สุดสายป่าน ตอนที่ 16
เวลาผ่านไปอีกสักระยะ พุดตาน นมสาย และคุณพระบรรณกิจหารือกันอยู่ในห้องโถงชั้นล่าง คุณพระถูกนมสายค้อนขวับ
“คุณพระคิดอย่างไรถึงไปเห็นดีเห็นงามกับคุณติ ถึงกับไปช่วยจัดการเรื่องจดทะบงทะเบียนให้เค้า”
คุณพระกลืนน้ำลาย เหลือบมองอย่างลำบากใจ
“เอิ่ม...คือ ผมก็ทำไปตามหน้าที่...”
พุดตานถามเสียงแข็ง “หน้าที่อะไรคะ”
“ก็...หน้าที่...ผมเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณฐิติ”
คุณพระลังเลนิดหนึ่งก่อนจะอ้อมแอ้มพูดต่อ แบบอยากจะเล่าแต่เล่าไม่ได้
“คุณฐิติอาจจะคิดอะไรอยู่ก็ได้”
“จะคิดอะไรคะ นอกจากหลงผู้หญิง...ดิฉันกลุ้มใจเหลือเกินที่ตาติเลือกผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมีย”
“นั่นน่ะสิคะ มีเพชรอยู่ในมือแท้ๆ ปล่อยให้หลุดมือไปคว้าพลอยหุงมาได้ยังไง้” นมสายค่อนแคะ
คุณพระกระแอมเล็กน้อย “บางทีคนเราก็อาจจะมีวิธีการรักษาเพชรที่แตกต่างกันก็ได้นี่ขอรับคุณนม”
ฐิติพากานดามณีมาถึงที่บ้านเก่าที่เป็นร้านขายขนม มีกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย ฐิติไขกุญแจเปิดประตู กานดามณีมองสภาพในบ้านอย่างรังเกียจ แต่แกล้งทำเป็นยิ้มสู้
“นี่เหรอคะบ้านติ”
ฐิติมองกานดามณีด้วยสายตาเปลี่ยมสุข
“ใช่ครับ เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ สร้างอนาคตของเรา ผมจะดูแลคุณเองกานดามณี”
กานดามณีเซ็ง แต่ทำเป็นยิ้ม
“แล้วเราจะอยู่กันอย่างไรคะ ไม่มีอะไรซักอย่าง บ้านก็เล็กอย่างกับรังหนูแถมรกรุงรังอีกต่างหาก”
ฐิติยิ้มๆ
“เดี๋ยวเราช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูอีกซักหน่อย ก็สะอาดแล้วล่ะครับ”
กานดามณีเซ็งสุดขีด
ภายในบ้านร้านขายขนมเก่า เห็นมีถังน้ำ ผ้าถูพื้น ไม้กวาด ไม้ปัดฝุ่นวางอยู่ที่พื้น กานดามณีปัดกวาดเช็ดถูห้องหับในบ้านส่งๆ ทำไปได้นิดเดียวก็เหนื่อย โยนไม้กวาดทิ้ง นั่งพัก บ่นบ้าอย่างหงุดหงิด
“ทำไมชีวิตฉันต้องมาตกต่ำอะไรอย่างงี้ อุตส่าห์ได้เป็นคุณนายสูรยกานต์แล้วยังต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย”
กานดามณียิ่งหงุดหงิด มองขึ้นไปข้างบน ห้องนอนที่ฐิติอยู่
“นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่เลือกคุณ”
ฐิติเดินถือถังน้ำลงมา
“ผมเก็บกวาดห้องนอนเสร็จแล้วนะครับ”
ฐิติมองไปรอบๆ บ้าน เห็นยังไม่เรียบร้อย
“คุณยังทำไม่เสร็จอีกเหรอครับ”
กานดามณีแกล้งสำออย เข้ามาออเซาะฐิติ
“ฉันทำไม่ไหวค่ะติยังเจ็บแผลไม่หายเลย แต่ฉันอยากทำจริงๆ นะคะ แต่ทำไปได้นิดเดียวก็เจ็บ ไม่รู้ว่าแผลอักเสบหรือเปล่า”
ฐิตินึกได้ว่ากานดามณียังเจ็บอยู่
“ผมลืมไปซะสนิทเลย งั้นคุณนั่งพักก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวผมทำเอง เสร็จแล้วเราจะได้ไปตลาดซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน”
กานดามณีเริ่มเบื่อไม่มีความสุขอย่างที่หวัง
มองออกไปเห็นชาวบ้านกำลังจับจ่ายซื้อของกันอยู่ในร้านขายของชำ ฐิติกับกานดามณีกำลังเดินเลือกซื้อของ ฐิติหยิบโน่นหยิบนี่อย่างมีความสุข
กานดามณีเดินตามมองข้าวของอย่างซังกะตาย
“ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน อาหารแห้ง ครบแล้วล่ะครับ”
กานดามณีทำหน้าเจื่อนๆ
“เราจะใช้ของพวกนี้กันจริงๆ เหรอคะ ดูแล้วไม่น่าใช้เลย สะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ทำไมล่ะครับ ตอนนี้เราต้องประหยัด อะไรที่พอใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน เดี๋ยวผมหางานทำได้เมื่อไหร่เราค่อยขยับขยายกันอีกที”
กานดามณีเซ็งมาก
“เสร็จจากนี้เราไปซื้อข้าวสารกับของสดกันต่อเลยนะครับ เดี๋ยวจะได้กลับไปทำกับข้าวกัน”
กานดามณีตกใจ
“อะไรนะคะ ฉันต้องเข้าครัวทำกับข้าวด้วยเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิครับ หน้าที่ของคุณก็มีแค่ทำอาหารกับดูแลบ้านเท่านี้ล่ะครับ”
กานดามณีเข่นเขี้ยวนึกแค้นอยู่ในใจ ฉันจะทำได้มั้ย
ด้านรำเพยกำลังกดกระดิ่งหน้าบ้านวิไลวรรณ คุณหญิงไขนภาอยู่ด้วย ตีรอนานแล้วทุกอย่างเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ รำเพยแปลกใจชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“ไม่เห็นมีใครออกมาเปิดประตูเลยค่ะ”
