รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 5
ในสตูดิโอริมหาด พาทินเดินดู งานศิลปะในหลายรูปแบบที่ ดนัยเพื่อนรุ่นพี่ขนเข้ามาในสตู เขาสะดุดตากับถ้วยเซรามิคที่รูปร่างเบี้ยว เขานึกถึงถ้วยที่เคยทำเอาไว้เมื่อครั้งเป็นเด็ก ดนัยยืนมองพาทินสำรวจพื้นที่
“เป็นไงทิน ไหวไหม”
“รักเลยพี่ ขนของมาพรุ่งนี้ได้เลยไหม”
“ก็ดีเลย พี่เองเสียดายที่นี่เหมือนกัน แต่ต้องกลับไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ แกอายุเยอะแล้ว”
“พี่เข้ามาทำงานได้เหมือนเดิมที่พี่ทำก็ได้ ผมใช้พื้นที่ทำงานไม่เยอะหรอก”
“ไม่เป็นไร ที่บ้านก็ยังมีพื้นที่พอทำงานได้อยู่”
“ผมอยู่คนเดียว มันเหงาเหมือนกันนะ”
“แกจะนอนที่นี่ด้วยเหรอ”
พาทินพยักหน้ารับ ดนัยถามอย่างสงสัย
“แฟนแกไม่ว่าเอาเหรอ”
“อร เขาเข้าใจผมอยู่แล้วล่ะ”
พาทินสังเกตว่าดนัยหิ้วกระเป๋ากล้องอยู่
“พี่ไปไหนต่อเนี่ย”
“ว่าจะไปถ่าย วีดีโอ ทำอินสตอเลชั่น แถวๆ เขาเต่าหน่อย สนใจหรือเปล่า”
พาทินพยักหน้ารับทันที
พาทินเดินเล่นที่ริมหาด มองดูดนัยเพลินถ่ายวีดีโอ ในบริเวณชุมชนแถวหาดเขาเต่า พาทินยืนมองเรือประมงที่จอด เดินดูชุมชน ชาวเลที่เก็บของ แม่ค้าตากปลา พิชชาที่แวะซื้อของ หยิบใส่ตะกร้ามอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่องวิ่งออกจากชุมชน พาทินเดินจากทางแยก พิชชาขี่รถผ่านหน้าเขาไป เขาหันมาพอดีเห็นเสี้ยวหน้าของเธอ เขาจำเธอได้ทันที รีบจ้ำเดินกลับไป แต่พิชชาขี่รถออกไปไกลแล้ว พาทินวิ่งตามไปที่ถนน แต่เธอหายไปแล้วเขายืนคิด ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือคิดไปเอง
เย็นนั้น พาทินและดนัยนั่งดู วีดีโอที่ดนัยถ่ายเอาไว้ กรอย้อนหลัง เดินหน้าอยู่หลายครั้ง ดนัยถามอย่าไม่เข้าใจ
“แกจะดูอะไรเหรอ”
“เหมือนคนรู้จักน่ะพี่ ไม่เจอกันมาหลายปีแล้ว พี่ๆ หยุดตรงนี้หน่อย”
ภาพในกล้องเห็นพิชชา พาทินยิ้มดีใจ เขามองภาพเธอในกล้องอยู่นาน ใช่เธอจริงๆด้วย
จิราพัชรแต่งตัวเพื่อไปงานแต่งงานขอแม่ไปที่กรุงเทพ เขาได้ยินเสียงเคาะประตู จึงเดินไปเปิด พบว่าพาทินยืนที่ประตู จิราพัชรแปลกใจ
“อ้าว เอ้ย”
“โชคดี ที่แกยังไปออกไป กูขอนอนที่ห้องมึงสองสองคืนได้ไหม”
จิราพัชรสงสัย
“ทำไมวะ”
พาทินและจิราพัชร เดินคุยกันไปตามทางเดินไปตึกใหญ่
“มีเรื่องฉุกละหุกอะไร ถึงกับต้องมาขอนอนกับกูเนี่ย”
พาทินหัวเราะ
“มึงนี่พูดน่าเกลียด”
“อะไรๆ ไม่ต้องมากลบเกลื่อนเลย แค่กรุงเทพ ขับรถไปสองสามชั่วโมงก็ถึงแล้ว มีเรื่องอะไรบอกมา
พาทินยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก สตูดิโอที่เช่าไว้มันยังไม่พร้อมเข้าไปอยู่”
“ไม่ใช่เหตุผลว่ะ”
