ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 1
ห่านเดินด้วยความสง่างามบนถนน เธอทำตัวเหมือนเดินอยู่บนแคทวอล์คจนคนที่เดินอยู่ริมถนนหันไปมองห่านเป็นตาเดียว ผู้ชายก็ถึงกับสะดุดพื้นเพราะตะลึงในความสวยของห่าน ห่านยิ้มมีความสุข หันไปทางไหนก็มีแต่คนมองเธอด้วยสายตาที่ชื่นชม
ห่านหยุดเดินตรงริมถนน สีหน้ามีความสุขสุดๆ ทั้งที่ความจริงห่านกำลังหลับตาพริ้มฝันหวาน ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ เสียงรถเมล์จอดเอี๊ยดทำห่านตื่นจากภวังค์ เข้าสู่โลกความเป็นจริงที่แสนจะวุ่นวาย ห่านใส่แว่นสายตา รวบผม ใส่ชุดพนักงานห้าง ดูฟ้ากับเหวกับความฝันเมื่อตะกี๊ ห่านเซ็งทันที
“หึ้ย! กำลังฝันเพลินๆ อารมณ์เสีย” ผู้คนมากมายเบียดเสียดกันขึ้นรถเมล์ ทำให้ห่านโดนชนกระเด็น ห่านโมโหมาก “ไม่เห็นคนเหรอไง ชนมาได้ บ้าเอ๊ย”
ห่านหมดกันสภาพของไฮโซกลายเป็นโลโซไปในบัดดลแล้วห่านก็เบียดแย่งคนอื่นขึ้นรถเมล์ได้สำเร็จ รถเมล์แล่นออกไป
บนถนนที่รถกำลังติดยาวมีจักรยานสองคันแล่นมาระหว่างรถที่จอดติด จักรยานสองคันซิกแซกไปมาตามทางด้วยความคล่องแคล่ว บื้อ...ใส่หมวกกันน็อกกับแว่นดำกำลังขี่จักรยานคันหนึ่ง บื้อหันไปมองโย่ง ที่ใส่หมวกกันน็อกกับแว่นดำที่ขี่จักรยานมาขนาบข้าง สองคนเหมือนกำลังแข่งกัน แต่ไม่นานรถจักรยานทั้งสองคันก็ขี่มาเกาะท้ายรถกระบะที่กำลังแล่นคันหนึ่ง
ห่านหน้าเหยเก ยืนตัวลีบเบียดเสียดอยู่กับฝูงชนบนรถเมล์ หัวห่านอยู่ใกล้วงแขนของชายคนหนึ่งที่เสื้อชุ่มไปด้วยเหงื่อ ห่านแทบขย้อนออกมาเพราะกลิ่นเต่าอันอบอวลของชายคนนั้น ห่านรู้สึกสังเวชตัวเองอย่างที่สุด
ทันใดนั้นรถเมล์กระตุกสองสามครั้งก่อนจะหยุดนิ่ง ทุกคนในรถพากันตกใจ ต่างพูดกันว่า “เกิดอะไรขึ้น” กระเป๋ารถเมล์ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้พลางตะโกนดังลั่น
“รถเสีย”
ห่านสุดเซ็ง ผู้โดยสารคนอื่นพากันหัวเสีย
ห่านกับผู้โดยสารคนอื่นพากันออกมายืนด้านนอก รถเมล์เสียอยู่กลางสะพาน
“รอรถคันใหม่ กว่าจะมา ไปสายชัวร์ ฮึ่ย”
ห่านบ่นอุบแล้วหันซ้ายหันขวา เซ็งๆ ก่อนจะตัดสินใจจ้ำเดินลงสะพานไปคนเดียว
บื้อกับโย่งปล่อยมือจากรถกะบะที่เลี้ยวไปอีกทาง สองคนขี่จักรยานขึ้นมาบนสะพาน แต่โย่งแซงหน้าบื้อไปก่อน โย่งหันมาเยาะเย้ย แล้วก็ปั่นไปด้วยความเร็ว บื้อไม่ยอม รีบปั่นจักรยานตามไปด้วยความเร็วสูง
ห่านเดินลงมาจากสะพาน ปากยังบ่นไม่หยุด
“ร้อนก็ร้อน เดี๋ยวเป็นฝ้าพอดี” ห่านเปิดกระเป๋าหาของ “ครีมกันแดดอยู่ไหนเนี่ย?”
ห่านเดินลงมาจากสะพาน จักรยานโย่งแล่นผ่านเธอไป ห่านไม่ได้สนใจเพราะกำลังหาครีมในกระเป๋า
ด้านหลังห่านเห็นบื้อโผล่ขึ้นมาตรงกลางสะพาน ห่านเจอครีมทากันแดดแต่กลับทำหล่นพื้น บื้อกำลังปั่นจักรยานลงสะพาน มีรถแล่นตามบื้อ พร้อมบีบแตรไล่ ทำให้บื้อต้องหักหลบ แล้วก็เห็นห่านก้าวออกมาเก็บครีมกันแดดบนพื้นพอดี บื้อตกใจมากจะเบรก แต่เบรกไม่อยู่ บื้อตกใจ ตะโกนบอกห่าน
“เฮ้ย หลบ”
ห่านหันขวับไปเห็นจักรยานที่บื้อขี่พุ่งมาจากสะพานด้วยความเร็วสูง ห่านตาเหลือกกรี๊ดลั่น
“อ๊ายยย”
บื้อบังคับรถจักรยานไม่อยู่ แหกปากไม่หยุด
“เวย”
บื้อหักหลบแต่จักรยานก็เฉี่ยวโดนห่านจนได้ ห่านเสียหลัก แต่พยายามทรงตัวบนรองเท้าส้นสูง เซไปเซมา แต่ก็ทรงตัวไม่อยู่ ส้นรองเท้าหัก ห่านล้มก้นจ้ำเบ้าหมดสภาพ
“โอ๊ย” ห่านจับข้อเท้าตัวเอง ก่อนจะหันไปเห็นหลังบื้อที่ขี่จักรยานไปไกลแล้วด้วยความโมโหสุดๆ “ไอ้บ้า”
ห่านหัวเสีย ฮึดฮัดมากมาย
ห่านเดินกะเผลกนิดหน่อยมาหาเจ๊มะพร้าวกับแหม่มที่รออยู่ด้านหลังห้างสรรพสินค้าBKK Plaza
“นังห่าน มาซะฉิวเฉียด รีบไปตอกบัตรกันเร็ว”
เจ๊มะพร้าวจะพุ่งตัวนำไป ห่านเตรียมพุ่งตาม แต่แหม่มคว้าแขนห่านไว้
“เดี๋ยว”
“อะรายย เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”
“ทำไมวันนี้แกเตี้ยผิดปกติ” แหม่มถามห่านแล้วมองปร๊าดอย่างสังเกต ก่อนที่สายตาจะมาสะดุดหยุดที่เท้าห่าน “ไม่ใส่ส้นสูง ได้ไงอ่ะ” แหม่มตกใจมาก “ไอ้ห่านไม่ได้ใส่ส้นสูง”
“อู๊ย...นังแหม่ม แค่นังห่านมันไม่ได้ใส่ส้นสูง ทำเสียงยังกะมันท้องไม่มีพ่อ”
“โห...แรง” ห่านกับแหม่มบอกออกมาพร้อมกัน
“เฮ๊ย แต่ที่ไอ้ห่านมันไม่ใส่ส้นสูงนี่ก็น่าตกใจพอๆ กับมันท้องไม่มีพ่อนะเจ๊” แหม่มบอก
“ขอบใจ” ห่านประชด
“เออ...ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นวะห่าน”
ห่านนึกแล้วก็หงุดหงิด
“โอ๊ย...เรื่องมันสั้นแต่เซ็ง เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง “
เจ๊มะพร้าว แหม่ม มองหน้ากัน แล้วก็มองหน้าห่าน...อะไรของมัน
ห้องล็อคเกอร์พนักงานหญิงของห้างสรรพสินค้าBKK Plaza บรรยากาศก่อนเริ่มงาน แอปเปิ้ลกำลังแต่งหน้า มีปีโป้คอยก็อปการแต่งหน้าของแอปเปิ้ล พนักงานห้างผู้หญิงคนอื่นก็กำลังแต่งหน้า แต่งตัว แอปเปิ้ลส่องกระจกที่ติดอยู่ด้านในประตูล็อคเกอร์ เช็คความสวยของตัวเองอย่างมั่นใจ
ด้านหลังห้างสรรพสินค้า ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มกำลังทยอยตอกบัตรร่วมกับพนักงานคนอื่น
“ตกลงที่แกหน้าบูดเป็นตูดห่านเนี่ย เพราะโดนรถเฉี่ยวหรือเพราะรองเท้าสุดเลิฟของแกส้นหักห๊านังห่าน”
“ทั้งสองอย่างแหละเจ๊”
“เอาน่า ถือว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน เผื่อร้ายจะกลายเป็นดี จักรยานเฉี่ยว ส้นหัก อาจได้พบรักแท้”
“เกี่ยวกันมั้ยเนี่ยเจ๊”
“ก็ไม่เกี่ยว แต่เจ๊อยากพูดให้แกหายเซ็ง เพราะเราไม่ชอบเห็นแก เห็นห่านเหี่ยวๆ ใช่มั้ยนังแหม่ม”
“ใช่ ที่สุด”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มยิ้มให้ห่าน ห่านส่ายหัว ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ บนความซวยเล็กๆ ก็ยังมีเพื่อนน่ารัก
ประตูทางเข้าหลังห้างสรรพสินค้า BKK Plaza โย่งในชุดรปภ. ยืนตัวตรง ทำความเคารพพนักงานทุกคนที่เดินเข้ามาทางประตู
“สวัสดีครับพ้ม”
โย่งบอกด้วยน้ำเสียงแข็งขันและดังฟังชัด ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มเดินมาตอกบัตรแล้วก็เดินตามพนักงานคนอื่นจะเข้ามาในห้าง ผ่านหน้าโย่ง
“สวัสดีครับพ้ม”
ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มตกใจพร้อมกัน
“ว๊าย”
“น้องโย่งจ๋า วันหลังไม่ต้องพูดเสียงดังฟังชัดขนาดนี้ก็ได้ พวกพี่ตกใจกันทู้กกกกที” โย่งยิ้มแหย
“ครับพ้ม” โย่งบอกเสียงดังอีก สามสาวสะดุ้ง แหม่มมองโย่งแล้วก็ส่ายหัวก่อนจะกระซิบห่านกับเจ๊มะพร้าว
“ใครได้หมอนี่เป็นแฟน คงต้องหูตึงเข้าซักวัน”
สามสาวขำๆ แล้วก็เดินเข้าไป โย่งเหลือบตามองแหม่มอย่างแอบรัก ก่อนจะทำความเคารพพนักงานคนต่อไปที่เดินเข้ามา
“สวัสดีครับพ้ม”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวเพิ่งเปลี่ยนชุดพนักงานเสร็จ พอหันไปก็เจอ แอปเปิ้ล ปีโป้ เดินมา แอปเปิ้ลปรายตามองห่าน แหม่มและเจ๊มะพร้าวด้วยสายตาเหยียดๆ
“ปีโป้ เธออย่าเอาเยี่ยงย่างพวกทำงานเช้าชามเย็นชามนะ”
“ยังไงเหรอแอปเปิ้ล”
ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มหันไปมองแอปเปิ้ลอย่างรู้ว่ากำลังโดนแขวะ
“ก็แบบว่า เริ่มงานตรงเวลา เลิกงานตรงเวลา ทำงานแบบเนี้ยไม่มีวันเจริญหรอก”
“ยังไงเหรอแอปเปิ้ล เริ่มตรงเวลา เลิกตรงเวลา ก็ถูกแล้วนี่” ปีโป้ถาม
“จะถูกยังไงล่ะ มันต้องอย่างฉัน เข้างานก่อนเวลา ทำงานล่วงเวลา แบบเนี้ยถึงจะเป็นยอดคน”
“ยอดคนจอมชะเลียน่ะสิ” ห่านพูดลอยๆ
“แกว่าใคร” แอปเปิ้ลถามเสียงเข้ม
“เค้าว่าเธอ” ปีโป้บอก
“ไม่ได้ถาม ไม่ต้องตอบ...แกว่าใครนังห่าน“
“ว่าเธอแหละนังแอ๊บ”
“แอปเปิ้ล”
“อ้าว ไม่ใช่แอ๊บเฉยๆ เหรอ เพราะเห็นหน้าแล้วมันรู้สึกว่า “แอ๊บ” อ่ะ”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มขำกิ๊ก ปีโป้เผลอขำด้วย แอปเปิ้ลหันมาตวาด
“นังโป้”
“จ้ะ เพื่อนแอ๊ป”
“นังโป้”
“จ้ะ เพื่อนแอ๊ป”
แอปเปิ้ลกำลังจะเล่นงานสามสาว แต่แล้วเสียงออดเข้างานก็ดังขึ้น ทั้งหมดหันขวับไปดูนาฬิกา ได้เวลาประจำแผนก
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“ไม่รับฝากเว๊ย” ห่านบอก
แอปเปิ้ล ปีโป้เดินออกไป ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มรีบตามออกไป
พรเพ็ญ ถือโทรโข่งในมือ กำลังตรวจความเรียบร้อยของหน้าตา ทรงผม การแต่งกายของพนักงานแต่ล่ะคน เริ่มจากแอปเปิ้ลและปีโป้ พรเพ็ญมองแอปเปิ้ลตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นความเนี๊ยบทั้งเสื้อผ้า หน้าผม และรองเท้า
“ดีมากอรนภา เสื้อผ้า หน้า ผม รองเท้า เพอร์เฟคหาที่ติไม่เจอ ผ่าน”
แอปเปิ้ลไหว้นอบน้อม
“ขอบพระคุณค่ะคุณผู้จัดการ”
แอปเปิ้ลหันไปมองห่านเยาะๆ แล้วก็เดินออกไป พรเพ็ญหันไปตรวจปีโป้ ก้มมองเห็นรองเท้าก็ชะงักเพราะสภาพเยินมาก
“ลักษณะนี้พรเพ็ญคิดว่า...” พรเพ็ญยกโทรโข่งขึ้นมาพูดเสียงตะคอก “เน่ามาก” ปีโป้สะดุ้งตกใจ ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มแอบขำ พรเพ็ญยังพูดใส่โทรโข่ง “จินตนา เธอเป็นพนักงานแผนกรองเท้า แต่กลับใส่รองเท้าสภาพเยิน แล้วลูกค้าจะเชื่อถือมั๊ยห๊ะ ไปเปลี่ยนรองเท้าเดี๋ยวนี้”
ปีโป้โค้งพร้อมกัน
“รับทราบค่ะผู้จัดการ”
ปีโป้กับแอปเปิ้ลรีบออกไป พรเพ็ญหันมา ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน พรเพ็ญมาตรวจความเรียบร้อยของแหม่มเห็นแหม่มหัวฟูก็บ่น
“ปิยะพร จะฟูไปไหนเนี่ย ผมรึว่าฝอยขัดหม้อ”
“โห...จะให้ทำไงล่ะคะ กรรมพันธุ์นี่คะ พ่อก็ฟู แม่ก็ฟู ถ้าหนูไม่ฟูนี่ ครอบครัวร้าวฉานเลยนะคะคุณผู้จัดการ”
“อืมม์...ก็จริง แต่ก็มัดผมให้มันเรียบร้อยกว่านี้หน่อย”
“ค่ะ” แหม่มจ๋อย พรเพ็ญหันไปเช็คเจ๊มะพร้าว
“สมรศรี ขนตารึว่าไม้กวาด”
“ขอบคุณค่ะคุณผู้จัดการ ไม้กวาดค่ะ” เจ๊มะพร้าวบอกแล้วสะดุ้ง “เย้ย! แหม...คุณผู้จัดการขา สมรศรีขายเครื่องสำอางนะคะ มันก็ต้องจัดเต็มจัดแน่นเป็นการดึงดูดลูกค้า”
พรเพ็ญถอนใจ พยักหน้าหงึกๆ
“ผ่าน”
“ขอบคุณค่ะคุณผู้จัดการ”
พรเพ็ญเดินมาตรงหน้าห่าน ห่านยืนตัวเกร็ง
“จืดชืด ซูบซีดยังกะคนป่วย” ห่านผงะ “ทาสีปากให้สดใส ที่นี่ห้างสรรพสินค้า ไม่ใช่โรงพยาบาล”
“ค่ะคุณผู้จัดการ”
ระหว่างนั้นบื้อวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายืนข้างห่าน พรเพ็ญหันไปมอง ทำให้ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มหันไปมองตามด้วยอีกคน ห่านกระซิบถามเจ๊มะพร้าว
“ใครอ่ะเจ๊ ไม่คุ้นหน้าเลย”
“น้องบื้อ มาใหม่ แผนกชุดชั้นในชาย”
“อยู่แผนกชุดชั้นในชายเนี่ยนะ? หน้าตาไม่ให้เลยอ่ะ”
