xs
xsm
sm
md
lg

นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 14

พวกตำรวจที่เตรียมอยู่ก่อนรีบยกปืนเล็งใส่วัฒน์และยักษ์ วัฒน์และยักษ์ใช้พลังที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาเล่นงานตำรวจเหล่านั้น วัฒน์กระโจนไปมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มือหนึ่งถือดาบ มือหนึ่งถือปืนฆ่าพวกตำรวจตายเป็นเบือ ขณะที่ยักษ์ปักหลักกระหน่ำยิงพวกตำรวจอย่างบ้าคลั่ง ตำรวจคนหนึ่งบุกชาร์จเข้ามาทุบยักษ์ด้วยพานท้ายปืน แต่กลับถูกยักษ์จับเหวี่ยงไปราวกับนุ่น

ฤทธิ์ราวียังถูกสายไฟพันไว้กับเสา ท่ามกลางสายตาของราเมศและไอริณที่เฝ้าดู
“ว่าไงฤทธิ์ราวี คิดว่ามีพลังมากขึ้น แล้วจะเนรคุณฉันได้งั้นเหรอ ไม่มีทาง”
ฤทธิ์ดิ้นรน
“ฉันต้องไปช่วยณัฐชา”
ราเมศถอนใจ
“หยุดดิ้นซะทีเถอะนักสู้มหากาฬ พวกกลายพันธุ์ทุกคนแพ้กระแสไฟฟ้าทั้งนั้น หรือคุณคิดว่าตัวเองจะเหนือกว่าคนอื่น”
ฤทธิ์กัดฟัน
“ฉันจะไปจากที่นี่”
“แก” ไอริณโมโห
ฤทธิ์กัดฟันออกแรงสุดชีวิต สายไฟเริ่มขาดทีละเส้น ราเมศและไอริณต่างตกตะลึง

เอมี่ถูกผลักเข้ามาฟุบในห้องขัง ไมตรีกับปรีดาช่วยกันปิดประตูล็อก ขณะที่สิงหาใช้คีมจากมีดพับอเนกประสงค์ต่อสายไฟฟ้าเข้ากับประตูลูกกรง พอทำเสร็จก็ให้สัญญาณกับณัฐชาที่รออยู่ตรงแหล่งจ่ายไฟ
“จ่ายไฟได้เลย”
ณัฐชาสับสวิทซ์ปล่อยกระแสไฟ เอมี่เริ่มได้สติอีกครั้ง พอมองไปเห็นณัฐชาก็ถลาเข้าใส่ด้วยความแค้น
“แก”
เอมี่พุ่งไปที่ประตูลูกกรงโดนไฟช๊อตจนผงะไป มือทั้งสองข้างร้อนจนควันลุกฟู่ ณัฐชาเดินมาหยุดหน้ากรง
“ถึงตาฉันบ้างแล้ว”
เอมี่ยิ้มเหี้ยม
“ก็ได้ ทีใครทีมัน อีกเดี๋ยวพวกของฉันที่อยู่ข้างนอกต้องบุกเข้ามาแน่”
“ไม่ต้องรอก็ได้ ฉันจะออกไปหาพวกมันเอง”
เอมี่แปลกใจ

ฤทธิ์แผดร้องก่อนจะกระชากสายไฟที่พันร่างอยู่จนขาดกระจุย ทำเอาราเมศกับไอริณพากันตกใจถอยกรูด
“แก…นี่แกทำได้ยังไง” ราเมศหน้าตื่น
“ทีนี้สมบูรณ์พอรึยัง”
ไอริณนิ่งมอง…และไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาทั้งสิ้น เธอยอมปล่อยให้ฤทธิ์ราวีจากไป

ฤทธิ์วิ่งออกมาจากอาคารร้างเพื่อรีบไปช่วยณัฐชา แต่ไม่ทันไรก็เห็นนักรบพรายพิฆาตสองนายขับรถมอเตอร์ไซด์มาไล่ยิงปืนใส่เขา ฤทธิ์ตีลังกาหลบ รถมอเตอร์ไซด์แล่นแยกไปคนละทาง ฤทธิ์ชักมีดพกออกมากดปุ่มสปริงยิงใบมีดแทงใส่หลังนักรบคนหนึ่งจนตกรถ นักรบคนที่เหลือหักเลี้ยวกลับมาเล่นงานฤทธิ์ทันที ก่อนจะถูกฤทธิ์ใช้มีดบินเล่นงานจนตกรถไปอีกคนในขณะที่รถมอเตอร์ไซด์ยังคงแล่นมาหามือฤทธิ์ตะปบแฮนด์รถแล้วกระโจนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์แล้วขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว

ณัฐชา สิงหา ไมตรี ปรีดา เดินพลางตระเตรียมอาวุธ เพื่อกลับออกไปบู๊ด้วยกัน ทั้งหมดสวมเสื้อเกราะกันกระสุนเรียบร้อย
“ทางห้องแล็ปแจ้งมาว่า ถ้าจะเพิ่มปริมาณไวรัสถึงขั้นใช้เป็นอาวุธ เราต้องรอเวลาอีกสักระยะ” สิงหาหันมาบอกณัฐชา
ณัฐชาชะงัก
“นานแค่ไหน”
“อย่างน้อยก็สิบสองชั่วโมง”
เสียงปืนเสียงระเบิดจากการต่อสู้แว่วมา ปรีดาหนักใจ
“เอ่อ...ผมเกรงว่า แค่สิบสองนาทีก็รอไม่ได้แล้วล่ะครับ”
ไมตรีหันมาหาณัฐชา
“เอาไงดีครับผู้หมวด คราวนี้จะปราบพวกมันยังไง”
ณัฐชานิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด

ห้องโถงในกองปราบการฆ่าฟันยังดำเนินไปอย่างดุเดือด พวกตำรวจล้มตายไปหลายนาย ขณะที่วัฒน์ กับยักษ์เองก็ถูกยิงพอสมควร แต่ก็ยังปักหลักอยู่ได้ด้วยความเป็นอมตะ ยักษ์กระชากร่างตำรวจคนหนึ่งมาดูดกินเลือดอย่างหิวกระหาย วัฒน์และยักษ์ฉากหลบเข้าที่กำบัง
“ปักหลักแบบนี้ต่อไป เราเสร็จมันแน่” ยักษ์หนักใจ
วัฒน์ดูนาฬิกา
“ฉันเรียกกำลังเสริมไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงมา...แกรีบไปช่วยเอมี่ ทางนี้ฉันต้านเอง”

ฤทธิ์ฟังวิทยุสื่อสารของตำรวจ
“ว.2 สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่นี่มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บจำนวนมาก เราต้องการหมอด่วนที่สุด ขอย้ำ ว.19 มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก”
ฤทธิ์พยายามเร่งเครื่องเร็วขึ้นเพื่อไปให้ทันเวลา

ไมตรีกับปรีดาวิ่งกระหืดกระหอบถือข้าวของมาให้ณัฐชากับสิงหาที่ยืนรออยู่ ไมตรีส่งหลอดแก้วให้
“ได้มาแล้วครับของที่สั่ง นี่ครับไวรัสที่เหลือ”
“ปืนลูกดอกผมหาไม่ได้ครับผู้หมวด เจอแต่หน้าไม้”
ปรีดายื่นหน้าไม้ให้ ณัฐชารับหน้าไม้กับหลอดใส่ไวรัสที่เหลือมาถือไว้ ก่อนจะจัดแจงตระเตรียมเป็นอาวุธ ขั้นแรกคือเทไวรัสที่อยู่ในสภาพของเหลวออกมา สิงหากังวลใจ
“แค่นี้จะเอาอยู่เหรอผู้หมวด”
“โซเฟียไม่ได้บอกเหมือนกันว่าต้องใช้ไวรัสในปริมาณมากแค่ไหน ถึงจะเล่นงานพวกมันได้ เธอแค่บอกฉันว่าไวรัสตัวนี้จะออกฤทธิ์เร็วกว่าเดิม”
ณัฐชาใช้ลูกศรของหน้าไม้จุ่มไปที่ไวรัส

“ใช้ปืนไม่ดีกว่าเหรอครับผู้หมวด” ปรีดาเสนอแนะ

ไมตรีเห็นด้วย

“นั่นสิครับ หน้าไม้อันแค่นี้ เล่นงานพวกมันไม่ได้หรอกครับ”
“ความร้อนของกระสุนปืนอาจฆ่าไวรัสก่อนถึงตัวพวกมัน...ถ้าโชคดี ปาฏิหาริย์จะต้องอยู่ข้างเรา”
สิงหาหน้าเครียด
“แต่ถ้าโชคร้ายก็จบเห่”
ณัฐชาพยักหน้า

ยักษ์ชักปืนออกมายิงใส่พวกตำรวจเพื่อเปิดทางก่อนจะตะโกนบอกวัฒน์
“ไป”
วัฒน์รีบวิ่งไปช่วยเอมี่ ตำรวจบางคนถือปืนออกมาขวางทาง วัฒน์เงื้อดาบฟันใส่ทันที...วัฒน์เดินหน้าถมึงทึงเข้ามาตะโกน
“เอมี่”
เอมี่พอได้ยินเสียงวัฒน์ก็โผล่หน้ามาด้วยความดีใจ
“เธออยู่ที่ไหน เอมี่”
เอมี่ตะโกนออกมาจากห้องขัง
“วัฒน์ ฉันอยู่ทางนี้”
วัฒน์หันไปตามเสียง และรีบมุ่งหน้าไปหาเอมี่ทันทีจังหวะนั้นเอง สิงหา ไมตรีและปรีดาก็โผล่ออกมายิงกระหน่ำยิงใส่ วัฒน์ไม่ทันระวังเลยถูกยิงจนพรุนทรุดไปกับพื้น สิงหาสะใจ
“สำเร็จ”
ไมตรีดีใจ
“อยู่แล้วครับสารวัตร จัดเต็มกันขนาดนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”
ปรีดายืนนิ่ง ไมตรีชะงัก
“ไม่ดีใจเหรอหมู่”
ปรีดาอึ้งๆ
“ดีใจทำไม มันลุกขึ้นมาแล้ว”
ไมตรีหันไปดู
“ว้ายตาเถร”
วัฒน์ลุกขึ้นมาในสภาพเลือดท่วม
“บาดแผลแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แค่กินเลือดมนุษย์เข้าไป ข้าก็จะหายเป็นปกติ”
ณัฐชาโผล่มา
“กินไอ้นี่ก่อนละกัน”
วัฒน์หันไปเห็นณัฐชาเหนี่ยวไกยิงหน้าไม้ใส่ตน ลูกศรปักคาอก
“แก...นังณัฐชา”
วัฒน์ขยับจะเล่นงานณัฐชาแต่แล้วก็พบความผิดปกติบางอย่าง ผิวเนื้อบริเวณบาดแผลของมันดำคล้ำและแผ่ขยายพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว วัฒน์คำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด

รถจี๊ปของนักรบพรายพิฆาตแล่นมาจอด บนรถมีนักรบพรายพิฆาตหน่วยล่าสังหาร 4-5 นายโดยสารมา พวกมันแต่งเครื่องแบบและมีอาวุธทันสมัยครบมือ มีดาบซามูไรสะพายหลัง ทั้งหมดเปิดฉากกราดยิงเข้าไปในอาคารกองปราบอย่างแม่นยำ ตำรวจถูกยิงล้มระนาว ยักษ์ดีใจ
“กองหนุนข้ามาแล้ว เสร็จข้าล่ะทีนี้ ฮ่าๆ”

วัฒน์นอนล้มคว่ำอยู่กับพื้น โดยกลุ่มณัฐชาถืออาวุธคุมเชิงอยู่ ทุกคนต่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงอาวุธหนักจากด้านนอก สิงหาชักเอะใจ
“ทำไมเสียงปืนถึงดังขึ้นมาอีก ตะกี๊มันซาไปแล้วนี่”
ปรีดาคิดๆ
“อาการแบบนี้แสดงว่าข้างบนต้องมีก๊อกสองแน่ๆเลยครับ”
ไมตรีงงๆ
“อะไรวะก๊อกสอง”
“ก็มีคนร้ายมาอีกชุดไงจ่า”
ณัฐชารีบบอก
“ทางนี้ฉันเอาอยู่ พวกสารวัตรไปข้างนอกเถอะค่ะ”
“ถ้างั้นฝากด้วยนะหมวด” สิงหาหันไปหาไมตรีกับปรีดา “หมู่จ่า ไป”
สิงหาพาไมตรีปรีดาไปจากที่นั่น

กลุ่มนักรบพรายพิฆาตบุกจู่โจมเข้ามาในอาคาร พวกมันกราดยิงตำรวจจนล้มตายมากมาย บ้างก็หลบหาที่กำบังเท่าที่จะทำได้ ยักษ์หัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆ ไอ้พวกตำรวจหน้าโง่ แน่จริงอย่าหนีสิโว้ย”
สิงหา กับไมตรี และปรีดาโผล่หน้าออกมาดู เห็นพวกกลุ่มนักรบพรายพิฆาตที่กำลังปักหลักยืนสาดกระสุนอย่างไม่กลัวตาย
“พวกมันมีน้อยกว่า” สิงหากวาดตามอง
ไมตรีหนักใจ
“น้อยแต่อึดกว่านะครับสารวัตร ยิงหมดแม๊กมันยังไม่ตาย ไอ้เราโดนนัดเดียวก็ม่องแล้ว”
“เราต้องยิงมันที่หัวครับสารวัตร ถึงจะเอาอยู่” ปรีดาแนะ
“ถ้างั้นต้องเข้าไปใกล้มันมากกว่านี้” สิงหามอง “จะไปด้วยกันมั้ยหมู่จ่า”
ไมตรีกับปรีดามองหน้ากันอย่างวัดใจ ปรีดาหันไปตอบคำถาม
“เอาครับ เลือดสุพรรณมาด้วยกันไปด้วยกัน”
“ผมคะแนนเสียงส่วนน้อย ว่าไงก็ว่าตามกันครับ” ไมตรีอุบอิบ “แต่ถ้าเลือกได้...”
สิงหากับปรีดามองหน้า ไมตรีรีบกลับลำ
“สู้ครับสู้ ไม่กลัวอยู่แล้ว”
ลึกๆไมตรีอยากจะวิ่งหนีใจจะขาด