พาทินจำนนขี้เกียจหลบเลี่ยง เมื่อเพื่อนไล่ซัก
“พอดีเจอคนรู้จัก”
จิราพัชรมองหน้า
“นั่นไง แล้วคนรู้จักนั่นเป็นผู้หญิงใช่ไหม”
พาทินไม่ตอบ จิราพัชรมองเขาด้วยความสงสัย พาทินรีบตัดบท
“จะเล่าให้ฟังทีหลัง”
จิราพัชรพยักหน้ายอมรับ เขายื่นกุญแจห้องให้
“ลับลม คมในนะมึง เอ้า...กุญแจห้อง แล้วนี่มือถือที่มึงลืมเอาไว้ เมื่อคราวที่แล้วแบตจะหมดแล้ว เอางี้ เดี๋ยวกูจะไปฝากชาร์จที่ฟร้อนท์ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเอาก็แล้วกัน”
“มึงไปกี่วัน”
“เต็มที่ก็สองวัน มึงพักตามสบาย ทุกอย่างก็ลงบัญชีห้องเอาไว้ กูมาเคลียร์ทีหลังเอง”
“ขอบใจ”
จิราพัชรนึกได้
“เฮ้ยๆ อันนี้สำคัญ มึงห้ามยุ่งกับคุณช้อยของกูนะ”
พาทินแปลกใจ
“ของมึงเหรอ”
“เออสิ กูรู้มึงไม่ใช่คนแบบ มือไวใจเร็ว แต่กูหวงว่ะ”
พาทินมองหน้าเพื่อน
“เอาจริงเหรอ”
“ไม่มีความหมายหรอก”
“ยังไงของมึง”
“มึงรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวกูกลับมา”
จิราพัชรยิ้มบริสุทธิ์ แบบคนมีความรัก พาทินเห็นรอยยิ้มนั้น จิราพัชรวิ่งออกไป พาทินรู้สึกว่าเพื่อนเปลี่ยนไป
พิชชาทำงานอยู่ที่ส่วนทำงานแผนกแม่บ้าน เธอละมือจากการทำงาน เมื่อจิราพัชรเข้ามาหา
“ผมจะขึ้นไปกรุงเทพ สักสองวัน” เขาหยิบมือถือของพาทินออกมา “อันนี้ของเพื่อนผมฝากชาร์จที่ฟร้อนท์ให้ด้วยนะ เขาจะมาพัก ช่วงที่ผมไปกรุงเทพ ฝากคุณดูแลเขาด้วยนะ”
พิชชารับมือถือมา รับฟังสิ่งที่เขาฝากไว้ด้วยท่าทีเมินเฉย จิราพัชรรู้สึกเก้อเขินที่จะพูดกับเธอเป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้ เขาเดินเข้าไปใกล้ยื่นข้อมือที่ใส่นาฬิกาที่เธอซื้อมาใช้เขา ให้เธอดู
“คุณว่าไง เหมาะกับชุดนี้ดีนะ”
พิชชากวาดตามองแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะวางเฉยต่อ
“เท่ห์ดี ผมชอบกว่าเรือนเก่าอีกนะ”
พิชชายังคงเฉย จิราพัชรสาธยายคุณสมบัติต่างๆ ให้เธอฟัง
“จับเวลาก็ได้ มีไฟสว่างกว่าไฟฉายอีกนะ พอกดตรงนี้แล้วไฟกระพริบด้วย”
พิชชาอดยิ้มไม่ได้ กับท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ของเขา เธอรู้สึกตัวฝืนเก็บรอยยิ้มนั้นไว้ จิราพัชรแอบเห็น เขาดีใจที่เธอคลายความโกรธเขาลงไปบ้าง
“ผมขอโทษนะ เรื่องที่แล้วๆ มา ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณเสียใจนะ”
จิราพัชรรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ ที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา
“ไปล่ะ ไว้ค่อยพบกัน”
จิราพัชรเดินไปท่าทางเก้อๆ เขินๆ พิชชามองหลังเขา รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
