หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 7
ในวันเดียวกันนั้น รุจรวีกำลังดูแลลูกค้าในสปาหรูของตน มีลูกค้ามักคุ้นเดินเข้ามา
“อ้าว คุณพี่หญิง สวัสดีค่ะ วันนี้ทำอะไรดีคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ คุณรวี” คุณหญิงเปิดประเป๋าหยิบเช็คเอามายืนให้ “พี่แวะเอาเช็คมาคืน ไหน
บอกว่าเช็คมันไม่มีสปริงแน่นอนไงค่ะ แล้วทำไมถึงเด้งได้”
รุจรวีทำหน้าตกใจ ลากคุณหญิงออกมาให้ห่างผู้คน
“ใจเย็นนะคะพี่หญิง คงมีอะไรผิดพลาดแน่ เอางี้เดี๋ยว ดิฉันจะโทร.ไปคุยกับทางแบงค์เอง แล้วจะโทร.เรียนคุณพี่ดีมั้ยค่ะ”
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก มันไม่มีอะไรผิดพลาดอยู่แล้วถ้าคุณมีเงินในบัญชีพอ” คุณหญิงไม่ไว้หน้า
รุจรวีรู้อยู่แต่ต้องแถรับหน้าต่อไป “แหมคุณพี่ขา พอดี ตอนนี้ หุ้นบนพอร์ทมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ดิฉันจะรีบเคลียร์ให้เร็วที่สุดนะคะ เอาอย่างนี้แล้วกันคะ” หันไปหาหนักงาน “หนูจ๋า...มานี่เร็ว...พาคุณพี่หญิงไปนวดหน้า แล้วก็อบตัวด้วยนะ ทำให้สุดฝีมือเลยนะ” หันมาจิ๊จ๊ะเอาใจคุณหญิง “ดีมั้ยคะ คุณพี่ วันนี้บริการฟรีทุกอย่างค่ะ”
พนักงานพาคุณหญิงออกไป รุจรวีรีบควักโทรศัพท์ออกมากดโทร. อย่างร้อนใจ
“เป็นไงบ้าง...อะไรกัน แดงทั้งกระดานเลยเหรอ ไหนว่าหุ้นตัวนี้ดีไง งั้นก็ขายทิ้งไปแล้วกัน ขาดทุนสามแสนยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย”
รุจรวีกดวางสายในท่าทีหงุดหงิด
“นี่” หันมาเรียกพนักงานอีกคนในร้าน “เดี๋ยวพอยายคุณหญิงนั้นเสร็จ ก็ปิดๆ ร้านเลยนะ อ้อ...แล้วพรุ่งนี้ถ้ายายคุณหญิงมาอีก ก็บอกว่า ฉันไม่อยู่สามสี่วัน”
“คุณรวี จะไปไหนคะ”
รุจรวีไม่ตอบเดินตัวปลิวออกไปเลย
แพทนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่ง เตอร์เอากาแฟมาให้
“เมื่อไหร่จะเลิกทำหน้างอเป็นมะเหงกอย่างนี้ซะทีจ๊ะหล่อน”
แพทบ่นบ้าตามประสา แน่นอนว่าโจทก์คือ พีท พิรภพ คนเดียวคนเดิม “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าอีตาบ้านั่นเค้าเป็นคนยังงัยกันแน่ บางครั้งก็ดี แต่ส่วนใหญ่จะเล๊วเลว”
“คุณพีทเค้าจะเป็นคนยังงัยฉันก็ไม่รู้หรอกนะ รู้แต่ว่าเค้าเป็นคนหล๊อหล่อ”
พลางเตอร์ทำท่าเคลิ้มฝันประกอบ ประตูร้านเปิดธาริศเดินเข้ามา เตอร์ชะงัก ตาแทบถลนออกนอกเบ้า เพ้อต่อ
“หล่อ....หล่อมว๊ากก...”
แพทหันไปมองตาม ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณธาริศ!”
ธาริศเห็นแพทเข้าพอดี ยิ้มให้แล้วเดินมาหา
“คุณแพท โลกกลมจริงๆ เลย”
“คุณธาริศมาทำไมที่นี่คะ มีอะไรหรือป่าว”
ธาริศงง “เปล่านิ ผมขับรถผ่านมา อยากดื่มกาแฟสักแก้วพอดี แล้วคุณล่ะครับ”
เตอร์เสนอหน้าทันที “ถ้างั้นรอเดี๋ยวนะฮะ เดี๋ยวเตอร์ชงกาแฟให้สุดฝีมือเลย ยายแพทเธอไปเอาเค้กฝีมือเธอมารับแขกซิ ไปเร็วๆ”
เตอร์รีบร้อนไปชงกาแฟไวว่อง
เฉิดโฉมกับเชอรี่เดินจะเข้าร้านกาแฟเตอร์ แต่แล้วเฉิดโฉมก็ชะงัก ร้องเสียงดัง
“ว้าย”
เชอรี่สะดุ้ง ร้องตาม “ว้ายๆๆๆ” แล้วตั้งสติได้ “มีอะไรเหรอเฉิด”
“เธอดูนั่น”
เฉิดโฉมชี้เข้าไปในร้านกาแฟ เห็นแพทเอาจานใส่เค้กมาเสิร์ฟให้ธาริศ โดยธาริศยิ้มขอบคุณ แล้วถามอะไรแพท 2-3 คำ แพทหัวเราะชอบใจ
เฉิดโฉมคำราม “คุณธาริศกับนังนั่นอยู่ด้วยกันได้ยังไง”
ในร้านเห็นแพทลงนั่งกับธาริศ เตอร์เอากาแฟมาเสิร์ฟให้ท่าทางสนิทสนม
เฉิดโฉมนึกได้ “ดีละ อย่างนี้เธอเสร็จฉันแน่”
เฉิดโฉมค้นกระเป๋าหาโทรศัพท์ทันที
ด้านทักษอรนอนคว่ำหน้าให้พนักงานนวดอยู่ในห้องสปา อย่างสบายๆ เสียงโทรศัทพ์ดัง มีแมสเสจเข้ามาดังต่อเนื่องหลายที จนอรทักษอรชักรำคาญ ยกมือให้พนักงานส่งโทรศัทพ์เข้ามาให้
“โอ๊ย อะไรกัน”
ทักษอรกดดู แล้วลุกพรวดขึ้นทันทีที่เห็นรูป แพทกับธาริศ หัวเราะกันเริงร่าอยู่ที่ร้านกาแฟ
ที่ด้านนอกร้านกาแฟอีกมุม เฉิดโฉมคุยโทรศัทพ์กับทักษอรอยู่ตรงนั้น เชอรี่คอยฟังอยู่ด้วยอย่างอยากรู้อยากเห็น
“อุ๊ย คุณอรเห็นรูปที่ส่งไปให้แล้วเหรอค่ะ เร็วจัง”
“รูปที่เธอส่งมามันคืออะไร” ทักษอรคาใจ
“ก็ตามที่เห็นนั้นแหละค่ะ เฉิดมาที่ร้านกาแฟแล้วก็เจอภาพเด็ด... คุณธาริศนะ ก็คงยิ้มรับไปตามมารยาท แต่ผู้หญิงซิค่ะ หูตาแพรวพราวเหลือเกิน เฉิดบอกแล้ว ว่าสาวๆ ตระกูลนี้ไม่ธรรมดาหรอก ยายหลานจับคุณพีทจนอยู่แล้ว ที่นี่ก็เหลือแต่น้าสาว ยังไม่มีใครเอาซักที คุณอรรู้มั้ยว่าว่าเค้าลือกันให้แซด ว่ายายน้านะท้องไม่พ่อ ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเด็กอะตอมเป็นใคร ใครจะถามยังไง ยายนี้ก็ไม่เคยปริปาก...แม่ม่ายใบเลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกคนเดียว ตอนนี้ก็คงกำลังกวาดตาหาใครซักคนมาช่วยอุปถัมภ์อยู่ เผลอๆ เรื่องที่คุณธาริศช่วยเด็กอะตอมที่คอกม้า อาจจะเป็นแผนยายแพทใช้เด็กเป็นสะพานก็ได้ แม่ที่ไหนจะกันปล่อยลูกให้มาเล่นที่คอกม้าคนเดียว จริงมั้ยคะ”
ทักษอรไขว้เขวเริ่มกังวลไปกับคำพูดให้ร้ายแพทของเฉิดโฉม
ฝ่ายเฉิดโฉมยิ้มสะใจ ขณะกดโทรศัทพ์วาง
เชอรี่บ่น “เฉิด...มันสนุกตรงไหน เนี่ย ฉันยังนึกไม่ออกเธอทำแบบนี้แล้วได้อะไร”
“ก็มันเป็นน้าสาวนังรัญไง มันก็เท่ากับศัตรูของฉัน อะไรที่ทำให้ครอบครัวนี้เดือนร้อนมันก็สะใจฉันทั้งนั้น อีกอย่าง แกคิดดู มันจะฉาวโฉ่กันแค่ไหนถ้าน้องสะใภ้เกิดอาละวาดหึงหวงว่าน้าสาวแฟนมาแย่งน้องชาย คุณพีท คุณพีทอาจจะเลิกอยากแต่งงานกับยายรัญธิดาหน้าจืดคนนั้นก็ได้จริงมั้ย”
เชอรี่คิดตาม “แหมเธอนี่นังมารร้ายของจริงเลยนะเฉิด เลวไม่มีที่ติจริงๆ ฮะๆๆๆ”
เฉิดโฉมงงนิดๆ ว่าเชอรี่ชมจริงหรือเปล่า? แต่ที่สุดก็ร่วมหัวเราะไปด้วย
ส่วนในร้านกาแฟ ธาริศลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนจะกลับ ขนมและกาแฟหมดไปแล้ว
“ขอบคุณมากนะครับคุณเตอร์ คุณแพท กาแฟกับเค้กของคุณนี่อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ”
แพทส่งกล่องเค้กให้
“ต้องขอบคุณ คุณธาริศมากกว่าค่ะที่แวะมาอุดหนุน เค้กในกล่องนี้ฝากไปให้คุณทักษอรชิมด้วยนะคะ” แพทบอก
“ขอบคุณมากนะครับ อรคงจะชอบแน่ๆเลย”
ธาริศรับกล่องเค้กมายิ้มให้แพทอย่างแจ่มใส จู่ๆ ประตูร้านเปิดออกเต็มแรงทักษอรหน้าบึ้งตึงยืนอยู่
“พี่ธาริศ”
ทุกคนหันไปมอง
“อ้าว อร มาได้ยังงัย ไหนว่าวันนี้จะอยู่สปาทั้งวันไง”
“เปลี่ยนใจแล้วค่ะ”
“แล้วอรรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ที่นี่ พี่ผ่านมาแวะกินกาแฟไม่ยักรู้ว่าคุณแพทเป็นหุ้นส่วนที่นี่ด้วย” ธาริศว่า
“ดื่มอะไรเย็นๆ หน่อยมั้ยคะคุณอร เดี๋ยวดิฉันเอาขนมเค้กมาให้ชิม” แพทยิ้มแย้ม
“ไม่! อรไม่ชอบกินเค้ก มันเลี่ยน กลับกันหรือยังค่ะ อรมารับพี่ธาริศกลับ”
แพทแอบมองหน้ากันกับเตอร์รู้สึกว่าทักษอรพูดแปลกๆ
