ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6
อีกด้านหนึ่งที่กรุงเทพ เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเดินออกมาจากห้างด้วยกัน
“ป่านนี้นังห่านมันคงแฮปปี้ลัลล้าดี๊ด๊าอยู่สวิสเนอะเจ๊เนอะ”
“นั่นสิ คงกำลังกอดกับคุณชายให้คลายหนาวอยู่”
“เจ๊...ทะลึ่งอ่ะ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหัวเราะคิกคักมีความสุข แล้วเจ๊มะพร้าวกับแหม่มก็หยุดเดิน เพราะเห็นโย่งยืนยิ้มเห็นฟันทั้งปาก พร้อมโบกมือให้แหม่ม
“แฟนแกมารับแล้ว เจ๊ไปล่ะ”
“ไม่ใช่แฟน”
แต่เจ๊มะพร้าวไม่สน เดินออกไป โย่งเดินมาหาแหม่ม แต่แหม่มเดินหนี
“แหม่ม รอผมก่อน” แหม่มหันขวับ
“ตามมาทำไม”
“กลับบ้านด้วยไง”
“ฉันไม่ได้จะกลับบ้าน”
“จะไปไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
แหม่มจ้ำเดินออกไป โย่งเดินตามไปอย่างไม่ลดละ
แหม่มเดินเข้ามาในตลาดนัด โย่งเดินตาม แหม่มหันไปมอง โย่งรีบหันไปจับของที่ร้านโดยไม่ได้ดู แหม่มอมยิ้มขำๆ โย่งแปลกใจว่าแหม่มยิ้มอะไร พอหันไปก็เห็นว่าตัวเองจับยกทรงและร้านนั้นคือร้านขายชุดชั้นใน คนขายมองหน้า โย่งสะดุ้ง รีบปล่อยพร้อมยิ้มแหย หันไปอีกที แหม่มเดินไปแล้ว โย่งรีบตามแหม่มทันที
แหม่มหยุดยืนเลือกเสื้อ โย่งเดินตามมาห่างๆ อย่างห่วงๆ แหม่มหันไปเห็นโย่งยังตามมา โย่งทำเป็นหันไปมองนู่นมองนี่ แหม่มไม่พอใจ มองโย่งอีกครั้ง แล้วก็นึกอะไรชั่วๆ ออก แหม่มยิ้มมุมปาก
โย่งยังมองไปทางอื่น พลันมีมือมาสะกิดไหล่ โย่งหันไปเป็นแหม่มก็ตกใจ
“แหม่ม”
“ไหนๆ ตามฉันมาแล้ว ก็ช่วยฉันถือของหน่อยแหละกัน”
“ได้ครับพ้ม”
โย่งยิ้มดีใจมาก แหม่มหันไปทำหน้าเจ้าเล่ห์
แหม่มเดินซื้อของ มีโย่งถือของตามไม่ห่าง สีหน้าโย่งมีความสุข เวลาผ่านไปมือโย่งมีของมากขึ้นๆ จนโย่งแทบจะถือไม่ไหว โย่งเริ่มหนัก หน้าเริ่มแย่ แหม่มเหล่มองโย่งพร้อมกับยิ้มสะใจ
แหม่มเดินเข้ามาในบ้านเช่า โย่งถือของเดินตามมาสีหน้าเหน็ดเหนื่อยมาก
“วางบนโต๊ะ”
โย่งเอาของวางบนโต๊ะ ปาดเหงื่อ แล้วก็หันไปทางแหม่ม
“ขอน้ำเย็นชื่นใจให้ผมดื่มซักแก้วนะครับ”
“ได้สิ ไปรอนอกบ้าน”
“ทำไมต้องไปรอข้างนอก”
“ตอนนี้ฉันอยู่บ้านเดียว เกิดใครเห็นเธออยู่บ้านฉัน คนได้นินทาตาย แถวนี้ยิ่งขี้เม้าท์อยู่ด้วย”
“เออจริง”
โย่งเดินไปออกรอหน้าบ้าน แหม่มเดินตามมา โย่งหันไปยิ้มให้แหม่ม ทันใดนั้นแหม่มปิดประตูกระแทกใส่หน้าโย่ง โย่งสะดุ้งตกใจ
“แหม่ม แหม่มปิดประตูทำไม” โย่งพยายามจะเปิดประตู แต่ประตูล็อกไปแล้ว “แหม่ม แหม่ม”
แหม่มยืนหลังประตู ยกมือขึ้นมากอดอก
“กลับบ้านไปซะ แล้วก็อย่ามายุ่ง อย่ามาตอแยวอแวกับฉันอีก”
แหม่มพูดจบก็เชิดใส่ก่อนจะเดินออกไป โย่งอึ้งมาก พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ห้องเช่าบื้อ โย่ง ลุงจ๊อดและโจ๊กกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยกัน
“จีบผู้หญิง มันไม่เหมือนการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่สามนาทีเสร็จ มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องอดทน ต้องพยายาม”
“ไม่ยักรู้ว่าลุงเซียนเรื่องหญิง”
“ข้าจำเค้ามาอีกที”
“โธ่”
“เอ็งต้องพัฒนาและปรับปรุงตัวอีกเยอะ โดยเฉพาะคำพูดของเอ็ง เพราะมันฟังดูกระโชกโฮกฮาก ฟังแล้วตกใจ นึกว่าเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย ผู้หญิงที่ไหนได้ยินก็ไม่อยากเข้าใกล้”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบเนี้ย แล้วลุงจะให้ฉันทำไง”
“เริ่มจากน้ำเสียง ต้องปรับให้ทุ้ม นุ่ม” ลุงจ๊อดดัดเสียงหล่อ “อ่ะฮ้า...แบบเนี้ย ทำได้มั๊ย”
“อ่ะฮ้า สวัสดีครับ” โย่งทำตาม ลุงจ๊อดตบโต๊ะ
“เออ มันต้องแบบนี้สิวะ”
“แต่ผมว่าการเป็นตัวของตัวเอง มันดีกว่านะพี่ ถ้าเกิดพี่แหม่มชอบพี่ขึ้นมา แล้วมารู้ทีหลังว่าพี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น” โจ๊กบอก โย่งกับลุงจ๊อดหันไปมองโจ๊ก
“ไอ้นี่ มาแนวจริงจังอีกแล้ว”
“ที่โจ๊กพูดก็น่าคิด”
“ไอ้โจ๊กมันเพิ่งผ่านมา 20 ฝน 20 หนาว แต่ข้านี่ 50 ฝน 50 หนาว เอ็งจะเชื่อคนมีประสบการณ์อย่างข้า หรือเด็กอมมืออย่างมันห๊ะ”
โย่งหันไปมองโจ๊กกับลุงจ๊อดสีหน้าคิดหนัก ระหว่างนั้นเสียงมือถือโจ๊กดังขึ้น โจ๊กหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อ “คุณหนูจ๋า” ก็ยิ้มนิดๆ แล้วก็ทำหน้านิ่ง หันไปมองลุงจ๊อดกับโย่ง
“ออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
โจ๊กรีบเดินออกไป ลุงจ๊อดมองตามสงสัย
“ลักษณะนี้ผู้หญิงโทรมาแน่นอน”
“โจ๊กมีแฟนแล้วเหรอลุง ใครอ่ะ”
ลุงจ๊อดยักไหล่ไม่รู้แล้วก็กินบะหมี่ต่อ
โจ๊กหลบออกมาอีกมุมหนึ่งแล้วกดรับสาย สีหน้ายิ้มแย้ม
“ครับคุณหนูจ๋า... เฮียบื้อไม่อยู่ครับ”
คุณหนูจ๋าชะงัก
“พี่บื้อไปต่างประเทศ แล้วจะกลับเมื่อไหร่...อีกหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ”
“ครับ คุณหนูจ๋ามีไรกับเฮียป่ะครับ”
“มีนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ให้เธอช่วยก็น่าจะได้”
โจ๊กมีสีหน้าสงสัย
โจ๊กเดินยิ้มเข้ามา ลุงจ๊อดกับโย่งนิ่วหน้ามอง
“แฟนโทรมาเหรอ”
โจ๊กชะงัก หน้าถอดสี
“แฟนไรลุง ไม่มี”
“ไม่มีจริงอ่ะ”
“ถ้าไม่มี แล้วยิ้มทำไม”
“ฉันยิ้มเหรอ”
“เออ”
โจ๊กหน้าเหรอหรามาก
“ไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้ท้องก่อนแล้วค่อยบอกล่ะ” โจ๊กสำลักบะหมี่ที่กิน
“ผมเป็นสุภาพบุรุษนะครับ”
โจ๊กอายจนหน้าแดง ก้มหน้ากินบะหมี่ไม่หยุด ลุงจ๊อดกับโย่งหันมายิ้มให้กัน
เช้าวันรุ่งขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ นีรนุชเดินเข้ามาเห็นคุณชายนั่งหันหลังอยู่ ก็ยิ้มมุมปาก เดินเข้ามาปิดตาคุณชาย
“Guess who?”
คุณชายยิ้ม จับมือนีรนุช
“ยัยตัวแสบน่ะสิ” นีรนุชเอามือออกแล้วเดินไปตรงหน้าคุณชายพร้อมทั้งตีแขนคุณชายเพี๊ยะ คุณชายสะดุ้ง “โอ๊ย มาถึงก็ทำร้ายร่างกายกันเลยนะ”
“ก็จะได้แสบจริงไรจริงไงล่ะยะ” คุณชายลุกขึ้นยืน แกล้ง ขยี้ผมนีรนุช
“นี่แน่ะ แสบนักเหรอ”
นีรนุชปัดมือคุณชายออก
“เฮ้ย หยุดนะ” คุณชายขยี้ผมนีรนุชไม่หยุด “บอกให้หยุด ไม่หยุดเหรอ”
นีรนุชพยายามกระโดด ขยี้ผมคุณชายทั้ง 2 คน แกล้งกันใหญ่ คุณชายหัวเราะชอบใจ ระหว่างนั้นบื้อเดินลง
บันไดมาเห็นภาพคุณชายกับนีรนุชก็ชะงักหยุดมอง
“โอเค พอๆๆ ยอมแพ้แล้ว สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ตลอดอ่ะ คนนี้”
“ชัวร์สิ”
สองคนยิ้มให้กัน ก่อนจะสวมกอดกันแน่น
“คิดถึงที่สุดเลยคนนี้”
บื้อเห็นคุณชายกับนีรนุชกอดกันก็ชะงัก ด้านหลังเห็นห่านเดินลงมายังไม่เห็นคุณชายกับนีรนุช
“มายืนเกะกะทำไม บังวิวอีกแล้วนะนายเนี่ย” ห่านบอก
บื้อหันขวับไปเห็นห่านก็ตกใจ ห่านไม่สนใจบื้อจะเดินออกไปที่ล็อบบี้ บื้อรีบขวาง
“อย่าไปเลย”
“อะไรของนาย ทำไมฉันจะไปไม่ได้”
บื้อจับตัวห่านให้หันหลังให้คุณชายกับนีรนุช
“คือ...เออ...เออ วิวไม่สวยหรอกตรงนั้นน่ะ”
“ปล่อยฉัน แล้วก็หลีกทางเดี๋ยวนี้”
ห่านปัดมือบื้อออก หันไปเห็นคุณชายกอดกับนีรนุชพอดี บื้อผงะ หันไปมองห่านเป็นห่วง ห่านอึ้งมาก พอดีคุณชายกับนีรนุชผละออกจากกัน คุณชายหันมาเห็นห่านกับบื้อ
“อ้าว มอร์นิ่งครับคุณฮันนี่ มอร์นิ่งคุณบื้อ”
ห่านยิ้มไม่ออก บื้อยิ้มเจื่อน นีรนุชหันไปมองห่านแล้วก็ยิ้มแฉ่ง
บื้อ ห่าน คุณชาย นีรนุชเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน ห่านมีสีหน้าสบายใจขึ้น
“ที่แท้คุณนุชก็เป็นเพื่อนสนิทคุณชาย...โล่งอก” ประโยคสุดท้ายห่านพึมพำออกมาเบาๆ
“คุณฮันนี่ว่าไงนะครับ” คุณชายถามเพราะได้ยินไม่ชัด
“เออ...” ห่านคิดคำแก้ตัวไม่ออก บื้อรีบแก้ตัวให้แทน
“คุณฮันนี่บอกว่าอากาศวันนี้ปลอดโปร่งโล่งสบายน่ะครับ”
ห่านหันไปมองบื้อแววตาขอบคุณ
“แต่ที่ที่เรากำลังจะไป อากาศจะเย็นกว่านี้นิดนึงนะคะ เพราะว่าอยู่บนเขา” นีรนุชบอก ห่านนิ่วหน้า
“ที่ไหนเหรอคะ”
นีรนุชยิ้มให้ห่านกับบื้อ
นีรนุชพาห่าน บื้อ คุณชายเดินมาหยุดยืนด้านหน้าทางเข้าโรงเรียน GLION
“โรงเรียนกลียง เป็นโรงเรียนสอนการโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ด้านการผลิตบุคลากรเพื่อธุรกิจบริการระดับนานาชาติยอดเยี่ยมค่ะ”
“ผมกับน้องนุชก็เรียนจบจากที่นี่ครับ”
“เหรอคะ ดีจังนะคะ ได้เรียนในโรงเรียนที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามแบบนี้ รู้งี้ให้คุณหญิงแม่ส่งฮันนี่มาเรียนที่นี่มั่งก็คงจะดีอ่ะ”
“คุณฮันนี่จบจากเท็กซัส” คุณชายบอกกับนีรนุช
“อ๋อ...จบด้านไหนเหรอคะ”
ห่านชะงัก ก่อนจะทำลูกเล่น
“แฮ่ ไม่ใช่การบริหารและการโรงแรมอย่างคุณชายและคุณน้องนุชแน่ๆ ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าฮันนี่จะแย่งงาน ฮ่าๆๆ”
นีรนุชและคุณชายยิ้มขำ บื้อส่ายหัว ฝืดมาก
“เดี๋ยวเราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ”
นีรนุชกับคุณชายเดินไปที่ลิฟต์ สองคนหันมากระซิบกัน
“เป็นไง” คุณชายกระซิบถาม
“น่ารักดี ผ่าน”
คุณชายกอดนีรนุชดีใจ ห่านชักไม่แน่ใจว่าเป็นแค่เพื่อนจริงเหรอ บื้อสังเกตเห็นอาการของห่าน
“บอกแล้วว่าแฟนชัวร์”
ห่านหันขวับมามองบื้อ ห่านยังไม่ทันพูดอะไรออกมา ลิฟต์ก็มาพอดี นีรนุชเรียก
“เชิญค่ะ”
บื้อรีบเดินไป ทั้งหมดเข้าไปในลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิด
กาแฟร้อนถูกเสิร์ฟตรงหน้าบื้อ ห่าน คุณชาย น้องนุช นั่งร่วมโต๊ะกัน มีพนักงานกำลังเสิร์ฟกาแฟร้อนและชาร้อน
“พนักงานที่เห็น คือนักเรียนของที่นี่ค่ะ”
บื้อกับห่านหันไปมองรอบๆ เห็นนักเรียนทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟ บางคนก็กำลังเรียนการจัดโต๊ะอยู่กับอาจารย์
