
ช่วยเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านพักที่ใช้ซ่อนตัว ณัชชา นาชะ นาฬิกาเดินออกมาที่รถตู้ที่ยึดมาจากพวกมือปืน
“เราเอารถพวกมันมา พวกมันเห็นต้องจำได้แน่เลย”
ณัชชาโบกมือไปที่ป้ายทะเบียนรถ ป้ายทะเบียนเปลี่ยนเป็นเลขอื่นทันที
“คราวนี้มันก็จำไม่ได้แล้ว”
นาฬิกายิ้มให้ณัชชา ทั้งหมดต่างขึ้นรถ
ณัชชาขับรถตู้เข้ามาจอดที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สามสาวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน
“ดูซิมีใครติดต่อมาอีกหรือเปล่า”
นาฬิกาบอกขณะเอามือกดโน่นนี่แล้วรอจ้องที่คอมพิวเตอร์
“ผู้กองกับคุณไกรยุทธ์ออกไปตั้งแต่ไก่โห่ป่านนี้คงจะถึงจุดหมายเรียบร้อย”
“น่าจะ”
“นึกไม่ถึงเราพบทายาท 3 คนแล้ว”
“มีคนติดต่อเรื่องสร้อยเข้ามาอีกหนึ่งราย”
ณัชชากับนาชะต่างตื่นเต้น
“คนที่ 4”
“ถามดูซิว่าเราจะไปพบได้เมื่อไหร่”
นาฬิกากดคีย์บอร์ดส่งอีเมล์กลับไป
“รอนิดนึงค่ะ เดี๋ยวคงตอบกลับมา”
ณัชชากับนาชะต่างลุ้น นาชะยกมือเรียกพนักงาน
“น้องมีอะไรกินมั่ง”
ณัชชากับนาฬิกาต่างมองหน้ากันแล้วยิ้ม ต่างจ้องรอที่หน้าคอมพิวเตอร์
ชายเดินนำเอกภพกับไกรยุทธ์เข้ามาในบ้าน
“เชิญที่ห้องรับแขกเลยครับ” ชายนำเข้าไปในห้องรับแขก ผายมือให้เอกภพกับไกรยุทธ์นั่งลงที่โซฟา “รอสักครู่นะครับ”..
ชายออกไป เอกภพกับไกรยุทธ์นั่งรออยู่ เพียงไม่นาน ณัฐซึ่งเป็นวัยรุ่นวัยเดียวกับไกรยุทธ์ก็ปรากฏตัว ทั้งสองยืนขึ้น
“เชิญนั่งตามสบายครับ” ทั้งหมดนั่งลง “เป็นไปได้มั๊ยครับ ถ้าผมจะขอดูสร้อยซักหน่อย ว่าคุณใช่คนที่ติดต่อมาจริง”
ไกรยุทธ์มองหน้าเอกภพ เอกภพจ้องณัฐอึดใจ
“คุณไกรยุทธ์เชิญ”
ณัชชา นาชะ นาฬิกานั่งอยู่ที่โต๊ะ นาฬิกาเพ่งอยู่ที่หน้าจอแลปท็อป
“ตอบมาซะทีซิ” เสียงสัญญาณว่ามีเมล์เข้าดัง ทั้งสามคนต่างขยับตัว “ออนไลน์ด้วย เยส...ทำไมถึงต้องการพบต้องการอะไร” นาฬิการีบกดแป้นคีย์บอร์ด กดไปอ่านไป “เราชื่อนาฬิกา คุณชื่ออะไร...ชื่อ บีม” นาฬิการีบป้อนข้อมูลเช่นกัน “คุณเป็นเจ้าของสร้อยใช่มั๊ย” นาฬิการอจ้องที่หน้าจอ “ใช่ เรากับปิงปองมีคนละเส้น”
ณัชชากับนาชะกับคาดไม่ถึง
“มีสองเส้น รีบถามให้แน่ใจว่าเป็นสร้อยตามรูปที่ส่งไป”
นาฬิการีบพิมพ์คำถามลงไป แล้วจ้องรอคำตอบ
“เหมือนเป๊ะ พออยู่ใกล้กันเด้งติดกันได้ด้วย”
“แย่แล้ว ผู้กองกับคุณไกรยุทธ์”
นาชะตวัดโทรศัพท์ขึ้นมากด แล้วรอสัญญาณ
ไกรยุทธ์ถอดสร้อยออกจากคอแล้ววางลงต่อหน้าวัยรุ่นที่ชื่อ ณัฐ
“อืม เหมือนมาก ผมนึกว่าผมมีคนเดียวซะอีกที่แท้มีสองเส้น”
“ถ้าคุณมีก็เป็นสามแล้วครับ ของคุณนาฬิกาน้องสาวพี่เอกอีกหนึ่งเส้น”
“เหรอครับ อืม...ขออนุญาตหยิบดูก่อนได้มั๊ยครับก่อนที่ผมจะให้คนเอาสร้อยของผมออกมา ขอโทษนะครับสมัยนี้ไว้ใจคนยาก”
“เชิญครับ”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเอกภพดังขึ้น
“ขอโทษนะครับ”
เอกภพรับสาย ในขณะที่ณัฐเอื้อมมือหยิบสร้อยขึ้นมาตรวจดู พยักหน้าด้วยความพอใจ
“ครับ ยังอยู่ครับ...ครับ...ครับ” เอกภพวางสาย ทันใดนั้นเอกภพตวัดปืนขึ้นมาจ่อตรงหน้าณัฐไกรยุทธ์ถึงกับคาดไม่ถึง “ขอสร้อยคืนด้วยครับ”
ณัฐมองเอกภพอย่างคาดไม่ถึงแต่แล้วก็ยิ้ม ทันใดนั้นใบหน้ากลับกลายเป็นอาคิน หัวเราะเสียงดัง
“สายเกินไปแล้วผู้กอง”
เอกภพเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆ สาดกระสุนเข้าใส่อาคินกระสุนทำอะไรอาคินไม่ได้ อาคินตวัดมือปล่อยพลังใส่เอกภพกระเด็นกลิ้งไปอยู่ที่พื้น ไกรยุทธ์ดีดตัวขึ้นมา
“ผู้กอง”
“เฉยไว้” อาคินตวัดมือตบไกรยุทธ์กระเด็นไปอยู่ที่พื้นทรุดไป อาคินก้าวไปที่เอกภพที่พึ่งจะตั้งตัวขึ้นมา “ผมไม่ต้องการคุณหรอกผู้กอง ผมต้องการแต่สร้อย”
เอกภพจ้องอาคินอย่างแค้นใจ อาคินยกมือปล่อยพลังพุ่งเข้าใส่เอกภพ ทันใดนั้นเอกภพแวบหายไป อาคินยิ้มอย่างเยือกเย็น
ร่างของเอกภพแวบเข้ามาในรถ แต่แล้วก็ต้องหยุดนิ่งเพราะอำนาจกับมือปืนนับสิบเอาปืนจ่อเข้ามาในรถรอบทุกด้าน
“เรารอคุณอยู่แล้วผู้กอง” เอกภพกราดสายตามองรอบๆ อำนาจเปิดประตูรถ “เชิญ”
ทันใดนั้นร่างของณัชชาแวบมายืนบนหลังคารถ พวกมันถึงกับตกใจตวัดปืนขึ้นมา แต่ช้าไปเสียงปืนจากณัชชาดังสนั่นพวกมือปืนกระจายไปจากรถ
“ผู้กองเร็วเข้า”
ร่างของณัชชาตีลังกาม้วนตัวลงมาจากหลังรถ ลงไปกลางกลุ่มของพวกมือปืน แล้วโชว์ลวดลายการต่อสู้ จนพวกมันเข้าไม่ติด เอกภพสตาร์รถ ถอยรถพรวดประตูรถกระแทกอำนาจล้มไป เอกภพเหยียบคันเร่งรถพุ่งออกไป ณัชชาปล่อยหมัดและเท้าใส่พวกมันจนพวกมันกระเด็นออกไปไกล ทันใดนั้นร่างของอาคินปรากฏตรงหน้า
“พบกันอีกแล้วองค์หญิง”
ณัชชาไม่พูดมากตวัดปืนยิงกราดใส่อาคินจนมันเซ แล้วณัชชาก็แวบหายไป อาคินมองยิ้มเดาะสร้อยในมืออย่างพอใจ
รถของเอกภพวิ่งมาตามทาง ทันใดนั้นร่างของณัชชาแวบมานั่งข้างๆ ชุดดำที่ณัชชาใส่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชุดอินเทรนเหมือนเดิม
“เป็นความผิดของผมเอง”
“เราต้องหาทางช่วยไกรยุทธ์กลับมาให้ได้”
“ผมแค่สงสัย องค์หญิงแวบมาหาผมได้ยังไง ทำไมอาคินถึงแวบตามมาไม่ได้”
“ต้องมีจุดที่เคยสัมผัสหรือผ่านมาแล้ว”
“เหมือนผมแวบกลับไปที่รถผม”
“ถูกต้อง หรือไม่ก็ต้องมิตรภาพเป็นตัวนำ ถ้าเป็นศัตรูก็จะสัมผัสตำแหน่งไม่ได้ แล้วก็ในใจของคุณส่วนหนึ่งนึกถึงดิฉัน”
“เอ้อ...งั้นองค์หญิงน่าจะแวบไปหาไกรยุทธ์ได้น่ะซิครับ”
“อาคินใช้พลังเทพเป็นกำแพงป้องกันอยู่ ดิฉันไม่สามารถสัมผัสตำแหน่งได้”
“โอเคเข้าใจแล้ว ถ้าผมแวบไปหาองค์หญิงได้แสดงว่าในใจขององค์หญิงส่วนหนึ่งก็นึกถึงผม”
ณัชชาหุบยิ้ม เอกภพยิ้มแล้วเหยียบรถพุ่งตะบึงไป
“คาดไม่ถึงเลยว่า เทพอาคินจะซ้อนแผนของเรา”
นาชะบอกอย่างเจ็บใจเมื่อณัชชากับเอกภพกลับมา
“ตกลงเรื่อง บีม กับ ปิงปองเราจะเชื่อได้หรือเปล่า” นาฬิกาถามขึ้นมา
“พี่จะคอยติดตามดูทั้งสองคนจนกว่าจะแน่ใจ”
“แต่พวกมันจับตาดูองค์หญิงกับผมตลอดเวลา เกรงว่าเราเคลื่อนไหวเมื่อไหร่จะทำให้ทายาท
อีกสองคนเป็นอันตราย”
“จริงของผู้กอง เราต้องวางแผนให้รอบคอบ เทพอาคินมีทั้งภูตทั้งเก้ามีทั้งกำลังมนุษย์ เราพลาดไม่ได้”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากันสายตาเป็นกังวล
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่องค์กรของอาคิน อาคินกำลังสั่งงานเทพซ้ายขวา
“จัดกำลังคอยดูนักโทษให้ดี องค์หญิงจะต้องมาชิงตัวทายาทคืนไปแน่นอน ที่เหลือส่งกำลังออกตามหาทายาทคนอื่นๆ ให้ได้เร็วที่สุด”
คืนนั้นขณะที่บีมเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ในห้องนอน เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น บีมรับสาย
“ปองเหรอ”
“เป็นไงบ้างเรื่องสร้อย ตอบไปหรือยัง”