เอมี่เริ่มร้อนใจที่ไม่เห็นวัฒน์มาช่วย

“วัฒน์...เธออยู่ที่ไหน มันเกิดอะไรขึ้น วัฒน์”

แก๊สไวรัสแผ่มาถึงบริเวณนั้น กรณ์ปลอดภัยด้วยหน้ากากกันแก๊สพิษ ในขณะที่เอมี่เริ่มติดเชื้อและแสดงอาการตกเลือดออกมาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่หน่วยจู่โจมนำสิงหา ไมตรี ปรีดามาถึงที่เกิดเหตุ ปรีดาชี้ไป
“นั่นไงครับสารวัตร มันอยู่ตรงนั้น”
เอมี่ผิวหน้าติดเชื้อจนเป็นรอยช้ำน่ากลัว เธอแสยะเขี้ยวคำรามใส่พวกตำรวจสิงหาตะโกนสั่ง
“ยิง”
หน่วยจู่โจมยกปืนขึ้นกระหน่ำยิงใส่เอมี่จนพรุน โดยไม่เห็นกรณ์ที่ถูกซากอิฐทับอยู่ กรณ์คลั่ง
“เอมี่”
กระสุนปืนบางส่วนเจาะถูกซากอิฐจนแตก เอมี่อาศัยแรงเฮือกสุดท้ายผลักซากอิฐส่วนที่แตกคามือนั้นออกไป ก่อนที่ตัวเธอจะล้มลงต่อหน้าหัวหน้า กรณ์มองสมุนคนสุดท้ายของตนด้วยความสะเทือนใจ ซากอิฐยังทับร่างอยู่แต่เขาสามารถชักแขนข้างหนึ่งออกมาได้สำเร็จจึงรีบใช้พลังจิตซัดซากอิฐนั้นกระเด็นไปหาพวกตำรวจทันที ทำให้สิงหากับพวกกระโจนหนีไปคนละทาง กรณ์มองไปที่ระเบิดแก๊สพิษ ก็ใช้พลังฝ่ามือซัดมันกระเด็นหายไปจากห้อง
“ไอ้สารเลว วันนี้ฉันขอแลกตายกับพวกแก”
เอมี่คว้าขากรณ์
“อย่าหัวหน้า รีบหนีไปซะ หนีไป”
กรณ์ถอดหน้ากากออก รีบประคองสมุนสาว
“เอมี่”
“คุณจะตายตอนนี้ไม่ได้ นักสู้มหากาฬกับพรายพิฆาตกำลังรอคุณอยู่”
กรณ์นึกขึ้นได้ เขามองไปที่ตำรวจด้วยความแค้น ก่อนจะแบกร่างเอมี่กระโจนตัวหนีหายไป ไมตรีหน้าตื่น
“สารวัตร มันหนีไปแล้วครับ”
สิงหาแค้น
“ไม่เป็นไร พวกเราเก็บกวาดพวกที่เหลือ ถ้าใครไม่ยอมมอบตัวก็ให้ยิงได้ทันที”

เช้าวันต่อมา...ที่บริเวณริมแม่น้ำ กรณ์อุ้มร่างเอมี่มาวางลงพักบนลานกว้างแล้วถอดเสื้อของตนออกเพื่อให้เธอนอนหนุนศีรษะอย่างผ่อนคลาย
“ไม่ต้องกลัวนะเอมี่ เธอภักดีกับฉัน ฉันจะชุบชีวิตเธอขึ้นมาใหม่”
เอมี่เอื้อมมือไปกุมมือเขาอย่างอ่อนล้า
“หัวหน้า มันไม่ได้ผลหรอก ฉันรู้สึกได้”
“ไม่จริง มันต้องได้ผล”
“ไวรัสถูกพัฒนาให้รุนแรงกว่าเดิม คุณก็เห็นว่ามันฆ่าพวกเราได้ในพริบตา”
กรณ์สะเทือนใจ
“ฉันไม่ยอมแพ้ เรามาถึงขั้นนี้แล้ว เราต้องมีทางออก”
“ทางออกคือหนีไป ไปจากที่นี่ ลืมเรื่องพรายพิฆาต ลืมเรื่องโลกใหม่และใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา”
กรณ์ทำใจไม่ได้
“หัวหน้า…เราอยู่ในสมรภูมิมาตลอดชีวิต มันควรพอได้แล้ว”
กรณ์จะหันมาบอกอะไรกับเอมี่ แต่แล้วก็เห็นเธอนิ่งไป มือที่เคยกุมมือเขาเอาไว้ร่วงลงข้างตัว กรณ์น้ำตาซึม…เหม่อมองไปด้วยแค้น

สมุนกรณ์บางคนที่ไม่ถูกยิงศีรษะ กำลังกลายร่างเป็นซอมบี้และถูกหน่วยจู่โจมใช้ปืนตาข่ายยิงครอบไว้ สิงหาโผล่เข้ามายิงซ้ำที่หัวจนดับ
“ถ้าเจอศพที่ไม่ได้ตายเพราะไวรัส หรือยังตายไม่สนิทให้ยิงซ้ำที่หัวได้เลย ไม่ต้องรอ”
หัวหน้าทีมไม่สบายใจ
“จะดีเหรอครับสารวัตร”
“พวกมันไม่ใช่คน มันตายไปแล้ว”
พวกหน่วยจู่โจมมองหน้ากันอย่างลังเล ศพของสมุนกรณ์สภาพไม่เหมือนคนจริงๆ บางรายถูกยิงจนพรุนแต่ยังตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น

สมุนกรณ์วิ่งหนีตายออกมาจากอาคารร้าง พบหน่วยจู่โจมอีกชุดที่เข้ามาสมทบจากข้างนอกกรูเข้ามารุมล้อม สมุนพากันทิ้งอาวุธและคุกเข่ายอมมอบตัว ไมตรีกับปรีดาถือเครื่องยิงระเบิดไวรัสตามมาดู ไมตรีหัวเราะหยัน
“ฮ่าๆ นึกว่าจะแน่ พอเจอไวรัสเข้าไปละหายซ่ากันหมด กลัวตายเป็นแล้วสิท่า”
ปรีดาพูดวิทยุสื่อสาร
“สารวัตร พวกที่เหลือยอมแพ้แล้วครับ”
สมุนของกรณ์พากันมองระเบิดแก๊สไวรัสด้วยความหวาดกลัว พวกมันไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้ว

รถบรรทุกของมาดามหลิวแล่นมาจอดที่ลานจอดของโรงพยาบาล ฤทธิ์ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วในขณะนั้นลงจากรถมาดูที่ท้ายรถ เขาเปิดประตูออก เห็นไอริณกำลังนั่งหลับอยู่ในอ้อมแขนของณัฐชา ขณะที่ศพของลูกสาวพ่อค้ายายังนอนอยู่บนเตียง ฤทธิ์รีบถาม
“ไอริณเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันใช้พลังที่เหลือรักษาเธอ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว”
“ถ้างั้นคุณจะอยู่ในร่างของณัฐชาอีกนานแค่ไหน”
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่เหลือพลัง ที่จะแบกร่างของใครอีกแล้วตอนนี้คงต้องพักก่อน”
ฤทธิ์แปลกใจ
“พักเหรอ”
“ที่ผ่านมาฉันคิดว่าตัวเองเป็นอมตะ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป และคิดว่าตัวเองคือพระเจ้าของโลกใหม่” ณัฐชายิ้ม “แต่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าถ้าฉันตายไปแล้ว จิตวิญญาณของฉันจะไปอยู่ที่ไหน...ฉันอาจไม่ได้กลับมาอีก ฤทธิ์ ราวี ฝากดูแลศพของฉันด้วย บอกเจ้าหน้าที่ว่าให้แช่แข็งเอาไว้แต่ห้ามฉีดยาอะไรทั้งนั้น”
ฤทธิ์มองไอริณที่อยู่ในอ้อมแขนของณัฐชาก็ยอมพยักหน้า
“ถ้างั้นเราหายกัน”

ณัฐชาพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ดวงจิตของพรายพิฆาตล่องลอยออกจากร่างไป

สิงหาเดินร้อนรนเข้ามาในโรงพยาบาล พบฤทธิ์นั่งพักอยู่อย่างอ่อนล้า
“คุณไอริณกับณัฐชาเป็นยังไงบ้าง”
“หมอบอกว่าปลอดภัยทั้งสองคน ไม่ต้องเป็นห่วง”
สิงหาหย่อนตัวลงนั่งอย่างโล่งใจ ฤทธิ์ยื่นมือให้เขา
“ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปช่วย ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงเสร็จมันแน่”
“ผมไม่จับมือกับฆาตกรหรอก”
“จนป่านนี้คุณยังคิดแบบนั้นอีกเหรอ”
“ถ้าชาวบ้านทุกคนตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยแบบนคุณกันหมด คุณคิดว่ามันถูกแล้วหรือไง”
“แปลว่าเสร็จงานนี้เมื่อไหร่คุณจะจับผม”
“ทันทีที่จัดการกับไอ้กรณ์ และพรายพิฆาตได้สำเร็จ”
ฤทธิ์พยักหน้าปลงๆ ก่อนจะเหลือบเห็นปรีดาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน
“ขอรายงานครับสารวัตร”
“ว่ามา”
“คนของเราพบศพของเอมี่ที่ริมแม่น้ำครับ แต่ไม่เจอไอ้กรณ์”
สิงหาอึ้งก่อนจะมองฤทธิ์
“แล้วทีนี้คุณคิดว่าเราจะตามหาตัวมันได้ที่ไหน”
ฤทธิ์คิดสักครู่ก่อนจะส่ายหน้า
“มันจะมาหาเราเอง เร็วๆนี้”
สิงหาอึ้งไป ขณะที่ปรีดามองไปรอบๆอย่างหวั่นๆ ส่วนฤทธิ์มองเหม่ออย่างลุ้นรอ

กรณ์ย้อนกลับมาที่อาคารร้างในสภาพอ่อนล้า บัดนี้ในอาคารร้างถูกเคลียร์เรียบร้อยไม่เหลือศพของใครอีก
“นักสู้มหากาฬ พรายพิฆาต พวกแกจะต้องชดใช้”
กรณ์คำรามด้วยความแค้นก่อนจะชะงักไป มันทรุดลงตาค้างก่อนจะกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา กรณ์สำลักเลือดออกมาอีกหลายครั้งแล้วนอนแผ่ลงอย่างเจ็บปวด เขารีบเลิกแขนเสื้อเพื่อดูข้อมือตัวเองและพบว่าเริ่มมีอาการติดเชื้อ
“ไวรัส นี่เราโดนไวรัสตั้งแต่เมื่อไหร่” กรณ์อึ้ง
ผิวหนังของกรณ์เริ่มอักเสบมากขึ้น ร่องรอยของการติดเชื้อแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว เขาคำรามด้วยความเจ็บปวด
“ไม่...เราต้องไม่ตายแบบนี้ เราต้องไม่ตาย”
กรณ์หายใจติดขัดแต่ยังแข็งใจลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกางฝ่ามือออกเพื่อรวบรวมพลัง เขายกฝ่ามือที่เริ่มเรืองแสงจ่อเข้าที่หน้าผากของตัวเอง
“ข้าจะรักษาตัวเองให้ได้ ข้าต้องหาย ข้าต้องเป็นอมตะ”

กรณ์แผดร้องก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่ตัวเอง

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ค่ำนั้น กรณ์เดินออกมาดูร่างของวัฒน์ที่ถูกวางนอนอยู่บนแท่นในห้องโถงโรงชำแหละเนื้อ โดยมีเอมี่กับยักษ์ยืนเฝ้าดูอาการอยู่ ยักษ์หน้าเครียด
“ไวรัสนั่นถูกพัฒนาเพื่อเป็นอาวุธสังหารพวกเรา มันร้ายกาจกว่าเดิมมาก”
กรณ์กุมมือวัฒน์
“วัฒน์ แกเป็นยังไงบ้าง”
วัฒน์เสียงแผ่ว
“ผมรู้ที่ซ่อนของพรายพิฆาต”
กรณ์เงี่ยหูฟังใกล้ๆ วัฒน์ขมุบขมิบปากอยู่สองสามคำก็นิ่งไปดวงตาเบิกค้าง เอมี่ตกใจ
“วัฒน์ อย่าตายนะ ได้ยินฉันรึเปล่า วัฒน์”
เอมี่ร้องไห้กับศพของวัฒน์ ขณะที่กรณ์กวาดตามองไปและมาหยุดที่ยักษ์
“นังณัฐชาเคยมาที่นี่ ตำรวจต้องตามมาถูกแน่”
ยักษ์พยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่เอมี่เสียใจจนกลายเป็นบันดาลโทสะ เธอหันมาถามกรณ์
“ไหนคุณบอกฉันว่าเราจะเป็นอมตะ ไหนคุณบอกฉันว่าเราจะกลายเป็นพระเจ้า แล้วนี่อะไร นี่มันอะไรกัน”
กรณ์ไม่มีคำตอบ เขามองศพของวัฒน์อย่างหวั่นไหวเช่นกัน