พาทินนั่งรอที่เก้าอี้แถวสวน เขานั่งนึกถึงหน้าของพิชชาที่เห็นในวีดีโอของดนัย เขาเผลอยิ้มดีใจ
อย่าไม่รู้ตัว จิราพัชรเดินกลับเข้ามา เขาเห็นพาทินนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
“เออ ยิ้มคนเดียวก็เป็นนะมึง”
พาทินรู้สึกตัว
“ทำไมนานนัก”
“มีธุระหัวใจนิดหน่อย ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง เมื่อกี้เห็นมึงนั่งยิ้มคนเดียว”
“ไปเถอะเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”
“กลับต้องขอสอบสวนหน่อยว่ะ มึงมีพิรุธ”
พาทินหัวเราะ ทั้งคู่เดินไปที่ลานจอดรถ
พิชชาเดินมาที่ฟร้อนท์ หยิบมือถือที่จิราพัชรฝากมา เสียบชาร์จแบตไว้ เธอเขียนโน้ตกำกับเอาไว้ที่เครื่อง แขกห้อง 101
สายวันรุ่งขึ้น พาทินเดินไปตามชุมชน เข้าซอยนั้นซอยนี้ไปทั่วเดินผ่านสุนทรีที่กำลังซื้อปลาจากชาวบ้านที่รู้จักกัน เขาจำเธอไม่ได้
พิชชาเข้ามาทำความสะอาด จัดห้องพักของจิราพัชร หลังจากเสร็จเรียบร้อย เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่ฝากชาร์จ วางไว้ที่โต๊ะ เขียนโน้ตบอกแขกในห้องไว้
พาทินกลับเข้ามาในห้อง ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาหาพิชชาไม่พบ เห็นโทรศัพท์มือถือวางไว้บนโต๊ะ หยิบโน้ตที่เขียนไว้ออกดู เธอเขียนบอกเรื่องของใช้ต่างๆ ที่เตรียมไว้ให้ เสื้อผ้าและข้อความที่ฝากไว้บนมือถือ พาทินเปิดข้อความดู เป็นข้อความของอรอินทุ์ ที่ฝากไว้
“คุณอยู่ที่ไหน โทรกลับหาฉันนะคะ”
“พัชรบอกว่า คุณพบคนรู้จัก”
“โทรหาฉันนะถ้าคุณว่าง”
พาทินมองข้อความของอรอินทุ์ รู้สึกผิดที่ปิดบังเรื่องของพิชชาเอาไว้ แต่ก็ไม่กล้าบอกความจริงให้รู้ พาทินมองโน้ตที่พิชชาทิ้งเอาไว้
“ถ้ามีอะไรติดขัด หรือปัญหาในส่วนไหนของบริการห้อง โทรตามดิฉันได้เสมอค่ะ...ยินดีค่ะ ช้อย”
พาทินมองหมายเลขโทรศัพท์ที่พิชชาทิ้งไว้รู้สึกแปลกใจ
เช้าตรู่วันถัดมา...พาทินยังคงเดินตามหาพิชชา ไปทั่วละแวกนั้น แต่ก็ยังไม่พบเธอ เขานั่งพักที่หาดมองเรือประมงที่จอด มองดูชาวบ้านทำกิจกรรมของพวกเขาไป พาทินมองขอบฟ้าถอนใจ ได้แต่คิดถึงเธอ
ช่วงสายๆ พิชชาเข็นรถที่มีของต่างๆ ที่ใช้ในการเก็บกวาด จัดห้องพัก ไปตามห้องพักในโรงแรม
พาทินนั่งดื่มน้ำในร้านอาหาร เขาโทรคุยกับดนัยไปด้วย
“ขอบคุณมากพี่...ไม่เป็นไรครับ...เขาเป็นคนที่ผมเคยรู้จัก...ครับๆ...แค่นี้ก็ขอบคุณพี่มากเลย...แล้วคุยกันอีกทีนะพี่”
พาทินวางสาย ที่โทรศัพท์มีสัญญาณเตือนว่า แบตเตอรี่อ่อน เขาหยิบโน้ตของพิชชา ออกมาดู กดหมายเลขโทรหา
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