“คุณอรน่ารักจังนะฮะ คงกลัวว่าคุณธาริศคงหาทางกลับรีสอร์ทไม่ถูก” เตอร์แหลมขึ้น
“อ๋อเปล่าค่ะ พี่ธาริศคงไม่หลงทางง่าย ๆ” ทักษอรมองหน้าแพทโดยเฉพาะ ขณะพูด “แต่หลงอย่างอื่นน่ะไม่แน่..ยิ่งถ้ามีพวกแมวขโมยที่คอยจ้องอยู่อย่างนี้ยิ่งน่ากลัว”
พูดจบทักษอรรีบคล้องแขนธาริศแสดงความเป็นเจ้าของ
“ไปค่ะ พี่ริศ”
ทักษอรลากธาริศออกไปจากร้าน โดยที่ธาริศไม่ทันพูดอะไร
เตอร์ทนไม่ไหว “นี่เค้าหมายถึงใครที่เป็นแมวขโมย ฉันหรือเธอ”
แพทอึ้งพูดไม่ออกให้เตอร์เงียบ บรรยากาศตึงเครียด ธาริศหันมายิ้มให้แพทเป็นเชิงขอโทษ
รถธาริศเข้ามาจอดหน้าบ้านพีก ทักษอรลงจากรถหน้าบูดบึ้ง ธาริศเดินตามลงมา
“เดี๋ยว อร ผมไม่ชอบเลย เมื่อกี้ที่ร้าน ทำไมอรถึงพูดแบบนั้นกับคุณแพท”
“อรพูดผิดตรงไหน ก็เค้าตั้งใจจะอ่อยพี่ธาริศ”
“นี่อร คิดแบบนั้นได้ยังไง คุณแพทมีลูกแล้วนะ ก็อะตอมยังไง”
“มีลูก แต่ไม่มีสามี ใครจะรู้เค้าอาจจะมาหาแถวนี้ก็ได้”
ธาริศคาดไม่ถึง “อร”
ธาริศอึ้ง เด็กรับใช้ที่ทางรีสอร์ตส่งมาคอยดูแลสองคนหอบกระเป๋าเข้ามา
“กระเป๋าได้แล้วค่ะ”
“เอาไปใส่รถ” ทักษอรสั่ง
“นี่ อรจะไปไหน” ธาริศงง
“ไม่ใช่อร แต่เราค่ะ อรให้เด็กเก็บข้าวของให้พี่หมดแล้ว เราจะกลับกรุงเทพฯกัน”
“อย่าทำแบบนี้ซิอร” ธาริศบอกกับเด็ก “เอาของไปเก็บ”
เด็กเอาของลงจากรถ
“เอาไปใส่รถ” ทักษอรสั่งอีก
เด็กหยิบของขึ้นรถ
ธาริศสั่งเสียงแข็ง “ฉันบอกให้เอาไปเก็บไง”
คราวนี้เด็กนิ่ง เอากระเป๋าวางที่พื้น เพราะเหนื่อย
“เราจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้น” ธาริศบอกเสียงขุ่น
“ที่พี่ธาริศอยากอยู่ที่นี่ เพราะเริ่มหลงเสน่ห์มันแล้วใช่มั้ย เห็นมั้ยล่ะ สิ่งที่อรคิดคือเรื่องจริง ทั้งนั้น พี่ธาริศทำแบบนี้ได้ยังไง”
ทักษอรเข้าไปตีธาริศ เด็กรับใช้ตาโต แล้วรีบเดินหนีอย่างไว
ธาริศรวบมืออรไว้ “เดี๋ยวซิ ฟังผมก่อน”
“ไม่ อรไม่ฟัง พี่ธาริศนอกใจอร”
จังหวะนี้เสียงรุจรวีดังแทรกเข้ามา
“ถ้าตาธาริศทำแบบนั้น แม่นี่แหละจะเป็นคนจัดการเอง”
ทั้งสองคนชะงักหันไปเห็น รุจรวี เดินเข้ามาพร้อมพีท
“คุณแม่” สองคนอุทาน
ตรงลานสวยๆ ในรีสอร์ต พีทชี้ให้ดูที่ดินบริเวณนั้น
“ตรงนี้ไง ที่พี่อยากสร้างบ้านพักเพิ่ม พี่คุยกับธาริศไว้คร่าวๆ แล้วเรื่องคอนเซ็ปท์ที่ต้องการ”
“อรก็รู้อยู่แล้ว ว่าพี่มาที่นี่ก็เพราะต้องทำงานให้พี่พีท”
“แต่อรไม่อยากให้ทำแล้ว” ทักษอรโพล่งขึ้น
ทุกคนอึ้ง
“อร...รีสอร์ทของเรากำลังขยายนะจ๊ะ...ถ้าอรไม่ให้ธาริศช่วยพี่ พี่ก็คงต้องไปพึ่งคนอื่น นอกจากนี้ก็ยังมีที่ข้างหน้ารีสอร์ทที่พี่อยากทำเป็นมอลล์เล็กๆ มีร้านค้า ร้านอาหาร แล้วก็ร้านขายกาแฟ เค้กให้นั่งสบายๆ วันนี้พี่ถึงให้ธาริศลองไปสำรวจร้านกาแฟแถวๆ นี้ รวมทั้งร้านของคุณแพทด้วย จะได้เอาไว้เป็นตัวอย่าง”
พีทร่ายยาว ธาริศงงๆ พีทเลยแอบขยิบตากับธาริศส่งซิกให้รู้ว่าจะช่วย ธาริศรีบเออออ
“ครับๆ ผมไปเพราะพี่พีทบอก...และก็ไม่รู้ด้วยว่าร้านนั้นเป็นของเพื่อนคุณแพท” ธาริศเหลือบมองทักษอรให้รู้ว่าที่ไปกับแพทเพราะอะไร ทักษอรรับทราบแต่ยังคอแข็ง “ร้านแถวนี้สวยดีนะพี่พีท ถ้าทางจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเรา”
รุจรวีเคลียร์ “อ๋อ เข้าใจแล่ะ เป็นแบบนี้เอง สรุปว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น สบายใจได้แล้วใช่มั้ยลูกอร”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี” ทักษอรเชิดๆ ไม่ค่อยยอมรับ
“งั้นก็สรุปว่า ตาธาริศคงอยู่ที่นี่ต่ออีกพักเพื่อช่วยงานพีท ดีจริง งั้นก็อย่าเพิ่งรีบกลับเลยนะหนูอร อากาศที่นี้ดีจะตาย แม่ก็เพิ่งจะมา อยู่กับแม่ก่อนนะจ๊ะ...แม่อยากพักผ่อนที่นี้สักระบะหนึ่ง นะลูกนะ”
“ก็ได้ ค่ะ อรเห็นแก่คุณแม่นะคะ
รุจรวียิ้มเอาใจทักษอร
“ไหน พาแม่ไปดูบ้านพักหน่อยซิจ๊ะ....ตาพีท เดินนำซิหลาน”
รวีลากแขนทักษอรออกไป พีทตบไหล่ธาริศเบาๆ แล้วตามไป ธาริศยืนถอนใจ ทั้งอึดอัด และคับแค้นใจ
เวลาเย็นจวนค่ำแพทขับรถมาจอดหน้าบ้าน รัญกับแพท อะตอมลงจากรถ ถือถุงข้าวของมาด้วย กลับจากจ่ายตลาด เห็นพีทรออยู่หน้าบ้านหน้าบึ้ง รัญธิดาเดินเข้ามาหา
“คุณพีท มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่โทร.มาบอกก่อนล่ะคะ”
พีทหันมาใส่แพททันที “นี่คุณ วันหลัง ทำอะไรก็ระวังหน่อย เจ้าของเค้าหวง ธาริศน่ะแต่งงานแล้วนะ”
รัญธิดาสะดุ้ง คิดว่าพีทว่าตัวเอง
“คุณพีทหมายถึง...”
“ถามน้าสาวคุณดีกว่า”
แพทหันไปบอกอะตอมไม่อยากทะเลาะต่อหน้าลูก
“ตอมไปวิ่งเล่นกับเพื่อนก่อนนะ แม่มีเรื่องคุยกับลุงพีท”
“ฮะ”
อะตอมวิ่งออกไป แพทหันมาแว้ดใส่พีท
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ จะบ้ารึไง”
“อ้าว ก็ที่คุณชวนนายธาริศไปกินกาแฟไง อรเค้าไม่พอใจนักหรอกนะ สองคนนั้นเค้าทะเละกันใหญ่โตเลย”
แพทแหวกลับ “คุณจะบ้ารึไง ใครชวน? คุณธาริศเค้าบังเอิญแวะไป เพราะเห็นว่าร้านเตอร์มันสวยดี เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชั้นอยู่ที่นั้น...แล้วชั้นจะบอกให้รู้เลยว่า ชั้นเป็นคนมีศีลธรรม ไม่ใช่คนสิ้นคิดทำอะไรทุเรศ ๆ แบบที่คุณว่า”
“ก็ดี...ผมก็คิดว่าน้องชายผม รู้จักอะไรควรไม่ควร คุณอรเค้าไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าคิดจะแย่งสามีคนป่วยนี้แย่มากนะคุณ” พีทกัด
รัญธิดาถึงกับชะงักรู้สึกกระตุกหัวใจขึ้นมาวูบหนึ่ง
แพทควันออกหูโกรธจัด “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ออกจากบ้านชั้นก่อนที่ชั้นจะฆ่าคุณ”
แพทปรี่จะเข้าไปจะเอาเรื่อง รัญธิดารู้สึกตัวรีบดึงแพทไว้
“น้ารัญ อย่าค่ะ”
“มาห้ามน้าทำไม รัญไม่ได้ยินเค้าพูดเหรอ ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว”
“นี่คุณโกรธมากๆ ระวังหน้ามืดนะ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแล้ว อีกอย่างถ้าคุณไม่ได้ทำก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน ผมแค่มาเตือนคุณด้วยความหวังดีก็เท่านั้นเอง”
แพทยิ้มให้ “งั้นฉันก็คงต้องขอบคุณคุณซินะ”
แพทยิ้มหวาน แต่แล้วก็ควักผักที่อยู่ในถุง ทั้งแครอท ผักสดๆ ออกขว้างใส่พีททันที พีทต้องหลบให้วุ่น รัญธิดาคอยห้าม
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 7 (ต่อ)
เวลาเย็นจวนค่ำแพทขับรถมาจอดหน้าบ้าน รัญกับแพท อะตอมลงจากรถ ถือถุงข้าวของมาด้วย กลับจากจ่ายตลาด เห็นพีทรออยู่หน้าบ้านหน้าบึ้ง รัญธิดาเดินเข้ามาหา
“คุณพีท มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่โทร.มาบอกก่อนล่ะคะ”
พีทหันมาใส่แพททันที “นี่คุณ วันหลัง ทำอะไรก็ระวังหน่อย เจ้าของเค้าหวง ธาริศน่ะแต่งงานแล้วนะ”
รัญธิดาสะดุ้ง คิดว่าพีทว่าตัวเอง
“คุณพีทหมายถึง...”