วันต่อมา...สิงหา ไมตรี ปรีดาเดินทางมาเยี่ยมณัฐชา พบหมอกับพยาบาลกำลังหารือกันอยู่อย่างเคร่งเครียด
“หมอครับพวกเรามาเยี่ยมตำรวจหญิงที่ชื่อณัฐชา” สิงหาคมเข้าไปหา
“ผมเป็นหมอเจ้าของไข้ พวกคุณ...”
ไมตรีแทรกขึ้น
“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอครับ”
ปรีดารีบถามอย่างเป็นห่วง
“อาการของผู้หมวดเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“ตอนนี้ผู้หมวดณัฐชาอาการสาหัสมาก เพื่อนของเธอกำลังเฝ้าไข้เธออยู่ข้างใน”
สิงหาสงสัย
“เพื่อน ใครเหรอครับหมอ”

ในห้องพักฟื้น...ณัฐชานอนอยู่ในห้องสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน เธอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อพยุงชีวิต ฤทธิ์เข้ามาในห้องและปิดประตูอย่างเงียบเชียบ เขาเดินมาดูสภาพของณัฐชาอย่างสะเทือนใจ ภาพในอดีตเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา พัฒนาจะจากคู่ปรับจนกลายเป็นคู่หูแว่บเข้ามาในหัว ฤทธิ์มองอย่างเป็นห่วงจับใจ
“อย่าเป็นอะไรนะณัฐชา คุณจะต้องปลอดภัย” เขากุมมือเธอไว้ “ผมสัญญา ผมจะทำลายพวกของกรณ์ ผมจะกวาดล้างพวกของมันให้หมด”

ฤทธิ์กลับออกมาจากห้องของณัฐชาเดินมาตามทางเดินหน้าห้องพักฟื้น เขาต้องชะงักเมื่อพบสิงหาดักรออยู่
“จะกลับแล้วเหรอครับคุณโทมัส อ้อ หรือถ้าจะให้ถูกผมคงต้องเรียกคุณว่านักสู้มหากาฬ”
“คุณต้องการอะไร”
“ที่ผู้หมวดณัฐชาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอปกป้องคุณ แล้วคุณไม่คิดจะตอบแทนเธอบ้างหรือไง”
“เรื่องจัดการคนร้าย ผมมีวิธีของผม”
ฤทธิ์เดินหนี สิงหารีบบอกตามหลัง
“ทางห้องแล็ปแจ้งมาว่า อีกไม่ถึงชั่วโมงการเพาะเชื้อไวรัสจะแล้วเสร็จ ถึงตอนเราจะดัดแปลงมันเพื่อเป็นอาวุธทำลายพวกมัน”
“แล้วไง”
“ณัฐชารู้ที่กบดานของกรณ์ แต่เธอยังไม่ทันบอกว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ผมก็รู้ ผมเคยไปที่นั่น”
สิงหาพยักหน้า นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ

ห้องโถงชำแหละเนื้อว่างเปล่า ระเบิดแก๊สไวรัสหลายลูกถูกยิงเข้ามา สภาพเหมือนแก๊สน้ำตา หน่วยจู่โจมพูดวิทยุสื่อสาร
“หมาป่าเรียกอินทรี ระเบิดไวรัสกำลังทำงาน พร้อมบุกเข้าไปในหนึ่งนาที”
ประตูทางเข้าถูกพังด้วยระเบิด ตำรวจหน่วยจู่โจมบุกเข้ามาพร้อมอาวุธปืน ทุกคนสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ
“หมาป่าเรียกอินทรี ขณะนี้หมาป่าบุกเข้ามาในรังของเสือดาวแล้วแต่ไม่พบเป้าหมาย คิดว่าพวกมันคงไหวตัว หลบหนีไปที่อื่น”

เมธาหนักใจเมื่อทราบรายงานจากสิงหา
“พอมีเบาะแสรึเปล่าว่าพวกมันกบดานที่ไหน”
“ยังไม่ทราบครับ แต่ที่แน่ๆนักสู้มหากาฬกำลังตามล่ามันอยู่”
“ทั้งๆที่เราเกือบจะหักหลังเขา แต่เขายังอุตส่าห์มาช่วย”
“เขาไม่ได้ทำเพื่อเราหรอกครับ แต่เขาทำเพื่อณัฐชา และประชาชนทุกคน”

ท่ามกลางแสงสีของเมืองกรุงเทพยามราตรี ฤทธิ์เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าและทอดสายตามองไปอย่างใช้ความคิด
“ไอ้กรณ์ แกหลบอยู่ที่ไหนกันแน่”

ในห้องโถงอาคารร้าง...ราเมศรายงานให้ไอริณได้รับทราบ
“การกลับมาของนักสู้มหากาฬ รวมถึงอาวุธชีวภาพ ดูเหมือนจะทำให้กรณ์เสียขวัญ ถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้มันคงหนีไปตั้งหลัก”
“มันหนีไม่พ้นหรอก นักสู้มหากาฬต้องตามฆ่ามันแน่...ส่วนเรา ถึงเวลาก็ค่อยชุบมือเปิบทีหลัง”
ไอริณหัวเราะได้ไม่นานก็ชะงักไป ภาพในนิมิต เธอถูกแทงโดยกรณ์และเวลาต่อมากรณ์แสยะเขี้ยวเข้าใส่ร่างของลูกสาวพ่อค้ายาแว่บเข้ามา ไอริณนิ่งไปด้วยความตื่นตระหนก
“มีอะไรเหรอท่านพิฆาต”
“ไม่จริง ทำภาพนิมิตถึงยังเป็นเหมือนเดิม” ไอริณหันมาหาราเมศ “ฉันเห็นกรณ์กำลังฆ่าฉัน”
คำพูดนั้นทำให้ราเมศพลอยหวาดหวั่นไปด้วย

กรณ์กับเอมี่กำลังนั่งรออยู่ที่กองไฟในบริเวณที่พักกลางป่า กรณ์มองดาบซามูไรของวัฒน์ในมือ
“ฉันสัญญาว่าจะใช้ดาบเล่มนี้แก้แค้นให้กับไอ้วัฒน์ เธอทำใจให้สบายเถอะเอมี่”
เอมี่พยักหน้าและผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้าง ยักษ์กลับมาสมทบ
“เรียบร้อยหัวหน้า ผมให้คนของเราไปซ่อนตัวกันหมดแล้ว ทีนี้จะเอายังไงต่อ”
กรณ์ครุ่นคิด
“ก่อนตายไอ้วัฒน์มันบอกที่ซ่อนของพรายพิฆาตให้ฉันรู้ ถ้าเราตลบหลังพวกมันตอนนี้ มันต้องคิดไม่ถึงแน่”
เอมี่สงสัย
“แล้วเราจะบุกเข้าไปยังไง”
“กลยุทธ์เดิม เกลือเป็นหนอน”
ยักษ์เห็นด้วย
“เอาเลยหัวหน้า เราจะได้แก้แค้นให้ลุงโจกับไอ้วัฒน์ซะที คราวนี้เราต้องฆ่าพวกมันให้หมด ทั้งพรายพิฆาต ทั้งนักสู้มหากาฬ”
กรณ์จ้องที่กองเพลิงมองเปลวเพลิงร้อนระอุ

ราเมศเข้ามาดูร่างของลูกสาวพ่อค้ายาซึ่งเป็นร่างจริงของพรายพิฆาต ก่อนที่จะหันไปสั่งสมุนที่คอยเฝ้ายาม
“ทุกคนฟังให้ดี เพิ่มเวรยามคอยอารักขาห้องนี้เป็นสองเท่า ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าให้ใครเข้าใกล้ท่านพรายพิฆาตเด็ดขาด”
เหล่านักรบโค้งรับ แล้วพากันออกไป

ไอริณตึงเครียดกับอนาคตของตัวเอง เธอรำพึงในใจ
“ถ้าร่างจริงของเราถูกทำลาย แล้วจิตของเราจะสลายไปด้วยรึเปล่า...จิตเป็นพลังงาน ไม่เกี่ยวข้องกับสสาร เราต้องอยู่สิ เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป พระเจ้าไม่มีวันตาย ต้องมีคนรู้เรื่องนี้ ต้องมีคนเข้าใจเรื่องนี้”
ไอริณเริ่มนึกขึ้นได้

ไอริณขึ้นมาบนตู้คอนเทรนเนอร์ท้ายรถบรรทุก ระบบไฟฟ้าทำงานโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ร่างเสมือนจริงของมาดามหลิวจะปรากฏขึ้น
“มาดามหลิว จำฉันได้รึเปล่า ฉันคือไอริณ”
กล้องวงจรปิดที่ใช้แทนดวงตาของโปรแกรมจำลองความคิดมาดามหลิว ซูมภาพที่ไอริณและเห็นออร่าของพลังงานที่ซ้อนอยู่
“เธอไม่ใช่ไอริณ พลังในตัวเธอไม่น่าจะเป็นของสิ่งมีชีวิต”
ไอริณยิ้ม
“ขนาดตายไปแล้ว คุณยังฉลาดกว่าคนบางคนซะอีก ถูกต้อง ฉันคือพรายพิฆาต”
“พรายพิฆาต”
คอมพิวเตอร์ประมวลข้อมูลของพรายพิฆาตขึ้นมาบนหน้าจอ
“คงต้องใช้เวลาหน่อยนะ ถ้าจะสรุปข้อมูลเกี่ยวกับตัวฉัน”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันรวบรวมมาทั้งชีวิต พรายพิฆาต แกต้องการอะไร”
“ให้ข้อมูลฉัน เพื่อแลกกับการที่ฉันจะไม่ระเบิดรถคันนี้ทิ้ง”
“บอกคำถามมา”
“ถ้าร่างเดิมของฉันหมดอายุขัย จิตวิญญาณของฉันจะอยู่ในร่างนี้ตลอดไปได้รึเปล่า”
“ฉันต้องสแกนร่างกายของคุณ”
ไอริณเปลื้องเสื้อผ้าออก ม่านเลเซอร์ทำงานและเลื่อนต่ำลงมา การแสกนเริ่มต้นขึ้น

ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล ณัฐชารู้สึกตัวและพบว่าฤทธิ์กำลังเฝ้าดูเธออยู่
“นึกแล้วว่าต้องเป็นคุณ”
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“เจ็บสิถามได้”
ฤทธิ์ยิ้ม
“ก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยคุณก็ปลอดภัย”
“ตะกี๊ฉันฝันเห็นตัวเองตอนเด็ก กำลังเล่นอยู่กับใจทิพย์แล้วก็ไอริณ”
“งั้นเหรอ”
“ฉันสังหรณ์ใจว่าพวกเราสามคน…จะต้องตายกันหมด”
ฤทธิ์อึ้งไป คำพูดนั้นทำให้เขารู้สึกกลัว
“ไม่จริงหรอก มันต้องไม่เกิดเรื่องแบบนั้น ผมจะปกป้องคุณกับไอริณด้วยชีวิตของผม”
“แต่ถ้าคุณทำไม่สำเร็จ หรือถ้าคุณต้องเลือกล่ะก็ คุณต้องช่วยไอริณก่อนฉัน”
“ทำไม”
“เพราะฉันเป็นตำรวจ เพราะฉันปกป้องเพื่อนของฉันมาตลอดชีวิต แค่เสียใจทิพย์ไปคนหนึ่ง ฉันก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียไอริณไปเด็ดขาด”
ฤทธิ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

ไอริณสอบถามโปรแกรมมาดามหลิว เมื่อเวลาผ่านไป
“ว่าไง รู้ผลรึยัง”
“เสียใจด้วยนะ ผลวิเคราะห์ระบุว่าพลังจิตที่เธอมีอยู่ตอนนี้ มันถูกผลิตขึ้นจากร่างกายที่แท้จริงของเธอซึ่งเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ในตอนนี้ เมื่อใดที่สมองถูกทำลาย ร่างกายของไอริณก็จะเป็นอิสระจากการครอบงำ”
“ไม่จริง ฉันไม่มีวันตาย โลกใหม่ต้องการฉัน โลกที่มีแต่สันติภาพ”
“สันติภาพเหรอ…สันติภาพของเธอช่างมีราคาแพงเหลือเกิน พรายพิฆาต มีคนต้องตายเพื่อมันมาพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้องยุติซะที”
“ไม่มีทาง ฉันมีพลังพิเศษ ฉันจะอยู่ค้ำฟ้า ฉันต้องปกครองโลกใบนี้ ฉันไม่ยอมตายเด็ดขาด ไม่มีทาง”

ไอริณเดินกลับเข้ามาที่ห้องโถง ราเมศรีบเข้ามารับใช้
“ท่านพรายพิฆาต”
“ฉันต้องการร่างสำรอง เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน”
“รับทราบครับ ผมจะจัดหามาให้ทันที”
“เดี๋ยว...ฉันรู้แล้วว่าควรใช้ร่างของใคร”
ราเมศสงสัยว่าพรายพิฆาตจะใช้ร่างของผู้ใด

ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ ฤทธิ์นั่งเฝ้าณัฐชาจนผลอยหลับไป ณัฐชาที่นอนอยู่เอื้อมมือมากุมมือเขาด้วยความสงสาร
“ณัฐชา คุณจะเอาอะไรรึเปล่า”
“คุณเหนื่อยแล้ว ไปหาอะไรทานซะหน่อยสิ”
“ผมยังไม่หิว ผมเป็นอมตะคุณลืมแล้วหรือไง”
“ต่อให้คุณเป็นไอ้มดแดงก็ต้องทานข้าว เชื่อฉันเถอะ ถ้าไม่มีแรงคุณจะช่วยฉันได้ยังไงจริงมั้ย”
ฤทธิ์พยักหน้าจำนน เขาขยับลุกขึ้นแต่ณัฐชาก็รั้งมือไว้อีก
“หือ”
ณัฐชามองตาเขาไม่พูดอะไร นอกจากใช้ความเงียบในการสื่อสาร ฤทธิ์จึงก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเธอเบาๆ
“รีบมานะ”
ฤทธิ์พยักหน้า

ฤทธิ์เดินกลับออกมาจากห้องของณัฐชา เขาเห็นตำรวจนายหนึ่งกำลังนั่งคอยอารักขาอยู่ที่ปากทาง แต่ในมือนั้นถือหนังสือพิมพ์ตากลับจ้องดูทีวีตรงทางเดิน ฤทธิ์ส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมของตำรวจคนนั้น เขาเดินจากไปอีกทางแต่แล้วก็ได้ยินเสียงไอริณดังขึ้น
“ฤทธิ์ราวี ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย”
ฤทธิ์ชะงักมองหา
“ไอริณ…พรายพิฆาต”

ฤทธิ์ยืนอยู่บนดาดฟ้าตึกจู่ๆก็เห็นแสงสว่างก่อนที่ร่างทิพย์ของไอริณจะปรากฏขึ้น
“ฉันยังไม่อยากตาย ฤทธิ์ราวี ได้โปรด กลับมาหาฉัน”
“พรายพิฆาต เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนจะฆ่าฉัน ฉันเห็นภาพนิมิตของกรณ์ มันกำลังมาที่นี่”
ฤทธิ์จากตื่นเต้น ก็ค่อยๆฉุกคิดได้
“เลิกหลอกผมซะทีเถอะ ผมไม่หลงกลคุณอีกแล้ว เรื่องฆ่ากรณ์ผมจะจัดการให้ แต่ผมไม่
ยอมเป็นเชลยของคุณเด็ดขาด”
“คุณต้องเชื่อฉัน เชื่อฉัน”
“ผมมีทางของผม คุณมีทางของผม เราต่างคนต่างรักษาแค่นั้นก็พอแล้ว”
“คุณจะต้องเสียใจที่ปฏิเสธฉัน”
ร่างทิพย์ของไอริณค่อยๆเลือนหายไป

ตำรวจถือหนังสือพิมพ์และจ้องทีวีอยู่ก่อนจะรู้สึกตัวเอาเมื่อมีคนมายืนตรงหน้า ปรากฏว่าคนที่มาคือราเมศกับสมุนพรายพิฆาต ที่ปลอมตัวมาในคราบของหมอและบุรุษพยาบาล ตำรวจตกใจจะชักปืน แต่นั่นก็สายไปเสียแล้วเมื่อราเมศเหวี่ยงมีดในมือผ่านวูบไปเลือดสาดเปรอะผนัง...ณัฐชากำลังนอนดูทีวีอยู่เช่นกัน แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นราเมศพาสมุนเข้ามาในห้อง
“ราเมศ”
ราเมศยืนเฉยขณะที่สมุนยิงปืนลูกดอกยาสลบใส่ณัฐชา...ราเมศนำโหลใส่แมลงพรายพิฆาตออกมา ก่อนจะใช้คีมคีบมันขึ้นจากโหลตัวหนึ่ง และเดินตรงไปหาณัฐชาที่กำลังหมดสติ
“ไม่รู้ฤทธิ์ราวีจะทำหน้ายังไง ถ้าเห็นพรายพิฆาตอยู่ในร่างของเธอ ณัฐชา”
ฤทธิ์หิ้วถุงขนมที่ซื้อมาเผื่อณัฐชาเดินออกจากลิฟต์และตรงกลับมาที่ห้องก่อนจะต้องชะงัก…ถุงขนมหลุดมือ เมื่อเห็นเลือดนองเป็นทางยาวไหลมาจากศพของตำรวจที่คอยอารักขา ฤทธิ์รีบวิ่งไปที่ห้องทันที...ฤทธิ์ผลักประตูห้องเข้ามาและพบว่าณัฐชาไม่อยู่แล้ว มีเพียงโหลใส่แมลงว่างๆวางอยู่ที่หัวเตียง ฤทธิ์ตะโกนลั่น
“ณัฐชา”

รถพยาบาลเปิดไซเรนส์เสียงกึกก้องกำลังแล่นไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว โดยมีนักรบสองนายในชุดบุรุษพยาบาลนั่งอยู่ด้านหน้า ส่วนราเมศอยู่กับณัฐชาที่ท้ายรถ ณัฐชาตกอยู่ในสภาพหมดสติ ราเมศกดโทรศัพท์โทรออก
“ท่านพรายพิฆาต เราได้ตัวณัฐชามาแล้ว ตอนนี้กำลังพากลับไปที่ฐาน”

ฤทธิ์สะพายกระเป๋าวิ่งมาสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ก่อนจะขับออกสู่ท้องถนนอย่างรวดเร็ว...ฤทธิ์ขับรถมอเตอร์ไซด์แซงรถคันอื่นไปด้วยความรวดเร็ว
“พรายพิฆาต ถ้าเกิดอะไรขึ้นณัฐชาล่ะก็ ฉันจะไม่ยกโทษให้แกเด็ดขาด”

เมธาตกใจเมื่อรับทราบรายงานจากสิงหา
“แล้วพอรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนลักพาตัวผู้หมวดณัฐชา”
“ยังไม่มีเบาะแสครับท่าน แต่ถ้าไม่ใช่พวกนายกรณ์ ก็คงเป็นพรายพิฆาต”
“แล้วนักสู้มหากาฬล่ะตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ ไม่คิดจะช่วยคู่หูเขาบ้างหรือไง”
“เขาหายตัวไปเหมือนกันครับ บางทีอาจจะติดตามคนร้ายอยู่ก็ได้”

รถพยาบาลจอดอยู่หน้าอาคารร้าง นักรบพรายพิฆาตเปิดประตูให้ราเมศลงมาจากรถ
“พามันไปหาท่านพรายพิฆาต”
ร่างอันไร้สติของณัฐชาถูกลำเลียงขึ้นรถเข็นและเข็นเข้าไปในอาคารร้าง

ไอริณยิ้มกริ่มเมื่อเห็นร่างของณัฐชาถูกพาเข้ามา
“ฉันจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ณัฐชา เพื่อใช้ร่างของเธอในกรณีฉุกเฉิน” ไอริณมองไปที่ร่างจริง “ส่วนร่างจริงของฉัน ให้เตรียมหาที่ซ่อนใหม่ อย่าให้ใครหาเจอเด็ดขาด”
ราเมศรับคำ
“ครับท่านพรายพิฆาต”
ไอริณยิ้มรับก่อนจะแผ่พลังเรืองแสงที่ฝ่ามือ และเริ่มใช้มันรักษาอาการบาดเจ็บของณัฐชา

นักรบพรายพิฆาตนำทางฤทธิ์ ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อผ้าของกรณ์และสะพายดาบซามูไรของวัฒน์เข้ามาในอาคาร
“พรายพิฆาต”
ราเมศรีบออกมามองอย่างไม่พอใจ
“นักสู้มหากาฬ แกโผล่มาทำไม”
“ฉันมีเรื่องสำคัญ ต้องการพบพรายพิฆาต”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงไอริณดังขึ้น
“ฉันอยู่นี่”
ไอริณปรากฏตัวขึ้นและบอกกับราเมศ
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง”
ราเมศได้แต่ก้มหน้ารับฟัง ขณะที่ไอริณเดินไปหาฤทธิ์
“ขอบใจนะที่ยอมมาพบฉัน ฤทธิ์ราวี”
ฤทธิ์ยิ้ม
“แน่อยู่แล้ว ก็เราเป็นหุ้นส่วนกันนี่”
ราเมศชะงักมองฤทธิ์อย่างเริ่มเอะใจ เสื้อผ้าที่ฤทธิ์ใส่อยู่เป็นชุดที่ไม่คุ้นตา ไอริณยิ้มรับ
“หุ้นส่วนเหรอ ฉันชอบคำนี้จัง”
ฤทธิ์ยิ้มให้ไอริณด้วยแววตาที่เหี้ยมเกรียม จังหวะนั้นเองราเมศมองเห็นดาบซามูไรและจำได้ ราเมศรำพึง
“ดาบของไอ้วัฒน์”
ฤทธิ์หันมามอง ราเมศรีบร้องเตือนด้วยความสังหรณ์ใจ
“มันไม่ใช่ฤทธิ์ ราวี”
ไอริณหันไปมองราเมศ จังหวะนั้นเองที่ฤทธิ์ชักดาบซามูไรออกมาแทงใส่ท้องของเธอเต็มๆ
“เธอ…”
“จำผิดคนแล้วที่รัก นี่ฉันเอง”
ฤทธิ์กลายร่างเป็นกรณ์ที่พรางตัวมา ราเมศตะลึง
“ไอ้กรณ์”
กรณ์หันมายิ้มหยัน
“ไงบอส ตอนนี้ผมทำแบบเดียวกับคุณได้ทุกอย่าง คุณคิดว่ายังไงบ้าง”
“แกตาย”
ราเมศชักปืนกราดยิงใส่ กรณ์อาศัยพลังพิเศษกระโจนหนีหายไปอย่างรวดเร็ว พวกนักรบพรายพิฆาตพากันเงยหน้ามองหา เพราะในห้องโถงมีขื่อเสาระเกะระกะมากมาย กรณ์พุ่งตัวลงมาหาราเมศและฟันเข้าที่กลางหลังเต็มๆ ครั้นพอจะเข้าซ้ำ ก็ถูกไอริณใช้พลังจิตซัดจนกระเด็น กรณ์รีบกระโจนหนีไปซ่อนอีกครั้ง พวกนักรบพรายพิฆาตกราดยิงกันวุ่นวาย ราเมศฉวยโอกาสนั้นตรงเข้าไปพยุงไอริณ
“ท่านพรายพิฆาต”
“พาฉันกลับไปที่ห้อง”
ราเมศรีบประคองไอริณจากไป

เอมี่ยืนมองไปที่อาคารร้าง และฟังเสียงการต่อสู้อย่างสะใจ ก่อนที่ยักษ์จะเข้ามาสมทบ
“หัวหน้าลงมือแล้ว”
ยักษ์พยักหน้าเข้าใจ
“คนของเราก็พร้อมแล้วเหมือนกัน”
“ถ้างั้นก็…บุก”

พนักรบพรายพิฆาตสองนายเดินยามอยู่ แต่แล้วสมุนของกรณ์ก็กระโจนเข้ามาปาดคอนักรบคนแรกและปามีดใส่นักรบคนที่สองแต่ก่อนจะตาย มันก็เหนี่ยวไกปืนไปหลายนัด...นักรบพรายพิฆาตอีกสองสามคนกำลังวิ่งไปดูเหตุการณ์ แต่แล้วสมุนกรณ์อีกคนก็โผล่จากที่ซ่อนและกราดยิงใส่พวกมันทันที...นักรบพรายพิฆาตอีกกลุ่มไปสมทบกับพรรคพวก แต่แล้วก็เจอระเบิดกลิ้งมาหลายลูก ระเบิดเหล่านั้นทำงานตูม ทุกคนกระเด็นไปคนละทาง
ฤทธิ์ขับรถมอเตอร์ไซด์มาจอดละแวกอาคารร้าง เขาได้ยินเสียงปืนและเปลวไฟที่เกิดขึ้นจากแรงระเบิด
“ไอ้กรณ์”
ฤทธิ์รีบขับมอเตอร์ไซด์มุ่งหน้าต่อไปทันที

กรณ์กระโจนหายตัววูบวาบจากเสาต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งราวกับหมอกควัน พวกนักรบพรายพิฆาตพยายามเล็งยิงใส่แต่พอเผลอก็ถูกกรณ์ลอบสังหารไปทีละคน เอมี่กับยักษ์พากำลังเสริมบุกเข้ามา
“หัวหน้า”
เอมี่กับยักษ์และสมุน เปิดฉากกราดยิงนักรบพรายพิฆาตจนตายเกลื่อนกลาด

ราเมศกับนักรบพรายพิฆาต นำร่างของลูกสาวพ่อค้ายามาที่รถบรรทุกของมาดามหลิวก่อนจะกดปุ่มเปิดประตูท้ายรถ
“รถคันนี้มีทุกอย่างพร้อม ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้พาท่านพรายพิฆาตหนีไปได้ทันที ไม่ต้องห่วงฉัน”
นักรบพรายพิฆาตทั้งสองรับคำ
“ครับบอส”
ร่างของลูกสาวพ่อค้ายาถูกลำเลียงขึ้นไปบนรถ ก่อนที่ประตูจะปิดลงตามเดิม กล้องจรปิดเริ่มทำงานด้วยระบบจับความเคลื่อนไหว ออร่าพลังจากร่างของลูกสาวพ่อค้ายาก็ประมวลผลได้ทันทีว่าคือใคร ร่างเสมือนจริงของมาดามหลิวปรากฏขึ้น
“พรายพิฆาต…นี่เหรอคนที่พยายามสวมบทเป็นพระเจ้า ที่แท้ก็เป็นแค่เด็กพิการ”