ไขนภาพยายามมองเข้าไปในบ้าน แต่สายตาเหลือบไปเห็นประตูบ้านเปิดแง้มอยู่
“ประตูบ้านไม่ได้ปิด คุณวิไลวรรณน่าจะอยู่นะคะ”
“แล้วทำไมเค้าไม่ออกมา...หรือว่าเค้าหลบหน้าเรา” รำเพยแปลกใจ
ไขนภาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจ
“งั้นเราก็เข้าไปเลยดีกว่าค่ะ”
ไขนภากับรำเพยเปิดประตูรั้วเดินเข้าไป แต่รำเพยมองไปเห็นคราบเลือดอยู่ที่พื้น ตรงที่เกิดเหตุ เลยชะงัก
“เอ๊ะ นั่น...รอยเลือดหรือเปล่าคะ”
ไขนภามองตามที่รำเพยบอก
สองสาวใจคอไม่ดีมองหน้ากัน
คืนนั้น ขณะกานดามณีกำลังหวีผมอยู่หน้ากระจก ในใจคิดอยากกลับไปอยู่ที่วังสูรยกานต์ ฐิติเดินออกมาจากห้องน้ำ สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว
“ติคะ ติไม่คิดจะกลับไปที่วังบ้างเหรอคะ”
ฐิติเดินมาโอบไหล่กานดามณี
“ท่านย่าตัดขาดผมแบบนั้นแล้ว ผมจะมีหน้ากลับไปที่วังได้อย่างไรอีกล่ะครับ”
“แต่ติเป็นหลานชายคนเดียวของท่านนะคะ อย่างไรท่านย่าก็ตัดไม่ขาดหรอก”
ฐิติเดินไปนั่งที่เตียง
“ท่านย่าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น คุณก็ได้ยินไม่ใช่เหรอว่าท่านย่าพูดจริงจังขนาดไหน”
กานดามณีหว่านล้อม “แต่ซักวันท่านย่าก็ต้องใจอ่อน ท่านย่ารักติจะตาย แล้วถ้าติไม่กลับไปใครจะดูแลท่าน ไหนจะบริษัทอีก ท่านย่าไม่เหลือใครแล้วนะคะนอกจากติ”
ฐิติพูดอย่างปลงๆ
“ถึงไม่มีผม านย่าก็ยังมีคุณพระที่ช่วยบริหารงานต่อไป แล้วอีกอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากกลับไป ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ เพราะผมรู้ว่าท่านย่าไม่ชอบคุณ”
กานดามณีเดินเข้ามาหาฐิติ
“เรื่องฉันติไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ฉันทนได้ แต่ทรัพย์สมบัติของติทั้งหมดล่ะคะ ติไม่เสียดายเหรอ”
ฐิติพูดเรียบๆ
“ผมมีคุณอยู่แล้วอย่างอื่นผมไม่ต้องการหรอกครับ สมบัติทั้งหมดท่านย่าก็รับสั่งแล้วว่าจะยกให้เป็นการกุศล”
กานดามณีอึ้ง
“รีบนอนเถอะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมต้องตื่นแต่เช้า”
ฐิติล้มตัวลงนอนทันที ปล่อยให้กานดามณียืนหงุดหงิดงุ่นง่านที่ไม่ได้ดั่งใจอยู่อย่างนั้น
สุดสายป่าน ตอนที่ 16 (ต่อ)
เช้าวันต่อมากานดามณีกำลังจุดไฟเตาถ่านทำกับข้าว แบบทุลักทุเล
“โอ๊ย...ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ฉันก็ไม่เคยทำ ตินะติมัวแต่ทำอะไรไม่มาช่วยกัน แล้ววันนี้จะได้กินมั้ย”
กานดามณีถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ฐิติเดินเข้ามาแต่งตัวชุดสูททำงาน กานดามณีเห็นก็แปลกใจนึกสงสัย
“ติจะออกไปไหนแต่เช้าคะ”
“ผมจะไปคุยเรื่องงานกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดน่ะครับ”
กานดามณีตกใจ
“แล้วฉันจะอยู่อย่างไรคนเดียว ติให้ฉันไปด้วยนะคะ”
“ไม่ได้หรอกครับ บริษัทที่จะไปมันไม่ได้สะดวกสบายเลยครับ ผมไปแค่อาทิตย์เดียวผมก็กลับมาแล้ว”
กานดามณียิ่งตกใจใหญ่
“หนึ่งอาทิตย์! แล้วฉันจะนอนกับใคร ฉันยังไม่คุ้นกับที่นี่ฉันกลัวค่ะ”
ฐิติเสนอทางออก
“ถ้าคุณกลัวคุณก็ให้คุณวิไลวรรณมาอยู่เป็นเพื่อนสิครับ”
กานดามณีชะงัก ด้วยคิดได้ว่าวิไลวรรณตายแล้ว รู้สึกกลัวขึ้นมา รีบบอก
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ต้องให้ยัยวรรณมา...เออ...ยัยวรรณไม่อยู่ ไป...ไปเที่ยวกับคนรักของเค้าน่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไม่ต้องกลัว ผมทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหาคุณทันทีเลย”
กานดามณีครุ่นคิด
กานดามณีพาตัวเองมาอยู่ที่วังสูรยกานต์ กำลังบีบน้ำตานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าท่านหญิง แล้วก้มลงกราบ ท่านหญิงเชิดมองด้วยหางตา
พุดตานมองอย่างนิ่งๆ พูดอะไรไม่ออก รู้อยู่เต็มอกว่าฐิติเลือกกานดามณี ส่วนนมสายมองแบบเหยียดๆ สมน้ำหน้า
“ท่านย่าเพคะ ตอนนี้ติเสียใจมากที่ท่านย่าโกรธ วันๆ ก็ได้แต่ซึมเศร้าไม่เป็นอันกินอันนอน”
“ก็สมควรแล้วนี่ที่ฉันจะโกรธ หลานไม่รักดีพันธุ์นั้นจะเก็บไว้ทำไม”
กานดามณีก้มหน้าน้ำตาหยด
“แต่ติรักท่านย่ามากนะเพคะ ติอยากกลับมาหาท่านย่าแต่ติรู้ว่าอย่างไรท่านย่าก็ไม่ยกโทษให้...”
