วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 22
จ้าวซันกับบราลีถูกขังอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ที่มือสนิท จ้าวซันเอาโทรศัพท์ออกมากดแอปพลิเคชั่นไฟฉาย ภายในตู้มืดมาก ไม่มีรูรั่วให้แสงเข้ามาแม้แต่น้อย
“ยังไม่มีสัญญาณอีก”
“อะไรนะ”
“มือถือไม่มีสัญญาณ ติดต่อให้ไม่ได้”
จ้าวซันใช้กำปั้นทุบประตูตู้คอนเทนเนอร์อย่างแรง ระบายอารมณ์
ด้านนอกตู้คอนเทนเนอร์มีเสียงทุบประตูปึงปังอยู่ด้านในแล้วเงียบไป เกาเฟยกำลังง่วนกับการประกอบระเบิดเวลา เหม่ยอิงมองเกาเฟย และมองที่ตู้คอนเทนเนอร์ร้อนใจ
“ไม่ต้องไปเสียเวลาหรอก รีบหนีไปดีกว่า พวกมันก็ต้องขาดใจตายในนั้นอยู่แล้ว รีบไปก่อนที่ใครจะแห่มากันอีก”
เหม่ยอิงบอก เกาเฟยมองหน้าเหม่ยอิง
“แน่ใจนะครับ”
เหม่ยอิงพยักหน้ามั่นใจ เหม่ยอิงมองไปที่ตู้คอนเทนเนอร์
“ก่อนตายก็ใช้เวลาที่มีสำนึกไว้แล้วกันนะว่า จะไปร้ายกับใครก็ร้ายไป แต่อย่ามาร้ายกับเหม่ยอิง”
เกาเฟยวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของจ้าวซัน เกาเฟยขึ้นขี่ เหม่ยอิงตามไปซ้อนท้าย แล้วหันไปมองที่ตู้คอนเทนเนอร์นั้นเป็นครั้งสุดท้าย
“ลาก่อน”
รถพยาบาลถอยหลังเข้ามาในบ้านสี่ฤดู เสียงไซเรนดับลง บุรุษพยาบาลสองคนวิ่งลงมา ผิงอันที่หน้าผากเป็นแผลมีพาสเตอร์ปิดอยู่กำลังคุยกับผู้กองเหลียงหน้าเครียด อเล็กซ์กับหมวดจางแยกไปยืนคุยโทรศัพท์และจดบันทึกเหตุการณ์อีกทาง อาหลี่เข้าไปช่วยบุรุษพยาบาลเข็นไทไทที่ไม่ได้สติใส่เตียงออกมา อาม่าตามคร่ำครวญมาติดๆ
“ไทไทอย่าเป็นอะไรไปนะ อย่าทิ้งอิฉันไป”
“หยุดร้องไห้คร่ำครวญได้แล้วน่ะ เกะกะขวางทางเขา” แม่สี่เอ็ดอาม่า
“หนูโทรหาพี่ชายใหญ่ไม่ได้เลยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ติดต่อใครได้บ้าง คุณบรีล่ะ”
“พีบรีไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปค่ะ”
จ่าหมงตัวเปื้อนเลือดรีบเดินออกมากับบุรุษพยาบาลอีกคน ช่วยกันหามเปลอากงออกมา
“หลบหน่อยๆ ครับ”
“คนนี้โดนสะเก็ดระเบิดครับ” จ่าหมงบอกกับบุรุษพยาบาลอีกคน
“ผม...เสียเลือดมาก...ใกล้ตายแล้ว” อากงบอก อาม่าหันไป
“โฮๆๆ อย่าพูดอย่างนั้นซี่”
ฉินเจียงรีบเดินเข้ามาในบ้านตรงเข้าไปหาผิงอันกับผู้กองเหลียง หน้าตาโกรธแค้น
“ไงล่ะ สมน้ำหน้า ผมบอกแล้วไม่มีใครเชื่อ” ฉินเจียงเดินไปหาแม่สี่ “ผลงานลูกสาวคนโปรดของคุณแม่ใช่ไหมครับ งามหน้าดีนะครับ จะหาผัวทั้งทีผัวดันมาเป็นโจรชั้นสวะ” แม่สี่เงื้อมือจะตบฉินเจียง ฉินเจียงเอามือรับไว้ แล้วสะบัดออกอย่างแรง แม่สี่เซ อาม่ารีบเข้าไปประคอง “จะทำอะไรผม คนอย่างคุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาโดนตัวผมด้วยซ้ำ”
“พี่ฉินเจียง นี่มันไม่ใช่เวลามาหาเรื่องกันนะ”
บุรุษพยาบาลกำลังจะปิดประตูหลังรถพยาบาล อาหลี่รีบมาบอกผิงอัน
“คุณหนู ผมตามไปดูอากงกับไทไทนะครับ”
“ฉันไปด้วยๆ” อาม่าบอก ผิงอันพยักหน้า อาหลี่ฉุดอาม่าขึ้นท้ายรถไป
รถพยาบาลออกไปจากบ้าน จ่าหมงช่วยเปิดประตู และดูรถให้
“เราจะติดต่อใครได้อีกบ้าง” ผู้กองเหลียงถามขึ้นมา
“หนูใจไม่ดีเลย”
“เต๋อเป่าล่ะไปไหน”
ผิงอันกับผู้กองเหลียงมองไปที่ฉินเจียง แล้วนึกออก
บราลี จ้าวซันอยู่ในคอนเทนเนอร์ มีแสงไฟจากมือถือของจ้าวซันเท่านั้น
“ไม่มีทางออกไปจากที่นี่จริงๆ เหรอ”
“นั่งลงเถอะ เราทำได้แค่รออย่างเดียว”
“นั่งรอความตายเนี่ยนะ”
“ยิ่งเดิน ยิ่งพูด ยิ่งต้องใช้ออกซิเจนมาก อากาศในนี้เหลือน้อยลงเต็มที ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”
บราลีนิ่งเงียบ เชื่อฟัง นั่งลงใกล้ๆ จ้าวซัน
“เราจะตายจริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่ช้าก็เร็วเราทุกคนต้องตาย”
“แต่มันต้องไม่ใช่ในนี้ ไม่ใช่ที่นี่”
“ช่วยไม่ได้นี่นา”
“น้องเคยฝันว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน มีลูก 2 คน มีบ้านหลังเล็กๆ ปลูกสวนดอกไม้ เวลาว่างก็ออกไปสอนหนังสือเด็กกำพร้า แปลว่าน้องจะไม่มีวันนั้นแล้วเหรอ เราจะไม่ได้มีอนาคตที่สุขสงบด้วยกันแล้วใช่ไหมคะ”
บราลีฟูมฟาย จ้าวซันรีบดึงตัวบราลีเข้าไปกอด ลูบหัว ลูบหลัง
“ต้องมีสิ เราต้องได้ทำอะไรๆ ด้วยกันอีกเยอะ ไปจนเราแก่เฒ่าไปด้วยกันเลยล่ะ ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวคงมีคนมาช่วยเรา”
“ใคร แล้วใครจะรู้ว่าเราอยู่ในนี้”
“ก็...อาจจะเป็น เต๋อเป่า พวกตำรวจ หรือไม่ก็...”
“ช่างมันเถอะ ถ้าเราไม่ได้มีอนาคตด้วยกัน แต่ได้ตายด้วยกันก็ยังดี จริงไหมคะ”
“น้องคิดอย่างนี้จริงๆ เหรอ” บราลียิ้ม ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน บราลีหลับตา “ห้ามหลับนะ”
บราลีพยักหน้าในอ้อมกอดจ้าวซัน
ฉินเจียงกดโทรศัพท์วางสาย
“เต๋อเป่ามันไม่รับ”
ผิงอันทำหน้าหมดหวัง
“ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ”
“ถ้าติดต่อคนของเราไม่ได้เลย เดี๋ยวผมโทรถามเกาเฟย หรือไม่ก็เหม่ยอิงเอง ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“ฉันโทรหาเหม่ยอิงเอง” แม่สี่บอก
ฉินเจียงกับแม่สี่กำลังกดโทรศัพท์ ทันใดนั้นอเล็กซ์กับหมวดจางก็หน้าตาตื่นเข้ามา
“สายของเราบอกว่า กล้องบนทางหลวงตัวสุดท้ายที่จับรถมอเตอร์ไซค์ของจ้าวซันได้คือทางไปท่าเรือส่งสินค้าทางฝั่งใต้ครับ”
“ท่าเรืออีกแล้วเหรอ สั่งให้ตำรวจแถวนั้นรีบไปค้นด่วนเลย”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงโทรศัพท์มือถืออเล็กซ์ดังขึ้น อเล็กซ์รีบรับ
“เหวย... โอเค...ขอบคุณมาก”
“มีอะไรเหรอ”
“พบมอเตอร์ไซด์แล้วที่ท่าเรือโดยสารใกล้ๆ กัน”
“ค่อยโล่งอกหน่อย”
“แต่คนขับเหมือนจะไม่ใช่จ้าวซันกับคุณบราลี”
ทุกคนมองหน้ากัน ฉินเจียงหน้าแค้น เจ็บใจ ครุ่นคิด
“เมื่อกี้บอกว่าพบจ้าวซันครั้งสุดท้ายที่ไหนนะ”
ที่ท่าเรือโดยสาร เหม่ยอิงนั่งถอดเครื่องเพชรออกเอาใส่ถุงผ้าเก่าๆ ใบเล็กๆ แล้วถือไว้ เกาเฟยขับเรือยนต์ขนาดเล็กมาแต่ไกล แล้วเข้ามาจอดที่ท่าใกล้กับที่เหม่ยอิงนั่งอยู่
“คุณหนู ผมหาเรือได้แล้ว”
เหม่ยอิงลุกขึ้นยืน เดินลงไปที่ท่า
“ไปเอามาได้ยังไง”
“ก็...ขอยืมคนแถวนี้มา”
“ขโมยอีกใช่ไหม”
เกาเฟยไม่ตอบ
“รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวจะไปถึงมืดซะก่อน”
เกาเฟยยื่นมือให้เหม่ยอิง เหม่ยอิงถอนหายใจ ลังเล แล้วยื่นมือให้ เกาเฟยยิ้ม
บราลีนอนซบไหล่จ้าวซันอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์
“ตอนนั้นนะ พี่ไปแอบดูม่านฟ้าที่แอลเอด้วย ม่านฟ้าวิ่งลงมาจากรถโรงเรียนกับเพื่อนๆ พี่คิดว่า โอ้โห...เด็กคนนี้ขายาวมาก ตัวก็ผอม หัวก็โต ไว้ผมเปีย เหมือนกับตั๊กแตนเลย” บราลีไม่ตอบ จ้าวซันก้มลงไปมองบราลี ขยับตัว บราลีไม่รู้สึก จ้าวซันเขย่าตัวบราลี “เมย...ม่านฟ้า ตื่นสิ ม่านฟ้า เดี๋ยวก็มีคนมาแล้วนะ แข็งใจอีกหน่อย ม่านฟ้าๆ”
เหม่ยอิงยื่นมือให้เกาเฟย ทันใดนั้นเหม่ยอิงก็หดมือกลับ เกาเฟยหน้าเสีย
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว แกล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน ธุระฉันยังไม่เสร็จ”
เหม่ยอิงหันหลังจะเดินไป เกาเฟยจะรีบตาม แต่เดินบนเรือลำบาก ได้แต่ตะโกนเรียก
“คุณหนู อีกนิดเดียวเราก็จะพ้นจากเกาะบ้าๆ นี่แล้ว อย่ากลับไปอีกเลย คุณหนู”
เหม่ยอิงรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ ที่จอดอยู่ด้านหลัง ขึ้นขี่และออกสตาร์ทไปไม่หันมามองเกาเฟยอีกเลย
“ขอโทษนะเกาเฟย แกไปคนเดียวเถอะนะ”
“คุณหนูกลับมาก่อนนนน”
เกาเฟยตะโกนสุดเสียง เกาเฟยยืนบนเรือที่กำลังโคลงเคลงเพราะแรงคลื่น
จ้าวซันกอดบราลีที่ไม่ได้สติไว้อยู่ในอ้อมแขน
“หลับก็ดี ม่านฟ้า พักผ่อนไปก่อน ออกซิเจนลดลงทุกที แต่พี่จะพยายาม...ไม่หลับนะ พี่จะรอ จนกว่าจะมีคนมาเจอเรา” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากด้านนอก กำลังจะมีคนมาเปิดตู้คอนเทนเนอร์ให้ “เมย...ตื่นเร็ว มีคนมาช่วยแล้ว... เมย”
ประตูตู้คอนเทนเนอร์ค่อยๆ เปิดออก จ้าวซันมองออกไป เป็นแสงสว่างจ้าจนแสบตาและมองไม่เห็นว่าเป็นใคร
จ้าวซันเอามือบังแสงอาทิตย์ แล้วค่อยลุกพยุงบราลีที่ยังไม่ได้สติให้นั่งพิงกับผนังตู้คอนเทนเนอร์
“เต๋อเป่า แกใช่ไหม” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ “ใครน่ะ หลี่ ผู้กองเหลียง ฉินเจียงเหรอ”
สายตาจ้าวซันค่อยๆ ชินกับแสงสว่าง มองออกไป เห็นเหม่ยอิงถือปืนเล็งมาข้างหน้า
“คิดไม่ถึงสินะว่าจะเป็นน้อง”
“เหม่ยอิง ขะ...ขอบใจมาก”
“ไม่ต้องมาขอบใจ ไม่ได้จะมาช่วยชีวิตใคร แต่จะมาเอาชีวิตผู้หญิงคนนี้ด้วยมือของฉันเอง”
บราลียังไม่ได้คงสติ
“เดี๋ยว เรื่องนี้เอาไว้ก่อนได้ไหม”
“ไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะกลับมาที่นี่อีกทำไม”
“บราลีเขาหายใจอ่อนลงมาก ขอพี่พาเขาไปสูดอากาศข้างนอกก่อน” จ้าวซันรีบพาบราลีออกไป เหม่ยอิงตามมาตลอด
“เหรอ...แต่พี่รู้ไหมหัวใจน้องมันขาดอากาศมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาเหยียบบ้านเรา น้องก็แทบจะไม่มีความหมาย เป็นคนไร้ค่าในสายตาของพี่ หัวใจของน้องก็ขาดอากาศลงเรื่อยๆ ทุกวันๆ จนมันชา และก็ตายด้านไปในที่สุด พี่ทำให้น้องรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
“แม้แต่รักตัวเองเหรอ”
“พี่คือคนที่น้องรัก รักมากกว่าที่น้องรักตัวของน้องเอง”
“แล้วบราลีไปทำอะไรให้”
“ไม่ได้ทำ แต่น้องนี่แหละจะทำ” เหม่ยอิงยกปืนขึ้นเล็งไปที่บราลีที่นอนหลับคอพับอยู่ “ตายซะเถอะ”
“อย่า”
จ้าวซันตะโกนห้าม ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด กระสุนปืนเฉียดเหม่ยอิงไปโดนขอบตู้คอนเทนเนอร์
จ้าวซันกับเหม่ยอิงหันไปดูทางที่มาของกระสุนจึงเห็นฉินเจียงกำลังถือปืนเล็งมาที่เหม่ยอิง
“ทิ้งปืนซะ ไม่งั้นจะอย่าหาว่าจ้าวฉินเจียงรังแกผู้หญิง นับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง...”