นักรบพรายพิฆาตคนสุดท้ายถูกยิงตาย กรณ์รีบออกคำสั่ง
“ทุกคนแยกย้ายกัน ตามหาพรายพิฆาตให้เจอ ทันใดนั้นเองก็มีร่างของสมุนกรณ์ลอยละลิ่วมา มันถูกทำร้ายจนทั้งร่างมีแต่บาดแผลเลือดนอง กรณ์หันมองไปและเห็นฤทธิ์ยืนจังก้าถือมีดอยู่ในชุดของนักสู้มหากาฬ
“นักสู้มหากาฬ”
“ไอ้กรณ์”
นักสู้มหากาฬกดปุ่มสปริงยิงใบมีดบินเข้าหากรณ์ เอมี่กับยักษ์ถลาออกมาสกัดเอาไว้ ยักษ์รีบบอก
“หัวหน้าไปก่อน ทางนี้เราจัดการเอง”
เอมี่กังวล
“ถ้าพรายพิฆาตหนีไปได้เมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะล้มเหลว”
กรณ์มองฤทธิ์อย่างอาฆาตแค้น ก่อนจะล่าถอยจากไป นักสู้มหากาฬขยับจะตามไป เอมี่ตะโกนลั่น
“ฆ่ามัน”
สมุนของกรณ์ระดมยิงมาที่นักสู้มหากาฬ แต่เวลานี้เขามีพลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เขาควงมีดสองมือปัดป้องกระสุนอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะกระโจนขึ้นกดปุ่มสปริงยิงใบมีดบินเหวี่ยงไปรอบๆเข่นฆ่าสมุนของกรณ์จนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง

ไอริณใช้พลังฝ่ามือเรืองแสงรักษาอาการบาดเจ็บให้ณัฐชา ใบหน้าของไอริณสั่นเทิ้มเพราะเร่งพลังจิตถึงขีดสุด แต่แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีภัยบางอย่างกำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้
“ราเมศ มีผู้บุกรุก ช่วยฉันด้วย”

กรณ์ถือดาบซามูไรมุ่งหน้าไปหาพรายพิฆาต แต่แล้วก็ปรากฏกลุ่มควันขึ้นขวางหน้าก่อนจะเห็นราเมศเคลื่อนย้ายมวลสารมา
“ยังไม่เข็ดอีกเหรอบอส”
“ไอ้คนทรยศ วันนี้เราจะได้เห็นดีกัน”
ราเมศพุ่งเข้าจู่โจมกรณ์ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนกระทั่ง กรณ์สะบัดดาบในมือของมันขึ้น มือของราเมศขาดลอยละลิ่วก่อนจะร่วงกองกับพื้น ราเมศแผดร้องเสียงหลง
“อ๊าก”
“แกตาย”
กรณ์หมุนตัวพร้อมแทงดาบเข้าใส่ แต่แล้วมันก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นซัดออกไปจนกระเด็น พอตั้งหลักได้ถึงเห็นไอริณยืนอยู่
“พรายพิฆาต”
“หลบไปราเมศ เธอเหนื่อยมาพอแล้ว”
ราเมศมองไปเห็น ไอริณชูฝ่ามือทั้งสองขึ้นพร้อมต่อสู้กับกรณ์

นักสู้มหากาฬฆ่าสมุนของกรณ์ตายเป็นเบือ เอมี่ฉวยโอกาสจะลอบทำร้ายข้างหลัง แต่เขาก็ไหวตัวทันหันมาปัดป้องได้เสียก่อน แล้วจับเอมี่เหวี่ยงไปกระแทกเสาจนหมดสติ
“เอมี่” ยักษ์ตกใจ
ด้วยอารมณ์โกรธยักษ์วิ่งเข้าหานักสู้มหากาฬโครมๆเหมือนกระทิงเปลี่ยว ก่อนจะกระโจนขึ้นสูงพร้อมกับเงื้อดาบสปาต้าของมันฟันใส่ นักสู้มหากาฬยกมีดขึ้นรับแต่ด้วยพละกำลังที่มหาศาลของยักษ์ ทำให้เขาถึงกับเซถอยไป ยักษ์คำรามอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหวดดาบใส่เหมือนประหนึ่งจะสู้ตาย นักสู้มหากาฬถอยกรูดเพราะคิดว่าจะเจอความรุนแรงขนาดนี้ จนกระทั่งสบโอกาสเขาจึงเบี่ยงตัวหลบแล้วใช้มีดแทงใส่ท้ายทอยยักษ์อย่างรวดเร็ว ยักษ์ตาค้างทรุดเข่าลงไปกับพื้นก่อนจะขาดใจคาที่

กรณ์พลิกตัวหลบฝ่ามือพลังจิตของไอริณ ก่อนจะใช้พลังเคลื่อนย้ายมวลสารอย่างเต็มขั้น ทำให้ดูเหมือนกับมันแยกร่างออกได้เป็นหลายๆร่าง ทุกร่างบุกเข้าจู่โจมพร้อมๆกัน ไอริณปล่อยคลื่นพลังจิตออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับพลาดเป้าหมาย ร่างของกรณ์หายวูบไปทีละร่าง จนเหลือร่างสุดท้ายที่โผล่มาด้านหลังแล้วล็อคคอเธอเอาไว้
“แกพลาดแล้วพรายพิฆาต”
ไอริณเหวี่ยงฝ่ามือข้ามไหล่จะฟาดใส่ แต่กรณ์กลับเบี่ยงหลบแล้วคว้าข้อมือของเธอทั้งสองข้างเอาไว้ นักสู้มหากาฬมาถึง...
“พรายพิฆาต…”
กรณ์แสยะยิ้มให้ฤทธิ์ก่อนจะจ้วงดาบซามูไรแทงจนทะลุท้องของไอริณ พลังงานของพรายพิฆาตพวยพุ่งออกมาทางบาดแผล นักสู้มหากาฬตะลึง
“ไอริณ”

เมื่อพลังของพรายพิฆาตหลุดออกจากร่าง ไอริณก็กลับเป็นคนเดิมอีกครั้ง
“โทมัส”
ไอริณน้ำตาคลอก่อนจะทรุดลงไปกับพื้น นักสู้มหากาฬโกรธมาก
“ไอ้กรณ์”
“ฮ่าๆ”
กรณ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะใช้พลังเคลื่อนย้ายมวลสารสลายร่างหายไป นักสู้มหากาฬรีบเข้าไปดูอาการของไอริณที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ไอริณ”
ไอริณงุนงง
“มันเกิดอะไรขึ้น ฉันฝันไปรึเปล่า เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ทำใจดีๆไว้ไอริณ คุณเสียเลือดไปมาก ตอนนี้คุณกำลังช็อก”
“ฉันเห็นณัฐชา ก่อนหน้านี้เธออยู่กับฉัน”
“เธออยู่ที่ไหน”
“ห้องที่มีเด็กผู้หญิง นอนป่วยอยู่”
นักสู้มหากาฬรู้ดีว่าไอริณหมายถึงห้องที่ลูกสาวพ่อค้ายาใช้พักฟื้น เขามองไปทางนั้นด้วยความเป็นห่วงแต่แล้วเสียงหัวเราะของกรณ์ ที่แว่วมาก็ทำให้เขาตระหนักว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญกว่าในเวลานั้น
“คุณรออยู่นี่ก่อนนะ ผมจะตามคนมาช่วย”

ราเมศซึ่งถูกฟันจนมือขาดวิ่งกุมข้อมือโซซัดโซเซมาที่รถรถบรรทุกมาดามหลิว นักรบพรายพิฆาตเข้ามาหา
“บอส”
“พวกแกยังอยู่อีกเรอะ”
“ก็พวกเรา…”
ราเมศสวนทันที
“ไม่ต้องพูดแล้ว รีบออกรถ”
นักรบพรายพิฆาตทั้งสองนายรีบไปประจำตำแหน่งคนขับ ขณะที่ราเมศซมซานไปที่ท้ายรถเพื่อดูแลร่างจริงของพรายพิฆาตหรือลูกสาวพ่อค้ายา แต่ทันทีที่ประตูไฮโดรลิกท้ายรถถูกเปิด กรณ์ก็มาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“คิดเหรอว่าจะหนีพ้น”
“ไอ้กรณ์ แกจะจองล้างจองผลาญไปถึงไหน”
กรณ์ขำ
“อย่าห่วงไปเลยบอส ในฐานะที่เคยเป็นอดีตเจ้านายฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้าแกยอมหลีกทางให้ฉัน ฉันจะให้แกร่วมทีม”
ราเมศมองกรณ์และมองกลับไปที่ลูกสาวพ่อค้ายาอย่างลังเล
“ไม่เอาน่า แกไม่จำเป็นต้องตายเพื่อเด็กคนนี้ซะหน่อยแค่แกคุกเข่าลงตอนนี้ แกก็จะรอดตาย”
“แกพูดจริงเหรอ”
“ในนามของพรายพิฆาตคนต่อไป ฉันขอสัญญา”
ราเมศชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดมันก็ยอมคุกเข่าให้กรณ์
“พรายพิฆาตคนใหม่ จงเจริญ”
กรณ์พอใจ
“ดีมาก ทีนี้เราจะได้ปิดเกมกันซะที”
กรณ์จะเดินไปหาลูกสาวพ่อค้ายา แต่จังหวะนั้นเองราเมศก็ชักมีดพกจากรองเท้าหมายจะแทงเข้าที่ขมับของกรณ์ แต่กรณ์คว้าข้อมือไว้ทันท่วงที
“กะแล้วเชียวว่าต้องเล่นแบบนี้”
“แก”
“ไปลงนรกซะเถอะเจ้านาย”
กรณ์เงื้อดาบขึ้นและฟันคอราเมศจนขาด

ณัฐชาลืมตาตื่นขึ้นและเห็นร่างของลูกสาวพ่อค้ายา ลอยอยู่เหนือร่างของเธอ
“เธอเป็นใคร”
“พรายพิฆาต ฉันต้องการร่างของเธอณัฐชา”
กายทิพย์ของลูกสาวพ่อค้ายาเริ่มเลือนหายเข้าไปในตัว ณัฐชาพยายามขยับตัวหนีแต่ทำไม่ได้
“อย่าขัดขืน ไม่งั้นเธอจะยิ่งเจ็บปวด”

ไมตรีกับปรีดาเข้ามาพบสิงหา ไมตรีรายงานอย่าตื่นเต้น
“สารวัตรนักสู้มหากาฬส่งข่าวมาครับ ว่าตอนนี้พวกไอ้กรณ์กับพรายพิฆาตกำลังเปิดศึกถล่มกันใหญ่เลยครับ”
“ก็ดีแล้วนี่ พวกอมนุษย์ฆ่ากันเอง จะได้ไม่เปลืองแรงพวกเรา”
ปรีดาหน้าเครียด
“ไม่ใช่แค่นั้นสิครับสารวัตร นักสู้มหากาฬบอกว่าหมวดณัฐชากับคุณไอริณก็อยู่ที่นั่น แถมคุณไอริณยังบาดเจ็บสาหัสด้วย”
สิงหาอึ้งไป

กรณ์เดินขึ้นมาบนท้ายรถบรรทุก และหยุดมองที่ร่างของลูกสาวพ่อค้ายา
“พรายพิฆาต เฮอะ...กะอีแค่เด็กพิการคนหนึ่ง”
กรณ์คว้าคอลูกสาวพ่อค้ายาขึ้นมา
“ฉันจะดื่มเลือดของแกให้หมด ทีนี้ก็จะไม่มีพรายพิฆาตอีกต่อไป”
ทันใดนั้นโปรแกรมจำลองภาพเสมือนจริงของมาดามหลิว ปรากฏตัวขึ้น
“อย่านะกรณ์ แกจะทำแบบนั้นไม่ได้”
กรณ์ชะงัก
“มาดามหลิว ยังไม่ตายอีกเหรอเนี่ย”
“เชื่อฉัน ไม่อย่างนั้นแกจะเจอปัญหาใหญ่”
กรณ์เอะใจ และลองเอื้อมมือไปสัมผัสมาดามหลิว จึงค่อยเห็นว่าเป็นภาพจำลอง
“ที่แท้ก็ภาพลวงตา ทำไมฉันต้องเชื่อแกด้วย”
“ฉันตรวจสอบพลังงานของพรายพิฆาตแล้ว มันเป็นพลังจิตที่มากมายมหาศาลเกินกว่าใครคนอื่นจะรับไหว”
“เหลวไหล ฉันดูดเลือดของใครก็ได้พลังชีวิตของคนนั้น แกกลัวว่าฉันจะมีอำนาจมากกว่าเดิม ก็เลยคิดจะหลอกฉันสิท่า อย่าฝันไปหน่อยเลย”

มาดามหลิวมองกรณ์อย่างไม่พอใจก่อนจะเลือนหายไป กรณ์ช้อนร่างของลูกสาวพ่อค้ายาขึ้นมาก่อนจะก้มลงกัดคอเพื่อดูดเลือด และไม่เพียงแต่เลือดเท่านั้นที่กรณ์ได้รับไปพลังงานของพรายพิฆาตก็ถูกดูดไปพร้อมกันเวลานั้นเองที่นักสู้มหากาฬได้ตามมาถึง
“พรายพิฆาต”
นักสู้มหากาฬยกมีดขึ้นเพื่อกดปุ่มสปริงยิงใบมีดเข้าใส่หัวของกรณ์ที่ยังไม่ได้ถอนเขี้ยวจากลำคอของพรายพิฆาต กรณ์เหลือบมองใบมีด ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นและวินาทีนั้นเองใบมีดก็ถูกตรึงไว้กลางอากาศทันที นักสู้มหากาฬตกตะลึง ขณะที่กรณ์ผลักฝ่ามือออกไป ทำให้ใบมีดสะท้อนกลับใส่นักสู้มหากาฬจนกระเด็นไปด้วย กรณ์แหงนหน้าครางออกมาอย่างพอใจ มันรู้สึกอิ่มและรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง
“บอกตามตรงว่ะเพื่อนฝูง เลือดของพรายพิฆาตมันช่าง…” กรณ์แยกเขี้ยว “สุดยอด จริงๆ”
“นั่นคือเลือดหยดสุดท้ายที่แกจะได้ดื่ม ไอ้สารเลว”
นักสู้มหากาฬโถมเข้าหากรณ์อีกครั้ง ทันใดนั้นสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น ฝ่ามือของกรณ์เรืองแสงเหมือนพรายพิฆาตและซัดพลังใส่ร่างของนักสู้มหากาฬจนกระเด็น
“ฮ่าๆ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอเพื่อน พลังของพรายพิฆาตอยู่ในตัวฉัน คราวนี้แกเสร็จฉันแน่ฤทธิ์ราวี” กรณ์หัวเราะสะใจ