พรเพ็ญกำลังตรวจบื้อ มองบื้อไม่ชอบใจ บื้อยืนนิ่งมาก
“ลักษณะนี้พรเพ็ญคิดว่า...” พรเพ็ญยกโทรโข่งมาตะคอก “รกรุงรังหยั่งกับคนป่า” บื้อสะดุ้ง แสบแก้วหูสุดๆ ห่านขำพรวดออกมาเสียงดัง พรเพ็ญกับบื้อหันไปมอง ห่านรีบปิดปาก บื้อมองห่านไม่ค่อยพอใจ “ฉันไม่ว่าถ้าเธอจะไว้ผมยาว เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้าจะทำงานที่นี่ก็ต้องมัดให้เรียบร้อย อย่าให้มีผมตกลงมาซักเส้น ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เธอเซ็นใบตักเตือน”
“ครับ” พรเพ็ญหรี่ตามอง บื้อนึกได้ “รับทราบครับคุณผู้จัดการ”
พรเพ็ญพอใจ แล้วก็หันมามองทุกคนทั่วๆ พร้อมกับยกโทรโข่งขึ้นมาพูด
“และต่อไปถึงช่วงเวลาสำคัญ....Excercise MUSIC”
เสียงเพลงดังขึ้น พรเพ็ญวางโทรโข่งแล้วนำออกกำลัง ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่ม บื้อ ปีโป้ แอปเปิ้ลและพนักงานคนอื่นออกกำลังกายตามพรเพ็ญในท่าง่ายๆ สบายๆ
ด้านนอกห้างสรรพสินค้าBKK Plaza รปภ.เปิดประตู พร้อมกับยืนไหว้ลูกค้าที่กำลังทยอยหันเดินเข้ามาในห้างฯ ทั้งชาย หญิง ลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่ หนุ่มสาววัยทำงาน วัยรุ่นฯลฯ พนักงานห้างฯ คอยให้การต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ/ ยินดีต้อนรับค่ะ ยินดีต้อนรับครับ”
ที่แผนกรองเท้า เท้าอวบอูมกำลังพยายามยัดเข้าไปในรองเท้าส้นสูงไซส์เล็ก เจ๊ร่างอ้วนกำลังจริงจังกับการใส่รองเท้า โดยมีห่านยืนสีหน้าไม่สบอารมณ์ ในที่สุดห่านก็ทนไม่ได้
“ขอประทานโทษนะคะคุณลูกค้า น้องว่าเบอร์เจ็ดไม่น่าจะเข้ากับขนาดเท้าของคุณลูกค้านะคะ เท่าที่น้องดู เท้าของคุณลูกค้าน่าจะอยู่ที่ราวๆ เบอร์เก้า”
เจ๊อ้วนฉุนกึกลุกขึ้นยืน
“อย่ามารู้ดี ฉันเป็นเจ้าของเท้า ทำไมฉันจะไม่รู้เบอร์รองเท้าตัวเอง” เจ๊อ้วนชี้ไปที่รองเท้าแบบอื่น “เอาแบบนั้นมาให้ฉันลองด้วย”
ห่านเอารองเท้าหลายแบบเบอร์เจ็ดมาให้เจ๊อ้วนลอง...ลอง..ลอง..และลอง แต่เจ๊อ้วนก็ยังใส่ไม่ได้ จนห่านเหนื่อย
“ทำไมถึงใส่ไม่ได้ซักคู่” เจ๊อ้วนเงยหน้ามองห่าน “มาช่วยฉันใส่สิ”
ห่านเซ็ง แต่ก็ได้แต่ยิ้ม จำต้องอดทนนั่งลงไปช่วยเจ๊อ้วนใส่รองเท้า ห่านพยายามยัดเท้าอ้วนเข้าไปในรองเท้าให้ได้ จนเจ๊อ้วนเจ็บ
“โอ๊ย! เจ็บนะยะ นี่กะจะยัดให้เท้าฉันหักเลยเหรอไง”
เจ๊อ้วนหัวเสีย สะบัดเท้าอย่างแรง ทำให้รองเท้ากระเด็นโดนตัวห่านที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า ห่านกำมือแน่นด้วยความโมโห
ความอดทนของห่านขาดผึง ห่านลุกขึ้นยืนเท้าเอวทันที
“อีช้างน้ำ! ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอไง มีอย่างที่ไหนมาสะบัดรองเท้าใส่หน้าคนอื่น ถือว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์วิมานหรือไงยะ หนอย...ฉันอุตส่าห์ช่วยวิ่งวุ่นหยิบรองเท้าให้แกยัดใส่จนหน้ามัน หัวยุ่งไปหมดแล้ว จะขอบคุณซักคำยังไม่มี แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ เท้าอืดๆ ของหล่อน ใส่รองเท้ายี่ห้อหรูเลิศขนาดไหนก็ทำให้ดูดีขึ้นมาไม่ได้หรอก”
เจ๊อ้วนปรี๊ดแตก
“อร้ายย แกกล้าดียังไงมาด่าลูกค้าอย่างฉัน”
เจ๊อ้วนหยิบรองเท้าขึ้นมาจะตบ ห่านฉวยรองเท้าบนพื้นขึ้นมาเงื้อเอาไว้เหมือนกัน
“มา เข้ามา แม่จะตบให้ผอมเลย”
เจ๊อ้วนกับห่านเปิดศึกตบรองเท้ากันกลางห้างฯ พนักงาน ลูกค้า ต่างหยุดมองด้วยความสนใจ ห่านกับเจ๊อ้วนตบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งจิกแขน ทึ้งผม นัวเนียกันไปหมด แล้วในที่สุดเจ๊อ้วนก็เหยียบกองรองเท้าจนหลายหลังล้มหงายไปบนพื้น
ห่านได้ทีขึ้นคร่อม เอารองเท้าตีกระหน่ำไม่ยั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความคิด ห่านนั่งทำหน้าเซ็ง
“เฮ้อ...มันก็ทำได้แค่ในความฝันเท่านั้นแหละว้า เพราะยังไงลูกค้าก็คือพระเจ้า”
ระหว่างนั้นเองเจ๊อ้วนก็เดินมาตรงหน้าห่าน ห่านตกใจ สะดุ้งโหยง จำได้ รีบลุกขึ้นยืน
“คุณลูกค้า”
เจ๊อ้วนยื่นรองเท้าไปจนเกือบจะกระแทกหน้าห่าน
“มันกัดเท้าฉัน”
“สมน้ำหน้า ก็บอกแล้วว่ามันเล็ก ก็ไม่ฟัง” ห่านคิดอยู่ในใจ
“ฉันจะคืน”
ห่านทำหน้าเจ้าเล่ห์
“อ๋อ ได้เลยค่ะ ทางเรายินดีบริการเต็มที่นะคะ แต่บังเอิ๊ญดิฉันต้องไปพบผู้จัดการ เอางี้นะคะ ถ้ายังไงเอาเข้าไปเปลี่ยนที่แผนกรองเท้าได้เลย ไปหาพนักงานที่ชื่อแอปเปิ้ลกับปีโป้นะคะ” เจ๊อ้วนฟังแล้วก็เชิดใส่ก่อนจะเดินออกไป ห่านยิ้มมุมปาก “เจอลูกค้าเรื่องมากแบบนี้ นังแอ๊ปแบ๊วกับนังปลากะโห้ตายแน่...ฮึฮึฮึ”
ที่แผนกชุดชั้นในชาย บื้อยืนหาวอย่างเซ็ง
“สวัสดีครับ แผนกชุดชั้นในชาย ยินดีต้อนรับครับ”
บื้อยืนอยู่ข้างหุ่นผู้ชายใส่กางเกงในลายเสือ เสียงสุรเดชดังขึ้น
“น้องบื้อ”
บื้อหันไปเห็นสุรเดช ชายหนุ่มวัยกลางคน รูปร่างอ้อนแอ้นท่าทางสำอางเกินชาย เดินเข้ามา
“สวัสดีครับพี่สุรเดช”
สุรเดชรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายตรงหน้าบื้อ
“อย่าเรียกชื่อเต็มจ้ะ แสลงใจ เรียกพี่สุก็พอ”
“วันนี้พี่สุจะรับอะไรดีครับ”
สุรเดชยิ้มปลื้ม หันไปเอานิ้วเกี่ยวขอบกางเกงในลายเสือที่หุ่นโชว์
“เอาลายนี้หนึ่งโหลจ๊ะ”
สุรเดชกัดปากพร้อมดีดขอบกางเกงในเสียงดังแปะ! ทำเอาบื้อสะดุ้ง
“เพิ่งซื้อยกโหลไปเมื่อวานนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
“มันก็ใช่ พี่ยังไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ แต่พอมาเห็นหน้าน้องบื้อทีไร พี่ก็อยากช่วยอุดหนุน ถ้าน้องบื้อทำยอดสูงๆ ก็จะได้เปอร์เซ็นต์ด้วยใช่มั๊ย”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“ก็นั่นน่ะสิ บอกให้ลาออกมาทำงานบริษัทออร์กาไนซ์เซอร์ของพี่ก็ไม่ยอมมา หน้าตาหล่อแบบน้องบื้อ” สุรเดช ส่งตาหวาน “พี่จะปลุกปล้ำ...” บื้อสะดุ้ง “เอ๊ย ปลุกปั้นให้ดังเป็นพลุแตกเอง
บื้อรีบถอยห่างพร้อมเปลี่ยนเรื่อง
“เออ...ผมไปเอาสินค้าให้พี่สุก่อนนะครับ”
บื้อรีบเดินออกไป สุรเดชมองตามบื้อสีหน้าปลาบปลื้มมีความสุข
บื้อเดินเข้ามาในห้องอาหาร ทำเอาพนักงานสาวน้อยสาวใหญ่ต่างหันไปมองบื้อเป็นตาเดียว แล้วซุบซิบกัน
“นั่นไงพนักงานคนใหม่แผนกชุดชั้นในชาย”
“แน๊วแนวอ่ะแก เป็คเลย แต่น่าเสียดาย ทำไมถึงไปขายกางเกงลิง”
“นั่นสิ หล่อเซอร์แบบนี้ น่าจะอยู่แผนกเครื่องดนตรีหรือไม่ก็แผนกกีฬา” พนักงานสาวแอบทำท่าฟิต อัพแอ๊นด์ดาวน์ ขำกันคิกคัก
บื้อเดินผ่านโต๊ะสามสาว สามสาวส่งยิ้มหวานให้ แต่บื้อไม่สน เดินผ่านไป ทำเอาสามสาวหุบยิ้มแทบไม่ทัน บื้อ เดินออกไป ห่าน เจ๊มะพร้าวและแหม่มเดินยกถาดอาหารมานั่งที่โต๊ะ
“วันนี้เจ๊เฮงมาก ขายเครื่องสำอางชุดใหญ่ให้กะเทยนางหนึ่งได้สำเร็จ ชีอยากสวย พอเจ๊แนะนำอะไร ชีก็เชื่อ ซื้อเรียบ” เจ๊มะพร้าวบอก
“แหม่มก็ขายชุดได้ตั้งสามชุดแน่ะเจ๊ ราคาเต็มด้วยนะ ไม่ใช่ของ Sales”
ห่านฟังแล้วก็ได้แต่เซ็ง ทั้งหมดเดินถึงโต๊ะแล้วก็นั่งลง
“แกล่ะห่าน ขายได้กี่คู่”
“ไม่ได้ซักคู่ เจอแต่ลูกค้าเรื่องมาก” ห่านเห็นปีโป้กับแอปเปิ้ลเดินมาก็คันปากยิกๆ “ไงจ๊ะแอ๊บ...เปิ้ล วันนี้มีคนเอารองเท้ามาเปลี่ยนรึเปล่า”
“มี”
ห่านลุกขึ้นยืน มั่นใจว่าแอปเปิ้ลโดนอีเจ๊นั่นเหวี่ยงมาแน่
“น่าเห็นใจจังเลยนะ คงเจอลูกค้าเหวี่ยงใส่ล่ะสิท่า วันนี้ถึงได้ดูหงอยๆ จ๋อยๆ แบบเนี้ย”
“พวกเราไม่ได้หงอย แล้วก็จ๋อย แต่ที่พวกเรานิ่งเฉย เพราะกลัวคนแถวนี้จะอิจฉาต่างหาก”
“ฮ่าๆๆ” ปีโป้กับแอปเปิ้ลหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ห่านแปลกใจ แอปเปิ้ลกอดอกเดินมาตรงหน้าห่าน
“ลูกค้าที่เอารองเท้ามาเปลี่ยนไซส์เมื่อวาน ซื้อรองเท้ากับฉันอีก 5 คู่” ห่านแทบช็อก แอปเปิ้ลกัลปีโป้หันมาหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ แอปเปิ้ลปลาบปลื้มไปกับปีโป้ “ถ้าขายได้อย่างนี้ทุกวัน มีหวังได้รางวัลพนักงานขายดีเด่นแน่ อย่างว่าแหละ แข่งเรือแข่งพายน่ะแข่งกันได้”
แอปเปิ้ลกับปีโป้พร้อมใจกันเหล่ห่าน
“แต่แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้”
แอปเปิ้ล ปีโป้ หัวเราะร่วน ห่านทนไม่ไหว
“เอาไง จะหาเรื่องฉันใช่มั้ย อยากมีปัญหามากใช่มั้ย”
เสียงห่านทำให้คนทั้งห้องอาหารหันขวับไปมองเป็นตาเดียว แอปเปิ้ล ปีโป้หน้าเอาเรื่อง เจ๊มะพร้าวกับแหม่มเลยลุกขึ้นยืนบ้าง
“ฉันจะหาเรื่องเธอทำไม อีกไม่นานเธอก็ถูกไล่ออกแล้ว”
“เอ๊า! มาแช่งไอ้ห่านยังงี้ได้ไงห๊ะ นังแอ๊บแบ๊ว”
“ฉันชื่อแอปเปิ้ล เด็กเจ๊น่ะเดือนนึงขายรองเท้าได้ไม่ถึงโหล ใครเค้าจะเอาไว้”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปมองห่านอึ้ง
“จริงเหรอวะ”
ห่านพูดไม่ออก ยิ่งโกรธแอปเปิ้ลที่เอาเรื่องตัวเองมาขายต่อหน้าสาธารณะชน
“ผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฏแบบนี้ คุณพรเพ็ญไม่เก็บไว้แน่ จริงมั๊ยปีโป้”
“จริงจ้ะเพื่อนแอ๊ป...เปิ้ล”
ห่านได้แต่กำมือแน่นอย่างเถียงไม่ออก เจ๊มะพร้าวกับแหม่มก็พลอยอึ้งไปด้วย
“เอ๊ะ...หรือแผนกรองเท้าจะไม่เหมาะกับเธอ จริงสิ เธอชื่อห่าน ก็ควรจะอยู่แผนกขายคอห่าน อาจจะทำให้ยอดขายทะลุเป้าก็ได้นะ”
แอปเปิ้ลขำกับปีโป้ ห่านโมโหสุดๆ เอาแก้วน้ำสาดหน้าแอปเปิ้ล ทุกคนเงียบกริบ ตกใจ แอปเปิ้ลเลือดขึ้นหน้าทั้งโกรธทั้งอาย
“อ๊ายยย”
“แอปเปิ้ลอย่า”
ปีโป้รีบห้ามแต่ห้ามไม่ทัน! แอปเปิ้ลตบหน้าห่านเพี๊ยะ! ห่านหันขวับ ตบกลับอย่างไม่ยอม ปีโป้เห็นท่าไม่ดี
“หนีดีกว่าเรา”
ปีโป้หันหลังจะหนี แต่เจอเจ๊มะพร้าวกับแหม่มมายืนขวาง ปีโป้ผงะ หน้าซีด
“จะไปไหนนังดั้งหัก”
ปีโป้หน้าแย่สุดๆ แล้วก็เจอเจ๊มะพร้าวกับแหม่มเข้ามารุม บื้อกับโย่งเดินเข้ามาได้ยินเสียงเอะอะ และเห็นคนยืนมุงก็แปลกใจ
“เค้ามุงอะไรกันวะ”
โย่งชะเง้อมอง
“แย่แล้ว” โย่งพุ่งเข้าไป เป่านกหวีดปรี๊ดๆ บื้อวิ่งตามเข้าไป “หลีกทางครับพ้ม ขอทางครับพ้ม รปภ.มาแล้วครับพ้ม”
เป็นจังหวะที่ห่านโดนแอปเปิ้ลผลักกระเด็นมาทางบื้อ บื้อรีบประคองรับห่านโดนอัตโนมัติ ห่านกับบื้อมองหน้ากัน ห่านจำบื้อได้ว่าคือพนักงานชายที่ยืนข้างเธอ แต่ห่านไม่ได้สนใจ แอปเปิ้ลพุ่งเข้ามาหาห่าน
“นังห่าน แกตาย”
ห่านกับบื้อหันขวับไปทางแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเงื้อมือตบห่าน ห่านหลบ ฝ่ามือแอปเปิ้ลเข้าหน้าบื้อเต็มๆ เพี๊ยะ! บื้อถึงกับหน้าหัน เห็นดาวเต็มฟ้า โย่งตกใจ แอปเปิ้ลตกใจ
“ว๊าย! บื๊อ...บื้อเจ็บมั๊ย แอปเปิ้ลขอโทษ”
บื้อพูดไม่ออก เพราะกำลังมึน ห่านเห็นจังหวะดีเลยกระชากไหล่แอปเปิ้ลให้หันมา พอจะตบ แอปเปิ้ลหลบ บื้อเลยโดนห่านตบอีกข้างเต็มๆ ห่านตกใจ บื้อมึนมากกว่าเดิม แอปเปิ้ลโมโหเข้ามาตบกับห่านไม่หยุด