“ถามน้าสาวคุณดีกว่า”
แพทหันไปบอกอะตอมไม่อยากทะเลาะต่อหน้าลูก
“ตอมไปวิ่งเล่นกับเพื่อนก่อนนะ แม่มีเรื่องคุยกับลุงพีท”
“ฮะ”
อะตอมวิ่งออกไป แพทหันมาแว้ดใส่พีท
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ จะบ้ารึไง”
“อ้าว ก็ที่คุณชวนนายธาริศไปกินกาแฟไง อรเค้าไม่พอใจนักหรอกนะ สองคนนั้นเค้าทะเละกันใหญ่โตเลย”
แพทแหวกลับ “คุณจะบ้ารึไง ใครชวน? คุณธาริศเค้าบังเอิญแวะไป เพราะเห็นว่าร้านเตอร์มันสวยดี เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชั้นอยู่ที่นั้น...แล้วชั้นจะบอกให้รู้เลยว่า ชั้นเป็นคนมีศีลธรรม ไม่ใช่คนสิ้นคิดทำอะไรทุเรศ ๆ แบบที่คุณว่า”
“ก็ดี...ผมก็คิดว่าน้องชายผม รู้จักอะไรควรไม่ควร คุณอรเค้าไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าคิดจะแย่งสามีคนป่วยนี้แย่มากนะคุณ” พีทกัด
รัญธิดาถึงกับชะงักรู้สึกกระตุกหัวใจขึ้นมาวูบหนึ่ง
แพทควันออกหูโกรธจัด “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ออกจากบ้านชั้นก่อนที่ชั้นจะฆ่าคุณ”
แพทปรี่จะเข้าไปจะเอาเรื่อง รัญธิดารู้สึกตัวรีบดึงแพทไว้
“น้ารัญ อย่าค่ะ”
“มาห้ามน้าทำไม รัญไม่ได้ยินเค้าพูดเหรอ ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว”
“นี่คุณโกรธมากๆ ระวังหน้ามืดนะ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแล้ว อีกอย่างถ้าคุณไม่ได้ทำก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน ผมแค่มาเตือนคุณด้วยความหวังดีก็เท่านั้นเอง”
แพทยิ้มให้ “งั้นฉันก็คงต้องขอบคุณคุณซินะ”
แพทยิ้มหวาน แต่แล้วก็ควักผักที่อยู่ในถุง ทั้งแครอท ผักสดๆ ออกขว้างใส่พีททันที พีทต้องหลบให้วุ่น รัญธิดาคอยห้าม
7.2-1
ด้านอะตอมนั่งเล่นอยู่คนเดียวเหงาๆ อยู่สนามเด็กเล่นลำพัง ธาริศขับรถผ่านมาเห็นเข้า จึงจอดรถลดกระจกลงแล้วทักเสียงดัง
“อะตอม”
“คุณอา!”
อะตอมยิ้มแฉ่ง แล้วก็คิดขึ้นได้ที่รัญธิดาเคยสั่งตอนเอาหุ่นยนต์มาล่อ
“เดี๋ยวพี่ให้แน่ แต่ตอมต้องรับปากก่อนว่าจะไม่เจอแล้วก็ห้ามคุยกับเค้าอีกเด็ดขาด”
คิดแล้วอะตอมปิดปาก รีบก้มหน้า เดินหนี
“อ้าว อะตอมจะไปไหน วันนั้นยังไม่รู้เลยนะ ว่าใครแพ้ใครชนะ ไปเตะฟุตบอลกันต่อมั้ย”
อะตอมตาวาว แล้วก็ตัดใจส่ายหน้า
“ทำไมไม่พูดกับอาล่ะ แบบนี้อาจะรู้ได้ไงว่าอะตอมจะเอายังไง”
“พูดไม่ได้ฮะ พี่รัญให้ผมรับปากจะไม่พูดกับคุณอา”
ธาริศชะงักขมวดคิ้ว ไม่พอใจทันที แล้วก็คิดได้
“ตรงนี้ ก็ไม่เห็นมีพี่รัญสักหน่อยจริงมั้ย ถ้าอาไม่บอก อะตอมไม่บอก แล้วใครจะรู้ เราสองคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
เด็กชายอะตอมเริ่มคิดหนัก
ธาริศอ้อน “อากำลังเหงามากเลยนะ และอาก็คิดถึงอะตอม ตั้งใจจะชวนอะตอมไปกินไอศกรีมด้วยกัน ไอศกรีมถ้วยโตๆ นะ บีบวิปครีมขาวๆ ลงไป แล้วก็ราดช็อโกเลตลงไปหน่อยนะ อื้อฮือ แต่สงสัยคงต้องกินคนเดียวเสียแล้ว เพราะอะตอมคงไม่กับอาใช่มั้ย”
อะตอมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ด้วยความอยากกิน
เวลาต่อมาพนักงานเอาไอศกรีมถ้วยใหญ่มาเสิร์ฟ 2 ถ้วย อะตอมตาลุกขยับเข้าหาถ้วยไอศกรีม ธาริศเองก็ชอบใจเช่นกัน
น่าแปลกที่อาการที่กินไอศกรีมของสองคน ก็คล้ายกัน เอียงคอนิดๆ เหมือนกัน หยิบเชอร์รี่มากินก่อนพร้อมๆกัน วางก้านไว้ข้างจาน ลักษณะเดียวกัน แล้วเริ่มตักไอศกรีมพร้อมกัน
อะตอมตักคำใหญ่ๆ เข้าปาก “อร่อยที่สุดในโลกเลยครับอาธาริศ”
ธาริศวางมือจากไอศกรีม มองอะตอมอย่างเอ็นดู และลูบหัวอะตอมเบาๆ อะตอมกินต่อย่างมีความสุข
ธาริศมองยิ้มๆ ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเอ็นดูเด็กคนนี้นัก เรื่องกลุ้มๆ ทุกข์ใจ ที่ผ่านมาเมื่อกี้ไม่เหลืออยู่ในหัวแล้ว
ค่ำแล้ว แพทยืนรออยู่หน้าบ้าน หน้าตาร้อนใจ เพราะปรากฎว่าอะตอมหายตัวไปอีกแล้ว
“ไปเล่นถึงไหนนะ แถวนี้ก็ไม่มี”
รัญธิดาวิ่งเข้ามาพร้อมพีท
“ที่สนามเด็กเล่นก็ไม่มีค่ะ น้าแพท”
แพทหน้าซีดเผือด
“ที่บ้านตาตั้มก็ไม่มี น้าไม่น่าปล่อยให้แกไปคนเดียวเลย”
พีทบอก “เอางี้เดี๋ยวผมขับรถออกตามให้”
แพทเริ่มพาล “เพราะคุณคนเดียว ถ้าคุณไม่มาพูดเรื่องบ้าๆ นั้น ฉันก็คงไม่ต้องไล่อะตอมให้ไปเล่นที่อื่น”
“อ้าว นี่มาโทษผมงั้นเหรอ”
“ก็หรือไม่จริงล่ะ”
รัญธิดาทุกข์ใจ รีบเข้าห้ามทัพ “เอาล่ะคะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันอีกเลย ไปตามอะตอมกันก่อนดีกว่า”
ระหว่างนี้รถธาริศวิ่งมาจอด ธาริศลงมาพร้อมอะตอม พออะตอมเห็นแพทกับรัญธิดา ก็รู้ว่าตัวเองทำผิดก้มหน้าหลบตา
รัญธิดาตกใจ อะตอมลงมาแอบหลังธาริศแจ.....
“อะตอม” แพทตกใจระคนดีใจ
“นี่อะตอมไปกับคุณงั้นเหรอ” รัญธิดาถามทันที
“ครับ ผมเป็นคนชวนแกไปทานไอศกรีมเอง”
พีทถอนใจ “นายน่าจะบอกใครไว้สักนิดนะ คุณแพทกับรัญตกใจแทบแย่”
ธาริศมองหน้ารัญธิดาอย่างท้าทาย ขณะที่รัญธิดาหันไปมองอะตอมถามเสียงแข็ง
“อะตอมสัญญากับพี่แล้วนะ”
อะตอมก้มหน้าพึมพำเบาๆ “ขอโทษฮะ”
ธาริศหันมาทางแพท “ผมขอโทษนะครับคุณแพท ตั้งใจจะพาไปแป๊บเดียว แต่เพลินไปหน่อย ขอโทษนะครับ อย่าโกรธแกเลยนะครับคุณแพท”
“คราวหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกันนะคะ...ไม่อย่างนั้นชั้นคงหัวใจวายตายแน่ๆ” แพทบอก
“อะตอม...เข้าบ้าน”
รัญธิดาหันไปคว้าแขนอะตอมกลับเข้าไปในบ้านทันที
อะตอมจะร้องไห้ “แม่แพทครับ”
“พี่บอกให้มานี่”
แพทงงๆ ที่รัญดูโกรธมาก แต่ก็ไล่สองหนุ่มกลับไป
“เอาล่ะค่ะ หมดเรื่องแล้ว งั้นก็กลับกันไปทั้งสองคนนั้นแหละ เราจะได้อยู่กันสงบๆ เสียที ไปซิ”
แพทไล่แล้วรีบเดินตามเข้าบ้าน พีทกับธาริศยืนอึ้งๆ กันไป
รัญธิดาลากแขนอะตอมมาที่มุมหนึ่งในบ้าน
“อะตอม จำได้มั้ย พี่รัญห้ามแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ให้ไปเล่นกับผู้ชายคนนั้นอีก อะตอมผิดสัญญากับพี่ได้ยังไง”
อะตอมจะร้องไห้ “ตอมขอโทษฮะ”
“พี่บอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าทำอีก พี่จะทำโทษอะตอม...แบมือมา”
อะตอมเบะปาก แต่ก็ยื่นมือสั่นๆ ออกไป น้ำตาคลอด้วยความกลัว
รัญธิดาตีมืออะตอมแต่ไม่แรงนัก
“นี่แน่ะ...ลูกผู้ชายเค้าไม่ผิดคำสัญญากันหรอกนะ”
อะตอมร้องไห้แงๆ แพทตกใจวิ่งเข้ามา
“รัญ ตีอะตอมทำไม”
“ตีให้จำไงคะน้าแพท เที่ยวไปกับคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง ถ้าเกิดเป็นพวกผู้ร้ายที่ขโมยเด็กไปขายจะทำยังไง”
อะตอมร้องไห้ไม่หยุด
รัญธิดาดุ “หยุดร้องได้แล้ว”
“พอแล้วรัญ ที่รัญพูดมันก็ถูก น้าจะสอนแกเองว่าทำแบบนี้ไม่ได้ มันอันตราย” แพทกอดอะตอม “ไม่เป็นไรแล้วนะครับ”
“น้าแพทใจดีแบบนี้ อะตอมถึงได้ดื้อนัก พูดอะไรไม่ฟัง”
“อะตอมยังเด็ก ค่อยๆ สอนกันก็ได้”
“ค่อยๆ สอนได้หรอก กี่ครั้งแล้วที่อะตอมหายไป หนีออกจากโรงเรียนบ้าง หนีไปเข้าคอกม้าบ้าง แล้วยังครั้งนี้อีก นี่เหรอคะ ที่น้าแพทบอกว่าสอนได้น่ะ”
“พอได้แล้วรัญ...รัญลืมไปแล้วเหรอว่า น้าต่างหากที่เป็นแม่ของอะตอมไม่ใช่รัญ!”