“เสล่อ...ไปเอาจำบทพระเอกจากในหนังเรื่องไหนมาพูดเหรอ”
“สอง”
“สาม...สามไปเลย ฉันนับให้แล้วไงล่ะ ยิงสิ”
“เหม่ยอิง”
“คนจะยิงมันยิงไปแล้ว ไม่มานับหนึ่งถึงสามให้เสียเวลาหรอก ไม่กล้าล่ะสิ กลัวลูกมันจะอายที่มีพ่ออยู่ในคุกใช่ไหม”
เสียงปืนดังขึ้น เปรี้ยง เหม่ยอิงช็อก หน้าซีด ตกใจ
“ฉินเจียง อย่ายิงน้อง”
เหม่ยอิงมองจ้าวซัน แอบดีใจที่จ้าวซันเป็นห่วง
“ผมไม่ได้ยิง”
ฉินเจียงรีบหันกลับไป กลายเป็นเกาเฟยที่วิ่งตามมาข้างหลัง และยิงปืนกระหน่ำใส่อีกเป็นชุด ฉินเจียงกลิ้งตัวหลบหลังคอนเทนเนอร์ เหม่ยอิงรีบหลบ จ้าวซันรีบอุ้มบราลีหลบไป
เกาเฟยบ้าคลั่ง ถือปืนมาสองกระบอก เดินไล่ยิงไม่หยุดเน้นยิงที่ฉินเจียงเป็นหลัก และบางทีก็จ้าวซันบ้างจ้าวซันพาบราลีไปที่กำบังกอดไว้แนบกาย เหม่ยอิงมองอย่างเจ็บปวดใจ
เกาเฟยกับฉินเจียงไล่ยิงกันสนั่น ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใครผลัดกันบุก ผลัดกันหลบ เกาเฟยยิงปืนจนกระสุนหมดไปหนึ่งกระบอก ขว้างปืนทิ้งแล้วยิงอีกกระบอกที่เหลือต่อ ฉินเจียงยิงสวนกลับมาเฉียดเกาเฟยไปหลายนัด
“พาบราลีออกไปก่อน พวกตำรวจกำลังตามมา”
ฉินเจียงตะโกนบอกจ้าวซัน เหม่ยอิงได้ยิน เริ่มกลัว ไม่รู้จะทำยังไง เกาเฟยมองเห็นเหม่ยอิง พยายามจะไปหา แต่อยู่อีกฝั่ง เกาเฟยตัดสินใจใช้ปืนที่มีอีกกระบอกยิงสกัด ฉินเจียงยิง แล้วกระสุนไปโดนเป้เกาเฟย เป้หล่นกลิ้งบนพื้น
เกาเฟยจะเก็บ ฉินเจียงยิงไม่หยุด เกาเฟยจำต้องทิ้งเป้ รีบวิ่งพาตัวเองมาหาเหม่ยอิงจนได้ ปืนกระสุนหมดพอดี เกาเฟยเปิดดู แล้วเซ็งๆ โยนปืนทิ้งแล้วมานั่งอยู่ข้างๆ เหม่ยอิง
“คุณหนูหนีไปที่ก่อน เจอกันที่ท่าเรือ เดี๋ยวผมตามไป”
ฉินเจียงคว้าเป้เกาเฟยที่ตกอยู่ขึ้นมา เห็นหนัก ลองเปิดดู มีระเบิดเวลาอยู่อีกชุดนึง ฉินเจียงตาโต
เกาเฟยควักมีดพกออกมาจากกระเป๋า แล้วจะออกไปเล่นงานฉินเจียง
“เดี๋ยว เอาปืนนี่ไป แกจำเป็นต้องใช้มากกว่าฉัน” เหม่ยอิงบอก
“ไม่...คุณหนูเก็บไว้ป้องกันตัวดีแล้ว”
ฉินเจียงที่กำลังหลบอยู่ ค่อยๆ ย่องแอบมาตามตู้คอนเทนเนอร์และเข้ามาใกล้เกาเฟยขึ้นเรื่อยๆ ฉินเจียงเจอท่อนเหล็กที่ตกอยู่ รีบเก็บมาถือเป็นอาวุธ
เกาเฟยส่งกระเป๋าตังค์ให้เหม่ยอิง
“ให้ฉันทำไม”
“ในนี้มีที่อยู่ของเมียกับลูกผม ถ้าผมเป็นอะไรไป...”
“เอาคืนไป แกจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ผมฝากไว้ก่อนแล้วกันครับ พกไปด้วยแล้วมันสู้ไม่ถนัด” เกาเฟยรีบตัดบท เหม่ยอิงรับมา เอาใส่ถุงพร้อมกับเครื่องเพชร
“รีบตามมาแล้วกัน”
“ตรงไปที่ท่าเรือเลยนะครับ สิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย ไว้เราจะกลับมาใหม่ ไปตั้งหลักกันก่อน” เหม่ยอิงพยักหน้า
“แล้วเจอกัน” เกาเฟยจะลุกออกไป “เดี๋ยว” เกาเฟยหันกลับมามองหน้า “ขอบใจมากนะเกาเฟย ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” เกาเฟยยิ้ม
“ด้วยความยินดี ทุกครั้งที่ทำไปครับ โชคดีครับคุณหนู แล้วเจอกัน”
เกาเฟยลุกขึ้นออกไปจากที่กำบัง เหม่ยอิงทำท่าเหมือนจะหนีไปแต่กลับวกกลับมาและแอบดูอยู่ไม่ไกล
ฉินเจียงเห็นเกาเฟยจึงกระโดดออกมาจากที่ซ่อน พร้อมกับฟาดท่อนเหล็กไปทันที เกาเฟยหลบได้หวุดหวิด แล้ววาดมีดพับที่ถืออยู่ในมือไปเป็นวงกว้าง เกือบแฉลบโดนฉินเจียง ฉินเจียงใช้ท่อนเหล็กบุกตี เกาเฟยใช้เท้าเตะรับ และพยายามจะปัดออก เกาเฟยบุกบ้าง ใช้มีดวาดไปมาอย่างรวดเร็ว ฉินเจียงหลบ แต่พลาด โดนคมมีดถากเสื้อไปเป็นทางยาว เลือดไหลซึมออกมา ฉินเจียงโกรธ เลือดขึ้นหน้า เงื้อท่อนเหล็กตีไล่ไปมา ต้อนเกาเฟยไปยังตู้คอนเทนเนอร์ที่เคยขังจ้าวซัน อย่างมีเป้าประสงค์ เกาเฟยสู้ยิบตา ทั้งหมัด เท้า
เกาเฟยพลาดบ้างถูกฉินเจียงถีบเข้าที่ท้องกระเด็นไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ มีดพับหลุดจากมือ ฉินเจียงถือท่อนเหล็กชี้ไปที่หน้าเกาเฟย
“เห็นกับที่แกเคยเป็นลูกน้อง ยอมซะเถอะวะ ยังไงวันนี้แกก็ไม่รอดแน่”
“พูดเหมือนไม่เคยรู้จักเกาเฟยมาก่อน”
“แกจะตายให้ได้เลยใช่ไหม”
“ไม่ใครก็ใครแหละวันนี้ เข้ามา”
“มันยังไม่ถึงเวลาตายของฉัน แต่ของแก...” ฉินเจียงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “อีกห้าวินาทีล่ะมั้ง” เกาเฟยงงๆ
“ห้า...สี่...” เกาเฟยก้มไปเห็นเป้ของตัวเองกองอยู่ที่พื้นใกล้ๆ “สาม...สอง” เกาเฟยก้มลงไปหยิบ ปรากฏว่าข้างในไม่มีระเบิดแล้ว เกาเฟยหน้าซีดลงทันที “หนึ่ง”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังตูม ตู้คอนเทนเนอร์นั้นระเบิดเพราะระเบิดเวลาที่อยู่ข้างใน ฉินเจียงรีบกลิ้งตัวหลบ เกาเฟยไม่รู้ตัว ร่างโดนแรงระเบิดกระแทกจากข้างหลังกระเด็นลอยไปไกล เหม่ยอิงที่แอบดูอยู่ เห็น ช็อก หลับตาปี๋
ควันจากการระเบิดค่อยๆ จางลง ฉินเจียงค่อยๆ ลุกขึ้นมา เห็นเกาเฟยนอนแน่คว่ำหน้าเลือดไหลอาบ ฉินเจียงเอาเท้าเขี่ยให้เกาเฟยพลิกตัว
“ขอบใจนะ ที่ครั้งหนึ่งแกเคยสอนชั้นใช้ระเบิดเวลาที่ไอ้พันหงปิงมันให้ตัวอย่างมา เพื่อเสนอขายพวกผู้ก่อการร้ายทั้งหลายแหล่ ชั้นเลยยังพอจำวิธีใช้ได้บ้าง”
ร่างเกาเฟยพลิกนอนหงาย นัยน์ตาลืมค้างไว้ คอพับ ตายสนิท เหม่ยอิงเห็นตกใจจะร้อง แต่รีบเอามือปิดปาก
ฉินเจียงมองซ้าย ขวาหาเหม่ยอิง เหม่ยอิงรีบก้มหลบแล้วรีบหาที่ซ่อนตัว
ตำรวจกระจายกำลังพากันค้นหาเหม่ยอิงทั่วบริเวณท่าเรือ ร่างเกาเฟยที่นอนตายอยู่มีตำรวจเอาผ้าไปคลุม ฉินเจียงเดินไปมอง นั่งลงเอามือลูบตาให้ปิดลง
“โทษนะเว้ย แกเป็นมือขวาที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมีเลย ถ้าแกไม่...” จ้าวซันเดินมาตบไหล่ฉินเจียง “มือขวาพี่ล่ะเป็นไงบ้าง”
“ไอ้เต๋อเป่าน่ะเหรอ ขาหักสองข้าง ถูกส่งไปอยู่โรงพยาบาลแล้ว”
“ซวยจริงๆ เลยมันนี่ เพิ่งออกมาแท้ๆ เข้าไปอีกแล้ว”
บราลีที่กำลังดมยาดมอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา
“อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาสิ ไปนั่งพักก่อน”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ อยากไปดูอาการอากงกับไทไทแล้ว”
“จริงสิ”
หมวดจางกับตำรวจอีกคนวิ่งมารายงานผู้กองเหลียงและอเล็กซ์ที่กำลังจดบันทึก และถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุอยู่
“หาจนทั่วแล้วไม่เจอเลยครับ”
“ค้นในตู้ทุกตู้แล้วแน่นะ”
หมวดจางกับตำรวจอีกคนมองหน้ากัน คิดสักพักแล้วจึงตอบ
“แน่ครับ”
“หนีไปอีกจนได้นะ”
“ยัง ให้หนีไปไม่ได้ เราต้องหาจนกว่าจะเจอ”
จ้าวซันค่อยๆ ประคองบราลีที่เพิ่งได้สติให้เดินไป
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ครับ เดี๋ยวผมให้รถตำรวจไปส่ง”
“แล้วจะตามไปสอบปากครับอีกทีครับ”
จ้าวซันพยักหน้า มองไปรอบๆ ท่าเรือ
“ยังไงถ้าเจอเหม่ยอิงแล้ว แจ้งข่าวให้ผมรู้ด้วยนะ”
“แน่นอนครับ”
ฉินเจียงเดินตามจ้าวซันและบราลีไป
“สุดยอดจริงๆ นี่ถ้าจ้าวเหม่ยอิงเป็นผู้ชายนะ คงได้สู้กันมันไปเลย” จ้าวซันหันมามองหน้าฉินเจียง “ลืมไป ถ้าเป็นผู้ชายก็คงไม่มาชอบพี่ใหญ่สิน เอ๊ะ...แต่สมัยนี้ก็ไม่แน่”
“แกจะช่วยหาเหม่ยอิงอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครว่านะ”
“หึ...ไม่ล่ะ ป่านนี้คงหนีไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
อเล็กซ์และตำรวจที่เหลือแยกย้ายกันค้นหาไกลออกไป
เหม่ยอิงซ่อนตัวอยู่ในคอนเทนเนอร์เก่าๆ ผุๆ ที่มีพงหญ้าขึ้นมาปิดทางเข้าไม่มีใครสังเกต เหม่ยอิงมองผ่านรูผุๆ ของตู้ เห็นจ้าวซันเดินประคองบราลีออกไป ตามด้วยฉินเจียงที่หัวเราะอย่างมีความสุข ตำรวจบางคนพากันเดินไกลออกไป มีบางส่วนกำลังจัดการกับศพเกาเฟย
เหม่ยอิงถือกระเป๋าสตางค์เกาเฟยไว้ในมือแล้วค่อยๆ เปิดออกดู เหม่ยอิงเห็นรูปในกระเป๋าสตางค์เมื่อเปิดออกมา กลายเป็นรูปเหม่ยอิงที่กำลังยิ้มหวานอยู่ เหม่ยอิงค่อยๆ หยิบออกมาดู ข้างหลังภาพเขียนว่า “ให้เกาเฟยเป็นที่ระลึก จ้าวเหม่ยอิง”
เหม่ยอิงน้ำตาไหล นั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวในนั้น
วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 22 (ต่อ)