โย่งเป่านกหวีดปิ๊ดดด! รีบเดินเข้าไปห้าม
“หยุดครับหยุด หยุด”
ไม่มีใครฟัง โย่งโดนผลักถลามาตรงหน้าพรเพ็ญที่เดินเข้ามาพอดี เพราะมีพนักงานไปตาม โย่งตาเหลือก กลืนน้ำลายเอื๊อก พรเพ็ญแผดเสียงลั่นใส่โทรโข่งอย่างโกรธจัด
“มันเกิดอะไรขึ้น”
เสียงพรเพ็ญดังเข้าหูโย่งเต็มๆ โย่งขี้หูแทบไหล ทุกคนหันขวับมามองพรเพ็ญ ห่านกับแอปเปิ้ล เจ๊มะพร้าว แหม่ม ปีโป้ ค้างท่าไหนท่านั้น เห็นพรเพ็ญยืนหน้าแดงควันออกหูก็ตัวสั่นไปตามๆ กัน
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว หน้าทรุดโทรมมาก เพราะยังมีรอยข่วนและรอยตบจางๆ บนใบหน้า
“เพราะนังแอ๊บแบ๊วแท้ๆ พวกเราถึงโดนเซ็นใบเตือน ถ้าโดนอีกครั้ง มีหวังถูกตัดเงินเดือนแน่ ยิ่งทำยอดได้น้อยๆ อยู่”
“ห่าน เดือนนี้แกต้องเร่งทำยอดหน่อยนะ ไม่งั้นแกไม่มีทางเอาชนะนังแอ๊บแบ๊วได้หรอก”
“จริง ฉันกับเจ๊จะช่วยแกเอง”
ห่านพยักหน้า แล้วสามสาวก็เดินออกไป
บื้อกับโย่งเดินออกมาจากอีกทาง บื้อขยับปากเพราะยังเจ็บหน้าที่โดนตบอยู่
“อยู่ดีไม่ว่าดี โดนตบเฉย” บื้อถอนหายใจ เดินมาถึงที่จอดจักรยาน “ฉันจะเอาจักรยานไปซ่อมเบรก ไงไปเจอกันที่บ้านแล้วกัน”
“อย่ากลับดึกนะ พรุ่งนี้ต้องขนของย้ายบ้านกันแต่เช้า”
บื้อพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป
รถเมล์แล่นเข้ามาจอดที่ป้าย ห่าน นักศึกษา ผู้โดยสารคนอื่นเดินขึ้นไป บื้อรีบวิ่งขึ้นรถเมล์ไปอีกคน รถเมล์แล่นออกไป
บนรถเมล์ บื้อยืนเบียดกับผู้โดยสารคนอื่นอยู่ข้างหลังห่าน แต่สองคนไม่เห็นกัน ข้างๆ บื้อเป็นนักศึกษาสาว ข้างหลังนักศึกษาสาวเป็นโรคจิตดูหน้าหื่นๆ บื้อเอาหูฟังขึ้นมาฟังเพลงแล้วหันไปทางอื่น เสียงเพลงในหูฟังบื้อดังขึ้นเป็นเพลงสนุกสนาน บื้อหลับตายืนฟังแล้วก็ยิ้มพริ้มฝันว่าตัวเองกำลังโซโลกีตาร์อย่างเท่ห์อยู่บนเวที มีคนดูสาวๆ เกาะขอบเวทีด้านหน้า กรี๊ดให้บื้ออย่างบ้าคลั่ง บางคนก็เป็นลม บื้อลงไปคุกเข่ารี๊ดกีตาร์ คนดูกรี๊ดๆๆไม่หยุด
ขณะที่บื้อกำลังเคลิ้มกับความฝัน โรคจิตด้านหลังนักศึกษาสาวยื่นมือไปจับก้นหมับ! นักศึกษาสาวสะดุ้งตกใจ โรคจิตรีบดึงมือกลับแล้วขยับตัวออกไปทันที นักศึกษาสาวหันไปเห็นบื้อยืนหลับตายิ้มก็เข้าใจว่าบื้อจับก้นเธอ นักศึกษาตบหน้าบื้อเพี๊ยะ! บื้อถึงกับหูฟังหลุด ตื่นจากความฝัน มองหน้านักศึกษาสาวด้วยความงง
“อะไรน้อง ตบพี่ทำไม”
“แกจับก้นฉัน”
ห่านและทุกคนหันขวับมองบื้อ
“เฮ่ย ตานั่นที่ทำงานที่เดียวกับเรานี่น่า ไม่น่าเล้ยยย...ไอ้โรคจิต” ห่านพึมพำกับตัวเอง
“เฮ้ย...พี่เปล่า” บื้อรีบปฏิเสธ บื้อกลืนน้ำลายเอื๊อก “เวรกรรมของกูจริงๆ” หันไปเห็นห่านพอดี๊พอดีก็จำได้
“นี่เธอ...” ห่านหันซ้ายหันขวาเรียกใครวะ “เธอนั่นแหละ” ทุกคนหันขวับไปมองห่าน ห่านเหวอ “จำฉันได้ใช่มั้ย บอกน้องเค้าสิ ว่าฉันไม่มีทางทำอะไรอย่างนั้น”
สายตาทุกคู่หันมามองห่าน
“บะ...บ้า...ฉันไม่รู้จักนาย” ห่านหันไปบอกกับนักศึกษา และคนบนรถเมล์ “ฉันไม่รู้จักเค้านะคะ...นี่! ลูกผู้ชาย กล้าทำก็กล้ารับสิ”
“เฮ้ย ฉันไม่ได้ทำจริงๆ”
“น้องคะ คราวหลังก็ระวังด้วย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ส่วนวันนี้ก้นน้องก็โดนเค้าจับไปแล้ว ถือว่าทำทานละกันนะ เดี๋ยวไปทำบุญล้างซวยเอาละกัน” ห่านบอกกับนักศึกษา บื้อชักฉุน
“นี่ๆ มากไปแล้วนะ ไม่ช่วยแล้วยัง...”
ทันใดนั้นรถเมล์เบรกเอี๊ยดเพราะถึงป้าย ทำให้บื้อถลาไปชนหน้าอกห่านเต็มๆ บื้อช็อก ห่านอึ้งแล้วก็กรี๊ดออกมาดังลั่น
“อ๊ายย ไอ้บ้า”
บื้อรีบชูมือ 2 ข้างขึ้น
“เฮ้ย ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ชัดเลย ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” ห่านรีบยกมือปิดหน้าอกตัวเอง บื้อฉุนกึก
“ก็บอกว่าไม่ได้ทำ ไม่ตั้งใจจจจ”
บื้อถูกโยนออกมาจากรถเมล์จนแทบเซล้ม ห่านชูกำปั้นให้บื้อพร้อมทำหน้าสะใจ บื้อหัวเสียมาก แล้วรถเมล์ก็แล่นออกไป ไอ้โรคจิตคนนั้นหันมายิ้มให้บื้อ บื้อรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือมัน บื้อโมโหสุดๆ
“โธ่เว๊ย”
คืนนั้นที่บ้านเช่าห่าน ห่านกระแทกชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโหบื้อสุดๆ
“คอยดูนะ ฉันจะเอาเรื่องนายไปแฉประจานทั่วห้าง เอาให้นายทนอยู่ไม่ได้แล้วลาออกไปเลย”
ห่านดูดเส้นบะหมี่เข้าปากเสียงดังจ๊วบ พร้อมกับกดรีโมทเปิดทีวี ซึ่งมีการประกวดนางสาวไทยสยามอยู่พอดี
ภาพในทีวี ดาหลายืนอยู่กับผู้เข้าชิงอีกหนึ่งคน มีพิธีกรชายหญิงยืนประกบ ดาหลาทำปากสั่น น้ำตาคลอ ด้วยความตื่นเต้น ห่านดูแล้วก็คิดว่าตัวเองคือคนที่ยืนอยู่บนเวที
“และผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวไทยสยามประจำปีนี้ได้แก่ นางสาวหฤทัย ใฝ่ปัญญา”
ห่านในชุดราตรี ทำผมตีโป่งทรงนางงาม เอามือขึ้นมาปิดปาก น้ำตาคลอเบ้า นางงามปีก่อนเข้ามาสวมมงกุฎให้ ห่านเดินโบกมือโชว์ตัว
แต่ในความเป็นจริง ห่านคาบบะหมี่ในปากหน้าเพ้อฝันมาก ก่อนที่เสียงพิธีกรจะดังขึ้นอีกครั้ง
“และผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวไทยสยามประจำปีนี้ได้แก่ นางสาวดาหลา เกริกก้องสกุลครับ”
เสียงเฮดังลั่นพร้อมปรบมือ ห่านตื่นจากภวังค์ดูดบะหมี่เข้าปากด้วยความเซ็ง
“ซักวันฉันต้องสวยเลิศแบบนี้ให้ได้”
ห่านถอนหายใจรู้สึกท้อแท้กับโชคชะตาของตัวเอง
วันต่อมาที่บ้านเช่าลุงจ๊อด เสียงร้องเพลงลูกทุ่งดังขึ้น ลุงจ๊อดกำลังร้องเพลงมีความสุขซึ่งขณะนั้นลุงจ๊อดกำลังล้างรถตุ๊กตุ๊กคู่ใจ ทันใดนั้นเสียงกีตาร์แสบแก้วหูดังขึ้น ทำลายบรรยากาศ ลุงจ๊อดเซ็งสุดๆ ถึงกับปาเช็ดรถลงบนพื้น
“มันเอาอีกแล้ว ไอ้โจ๊กกก”
โจ๊กกำลังเล่นกีตาร์เมามันส์ ท่าทางเท่ห์ เสียงลุงจ๊อดดังขึ้น
“หยุดเลยไอ้โจ๊ก” เสียงลุงจ๊อดมาพร้อมๆ กับรองเท้าแตะที่โยนมาตกตรงหน้าโจ๊ก โจ๊กสะดุ้ง หันไปเห็นลุงจ๊อดใส่รองเท้าแตะข้างเดียวเดินเข้ามา “เสียงกีตาร์เอ็งมันปวดประสาทข้าสุดๆ เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกเล่นซักทีห๊ะ” แต่มีเสียงกีตาร์ดังขึ้นมาอีก “ข้าบอกให้หยุดเล่นไง”
โจ๊กยกมือขึ้นสองข้าง
“ผมไม่ได้เล่นนะลุง”
ลุงจ๊อดผงะหันหาที่มาของเสียง
“ไม่ใช่เอ็ง แล้วใครวะ”
โจ๊กกับลุงจ๊อดนิ่วหน้าสงสัยสุดๆ
ขณะนั้นบื้อกำลังรี๊ดกีตาร์อยู่ในห้องเช่า โย่งยกของเข้ามาในบ้านโยนโครม บื้อหยุดเล่น หันไป
“หยุด! แล้วมาช่วยยกของ”
บื้อไม่สน รี๊ดกีตาร์ใส่หน้าโย่งหน้ากวน โย่งโมโห ระหว่างนั้นโจ๊กกับลุงจ๊อดเข้ามา ลุงจ๊อดเห็นบื้อถึงกับเซ็ง แต่โจ๊กมองบื้อด้วยความถูกชะตา แล้วโจ๊กก็เล่นกีตาร์ บื้อรี๊ดกีตาร์รับ โจ๊กเดินมายืนข้างๆ สองคนเล่นรับส่งกันไปมา ลุงจ๊อดเดินมายืนข้างโย่ง หน้าเอือมมาก
“แค่ไอ้โจ๊กคนเดียว ข้าก็จะแย่แล้ว นี่ยังมีไอ้บื้ออีกคน”
โย่งหันขวับ ตกใจ
“ลุงรู้ได้ว่าเพื่อนผมชื่อบื้อ”
“หน้าตามันไง”
โย่งหันไปมอง “เออจริง” แล้วก็นึกขึ้นได้
“แล้วลุงเป็นใคร”
บื้อกับโจ๊กเล่นจบพอดี สองคนมองหน้า ยิ้มให้กัน
บื้อ โจ๊ก โย่ง ลุงจ๊อดคุยกัน
“ข้าเป็นลุงของไอ้โจ๊ก” ลุงจ๊อดตบบ่าโจ๊ก “ชื่อจ๊อด อยู่ข้างบ้าน”
บื้อกับโย่งยิ้ม
“ดีเลยที่พี่มาอยู่ข้างบ้านผม เราจะได้เล่นกีตาร์ด้วยกันทุกวัน”
โจ๊กบอก บื้อยิ้ม โจ๊กยิ้ม โย่งยิ้ม ลุงจ๊อดตบหัวด้วยความเซ็ง
“เวรแล้วมั๊ยล่ะ เฮ้อ”
ห่านกลับเข้ามาในบ้านเช่า สีหน้าเหน็ดเหนื่อยและหมดแรง ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ขณะที่ตากำลังจะปิดก็ได้ยินเสียงกีตาร์ดังบาดหู ห่านสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมอง
“ดึกป่านนี้ไอ้บ้าที่ไหนมาทำหนวกหูฟะ เดี๋ยวแม่จะด่าให้เปิงเลยคอยดู๊”
ห่านพูดจบก็ลุกพรวด จ้ำเดินออกไป
ขณะนั้นบื้อซึ่งใส่เสื้อกล้ามกับผ้าขาวม้ากำลังเล่นกีตาร์กับโจ๊ก โย่งกับลุงจ๊อดนั่งอุดหู
“พอมืดก็เอาอีกแล้ว”
ห่านเดินออกมาที่ริมรั้ว มองข้ามรั้วเข้าไปในบ้านเช่าบื้อ เห็นบื้อยืนหันหลังกำลังรี๊ดกีตาร์อย่างเมามันส์ ห่านไม่เห็นโจ๊ก ห่านมายืนเกาะรั้ว ท้าวเอวตะโกนด่า
“นี่! เกรงใจคนอื่นบ้างสิยะ คนจะหลับจะนอน” บื้อและคนในบ้านไม่ได้ยิน บื้อยังคงรี๊ดกีตาร์ไม่หยุด ห่านกำมือแน่นด้วยความโมโหมาก “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง หูหนวกรึไงว้าาาา”
ห่านก้มมองหาอาวุธ เจอก้อนหิน ห่านหยิบแล้วปาเข้าไปในบ้าน
ก้อนหินปาเข้ามาโดนกระจกส่องหน้าที่แขวนบนกำแพงในบ้านแตกเพล้ง บื้อกับโจ๊กผงะ หยุดเล่น ทุกคนหันขวับไปมองด้วยความตกใจ โย่งรีบลุกเดินมาดู หยิบก้อนหินขึ้นมา
“มาจากไหน”
“แก๊งค์ปาหินป่ะลุง”
“แก๊งค์ปาหินบ้านแกสิปาใส่บ้าน”
บื้อวางกีตาร์ แล้วเข้ามาหยิบก้อนหินไปจากมือโย่ง หันไปมองทางฝั่งบ้านห่าน
บื้อเดินออกมา ห่านเห็นหน้าบื้อก็อึ้ง
“นั่นมัน....” ห่านนึกถึงเหตุการณ์บนรถเมล์ ห่านตกใจมากรีบหดหัวหลบตรงข้างรั้วลวดหนามแล้วพึมพำกับตัวเอง “ทำไมไอ้โรคจิตมาอยู่ที่นี่ ถ้ามันเห็นเรา มันต้องแก้แค้นเราแน่” ห่านตกใจลนลานและเริ่มไม่มีสติ “ทำไงดี”
ห่านสงบนิ่งไม่กล้าขยับ บื้อมองหา ไม่เห็น ห่านตัดสินใจค่อยๆ คลานหนี แต่รั้วลวดหนามดันเกี่ยวเสื้อห่านเอาไว้ ทำให้ห่านขยับไม่ได้ ห่านหน้าตาตื่น
บื้อมองไม่เห็นใคร จึงหันจะเดินกลับ จึงหวะนั้นห่านยืดตัวขึ้นมาจะย่องหนี แต่ลวดหนามเกี่ยวผ้าขาวม้าบื้อเอาไว้ ทำให้บื้อติด บื้อหันมาเห็นห่านก็จำได้แม่นยำ
“เธอ”
ห่านผงะ หันมาเป็นจังหวะที่ผ้าขาวม้าถูกลวดหนามเกี่ยวหลุด แต่บื้อไม่รู้ตัว ห่านแหกปากลั่น
“อ๊ายยย”
บื้องง โย่ง ลุงจ๊อด โจ๊กรีบวิ่งออกมา เห็นผ้าขาวม้าบื้อหล่นลงบนพื้นก็ตกใจ
“เฮ้ย”
บื้อนิ่วหน้าอะไร สามคนหลุบตาต่ำ บื้อก้มมอง ตกใจมาก รีบคว้าผ้าขาวม้าขึ้นมานุ่ง หันไปจะอธิบายกับห่าน แต่เจอห่านด่าไม่หยุด
“ไอ้โรคจิต ไอ้พวกชอบโชว์ น่าเกลียด อุบาทว์ที่สุด” ห่านคว้าถังใส่น้ำวางตรงนั้นสาดใส่บื้อ บื้อหลบทัน ทำให้น้ำสาดโดนโย่ง ลุงจ๊อดและโจ๊กเต็มๆ ห่านตกใจมาก “ลุงจ๊อด โจ๊ก” ห่านรีบยกมือไหว้ “ห่านขอโทษจ๊ะ” ห่านหันไปเห็นโย่งก็ตกใจ “โย่ง”
“ครับพ้ม”
โย่งตอบเสียงหนักแน่น ห่านหน้าเสียสุดๆ หันไปมองบื้อด้วยความโมโห บื้อทำหน้าไม่ถูก
โย่งกำลังกวาดเศษแก้วบนพื้น บื้อส่งที่โกยผงให้ โย่งรับมา
“ย้ายบ้านตอนนี้ทันมั๊ยวะ” บื้อถามขึ้นมา
“จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไปสามเดือน แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเช่าบ้านใหม่”