ทุกอย่างเงียบกริบ รัญธิดามองแพทอย่างปวดร้าว แพทก็ดูมีท่าทีตกใจอย่างน่าประหลาด
แพทตะกุกตะกัก “รัญ...น้า...”
รัญธิดาน้ำตาเต็มหน้า เดินจากไปเงียบๆ อะตอมเงยหน้าขึ้นมามองคนนู้นที คนนี้ที อย่างไม่เข้าใจ
แพทเสียใจหลับตาลงอย่างปวดร้าวและทรุดตัวลงกอดอะตอมไว้สีหน้ากังวลหนัก
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 7 (ต่อ)
เช้าวันต่อมารัญธิดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แพทเดินเข้ามาหา ภายในห้องไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย รัญธิดาเงยหน้าขึ้นมามองพอดี แพทถือถุงเสื้อผ้าอะตอมเก่าๆ มาด้วย ทั้งคู่สบตากัน รัญธิดาหน้าบึ้งตึงยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่ แพทยิ้มกว้างให้อย่างเอาใจ
“รัญ ทำไมวันนี้ออกมาแต่เช้าไม่รอน้า...เดี๋ยวน้าจะชวนไป...” แพทยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ
รัญธิดาตัดบททันที “รัญมีงานต้องทำ ขอตัวก่อนนะคะ”
ว่าแล้วรัญธิดาก็ลุกขึ้น เดินหนีไป แพทยืนนิ่ง ทอดถอนใจ แล้วทำท่าจะกลับออกไป ประตูห้องเปิดออก พีทเข้ามาอย่างรีบร้อน
“รัญ!” พีทชะงักเมื่อเห็นแพท มองไปรอบห้อง “รัญธิดาล่ะครับ”
แพทพาล “ไม่ทราบ...ถ้าอยู่คุณก็ต้องเห็นแล้วสิ”
พีทเซ็งๆ “ถ้างั้นฝากคุณน้าบอกรัญด้วยก็แล้วกันว่า ผมจะออกไปดูเรื่องที่ คงไม่กลับเลยจนเย็น ไม่ต้องรอกินข้าวกลางวันก็แล้วกันนะครับ”
พีทพูดจบก็เดินออกไปเลย แพททำหน้าเซ็งบ่นงึมงำ
“ชั้นไม่ใช่แมสเซ็นเจอร์นะยะ จะได้คอยส่งเอกสารให้นาย...เชอะ”
แม่ม่ายลูกหนึ่ง หน้างอง้ำ
แพทพาตัวเองมาอยู่ที่กระต๊อบซอมซ่อเกือบพังบ้านของสุกกับลูก มีฝนมาเป็นเพื่อนด้วย แพทส่งเสื้อเด็กชุดเก่าของอะตอมให้สุก
“เสื้อผ้าแล้วก็ของเล่นพวกนี้เป็นของลูกชายฉันเอง ถึงจะไม่ใหม่แต่รับรองว่าสะอาดแล้วก็ยังใช้ได้ทุกตัว”
สุกซาบซึ้ง “ขอบคุณมากค่ะ คุณแพท”
“อีกอย่างในฐานนะที่เราเป็นแม่หมือนกัน” พลางส่งเงินจำนวนหนึ่งให้ “เอาเงินนี่ไป อาจจะไม่มากนักแต่ฉันว่าน่าจะพอให้พาลูกไปหาหมอได้”
สุกอึ้ง
“ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกฉันได้นะ เห็นฝนบอกว่าปีนี้ลูกจะเข้าโรงเรียนแล้วใช่มั้ย”
สุกรับเงินแล้วไหว้ท่วมหัวอย่างตื้นตัน พลางบอก
“คุณพูดเหมือนนาย ไม่มีผิด”
แพทชะงัก
“คือ คุณพีทก็ฝากให้ฝนมาบอกสุกแบบนี้เหมือนกัน แล้วยังฝากสตางค์มาให้ด้วยบอกให้น้าสุกเอาไปพาลูกหาหมอ
“ก็แปลกนะ ความจริงคุณพีทก็เหมือนไม่ใช่คนใจไม้ใส่ระกำแต่ทำไม ไม่รู้จักดูแล คนงานให้ดีตั้งแต่ตอนที่เค้าทำงานด้วย”
“โอ๊ย...ก็เพราะเรื่องแบบนี้ ไม่มีทางรู้ถึงหูคุณพีทหรอกค่ะ น้าเปลี่ยนแกจัดการดูแลทุกอย่างเองหมด แม้กระทั่งค่าแรง” ฝนเผลอหลุดปาก
“แล้วทำไมไม่มีใครเล่าให้คุณพีทฟัง เค้าจะได้รู้เรื่อง”
ฝนรู้ว่าหลุดปากออกมา มีท่าทีถอดใจ “จะเล่ายังไงล่ะคะ แค่น้าเปลี่ยนมองตา คนงานทุกคนก็เงียบแล้วหลักฐานอะไรก็ไม่มี แล้วจะให้เอาอะไรไปบอกคุณพีท น้าเปลี่ยนนะแกเป็นคนเก่าคนแก่มาตั้งแต่สมัยพ่อคุณพีทนะคะ”
แพทหงุดหงิด “ทุกคนก็เลยเฉย ปล่อยให้คนงานโดนกดขี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอ” หันมาพูดกับสุก “มันไม่ใช่แต่พวกเธอนะที่โดนโกง แต่คุณพีทก็โดนด้วย ปล่อยให้คนโกงอยู่ข้างตัวเค้าโดยไม่มีใครกล้าบอกอะไร ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ...น้าสุกจะต้องเล่าเรื่องนี้ให้คุณพีทฟังนะ”
สุกเงียบกริบ ไม่ตอบเหมือนเดิม
แพทคาดคั้น “รับปากชั้นสิ”
สุกหลบตา ก้มหน้าต่ำลงไปอีก คราวนี้แพทถอนใจด้วยความโมโห ลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ ตามใจฉันไม่บังคับแล้ว ฉันไปล่ะนะคะ”
สุกหลุดปากออกมา “บอกให้นายระวังตัวด้วยนะจ๊ะ”
“ระวังตัว? เรื่องอะไร” แพทฉงน
สุกอึกอัดอีก
แพทหันมาหา คาดคั้นอีก “บอกมาสิว่ามีอะไร เธอไปได้ยินอะไรมาสุก”
“คือ...ผัวฉันมันไปรับจ้างตัดอ้อยให้กำนัน...แล้วมันก็ได้ยิน...เอ่อ…”
แพทคาดคั้นหนัก “ได้ยินอะไร”
สุกเงยหน้าขึ้น ตัดสินใจจะพูดบางอย่างออกไป
ที่บ้านกำนันในเวลาเดียวกัน กำนันออกอาการเดือดดาล โกรธมากขณะย้อนถามลูกน้องที่มารายงาน
“ว่าไงนะ พวกนั้นมันตกลงขายที่ให้ไอ้พีทแล้วงั้นเหรอ”
กำนันอยู่กับลูกน้อง เปลี่ยนกับชิดนั่งอยู่ด้วย
“ครับ ได้ข่าวว่าวันนี้มันกำลังจะไปเซ็นสัญญาซื้อ ขายกันที่ไร่
กำนันหันขวับมาหาเปลี่ยนอย่างโมโห เปลี่ยนพยายามแก้ตัว
“ว่าไงไอ้เปลี่ยน”
“ไม่ไงหรอก ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย เป็นเรื่องเข้าใจผิดล่ะมั้ง ฉันจับตาดูไอ้พีทอยู่ไม่เห็นมันทำอะไรอย่างที่แกว่า”
ลูกน้องเถียง “แกแกล้งตาตาบอดมากกว่า ถึงไม่รู้ไม่เห็น คราวที่แล้วแกก็บอกกำนันแบบนี้...หรือว่า...แกเปลี่ยนใจไปอยู่ข้างไอ้พีทแล้ว”
“อ้าว เอ็งพูดอย่างนี้ก็หาเรื่องนี่หว่า”
เปลี่ยนของขึ้น ลุกยืนพรวดจะเอาเรื่อง แต่กำนันชักปืนขึ้นมา ลูกน้องที่อยู่สามสี่คน ชักปืนเล็งใส่เช่นกัน เปลี่ยนตกอยู่ในวงล้อม
“ข้าเคยเตือนเอ็งแล้วใช่มั้ยไอ้เปลี่ยน ว่าคนอย่างข้าไม่เคยเลี้ยงใครฟรีๆ”
กำนันเดินเข้าใกล้ เปลี่ยนค่อยๆ ถอยไป
“อย่านะกำนัน เรารู้จักกันมานาน ฉันทำงานให้กำนันมาก็เยอะ” เปลี่ยนยกมือไหว้ “ขอโอกาสให้ฉันอีกครั้งเถอะ”
กำนันหัวเราะชอบใจ “เอ็งกลัวตายขึ้นมาเหรอไอ้เปลี่ยน” หยุดหัวเราะกึก “แต่เอ็งคิดว่าข้าจะใจดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ ที่ตรงนั้นน่ะข้าหมายตาไว้นานแล้วว่า มันจะต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น!”
