xs
xsm
sm
md
lg

ไ ฟ ห ว น ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไฟหวน ตอนที่ 7

เวลาเดียวกันบุปผามาหาตาเถาบอกเรื่องหุ่นเสน่ห์ ตาเถามีสีหน้าตกใจ ตาถิ่นนั่งอยู่ใกล้ๆ ส่วนหลงนั่งหน้าตาเมายาอยู่ห่างออกไป

“เอ็งทำหุ่นเสน่ห์ตกแตก”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้มันตกแตกหรอกนะ แต่มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ทำให้ฉันอีกสักตัวเถอะน่าพ่อหมอ แล้วจะคิดเงินฉันสักเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันจ่ายเต็มที่”
ตาเถาส่ายหน้า อารมณ์เสียสุดๆ
“ถึงเอ็งจะยอมจ่าย แต่ข้าก็ไม่ยอมทำ เอ็งรู้ไม๊ว่าการที่หุ่นเสน่ห์มันแตกน่ะ อาคมที่ข้าลงไว้ในหุ่นมันจะย้อน กลับมาที่ข้า ประเดี๋ยวข้าจะต้องทำพิธีล้างอาคมก่อน ไม่งั้นทั้งข้าทั้งเอ็งจะซวยได้ ไปๆๆๆ เอ็งกลับไปเหอะ ข้าต้องรีบจัดของทำพิธีแล้ว”
บุปผายังอิดออด ตาเถาเลยหันไปหาตาถิ่นเป็นเชิงบอกให้จัดการ ตาถิ่นลุกมาดึงแขนบุปผาให้ออกไป

ตาถิ่นลากตัวบุปผาออกมาจากในบ้านไป
“กลับไปก่อนเถอะ แล้ววันหลังค่อยมาใหม่”
บุปผาถอนใจพรืดอย่างผิดหวัง แล้วเดินออกไป ตาถิ่นมองดูก้นบุปผาอย่างหลงใหล แล้วก็เสียงตาเถาตะโกนเรียกออกมาจากในบ้าน
“ไอ้ถิ่นโว๊ย ไอ้ถิ่น”
ตาถิ่นวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันที

ตาถิ่นวิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามาในบ้าน
“เกิดอะไรขึ้นรึพี่เถา”
“ไอ้หลงหายไปไหนแล้วไม่รู้ ข้ากำลังเตรียมของจะทำพิธีล้างอาคม หันมาอีกที ไม่รู้ไอ้หลงมันหายไปข้างไหนแล้ว มันกำลังเมายาอยู่ด้วย ช่วยกันตามหาเร็ว”
สองตา ช่วยกันออกตามหาหลงกันอย่างร้อนใจ

หลงเดินเมายามาตามทาง แล้วชนเข้ากับชาวบ้านที่เดินผ่านมา หลงเงยหน้ามองดู แต่ดันหลอนเห็นหน้าชาวบ้านเป็นหน้าตาเถา
หลงร้องโวยวายเสียงดัง ตกใจกลัว แล้วจะวิ่งหนี แต่วิ่งไปทางไหนก็เห็นแต่ตาเถา เพราะจิตใต้สำนึกของหลงที่กลัวตาเถามากจนเห็นเป็นภาพหลอน หลงกลัวมาก เลยวิ่งไปคว้ามีดพร้าจากแผงร้านขายของ เอามาฟาดฟันทุกคนที่มันเห็นเป็นตาเถา ผู้คนวงแตกฮือ เพราะกลัวหลงฟันเอา
จังหวะนี้เพชรขับรถผ่านมาอีกฟากถนน เห็นผู้คนกำลังแตกฮือกันเป็นระยะ เพชรสงสัย เลยจอดรถแล้วเดินเข้าไปดู
เพชรเดินแหวกฝูงชนเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเห็นหลงกำลังควงมีดพร้า อาละวาดอยู่
เพชรเห็นสถานการณ์ไม่ดี กลัวว่าหลงจะฟันใครเข้าจริงๆ เพชรรอจังหวะที่หลงหันหลังให้พุ่งตัวเข้าชาร์จล็อคตัวไว้ หลงดิ้นสู้ แต่ก็สู้ไม่ได้ เพชรบิดข้อมือหลงให้ปล่อยมีดพร้า หลงร้องโอ๊ย แล้วปล่อยมีดพร้าลงทิ้งกับพื้น แล้วจู่ๆ หลงก็หมดสติไป เพชรตกใจ ประคองร่างหลงไว้ เขย่าตัวเรียก
“เฮ้ย..ไอ้หนู เป็นอะไรไปน่ะ ไอ้หนู”

แต่หลงนอนแน่นิ่ง ไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น

ฝ่ายมัทนาทำงานของสมาคมเสร็จแล้ว จึงเงยหน้ามองหาพลอย เห็นพลอยว่ายังนั่งทำงานอยู่กับอีกกลุ่มหนึ่ง มัทนาเดินไปรินน้ำเย็นแล้วเอาไปยื่นส่งให้เพื่อน พลอยพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากงานที่กำลังทำอยู่

“ขอบคุณค่ะ”
พลอยจะรับแก้วน้ำ แต่พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นมัทนาที่เป็นคนส่งแก้วน้ำให้ ก็เลยไม่ยอมรับ แล้วลุกเดินขึ้นไปรินน้ำมากินด้วยตัวเอง มัทนามองตามแล้วถอนใจเศร้า เดินเข้าไปหาพลอย
“ทำยังไงเธอถึงจะหายโกรธฉันนะ..พลอย”
พลอยไม่พูดด้วย เดินหนีห่างออกไป มัทนาหน้าเศร้า เดินไปอีกทาง พลอยที่ทำเชิดไม่สนใจ แอบเหลียวมามอง แล้วสีหน้าก็สลดลง รู้สึกเศร้าและเสียใจเหมือนกันที่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจกับเพื่อนที่เคยรักกันมากอย่างนี้

เพชรอุ้มหลงเข้ามาที่โรงพยาบาล แจ้งกับพยาบาลตรงที่เคาน์เตอร์ด้วยความร้อนใจ
“หมออยู่ไม๊ครับ ผมไม่ทราบว่าเด็กเป็นอะไรครับ แต่สงสัยว่าจะเมายามา ช่วยดูให้ที”
“คุณหมอไอศูรย์อยู่พอดีเลยค่ะ” พยาบาลบอก
เพชรชะงัก “หมอคนอื่นมีไม๊ครับ”
ไอศูรย์ก้าวเข้ามา
“อย่าเอาความโกรธเกลียดพี่ มาเป็นเงื่อนไขในการช่วยเหลือคนเลยเพชร มา พี่ดูเด็กให้เอง”
ไอศูรย์เข้าไปรับตัวหลงมาจากเพชร แล้วเดินตรงไปที่ห้องตรวจทันที เพชรมองตามหลังไอศูรย์ไป แล้วจำใจตามไปด้วยเพราะเป็นห่วงหลง

บุปผาเดินมาที่โรงพยาบาล อย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้หมอเถา แกมันไม่ทำหุ่นเสน่ห์ตัวใหม่ให้ฉัน ฉันก็จะไปหาพ่อหมอคนอื่นทำให้ก็ได้ย่ะ”
แต่พอบุปผาเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล ก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าน้ำเสียงเป็นสุภาพเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
“คุณหมอไอศูรย์มารึยังคะ”
“มาแล้วค่ะ แต่กำลังอยู่ในห้องตรวจ มีธุระอะไรกับคุณหมอรึเปล่าค่ะ”
“แค่อยากจะปรึกษาเรื่องพี่สินหน่อยน่ะค่ะ งั้นเดี๋ยวบุปผาไปเยี่ยมพี่สินก่อนนะคะ”
บุปผาทำท่าจะเดินไปห้องพักสิน แต่พอเห็นว่าพยาบาลไม่ได้สนใจมองมาแล้ว
บุปผาก็รีบเดินวกไปทางห้องตรวจทันที

บุปผาเดินมาด้อมๆ มองๆ มาแถวหน้าห้องตรวจเพื่อจะรอพบไอศูรย์ แล้วแอบมองเข้าไปในห้องตรวจ เห็นไอศูรย์กำลังตรวจอาการหลงอยู่
บุปผาขยับตัวดูคนที่อยู่กับไอศูรย์ในห้องตรวจให้ชัดๆ จึงพบว่าเป็นเพชร
บุปผาสีหน้าตกใจมาก แล้วตัดสินใจไม่รอเจอไอศูรย์แล้ว เพราะไม่อยากพบหน้าเพชร กลัวว่าเพชรจะจำได้ว่าเคยไปใช้บริการของหล่อนที่หอโคมแดงมาก่อน บุปผารีบลนลานออกจากโรงพยาบาลไปทันที