ดวงจิตของลูกสาวพ่อค้ายาพยายามครอบงำร่างของณัฐชาแต่ไม่สำเร็จ
“ไม่ ออกไปให้พ้น ออกไป”
“ณัฐชา เธอต้องช่วยฉัน เลิกขัดขืนได้แล้ว”
“ไม่มีทาง แกหลอกใช้ฉัน แกเอาไอริณไปไว้ที่ไหน”
“ร่างของไอริณตอนนี้ใช้การไม่ได้ ฟังฉันนะณัฐชา ฉันไม่มีพลังมากพอจะบังคับเธอ แต่ฉันยังมีพลังที่จะต่อสู้กับกรณ์”
“ทำไมฉันต้องเชื่อเธอ”
“เพราะฤทธิ์ ราวีจะเป็นฝ่ายแพ้ ถ้าเธอไม่ร่วมมือกับฉัน”
ฟังอย่างนั้น ณัฐชาเต็มไปด้วยความสับสน

สิงหาเดินมาถามไมตรีกับปรีดา ซึ่งทำหน้าที่ประสานข่าวกับทางห้องแลป
“ว่าไงหมู่จ่า อาวุธชีวภาพได้รึยัง”
ไมตรีรายงาน
“พร้อมครับสารวัตร จัดเพิ่มเป็นสองเท่าของชุดแรกตามคำสั่งครับผม”
ปรีดาสงสัย
“สารวัตรครับ เราต้องขนไปเยอะแยะขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“เราต้องเผชิญหน้าทั้งพรายพิฆาต ทั้งพวกไอ้กรณ์ แค่นี้ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ”

อาวุธชีวภาพซึ่งบรรจุในรูปของระเบิดสำหรับยิง ถูกขนขึ้นรถ หน่วยจู่โจมพร้อมอาวุธหลายนายขึ้นประจำตำแหน่ง สิงหา ไมตรี ปรีดาเดินพลางสวมเสื้อเกราะและเตรียมอาวุธจะมาขึ้นรถ เมธารีบออกมาหา
“สารวัตร”
สิงหาหันมา
“ครับท่าน”
“คุณแน่ใจนะ ว่าจะลงมือเอง”
“ท่านสงสัยอะไรเหรอครับ”
“เบื้องบนเป็นห่วงเรื่องนี้ เขาบอกว่าถ้าเราไม่พร้อมก็ขอให้โอนภารกิจให้กองทัพเป็นผู้รับผิดชอบ”
คำพูดของเมธา ทำให้ทีมตำรวจ รวมทั้งไมตรี ปรีดาชะงัก
“แปลว่าอะไรเหรอจ่า” ปรีดาหันมาถามไมตรีเบาๆ
ไมตรีกระซิบตอบ
“ข่าวดีหมู่ ไม่ต้องไปก็ได้ ให้คนอื่นไปแทน”
สิงหามองไปยังลูกทีม รวมทั้งไมตรี ปรีดา ก่อนจะบอกกับเมธา
“จะหน่วยงานไหนก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนเหมือนกันครับท่าน ผมคิดว่าพวกเราทุกคนพร้อมแล้ว ที่จะสละชีพเพื่อชาติ” สิงหาหันไปประกาศ “หรือถ้าใครไม่พร้อม ก็เชิญถอนตัวได้เลย”
พวกทีมหน่วยจู่โจมมองหน้ากันแต่ไม่มีใครปฏิเสธ หัวหน้าทีมเห็นดังนั้นก็ตะเบ๊ะรายงาน
“ไม่มีใครถอนตัวครับสารวัตร”
ไมตรีกระสับกระส่ายจะยกมือ ปรีดารีบหันมาขู่
“อย่านะจ่า อย่าแม้แต่จะคิด”
“อะไรล่ะหมู่ ผมคันหลัง จะเกาหลังนี่ไง” ไมตรีทำท่าเกา “นี่ไง เกาเห็นๆเลย”
สิหามองหน้า
“ขอบคุณมากครับจ่า ที่ไม่ฉีกหน้าลูกน้องอย่างผม”
ไมตรีพยักหน้าฝืนยิ้มเจื่อนๆ แล้วแอบบ่นพึมพำ
“เวรแล้วกู”
เมธาเห็นทุกคนพร้อมก็บอกกับสิงหา
“ถ้างั้นก็ขอให้โชคดีนะสารวัตร”
สิงหายืนตรง
“ครับผม” สิงหาหันไปสั่งการ “ทุกคนออกเดินทางได้”

ทุกคนขึ้นรถประจำตำแหน่ง ขบวนรถแล่นออกจากกองปราบ

ยักษ์ตายแล้ว ส่วนเอมี่ยังหมดสติอยู่ นักสู้มหากาฬวิ่งหนีเข้ามาในห้องโถงก่อนจะกระโจนหลบ กรณ์ใช้พลังซัดเสาจนระเบิดกระจุย
“ฮ่าๆ แกจะหนีไปไหนนักสู้มหากาฬ แน่จริงก็มาสู้กันวะ”
นักสู้มหากาฬเหลือบเห็นอาวุธปืนของเหล่าสมุนที่ล้มตายหล่นเกลื่อนอยู่ ก็ควงมีดเก็บเข้าที่ก่อนจะกลิ้งไปคว้าปืนขึ้นมา กรณ์ยิ้มหยัน
“กระสุนปืนจะทำอะไรข้าได้”
นักสู้มหากาฬไม่ฟังเสียง กระหน่ำยิงใส่กรณ์ทันที

ในห้องพักพรายพิฆาต...ณัฐชาเหลือบมองไปเมื่อได้ยินเสียงปืน ลูกสาวพ่อค้ายาขอร้อง
“กรณ์กับนักสู้มหากาฬกำลังสู้กันอยู่ข้างนอก ได้โปรดเถอะ ณัฐชา เธอต้องเชื่อใจฉัน”
ณัฐชาลังเล
“จะให้ฉันทำยังไง”
“พลังจิตของเธอกล้าแข็งกว่าของไอริณ เธอต้องปล่อยมันให้ว่างเพื่อเราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน”
ณัฐชาระแวง
“แล้วฉันก็จะกลายเป็นทาสของแก เหมือนไอริณ”
ลูกสาวพ่อค้ายาวิงวอน
“ณัฐชา…ได้โปรด…ทำเพื่อฤทธิ์ ราวี ฉันขอร้อง”
เสียงปืนจากการต่อสู้ดังขึ้นอีก มันทำให้ณัฐชาต้องตัดสินใจ
“ถ้าแกหักหลังฉันเมื่อไหร่ แกตายแน่”
“ฉันสัญญา”
ณัฐชาหลับตาลงปล่อยใจให้ว่าง ดวงจิตของพรายพิฆาตแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเธอ

กรณ์ถูกนักสู้มหากาฬยิงจนได้แผล แต่มันกลับไม่สะทกสะท้าน แผลของเขาสมานตัวอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ผลว่ะเพื่อน ฉันบอกแกแล้วไง”
กรณ์ซัดพลังอัดใส่ร่างของนักสู้มหากาฬจนกระเด็นไปกระแทกเสา
“คราวนี้ถึงตาฉันบ้างแล้ว”
กรณ์จะซัดพลังอีก นักสู้มหากาฬรีบกลิ้งตัวหลบแล้วใช้พลังเคลื่อนย้ายมวลสารแยกร่างออกเป็นหลายๆร่าง ล้อมเอาไว้ กรณ์ทึ่ง
“ว้าว แกไวกว่าบอสซะอีกนะตอนนี้”
นักสู้มหากาฬชักมีด
“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกไอ้กรณ์ ไม่ว่ายังไงฉันต้องฆ่าแกให้ได้”
นักสู้มหากาฬโดดเข้าเล่นงาน กรณ์พยายามต่อสู้แต่ก็ไม่รู้ว่าร่างไหนคือร่างจริงกันแน่ จึงพลาดเป้าหมาย ขณะที่นักสู้มหากาฬจ้วงมีดแทงโดนกรณ์เข้าอีกแผล ครั้นกรณ์จะตอบโต้เขาก็รีบฉากหนีไป
“ก็ได้ ลูกไม้แบบนี้ฉันเองก็เคยเล่นมาก่อน”
กรณ์ใช้พลังจิตยกเศษกระเบื้องเศษหินรอบตัวขึ้นมา
“ดูซิว่าเจอแบบนี้ แกจะทำยังไง”
กรณ์สะบัดฝ่ามือออกไป เศษหินเศษกระเบื้องทั้งหมดซัดออกไปรอบทิศทางและในที่สุดก็โดนถูกนักสู้มหากาฬเข้าจนได้ ทำให้เขาล้มลงกับพื้น ร่างที่เคยแยกเป็นหลายๆร่างด้วยการเคลื่อนที่อย่างว่องไวจึงหายไปเหลือเพียงร่างจริงที่บาดเจ็บเพียงร่างเดียวเท่านั้น จังหวะนั้นเองที่เอมี่เริ่มได้สติแล้วลืมตามาเห็นนักสู้มหากาฬ

รถของสิงหาแล่นนำหน่วยจู่โจมไปยังรังของพรายพิฆาต ปรีดาทำหน้าที่ขับรถ ส่วนสิงหาเช็กพิกัดในแผนที่จากโทรศัพท์มือถือ
“จากตำแหน่งที่นักสู้มหากาฬให้มา ผมคิดว่าคงใช้เวลาเดินทางแค่สิบนาที บอกทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”
ไมตรียกวิทยุขึ้นแจ้งคำสั่ง
“วอสอง อีกสิบนาทีถึงเป้าหมาย ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”

ณัฐชาลืมตาขึ้นอีกครั้ง พรายพิฆาตอยู่ในตัวเธอแล้ว ดวงตาของณัฐชาแดงก่ำ เสียลูกสาวพ่อค้ายาดังมา
“ณัฐชา ตอนนี้พลังของฉันมีจำกัด ไม่สามารถครอบงำความคิดของเธอได้ทั้งหมด ดังนั้นในระหว่างต่อสู้เธอต้องทำตามความคิดของฉัน ถ้าขัดขืนจิตของฉันจะหลุดจากร่าง”
“ฉันเข้าใจแล้ว”

ณัฐชาที่ถูกพรายพิฆาตครอบงำเดินหน้าขรึมออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินเร็วขึ้นๆ และออกวิ่งมุ่งหน้าไปช่วยนักสู้มหากาฬทันที...กรณ์ใช้พลังซัดร่างนักสู้มหากาฬจนกลิ้งไปกับพื้น เอมี่ฟื้นขึ้นมาก็รีบคว้าอาวุธทันที
“อย่าเพิ่งฆ่ามันหัวหน้า” เอมี่แค้นกระชากลูกเลื่อนปืน “ให้ฉันชำระหนี้แค้นแทนพวกเรา
ซะก่อน”
กรณ์ชะงักเมื่อเห็นเอมี่เดินถือปืนไปหานักสู้มหากาฬที่นอนจุกอยู่
“อย่าประมาทนะเอมี่”
“รับรองว่าไม่พลาด เพราะฉันจะยิงที่หัว ให้มันตายเหมือนพวกของเราทุกคน”
เอมี่ยกปืนเล็งใส่หัวของนักสู้มหากาฬ แต่จังหวะนั้นเองร่างของเอมี่ก็เหมือนถูกกระชากออกไปอย่างเร็ว กรณ์หันไป
“ใคร”
ณัฐชาลดฝ่ามือลง
“ไอ้คนทรยศ แกปล้นพลังของฉัน”
นักสู้มหากาฬอึ้ง
“พรายพิฆาต...ณัฐชา”
กรณ์หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ น่าตื่นเต้นจริงๆ ว่าที่พระเจ้าของโลกใหม่สองคนมาเผชิญหน้ากัน”
“แก”

ณัฐชาใช้พลังจิตซัดใส่ กรณ์ก็รีบยกพลังต้านไว้ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด

สมุนของกรณ์ถือปืนวิ่งออกมาเพื่อปักหลักสู้ แต่ถูกหน่วยจู่โจมห้านายที่บุกเข้ามายิงศีรษะทิ้งอย่างรวดเร็ว หน่วยจู่โจมพูดวิทยุ
“ทีมเอประจำตำแหน่ง”
รถของตำรวจจอดซุ่มอยู่ สิงหาและลูกทีมกำลังเตรียมพร้อม เขาสั่งการในวิทยุสื่อสาร
“ทีมเอ...เริ่มแผนเปิดทาง”