“ตอบแล้ว คนชื่อนาฬิกาบอกว่าจะติดต่อกลับมาใหม่ระหว่างนี้ให้เก็บเป็นความลับอย่าบอกใคร”
“ใช่ คุณอาก็สั่งไว้เหมือนกัน แล้วบีมจะทำยังไง”
“ก็ต้องรอ”
“งั้นเจอกันที่โรงเรียน”
“โอเค บาย”
บีมวางสาย แล้วถอดสร้อยออกมาวางดู สีหน้าสงสัย
ณัชชาในชุดหนังสสีแดงเดินอยู่บริเวณหน้าบ้าน กราดสายตาไปทั่วคอยระวัง ณัชชาเห็นเงาอยู่มุมหนึ่งจึงเดินเข้าไปดูก็พบลุงสมถือปืนลูกซองอยู่
“สวัสดีลุงสม”
“สวัสดีครับ”
“ลุงสมคงเคยพบคุณพ่อของผู้กอง”
“ครับผม ครั้งเดียวตอนผู้กองได้ 3 เดือน”
“คุณพ่อของผู้กองสั่งอะไรกับลุงบ้างหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
ณัชชามองปืนในมือลุงสม
“ลุงสมยิงปืนด้วยเหรอ”
“เคยยิงไล่พวกอีกาตอนอยู่บ้านนอกครับ”
“อืม ตามสบายค่ะ”
ลุงสมพยักหน้าแล้วเดินผ่านไป ณัชชามองตามอย่างพิจารณา
ณัชชายืนระวังเหตุการณ์อยู่ เอกภพเดินเข้ามาหา
“คุณมาเร็วอีกแล้ว”
“ผมจะไปที่รังของมัน ผมมั่นใจคุณไกรยุทธ์ต้องอยู่ที่นั่น”
“แน่นอน และพวกมันกำลังรอคุณอยู่”
“ไม่สำคัญ คุณไกรยุทธ์อยู่ในความรับผิดชอบของผม ผมไม่อยากอยู่เฉย”
“ดิฉันไม่อยากให้คุณอยู่เฉย ดิฉันเพียงแต่คิดว่าเราไปตอนกลางวันจะดีกว่า”
“คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า คุณคิดว่าตอนกลางวันพวกมันนอนหลับกันหรือไง”
“เปล่า แต่อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะไป”
เอกภพนิ่งคิดอึดใจ
“หรือว่าคุณมีแผนที่ไม่อยากบอกผม”
“คุณเลิกโวยวายเมื่อไหร่ ดิฉันก็บอกคุณเมื่อนั้น”
เอกภพยิ้มในที่สุด ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
วันต่อมา รถของณัชชาซึ่งมีเอกภพเป็นคนขับ ณัชชานั่งด้านหน้า นาชะกับนาฬิกานั่งด้านหลังแล่นมาจอดหน้าอู่ขายรถยนต์แห่งหนึ่ง
“โชคดีทุกคน” นาชะบอก
“แล้วเจอกันที่จุดนัดพบ”
นาชะกับนาฬิกาลงมาจากรถ เอกภพเคลื่อนรถออกไป นาชะกับนาฬิกาเดินเข้าไปกราดสายตามองรถที่จอดอยู่
“คุณนาฬิกาอยากได้คันไหน”
รถของณัชชาเข้ามาจอดด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
“คุณแน่ใจนะ” ณัชชาหันมาถามเอกภพ
“ผมยังมีสายอยู่เพียบ และไม่เคยพลาด”
“โอเค เชื่อแล้วว่าเก่ง”
“เจอกันที่จุดนัดพบครับ”
เอกภพยิ้มให้ ณัชชาเปิดประตูลงไปจากรถ เอกภพเคลื่อนรถออกไป ณัชชาเดินตรงไปที่โรงแรม
ภายในร้านอาหารของโรงแรม ทีวีที่ติดอยู่ในร้านอาหารเป็นรายงานข่าว
“คดีที่มาเฟียใหญ่นายดำรงถูกสังหารในการดวลกันเองของกลุ่มมาเฟียยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งผู้กองเอกภพยอดมือปราบเจ้าของคดีก็หายสาบสูญไปขณะที่กำลังปฏิบัติการ คนชั่วอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองจะทำอะไรได้หรือไม่เหล่านี้คือคำถามที่อยู่ในใจของชาวกรุงเทพฯทุกคน”
กำจรนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว มีมือปืนคอยคุมอยู่ 3 คน เสียงโฆษณาจากทีวีดังแว่วๆ อำนาจเดินเข้ามาพร้อมมือปืนอีก 3 คนเช่นกัน มือปืนของกำจรออกมาขวาง กำจรโบกมือให้ลูกน้องถอย
“คุณอำนาจ เชิญ” อำนาจพยักหน้าให้ลูกน้องถอยไปคุมเชิงตัวเองทรุดตัวลงนั่ง “อย่าบอกนะว่าคุณชอบอาหารที่นี่ถึงได้นัดผมมา”
“ผมรู้ว่าที่นี่เป็นถิ่นคุณ นัดไปที่อื่นคุณอาจไม่อยากไป”
“ที่ไหนผมก็ไปได้ทั้งนั้นถ้าผมอยากจะไป”
“นายดำรงจบแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะดื้อดึง องค์กรของคุณต้องยอมรับเงื่อนไขของเรา”
“พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ผมอิ่มทุกที คุณจะสั่งอะไรมั๊ย”
อำนาจยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินออกไป มือปืนเดินตาม กำจรมองอย่างไม่สนใจ
อำนาจเดินผ่านล็อบบี้ พนักงานที่เคาน์เตอร์ยกมือไหว้ แต่แล้วกำจรเดินตามมา พนักงานยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณกำจร”
กำจรหันมาโบกมือให้แล้วรีบเดินผ่านไปหาอำนาจ
“คุณอำนาจ” อำนาจหันมา “ถ้าคุณไม่ว่า ผมอยากจะคุยกับเจ้านายคุณโดยตรง”
“ได้เลย” กำจรเดินเข้ามาหาอำนาจ “แล้วมือปืนของคุณ”
“ไม่จำเป็น”
“เชิญ”
อำนาจกับกำจรเดินคู่กันไป มีมือปืนของอำนาจเดินตามหลังไป
ปิงปองกำลังคุยอยู่กับเพื่อน 2-3 คน บีมรีบเดินเข้ามาหา
“หวัดดีสาวๆ”
“ฮัลโหลบีม”
“ขอยืมตัวปิงปองก่อนนะ”
บีมคว้ามือปิงปองวิ่งออกไป
“เฮ้อ น่าอิจฉาจริงๆ ไม่มีใครมาฉุดเรามั่ง”
“แหวะ”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน
กำจรกับมือปืนก้าวผ่านล็อบบี้ของโรงแรม พนักงานที่เคาน์เตอร์คนเดิมยกมือไหว้แล้วมองกำจรด้วยสีหน้าแปลกใจ
“สวัสดีค่ะคุณกำจร”
“สวัสดีคุณปุ๊ก”
กำจรทักทายแล้วเดินผ่านไปทางหน้าประตู มือปืนเดินตาม พนักงานหันไปคุยกับอีกคนหนึ่ง
“เอ นึกว่าคุณกำจรออกไปแล้วซะอีก”
“ฉันก็ว่าออกไปแล้วนะ”
ทั้งสองต่างมองกันสีหน้างุนงง
บีมพาปิงปองวิ่งมาหยุดที่มุมหนึ่งของโรงแรมแล้วกราดสายตาไปมา
“มีอะไรเหรอบีม”
“คุณนาฬิกาติดต่อมาแล้ว จะมาพบเราตอนพักเที่ยง”
“โธ่เอ๊ย แค่เนี๊ยะทำเป็นตื่นเต้น ปิ๊งเหรอ”
“เว่อร์น่า คุณนาฬิกาให้ระวังตัวมีคนอยากได้สร้อยเหมือนกัน”
“ก็แค่สร้อย แล้วคุณนาฬิกานี่น่ะไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แปลกแฮะ บีมรู้สึกว่าไว้ใจได้ บอกไม่ถูก”
“โห รู้สึกว่าไว้ใจได้ เว่อร์น่าดู”
ปิงปองเดินออกไป บีมงง
“เป็นอะไรของเค้านะ สงสัยไม่ได้กินข้าวเช้า”
รถของเอกภพเข้ามาจอดหน้าอาคารกรมบังคับการตำรวจ เอกภพลงจากรถกราดสายตารอบๆ แล้วเดินขึ้นอาคารไป
เอกภพมาหาสิทธิชัยที่ห้องทำงาน
“เกิดอะไรขึ้น คุณหายสาบสูญไปไม่ส่งข่าวสามวันเต็มๆ”
“เรื่องใหญ่กว่าที่เราคิด หลักฐานก็ไม่แน่นพอที่จะจับใครได้ตอนนี้ ผมกำลังรวบรวมหลักฐานอยู่”
“แล้วคุณณัชชา”
“คุณณัชชาปลอดภัย เรากำลังหาทางจัดการกับพวกมันอย่างลับๆ เพื่อการทำงานที่คล่องตัวขึ้นหวังว่าท่านคงเข้าใจ”
“อืม อ้อ...ผมมีข่าวดี หลังจากที่คุณไปเยี่ยมคุณเจนศักดิ์วันนั้น อาการของคุณเจนศักดิ์ดีขึ้นจนหมอตกใจ ย้ายออกมาจากห้องไอซียูแล้ว ดวงดีจริงๆ ไม่น่าเชื่อ”
“คนดีผีคุ้มครับ”
“ความจริงคุณไม่ควรเข้ามาเลย โทรศัพท์มาก็ได้ คุณก็รู้ว่าสายของมันเต็มไปหมด”
“ผมทราบครับ”
“ที่แท้คุณต้องการให้พวกมันรู้ความเคลื่อนไหวของคุณ” เอกภพยิ้ม สิทธิชัยยิ้มพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงเข้าใจ “ขอให้คุณโชคดี ต่อไปนี้คุณทำงานอิสระผมจะไม่สนใจว่าคุณกับคุณณัชชาจะทำอะไร แค่จัดการพวกมันให้หมดจากแผ่นดิน ผมก็พอใจแล้ว”
“ครับผม”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ธิดาพญายม ตอนที่ 3 (ต่อ)
เอกภพก้าวลงมาจากอาคาร เดินมาที่รถแล้วขึ้นรถขับออกไป
