xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อหังการ์ “เสี่ยตา” เสียงก่นด่าแค่หมาเยี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาน่าจะเป็นคำที่เหมาะสมกับ เท่ง เถิดเทิง-หรือในชื่อจริงว่า พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ดาวตลกชื่อดังของเมืองไทยอย่างที่สุด จากกรณีที่เท่ง เถิดเทิงได้ไปอวยพรงานวันเกิดของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เนื่องในโอกาสครบรอบอายุ 38 ปี โดยไฮไลท์ของงานนี้ เท่ง เถิดเทิงประกาศจุดยืนอันแน่แน่วทางการเมืองของตัวเองแบบชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ โดยได้ขึ้นเวทีร้องเพลงอวยพรวันเกิดนายณัฐวุฒิ ปิดท้ายคำว่า “อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน” ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากคนเสื้อแดงในงานกันสนั่นเลยทีเดียว

แต่ในทางตรงกันข้ามกลับถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมออนไลน์กันอย่างหนักทั่วบ้านทั่วเมือง ชนิดที่ทำเอาทั้งตัวเท่ง เถิดเทิงและบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของ “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” ถึงกับต้องออกมาเต้นแถลงแก้ตัวเป็นพัลวัน

เท่ง เถิดเทิง ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยยอมรับว่า ตนเองไปร่วมงานวันเกิดนายณัฐวุฒิจริง และคำพูดที่ว่า “อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน” ก็พูดจริง ทว่า เป็นเพียงแค่การพูดอวยพรให้เจ้าภาพมีความสุข ซึ่งเป็นปกติของนักแสดงที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปงาน

“เรื่องนี้ที่จริงไม่น่าจะเป็นประเด็นใหญ่โตเลย ในมุมมองของผม เพียงแค่วันนั้นไปทำหน้าที่ศิลปิน เมื่อได้รับว่าจ้างก็ไปแสดงตามปกติ และด้วยความที่ผมเป็นนักร้องและตลก นอกจากร้องเพลงแล้ว จึงมีการพูดจาตลกโปกฮาเล่นมุกไปตามเรื่อง ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้วไม่ได้เกี่ยวว่าผมเป็นพวกไหน หรือเลือกข้างใดๆ ทั้งสิ้น”

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่านับเป็นบทเรียนราคาแพงของเท่ง เถิดเทิงโดยแท้ เพราะต้องไม่ลืมว่าตัวเองเป็นคนของประชาชน การจะแสดงออกสิ่งใดสู่สาธารณชน จึงต้องพึงระวังว่าจะมีผลกระทบอะไรต่อความคิดของคนในสังคมและต่อตัวเองด้วยหรือไม่และเท่ง เถิดเทิง ควรจะทราบไว้ด้วยเสียว่า นช.ทักษิณ ได้ทำอะไรไว้กับประเทศไทยบ้าง

เท่านั้นยังไม่พอ สิ่งที่น่าจะทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ของเท่ง เทิดเถิง เป็นบทเรียนราคาแพงและต้องจดจำไปตราบนานเท่านานก็คือ หารู้ไม่ว่าเขากำลังกลายเป็นไอดอลขวัญใจคนใหม่ของคนเสื้อแดงโดยไม่รู้ตัว เพราะต่อมาได้ถูกนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว เชิญชวนแฟนเพจร่วมกดไลค์ให้กำลัง “เท่ง เถิดเทิง” หากใครอยากเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน แถมยังเก๋ไก๋เอาคำ “เท่ง” เป็นสัญลักษณ์แทนคนที่อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน

“ใครอยากเห็นทักษิณกลับบ้าน เชิญ กดLIKE ให้กำลังใจพี่เท่งในโพสต์นี้ครับ ให้กำลังใจเสร็จแล้ว เรามานับกันดูว่า คนด่าพี่เท่งเพียงหยิบมือ กับน้ำใจที่ มีให้พี่เท่ง จากคนคอเดียวกันนั้น มีมากมายใหญ่ยาวสักขนาดไหน ถ้าพี่เท่งกล้า แดงผมก็กล้าเท่งครับ ถ้าพี่ยึดหลักให้ดี คำว่าเท่งจะเป็นสัญลักษณ์แทนคนที่ อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน

“คำถามสุดท้าย ถึงแฟนเพจพานทองแท้ทุกท่านก็คือ คุณเท่งหรือไม่เท่ง??ครับ”

แต่ที่หนักหนาสาหัสกว่านั้นเห็นจะเป็นกรณีที่มีการนำภาพของเท่งในละครรายการชิงร้อยชิงล้าน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 56 ไปโพสต์พร้อมส่งต่อในเฟซบุ๊กในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง กระทั่งทำให้ เท่ง เถิดเทิง ต้องวิ่งโร่ไปร้อง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี(ปอท.) เพื่อขอลงวันทึกประจำวันโดยนำหลักฐานภาพที่โดนตัดไปโพสต์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม มามอบให้พนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ ต้องบอกว่า ภาพของเท่ง เทิดเถิงที่แพร่กระจายอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียนั้น หากใครได้เห็นภาพแล้วก็อาจจะอดคิดไม่ได้เช่นกันว่า ทั้งเท่ง เทิดเถิงและบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของ “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” มีเจตนาอย่างไร เพราะทั้งเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบล้วนแล้วแต่ส่อให้ประหวัดคิดไปในทำนองนั้นแบบไม่ต้องมีข้อกังขา