ตำรวจหน่วยจู่โจมใช้เครื่องยิง…ยิงระเบิดไวรัสเข้าไปในเขตอาคารร้างหลายต่อหลายลูกด้วยกันลักษณะเหมือนแก๊สน้ำตา...ควันจากแก๊สไวรัสลอยเข้ามาในบริเวณอาคารร้าง สมุนของกรณ์กลุ่มหนึ่งกำลังถือปืนวิ่งมาดูเหตุการณ์ แต่แล้วเมื่อสัมผัสถูกแก๊สไวรัสเข้าก็เริ่มออกอาการทันที สมุนเริ่มมีอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง บางคนน้ำลายฟูมปาก

ไอริณซึ่งได้รับบาดเจ็บได้ยินเสียงคนร้องโหยหวน จึงแข็งใจลุกเดินไปดู
“นั่นใครน่ะ เกิดอะไรขึ้น มีใครได้ยินฉันรึเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบ ไอริณเห็นท่าไม่ดีเลยแข็งใจลุกขึ้นไปดู

กรณ์ใช้พลังของตนเหวี่ยงร่างของณัฐชาจนกระเด็น นักสู้มหากาฬตกใจ
“ณัฐชา”
นักสู้มหากาฬรีบกระโจนไปรับร่างของณัฐชาเอาไว้ แต่แววตาที่ดุดันอาฆาตของเธอทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นพรายพิฆาตที่สิงอยู่ข้างใน
“พรายพิฆาต คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ฆ่าศัตรูให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
ณัฐชากับฤทธิ์ตั้งหลักเตรียมรับมือ กรณ์มือข้างหนึ่งถือดาบซามูไร ส่วนอีกข้างกางฝ่ามือออกก่อนจะสะสมพลังจนเริ่มเรืองแสง เอมี่พอตั้งหลักได้ก็ชักมีดออกมาสมทบกับกรณ์
“หัวหน้า”
“สองต่อสองเท่ากัน ดูซิว่าคู่ไหนจะเป็นฝ่ายชนะ”
ณัฐชาบอกกับนักสู้มหากาฬ
“ไม่ต้องสนเอมี่ ฉันจัดการเอง”
นักสู้มหากาฬมองมาที่กรณ์อย่างหมายมั่น

สิงหาดูนาฬิกาข้อมือจนแน่ใจว่าถึงเวลาที่ไวรัสน่าจะออกฤทธิ์แล้วสิงหาสั่งการทันที
“ทุกคนบุกได้”
หน่วยจู่โจมสวมหน้ากากกันแก๊สพิษทันที ก่อนจะจัดขบวนนำหน้าสิงหาเพื่อเข้าไปอย่างเป็นขั้นตอน สิงหาหันมาเรียกไมตรีกับปรีดา
“หมู่จ่า ตามผมมา”
ไมตรีจะวิ่งไปอีกทาง ปรีดาต้องลากคอให้มาด้วยกัน
“ทางนี้จ่า จะหนีไปไหน”
“เปล่า เขาจะไปเอาหน้ากากกันแก๊สพิษ”

กรณ์ซัดฝ่ามือใส่ นักสู้มหากาฬอาศัยพลังพิเศษหลบไปตามหลังเสาอย่างว่องไว เอมี่อาศัยทักษะการต่อสู้ที่เหนือกว่าบุกมาเงื้อมีดจะแทง ณัฐชาคว้ามีดไว้และจะใช้อีกมือปล่อยพลังใส่ แต่เอมี่เหลือบเห็นเข้าก็รีบบิดฝ่ามือหันไปอีกทาง
“พรายพิฆาต ที่แท้ก็ไม่เท่าไหร่”
“แก…นังสมุนปลายแถว”
ณัฐชาคำรามก่อนจะเหวี่ยงร่างเอมี่ออกไป เอมี่ตีลังกาลงสู่พื้นอย่างคล่องแคล่ว แต่ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงปืนแว่วมาจากด้านนอก
“หัวหน้า มีคนบุกเข้ามา”
“เธอออกไปช่วยพวกเรา ทางนี้ฉันจัดการเอง”
เอมี่มองณัฐชากับนักสู้มหากาฬด้วยความแค้น แต่ก็ยอมล่าถอยจากไป

ไวรัสออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น สมุนของกรณ์เริ่มมีอาการตกเลือดตามหูตาจมูก บางคนชักเกร็งจนเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว

ไอริณเดินโซเซออกมาดูเหตุการณ์ เธอกำลังเดินออกมาจากทางเดินแคบๆเห็นเงาคนทาบอยู่บนผนัง คนเหล่านั้นกำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดทรมาน สักครู่ก็มีสมุนคนหนึ่งวิ่งหนีตายเข้ามาหา ไอริณผงะด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นสมุนคนนั้นทรุดเข่าลงกับพื้น นิ้วมือกระตุกเกร็ง ก่อนที่จะอาเจียนออกมาเป็นเลือดกองโตไหลนองพื้น ไอริณพิงกำแพง ร่างแทบทรุดเพราะความตื่นตระหนก

หน่วยจู่โจมบุกเข้าตามทางเดิน และพบว่าสมุนของกรณ์ล้มตายกันหลายคน คนที่ยังไม่ตายสนิทพอเห็นตำรวจบุกเข้ามาก็โผเผกางมือเข้าใส่เหมือนจะบีบคอ หน่วยจู่โจมตัดสินใจกระหน่ำยิงจนดับทันที ทันใดนั้นเองเอมี่ก็มาถึง เธอซุ่มเหตุการณ์ดูอยู่บนที่สูงอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นสมุนมากมายล้มตาย...สิงหา ไมตรี ปรีดาสวมหน้ากากกันแก๊สพิษเข้ามาดู
“ไวรัสได้ผลกว่าที่คิดซะอีก” สิงหาพอใจในผลงาน
“สารวัตรแน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์” ไมตรีเป็นกังวล

สิงหาครุ่นคิด ก่อนจะถอดหน้ากากกันแก๊สพิษออก ลองสูดหายใจดูแล้วยักไหล่
“ห้องแล็ปเขาก็ยืนยันมาแล้วนี่”
ไมตรีกับปรีดามองหน้ากันแล้วถอดบ้าง ไมตรีลองหายใจซ้ายขวา
“เออ ไม่เป็นไรจริงๆด้วย”
ปรีดาพยักหน้า
“นั่นสิ”
เอมี่ฉวยโอกาสนั้นกระโจนจากที่สูงลงมาด้วยความไวเหนือมนุษย์ ก่อนจะใช้มีดปาดคอหน่วยจู่โจมอย่างรวดเร็ว สิงหาตกใจ
“ทุกคนระวัง”

เอมี่หันมากระชากหน้ากากกันแก๊สพิษไปจากมือของไมตรี ก่อนจะแทงมีดเข้าใส่ปรีดาที่ทำท่าจะเข้ามาช่วย แต่จังหวะนั้นสิงหาก็เหนี่ยวไกยิงใบมีดจนหักเสียก่อน เอมี่เลยแทงไม่ถึง ปรีดาเสียวแปร๊บ
“เย้ย เฉียดฉิว”
สิงหาตะโกนลั่น
“ฆ่ามัน”
หน่วยจู่โจมระดมยิงใส่ เอมี่กระโจนหนีหายไปด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ ไมตรีเข้ามาบอก
“ต้องมีพวกมันเหลืออีกแน่เลยครับสารวัตร”
สิงหาสั่งการ
“จัดไวรัสชุดใหญ่ไปเลย เราจะฆ่าพวกมันให้หมด”
ปรีดารีบขัด
“เดี๋ยวครับสารวัตร”
“อะไรอีกล่ะหมู่”
“ผู้หมวดณัฐชาเคยบอกว่านักสู้มหากาฬก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ นี่ครับ”
สิงหาชะงัก...เพราะไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ไมตรีนึกได้
“เออใช่ จริงด้วยครับสารวัตร ถ้าเราถล่มที่นี่ด้วยไวรัสเมื่อไหร่ นักสู้มหากาฬมีหวังดับแน่เลยครับ”
สิงหาอึ้ง ลังเล

นักสู้มหากาฬกระโจนตัวสูงแล้วใช้มีดฟันเข้าใส่ กรณ์ยกดาบขึ้นรับอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันณัฐชาก็โผล่มาจากอีกทางหนึ่งก่อนจะซัดพลังจากฝ่ามือใส่เช่นกัน แต่กรณ์รีบหันไปยกฝ่ามือต้านรับก่อนจะยันณัฐชาจนผงะไป ขณะนั้นเองที่ไอริณซึ่งได้รับบาดเจ็บ เดินโซเซโผล่ออกมา
“คุณโทมัส ณัฐชา”
นักสู้มหากาฬรีบบอก
“ไอริณ หลบไป”
กรณ์สะใจ
“อดีตร่างทรงของพรายพิฆาต มาก็ดีแล้ว”
กรณ์ขยับเปลี่ยนท่าจับดาบมาจับแบบหอก แล้วพุ่งเข้าใส่ไอริณอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอไม่มีทางหลบทันแน่นอน นักสู้มหากาฬตัดสินใจโดดเข้าโอบกำบังร่างของไอริณ ทำให้ดาบของกรณ์แทงทะลุหลังเขาอย่างจังณัฐชาตะลึง
“ฤทธิ์ ราวี”
ไอริณหน้าตื่น
“โทมัส”
“ผมไม่เป็นไร คุณปลอดภัยนะไอริณ”
กรณ์หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ ชุดเกราะของแกมันไร้ประโยชน์สำหรับฉัน”
กรณ์ยื่นฝ่ามือออกไปแล้วใช้พลังจิตกระชากดาบคืนกลับมาเลือดของนักสู้มหากาฬพุ่งจากปากแผลจนกระเซ็น ณัฐชาเห็นท่าไม่ดีจึงยื่นฝ่ามือขึ้นแล้วซัดพลังอีก กรณ์เหลือบเห็นหลบไป ณัฐชาซัดพลังออกไป ก่อนที่กรณ์จะซัดพลังใส่เธอจนกระเด็นทว่าเป้าหมายของณัฐชากลับไม่ใช่กรณ์ เธอซัดพลังใส่เพดานจนถล่มลงมาทับ กรณ์แผดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะถูกซากอิฐถล่มใส่
นักสู้มหากาฬเห็นเข้าก็รีบจะพุ่งเข้าไปซ้ำกรณ์ แต่แล้วระเบิดไวรัสก็ถูกยิงเข้ามา มันปล่อยแก๊สพิษอย่างรวดเร็ว ณัฐชาตกใจ
“ไวรัส เราต้องไปจากที่นี่”
นักสู้มหากาฬไม่ยอมไป
“ไม่...ผมต้องฆ่ามัน”
ณัฐชาขวาง
“คุณได้ฆ่ามันแน่ ถ้าคุณไม่ตายซะก่อน” ณัฐชาคว้ามือ “มากับฉัน”
ณัฐชาหันไปทางไอริณแล้วยื่นมืออีกข้างหนึ่งให้
“จับมือฉันเอาไว้”
พอไอริณจับมือ ณัฐชาก็ใช้พลังจิตพาร่างของนักสู้มหากาฬกับไอริณหายตัวไปจากที่นั่น

ณัฐชาพาฤทธิ์กับไอริณหายตัวมาที่รถบรรทุกมาดามหลิว
“ฉันไปได้ไกลแค่นี้ พลังของฉันมีจำกัด”
นักสู้มหากาฬเพิ่งตั้งหลักได้ก็มองว่าตัวเองอยู่ไหน
“รถของมาดามหลิว”
“บนรถมีเครื่องมือรักษาพยาบาล เราต้องช่วยไอริณก่อน”
นักสู้มหากาฬมองมาที่ไอริณที่กำลังอ่อนล้า ขณะที่ณัฐชาหันไปใช้พลังจิตเปิดท้ายรถบรรทุกออก ร่างของลูกสาวพ่อค้ายายังนอนเลือดท่วมอยู่ นักสู้มหากาฬหันมาถาม
“แล้วร่างเดิมของคุณ จะทำยังไง”
ณัฐชามองร่างเดิมของตนอย่างใคร่ครวญ

ละอองของแก๊สไวรัสเริ่มโชยมาใกล้ กรณ์รีบเม้มปากกลั้นหายใจเอาไว้ สองแขนถูกซากอิฐทับไว้จนใช้พลังไม่ได้แต่แล้วเอมี่ก็กระโจนลงมาข้างๆ
“หัวหน้าสวมหน้ากากนี่เอาไว้”
เอมี่สวมหน้ากากกันแก๊สพิษให้กรณ์
“แล้วเธอละเอมี่”
เอมี่ยิ้มให้อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไม่นะเอมี่ รีบหนีไป”
เอมี่ไม่ฟังเสียงกรณ์ เธอหันไปออกแรงยกซากอิฐที่ทับร่างของกรณ์อยู่
“เอมี่”
“หัวหน้า ฉันจะพาคุณไปจากที่นี่”