ไอศูรย์มองดูหลงที่ยังไม่ได้สติอย่างกังวล
“ตกลง เด็กนี่เป็นอะไรไปครับพี่ต้น”
“พี่คิดว่าเด็กนี่...เมายาหรือสารพิษอะไรบางอย่างมา เพชรไปพบตัวเด็กนี่ที่ไหนเหรอ”
“ริมถนนครับพี่ต้น กำลังคลั่งอาละวาด เอามีดไล่ฟันคนอยู่เลย พอผมเข้าไปล็อคตัวไว้ได้ เด็กก็หมดสติไป ผมก็เลยเอาตัวมาส่งที่นี่แหละครับ”
“ดีแล้วที่เพชรรีบเอาตัวมาส่งน่ะ ช้าอีกนิดเดียว เด็กนี่อาจจะไม่รอดก็ได้ พี่คงต้องเอาเลือดไปตรวจน่ะ ถึงจะรู้ว่าเป็นยา หรือสารพิษอะไร”
“งั้นผมฝากพี่ต้นดูแลรักษาเด็กนี่หน่อยได้ไม๊ครับ ส่วนผมก็จะลองไปสืบหาญาติพี่น้องของเด็กดู จะได้รู้ว่าเด็กมันไปเสพยามาจากที่ไหน”
“แล้วถ้าเด็กได้สติแล้ว พี่จะลองถามดูว่า..เขาเสพยาเอง หรือว่าถูกใครมอมยามา”
“ถ้าเด็กนี่ถูกมอมยามา ผมจะล่าตัวไอ้คนที่ทำเลวกับเด็กนี่ให้ได้ ต้องเอาโทษมันให้หนักเลยทีเดียว”
ไอศูรย์ยิ้มดีใจที่เพชรเป็นคนยึดมั่นในความถูกต้อง แต่เพชรกลับมองไอศูรย์ท่าทีหมางเมิน
“แต่พี่ต้นอย่าคิดนะครับว่า การที่พี่ต้นช่วยผมเรื่องเด็กนี่ จะทำให้ผมรู้สึกดีกับพี่ต้นได้เหมือนเก่า เพราะความสัมพันธ์ของเรามันไม่มีวันกลับไปได้เหมือนเดิมได้อีกแล้วละครับ”
สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน เพชรมุ่งมั่นจะเอาชนะไอศูรย์เรื่องมัทนาให้ได้

ส่วนไอศูรย์ก็รู้สึกเสียใจที่ความสัมพันธ์ที่ดีที่เคยมีมาต้องสะบั้นลงอย่างนี้

ฝ่ายบุปผากลับจากโรงพยาบาลมาถึงบ้านเทพบริบาลอย่างอารมณ์เสีย แล้วระหว่างนั้นเห็นรถของนายพลเทพก็ขับผ่านบุปผาไปจอดที่หน้าตึก บุปผามองตามอย่างสงสัย

“เอ๊ะ..ทำไมวันนี้ท่านกลับบ้านเร็วจริง”
บุปผาเดินตามไปที่หน้าตึก

นายพลเทพเดินขึ้นบ้านมา บุปผาแอบตามมา เหลียวซ้ายแลขวา
“อีนังคุณหญิง กับอีสร้อยมันไม่อยู่ ดีละ ฉันจะได้บอกท่านนายพลเรื่องที่ท่านถูกนังคุณหญิงมันวางยาให้เป็นหมันวันนี้ละ”
บุปผาเดินตามไป เห็นนายพลเทพนั่งกุมขมับอยู่ที่เก้าอี้ พอบุปผาเข้าไปใกล้ นายพลเทพก็พูดขึ้นโดยไม่เงยหน้า
“ใครน่ะ ขอน้ำเย็นๆ สักแก้วสิ ปวดหัวจริง”
บุปผาจำใจเดินไปรินน้ำเย็น แล้วเอากลับมาคุกเข่ายื่นส่งให้นายพลเทพ
“อ้อ..บุปผาเหรอ นายสินเป็นยังไงบ้าง”
“หายไข้แล้วค่ะ แต่คุณหมอไอศูรย์ยังให้อยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักพัก ให้แน่ใจว่าจะไม่ชักอีก ถึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้น่ะค่ะ”
นายพลเทพพยักหน้ารับรู้ แล้วลุกขึ้นจะเดินไปห้องนอน บุปผารีบขยับตัวตามเพื่อจะบอกความลับ
“ท่านคะ”
แต่ยังไม่ทันจะบอกอะไร นายพลเทพก็หน้ามืดแล้วเซจะล้ม บุปผาตกใจ รีบเข้าไปประคองไว้
“ท่านเป็นอะไรไปคะ”
นายพลเทพส่ายหน้า
“พาฉันไปที่ห้องที”
บุปผาประคองนายพลเทพไปส่งที่ห้องนอน รู้สึกเป็นห่วงจนลืมเรื่องที่จะบอกไปแล้ว

บุปผาประคองนายพลเทพมาในห้อง ประคองให้ลงนอนบนเตียง บุปผาเห็นนายพลเทพนอนหลับตานิ่ง ก็เป็นห่วง
“ท่านไม่สบายหรือคะ ให้บุปผาโทร.ตามหมอดีไม๊คะ”
นายพลเทพพูดทั้งๆ ที่ยังนอนหลับตาอยู่
“ไม่ต้อง ฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ นอนพักให้เต็มที่ก็คงจะหายละ บุปผามีงานอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะ”
บุปผาลังเล อยากจะบอกความลับ แต่เห็นนายพลเทพหลับไปแล้ว บุปผามีสีหน้าผิดหวัง จำใจลุกเดินออกไป ขณะที่บุปผากำลังจะเดินออกนอกห้องก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นคุณหญิงมณีกับสร้อยยืนอยู่ที่หน้าห้อง และมองบุปผาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว และยังไม่ทันที่บุปผาจะทำอะไรต่อ คุณหญิงมณีก็จิกหัวบุปผาแล้วลากออกไปอย่างรวดเร็ว สร้อยรีบตามคุณหญิงมณีไปทันที
คุณหญิงมณีจิกหัวบุปผาลากเข้ามา สร้อยวิ่งตามมาติดๆ แล้วพอแน่ใจว่าห่างจากห้องนอนนายพลเทพมากพอแล้ว คุณหญิงมณีก็ตบบุปผาผลัวะ สุดแรง บุปผาถึงกับหน้าหันล้มลงกับพื้น ทั้งงง ทั้งเจ็บจนตั้งตัวไม่ติด คุณหญิงมณีชี้หน้าด่า
“นังบุปผา ฉันไม่อยู่บ้านเดี๋ยวเดียว แกบังอาจเข้าหาท่านนายพลเชียวเหรอ”
คุณหญิงมณีเข้าไปตบบุปผาอีก บุปผายกมือขึ้นกัน ปัดป้องไม่ให้คุณหญิงมณีตบได้
“สร้อยช่วยค่ะคุณหญิง”
ว่าแล้วสร้อยก็กระโดดเข้าจับข้อมือสองข้างของบุปผาไว้ เปิดทางให้คุณหญิงมณีเข้าตบบุปผาได้สะดวก
“นังนี่ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาจริงๆ ฉันอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กินแกกับพี่ชายแก แต่แกกลับเนรคุณฉันอย่างนี้ มันเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
คุณหญิงมณีจะตบบุปผาอีก มัทนาวิ่งเข้ามารั้งมือแม่ไว้
“คุณแม่ตบบุปผาทำไมคะ” มัทนาถามงงๆ
“ก็มัน...” มณีไม่อยากพูดต่อหน้ามัทนา
สร้อยพูดต่อเสียเอง “เข้าหาท่านนายพลค่ะคุณหนู”
“หยุดพูดได้แล้วนังสร้อย”
สร้อยไม่ยอมหยุด “ก็มันจริงนี่คะ ทั้งสร้อยทั้งคุณหญิงเห็นกับตา จับมันได้คาหนังคาเขาเลยว่ามันเข้าไปเสนอตัวให้ท่านนายพล ถึงในห้องนอนเชียวนะคะ”
เสียงนายพลเทพตวาดเสียงเข้ม “นังสร้อย”

ทุกคนหันขวับไปมอง เห็นนายพลเทพยืนหน้าเครียด ถมึงทึงอยู่ที่ประตู

ครู่ต่อมานายพลเทพนั่งหน้าตึงอยู่ในห้องนั่งเล่น บุปผานั่งอยู่ที่พื้น หน้าตาฟกช้ำแตกยับ น้ำตาคลอๆ มัทนาเอาผ้าซับเลือดที่มุมปากให้ด้วยความสงสาร คุณหญิงมณีกับสร้อยนั่งอยู่ด้วย สองคนมองบุปผาอย่างชิงชัง