“ส่วนชา กาแฟ ก็เป็นฝีมือของนักเรียนเหมือนกัน” ห่านกับบื้อมองด้วยความสนใจ “โรงเรียนกลียงไม่ได้สอนแค่ทฤษฎี แต่ยังสอนปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนทำเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่งานเล็กๆ อย่างล้างจาน ทำอาหาร ไปจนถึงงานของผู้บริหาร คุณฮันนี่กับคุณบื้อ สนใจอยากไปชมโรงเรียนมั๊ยคะ”
“ค่ะ / ครับ”
ห่านกับบื้อชะงักที่พูดพร้อมกัน เลยหันมามองหน้ากัน ก่อนจะสะบัดพรืดคนละทาง
คุณชายกับนีรนุชพาบื้อกับห่านเดินชมโรงเรียนตามมุมต่างๆ ระหว่างทางมีนักเรียนเดินผ่านไปผ่านมา นีรนุชอธิบายไปเรื่อยๆ เปิดเข้าไปดูห้องนั้นห้องนี้
ร้านขายเครื่องดนตรีที่กรุงเทพ คนขายเอาสายกีตาร์มาวางบนโต๊ะ โจ๊กกับคุณหนูจ๋ายืนอยู่
“เอาอันนี้แหละครับ”
“ครับ”
พนักงานเอาสายกีตาร์ไปคิดเงิน คุณหนูจ๋าหันมาทางโจ๊ก
“ขอบใจนะโจ๊ก ที่มาเป็นเพื่อน”
“เรื่องเล็กน้อยครับ”
คุณหนูจ๋ายิ้ม โจ๊กยิ้ม ทำตัวไม่ถูก เขิน แต่พอหันเจอสายตาของน้อยที่ยืนรออยู่ก็ตกใจ รีบหันไปทางอื่น น้อยเดินมาหาคุณหนูจ๋า
“มานั่งรอก่อนค่ะคุณหนู”
คุณหนูจ๋าเดินไปนั่งรอ โจ๊กหันไปมองตาม น้อยหันมา โจ๊กรีบหันไปหยิบอูคูเลเล่ขึ้นมาเล่นแก้เก้อ คุณหนูจ๋าหันไปมองโจ๊กเล่นก็สนใจ ลุกเดินมาหา
“โจ๊กเล่นเก่งจัง”
“อูคูเลเล่คอร์ทง่ายกว่ากีตาร์ มีแค่สี่สาย คนไม่มีพื้นฐานเล่นกีตาร์ ก็เล่นได้”
“ถ้างั้นช่วงที่พี่บื้อไม่อยู่ โจ๊กสอนหนูจ๋าเล่นอูคูเลเล่นะ”
โจ๊กดีใจมาก หัวใจพองโต จนต้องยิ้มออกมา
“ครับ”
คุณหนูจ๋ากับโจ๊กยิ้มให้กัน
“งั้นช่วยหนูจ๋าเลือกอูคูเลเล่หน่อย”
โจ๊กพยักหน้า แล้วก็ช่วยกันกับคุณหนูจ๋าเลือกอูคูเลเล่ด้วยกัน น้อยมองโจ๊กด้วยความสงสัย
ที่ห้างฯ BKK PLAZA แหม่มกับเจ๊มะพร้าวกำลังนั่งกินอาหารด้วยกัน แหม่มองเจ๊มะพร้าวที่กินส้มตำ ก็ซี๊ดปาก
“หือออ น้ำลายสอแล้วเจ๊”
“เห็นส้มตำแล้วก็คิดถึงนังห่านมันเนอะ ป่านนี้มันคงได้กินสปาเก็ตตี้ ชีส พิซซ่า ฟองดู”
ระหว่างนั้นโย่งเดินมา เจ๊มะพร้าวเห็นโย่งข้างหลังแหม่มกำลังจะพูด แต่โย่งเอานิ้วแตะปาก เจ๊มะพร้าวเข้าใจ โย่งเดินมายืนข้างหลังแหม่ม แล้วเอาดอกไม้ที่ซ่อนข้างหลังออกมายื่นไปข้างแหม่ม เจ๊มะพร้าวอมยิ้ม แหม่มชะงัก หันไปเห็นโย่ง
“ดอกไม้ที่ว่าสวย เมื่ออยู่กับแหม่ม ยังเฉาได้เลยนะครับ” โย่งดัดเสียงหล่อ เจ๊มะพร้าวถึงกับสำลัก แหม่มผงะ โย่งถือวิสาสะนั่งข้างแหม่ม “ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”
“อะไร” แหม่มมองอย่างระแวง
“ข้อหาลักลอบแอบชอบผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมายมาตราไหนครับ”
เจ๊มะพร้าวไอออกมา แหม่มเหวออย่างแรง
“จะไปรู้เหรอ”
“แหม่มมีเข็มกะด้ายมั้ย”
“เอาไปทำไม”
“จะเอามาเย็บหัวใจ เพราะเห็นหน้าแหม่มทีไร ใจมันจะขาด...ด...ด”
คราวนี้เจ๊มะพร้าวลุกพรวดออกมาเลย แหม่มถึงกับพูดไม่ออก โย่งยิ้มแฉ่ง
“เออ แหม่ม เจ๊ไปทำงานก่อนนะ ฝากเก็บจานด้วย”
เจ๊มะพร้าวรีบลุกเดินออกไป
“เจ๊...รอก่อนสิ ทิ้งกันเลยเหรอเนี่ย”
แหม่มหันมาเจอโย่งยิ้ม
“แหม่มจ๊ะ”
แหม่มยกมือไปตรงหน้า
“หยุด ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
แหม่มรีบลุกขึ้นจ้ำเดินออกไป โย่งลุกขึ้นเดินตาม
“แหม่ม รอฉันก่อน ฉันยังมีอีกหลายอย่างที่อยากพูดกับเธอ”
โย่งรีบตามแหม่มไปทันที
โย่งยังเดินตามแหม่มมาตามทาง พร้อมกับพูดไปด้วย
“แหม่มรู้มั้ยว่าเที่ยวทะเลตอนไหนสวยที่สุด”
“ไม่รู้”
“ก็ตอนที่มีแหม่มไปด้วยยังไงล่ะ ฮิ้ว”
แหม่มอยากจะบ้า ยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเอง รีบจ้ำเดิน แต่เพราะรีบมากทำให้สะดุดเท้าตัวเองจะล้ม แหม่มตกใจ
“ว้าย”
โย่งรีบพุ่งเข้ามารับแหม่มไว้ในอ้อมกอด แหม่มหันไปมองโย่ง โย่งยิ้มให้แหม่ม แหม่มรีบผละออกจากโย่งทันที โย่งจะอ้าปากพูด
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” โย่งจะพูดอีก “ถ้านายพูดอีกคำเดียว ฉันจะไม่ขอเจอหน้านายอีก”
โย่งตกใจรีบเอามือขึ้นมาปิดปาก แหม่มรีบหันหลังจ้ำเดินออกไปทันที อยากจะบ้าตาย โย่งมองตามด้วยความอาลัยอาวรณ์
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ที่โรงเรียน GLION นักเรียนกำลังฝึกปูเตียง บางคนกำลังพับผ้าขนหนูเป็นรูปสัตว์ บางคนกำลังถูพื้นอยู่ตามมุมต่างๆ ในห้อง นีรนุชทักทายกับอาจารย์ผู้สอน มีคุณชาย ห่าน บื้อยืนอยู่ด้วย
“ขออนุญาตพาชมนะคะ”
“ตามสบายค่ะ”
อาจารย์ยิ้มทักทายบื้อ ห่าน คุณชาย แล้วก็เดินไปสอนเด็กๆ
“ที่นี่คือโรงแรมจำลองค่ะ”
“นี่เค้ากำลังเรียนกันอยู่เหรอคะ”
“ค่ะ ทุกคนต้องเรียนรู้วิธีการปูเตียงที่ถูกต้อง การพับผ้าขนหนูเป็นรูปสัตว์ ส่วนทางด้านโน้น” หันไปมองนักเรียนที่กำลังขัดพื้น “นักเรียนกำลังเรียนรู้ว่าน้ำยาแบบไหน ใช้ได้ดีกับพื้นประเภทไหนค่ะ”
“นี่ถ้าฮันนี่ย้อนเวลากลับไปได้ ฮันนี่จะขอให้คุณหญิงแม่ส่งฮันนี่มาเรียนที่กียองจริงๆ นะคะเนี่ย จะได้เป็นกุลสตรีที่เก่งสารพัดอย่าง”
บื้อชะงัก กระซิบบอกห่าน
“กลียองครับคุณฮันนี่ ไม่ใช่กียอง”
ห่านแอบหันไปค้อนบื้อ บื้อทำไม่รู้ไม่ชี้
“กลียองเป็นโรงเรียนที่น่าเรียนมากค่ะ”
ห่านทำท่าสนอกสนใจแบบโอเวอร์แอคติ้ง บื้อหมั่นไส้มากขึ้นเลยแกล้งซะ
“คุณฮันนี่ขอคุณหญิงแม่มาเรียนตอนนี้ก็ยังไม่สายนะครับ” ห่านผงะ หันไปถลึงตาใส่บื้อ “ผมแค่เสนอแนะ”
“จริงด้วยค่ะ คุณบื้อพูดถูกค่ะ”
นีรนุชเห็นด้วย บื้อยืด ห่านรีบแก้ตัว
“เออ...ฮันนี่คงอายุมากเกินที่จะเรียนแล้วล่ะค่ะ แล้วอีกอย่างอายเด็กๆ ด้วย”
“ที่นี่ไม่ได้มีแต่เด็กๆ นะครับ บางคนจบปริญญาโท ปริญญาเอก ก็ยังมาเรียนเลย” คุณชายบอก
“นักเรียนที่นี่อายุมากสุดก็ประมาณ 50 ค่ะ” บื้อตบเข่าฉาด
“คุณฮันนี่มาเรียนเลยครับ ไม่ต้องคิดมาก เขียนใบสมัครทิ้งไว้เลย”
ห่านหันไปมองบื้อไม่พอใจรู้ว่าบื้อแกล้ง ห่านหันไปทางนีรนุชกับคุณชาย
“ฮันนี่อยากเรียนมากเลยนะคะ แต่คุณหญิงแม่คงไม่ยอม เพราะฮันนี่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาไม่กี่เดือน แล้วอีกอย่างท่านไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวของท่านต้องไปอยู่ไกลๆ อีกน่ะค่ะ”
บื้ออึ้งที่ห่านไหลไปได้เรื่อยๆ เลยพูดอีก
“ว้าน่าเสียดาย ผมว่าถ้าคุณฮันนี่มาเรียนที่นี่คงได้คะแนนภาคปฏิบัติเต็มๆ เพราะท่าทางจะถนัดทำงานบ้าน”
ห่านพยายามอดกลั้น ทั้งๆ ที่คันปากอยากด่าบื้อ
“แหม คุณบื้อ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองทดลองปูเตียงซะหน่อยดีมั้ยครับ ดูหน่วยก้านจะเป็นแม่ศรีบ้านศรีเรือนมากๆ โชว์ให้คุณชายดูหน่อย”
“เออ...แต่ว่า”
“โห ผมอยากเห็นจังเลยครับคุณฮันนี่” คุณชายบอก
ห่านมองบื้อโมโห แต่ต้องยิ้มกลบเกลื่อน บื้อยิ้มมุมปาก
ห่านปูเตียงอย่างทุลักทุเล คุณชายและนีรนุชเข้าช่วย บื้อเข้าห้ามว่าไม่ต้องช่วย คุณฮันนี่เค้าเก่งมาก ห่านโมโห แต่กัดฟันทำต่อ สุดท้ายคุณชายและนีรนุชเข้าช่วยจนเสร็จ
ห่านนั่งหมดแรงกับพื้น หัวฟูเล็กน้อย สายตาอาฆาตบื้อที่ยืนจุ๊ยอารมณ์สะใจอยู่
“เสร็จแล้วค่ะ มันแย่มากเลยใช่มั๊ยคะ”
“เก่งมากครับ แค่นี้ก็เก่งมากแล้วใช่มั้ย” คุณชายถามนีรนุช
“ใช่ค่ะ นี่ขนาดไม่เคยเรียนมา ก็ต้องถือว่าเก่งมาก”
ห่านยิ้มสะใจใส่บื้อก่อนจะดราม่า
“แย่จัง ฮันนี่ไม่ถนัด “งานบ้าน” จริงๆ ค่ะ เพราะที่บ้านมีคนใช้ทำให้ตลอด”
บื้อมองห่านหมั่นไส้เต็มแก่
“เดี๋ยวเราไปดูที่อื่นกันต่อเลยนะคะ”
“ค่ะ รีบไปเลยค่ะ” นีรนุชเดินนำคุณชายออกไป ห่านรีบหันขวับไปลุยบื้อ “ไอ้บื้อ ไอ้บ้าบื้อ นายหยุดเลยนะ หยุดป่วนฉันได้แล้ว ไม่งั้น” ห่านเงื้อมือจะทุบ แต่เจ็บหลังเพราะปูเตียง “อูยยย”
“ไม่งั้นอะไร จะทำไม”
“ไม่งั้นฉันจะฆ่านายน่ะสิ” บื้อยิ้มเยาะ
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะคุณฮันนี่” บื้อเดินออกไป แกล้งเอามือกุมหลังแอ่นๆ ไปด้วย
“ไอ้บ้า ฉันอยากจะฆ่าแก”
นีรนุชพาบื้อ ห่าน คุณชาย เข้ามาด้านในที่เห็นห้อง Cooking Room
“นี่เป็น Cooking class ค่ะ” ห่านกับบื้อมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ “นักเรียนทุกคน ต้องเรียนทำอาหารทั้งคาวและหวาน นักเรียนที่เรียนจบจากที่นี่ ไปเป็นเชฟก็หลายคนนะคะ”
“งั้นแสดงว่าคุณชายก็ต้องทำอาหารเป็นสิคะ”
“ครับ”
“เปปเปอร์สเต็กฝีมือชาย อร่อยอย่างนี้เลยค่ะ” นีรนุชชูนิ้วโป้ง
“แต่กว่าจะอร่อย หนูทดลองของผม ก็ท้องเสียไปหลายครั้ง” คุณชายหันไปมองนีรนุช
“ใช่สิ แทบตาย ต้องหยุดเรียนไปตั้งสามวัน ยังเคืองไม่หายเลยนะเนี่ย”
คุณชายเข้ามากอดคอนีรนุช
“โอ๋ๆ หายโกรธได้แล้วนะคนดี นะนะนะ”
นีรนุชกับคุณชายขำๆ กัน ทำเอาห่านใจแป้วที่เห็นเค้าสนิทสนม บื้อหันไปสังเกตมองห่าน ห่านรีบทำลายบรรยากาศ
“ถ้ายังไง กลับกรุงเทพแล้ว คุณชายทำเปปเปอร์สเต็กให้ฮันนี่ทานบ้างจะได้มั๊ยคะ”
คุณชายเอามือออกจากนีรนุชหันมาทางห่าน
“ได้สิครับ รับรองไม่ท้องเสีย”
“อย่าเชื่อค่ะ คุณฮันนี่ อย่าเชื่อ” นีรนุชบอก
“เอ๊ะ” คุณชายล็อกคอนีรนุช “พูดงี้หมายความว่าไง? เดี๋ยวเหอะ”
“โอ๊ย! ปล่อยนะ ก็มันจริงอ่ะ”
ห่านยิ่งอึ้ง เห็นเค้าใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น บื้อมองห่านแอบสงสารก่อนจะขัดขึ้น
“แหม ได้กลิ่นหอมๆ แล้วมันหิวจังครับ”
คุณชายและนีรนุชชะงัก เลิกเล่น
“จริงสิ น่าจะหิวกันแล้ว เราไปทานอาหารกันเถอะค่ะ”
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6 (ต่อ)
บื้อ ห่าน คุณชาย น้องนุชนั่งที่โต๊ะ บนโต๊ะถูกจัดเป็นแบบทางการ ห่านกับบื้อมองช้อน ส้อม มีดที่มีหลายอันตรงหน้าด้วยความงงมาก นักเรียนเข้ามาเสิร์ฟซุปให้ทุกคน ห่านกำลังงงงวยกับอุปกรณ์ช้อนส้อม
“ลองชิมดูนะครับคุณฮันนี่ อร่อยมาก”
“เอ่อ ค่ะๆ”
บื้อมองเข้าใจว่าห่านยังงงอยู่
“โห ทำไมช้อนส้อมอะไรมันเยอะแยะจัง ผมใช้ไม่เป็นอ่ะครับ”
ห่านตาวาว ได้โอกาสล่ะเรา