ภายในห้องบรรพบุรุษบ้านสี่ฤดู ผิงอันเอาแจกันดอกไม้ขึ้นไปวางไว้บนแท่นบูชา ผิงอันลงมานั่งคุกเข่ากับพื้น มีอาหลี่และอาม่าคุกเข่าอยู่ข้างหลัง ทั้งหมดคำนับพร้อมกัน ผิงอันเงยหน้ามองดูรูปเต้ แล้วหันไปพูดกับอาม่าและอาหลี่
“บ้านสี่ฤดูเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ต่อไปไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
ทันใดนั้นกรอบรูปเต้ที่แขวนอยู่ก็ตกลงมา เสียงดัง อาม่าสะดุ้ง ส่งเสียงร้องตกใจ อาหลี่ตกใจเล็กน้อย รีบหันไปมองหน้าอาม่า ทั้งคู่มองหน้ากันหวาดๆ ผิงอันควบคุมสติได้ ไม่รู้สึกอะไร เดินไปที่รูปเต้ จ้าวซันเดินมาที่ประตูเห็นผิงอัน อาม่า อาหลี่ จึงหยุดยืนดู
“ลวดข้างหลังมันหลุดออกมา คงพันไว้ไม่ดี เดี๋ยวอาหลี่เอาไปเปลี่ยนให้ทีนะ”
อาหลี่เดินไปรับกรอบรูปมามือสั่น
“คะ.. ครับ”
“ตอนนี้อาม่าคือผู้ใหญ่ที่สุดในบ้านที่อาวุโส และรู้เรื่องราวต่างๆ มากที่สุด ที่ต้องสั่งสอนคนรุ่นหลังเรื่องระเบียบ พิธีการทั้งหลาย ส่วนหลี่...ก็เป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง มีความสามารถ ต่อไปหนูก็คงต้องพึ่งทั้งสองคนนี้ ที่จะช่วยกันดูแลบ้านสี่ฤดูของเรา ถ้ามีอะไรก็ช่วยสั่งสอนแนะนำหนูด้วย เพราะหนูถือว่าทั้งคู่ก็เหมือนกับคนในครอบครัว”
จ้าวซันมองผิงอันอย่างชื่นชม
“คุณหนูจะให้อาม่าช่วยอะไรก็สั่งมาได้เลยนะคะ”
“อย่าใช้คำว่าสั่งเลยอาม่า อาม่าก็เหมือนเป็นอาม่าจริงๆ ของหนู”
“คุณหนูไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเราจะช่วยดูแลบ้านนี้อย่างเต็มที่ เหมือนกับตอนที่นายใหญ่” อาหลี่มองที่รูป เริ่มกลับมากลัวอีก “คะ...เคยอยู่”
“ขอบใจทุกคนมาก เดี๋ยววันนี้แม่ใหญ่ก็กลับมาแล้ว เรามีอะไรที่ต้องรีบทำเยอะแยะเชียวล่ะ”
“ค่ะ” อาม่ากับอาหลี่กำลังจะเดินออกจากห้อง เจอจ้าวซันยืนอยู่ข้างนอก “อุ้ย...คุณชายใหญ่”
“มาสเตอร์”
จ้าวซันพยักหน้าให้ อาม่าและอาหลี่ออกไป จ้าวซันยิ้มให้ผิงอัน และเดินเข้าไปลูบหัว
“เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะเรา ต่อไปพี่คงลูบหัวเล่นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ได้สิ ยังไงหนูก็ยังเป็นซายหมุย น้องสาวคนเล็กของพี่อยู่ดีนั่นแหละ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน จ้าวซันโอบผิงอันด้วยความเอ็นดู
อาหลี่กับอาม่าช่วยกันยกฟูกบางๆ ผ้านวม หมอน ผ้าปูที่นอน ของไทไทเดินออกจากห้องไป ผิงอันในชุดทำความสะอาด โพกผ้าคลุมหัว ใส่ชุดกันเปื้อน เปิดเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดในห้องไทไท จ้าวซันเดินเข้ามา
“ลงมือเองเลยเหรอ”
“หา...อะไรนะคะ” ปิดเครื่องดูดฝุ่น “พี่ชายใหญ่พูดว่าอะไรนะคะ”
“พี่ก็บอกว่าน้องสาวของพี่พร้อมแล้วจริงๆ ที่จะเป็นคนดูแลที่นี่”
ผิงอันถอนหายใจ แล้วมองไปรอบๆ ห้อง
“ตอนนี้ก็คงต้องช่วยๆ กันดูแลไปก่อน” ผิงอันเอามือลูบเตียงไทไท “ ห้องนี้ไม่มีแม่ใหญ่ก็ดูแปลกๆ นะคะ ไม่สิต้องบอกว่าบ้านนี้ต่างหาก ถ้าบ้านนี้ไม่มีแม่ใหญ่ก็คง...”
“แล้วถ้าพี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ล่ะ” ผิงอันตกใจ
“พี่ชายใหญ่! พี่พูดแบบนี้หมายความว่า...”
“ก็พูดเผื่อไว้ก่อน วันไหนเกิดพี่ไม่ได้อยู่ขึ้นมาจริงๆ ผิงอันต้องดูแลแม่ใหญ่ให้ดีๆ นะเข้าใจไหม” ผิงอันอึ้ง พูดไม่ออก เบือนหน้าไปอีกทาง จะร้องไห้แต่กลั้นไว้ “พี่อาจจะไม่ใช่พี่ที่ดีเท่าไหร่ ดูแลน้องทุกคนได้ไม่ดีพอ ทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของเหม่ยอิง”
“ไม่จริงเลย ไม่ใช่ความผิดพี่ใหญ่สักหน่อย พี่ชายใหญ่รักน้องและก็ไว้ใจน้อง ให้โอกาสน้องๆ ทุกคน”
“รับปากพี่ได้ไหมว่าถ้าพี่ไม่อยู่ เราจะต้องเป็นคนปกครองบ้านนี้ต่อไป”
ผิงอันมองหน้าจ้าวซัน เงียบ ก้มหน้าไปอีกทาง ไม่ตอบ
บราลีนั่งอยู่บนเตียง หมอยืนอยู่ข้างๆ
“ตกลงว่าไม่เป็นไรมากใช่ไหมคะหมอ วันนี้ฉันก็ลุกไปเดินเล่น ทำอะไรๆ ได้ตามปกติแล้ว ใช่ไหมคะ”
หมอมองหน้า ถอนหายใจ
“อยากเดินเล่นเหรอครับ” บราลีพยักหน้า “ก็ได้” บราลียิ้ม ดีใจ “แต่ไม่ใช่ที่นี่”
“เอ๊ะ”
“คุณบราลีร่างกายคุณอ่อนแอมากนะครับ และจากผลเลือดบอกว่าคุณมีอาการโลหิตจาง ขาดสารอาหาร ขาดการพักผ่อน...”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู จ้าวซันเปิดประตูเข้ามาให้ห้อง
“อ้าว...หมอ บราลีเป็นยังไงบ้างครับ”
“มาพอดี ผมก็เลยอยากให้คุณ” หมอมองหน้าบราลี “และก็คุณ” หมอมองหน้าจ้าวซัน “พากันไปเที่ยวตากอากาศ ไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้สักห้าหกวัน หยุดการทำงาน หรือคิดเรื่องบริษัท เรื่องปัญหาของครอบครัว แค่กิน นอน เดินเล่น ช็อปปิ้ง เที่ยวสนุกสนาน ร่างกายและจิตใจจะได้พักผ่อน และก็จะได้กลับมาแข็งแรงพร้อมเผชิญเรื่องราวต่างๆอีกครั้ง เข้าใจนะ” จ้าวซันงงๆ มองหน้าบราลียิ้มๆ แล้วพยักหน้า “หวังว่าจะทำตามที่หมอสั่ง ไม่ใช่แค่พยักหน้ากันเฉยๆ หมอกลับก่อนล่ะ คุณชาย มิสภีมะมนตรี”
“สวัสดีค่ะ/ครับ หมอ”
จ้าวซีนกับบราลีพูดพร้อมกัน อาหลี่เข้ามาก้มหัวโค้งหมอ
“เชิญครับ คุณหมอ”
หมอออกไป จ้าวซันกับบราลียิ้มให้กัน ขำหมอ สักพักจ้าวซันเอามือแตะหน้าผากบราลี
“อะไร ไม่ได้เป็นไข้สักหน่อย” บราลีเอามือไปจับมือจ้าวซันมากุมไว้ “ขอโทษนะคะ” จ้าวซันเอาอีกมือมากุมมือบราลีแล้วนั่งลงบนเตียง “ขอโทษที่น้องบ้าบิ่นเกินไป เกือบทำให้เจ้าพี่ได้รับอันตราย”
“แล้วใครล่ะที่เกือบตาย” จ้าวซันส่ายหน้า “น้องห้าวเกินไปแล้ว เอาตัวเข้าไปเสี่ยงมากๆ แบบนี้ไม่ใช่องครักษ์พิทักษ์จ้าวซันแล้ว กลายเป็นว่าพี่ต้องเป็นองครักษ์พิทักษ์น้องแทน”
“ตอนนั้นน้องคิดแต่ว่าจะไม่ยอมให้พวกนั้นหนีรอดไปได้อย่างเด็ดขาด น้องไม่มีเวลาได้ไตร่ตรองจริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเขาทำสำเร็จเจ้าพี่ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ”
“น้องจะบอกว่าน้องไม่คิดถึงตัวเอง คิดถึงแต่พี่ อย่างนั้นสิ”
“ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะทีเดียวหรอก”
“งั้นต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรอีก เรามาสัญญากันนะว่า ทั้งพี่และทั้งน้อง จะไม่ทำอะไรตามอำเภอใจ ต้องปรึกษากันก่อน”
บราลียิ้มยอมรับ พยักหน้าเข้าใจ
“ค่ะ”
“รู้จักรักตัวเองบ้าง รู้จักกลัว และก็ระวังตัวด้วย อย่าประมาท เพราะว่าคนที่รักเขาเป็นห่วง เข้าใจไหม นี่แหนะ ขอทำโทษสักทีเถอะ”
จ้าวซันเอามือขยี้หัวบราลีด้วยความเอ็นดู
โรงอาหาร สถานีตำรวจ ผู้กองเหลียงและอเล็กซ์ ยกเอาชามก๋วยเตี๋ยวมาวางที่โต๊ะพร้อมกัน ที่โต๊ะมีหมวดจางและจ่าหมงนั่งอยู่แล้ว
“เฮ้อ...นานๆ จะได้มีเวลามากินข้าวกลางวันสบายๆ แบบนี้สักที”
“สบายยังไง คิดว่าจะสรุปคดีได้ง่ายๆ งั้นเหรอ”
ผู้กองเหลียงซูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเสียงดัง
“อ้าว มันจะมีปัญหาอะไรอีก ไอ้เกาเฟยก็ตายไปแล้ว พันหงปิงก็ตายไปแล้ว”
“แน่ใจ? มีใครเห็นศพพานหงปิงบ้าง” อเล็กซ์สวนทันที หมวดจาง จ่าหมง มองหน้ากัน ส่ายหน้า “มันอาจจะยังไม่ตาย แล้วหนีออกนอกประเทศไปก็ได้”
“ประเทศเรานี่มันก็จริงๆ เลยนะ ทำไมพวกคนร้ายมันถึงได้หนีเข้าออกกันได้ง่ายดายนัก”
“แล้วเรื่องคุณเหม่ยอิงล่ะครับ” จ่าหมงถามผู้กองเหลียง
“ใช่” อเล็กซ์มองหน้าผู้กองเหลียง รอคำตอบ ผู้กองเหลียงก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวไป
“หายเงียบไปเลย”
“คงหนีออกนอกประเทศไปอีกคน หรือว่าไงครับผู้กอง”
“เราก็ได้แต่สัณนิฐานไปอย่างงั้นก่อน”
“ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด เรื่องมันก็ยังจบไม่ได้ ผมไม่มีวันนั่งกินข้าวได้อย่างมีความสุขหรอก”
“อืมม...งั้นก็อย่ากินเลย กินไปก็ไม่มีความสุข”
ผู้กองเหลียงแกล้งยกชามก๋วยเตี๋ยวของอเล็กซ์มากินเอง
“เฮ้ยๆๆ”
จ้าวซันเข็นไทไทที่นั่งบนรถเข็นผ่านเข้าประตูบ้านเข้ามา บราลี ผิงอัน อาม่า อาหลี่ ที่นั่งรออยู่ต่างพากันยิ้มแย้มและลุกขึ้น ไทไทดูเหม่อลอย ไม่เชิดหยิ่งเหมือนเดิม
“ไทไทกลับมาแล้วๆ”
“ไทไท”