“เหลวไหล อะไรกันก็ไม่รู้ ผมแค่ไม่สบาย เดินไม่ไหว บุปผาก็ช่วยพาผมไปที่ห้อง มันก็แค่นั้น แล้วผมก็เห็นบุปผามันเป็นเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
คำพูดนั้นของนายพลเทพ กระแทกเข้าหน้าคุณหญิงมณีจังๆ คุณหญิงตาลุกวาวด้วยความโกรธ
“แต่ถ้าใคร จะคิดไปทางอุบาทว์กว่านั้นละก็ มันก็ดูถูกผมเกินไปแล้ว”
นายพลเทพตวัดตามองคุณหญิงมณีอย่างโมโห
“เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว จะทำอะไรก็ควรจะถามไถ่ให้ได้ความกันก่อน ไม่ใช่เอาแต่อารมณ์”
คุณหญิงมณีเม้มปากแน่น ทั้งอับอาย และโกรธสุดขีด แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา สร้อยยิ่งจ๋อยสนิท ไม่กล้าสบตาท่านนายพลเลย
“ไปๆๆๆ ใครมีอะไรก็แยกย้ายกันไปทำไป๊ มัท ดูหาหยูกหายาใส่แผลให้บุปผาด้วย”
“ค่ะ คุณพ่อ”
ว่าแล้วนายพลเทพก็เดินปังๆ กลับขึ้นห้องนอนไป มัทนามองแม่อย่างเป็นห่วง แต่เห็นว่าแม่ยังนั่งนิ่งขึงอยู่ และมีสร้อยคอยดูแลอยู่แล้ว มัทนาจึงประคองบุปผาออกไป
คุณหญิงมณี อับอายและโกรธจนพูดอะไรไม่ออก น้ำตาขังคลอหน่วย แต่ไม่ยอมให้ไหลออกมา สีหน้าเคียดแค้นบุปผามาก
“ท่านนายพลเข้าข้างนังบุปผา พูดจาไม่ไว้หน้าคุณหญิงเลยนะคะ” สร้อยพูดประจบ
มณีตวาดลั่น “ไม่ต้องพูดแล้วนังสร้อย”
สร้อยหุบปากทันที
“เห็นที...ฉันจะเอานังบุปผาไว้ไม่ได้เสียแล้ว”
คุณหญิงมณีเสียงกร้าว แค้นบุปผาสุดๆ

มัทนาพาบุปผากลับมาที่ห้อง บุปผานั่งนิ่งไม่พูดจา แค้นใจคุณหญิงมณีมาก แต่มัทนาเข้าใจว่าบุปผาเจ็บจนพูดไม่ออก
“เฮ้อ..ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณแม่ต้องทำรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย แล้วตั้งแต่เกิดมาฉันก็ไม่เคยเห็นคุณแม่จะลงไม้ลงมือกับใครเลย ปกติคุณแม่ท่านใจดีจะตายไป เรื่องเข้าใจผิดกันแท้ๆ เลย”
มัทนาส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ แล้วดูแผลบุปผา
“เจ็บมากไม๊บุปผา เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ”
บุปผายังนั่งนิ่งอยู่ มัทนามองอย่างเป็นห่วง แล้วก็เดินออกไปจากห้องเพื่อไปเอายาให้บุปผา พอมัทนาออกไปแล้ว บุปผาคำรามในลำคอ
“อีนังคุณหญิง แกทำฉันเจ็บ ฉันจะทำให้แกต้องเจ็บยิ่งกว่า” บุปผามองไปนอกห้องเห็นมัทนากำลังเดินไปเอายาที่ตึกใหญ่
“แกรักนังมัทนา ลูกสาวแก..เหมือนดั่งแก้วตาดวงใจใช่ไม๊” บุปผาคิดอะไรบางอย่างได้ “ดีละ”
บุปผาเดินไปเปิดตู้ที่ล็อคอยู่ แล้วหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา ที่แท้เป็นขวดยาที่ตาเถาให้มานั่นเอง
พร้อมกันนั้นเสียงเตือนของตาเถาดังขึ้นในหูบุปผา
“จำไว้นะ แค่ 2 หยดก็พอแล้ว”
บุปผาชูขวดในมือขึ้นมาดู ตาลุกวาว
“นังคุณหญิง ฉันจะทำลายแก้วตาดวงใจของแก ฉันจะคอยดูหน้าแกตอนที่แกเห็นลูกสาวแกเจ็บ ลูกสาวแกตาย แล้วถ้านังมัทนามันตาย หมอไอศูรย์ก็ต้องเป็นของฉันคนเดียว”

สีหน้าแววตาบุปผายามนี้ แลดูเหี้ยมเกรียมมากๆ
 
อ่านต่อหน้า 2

ไฟหวน ตอนที่ 7 (ต่อ)

ขณะที่สร้อยกำลังรอคุณหญิงมณีอยู่อย่างกระวนกระวายนั้น มัทนาเดินเข้ามาถามหาแม่

“คุณแม่ล่ะจ๊ะ”
“อยู่ในห้องกับท่านนายพลค่ะ”
มัทนาพยักหน้ารับรู้ สีหน้ากลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนนายพลเทพกำลังนั่งกุมขมับเครียดอยู่ คุณหญิงมณีเดินเข้ามา บอกเสียงเรียบ
“เรามีเรื่องจะต้องคุยกันค่ะ”
“ถ้าจะคุยเรื่องบุปผา ผมจะพูดอีกครั้งเดียวว่า..ผมกับเขา ไม่ได้มีอะไรกัน และผมขอบอกก่อนนะว่า..คุณอย่าได้คิดไล่บุปผาออกอย่างเด็ดขาด เพราะบุปผาไม่ได้ทำอะไรผิด”
มณีย้อนถาม “ฉันเป็นคนผิดงั้นสิคะ”
“ใช่ ก็คุณหึงบ้า หึงบอ อะไรก็ไม่รู้ หึงผมกระทั่งกับเด็กรับใช้ในบ้านเนี่ยนะ” ท่านนายพลออกอาการฉุนเฉียว
มณีไม่ยอม “ถึงมันจะเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้าน แต่มันก็เป็นผู้หญิง และคุณเองก็เคยมีประวัติเคยนอกใจฉัน ไปคว้าเอาอีนัง...” กำลังจะเอ่ยชื่ออุ่น แต่พูดไม่จบเพราะถูกท่านนายพลสวนคำขัดคอเสียก่อน ด้วยเสียงดังลั่น
“หยุดเลยนะคุณหญิง เขาตายไปนานแล้ว เลิกพูดถึงเรื่องเก่าๆ เสียที”
“แต่คุณกล้ายอมรับไหมละคะว่า..ครั้งหนึ่งคุณเคยนอกใจฉัน” มณีเหน็บ
“แต่ตอนนี้ผมไม่มีใครแล้วนอกจากคุณกับลูก แล้วถ้าคุณไม่เชื่อในคำพูดผมละก็ ผมกับคุณก็คงจะอยู่กันไม่ได้อีกต่อไป” นายพลเทพพูดเสียงกร้าวแข็ง
“คุณ”
คุณหญิงมณีตกใจมาก ในขณะที่นายพลเทพตัดรำคาญด้วยการหันหลังให้ภรรยา

ด้านมัทนากำลังเอายาใส่แผลให้บุปผาอย่างเบามือที่สุด สองคนอยู่ในห้องของบุปผา
“เจ็บมากไม๊จ๊ะบุปผา”
บุปผานิ่งคิดไปนิดหนึ่ง ก่อนตอบเป็นนัย อย่างมีแผน
“เจ็บไม่เท่ากลัวค่ะคุณหนู คุณหญิงท่านเข้าใจบุปผาผิด อย่างนี้ ท่านต้องไล่บุปผาออกจากบ้านแน่ๆ เลย แล้วถ้า บุปผาถูกไล่ออกจากที่นี่ บุปผาก็คงจะถูกพ่อแม่พาไปขายซ่องแน่ๆ”

อดีตนางโลมดาวเด่นประจำหอโคมแดง สำทับความน่าสงสารเห็นใจด้วยการแสร้งร้องไห้

มัทนาคุณหนูผู้แสนดีหลงกล สงสารบุปผาจับใจ

“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะบุปผา ฉันจะไม่ยอมให้คุณแม่ไล่เธอออกจากบ้านนี้แน่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เดี๋ยวพอพูดจาเข้าใจกันแล้ว คุณแม่ก็คงจะหายโกรธเธอไปเอง”
บุปผาออดอ้อนเสียงเศร้า “คุณหนูต้องช่วยบุปผาจริงๆ นะคะ”
“จ้ะๆ ฉันรับปากว่าจะช่วยบุปผาอย่างเต็มที่จ้ะ”
บุปผาทำเป็นซาบซึ้งยกมือไหว้มัทนา “ขอบคุณคุณหนูมากค่ะ”
มัทนายิ้มให้บุปผาอย่างอ่อนโยน แล้วบรรจงใส่ยาที่แผลให้บุปผาต่อไป โดยไม่ทันสังเกตว่าบุปผาแอบยิ้มร้ายออกมา และสาวน้อยแสนดีมัทนาไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าหมายการทำลายและแก้แค้นเอาคืนมณี ของบุปผาแล้ว