ยิ่งเมื่อนำไปเชื่อมโยงกับถ้อยคำหวานซึ้งสำหรับคนเสื้อแดงบนเวทีวันเกิดเสี่ยเต้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้อดปะติดปะต่อภาพไม่ได้ว่า มีเจตนาไปในทำนองนั้นหรือไม่

เพราะต้องไม่ลืมว่า เท่ง เทิดเถิงคือสินทรัพย์ของเวิร์คพอยท์และเสี่ยตา การที่จะตัดสินใจทำอะไรหรือรับงานอะไร ย่อมต้องผ่านความเห็นชอบจากต้นสังกัด การไปงานวันเกิดของนายณัฐวุฒิก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เท่ง เถิดเทิงจะไม่ถามเวิร์คพอยท์ก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ งานใหญ่ระดับวันเกิดรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และแกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดงผู้โด่งดังคนอย่างเสี่ยตา จะไม่รับรู้ว่าลูกน้องคนโปรดของตัวเองไปออกงานด้วยไม่ได้ แน่นอนย่อมจะต้องรู้เห็นด้วยเป็นอย่างดี เพราะไม่ใช่แค่ไปออกงานวัดวาทั่วไปเสียเมื่อไหร่

ในฐานะที่คร่ำหวอดในวงการสื่อมาอย่างยาวนาน นายปัญญาย่อมต้องรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

เช่นเดียวกับ “ภาพนี้ workpoint ต้องมีคำตอบ” ที่แม้จะอธิบายอย่างไรก็ไม่สามารถปักใจเชื่อได้

สำหรับกรณีภาพเท่ง เถิดเทิงนั่งรถเข็นนั้น เมื่อเรื่องร้อนฉ่าเป็นกระแสขึ้นมา ก็เป็นไปตามสูตร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จึงได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก WORKPOINT ENTERTAINMENT โดยระบุว่า เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด โดยมีบุคคลนำภาพจากช่วงละครสามช่าซึ่งเนื้อหาในวันนั้นล้อละครเรื่องข้างหลังภาพ เท่ง เถิดเทิงรับบทนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่น กำลังนั่งรถลาก เที่ยวชมบรรยากาศอันแสนงดงามของประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งได้ถ่ายรูปบรรยากาศไว้เป็นที่ระลึกเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนทางรายการจึงนำภาพนิ่งช่วงละคร จากรายการชิงร้อยชิงล้าน วันดังกล่าวมาให้ดูอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน เรื่องร้อนฉ่าจนถึงขนาดที่ว่า นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ฯ ได้เรียกพนักงานใน บ.เวิร์คพอยท์ฯ และบริษัทในเครือทุกคน เข้าชี้แจงถึงปัญหาข่าวฉาวที่เกิดขึ้น

แหล่งข่าวใน บ.เวิร์คพอยท์ เปิดเผยว่านายปัญญา และผู้ใหญ่ในบริษัทจำนวนหนึ่งได้เข้าร่วมชี้แจงกับพนักงานถึงกรณีที่เกิดขึ้น ณ ห้องยุ้งข้าว โดยการชี้แจงดังกล่าวกินเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง สำหรับเหตุผลที่ทางผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเรียกประชุมด่วนดังกล่าวก็เนื่องจากต้องการอธิบายข้อเท็จจริง สร้างความเข้าใจในหมู่พนักงานเพื่อให้เกิดการชี้แจงตรงกัน และยืนยันว่าบริษัทรวมถึงผู้บริหารทำงานรับใช้และจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงตลอดมา

“วันนี้เรามาเจอกันอย่างมีความสุข แต่เป็นความสุขที่ทุกคนที่ไม่ใช่เวิร์คพอยท์ฯ เริ่มรับไม่ได้ เนื่องจากเวิร์คพอยท์แข็งแกร่งเกินไป รักกันมากเกินไป เก่งมากเกินไป จึงเกิดการทำลายบริษัท ในวันนี้จึงต้องมีการบอกกล่าว เพราะเหตุการณ์หลายๆ เรื่อง ฟังไปแล้วอาจจะปกติ แต่เมื่อดูไปแล้วกลับเหมือนดำเนินการกันเป็นขบวนการ จบวันนี้พรุ่งนี้มี จบอาทิตย์นี้อาทิตย์หน้ามี ซึ่งไม่ปกติ”

“ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เริ่มห่วง พระที่พี่นับถือก็มาให้ศีลให้พร แล้วก็ให้กำลังใจบอกว่า ... หมาเยี่ยวรดภูเขาทองคุณปัญญา เวิร์คพอยท์แข็งแกร่งมาก รักกันมาก เขาหมดหนทางแล้ว เขาจึงต้องใช้วิธีอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมีวิถีทางเดียวที่เราจะต่อสู้กับเรื่องราวที่เป็นภัยพาลเหล่านี้ ก็คือ เราต้องมีความเชื่อมั่นในคุณงามความดีที่เราจับมือร่วมทำกันมาทั้งชีวิต อย่าให้ความไม่ดีนิดๆ หน่อยๆ ทำลายชีวิตของพวกเรา” นายปัญญากล่าวกับพนักงานในบริษัท

แปลไทยเป็นไทยก็คือเสี่ยตามองเห็นว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจากเท่ง เทิดเถิงทั้งสองกรณีเป็นเพียงแค่เสียงหมาเยี่ยวเท่านั้น

ถามว่า ใครจะไปจ้องทำลายบริษัทของนายปัญญา

บริษัทของนายปัญญายิ่งใหญ่จนถึงขนาดต้องลงทุนทำลายเลยหรือ

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องถามนายปัญญากลับไปก็คือ แนวคิดทางการเมืองของนายปัญญาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนเสื้อแดงหรือไม่ เพราะเมื่อย้อนความสัมพันธ์ของ บริษัท เวิร์คพอยท์ฯ กับระบอบทักษิณ ก็หาได้ห่างไกลกันเสียเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ เนื่องเพราะเวลานี้ ในช่อง Workpoint TV ก็อนุญาตให้รายการข่าวที่ผลิตโดยทีมข่าวทีวีมติชนออกอากาศ ซึ่งคนทั้งประเทศก็รับรู้ว่า จุดยืนในวันนี้ของมติชนเป็นเช่นไร

นอกจากนั้น คงต้องตั้งคำถามด้วยว่าการที่เสี่ยตานำ บริษัทเวิร์คพอยท์ฯ เปรียบเปรยเปรียบตัวเองเป็นภูเขาทองใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่คนในสังคมรับรู้อยู่ด้วยหรือไม่ หากเป็นความจริงดังเช่นเสี่ยตาเปรียบเปรยแล้ว คงจะไม่เห็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองในกรณี นายสิทธัตถะ เอมเมอรัล ในรายการ Thailand”s Got Talent ที่สังคมประณามว่าเป็นการดูถูกพฤติกรรมหรือเหยียดหยามความเป็นคน ซึ่งถ้ามีความคิด สำนึกรับผิดชอบ ทำไมไม่ตัดเทปช่วงนายสิทธัตถะออกไปตั้งแต่ต้นเรื่องก็คงไม่บานปลายให้สังคมตั้งคำถามถึงว่าเพื่อเพียงแค่กระชากเรทติ้งเพียงเท่านั้นหรือ

หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ในรายการเดียวกันนี้ ก็เคยมีการจ้างนางแบบมาโชว์นมวาดรูปออกอากาศเพื่อสร้างประเด็นเรียกเรทติ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง

ขณะเดียวกันที่บอกว่ามีคนคิดร้าย อิจฉา บริษัทเวิร์คพอยต์ ซึ่งจะว่ากันตามจริงคงไม่มีใครอิจฉาอย่างที่กล่าวมาเท่าใดนัก คงจะเป็นเพราะว่าบริษัท เวิร์คพอยต์ ขยันขันแข็งสร้างประเด็นอื้อฉาวให้แก่ตัวเองเสียมากกว่า มีเรื่องไม่เหมาะสมทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจให้ออกมาเป็นประเด็นในสังคมมากมาย หลายครั้งหลายครา บริษัท เวิร์คพอยต์ ถูกสังคมตั้งคำถามว่าทำไปก็หวังแค่เรียกเรทติ้งรายการโดยไม่สนใจจริยธรรมของสื่อมวลชน มีการตั้งคำถามถึงเรื่องเตี๊ยมรายการหลอกคนดู และทำสิ่งต่างๆก็มิได้เพื่อจรรโลงสังคมให้ดีขึ้นแต่อย่างใด

ดังนั้นแล้ว บริษัทเวิร์คพอยต์ ก็ต้องกลับไปถามตัวเองสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาทำไปด้วยหวังผลหรือเจตนาอันใด ไม่ว่ากรณีของนายสิทธัตถะ หรือเท่ง เถิดเทิง ก็ล้วนแต่เกิดจากการตัดสินใจการควบคุมของเวิร์คพอยท์ฯ ทั้งนั้น ถ้าเท่ง เถิดเทิง ไม่ไปงานวันเกิดนายณุฐวุฒิ ไม่พูดถึงนช.ทักษิณก็คงไม่มีเรื่องอะไรบานปลายให้ต้องเที่ยวโทษคนอื่น

ส่วนคำถามที่ว่า บริษัท เวิร์คพอยท์ฯ จะยิ่งใหญ่ปานภูเขาทองหรือไร้ค่าเหมือนกองขี้เถ้า ประชาชนผู้มีปัญญาและวิจารณญาณ จะเป็นผู้ตัดสินให้เอง เพราะทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟใช่หรือไม่ เสี่ยปัญญา


กำลังโหลดความคิดเห็น