ไทไทมองอาม่า ไม่ยิ้ม หน้าเรียบเฉย พูดเรียบๆ ช้าๆ
“อากง...ฉัน...แล้วก็แก”
ทุกคนงง อาม่ามองหน้าจ้าวซัน
“อะไรเหรอครับแม่ใหญ่”
“อากง...ฉัน...แล้วก็...” ไทไทค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นชี้อาม่า “แก...แล้วก็นายของแก เตรียมตัวกันไว้ให้ดีๆ ล่ะ”
อาม่างงๆ หน้าซีด หันมองอาหลี่ ไทไทหน้าเรียบเฉย มองตรงไปยังบราลี จ้าวซันสังเกตเห็น ค่อยๆ เข็นรถตรงไปหาบราลี ไทไทยื่นมือไป บราลียื่นมือมาจับกับมือไทไท นั่งคุกเข่าลง
ไทไทมองบราลีลึกเข้าไปในดวงตา แต่ไม่ได้พูดอะไร เอาหลังมือบราลีมาแนบแก้ม แล้วค่อยๆ ปล่อยมือลงบราลีมองไทไทงงๆ เหมือนจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่าค่ะ
“ฉันมีเวลาเหลืออีกไม่มาก วันนี้อยากนอนแล้ว”
“ครับๆ อาม่าจะอยู่คอยดูแลแม่ใหญ่เหมือนเดิมนะครับ”
ไทไทไม่ตอบรับอะไร นัยน์ตาเหม่อลอย ทุกคนมองหน้ากันด้วยความเป็นห่วงไทไท จ้าวซันมองทุกคน ส่ายหน้าในเชิงว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง จ้าวซันเข็นไทไทไป ผิงอันและอาม่ารีบเดินตาม บราลีมองตามวิตกกังวล
เย็นวันนั้น อาม่ากำลังง่วนกับการทำอาหารอยู่ ผิงอันที่ใส่ผ้ากันเปื้อน เดินหน้าตาตื่นเข้ามาในครัว
“คุณหนูยกเอาไปให้ไทไทแล้วใช่ไหมคะ”
“อาม่า! เห็นแม่บ้างไหม”
“อ้าว ไม่ได้อยู่ในห้องเหรอคะ”
“ในห้องไม่มี ในบ้านก็เดินหาจนทั่วแล้ว”
อาม่าวางอุปกรณ์ทำครัวที่อยู่ในมือลง
“อะไรกัน เมื่อกลางวันก็ยังเห็นอยู่เลย ในสวนก็ไม่มีเหรอคะ”
“ไม่มีค่ะ ดูแล้ว”
“บ้านใหญ่ล่ะคุณหนู”
“หนูโทรไปถามแล้ว ไม่มีใครเห็นเหมือนกัน”
“อาจจะออกไปธุระข้างนอก”
อาหลี่วิ่งหอบเข้ามาพอดี
“ผมหาจนทั่วบ้านแล้ว ไม่มีวี่แววของคุณนายสี่เลยครับ”
“แม่ไม่เคยหายไปแบบนี้”
“หรือว่ามีใคร มาเอาตัวคุณนายไป”
ทันใดนั้นเสียงออดประตูใหญ่ดังขึ้น
อาหลี่วิ่งออกมาดู ผิงอันในชุดผ้ากันเปื้อนเดินตามออกมา หยุดชะเง้อดูที่ประตู
“บ้านหลังนี้ใช่ไหม”
คนแปลกหน้า หันไปพูดกับคนข้างหลัง อาหลี่วิ่งออกมาดู
“มาหาใครเหรอครับ”
“ขอโทษนะคะคือผู้หญิงคนนี้...”
คนแปลกหน้าหลบไปอีกทาง เผยให้เห็นแม่สี่ยืนเหม่อตาลอยอยู่ข้างหลัง
“คุณนาย”
ผิงอันชะเง้อมองพอเห็นแม่จึงรีบวิ่งมาหน้าประตู
“แม่”
อาม่าได้ยิน วิ่งตามออกมาจากในบ้าน หน้าตาตื่น
“ดิฉันจำได้คลับคลายคลับคลาว่าน่าจะอยู่บ้านหลังนี้ก็เลย...”
“ชะ...ใช่ครับ”
อาหลี่รีบเปิดประตูบ้าน ผิงอันรีบไปจูงมือแม่สี่เข้ามาข้างใน
“แม่เข้ามาก่อน แล้วทำไมคุณแม่หนูถึงได้...”
“ทีแรกก็เห็นเดินเหม่ออยู่ข้างถนนคนเดียว แล้วจู่ๆ ก็จะข้ามถนน ดิฉันก็กลัวว่ารถจะชนเอาเลยเข้าไปช่วย แต่พอถามว่าจะไปไหนก็พูดไม่รู้เรื่อง”
“แม่...แม่เป็นอะไรหรือเปล่า” แม่สี่ตาลอย
“ฝนจะตกแล้ว รีบกลับบ้านไปเก็บผ้ากันดีกว่า” แม่สี่บอก ทุกคนมองหน้ากัน
“เป็นแบบนี้แหละค่ะ” คนแปลกหน้าบอก อาม่ามองแม่สี่อึ้งไป
“คุณนาย”
“เอ่อ...ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ” ผิงอันบอก
“ขอบคุณมากนะครับ”
อาหลี่ปิดประตู ผิงอันจูงพาแม่สี่เดินเข้ามาในบ้าน เขย่าแขน
“แม่เป็นอะไร...แม่ จำหนูได้ไหม...แม่” ผิงอันหน้าเศร้าจะร้องไห้ “ทำยังไงดีอาม่า”
ผิงอัน อาม่าช่วยกันประคองพาแม่สี่เดินขึ้นบันไดบ้านขึ้นมาที่ชั้นสอง
“จริงๆ น่าให้แม่พักอยู่ข้างล่างก่อน ไม่น่าจะให้ขึ้นมาเลย”
“ตามหมอมาดูอาการเลยดีไหมค่ะ”
แม่สี่หยุดกึก มองหน้าสองคน
“ก็ฉันบอกว่าจะขึ้นห้อง เอ๊ะสองคนนี่ยังไงนะ” ผิงอันกับอาม่ามองหน้ากัน งง “แล้วก็เลิกมาเกาะแกะฉันได้แล้ว”
แม่สี่สะบัดแขนออกจากการประคองของทั้งสองคน
“แม่...แม่จำได้แล้วเหรอ”
“จำอะไร”
“หนู” ผิงอันเอามือชี้ตัวเอง “ซาหมุย ลูกแม่” แม่สี่เอามือเขกกะโหลกผิงอันหนึ่งที “โอ๊ย”
“แกเห็นว่าฉันปัญญาอ่อนหรือไง” แม่สี่เดินตรงไปยังห้อง กำลังจะเปิดประตูแต่รีรอ “แล้วจะตามฉันกันมาทำไม ไปเลยจะไปไหนก็ไป”
“แม่ โอเคแน่นะค่ะ จะให้หนูอยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องๆๆ ฉันดูแลตัวเองได้ อยู่ดีจะมาประจบเอาอะไรไม่ทราบ”
“แม่คะ แต่...”
“นี่อาม่า พายัยผิงอันลงไปเลยนะ จะพากันไปทำครัวที่ไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับฉัน ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว”
อาม่ากับผิงอันมองหน้ากัน
“ค่ะๆๆ ไปเถอะค่ะคุณหนู”
อาม่าพาผิงอันลงไป แม่สี่รอจนทั้งคู่เดินพ้นห้องไป แม่สี่รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิด แม่สี่เอาหลังพิงที่ประตู ถอนหายใจอย่างหนัก แล้วทรุดตัวนั่งกับพื้น
ที่ห้องทำงานจ้าวซัน จ้าวซันกำลังนั่งเปิดอินเทอร์เน็ตหาสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยอยู่ บราลีนั่งอยู่ใกล้ๆ ในมือถือหนังสือท่องเที่ยวเมืองไทยอยู่
“ทะเลสวยมากเลย”
“สวยมาหลายที่แล้ว ตกลงเลือกได้หรือยังจะไปที่ไหน”
“เจ้าพี่อยากไปทะเลหรือภูเขามากกว่ากัน”
“ไม่เอาเจ้าพี่สิ งานนี้ต้องตามใจคนป่วยนะ”
“น้องรู้ว่าเจ้าพี่ชอบภูเขา”
“แสดงว่าอยากไปทะเล ใช่ไหม”
บราลียิ้มที่จ้าวซันรู้ทัน
“งั้น...เอาอย่างงี้ หาเกาะสักเกาะในประเทศไทยที่มีภูเขาให้ปีนด้วยดีไหม”
“ได้”
“จริงๆ แค่หาที่จะไปเที่ยวก็สนุกแล้ว”
“นานได้ไปพักผ่อนสักทีก็ดีเหมือนกัน”
“ขอให้ได้พักผ่อนจริงๆ เถอะ เดี๋ยวก็มีเรื่องอีกจนได้”
“ไม่มีแน่ เรื่องของเหม่ยอิงตอนนี้พี่ก็ปล่อยให้ตำรวจจัดการ จะไม่ไปยุ่งแล้ว”
บราลียื่นนิ้วก้อยออกมา
“สัญญานะ”
จ้าวซันยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวทำสัญญา บราลียิ้ม
“เราไปที่นี่ก่อน เสร็จแล้วก็เลยไปงานแต่งงานของศิขรที่คีรีรัฐดีไหม”
“ตกลงตามนี้ เดี๋ยวน้องไปจัดกระเป๋าเลยดีกว่า”
บราลีส่งเสียงร้องดีใจแล้ววิ่งออกไปจากห้องทันที จ้าวซันมองตามยิ้ม
แม่สี่ลงกลอนล็อกจากด้านในห้องอีกที แล้วเดินอย่างเหนื่อยอ่อนไปนั่งที่โต๊ะ
“เฮ้อออ...หัวใจจะวาย”
“หนูไม่ยักรู้มาก่อนว่าแม่เล่นละครได้เก่งขนาดนี้”
เหม่ยอิงเดินเข้ามาจากระเบียง
“ก็ถ้าไม่ใช้วิธีนี้แล้วแกจะเข้ามาได้ไหม เฮ้อ...ไม่ขอบใจฉันสักคำ”
เหม่ยอิงยิ้มอย่างจริงใจให้แม่สี่
“แม่คะ”
“อะไร”
“ขอบคุณนะคะ”
เหม่ยอิงพูดจบก็หันไป แล้วเดินออกไปที่ระเบียง
“นี่ๆ เข้ามาอยู่ในห้องสิ เดี๋ยวใครก็เห็นเข้าหรอก”
เหม่ยอิงยืนมองไปยังบ้านหลังใหญ่ แววตาเรียบเฉย อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 22 (ต่อ)
ที่โต๊ะอาหาร แม่สี่กำลังตักอาหารเข้าปาก ผิงอันกับอาม่าคอยแอบลอบมองด้วยสายตาเป็นห่วง แม่สี่มองทั้งสองคน
“มองอะไรกัน”
ผิงอันรีบก้มหน้าก้มตากินข้าว อาม่าแกล้งเดินเอาน้ำมารินให้
“น้ำค่ะ”
“ฉันอิ่มแล้ว”
แม่สี่วางตะเกียบลง
“หนูก็อิ่มแล้ว เดี๋ยวเราไปนั่งดูทีวีกันดีกว่า นะคะแม่”
“ไม่ วันนี้ฉันเหนื่อย เดี๋ยวจะนอนแล้ว” อาม่าเดินมาเก็บจาน และกำลังจะยกจานกับข้าวที่เหลือไป แม่สี่รีบเอามือไปขวางไว้ “อาม่าไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“อะไรนะคะ”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวฉันเก็บเอง”
“อ้าว...ไหนแม่บอกว่าเหนื่อย”
“วันนี้กับข้าวหลายอย่าง คุณเก็บเองคนเดียวไม่ไหวหรอ ให้ดิฉันช่วยนะคะ”
“ก็ฉันบอกว่าฉันจะเก็บเองไงเล่า พูดไม่รู้เรื่องหรือไง” แม่สี่บอกเสียงดัง อาม่าและผิงอันช็อก มองหน้ากัน “อิ่มแล้วจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมายุ่ง”
อาม่าก้มหัวงุดๆ ออกไป ผิงอันเดินออกจากห้องทานข้าว แต่ยังไม่วายหันกลับมามองด้วยความเป็นห่วง แม่สี่มองรอคนทั้งสองคนออกไปแล้วจึงลุกขึ้น
แม่สี่เดินคล้องถุงผ้าใบเล็กๆ ที่แขน เดินลับๆ ล่อๆ มาที่หน้าประตูห้อง มองซ้ายมองขวาแล้วรีบเปิดประตูเข้าไป พอเข้ามาในห้องแม่สี่รีบล็อกประตู แม่สี่เดินไปที่โต๊ะ เอาอาหารที่ใส่กล่องมาอย่างดีออกจากถุงผ้า แล้ววางเรียง
เหม่ยอิงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“แม่เอาของกินมาให้นิดหน่อย รีบมาทานสิ”
เหม่ยอิงยังไม่หัน ไม่เดินมา แม่สี่เดินเข้าไปหา แล้วไปจูงเหม่ยอิงมาที่โต๊ะ เหม่ยอิงเดินมาอย่างคนไม่มีกะจิตกะใจ เหม่ยอิงเห็นอาหารบนโต๊ะ เป็นปลาครึ่งตัวที่เห็นก้าง และอาหารต่างๆ ที่ดูแหว่งๆ ไม่สวยงาม