ไอศูรย์กลับมาถึงบ้านในตอนค่ำ เจอคุณหญิงผู้เป็นมารดารออยู่ในห้องโถง
“กลับค่ำอีกแล้วพ่อต้น มีคนไข้ด่วนอีกเหรอลูก”
“ครับ เพชรเขาพาเด็กคนหนึ่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล ผมสงสัยว่าเด็กจะถูกมอมยามาครับแม่ ผมเลยรับตัวไว้รักษาและดูอาการอยู่ครับ”
แจ่มจันทร์ฟังแล้วตกใจ “ตายจริง ใครนะ..กล้าทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นกับเด็ก ตายไปต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดกันเลย”
“เพชรเขาก็ว่า...จะตามหาตัวคนที่ทำอย่างนี้กับเด็กมาลงโทษให้ได้ครับ”
แจ่มจันทร์พยักหน้ารับรู้ “เอ้อ..แล้วต้นนัดหมายกับหนูมัท เรื่องจะไปใส่บาตรด้วยกันรึยังลูก ต้นอย่าช้านะ แม่อยากให้ใส่บาตรกับให้ครบๆ 9 ครั้ง ตามที่คุณชไมบอกอย่างเร็วที่สุดนะลูกนะ”
“ผมนัดกับน้องมัทแล้วครับว่าจะไปใส่บาตรด้วย..พรุ่งนี้เช้าครับ”
แจ่มจันทร์เยื้อนยิ้มอย่างพึงพอใจ “งั้นแม่ไปด้วยจ้ะ”

คืนนั้นสองพี่น้องอยู่ด้วยกันภายในบ้าน พลอยเอ่ยขึ้น
“วันนี้พลอยเจอยายมัทที่สมาคมด้วยค่ะพี่เพชร เขาตามแม่เขาไปช่วยงานฉลองกึ่งพุทธกาลน่ะค่ะ พลอยว่า..วันไหนพี่เพชรว่าง พี่เพชรไปช่วยงานที่สมาคมกับพลอยสิคะ จะได้เจอยายมัท”
เพชรยิ้มพอใจ “อืม..ก็ดีเหมือนกันนะ” แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ้อ...พลอย วันนี้พี่ก็เจอพี่ต้นเหมือนกัน”
พลอยมีสีหน้าเป็นกังวล “มีเรื่องกันอีกรึเปล่าคะ”
“เปล่า พอดีพี่ไปเจอเด็กเมายาหลงทางมาน่ะ ก็เลยเอาตัวไปส่งที่โรงพยาบาล พี่ต้นอยู่พอดี ก็เลยเป็นคนรับเด็กไว้รักษาตัว”
พลอยนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “งั้นพรุ่งนี้พลอยว่าง..พลอยไปเยี่ยม เด็กคนนี้กับพี่เพชรด้วย ดีไม๊คะ”

เพชรเยื้อนยิ้มเข้าใจที่น้องสาวพูดว่าต้องการจะไปหาไอศูรย์นั่นเอง

คืนเดียวกัน ตาเถากำลังเดินตามหาหลงอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สักครู่ตาถิ่นก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา

“พี่ ฉันได้ยินคนที่ตลาดมันพูดกันว่า..ไอ้หลงมันไปอาละวาดที่ตลาด แล้วตำรวจก็มาเอาตัวมันไป”
ตาเถาฉงน “เอาไปไหน”

ไม่นานต่อมาตาเถากับตาถิ่นพากันมาด้อมๆ มองๆ อยู่แถวหน้าโรงพยาบาลของไอศูรย์
“เอ็งว่า..ไอ้หลงมันยังอยู่ในโรงพยาบาลไม๊วะ” ตาเถาถาม
“ไม่รู้สิพี่ แต่ถ้าเดินเข้าไปถามหามันตอนนี้ มีหวังเราได้เข้าปิ้งกันทั้งสองคนแน่”
“แต่ข้าจะปล่อยให้ไอ้หลงอยู่ในมือตำรวจไม่ได้ เพราะถ้ามันหายเมายา แล้วมันบอกตำรวจว่าข้าเอามันเป็นตัวทดลองยาของข้า คราวนี้ละ..ทั้งข้า ทั้งเอ็ง ก็มีหวังได้เข้าปิ้งเหมือนกันแหละวะไอ้ถิ่น”
“อ้าว..แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะพี่”
ตาเถาครุ่นคิด ใบหน้าเครียดเคร่ง

ด้านสองผัวเมียยังคงมึนตึงใส่กัน คุณหญิงมณี นอนตะแคงข้างอยู่ ลืมตาโพลงในความมืด นอนไม่หลับ เครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น นายพลเทพก็นอนตะแคงข้าง หันหลังให้คุณหญิงมณี นอนไม่หลับเช่นกัน
นอกหน้าต่างยามนั้นแลเห็นพระจันทร์คืนเดือนแรม ซึ่งเหมือนชีวิตของตัวสองคนในยามนี้ ที่มีแต่เมฆดำมาปกคลุม

พระจันทร์คืนแรมลาฟ้าไปในยามค่อนรุ่งพร้อมๆ กับที่พระอาทิตย์ฉายแสงสาดส่องเข้ามาในห้องนอน คุณหญิงมณีรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอพลิกตัวกลับไปมองเตียงอีกฟากหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นอนของสามี แต่ก็ไม่เห็นนายพลเทพแล้ว คุณหญิงมณีทอดถอนใจ เครียดขึ้งกับความสัมพันธ์ของเธอกับสามีต้องสั่นคลอนเพราะบุปผาคนเดียว

ไม่นานต่อมา คุณหญิงมณีแต่งชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว เดินออกมาจากในห้อง สร้อยรีบเข้ามารายงานทันที
“คุณหญิงขา คุณหญิงแจ่มจันทร์กับคุณหมอไอศูรย์มารอใส่บาตรแล้วค่ะ”

คุณหญิงมณีรับรู้ รีบเดินไปทันที

ไม่นานหลังจากนั้น ไอศูรย์กับมัทนาช่วยกันใส่บาตรอยู่ที่หน้าบ้าน โดยมีคุณหญิงมณีกับคุณหญิงแจ่มจันทร์ร่วมใส่บาตรด้วย ส่วนสวิงกับโฉมคอยส่งของให้ หลวงพ่อให้พรด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา หันหน้ามาทางมัทนา

“พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ ขอให้ตั้งใจรักษาศีลห้า” ก่อนจะหันมาทางไอศูรย์ “จงเมตตาอย่าสิ้นสุด”
จากนั้นหลวงพ่อก็ส่งอะไรบางอย่างให้คุณหญิงมณี
“เอ้า..นี่..น้ำมนต์ที่เจ้าขอไว้”
คุณหญิงมณีรับน้ำมนต์จากหลวงพ่อ ด้วยสีหน้าดีใจ
“แต่จำไว้นะ น้ำมนต์จะมีค่าไม่ต่างอะไรกับน้ำเปล่า หากผู้ใช้ไม่รู้จักรักษาศีล” หลวงพ่อจงใจพูดกับคุณหญิงมณีโดยตรง “และคนเรา..ควรลด ละ เลิก ต่อกิเลสในใจลงเสียบ้าง มิฉะนั้น..กิเลสนั้นจะเผาผลาญตนเอง”
พูดจบหลวงพ่อก็เดินท่วงทีสงบออกไป ทุกคนยกมือไหว้ คุณหญิงมณีมองตามหลวงพ่อไปอย่างสงสัยว่าท่านพยายามจะบอกอะไรเธอ แต่ก็คิดไม่ออก เพราะกิเลสบดบังทำให้ใจคุณหญิงมณีมืดบอด
ครู่ต่อมา มัทนากับไอศูรย์กำลังกรวดน้ำร่วมกัน โดยมีคุณหญิงมณี กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ยืนมองอยู่ด้วยความชื่นชม พอกรวดน้ำเสร็จ คุณหญิงมณีก็เดินเอาขันใส่น้ำมนต์มาส่งให้มัทนา
ในขันใบนั้นเห็นเป็นน้ำมนต์ที่ยังมีน้ำตาเทียนลอยอยู่
“เดี๋ยวลูกมัทเอาน้ำมนต์ที่หลวงพ่อทำไว้ให้นี้...ไปไว้ใช้อาบน้ำนะลูก”
“ค่ะแม่”
มณีหันไปพูดกับแจ่มจันทร์ “เดี๋ยวทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะคุณหญิง พ่อต้นด้วย”
“ครับคุณป้า" ไอศูรย์ยิ้มรับคำชวน