นมสายเบือนหน้าหนี รู้ว่ากานดามณีแกล้งทำ
“ท่านย่ายกโทษให้ติและให้ติกลับมาอยู่ที่วังตามเดิมเถอะนะเพคะ”
ท่านหญิงพูดชัดเจน
“ไม่มีทาง จนกว่าพ่อติจะหย่ากับหล่อน”
กานดามณีอึ้ง
“หนูยอมทำทุกอย่างเพคะ ขอแค่ให้ท่านย่ายอมให้ติกลับมาอยู่ที่วัง และอย่าตัดติออกจากกองมรดกเลยนะเพคะ”
ท่านหญิงกริ้ว
“อ๋อ...ที่หล่อนพล่ามมาทั้งหมดก็เพราะห่วงสมบัติของฉันเหรอ นี่พ่อติคงจะใช้ให้หล่อนมาพูดล่ะสินะ
“ไม่ใช่นะเพคะ หนูเห็นติเป็นแบบนั้นแล้วหนูสงสาร หนูควรที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่หนูทำลงไป”
“หล่อนเห็นฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง ที่มาบีบน้ำตาแล้วฉันจะเชื่อ ออกไปจากวังของฉันเดี๋ยวนี้เลยแล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก”
กานดามณีอิดอออด “แต่ท่านย่า...”
ท่านหญิงเชิดหน้าไปทางอื่น
กานดามณีก้มกราบท่านหญิงอีกครั้ง แล้วลุกออกไป ท่านหญิงเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน ฉันฝากไปบอกพ่อติด้วย วันพรุ่งนี้เช้าคุณพระจะเอาพินัยกรรมฉบับใหม่มาให้ฉันเซ็นแล้วสมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของการกุศลทันที”
กานดามณีเดินออกไปอย่างแค้นใจ
ด้านพุดตานเดินเข้ามาในบ้านเก่า มองหาฐิติ เห็นสภาพบ้านจัดเรียบร้อย คิดว่าฐิติต้องทำคนเดียว กานดามณีเดินออกมา แกล้งตีหน้ายิ้มหวานเป็นมิตร
“อุ๊ย...คุณแม่ นั่งก่อนสิคะ มาหาติเหรอคะ”
พุดตานถามเรียบๆ
“ตาติอยู่มั้ย”
“ไม่อยู่ค่ะ ไปคุยเรื่องงานที่ต่างจังหวัด คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พุดตานอดรู้สึกสงสารฐิติไม่ได้
“ฉันจะรอพูดกับลูกฉันคนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องของเธอที่ทำให้ตาติต้องผิดใจกับท่านหญิง เธอต้องการแบบนี้เหรอกานดามณี ที่เธอทำอยู่นี่เธอมีความสุขแล้วใช่มั้ย เธอไม่รักตาติเลยใช่มั้ยถึงปล่อยให้เค้ามีชีวิตอยู่แบบนี้”
“หนูรักติจริงๆนะคะคุณแม่”
“ถ้าเธอรักตาติก็ออกไปจากชีวิตเค้าซะ”
พุดตานกำลังจะเดินออกจากบ้านไป
กานดามณีเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุณแม่”
พุดตานหยุด
“หนูรักติค่ะ หนูอยากให้ติมีความสุข แต่คุณแม่ล่ะคะ เห็นใจเราบ้างหรือเปล่า ถ้าคุณแม่รักติช่วยไปพูดกับท่านย่าให้ยกโทษให้ติด้วย คุณแม่ไม่สงสารติเหรอคะที่ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปหางานที่ต่างจังหวัด หนูสงสารติเหลือเกิน อยากจะช่วยแต่ก็ช่วยได้เท่านี้ คุณแม่ทำได้มากกว่าหนูหรือว่า...คุณแม่ไม่อยากเห็นติมีความสุขคะ”
พุดตานครุ่นคิดแล้วเดินออกไป
กานดามณีมองตามอย่างเจ็บใจระคนสะใจ
ไม่นานต่อมาพุดตานประคองท่านหญิงเดินมานั่งบนเตียงในห้องบรรทม นมสายถือถาดถ้วยชาไว้
“รับชาอุ่นๆ สักหน่อยนะเพคะ จะได้รู้สึกผ่อนคลาย”
นมสายส่งถ้วยชาให้ท่านหญิง ท่านหญิงจิบๆแล้วส่งคืน
“ขอบใจเธอทั้งสองคนมากนะ ที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด ยิ่งฉันเจ็บออดๆแอดๆแบบนี้ก็มีแต่พวกเธอเท่านั้นที่เป็นห่วงเป็นใยฉัน ฉันคงจะอยู่เป็นภาระของพวกเธอต่อไปอีกไม่นานหรอก”
พุดตานแปลกใจ
“ทำไมท่านหญิงรับสั่งแบบนี้ล่ะเพคะ”
ท่านหญิงพูดปลงๆ
“แม่พุดตาน ฉันก็แก่มากแล้วนะจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้”
นมสายขัดขึ้น
“อุ๊ยท่านหญิง รับสั่งเรื่องเป็นเรื่องตายทำไมเพคะ โบราณเค้าถือ”