“ของเหลือพวกนี้ แม่เอามาให้หนูเหรอคะ”
แม่สี่อึ้ง ทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ...คือ แม่ขอโทษ”
เหม่ยอิงมองหน้าแม่สี่
“แม่จะมาขอโทษทำไม” เหม่ยอิงนั่งลงที่โต๊ะ หันไปมองหน้าแม่สี่ “ขอบคุณนะคะ” เหม่ยอิงก้มลงกินข้าวอย่างหิวโหย แม่สี่มองเหม่ยอิงที่กำลังกินข้าวอย่างประหลาดใจ “อร่อยมากค่ะ”
เหม่ยอิงหันมายิ้มให้อย่างจริงใจ แม่สี่ยิ้มปลาบปลื้ม แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
ที่ห้องนั่งเล่น บราลีลากกระเป๋าเดินทางออกมา เอาเสื้อผ้าต่างๆ มาลองทาบกับตัวแล้วพับใส่กระเป๋า จ้าวซันเดินลงมาจากชั้นสอง เห็นข้าวของเสื้อผ้ากองพะเนิน
“นี่กะจะย้ายไปอยู่เลยหรือไง ไปเที่ยวแค่ไม่กี่วันเอง”
“ไม่ได้จะเอาไปทั้งหมดสักหน่อย”
“ไปไหนกันเหรอครับ”
บราลีและจ้าวซันรีบหันไปทางต้นเสียงเห็นอาหลี่ประคองอากงที่ยังไม่หายดี เดินกระย่องกระแย่งเข้ามาในห้อง
“อากง”
“หายดีแล้วเหรออากง”
บราลีรีบวิ่งไปช่วยอาหลี่ประคงอากงเดินมาข้างใน
“อากงนั่งก่อน ทำไมรีบออกมาจากโรงพยาบาลล่ะคะ”
“ไม่ไหวๆ พอแปลกที่แล้วมันนอนไม่หลับเลย”
“กลัวผีก็บอกเขาไปเถอะน่าอากง” อากงยกมือทำท่าจะซัดอาหลี่ อาหลี่รีบหลบ “แหนะๆ นี่ขนาดยังไม่หายดีนะ จะลงไม้ลงมือกันอีกแล้ว”
อากงเดินมาหยุดหน้าจ้าวซัน
“ผมขอโทษนะครับคุณชาย งานที่แล้วผมช่วยอะไรคุณชายไม่ได้เท่าไหร่เลย”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิอากง ผมต่างหาก ถ้าวันนั้นผมกลับบ้านมาเร็วขึ้นอีกสักหน่อย อากงคงไม่ต้องเจ็บหนักขนาดนี้หรอก”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรกันตอนนี้เลย อากงคงอยากพักผ่อนแล้ว” บราลีบอก
“เดี๋ยวผมพาอากงไปที่ห้องเองครับ”
“ฝากด้วยนะหลี่”
อากงกำลังจะเดินไปกับอาหลี่ แต่ก็หยุดแล้วหันกลับมาหาจ้าวซันและบราลี
“ตราบใดที่ยังหาตัวคุณเหม่ยอิงไม่พบ ผมว่าเราก็ยังไม่ควรประมาทนะครับ”
อากงพูดจบแล้วก็หันหลังเดินไป อาหลี่หันกลับมามองจ้าวซันและบราลีที่ยืนครุ่นคิดกับคำพูดของอากงเมื่อครู่นี้อยู่
บราลีกำลังพยายามปิดกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ด้วยตัวเอง
“เห็นไหมเจ้าพี่ สุดท้ายน้องก็เอาไปแค่นี้เอง”
“เกือบจะปิดไม่ได้แหนะ”
“ก๊อกๆๆ” ผิงอันเดินถือทาร์ตแบบฮ่องกงเดินเข้ามา กำลังจะยื่นส่งให้จ้าวซันและบราลี “หนูมีของดีมาให้ชิมไม่ได้ซื้อด้วย ทำเองกับมือเลย”
“แต่หน้าตาเหมือนที่เขาวางขายเปี๊ยบ”
“พี่ชายใหญ่! หน้าตาเหมือนกันไม่จำเป็นว่ารสชาติจะต้องเหมือนกัน เพราะว่า...”
“ของเขาอร่อยกว่า”
ผิงอันดึงจานที่จะส่งให้จ้าวซันกลับ
“พี่ชายใหญ่ไม่ต้องกินแล้ว หมดสิทธิ์ ยกให้พี่บรีสองจานเลย”
“เนยทั้งนั้นเลยนะผิงอัน ขืนพี่กินเข้าไปตอนนี้ล่ะก็...”
“พี่บรี หมอบอกว่ายังไง จะต้องกินเยอะๆ ใช่ไหม ต้องบำรุง นม เนย ไข่ ของดีๆ ทั้งนั้น ห้ามปฏิเสธ”
บราลีจำใจรับมาแล้วตักเขาปากหนึ่งคำ สีหน้าบ่งบอกว่าอร่อยมาก
“หืมม”
“ไง...อร่อยใช่ไหม”
บราลีพยักหน้าหงึกๆ จ้าวซันจะมาแย่งกิน
“ไม่ได้ พี่ชายใหญ่ห้าม อยากมาว่าขนมเค้าดีนัก”
“อ่ะๆ สงสาร ให้ลองคำนึง”
บราลีตักใส่ช้อนแล้วป้อนให้จ้าวซัน จ้าวซันทำหน้าอร่อยเกินจริง
“พี่ว่าไม่ต้องเรียนแล้วบริหารธุรกิจ เรียนทำอาหารน่าจะรุ่งกว่า”
ด้านนอกของห้องนั่งเล่นที่ติดกับสวน เหม่ยอิงในชุดดำยืนมองอยู่ ใบหน้าเรียบเฉย เหม่ยอิงเห็นบราลีป้อนทาร์ตให้จ้าวซันอีกที ทาร์ตติดที่แก้มบราลี จ้าวซันเอามือไปเช็ดออกให้ ทั้งสามคนนั่งกินขนมกันสนุกสนาน
“ไปเที่ยวเผื่อหนูด้วยนะ” ผิงอันบอก เหม่ยอิงมองไปที่กระเป๋าเดินทางสองใบที่วางอยู่คู่กัน
“เที่ยวให้สนุกนะคะ หวังว่า...”
เหม่ยอิงพูดเรียบๆ แล้วค่อยเดินหายไปในความมืด
วันต่อมารถจ้าวซันแล่นมาตามถนน วันนี้จ้าวซันเป็นคนขับเอง ฉินเจียงนั่งข้างๆ ผิงอัน เทเรซ่า ซ่างกวานซิง นั่งกันด้านหลัง
“ฉินเจียง เวลานี้ ถึงน้องจะยังทำอะไรออกหน้ามากนักไม่ได้ แต่น้องก็ช่วยทำหลายๆ อย่างอยู่เบื้องหลังได้ น้องจะช่วยทำบางอย่างแทนพี่ ช่วงที่พี่ไม่อยู่ได้ไหม”
“ได้สิครับ พี่ใหญ่”
“น้องต้องฟังคนอื่น แล้วก็ต้องอยู่ในกรอบ ต้องมีระเบียบวินัย สัญญาได้ไหม”
“โธ่...พี่ชายใหญ่ ผมต้องทำตัวดีๆ สิครับ ลูกของผมเกิดมา อย่างน้อยพ่อของเขาต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างได้ มากก็น้อยล่ะ”
เทเรซ่า ซ่างกวานซิงสบตากัน ส่ายหน้า
“ส่วนผิงอัน ต่อไปนี้น้องต้องอยู่ข้างตัวเทเรซ่า แล้วคอยดูว่าเทเรซ่าเขาทำอะไร เพราะอะไร แล้วก็ช่วยเขาด้วย”
“ให้คุณหนูผิงอันมาเป็นเลขาของเทเรซ่าชั่วคราวนะคะ ได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ คุณเทเรซ่าก็สอนผิงอันได้เต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“การเรียนเมืองนอกของน้อง ตกลงว่าจะเรียนแบบทางไกลของมหาวิทยาลัยที่โคโลราโด้ ขอให้เทเรซ่าช่วยดูแล ตามเรื่องให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะ”
“พี่ไม่อยู่ ก็ฝากทุกคน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของพวกเราเองทั้งนั้น ไม่มีอะไร เพื่อตัวพี่เลยเข้าใจนะ”
ทุกคนรับคำ “เข้าใจค่ะ-ครับ” จ้าวซัน ยิ้มขับรถต่อไป
ที่บ้านสี่ฤดู อาหลี่วางถุงเสื้อผ้ายี่ห้อแบรนด์เนม 5-6 ถุงลงบนโต๊ะ บราลีเดินเข้ามา มองงงๆ
“ใครไปช็อปปิ้งมากันหรือ หลี่”
“คุณชายนั่นแหละครับ ซื้อมาให้มิสภีมะมนตรี สำหรับจะใส่ไปเที่ยวเมืองไทยไงครับ”
“จริงเหรอ โอ๊ย...คุณชายของหลี่ใจดีจังเลย” บราลีแกะดู หยิบบางชุดออกมาทาบตัว ด้านนึงเหม่ยอิงมาแอบดูด้วยแววตาปวดร้าว “ว้าว...มีชุดกลางคืนด้วย โอ้โห...สวยมากเลย คุณชายจ้าวซันนี่เลือกชุดผู้หญิงเก่งจัง” บราลีชื่นชมชุดราตรีสีขาวปักแพรวพราววิบวับ
“สงสัยคนที่ร้านเขาจัดมาให้มั้งครับ มีรองเท้ากับกระเป๋าด้วย”
“แบบนี้คุณชายคงธุระมากล่ะสิ”
“วันนี้คงดึกล่ะครับ พาทุกคนไปที่สื้อฉวนแฟชั่น เพราะมีอะไรหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ด่วนที่นั่น ก่อนออกเดินทาง”
“อ๋อ...สงสารจัง ก่อนจะไปเที่ยว ต้องทำงานหนักกว่าเดิมอีก”
เหม่ยอิงที่แอบดู ถอยมา ยืนตัดสินใจ แววตาปวดร้าว
เหม่ยอิงอยู่ในห้องสวมชุดราตรีสีดำ สวยงามมาก เดินเข้ามาหน้ากระจก
“ชุดสวยๆ ชั้นก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่เธอจะมีคนเดียว ขอให้รู้ไว้ด้วย” เหม่ยอิงเอาเพชรของไทไทมาแต่งทีละชิ้น จนครบ แพรวพราว “เพชรของจ้าวไทไท ใครว่ามันเป็นของต้องห้าม ห้ามแตะต้องงั้นเหรอ ขอโทษทีนะ มันเหมาะสมกับชั้นอย่างที่สุด น้ำหน้าอย่างเธอจ้างก็ไม่มีวันจะได้ครอบครอง” เหม่ยอิงทาปากด้วยสีแดงสด ทำหน้าสวยผุดผาด ในแสงสวยที่หน้ากระจก “กระจกวิเศษ บอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี หึๆๆ...ไม่ใช่เธอแน่ บราลี”
บราลีกำลังปลื้มรองเท้าใหม่ เอามาชื่นชม แล้วลองใส่ แล้วเดินไปมา แล้วถอดออกมา ทะนุถนอม แม่สี่ยืนมองอยู่ด้านนึง ถือถาดใส่ถ้วยยา
“อ้าว คุณนายสี่”
“ตกใจหรือคะ ฉันเอายาบำรุงมาให้คุณ”
“ตายล่ะ เกรงใจจัง รบกวนคุณนายสี่”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็อากงไม่สบาย อาม่าก็ต้องดูแลแต่แม่ใหญ่ ก็มีแต่ฉันนี่แหละที่ว่าง ไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาช่วยดูแลคุณแทนพวกคนเฒ่าคนแก่พวกนั้น”
“ขอบพระคุณค่ะ ความจริงฉันไปทำเองก็ได้ ไม่อยากทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องลำบากเลย” บราลีรีบมาถือ
“โอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันเองก็รู้สึกผิดมากๆ ที่ลูกสาวคนโตของฉันทำให้คุณต้องเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น ฉันก็หวังว่าครั้งนี้ คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วทุกอย่างขอให้จบลงด้วยดี”
“ขอให้จบลงด้วยดี ใช่ค่ะ”
“ดื่มสิคะ ดื่มเลย”
“ไม่ใช่ดื่มหลังอาหารหรือคะ”