อีกด้านหนึ่งที่องค์กรของอาคิน รถของอำนาจวิ่งเข้ามาจอดหน้าองค์กร อำนาจกับกำจรลงจากรถ อำนาจเดินเข้าไปข้างในกับกำจร พบมือปืนเฝ้าอยู่ 2-3 คน ต่างก้มหัวให้อำนาจ
“นักโทษเป็นยังไง”
อำนาจถามมือปืน
“เรียบร้อยดีครับ เมื่อคืนผู้กองไม่ได้บุกมาอย่างที่คิด”
“คืนนี้จัดคนระวังเป็นสองเท่า”
มือปืนหลีกทางให้ อำนาจเดินเข้าไปกับกำจร
“มีนักโทษสำคัญเหรอ” กำจรถามขึ้นมา
“เรื่องธรรมดา คุณก็เคยมีไม่ใช่เหรอ”
“เอ้อ...แถวนี้มีห้องน้ำมั้ย”
“อย่าบอกนะว่าคุณเริ่มตื่นเต้นจนฉี่ราด” อำนาจหัวเราะเย้ย เดินนำกำจรไปตรงหน้าห้องน้ำ “เชิญ”
กำจรยิ้ม ทันใดนั้นกำจรจับที่ต้นคอของอำนาจอย่างรวดเร็ว อำนาจคาดไม่ถึงพยายามใช้มือปัดแต่สายไป ตาค่อยๆ หลับ ทรุดลง กำจรลากตัวอำนาจหลบเข้าไปในห้องน้ำ กำจรออกมาจากห้องน้ำกราดสายตาไปมาทันใดนั้นกลายร่างเป็นณัชชาในชุดหนังสีดำ
ณัชชายิ้มอย่างพอใจก้าวเดินต่อไปทันใดนั้นร่างกลายเป็นอำนาจเดินต่อจนเจอพวกมือปืนยืนระวังอยู่สองสามคน
“นักโทษ”
มือปืนพยักหน้าแล้วเดินนำอำนาจไป
อาคินนั่งอยู่บนบัลลังก์โดยมีเทพซ้ายขวาอยู่ข้างกาย
“ผู้กองเอกภพเข้าไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้คนของเรากำลังตามอยู่”
“อืม แปลก หรือคิดจะเอากำลังเจ้าหน้าที่มาเล่นงานนายอำนาจ ตัดกำลังมนุษย์ของเรา จับตาดูอย่างใกล้ชิดได้ตัวทายาทครบ 4 คนเมื่อไหร่ กำจัดได้ทันที”
เทพขวาก้มหัวแล้วถอยออกไป
เอกภพขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่ง ทันใดนั้นก็เห็นรถตู้ตามมาสองคัน เอกภพทำไม่รู้ไม่ชี้ทิ้งระยะรอจังหวะอยู่
รถตู้ตามติด เอกภพขับมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอู่รถยนต์ รถของเอกภพเข้ามาจอด เอกภพเดินเข้าไปด้านใน รถตู้มาจอดฝั่งตรงข้าม จับตาจ้องอยู่
เอกภพเดินเข้าไปด้านในแล้วออกมาทางด้านหลังร้าน มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่ที่รถอีกคันหนึ่ง
“ทุกอย่างพร้อมตามแผนครับ”
“ดีมาก” เอกภพขึ้นรถอีกคัน “เอารถอีกคันไปเก็บไว้ด้วย”
“ครับผม ผู้กองมีเวลาเหลือเฟือ ผมให้เจ้าหน้าที่ไปถ่วงเวลาเวลาพวกมันไว้แล้วครับ”
“ขอบใจมาก”
เอกภพเคลื่อนรถออกไป
ที่หน้าอู่รถยนต์ พวกมือปืนในรถตู้ถูกตำรวจเรียกตัวลงมายืนจับตรวจทุกคน เจ้าหน้าที่ตรวจเจอปืนอยู่ที่เอวของพวกมัน
“ขอดูใบอนุญาตพกปืนหน่อย”
เอกภพขับรถผ่านไปยิ้มออกมาอย่างพอใจ
บีมและปิงปองยืนอยู่หน้าอาคารห้องสมุดของโรงเรียน
“แน่ใจเหรอว่าจะมา”
“ใจเย็นน่า เหลืออีก 5 นาทีตามเวลานัด”
“เรามาแล้ว”
บีมกับปิงปองหันไปก็เจอนาชะกับนาฬิกายืนอยู่
“ก่อนอื่นเราจะให้ดูสร้อยของเราก่อนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ”
นาฬิกาถอดสร้อยออกมาส่งให้ บีมรับมาตรวจดูกับปิงปอง ทั้งสองมองอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งสร้อยคืนให้นาฬิกา
“เหมือนกัน จะดูมั้ย” บีมบอก
“ไม่ต้อง มีที่เงียบๆ ที่พอจะคุยกันได้มั้ย”
“ได้”
ประตูห้องศิลป์เปิดออก บีมเดินนำทุกคนเข้ามา ในห้องศิลป์มีรูปวาดตั้งอยู่ บรรยากาศอึมครึม
“ห้องศิลป์ว่างตลอดบ่าย”
“ดี”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่องค์กรของอาคิน มือปืนพาอำนาจมายังหน้าห้องๆ หนึ่งที่มีมือปืนเฝ้าอยู่อีก 2 คน
“เปิดประตู”
มือปืนที่เฝ้าเปิดประตูห้องขัง ทันใดนั้นร่างของอำนาจกลายเป็นณัชชา ณัชชาชกคนที่อยู่ใกล้กระเด็นไป อีกคนหนึ่งตวัดปืน แต่ณัชชาวูบไปถึงตัวก่อนคว้าปืนมันแล้วทุ่มข้ามหัวไป อีกสองคนพุ่งเข้าหาณัชชาแต่ณัชชาฉากหลบตบคนหนึ่งเปรี้ยงแล้วหมุนกลับตบอีกคนหนึ่งเปรี้ยง ทุกคนลงไปกองกับพื้นแค่พริบตา ณัชชารีบเข้าไปในห้อง แต่แล้วก็คาดไม่ถึงเมื่อเห็นห้องว่างเปล่าทันใดนั้นเสียงของอาคินดังก้องขึ้น
“ขออภัยที่ทำให้องค์หญิงต้องผิดหวัง”
“อาคิน... เราต้องได้เจอกันอีก”
ณัชชาแวบหายไปอย่างรวดเร็ว
ร่างของณัชชาไปโผล่ในรถของเอกภพที่จอดรออยู่ตรงข้ามตึกองค์กรของอาคิน เอกภพพุ่งรถพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น”
“กับดัก คาดไม่ถึงเลยจริงๆ เราวางแผนไว้อย่างดี”
“หวังว่ามันคงไม่รู้ความเคลื่อนไหวของนาชะกับนาฬิกา”
“เรารีบไปสมทบกับพวกนั้นดีกว่า”
นาชะ นาฬิกา ปิงปอง บีมยังอยู่ที่ห้องศิลป์
“ที่เล่ามาเนี่ยนะนิยายหรือเปล่า”
ปิงปองถามออกมา
“เหมือนแต่ไม่ใช่”
“เป็นไปไม่ได้”
“นาชะ ช่วยแสดงหน่อยซิว่าเป็นนิยายหรือเปล่า”
“ได้เลย”
นาชะลุกขึ้นถอยห่างจากโต๊ะ ทันใดนั้นปีกของนาชะก็โผล่พรึบออกมา ปิงปองร้องกรี๊ดเบาๆ คว้ามือบีมแน่น
“ที่แท้คุณก็คือกามเทพที่ตามองค์หญิงมา”
“ถูกต้อง ตัวจริงเสียงจริง อะแฮ่ม ห้ามถ่ายรูปนะ”
นาฬิกายิ้มขำลีลานาชะ บีมกับปิงปองต่างมองนาชะด้วยสายตาตื่นเต้น
“เธอสองคนต้องไปกับเรา เพื่อความปลอดภัย”
ปิงปองกับบีมต่างมองหน้ากัน
ปิงปอง บีม นาชะและนาฬิการีบเดินมาที่ลานจอดรถ ต่างคุยกันไปก่อนที่จะถึงรถ
“เราจะไปที่บ้านปิงปองก่อน จากนั้นก็บีม เก็บไปเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น”
“ไม่ต้องครับ คุณอาจะเอาของผมไปที่บ้านปิงปองเลย”
“เยี่ยมมาก”
ทั้งหมดมาถึงรถต่างขึ้นรถ นาชะเคลื่อนรถออกไป
ที่องค์กรของอาคิน อำนาจยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ของอาคินมีเทพซ้ายขวาอยู่ด้วย
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าที่เกิดมาโง่ เป็นเพราะองค์หญิงฉลาดกว่าเจ้า ดีที่ว่าเราไหวทันเคลื่อนย้ายนักโทษซะก่อน” อาคินยิ้มเยาะ “เพิ่มกำลังคุมนักโทษ แล้วตามหาผู้กองให้ได้” อำนาจตาลีตาเหลือกออกไป “ทายาทพวกที่เหลือว่ายังไง”
“เราสองคนกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด”
เทพซ้ายรายงานเสร็จแล้วถอยออกไป อาคินสีหน้าเคร่งเครียด
บ้านปิงปองอยู่ในโครงการแห่งหนึ่ง รถของนาชะวิ่งผ่านถนนในโครงการแล้วแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ทุกคนลงจากรถวิ่งเข้าไปในบ้าน นาชะลงจากรถกราดสายตามองรอบๆ อย่างระวัง
นาชะ นาฬิกา ปิงปอง บีมอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมกับอาของปิงปองและอาของบีม
“บีมกับปิงปองต้องไปอยู่กับองค์หญิงณัชชาเพื่อความปลอดภัย” อาของบีมบอก
“แล้วคุณอากับคุณแม่ล่ะ”
“นั่นนะซิ”
“คุณแม่ของพวกเธอรู้อยู่แล้วว่าจะมีวันนี้”
“ที่แท้คุณสองคนคือผู้พิทักษ์” นาชะบอก
“ใช่ พ่อของบีมและพ่อของปิงปองมอบหมายให้เราดูแลทั้งสองคน”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องแต่ รีบไป ก่อนที่พวกมันจะไหวตัวตามมา”
“พวกมันไม่มีทางรู้ว่าใครคือทายาท ถ้าไม่มีการปล่อยพลังเทพออกไป”
“พลังเทพ ปิงปอง” บึมมองหน้าปิงปอง
“แค่เล่นบาส แล้วก็...แย่แล้วมีพลังออกไป”
“งั้นเราต้องรีบ เร็วเข้า”
ทุกคนรีบคว้าสัมภาระ กันอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งมากลับมาที่รถ