“เฮ้อ...ทำไมต้องมาอยู่ข้างบ้านยัยนั่นด้วย”
บื้อหันไปมองบ้านเช่าห่านสีหน้ากลัดกลุ้ม
เช้าวันรุ่งขึ้น ห่านเดินออกมาจากในบ้าน หันไปเห็นเจอบื้อเอาจักรยานออกมา ห่านเชิดใส่ บื้อส่ายหัว ขึ้นจักรยานแล้วขี่แซงหน้าห่านไป ห่านมองตาม แล้วก็ชะงัก มองไปที่จักรยานบื้ออีกครั้งแล้วก็จำได้ว่าเป็นคันที่เฉี่ยวเธอเมื่อวาน ห่านโมโหมาก
“ที่แท้ก็นายนั่นเอง”
ห่านกำกระเป๋าในมือแน่นแววตาเคียดแค้น
ที่ห้างสรรพสินค้า BKK Plaza บื้อเดินมาตามทาง ทันทีที่พนักงานสาวๆ เห็นบื้อก็ชะงัก รีบถอยห่างและพากันสุมหัวซุบซิบจนบื้อแปลกใจ ทันใดนั้นแอปเปิ้ลกับปีโป้ก็กระโดดออกมายืนขวาง บื้อสะดุ้งเฮือก
“คนใจร้าย ทำกันได้ลงคอ” บื้องงมาก
“พูดไร”
“เธอนอกใจฉัน” ปีโป้บอก แอปเปิ้ลหันไปมอง ปีโป้รู้ตัว “เธอนอกใจเพื่อนฉัน”
“ไปจับก้นนักศึกษา”
“ใครบอก” บื้อถามอย่างตกใจ
แอปเปิ้ลกับปีโป้หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ
“แสดงว่ามันจริงใช่มั๊ย”
แอปเปิ้ลกับปีโป้พูดออกมาพร้อมกัน บื้อฉุกคิดขึ้นมาได้
“ยัยตัวแสบข้างบ้าน”
บื้อโมโหมาก รีบจ้ำเดินออกไปทันที แอปเปิ้ลกับปีโป้มองตามด้วยความสงสัย
“บื้อจะไปไหน รอพวกฉันด้วยสิ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้รีบตามบื้อไปทันที
บื้อเร่งฝีเท้าเดินมาทาง พลางสอดส่ายสายตามองหาห่านไปด้วย แล้วก็เห็นห่านที่แผนกรองเท้า ห่านกำลังเช็ดรองเท้าอย่างมีความสุขราวกับเป็นลูกของตัวเอง บื้อเดินมายืนข้างหลัง ห่านหันไปเห็นบื้อก็ชะงัก
“ฝีมือเธอใช้มั๊ย”
ห่านกอดอกยิ้มเยาะ
“ใช่ ฉันเองแหละที่เป็นคนบอกให้สาวๆ ทุกคนระวังนายเอาไว้ให้ดี เพราะว่านายเป็นไอ้โรคจิต บ้ากาม” บื้อฉุนกึก
“ฉันไม่ได้...” ห่านพูดต่อทันที
“นอกจากความเลวข้างต้นแล้ว นายยังไม่มีความสุภาพบุรุษ ขี่จักรยานชนฉันบนสะพานวันก่อน แล้วก็ไม่ขอโทษ”
“ห๊ะ” บื้อนิ่งไปแล้วก็นึกออก “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“จะตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ นายก็ทำรองเท้าฉันพัง เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ”
แอปเปิ้ลกับปีโป้ตามมาสมทบ
“ฝีมือแกนั่นเองที่ปรักปรำบื้อของฉัน”
แอปเปิ้ลควงแขนบื้อหมับ ปีโป้รีบเข้ามาควงอีกข้าง บื้อรีบผละออกห่างทันที
“นี่เป็นเรื่องของฉันกับนายนี่ เธอไม่เกี่ยว ถอยไปยัยแอ๊บแบ๊ว ยัยปลากะโห้”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าชื่อแอปเปิ้ล”
“ส่วนฉันชื่อปีโป้ ไม่ใช่ปลากะโห้”
“ฉันอยากจะเรียกอย่างที่อยากเรียกแล้วจะทำไม”
ขณะที่ทั้งหมดกำลังจะฟาดฟันใส่กัน เสียงพรเพ็ญผ่านโทรโข่งดังขึ้น
“ทำอะไรกัน”
บื้อ ห่าน แอปเปิ้ล ปีโป้ หน้าถอดสี รีบหันมาฉีกยิ้มให้พรเพ็ญ
“พวกเรากำลังดูว่ามีรองเท้ามีรอยเปื้อนรึเปล่า” ห่านทำเป็นส่องรองเท้ากับแสงไฟ แล้วหันไปยิ้มหวาน “จริงมั๊ยจ๊ะแอปเปิ้ล ปีโป้”
“ใช่ค่ะคุณผู้จัดการ”
“แล้วไป นึกว่ายังไม่เข็ดจากที่โดนเซ็นตักเตือนเมื่อวันก่อน”
แอปเปิ้ล ปีโป้ ห่านหันมายิ้มหวานให้กัน
“เราเข้าใจกันแล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะ ทำงานแผนกเดียวกัน ก็ต้องรักกัน”
“สามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล มีน้ำใจ”
ห่านจับมือแอปเปิ้ล ปีโป้คนล่ะข้าง แต่ต่างคนต่างบีบมืออีกฝ่ายแน่น
“ดีมาก ฉันอยากเห็นความรัก ความสามัคคีในทุกภาคส่วนของห้างเรา” พรเพ็ญกำลังจะอ้าปากพูดต่อก็ชะงักอ้าปากค้างเมื่อเห็นบื้อยืนอยู่ “อ้าว...แล้วเธอมาทำอะไรที่แผนกรองเท้า เธออยู่แผนกชุดชั้นในชายไม่ใช่เหรอ”
“ครับ ครับ”
“หรือเธอมาจีบใครแถวนี้” พรเพ็ญเหล่ “คิดจะเอาเวลาทำงานมากระชับพื้นที่กันเรอะ”
แอปเปิ้ลรีบส่งสายตาปิ๊งๆ บื้อเห็นท่าไม่ดี
“เปล่านะครับเปล่า ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
บื้อหันไปมองห่านอาฆาตก่อนจะเดินออกไป พรเพ็ญหันมาทางห่าน ปีโป้ แอปเปิ้ล สามคนรีบฉีกยิ้ม
“ไปทำงาน” พรเพ็ญบอกเสียงเข้ม
“ค่ะ คุณผู้จัดการ”
ทุกคนบอกเสียงหวาน พรเพ็ญเดินออกไป ห่าน แอปเปิ้ล ปีโป้ปล่อยมือออกจากกันแล้วก็สะบัดหน้าเชอะ! ไปคนล่ะทาง
อีกด้านหนึ่งที่กองถ่ายแบบ คุณชายกำลังถ่ายแบบในชุดหรูหราดูดีมีสไตล์ โพสท่าเท่ห์ๆ คุณชายเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกมา เจอคุณหญิงรื่นฤดียืนอยู่ก็ดีใจ
“คุณแม่ ไหนบอกไม่ว่างมาดูชายไงครับ”
“แม่เสร็จธุระเร็ว ก็เลยรีบมา แหม...ลูกชายแม่ทั้งคน ไม่มาได้ไงจ๊ะ”
คุณชายยิ้มปลื้ม สุรเดชเดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้คุณหญิงรื่นฤดี
“สวัสดีครับคุณหญิง” คุณหญิงรื่นฤดีหันมารับไหว้ “คุณชายนี่สุดยอดเลยนะครับ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะถ่ายแบบเป็นครั้งแรก แต่ดูเป็นมืออาชีพมว๊ากกก สุล่ะดีใจ๊ดีใจที่คุณชายยอมตกลงมาเป็นแบบขึ้นปกให้กับหนังสือเล่มแรกในชีวิตของสุ ขอบคุณที่คุณหญิงกับคุณชายไว้ใจนะครับ”
“เจ้าพ่อออร์การ์ไนซ์เซอร์หันมาจับแมกกาซีน ทำไมแม่จะไม่ไว้ใจล่ะจ๊ะ” สุรเดชยิ้มหน้าบาน
“สุเอาหัวรับประกันเลยนะครับว่าถ้าหนังสือเล่มนี้วางแผงเมื่อไหร่ คุณชายดังเป็นพลุแตกแน่นอน”
คุณหญิงรื่นฤดีหันไปมองคุณชายสีหน้าภาคภูมิใจสุดๆ
คุณชายกับคุณหญิงรื่นฤดีเดินออกมาที่ลานจอดรถด้วยกัน
“แม่ภูมิใจในตัวลูกจริงๆ กลับมาจากเมืองนอกไม่กี่วัน ก็เป็นที่จับตามองของผู้คนซะแล้ว”
“เพราะคุณแม่ต่างหากล่ะครับ ถึงทำให้ผมมีวันนี้”
คุณหญิงรื่นฤดียิ้มมีความสุข
“โถ...ลูกแม่” คุณหญิงรื่นฤดีหอมแก้มลูกชายฟ่อด “จริงสิ เดี๋ยวแม่ต้องเข้าไปเซ็นเอกสารสำคัญสี่ห้าเรื่อง ลูกไปกับแม่นะ”
“ครับ”
คุณชายกับคุณหญิงรื่นฤดีพากันเดินไปที่รถด้วยกัน
ที่แผนกรองเท้า ห้างสรรพสินค้าBKK Plaza ห่านกำลังยื่นถุงรองเท้าให้กับลูกค้า ก่อนจะยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
ลูกค้าเดินออกไป ห่านหน้าซีดๆ รู้สึกแย่ๆ แหม่มเดินมาหา
“ห่าน” ห่านหันมา แหม่มตกใจ “ทำไมแกหน้าซีดแบบนี้”
“ไม่รู้เป็นไร อยู่ดีดีก็เจ็บคอ สงสัยติดเชื้อบ้าจากไอ้แผนกกางเกงในชาย”
ห่านไอหนักขึ้นจนหันไปไอใส่พรเพ็ญที่บังเอิญเดินมาโดนเข้าเต็มๆ หน้า
“อร๊ายยย”
ห่านกับแหม่มขนลุกซู่ รู้ตัวว่าถึงฆาต ห่านยกมือไหว้ปะหลกๆ
“ขอโทษค่ะผู้จัดการ ห่านไม่ได้ตั้งใจ”
พรเพ็ญโกรธมาก ควักโทรโข่งออกมาพูดใส่หูห่าน
“แล้วทำไมไม่รู้จักตั้งใจยะ” ห่านสะดุ้งโหยง หูแทบแตก “เป็นไข้ไม่สบายทำไมไม่ลาป่วย” ห่านอ้าปากแต่พรเพ็ญไม่รอคำตอบ “งก! อยากได้เงินจนไม่สนใจว่าทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกตั้งเท่าไหร่ ถ้าเชื้อโรคของเธอแพร่กระจายไปทุกภาคส่วนของห้าง คิดดูสิคนจะต้องป่วยอีกกี่ร้อยกี่พันคน” ห่านทำหน้า “เอาละ..ยาวเลย” พรเพ็ญแว๊ดต่อ “เข้าใจมั๊ย”
ห่านคอย่น
“เข้าใจค่ะ ผู้จัดการ”
พรเพ็ญควักหน้ากากอนามัยยื่นให้ห่าน
“ใส่ซะ! ห้ามถอดตลอดเวลาทำงาน”
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ”
พรเพ็ญค้อน แล้วเดินออกไป แหม่มนึกขึ้นมาได้รีบถาม
“แล้วแบบนี้แกจะไปไหวมั๊ยอ่ะ” ห่านนิ่วหน้า
“ไปไหน”
“ดาหลา นางสาวไทยสยามปีล่าสุด กำลังจะมาโชว์ตัวที่ห้างฯของเรา” ห่านตาโต “ฉันนัดเจ๊มะพร้าวเอาไว้แล้ว สนใจไปดูป่ะ”
ห่านนิ่งไปด้วยความสนใจ
คุณหญิงรื่นฤดีกับคุณชายเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าBKK Plaza รปภ.ทำความเคารพ พรเพ็ญรีบเดินเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณหญิง คุณชาย” คุณชายยกมือไหว้พรเพ็ญ พรเพ็ญรีบรับไหว้ด้วยความตกใจ “คุณชายไม่ต้องไหว้พรเพ็ญหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ครับ คุณพรเพ็ญเป็นผู้ใหญ่ เด็กอย่างผมต้องให้ความเคารพ”
พรเพ็ญมองคุณชายสีหน้าปลาบปลื้ม
“น่าปลื้มใจแทนคุณหญิงจังเลยนะคะ”
“ถึงชายจะเรียนเมืองนอกมานาน แต่ไม่เคยลืมขนบธรรมเนียมประเพณีไทยของเราหรอกนะคะ อีกอย่างนึง คุณพรเพ็ญก็เป็นคนเก่าคนแก่ของห้างเรา ฉันเน้นเรื่องนี้กับลูกเสมอ”
พรเพ็ญยิ้มปลื้ม รีบยกมือไหว้
“พรเพ็ญขอบพระคุณคุณหญิงค่ะ”
“แม่จะขึ้นไปเซ็นเอกสาร ลูกจะไปกับแม่ด้วยมั๊ย” คุณหญิงรื่นฤดีหันไปถามลูกชาย
“ผมขอเดินเล่นอยู่แถวนี้ดีกว่าครับ”
“ดีจ้ะ จะได้สำรวจกิจการของเราไปซะด้วยเลย”
“ให้พรเพ็ญพาคุณชายเดินมั๊ยคะ”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ คุณพรเพ็ญดูแลคุณแม่ดีกว่าครับ”
“ไปเถอะค่ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีกับพรเพ็ญเดินออกไปด้วยกัน คุณชายเดินออกไปอีกทาง
ห่านใส่หน้ากากอนามัย พลางไอไม่หยุด แหม่มหันไปมอง
“แน่ใจนะห่านว่าแกไหว”
“เออ...แกไปก่อน ฉันเข้าห้องน้ำแล้วจะตามไป”
แหม่มพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป ห่านเดินเลี้ยวไปทางป้ายห้องน้ำ
มุมหนึ่งของห้าง ดาหลาในชุดราตรี สวมมงกุฎ พร้อมใส่สายสะพายกำลังยืนยิ้มหวานถ่ายรูปกับเด็กๆ พอถ่ายเสร็จ เด็กๆ ก็หันมา
“ขอบคุณนะคะพี่สาวคนสวย”
“ค่า ถ้ารักพี่ดาหลา อย่าลืมตั้งใจเรียนหนังสือกันนะคะ”
“ค่า / ครับ”
เด็กพากันเดินออกไป ดาหลาเบ้หน้าทันที ก่อนจะหันไปทางติ๋ม
“เด็กบ้าตัวเหม็นกันจริงๆ พี่ติ๋มคะ” ติ๋มหันมา “ดาหลาขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ จะไปล้างมือ”
ดาหลาเดินฉับๆ ออกไป ติ๋มส่ายหัวเอือมๆ
ในห้องน้ำ ห่านกำลังล้างหน้า แล้วก็หันมาดึงกระดาษซับหน้าให้แห้ง รู้สึกมึนๆ หัว พยายามสะบัดหัวไล่ความมึนออกไป แล้วก็เอาหน้ากากอนามัยปิดปากไว้อย่างเดิม ไม่นานดาหลาเดินออกมา ห่านหันไปเห็นก็จำได้ถึงกับตกตะลึง
“นางสาวไทยสยาม”
ห่านพึมพำกับตัวเอง ดาหลาล้างมือเสร็จหันมามองหน้าห่าน ห่านชะงัก “มองเราทำไม”
“จะยืนตรงนี้อีกนานมั๊ย”
“คะ”
“หลีกไปสิ ฉันจะเอากระดาษ”
ห่านเหวอที่อยู่ดีๆ ก็เจอนางงามเหวี่ยงใส่ ห่านเขยิบหนี ดาหลาเข้ามาดึงกระดาษเช็ดมือ ทันใดนั้นห่านก็หน้ามืด ดาหลาเช็ดมือเสร็จกำลังจะเดินออกไป ห่านกำลังจะเป็นลมเลยคว้าไหล่ดาหลาเอาไว้ ดาหลาหันขวับไปด้วยความตกใจ
“แกจะทำอะไรฉัน”
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ห่านพูดไม่ออก เป็นลม ตัวเซไปกระแทกดาหลา ทำให้ดาหลาหงายหลังล้มไปบนพื้น ห่านหมดสติล้มทับตัวดาหลา หน้าแนบหน้าดาหลาที่หันหน้าไปด้านข้าง ดาหลาตกใจสุดๆ
“นังบ้า! ล้มทับฉันมาได้ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” ห่านไม่ได้สติ ดาหลากรอกตามองเห็นห่านแน่นิ่งก็ตกใจ “นี่ ทำไมไม่ขยับเลย หรือว่ามันจะตายไปแล้ว ไม่นะ...”