“อ๋อ...ไม่ต้องค่ะ อันนี้เหมือนน้ำชา หวานๆ จะดื่มเมื่อไหร่ก็ได้ ดื่มแล้วแข็งแรง สดชื่น” บราลีดมๆ
“อันนี้ไม่มีกลิ่นโสมนะคะ”
“อันนี้เป็นสูตรผสมถั่งเช่าค่ะ” บราลีดื่ม แล้วหยุด ทำหน้าแปลกๆ “ไม่อร่อยหรือคะ”
“หวานมากเลยค่ะ”
“อ๋อ...สงสัยเข้าใส่น้ำตาลกรวดเยอะไปหน่อย เพื่อลดความเฝื่อนของรสยาน่ะค่ะ ดื่มให้หมดเลยค่ะ รับรองว่าจะรู้สึกดีขึ้นทันทีเลย”
“ทันทีเลยหรือคะ” บราลีดื่มที่เหลือจนหมด
“เป็นไงมั่งคะ รู้สึกดีขึ้นทันทีไหม”
บราลีมองหน้า ตาฟางทันที แล้วพยายามจะยื่นมือมาข้างหน้า แม่สี่มองมา แววตาหวั่นๆ บราลีร่วงลงไปกองกับพื้น
ถุงเสื้อผ้าและรองเท้ายังวางค้างอยู่ จ้าวซัน ผิงอัน ยืนงงๆ มองๆ ผิงอันวางถุงตาข่ายใส่องุ่นลง
“พี่บรีไปไหน เสื้อผ้า รองเท้ายังอยู่ตรงนี้เลย พี่บรี พี่บรีคะ มาทานองุ่นเร้ว...อร๊อย อร่อยค่ะ”
จ้าวซันมองๆ รื้อๆ สังเกต บางถุงหายไป
“ถุงเสื้อผ้าหายไปบางถุงนะ สงสัยเอาขึ้นไปลองข้างบน” จ้าวซันวิ่งขึ้นบ้านไป “บรี! บรี! ม่านฟ้า”
ผิงอันวิ่งเข้าไปดูข้างใน จ้าวซันวิ่งกลับลงมา แล้วกลับมาดูที่ถุงข้าวของอีกที หน้าซีด
พวกตำรวจยืนมุงกันเครียด
“ถุงเสื้อผ้าหายไป 2-3 ถุงหรือครับ” ตำรวจถาม
“ครับ เป็นเสื้อผ้าใหม่ ที่ผมซื้อให้” จ้าวซันบอก
“ผมเป็นคนเอาของพวกนี้มาส่งให้เอง ตอนบ่ายๆ ครับ แล้วผมก็ออกไป” อาหลี่บอก อากงเดินย่องแย่งมา
“อากงก็มัวแต่หลับครับ รับประทานข้าวกลางวันแล้วก็นอนพัก ไม่ได้ยินอะไรเลยครับ”
“อาม่าก็ดูแลจ้าวไทไทอยู่ค่ะ นี่ก็ทิ้งไว้คนเดียว อาม่าขอตัวกลับไปดูแลท่านต่อนะคะ หลังๆ นี้ ไม่ค่อยอยากให้ท่านอยู่ตามลำพังเลยค่ะ อาม่าไปได้แล้วใช่ไหมคะ”
“เชิญครับ”
“แล้วแม่ล่ะคะ”
ผิงอันหันไปถามแม่
“อะไรกันผิงอัน ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ค่อยสบาย แม่ก็นอนหลับน่ะสิ ตอนบ่ายๆ น่ะ ทำไมมองหน้าแม่แบบนี้”
“ท่าไม่ดีแล้วครับ ลักษณะนี้ผมว่าเจ้าเก่ามาเองแน่นอน” หมวดจางบอก
“คุณเหม่ยอิง ชัวร์ครับ”
จ้าวซันหน้าซีด คราวนี้เหม่ยอิงไม่น่าจะเอาไว้แน่
พระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเล เหม่ยอิงในชุดราตรีเพชรพราว ปากแดงฉ่ำ ยืนอยู่ในสายลม บราลีในชุดราตรีที่จ้าวซันซื้อให้ สีขาว นอนอยู่ที่นั่งตอนหลัง ค่อยๆ ลืมตาตื่น งงสุดขีด มองรอบๆ มองตัวเอง แล้วลุกพรวดขึ้น พบว่าโดนผูกมือไว้ข้างหลัง บราลีหันมาข้างๆ เห็นปืนจ่ออยู่ข้างหน้า เหม่ยอิงยิ้มเย็น
“กูดม้อร์นิง...อรุณสวัสดิ์ มิสภีมะมนตรี”
“อีกแล้วเหรอ”
“ใช่ เธอคงเบื่อมากสินะ แต่ครั้งนี้รับรองมันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ชั้นจะไปแล้วไปลับไม่กลับมา”
บราลีรีบลงมาจากรถ มองตัวเองทั้งตัว รองเท้าก็ใส่มาอย่างดี
“นี่...คุณทำอะไรของคุณ คุณแต่งตัวให้ชั้นใหม่เหรอ คุณคิดอะไรอยู่คุณเหม่ยอิง คุณบ้าจริงๆ ด้วย”
“ก็แล้วแต่เธอจะคิด แต่ชั้นแค่มีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“คุณน่ากลัวมาก”
“คนที่น่ากลัวกว่าคือเธอ เธอมันนางแม่มด เสกมนตร์ให้พี่ชายใหญ่หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ผู้หญิงอะไร เคยทำมาหากินมีรายได้ของตัวเองบ้างไหม ถึงต้องให้พี่ชายใหญ่ซื้อของให้ตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้กระทั่งชุดชั้นในราคาแพง ทุเรศ ทำตัวเหมือนผู้หญิงขายตัว”
“คุณเหม่ยอิง คุณจะเอายังไง บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า จะฆ่าฉันก็ไม่ฆ่า คุณมีเป้าหมายอะไร”
“ชั้นจะเดินทางไกล แต่ฉันไม่เอาไม่ได้ มีแต่เธอเท่านั้นที่จะทำให้ชั้นไปถึงจุดหมาย” เหม่ยอิงยกปืนขึ้นมา แสดงความพร้อมยิงเสมอ
สองหญิงเผชิญกัน คนนึงชุดขาว คนนึงชุดดำ ท่าทางไม่มีใครยอมใคร
รถเหม่ยอิงจอดอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ เหม่ยอิงที่มีปืน ผลักบราลี ให้เดินนำหน้า บราลีหกล้มหกลุกมาตามโขดหิน มือบราลีถูกผูกไว้ข้างหลัง
“เดินสิ เดินเร็วๆ เข้า แดดชักจะร้อนแล้วนะยะ เดี๋ยวหน้าดำหมดพอดี”
บราลีใส่รองเท้าสูง หกล้มลงไปนั่ง
“โอ๊ย”
“แหม...ตอนนี้ทำเป็นบอบบางอ่อนแอเหรอยะ อย่ามารยาให้มากนักเลย หรือว่าอยากจะตายตรงนี้” เหม่ยอิงยิงเปรี้ยงลงพื้น เฉียดเท้าบราลีไปนิดเดียว บราลีตกใจตัวแข็ง มองหน้า
“คุณเหม่ยอิง ถ้าเกลียดชั้นนักก็ฆ่าชั้นเลยสิ” บราลีบอกเสียงดัง
“ไม่ต้องมาท้า เรื่องอะไรชั้นจะให้เธอตายง่ายๆ ชั้นทิ้งทุกอย่างในชีวิตของชั้นแล้วเพื่อแลกกับเธอ เธอจะต้องอยู่ อยู่ให้ถึงที่สุด เร็ว...เร็วสิ เดินไป ไปที่บ้านริมทะเลนั่นไง เร็ว”
“ไปทำไม”
“ไปรอพี่ชายใหญ่ไง เขาจะมาพบเธอที่นั่น” บราลีผงะ
“แล้วเธอ เธอจะทำอะไรเค้า อย่าทำอะไรจ้าวซันนะ” เหม่ยอิงหัวเราะ
“อุ๊ย...หมั่นไส้ แม่คุณ รักพี่ชายใหญ่ยิ่งกว่าชีวิตงั้นสิ น่าปลื้มในความรักอันยิ่งใหญ่ของพวกเธอจังเลย ไป เร้ว”
เหม่ยอิงเข้ามากระชากบราลีลุก และลากจนเซหลุนๆๆไป
เหม่ยอิงผลักบราลีเข้ามาในบ้านพัก บ้านนั้นเป็นบ้านโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ เหม่ยอิงผลักบราลีเข้าไปในห้องน้ำซึ่งเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่
“ไป...เข้าไป แกเข้าไปอยู่ในนี้ก่อน แล้วจะขับถ่าย หรือจะกินน้ำก๊อกเป็นอาหารเช้าก็ตามใจ”
เหม่ยอิงผลักบราลีแทบหัวทิ่ม ทรุดนั่งลงไป แล้วกระชากประตูห้องน้ำปิด ล็อกกลอนจากภายนอก บราลีทรุดกับพื้นห้องน้ำที่แห้งผาก เงยมา น้ำตาไหล เจ็บใจ และหวั่นกลัวห่วงจ้าวซัน
เหม่ยอิงเดินไปที่โทรศัพท์บ้านแล้วกดโทออก ขณะนั้นจ้าวซันกำลังเดินไปมาในบ้าน ขณะที่พวกตำรวจ อาหลี่ ยังดูนั่นดูนี่อยู่รอบๆ บริเวณ จ้าวซันคิดหนัก พอดี เสียงโทรศัพท์ดัง จ้าวซันสะดุ้ง รีบกดรับ
“เหวยๆ”
“พี่ชายใหญ่ๆ” จ้าวซันอึ้งไป
“เหม่ยอิง เหม่ยอิง น้องทำอะไร อยู่ที่ไหน”
เหม่ยอิงแนบโทรศัพท์แน่นกะหู แล้วน้ำตาค่อยๆ ปะทุ
“พี่ชายใหญ่คะ พี่ชายใหญ่ ช่วย...ช่วยน้องด้วย”
“อะไรนะเหม่ยอิง น้อง...น้องเป็นอะไร น้องพาบราลีไปไหน น้องจะทำอะไรบราลี”
พวกตำรวจ อาหลี่ เห็นท่าของจ้าวซัน รีบเข้ามารุมฟัง
“พี่...พี่ชายใหญ่เข้าใจผิดแล้ว น้อง...น้องต่างหาก ที่โดนคนรักของพี่ชายใหญ่ทำร้ายอย่างแสนสาหัส” เหม่ยอิงพูดพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย บราลีแนบหูฟังจากในห้องน้ำ ร้อนรนเป้นห่วงจ้าวซัน
“อะไรของเธอ เหม่ยอิง เธอพยายามจะทำอะไร”
“น้องหมายความว่ายังไง บราลีน่ะเหรอ จะทำอะไรน้อง”
“จริงๆ ค่ะ เขาบอกว่าน้องเป็นคนไม่ดี น้องเป็นอันตรายต่อพี่ชายและต่อตระกูลจ้าว เขาตบตี ทำร้ายน้อง เขามีปืนด้วยค่ะ พี่ชาย พี่ชายมาช่วยน้องด้วย”
“ไม่จริง เหม่ยอิง เธอบ้าไปแล้ว เธอมันบ้า! บ้าเต็มตัวเลยด้วย” บราลีตะโกนอยู่ในห้องน้ำ
ขณะที่จ้าวซัน อึ้งๆ
“เหม่ยอิง น้องอยู่ที่ไหน”
“พี่ชายมาคนเดียวนะคะ พี่ชายต้องมาคนเดียว บรีบอกว่าถ้าพี่เอาคนอื่นมาด้วย เขาจะฆ่าน้อง”
“เป็นไปไม่ได้”
“แต่ก็เป็นไปแล้วค่ะ เขาบ้าไปแล้ว เขาเหมือน...เหมือนหึงหวงจนเสียสติ เขาบอกว่าเขาจะให้น้องตายช้าๆอย่างทรมาน”
“เหม่ยอิง อย่าทำแบบนั้น อย่าทำอะไรบราลี พี่ขอร้อง”
“พี่ชาย พี่ชายพูดไม่รู้เรื่องเหรอคะ นังบราลีจะฆ่าน้อง”
“โอเคๆ น้อง...กับบราลีอยู่ที่ไหน”
“พี่ชายก็ทราบอยู่แล้วนี่คะ น้องต้องรีบวางแล้ว ถ้าเขาเห็นน้องโทรศัพท์ น้องต้องโดนแน่ๆ แค่นี้นะคะ น้องกลั๊วกลัว กลัวมากเลยค่ะ”
“เดี๋ยว เหม่ยอิง”
เหม่ยอิงวางสาย แล้วหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ในห้องน้ำบราลีนั่งที่พื้น แนบหูประตู ซีด หวาดสยอง
“เหม่ยอิง”
จ้าวซัน อึ้งๆ มองดูเบอร์ในโทรศัพท์
“เหม่ยอิง สิ่งที่น้องพูดออกมาคือสิ่งที่น้องอยากจะทำกับบราลี ใช่ไหม”
ตำรวจและอาหลี่รุมฟังอยู่
“อะไรนะครับ”
“คุณหนูใหญ่ เป็นคนโทรมาหาคุณชายเอง หรือครับ”
“ใช่ แต่เขาอยู่ที่ไหน” จ้าวซันดูเบอร์ที่หน้าจอ “เบอร์นี้เหมือนเบอร์บ้าน หรือโทรศัพท์สาธารณะ”
“ขอผมดูหน่อยครับ”
หมวดจางบอก แต่จ้าวซันไม่ส่งให้ แต่ดูหน้าจอ แล้วตะลึง
“เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ หลี่ นี่มันใช่เบอร์โทร...”