ระหว่างนี้มีสายตาของใครคนหนึ่ง กำลังมาซุ่มแอบมองดูทุกคนกำลังกินข้าวเช้าอยู่ด้วยกัน ขณะที่สวิงกับโฉมช่วยกันเสิร์ฟ
ที่แท้เป็นบุปผานั่นเองที่มาแอบดูไอศูรย์ ตรงหลังบ้าน

ภายในห้องอาหารเวลานั้น มัทนามีสีหน้าตกใจ เมื่อฟังไอศูรย์เล่าจบ
“เด็กถูกมอมยาหรือคะพี่ต้น โธ่..ใครนะ ทำอย่างนั้นกับเด็กได้ลงคอ
“พี่คิดว่า..เด็กนั่นถูกมอมยา เพื่อทดลองยาอะไรบางอย่างน่ะ” ไอศุรย์ว่า
“นี่เราเป็นเมืองพุทธแท้ๆ กำลังจะมีงานฉลองกึ่งพุทธกาลกันด้วยซ้ำ ยังจะมีเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ยพ่อต้น” มณีแสนสงสาร
แจ่มจันทร์เสริม “ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วล่ะค่ะคุณหญิง ตอนที่พ่อต้นเล่าให้ดิฉันฟังเมื่อวาน ดิฉันยังตกใจเลยค่ะ”
“อย่างนี้มันต้องให้ตำรวจลากคอเอาไปขังคุกเสียให้เข็ด จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป”
“ตอนนี้เพชรกำลังออกตามหาตัวคนที่ทำอยู่ครับ”
“นี่ถ้าพ่อเพชรจับตัวคนที่ทำได้ละก็ ป้าขอดูหน้ามันหน่อยเถอะ” มณีบอก

อา...หากคุณหญิงผู้มีภาพลักษณ์แสนดีรู้ว่า ตัวการเป็นคนที่หล่อนรู้จักดี จะทำหน้าอย่างไรหนอ

 
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 09.00 น.

ไฟหวน ตอนที่ 7 (ต่อ)

ฟากสองพี่น้องตาเถากับตาถิ่น กลับมาด้อมๆ มองๆ ที่หน้าโรงพยาบาลอีกครั้ง

“ถ้าไอ้หลงมันยังอยู่ที่นี่ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่ามันอยู่ห้องไหน” ตาถิ่นถาม
“ก็ดูมันทุกห้องนั่นแหละ”
พูดจบตาเถาก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาล ตาเถาตั้งใจลุยดูทุกห้อง โดยจะไม่ยอมถามพยาบาล ตาถิ่นรีบตามไป

ไม่นานหลังจากนั้น ตาเถา กับตาถิ่นเดินมองเข้าไปในห้องพักคนไข้ต่างๆ หลายๆ ห้อง แต่ก็ยังไม่พบหลง

เวลาเดียวกันเพชรในชุดเครื่องแบบนายตำรสจ และพลอยในชุดลำลองสวยงามกำลังสอบถามพยาบาลตรงเค้าน์เตอร์
“คุณหมอไอศูรย์มารึยังคะ”
“ยังค่ะ เช้านี้คุณหมอมีธุระ จะเข้าสายหน่อย มีอะไรให้ดิฉันช่วยแทนได้ไม๊คะ” พยาบาลย้อนถาม

ในที่สุดตาเถากับตาถิ่น ก็เดินมาพบว่าหลงนอนหลับอยู่ในห้องหนึ่ง ตาถิ่นเห็นก่อน
เลยฉุดแขนตาเถามาดู
“พี่ พี่” พลางชี้ให้ตาเถาดูหลง
ตาเถาเหลียวมองรอบๆ ก่อนว่ามีใครผ่านมาบ้างรึเปล่า และเมื่อไม่เห็นใคร ตาเถาก็รีบผลุบเข้าไปในห้องพักฟื้นของหลงทันที ตาถิ่นรีบตามเข้าไป

ตาเถาเข้าไปตบหน้าหลงเบาๆ หลงปรือตาขึ้นมามอง พอเห็นว่าเป็นตาเถา ก็ออกอาการหวาดกลัวตัวสั่นขึ้นมาทันที พยายามจะขยับตัวหนีแต่ก็ไม่มีแรง แถมตาเถาโดดเข้าจับตัวหลงเอาไว้ หลงทำท่าจะร้อง ตาเถารีบปิดปากเอาไว้ หลงพยายามดิ้นหนี)
“ไอ้ถิ่น! มาช่วยข้าหน่อยเร็ว”
ตาถิ่นรีบเข้าไปช่วยปิดปากหลงไว้ ตาเถาปล่อยมือจากปากหลง แล้วต่อยเข้าที่ท้องน้อย
จนดังอั้ก หลงหยุดดิ้น ตัวงอลงไปทันที ไม่ได้สลบ แต่จุกจนขัดขืนไม่ได้

ระหว่างนี้เพชรกับพลอยเดินตรงมาทางที่จะไปยังห้องหลง
“เราไปเยี่ยมดูอาการเด็กที่เมายาเสียก่อนก็ได้ ระหว่างรอพี่ต้นมา” เพชรว่า
พลอยยิ้มๆ “ได้ค่ะ เพราะยังไงๆ พลอยก็ต้องรอพบพี่ต้นอยู่แล้วล่ะค่ะ”

ทั้งคู่กำลังเดินไปที่ห้องหลง

ขณะที่ตาเถากับตาถิ่นกำลังประคองหลงเดินออกมาจากในห้อง ตาเถาชะโงกดูที่หน้าห้องก่อน เห็นเพชรกับพลอยกำลังเดินมา

ตาเถาตาเหลือก รีบถอยกลับเข้าไปในห้อง
“ฉิบหายแล้วไอ้ถิ่น ตำรวจมา”
ตาถิ่นพลอยตาเหลือกลนลานไปด้วย
“แล้วเราจะเอาไงกันดีล่ะพี่”
“ยังไงๆก็ต้องเอาตัวไอ้หลงมันกลับไปให้ได้ ไม่งั้นตำรวจมันต้องสาวถึงตัวเราสองคนแน่”
ตาเถามองหาทางหนีทีไล่ แล้วตัดสินใจประคองหลงกลับเข้าในห้อง ซ่อนตัวในห้องน้ำ ตาเถาปิดปากหลงเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้มันส่งเสียงร้อง
เพชรกับพลอยเข้ามาในห้อง เห็นเตียงว่างเปล่า แต่ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ อย่างคนที่นอนอยู่เพิ่งลุกไปไม่นาน
“อ้าว..เด็กไปไหนเสียแล้วละคะพี่เพชร”
เพชรหน้าเครียด “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พลอยรออยู่ที่นี่ก่อนนะ พี่จะไปถามพยาบาล”
พลอยพยักหน้า เพชรรีบไป พลอยยืนคอยอยู่ในห้อง
ตาเถา กับตาถิ่นหลบอยู่ในห้องน้ำเห็นพลอยยืนคอยเพชรอยู่ โดยหันหลังให้ แต่ยืนขวางทางออกพอดี
ตาเถาหน้าเครียด รู้ว่าถ้าออกไป พลอยต้องเห็นแน่ ตาเถาครุ่นคิดอะไรอยู่สักครู่ ก็หันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับตาถิ่น
ส่วนพลอยยังยืนคอยเพชรอยู่ โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร
ตาถิ่น ปล่อยมือจากหลงให้ตาเถาประคองตัวไว้ แล้วตาถิ่นก็เดินออกจากที่ซ่อน ย่องไปที่ข้างหลังพลอย พลอยได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาทางข้างหลัง ก็จะหันไปมอง แต่ตาถิ่นไวกว่า เอาผ้าปูเตียงคลุมหัวพลอยไม่ให้เห็นพลอยเห็นหน้าตน
พลอยตกใจดิ้นรน ตาถิ่นรีบหันไปพยักหน้ากับตาเถา ตาเถารีบลากตัวหลงออกไป พอตาถิ่นเห็นตาเถาพาหลงออกไปได้แล้ว ก็จับตัวพลอยที่มีผ้าคลุมหัวอยู่เหวี่ยงไป พลอยถูกเหวี่ยงไป หัวกระแทกขอบเตียง จนฟุบนิ่งไป
ครู่ต่อมาตาเถากับตาถิ่นช่วยกันประคองหลงออกไปจากห้องจนได้ ขณะที่พลอยฟุบแน่นิ่งอยู่ที่พื้น สักครู่เพชรก็กลับเข้ามาพร้อมกับพยาบาล พอเห็นน้องสาวฟุบอยู่ที่พื้นก็ตกใจมาก พุ่งเข้าไปดูทันที แล้วพลิกตัวพลอยให้หงายขึ้น พลอยไม่ได้สติ แถมมีเลือดซึมออกมาที่ตรงหน้าผากด้วย
“พลอย”