“ขอให้ทุกคนโชคดี”
“ทุกคนขึ้นรถเร็วเข้า”
ทายาททั้งหมดรีบขึ้นรถของนาชะอย่างรวดเร็ว นาชะขับรถออกไป อาทั้งสองมองตามอย่างเป็นกังวล
นาชะขับรถออกมาตามทางของโครงการแต่แล้วก็คาดไม่ถึงเมื่อตรงหน้ามีรถตู้จอดขวางอยู่สองคัน พวกมือปืนนับสิบยืนพร้อมปืนในมือเตรียมพร้อม นาชะเบรกรถพรืด
“เอายังไงดีนาชะ”
“เราไม่มีทางเลือก ทุกคนพร้อม”
นาชะเร่งเครื่องแล้วออกรถพุ่งพรวดเข้าหาพวกมัน พวกทายาทต่างร้องกันเสียงหลง พวกมือปืนยกปืนขึ้นยิงกราด ทันใดนั้นรถของนาชะกลายเป็นแสงรางๆ ผ่านแวบทะลุรถตู้ที่เป็นด่านของพวกมือปืนไปได้ แล้วไปโผล่อีกด้านหนึ่ง เสียงล้อบดถนนดังเอี๊ยดก่อนที่รถจะดับสนิท
“เย้ เพิ่งลองเป็นครั้งแรกนะเนี่ย แวบแบบเหมารวม”
นาชะบอกอย่างตื่นเต้น เสียงกระสุนปืนดังสนั่นดังเข้ามา พวกมือปืนต่างวิ่งมาที่รถ
“นาฬิกาว่ารีบไปดีกว่า”
นาชะสตาร์ทเครื่องเสียงรถดังหวืดๆ แต่ไม่ติด พวกมือปืนวิ่งมาต่างสาดกระสุนเข้าใส่รถของนาชะ แต่แล้วพวกมันก็ล้มคว่ำไปสองสามคน ที่เหลือต่างวิ่งใกล้รถนาชะที่จอดอยู่ อาทั้งสองเป็นคนยิงใส่พวกมือปืนมาจากทางด้านรถตู้
ทันใดนั้นรถของเอกภพก็โผล่พรวดเข้ามาผ่านรถของนาชะไป เอกภพกับณัชชาเปิดประตูสองข้างออกมาสาดกระสุนปืนเข้าใส่พวกมือปืนที่วิ่งมาล้มคว่ำไปสองสามคน พวกมือปืนเบรกพรืดต่างถอยกลับไปที่รถตู้ของมันอย่างไม่เป็นขบวน
“นาชะ ทำอะไรอยู่เร็วเข้า” ณัชชาบอก
“รถไม่ติดเพคะ องค์หญิง”
ณัชชาสะบัดมือใส่มีพลังแสงพุ่งใส่รถของนาชะ เครื่องติดขึ้นมาทันที นาชะเหยียบคันเร่งรถพุ่งออกไป ณัชชากับเอกภพสาดกระสุนเข้าใส่พวกมือปืน พวกมือปืนถอยไปที่รถตู้ แต่ก็ถูกอาทั้งสองยิงสาดมาอีกด้านหนึ่ง ในที่สุดพวกมือปืนก็ล้มคว่ำลงหมด อาทั้งสองวิ่งเข้ามาที่ณัชชาและเอกภพ
“ท่านคงเป็นองค์หญิงณัชชาตามที่นาชะบอก”
“ท่านคือเทพผู้พิทักษ์”
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว ขอให้โชคดี”
อาทั้งสองก้มโค้งให้เอกภพกับณัชชาแล้วถอยกลับไปที่รถของตน เอกภพกับณัชชามองตาม
“คาดไม่ถึงว่าจะมีเทพอยู่ในเมืองมนุษย์มากขนาดนี้”
“ทุกคนต่างเสียสละเพื่อขัดขวางอาคิน”
ณัชชากับเอกภพขึ้นรถแล้วถอยพรวดกลับรถออกไป
ทั้งหมดกลับมาถึงบ้านพักที่ใช้ซ่อนตัวอย่างปลอดภัย นาฬิกา ปิงปอง บีมนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว ณัชชากับเอกภพและนาชะยืนอยู่ ในมือของนาฬิกา บีม ปิงปอง ถือสร้อยอยู่ ทั้งสามคนค่อยๆ เอาสร้อยมาต่อกันเป็นเหรียญกลมแต่ขาดไปส่วนหนึ่งจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ต้องให้ครบทุกชิ้น แผนที่ถึงจะปรากฏ”
“เรายังไม่พบทายาทคนที่สี่หรือครับ”
“เทพอาคินจับตัวไปพร้อมด้วยสร้อย”
“งั้นเราต้องลุยไปช่วย”
“เราบุกไปแล้วแต่เทพอาคินวางกำลังคุมตัวอย่างแน่นหนา”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“ทำไมเราไม่ทำลายสร้อย แผนที่ไม่ปรากฏอาคินก็ไม่มีทางได้กุญแจ”
ทุกคนต่างมองเอกภพ ต่างมองหน้ากัน
“จริงด้วย จบเรื่องไปเลย” นาฬิกาเห็นด้วยกับความคิดเอกภพ
“ความจริงก็ดีเหมือนกันนะเพคะ” นาชะบอก ณัชชาคิดอึดใจในที่สุดก็ยิ้มแล้วพยักหน้า ทั้งหมดต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น
ที่สนามหลังบ้าน สร้อยวางรวมกันไว้ในอ่างกระเบื้องใบหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นสนาม ทุกคนยืนรอบๆ มองดูอย่างตื่นเต้น
“ทุกคนระวัง”
ณัชชายกมือปล่อยพลังไปที่สร้อย อ่างระเบิดแตกกระจาย นาชะรีบเข้าไปดูสร้อยยังอยู่ในสภาพเดิม นาชะหยิบขึ้นมาชูให้ณัชชาดู
“ไม่เวิร์คเพคะองค์หญิง”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ลองพลังของผมดูมั่ง”
เอกภพแบมือรับสร้อยมาจากนาชะ วางไว้กับพื้นดินกระชากปืนออกมายิงเปรี้ยงๆๆ ไปที่สร้อยทั้งสามเส้น เอกภพหยิบสร้อยขึ้นมาแต่สร้อยกลับไม่เป็นอะไร ณัชชามีสีหน้าเคร่งเครียด
“เราไม่มีทางเลือกนอกจากเอาสร้อยมาต่อกันให้ครบเพื่อให้แผนที่ปรากฏแล้วเอากุญแจมาทำลายให้ได้”
ณัชชาบอก ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้ากังวล
ส่วนที่องค์กรของอาคิน มือปืนพาไกรยุทธ์เข้ามาพบกับอาคิน
“ท่านน่าจะรู้ที่ซ่อนของทุกคน”
อาคินถามไกรยุทธ์
“ท่านเป็นถึงเทพน่าจะรู้มากกว่าเรา”
อาคินปล่อยพลังใส่ไกรยุทธ์จนไกรยุทธ์เซไป
“ท่านโชคดีที่เราเปลี่ยนใจดึงพลังกลับมาทัน” ไกรยุทธ์ไม่ตอบ จ้องหน้านิ่ง “เอาตัวไป” มือปืนพาไกรยุทธ์ออกไป “เราจะอยู่เงียบๆ ในห้องพักของเราห้ามใครรบกวน”
เทพซ้ายขวาพยักหน้ารับ
บีมกับปิงปองนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น นาฬิกาเดินเข้ามา
“สองคนนี่ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ”
“พี่นาฬิกา บ้านพี่สุดยอด อยู่ถึงในหุบเขาดูทีวีได้ด้วย”
นาฬิกาเดินไปนั่งข้างๆ ปิงปอง
“พี่เป็นคนให้พี่เอกติดจานเอง เพราะตอนขึ้นมาเที่ยวเบื่อมาก”
“อย่างนี้อยู่นานแค่ไหนได้เลย ถ้าเทพอาคินไม่โผล่มาซะก่อน”
ทั้งสองต่างหัวเราะกัน
“พี่นาชะล่ะ”
“อยู่ในครัวมั๊ง รายนั้นรู้สึกว่าจะชอบกิน”
ปิงปองกับนาฬิกาต่างหัวเราะขำ
“บีมไปหาอะไรกินมั่งดีกว่า”
“บ๊าย...บาย”
บีมเดินออกไป นาฬิกากับปิงปองดูทีวีต่อ
นาชะนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวตรงหน้ามีจานไส้กรอกและบันทึกสวรรค์ นาชะกำลังตรวจเหตุการณ์อยู่ บีมเดินเข้ามา“หวัดดีพี่นาชะ ยุ่งเหรอ”
“ไม่หรอก แค่ตรวจว่ามีใครรักใครมั่งเท่านั้น” บีมนั่งลง
“พี่นาชะ พี่แผลงศรให้คนรักกันได้จริงเหรอ” บึมกระซิบถาม
“แน่นอน”
“แล้วถ้าเกิด ถ้าผมสนใคร”
“อ๊ะ...อ๊ะ...ไม่ได้หรอก ก่อนจะแผลงศรก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าชะตาลิขิตให้เป็นเนื้อคู่กัน จะมาทำเจ้าชู้เล่นๆ ไม่ได้”
“โอเค งั้นถ้าแค่อยากรู้ว่าเป็นเนื้อคู่กันหรือเปล่าล่ะ ได้มั้ย”
“พอได้”
บีมยิ้มกราดสายตาไปรอบๆ ออกอาการเจ้าชู้
ณัชชานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน ป้าอรยกถาดน้ำกับขนมมาวางให้
“ขอบใจนะจ๊ะ”
“ยินดีค่ะองค์หญิง”
ป้าอรเดินจากไป ณัชชามองตามอย่างพิจารณา สายตาเห็นเอกภพเดินไปที่รถ ณัชชาลุกเดินไปหา
“ผู้กองจะไปไหนคะ”
“ผมจะลงไปที่ตลาดหาสัญญาณโทรศัพท์ไปถามอาการคุณเจนศักดิ์ ผบ.สิทธิชัยบอกว่าอาการดีขึ้นมาก”
“ดีค่ะ แต่ระวังตัวด้วยนะคะ พวกมันอาจป้วนเปี้ยนรออยู่”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ มีอะไรผมก็แค่นึกถึงองค์หญิง”
“ดิฉันอาจไม่ว่างหรือไม่ไปก็ได้”
เอกภพยิ้มหุบ แล้วขึ้นรถขับออกไป ณัชชายิ้มมองตามแล้วเดินออกไป
ขณะนั้นบีมยังอยู่กับนาชะที่ห้องครัว
“ดูว่าเป็นเนื้อคู่ได้จริงเหรอ”
“จริงเด้ ใครล่ะ”
“คือ ว่า...”