จ้าวซันกลับส่งข้ามไปให้อาหลี่ดู
“หา...นี่มัน”
“บ้านริมทะเลของตระกูลจ้าว บ้านที่ไม่เคยไปกันอีกเลยตั้งแต่เต้เสียแล้วแม่ใหญ่ก็ล้มป่วย เมื่อ 5 ปีก่อน”จ้าวซันดวงตาวาว มั่นใจ ใช่แน่ ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น “แต่...แต่...ตอนนี้ บรียังปลอดภัยดีอยู่หรือเปล่า”
จ้าวซันตระหนก
บ้านตากอากาศ บราลีเปิดน้ำจากก๊อกอ่างล้างหน้าและใช้มือที่ยังโดนมัด ประคองรับน้ำมากินอย่างกระหาย ท่าทางอ่อนระโหยมาก แล้วค่อยๆ ใจเย็นลง นั่งลงกับพื้น กอดเข่า มองดูรอบๆ เงยดูช่องลม เพดาน หาทางหนีทีไล่
บราลีมองรอบๆ ห้องน้ำที่ค่อนข้างกว้าง โล่งแบบบ้านยุคเก่าที่ไม่ประหยัดเนื้อที่นั้น แข็งแรง มั่นคง ไม่มีทางหนี ไม่มีช่องลมที่สามารถไปถึงได้ ไม่มีที่ให้ปีนได้เลย บราลีท้อใจ โทรมและอ่อนแรงมากแล้ว
เหม่ยอิงเอาปืนทั้งหมดมาวาง มี 2 กระบอก หยิบกระสุนออกมาวางเรียงสองสามกล่อง หยิบกระสุนมาบรรจุในปืนจนเต็มแล้ววางเรียง เหม่ยอิงนั่งคุกเข่าดูของพวกนั้น น้ำตาเหม่ยอิงไหลออกมา
รถจ้าวซันแล่นผ่านมาตามถนนเลียบชายหาดด้วยความเร็วสูง อาหลี่เป็นคนขับนั่งหน้า จ้าวซันนั่งไม่ติด กำลังกดโทรศัพท์หน้าเครียด แล้วเงยหน้าขึ้นมามองข้างทางแว่บนึง
“ทำไมฉันไม่คุ้นทางแถวนี้เลย”
“มาสเตอร์ไม่ได้มานานแล้วนี่ครับ”
จ้าวซันยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูด
“ผู้กอง ผมกำลังไปจะถึงบ้านริมทะเลในอีก ประมาณ...”
“ประมาณชั่วโมงกว่าครับ” อาหลี่บอก
“หนึ่งชั่วโมง ผู้กองถึงไหนแล้วครับ” จ้าวซันมองหน้าต่างไปเห็นป้ายข้างทางเป็นภาษาจีนและมีเครื่องหมายให้กลับรถ “เดี๋ยวหลี่ หลี่ๆ หยุดรถก่อน”
“จอดๆ” เต๋อเป่ารีบบอก อาหลี่รีบพารถเข้ามาจอดข้างทางอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาถามจ้าวซัน
“มีอะไรเหรอครับ”
“แกมาผิดทาง”
“อะไรนะครับ”
“แกเลยแยกทางเข้าหาดมาไกลแล้วรีบกลับรถเร็ว แล้วไปให้ถึงภายในครึ่งชั่วโมง” อาหลี่ทำหน้างงๆ แล้วรีบกลับรถกลางถนนอย่างรวดเร็ว เมื่อตั้งลำได้ก็ออกตัวแบบกระชากสุดแรง “เฮ้ย...ที่มันเรื่องคอขาดบาดตาย แกพลาดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าบราลีต้องเป็นอะไรไปล่ะก็ ฉันไม่เอาแกไว้แน่”
จ้าวซันพูดอย่างจริงจัง เฉียบขาด อาหลี่หน้าสลด
“แต่ทางนี้”
“อย่าเถียงฉันสิ ข้างหน้ามีทางลัด แกจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมเลียบหาดไป”
“ครับๆ”
อาหลี่กลัวหัวหด รู้ว่าจ้าวซันเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ
“ผู้กอง เหวยๆ... ครับๆ ไม่เป็นไรครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมถึงแน่นอน หา...ผู้กองหลงทาง ผู้กองเป็นตำรวจภาษาอะไร” อาหลี่หันมามองจ้าวซันผ่านกระจกหลัง จ้าวซันชำเลืองมอง ทำตาดุใส่ อาหลี่รีบเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น “ถ้าผู้กองไปถึงก่อน ผมขอห้ามไม่ให้ตำรวจเข้าไปในบริเวณบ้านโดยเด็ดขาด” อาหลี่เข้าโค้งรถโดยไม่เบรก “ไม่ได้ครับ ครั้งนี้ผมขอ พวกคุณจะหลบหรือแอบอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่ผมจะเข้าไปคนเดียว พวกคุณไม่เกี่ยว เพราะถ้าเหม่ยอิงเห็นเข้าเขาอาจจะทำอะไรบราลีก็ได้” อาหลี่เหยียบคันเร่งสุดกำลัง “ผมเป็นห่วงบราลี และหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ”
จ้าวซันกดวางสาย แล้วนั่งลุ้น กระสับกระส่าย
วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 22 (ต่อ)
ฉินเจียงตกใจเมื่อมาที่บ้านสี่ฤดูแล้วรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“นังเหม่ยอิง อินี่มันต้องเอาไฟฟ้าช็อตสถานเดียว”
“ทำไมเค้าเป็นแบบนี้ หนูไม่เข้าใจเลย แล้วเค้ามาที่นี่ได้ยังไง มาเอาตัวพี่บรีไปได้ยังไง ทำไมไม่มีใครรู้เรื่องเลย”
“อีนี่มันคือแม่มด หรือภูติผีปีศาจหรือไง ทำไมมันถึงทำอะไรได้หมด ไร้เงา ไร้ร่องรอยขนาดนี้ แล้วมันพาบรีไปไหน พวกพี่ใหญ่ตามมันไปที่ไหน น้องรู้ไหม”
“ไม่ทราบค่ะ พี่ใหญ่ไม่บอกค่ะ”
“นังเหม่ยอิงมันต้องเจอฉัน หึ ขนาดไอ้เกาเฟย ฉันก็ยังจัดการกะมันมาแล้ว นังเหม่ยอิงมันก็ต้องระดับชั้น ถึงจะเอาอยู่ พี่ใหญ่น่ะใจอ่อน เชื่อคนง่าย ไม่มีทางรู้เท่าทันนังแม่มดร้ายหรอก”
ผิงอันกลัวๆ
ฉินเจียงเดินรีบร้อนออกมาหน้าบ้านสี่ฤดู ฉินเจียงกดโทรศัพท์หาจ้าวซัน แต่จ้าวซันไม่รับ
“ไม่รับๆๆ จ้าวซันเขาทำอะไรของเขาอยู่วะ”
ฉินเจียงไล่หาเบอร์โทรศัพท์มือถือใหม่ ฉินเจียงเลื่อนหารายชื่อในโทรศัพท์และมาหยุดอยู่ที่ชื่อผู้กองเหลียง ฉินเจียงกดโทรออก
ขณะนั้นผู้กองเหลียงกับหมวดจาง กำลังหลงทางอยู่ถนนเลียบริมชายหาด
“เหวย”
“ผู้กอง”
“คุณฉินเจียงจะมาด้วยเหรอครับ”
“อะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วอยู่ที่ไหนกัน”
“อ้าว” ผู้กองเหลียงกำลังหาที่กลับรถอยู่ ไม่สะดวกคุย จึงส่งโทรศัพท์ต่อให้หมวดจาง “บอกทางที”
หมวดจางรับมา
“บ้านริมทะเลของตระกูลจ้าวครับ คุณน่าจะมาถูก”
“เหวยๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน ผู้กองๆๆ”
“ผมหมวดจางครับ”
ผู้กองเหลียงหาที่กลับรถได้ แล้วคว้าโทรศัพท์คืนมา
“รู้แล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าบราลีโดนเหม่ยอิงลักพาตัวงั้นเหรอ”
“ประมาณนั้นล่ะครับ”
“นี่ใครพูด”
“ผมผู้กองเหลียงไงครับ”
“โอ๊ย...จ้าวซันจะไปที่นั่นด้วยใช่ไหม”
“ใช่ครับ กำลังจะไปถึง แต่ตอนนี้ผมหลงทางอยู่ครับ”
“โอเค” ฉินเจียงกดตัดสาย
“อะไรของเขาวะ”
ฉินเจียงสีหน้ามุ่งมั่น
บราลียังถูกขังอยู่ในห้องน้ำ บราลีชักเครียดขึ้นมาบ้างจึงร้องไห้ออกมา จากทีละนิดๆ จนในที่สุดตะโกนออกมา
“จ้าวเหม่ยอิง จ้าวเหม่ยอิง” บราลีค่อยๆ ประคองตัวเอง พยุงตัวขึ้นมายืน แล้วพุ่งไปที่ประตู ทุบๆๆ ประตู “จ้าวเหม่ยอิง! คุณเป็นคนขี้ขลาด ใช้วิธีสกปรก หลอกแม่ตัวเองให้มาเป็นเครื่องมือ ไม่งั้นคุณไม่มีทางได้ตัวชั้นง่ายๆ หรอก เก่งจริง คุณปล่อยฉัน แก้มัดฉัน แล้วเรามาสู้กันตัวต่อตัวไหม เหม่ยอิง”
เงียบ ไม่มีเสียงจากข้างนอก บราลีรอฟังสักพัก แล้วพยายามจี้ใจดำต่อไป
“จ้าวเหม่ยอิง คุณได้ยินไหม คุณไม่เห็นจะเป็นผู้หญิงเก่งตรงไหน คนเก่ง เขาต้องชนะด้วยฝีมือสิ ต้องชนะด้วยการแข่งกันตัวต่อตัว ด้วยความสามารถอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่คุณทำมันคือวิธีของขโมย แบบนี้เหรอที่คุณอยากจะเป็นไท้เผ่งของธุรกิจตระกูล ที่คุณทำอยู่เนี่ยนะ มันจะทำลายทั้งตัวคุณ ทั้งตระกูลจ้าว มันจะไม่มีอะไรเหลือ ตามที่จ้าวไทไทเคยพูดไว้จริงๆ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ บราลีรอฟังปฏิกริยาสักพัก แต่ก็เงียบกริบ จนทำให้ร้อนใจ และยิ่งตีตรงจุดให้มากขึ้นไปอีก
“จ้าวเหม่ยอิงๆ ยังอยู่หรือเปล่า ช่วยตอบชั้นหน่อยว่าคุณทำกับชั้นแบบนี้ แล้วคุณจะได้อะไร มันแสดงถึงความรักของคุณต่อจ้าวซันตรงไหน ชั้นไม่เห็นว่าคุณรักใครเลยซักคน แม้แต่ตัวเองคุณก็ยังไม่รักเลย สิ่งที่คุณทำอยู่นี่มันไร้เหตุผล มันไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวคุณเลย คุณอยากให้จ้าวซันเขาเห็นอะไร หรือให้เขาได้ความคิดอะไรจากการกระทำนี้เหรอ ตอบมาซี่ ตอบมา คุณตอบได้หรือเปล่า จ้าวเหม่ยอิง”