“ฉันน่ะไม่ถือหรอก เพราะคนเราเกิดมาก็ต้องตาย ไม่มีใครฝืนได้ แล้วยิ่งจิตใจฉันตอนนี้ไม่มีความสุขเอาเสียเลย พ่อติจะรู้มั้ยว่า ย่ารักเค้ามากแค่ไหนถึงไม่อยากให้เค้าไปพัวพันกับผู้หญิงอย่างแม่กานดามณี”
พุดตาน และนมสายเห็นใจท่านหญิง
“อีกไม่นานหรอกเพคะ เดี๋ยวคุณฐิติก็ตาสว่าง ผู้หญิงแบบนั้นซ่อนลายไว้ได้ไม่นานหรอกเพคะ”
“ออกไปกันเถอะ ฉันจะนอนแล้ว”
“ให้ดิฉันนอนเป็นเพื่อนมั้ยเพคะ”
“ไม่ต้อง ฉันอยากนอนคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว”
ท่านหญิงล้มตัวนอน พุดตานประคอง
นมสายกับพุดตานยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหมุนตัวจะออกไป นมสายชะงักหันมามองเห็นท่านหญิงไม่ได้ห่มผ้า เดินกลับมาคลี่ผ้าห่มให้ ท่านหญิงยิ้มแต่ไม่ลืมตา พลางพึมพำ
“ขอบใจ” ท่านหญิงพูดติดตลก “แล้วไม่ต้องล็อกประตูนะ เผื่อฉันเป็นอะไรขึ้นมาจะช่วยกันไม่ทัน”
นมสายยิ้มค่อยๆ เดินออกไปจากห้องกับพุดตาน
พุดตานกับนมสายเดินออกมาจากห้องท่านหญิง
“ท่านหญิงอาการก็ยังไม่ค่อยดี ฉันล่ะอยากอยู่เฝ้าจริงๆเลยคุณสาย”
“ท่านหญิงคงไม่อยากให้เราเป็นห่วงน่ะค่ะ ท่านหญิงคงทราบว่าถ้าท่านทำตัวอ่อนแอ พวกเราคงเป็นทุกข์ไปด้วย”
นมสายเห็นนวลเดินปิดหน้าต่างปิดไฟไล่มา เลยตรวจตราความเรียบร้อยห้องชั้นบน ดูกลอนห้องต่างๆ ว่าล็อกหรือยัง ทุกห้องล็อกเป็นปกติ ตลอดเวลาเหมือนมีสายตาใครคอยมองอยู่
นมสายบ่นบ้าตามประสา
“วังตั้งใหญ่โต แต่ชั้นบนก็มีแค่ห้องบรรทมของท่านหญิงห้องเดียวเท่า นั้นที่ยังเปิดใช้อยู่ ส่วนคนที่เคยอยู่ห้องอื่นๆ ก็กระจัดกระจายกันไปหมด แล้ว”
พุดตานกลุ้มใจที่ฐิติไม่ได้อยู่ที่วังแล้ว
นมสายตรวจมาจนถึงห้องว่างข้างๆ ห้องนอนฐิติที่กานดามณีเคยอยู่ นมสายลองบิดประตูดู ประตูล็อกเหมือนห้องอื่นๆ แต่นมสายเหมือนชะงักนิดเดียว ก่อนจะปิดไฟชั้นบน แล้วเดินลงไปข้างล่างพร้อมกับพุดตาน
ในห้องว่างข้างๆ ห้องนอนฐิติเดิม กานดามณีกำลังเทยาสลบใส่ผ้าด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด และเก็บยาสลบใส่กระเป๋ากระโปรง
“นับตั้งแต่นี้ต่อไปแกจะไม่มีวันได้อยู่ขัดขวางความสุขของฉันอีก”
กานดามณีค่อยๆ เดินไปเปิดประตูห้อง
สักครู่ กานดามณีโผล่หน้าออกมาดูมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ก้าวออกมาจากห้อง เดินช้าๆ เบาๆ ตรงไปที่ห้องบรรทมท่านหญิง มองประตูห้องอย่างอำมหิต ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
กานดามณีย่องไปที่เตียง เห็นคนนอนคลุมโปงอยู่ จึงเดินเข้าไปจนใกล้แล้วเอื้อมมือไปโปะยาสลบร่างบนเตียงดิ้นเบาๆ
“อีแก่แกตายซะเถอะ อยู่ไปก็เป็นมารความสุขของฉันเปล่าๆ”
ร่างบนเตียงสะบัดอย่างแรงลุกขึ้นมาจับกานดามณีคว่ำลงกับเตียง กานดามณีหันมามองแล้วตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่บนเตียงคือฐิติ ไม่ใช่ท่านหญิง
“ติ!”
ฐิติตาวาววับ มองหน้ากานดามณีอย่างเอาเรื่อง
อ่านต่อหน้า 2
สุดสายป่าน ตอนที่ 16 (ต่อ)
กานดามณีตกตะลึงพรึงเพริดที่เห็นฐิติ แทนที่จะเป็นท่านหญิงลักษมี
“ติ! มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไง”
ฐิติมองกานดามณีอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คุณคิดล่ะสิว่าผมไปต่างจังหวัดจริงๆ แต่ความจริงแล้วผมมาอยู่ที่นี่เพื่อคอยจับคุณ”
กานดามณีอึ้ง พยายามคิดหาคำจะแก้ตัว
“ฉัน...ฉัน...”