“ขอโทษทีที่ลืมบอก” คุณชายสอนบื้อ “ง่ายๆ เลยนะ ให้เริ่มใช้อุปกรณ์จากด้านนอกสุดเข้ามา” ห่านแอบฟังที่คุณชายสอนบื้อ คุณชายหยิบช้อนที่อยู่ด้านนอกขึ้นมา “นี่คือช้อนซุป” บื้อเหลือบมองห่านที่ตั้งใจฟังเต็มที่ คุณชายวางช้อนซุปแล้วก็หยิบมีดที่ถัดจากช้อนซุปเข้ามาพร้อมกับส้อมที่อยู่ข้างซ้ายอันนอกสุด “นี่ไว้สำหรับหั่นสเต็ก” ห่านลอบมอง พยายามจำที่คุณชายสอนบื้อ “และสุดท้าย” คุณชายหยิบช้อนกับส้อมด้านบนจาน “สำหรับของหวาน แค่นี้เอง โอเคนะบื้อ”
“โอเคเลยค่ะ” ห่านเผลอบอก ทุกคนหันขวับ “เอ่อ...โอเคค่ะ ตกลงเราทานกันเลยนะคะ ฮันนี่หิวแล้ว”
บื้อเหล่ห่าน ส่ายหัวน้อยๆ
“เชิญเลยครับ ทานให้อร่อยนะครับ”
“ทานกันเลยนะคะ”
บื้อ ห่าน คุณชาย นีรนุช ลงมือทานซุป ทุกคนคุยกันไป ทานกันไป ห่านหยิบจับอุปกรณ์ด้วยความมั่นใจมากไม่มีหลุด บื้อแอบมองห่านทั้งหมั่นไส้ทั้งขำ
นักเรียนเก็บจานออกไปจนหมด ห่านเอาผ้าขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะหันไปทางนีรนุช คุณชาย และบื้อ
“อาหารอร่อยมากค่ะ อิ่มจนท้องจะแตก”
คุณชาย นีรนุช ห่านหัวเราะ บื้อปรบมือแปะๆ
“เก่งมากครับ คุณฮันนี่เก่งมากกก”
ห่านหันขวับตาวาว
“อะไร นายหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า...” ทุกคนลุ้น “คุณฮันนี่เก่งมาก ทานเก่งมาก ตัวนิดเดียวทานหมดทุกจานเลย”
คุณชายและนีรนุชขำๆ แต่ห่านไม่ขำ แต่ต้องเฟคหัวเราะก่อนจะกัดฟันพูด
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากกก”
“ ด้วยความยินดีครับ”
“โอเคอิ่มกันแล้ว เดี๋ยวเราไปหาอะไรทำช่วยย่อยกันดีกว่าค่ะ”
บื้อ ห่าน คุณชายมองนีรนุชสงสัย
ที่ห้อง Restaurant Bellevue บนโต๊ะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำช็อคโกแล็ต นีรนุชส่งผ้ากันเปื้อนให้บื้อ ห่าน และคุณชาย ทั้งสามคนใส่ผ้ากันเปื้อน คุณชายเห็นห่านกำลังผูกเชือกด้านหลังก็เข้ามาช่วย
“ผมช่วยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
คุณชายเข้ามาช่วยห่านผูกเชือก บื้อดูเซ็งๆ นีรนุชมองคุณชายแล้วก็อมยิ้ม
“มาเริ่มกันเลยนะคะ”
พ่อครัวกับผู้ช่วยสอนทุกคนทำช็อคโกแล็ต ห่านกับคุณชายหันมายิ้มให้กัน บื้อรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน เริ่มเซ็งมากขึ้น คุณชายเห็นนีรนุชที่กำลังทำช็อคโกแล็ต ผมตกลงมา คุณชายเข้าไปเอาผมเหน็บหูให้นีรนุช ห่านเห็นแล้วก็อึ้ง ใจแป้วขึ้นมาทันที บื้อหันไปมองห่านเป็นห่วง ห่านละสายตาจากภาพตรงหน้าหันมาก้มหน้าก้มตาทำช็อคโกแล็ต
คุณชายหันไปลอบมองห่าน อมยิ้มตลอดเวลา สีหน้าประทับใจห่านสุดๆ แล้วก็นึกอะไรออก หันไปทางนีรนุช
“นุช...ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“อะไร เดี๋ยวนี้จำทางไปห้องน้ำไม่ได้แล้วเหรอ”
“ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” คุณชายขยิบตา นีรนุชเข้าใจทันที
“ได้ๆ”
นีรนุชหันไปยิ้มให้ห่านกับบื้อ แล้วก็เดินออกไปกับคุณชาย ห่านที่กำลังกวนช็อคโกแล็ตในหม้อ หันไปมองตามคุณชายกับนีรนุชสีหน้าไม่พอใจ
“แค่ไปห้องน้ำ ก็ต้องไปด้วยกัน ทุเรศ” ห่านบ่น
“ห่างกันไม่ได้ไง” ห่านชะงัก “คนเค้ารักกันเค้าก็ต้องตัวติดกัน”
ห่านเอาอุปกรณ์ตีหัวบื้อป้าบ
“ไม่จริง คุณชายบอกว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทกับคุณนุช”
“เฮ่ย เจ็บนะเว๊ย นี่...คุณฮันนี่ ฉันพูดตรงๆ นะ เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว เธอไม่เหมาะสมกับคุณชายเค้าหรอก คุณน้องนุชเค้าทั้งสวย มีสมอง มีฐานะ เหมาะสมกับคุณชายมากกว่าเธอ”
ห่านตีหัวบื้อเบิ้ล 2 ป้าบ
“นี่แน่ะ หยุดพูด หุบปากไป”
“ที่พูดเนี่ย เพราะเป็นห่วง”
“ห่วง จะมาห่วงฉันทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนาย” บื้อชะงักนิดนึง
“ก็เออ ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ก็เห็นว่าบ้านใกล้กัน ทำงานที่เดียวกัน แล้วก็เกิดมากระจอกเหมือนกัน ก็ไม่อยากให้ฝันสูง ตกลงมามันจะเจ็บ จะเป็นห่านปีกหัก”
ห่านอึ้ง ทั้งโกรธทั้งคับแค้นใจ เพราะที่บื้อพูดมันก็จริง แต่ยังดื้อ ไม่ยอมรับ
“ไม่ ไม่มีทาง ทำไมห๊า คนเราเกิดมากระจอกแล้วต้องกระจอกไปตลอดชีวิตรึไงห๊า” บื้อนิ่งฟัง ห่านน้ำตารื้น โมโหพาล “แล้วคนอย่างนาย มันเจ๋งยังไงถึงกล้ามาดูถูกฉัน คอยดูนะ คนอย่างฉันไม่มีวันจะเป็นห่านปีกหักอย่างที่นายว่า แต่ซักวัน ฉันต้องเป็นนางพญาผึ้ง เป็นราชินีผึ้ง ส่วนนายก็เป็นไอ้บ้าบื้อกระจอกอยู่งี้ต่อไปละกัน” ห่านวิ่งออกไป
“อ้าว...อะไรวะเนี่ย”
คุณชายหยุดเดินหันมาทางนีรนุช นีรนุชหยุดยืนกอดอกมองคุณชายอย่างรู้ทัน
“แกอยากทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้คุณฮันนี่ใช่มะ”
คุณชายกอดคอนีรนุช
“รู้ใจฉันอีกแล้ว”
“ว่ามา”
คุณชายยิ้ม สีหน้ามีความสุข
อีกด้านหนึ่งห่านยืนโมโหจนน้ำตาหยด บื้อเดินเข้ามามอง
“ร้องไห้ทำไม นางพญาผึ้ง”
“ไม่ได้ร้อง”
บื้อเอี้ยวตัวไปดักอีกข้าง มองหน้าห่านใกล้ๆ
“ก็นี่ไง ร้องไห้เห็นๆ”
ห่านผลักหน้าบื้อหงาย
“ไอ้บ้า บอกว่าไม่ได้ร้อง นี่นายจะตามมาขอส่วนบุญอะไรฉันอีกห๊า”
“คนนะครับ ไม่ใช่เปรต”
“งั้นก็เจ้ากรรมนายเวร ชาติที่แล้วฉันไปทำอะไรให้นายห๊า นายถึงต้องมาจองเวรจองกรรมคอยตามราวีฉันตลอดๆ อย่างนี้”
บื้ออึ้งไป ชักเคือง
“นี่ อาการหนักแล้วนะเธอ” ห่านสะบัดหน้าหนี “โกรธตัวเอง น้อยใจตัวเอง แล้วพาลมาลงที่ฉัน มีสิทธิ์อะไร”ห่านอึ้ง คำพูดบื้อจี้ใจจี๊ด “ก็แค่อยากจะเตือนให้เจียมตัว อย่าเพ้อ อย่าดราม่า” ห่านหันขวับมาจะเถียง บื้อชี้หน้า “อย่าหาว่าทวงบุญคุณเลยนะ แต่ไปคิดดูดีๆ ถ้าไม่มีฉันคอยช่วยไว้ตั้งกี่ครั้งกี่หน ป่านนี้เธอมีหวังเละเป็นโจ๊กห่านไปแล้ว ยัยห่าน ยัยห่าน ยัยห่าน ยัยห่าน”
บื้อพูดย้ำเหมือนให้สำนึกว่าตัวเองเป็นใคร ห่านอึ้งนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่บื้อช่วยมาตั้งแต่แรกจนถึงช้อนส้อม
“ไม่ขอบใจซักคำแล้วยังมาด่า หาว่าเป็นเปรต เป็นเจ้ากรรมนายเวร เวร เวรของไอ้บื้อแท้ๆ”
ห่านเริ่มสำนึก ถ้าไม่มีบื้อไว้ช่วย เดี๋ยวจะซวยเป็นแน่
“แฮ่...แหม อย่าโกรธน้า อย่างอนน้า” ห่านบอกเสียงหวาน บื้อเมินหน้า “ผู้ชายอะไรขี้งอน ตุ๊ดป่ะเนี่ย”
บื้อหันขวับ
“จะบ้า”
“โทษทีนะ ตะกี๊ของมันขึ้น”
“ก็ช่างเธอ เรื่องของเธอ”
“ช่างได้ไง ฉันมาคิดๆ ดูไอ้ที่นายพูดมามันก็จริงเนาะ” บื้อดีใจขึ้นมาหน่อยนึง
“ตกลงเธอเชื่อฉัน เธอจะเลิกหลอกตัวเองแล้วใช่มั้ย”
“บ้า ใครบอก”
“อ้าว”
“ฉันหมายถึงว่า ที่นายบอกว่าถ้าที่ผ่านมาฉันไม่มีนายคอยช่วย ป่านนี้ฉันคงเละไปแล้วตะหากเล่า”
“เฮ้ย”
“เพราะฉะนั้น จากนี้ไป นายจะทิ้งฉันไม่ได้”
“เฮ้ย”
“นายจะต้องคอยช่วยเหลือฉันตลอดไป ช่วยไม่ได้ เพราะนายดันมารู้ความลับของฉันตั้งแต่แรก” ห่านตะปบบื้อ บื้อดิ้น ไม่ยอม
“ไม่ ไม่เอา จะบ้า”
“ไม่บ้าล่ะ” ห่านหันไปเห็นช็อคโกแล็ตในหม้อแถวนั้น ก็เอานิ้วจุ่มขึ้นมา บีบปากบื้อ เอาช็อคโกแล็ตปาดเข้าไปในปากบื้อ แล้วก็ปาดใส่ปากตัวเอง “นี่แน่ะ ช็อคโกแล็ตร่วมสาบาน ฉันถือว่านายสัญญา นายสาบานกับฉันแล้วว่าจะไม่ทิ้งฉัน”
บื้อพยายามสะบัดหนี แต่ห่านรัดตัวไว้แน่น
“ไม่ๆ”
ห่านกระชากบื้อมาใกล้
“จะอยู่กับฉันตลอดไป” บื้ออึ้งมองสบตาห่านนิ่ง ทันใดนั้นเสียงนีรนุชก็ดังขึ้น
“ทำอะไรกันอยู่คะ” สองคนเด้งดึ๋งจากกัน นีรนุชเดินเข้ามาเห็นปากบื้อกับปากห่านเปรอะช็อคโกแล็ตก็ขำ “ช็อคโกแล็ตอร่อยมากมั้ยคะ คุณบื้อ คุณห่าน” บื้อสะดุ้ง
“เอ่อ...เฮ้ย” บื้อรีบเอามือเช็ดช็อคโกแล็ต แต่ยิ่งเช็ดยิ่งเปรอะ นีรนุชขำๆ หยิบกระดาษทิชชู่
“มาค่ะ ให้ฉันช่วยดีกว่า” นีรนุชเช็ดปากให้บื้อ บื้ออึ้งๆ ห่านมองๆ รู้สึกแปลกๆ “อ่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
ห่านแอบค้อน นีรนุชเห็นปากห่านเปรอะ
“มาค่ะคุณฮันนี่ ฉันช่วยเช็ดให้”
ห่านรีบเบี่ยงหลบ
“ไม่ เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเช็ดเองได้” ห่านรีบเช็ดแล้วก็นึกขึ้นได้ “คุณชายล่ะคะ คุณชายไปไหน”
“เออ จริงสิ ชายติดธุระด่วนเลยฝากให้ฉันช่วยเทคแคร์คุณ 2 คนก่อนน่ะค่ะ”
ห่านจ๋อย บื้อมองห่าน นีรนุชอมยิ้ม
ห่านเดินออกมายืนซึม คิดถึงภาพที่เห็นคุณชายกอดกับนีรนุชที่โรงแรม ตอนที่คุณชายกอดคอนีรนุชสนิทสนมกัน พร้อมกับคำพูดของบื้อ
“แค่ไปห้องน้ำ ทำไมต้องชวนคุณนุชไปเป็นเพื่อนด้วย”
“ห่างกันไม่ได้ไง” ห่านชะงัก “คนเค้ารักกันก็ต้องตัวติดกัน”
“ไม่จริง คุณชายบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณนุช...มีฐานะเหมาะสมกับคุณชายมากกว่าเธอ”
ห่านทอดถอนหายใจ หน้าเศร้า บื้อเดินออกมามองห่าน รู้ว่าเป็นอะไร เลยเดินมาข้างๆ
“ร้องไห้อีกแล้ว นางพญาผึ้งคนเก่ง”
“ฉันไม่ได้ร้อง”
“ก็ดี หัดทำใจไว้บ้างก็ดี”
“บอกตัวเองเถอะย่ะ”
“อะไร บอกอะไร”
“แหม...” ห่านลากเสียงยาว แล้วเลียนเสียงนีรนุช “ช็อคโกแล็ตอร่อยมากมั้ยคะ ฉันช่วยเช็ดให้นะคะ”
ห่านทำท่าเช็ดปากบื้อเลียนแบบน้องนุช บื้อคว้ามือหมับ กระชากห่านมาใกล้
“อย่าบอกนะว่าหึง”
ห่านสะบัดหลุด
“บ้า ไอ้บ้า พูดจาไม่ดูหนังหน้า น้ำหน้าอย่างนายเหรอ ฉันจะหึง แหวะ อุบาทว์”
“เออ..จำไว้ละกัน พูดอะไรไว้ก็ขอให้จำด้วย”
“ฝันไปเถอะ กี่ชาติฉันก็ไม่มีวันหึงนาย”
“เอ๊า ทีเธอยังฝัน”
“เฮ่ย อย่าบอกนะว่า...” ห่านชี้หน้าบื้อ
“ว่าอะไร”
“ว่านายก็ฝันอยากได้คุณน้องนุชเป็นแฟน”
บื้อผลักหัวห่านหงายเงิบ
“บ้า ฉันไม่บ้าเหมือนเธอหรอกยัยคอห่าน”
พูดจบก็ลุกไปเลย ห่านแอบเหล่จับผิดบื้อแล้วตาวาว
“ถ้านายบื้อจีบคุณน้องนุชสำเร็จ เราก็จะหมดคู่แข่ง ฮิๆๆ”
ที่บ้านคุณชาย คุณหญิงรื่นฤดี ดาหลา ดารัณเดินเข้ามาด้วยกัน
“ขอบใจหนูดาหลามากนะจ๊ะที่มาทานข้าวกับแม่ทุกวัน”
“พูดหยั่งกับเราเป็นคนอื่นคนไกลกันอย่างนั้นแหละค่ะคุณหญิง อย่าลืมสิคะว่าฉันยกลูกสาวคนนี้ให้เป็นลูกสาวคุณหญิงอีกคนหนึ่งแล้ว”
“จริงด้วยสินะ ดาหลาลูกแม่”
คุณหญิงรื่นฤดีโอบดาหลาเข้ามา ดาหลายิ้มจริงใจ
“ขาคุณแม่....ม...ม...ม...”