พิชชาเข็นรถอุปกรทำความสะอาดไปตามห้องพัก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นหมายเลขที่ไม่คุ้น พิชชามองหมายเลขสี่ตัวท้ายนั้น รู้สึกแปลกใจ
“สวัสดีค่ะ”
“คุณช้อย ใช่ไหมครับ”
พิชชารู้ว่า คนที่ปลายสายคือเพื่อนของจิราพัชร จากชื่อที่เขาทัก เธอคุ้นเสียงจากปลายสายนั้นมาก
“ค่ะ”
“พาทินผมพักอยู่ห้อง 101 ครับ”
“อ๋อ ค่ะ มีอะไรให้รับใช้หรือคะ”
พิชชานิ่งฟัง แต่ปลายสายก็เงียบไปพักใหญ่ๆ
“ผมต้องวานให้คุณ ชาร์จโทรศัพท์ให้หน่อย”
พิชชาแปลกใจ
“หมดแล้วเหรอคะ”
“มันคงเสื่อมแล้วล่ะครับ”
“ฝากไว้ที่ฟร้อนท์ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้”
ปลายสายเงียบลงไปอีกครั้ง พาทินนิ่งฟังเสียงนั้น
“ขอโทษนะคะ ถ้ามีอะไรไม่สะดวกอยู่บ้าง”
“เบอร์ต่อฝ่ายพนักงาน เบอร์อะไรหรือครับ”
“ทำไมหรือคะ”
“จะบอกเขาว่า ถ้ามีการจัดลำดับพนักงานบริการประทับใจ คุณน่าจะเป็นหนึ่ง
ในนั้น”
พิชชาหัวเราะเบาๆ
“มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วค่ะ...งั้นรบกวนถามเรื่องบริการด้วยค่ะ ทำไมคุณถึงเลือกมาพักที่นี่คะ”
“อืม ผมมาตามหาคนที่เคยรู้จักน่ะครับ”
“แล้วพบไหมคะ”
“ยังเลยครับ...”
พาทินนิ่งฟังเสียงเธอ เขารู้สึกว่าเธอเองก็นิ่งฟังเสียงของเขาเช่นกัน
“ขอโทษนะครับ รู้สึกผมจะตอบไม่ตรงคำถาม”
พิชชารู้สึกว่าตัวเอง ต่อปากต่อคำกับแขก จนเข้าไปรับรู้เรื่องส่วนตัวของแขกมากเกินไป
“เอ่อ ขอตัวนะคะ ต้องวางสายแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวจะจัดการเรื่องโทรศัพท์ให้นะคะ”
“รบกวน ฝากด้วยนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
พิชชาวางสาย แต่มีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับแขกห้อง 101 ที่ค้างอยู่ในใจของเธอ...พาทินเองก็เกิดความรู้สึกแบบเดียวกับพิชชา
พาทินนั่งรถกลับไปที่โรงแรม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสาย
“สวัสดีครับ...ครับผมเอง...อะไรนะครับ...ฮัลโหล ได้ยินไม่ชัดเลยครับ อรทำไมนะครับ โรงพยาบาลครับ ฮัลโหล ๆ”
แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด สัญญาณขาดหาย พาทินมองตัดสินใจ
“ขอโทษด้วยนะครับ รบกวนไปส่งผมที่สนามบินหน่อย”
รถเปลี่ยนเส้นทาง เลี้ยวไปสนามบินหัวหิน
พิชชาเดินมาที่ฟร้อนท์ มองดูส่วนที่ชาร์จมือถือ ไม่มีโทรศัพท์เครื่องนั้น เธอเดินไปถามนิตยา พนักงานที่ฟร้อนท์
“พี่นิ แขกห้อง 101 เข้ามาหรือยัง”
“ยังเลยนะ มีอะไรเหรอ”
“เขาวานให้หนูดูโทรศัพท์ที่ฝากชาร์จน่ะค่ะ”
“ไม่เห็นมีนะ”
“ค่ะ”
พิชชารู้สึกผิดหวังเล็กๆ
อรอินทุ์นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย อัจฉรา มารดาของเธอนั่งอยู่ข้างเตียง พาทินเปิดประตูเข้ามา อัจฉราหันไปมองเขา