ทุกคนเดินมาส่งไอศูรย์ไปทำงาน
“ต้นเอารถไปเถอะจ้ะ แม่จะอยู่คุยกับคุณหญิงมณีก่อน แล้วถ้าจะกลับเมื่อไหร่ แม่ค่อยโทรไปบอกให้คนรถที่บ้านมารับก็ได้จ้ะ” แจ่มจันทร์บอกลูกชาย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิง ถ้าจะกลับ ดิฉันให้รถที่นี่ไปส่งก็ได้ค่ะ” มณีว่า
“ขอบคุณนะคะคุณหญิง”
“งั้นผมไปโรงพยาบาลนะครับ”

ไอศูรย์ยกมือไหว้ลามารดา คุณหญิงมณี ส่วนมัทนาไหว้ลา ไอศูรย์รับไหว้ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วขึ้นรถขับออกไป จากนั้นคนอื่นๆ เดินกลับเข้าตึก

ขณะที่ไอศูรย์ขับรถออกมาจากบ้านเทพบริบาล แต่แล้วก็ต้องเบรกกระทันหันเมื่อบุปผาวิ่งพุ่งเข้ามายืนขวางหน้ารถไว้

“บุปผา”
บุปผาวิ่งมาด้านที่ไอศูรย์นั่ง
“บุปผาขอติดรถคุณหมอไปเยี่ยมพี่สินด้วยได้ไม๊คะ”
“ได้สิ”
ไอศูรย์เปิดประตูรถให้ บุปผายกมือไหว้ไอศูรย์อย่างอ่อนน้อม พอบุปผาขึ้นนั่งในรถเรียบร้อย ไอศูรย์ก็เพิ่งสังเกตเห็นหน้าตาบุปผาได้ชัดเจน ก็ตกใจ
“นั่นหน้าเธอไปโดนอะไรมา”
บุปผานิ่งไปสักครู่ แล้วน้ำตาปริ่ม
“อย่าให้บุปผาพูดเลยค่ะ”
ไอศูรย์สำรวจแผลบนหน้าบุปผา ด้วยท่าทางอย่างหมอ ไม่ใช่เชิงชู้สาว
“ใครทำอะไรเธอ บุปผา”
บุปผาทำท่าเหมือนไม่อยากบอก แต่ก็พูดออกมาในที่สุด
“คุณหญิงค่ะ”
ไอศูรย์ตกใจ “อะไรนะ คุณป้าน่ะเหรอ”
“คุณหญิงเข้าใจบุปผาผิดน่ะค่ะคุณหมอ ท่านคิดว่า บุปผาพยายามให้ท่าท่านนายพล “ไม่น่าเชื่อว่าคุณป้าจะทำอะไรรุนแรงอย่างนี้”
“ช่างเถิดค่ะคุณหมอ บุปผาเป็นแค่คนในบ้าน แค่คุณหญิงท่านให้ที่กินที่อยู่แก่บุปผากับพี่สิน ไม่ต้องออกไปเร่รอนกันที่ไหน แค่นี้ท่านก็พระคุณต่อบุปผาและพี่สินล้นหัวแล้ว เรื่องแค่นี้...บุปผาทนได้ค่ะ”
พูดจบบุปผาก็ปิดหน้าร้องไห้ ไอศูรย์หลงเชื่อสนิท สงสารบุปผาจับใจ เขาตบหลังมือบุปผาเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ บุปผาเหมือนกลั้นร้องไห้ไม่อยู่ ร้องไห้โฮออกมา แล้วโผเข้าซบอกไอศูรย์ ไอศูรย์เลยกอดบุปผาเพื่อปลอบใจ บุปผาซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งของไอศูรย์แล้วแอบยิ้มชอบใจ

ไม่นานหลังจากนั้น ไอศูรย์กับบุปผาเดินเข้ามาในโรงพยาบาล พยาบาลรีบวิ่งเข้ามารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทันที ไอศูรย์รีบวิ่งไป บุปผาตามไปด้วย
ไอศูรย์รีบวิ่งมาดูอาการของพลอย บุปผาวิ่งตามมาติดๆ ด้วยความอยากรู้ แล้วก็ต้องหยุดกึก เมื่อเห็นเพชรอยู่กับพลอย

บุปผารีบหลบวูบ แล้วเดินเลี่ยงออกไปอีกทางทันที ปล่อยให้ไอศูรย์เข้าไปหาเพชรและพลอย ไม่ตามแล้ว

ไอศูรย์เร่งรุดเข้าไปดูอาการของพลอยด้วยความเป็นห่วง

“น้องพลอย”
พลอยพอหันมาเห็นหน้าไอศูรย์ก็ร้องไห้ออกมาทันที
“พี่ต้น”
“เล่าให้ฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“คนร้ายมันเข้ามาข้างหลังพลอยค่ะพี่ต้น แล้วมันก็เอาผ้าคลุมหัวพลอย แล้วก็เหวี่ยงพลอยล้ม หัวพลอยกระแทกอะไรเข้าก็ไม่ทราบค่ะ พลอยเลยหมดสติไป”
“ผมไม่ได้อยู่กับยายพลอยด้วย ตอนที่เกิดเรื่อง เพราะมัวแต่ไปตามพยาบาล เรื่องที่เด็กคนนั้นหายไปน่ะครับผมคิดว่า...คนที่มอมยาเด็ก มันคงกลับมาลักเอาตัวเด็กไป เพื่อไม่เด็กมีโอกาสเปิดโปงว่าใครเป็นคนมอมยามัน”
“เป็นไปได้มากเลยเพชร”
เพชรเจ็บใจไม่หาย “ถ้าผมจับตัวมันได้ละก็ นอกจากมันจะเจอข้อหามอมยาเด็กแล้ว มันต้องเจอข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย เพราะผมจะไม่ยอมให้ยายพลอยต้องเจ็บตัวเปล่าแน่”
ไอศูรย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

ฝ่ายตาเถากับตาถิ่นลากตัวหลงกลับมาถึงบ้านจนได้ ตาถิ่นโยนร่างที่ช่วยตัวเองไม่ได้ของหลงลงบนพื้นบ้านดังโครม อย่างไม่ปรานีปราศรัย
“ต่อไปเราต้องระวังไม่ให้ไอ้เด็กเวรนี่มันเตลิดหนีออกจากบ้านไปไหนได้อีก ไม่อย่างนั้น...เอ็งกับข้าได้ไปกินข้าวแดงกันในคุกแน่ ไอ้ถิ่น ลากตัวมันไปล่ามโซ่ที่หลังบ้าน ไม่ต้องให้ข้าวมันกิน 3 วัน ให้มันกินแต่น้ำ ไป”
ตาถิ่นลากตัวหลงออกหลังบ้านไป ตาเถาถอนใจใหญ่ด้วยความโล่งอก

ส่วนบุปผาเดินกลับไปกลับมาอย่างอารมณ์เสียในห้องสิน โดยที่สินออกอาการหวาดกลัว แต่บุปผาไม่ได้สนใจเลย มัวแต่คิดเรื่องของตัวเองอยู่
“ฮึ่ย ทำไมไอ้ตำรวจบ้ามันต้องมาที่นี่ด้วยนะ”
บุปผาทุบตีตามตัวสินระบายอารมณ์ สินได้แต่ทำสีหน้าเจ็บปวด แต่ขยับหนีไม่ได้ แล้วบุปผาก็ชี้แผลที่หน้าตาตัวเองให้สินดู
“ไอ้สิน แกเห็นแผลที่หน้าฉันนี่ไม๊ แกรู้ไม๊ว่าใครทำ ก็อีนังคุณหญิงคนโปรดของแกนั่นไง มันหึงฉัน มันคิดว่าฉันให้ท่าท่านนายพล มันเลยตบฉันไม่เลี้ยงเลย ฮึ..เวลานี้เป็นทีของมัน แต่ต่อไป...จะเป็นทีของฉันบ้างละ”
สินทำเสียงอืออา เหมือนพยายามจะห้าม แต่บุปผากลับหัวเราะใส่
“ไม่ ฉันไม่ฆ่ามันหรอก ถ้ามันตาย มันก็เท่านั้นแหละ แต่ฉันต้องการเห็นมันเจ็บปวด หัวใจของคนเป็นแม่จะเจ็บปวดด้วยเรื่องอะไร ก็ไม่มากเท่า เจ็บปวดที่ได้เห็นความหายนะของลูกล่ะ”
พูดจบบุปผาก็หัวเราะสะใจ แล้วเดินออกไป สินพยายามจะร้องห้าม แต่บุปผาก็เดินหลุดไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าสินสามารถพูดเป็นคำได้แล้ว และถ้านายสินกลับมาพูดได้อีกเมื่อไหร่ ความลับของบุปผาก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“อย่า..ทำ..ขอ..ร้อง..อย่า..ทำ”