ฐิติคาดคั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“คุณคิดจะฆ่าท่านย่าใช่มั้ย”
กานดามณีละล่ำละลัก
“ไม่...ไม่ใช่นะคะติ”
ฐิติโมโหสุดขีด
“ไม่ต้องมาโกหก คุณจะฆ่าท่านย่า เพราะท่านขวางทางที่จะเป็นสะใภ้ สูรยกานต์ของคุณ คุณต้องการเงิน ต้องการสมบัติของสูรยกานต์ใช่มั้ย”
ฐิติพูดแทงใจดำ กานดามณีไปไม่เป็น
“ไม่จริงนะคะ...ไม่จริง”
กานดามณีสะบัดตัวสุดแรง รีบลนลานวิ่งออกจากห้องไปทันที
พอกานดามณีเปิดประตูห้องออกมา เจอท่านหญิงยืนจ้องเขม็ง มองอย่างเจ็บแค้นที่ถูกหลอกมาตลอด ในใจคิดเธอหนีไม่รอดแน่ กานดามณีตกใจกลัวสุดขีด หน้าซีด แทบช็อก
ทั้งคู่มองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกานดามณีจะได้สติคืน รีบวิ่งหนีลงบันไดไป
กานดามณีลนลานหนีมาถึงห้องโถง กลับเห็นคุณพระบรรณเดินนำเจ้าหน้าตำรวจเข้ามา กานดามณีตกใจจะวิ่งไปทางอื่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณกานดามณี” คุณพระตะโกนก้อง
กานดามณีไม่ยอมหยุด วิ่งหนีไปอีกทางจนเกือบชนพุดตานกับนมสายที่เดินสวนออกมา นมสาย กับพุดตานตกใจปนงง
“ว๊าย...แม่กานดามณี”
กานดามณีไม่สนใจรีบวิ่งหนีต่อ ตำรวจวิ่งตามกานดามณีผ่านนมสายกับพุดตานไป สองคนแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณพระ...แล้วตำรวจมาทำไม” นมสายงวยงง
ฐิติประคองท่านหญิงเดินเข้ามา
“กานดามณีพยายามจะฆ่าท่านย่าครับ”
พุดตาน นมสายตกใจใหญ่
“คุณพระ” นมสายตกใจ
กานดามณีวิ่งไม่คิดชีวิต แต่ไม่ทันเพราะตำรวจวิ่งเข้ามาล้อมกานดามณีไว้ได้ และยกปืนขู่ กานดามณียืนอึ้ง หน้าซีดหมดทางหนี
ท่านหญิง ฐิติ คุณพระบรรณกิจ พุดตาน และนมสายเดินตามเข้ามา
กานดามณีมองหน้าทุกคน อ้อนวอนขอความเห็นใจ ทุกคนหน้านิ่ง ไม่แยแส
“จบเรื่องกันซักทีนะแม่กานดามณี”
กานดามณีมองทุกคนอย่างเจ็บใจที่ถูกหลอกจนถูกตำรวจจับ ฐิติพูดเสียงเรียบๆ ท่าทีแค้นนิดๆ
“ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องได้รับโทษในสิ่งที่คุณทำไว้”
แม้ฐิติไม่อยากทำแบบนี้ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้
ตำรวจคุมตัวกานดามณีไปยังโรงพักแล้ว ทุกคนรวมตัวกันอยู่ห้องนั่งเล่นวังสูรยกานต์
“ใจหายใจคว่ำหมดเลยนะคะ คนชั่วอย่างไงก็ต้องเผยธาตุแท้ออกมา ดีนะที่จับได้ซะก่อน ไม่อย่างงั้นท่านหญิงเป็นอันตรายแน่ๆ” นมสายปรารภ
พุดตานแปลกใจ
“แล้วพ่อติทำไมไม่บอกใครเลย ทำแบบนี้มันเสี่ยงรู้มั้ย”
ฐิติรีบอธิบายให้ทุกคนฟัง
“ผมต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับมากที่สุดครับ เพราะเราต้องจับกานดามณีให้ได้คาหนังคาเขา เธอถึงจะดิ้นไม่หลุด”
พุดตานดุฐิติ
“แล้วถ้าพลาดและท่านหญิงเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำอย่างไง ทำอะไรไม่คิดให้ดีก่อนเลยนะพ่อติ”
ท่านหญิงพูดเสียงเรียบ ท่าทีนิ่งๆ
“ฉันเป็นคนบอกพ่อติเองว่าให้ทำแบบนี้”
ท่านหญิงมองหน้าฐิติ ยิ้มๆให้กัน
พุดตานกะนมสายอึ้งๆ นมสายนึกสงสัย
“แล้วคุณฐิติทราบได้อย่างไรคะว่า คุณกานดามณีจะจัดการกับท่านหญิงคืนนี้”
ฐิติตอบอย่างมั่นใจ
“กานดามณีต้องลงมือในคืนนี้ ก่อนที่ท่านย่าจะเซ็นพินัยกรรมฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้เช้าอย่างไงล่ะครับ...”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
“ก่อนหน้านี้ผมจึงให้คุณพระเอาทะเบียนสมรสปลอมมาหลอกเพื่อให้เธอตายใจ และคอยจับพิรุธเธอครับ”
คุณพระได้โอกาสเสริมเสริม
“แล้วตอนนี้ทะเบียนสมรสก็ถือเป็นโมฆะแล้วครับ”
ทุกคนยิ้มดีใจที่สามารถกำจัดกานดามณีออกไปได้
วันต่อมา ที่สถานีตำรวจเวลาตอนเช้า วิเศษ นารีรัตน์ และฐิติ ร้อนรนเดินเข้าไปในโรงพัก วิเศษเครียดหนักพอรู้เรื่อง จากฐิติ
“ลูกณีไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อครับ จนผมต้องจับเธอให้ได้ด้วยตัวของผมเอง”
ลึกๆ วิเศษยังรู้สึกสงสารกานดามณี
“แล้วลูกณีจะเป็นอย่างไงบ้างครับ”
“ทั้งพยานและหลักฐานครบขนาดนั้นคงจะดิ้นไม่หลุดครับ”
วิเศษอึ้ง นิ่งงันไป ส่วนนารีรัตน์รู้สึกดีใจมาก
“ถ้าพี่ณีถูกตำรวจจับแล้วพี่กานก็จะน่าพ้นผิดแล้วใช่มั้ยคะ”
ฐิติคิดๆ
“คงต้องรอทางตำรวจครับว่าจะทำอย่างไง”
ที่โต๊ะทำงานนายตำรวจเจ้าของคดี ฐิติวางซองเอกสารสีน้ำตาลต่อหน้าตำรวจ โดยข้างในมีเงินประกันตัวกานดาวสี
“ผมขอประกันตัวกานดาวสีครับ”