ทุกคนลุ้นระทึกว่ากำนันจะเหนี่ยวไกปืนหรือเปล่า เปลี่ยนเหงื่อแตกพลั่ก จนในที่สุดก็ไม่ยิง แต่ประกาศก้องออกมา
“งั้นเอ็งก็เลือกเอาว่าจะให้ลูกปืนกระบอกนี้มันจะเจาะเป็นหัวเอ็งหรือหัวไอ้พีท”
เปลี่ยนโล่งอก แต่มีแววตาอันโหดเหี้ยมผุดขึ้นบนใบหน้า
ตรงถนนแถวภูเขาที่ตัดผ่านไร่ข้าวโพด พีทขับรถมาตามทางในบริเวณนั้น มีธาริศนั่งมาด้วย
“ที่แถบนี้สวยมากนะครับ” ธาริศเอ่ยขึ้น
“ใช่ ใครๆก็อยากได้ โดยเฉพาะ” แววตาพีทเข้มขึ้นนิดหนึ่งขณะพูด “คนมีอิทธิพลแถวนี้ โชดคีที่เจ้าของยอมขายให้ฉัน”
“พี่พีทจะทำรีสอร์ตอีกแห่งเหรอครับ”
พีทส่ายหน้า “เปล่าหรอก...ที่อยากซื้อไร่ก็เพราะ ฉันเสียดายชีวิตชาวบ้านเดิมๆ แถวนี้ที่เค้าอยู่กันมาวะ อืม...สร้างเป็นเรือนหอน่าจะดีกว่า เลยชวนนายมาดูไง เผื่อมีไอเดีย”
ธาริศอึ้งแล้วก็ตัดสินใจ “ผมอยากให้พี่พีททบทวนอีกที ผมว่า ผู้หญิงคนนั้นอาจยังไม่เหมาะที่จะเป็นนายหญิง ของพีระแรนโช”
พีทเบรกรถเอียด หันมามองธาริศ
“แล้วนายคิดว่าเค้าไม่เหมาะตรงไหน”
“ผม...คิดว่าพี่ยังไม่รู้จักเค้าดี ชีวิตเค้าผ่านอะไรมาบ้าง บางทีเค้าอาจจะอะไรซ่อนอยู่”
“แล้วนายรู้เหรอ? ว่ารัญเค้าปกปิดอะไรฉัน ว่ามาซิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”
ธาริศมองหน้าพีทอยู่ครู่ แล้วก็พูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดได้ยังไงหลบตาวูบ
“ไม่ ไม่ทราบหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าพี่เพิ่งจะรู้จักเค้าได้ไม่นานเท่านั้นเอง ยังไม่น่าจะรีบตัดสินใจ”
“ฉันเคยบอกนายแล้วไงเวลาแค่นี้ ก็พอแล้วสำหรับฉัน ชั้นมีเหตุผลของชั้นเอง...ที่จริงนายกับอร ก็ไม่ได้มีเวลาคบหากันมาก่อนไม่ใช่เหรอ เห็นนายสองคนก็มีความสุขกันดีนี่นา”
ธาริศเลยพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มรับแล้วเงียบไป
พีทออกรถ ขับไปต่อสักระยะ แล้วก็ต้องเสียหลัก ยางระเบิด โดยตะปูเรือใบที่โรยไว้ตามพื้นถนน
“เฮ้ย อะไรวะ”
รถจอดพีทลงรถมาดู ธาริศตามลงมา พีทหยิบตะปูเรือใบขึ้นมามอง
“นี่มันตะบูเรือใบนี่นา... เกิดอะไรขึ้น”
ขณะที่สองหนุ่มงงๆ อยู่ เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“ยกมือขึ้น ทั้งสองคน”
พีทกับธาริศตกใจ หันไปมองด้านหลัง เห็นชาย 2 คน ซึ่งไม่รู้ว่าที่แท้เป็น ชิดกับเปลี่ยน ซึ่งใส่หมวกไหมพรหมคลุมหน้าตาจ่อปืนยืนอยู่ ทั้งคู่ตกใจ
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณโกดังเก็บข้าวโพดในไร่ ลุงโดนกำนันตบล้มกลิ้งลงไป ป้ารีบถลาเข้าไปหา ประคองลุงขึ้นมา
“ฉันตกลงกับคุณพีทไว้แล้วจะขายให้กำนันได้ไง” ลุงบอก
“ไม่ต้องไปรอมันหรอก ไอ้พีทมันไม่มาแล้ว” กำนันหัวเราะเหี้ยมอย่างมีนัย แล้วยื่นมือ ลูกน้องส่งสัญญาให้
“เอ็งจะเซ็นขายให้ข้าดีๆ หรือว่าอยากตามไปขายที่กับไอ้พีทในนรก”
มือกำนันจ่อปืนแล้วขึ้นไก ลุงกับป้ากลืนน้ำลายเอื๊อก
ภายในรถที่ประทินขับ แพทนั่งข้างๆ อย่างร้อนใจ
“ขับเร็วๆ เข้าสิคะคุณประทิน ช้าอย่างนี้มันจะไปทันได้ยังไง
“ใจเย็นๆ สิคุณ ผมก็เป็นห่วงคุณพีทเหมือนกัน แต่เราก็ควนมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะครับ” ประทินว่า
ประทินยังคงขับรถอย่างใจเย็น
แพทร้อนใจ มองไปแล้วเห็นที่ด้านหน้ารถพีทจอดคาอยู่บนถนน
“นั่น!!!
“รถคุณพีท”
ประทินจอดรถชิดข้างทาง แพทรีบวิ่งมาดู
“ไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่ใน”
ประทินรีบเข้ามาดูๆ สังเกตเห็นว่ามีตะปูอยู่ที่ถนน และยางรถพีทแบน
“ตะปูเรือใบ มีคนจงใจโรยเอาไว้บนถนน”
แพทฟังแล้วยิ่งตกใจ “คงจะจริงอย่างที่ สามีสุกบอกว่าคุณพีทอยู่ในอันตราย ทำไงดีล่ะค่ะ”
“ผมไม่น่าปล่อยให้คุณพีทมากับ คุณธาริศ มากันสองคนเลย”
จ่าๆ มีเสียงปืนดังปังๆ ขึ้นมาจากที่ไกลๆ แพทหันไปดู
“เสียงปืนนี่นา” ประทินตกใจสุดขีด
“ดังมาจากในไร่” แพทบอกประทินทันที “โทร.ตามตำรวจด่วนเลยค่ะ”
ประทินรีบหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากด แพทมองอย่างร้อนใจประทินรอสาย
“สวัสดีครับ ผมขอแจ้ง เหตุด่วนครับ”
แพททนรอไม่ไหว วิ่งเข้าไปในไร่ โดยที่ประทินไม่ทันสังเกต มัวแต่พูดโทรศัพท์อยู่
ในมุมหนึ่งของไร่ เห็นพีทกับธาริศวิ่งหลบกระสุนพัลวัน โดยมีเปลี่ยนกับชิดวิ่งไล่ยิงตามหลัง เสื้อผ้ามอมแมมเหมือนต่อสู้กันมาก่อน
พีทกับธาริศวิ่งหนีหลบเปลี่ยนกับชิด อยู่ในไร่ข้าวโพด
“รวมกันแบบนี้ เราเสียเปรียบ แยกกันดีกว่าพี่” ธาริศวิ่งออกไปเลย
“เฮ้ย เดี๋ยว”
พีทเรียกไว้ แต่ไม่ทันธาริศวิ่งไปแล้ว พวกเปลี่ยนวิ่งจี้เข้ามา พีทเลยออกวิ่งไปอีกทาง
“ไอ้ชิด เอ็งไปทางโน้น ข้าตามไอ้พีทไปเอง”
ทั้งคู่แยกกัน
ชิดย่องเข้ามาอีกมุมในไร่ข้าวโพด เห็นเสื้อธาริศบางส่วนแลบออกมาจะพุ่งเข้าไปยิง ปรากฏว่าเป็นเสื้อแขวนหลอกไว้ พอหันมาโดยธาริศแตะหน้าหงาย จนปืนหลุดมือ จึงหันมาใช้มือเปล่าต่อยกันแทน ซัดกันนัว ไปมา ผลัดกันรุกผลัดกันรับ
แพทตัดสินใจวิ่งบุกเข้ามาในไร่ หน้าตาตื่น พอได้ยินเสียงปืนก็ยิ่งร้อนใจ มองหาที่มาแล้ววิ่งไปตามเสียงปืน
ฝ่ายประทินวางโทรศัพท์ หันมา
“เรียบร้อย..ไปกันเถอะคุณแพท” แล้วต้องชะงัก มองหา “คุณแพท...ไปไหนแล้วล่ะเนี่ย” ประทินร้อนใจ
ส่วนเปลี่ยนยังตามไล่หลังพีทมาตามไร่ข้าวโพด สอดส่ายสายตา พีทโผล่มาจากข้างหลัง เขาโจมตีเปลี่ยนจนล้มไป ปืนกระเด็นหลุดจากมือหมดสติ
พีทค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ
“แกเป็นใคร...ต้องการอะไร”
พีทตั้งท่าจะเปิดหมวกเพื่อเปิดดูหน้า แต่เปลี่ยนลืมตา แล้วเตะเข้าที่ก้านคอ 2 คนเปิดฉากซัดกันไปสองสามที ก่อนที่เปลี่ยนจะฉวยจังหวะ หยิบปืนมาได้ ยิงพีทอีกรอบ พีทกลิ้งหลบแบบเฉียดฉิว เปลี่ยนยิงไม่ยั้ง เม็ดข้าวโพดกระจุย จนในที่สุดพีทนอนแน่นิ่งเหมือนโดนปืน เปลี่ยนชะงักหยุดยิง เดินไปใกล้จุดที่พีทนอนอยู่
“มันช่วยไม่ได้จริงๆ ผมเตือนแล้ว ว่าอย่ายุ่งกับที่ดินแปลงนี้”
เปลี่ยนเล็งปืนจะยิงพีท แต่คราวนี้ปรากฏว่าพีทกำดินขว้างใส่หน้า ทำให้เปลี่ยนเสียจังหวะ พีทหนีไปได้
พีทวิ่งหลบมาไกลพอควร หยุดหอบหายใจ พุ่มไม้ใกล้ๆ มีเสียงดังสวบสาบ พีทหลบหลังต้นไม้ กระชับไม้เตรียมทุบ แพทหลับตากรี๊ดตกใจ พีทชะงักทัน
“คุณมาได้ไง”
แพทร้อง “ว้าย”
ลูกกระสุนเฉี่ยวหลังไปโดนต้นไม้ด้านหลัง พีทพาแพทกลิ้งหลบล้มลงไปทั้งคู่
“ขอบใจนะ คุณช่วยได้ดีมาก”
แพทตาเขียวใส่ เปลี่ยนวิ่งตามมา
“วิ่ง! เร็ว!”