ระหว่างนั้นคนใช้เดินออกมา
“อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีพยักหน้า หันไปทางดาหลากับดารัณ
“ไปทานข้าวกันค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีจับมือดาหลาจะพาเดินออกไป ดาหลานึกขึ้นมาได้
“คุณพ่อล่ะคะ”
“คงจะอยู่ในห้อง”
“ทำงานเหรอคะ?”
“เล่นเกมค่ะ” ดารัณยิ้ม รื่นฤดีหันไปทางคนใช้ “ไปตามคุณผู้ชายมาทานข้าว”
“ดาหลาไปตามคุณพ่อให้เองค่ะ”
“ขอบใจนะจ๊ะ”
ดาหลาเดินออกไป คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณเดินไปอีกทาง
ขณะนั้นชนะศึกกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณชาย
“หนูดาหลามาที่นี่ทุกวัน ตั้งแต่แกไปสวิสฯ ครั้งนี้แม่แกเอาจริงแน่” ดาหลาเดินมา เห็นประตูเปิดแง้มเอาไว้นิดนึง กำลังจะเคาะประตู แต่ได้ยินเสียงชนะศึกคุยกับคุณชาย “ฉันรู้ว่าแกไม่ได้ชอบหนูดาหลา แต่แม่แกชอบ แล้วแกจะทำยังไง”
ดาหลาได้ยินก็อึ้ง เลยตัดสินใจแอบฟัง”
“ว่าไงนะ นี่คุณฮันนี่อยู่สวิสกับแก” ชนะศึกทำเสียงตกใจ ดาหลาตกใจมาก ถึงกับกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ “อย่าให้แม่แกรู้เชียวเจ้าชาย มีหวังแม่แกช็อกตายแน่
ดาหลาโกรธมากๆ โกรธสุดๆ
คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณกำลังทานข้าว ไม่นานดาหลาเดินสีหน้าไม่สบอารมณ์เข้ามา คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณหันไปมอง ยังไม่สังเกตเห็นสีหน้า
“คุณพ่อล่ะลูก”
ดาหลาไม่ตอบ ตัดบท
“ดาหลาขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะคุณแม่”
คุณหญิงรื่นฤดีกับดารัณงงมาก ดารัณลุกเดินมายืนข้างดาหลา
“รีบกลับทำไมล่ะลูก ข้าวปลายังไม่ได้ทานเลย”
ดาหลาเงียบ คุณหญิงรื่นฤดีลุกเดินมาประกบข้างดาหลาอีกข้าง
“หนูดาหลาเป็นอะไรไปจ๊ะ หรือว่าไม่สบาย”
ดาหลายังไม่ทันตอบ ชนะศึกเดินเข้ามา ดาหลา ดารัณ คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมอง
“ถ้าคุณแม่อยากทราบว่าดาหลาเป็นอะไร ถามคุณพ่อสิคะ”
ชนะศึกเหวอ งง
“แล้วพ่อจะไปรู้ได้ไงจ๊ะว่าหนูเป็นอะไร”
ดาหลาหันไปทางคุณหญิงรื่นฤดี
“เมื่อซักครู่ตอนที่ดาหลาไปตามคุณพ่อ ดาหลาได้ยินคุณพ่อคุยโทรศัพท์กับคุณชายค่ะ”
ชนะศึกหน้าเสีย กลืนน้ำลายเอื๊อก “ซวยแล้วไง”
“ดาหลาก็เลยทราบว่าคุณชายไปสวิสฯกับคุณฮันนี่”
ดารัณกับคุณหญิงรื่นฤดีอึ้ง ตาโต อ้าปากค้าง ดาหลาหันไปมองชนะศึก ชนะศึกทำหน้าไม่ถูก คุณหญิงรื่นฤดีหันไปถลึงตาใส่ชนะศึก ชนะศึกสะดุ้งแล้วก็หลบตา ดาหลาแกล้งทำเป็นจะร้องไห้ คุณหญิงรื่นฤดีจับแขนดาหลา
“อย่าเพิ่งคิดมากนะลูก รอให้ตาชายกลับมา แม่จะจัดการให้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ดาหลารู้ตัวว่าไม่เคยอยู่ในสายตาของคุณชาย”
“ลูกห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาด ยังไงตาชายก็ต้องแต่งงานกับลูกดาหลาของแม่เท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์”
“ดาหลา” ยกมือไหว้ “กราบขอบพระคุณคุณแม่มากนะคะที่รักและเอ็นดูดาหลา แต่ดาหลาไม่อยากฝืนใจคุณชาย ดาหลาลาล่ะค่ะ”
ดาหลาน้ำตาไหล แล้วก็หันหลังเดินออกไป คุณหญิงรื่นฤดีมองตามดาหลาด้วยความสงสาร แล้วหันมาทางดารัณ
“คุณดารัณ ไปบอกหนูดาหลาให้ใจเย็นก่อน”
“ฉันจะพยายามช่วยพูดให้นะคะ แต่ครั้งนี้ลูกสาวฉันคงจะเสียใจมากจริงๆ ถึงกับร้องไห้ออกมา เฮ้อ...ฉันกลับล่ะค่ะ”
ดารัณไหว้ลาคุณหญิงรื่นฤดีแล้วก็เดินออกไป ด้านหลังเห็นชนะศึกกำลังย่องหนี คุณหญิงรื่นฤดีหันขวับไปทันที
“คุณชนะศึก คุณจะไปไหน”
ชนะศึกสะดุ้ง หันมา
“เออ อ่า...ไป...ไปห้องน้ำจ๊ะ ขอไปก่อนนะ ปวดท้อง”
“ฉันไม่ให้ไป ปล่อยให้ราดตรงนี้แหละ” ชนะศึกหน้าเสีย “คุณกับลูกช่วยกันปกปิดเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ให้ฉันรู้ใช่มั๊ย”
“เปล่านะ ผมไม่รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องมาโกหก” คุณหญิงถลึงตาใส่ ชนะศึกหน้าแหย
“ไม่ได้โกหก ผมก็เพิ่งรู้เมื่อตะกี๊ ว่าลูกไปกับคุณฮันนี่”
คุณหญิงรื่นฤดีโมโหมาก
“ตาชายนะตาชาย กล้าโกหกแม่ได้ยังไง? ถ้าตาชายกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะจัดงานหมั้นให้ตาชายกับหนูดาหลาทันที”
ชนะศึกอึ้ง คุณหญิงรื่นฤดีจ้ำเดินออกไปด้วยความโมโห ชนะศึกสีหน้าเป็นกังวลใจแทนคุณชาย
“ซวยแล้วเจ้าชายเอ๊ย”
ดาหลากับดารัณเดินเข้ามาในบ้าน
“ฝีมือการแสดงของลูกแม่นี่สุดยอด” ดารัณชมลูกสาว
“ดาหลาได้พรสวรรค์ข้อนี้มาจากคุณแม่นั่นแหละค่ะ”
สองแม่ลูกยิ้มให้กัน
“ยังไงดาหลาก็ต้องเป็นคนที่ได้ยืนเคียงข้างคุณชายเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์”
ดาหลาสีหน้าเอาจริง ดารัณมองอย่างเห็นด้วย
ส่วนที่สวิสเซอร์แลนด์ นีรนุชเดินนำบื้อกับห่านมาตามทาง บื้อกับห่านตื่นตาตื่นใจกับปราสาทที่เห็นจนต้องหยุดยืนมอง อ้าปากค้าง นีรนุชหันมาอธิบาย
“นี่คือปราสาท Chillon เป็นปราสาทยุคกลางที่มีความเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยของราชวงศ์ SAVOY ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัญมณีทางประวัติศาสตร์ของสวิสเซอร์แลนด์”
“สวยมาก”
ห่านกับบื้อผงะที่พูดพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็หันมาทางนีรนุช
“ไปกันต่อเถอะค่ะ”
นีรนุชเดินนำห่านกับบื้อไปไม่กี่ก้าวก็มี Butler เดินออกมา นีรนุชอมยิ้ แล้วก็หยุดเดิน บื้อกับห่านหยุดเดินตาม
Butler เดินมาตรงหน้าห่านแล้วผายมือ
“This way please”
ห่านงงๆ บื้อเองก็ไม่เข้าใจ
“คุณฮันนี่ไปกับเค้าเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัว”
“เค้าจะพาฉันไปไหนเหรอคะ”
นีรนุชไม่ตอบ ห่านกับบื้อมองด้วยความสงสัย
บื้อกับนีรนุชยืนรอห่านด้วยกัน ไม่นานนีรนุชก็เห็นห่าน นีรนุชยิ้มออกมา
“คุณฮันนี่ออกมาแล้ว”
บื้อหันไป จากที่หน้านิ่งๆ พอเห็นห่านก็ถึงกับตกตะลึงในความสวยสง่าของห่าน ห่านเดินมาตรงหน้าบื้อกับนีรนุช ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข มี Butler ตามออกมายืนห่างๆ
“ฉันดูเป็นไงคะ”
“สวยที่สุดเลยค่ะ คุณบื้อว่าไงคะ”
บื้อมองห่านนิ่ง ห่านมองบื้อ ลุ้นว่าบื้อจะตอบยังไง
“ก็...” บื้อพยักหน้าไปงั้นๆ อย่างไว้ฟอร์ม ห่านค้อนขวับ
“หวังว่าคุณฮันนี่จะมีความสุขกับอาหารมื้อค่ำนะคะ”
“อาหารมื้อค่ำ”
“ชายรอคุณอยู่ค่ะ”
ห่านยิ้มกว้างออกมา บื้ออึ้งๆ ห่านหันไปทาง Butler
Butler ผายมือ และเดินนำห่านไปตามทาง บื้อได้แต่มองตามห่านอึ้งๆ
นีรกับบื้อเดินออกมาด้วยกัน
“ชายเค้าทำเซอร์ไพร์สคุณฮันนี่น่ะค่ะ ฉันว่าคุณฮันนี่ต้องประทับใจมากเลย คุณบื้อว่ามั๊ย”
“เออ...คงงั้นมั๊งครับ” บื้อแอบเซ็ง
“กลับโรงแรมเลยมั๊ยคะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากเดินเล่นแถวนี้ก่อน คุณไม่ต้องห่วง ผมมีแผนที่โรงแรมติดมาด้วย”
“โอเค แล้วพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
นีรนุชเดินออกไป บื้อหันไปมองที่ปราสาท สีหน้าอยากรู้ว่าห่านกับคุณชายจะทำอะไรกัน
ห่านเดินมาเห็นคุณชายยืนรอที่โต๊ะอาหาร ห่านหยุดเดิน คุณชายยิ้มปลื้มกับห่าน แล้วก็เดินมาหา พร้อมยื่นมือให้ห่าน ห่านจับมือคุณชาย คุณชายเอามือห่านมาควงแขนตัวเอง แล้วพามาที่โต๊ะ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้ห่านนั่งลง คุณชายเดินไปนั่งตรงข้าม
Butler รินเครื่องดื่มให้คุณชายกับห่าน แล้วก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณมากนะคะคุณชาย สำหรับทุกอย่าง ฮันนี่ประทับใจมากค่ะ”
“ผมดีใจที่คุณฮันนี่ชอบ นี่เป็นการทานอาหารเย็นที่ไม่ต้องทานอะไร ก็รู้สึกอิ่มไปถึงหัวใจแล้วล่ะครับ”
ห่านยิ้มเขิน คุณชายมองห่านตาเป็นประกาย สองคนยิ้มให้กัน ราวกับเวลาหยุดหมุน