ปิงปองกับนาฬิกาเดินเข้ามาพอดี
“บีมมากวนอะไรพี่นาชะล่ะ”
“อ๋อ บีมอยากรู้ว่าคนที่สนอยู่เป็นเนื้อคู่หรือเปล่า” นาชะบอกยิ้มๆ
“เย้ ลองดูซิ บีมสนใครอยู่”
ปิงปองบอก นาฬิกากับนาชะต่างยิ้ม บีมจ๋อย
“เอ้อ...เมแกน ฟ็อกซ์”
“นางเอกทรานฟอร์มเมอร์น่ะเหรอ”
“โห เซ็กซี่ระเบิด แต่ข้ามรุ่นไปมั้ง”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน บีมเซ็งเดินออกไป สามสาวต่างหัวเราะกัน นาชะมองตามบีมแล้วมองปิงปองที่หัวเราะอยู่กับนาฬิกา
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
ธิดาพญายม ตอนที่ 3 (ต่อ)
รถของเอกภพเข้ามาที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งแล้วเลี้ยวไปจอดหลบมุมอยู่ เอกภพออกมาจากรถกราดสายตาไปรอบๆ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นกด
“คุณเจนศักดิ์ คุณเป็นยังไงบ้าง ผมดีใจที่คุณอาการดีขึ้น ไม่ต้องห่วงผม รักษาตัว ขอให้หายเร็วๆ”
เอกภพวางสายแต่แล้วก็หน้าเครียดขึ้นมาเมื่อพวกมือปืน 5 คนล้อมกันเข้ามา โดยล้อมเอกภพไว้ตรงกลาง ปืนในมือพวกมันจ้องมาที่เอกภพ
“ผู้กอง โทรหาแฟนหรือไง”
เอกภพยิ้ม ทันใดนั้นเอกภพหายแวบไป พวกมือปืนต่างหันไปมา มองหากันวุ่นวาย แต่แล้วเอกภพปรากฏตัวขึ้นที่เก่าทางด้านหลังของพวกมัน เอกภพกระชากพวกมันคนหนึ่งหันกลับแล้วตบเปรี้ยงจนมันกระเด็นทรุด อีกคนหนึ่งหันมาเอกภพสะบัดมือปล่อยพลังออกไปมันกระเด็น อีกสามคนหันมาก็เจอปืนเอกภพสองกระบอกในมือส่องเต็มๆ
“ทิ้งปืนแล้วรีบไป”
พวกมือปืนโยนปืนทิ้งแล้วลากเพื่อนพวกมันออกไป เอกภพยิ้มแล้วขึ้นรถถอยพรวด ขับออกไป
บ้านพักที่ใช้ซ่อนตัว ทุกคนนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ
“วันนี้พี่ไปที่ตลาด มีพวกมันป้วนเปี้ยนอยู่ ดังนั้นทุกคนถ้าอยู่แต่ในบ้านได้เป็นดี เรามีทุกอย่างพร้อม ณ เวลานี้ ไม่จำเป็นต้องออกไป”
“โห อดเล่นเน็ตเลย”
“เราจะทำยังไงเรื่องพี่ไกรยุทธ์คะ”
“พี่กับองค์หญิงกำลังวางแผนกันอยู่”
“เราจะชิงตัวไกรยุทธ์กลับมาให้ได้ภายในวันสองวันนี้”
ทุกคนต่างเงียบ สีหน้าเป็นกังวล
คืนนั้นณัชชาเฝ้าระวังอยู่หน้าบ้าน เอกภพเดินมาเพื่อเปลี่ยนเวรเฝ้าระวัง ณัชชาหันมายิ้มให้ เอกภพเดินมายืนข้างๆ
“ผมแปลกใจว่าทำไมสวรรค์ถึงส่งองค์หญิงมาเพียงคนเดียว”
“อันที่จริงสวรรค์ไม่ได้ส่งมา ดิฉันมาเอง”
“ผมไม่เข้าใจ”
“ท่านพ่อดิฉันจับพ่อของเทพอาคินในฐานะคิดกบฏ เจ้าสวรรค์สั่งลงโทษทั้งตระกูล แต่ท่านพ่อคิดว่าอาคินผู้เป็นลูกไม่ควรจะต้องรับโทษเพราะพ่อ จึงขอให้เจ้าสวรรค์ละเว้นอาคิน แต่อาคินแทนที่จะสำนึก”
“กลับคิดไม่ซื่อ ต้องการช่วยพ่อ” ณัชชาพยักหน้า “สรุปเชื้อไม่ทิ้งแถว เลวทั้งตระกูล ฟังดูแล้วคุ้นๆ แบบนี้พวกมนุษย์ก็มีเหมือนกัน ไม่เห็นสวรรค์ลงโทษซะที”
“แน่ใจเหรอ ว่าสวรรค์ยังไม่ลงโทษ”
ณัชชายิ้มแต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ณัชชาเหมือนต่อสู้กับพลังอย่างหนึ่ง
“องค์หญิงๆ องค์หญิง เกิดอะไรขึ้น”
“ถอยไป”
พลังสะบัดมือณัชชาไปข้างหน้ามีลำแสงพุ่งออกมา แล้วมีภาพของอาคินปรากฏตรงหน้า เอกภพจ้องมองอย่างตื่นเต้น
“องค์หญิง ณัชชา ถ้าองค์หญิงไม่นำสร้อยอีกสามเส้นมามอบให้เราภายในวันพรุ่งนี้ เราจะปลิดชีวิตของทายาททันที”
ทันใดนั้นลำแสงก็หายไป ณัชชามีสีหน้าเคร่งเครียด
“อาคินรู้ว่าเราอยู่ที่นี่”
ณัชชาหลับตาทำสมาธิ
ภายในห้องสมาธิของอาคิน อาคินลืมตาขึ้นหายใจแรง ครู่หนึ่งก็หลับตาทำสมาธิต่อ
ณัชชาหลับตาอยู่ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น เอกภพยืนอยู่ตรงหน้าจ้องมองอย่างกังวล
“อาคินไม่รู้หรอกว่าเราอยู่ที่นี่ มันแค่ส่งพลังติดต่อกับดิฉันเท่านั้น ต้องใช้พลังทั้งหมดในร่างกายและต้องพักอย่างน้อย 3 ชั่วโมงพลังของมันจึงจะฟื้น”
“แล้วเราจะทำยังไงครับ”
“ชีวิตทายาทสำคัญ เราไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม”
เอกภพสีหน้าเคร่งเครียด
วันต่อมาที่ลานเล็กๆ ในสวนแห่งหนึ่ง อาคิน เทพซ้ายขวา อำนาจและมือปืนอีกนับสิบยืนเรียงหน้ากระดานอยู่
ตรงหน้ามีโต๊ะตัวหนึ่งปูผ้าขาว ต่างยืนรอเวลาอย่างเคร่งเครียด ทันใดนั้นร่างของณัชชาและเอกภพก็เดินออกมาจากแนวต้นไม้ด้านหนึ่งตรงมาที่พวกของอาคิน อาคินยิ้มอย่างพอใจ ณัชชาเดินเข้ามาหยุดห่างจากพวกของอาคินประมาณสิบก้าว ตรงกลางคือโต๊ะปูผ้าขาว
“เราไม่เข้าใจว่าทำไมองค์หญิงถึงต้องเลือกนัดในสถานที่ลึกลับเช่นนี้”
“ถ้าท่านเล่นตลก เราสามารถฆ่าท่านได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนถึงประชาชนคนบริสุทธิ์”
“เราไม่ต้องการให้มีการเสียเลือดเนื้อ เราต้องการแต่สร้อยเท่านั้น”
“เราไม่เห็นคุณไกรยุทธ์”
อาคินพยักหน้า มือปืนคุมไกรยุทธ์มายืนตรงหน้าแถว
“แล้วสร้อยล่ะ”
ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏพร้อมปีก
“อยู่นี่” นาชะชูสร้อยอยู่ในมือ “ถ้ามีการตุกติกละก็...หายวับแน่”
“ฉลาดมาก ไม่มีใครตามพลังแห่งความรักได้”
“รู้ยังงั้นก็ดีแล้ว”
“ผมต้องของดูสร้อยก่อน ว่าจริงหรือไม่จริง”
“เราไม่โกหก แต่จะมาชิงคืนหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“ก็ได้ ปล่อยนักโทษ”
ไกรยุทธ์ถูกปล่อยตัวให้เดินมา ทุกฝ่ายต่างจ้องระวัง จนกระทั่งไกรยุทธ์เดินมาถึงณัชชากับเอกภพ
“นาชะ”
นาชะปล่อยถุงสร้อยจากมือลอยไปหาอาคิน อาคินตะปบไว้ เทพซ้ายขวาเดินเข้ามารับถุงสร้อยไปแล้วเดินมาที่โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลาง นาชะแวบมายืนข้างๆ ณัชชา
“ถ้าอาคินเล่นไม่ซื่อ”
“นาชะจะโฉบเอาสร้อยหนีไปเองเพคะ”
ณัชชาพยักหน้า อาคินส่งเสียงดัง
“ถ้าสร้อยจริง ก็ต้องประสานกันเป็นหนึ่ง ถ้าไม่จริงไม่มีใครออกไปจากที่นี่”
อาคินจ้องหน้าณัชชานิ่ง ณัชชากับทุกคนต่างประสานสายตาตอบต่างเตรียมพร้อม
สร้อยในมือของเทพซ้ายขวาค่อยวางลงที่ตรงมุมโต๊ะมุมละเส้น สร้อยสามเส้นค่อยๆ เลื่อนเข้าหากันต่อกันจนครบขาดแค่หนึ่งเสี้ยว อาคินหัวเราะอย่างพอใจ พลางตวัดมือส่งสร้อยเส้นที่สี่มาให้เทพซ้ายรับไว้
“องค์หญิงควรอยู่ก่อนจะได้รู้ว่ากุญแจซ่อนไว้ที่ไหน”
“ดีเหมือนกัน เราจะได้ไปนำกุญแจมามอบให้ท่าน”
อาคินหัวเราะอย่างพอใจพร้อมพยักหน้า เทพซ้ายเอาสร้อยวางไว้ที่มุมโต๊ะ ทันใดนั้นสร้อยก็วิ่งเข้าหากันจนครบเป็นวงกลม ทุกคนต่างจ้องมองแทบจะไม่หายใจ ทันใดนั้นมีลำแสงพุ่งขึ้นมาแล้วปรากฏเป็นเส้นสายต่างๆ เหมือนแผนที่ อาคินมองด้วยความตื่นเต้นรีบก้าวเข้าไปใกล้โต๊ะจ้องอย่างไม่กระพริบตา เทพซ้ายขวาถอยออกมาระวังอยู่ข้างๆ
“ในที่สุดก็มีแผนที่ปรากฏจริงๆ”
อาคินหัวเราะอย่างผู้มีชัย ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากันด้วยความแค้นที่อาคินได้แผนที่ไป แต่แล้วทันใดนั้นแสงก็เริ่มแดงขึ้นแดงขึ้น
“ถอย” ณัชชากระซิบบอก ณัชชากับเอกภพค่อยๆ ดึงไกรยุทธ์ถอยห่างออกมา..
ทันใดนั้นก็ระเบิดตูมขึ้นมาดังสนั่นหวั่นไหวเป็นแสงสว่างจ้า
ณัชชากับเอกภพพาไกรยุทธ์กลับมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่ใช้ซ่อนตัว ทุกคนนั่งรวมตัวกันอยู่ ณัชชากับเอกภพยืน
“ยินดีต้อนรับคุณไกรยุทธ์กลับมาค่ะ”
ทุกคนต่างปรบมือ
“ขอบคุณครับ”
“คุณไกรยุทธ์คะ นี่ บีมแล้วก็ปิงปอง ทายาทที่เหลืออีก 2 คน”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ปิงปองกับบีมต่างยิ้ม ทุกคนต่างยิ้มให้กัน
ณัชชากับเอกภพยืนอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ครับทำไมสร้อยถึงระเบิด”
“ดิฉันคิดว่าเป็นกับดักที่องค์รักษ์ทั้ง 4 วางไว้เพื่อกำจัดคนที่คิดจะเอากุญแจมากกว่า”
“แสดงว่าเรื่องจบแล้วน่ะซิครับ ไม่มีแผนที่ก็ไม่มีกุญแจ เผลอๆ อาคินก็อาจจะตายไปแล้ว”
“ดิฉันเชื่อว่าอาคินยังอยู่ เพราะหัวใจของมันถอดฝากไว้กับเก้าภูตสังหาร และเชื่อว่าขณะนี้มันกำลังตามล่า
ทายาททั้ง 4 อย่างแน่นอน”
เอกภพมีสีหน้าเคร่งเครียด
นาชะ ปิงปอง บีมและนาฬิกานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“พี่นาฬิกาเคยใช้พลังหรือเปล่า” ปิงปองหันมาถามนาฬิกา
“เคยโดยไม่รู้ตัว”
“ปิงปองก็เหมือนกัน ทำยังไงถึงจะปล่อยพลังได้ตลอดเวลาก็ไม่รู้”
นาฬิกามองไปมองมา
“ลองเรียกพลังกันดีกว่า”
นาฬิกายกฝ่ามือขึ้นมา ออกท่าเกรงเล็กน้อย ทันใดนั้นมีแสงออกมาแวบหนึ่งแล้วหายไป..