พีทรีบบอกแล้วลากแพทกันวิ่งหนีสุดชีวิต เปลี่ยนยิงใส่แล้ววิ่งไล่ตามมา
อ่านต่อหน้า 4
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ส่วนที่รีสอร์ต รัญธิดาตกใจมากพอได้ฟังเรื่องราวจากฝน
“แล้วพี่ฝนปล่อยให้น้าแพทไปกับผู้จัดการได้ยังไง ก็รู้อยู่ว่ามันอันตรายมาก แล้วแจ้งตำรวจแล้วรึยัง”
“แจ้งแล้วค่ะ...เมื่อกี้พี่ฝนลองโทร.เข้าเครื่องคุณแพทกับพี่ประทินก็ไม่มีใครรับสายเลย คุณพีทก็ไม่รับ.. คุณรัญมีเบอร์คุณธาริศรึเปล่าคะ จะได้ลองโทร.ดู”
รัญธิดายิ่งช็อค
“อะไรนะ คุณธาริศไปด้วยงั้นเหรอ”
“ค่ะ นายชูบอกว่า เห็นคุณพีทขับรถออกไปกับคุณธาริศ”
รัญธิดาตกใจสุดขีด
“ฉัน...ฉันจะไปดูเอง ฉันทนรออยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว”
รัญธิดาหันไปเห็นทักษอรยืนอยู่ ถึงกับชะงัก
“พี่ธาริศเป็นอะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น..บอกชั้นมาสิ” ทักษอรถาม
รัญธิดากับฝนนิ่งอึ้ง
ฟากพีทจูงมือแพทจูงวิ่งมาอีกมุม ธาริศวิ่งจากอีกทางมาเจอกัน ท่าทางกะปลกกะเปลี้ยทั้งสองฝ่าย
“ธาริศ”
ธาริศดีใจ “พี่พีท อ้าว คุณแพท มาได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้อยากพูดซ้ำหรอกนะ แต่ฉันมาช่วยพวกคุณไง”
ทั้งพีทและธาริศมองหน้ากันแล้วยิ้มเพราะเป็นไปไม่ได้ แพทโมโหนิดๆ ขึ้นเสียงใส่
“อย่างน้อย ฉันว่าฉันพอจะรู้ละ ว่าพวกที่พยายามจะฆ่าคุณมันเป็นใคร”
สองหนุ่มถามพร้อมๆ กัน “ใคร”
“ก็พวกกำนันไง...เค้าโกรธที่คุณจะมาแย่งซื้อที่ ที่เค้าหมายตาเอาไว้” แพทว่า
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น “รู้ตอนนี้สายไปแล้ว”
ทั้งหมดหันไป เห็นเปลี่ยนกับชิด ยืนเล็งปืนอยู่คนละด้าน
ทั้งสามคนอยู่ในวงล้อม เปลี่ยนกับชิดเดินใกล้เข้ามา พีทกับธาริศขยับขึ้นมายืนขวางแพทไว้
“ถ้าแกยังเป็นลูกผู้ชายพอ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป เค้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง นังตัวแสบมันรนหาที่เอง”
เปลี่ยนขยับเข้าใกล้ มันเข้าไปอีก แพทหวาดกลัวมาก
จังหวะนี้เสียงรถหวอตำรวจดัง ชิดตาเหลือก
“สะ...เสียงอะไรน่ะพี่”
เปลี่ยนกับชิดหันมามองเลิ่กลั่กทันที
ที่แท้รถตำรวจพร้อมไซเรนดังเข้ามาที่ถนนด้านหน้าไร่ ประทินรออยู่อย่างร้อนใจ รถตำรวจเข้ามาจอด ประทินพากำลังตำรวจบุกเข้าไป
มือใครคนหนึ่งจุดไฟแช็คคบเพลิง กำนันกับลูกน้อง มาหยุดอยู่ที่ปลายไร่อีกมุม
ลูกน้องมีท่าทีกลัวๆ “เอาจริงเหรอกำนัน ไอ้เปลี่ยนมันยังอยู่ในนั้นนะ”
“ช่างมันซิวะ.. ก็มันเสือกทำงานชักช้าเอง ตำรวจมาแล้ว เดี๋ยวก็หนีกันไม่ทันหรอก”
กำนันไม่สนพยักหน้า ลูกน้องโยนลงไปที่ไร่ ซากต้นข้าวโพดแห้งๆ ในไร่ ไฟลุกพรึ่บ
“ไปกันได้แล้ว... เร็ว”
กำนันกับลูกน้องรีบขึ้นรถหนีไป
ส่วนเหตุการณ์ในไร่ข้าวโพดยังตึงเครียด ชิดกับเปลี่ยนยังสับสนอยู่
แพทขยับขึ้นมาข้างหน้า “ตำรวจกำลังมา แกสองคนไม่มีทางรอดหรอก ยอมมอบตัวเสียดีกว่า แกสองคนไม่มีทางรอดหรอก ยอมมอบตัวเสียดีกว่า”
“เอาไงดีพี่” ชิดถาม
แพทยักคิ้วให้พีทกับธาริศ
“เชื่อหรือยังว่าฉันมาช่วย ชั้นเป็นคนให้ตามตำรวจมาเอง” แพทว่า
เปลี่ยนโมโหเข้าไปตบหน้าแพทจนคว่ำไป พีทกับธาริศถลาเข้าไปจะช่วยแต่โดนเล็งปืนไว้
“รังแกผู้หญิง แกมันหน้าตัวเมีย”
พีทด่า เลยโดนตบกับปากกระบอกปืน ธาริศเห็นมีจังหวะเลยเข้ามาปัดข้อมือชิด แย่งปืนมาได้ แล้วเอาปืนเล็งชิดไว้ เปลี่ยนจับกระชากแพทมา เอาปืนจี้พร้อมๆ กับที่ธาริศจี้ปืนที่ชิด
เปลี่ยนชะงัก มองชิดที่กำลังโดนปืนจ่อ
ธาริศมองแพทที่กำลังโดนเปลี่ยนจับเป็นตัวประกันล็อคไว้ ต่างคนต่างทำอะไรไม่ถูก พีทยืนอึ้ง เลือดไหลซึมออกมาตรงมุมปาก
ด้านทักษอรด่ากราดทุกคน
“ถ้าสามีฉันเป็นอะไรไปจะว่าไง ใครจะรับผิดชอบ บ้าจริงๆ เรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครบอกฉัน
ทักษอรจิกตามองไปทั่ว ฝนหลบตาวูบพูดไม่ออก
“รัญก็เพิ่งจะทราบไม่นานค่ะ”
“ได้ยังไง เธอเป็นแฟนพี่พีทได้ยังไง แล้วยายน้าเธอแล่นตามไปทำไม แทนที่จะเป็นเธอ หรือว่าเห็นว่าพี่ริศไปด้วย ก็เลยไปอยากจะตามไป ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเหรอว่ามันไม่ใช่เวลาเอาหน้ากับสามีชาวบ้าน”
“น้ารัญเป็นคนรู้ว่าคุณพีท และคุณธาริศมีอันตราย ถึงได้มาตามคุณประทินไปช่วย ก่อนที่คนอื่นจะรู้เรื่องน่ะค่ะ”
ทักษอรฮึดฮัด “ฉันจะไปเรียนคุณแม่ กับป้ากันให้รู้เรื่องนี้” พร้อมกับทำท่าจะออกไป
รัญธิดาดักหน้าไว้ “ไม่ได้นะคะ เรายังไม่รู้เรื่องทั้งหมดอย่าเพิ่งบอกให้ท่านตกใจเลย”
“เธอกล้าห้ามฉันเหรอรัญธิดา”
ทักษอรเดินเข้ามาเอาเรื่อง
จังหวะนี้ชูวิ่งหน้าตั้งเข้ามา หอบแฮ่กๆ ขณะเล่า “ผู้จัดการติดต่อมาแล้วครับ บอกว่าตอนนี้พากำลังตำรวจไปช่วยแล้วครับ”
ทุกคนถอนใจออกมาพร้อมกัน
ฝนอุทานลั่น “คุณพระ คุณเจ้าช่วยแล้ว”
“แต่ว่า...จู่ๆ ไฟก็ไหม้ ในไร่ที่ ตอนนี้ เจ้าหน้าที่กำลังระดมช่วยกันดับไฟ” ชูว่า
“แล้วทุกคนล่ะ คุณพีท คุณธาริศ น้าแพท” รัญธิดาถามรัวเร็ว
“ทุกคนยังติดอยู่ในไร่กันหมดเลยครับ...ลมก็แรง ไฟลามต้นข้าวโพดแห้งกว้างขึ้นเรื่อยๆ เลยครับ” ชูบอก
ทุกคนช็อคสุดขีด
ทักษอรค่อยๆ หายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเกร็ง มือสองข้างจีบเข้าหากัน อันเป็นอาการของโรคหอบจากอารมณ์ เวลาเครียดจัด รัญธิดาเห็นก็ตกใจ รีบเข้าไปประคอง
“คุณอร....คุณอร”
อีกฟากหนึ่ง ไฟซึ่งกำลังลามไร่ข้าวโพด ลมพัดมาหอบกลุ่มควันกลุ่มใหญ่มาทางกลุ่มพีท เปลี่ยนล็อคคอแพทเป็นตัวประกัน แพทเริ่มไอ ควันเริ่มเยอะ
“อย่าสำออยหน่อยเลย อยู่นิ่งๆ”
ลมพัดโหมแรงหอบควันไฟมาอีก ทุกคนมองหาควันตลบอบอวล
ธาริศตกใจ “ไฟกำลังไหม้ไร่นี้”
เปลี่ยนรีบหันไปดูควันไฟหนาแน่น ทุกคนเริ่มสำลักควัน เปลี่ยนเริ่มลนลาน
“แกจะเอาไง ปล่อยพวกเราไป หรือจะตายด้วยกันในกองไฟ”
เปลวไฟเริ่มลามมาใกล้มากขึ้น เปลี่ยนชิงจังหวะผลักแพทอย่างแรงเข้าไปที่พีท จนพีทเสียหลักล้มลงกับพื้น พร้อมแพทที่ล้มตามกันไป ธาริศตกใจ เปลี่ยนวิ่งหนีไป ชิดรีบสลัดธาริศที่ล็อคคอไว้แล้วหนีตามเปลี่ยนไป ธาริศผวาจะตามพีทเรียกไว้
“ไม่ต้องตาม หาทางออกจากที่นี่ดีกว่า”
ทุกคนสำลักกระอักกระไอไปตามๆ กัน
“รีบไปกันเถอะค่ะ ก่อนที่เราสามคนจะกลายเป็นข้าวโพดคั่ว”