บื้อแอบมองห่านกับคุณชายที่คุยกันไปทานกันไป หัวเราะและยิ้มให้กัน คุณชายกับห่านกำลังทานข้าว ห่านมองคุณชายสีหน้าลังเล แล้วก็ตัดสินใจถาม
“ทำไมคุณชายไม่ชวนคุณนุชมาทานด้วยกันล่ะคะ”
“อาหารมื้อนี้เป็นมื้อพิเศษของผมกับคนพิเศษของผมเท่านั้นครับ” ห่านอึ้ง...ยิ้มหน้าบาน คุณชายมองหน้าห่านมีความหมาย แล้วก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมา “แด่คนพิเศษของผมครับ”
“ค่ะ”
ห่านกับคุณชายชนแก้วและยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดี บื้อเดินจากไป ท่ามกลางความหวานชื่นของคุณชายและห่าน
คืนนั้นที่กรุงเทพ ขณะที่แหม่มนอนหลับอยู่ ทันใดนั้นบานหน้าต่างก็กระแทกดังปัง ทำให้แหม่มสะดุ้งตื่น แหม่มลุกขึ้นนั่งเห็นลมข้างนอกแรงมาก ไม่นานฟ้าร้อง แหม่มรีบลุกเดินมาดูที่นอกหน้าต่างเห็นราวตากผ้า
“ลืมเก็บผ้า” แหม่มเงยหน้ามองท้องฟ้า “อย่าเพิ่งตกนะฝน ขอเก็บผ้าก่อน” พูดจบ ฝนก็ตกลงมาซู่ใหญ่ แหม่มตกใจ “เฮ้ย บอกว่าอย่าเพิ่งตกไง”
แหม่มรีบวิ่งออกไปทันที
แหม่มวิ่งฝ่าฝนออกมาเก็บผ้า แต่ฝนตกหนักมาก ทำให้แหม่มมองไม่ค่อยเห็นทาง ทันใดนั้นฟ้าผ่าเปรี้ยง!แหม่มตกใจ
“ว้าย”
แหม่มลื่น ล้มก้นจ้ำเล้า ผ้าที่ถือก็หล่นบนพื้นเปียกชุ่ม สกปรกไปหมด แหม่มจะลุกขึ้น แต่เจ็บขามาก พอมองไปก็เห็นขาเป็นแผล
ที่บ้านเช่าบื้อ โย่งออกมาเห็นแหม่มก็ตกใจ รีบวิ่งมาหาทันที
“แหม่ม” โย่งวิ่งมาที่รั้วข้างบ้าน กระโดดเข้ามาหาแหม่ม พอเห็นเลือดที่ขาก็ตกใจ “เลือด เจ็บมั๊ย”
แหม่มพยักหน้า โย่งตัดสินใจอุ้มแหม่มขึ้นมา แหม่มชะงัก มองโย่งอึ้งๆ แล้วนึกขึ้นได้
“เดี๋ยว! ผ้า”
“ช่างก่อนเถอะ รีบเข้าไปทำแผลก่อน”
โย่งรีบพาแหม่มเข้าไปในบ้าน
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6 (ต่อ)
โย่งค่อยๆ วางแหม่มบนเก้าอี้ แหม่มมีสีหน้าเจ็บปวด
“ยาอยู่ไหน”
“บนชั้นนั้น”
โย่งลุกเดินไปเอากล่องยาแล้วมาทำแผลให้แหม่ม โย่งค่อยๆ ทำให้ด้วยความนุ่มนวล แหม่มสะดุ้ง
“แสบเหรอ” แหม่มพยักหน้า โย่งเป่าแผลให้แหม่ม แหม่มมองโย่งอึ้งๆ ที่เห็นโย่งในมุมนี้ โย่งเอาพลาสเตอร์แปะแผลให้ “เสร็จแล้ว”
แหม่มนิ่ง โย่งลุกขึ้น แล้วก็นึกขึ้นได้ ก่อนจะรีบวิ่งออกไป แหม่มงง ลุกขึ้นค่อยๆ เดินไปดูที่ประตู เห็นโย่งกำลังเก็บผ้าให้แหม่มบนพื้น ทั้งๆ ที่ฝนตกหนัก โย่งเก็บเสร็จก็รีบวิ่งเข้ามาในบ้าน
“วางไหน”
“บนพื้นก่อนก็ได้ ไงก็ต้องซักใหม่”
โย่งวางผ้าลงบนพื้น แล้วก็จามเสียงดัง
“ฮัดเช้ย”
แหม่มมองโย่ง แล้วก็เดินออกไป โย่งมองตามแหม่ม แหม่มออกมาพร้อมกับผ้าขนหนู ยื่นให้โย่ง โย่งยิ้มดีใจ
“เอามาให้ฉันเหรอ”
“อือ รีบเช็ดตัวซะ เปียกหยั่งกับลูกหมา”
โย่งมีความสุขสุดๆ รับผ้าขนหนูจากมือแหม่มมาเช็ดหัว ทันใดนั้นแหม่มจามเสียงดังออกมาบ้าง
“ฮัดเช้ย” โย่งเอาผ้าขนหนูในมือ เช็ดผมให้แหม่ม แหม่มผงะ รีบผละออกห่าง “ไม่ต้อง ฉันทำเอง” โย่งยิ้มจ๋อยๆ แหม่มเอาผ้าขนหนูมาจากมือโย่ง แล้วก็เห็นว่าฝนหยุดแล้ว “ฝนหยุดแล้ว เธอกลับไปเหอะ”
โย่งหันไปมองแล้วก็พยักหน้า หันหลังจะเดินออกไป แหม่มเห็นกองผ้าบนพื้น ก็สูดหายใจจนเต็มปอด ก่อนจะหันไปทางโย่งที่กำลังก้าวพ้นประตูออกไป
“ขอบใจนะ”
“โย่งหยุดเดินหันมา ยิ้มกว้างออกมาทันที”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ คืนนี้ถ้าแหม่มรู้สึกเหนื่อยก็ไม่ต้องตกใจนะ”
“ทำไม”
“เพราะเธอวิ่งอยู่ในหัวใจฉันยังไงล่ะ ฮิ้ว”
แหม่มจากที่ดีๆ ก็หัวเสียขึ้นมาอีกครั้ง
“นายโย่ง”
โย่งสะดุ้งตกใจ แล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที แหม่มส่ายหัว
วันต่อมา หิมะขาวโพลนไปทั่วบริเวณ ห่านเผลอแสดงอาการตื่นเต้น ดีใจออกมาจนออกนอกหน้า
“หิมะ”
ห่านเสียงดังมากจนทำให้บื้อ คุณชาย นีรนุช หันไปมองห่านเป็นตาเดียว บื้อได้ทีเลยแขวะ
“คุณฮันนี่ทำเหมือนเพิ่งเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกเลยนะครับ”
“ใช่น่ะสิ” ห่านเผลอตอบ บื้อยักคิ้ว ห่านเสียววาบ รีบหันไปแก้ตัวกับคุณชายและนีรนุช “เพิ่งเห็นหิมะเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาน่ะค่ะ โฮะๆๆๆ ปกติฮันนี่และครอบครัวมักจะไปเล่นสกีกันเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว”
“ดีเลยค่ะ ถ้างั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวสกีรีสอร์ทกันมั้ยคะ”
“ห๊ะ” ห่านเหวอ บื้อแอบขำ ห่านหันขวับไปค้อน
“ผมต้องรบกวนคุณฮันนี่ ให้สอนผมเล่นสกีหน่อยนะครับ”
ห่านรู้ว่าบื้อแกล้ง แต่จำต้องฝืนยิ้ม
“ได้สิ สบายอยู่แล้ว”
บื้ออมยิ้ม คุณชายหันไปทางห่าน
“คุณฮันนี่ครับ ผมกับน้องนุชต้องเข้าไปคุยงานกันซักครู่”
“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวฮันนี่รออยู่แถวนี้”
“ฝากคุณฮันนี่ด้วยนะครับคุณบื้อ”
“ด้วยความยินดีครับ” ห่านค้อน คุณชายกับนีรนุชเดินเข้าไป ห่านหันมาทางบื้อ
“นายจงใจแกล้งฉันใช่มั๊ย”
“อย่ามองฉันในแง่ร้ายนักสิ ฉันแกล้งเธอตรงไหน ฉันเตือนสติให้เธอรู้ตัวว่าเธอกำลังแสดงออกว่าไม่เคยเห็นหิมะมาก่อน เธอต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำ”
“เหรอออ” ห่านไม่เชื่อ บื้อยักไหล่ “แล้วนายไม่ตื่นเต้นเหรอไง นายก็เพิ่งเห็นหิมะครั้งแรกเหมือนกัน”
“เห็นแล้วก็งั้นๆ ก็เหมือนน้ำแข็งบด”
“ทุเรศ โลโซ พูดซะเสีย น้ำแข็งบด” ห่านแบะปาก แล้วก็นั่งลงถอดถุงมือออก และจับหิมะ ห่านยิ้ม เพราะหิมะทั้งละเอียดทั้งเย็น “แต่...เออ ก็จริงนะ แหม! ได้น้ำแดงราดซะหน่อยล่ะ แซบ”
“แซบ ราดน้ำแดง ไฮโซมากกก” ห่านค้อน
ห่านหันไปก็ชะงักเพราะเห็นบื้อกำลังเอาหิมะขึ้นมากำๆ แล้วก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น ห่านลุกขึ้นเดินมากอดอกตรงที่ บื้อนั่งอยู่
“ไหนว่าเห็นหิมะแล้วก็งั้นๆ ไง” บื้อชะงัก หันไปเห็นห่าน บื้อพูดไม่ออก “โธ่เอ๊ย ตัวเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันแหละ ชิ”
บื้อลุกขึ้นเอาหิมะยัดใส่ปากห่าน ห่านอึ้ง
“นายบื้อ”
“พูดมาก”
“โชคดีที่วันนี้ฉันอารมณ์ดี นายก็เลยรอดตัวไป” บื้อทำหน้าเอือม แล้วเดินออกไป ห่านเดินตาม “นายไม่อยากรู้เหรอว่าฉันอารมณ์ดีเรื่องอะไร”
บื้อหยุดเดิน หันมามองห่าน ห่านยิ้มมั่นใจว่าบื้อต้องอยากรู้ แต่...
“ไม่อยากรู้”
บื้อเดินหนีไปทันที ห่านหัวเสียมาก รีบจ้ำเดินตามบื้อไปติดๆ
บื้อจ้ำเดินมาตามทาง มีห่านตามมาติดๆ
“เมื่อวานที่ฉันดินเนอร์กับคุณชายที่ปราสาท นายรู้มั๊ยว่าคุณชายเทคแคร์ฉันดีมาก และคุณชายก็บอกฉันว่าคุณนุชไม่ใช่คนพิเศษของคุณชาย มันก็แปลว่ามีโอกาสที่คุณชายจะชอบฉัน”
บื้อฟังแล้วก็หัวเสีย หันไปทางห่าน
“เงียบได้แล้ว หนวกหู” ห่านผงะ “ฉันต้องการชมวิวอย่างสงบ”
บื้อหันไปยืนหันหลังให้ห่าน ห่านอารมณ์เสียขึ้นมาทันที ห่านมองบื้อไม่พอใจ มองหิมะบนพื้น นั่งลงปั้นหิมะเป็นก้อนแล้วปาโดนหัวบื้อเต็มๆ บื้อสะดุ้ง
“โอ๊ย”
บื้อหันมาเจอห่านทำหน้าทะเล้นใส่ ก็โมโห ปั้นหิมะบนพื้นขึ้นมา ห่านหน้าเสีย
“อย่านะ”
ห่านหนีไม่ทัน บื้อปาหิมะเข้าหน้าห่านเต็มๆ บื้อขำก๊าก
“ฮ่าๆๆ”
ห่านโมโห ปาหิมะใส่บื้ออีก บื้อก็เลยปาหิมะใส่ห่าน แต่ห่านสู้ไม่ได้เพราะบื้อไวกว่า เลยโดนหิมะปาใส่หน้าใส่หัวใส่ตัวจนห่านสุดทน เลยแกล้งกุมหน้าตัวเอง
“โอ๊ย”
ห่านนั่งยองๆ ลงที่พื้น บื้อตกใจ
“เป็นไร”
“เจ็บน่ะสิ นายปาหิมะมาโดนหน้าฉัน”
“เจ็บจริงเหรอ”
“โอ๊ยย อุ๊ยย”
ห่านแกล้งร้อง บื้อชักใจไม่ดี เข้ามาดูห่าน บื้อนั่งลงข้างห่าน
“ขอฉันดูหน่อย”
บื้อไม่เห็นว่ามืออีกข้างของห่านแอบกำหิมะบนพื้น ทันทีที่ห่านเปิดหน้าตัวเอง ห่านก็เอาหิมะแปะหัวบื้อ บื้อเหวอ
“นายนี่มันบื้อสมชื่อจริงๆ”
ห่านขยี้หิมะบนหัวบื้อแล้วก็หัวเราะชอบใจ บื้อมองหน้าห่านที่หัวเราะแบบธรรมชาติสุดๆ ด้วยแววตาที่เป็นประกายมาก ห่านลุกขึ้นยืน แล้วก็ปัดมือ...