ตำรวจมองซองกระดาษ แล้วปฏิเสธ
“ผมยังให้ประกันตัวไม่ได้ครับ”
วิเศษแปลกใจ
“ทำไมล่ะครับ ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่ากานดาวสีเป็นผู้บริสุทธิ์ กานดามณีต่างหากที่เป็นคนผิด”
ตำรวจอธิบาย
“คดีของกานดาวสีคือพยายามฆ่ากานดามณี ส่วนคดีของกานดามณีคือพยายามฆ่าท่านหญิงลักษมีครับ ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และทั้งสองคดีเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ครับ”
วิเศษ ฐิติ นารีรัตน์ฟังแล้วยังมีข้อโต้แย้งในใจ
“แต่ตอนนี้กานดามณีก็ถูกจับแล้วนี่ครับ”
“ถึงกานดามณีจะถูกจับ ตำรวจก็ต้องหาพยานและหลักฐานเพื่อมายืนยันความบริสุทธิ์ของกานดาวสี เพราะจะให้ผู้ต้องสงสัยพ้นผิดทางตำรวจต้องมีข้อพิสูจน์ทั้งสองอย่างนี้ให้แน่ชัดครับ”
ฐิติแย้ง
“คดีกานดาวสีแทงกานดามณีเนี่ยนะครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เธออาจจะทำร้ายตัวเองก็ได้”
“นั่นแหละครับ ถึงอย่างไรทางตำรวจก็ต้องหาทางพิสูจน์เรื่องนี้ก่อน”
ทั้งหมดอึ้งกันไป ไม่รู้จะช่วยกานดาวสีอย่างไง
คุณหญิงไขนภาอยู่ที่ห้องรับรองในวังของเธอ มีวิไลวรรณนอนไม่ได้สติอยู่ที่เตียง มีสายน้ำเกลือและผ้าพันแผลบริเวณที่ถูกแทง พยาบาลคอยดูแลอยู่
รำเพยคุยกับไขนภา
“คุณหญิงทราบหรือยังคะว่ากานดามณีถูกจับข้าหาพยายามฆ่าท่านหญิงค่ะ”
ไขนภาตกใจ
“เป็นไปได้อย่างไงคะ แล้วคุณกานดาวสีล่ะทางตำรวจเค้าว่าอย่างไงมั่ง”
รำเพยเศร้า
“ตำรวจยังไม่ให้ประกันตัวยัยกานค่ะ”
ไขนภามองวิไลวรรณอย่างมีความหวัง เดินเข้าไปใกล้ๆเตียง
ไขนภาพูดกับวิไลวรรณ “ฟื้นขึ้นมาซักทีสิคะคุณวิไลวรรณ คุณจะได้พูดในสิ่งที่คุณควรพูด”
วิไลวรรณนอนนิ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว
ส่วนฐิติกำลังจับมือกานดาวสีไว้มองตาให้กำลังใจ
“คุณอดทนไว้ก่อนนะ อีกไม่นานคุณจะต้องได้ออกไปจากที่นี่ ถ้าตำรวจหาพยานและหลักฐานได้”
กานดาวสีพูดเศร้าๆ
“แล้วใครล่ะคะที่จะมาเป็นพยานให้ฉัน”
ฐิตินิ่ง ครุ่นคิด
“ต้องมีใครสักคนล่ะครับที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
กานดาวสีฝืนยิ้ม พูดให้ฐิติสบายใจ
“ขอบคุณนะคะที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน ฉันจะไม่ยอมแพ้ค่ะ” กานดาวสีคิดขึ้นมาได้ “แล้วน้องณีล่ะเป็นอย่างไงมั่ง”
กานดามณีกำลังถูกทำประวัติผู้ต้องหา หน้าตาซีดเซียว อมทุกข์ พิมพ์ลายนิ้วมือถ่ายรูป ทำประวัติเสร็จตำรวจก็ใส่กุญแจมือกานดามณี
ครู่ต่อมาตำรวจกำลังพากานดามณีไปห้องขัง ฐิติเดินมาพอดี ชะงักเมื่อเห็นสภาพ กานดามณีมองฐิติอย่างชิงชังตัดพ้อฐิติ
“ติพอใจมากแล้วใช่มั้ยค่ะที่เห็นฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ ฉันไม่นึกเลยว่าติจะทำกับฉันได้ขนาดนี้ เสียแรงที่ฉันรักและซื่อสัตย์กับติมาตลอด”
ฐิตินิ่งพูดไม่ออก รู้สึกผิดในใจ
กานดามณีพูดเยาะหยันอย่างแค้นๆ “ถ้าฉันต้องติดคุกจริงๆ นังกานดาวสีก็ต้องติดด้วย อย่าหวังเลยว่ามันจะรอดออกไปมีความสุขกับติได้”
ฐิติมองกานดามณีอย่างเจ็บใจไม่น่าไว้ใจเธอเลย
อ่านต่อหน้า 4
สุดสายป่าน ตอนที่ 16 (ต่อ)
กานดาวสีนั่งซึมกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ในห้องขัง ตำรวจพากานดามณีมาแล้วถอดกุญแจมือออก กานดาวสีเห็นกานดามณีต้องตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกับตน ก็ยิ่งสงสาร
กานดามณีเข้าห้องขังเดียวกับพี่สาว มองกานดาวสีอย่างจงเกลียดจงชัง
“ตอนนี้เราก็เป็นไอ้ขี้คุกเหมือนกันแล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าระหว่างพี่กับฉันใครจะรอดออกไปได้ก่อนกัน”
กานดาวสีมองกานดามณีอย่างเห็นใจ
“ถ้าพี่ออกไปได้ พี่จะหาทางช่วยน้อง น้องไม่ต้องกลัวนะ อย่างไงพี่ก็ไม่ทิ้งน้องเด็ดขาด”
กานดามณีเชิด แล้วนึกสงสัย
“แกแน่ใจได้อย่างไงว่าแกจะได้ออกไป”
กานดาวสีนิ่ง ก่อนจะตอบเรียบๆ
“น้องก็รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ไม่ได้ฆ่านายวสันต์และพี่ไม่ได้ทำร้ายน้อง ทุกอย่างน้องทำของน้องเองคนเดียวทั้งนั้น”
กานดามณีทนฟังไม่ได้และบันดาลโทสะเข้าไปบีบคอกานดาวสีไม่ให้พูด
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าแกยังไม่อยากตายตอนนี้”
กานดาวสีดิ้นรนร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย!...น้องณีปล่อยพี่เถอะ ช่วยด้วย...”