ต้นข้าวโพดใกล้ๆ ถูกลูกไฟกระเด็นใส่ ลุกเป็นไฟขึ้นมา
พีทตะโกน “คุณแพท ระวัง” แล้วรีบดึงให้แพทหลบมาโอบไว้อย่างปกป้อง
ธาริศไอแค่กๆ “ไฟลามมาทางนี้เรื่อย ๆ รีบไปเถอะครับ”
“ไปทางไหนล่ะคะ ควันเยอะไปหมด จนมองไม่เห็นอะไรเลย” แพทสำลักควัน ไอยาวตลอดเวลา
พีทตัดสินใจ “มาทางนี้...เร็ว”
พีทลากแพทออกมา ธาริศตามมา
อีกครู่หนึ่งแพท พีท และธาริศ วิ่งซมซานไปมุมต่างๆ เจอแต่กำแพงไฟ เลยหลบออกมาด้านตรงข้าม 2-3 มุม ในที่สุดมาหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง เพราะแพทหยุดไอจนตัวงอ
“ชั้น...ชั้น...ไม่ไหวแล้ว”
แพททรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง
“ไหวสิ..ต้องไหว...แข็งใจอีกนิดนึง” พีทบอก
“ชั้น..จะได้กลับไปเจออะตอมอีกครั้งมั้ย” แพทครวญ
“ต้องได้เจอแน่นอน ผมให้สัญญา
แพทยิ้มให้ในควันอันลางเลือน แล้วหมดสติไป
ธาริศตกใจ “พี่พีท”
“แค่หมดสติไปน่ะ”
พีทตัดสินใจอุ้มแพทขึ้นมา ทั้งหมดทำท่าจะไปต่อ แต่แล้วต้องชะงัก
“ข้างหน้า เหมือนมีคนตรงมาหาเรา” ธาริศบอก
“หรือว่า พวกมันจะย้อนกลับมา” พีทว่า
ธาริศกระชับปืนเตรียมยิง บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอีก ธาริศเตรียมเหนี่ยวไกทุกขณะ ใครคนนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอีก พีทเพ่งดูแล้วก็จำได้ ปรากฏว่าเป็นลุงเจ้าของไร่ คลุมหัวเข้ามา
“อย่ายิง ธาริศ ลุงเจ้าของไร่” พีทตะโกน “ทางนี้ลุง..ทางนี้”
ร่างลุงที่เป็นเงาตะคุ่มๆ เดินเข้ามาใกล้
“นี่ผ้าชุบน้ำ เอาปิดปากปิดจมูกไว้...แล้วตามผมมาทางนี้ครับ ผมจะพาออกไป เร็วเข้าคุณ”
ลุงส่งผ้าชุบน้ำให้ทุกคน เอามาพันหน้าไว้ ก่อนจะนำทางพาพีท แพท และธาริศออกไป
ขณะเดียวกันในห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาล รุจรวี ยืนดูทักษอรที่หลับอยู่บนเตียง ถอนหายใจ ตำหนิรัญธิดากลายๆ
“ยายอร เค้าไม่ค่อยสบายมาแต่ไหนแต่ไร ตาธาริศกับฉันถึงต้องค่อยดูแล ไม่ให้มีเรื่องกระทบกระเทือนใจ แต่ก็นะ เรื่องนี้มันก็...ไม่ใช่ความผิดของเธอเหมือนกัน”
รัญธิดาจ๋อยทำอะไรไม่ได้
“แล้วเค้าส่งข่าวมารึยัง ว่าธาริศออกมาไร่ข้าวโพดนั้นได้รึเปล่า”
รัญธิดาจ๋อยสนิท
รัญธิดาเปิดประตูออกมาหน้ายังจ๋อยอยู่ อยากร้องไห้เต็มที่ รถเข็นคนไข้ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินพร้อมเสียงโวยวายคุ้นหู
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว เดินได้แล้วไงเล่า...ปล่อยชั้นนะ”
รัญธิดาลุกขึ้น มองไปตามเสียง เห็นแพทพยายามลุกจากรถเข็น มีบุรุษพยาบาลพยายามห้าม
“น้าแพท”
แพทหันมาหา “รัญ”
“น้าแพทปลอดภัยนะคะ”
“คนอย่างน้าแพทสบายมาก หัวแข็งหนังเหนียว ตายยาก...แค่หน้ามืดไปหน่อยเดียวเท่านั้นแหละ หลานเอ๊ย”
แต่รัญธิดามองดูสภาพแพทซึ่งมอมแมมมาก ดูตรงข้ามกับสิ่งที่บอก แพทเลยหัวเราะเก้อ ๆ
“แล้วคนอื่นละค่ะ เป็นไง ปลอดภัยรึเปล่า...แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ใจเย็นๆ ปลอดภัยจริงๆ ได้ลุงเจ้าของไร่มาช่วยไว้ทัน ตอนนี้คงให้คุณหมอตรวจอยู่ อ้าวนั่นไง มาแล้ว...คุณธาริศ” แพทร้องเรียก
รัญธิดาหันเห็นธาริศเดินเข้ามา จากทางหนึ่ง
รัญธิดายิ้มให้ด้วยความดีใจน้ำตาเริ่มปริ่ม ในขณะที่ธาริศเองก็มองรัญธิดาอย่างดีใจเช่นกัน จนเผลอพูดออกมาเบาๆ
“รัญ”
ธาริศก้าวเร็วอย่างลืมตัวเหมือนจะวิ่งมาหา แต่ทันใดนั้นพีทซึ่งออกจากห้องฉุกเฉินมาเรียกขึ้น
“รัญธิดา”
ธาริศถึงกับชะงัก รัญธิดาเองก็เหมือนกัน ละสายตาเปลี่ยนไปมองพีทแทน
พีทเดินเข้ามา
“ดีใจมั้ย ที่ผมปลอดภัย ทุกอย่าง”
พีทกอดรัญธิดาไว้ เหมือนปลอบใจตัวเองด้วย รัญธิดายืนตัวแข็ง ธาริศยืนมองอย่างร้าวรานใจ
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“พี่ธาริศ”
ทุกคนหันไปมอง พีทเองก็คลายอ้อมกอด ทักษอรยืนอยู่ทางกนึ่ง แล้ววิ่งเข้ามาโผเข้ากอดธาริศ
“พี่ธาริศปลอดภัยแล้ว พี่ธาริศปลอยภัย” ทักษอรร้องไห้โฮ
ธาริศกอดทักษอรไว้เช่นกัน รัญธิดามองอย่างร้าวรานใจไม่แพ้กัน
เย็นมากแล้ว รัญธิดาคุยกับครู นักเรียนกลับหมดแล้ว รัญธิดามองดูรอบๆ โรงเรียน
“เงียบจังนะคะ”
“ใช่ค่ะเพราะเด็กๆ คนอื่นผู้ปกครองมารับกลับไปหมดแล้ว”
“งั้นก็เหลืออะตอมอยู่คนเดียว ต้องรบกวนให้คุณครูกลับเย็นแบบนี้ ขอโทษจริงๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณแม่ล่ะคะ”
“ก็อย่างที่โทรมาบอก น้าแพทกลัวว่าถ้าอะตอมแกเห็นสภาพมอมแมมของแม่แล้วจะตกใจ รัญก็เลยอาสามาเองให้น้าแพทรออยู่ที่บ้านดีกว่า”
“อ๋อ ค่ะดีแล้ว”
2 คนเดินมาหยุดที่สนาม
“ดิฉันให้แกเล่นของเล่น รออยู่ตรงนั้น”
“ขอบคุณค่ะ”
ครูออกไปลับตัว รัญธิดาค่อยๆ เดินเข้าไป มองไปที่เครื่องเล่นที่ครูบอก ปรากฏว่าไม่มี แต่พอมองไปอีกหน่อยตรงเสาเห็นอะตอมนั่งหลับพิงเสาคอพับคออ่อนอยู่ รัญธิดาเดินเข้าไปดู
“รอจนหลับไปเลยเหรอเนี่ย”
รัญธิดาค่อยๆ นั่งลง จากอารมณ์แค่เอ็นดูที่เห็นนั่งหลับ เมื่อเห็นอะตอมที่หลับเหงื่อซกอยู่ ค่อยๆ พินิจดู ความรู้สึกของแม่ลูก ก็พุ่งขึ้นมา รัญธิดาค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปลูบหัวเบาๆ อะตอมลืมตาขึ้นยิ้ม หน้าตายังไม่ตื่นดี
“แม่ค้าบ...แม่มารับอะตอมแล้วเหรอ”
อะตอมโผเข้ากอดรัญธิดาแล้วซุกหลับต่ออีก รัญธิดาตัวแข็งทื่อ กลั้นใจสักพัก แล้วพยายามปลุก
“อะตอม..อะตอม..ตื่นสิ..นี่พี่รัญเอง..ไม่ใช่แม่”
อะตอมไม่ตื่นซ้ำยังกอดแน่นขึ้นไปอีก รัญธิดาสงบใจค่อยๆ อุ้มอะตอมขึ้นมา เป็นการอุ้มครั้งแรก ความอบอุ่นแล่นเข้ามากระแทกใจ จนน้ำตาค่อยๆ คลอตา
“ขอโทษนะอะตอม...ขอโทษจริงๆ พี่มารับกลับบ้าน ไปกลับบ้านกันเถอะ”
น้ำตารัญธิดาค่อยๆ ไหลรินออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
ด้านเปลี่ยนกำลังลนลานเก็บของในบ้านพัก
“เร็วๆเข้าเหอะพี่เปลี่ยน...ไม่รู้พี่จะย้อนกลับมาที่นี่ทำไม”
เปลี่ยนพลิกที่นอน เอาเงินที่ซ่อนไว้มาชูขึ้น
“ถ้าไม่เพราะไอ้นี่ข้าไม่กลับมาหรอก” พร้อมกับเอาเงินใสกระเป๋า
“ที่จริงเราจะไม่หนีก็ได้นี่นา เราเพราะไอ้พีทมันไม่เห็นหน้าเราสักหน่อย” ชิดว่า
“ไอ้โง่ ถึงมันไม่เห็นหน้า แต่การที่นังแพทมันแส่ไปช่วยได้แบบนั้น แสดงว่ามันต้องรู้เรื่องแผนของเรา...แต่ถ้าไม่ใช่ก็รอให้แน่ใจแล้วเราค่อยกลับมาวันหลัง”