“นายตามฉันไม่ทันหรอกนายซื่อบื้อ”
ห่านยิ้มเยาะแล้วก็หันหลังเดินออกไป บื้อมองตามแล้วก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วบื้อก็ตกใจ
“ยิ้มทำไมวะเรา เฮ้อ”
บื้อสะบัดหิมะออกจากหัว แล้วก็ลุกเดินออกไป
บ้านเช่าลุงจ๊อด คุณหนูจ๋ากำลังเล่นอูคูเลเล่ มีโจ๊กนั่งมองไปก็ยิ้มไป คุณหนูจ๋าหยุดเล่นหันไปมองโจ๊ก โจ๊กยังเหม่อ
“โจ๊ก...โจ๊ก” โจ๊กสะดุ้ง
“ครับ”
“หนูจ๋าเล่นถูกรึเปล่า”
“ถูกครับ เล่นถูกแล้วครับ”
“อูคูเลเล่เล่นง่ายจริงๆ ด้วย”
“ถ้างั้นเรามาเรียนคอร์ทต่อไปเลยนะครับ”
“อื้อ”
โจ๊กสอนคุณหนูจ๋าจับคอร์ท ระหว่างนั้นลุงโจ๊กเดินเข้ามาเห็นโจ๊กกับคุณหนูจ๋าก็ชะงัก ลุงโจ๊กนิ่วหน้าสงสัย หันไปเห็นโจ๊กที่ลอบมองคุณหนูจ๋าตาเป็นประกาย ขณะที่คุณหนูจ๋ากำลังก้มมองนิ้วตัวเองที่จับคอร์ทก็ยิ่งมั่นใจ
ทันใดนั้นมีมือมาจับไหล่ลุงจ๊อด
“ไอ้จ๊อด”
ลุงจ๊อดสะดุ้งเฮือก
“จ๋าแม่” ลุงจ๊อดหันไปเห็นน้อยก็ตกใจสุดๆ โจ๊กกับคุณหนูจ๋าหันไปมอง ลุงจ๊อดรีบถอยเข้ามาในบ้าน น้อยตามเข้ามา “นี่ยังไม่ถึงสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่ได้มาเก็บค่าเช่า แต่ฉันมารับคุณหนูจ๋ากลับบ้าน”
ลุงจ๊อดโล่งอก คุณหนูจ๋าลุกขึ้นยืน โจ๊กลุกยืนตาม
“พรุ่งนี้เจอกันนะโจ๊ก”
“ครับ”
โจ๊กหันไปไหว้น้อย น้อยรับไหว้ แล้วก็หันไปทางลุงจ๊อด
“ถามจริง นี่หลานแท้ๆ ของแกเหรอ”
“แน่นอน” ลุงจ๊อดคล้องคอโจ๊กดึงมาติดกับหน้า “หน้าตาเหมือนกับหยั่งกะแกะ เห็นมะ”
“ถุย” ใส่หน้าลุงจ๊อด ลุงจ๊อดสะดุ้ง “เหมือนกันตรงที่มีตา จมูก ปากน่ะสิ” ลุงจ๊อดสะดุ้ง โจ๊กอมยิ้ม “ไปค่ะคุณหนู กลับบ้าน”
น้อยพาคุณหนูจ๋าออกไป โจ๊กยังมองตามแล้วก็ยิ้ม ลุงจ๊อดหันไปมอง
“เอ็งชอบคุณหนูจ๋าเหรอ”
“จ๊ะ” โจ๊กนึกได้ หันขวับ “ปะเปล่า ฉันไม่ได้ชอบ”
“ให้มันจริงเห๊อะ อย่าแม้แต่คิดเชียวนะไอ้โจ๊ก ข้าไม่อยากเห็นเอ็งใสเจีย เสียใจ”
“ลุงคิดไกลแล้ว ฉันกับคุณหนูจ๋าเป็นเพื่อนกัน”
ลุงจ๊อดพยักหน้า แล้วก็เดินออกไป โจ๊กแอบเศร้า
ห่านเดินชมวิวไปรอบๆ โรงเรียน สีหน้ามีความสุข สดชื่นมาก แต่ก็รู้สึกหนาว จนต้องเอามือมาถูกันและกอดอกเอาไว้
ด้านหลังเห็นบื้อเดินตามห่านมาห่างๆ บื้อจับตามองห่านทุกอิริยาบถ ก่อนจะนึกขึ้นได้ เอามือถือออกมาแอบถ่ายรูปห่านเอาไว้ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี
ห่านได้ยินเสียงฝีเท้า หยุดเดิน หันไปเห็นบื้อ บื้อรีบเก็บมือถือ และหันไปทางอื่น ทำไม่รู้ไม่ชี้
“ตามฉันมาทำไม”
“ใครตามเธอ? เจอหิมะแล้วเพ้อไข้ขึ้นเลยเรอะ”
“เห็นอยู่ว่านายตามฉัน”
“ถนนนี้เป็นที่สาธารณะ ใครจะเดินไปตรงไหนก็ได้”
บื้อเดินแซงหน้าห่านขึ้นไป พลางพ่นลมหายใจออกมา ห่านหันไปมองตามบื้อ แล้วก็เบ้หน้าก่อนจะเดินไปอีกทาง บื้อหยุดเดิน ค่อยๆ หันไปมองห่านที่หยุดชมวิวตรงหน้า เห็นห่านหนาวมือ จนต้องเอามือขึ้นมาเป่า บื้อตัดสินใจเดินมาข้างๆ และคว้ามือห่านมาจับไว้ ห่านหันไป ตกใจ
“จะทำไร”
บื้อเอามือห่านซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวเอง แล้วก็พูดโดยไม่มองหน้า
“แก้หนาว”
ห่านชะงัก แล้วก็รู้สึกอุ่นมือขึ้นมา ก็เลยหันไปชมวิวตรงหน้า บื้อแอบเหล่มองห่านแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว ซักพักห่านพูดขึ้น
“นี่! นายว่าคุณน้องนุชน่ารักป่ะ”
“ถามทำไม”
“ฉันว่าน่ารักนา”
“แล้วไง”
“จีบดิ จีบเลย”
บื้อเคือง ดึงมือห่านออกมาผลักออก
“ถ้าจะบ้าก็เชิญบ้าไปคนเดียว อย่าดึงฉันเข้าไปบ้าด้วย” บื้อเดินไปเลย
“อะไรวะ ก็พูดแค่นี้” ห่านงง
แอปเปิ้ลกับปีโป้กำลังวุ่นวายกับการบริการลูกค้าที่มีมากมายเต็มแผนก
“รอซักครู่นะคะ / ต้องการรองเท้าไซส์ไหนกัน / รองเท้าไซส์ 38 หมดค่ะ / ต้องการลองสีไหนคะ...”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ก้มๆ เงยๆ ลองรองเท้าให้ลูกค้า วิ่งไปวิ่งมาหยิบรองเท้า
แอปเปิ้ลกับปีโป้นั่งหลังชนกันด้วยความหมดแรงอยู่บนพื้น รองเท้าเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด
“สิ้นเดือนทีไร เป็นงี้ทุกที คนมันมาจากไหนกันก็ไม่รู้”
“นั่นสิเพื่อนแอปเปิ้ล ฉันเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลยอ่ะ”
“น่าอิจฉานังห่านมันจริงๆ ที่ได้พัก ไม่ต้องทำงานงกๆ หลังคดหลังแข็งเหมือนพวกเรา คุณผู้จัดการนี่ก็แปลกคน อนุญาตให้นังห่านลางานตั้งเป็นอาทิตย์”
ปีโป้เหลือบไปเห็นพรเพ็ญเดินมาก็ผงะ รีบสะกิดแอปเปิ้ล
“เพื่อนแอปเปิ้ล”
แอปเปิ้ลไม่ฟัง ไม่สนใจ
“ไม่รู้นังนั่นเอาอะไรให้คุณผู้จัดการกิน คุณผู้จัดการถึงได้ใจดีกับมันขนาดนี้” ปีโป้หน้าแย่มาก เพราะพรเพ็ญเดินมาหยุดยืนฟัง “ทีกับพวกเรากว่าจะลางานได้แต่ล่ะครั้ง พูดจนปากเปียกปากแฉะก็ยังไม่อนุญาต คุณผู้จัดการเลือกปฏิบัติชัดๆ”
ปีโป้เห็นท่าไม่ดี รีบลุกขึ้นยืน
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ” แอปเปิ้ลหน้าถอดสี ซีดทันที ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วหันไปเห็นพรเพ็ญก็แทบช็อก ปีโป้รีบออกตัว “ปีโป้ขอตัวไปเก็บรองเท้าก่อนนะคะ”
แอปเปิ้ลเหวอที่ปีโป้ทิ้ง ปีโป้รีบเดินไป ก้มหน้าก้มตาเก็บรองเท้า
“แอปเปิ้ลไปช่วยปีโป้ก่อนนะคะ”
แอปเปิ้ลรีบหันหลังจะตามปีโป้ แต่...
“อย่าเพิ่งไปอรนภา” แอปเปิ้ลเบรกเอี๊ยด หน้าแย่สุดๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้า หันมา “ฉันขอชี้แจงเรื่องที่เธอกล่าวหาว่าฉันเลือกที่รักมักที่ชัง ปฏิบัติตัวกับหฤทัยไม่เสมอภาคกับเธอ” แอปเปิ้ลพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก
“เหตุผลในการลางานของเธอแต่ล่ะครั้ง มันฟังไม่ขึ้น เธอลางานไปผ่าฟันคุดหกครั้ง” แอปเปิ้ลสะดุ้ง “ทั้งๆ ที่ฟันคุดมีแค่สี่ซี่ นั่นแสดงว่าเธอโกหก ถึงจำไม่ได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป” แอปเปิ้ลก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา “แต่กับหฤทัย เค้าไม่เคยลางานตั้งแต่เริ่มทำงานมาเป็นเวลาสองปี และการลางานของหฤทัยครั้งนี้มีเหตุผล หฤทัยต้องกลับไปช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าว” แอปเปิ้ลชะงักเงยหน้าขึ้นมามองพรเพ็ญ “ธุระของหฤทัยเป็นเรื่องจำเป็น ฉันถึงอนุญาต เข้าใจเหรอยังอรนภา”
“เออ...เข้าใจค่ะ แอปเปิ้ล ต้องกราบขอโทษคุณผู้จัดการด้วยนะคะ”
“สำนึกก็ดี แล้วก็จงอย่าอิจฉาคนอื่น ตั้งใจทำงาน อย่านินทา เพราะจะไม่เจริญ”
พรเพ็ญพูดกระแทกใส่หน้า แอปเปิ้ลจ๋อยมาก
“ค่ะ”
พรเพ็ญพูดจบก็เดินออกไป แอปเปิ้ลนิ่งครุ่นคิด
“นังห่านจะกลับไปช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าวได้ไง ในเมื่อมันเป็นเด็กกำพร้า”
แอปเปิ้ลหน้าตาสงสัยมาก
ที่สวิสเซอร์แลนด์ บื้อ ห่าน นีรนุช คุณชายเดินมาด้วยกัน
“พรุ่งนี้เราจะนั่งรถรางเพื่อไปสกีรีสอร์ท จะออกจากที่นี่ตอนเจ็ดโมงเช้านะคะ”
“ต้องแต่งตัวยังไงคะ ฮันนี่ไม่มีชุดสกีนะคะ” ห่านถามอย่างตกใจ
“คุณฮันนี่น่าจะใส่ของฉันได้นะคะ” ห่านพยักหน้า นีรนุชหันไปพูดกับคุณชาย “ส่วนแก...ทิ้งชุดไว้ในห้องฉันไว้ตั้งเยอะ จำได้รึเปล่า”
ห่านชะงัก “ทิ้งชุดไว้ในห้องฉัน” บื้อหันไปมองห่านอย่างรู้ว่าห่านเป็นอะไร
“เออ จริงด้วย” คุณชายบอก
“ให้คุณบื้อยืมใส่ด้วยก็ได้”
“โอเค”
นีรนุชกับคุณชายเดินกันไปก่อน เหลือห่านกับบื้อ ห่านยืนนิ่ง หน้าเสีย
“เป็นไร” บื้อถาม
“ใครเป็น”
ห่านรีบเดินออกไป บื้อมองห่านแล้วส่ายหน้า
รถรางแล่นลงจากเขา านกับบื้อนั่งด้วยกัน ฝั่งตรงข้ามเป็นคุณชายกับนีรนุช ห่านกับบื้อตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ระหว่างลงจากเขา
“สวยมาก”
“ใช่” บื้อหันมามองห่าน “สวยจริงๆ”
บื้อมองห่านนิ่งนาน แล้วคุณชายกับนีรนุชก็หัวเราะขึ้นมา ห่านกับบื้อหันไปมอง
“ฉันจำได้ตอนนั้นแกทำซ่าส์ ลุกขึ้นยืนแล้วก็เต้นบนรถรางจนหกล้มหน้าทิ่ม ฝรั่งขำกันกลิ้ง ฉันงี้อายมากกก”
“มิน่าพอลงรถ แกก็ทิ้งฉันเลย ใจร้าย”
“ก็แหงสิ”
“แล้วทีแกล่ะเล่นสกีวันแรก ก็ล้มหัวทิ่ม หมดสภาพเหมือนกัน”
“เฮ้ย พูดทำไม”
“โอ๋ๆ โกรธเหรอ”
“โกรธสิ”
คุณชายหยิกแก้มนีรนุช
“อย่าหน้าหงิกสิ เดี๋ยวแก่เร็วนะ”
“บ้า”
คุณชายกับนีรนุชคุยและหัวเราะกันอยู่สองคน ทำเอาห่านรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนจ๋อยมากจนต้องหันไปทางอื่น บื้อเห็นห่านสีหน้าไม่ดี ก็ครุ่นคิด
“คุณชาย คุณนุช มาถ่ายรูปกันดีกว่าครับ” บื้อชวน
“เอาสิ”
คุณชายส่งมือถือให้บื้อ
“คุณฮันนี่ไปนั่งกับคุณชายสิครับ” ห่านยังนิ่ง “ไปสิครับ ตรงนี้วิวสวยมาก” ห่านลุกเดินมาหาคุณชาย แต่เพราะรถจอดก็เลยกระตุก ทำให้ห่านนั่งตักคุณชายพอดี ห่านผงะ คุณชายชะงัก “ท่านี้เลยครับ พร้อมนะครับ”
ห่านอายๆ คุณชายเหลือบมองห่านแล้วก็ยิ้มรู้สึกดี นีรนุชยืดตัวขึ้นมาจากข้างหลัง บื้อถ่ายรูปแชะ
ส่วนที่กรุงเทพ ปีโป้มองหน้าแอปเปิ้ลด้วยความประหลาดใจ
“แสดงว่านังห่านโกหกคุณพรเพ็ญน่ะสิ” แอปเปิ้ลพยักหน้า
“ฉันจำได้ว่ามันเคยเล่าให้ฉันฟังว่ามันอยู่บ้านเด็กกำพร้าทอตะวันตั้งแต่เกิด”
“แล้วเธอรู้ได้ไง ว่านังห่านอยู่ที่นี่” แอปเปิ้ลนิ่งไปซักพัก
“ฉันกับนังห่านเคยสนิทกันมาก่อนที่เธอจะเข้ามาทำงานที่นี่”
ปีโป้นิ่วหน้ามองแอปเปิ้ลด้วยความสงสัย
2 ปีที่แล้ว แอปเปิ้ลกับห่านยืนอยู่ด้วยกัน
“ฉันชื่อแอปเปิ้ลจ๊ะ”
“ฉันชื่อห่าน”
“ชื่อห่าน ชื่อแปลกดี ใครตั้งชื่อให้เหรอ” ห่านชะงักหน้าเจื่อน
“เออ...ไม่รู้ ตั้งแต่จำความได้ ก็ได้ยินชื่อนี้แล้ว”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ฉันอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าทอตะวันน่ะ ฉันไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีญาติที่ไหน มีแต่ครูสมพรคนเดียวที่เลี้ยงดูฉันมา” แอปเปิ้ลหน้าเสีย
“ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าถาม”
“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้วกับการที่ต้องเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แต่ถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่อยากพูดถึง”
“งั้นต่อไปนี้ เราก็ไม่ต้องพูดกันเรื่องนี้อีก” ห่านยิ้มและพยักหน้า แอปเปิ้ลจับมือห่าน “ฉันดีใจนะที่เราจะได้เป็นเพื่อนร่วมงานกัน”
ห่านยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“ฉันรู้มาว่าเธอได้เป็นพนักงานขายดีเด่นหกเดือนติดต่อกัน สุดยอดเลยอ่ะ”
แอปเปิ้ลยิ้มยืด แล้วก็ทำเป็นถ่อมตัว
“ฉันไม่ได้เก่งอะไรหรอก ก็ขายของไปตามปกติน่ะ”