ดาหลาพยายามผลักห่านออกไปให้พ้นตัวจนกระทั่งสำเร็จ ห่านนอนแผ่บนพื้น ดาหลาตื่นกลัวมาก รีบลุกขึ้นยืน แต่มงกุฎร่วง ดาหลาคว้ามงกุฎขึ้นมาแล้วก็วิ่งออกไปทันที
ดาหลาในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง รีบจ้ำเดินออกมาหน้าตาตื่น กระแทกไหล่คุณชายที่กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ดาหลาไม่สนใจหันไปมองคุณชาย รีบเดินหนีไปทันที คุณชายมองตามด้วยความแปลกใจเพราะดาหลาท่าทางแปลกๆ จังหวะที่หันหลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำชาย คุณชายก็เห็นเท้าห่านนอนอยู่บนพื้นในห้องน้ำหญิง คุณชายตกใจมาก
คุณชายค่อยๆ โผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำหญิง เพื่อดูว่ามีคนอยู่รึเปล่า แต่ไม่มี คุณชายรีบเข้ามาดูห่านที่นอนแผ่บนพื้นทันที
“คุณครับ คุณ”
ห่านไม่ตื่น คุณชายตัดสินใจ อุ้มห่านขึ้นมา
คุณชายอุ้มห่านเดินมาตามทาง ทำให้คนที่เดินไปเดินมาหันไปมองเป็นตาเดียว คุณชายมองห่านด้วยความเป็นห่วง ไม่นานเห็นห่านค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ห่านเห็นคุณชายหน้าเบลอๆ ไม่ค่อยชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นถึงความหล่อของคุณชาย คุณชายก้มหน้าเห็นห่านลืมตาก็ดีใจมาก
“ทำใจดีๆ นะครับ ผมกำลังพาคุณไปห้องพยาบาล”
แล้วห่านก็หมดสติไปอีกครั้ง
ลานกิจกรรมของห้างสรรพสินค้าBKK Plaza ดารัณกำลังคุยโทรศัพท์มือถือ
“ฉันกับลูกถึงห้าง แล้วนะจ๊ะ...เดี๋ยวเจอกัน” ดารัณวางสาย หันไปเห็นดาหลาหน้าตาตื่นเข้ามา ดารัณเห็นสภาพดาหลาก็แปลกใจ “ตายแล้ว นี่ลูกไปทำอะไรมาคะเนี่ย”
ดาหลาอึกอัก
“ดาหลาไปห้องน้ำ แล้วเจอคนเข้ามารุมค่ะคุณแม่ กว่าจะฝ่าฝูงชนออกมาได้ เล่นเอาดาหลาแทบตาย”
“เกิดเป็นคนดังก็เงี้ยแหละลูก มันต้องทำใจว่าจะมีแต่คนเข้ามารุมรัก แม่ว่าลูกไปทำผมแต่งหน้าใหม่ดีกว่า ลูกของแม่จะได้สวยสมกับเป็นนางสาวไทยสยาย แล้วอีกอย่าง วันนี้ลูกจะได้เจอคนสำคัญ”
ดาหลานิ่วหน้า
“ใครคะ”
ดารัณยิ้มไม่ตอบ
คุณชายเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นแม่ คุณหญิงรื่นฤดีลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปพอดี
“ไปเดินเล่นที่ไหนมาลูก”
“ไม่ได้ไปเดินที่ไหนหรอกครับ ผมเจอพนักงานห้างเป็นลม ก็เลยพาไปส่งห้องพยาบาล”
“โถ ลูกแม่ ช่างแสนดีอะไรอย่างนี้ แบบนี้จะไม่ให้แม่ภูมิใจได้ยังไง เราไปกันเถอะ วันนี้แม่จะพาลูกไปพบคนสำคัญ”
คุณชายมองแม่ด้วยความสงสัย
ที่ห้องพยาบาล ห่านลืมตาฟื้นขึ้นมาเห็นเจ๊มะพร้าวกับแหม่มอยู่ข้างเตียง
“ห่าน จำเจ๊กับแหม่มได้รึเปล่า”
ห่านถอดหน้ากากออก แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง แหม่มช่วยประคอง
“ห่านไม่ได้ล้มหัวฟาดพื้นนะเจ๊ จะได้ความจำเสื่อม แค่เป็นลมเฉยๆ”
“ฉันกับเจ๊เป็นห่วงแกแทบแย่ แล้วนี่ใครพาแกมาส่งที่ห้องพยาบาล”
ห่านนิ่งไป คิดย้อนกลับไปตอนที่เห็นคุณชายหน้าเบลอๆ
“เทพบุตร...”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันขวับมามองหน้ากัน แล้วเจ๊มะพร้าวก็เอามือจับหน้าผากห่าน
“ตัวก็ไม่ร้อน ไม่น่าเพ้อได้นะเนี่ย”
ห่านหันไปทางเจ๊มะพร้าวกับแหม่มหน้าจริงจัง
“ฉันเห็นเทพบุตรจริงๆ สงสัยจะเป็นเทวดาประจำตัวมาช่วยฉัน” แหม่มอึ้งไปนิดนึง
“ฉันว่าแกไปหาหมอซักหน่อยดีมั๊ย หรือไม่ก็กลับบ้านไปนอนพัก เดี๋ยวฉันกับเจ๊จะไปบอกคุณพรเพ็ญให้ ท่าทางแกไม่ค่อยดีเลยอ่ะ”
ห่านพยักหน้า สีหน้ายังเพ้อคิดถึงคุณชาย เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้ากันแบบใจคอไม่ค่อยดี
ที่ลานกิจกรรม พิธีกรยืนอยู่บนเวทีที่มีฉากหลังเป็นรูปดาหลาขนาดใหญ่
“ขอแสดงความยินดีกับนางสาวไทยสยามประจำปีนี้ คุณดาหลา เกริกก้องสกุลครับ”
คุณชาย คุณหญิงรื่นฤดี ดารัณนั่งที่โซฟาด้านหน้า มีลูกค้านั่งดูกันเต็มไป คนที่ไม่มีที่นั่งก็ยืนตามมุมต่างๆ และบนชั้นอื่นๆ ไม่นานดาหลาเดินออกมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ก่อนจะยกมือไหว้และโบกมือให้ทุกคน ฉีกยิ้มหวานไปรอบๆ นักข่าวรัวชัตเตอร์ไม่หยุด คุณหญิงรื่นฤดียิ้มอย่างพอใจ
“หนูดาหลาสวยมากจ๊ะ” ดารัณยิ้มปลื้ม คุณหญิงรื่นฤดีหันไปทางคุณชาย “ลูกว่ามั๊ย”
“ครับ”
คุณชายหันไปมองดาหลารู้สึกคุ้นหน้า
“ลำดับต่อไปขอเชิญท่านผู้บริหารห้างสรรพสินค้าBKK Plaza ขึ้นมามอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับคุณดาหลาด้วยครับ”
คุณรื่นฤดีหันไปหยิบช่อดอกไม้ที่วางบนโต๊ะข้างตัวส่งให้คุณชาย
“เป็นตัวแทนของแม่เอาช่อดอกไม้ขึ้นไปให้น้องนะลูก”
“คุณแม่ขึ้นไปให้เองดีกว่าครับ”
“ลูกนั่นแหละจ๊ะขึ้นไป เพราะอีกไม่นานลูกก็กำลังจะขึ้นเป็นผู้บริหารของที่นี่ เชื่อแม่นะ”
คุณชายถอนใจแล้วก็รับช่อดอกไม้จากแม่เดินขึ้นไป ทันทีที่คุณชายขึ้นไปบนเวที ดาหลาหันไปเห็นคุณชายก็ตกตะลึงพรึงเพริดในความหล่อและมีออร่าของคุณชาย นักข่าวรัวชัตเตอร์ใส่เต็มที่
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มประคองห่านเดินออกมาพอดี ห่านหันไปเห็นคุณชายก็ชะงักกึก หยุดเดิน ทำให้เจ๊มะพร้าวกับแหม่มแปลกใจ
“จะเป็นลมอีกเหรอแก”
“เทพบุตร” เจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองหน้ากัน “นั่นไง พ่อเทพบุตรของฉัน”
เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปมองคุณชายที่ถ่ายรูปคู่อยู่กับดาหลาก็ตะลึงอึ้งไปเช่นกัน ห่านมองคุณชายแล้วก็ยิ้มเพ้อๆ ออกมาอย่างหลงใหล
เย็นวันนั้นเมื่อคุณชายกับคุณหญิงรื่นฤดีกลับเข้าบ้าน คุณหญิงรื่นฤดีหันมาเห็นคุณชายมองหน้าก็แปลกใจ
“มองหน้าแม่ทำไมจ๊ะ ต้องมีอะไรอยากจะถามแม่แน่ๆ”
“คนสำคัญของคุณแม่ที่ว่า คือคุณดาหลาใช่มั๊ยครับ”
“ลูกนี่ฉลาดจริงๆ หนูดาหลาเป็นคนน่ารัก แล้วก็เป็นคนดี คบหากันไว้ แม่ว่าก็ไม่เสียหาย”
“ดีจริงเหรอครับคุณแม่”
คุณหญิงรื่นฤดีนิ่วหน้า
“พูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง”
คุณชายนึกย้อนกลับไปตอนที่เห็นดาหลาลนลานออกมาจากห้องน้ำ แล้วคุณชายหันไปเห็นห่านนอนไม่ได้สติ
“ไม่มีอะไรครับคุณแม่”
“แม่รับประกันได้ว่าหนูดาหลาดีจริง งามทั้งใบหน้า งามทั้งภายใน แม่อยากให้ชายเปิดใจ รู้จักกับหนูดาหลาให้มากขึ้น เชื่อแม่นะ” คุณชายไม่ตอบ คุณหญิงรื่นฤดีนึกขึ้นได้ “อ้อ...ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง เตรียมตัวสำหรับการงานเปิดตัวลูกในวันพรุ่งนี้ด้วยนะจ๊ะ”
คุณหญิงรื่นฤดีพูดจบแล้วก็จับแก้มคุณชายก่อนจะเดินออกไป คุณชายถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ”
คืนนั้นที่บ้านเช่าบื้อ โย่งกำลังทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหน้าเซ็งมาก ก่อนจะหันมาทางบื้อ
“บะหมี่อีกตามเคย”
“มีไรก็กิน อย่าบ่น”
โย่งกับบื้อกำลังจะกิน พลันได้กลิ่นหอมของกับข้าวลอยมา สองคนถึงกับสูดกลิ่นพร้อมกัน
“หอมมม”
“มาจากไหน”
โย่งกับบื้อวางชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วก็เดินตามกลิ่นออกไปนอกบ้าน
ขณะนั้นห่านกำลังทำกับข้าวด้วยความชำนาญมากๆ ห่านดูมีความสุข ทำไปก็ฮัมเพลงไป ด้านหลังเห็นบื้อกับโย่งเดินมามองจานอาหารที่ทำเสร็จที่วางอยู่บนโต๊ะ ห่านหันไปเห็นบื้อกับโย่งก็ตกใจ ท้าวเอวหน้าเอาเรื่องทันที
“นายสองคนเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ใครจุดธูปเรียกมิทราบ”
โย่งกับบื้อสะดุ้ง
“เราตามกลิ่นอาหารมาน่ะ”
“เป็นหมาเหรอ”
“นี่...” บื้อจะลุย โย่งรีบห้าม
“ใจเย็น เรามาดีนะห่าน”
โย่งกับบื้อมองอาหารแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก ห่านมองอย่างรู้ทัน
“น่ากินใช่มะ” โย่งกับบื้อพยักหน้าพร้อมกัน ห่านยกจานอาหารจานหนึ่งเดินมาตรงหน้าสองคน “แล้วอยากกินรึป่าว” บื้อกับโย่งพยักหน้าพร้อมกัน “ฉันจะให้กิน” บื้อกับโย่งยิ้มดีใจ “แต่...” บื้อกับโย่งหุบยิ้ม ห่านหันไปทางบื้อ “นายต้องขอโทษฉันมาก่อน”
“ขอโทษเรื่องไร”
“เรื่องที่นายขี่จักรยานชนฉัน”
“เฉี่ยว”
“นั่นแหละ แล้วก็เรื่องบนรถเมล์” บื้อยังเงียบ “ถ้าไม่ขอโทษ ก็ไม่ต้องกิน”
ห่านถือจานอาหารออกไป โย่งที่หิวมากเลยโพล่งออกไป
“ขอโทษครับ”
บื้อกับห่านหันไปมองโย่ง
“ขอโทษทำไมวะ” บื้อถามอย่างแปลกใจ
“ฉันหิว”
“เรื่องนี้นายไม่เกี่ยวนะโย่ง ถึงนายจะขอโทษแทนเพื่อน แต่ความผิดมันก็ลบล้างกันไม่ได้” โย่งสลด ห่านหันไปทางบื้อ “ว่าไงนายซื่อบื้อ จะขอโทษมั๊ย”
บื้อมองอาหาร ท้องร้องโครกคราก ห่านอมยิ้ม บื้อกลั้นใจ รักศักดิ์ศรี
“ไม่”
ห่านหุบยิ้ม โย่งโวยวาย
“เฮ๊ย ไอ้บื้อ”
ห่านมองบื้อยัวะๆ แล้วถามเสียงดัง
“จะขอโทษมั้ย”
บื้อตัดสินใจแน่วแน่
“ไม่”
“โอย...ไอ้บื้อออ”
ห่านยัวะก่อนจะคิดแผนออก
“ไม่ ใช่มั้ย”
บื้อยังหน้าเชิดรักศักดิ์ศรี ห่านเริ่มแผนยั่วศัตรู สูดดมอาหารในจานก่อนจะจกกินเคี้ยวกร้วมๆ อย่างอร่อยเหลือเกิน โย่งแทบจะลงแดง บื้อก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ห่านลอยหน้าลอยตา เอาจานวนๆ แถวจมูกบื้อ
“ไงจ๊ะ จะขอโทษได้ยัง”
“ไอ้บื้ออออ” โย่งเร่ง สุดท้ายบื้อก็กัดฟันพูดเบาๆ
“ขอโทษ”
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน”
“ขอโทษษษ” บื้อแหกปาก ห่านหัวเราะชอบใจลั่น บื้อฮึดฮัดสุดๆ
บื้อกับโย่งกินทุกอย่างเรียบ เหลือแต่จาน สองหนุ่มนั่งผึ่งพุงกาง
“สุดยอดเลยครับห่าน”
ห่านยิ้ม บื้อหันไปมองรอบๆ บ้านเห็นบ้านห่านสะอาด
“สะอาดโคด” บื้อบอกในใจแล้วหันไปอีกทางเห็นข้าวของถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ “เรียบร้อยสุดๆ” บื้อหันไปอีกมุมเห็นเสื้อผ้าแขวนไว้ตรงราวที่อยู่มุมห้อง เสื้อผ้ารีดเรียบมากก็หันมามองหน้าห่าน แล้วเผลอพูดออกมาเสียงเบา “ไม่น่าเชื่อ”
ห่านกับโย่งได้ยินก็เงยหน้ามองบื้อ
“นายพูดว่าอะไร” บื้อสะดุ้ง
“เปล่า”
“เปล่าไร ก็ฉันได้ยินนายพูด ใช่มั๊ยโย่ง”
“ใช่ ฉันก็ได้ยิน” บื้ออึกอัก
“เออ ฉะ...ฉันร้องเพลง
“ร้องเพลง” ห่านนิ่วหน้า
“เพิ่งแต่งสดๆ เลย อยากฟังมั๊ย” ห่านเงียบ บื้อร้องออกมาพร้อมกับตีโต๊ะให้จังหวะ “ข้าวเปล่าจานนี้ สีขาว ดูดี” ห่านเบ้หน้า
“พอๆ ไม่ต้องร้องแล้ว เพี้ยนป่ะเนี่ย”
บื้อยิ้ม แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวพลางถอนหายใจโล่งอก ห่านมองบื้อแล้วก็ส่ายหัว
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บอร์ดประกาศภายในห้างสรรพสินค้าBKK Plaza มีรูปคุณชายแปะอยู่บนบอร์ด พร้อมข้อความเขียนใต้รูปว่า “คุณคุณชาย นฤนารถวรเดช ประธานบริหารคนใหม่ของห้างสรรพสินค้าBKK Plaza”
ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มยืนมุงดูรูปกันอยู่กับพนักงานคนอื่น หน้าห่านอึ้งมาก เจ๊มะพร้าวกับแหม่มหันไปทางห่าน
“ไอ้ห่าน นี่มันพ่อเทพบุตรของแกนี่หว่า”
“คุณคุณชาย ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงรื่นฤดี”
ห่านเดินออกมาหน้าอึ้งๆ เจ๊มะพร้าวกับแหม่มตามออกมา
“แกนี่มันตาถึงจริงๆ เล่นของสูงเสียด้วย”
“ฉันจะทำไงดี”
“ทำไง อะไรของแก”
“ก็ฉันคิดเอาไว้ว่าถ้าเจอเค้าอีกครั้ง ฉันจะขอบคุณเค้า แต่นี่กลายเป็นว่าเค้าอยู่สูงจนเกินเอื้อม”
เจ๊มะพร้าวนิ่งคิดนิดนึง
“ไม่เกินเอื้อมหรอกย่ะ” ห่านกับแหม่มหันไปมองเจ๊มะพร้าว “พวกแกไม่เห็นเหรอว่าเค้าจะมีงานเลี้ยงเปิดตัวคุณคุณชายอย่างเป็นทางการ นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ที่แกจะได้ไปขอบคุณเค้า”
“โอ๊ยเจ๊ พูดเป็นละครไปได้ ห่านมันจะเข้าไปในงานนั้นได้ยังไง”
“แกนี่มันมีหูไว้คั่นหัวจริงๆ ถ้าเจ๊ไม่มีแผน เจ๊ไม่เสนอแนะหรอก พวกแกไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
“แผนอะไรเหรอเจ๊”
“เรื่องมันยาว ไปหาที่นั่งคุยกันเงียบๆ ดีกว่า”
เจ๊มะพร้าวหน้าเจ้าเล่ห์ ห่านกับแหม่มมองเจ๊มะพร้าวด้วยความสงสัย
แหม่มเผลอเสียงดังใส่เจ๊มะพร้าวกับห่านหลังจากรู้ถึงแผนการของเจ๊มะพร้าว
“หา...อะไรนะเจ๊”
“แกจะแหกปากทำไมนังแหม่ม เดี๋ยวตบปากฉีก”
แหม่มรีบปิดปากตัวเอง
“ไม่ดีมั๊งเจ๊ ถ้าใครจับได้ถูกไล่ออกแน่ๆ เผลอๆ ได้ไปกินข้าวแดงในคุกอีกต่างหาก”
“อุ๊ย ข้าวแดง ดีต่อสุขภาพนะคะน้องห่าน เฮ้ย โธ่แกนี่ นอกเรื่องอีกแล้ว มันไม่ยากหรอกเชื่อเจ๊สิ เรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสามคน ไม่มีทางที่คนอื่นจะมารู้ได้ถ้าไม่มีใครเปิดปากบอก” ห่านกับแหม่มมองหน้ากัน “ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวเจ๊จะทบทวนแผนการให้ฟังอีกที” เจ๊มะพร้าวซุบซิบกับห่านและแหม่ม “วันนี้ซักบ่ายสองบ่ายสามให้แกแกล้งทำเป็นว่ายังไม่สบายอยู่ แล้วลากลับบ้านโดยฝากบูธไว้กับยัยเอ๋ที่อยู่บูธข้างๆ แก...”