“แล้วไอ้กำนันมันหักหลังเราแถมยังจะเผาเราทั้งเป็น คิดแล้วเจ็บใจ” ชิดบอก
“เอ็งไม่ต้องกลัว เรื่องนั้นข้าคิดบัญชีแน่ แต่ตอนนี้ไปจากที่นี่ก่อน”
เปลี่ยนเปิดประตูแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็น ประทิน ชู และคนงานชาย ดักรออยู่ข้างหน้า ทั้งคู่สบตากันอย่างเยือกเย็น
“คุณพีท มีเรื่องอยากคุยด้วย ทั้งสองคน”
เปลี่ยนกับชิดจะขยับ แต่คนงานชายขยับตามแบบรู้ทัน
ไม่นานต่อมาทุกคนอยู่ที่มุมหนึ่งในรีสอร์ต พีทยืนมองนิ่งๆ เปลี่ยนกับชิดทำท่าฮึดฮัด ประทินยื่นสมุดบัญชีให้พีท
“นี่เป็นสมุดบัญชีที่น้าเปลี่ยนให้คนงานเซ็นรับเงินครับ ซึ่งไม่ตรงกับฝ่ายบัญชีเลย”
พีทหยิบมาเปิดดูสักพัก เปลี่ยนถลึงตามองประทินและคนงานรอบๆ ตัวอย่างโกรธแค้นทุกคน เว้นประทินที่หลบตา
“นานแค่ไหนแล้ว ที่น้าเปลี่ยนทำแบบนี้” พีทถาม
“ผมไม่ได้ทำอะไรพวกนี้มันใส่ร้ายผมทั้งนั้น ผมทำงานกับคุณพีทมาตั้งแต่คุณพ่อคุณท่านไว้ใจถึงให้ผมคุมคนงานทั้งหมด แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไร ผมถูกใส่ร้ายจริงๆ” เปลี่ยนแถ
“ก็ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าพูดนะซิ น้าขู่ทุกคนไว้ คนงานรับเงินรายวันต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ใครกล้ามีปัญหาน้าก็ไล่ออก ไม่ให้ทำ” ฝนว่า
“อีฝน เอ็งหุบปากไปเลย ไหนใครว่าข้าโกงค่าแรง ก็พูดออกมาสิ...พูดออกมาเลย”
เปลี่ยนมองกราดรอบข้างอย่างดุดัน ทุกคนหลบตาหุบปากเงียบ บางคนก็ถึงกับถอยหลังด้วยความกลัว
“แล้วถ้ามีคนกล้าเป็นพยานล่ะ”
แพทกับรัญธิดาพาสุกเดินออกมา สุกท่าทางกลัวๆ อยู่มาก
เปลี่ยนตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธหันไปบอกพีท “อีสุกมันโกรธที่ผมจับได้เรื่องมันขโมยจนมันโดนไล่ออก คุณพีทจะยังเชื่อมันอีกเหรอครับ”
“เรื่องนั้นผมตัดสินใจเอง ว่ามาสุกมีอะไรจะบอกฉัน” พีทถาม
สุกมองเปลี่ยนไม่เต็มตา เปลี่ยนส่งสายตาอาฆาตแค้นเอาเรื่องตอบ
“พูดไปเลยสุก มีอะไรก็บอกคุณพีท ไม่ต้องกลัวนะ” แพทบอก
สุกนิ่งไป มองเปลี่ยนอีกครั้งแล้วก็ตัดสินใจส่ายหน้า
“ไม่มีจ้ะ”
เปลี่ยนถอนโล่งอก ทุกคนผิดหวัง
โดยเฉพาะแพท “อ้าว ทำไมทำแบบนี้ ไหนเธอบอกฉัน ว่าคุณพีทเป็นคนดีไง คุณพีทเค้าช่วยเธอ เธอก็อยากช่วยเค้าตอบแทน”
สุกอึดอัดจนจะร้องไห้ “นายเปลี่ยนก็มีบุญคุณกับฉัน เค้าให้งานฉันทำ”
“ไม่ใช่ คุณพีทต่างหากที่เป็นคนให้งานทำ เงินที่นายเปลี่ยนจ่ายให้เธอมันก็ไม่ใช่เงินของเค้า เป็นของคุณพีทเหมือนกัน เค้าเอาเปรียบทั้งพวกเรา แล้วก็คุณพีท” แพทชี้ไปที่พีท “นี่ต่างหากคือคนที่มีบุญคุณไม่ใช่ คนนี้ ถ้าพวกเธอเป็นคนกตัญญูจริงก็ต้องช่วยคุณพีทจับคนโกงซิ” คราวนี้แพทหันไปหาคนงานทั้งหลาย “ฉันขอถามเป็นครั้งสุดท้าย ใครที่โดนนายเปลี่ยนหักหัวคิวบ้าง”
ทุกคนเงียบ ชิดหัวเราะเบาๆ ในขณะที่เปลี่ยนยิ้มอย่างพอใจ
“พอใจยังครับ...คุณแพท” เปลี่ยนพูด เน้นๆคำ อย่างกวนบาทา
รัญธิดาพยายามขอร้อง “พี่สุกคะ ขอร้องเถอะค่ะ น้าเปลี่ยนแกทำอะไรพี่ไม่ได้แล้วนะคะ”
สุกอึกอัก
เปลี่ยนเริ่มกร่าง “ผมบอกแล้วว่า ผมไม่ได้ทำอะไร...ผมถูกใส่ร้าย” แล้วหัวเราะร่าอย่างสะใจ
สุกยกมือ “ชั้นเองค่ะ ที่ถูกนายเปลี่ยนหักหัวคิวและโกงค่าแรง”
เปลี่ยนเบรคเสียงหัวเราะทันที มองสุกอย่างเอาเรื่อง
“อีสุก”
คนงานอื่นๆ ค่อยๆ ยกมือที่ละคนสองคนจนครบ
“พวกเราก็โดน” / “ผมด้วย” / “ชั้นด้วย”
พีทเข้ามารวบตัว แพทยิ้มดีใจกับสุก เปลี่ยนแค้นจัด ฮึดฮัดใหญ่
“ผมคงให้น้า..ทำงานที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” พีทบอก
“ผมว่าน่าจะเชิญตำรวจมาดีมั้ยครับ... เพราะนี่ถือว่าเป็นการยัดยอกทรัพย์” ประทินว่า
“คุณพีท ขอโอกาสผมเถอะครับ ผมจะคืนเงินให้ก็แล้วกันนะครับ”
เปลี่ยนควักเงินที่อยู่ในกระเป๋าให้พีท
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน” พีทชี้ที่อกตรงหัวใจ “ตรงนี้ต่างหากที่ผมต้องการ ตั้งแต่สมัยพ่อมา ผมคิดเสมอ ว่าน้าคือคนในครอบครัวของเรา ผมเชื่อใจน้ามาตลอด แต่ตอนนี้น้าได้ทำลายความไว้ใจทั้งหมดของผม นี่ต่างหากคือสิ่งที่ผมรับไม่ได้ คนเรา แต่ถ้าไม่มีความจริงใจกันจะอยู่ด้วยกันยังไง”
แพทกับรัญธิดาลอบมองหน้ากัน เพราะตัวเองก็มีความลับเช่นกัน
“เออ มีอีกอย่าง เราเจอหมวกสองใบนี่ด้วย”
ประทินเอาหมวกไหมพรมมาส่งให้พีท เป็นหมวกมอมแมมไปด้วยเขม่า พีทค่อยๆ รับมาดูใกล้ๆ เปลี่ยนกับชิตแอบมองหน้ากัน ประมาณว่าชิบหายแล้ว สองวายร้ายฉวยจังหวะรีบลุกขึ้น เอาตัวคนงานผลักให้ล้มกระแทกกัน แล้วรีบวิ่งหนีออกไป
“มันหนีไปแล้ว”
พีทเอาหมวกมาดู
“กลิ่นควันไฟยังหึ่งอยู่เลย” พีทว่า
“ผัวนังสุกมันบอกว่าเห็นไอ้เปลี่ยน ไปบ้านกำนันบ่อยๆ” ประทินบอก
“นี่แปลว่า คนร้ายที่ตามยิงคุณในไร่ก็เป็นฝีมือของนายเปลี่ยนกับนายชิด” แพทตะลึง
พีทขัดขึ้นทันที “พอแล้ว ..ผมไม่อยากฟัง” หันมาบอกประทิน “ส่งเป็นหลักฐานให้ตำรวจ แล้วแต่ตำรวจจะจัดการต่อไปก็แล้วกัน”
พีทถอนหายใจยกมือลูบหน้า อย่างอัดอั้น สะเทือนใจกับความจริงที่ได้รู้ ที่เสียใจมาก รัญเดินเข้ามาใกล้จะให้กำลังใจ
“คุณพีทคะ”
พีทยกมือประมาณว่าโอเค “ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
พีทฝืนใจยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินออกไป แพทแอบสบตากับรัญธิดามองเห็นสัญญาณบางอย่าง
สักครู่ต่อมารัญธิดาเดินออกมาหยุดยืนอย่างอึดอัดใจ แพทตามมาห่างๆ
“เราคงต้องรีบสารภาพเรื่องทุกอย่างกับคุณพีทนะ ทั้งเรื่องพี่ทิพ แล้วก็เรื่อง...”
รัญธิดาสวนคำอย่างดื้อรั้น “ไม่ได้ค่ะ จะเรื่องอะไรก็บอกไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไม รัญก็ได้ยินไม่ใช่เหรอว่าคุณพีทเค้าถือสามากขนาดไหนกับการโกหกหลอกลวง รีบบอกตอนนี้ดีกว่า จะไม่ได้เสียความรู้สึกกันไปมากกว่านี้”
“ก็เพราะอย่างนี้นะซิค่ะ ถ้าเราบอกความจริงทุกอย่าง มันก็จะจบเหมือนนายเปลี่ยน...เค้าคงจะเกลียดรัญมาก”
“แล้วรัญจะปิดเค้าตลอดไปงั้นเหรอ ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะ
“แต่มันต้องอยู่ให้นานที่สุด อย่างน้อยก็จนกว่ารัญจะได้แต่งงานกับคุณพีท”
รัญธิดาเดินหนีทันทีเป็นการตัดบท แพทถอนใจทั้งหงุดหงิดและไม่สบายใจ
อ่านต่อตอนที่ 8