ตำรวจรีบวิ่งมาที่ห้องขัง ตวาดอย่างไม่พอใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ จะทะเลาะอะไรกันนักหนา”
กานดามณีชะงักเอามือออกจากคอกานดาวสี
“จ่า จับสองคนนี้แยกขัง เอาไว้ห้องเดียวกันเดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย”
ตำรวจไขกุญแจห้องขัง เข้ามาพากานดามณีออกไปขังห้องข้างๆ
ในห้องพระบ้านกิริเนศวรวิเศษกำลังจุดธูปไหว้ต่อหน้ารูปกาญจนา มองรูปอย่างรู้สึกผิด
“กาญจนา...ผมรู้ว่าผมมีส่วนผิดที่ทิ้งลูกณีไป จนทำให้ลูกณีต้องลำบากและกลับมาทำร้ายลูกกานจนเดือดร้อน ผมไม่รู้ว่าจะช่วยลูกของเราอย่างไง...ผมขอให้มีอะไรซักอย่างช่วยดลบันดาลให้เรื่องวุ่นวายนี้มันจบลงอย่างเรียบร้อยด้วยเถอะ”
วิเศษปักธูปที่กระถาง มองรูปอย่างมีความหวัง และเสียใจ
ภายในห้องรับรองในวังคุณหญิงไขนภา
วิไลวรรณฟื้นแล้ว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นสภาพห้องที่แปลกตาและไม่คุ้นเคย
ไขนภาเห็น ก็ดีใจมาก “คุณวิไลวรรณ...คุณวิไลววณ”
ไขนภาหันไปหารำเพย
“คุณรำเพย คุณวิไลวรรรฟื้นแล้วค่ะ”
รำเพยรีบเข้าไปใกล้ๆ เตียง
“คุณวิไลวรรณฟื้นแล้วจริงๆด้วย เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ คุณจำได้หรือเปล่า”
วิไลวรรณอึ้ง งงๆ คิดๆ นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่ตนกระเสือกกระสนมาจนถึงวังไขนภา
เวลาผ่านไป ไขนภา รำเพย พาวิไลวรรณมาที่สถานีตำรวจ นั่งอยู่ต่อหน้านายตำรวจเจ้าของคดี วิไลวรรณพูดเรียบๆ
“ฉันมาให้ปากคำคดีฆาตกรรมของนายวสันต์ค่ะ”
วิไลวรรณเริ่มให้ปากคำกับนายตำรวจ
“ฉันขอยืนยันค่ะว่ากานดามณีเป็นคนฆ่านายวสันต์จริงๆ”
ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ
“แล้วทำไมคุณถึงยอมกลับคำให้การที่เคยให้ไว้ล่ะครับ”
วิไลวรรณมองหน้าไขนภาและรำเพย
“เพราะกานดามณีสั่งเก็บฉันด้วยอีกคนอย่างไงล่ะคะ ขนาดฉันเป็นเพื่อนเค้า เค้ายังทำกับฉันแบบนี้ ดีนะที่ฉันรอดมาได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นที่ขัดผลประโยชน์ของเค้า”
ตำรวจครุ่นคิด วิไลวรรณเสริม
“ไม่ใช่แค่นายวสันต์นะคะที่กานดามณีฆ่า ยังมีคุณอุไรแม่เลี้ยงของเค้าเองด้วยอีกคนค่ะ”
“แล้วผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดครับ”
วิไลวรรณยิ้ม ขณะบอก
“แล้วอีกอย่าง คุณกานดาวสีไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมใดๆทั้งนั้นค่ะ”
ไขนภา รำเพยยิ้มให้กำลังใจวิไลวรรณว่าทำถูกต้องแล้ว
กานดาวสียังอยู่ในห้องขัง กานดามณีอยู่ในห้องขังข้างๆมองมาอย่างเจ็บใจ ครุ่นคิดตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไงดี ตำรวจเดินเข้ามา
“คุณกานดาวสีพ้นข้อกล่าวหาทุกคดีแล้วครับ เพราะคุณวิไลวรรณมายืนยันว่าฆาตกรตัวจริงคือคุณกานดามณี”
กานดามณีตะลึง อึ้ง ที่รู้ว่าวิไลวรรณยังไม่ตาย ตำรวจเปิดประตูให้กานดาวสีออกมา ไขนภา รำเพยดีใจมาก รำเพยรีบเข้าไปกอดกานดาวสี น้ำตาซึม
“ยัยกาน ในที่สุดเธอก็ได้ออกจากที่นี่ ฉันดีใจกับเธอจริงๆ”
กานดาวสีดีใจแต่เก็บอาการได้แต่ยิ้มๆเพราะเป็นห่วงความรู้สึกกานดามณี ฐิติยืนนิ่งๆแต่ดีใจ ไขนภามองไปยังกานดามณีพูดเปรยกับกานดาวสี
“ดีนะคะที่คุณวิไลวรรณยอมมายืนยันความบริสุทธิ์ให้คุณกานดาวสี ไม่อย่างงั้นคุณกานดาวสีก็จะกลายเป็นแพะรับบาปไปอย่างงี้ ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะที่คนทำผิดจริงๆจะต้องได้รับโทษ”
กานดามณีชะงักแค้น ครุ่นคิด ตำรวจเดินไปเปิดประตูที่ห้องกานดามณี
“ออกมาได้แล้วถึงเวลาแล้วที่ต้องไปศาล”
ทั้งหมดมองกานดามณีอย่างเห็นใจ กานดาวสีสงสารกานดามณีจับใจ แต่กานดามณีหน้านิ่ง ก้าวออกมาจากห้องขัง ในจังหวะนั้นเองโดยไม่มีใครคาดคิด กานดามณีกระชากปืนของตำรวจขึ้นมาขู่ทุกคนตกใจกานดามณีใช้จังหวะที่คนอื่นตกใจเข้าไปล็อคตัวพี่สาวไว้ กานดาวสีตกใจ อึ้ง
ตำรวจคนอื่นวิ่งเข้ามายกปืนขึ้นเล็งมายังกานดามณี
“ฉันไม่มีวันยอมติดคุกคนเดียวหรอก”
“วางปืนลงซะ” ตำรวจตะโกนก้อง
กานดามณีมองซ้ายมองขวา
“อย่าตามมานะ...ถ้าไม่อยากให้นังนี่ตาย”