ห่านยกแขนดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสอง ห่านหันไปมองรอบๆ ลูกค้าน้อยมาก หันไปมองอีกทางเห็นแอปเปิ้ล ปีโป้ กำลังเม้าท์ ห่านเดินมาหาเอ๋ที่บูธข้างๆ แล้วแกล้งทำหน้าป่วย
“เอ๋ ฉันรู้สึกยังไม่ค่อยดีเลยอ่ะ ขอกลับบ้านไปพักก่อนนะ”
“ได้สิ วันนี้ยังไม่สิ้นเดือน ไม่ค่อยมีลูกค้า กลับไปเถอะ”
ห่านพยักหน้าทำท่าจะเดินออกไป เสียงเจ๊มะพร้าวบรรยายดังเข้ามา
“ทีนี้แกก็หาจังหวะจิ๊กรองเท้าส้นสูงสวยๆ ซักคู่ใส่กระเป๋ามา ย้ำ...สวยๆ นะ”
“แล้วฉันจะทำได้เหรอเจ๊”
“แกทำได้ เชื่อฉัน”
ห่านค่อยๆ เดินมาที่รองเท้าสีทองสวยงามคู่หนึ่ง ปีโป้กับแอปเปิ้ลหันมา ห่านรีบย่อตัวหลบหลังชั้นวางรองเท้า แล้วแอบโผล่มามองระหว่างชั้นรองเท้าเห็นปีโป้กับแอปเปิ้ลหันไปทางอื่น ห่านเปิดตู้ที่อยู่ใต้ชั้นวางรองเท้า หยิบถุงออกมาหนึ่งใบ
ห่านรีบคลานมาที่อีกฝั่งหนึ่ง โผล่หน้าขึ้นมาเช็คอีกครั้ง เหงื่อห่านหยดติ๋งลงพื้น ห่านรีบยื่นมือมาหยิบรองเท้าสีทองคู่หนึ่งใส่ถุงแล้วรีบเดินเนียนออกไปโดยที่ไม่มีใครสนใจ
เสียงเจ๊มะพร้าวบรรยายต่อ
“หลังจากนั้นแกก็เดินมาหานังแหม่มที่บูธ ให้นังแหม่มเลือกชุดราตรีสวยๆ ซักชุดใส่กระเป๋าไว้”
ห่านเดินมาหาแหม่ม สองคนส่งซิกกัน แหม่มหันไปหยิบชุดราตรีชุดหนึ่งแล้วก็แกล้งโวยวาย
“ตายแล้ว” พนักงานอีกคนหันมา “เสื้อขาด” พนักงานอีกคนจะเดินมาดู แหม่มรีบหยิบเสื้อหลบ “เอาเสื้อขาดมาให้เราได้ยังไง นี่ถ้าลูกค้าเห็นเข้า เสียชื่อแย่ ฉันเอาไปเก็บก่อนนะ”
แหม่มรีบเดินออกไป พลางหันไปพยักหน้าให้ห่านว่า”สำเร็จ”
“เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยให้เดินไปเจอเจ๊ที่ห้องน้ำ...”
เสียงเจ๊มะพร้าวยังดังเข้ามา
เจ๊มะพร้าวล็อกประตูห้องน้ำ รีบเดินมาหาห่านและแหม่ม เจ๊มะพร้าวเทของในกระเป๋าออกมาเป็นพวกตัวเทส เตอร์เครื่องสำอางค์ ห่านกับแหม่มตาโต
“โอ้โฮ จัดเต็ม”
“เจ๊ซะอย่าง ทำอะไรมันก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วอีกอย่างเทสเตอร์พวกนี้เค้าแจกฟรีให้พนักงานอยู่แล้วเพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา แถมเจ๊ยังได้กระเป๋าแถมฟรีมาให้แกถือเข้างานอีกด้วยนะ” เจ๊มะพร้าวหยิบกระเป๋าสีทองออกมา ห่านยิ้ม “แหม่ม เปิดกระเป๋า”
“เปิดกระเป๋าแหม่มทำไมอ่ะเจ๊”
“ฉันจะให้เอากระเป๋า รองเท้ากับชุดราตรีใส่กระเป๋าแกน่ะสิ”
“อ้าว เจ๊...ทำไมต้องกระเป๋าแหม่มด้วย วอนหาคุกให้แหม่มมั๊ยเนี่ย แหม่มยังสวยสะพรั่งที่สำคัญยังโสด ไม่อยากไปนั่งแก่โหนคานในคุกนะเจ๊”
“อย่าเพิ่งขัดเจ๊ได้มะ เจ๊กำลังจะบอกเหตุผล ที่เจ๊เลือกแก เพราะว่าแกสวย” แหม่มรู้สึกดีขึ้นมาทันที “เซ็กซ์... ผู้ชายที่ไหนเห็นแก ก็ต้องใจอ่อน เสร็จทุกราย”
“ห่านก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันจะทำให้แหม่มไม่ต้องถูกโย่งตรวจกระเป๋าได้ยังไง รู้ก็รู้ว่าโย่งเป็นคนเคร่งครัดในหน้าที่มากแค่ไหน มดซักตัวจะเดินเข้าห้างฯ โย่งมันยังจับเลย”
“ถูก”
“เจ๊มีวิธีก็แล้วกัน และวิธีนี้ต้องเป็นนังแหม่มคนเดียวที่ทำได้”
ห่านกับแหม่มมองเจ๊มะพร้าวด้วยความสงสัยสุดๆ
ทางออกด้านหลังห้างฯ ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าว เดินมาโดยพร้อมเพรียงกัน โย่งหันมาเห็น
“สวัสดีครับพ้ม”
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวสะดุ้ง
“รีบตรวจกระเป๋าซะน้องโย่ง เดี๋ยวพวกเจ๊จะไปทำภารกิจไม่ทัน”
“ครับพ้ม”
โย่งเอากระเป๋าเจ๊มะพร้าวมาตรวจ ของเจ๊มะพร้าวผ่านไป ห่านยื่นกระเป๋าให้โย่ง โย่งรับมาตรวจ ห่านผ่านไป จนกระทั่งมาถึงแหม่ม โย่งแอบมีชะงักเพราะแอบหลงรักแหม่มอยู่ เจ๊มะพร้าวรีบกระทุ้งศอกใส่แหม่ม แหม่มรีบฉีกยิ้มหวานทั้งๆ ที่ในใจโคตรตื่นเต้น
“ขออนุญาตนะครับพ้ม”
แหม่มพยักหน้า ยื่นกระเป๋าให้ เจ๊มะพร้าวกับห่านลุ้นระทึก โย่งเปิดกระเป๋าเห็นถุงๆ หนึ่ง โย่งหยิบออกมา แต่ทำพลาด ของในถุงร่วงลงพื้นมันคือ กางเกงในสไตล์เซ็กซี่ โย่งอ้าปากค้าง หน้าแดงซ่าน
“อุ๊ย”
ห่านกับเจ๊มะพร้าวแอบขำ โย่งอายมาก รีบทำวัทยาหัสต์
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
แหม่มรีบโกยกางเกงในเก็บใส่ถุง แล้วก็เงยหน้ามองโย่ง
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” แหม่มเอาถุงกางเกงในใส่กระเป๋า “ตรวจกระเป๋าต่อมะ”
แหม่มยื่นกระเป๋าไปตรงหน้าโย่ง โย่งหลุบตามองถุงกางเกงใน ในนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความอาย
“ไม่ต้องแล้วครับ เชิญครับพ้ม”
โย่งผายมือ แหม่ม ห่าน เจ๊มะพร้าวหันมามองหน้ากัน แล้วทำมือโอเค โล่งใจกันสุดๆ สามสาวกำลังจะเดินออกไป แต่เสียงพรเพ็ญดังขึ้นผ่านโทรโข่ง
“แม่สามสาวจะไปไหนกัน”
เสียงพรเพ็ญดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ห่าน เจ๊มะพร้าว แหม่มหยุดกึก เหล่มองหน้ากัน หน้าซีดเผือด หันไปเห็นพรเพ็ญเดินออกมา สามสาวตัวแข็งทื่อ โย่งรีบทำความเคารพ พรเพ็ญเดินมาตรงหน้าสามสาว
“ฉันถามว่าจะไปไหนกัน”
“อุ๊ย สวัสดีค่ะคุณพรเพ็ญ คือว่าวันนี้พวกเราขอลาครึ่งบ่ายน่ะค่ะ พอดีมีธุระต้องไปทำกันนิดหน่อย”
“ธุระที่ว่าคืออะไร ถ้าฉันเห็นว่าไม่สมควร ฉันก็ไม่ให้ลาหรอก อะไรกัน ลาไปพร้อมๆ กันสามคนแบบนี้มันน่าสงสัย” สามสาวตาเหลือก “แล้วนี่ตรวจกระเป๋ากันเหรอยัง”
แหม่มลนลานรีบตอบ
“ตรวจแล้วค่ะ ไม่ได้เอาอะไรออกไปเลยนะคะ”
พรเพ็ญเลิกคิ้วมองแหม่มด้วยความสงสัย เจ๊มะพร้าวกับห่านหันไปมองแหม่มที่หลุดอีกแล้ว แหม่มหน้าเสีย
“มีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ไหนเอากระเป๋ามาตรวจอีกทีสิ”
แหม่มหน้าซีดทันที เจ๊มะพร้าวกับห่านมองหน้ากัน “ฉิบหาย” แล้วเจ๊มะพร้าวก็ยื่นกระเป๋าตัวเองให้พรเพ็ญก่อน
“นี่ค่ะ”
พรเพ็ญตรวจกระเป๋าเจ๊มะพร้าว ห่านกับแหม่มเต้นเร่าๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี
“นี่ยัยมะพร้าว รู้สึกในกระเป๋าเธอจะมีตัวเทสเตอร์เครื่องสำอางเยอะจังนะ”
“แหม คุณพรเพ็ญขา มะพร้าวขายเครื่องสำอางนะคะ ก็ต้องทำตัวให้ดูดี จะมาไก่กาหน้าเน่าขายของใครเค้าจะซื้อ ที่สำคัญทางบริษัทแม่ก็มีผลิตภัณฑ์ให้พนักงานใช้นะคะ ทุกบูธก็เป็นแบบนี้ ตอนนั้นคุณพรเพ็ญยังมาเอาสครับขัดผิวหน้าตัวเทสเตอร์ที่บูธของมะพร้าวไปใช้เลย จำไม่ได้เหรอคะ”
พรเพ็ญหน้าเจื่อน เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง หันไปทางแหม่ม
“กระเป๋าเธอล่ะยัยแหม่ม”
ห่านรีบยื่นกระเป๋าตัวเองออกไป
“ตรวจของห่านก่อนเลยค่ะ”
พรเพ็ญตรวจกระเป๋าห่าน ไม่พบอะไร ก็หันไปทางแหม่มที่เหงื่อแตกเต็มหน้า
“คิวเธอแล้ว” แหม่มไม่กล้ายื่นกระเป๋าให้ กลืนน้ำลายเอื๊อก พรเพ็ญยื่นมาจับหมับเข้าที่กระเป๋าของแหม่ม แหม่มผงะจับกระเป๋าแน่นไม่ยอมปล่อย “เอามาสิ”
แหม่มยังไม่ยอมปล่อย โย่งมองแหม่มสงสัย ห่านกับเจ๊มะพร้าวแทบสิ้นสติ ขณะที่พรเพ็ญกับแหม่มกำลังยื้อกระเป๋ากันอยู่นั้น เจ๊มะพร้าวก็นึกอะไรออก
“โอ๊ย”
เจ๊มะพร้าวแกล้งปวดท้อง พรเพ็ญปล่อยมือจากกระเป๋าแหม่มหันไปมองเจ๊มะพร้าว ห่าน แหม่ม โย่งก็หันไปมองด้วย
“เป็นอะไรยัยมะพร้าว”
“ปวดท้องค่ะ ปวดมากๆ เลยค่ะ โอ๊ย ปวดจะตายอยู่แล้ว”
เจ๊มะพร้าวทำชักดิ้นชักงอ หันไปส่งซิกให้ห่านกับแหม่ม บอกให้แหม่มเอาของในกระเป๋าใส่ลงไปในกระเป๋าของห่าน เจ๊มะพร้าวทำไม้ทำมือ ห่านเข้าใจทันที โชคดีที่โย่งมัวแต่มองเจ๊มะพร้าว ห่านเลยรีบหันไปทางแหม่ม แล้วเอารองเท้า กระเป๋ากับชุดราตรีในกระเป๋าแหม่มออกมา พรเพ็ญแปลกใจกับท่าทางของเจ๊มะพร้าวกำลังจะหันไป เจ๊มะพร้าวคว้าแขนพรเพ็ญเอาไว้
“โอ๊ยยย”
พรเพ็ญตกใจหันมา ห่านเอาชุด กระเป๋าและรองเท้าจากกระเป๋าแหม่มใส่กระเป๋าตัวเองสำเร็จ ห่านหันไปทำมือโอเคกับเจ๊มะพร้าว เจ๊มะพร้าวโล่งใจ แล้วก็หยุดร้อง
“หายแล้วเหรอยัยมะพร้าว”
โย่งพยุงเจ๊มะพร้าวให้ลุกขึ้นยืน
“ค่ะ หายแล้ว อยู่ดีๆ ก็หาย แปลกจริงๆ เลยนะคะ หุหุหุ”
“แปลกสิ เมื่อกี๊ร้องโอดโอยทำหยั่งกับจะตาย”
เจ๊มะพร้าวยิ้ม พรเพ็ญหันมาทางแหม่ม ยังไม่ทันพูดอะไร แหม่มรีบยื่นกระเป๋ามาตรงหน้า พรเพ็ญชะงัก
“เชิญตรวจให้เต็มที่เลยค่ะคุณพรเพ็ญ” แหม่มบอกอย่างมั่นใจมาก
พรเพ็ญรับมาตรวจ ไม่เจออะไร แล้วก็เงยหน้ามองแหม่ม
“พวกเราไปกันได้แล้วนะคะ” เจ๊มะพร้าวบอก
“เดี๋ยว” สามสาวผงะ “พวกเธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าจะลาไปไหนกัน”