แก๊สไวรัสแผ่มาถึงบริเวณนั้น กรณ์ปลอดภัยด้วยหน้ากากกันแก๊สพิษ ในขณะที่เอมี่เริ่มติดเชื้อและแสดงอาการตกเลือดออกมาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่หน่วยจู่โจมนำสิงหา ไมตรี ปรีดามาถึงที่เกิดเหตุ ปรีดาชี้ไป
“นั่นไงครับสารวัตร มันอยู่ตรงนั้น”
เอมี่ผิวหน้าติดเชื้อจนเป็นรอยช้ำน่ากลัว เธอแสยะเขี้ยวคำรามใส่พวกตำรวจสิงหาตะโกนสั่ง
“ยิง”
หน่วยจู่โจมยกปืนขึ้นกระหน่ำยิงใส่เอมี่จนพรุน โดยไม่เห็นกรณ์ที่ถูกซากอิฐทับอยู่ กรณ์คลั่ง
“เอมี่”
กระสุนปืนบางส่วนเจาะถูกซากอิฐจนแตก เอมี่อาศัยแรงเฮือกสุดท้ายผลักซากอิฐส่วนที่แตกคามือนั้นออกไป ก่อนที่ตัวเธอจะล้มลงต่อหน้าหัวหน้า กรณ์มองสมุนคนสุดท้ายของตนด้วยความสะเทือนใจ ซากอิฐยังทับร่างอยู่แต่เขาสามารถชักแขนข้างหนึ่งออกมาได้สำเร็จจึงรีบใช้พลังจิตซัดซากอิฐนั้นกระเด็นไปหาพวกตำรวจทันที ทำให้สิงหากับพวกกระโจนหนีไปคนละทาง กรณ์มองไปที่ระเบิดแก๊สพิษ ก็ใช้พลังฝ่ามือซัดมันกระเด็นหายไปจากห้อง
“ไอ้สารเลว วันนี้ฉันขอแลกตายกับพวกแก”
เอมี่คว้าขากรณ์
“อย่าหัวหน้า รีบหนีไปซะ หนีไป”
กรณ์ถอดหน้ากากออก รีบประคองสมุนสาว
“เอมี่”
“คุณจะตายตอนนี้ไม่ได้ นักสู้มหากาฬกับพรายพิฆาตกำลังรอคุณอยู่”
กรณ์นึกขึ้นได้ เขามองไปที่ตำรวจด้วยความแค้น ก่อนจะแบกร่างเอมี่กระโจนตัวหนีหายไป ไมตรีหน้าตื่น
“สารวัตร มันหนีไปแล้วครับ”
สิงหาแค้น
“ไม่เป็นไร พวกเราเก็บกวาดพวกที่เหลือ ถ้าใครไม่ยอมมอบตัวก็ให้ยิงได้ทันที”

เช้าวันต่อมา...ที่บริเวณริมแม่น้ำ กรณ์อุ้มร่างเอมี่มาวางลงพักบนลานกว้างแล้วถอดเสื้อของตนออกเพื่อให้เธอนอนหนุนศีรษะอย่างผ่อนคลาย
“ไม่ต้องกลัวนะเอมี่ เธอภักดีกับฉัน ฉันจะชุบชีวิตเธอขึ้นมาใหม่”
เอมี่เอื้อมมือไปกุมมือเขาอย่างอ่อนล้า
“หัวหน้า มันไม่ได้ผลหรอก ฉันรู้สึกได้”
“ไม่จริง มันต้องได้ผล”
“ไวรัสถูกพัฒนาให้รุนแรงกว่าเดิม คุณก็เห็นว่ามันฆ่าพวกเราได้ในพริบตา”
กรณ์สะเทือนใจ
“ฉันไม่ยอมแพ้ เรามาถึงขั้นนี้แล้ว เราต้องมีทางออก”
“ทางออกคือหนีไป ไปจากที่นี่ ลืมเรื่องพรายพิฆาต ลืมเรื่องโลกใหม่และใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา”
กรณ์ทำใจไม่ได้
“หัวหน้า…เราอยู่ในสมรภูมิมาตลอดชีวิต มันควรพอได้แล้ว”
กรณ์จะหันมาบอกอะไรกับเอมี่ แต่แล้วก็เห็นเธอนิ่งไป มือที่เคยกุมมือเขาเอาไว้ร่วงลงข้างตัว กรณ์น้ำตาซึม…เหม่อมองไปด้วยแค้น

สมุนกรณ์บางคนที่ไม่ถูกยิงศีรษะ กำลังกลายร่างเป็นซอมบี้และถูกหน่วยจู่โจมใช้ปืนตาข่ายยิงครอบไว้ สิงหาโผล่เข้ามายิงซ้ำที่หัวจนดับ
“ถ้าเจอศพที่ไม่ได้ตายเพราะไวรัส หรือยังตายไม่สนิทให้ยิงซ้ำที่หัวได้เลย ไม่ต้องรอ”
หัวหน้าทีมไม่สบายใจ
“จะดีเหรอครับสารวัตร”
“พวกมันไม่ใช่คน มันตายไปแล้ว”
พวกหน่วยจู่โจมมองหน้ากันอย่างลังเล ศพของสมุนกรณ์สภาพไม่เหมือนคนจริงๆ บางรายถูกยิงจนพรุนแต่ยังตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น

สมุนกรณ์วิ่งหนีตายออกมาจากอาคารร้าง พบหน่วยจู่โจมอีกชุดที่เข้ามาสมทบจากข้างนอกกรูเข้ามารุมล้อม สมุนพากันทิ้งอาวุธและคุกเข่ายอมมอบตัว ไมตรีกับปรีดาถือเครื่องยิงระเบิดไวรัสตามมาดู ไมตรีหัวเราะหยัน
“ฮ่าๆ นึกว่าจะแน่ พอเจอไวรัสเข้าไปละหายซ่ากันหมด กลัวตายเป็นแล้วสิท่า”
ปรีดาพูดวิทยุสื่อสาร
“สารวัตร พวกที่เหลือยอมแพ้แล้วครับ”
สมุนของกรณ์พากันมองระเบิดแก๊สไวรัสด้วยความหวาดกลัว พวกมันไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้ว

รถบรรทุกของมาดามหลิวแล่นมาจอดที่ลานจอดของโรงพยาบาล ฤทธิ์ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วในขณะนั้นลงจากรถมาดูที่ท้ายรถ เขาเปิดประตูออก เห็นไอริณกำลังนั่งหลับอยู่ในอ้อมแขนของณัฐชา ขณะที่ศพของลูกสาวพ่อค้ายายังนอนอยู่บนเตียง ฤทธิ์รีบถาม
“ไอริณเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันใช้พลังที่เหลือรักษาเธอ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว”
“ถ้างั้นคุณจะอยู่ในร่างของณัฐชาอีกนานแค่ไหน”
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่เหลือพลัง ที่จะแบกร่างของใครอีกแล้วตอนนี้คงต้องพักก่อน”
ฤทธิ์แปลกใจ
“พักเหรอ”
“ที่ผ่านมาฉันคิดว่าตัวเองเป็นอมตะ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป และคิดว่าตัวเองคือพระเจ้าของโลกใหม่” ณัฐชายิ้ม “แต่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าถ้าฉันตายไปแล้ว จิตวิญญาณของฉันจะไปอยู่ที่ไหน...ฉันอาจไม่ได้กลับมาอีก ฤทธิ์ ราวี ฝากดูแลศพของฉันด้วย บอกเจ้าหน้าที่ว่าให้แช่แข็งเอาไว้แต่ห้ามฉีดยาอะไรทั้งนั้น”
ฤทธิ์มองไอริณที่อยู่ในอ้อมแขนของณัฐชาก็ยอมพยักหน้า
“ถ้างั้นเราหายกัน”

ณัฐชาพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ดวงจิตของพรายพิฆาตล่องลอยออกจากร่างไป

สิงหาเดินร้อนรนเข้ามาในโรงพยาบาล พบฤทธิ์นั่งพักอยู่อย่างอ่อนล้า
“คุณไอริณกับณัฐชาเป็นยังไงบ้าง”
“หมอบอกว่าปลอดภัยทั้งสองคน ไม่ต้องเป็นห่วง”
สิงหาหย่อนตัวลงนั่งอย่างโล่งใจ ฤทธิ์ยื่นมือให้เขา
“ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปช่วย ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงเสร็จมันแน่”
“ผมไม่จับมือกับฆาตกรหรอก”
“จนป่านนี้คุณยังคิดแบบนั้นอีกเหรอ”
“ถ้าชาวบ้านทุกคนตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยแบบนคุณกันหมด คุณคิดว่ามันถูกแล้วหรือไง”
“แปลว่าเสร็จงานนี้เมื่อไหร่คุณจะจับผม”
“ทันทีที่จัดการกับไอ้กรณ์ และพรายพิฆาตได้สำเร็จ”
ฤทธิ์พยักหน้าปลงๆ ก่อนจะเหลือบเห็นปรีดาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน
“ขอรายงานครับสารวัตร”
“ว่ามา”
“คนของเราพบศพของเอมี่ที่ริมแม่น้ำครับ แต่ไม่เจอไอ้กรณ์”
สิงหาอึ้งก่อนจะมองฤทธิ์
“แล้วทีนี้คุณคิดว่าเราจะตามหาตัวมันได้ที่ไหน”
ฤทธิ์คิดสักครู่ก่อนจะส่ายหน้า
“มันจะมาหาเราเอง เร็วๆนี้”
สิงหาอึ้งไป ขณะที่ปรีดามองไปรอบๆอย่างหวั่นๆ ส่วนฤทธิ์มองเหม่ออย่างลุ้นรอ

กรณ์ย้อนกลับมาที่อาคารร้างในสภาพอ่อนล้า บัดนี้ในอาคารร้างถูกเคลียร์เรียบร้อยไม่เหลือศพของใครอีก
“นักสู้มหากาฬ พรายพิฆาต พวกแกจะต้องชดใช้”
กรณ์คำรามด้วยความแค้นก่อนจะชะงักไป มันทรุดลงตาค้างก่อนจะกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา กรณ์สำลักเลือดออกมาอีกหลายครั้งแล้วนอนแผ่ลงอย่างเจ็บปวด เขารีบเลิกแขนเสื้อเพื่อดูข้อมือตัวเองและพบว่าเริ่มมีอาการติดเชื้อ
“ไวรัส นี่เราโดนไวรัสตั้งแต่เมื่อไหร่” กรณ์อึ้ง
ผิวหนังของกรณ์เริ่มอักเสบมากขึ้น ร่องรอยของการติดเชื้อแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว เขาคำรามด้วยความเจ็บปวด
“ไม่...เราต้องไม่ตายแบบนี้ เราต้องไม่ตาย”
กรณ์หายใจติดขัดแต่ยังแข็งใจลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกางฝ่ามือออกเพื่อรวบรวมพลัง เขายกฝ่ามือที่เริ่มเรืองแสงจ่อเข้าที่หน้าผากของตัวเอง
“ข้าจะรักษาตัวเองให้ได้ ข้าต้องหาย ข้าต้องเป็นอมตะ”
กรณ์แผดร้องก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่ตัวเอง

ณัฐชานอนอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เธอสะดุ้งตื่นขึ้นเหมือนคนฝันร้ายรีบลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดมองไปรอบตัวอย่างงุนงง
“ห้องเดิมนี่หว่า นี่เรากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ณัฐชาครุ่นคิด “โทมัส ไอริณ”
ณัฐชากระชากสายน้ำเกลือออกจนขวดน้ำเกลือหล่น เธอรีบโผเผไปที่ประตู ฤทธิ์เปิดเข้ามาพอดี
“โทมัส”
ฤทธิ์ยิ้มก่อนจะรวบตัวณัฐชามากอดอย่างแนบแน่น
“เบาๆก็ได้ ฉันหายใจไม่ออก”
“คุณไม่รู้หรอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่คุณปลอดภัย”
“ฉันก็เหมือนกัน” ณัฐชายิ้ม
“เรารอดทั้งคู่ แล้วไอริณล่ะ”
“เธอรอคุณอยู่”

ไอริณนั่งเอนอยู่บนเตียง เธอยิ้มอย่างอ่อนแรงเมื่อเห็นฤทธิ์พยุงณัฐชามาเยี่ยม
“ไอริณ” ณัฐชาดีใจ
ไอริณก็ดีใจไม่แพ้กัน
“ณัฐชา”
ณัฐชานั่งคุยอยู่ที่ข้างเตียงของไอริณ โดยมีฤทธิ์นั่งรออยู่ห่างๆ
“มันเหมือนฝันร้ายไม่มีผิด เธอว่ามั้ย ตอนที่พรายพิฆาตสิงร่างฉัน ฉันแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้าง”
“ก็ดีแล้วล่ะไอริณ ที่จำได้ เธอก็ควรลืมมันซะ เมื่อมันผ่านไปแล้ว เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”
ไอริณมองฤทธิ์
“แล้วพรายพิฆาตจะกลับมาอีกรึเปล่าคะคุณโทมัส”
ฤทธิ์หนักใจ
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ผมภาวนาขออย่าให้เขากลับมาอีก”
ณัฐชากับไอริณมองหน้าและจับมือกันอย่างหวั่นใจ

ศพของลูกสาวพ่อค้ายาถูกนำมาเก็บในห้องดับจิต ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะกลับออกไป
ประตูถูกปิดลงตามเดิม ร่างของลูกสาวพ่อค้ายายังคงแน่นิ่ง ไม่มีอะไรผิดปกติ

ท่ามกลางบรรดาตำรวจที่ยืนมุงกันอยู่ในล็อบบี้กองปราบ เมธาเดินมาดูเหตุการณ์และพบว่าขณะนั้นหน่วยจู่โจมกับไมตรีกำลังนำสมุนของกรณ์สิบกว่าคนมาคุมขังที่กองปราบ
“จ่า” เมธาเข้ามาหาไมตรี
“ครับท่าน”
“คุณพาพวกนี้มาทำไม”
“ทางเรือนจำยังเคลียร์พื้นที่ไม่ได้ครับ ก็เลยให้เราดูแลไปก่อน”
เมธาพูดเบาๆเครียดๆ
“แต่พวกนี้มันไม่ใช่คนนะ คุณก็รู้นี่”
“ครับท่าน ผมจะระวังอย่างเต็มที่”

เมธามองไปที่สมุนของกรณ์ ที่โดนหน่วยจู่โจมต้อนไปห้องขังอย่างหวั่นใจ

จบตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น