“โห ไฟแช็คยังแรงกว่าเลย”
ทั้งสองต่างหัวเราะ ปิงปองทำมั่งก็มีแสงออกมาแวบหนึ่งแล้วหายไป ทั้งสองต่างหัวเราะ นาฬิกายืนขึ้น ทำท่าทำทาง
“เจ้าผู้ร้ายเจ้าไม่รอดมือเรา”
ปิงปองหัวเราะยืนขึ้นมาบ้าง ตรงข้ามกับนาฬิกา
“งั้นต้องเจอกันหน่อย”
นาฬิกาแกล้งปล่อยพลังใส่ปิงปองเป็นแสงแวบแล้วหายเหมือนเดิม ปิงปองแกล้งยกมือต้าน เป็นแสงแวบแล้วหายไป ทั้งสองต่างหัวเราะกันอย่างสนุก ทั้งสองต่างยกมือใส่กันอีก ทันใดนั้นเป็นพลังแสงพุ่งเข้าหากันกลายเป็นม่านจอรางๆ เห็นภาพจางๆ อยู่ในจอ แต่ไม่ชัดแล้วดับวูบไป นาฬิกากับปิงปองต่างมองหน้ากันแล้ววิ่งออกจากห้องไปพร้อมๆ กัน
ไกรยุทธ์เดินเข้ามาในครัว แล้วไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมออกมาดื่ม บีมเดินเข้ามา
“หวัดดีครับพี่ไกรยุทธ์”
“น้ำหรือเบียร์”
“โห...น้ำครับ ผมเด็กดียังไม่ดื่มเบียร์”
“แค่ล้อเล่น” ไกรยุทธ์หยิบน้ำจากตู้โยนให้ บีมรับไว้ “ถึงจะเอาเบียร์พี่ก็ไม่ให้หรอก” ทั้งสองต่างยิ้ม ทันใดนั้นนาฬิกากับปิงปองวิ่งเข้ามาในครัวหน้าตาตื่น “เกิดอะไรขึ้น”
“บอกไม่ได้ ต้องลองเอง”
บีมกับไกรยุทธ์ต่างมองหน้ากันสงสัย
ณัชชากับเอกภพยังอยู่ที่หน้าบ้าน
“อาคินเห็นสร้อยระเบิดกับตาทำไมยังต้องตามล่าทายาททั้ง 4” เอกภพถามณัชชาเพราะยังติดใจเรื่องนี้
“ทายาททั้ง 4 เป็นผู้ถือแผนที่ ไม่อยู่ที่สร้อยก็ต้องยังอยู่ที่ทายาท”
“เป็นไปไม่ได้ แผนที่จะอยู่ที่ทายาททั้ง 4 ได้ยังไง”
“ดิฉันก็ยังคิดไม่ตกเหมือนกันค่ะ”
ทันใดนั้นร่างของนาชะก็แวบขึ้นมาสีหน้าตื่นเต้น
“องค์หญิง คุณเอกภพ มาดูอะไรนี่ เร็วเข้า”
ณัชชากับเอกภพก้าวตามนาชะเข้ามาในห้องครัวก็พบว่า ไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ปิงปอง นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
ไกรยุทธ์นั่งด้านเดียวกับบีม นาฬิกานั่งด้านเดียวกับปิงปอง ทั้งหมดต่างปล่อยพลังจากมือมาพบกันตรงกลาง มีพลังแสงรวมตัวกันเป็นจอเห็นภาพเป็นแผนที่สถานที่ต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่คราวนี้ชัดเจน
“แผนที่”
ทุกคนต่างจ้องมองอย่างตื่นเต้น มีสถานที่ต่างๆ ผุดขึ้นมาถึง 9 แห่งจนกระทั่งสุดท้ายเป็นภาพของปราสาทหินพิมายเห็นชัดอยู่ภาพเดียว อึดใจก็ดับวูบลงทุกคนต่างมองหน้ากัน
“ทำไมเหลืออยู่แค่สถานที่เดียว”
“ดิฉันเดาว่าต้องเป็นจุดแรกของการเดินทาง”
“เราน่าจะให้ทุกคนลองดูอีกครั้ง เผื่อว่าจะเห็นเส้นทางทั้งหมดอีกครั้ง”
“ลองดูก็ได้”
“เอ้า เด็กๆ ขอฉายอีกรอบนึง”
ทายาททั้งสี่ ต่างยกมือขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง เกิดเป็นลำแสงพุ่งเข้าหากันตรงกลางเช่นเดิม แล้วค่อยๆ เป็นจอภาพขึ้นมา แต่มีเพียงภาพเดียวคือปราสาทหินพิมาย สุดท้ายก็หายแวบไป ทายาททั้งสี่ต่างเอามือลง
“น่าจะเป็นอย่างที่องค์หญิงคาดไว้”
“จุดแรกคือปราสาทหินพิมาย ก็แสดงว่าเราต้องเดินทางผ่านถึง 9 จุดเลยหรือคะ”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“เย้...เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้”
“มีใครจำจุดสถานที่พวกนั้นไว้หรือเปล่า”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ส่ายหน้า
“น่าจะผ่านจุดแรกให้ได้ก่อน แผนที่ถึงจะแสดงจุดที่ 2” เอกภพบอก
“เราต้องรีบเดินทางให้เร็วที่สุด ก่อนที่อาคินจะตามมาถึงนี่”
“อะไรทำให้องค์หญิงคิดว่าอาคินรู้ที่ซ่อนของเรา”
“ไม่รู้เหมือนกัน แค่สังหรณ์ใจเท่านั้น”
“เทพอาคิน มีพลังสูง ทั้งเทพซ้ายขวา จะต้องมีทางหาที่นี่พบไม่ช้าหรือเร็ว” นาชะบอก เอกภพพยักหน้า
“ทุกคนจัดข้าวของเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางแต่เช้า”
ทายาททั้งสี่ ต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น ณัชชาพยักหน้ากับเอกภพ นาชะมองทุกคนอย่างกังวล
อาคินคำรามก้องเสียงดังด้วยความโกรธ ใบหน้าขณะนี้มีรอยไหม้ครึ่งหนึ่ง
“องค์รักษ์ทั้ง 4 วางแผนคิดกำจัดข้า เมื่อถึงเวลาข้าจะสังหารทายาทของพวกมันให้หมด” ทุกคนได้แต่เงียบ “เตรียมกำลังให้พร้อม เราจะออกตามล่าพวกมัน”
“คือว่า หลายวันที่ผ่านมาพวกเราทำงานอย่างหนัก แต่ก็ยังตามรอยพวกมันไม่ได้เลย ท่านอาคิน”
“ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เรารู้แล้วว่าพวกมันอยู่ที่ไหน รีบไปทำตามคำสั่ง”
อำนาจพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบถอยออกไป
“ที่แท้ท่านตั้งใจที่จะปล่อยตัวเชลยอยู่แล้วนี่เอง”
อาคินหัวเราะเหมือนคนบ้า
กลางดึกคืนนั้นขณะที่ลุงสมเดินตรวจระวังอยู่ เอกภพเดินเข้ามา
“คืนนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ” ลุงสมพยักหน้า “หลังจากพวกเราไปแล้วพรุ่งนี้ ฉันอยากให้ลุงสมกับป้าอรหลบไปซักพักหนึ่ง” เอกภพส่งถุงผ้าให้ “นี่คือเงินมากพอที่ลุงสมกับป้าอรจะอยู่อย่างสบาย จนกว่าเราจะได้พบกันอีก”
ลุงสมรับไว้ ไม่พูดอะไร เอกภพยิ้มแล้วเดินออกไป ลุงสมมองตามจนเอกภพลับสายตา ทันใดนั้นลุงสมหันขวับ
ปืนลูกซองประทับเตรียมยิง
“ฉันเอง ลุงสม”
“ขอโทษครับ”
“ลุงสมทำดีแล้ว ดีกว่าที่ฉันคิด”
ลุงสมก้มหัวเป็นเชิงรับ ณัชชายิ้มแล้วเดินจากไป
เอกภพเปิดประตูออกมาที่หน้าบ้านเพื่อมารับเวรต่อจากณัชชา แต่กลับไม่เห็นร่างของณัชชา เอกภพไหวทัน ตวัดมือขึ้นมาปืนอยู่ในมือเรียบร้อย กราดสายตาไปรอบๆ ฝ่าสายตาไปในความมืด
“พวกมันมาแล้ว ล้อมอยู่ข้างนอก” ณัชชาบอก เอกภพหยุดฟัง “ถอยกลับเข้าไปในบ้านพาทุกคนออกไปทางด้านหลังไปรอที่ถนนตรงเชิงเขา ดิฉันจะสกัดพวกมันไว้ก่อนแล้วจะตามไป”
เอกภพผ่อนลมหายใจ ตวัดปืนเก็บ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้าน
เอกภพเข้าประตูมาก็พบ นาชะกับพวกทายาททั้งสี่พร้อมอยู่แล้ว
“นาชะ พาทุกคนไปรอที่ถนนตรงเชิงเขา ผมจะอยู่ช่วยองค์หญิง”
นาชะ โบกมือให้ทุกคนตามออกไปทางด้านหลัง
“พี่เอกระวังตัวนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงพี่ พาลุงสมกับป้าอรไปด้วย”
“ค่ะ”
นาฬิการีบวิ่งออกไป เอกภพตวัดปืนขึ้นมาอีกครั้ง แง้มประตูมองออกไปนอกบ้าน
ที่หน้าบ้าน ทุกอย่างเงียบสงบ ทันใดนั้นร่างของเทพซ้ายขวาปรากฏที่หน้าระเบียงแล้วหันไปโบกมือทางด้านนอกพวกมือปืนนับสิบต่างวิ่งลัดเลาะเข้ามายังตัวบ้าน เทพซ้ายขวาขยับตัวพร้อมที่จะเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นร่างของณัชชาปรากฏตรงหน้าประตู ปล่อยพลังจากฝ่ามือทั้งสองข้างกระแทกร่างของเทพซ้ายขวา ลอยลิ่ว ตกจากหน้าบ้านไปที่สนามหน้าบ้าน เอกภพเปิดประตูพรวดออกมา สาดปืนใส่พวกมือปืนที่ดากันขึ้นมา
“คุณเอกภพ ทายาท”
“ผมให้นาชะพาไปแล้ว องค์หญิงคิดว่าผมจะปล่อยองค์หญิงไว้คนเดียวยังงั้นเหรอ”
กระสุนปืนปลิวมาเฉี่ยวว่อน ณัชชาสบตากับเอกภพแล้วดีดตัวออกไป
ณัชชาดีดตัวลงมาที่เทพซ้ายขวา ที่ดีดตัวขึ้นมาเช่นกัน..