“เธอไปอยู่ที่ไหนมา ก็รู้ว่าน้องไม่ค่อยแข็งแรง ยิ่งติดต่อเธอไม่ได้ก็กังวล”
“ขอโทษด้วยครับ”
พาทินมองอรอินทุ์ รู้สึกผิด
อรอินทุ์ยังคงนอนพักบนเตียง พาทินนั่งเฝ้าไข้อยู่ข้างๆ มือของเธอกุมมือเขาเอาไว้ พาทินมองค่อยๆ ดึงมือตัวเองออก ลุกขึ้นจะหยิบของ อรอินทุ์ดึงมือเขากลับไม่ยอมปล่อยกุมมือเขาต่อ ทั้งที่ตายังปิดสนิท พาทินยิ้มกับเล่ห์น่ารักของอรอินทุ์
ค่ำนั้น พิชชามาที่ห้อง เห็นห้อปิดไฟมืด ดูเหมือนแขกที่พักยังไม่กลับเข้ามา เธอหยิบกุญแจออกมา ลังเล...พิชชาไขเข้ามาในห้อง เธอเปิดไฟ จิราพัชรนั่งอยู่ในความมืดที่โต๊ะ ในมือมีแก้วเหล้าอยู่ในมือ เหล้าในขวดดูพร่องไปค่อนขวด พิชชาตกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะพบเขา
“ขอโทษด้วยค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาแล้ว”
พิชชาหันกลับ กำลังจะเดินออกจากห้อง จิราพัชรเรียกไว้
“อยู่ก่อนสิ”
เขาลุกขึ้นท่าทางเมาๆ ทรงตัวไม่ค่อยอยู่เดินไปหาเธอ
“บังเอิญจัง ผมกำลังจะโทรหาคุณอยู่พอดี”
“มีอะไรจะใช้ดิฉันหรือคะ”
“อย่าทำห่างเหินสิ...” เขามองหน้าเธอ “รู้ตัวไหมว่าคุณเป็นคนน่ารัก”
พิชชาถอยออกมา เมื่อจิราพัชรก้าวเข้าหา เขารู้สึกตัว
“เหม็นเหล้าเหรอ”
“มีอะไรหรือคะ”
“ทำไมต้องกินเหล้าน่ะเหรอ”
พิชชาอึดอัดใจ ที่จิราพัชรอยากให้เธอ เข้าไปรับรู้ความรู้สึกของเขา
“ไม่จำเป็นต้องบอกดิฉันหรอกค่ะ ขอตัวนะคะ”
พิชชาเดินปลีกตัวออกมา
“ฉันดื่มฉลองไง ฉลองที่แม่กำลังจะแต่งงานใหม่ แม่จริงๆ ของฉันอยู่เมืองนอก กำลังจะแต่งงานใหม่เป็นครั้งที่ 4 พ่อฉันก็จะแต่งเป็นครั้งที่ 5”
“คุณไปงานวันเกิดของแม่ไม่ใช่เหรอคะ”
จิราพัชรถอนใจ
“ผมมีแม่อยู่สองคน คนหนึ่งทิ้งผมไป ส่วนอีกคนก็ไม่ใยดี ก็ผมไม่ใช่ลูกจริงๆของเขานี่”
พิชชารับรู้เรื่องของจิราพัชร เธอเห็นใจเขา แต่ไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมา
“เออ แล้วนี่ผมมาพูดให้คุณฟังทำไม”
จิราพัชรเห็นพิชชาไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เขาคิดว่าเธอเย็นชากับเขา
“คุณเป็นใคร สำคัญถึงขั้นที่ต้องมาเล่าให้ฟังด้วยเหรอ”
พิชชายังคงนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไร จิราพัชรู้สึกหงุดหงิดกับเธอ
“ผมเข้าใจแล้ว เพราะผมสนใจคุณนี่เอง”
พิชชาคิดว่าเธอต้องรับรู้มากเกินพอแล้ว
“ขอตัวนะคะ”
พิชชาเดินออก จิราพัชรคว้าข้อมือเธอ ดึงตัวเข้ามาใกล้ พิชชาตกใจ
“มาคบกับผมได้ไหม เป็นคนรักของผมได้ไหม”
พิชชาอึ้ง คาดไม่ถึงกับคำขอของเขา
“ผมจะดูแลคุณ ให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“ขอตัวนะคะ ดิฉันต้องกลับไปทำงานต่อ”