“เธอสอนฉันได้มั๊ยแอปเปิ้ลว่าขายของต้องขายยังไง ฉันไม่เคยขายของมาก่อน”
“ได้สิ ค่อยๆ เรียนรู้จากฉัน เผลอๆ เธออาจจะได้เป็นนักขายมือหนึ่งขึ้นมาแทนฉันก็ได้นะ”
ห่านกับแอปเปิ้ลยิ้มจริงใจให้กัน
หน้าบอร์ดประกาศของห้าง BKK Plaza รูป”แอปเปิ้ล” ถูกพรเพ็ญเอาออก กลายเป็นรูป “ห่าน” แทน มีข้อความใต้ภาพว่า “พนักงานขายดีเด่นประจำเดือน” แอปเปิ้ลเดินมาเห็นก็อึ้งตะลึง พรเพ็ญหันไปเห็นแอปเปิ้ลพอดี
“ถูกโค่นแชมป์ซะแล้วนะอรนภา”
พรเพ็ญพูดแซวแล้วก็เดินออกไป แอปเปิ้ลมองรูปห่านด้วยความโกรธแค้นมากๆ
แอปเปิ้ลจ้ำเดินหน้าง้ำกลับมา ทันทีที่ห่านเห็นแอปเปิ้ลก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับจานผลไม้ในมือ
“แอปเปิ้ล ฉันซื้อของโปรดของเธอมาให้ ถือเป็นคำขอบคุณ ที่เธอทำให้ฉันมีวันนี้”
แอปเปิ้ลปัดจานผลไม้ไปจากมือห่าน จานกระเด็นหล่นพื้น คนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว ห่านตกใจมาก
“คนทรยศ”
“เธอพูดอะไร”
“เธอหลอกให้ฉันสอนเทคนิคการขายของฉันให้เธอ เพื่อที่เธอต้องการจะเอาชนะฉันใช่มั๊ย”
ห่านเหวอ พยายามจะอธิบาย
“ไม่ใช่นะ”
แอปเปิ้ลไม่ฟัง พูดแทรกขึ้นมา
“เธอทำสำเร็จแล้วหฤทัย ขอแสดงความยินดีด้วย แต่หลังจากวันนี้ เราคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก ลาก่อน”
แอปเปิ้ลพูดจบก็จ้ำเดินออกไปทันที ทิ้งให้ห่านอึ้ง ยืนนิ่ง หน้าเหวออยู่กับที่
ปีโป้ฟังที่แอปเปิ้ลเล่าแล้วก็อ้าปากค้าง
นังห่านนี่มันร้ายกาจกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีก งั้นก็แสดงว่านังห่านโกหกเรื่องที่กลับบ้านไปทำนาน่ะสิ”
“ใช่...คราวนี้ฉันจะต้องจับโกหกมันให้ได้”
แอปเปิ้ลมีสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง
ส่าวนที่สวิสเซอร์แลนด์ บื้อกับห่านในชุดสกีเดินออกมาเจอคุณชายกับนีรนุชที่รออยู่พร้อมกับใส่ที่เล่นสกีเอาไว้แล้ว
“ใส่ได้พอดีเลยนะคะทั้งคุณบื้อคุณฮันนี่”
“ถ้างั้น เราไปเล่นสกีกันเถอะครับ”
ห่านชะงัก..นึกย้อนกลับไป
“ปกติฮันนี่และครอบครัวมักจะไปเล่นสกีกันเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วค่ะ” ห่านเหวอมาก พลางคิดในใจ “ซวยแล้ว จะเล่นได้ไง เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเล่นกะเค้าเลย” ห่านคิดๆๆ แล้วก็นึกออก ก่อนจะแกล้งร้องลั่น
“โอ๊ย”
ห่านก้มลงจับขาตัวเอง บื้อ คุณชาย นีรนุชตกใจ
“คุณฮันนี่เป็นอะไรคะ”
อยู่ๆ ก็ปวดขาขึ้นมาค่ะ สงสัยจะเล่นสกีไม่ได้แล้วล่ะค่ะ” บื้อมองห่าน รู้ว่าแกล้ง
“ปวดมากมั๊ยครับ ไปหาหมอมั๊ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ได้นั่งพักก็คงหาย คุณชายกับคุณนุชไปเล่นกันเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฮันนี่”
“แน่ใจนะครับว่าไม่ต้องไปหาหมอ”
“ค่ะ แน่ใจค่ะ คุณชายไม่ต้องห่วงฮันนี่หรอกนะคะ”
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณฮันนี่เองครับ” ห่านหันขวับไปมองบื้อ
“ฝากด้วยนะบื้อ”
“ครับ”
คุณชายกับนีรนุชเล่นสกีออกไป ห่านชะเง้อมองตามเห็นคุณชายกับนีรนุชหน้าตาเศร้าและเสียดาย ก่อนจะห่านหันมาเห็นบื้อมองอยู่
“มองอะไร”
“มองดารา ดราม่าตัวแม่”
“ก็ฉันเล่นสกีไม่เป็นนี่ยะ”
“นี่แหละน้าคนเรา พอเริ่มโกหกครั้งนึง มันก็ต้องโกหกไปตลอด โกหกอะไรเค้าไว้ก็จำให้แม่นๆ ล่ะ จะได้ไม่หลุด”
“ขอบใจย่ะที่เป็นห่วง” ห่านสะบัดหน้าพรืดหันไปมองคุณชายกับนีรนุชที่กำลังเล่นสกีด้วยกัน “คุณชายนี่เก่งสุดยอดเลยอ่ะ เท๊ห์เท่ห์ คนอะไรก็ไม่รู้ เพอร์เฟคไปซะหมด”
“ฉันว่าไอ้สกีเนี่ย มันเล่นไม่ยากหรอก”
“ทำเป็นปากดี”
“ไม่เชื่อ มาลองดูกันป่ะล่ะ ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว” ห่านมองบื้อ “มุมโน้น ปลอดคน”
ห่านตาวาว นึกสนุก
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6 (ต่อ)
”
บื้อกับห่านหันมายิ้มให้กัน แล้วห่านก็หันไปมองท้องฟ้า
“ความฝัน มันมีทั้งฝันดีและฝันร้าย แต่ไม่ว่าจะฝันยังไง ในที่สุดเราก็ต้องตื่น เพราะฉะนั้น อย่าไปกลัวอะไรที่จะฝัน” บื้อหันมาอ้าปากจะพูด ห่านหันมาจุ๊ปาก “ชู่ว์! อย่าเพิ่งปลุกฉันให้ตื่นเลยนะบื้อ ฝันดีมักจะมาในเวลาช่วงสั้นๆ เพราะฉะนั้นฉันจะขออยู่ในความฝันนี้ให้นานที่สุด”
ห่านค่อยๆ หลับตาพริ้มยิ้มหวาน บื้อมองห่านเห็นใจ แล้วก็หันไปมองท้องฟ้า สองคนนอนบนหิมะทอดอารมณ์ไปด้วยกัน
เย็นวันนั้นที่ห้าง BKK Plaza แหม่มกับเจ๊มะพร้าวเดินออกมาด้วยกัน ทันทีที่แหม่มเห็นโย่งก็ชะงัก รีบดึงเจ๊มะพร้าวให้หลบ
“อย่าเพิ่งไปเจ๊”
“ทำไม” แหม่มบุ้ยใบ้ เจ๊มะพร้าวหันไปมองโย่ง แล้วก็ยิ้ม ก่อนจะหันมา “เห็นแฟนแล้วทำไมต้องหลบด้วย”
“เจ๊อ่ะ ฉันบอกกี่ครั้งว่าเค้าไม่ใช่แฟนฉัน เอางี้นะเจ๊ เจ๊เดินไปก่อน แล้วเจ๊ก็ชวนนายโย่งคุย ฉันจะได้หลบออกไปได้”
เจ๊มะพร้าวมองไปข้างหลังแหม่ม
“เจ๊ว่าไม่ทันแล้วล่ะ”
แหม่มผงะ หันขวับไปเห็นโย่งยืนยิ้มแฉ่งก็อึ้ง
“สวัสดีครับ” แล้วโย่งยกมือกุมหัวใจพร้อมทำหน้าแหย “โอ๊ย ช่วยด้วย”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวตกใจรีบเข้ามาดูใกล้ๆ
“เป็นไรอ่ะ”
“มีใครไม่รู้มาขโมยหัวใจผม” เจ๊มะพร้าวขำก๊าก โย่งยิ้มแฉ่ง แหม่มหยิกไปที่นมโย่งเต็มแรง โย่งเจ็บมาก “โอ๊ยยย อันนี้เจ็บจริงๆ อุ๊ยยย”
“สมน้ำหน้า”
แหม่มปล่อยมือ
“ถ้าเธออยากจะฆ่าฉัน ก็ฆ่าเลย หามีดมาแทงที่หัวใจของฉันนี่ แต่แหม่มคงจะเจ็บหน่อยนะ เพราะในหัวใจของฉันมีแหม่มอยู่”
“น้องโย่ง เริดอ่ะ ฮ่าๆๆ” เจ๊มะพร้าวหัวเราะชอบใจ
“โว๊ย เลิกพูดจาน้ำเน่าซักที มันน่ารำคาญ”
แหม่มจ้ำเดินหนี โย่งจ๋อย เจ๊มะพร้าวเห็นหน้าโย่งเสียเลยรีบพูดปลอบใจ
“เค้าว่าผู้หญิงด่า แปลว่าผู้หญิงรัก อย่าเพิ่งหมดหวังนะจ๊ะน้องโย่ง”
โย่งยิ้มออกมาพร้อมทำความเคารพ
“ครับพ้ม”
เจ๊มะพร้าวเดินออกไป โย่งยิ้มอย่างมีความหวัง
แหม่ม เจ๊มะพร้าวเดินออกมาเจอแอปเปิ้ลกับปีโป้ยืนรอรถเมล์ ทั้งสี่คนมองหน้ากัน เจ๊มะพร้าวหันไปพูดกับแหม่ม
“ฉันบอกแกแล้วเห็นมั๊ยนังแหม่ม ว่าให้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าดีกว่ามายืนรอรถเมล์ เห็นยังว่าฉันพูดถูก อากาศแถวนี้ น่าอึดอัดจะตาย”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ไม่พอใจรู้ว่าเจ๊มะพร้าวแขวะ ก็เลยเดินไปเข้าใกล้
“อย่าทำเป็นปากดีไปหน่อยเลยเจ๊ น้องสุดที่รักของเจ๊กำลังจะตาย เจ๊ยังไม่รู้ตัวอีก”
“น้องสุดที่รัก”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมองหน้ากันแล้วก็คิด ก่อนจะนึกออก สองงคนพูดออกมาพร้อมกัน
“ไอ้ห่าน”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันขวับไปทางแอปเปิ้ลกับปีโป้สีหน้าสงสัย
“เกี่ยวไรกับห่านด้วย”
“ฉันรู้ว่านังนั่น ไม่ได้ลางานไปช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าว”
“ช่ายยย”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มตกใจ จนหน้าถอดสี
“ต๊ายตาย ถึงกับหน้าซีดเลยเหรอ”
“หน้าซีดฟุดๆ อ่ะ”
“พวกแกพูดบ้าอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“ไว้ฉันได้หลักฐานมาเมื่อไหร่ พวกแกก็จะเข้าใจเอง”
“ช่ายยย”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มพูดไม่ออก
“นังห่านกลับมาเมื่อไหร่ บอกให้เตรียมตัวหางานใหม่ได้เลย อ้อ หรือจะรีบโทรไปบอกตอนนี้ก็ได้นะ พอกลับมาปุ๊บ จะได้มีงานใหม่ทำ ฮ่าๆๆ” แอปเปิ้ลกอดอกหัวเราะ ปีโป้กอดอกท่าเดียวกันแล้วหัวเราะตาม
“ฮ่าๆๆ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้เดินออกไป เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันมามองหน้ากัน หน้าเสียอย่างแรง
“หรือว่าสองคนนั้นรู้แล้วว่าห่านปลอมตัวเป็นคุณฮันนี่”
เจ๊มะพร้าวเงียบ สีหน้าวิตกกังวลใจมาก
มูลนิธิเด็กทอตะวัน แอปเปิ้ลกับปีโป้นั่งตรงข้ามครูสมพร แอปเปิ้ลกับปีโป้แสร้งยิ้มจริงใจ
“หนูสองคนเป็นเพื่อนสนิทกับหฤทัยเหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ หฤทัยฝากให้หนูสองคนเอาขนมมาให้ครูค่ะ”
ปีโป้เอาขนมวางบนโต๊ะ ครูสมพรยิ้ม
“ฝากขอบใจหฤทัยด้วย แล้วก็ขอบใจหนูสองคนมากที่เป็นธุระให้ ว่าแต่ทำไมหฤทัยถึงไม่มาด้วยตัวเองล่ะจ๊ะ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้เหล่มองหน้ากัน หน้าเจ้าเล่ห์ แล้วก็หันไปมองหน้าครูสมพรพร้อมกัน
สกีรีสอร์ท คุณชายกับนีรนุชเล่นสกีมาตามทาง แล้วก็หยุดพัก คุณชายหันไปทางนีรนุช
“เป็นไง”
“ไม่ได้เล่นนานแล้ว เหนื่อยนิดหน่อย”
“ฉันไม่ได้หมายถึงสกี” นีรนุชนิ่วหน้า “ฉันหมายถึง...”
“คุณฮันนี่” คุณชายพยักหน้า “เค้าก็ดูน่ารักดี ไม่เรื่องมาก ไม่เป็นคุณหนู”
“แสดงว่าสอบผ่าน”
“จ้า...ว่าแต่จะมาถามฉันทำไมเนี่ย”
“ไม่ถามได้ไง ก็มีแกคนเดียวที่รู้จักรู้ใจฉันที่สุด”
นีรนุชมองคุณชายอึ้งๆ ไปนิด ก่อนจะเล่นมุก
“ต้องร้องไห้ป่ะเนี่ย พูดซะซึ้งเชียว” คุณชายอมยิ้ม “ว่าแต่แกเหอะ สารภาพรักคุณฮันนี่เค้าเหรอยัง”
“ไม่กล้าว่ะ ป๊อดอ่ะ”
“ป๊อดไมวะ ฉันเห็นแกกล้าไปทุกเรื่อง ทีแค่นี้ทำป๊อด”
“ก็...มันไม่รู้จะพูดยังไง”
“คิดอะไร ก็พูดไปแบบนั้น ตรงไปตรงมา ไม่เห็นต้องประดิษฐ์คำพูดให้สวยหรู ฉันแนะนำว่าแกควรจะบอกรักคุณฮันนี่ที่นี่ เพราะสวิสเป็นเมืองโรแมนติห บรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ คุณฮันนี่ไม่มีทางปฏิเสธแกแน่นอน”
นีรนุชพยักหน้าให้จับบ่าคุณชาย คุณชายมองนีรนุชแล้วก็คิด
บื้อกับห่านเดินกลับมาด้วยกัน สีหน้าอารมณ์ดีทั้งคู่
“สนุกมากเลยอ่ะ ไอ้เรือยางนั่นน่ะ”
“มันเรียกว่าเรือยางที่ไหน”
“แล้วนายรู้เหรอว่ามันเรียกว่าอะไร”
“ไม่รู้”
“โธ่...นึกว่ารู้” ห่านยิ้มแล้วก็ชะงัก เพราะเห็นหิมะติดที่ผมบื้อ บื้อกำลังจะเดิน “เดี๋ยว...” บื้อหยุดเดิน “หิมะติดผมนาย” ห่านเอามือปัดหิมะออกให้ บื้อมองหน้าห่านแล้วก็หัวใจเต้นแรงมาก เลือดสูบฉีดไปทั้งตัว ห่านมองหน้าบื้ออีกทีก็ตกใจ “ทำไมหน้าแดง”
บื้ออึ้ง รีบผละออกจากห่าน
“เออ...ก็มันร้อน”
“ห๊ะ! หิมะขนาดนี้เนี่ยนะร้อน”
บื้อกำลังจนแต้ม แล้วคุณชายกับนีรนุชก็เดินกลับมา
“ไปไหนกันมาคะ”
“ไปเล่นไอ้ที่เหมือนเรือยางกลมๆ น่ะค่ะ”
“อ๋อ Snowtubing”
“เรากลับกันเลยมั้ยครับ เพราะกว่าจะถึงร้านอาหารก็คงเย็นพอดี”
“ค่ะ”
“แต่ก่อนกลับ เราถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึกก่อนดีมั้ยคะ”
“ดีสิ”
นีรนุชเดินไปหานักท่องเที่ยวคนหนึ่งพร้อมกับยื่นมือถือให้ช่วยถ่ายรูปให้ นักท่องเที่ยวรับมือถือมา นีรนุช คุณชาย ห่าน บื้อ ยืนเรียงกันแล้วก็ยิ้ม...