“ไปผ่าริดซี่ค่ะ หมอนัดผ่าวันนี้ ถ้าไม่ผ่ามันจะมีอาการแบบเมื่อกี๊นะคะคุณพรเพ็ญ เจ็บปวดร้าวไปถึงตับอ่อน มะพร้าวเลยต้องขอให้ห่านกับแหม่มไปเป็นเพื่อน เพราะกลัวว่าหลังผ่าจะกลับบ้านไม่ได้” พรเพ็ญหรี่ตามอง “ถ้าไม่เชื่อ มะพร้าวจะเปิดก้นให้ดูก็ได้นะคะ”
เจ๊มะพร้าวทำท่าจะถลกกระโปรง โย่งเหวอ พรเพ็ญรีบห้าม
“ไม่ต้อง ฉันไม่อยากดู จะไปไหนก็รีบๆ ไป”
ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวรีบเดินออกไปพลางถอนหายใจโล่งอก พรเพ็ญอยากจะบ้าตาย หันไปเจอโย่งทำความเคารพเสียงดัง
“สวัสดีครับพ้ม”
“ว้าย”
พรเพ็ญสะดุ้งแล้วก็เดินออกไป โย่งถอนหายใจ
ที่ห้องน้ำหญิงของโรงแรม เจ๊มะพร้าวกับแหม่มรออยู่ด้านนอกห้องส้วม
“เสร็จเหรอยังห่าน”
“เสร็จแล้ว”
“เสร็จก็ออกมาสิ แกจะอยู่ดมกลิ่นส้วมเหรอไง”
“ฉันอาย มันโป๊”
“โชว์เนื้อหนังมังสานิดหน่อยออกจะเลิศ นี่ถ้าเป็นเจ๊นะจะผ่าหน้า ผ่าด้านข้าง เอาให้นมมันหกเรี่ยราดไปทั่วงานเลย หุหุ”
“ห่านไม่ใช่เจ๊นะ อายจะแย่แล้วเนี่ย”
“อย่าลีลา รีบๆ ออกมาได้แล้ว”
ห่านเงียบไปสองวินาทีแล้วประตูก็เปิดออกมา เจ๊มะพร้าวกับแหม่มรอลุ้น รองเท้าส้นสูงสีทองก้าวออกมาจากห้องส้วมก่อนส่วนอื่น เจ๊มะพร้าวกับแหม่มก้มมองรองเท้าแล้วก็มองไล่ขึ้นไปเห็นห่านในชุดราตรีสีชมพู ผมสยาย แต่งหน้าอ่อนๆ ดูสวยงามมาก เจ๊มะพร้าว กับแหม่มอ้าปาก ตาค้าง
“หมุนตัวสิ” ห่านหมุนตัวเห็นหลังผ่าลึกลงมาเกือบถึงบั้นท้าย ห่านหันมา ยังเขินๆ อายๆ “เจ๊ภูมิใจในตัวแกจริงๆ เลยนังห่าน โอ๊ย...พูดแล้วน้ำตาจะไหล”
“มันโอเคใช่มั๊ย”
“มันเกินคำว่าโอเคอีกแก งามมาก”
แหม่มจับแขนลากห่านมาตรงหน้ากระจก ทันทีที่ห่านเห็นตัวเองก็ยิ้มออกมา แหม่มกับเจ๊มะพร้าวยืนประกบ
“แต่เจ๊ว่ามันยังขาดอะไรไปอีกหนึ่งอย่าง”
เจ๊มะพร้าวคิดๆ แล้วก็นึกออก หันไปเห็นดอกไม้เล็กๆ ที่ประดับแจกันในห้องน้ำ เจ๊มะพร้าวหยิบขึ้นมา แล้วดึงกิ๊บดำออกจากหัวตัวเอง ก่อนจะติดดอกไม้เข้าที่ผมห่าน กลายเป็นมงกุฎดอกไม้
“เพอร์เฟค แม่ซินเดอเรลล่าของเจ๊”
ห่านหันไปมองตัวเองในกระจก ยิ้มออกมาราวกับว่าเธอได้กลายเป็นเจ้าหญิงจริงๆ
“ซินเดอเรลล่า”
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมาส่งห่านที่ด้านหน้างาน ห่านดูตื่นเต้นสุดๆ
“รีบเข้าไปข้างในได้แล้ว”
“แกกับเจ๊ไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“จะพากันไปติดคุกเหรอไงยะ ฉันกับเจ๊ใส่ชุดพนักงานห้างฯ ซะขนาดนี้ แกไปคนเดียวเถอะ สิ่งสำคัญที่แกต้องทำก็คือ หาทางขอบคุณคุณคุณชายให้ได้ ฉันรู้ว่าแกทำได้” แหม่มตบบ่าห่าน ห่านพยักหน้า “แต่...อันนี้ย้ำสำคัญมาก ห้ามทำชุดขาด หรือพังเป็นอันขาด เพราะฉันไม่มีปัญญาซื้อใช้”
“เออน่า ฉันรู้”
“โอเค พร้อมมั๊ย”
“ไม่พร้อม ฉันว่า...ฉันกลับดีกว่า”
ห่านจะเดินกลับไป แหม่มกับเจ๊มะพร้าวรีบคว้าแขนเอาไว้
“มาเกินครึ่งทางแล้ว แกจะกลับได้ยังไง”
“เกิดมีคนจำฉันได้ขึ้นมา ฉันจะทำไง”
“ใครจะจำพนักงานต๊อกต๋อยกะโปโลอย่างแกได้ห๊ะ ในนั้นมีแต่ผู้บริหารกับไฮโซเซเลบ รับรองไม่มีใครจำแกได้หรอก เจ๊แปลงโฉมให้เป๊ะซะขนาดนี้ รีบเข้าไปได้แล้ว”
“ลุยเลยเพื่อน สู้ๆ”
ห่านมองแหม่มกับเจ๊มะพร้าวแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
ภายในห้องจัดงาน ทางด้านหลังเวที พนักงานอาวุโสประจำห้างฯ กำลังตบไหล่บื้อที่ยังอยู่ในชุดพนักงาน
“ขอบใจมากนะบื้อ ที่ช่วยขับรถขนของมาให้”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับนะครับ”
พนักงานอาวุโสพยักหน้า บื้อไหว้ลาแล้วก็เดินออกไป
ห่านเดินเข้ามาในงานด้วยท่าทางที่ไม่มั่นใจ ดูตื่นกลัว หันไปมองรอบๆ เห็นคนหันมามองเธอ ห่านตกใจ รีบเอากระเป๋าถือปิดหน้าตัวเองเอาไว้ แล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที แต่แล้วห่านก็ต้องเบรกเอี๊ยดเมื่อเห็นบื้อเดิน ออกมา
“ไอ้บื้อข้างบ้าน”
ห่านแทบช็อก บื้อหันมาทางห่าน ห่านรีบยกกระเป๋าปิดหน้าแล้วหันหลังเดินหนี บื้อมองตามห่าน แล้วก็เห็นดอกไม้ที่ติดหัวห่านหล่นบนพื้นมาดอกนึง บื้อรีบเดินเข้าไปเก็บขึ้นมา
“คุณครับ”
ห่านชะงักที่ได้ยินเสียงบื้อ หันไปมองโดยเอากระเป๋าปิดหน้าเห็นบื้อตามมา
“แย่แล้ว มันต้องเห็นเราแน่ๆ”
ห่านรีบจ้ำเดินหนี บื้อรีบเดินตาม เข้ามาใกล้มากขึ้นมากขึ้น
“คุณ...คุณ...”
ห่านอยากจะบ้าตาย และเพราะเดินเร็วทำให้สะดุดพรม ห่านกำลังจะล้ม บื้อรีบเข้ามาคว้าเอวห่าน ห่านตกใจมาก หันไปทางบื้อโดยเอากระเป๋าปิดทั้งหน้า บื้อผงะแปลกใจ ห่านไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ทำดอกไม้ตกน่ะครับ”
ห่านชะงัก แล้วก็โล่งอก ห่านรีบผละออกจากบื้อแล้วลุกขึ้นยืน โดยที่ยังเอากระเป๋าปิดหน้า บื้อพยายามจะชะโงกมองหน้า แต่ห่านรีบเอาดอกไม้คืนมาจากบื้อแล้วดัดเสียงพูดให้ใหญ่
“ขอบใจ”
บื้อตกใจ แล้วห่านก็รีบหันหลังจ้ำเดินออกไปทันที บื้อมองตามห่านด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ได้ติดใจสงสัย
อะไร
ห่านรีบมาหลบตรงมุมหนึ่งแล้วแอบมองตามบื้อที่ออกจากงานไปแล้ว ห่านพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เกือบไปแล้ว เฮ้อ”
ระหว่างนั้นห่านได้ยินเสียงนักข่าวดังโหวกเหวก “มาแล้วมาแล้ว” ห่านหันไปมอง เห็นดาหลาในชุดสวยเดินเข้ามาในงานกับดารัณ นักข่าวรุมถ่ายรูปดาหลาไม่หยุด ห่านได้แต่ยืนมองด้วยความอิจฉา
“เมื่อไหร่ฉันจะเกิดมาสวย รวย เพอร์เฟคอย่างนี้บ้างนะ”
แล้วห่านก็เห็นนักข่าวหันไปทางอีกทาง
“คุณคุณชายมาโน่นแล้ว”
ห่านหันไปมองเห็นคุณชายเดินเข้ามาในงานกับคุณหญิงรื่นฤดี มีแสงออร่าออกจากตัวคุณชายทำเอาห่านยืนมอง ยิ้มด้วยความชอบใจ มีความสุขสุดๆ แต่แล้วภาพฝันก็พังทลายเมื่อดาหลาเข้ามายืนเคียงคู่กับคุณชาย ห่านหุบยิ้มแทบไม่ทัน แขกที่ยืนข้างๆ กันพากันซุบซิบ
“คนหนึ่งก็หล๊อหล่อ อีกคนก็ส้วยสวย ถ้าลูกออกมาคงจะหน้าตาดีมาก”
ห่านหันไปมองคุณชายรู้สึกว่าเธอกับเค้าอยู่กันไกลเกินเอื้อมจริงๆ
คุณชายเดินขึ้นไปบนเวที ดาหลา ดารัณ คุณหญิงรื่นฤดี แขกเหรื่อพากันปรบมือ นักข่าวถ่ายรูปไม่หยุด ห่านได้แต่ยืนมองอยู่ที่ไกลๆ อย่างเงียบๆ คนเดียว
“สวัสดีครับแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลามางานนี้”
คุณชายพูดจาคล่องแคล่ว ทุกคนมองด้วยความชื่นชม ดารัณกระซิบกับคุณหญิงรื่นฤดี คุณหญิงรื่นฤดียิ้มรับหันไปมองคุณชายสีหน้าปลาบปลื้ม
เมื่อคุณชายพูดจบ ทุกคนปรบมือ คุณชายยกมือไหว้ขอบคุณ ห่านมองคุณชายตาเป็นประกาย แล้วดาหลาก็เอาช่อดอกไม้ขึ้นไปให้คุณชาย คุณชายจำต้องรับช่อดอกไม้ ดาหลายืนควงคุณชายแล้วโบกมือให้ทุกคน
“ช่างเหมาะสมกันจริงๆ เลยนะเธอ”
ดารัณบอกกับคุณหญิงรื่นฤดี
“มากมายเลยล่ะจ๊ะ ฉันว่าเราน่าจะให้สองคนนี้หมั้นกันไว้ก่อน ตระกูลของเราทั้งสองคนจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
ดารัณพยักหน้าอย่างเห็นด้วย บนเวที พิธีกรเดินออกมา
“ช่วงต่อไป ขอเชิญคุณคุณชายให้เกียรติเปิดฟลอร์เต้นรำด้วยครับ”
ดาหลาเขินอายทันที คิดว่าคุณชายต้องหันมาขอเธอเต้นรำ คุณชายหันมาจริงๆ ดาหลายื่นมือออกไป แต่คุณชายกลับให้ช่อดอกไม้ ดาหลาผงะ แล้วคุณชายก็เดินลงจากเวที ดาหลาหน้าเจื่อนมาก คุณชายเดินมาหาคุณหญิงรื่นฤดี แล้วยื่นมือไปตรงหน้า
“ให้เกียรติเต้นรำเปิดฟลอร์กับผมนะครับคุณแม่”
คุณหญิงรื่นฤดียิ้มแล้วก็จับมือคุณชายเดินออกไปเต้นรำ ดาหลาแทบกรี๊ด แต่ต้องรักษาภาพเอาไว้โดยการยิ้มและโบกมือ ห่านมองคุณชายกับคุณหญิงรื่นฤดีเต้นรำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ท่าทางจะหมดหวังซะแล้วเรา เฮ้อ...ห่านเอ๊ยห่าน ใครเค้าจะมาสนใจแก”
ห่านถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินคอตกจะออกจากงาน แต่ออกไปไม่ได้ เพราะคนเยอะมาก ห่านโดนชนจนเซไปชนโต๊ะ ห่านเจ็บ แล้วก็หัวเสีย ไม่รู้จะทำยังไง ห่านหันไปเห็นประตูทางออกไประเบียง
ห่านยืนรับลมตรงระเบียงด้วยความเศร้า แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนออกมายืนข้างๆ ห่าน ห่านหันไปก็ผงะเพราะคนๆนั้นคือ “คุณชาย” คุณชายพูดขึ้นมาโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองห่าน
“วันนี้อากาศดีนะครับ พระจันทร์ก็...” คุณชายหันมาเห็นห่านถึงกับชะงักในความสวยหวานของห่าน “...สวย”
ห่านเขินมาก ไม่รู้จะทำหน้า ทำตัวยังไง
“เออ...ค่ะ”
ห่านรีบหันไปทางอื่น หัวใจเต้นแรง
“ทำไมไม่เข้าไปในงานล่ะครับ ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว”
ห่านพูดไม่ออก
“คือว่า...”