จิราพัชรไม่ยอมปล่อย พิชชาดึงมือกลับ เดินหนี เขาดึงเธอเข้ามากอด พยายามจะจูบ พิชชาเบี่ยง
หน้าหลบ ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่ครู่หนึ่ง จิราพัชรรู้สึกตัว เขาผ่อนแรง พิชชาผลักเขาออก เดินหนีไป
พิชชาวิ่งออกมาจากห้อง พาณี ตรวจดูความเรียบร้อยของห้องพักของแขกที่อยู่ตรงข้าม
“ดูเรื่องก้นบุหรี่ ด้วยนะ บางทีแขกก็ทิ้งไว้ตรงสวน”
พิชชาวิ่งมาพบพาณีพอดี พาณีมองพิชชา เสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อย ผมเผ้าของพิชชายุ่งหลุดทรง พิชชารีบเดินจากไป พาณีมองไปที่ห้องที่พิชชาวิ่งออกมา
พิชชาเดินกลับหอพัก เสียงฝากข้อความดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์เปิดดูข้อความ เป็นข้อความจากแขกห้อง 101 อีกคน เธอจำหมายเลขสี่ตัวท้ายได้
“พอดีมีธุระด่วนต้องกลับกรุงเทพ เลยไม่ได้ฝากโทรศัพท์ที่ฟร้อนท์ เกรงว่าคุณจะรอ ต้องขอโทษด้วย แขกห้อง 101”
พิชชา มองข้อความนั้น มีความรู้สึกสองอย่างที่ปะทะกันอยู่ข้างใน เสียใจเรื่องที่จิราพัชรทำ ดี
ใจที่มีบางคนยังใส่ใจเธอ พิชชานิ่งมองข้อความนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ตัดสินใจพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“ไม่เป็นไรค่ะ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนะคะ ขอบคุณที่กังวลเรื่องของดิฉันเป็นเรื่องเล็กน้อยเองค่ะ ช้อย”
พิชชากดส่งข้อความนั้นไป เธอมองท้องฟ้า แสงจันทร์สว่าง
พาทินยืนสูบบุหรี่ ที่ปลายสุดทางเดินของห้องพักฟื้น เขายืนมองแสงจันทร์ที่ส่องลงมา ครุ่นคิดถึงพิชชา ภาพของเธอในวัยเยาว์ และภาพที่เขาพบเธอล่าสุด ผุดขึ้นมาในหัว
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
วันใหม่...จิราพัชรนั่งคิดถึงเรื่องที่ทำกับพิชชาเมื่อคืน กิ่งเทียนเคาะประตู เดินเข้ามาในห้อง จิราพัชรหันไป แปลกใจที่เป็นกิ่งเทียน ไม่ใช่พิชชา
“มีอะไรให้รับใช้คะ”
“แม่บ้านคนเก่าไปไหนล่ะ”
“พิชชา เหรอคะ” กิ่งเทียนน้ำเสียงประชด “ตอนนี้ถูกพักงาน ได้ยินว่าเธอมีเรื่องไม่ดีงามกับแขกคนหนึ่งค่ะ หัวหน้าแผนกรู้เข้า ก็เลยพักงานเธอ เธอคงถูกไล่ออก เพราะแขกท่านนั้น ทำยังไงได้คะท่าน งานแบบนี้ สำหรับคนอย่างเรา มันก็มีแต่เสีย”
จิราพัชรรู้สึกว่าถูกประชดอยู่
“ฉันถามแค่นิดเดียว”
กิ่งเทียนประชดต่อ
“ขอโทษที่ทำให้ท่านรำคาญใจ แต่ดิฉันสงสารเธอน่ะค่ะ นี่ก็เห็นว่าพี่ชายของเธอ พาไปแนะนำให้เจ้าของเงินกู้รู้จัก เธออาจจะต้องแต่งกับเขาเพื่อใช้หนี้”
จิราพัชรคิดตามสิ่งที่กิ่งเทียนเล่า กิ่งเทียนประชดต่อ
“ดิฉันต้องขอตัวนะคะ ถ้าท่านจะออกจากห้องพัก ก็โทรเรียกนะคะ ดิฉันจะกลับเข้ามาทำความสะอาด จัดห้องให้ทีหลังค่ะ ดิฉันยังไม่อยากถูกไล่ออก”