เสียงรองเท้าเดินมาที่ประตูห้องน้ำ บราลีทรงตัวให้ยืนตรง เตรียมเผชิญหน้า ประตูห้องน้ำเปิดออก บราลีมองไปแล้วตะลึงเมื่อเห็นเหม่ยอิงยืนสวยสง่า มือถือปืนมือนึง แก้วแชมเปญมือนึง เหม่ยอิงยิ้ม เชิด หยิ่ง จิบแชมเปญ
“หนวกหูจังเลยนะ แม่สาวชาวไทย ส่งเสียงรบกวนปาร์ตี้ของฉันมากๆ ท่าทางเธอจะอยากตายเร็วๆ นะ แต่เสียใจ ชั้นไม่ใช่คนขี้โมโห เธอจะยั่วยังไง ชั้นก็ไม่ของขึ้นหรอก”
“เหม่ยอิง นี่เธอ...เธอ...ดื่มเหล้า ทำไม” เหม่ยอิงหัวเราะ
“เหล้าที่ไหนกัน พูดจาได้ต่ำมาก นี่มันแชมเปญในกรุของเต้เชียวนะ ไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ แต่ก็พอได้อยู่ มาฉลองกับฉันหน่อยไหม อ่า...นี่ไง เชียร์ส” เหม่ยอิงสาดเหล้าใส่หน้าบราลี บราลีผงะ “อุ๊ย...ฉันทำเธอเลอะเทอะหมดละ”
เหม่ยอิงโยนแก้วทิ้งไป แก้วแตกเพล้ง เหม่ยอิงจิกหัวบราลี จับลากไป แล้วจับเหวี่ยงให้หัวพุ่งไปชนผนังปัง!บราลีทรุด ร่วง กุมหัว เหม่ยอิงลากบราลีมาโยนลงตรงที่มีฝักบัว แล้วเปิดฝักบัว สาดใส่บราลี พลางหัวเราะ
“แบบนี้มันต้องอาบน้ำกันหน่อยแล้ว ฮ่ะๆๆๆ”
เหม่ยอิงสาดน้ำใส่บราลีหัวเราะสนุกสนาน
บราลีที่ตัวเปียกโชก มือยังโดนมัด ร่างกายอ่อนเปลี้ย โดนเหม่ยอิงเหวี่ยงผลักลงกับพื้นแทบหัวทิ่ม เหม่ยอิงมองอย่างสมเพช
“เนี่ยเหรอ มิสภีมะมนตรีคนสวย สารรูปดูไม่ได้ น่าสมเพชจริงๆ เธอนี่มันไม่คู่ควรที่จะมาเป็นคู่แข่งของชั้นสักนิด” บราลีโงหัวขึ้นมา งงๆ บราลีพยายามจะแก้มือที่โดนผูก แต่ยิ่งเปียกน้ำก็ยิ่งแก้ไม่ออก เหม่ยอิงยืนมอง “โถ...ยังกับลูกหมาตกน้ำ อ่า...ฐานเมตตา เราต้องมาสวยแข่งกันนะบรี ชั้นเป็นคนยุติธรรม และมีความคิดสร้างสรรค์นะจ๊ะ”
บราลีอึ้ง พูดไม่ออก เหม่ยอิงมองๆ แล้วเข้ามา ดึงตัวบราลีมา บราลีนอนนิ่ง
“นังบราลี ไม่ต้องมาดัดจริต สำออย ลุกขึ้นมา ลุก เร็ว” บราลีนิ่ง “แกจะท้าทายชั้นใช่ไหม บราลี ชั้นบอกให้แกลุกขึ้นไง เร็ว”
“คุณจะทำอะไร”
“ลุกขึ้นมา นึกว่าชั้นจะไม่ยิงเธอเหรอ จะลองไหม”
เหม่ยอิงขึ้นไก แกร็ก บราลีสะดุ้ง ตาโพลง พยายามกัดฟันลุก
“นั่งลงที่เก้าอี้หน้ากระจก เร็ว” เหม่ยอิงจ้องปืน ตาขวาง “ชั้นบอกให้นั่ง”
“คุณบ้าไปแล้ว”
“ใช่...ชั้นบ้า นั่ง เร็วสิ”
เหม่ยอิงเดินเข้ามา จอปืนใกล้ บราลีอึ้ง ทรงตัวที่ปวดร้าวไปทั่ว นั่งลงที่หน้ากระจก
บริเวณบ้านตากอากาศตระกูลจ้าว ผู้กองเหลียงและหมวดจางจอดรถหลบร้อนอยู่ ผู้กองเหลียงใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปที่บ้านตากอากาศ หมวดจางกำลังคุยโทรศัพท์กับจ้าวซัน
“ครับ ยังไม่ได้เข้าไปครับ ประมาณสองร้อยเมตรก่อนถึงทางเข้า”
หมวดจางกดวางโทรศัพท์ส่งให้ผู้กองเหลียง ผู้กองเหลียงลดกล้องส่องทางไกลลง หันมารับมือถือคืน
“โทรมาย้ำอยู่ได้ เดี๋ยวก็บุกเข้าไปซะหรอก”
“คุณชายจะมาถึงแล้วนะครับ”
ผู้กองเหลียงส่งกล้องส่องทางไกลให้หมวดจาง
“ไม่เห็นอะไรเลยว่ะ อยู่ที่นี่แน่หรือเปล่า”
“นั่นสิครับ”
“ถ้านับหนึ่งถึงสิบแล้วจ้าวซันยังไม่มา เราเข้าไปกันเถอะ หนึ่ง...”
ทันใดนั้นรถจ้าวซันก็พุ่งมาแต่ไกลและมาเบรกตรงใกล้ๆ รถผู้กองเหลียง จ้าวซันรีบรถมาจากรถอย่างรวดเร็ว แม้ว่ารถยังจอดไม่สนิทดี หน้าตาเคร่งเครียด ผู้กองเหลียงกับหมวดจางมองหน้ากัน จ้าวซันเดินมาคว้ากล้องส่องทางไกลจากหมวดจางแล้วส่องดู
“มองจากตรงนี้ไม่เห็นหรอก ห้องพักส่วนใหญ่อยู่ทางโน้น” จ้าวซันโยนกล้องคืนให้หมวดจางแล้วจะเดินไป อาหลี่กับเต๋อเป่ารีบเดินตาม จ้าวซันหันกลับมา “พวกแกไม่ต้อง ฉันจะเข้าไปคนเดียว”
“ให้ผมไปด้วยดีกว่าครับ เผื่อจะเกิดอะไรขึ้น”
จ้าวซันจ้องหน้าทั้งคู่เขม็ง
“มันจะเกิดอะไรขึ้นก็เพราะพวกแกนี่แหละ ไม่ต้องไป”
“ผมกับหมวดจางจะเข้าไปแอบซุ่มอยู่ใกล้ๆ แล้วกันครับ” ผู้กองเหลียงบอก
“เหม่ยอิงเป็นน้องสาวผม ผมจัดการเองได้”
“คุณเหม่ยอิงไม่ธรรมดาอย่างที่คุณชายคิดนะครับ” เต๋อเป่าบอก
“คุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทสื้อฉวนแล้ว ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
จ้าวซันอึ้ง ถอนหายใจ สักพักค่อยๆ พยักหน้า ยอมจำนน
“งั้นแก หลี่ตามฉันมา แต่ห้ามทำอะไรโดยพลการ และก็ห้ามทำร้ายเหม่ยอิงโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เข้าใจไหม” อาหลี่รับคำ จ้าวซันเดินนำหน้าไป
“แล้วประเทศนี้มันจะมีตำรวจไว้ทำไมวะ”
ผู้กองเหลียงบ่นขึ้นลอยๆ แล้วมองหน้าหมวดจาง ไม่สบอารมณ์
ในอีกห้องนึง บราลีกำลังโดนเหม่ยอิงเอาเชือกมัดให้ติดกับเก้าอี้จนแน่นเสร็จพอดี แล้วรีบคว้าปืนขึ้นมาอีกครั้ง ถอยออกมามองดูบราลีจากมุมต่างๆ
“เยินๆ แบบนี้ เดี๋ยวพี่ชายใหญ่มาเห็น ผิดหวังแย่ ลองพยายามทำหน้าตาให้เข้ากับชุดหน่อยสิ บราลี เราต้องประชันความงามกันให้พี่ชายใหญ่เลือกนะ”
บราลีมองเหม่ยอิง กลัวๆ เพราะรู้สึกว่าคนนี้พูดไม่รู้เรื่องแล้ว และอาจทำอะไรได้ทุกอย่าง เหม่ยอิงคว้าที่มัดผมจากกระเป๋าเครื่องสำอาง เข้ามา วางปืนลง จับผมบราลี รวบๆ พันๆ จับให้พ้นหน้าขึ้นไป เอาที่มัดผมมามัดๆ บราลีแอบชำเลืองดูที่ปืน แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เหม่ยอิงมัดผมให้บราลีเสร็จ ถอยมาดูต่อ
“จุ๊ๆๆ ไม่ไหวๆๆ หน้าซีดเกินไป คนรักของจ้าวซัน ต้องสวยๆ สิ”
เหม่ยอิงไปรื้อหาลิปสติกมาอัน แล้วเดินเข้ามา บราลีมองอย่างช็อกๆ
“คุณจะทำอะไร”
“ถามอย่างอื่นเป็นไหม ถามอยู่ได้ว่าชั้นจะทำอะไรๆ นี่มันอะไร ลิปสติกนะ ชั้นจะเอาไปกดคิดเลขมั้ง อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่อยากหน้าเป็นโจ๊คเก้อร์”
เหม่ยอิงจับคางบราลีล็อก แล้วบรรจงทาปากให้อย่างตั้งใจ บราลีมองหน้าเหม่ยอิง แบบขนลุก สยอง เหม่ยอิงทาเสร็จ ถอยออกมาดูอีก แล้วฉีกยิ้มหวาน
“ว้าว...โอเค้...สวยขึ้นนิดนึงละตอนนี้ อืม...สงสัยจังเลยนะ แม่บราลี คนอย่างเธอนี่มันมีอะไรดีเหรอ นอกจากความสาว สวย ชอบนุ่งชุดสั้นๆ อวดเรือนร่าง แล้วก็ดัดจริตโอเว่อร์ ทำตัวใสๆ หวานๆ ซื่อๆ ลูกกวางน้อยไปวันๆ เพื่อยั่วให้ผู้ชายหลง”
เหม่ยอิงมองแบบเกลียดเข้าขั้น บราลีมองเหม่ยอิง สิ้นหวัง
จ้าวซันเดินนำอาหลี่ไปตามชายหาด สักพักจ้าวซันหันหลังกลับ
“แกรออยู่ตรงนี้แหละ ฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะเข้าไปคนเดียว”
อาหลี่ลังเล จ้าวซันไม่รอช้า รีบหันหลังกลับแล้วเดินต่อไปทันที
“เดี๋ยวก่อน” จ้าวซันหันกลับมา อึ้ง อาหลี่หันไปมองจึงเห็นฉินเจียงหยุดยืนหอบอยู่ข้างหลัง “นี่พี่คิดจะทำอะไร”
“แกมาได้ยังไง”
“พี่คิดจะเข้าไปในนั้นคนเดียวอย่างนั้นเหรอ คิดได้ยังไง”
“ทำไม”ง
“ผมไปด้วย”
ฉินเจียงออกเดินต่อไปข้างหน้า ไม่สนใจ
“ไม่”
“พี่ไปไว้ใจคนแบบนี้ได้ยังไง ถ้าพี่เชื่อว่าพี่คนเดียวเอายัยเหม่ยอิงอยู่ ผมก็ขอบอกว่าพี่โลกสวยเกินไปแล้ว”
“เหม่ยอิงเป็นน้องฉัน และเขารักฉัน ครั้งที่แล้ว...ที่ฉันรอด ก็เพราะเขาทิ้งให้ฉันตายในนั้นไม่ลง แล้วกลับมาช่วยฉัน”
“ความรักของคนแบบนั้น ถ้ามันไม่สมหวัง มันจะเปลี่ยนเป็นความแค้นแบบที่พี่คาดเดาไม่ได้เลยนะ”
จ้าวซันอึ้ง ฉินเจียงและจ้าวซันมองหน้ากัน
“ก็จริง แต่...”
“ไม่ต้องมีแต่แล้ว พี่ประมาทเกินไป ไป เราสองคนเข้าไปหาเหม่ยอิงกัน”
ฉินเจียงเดินเข้าไปตบบ่า แล้วโอบหลังพาจ้าวซันเดินไป ฉินเจียงหันกลับมามองเต๋อเป่ากับอาหลี่ ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องเป็นห่วง
จบตอนที่ 22
โปรดติดตามตอนอวสาน เร็วๆนี้