“หรือว่าคุณไม่ชอบความวุ่นวายเหมือนผม”
“อ๋อ ใช่ค่ะ” ห่านรีบตอบแล้วจ้องหน้าคุณชายตาไม่กระพริบ
“หน้าผมมีอะไรติดรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรติดหน้าคุณชายหรอกค่ะ”
“รู้จักชื่อผมด้วย?” คุณชายแปลกใจ ห่านชะงัก “ถ้าอย่างนั้นผมขอรู้จักชื่อคุณบ้างได้มั๊ยครับ” ห่านนิ่งไป สีหน้าลำบากใจมาก ทำให้คุณชายจ๋อย “ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะบอก ก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฉันชื่อ...ห่...ฮันนี่ค่ะ”
คุณชายยิ้มอย่างถูกใจในชื่อ แล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คุณชายขยับมาตรงหน้าห่าน
“เต้นรำกับผมซักเพลงจะได้มั๊ยครับคุณฮันนี่”
ห่านรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในความฝันเลยปล่อยใจเต็มที่ ห่านวางกระเป๋าบนโต๊ะ ยื่นมือออกไป คุณชายจับมือห่าน โอบเอวห่านเข้ามา ห่านใจเต้นไม่เป็นส่ำ แล้วคุณชายกับห่านก็เต้นรำกัน แต่ห่านกลับเหยียบเท้าคุณชาย คุณชายชะงัก ห่านหน้าเสีย
“ขอโทษค่ะคุณชาย คือฉันไม่เคยเต้นรำมาก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้น เราเต้นสบายๆ ไปตามจังหวะก็พอ”
ห่านพยักหน้า แล้วห่านกับคุณชายก็โยกกันช้าๆ ตามเพลง ห่านมีความสุขมาก
“นี่ฉันกำลังฝันอยู่ใช่มั๊ย”
ห่านถามตัวเองในใจ ทันใดนั้นแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นมา ห่านกับคุณชายตกใจหันไปเห็นนักข่าวกำลังถ่ายรูป ห่านตกใจมากรีบหันหลังหนี
“ถ้านักข่าวถ่ายเห็นหน้าเรา ทุกอย่างพังแน่ คนในห้างฯ ต้องจำเราได้” ห่านคิดในใจแล้วรีบพูด “คุณชายคะ ฉันต้องไปแล้ว”
“จะรีบไปไหนครับ”
ห่านไม่ตอบ รีบคว้ากระเป๋าที่วางบนโต๊ะแล้ววิ่งออกไปทันที คุณชายตกใจมาก กำลังจะตามแล้วก็เห็นมือถือห่านหล่นอยู่ คุณชายหยิบมือถือขึ้นมามอง
ห่านนั่งอยู่ในรถเมล์ทั้งๆ ที่อยู่ในชุดราตรี ห่านหันไปมองนอกหน้าต่าง สีหน้าเพ้อฝัน ยิ้มไม่หุบ ทำให้คนในรถกับกระเป๋ารถเมล์มองห่านเป็นตาเดียวเพราะนึกว่าห่านบ้า แต่ห่านก็ไม่สนใจ
ห่านเดินเข้ามาในซอยและเริ่มเจ็บเท้าจึงหยุดเดิน
“บ้าเอ๊ย ไม่นึกเลยว่ารองเท้าคู่ละห้าหกพันก็จะกัดเหมือนรองเท้าคู่ละ 299”
ห่านตัดสินใจถอดรองเท้าเดิน ระหว่างที่ผ่านหน้าวินมอเตอร์ไซด์ วินสองคนมองห่านด้วยความสนใจแล้วก็มองหน้ากัน ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์แซงไปดักหน้าห่าน ห่านหยุดกึก
“ให้พี่ไปส่งมั๊ยจ๊ะน้องสาว เดินเข้าซอยมืดๆ คนเดียวแบบนี้ เหงาแย่”
“นั่นสิ ชุดเว้าหลังลึกขนาดนี้หนาวตายเลย ให้พี่ไปให้ความอบอุ่นมั๊ยจ๊ะ”
ห่านพยายามไม่ตอบโต้แต่ก็เริ่มกลัวเลยรีบเดินหนี วินสองคนลงจากรถแล้วเข้ามาดักหน้าดักหลังห่าน ห่านหยุดกึก มองหน้าตื่นกลัว
“เดินหนีพี่ทำไมล่ะ พวกพี่หวังดี อยากไปส่งที่บ้านให้”
“ไม่ต้อง ฉันไปของฉันเองได้ ถอยไป”
ห่านตั้งท่าจะหนี แต่ไม่รอด เจอวินคนหนึ่งจับแขนเอาไว้ ห่านตกใจ
“อย่าหยิ่งไปเลยน้องสาว ไปหาอะไรหนุกๆ ทำดีกว่า” วินดึงห่านเข้ามา ห่านแหกปากทันที
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
วินทั้งสองคนหัวเราะก๊าก ห่านมองหน้า
“ดึกและเปลี่ยวแบบนี้ ใครจะมาได้ยิน ฮ่าๆๆ”
ห่านไม่รู้จะทำยังไง เอารองเท้าส้นสูงตีมือวินที่จับแขนเธอ มันเจ็บเลยปล่อย วินอีกคนจะเข้ามา ห่านปารองเท้าส้นสูงใส่ แล้วก็รีบวิ่งหนี วินสองคนโมโหมาก
“ตามมันไป”
วินสองคนไล่ตามห่านไปติดๆ ห่านวิ่งๆๆ แต่เพราะไม่ได้ใส่รองเท้า ทำให้เหยียบเศษก้อนหินบนพื้น ห่านล้มลงด้วยความเจ็บหันไปเห็นพวกมันมาใกล้คิดว่าแย่แน่ แต่ทันใดนั้นมีคนกระโดดเข้ามาถีบวินคนหนึ่งจนเซไปชนวินอีกคน วินทั้งสองคนล้มไปบนพื้น ห่านหันไปมองคนๆ นั้น คือบื้อนั่นเอง
“แส่นักเหรอมึง”
วินทั้งสองคนเข้ามารุมบื้อ บื้อสู้ ห่านรีบลุกเดินกะเผลกไปหลบข้างเสาไฟฟ้าแล้วแอบดู บื้อสู้อย่างเท่ห์ วินสองคนสู้ไม่ได้ เลยถอยมาตั้งหลัก
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
วินชี้หน้าบื้อจากนั้นวินทั้งคู่ก็รีบวิ่งหนีไป บื้อเข้ามาหาห่าน
“เป็นไงคุณ” ห่านออกจากเงาข้างเสาไฟฟ้า ทำให้บื้อเห็นหน้าชัดๆ บื้อถึงกับตกใจและตกตะลึงกับการแต่งตัวของห่าน “เธอ”
“ไอ้ซื่อบื้อ”
“แล้วเธอล่ะ ยัยคอห่าน เพี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงได้แต่งตัวแบบนี้ ผีเข้ารึไง” บื้อมองห่านตัวจรดเท้า ห่านฉุนกึก
“ไอ้ปากเหม็น”
แล้วบื้อก็ชะงัก รู้สึกคุ้นๆ
“ชุดคุ้นๆ”
ห่านหน้าถอดสีกลัวบื้อจำได้ว่าเห็นเธอในงานเลี้ยง รีบก้มหน้างุดจะเดินออกแต่เจ็บเท้า
“โอ๊ย”
“ไหวป่ะเนี่ย” บื้อขำ
“ไม่ต้องมายุ่ง จะไปไหนก็ไปเลยไป” แล้วห่านก็นึกขึ้นได้ “รองเท้า รองเท้าหายไปไหน” ห่านมองหารองเท้าแล้วหน้าเสีย “แย่แล้ว”
ห่านลนลานสุดๆ ทำเอาบื้อแปลกใจมาก ห่านกะเผลกเดินหารองเท้าจนทรุด บื้อคว้าแขนไว้
“บ้ารึเปล่า เดี้ยงขนาดนี้ ยังห่วงรองเท้าอีก”
“ฉันยังไม่อยากถูกจับเข้าคุก” ห่านชะงักที่เผลอพูด
“คุก? ทำไม” บื้อหลิ่วตามอง “ไปขโมยอะไรใครเค้ามา”
“บ้าเหรอ ฉันไม่ได้ขโมยอะไรมาเลยนะ” น้ำเสียงของห่านส่อพิรุธมาก บื้อมองอย่างจับผิด ห่านเลยแกล้งเบี่ยงเบนความสนใจ “โอ๊ย ฉันเจ็บเท้า จะกลับบ้านแล้ว”
ห่านรีบเดินกะเผลกออกไป บื้อมองตามห่านสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
เช้าวันรุ่งขึ้น ห่านตาลีตาเหลือกออกมาจากบ้านทั้งๆ ที่อยู่ในชุดนอน
“ถ้าหารองเท้าไม่เจอ เดือนนี้ฉันต้องกินแกลบแน่ๆ” ห่านใส่รองเท้าแตะ กำลังจะหันไปก็ชะงักกึกเพราะเจอบื้อยืนอยู่ “นายมาทำอะไรหน้าบ้านฉันแต่เช้า” บื้อไม่ตอบ เอารองเท้าสีทองที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา ห่านผงะแล้วก็เปลี่ยนเป็นดีใจ “รองเท้า” ห่านจะเข้ามาเอา แต่บื้อเอาซ่อนไว้ข้างหลัง ห่านผงะ “เอาคืนมา”
“บอกมา” บื้อชูรองเท้า “มันสำคัญไง ถึงอยากได้คืน”
“เพราะมันคือรองเท้าไง ถามอะไรไม่รู้จักคิด” บื้อหรี่ตามอง
“คงไม่ได้จิ๊กมาจากห้างฯ” ห่านหน้าถอดสี
“ฉันไม่หาเหาใส่หัวให้ตัวเองแบบนั้นหรอก รองเท้าคู่นี้ราคาไม่ถึง 300 ด้วยซ้ำ คืนมาให้ฉันได้แล้ว”
“ไม่เกิน 300 ทำไมดูตกใจตอนมันหาย”
“นายมายุ่งกับฉันทำไมเนี่ย”
“ถ้าไม่ตอบให้หายสงสัย ก็ไม่คืน”
ห่านไม่พอใจมาก เดินมาตรงหน้าบื้อระยะประชิด
“แน่ใจนะว่าไม่คืน”
บื้อยิ้มพร้อมยักคิ้ว ห่านเลยจี้เอวบื้อ บื้อร้องลั่น
“เฮ้ย! ฮ่าๆๆ หยุด...หยุด....”
บื้อบ้าจี้ ห่านไม่หยุด จักจี้เอวจนบื้อทำรองเท้าหล่นพื้น แล้วห่านก็รีบผลักบื้อให้พ้นทางคว้ารองเท้าบนพื้นขึ้นมา รีบเข้าไปในบ้านปิดประตูดังปัง
“ยัยคอห่าน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอทำอะไร”
บื้อถึงกับปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย
ด้านหลังห้างสรรพสินค้า แหม่มเดินไปเดินมาพลางชะเง้อมองว่าห่านมาหรือยัง จนเจ๊มะพร้าวรำคาญ
“แกจะดุ๊กดิ๊กทำไมเนี่ย คนอื่นเค้ามองกันหมดแล้ว”
เจ๊มะพร้าวกัดฟันพูดแล้วหันไปยิ้มหวานให้พนักงานคนอื่นที่กำลังเดินเข้าไปในห้าง แหม่มหันมา
“จะให้อยู่เฉยได้ไงล่ะเจ๊ คุกนะคุก”
“ชู่ว์”
“เช้านี้ที่แผนกแหม่มจะมีคนมาตรวจด้วย ขืนเห็นว่าชุดหายไปหนึ่งชุดมีหวังเงาหัวหายอย่างแน่นอน”
“แกอย่าเพิ่งคิดมากได้มั๊ย เดี๋ยวห่านก็มา เชื่อเจ๊สิ”
สิ้นคำ ห่านก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาทันที แหม่มดีใจสุดๆ
“มาแล้ว มาแล้ว” ห่านหอบ
“ของล่ะ เอามาเร็วแก”
ห่านแอบเอารองเท้ากับเสื้อออกมาใส่กระเป๋าแหม่ม แหม่ม เจ๊มะพร้าว ห่านโล่งอก
แหม่มรีบเอาชุดวิ่งเข้ามาในแผนกเสื้อผ้าสตรี แต่กลับเจอพรเพ็ญ แหม่มเบรกเอี๊ยดตัวโก่ง พรเพ็ญหันมา
แหม่มรีบยกมือไหว้
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณพรเพ็ญ”
“จะเอาชุดไปไหน”
“เออ อ่า คือ” แหม่มอึกอัก แล้วเห็นหุ่นโชว์ไม่ได้ใส่เสื้อ “แหม่มจะเอาชุดใส่หุ่นโชว์น่ะค่ะ”
พรเพ็ญหันไปมอง แหม่มรีบเอาชุดมาใส่หุ่น
“เดี๋ยว” แหม่มใจเต้นหวาดเสียวมากแล้วค่อยๆ หันไป “ทำไมไม่รู้จักรีดชุดก่อนใส่หุ่น ลูกค้าเห็นชุดยับๆ แบบนี้ ใครเค้าจะอยากซื้อ”
“จริงด้วยค่ะ แหม่มลืม งั้นแหม่มเอาชุดไปรีดก่อนนะคะ”
แหม่มรีบเอาชุดเดินออกไป พรเพ็ญส่ายหัวแล้วก็หันไปตรวจงานต่อ
ที่แผนกรองเท้าสตรี ห่านหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครก็รีบเอารองเท้าสีทองออกมาวางไว้ที่เดิม พลางพ่นลมหายใจโล่งอก สีหน้าสบายใจมาก
ช่วงพักกลางวัน ห่านนั่งลงพร้อมถาดอาหารตรงข้ามแหม่มกับเจ๊มะพร้าว
“นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”
“ขอบใจแกกับเจ๊มากนะ ที่ต้องมาลำบากกับฉัน”
“ถ้าอยากให้เจ๊กับนังแหม่มหายเหนื่อย ก็รีบเม้าท์ด่วนว่าเมื่อวานเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง” ห่านนึกแล้วก็ยิ้มเขินออกมาจนเจ๊มะพร้าวกับแหม่มมองสงสัย “นังห่าน เอาแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ เล่ามาซักทีสิ ยิ้มแบบนี้ เจ๊ยิ่งอยากรู้”
“ฉันด้วย เล่ามาเร็วๆ เลยแก”
ยังไม่ทันที่ห่านจะเล่า เสียงแอปเปิ้ลก็ดังขึ้น
“ข่าวเด็ดพวกแก” ห่าน แหม่ม เจ๊มะพร้าวหันไปเห็นแอปเปิ้ลเอาหนังสือพิมพ์มาเม้าท์กับปีโป้ที่โต๊ะข้างๆ “คุณคุณชาย...” ห่านชะงัก “กับหญิงสาวปริศนาเต้นรำกันท่ามกลางแสงจันทร์สุดแสนโรแมนติก ท่าทางตัวจริงจะไม่ใช่ดาหลา นางสาวไทยสยามปีล่าสุดซะแล้ว” ห่านตกใจมาก เพราะภาพเธอลงหนังสือพิมพ์ ห่านหน้าเสีย “ไหนขอดูรูปหน่อยสิ”
ห่านหน้าแย่มากๆ ทำไงดีวะ แล้วก็ตัดสินใจเข้ามาแย่งหนังสือพิมพ์จากมือแอปเปิ้ล ทำเอาปีโป้กับแอปเปิ้ลตกใจ เจ๊มะพร้าว แหม่มตามสมทบ
“นังห่าน ไม่มีมารยาท ไม่เห็นคนอ่านอยู่เหรอไงยะ”
แอปเปิ้ลต่อว่า แต่ห่านไม่สนใจรีบดูรูปข่าว แล้วก็โล่งอกเพราะเห็นแต่ด้านหลังของเธอ ก่อนนะส่งคืนแอปเปิ้ล
“เอาคืนไป ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจซักนิด”
ห่านรีบเดินออกไป แอปเปิ้ลกับปีโป้งงมาก
แหม่มกับเจ๊มะพร้าวมองห่านด้วยความช็อก
“ผู้หญิงที่เต้นรำกับคุณชายคือแก”
“เบาหน่อย เดี๋ยวมีคนได้ยิน”
“ได้ผลเกินคาด แสดงว่าแกได้ขอบคุณคุณชายแล้ว”
“ยัง”
“อ้าว”
“ห่านไม่มีโอกาสพูด มันตื่นเต้นไปหมด แค่เห็นสายตาคุณชายที่มองมา ห่านก็ทำอะไรไม่ถูก แถมคุณชายยังถามชื่อห่านอีก”
“แล้วแกบอกคุณคุณชายไปรึเปล่า”
“บอก...แต่บอกไปว่าชื่อฮันนี่”
“ฮันนี่”
“คิดได้เนอะ”
ห่านอมยิ้มแล้วก็นึกขึ้นได้
“เกือบลืมคืนกระเป๋าที่เจ๊ให้ยืม” ห่านเปิดตู้ล็อกเกอร์ หยิบกระเป๋าสะพายออกมาเปิด หยิบกระเป๋าออกมา
“ห่านเอามือถือของห่านออกมาก่อนนะ” ห่านเปิดกระเป๋าแต่ไม่มีมือถือ ห่านตกใจ “เฮ้ย มือถือหายไปไหน”
ห่านมองเจ๊มะพร้าวกับแหม่มด้วยความตกใจ
จบตอนที่ 1