สินร้อนรนไปหมด

อ่านต่อหน้า 4

ไฟหวน ตอนที่ 7 (ต่อ)

บุปผาเดินจะออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน อิ่มเดินผ่านมาพอดี ทำท่าจะเข้าไปทักบุปผา แต่บุปผาไม่เห็น เดินพ้นไปแล้ว อิ่มทำหน้าเสียดายที่ทักบุปผาไม่ทัน อิ่มเดินหาไอศูรย์ต่อ

ไอศูรย์ตรวจอาการพลอยโดยละเอียด เอาไฟส่องตาพลอยเพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง เพชรมอง แล้วคิดอะไรได้
“พี่ต้นครับ ผมคงต้องไปทำงานแล้ว ทีแรกนึกว่าจะพายายพลอยมาเยี่ยมเจ้าเด็กนั่นเดี๋ยวเดียว ก็จะกลับบ้านกัน แต่ไม่นึกว่าจะมาเกิดเรื่องอย่างนี้เสียก่อน ถ้ายังไงผมฝากพี่ต้นไปส่งยายพลอยที่บ้านทีได้ไม๊ครับ”
“อ๋อ..ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องพลอยให้เอง”
“ขอบคุณครับ”
เพชรหันไปสบตากับพลอยอย่างรู้กันว่าตนกำลังเปิดโอกาสให้พลอยได้ใกล้ชิดกับไอศูรย์นั่นเอง พลอยยิ้ม เพชรเดินออกไป

อิ่มเดินเข้ามา จังหวะเดียวกับที่เพชรเดินออกมาจากห้องรักษา แล้วเดินผ่านอิ่มไป อิ่มมองเข้าไปในห้องรักษา พอเห็นไอศูรย์ คุยกับพลอยอยู่ อิ่มก็ยิ้มดีใจ พยาบาลเดินผ่านมาเจออิ่มยืนมองไอศูรย์อยู่ก็ทักถาม
“มาหาคุณหมอไอศูรย์เหรอคะ”
อิ่มพยักหน้า
“งั้นต้องรอสักครู่นะคะ”
“ผู้หญิงคนนั้น..คู่รักคุณหมอเหรอ”
“อ๋อ..ไม่ใช่หรอกค่ะ คู่รักของคุณหมอน่ะ..อีกคนหนึ่งค่ะ ชื่อคุณมัทนา เทพบริบาล”
อิ่มหันขวับไปถามพยาบาลทันที
“เทพบริบาล”
“ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ”
อิ่มส่ายหน้า พยาบาลเดินออกไป อิ่มพึมพำกับตัวเอง
“มัทนา เทพบริบาล เป็นอะไรกับท่านนายพลเทพ เทพบริบาล” อิ่มยิ้มออกมา “อุ่นเอ๊ย.. บางที..การตามหาตัวท่านนายพล มันอาจจะไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว”
อิ่มยิ้ม สีหน้ามีความหวังขึ้นมา โดยไม่รู้ว่า วิญญาณอุ่นยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง สีหน้ามีความหวังเช่นกัน

ขณะเดียวกันนายพลเทพกำลังยืนรอดำเกิงอยู่ ด้วยสีหน้าเครียดๆ ทั้งเรื่องที่คุณหญิงมณีมีเรื่องกับบุปผา และเรื่องตามหาลูก สักครู่ดำเกิงเดินเข้ามาหา
“ผมให้คนออกสืบทุกสถานบริการในพระนครนี่หมดแล้วขอรับท่าน แต่ก็ไม่พบ ผกา แสงฉาย ที่ไหน”
ท่านนายพลท้อใจ “แม่ผกาอาจจะเลิกอาชีพนั้นเสียแล้วกระมัง”
“ยังขอรับ มีคนยืนยันว่าแม่ผกายังอยู่ที่หอโคมแดงนั่นจริงๆ ขอรับ”
“อ้าว..แล้วทำไมแม่ราตรี คนที่เราไปพบที่นั่น ถึงได้บอกว่า..แม่ผกาออกจากหอโคมแดงไปแล้วล่ะ”
“เป็นไปได้ไม๊ขอรับท่าน ว่าแม่ราตรีนั่น ก็คือแม่ผกา แต่กระผมก็ไม่เข้าใจว่า..ถ้าแม่ราตรีคือแม่ผกา แสงฉาย แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกท่านล่ะขอรับ ทำไมจะต้องโกหก”
ฟังดำเกิงสันนิษฐานแล้ว นายพลเทพนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
“ที่คนโกหก..ก็เพราะเขามีความลับที่ต้องปิดบังไงล่ะ”

ในเวลาเดียวกันผกาเดินมาจากห้องโถง เห็นสิรีกับพิกุลแต่งตัวสวย นั่งรอรับแขกอยู่แล้ว โดยมีเพ็ญเสิร์ฟของกินให้
“มุกกับเดือนล่ะ”
“พี่มุกยังแต่งตัวอยู่จ้ะ แต่นังเดือน เห็นมันว่าวันนี้มันไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะแม่” สิริบอก

ผกานึกเป็นห่วง เดินไปที่ห้องเดือนทันที

ฟากเดือนนั่งหน้าซีด ท่าทีเครียดๆ อยู่บนเตียง มุกแต่งตัวสวยออกจากห้อง พร้อมจะไปรับแขก เดินผ่านห้อง เห็นว่าเดือนไม่แต่งตัวก็สงสัย เลยเดินเข้าไปทัก

“ไม่สบายเหรอนังเดือน” เอามืออังหน้าผากดู “มีไข้ด้วย ไปหาหมอไม๊แก”
เดือนเงียบ ไม่ตอบ และไม่บยอมสบตา มุกเอะใจทันที ถามเสียงเบาลงแต่เสียงเครียด
“อย่าบอกนะว่าแกเป็นโรค..น่ะ”
เดือนหน้าตื่น ท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาทันที พูดเสียงเบา กลัวใครมาได้ยิน
“พี่มุกอย่าบอกแม่นะ ถ้าแม่รู้ แม่ต้องไล่ฉันออกแน่ๆ เลย ฉันต้องส่งเสียแม่กับน้องที่บ้านนอกนะ ที่ฉันกัดฟันทำอาชีพที่ผู้คนรังเกียจอยู่ทุกวันนี้..ก็เพราะพวกเขานั่นละ”
“เออๆๆ ฉันเข้าใจ แล้วแกไปติดใครมาล่ะเนี่ย ปกติแขกที่มาที่นี่ ไม่เป็นโรคกันนี่” เห็นเดือนทำหน้าจะร้องไห้ก็รู้ทันที “แกแอบไปรับงานข้างนอกเอง”
เดือนพยักหน้า ทำท่าจะร้องไห้ มุกส่ายหน้าอ่อนใจ โสเภณีทุกคนรู้ว่าถ้าเป็นโรคร้าย อย่าง กามโรค เมื่อไหร่ มันคือเรื่องใหญ่ปิดทางหากินเลยทีเดียว
จังหวะนี้ผกาก็เดินเข้ามาดูอาการเดือนอย่างเป็นห่วง
“ไม่สบายเหรอเดือน เป็นอะไรไปล่ะ”
เดือนอึกอัก ไม่อยากโกหกผกา มุกเลยช่วย
“นังเดือนมันเป็นไข้นิดหน่อยน่ะแม่”
“งั้นเดี๋ยวแม่จะโทร.ตามหมอมาดูอาการแกนะ”
เดือนรีบบอกทันที “ไม่ต้องหรอกจ้ะแม่ เปลืองตังค์เปล่าๆ”
“ไม่ได้สิ ไม่สบายก็ควรให้หมอเขาดูหน่อย เดี๋ยวแกเป็นอะไรมาก รักษาแต่เนิ่นๆ ดีกว่า”
เดือนอึกอักอย่างเก่า หันไปสบตากับมุกเป็นเชิงให้ช่วย
“ไม่ต้องหรอกแม่ ให้มันงดรับแขก แล้วนอนพักสัก 2-3 วันก็คงหายน่ะแม่ แค่เป็นไข้ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
“เอางั้นเหรอ”
เดือนรีบพยักหน้ารับ
“งั้นแกก็นอนพักมากๆนะเดือน เดี๋ยวแม่จะลงไปสั่งให้เพ็ญต้มข้าวต้มมาให้ก็แล้วกัน”
ผกา เดินออกไป
เดือนถอนใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณนะพี่มุก”
“แต่ยังไงๆ แกก็ต้องไปหาหมอรักษาให้หายขาดนะ ไม่อย่างนั้น...ถ้าโรคกำเริบขึ้นมาละก็”
มุกทำหน้าสยดสยองแล้วก็เดินออกไป เดือนกลุ้มใจสุดๆ