“มาดึกๆ ดื่นๆ เสียมารยาท” ณัชชาตวัดมีดสั้นจากเอว “ดาบพิชิตมาร”
พลันมีดสั้นกลายเป็นมีดยาวสีแดงมีรังสีรอบตัวดาบ ณัชชาพุ่งเข้าใส่เทพซ้ายขวา ฟาดฟันด้วยดาบจนเทพซ้ายขวาถอย เข้าไม่ติด เทพซ้ายขวาตั้งรับแล้วแวบหายไปในพงไม้ ณัชชาแวบตามแล้วไล่ฟาดฟัน เทพซ้ายขวาเข้าไม่ติด ทันใดนั้นณัชชาหยุด
“ที่แท้ท่านสองคนล่อเราออกมา”
เทพซ้ายขวายิ้ม ณัชชาแค้น ตวัดมือปล่อยพลังเข้าหาเทพซ้ายขวาระเบิดตูม เทพซ้ายขวาหายไป
เอกภพถูกมือปืนระดมยิงหลบกระสุนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน พวกมือปืนบุกใกล้เข้าไป ทันใดนั้นณัชชาดีดตัวเข้าหาพวกมือปืน ตวัดดาบฟาดฟันพวกมันทรุดไป เอกภพสาดกระสุนใส่พวกมันสองคนที่เหลือคว่ำไป เอกภพดีดตัวลงมาจากบ้านแล้ววิ่งไปที่รถตู้แล้วดีดตัวขึ้นรถ ณัชชามาถึงแวบขึ้นมานั่งด้านหน้า ทั้งสองมองหน้ากัน แต่แล้วมือปืน 5 คนโผล่มาขวางหน้ารถปืนจ่อที่ทั้งสอง
“ลงมาจากรถ”
พวกมันเดินแยกกันไปที่ณัชชาและเอกภพคนละด้าน ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นมา พวกมันล้มกลิ้งไปจนหมด ร่างของลุงสมเข้ามาทางณัชชาและป้าอรเข้ามาทางเอกภพ
“ลุงสม ป้าอร”
“รีบไปเถอะครับ”
“ลาก่อนค่ะคุณเอกภพ”
เอกภพพยักหน้าสตาร์ทรถ แล้วขับรถออกไป ลุงสมกับป้าอรเดินเข้ามายืนคู่กันมองตาม
ธิดาพญายม ตอนที่ 3 (ต่อ)
เอกภพขับรถมาตามถนนในหุบเขา
“คุณควรจะอยู่ระวังทายาทที่เชิงเขามากกว่า”
“แต่พวกมันเยอะเกินไป”
“ดิฉันจัดการได้ แล้วดิฉันก็มีลุงสมกับป้าอรคอยช่วยอยู่แล้ว”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าอยู่ๆ ป้าอรกับลุงสมกลายเป็นมือปืนขึ้นมา”
“ลุงสมกับป้าอรเป็นผู้พิทักษ์ คอยระวังคุณกับคุณนาฬิกามาตลอด”
“แล้วคุณทำไมไม่บอกผมล่ะ ผมจะได้ไม่ต้องอยู่ช่วยคุณ”
เอกภพมีสีหน้าหงุดหงิด ณัชชายิ้ม
“ขอบคุณที่อยู่ช่วยนะคะ”
เอกภพทำไม่รู้ไม่ชี้ในที่สุดก็อดยิ้มไม่ได้
นาชะกับพวกทายาทหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่เขิงเขา
“เสียงปืนเงียบนานแล้ว ทำไมยังไม่มา”
“นาชะไปดูดีกว่า”
“มีรถมา”
“ทุกคนหลบก่อน เร็วเข้า”
ทุกคนรีบหลบหายเข้าไปในพุ่มไม้ เหลือแต่นาชะ
“องค์หญิงกับคุณเอกภพมาแล้ว”
นาชะดีดตัวออกไปที่ถนน ทั้งหมดโผล่ออกมา ในขณะที่รถจอดลง
“ทุกคนเร็วที่สุด”
ทุกคนต่างกรูกันขึ้นรถจนหมด รถพรวดออกไป
รถตู้ที่มีเอกภพเป็นคนขับแล่นไปบนถนนเส้นหนึ่ง แล้วก็ค่อยๆ ชะลอเลี้ยวหลบเข้าไปจอดในสวน รถจอดสนิท เอกภพหันไปบอกทุกคน
“พักยืดเส้นยืดสาย 20 นาที”
ทุกคนต่างลงจากรถ เอกภพเดินเข้ามาหาณัชชาที่ยืนเหมือนจะพยายามสัมผัสอะไรบางอย่าง
“บ้านผมอยู่ในหุบเขาลึกลับ มันหาเจอได้ยังไง”
“ดิฉันตอบไม่ถูก แต่เทพอาคินมีอำนาจเหนือคาดเดา”
“ถ้างั้นพวกเราก็ยังไม่พ้นพวกมัน” ณัชชาพยักหน้า
“ยัง”
ณัชชาเดินออกไป เอกภพมองตามสีหน้าครุ่นคิด
ทายาททั้งสี่ต่างจับกลุ่มคุยกัน ต่างส่งถุงขนมให้กันพลางคุยกันพลาง
“นี่นาชะพวกเราทำอะไรได้มั่งนอกจากใช้พลังฉายหนังดูแผนที่”
“พวกเธอเป็นถึงทายาทเทพ ที่มีพลังฝีมือระดับองค์รักษ์ ย่อมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วถ้ามีความเชื่อมั่น ใจเย็นๆน่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเองช้าหรือเร็วเท่านั้น”
บีมดีดตัวลุกขึ้น
“งั้นก็ต้องลองซะหน่อย ต้องเชื่อมั่น”
บีมทำท่าใช้ฝ่ามือปล่อยพลังแล้วทำเสียง ฟิ้ว ๆๆ หันไปทางโน้นทีทางนี้ที ทันใดนั้นมีพลังออกไปกระแทกต้นไม้หักเป็นสองท่อนเสียงดังสนั่น ทุกคนถึงกับคาดไม่ถึง
“โว่ว”
ณัชชากับเอกภพเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น”
“บีมโชว์ฟอร์มปล่อยพลัง”
“มันออกมาเองครับ”
“ลองอีกทีซิบีม”
บีมตวัดมือไปที่ต้นไม้อีกต้นหนึ่ง เป็นแสงแวบออกมานิดเดียวแล้วดับเป็นควัน ทุกคนต่างขำ บีมหน้าจ๋อย
ทั้งหมดออกเดินทางต่อ เอกภพเลี้ยงวรถเข้ามาจอดเติมน้ำมันที่ปั๊ม
“15 นาที”
เอกภพบอก ทุกคนรีบลงจากรถ
“ขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“ไปด้วย”
เอกภพลงจากรถ
“เต็มถังน้อง” เอกภพเดินออกมาห่างจากตู้ปั๊มน้ำมันพอเห็นว่าไกลพอจึงดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย “ขอพูดกับคนไข้หน่อยครับ...ครับ...ครับ” ณัชชาเดินเข้ามา
“ควรหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ ถ้าไม่จำเป็น”
“ต้องนาน 1 นาทีพวกมันถึงจะตามรอยได้ ครับ...ครับ...” เอกภพวางสาย
“คุณเจนศักดิ์เป็นยังไงบ้าง”
“แปลกมาก คุณเจนศักดิ์อาการดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว”
“ดีแล้วนี่คะ คุณเจนศักดิ์เป็นคนดี สวรรค์ย่อมคุ้มครอง”
เอกภพจ้องหน้าณัชชา
“ผบ.สิทธิชัยบอกว่า อาการของคุณเจนศักดิ์ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อหลังจากที่ผมกับองค์หญิงไปเยี่ยม”
“คงดีใจที่เจอผู้กอง”
“ตอนนั้นคุณเจนศักดิ์ยังไม่รู้ตัวเป็นตายเท่ากัน” เอกภพจ้องณัชชาแล้วถอนใจ ยิ้มออกมา “ขอบคุณครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ที่ช่วยคุณเจนศักดิ์”
ณัชชาพยักหน้า เอกภพจ้องณัชชาด้วยความซึ้งใจ ณัชชาประสานสายตา
“ฮะแอ้ม รถพร้อมแล้วค่ะ” นาชะบอก
รถเอกภพวิ่งเข้ามาในวัดแห่งหนึ่ง
“เรามาวัดทำไมคะ” ณัชชาถามอย่างแปลกใจ
“เราอาจต้องพักที่นี่คืนนี้” เอกภพบอก
“เหวอ เหวอๆๆ โรงแรมเต็มเหรอคะ”
“โรงแรมไม่ปลอดภัย อาจมีสายของพวกมัน”
สี่ทายาทต่างมองหน้ากันสีหน้าไม่ดี
“ผมจองนอนในรถก็แล้วกัน” บีมบอก
“เป็นถึงทายาทเทพกลัวผีด้วยเหรอ”
“แค่เกรงใจครับพี่”
ไกรยุทธ์ยิ้ม รถวิ่งต่อไป
รถจอดที่หน้าศาลา เอกภพลงไปจากรถเข้าไปในศาลา
“ปกติผีกลัวเทพอยู่แล้วใช่มั๊ยนาชะ” นาฬิกาหันมาถามนาชะ
“ใช่ แต่มักจะมาหาเพื่อขอส่วนบุญ”
“โห หนักเข้าไปใหญ่”
ณัชชายิ้มขำ นาชะยิ้มชอบใจ เอกภพกลับเข้ามาบนรถ
“วัดเต็ม”
“เย้” ทายาททั้งสี่ร้องออกมาอย่างดีใจ
“แต่ทางวัดให้ไปพักที่บ้านลึกเข้าไปหน่อยใกล้ๆ ป่าช้า”
“โห”
รถตู้ค่อยๆ แล่นเข้ามาจอดที่บ้านหลังหนึ่ง บริเวณบ้านมีต้นไม้ปกคลุม ดูลับตา เอกภพกลับรถพร้อมพุ่งออกหนีได้ทันท่วงที
“เพอร์เฟ็กต์”
ทุกคนลงจากรถ ทายาททั้งสี่มองหน้ากัน สีหน้าไม่ดี
“เหมาะมาก” ณัชชาบอก
“เหมาะสำหรับเข้าทรงมากกว่า” ปิงปองบอก
“ไปพวกเรา เจอผีดีกว่าเจอพวกของเทพอาคินน่า”
“ต้องย้ำด้วยเหรอพี่นาชะ”
ทุกคนต่างยิ้ม สี่ทายาทเหลียวไปเหลียวมา เอกภพกับณัชชาและนาชะเดินออกไป ทายาททั้งสี่ต่างมองหน้ากันแล้วรีบเผ่นตามไป
อาคินขณะนี้มีหน้ากากครึ่งหนึ่งปิดใบหน้าที่ถูกพลังระเบิดจากสร้อย
“สายของพวกมนุษย์รายงานว่าเห็นพวกขององค์หญิง” เทพขวาบอกอาคิน
“ดีมาก ให้พวกมันตามล่าจนกว่าพวกขององค์หญิงจะจนมุม เราค่อยปรากฏตัวจัดการกับพวกมัน”
เทพซ้ายขวาถอยออกไป อาคินมีสีหน้าแค้นใจ
ณัชชายืนระวังอยู่ด้านหน้าบ้านพักหลังวัด เอกภพเดินเข้ามา
“เด็กๆ เป็นยังไงบ้าง”
ณัชชาถามเอกภพ เอกภพยิ้ม
“เกาะติดนาชะไม่ยอมปล่อย” ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน “เอ้อ แค่สงสัย ผีกับเทพเจอกันต้องทำยังไง”
“อย่าบอกนะว่าคุณกลัวผี”
“ก่อนจะรู้ว่ามีเชื้อเทพก็เกรงใจอยู่บ้างเหมือนกัน” ณัชชาขำ “ทีใครทีมัน ถามจริงองค์หญิงไม่กลัวอะไรมั่งเหรอ”
“อืม ไม่รู้เหมือนกัน”
“กิ้งกือ ไส้เดือน หนอน ต้องมีซักอย่างละน่า”
ณัชชายิ้มส่ายหน้า นิ่งอึดใจ
“พลาด”
“ก็ต้องพลาดอยู่แล้ว ใครจะไปทายถูก”
“เปล่าค่ะ ฉันหมายถึงฉันกลัวความผิดพลาด กลัวว่าตัวเองจะพลาด โดยเฉพาะพลาดแล้วทำให้คนอื่นต้องสูญเสีย”