กิ่งเทียนไม่รอคำตอบ หรือท่าทีอะไรของจิราพัชร เธอเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน”
พาทินและดนัย ช่วยขนของเข้าสตูดิโอ อรอินทุ์ เดินตามดู พยายามช่วย ดนัยห้าม
“คุณอร ไม่ต้องหรอกครับ ไปนั่งนิ่งๆ ส่งใจช่วยเจ้าทินมันก็พอ”
อรอินทุ์ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระ เธอหยิบพวกของเล็กๆ น้อยๆ ช่วยจัดระเบียบ ดนัยบุ้ยใบ้ให้พาทินดู พาทินยิ้มปล่อยให้เธอช่วย อรอินทุ์จัดวางภาพเขียนของเขาไว้มุมหนึ่งของสตู เธอเห็นภาพทะเล ก็จำได้ว่าพาทินมีอดีตกับที่นั่น เธอหยิบมันขึ้นมาดู
“ทินคะ หาดนี้อยู่ไกลไหม”
พาทินละมือ มองดูภาพเขียนที่เธอถามถึง
“พาฉันไปหน่อยได้ไหมคะ”
พาทินยิ้มให้ เขาพยักหน้ารับ
จิราพัชรจอดรถ เดินมาตามทางแถวบ้านสุนทรี ตามที่กิ่งเทียนบอก เขาแอบยืนมองที่บ้านหลังหนึ่ง เห็นพงษ์และพิชชา กำลังรอประชาเข้ามา จีราพัชรค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งคู่ พงษ์กำชับพิชชา
“ทำตัวให้ดีๆ ล่ะ คุณประชาเขาเป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่ง เขาชอบแกนะ”
พิชชานิ่งฟังพงษ์พูด โดยที่ไม่รู้สึกอะไร พงษ์เห็นท่าทีของพิชชาก็เดาความรู้สึกของเธอออก
“แกไม่ต้องคิดอะไร ไม่ได้มีแฟนอยู่ไม่ใช่เหรอ ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนรวยมากมาย แต่ถ้าได้กับเขา ชีวิตของเราก็จะดีขึ้น เข้าใจนะ ดีนะที่วันนี้แม่ไม่อยู่พูดกับแกตัวต่อตัวนี่ ค่อยง่ายหน่อย”
เสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาที่ถนนหน้าบ้าน พงษ์เดินไปรับ จิราพัชรค่อยๆ เดินทางสวนมะระ เข้าไปหาพิชชา เธอหันมาเห็นเขาเดินเข้ามาหาก็ตกใจ จิราพัชรคว้าข้อมือเธอดึงไปด้วยกัน...พงษ์และประชา เดินเข้ามาในบ้าน ไม่เห็นพิชชา พงษ์ตกใจ เขาหันมองไปมา เห็นทั้งคู่วิ่งไปทางสวน เขาวิ่งตามออกไป จิราพัชรจูงพิชชาวิ่งหนีไปขึ้นรถที่จอดไว้ขับออกไป พงษ์ตามไม่ทัน เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
จิราพัชรพาพิชชามาที่ชายหาด เขายืนเตะทรายด้วยความหงุดหงิดใจ พิชชายืนอยู่ข้างๆ มองท่าทีของเขา
“ทำไมไม่บอกผมสักคำ เรื่องถูกไล่ออก”
พิชชา มองเขาด้วยความหมั่นไส้ ที่เขาแสดงออกเหมือนว่ามันเป็นความผิดของเธอ
“มันเป็นความผิดของฉันหรือไง”
จิราพัชรถูกพิชชาย้อนถาม เขาพูดไม่ออก พิชชาตัดบท
“ช่างมันเถอะ พูดไปก็มีแต่จะเสียความภูมิใจในตัวเอง”
จิราพัชรทบทวนตัวเอง ในสิ่งที่ทำ เขาสำนึกได้