ด้านบุปผากลับมาถึงบ้าน พอดีกับที่มัทนา และคุณหญิงมณีกำลังเดินออกมาส่งคุณหญิงแจ่มจันทร์และโฉม ขึ้นรถกลับบ้าน
บุปผามองที่มัทนากับคุณหญิงมณี ทั้งสองยิ้มแย้มแจ่มใสล่ำลาคุณหญิงแจ่มจันทร์กันอยู่ และเห็นคุณหญิงแจ่มจันทร์ลูบศีรษะมัทนาอย่างเอ็นดู
“ชิ ยิ้มระรื่นกันเข้าไปเถอะ พวกแกจะได้ยิ้มอย่างนี้ต่อไปอีกไม่นานหรอก”

บุปผามีสีหน้าประสงค์ร้ายต่อมัทนาและคุณหญิงมณีอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองยังไม่รู้ตัว

ขณะเดียวกันสองหนุ่มสาวนั่งอยู่ในร้านไอศกรีมด้วยกัน พลอยยิ้มชื่นท่าทางมีความสุขมาก

“ขอบคุณนะคะพี่ต้น ที่พาพลอยมาเลี้ยง”
“พี่พามาเลี้ยงปลอบขวัญไง น้องพลอยโชคดีมากนะที่คนร้ายมันไม่ได้ทำอะไรน้องพลอยมากไปกว่านี้ ในโรงพยาบาลแท้ๆ ไม่น่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้เลยต่อไปพี่คงต้องเพิ่มการดูแลคนไข้ให้มากขึ้น”
“งานพี่ต้น..ดูเหนื๊อยเหนื่อยนะคะ ถ้ามีอะไรที่พลอยช่วยได้ พี่ต้นบอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะช่วงนี้พลอยปิดเทอมแล้ว ไม่มีอะไรจะทำ ได้แต่เที่ยวเล่นไปวันๆค่ะ”
“ขอบคุณ”
พลอยยิ้มให้ ไอศูรย์ยิ้มตอบ จังหวะนี้แลเห็นเพื่อนพลอยที่มหาวิทยาลัย 2 คนเดินเข้ามาในร้าน
“อ้าว..พลอย”
พลอยขอตัวกับไอศูรย์ “พลอยขอตัวเดี๋ยวนะคะพี่ต้น”
ไอศูรย์พยักหน้า พลอยลุกเดินไปทักเพื่อน พวกเพื่อนมองไอศูรย์อย่างสนใจ
“เอ๊..นั่นหมอไอศูรย์ ที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายยายมัทไม่ใช่เหรอพลอย”
พลอยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อย่าบอกนะว่า..เขากับเธอ...” เพื่อนอีกคนถาม
พลอยไม่ตอบ แต่พยักหน้ายิ้มๆ ตั้งใจให้เพื่อนเข้าใจผิด เพื่อนอ้าปากค้างกันไปเลย

ขณะที่มัทนากำลังนั่งอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่ในสวน สร้อยเดินเข้ามาหา
“คุณหนูขา มีเพื่อนมาขอพบคุณหนูคะ”
เพื่อน 2 คน ที่เจอพลอยเมื่อครู่นี้นั่นเองที่เดินเข้ามา สร้อยรีบออกไป มัทนามองแล้วยิ้มดีใจ ในขณะที่เพื่อนทั้ง 2 คน สีหน้าไม่ค่อยดีเลย

ส่วนบุปผากำลังช่วยคนอื่นๆ ทำงานอยู่ในครัว สร้อยเดินเข้ามา ถามทับทิม
“ป้า มีของว่างอะไรมั่ง คุณหนูมีเพื่อนมาหา”
“มีป่อเปี๊ยะสดกุ้ง รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันจัดใส่จานเสร็จแล้วจะให้คนยกเอาไปให้คุณหนูเอง”
“คุณหนูอยู่ในสวนนะ” สร้อยบอก
ทับทิมรับ “เออๆ”
สร้อยจะเดินออกไป แต่ปรายตามองบุปผาที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน แล้วเบ้ปากใส่อย่างชิงชังก่อนจะเดินออกไป พอสร้อยเดินออกไป บุปผาที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองตาม แล้วก็ทำหน้าแบบเดียวกับที่สร้อยทำใส่หล่อนเมื่อครู่ แต่แล้วทำหน้าเหมือนคิดอะไรได้
“ขอฉันไปส้วมเดี๋ยวนะป้า”
ทับทิมพยักหน้าอนุญาต ไม่สนใจบุปผา เพราะจะรีบทำของว่างให้มัทนา บุปผาออกไปทันที

บุปผาเดินเร็วๆ กลับมาที่ห้อง เดินไปเปิดตู้ที่ล็อคอยู่ หยิบเอาขวดยาที่ได้มาจากตาเถาเอาขึ้นมาดู แล้วยิ้มร้ายออกมา

มัทนานั่งคุยอยู่กับเพื่อน 2 คน ตรงมุมนั่งเล่นในสนามหญ้า

“จะมาหาก็ไม่บอกล่วงหน้าเลยนะ ดีนะเนี่ยที่ฉันอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหนน่ะ”
“ที่รีบมาก็เพราะมีเรื่องร้อนใจจะต้องมาบอกเธอน่ะสิ” เพื่อนคนแรกบอก
มัทนาฉงน “เรื่องอะไรเหรอ”
เพื่อนทั้ง 2 คนหันมามองหน้ากัน เป็นเชิงถามกันว่าใครจะเป็นคนบอกเรื่องไอศูรย์กับพลอยให้มัทนาฟังดี ในที่สุด เพื่อนที่ 2 ก็ทนไม่ไหว
“ก็เรื่องพี่หมอ..คู่หมั้นคู่หมายของเธอน่ะสิ..ยายมัท”
มัทนายิ่งงง “พี่ต้นทำไมเหรอ”
สองสาวมีสีหน้าหนักใจ

ทับทิมทำป่อเปี๊ยะสดกุ้งอยู่ บุปผาเดินกลับเข้ามา
“นังบุปผาหยิบจานแบ่งมาที”
บุปผาเดินไปหยิบจานแบ่งมา 3 ใบ 3 สี แล้วเอาเดินมาส่งให้ทับทิม ทับทิมจัดป่อเปี๊ยะสดใส่จาน สวิงเอาผักสดมาแนมให้ในแต่ละจานอย่างเรียบร้อย แล้วทำท่าจะเอาจานของว่างทั้ง 3 ใบนั้นเดินออกไป แต่บุปผาขัดขึ้นก่อน
“ฉันยกไปให้เองจ้ะ”
“แต่มีคำสั่งไม่ให้แกขึ้นไปบนตึกนี่” สวิงท้วง
“พี่หวิงไม่ได้ยินเหรอ เมื่อกี้พี่สร้อยบอกว่าคุณหนูอยู่ในสวน ไม่ได้อยู่บนตึกเสียหน่อย อีกอย่าง..ฉันก็อยากจะรับใช้ปรนนิบัติคุณหนูบ้างน่ะ เมื่อวานตอนที่เกิดเรื่อง ถ้าไม่ได้คุณหนู ฉันก็คงจะเจ็บตัวมากกว่านี้ละ”
สวิงพยักหน้าเข้าใจ ยอมให้บุปผายกถาดใส่จานอาหารว่างออกไปให้มัทนากับเพื่อนๆ

บุปผาเดินถือถาดใส่จานของว่างเข้ามามุมลับตาคนแล้ววางลง เหลียวซ้ายแลขวา ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว หล่อนจึงล้วงหยิบเอาขวดยาของตาเถาออกมาจากเอว นึกถึงคำของตาเถาที่กำชับ
“จำไว้นะ แค่ 2 หยดก็พอแล้ว”
บุปผายิ้มร้ายออกมา ค่อยๆ เปิดฝาขวดออก ก่อนจะหยดลงในจานของว่างใบหนึ่ง มือบุปผาหยดยาลงในอาหารว่างพรวดเดียว ครึ่งขวดเลยทีเดียว
“ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว ฉันจะได้เห็นนังคุณหญิงมันเสียใจเจียนตาย แล้วฉันก็ได้กำจัดนังคุณหนูไปให้พ้นจากหมอไอศูรย์ด้วยเลย”

บุปผายิ้มเหี้ยมสะใจ

อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น