“แต่ว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์หรอกครับ ต้องมีพลาดกันทั้งนั้นหรือสวรรค์ไม่มีคำว่าพลาด”
“มีซิคะ ดิฉันถึงได้กลัวไงล่ะ”
เอกภพมองด้วยความเข้าใจ
ทายาททั้งสี่รวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขก ต่างเอาเครื่องนอนมาปูนอนติดกันแน่นและนั่งล้อมวงคุยกัน มีนาชะคอยเป็นพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ
“พี่ไกรยุทธ์ เทพอาคินร้ายแค่ไหน” นาฬิกาถามไกรยุทธ์
“น่ากลัว เยือกเย็น เหมือนกับว่าชีวิตในโลกนี้ไม่มีความสำคัญนอกจากชีวิตของตัวเอง”
ปิงปองยกมือตัวเองขึ้นดู
“พลังปิงปองมาเมื่อไหร่ จะปราบให้ดู”
“อย่า อย่าเชียวนะ ถ้าเจอต้องรีบถอยให้ไกลที่สุด”
“ถามทำไมเหรอพี่นาฬิกา” บีมหันมาถามนาฬิกา
“แค่ถาม จะได้ลืมเรื่องผี”
“โห จะลืมหรือย้ำกันแน่”
ทุกคนต่างยิ้ม
เอกภพกับณัชชายืนอยู่หน้าบ้านเพื่อระวังภัยให้กับทุกคน
“ท่าทางองค์หญิงยังคิดว่าอาคินอาจจะรู้ที่พักของเรา”
“ไว้ใจอะไรไม่ได้ เราต้องไม่ประมาท”
“ดิฉันจะไปดูด้านนอก ถ้าพวกมันมาเราจะได้ถอยทัน”
“เชิญครับ มีอะไรก็นึกถึงผมได้” ณัชชายิ้มให้ แล้วแวบร่างหายไป เอกภพยิ้มแล้วกราดสายตาระวังรอบๆ แต่แล้วร่างของณัชชาปรากฏขึ้น “ลืมอะไรหรือครับ อย่าบอกนะว่าคิดถึงผม”
“พวกมันกำลังมา”
เอกภพถึงกับคาดไม่ถึง
นาชะกับทายาททั้งสี่กำลังคุยกันอยู่ ปิงปองส่งถุงขนมให้บีม บีมหยิบ ปิงปองส่งไปให้นาฬิกา
“แท็งกิ้ว”
“พี่นาชะกินเป็นหรือเปล่า”
“ชอบ”
ทั้งหมดต่างขำ ทันใดนั้นนาชะได้ยินเสียงณัชชา
“นาชะรีบพาทายาทขึ้นรถ เร็วเข้า” นาชะหูผึ่ง
“ทุกคนขึ้นรถ” ทุกคนต่างพรวดคว้าข้าวของกันอย่างรวดเร็ว “เร็วๆๆ”
ทุกคนลุกพรวดออกไป
ทุกคนออกมาจากบ้าน แล้วรีบขึ้นรถ ไกรยุทธ์ยืนตรงประตูปล่อยให้ทุกคนขึ้นก่อน ณัชชายืนระวังอยู่ข้างๆ
“บีมเร็วเข้า”
พอบีมขึ้นรถไกรยุทธ์ก็รีบขึ้นตามแล้วปิดประตู
“องค์หญิง”
ณัชชาแวบหายมานั่งข้างๆ เอกภพ เอกภพออกรถไปอย่างรวดเร็ว
รถตู้ของเอกภพวิ่งออกมาถึงถนนใหญ่พอเลี้ยวก็เห็นรถตู้สองคันพุ่งตามมาพอดี
“พวกมันมาแล้วพี่เอก”
“ทำไมอาคินกับพวกภูตถึงไม่มา มีแต่พวกมือปืน”
“เทพอาคินคงไม่อยากนั่งรถมามั้ง”
“การที่เทพอาคินกับพวกภูตจะปรากฏตัวได้ ต้องจับพลังของเป้าหมายได้เองเท่านั้น” ณัชชาบอก
“ช้าอีกนิดถูกพวกมันปิดทางแน่”
“แบบนี้ก็ยังไม่พ้นพวกมันอยู่ดี”
เอกภพเร่งเครื่องแต่พวกมันใกล้เข้ามา พวกมือปืนนั่งทางด้านหน้าเปิดกระจกมาพลางสาดกระสุนเข้าใส่ เสียงสนั่น
“รถเราหนักกว่าพวกมัน”
“แบบนี้ถูกพวกมันยิงเละแน่ๆ”
“เดี๋ยวมา”
ทันใดนั้นร่างของณัชชาก็หายแวบไป แล้วมาโผล่บนหลังคารถพวกมือปืนคันที่สอง ณัชชาสะบัดมือทันใดนั้นหน้ารถของมันก็เป็นสีดำ พวกมือปืนมองไม่เห็นทางรถของพวกมันจึงส่ายไปมาแล้วจอดเอี๊ยด ปัดอยู่ข้างถนน ณัชชาแวบหายไป
“พี่ณัชชาอยู่นั่น”
ปิงปองบอก ทุกคนหันไปดูก็เห็นณัชชาอยู่บนหลังคารถคันแรกที่นำหน้าตามรถของเอกภพ ณัชชาสะบัดมืออีกที่หน้ารถของมันก็กลายเป็นสีดำพวกมือปืนในรถร้องกันโวยวายเพราะมองไม่เห็น รถของพวกมันส่ายไปมา ณัชชาแวบกลับมานั่งข้างเอกภพ รถมือปืนส่ายไปมาแล้วชะลอจอดในที่สุด รถของเอกภพแล่นลับหายไป
รถของเอกภพจอดอยู่ในลานห่างจากปราสาทหินพิมายไม่ไกล
“ถึงจุดหมายแรกแล้ว”
“เราจะหลบพักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาทางเข้าไปข้างใน”
ทุกคนลงจากรถ ปิงปองกับนาฬิกาเดินมาหาณัชชา
“พี่ณัชชายอดเลย”
“ดูได้แต่ห้ามเลียนแบบนะจ๊ะ”
นาฬิกากับปิงปองยิ้มแล้วเดินออกไป เอกภพเดินเข้ามา
“ผมยังสงสัยว่าอาคินรู้ที่ซ่อนของพวกเราได้ยังไง”
“อย่างที่บอก อาคินมีอำนาจที่ลี้ลับ”
“แต่เราอยู่ที่บ้านได้ตั้งหลายวัน ทำไมพวกมันหาไม่เจอ”
“อืม จริงของผู้กอง มีบางอย่างผิดปรกติ”
“ไกรยุทธ์” ทั้งสองต่างมองหน้ากัน “ตั้งแต่ไกรยุทธ์กลับมา พวกมันก็รู้ที่ซ่อนของเรา”
ณัชชากับณัชชาหันกลับไปมองไกรยุทธ์ที่อยู่ในกลุ่มพวกทายาทที่กำลังยืนคุยกันอยู่ห่างออกไป
ไกรยุทธ์ เอกภพและณัชชายืนห่างออกมาจากกลุ่มของทายาทใต้ต้นไม้
“พี่อยากจะรู้ว่าระหว่างถูกขังได้เผชิญหน้ากับเทพอาคินบ้างหรือเปล่า”
“ครับ มีครั้งหนึ่ง เทพอาคินพยายามถามถึงที่ซ่อนแต่ผมไม่ได้บอกอะไร” เอกภพลอบสบตากับณัชชา “เทพอาคินโมโหปล่อยพลังใส่ผม”
“คุณไกรยุทธ์ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
เอกภพกับณัชชาต่างมองกันสีหน้าแปลกใจ
ที่องค์กรของอาคิน อาคินนั่งอยู่ที่บัลลังก์ เทพซ้ายขวาเข้ามารายงาน
“พวกมนุษย์ไม่สามารถควบคุมองค์หญิงกับพวกได้”
“บ้าที่สุด พวกมนุษย์ไร้ความสามารถ ควรจะกำจัดให้หมด”
“กำลังอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไป”
อาคินลุกขึ้นยืน
“เราได้เจอกันแน่องค์หญิง”
อาคินมีสีหน้าดุดัน
ไกรยุทธ์ยังอยู่กับเอกภพและณัชชา
“แน่ใจนะว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ” เอกภพถามย้ำ
“แน่ใจครับ เทพอาคินเปลี่ยนใจยั้งพลังไว้ไม่ยังงั้นผมคงจบไปแล้ว”
ณัชชามีสีหน้าสงสัย
“เทพอาคินปล่อยพลังถูกตรงไหน”
“ที่หน้าอกครับ แต่ไม่มีบาดแผลอะไรผมตรวจแล้ว”
“ขอพี่ตรวจดูได้มั้ย”
“ได้ครับ”
ไกรยุทธ์ถอดเสื้อออก ณัชชาและเอกภพตรวจดูไม่มีรอยอย่างที่ไกรยุทธ์บอก
“พี่ไกรยุทธ์เห็นถุงขนมของนาฬิกาหรือเปล่า”
ไกรยุทธ์หันไปตามเสียง
“อยู่ท้ายรถมั้ง”
ทันใดนั้นสายตาของณัชชากับเอกภพถึงกับตื่นเต้นเพราะที่ด้านหลังของไกรยุทธ์มีรอยมือจางๆ ปรากฏอยู่
“แย่แล้ว”
“อะไรเหรอครับ” ไกรยุทธ์หันมาถาม
“อาคินปล่อยพลังเทพไว้ในตัวคุณไกรยุทธ์นี่เอง”
“แล้วไง”
“ก็แค่จับพลังของมันในตัวคุณไกรยุทธ์ ก็รู้ตำแหน่งชัดยิ่งกว่าเครื่อง จีพีเอส ซะอีก”
“แต่ทำไมเทพอาคินกับพวกภูตไม่ปรากฏตัวที่บ้านร้างกลับส่งพวกมือปืนมาดักเรา”
“การที่จะรู้ตำแหน่งที่ชัดเจน คุณไกรยุทธ์ต้องหยุดนิ่งหรือหลับพลังของมันถึงจะแผ่ออกไปได้เต็มที่และแม่นยำถ้าเคลื่อนไหวหรือตื่นเต้นพลังของคุณไกรยุทธ์ก็แรงพอที่จะสกัดไว้ได้”
“แสดงว่าตอนนี้อาคินอาจรู้แล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
“อาจจะ คุณไกรยุทธ์บอกให้ทุกคนเตรียมตัวเร็วที่สุด” ไกรยุทธ์คว้าเสื้อใส่แล้วรีบวิ่งไปที่กลุ่มของทายาท “ช้าไปแล้ว”
เอกภพตวัดปืนขึ้นมา ทันใดนั้นร่างของอาคินก็ปรากฏตรงหน้าพร้อมด้วยเทพซ้ายขวา ณัชชากับเอกภพถอยหลังไปสองสามก้าว พวกทายาทต่างรวมกลุ่มกันอยู่หลังนาชะด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ที่แท้องค์หญิงพบแผนที่แล้ว”
ณัชชาตวัดมีดสั้นขึ้นมาอยู่ในมือ
“อยากรู้ก็ลองถามดาบพิชิตมารดู”
ทันใดนั้นมีดสั้นกลายเป็นดาบยาวเปล่งรังสีออกมา ณัชชาตั้งท่าเตรียมพร้อม เอกภพตวัดปืนในมือทั้งสองข้างส่องที่อาคินและเทพซ้ายขวา ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกันอยู่
“เราต้องไปช่วยพี่ณัชชากับพี่เอกภพ” ปิงปองบอก
“อย่าขยับ เฉยไว้” นาชะรีบบอก
“นาชะ พาทายาทไปที่ทางเข้าปราสาทเร็วเข้า” ณัชชาบอกนาชะ นาชะจึงกระซิบบอกทุกคน
“ทุกคนจับมือกันไว้ ทำใจให้ว่างอย่าฝืนพลังของนาชะ หนึ่ง สอง สาม”
ทันใดนั้นนาชะแวบหายไปพร้อมกับทายาททั้งสี่
“คุณเอกภพ”
เอกภพสาดกระสุนเข้าใส่อาคินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทันใดนั้นณัชชาพุ่งชนเอกภพแวบหายไปทันที
“ตามไป”
เทพซ้ายขวาหายแวบไป อาคินหัวเราะอย่างสะใจ แล้วแวบหายตามไป
จบตอนที่ 3
อ่านต่อตอนที่ 4 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.