กานดามณีล็อคคอกานดาวสีใช้ปืนจี้พยายามลากกานดาวสีออกไป ตำรวจค่อยๆตามไป
ฐิติ ไขนภา และรำเพย วิ่งตามไปอย่างร้อนรน
กานดามณีลากกานดาวสีมาหน้าสถานีตำรวจ ใช้ปืนเล็งไปทางตำรวจ
“ฉันบอกว่าอย่าตามมาไง”
กานดาวสีพยายามพูดโน้มน้าวกานดามณี
“น้องณีอย่าทำแบบนี้เลย ยอมแพ้ซะเถอะ เรื่องมันจะได้จบ”
ฐิติ ไขนภา รำเพยวิ่งตามมา อยากเข้าไปช่วยแต่ตำรวจกันไว้ ตำรวจพูดเกลี้ยกล่อม
“ใจเย็นๆ ก่อนครับ แล้ววางปืนลง ผมรับรองว่าจะไม่มีใครทำอะไรคุณ”
กานดามณีถอนหลังไปเรื่อยๆพยายามหนีให้ห่างตำรวจมากที่สุด กานดาวสีพยายามขัดขืน ตื่นกลัว
“น้องณี...อย่าให้เรื่องมันใหญ่โตไปมากกว่านี้เลย ยอมมอบตัวกับตำรวจเถอะ แล้วพี่จะหาทางสู้คดีให้น้อง”
กานดามณีโมโห
“หุบปากไปเลย แกเนี่ยนะจะช่วยฉัน จำใส่หัวไว้เลยนะที่ฉันติดคุกก็เพราะแก แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน แกบังคับฉันจนฉันต้องทำแบบนี้”
ฐิติเป็นห่วงกานดาวสี ตะโกนออกไป
“กานดามณีปล่อยกานดาวสีเถอะ คุณอยากได้อะไรผมจะให้ทุกอย่าง”
กานดามณีเจ็บแค้นใจที่ฐิติเป็นห่วงกานดาวสี
“เป็นห่วงมันมากหรือไงคะติ รักมันมากใช่มั้ย คุณไม่มีวันได้อยู่กับมันหรอก ถ้าฉันตายมันก็ต้องตายด้วย”
ตำรวจอาศัยจังหวะนั้น เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น
“อย่าเข้ามานะ”
กานดามณีลากกานดาวสีถอยหลังไปเรื่อย
ฐิติเห็นรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว ร้องตะโกนบอก “ระวัง!”
กานดาวสีและกานดามณีหันไปมอง รถคันนั้นชนเปรี้ยงที่กานดามณีและกานดาวสี ทั้งคู่ล้มลง ศีรษะของทั้งคู่กระแทกพื้น ทุกคนตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงของกานดาวสีและกานดามณีมาด้วยความเร็ว ตรงเข้าไปในห้องไอซียู
ฐิติ ไขนภา รำเพย วิ่งตามมาด้วยความเป็นห่วง
ในห้องปลอดเชื้อก่อนเข้าห้องไอซียู พยาบาลกำลังช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าของกานดาวสีกับกานดามณีให้ใส่ชุดของโรงพยาบาล
ท่านหญิงลักษมี ฐิติ วิเศษ พุดตาน นมสาย นารีรัตน์ ไขนภา และรำเพยอยู่หน้าห้อง ทุกคนเป็นห่วงกานดาวสี
“ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แม่กานดาวสีจะเป็นอย่างไงมั่งเนี่ย” ท่านหญิงร้อนใจมาก
ทุกคนนิ่งๆ
ฐิติมองผ่านประตูกระจกเข้าไปในห้อง เห็นกานดาวสีกับกานดามณีนอนอยู่ที่เตียงห้องข้างๆ กันมีเพียงกระจกกลั้นกลาง หมอกับพยาบาลกำลังช่วยชีวิต
สักครู่หมอเดินออกมา วิเศษรีบเข้าไปหาหมอ
“ลูกของผมเป็นอย่างไงบ้างครับ”
หมอท่าทางอ่อนล้า
“ทั้งคู่พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ยังไม่ได้สติ เพราะทั้งคู่ศีรษะกระแทกพื้นแล้วมีคนใดคนหนึ่งได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองอาจทำให้มีผลข้างเคียง แต่หมอขอตรวจให้ละเอียดอีกทีครับ”
ทุกคนดีใจปนตกใจ
พุดตานนึกสงสัย “แล้วเราจะรู้ได้อย่างไงล่ะคะคุณหมอว่ากานดาวสีหรือกานดามณีที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง”
หมอตอบนิ่งๆ
“หมอยังตอบไม่ได้ครับ ต้องรอจนกว่าทั้งคู่จะฟื้น”
ฐิติเครียดจัด ทุกคนเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาอีก
เวลาผ่านไปจนเย็นย่ำ เปลือกตากานดามณีค่อยๆ ขยับ กานดามณีกลอกตามองไปมาในห้อง เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้อง มีตำรวจยืนเฝ้าอยู่มุมหนึ่ง กานดามณีตกใจ ตั้งสติว่าจะทำอย่างไงดี
กานดามณีมองมาทางห้องกานดาวสี ที่มีกระจกกั้น เห็นความวุ่นวายในห้องของกานดาวสี หมอกับพยาบาลกำลังรุมล้อมช่วยชีวิตกานดาวสีด้วยวิธีทางการแพทย์
กานดามณีเห็นกานดาวสียังไม่ฟื้น ดูรู้ว่ากานดาวสีอาการหนักมากคิดว่าไม่รอดแน่ๆ กานดามณีคิดๆจะจบเรื่องนี้อย่างไงดี หมออีกคนเข้ามาในห้องกานดามณี
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับคุณกานดา...”
หมอชะงัก ลังเลไม่รู้ว่าจะเรียกชื่ออะไร กานดามณีรีบออกตัวโดยแกล้งเป็นกานดาวสี รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกานดาวสีจริงๆ
“ฉันกานดาวสีค่ะ...กานดาวสี กิริเนศวร”
กานดามณียิ้มอ่อนๆ เหมือนคนไม่มีแรง
อ่านต่อตอนที่ 17 อวสาน