“ชิดๆ กันหน่อย”
บื้อจำต้องขยับมาชิดห่าน ห่านถูกดันไปติดกับคุณชาย คุณชายกับห่านยิ้มให้กัน แล้วก็เขินๆ หันไปทางกล้อง บื้อได้แต่แอบมองห่าน จังหวะนั้นนักท่องเที่ยวถ่ายรูปพอดี...แชะ! นีรนุชเดินไปเอามือถือคืน
“Thank you”
นักท่องเที่ยวเดินออกไป ห่าน คุณชาย นีรนุช เดินไปด้วยกัน บื้อมองตามห่านแล้วก็พ่นลมหายใจออกจากปากก่อนจะเอามือจับที่หัวใจตัวเอง
“เป็นอะไรไปวะไอ้บื้อ”
บื้อส่ายหัวแล้วก็เดินออกไป
ที่กรุงเทพ รถคุณหนูจ๋าแล่นมาจอด น้อยที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ หันไปทางคุณหนูจ๋าที่นั่งข้างหลัง
“คุณหนูขา ป้าขอแวะตลาดแป๊บนึงนะคะ”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นหนูจ๋ารอป้าในรถนะคะ”
“ค่ะ”
น้อยเดินลงจากรถ ไม่นานรถก็ดับ คุณหนูจ๋าชะงัก
“รถเป็นอะไรจ๊ะ” คุณหนูจ๋าถามคนขับรถ
“ผมขอลงไปดูก่อนนะครับ”
คนขับรีบลงจากรถ คุณหนูจ๋านิ่วหน้าแปลกใจ
คนขับรถกำลังเปิดฝากระโปรงรถเพื่อเช็ค คุณหนูจ๋ามายืนข้างๆ
“หม้อน้ำแห้ง สงสัยจะรั่ว ผมต้องหาน้ำมาเติมก่อน คุณหนูจ๋ารอตรงนี้นะครับ”
คนขับรถรีบเดินออกไป คุณหนูจ๋าหันไปมองคนขับรถที่เดินออกไป พลางดูนาฬิกาข้อมือ เป็นว่าเป็นเวลา 17.20
เวลาผ่านไป นาฬิกาที่ข้อมือคุณหนูจ๋าบอกเวลา 17.50 คุณหนูจ๋าเริ่มเซ็ง หันไปมองทางที่คนขับเดินออกไป
“ไปนานจัง”
คุณหนูจ๋าถอนใจ เริ่มเบื่อ แล้วก็ตัดสินใจเดินไปอีกทาง
คุณหนูจ๋าเดินมาเจอสวนสาธารณะจึงเข้าไปเดินเล่น ชมธรรมชาติสองข้างทาง ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี แล้วก็เห็นคนกำลังให้อาหารปลา คุณหนูจ๋ามองด้วยความสนใจ
อีกด้าน โจ๊กกำลังคุยโทรศัพท์มือถือมาตามทาง
“ผมอยู่สวนสาธารณะใกล้ๆ แถวนี้แหละลุง ลุงทำธุระเสร็จก็โทรหาผมแหละกัน”
โจ๊กวางสาย เดินไปก็ชะงัก หยุดกึก เพราะเห็นคุณหนูจ๋ากำลังให้อาหารปลา โจ๊กยิ้มกว้างออกมา โจ๊กยิ้มเขินอายอยู่คนเดียว แล้วก็มองคุณหนูจ๋าอีกครั้ง ท่าทางลังเล
“จะเข้าไปทักดีมั้ยนะ อย่าดีกว่า มันดูสะเหร่อ”
โจ๊กตัดสินใจหันหลังเดินกลับออกไป
คุณหนูจ๋าที่กำลังให้อาหารปลาก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา คุณหนูจ๋าทำอาหารปลาหล่นพื้น ยกมือกุมท้อง เหงื่อผุดเต็มหน้า หน้าเริ่มซีด
โจ๊กที่เดินอยู่ก็เปลี่ยนใจ หันหลังกลับไป แต่ไม่เห็นคุณหนูจ๋าแล้ว โจ๊กนิ่วหน้าแปลกใจ มองไปรอบๆ ไม่เห็นคุณหนูจ๋า เลยตัดสินใจเดินไปที่ริมบึง แล้วก็ผงะเพราะเห็นคุณหนูจ๋าหมดสติอยู่บนพื้น
“คุณหนูจ๋า”
โจ๊กรีบเข้ามาดูคุณหนูจ๋าด้วยความเป็นห่วง
คนขับปิดฝากระโปรงเครื่องยนต์ หันไปเจอน้อยที่หิ้วถุงกับข้าวเต็มมือ สีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ทำไมไม่รู้จักเช็ครถให้เรียบร้อยก่อนออกมาห๊ะ”
“หม้อน้ำรั่ว ฉันจะไปรู้ได้ไง”
“แล้วนี่ซ่อมเสร็จหรือยัง”
“ซ่อมไม่ได้ เติมน้ำลงไปน้ำก็ซึมออกมาหมด”
ระหว่างนั้นลุงจ๊อดเดินมาเห็นน้อยเข้า ก็รีบเดินเข้ามาหา
“แม่น้อยจ๋า” น้อยหันมา “ได้ยินแว่วๆ ว่ารถเสีย ถ้าไงให้ฉันไปส่งที่บ้านมั๊ยจ๊ะ สำหรับแม่น้อย...ฟรี”
ลุงจ๊อดยิ้มพร้อมยักคิ้ว น้อยเบ้หน้า เชิดใส่ แล้วก็เปิดประตูรถ
“คุณหนูขา” คุณหนูจ๋าไม่ได้อยู่ในรถ น้อยหันมาทางคนขับ “คุณหนูจ๋าหายไปไหน”
“อ้าว ไม่ได้นั่งอยู่ในรถเหรอ”
“ถ้านั่งอยู่ แล้วฉันจะถามแกมั้ยล่ะ” คนขับเหวอ น้อยหัวเสีย “ทำไมแกไม่รู้จักดูแลคุณหนูห๊ะ ถ้าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะบอกให้คุณนายไล่แกออก”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือลุงจ๊อดดังขึ้น ลุงจ๊อดกดรับสาย
“ว่าไงไอ้โจ๊ก” ลุงจ๊อดฟังตกใจ “ห๊ะ! คุณหนูจ๋าหมดสติอยู่ที่สวนสาธารณะ”
ลุงจ๊อดหันไปมองน้อย น้อยกับคนขับตกใจ
น้อยกับลุงจ๊อดตาลีตาเหลือกเข้ามาในสวนสาธารณะ
“คุณหนูขา คุณหนู คุณหนูอยู่ไหนคะ”
ลุงจ๊อดหนวกหูเพราะน้อยมาตะโกนอยู่ใกล้ๆ
“แม่น้อย หูฉันจะแตกอยู่แล้ว เบาเสียงหน่อยได้มั้”
น้อยไม่สนใจ แหกปากต่อไป
“คุณหนู คุณหนู”
ลุงจ๊อดอยากจะบ้า แล้วก็หันไปเห็นบางอย่าง
“คุณหนูจ๋า”
น้อยหันไปมองตามเห็นโจ๊กอุ้มคุณหนูจ๋าเดินออกมาอย่างเท่ห์ น้อยกับลุงจ๊อดรีบเดินเข้าไปหา
“คุณหนู คุณหนูของน้อย”
“รีบพาไปขึ้นรถข้าก่อน เร็ว” ลุงจ๊อดบอก โจ๊กพยักหน้าอุ้มพาคุณหนูจ๋าเดินออกไป มีน้อยกับลุงจ๊อดเดินตามไปติดๆ
ที่โรงพยาบาล คุณหนูจ๋านอนหมดสติ ให้น้ำเกลือบนเตียง มีน้อยยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าเป็นห่วงมากลุงจ๊อดกับโจ๊กยืนอยู่ข้างหลัง น้อยหันมา
“โชคดีนะที่คุณหนูแค่ปวดท้องโรคกระเพาะ นี่ถ้าคุณนายรู้เข้า มีหวังฉันโดนด่าเละตุ้มเป๊ะเป็นโจ๊กแน่”
“โดนแน่อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่รู้จักดูแลลูกเจ้านาย มัวแต่ไปเดินตลาด” ลุงจ๊อดต่อว่า
“ฉันขอโทษ”
“ให้อภัย” น้อยชะงัก
“แกจะมาให้อภัยฉันทำไมห๊ะไอ้จ๊อด” ลุงจ๊อดสะดุ้งพร้อมยิ้มแหย น้อยค้อนตาแทบกลับ “แกนี่มันเนียนได้ตลอดจริงๆ” น้อยหันไปทางโจ๊ก “ขอบใจเธอมากนะ ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ถ้างั้นเราก็กลับกันได้แล้ว คุณหนูจ๋าจะได้พักผ่อน”
โจ๊กพยักหน้า หันไปไหว้น้อย น้อยรับไหว้แล้วหันไปดูคุณหนูจ๋า ลุงจ๊อดขยับตัวเดินออกไป แต่โจ๊กยังมองคุณหนูจ๋าสีหน้าเป็นห่วง ลุงจ๊อดหันมาเห็นก็กระแอม โจ๊กผงะ แล้วก็เดินออกไปกับลุงจ๊อด
ที่สวิสเซอร์แลนด์ บื้อ ห่าน คุณชาย นีรนุชอยู่ในร้านอาหาร คุณชายเอาพิซซ่าให้ห่าน
“ขอบคุณค่ะ” บื้อกับนีรนุชนั่งด้วยกัน คุณชายกับนีรนุชหันมาขยิบตา ส่งซิกให้กัน “เอ้อ...” คุณชายหันไปทางนีรนุช “แกเคยบอกว่าพ่อแกขอแม่แกแต่งงานที่นี่ใช่ป่ะ”
ห่านกับบื้อมองด้วยความสนใจ
“ใช่”
“ฟังดูโรแมนติกจังเลยนะคะ” ห่านบอกอย่างตื่นเต้น
“คุณฮันนี่กับคุณบื้ออยากไปดูสถานที่ที่พ่อฉันขอแต่งงานแม่ฉันมั๊ยคะ”
“อยากค่ะ”
ห่านรีบตอบ นีรนุชยิ้ม แล้วก็หันไปลอบมองคุณชาย ประมาณว่าแผนสำเร็จ บื้อแอบถอนใจ
นีรนุชพาบื้อ ห่าน คุณชายเข้ามาในโบสถ์ ห่านหันไปทางนีรนุช
“ที่นี่เหรอคะที่พ่อของคุณนุชขอแม่คุณนุชแต่งงาน”
ค่ะ เค้าว่ากันว่าถ้าใครได้มาแต่งงานกันที่โบสถ์เซ้นต์วินเซ้นต์แห่งนี้ จะทำให้ครองรักกัน ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
ห่านทำหน้าซาบซึ้ง บื้อหันไปมองห่าน คุณชายหันมามองห่าน แล้วห่านก็หันมาทางคุณชาย คุณชายรีบหันไปทางนีรนุชทันที
“เอาไว้ฉันจะพาคนรักของฉันมาแต่งงานที่นี่”
คุณชายกับนีรนุชยิ้มให้กัน
“ทำเป็นพูด มีแล้วเหรอ “คนรัก” น่ะ” นีรนุชแกล้งถาม
“มีแล้วน่ะสิ”
คุณชายมองนีรนุชด้วยสีหน้าตื่นเต้น ทำให้ห่านเข้าใจว่าสิ่งที่คุณชายพูดหมายถึงนีรนุช บื้อเองก็เข้าใจแบบนั้นเหมือนกัน เลยอดเป็นห่วงห่านไม่ได้
“ใครอ่ะ บอกได้ป่ะ อยากรู้จัง”
คุณชายยิ้มเขินกับนีรนุช
“อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้”
ห่านยิ่งมั่นใจว่าคุณชายชอบนีรนุช ห่านถึงกับทนไม่ไหว
“จะสารภาพรักกัน ก็ไปสารภาพรักกันสองคนสิ จะมาพูดต่อหน้าเราทำไม” ห่านคิดในใจแล้วหันไปมองทางอื่น คุณชายหันมามองห่านอย่างมีความหมาย
“ตายจริง ฉันนึกได้ว่ามีธุระคงต้องขอตัวก่อน” นีรนุชทำเป็นเพิ่งนึกขึ้นได้ คุณชายพยักหน้า นีรนุชหันไปทางบื้อ
“คุณบื้อคะ เดินไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั๊ย”
“ครับ” บื้อตอบรับอย่างงๆ
บื้อหันไปมองห่านด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง แล้วก็เดินออกไปกับนีรนุช เหลือคุณชายกับห่านสองคน คุณชายมีท่าทางเขินๆ พลันเสียงมือถือดังขึ้น คุณชายกดรับสาย
“Ok I’ll be there in a second” คุณชายวางสายหันมาทางห่าน “คุณฮันนี่รอผมตรงนี้ซักครู่นะครับ”
ห่านไม่ตอบ คุณชายเดินออกไป ห่านหันไปมองตามแล้วก็คิด
คุณชายกำลังรับดอกไม้จากมือคนส่งและจ่ายเงิน ด้านหลังเห็นห่านเดินออกมาจากในโบสถ์ ห่านไม่เห็นคุณชาย และคุณชายก็ไม่เห็นห่าน
คนส่งดอกไม้ทอนเงินให้คุณชาย คุณชายรับเงินมาเก็บ มองดอกไม้สีหน้ามีความหวัง แล้วก็เดินกลับเข้าไปในโบสถ์
คุณชายเดินเข้ามาในโบสถ์ แต่ไม่เห็นห่านก็ตกใจ
“คุณฮันนี่”
นีรนุชกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณชายสีหน้าตกใจ
“ว่าไงนะ คุณฮันนี่หายไป” บื้อได้ยิน ก็รีบวิ่งออกไปทันที นีรนุชหันไปเห็นบื้อวิ่งไปก็แปลกใจ “คุณบื้อ คุณจะไปไหน”
นีรนุชมีสีหน้ากังวลใจมากๆ
บื้อวิ่งตามหาห่าน สีหน้ากังวลใจ เป็นห่วงห่านสุดๆ
“ยัยบ้าเอ๊ย ไปไหนของเธอเนี่ย”
บื้อรีบเดินไปอีกทาง
นีรนุชกลับเข้ามาหาคุณชาย
“ทำไมคุณฮันนี่ถึงหายไป”
“ฉันไม่รู้ ฉันบอกให้คุณฮันนี่รอ พอออกมาก็หายไปแล้ว ฉันลองออกไปหารอบๆ โบสถ์ก็ไม่เจอ”
“ฉันว่าคุณฮันนี่คงยังไปไหนไม่ไกลหรอก เราไปตามหากัน”
คุณชายพยักหน้าแล้วรีบออกไปนีรนุช โดยทิ้งช่อดอกไม้ไว้บนเก้าอี้
จบตอนที่ 6
อ่านต่อตอนที่ 7 พรุ่งนี้ เวลา09.30น.