“คุณคิดว่าเรื่องของคุณ มันทุกข์จนทนรับไม่ไหว เพราะคุณยังไม่รู้ถึงความทุกข์ของคนอื่นๆ เขา อยากฟังบ้างไหมว่าทุกข์ของคนอื่นมันเป็นยังไง ฉันไม่เคยได้อยู่ที่ไหนจนเรียกมันได้ว่าเป็นบ้านสักครั้ง พวกเราต้องย้ายหนีเจ้าหนี้ที่คอยมาทวงหนี้อยู่ตลอด พี่ชายของฉันก็ไม่เอาไหน เกเรมาตั้งแต่เด็กๆ มีเรื่องราวไม่เว้น เคยถูกทำร้ายจนมือข้างหนึ่งใช้ทำงานไม่ได้ แม่ก็ไม่เคยมีความสุข ต้องช้ำใจมาตลอด ตอนนี้เราพอจะอยู่ได้ ด้วยเงินเดือนจากงานที่ฉันทำ ตอนนี้ฉันตกงาน แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
จิราพัชรแย้ง
“ก็ไม่เห็นจะต้องทำแบบนั้นเลย”
“คุณประชานั่นเขามาชอบฉัน ในตอนนี้ฉันมีทางอื่นให้ปฏิเสธเขาเหรอ”
จิราพัชรมองหน้า
“เท่าไหร่ ที่คุณเป็นหนี้เขา ผมจะจ่ายให้”
พิชชามองเขา
“แบบนี้คุณคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม ถ้าจะคบกับผม”
พิชชารู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดออกมา เป็นการดูถูกอย่างแรง เธอตบหน้าเขาทันที
“ฉันเสียใจที่ต้องมาพบคนใจดำอย่างคุณ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
พิชชาเดินไปทิ้งให้จิราพัชรยืนซึม
พิชชาเดินเสียใจมาตามทาง พาทินและอรอินทุ์ นั่งอยู่ในรถ ทั้งคู่จอดที่ประตูทางเข้าอุทยาน พิชชาเห็นพาทินไกลๆ เธอหยุดยืนมองเขาครู่ใหญ่ เธอจำได้ว่าเขาคือพาทิน...พาทินเลี้ยวรถเข้าประตูอุทยานไป พิชชาเร่งฝีเท้าเดินตาม และเปลี่ยนเป็นวิ่งตามรถนั้นไป
พาทินและอรอินทุ์ เดินไปตามชายหาด
“เงียบดี เหมือนภาพที่คุณวาดไว้เลย”
ภาพความหลังของเขากับพิชชา ซ้อนเข้ามาในความคิดของพาทิน
“ที่นี่สำหรับผมมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
อรอินทุ์ เห็นจิราพัชรที่ยืนมองทะเลคนเดียวอยู่ไกลๆ
“นั่นพัชรหรือเปล่า”
พาทินมองตาม
“มาทำอะไรที่นี่ว่ะ” พาทินตะโกนเรียก “เฮ้ยไอ้พัชร”
จิราพัชรได้ยินเสียงตะโกนเรียก เขาหันไปตามเสียงเรียก
พิชชาเห็นรถของพาทินจอดอยู่ริมหาด เธอเหลียวมองหาเขา เห็นชายสองหญิงหนึ่งยืนคุยกันอยู่
ตรงที่เธอเดินจากจิราพัชรมา พาทินยืนคุยกับจิราพัชร ส่วนอรอินทุ์ เดินเก็บก้อนหินสวยๆ และเปลือกหอยเล่น
“โดนตบ” พาทินหัวเราะ “สมควรแล้ว”
“มึงไม่เห็นใจเพื่อนบ้างเลยวะ”
“เออสิ ใครล่ะ”
จิราพัชรไม่ตอบ ลูบคลำแก้มข้างที่โดนตบ พาทินเหล่มองเพื่อน
“คุณช้อย แม่บ้านเหรอ”
“ยังเจ็บอยู่เลยเนี่ย”
พาทินรู้ว่าเป็นช้อย เขารู้สึกหงุดหงิดจิราพัชรขึ้นมาทันที พาทินหยิบก้อนหินบนหาดใกล้ๆ ตัวขว้าง
ระบายอารมณ์ไปในทะเล
“มึงเป็นเพื่อนสนิทของกูนะ แต่กูไม่ชอบให้มึงทำตัวดูถูกผู้หญิงแบบนี้เลยว่ะ”
จิราพัชรรู้สึกแปลกที่พาทินแสดงอารมณ์แบบนี้ออกมา
“เฮ้ยๆ โกรธทำไมวะ”
พาทินรู้สึกตัว
“ขอโทษที...บางทีมึงก็ทำอะไรไม่คิดถึงคนอื่น กูรู้สึกว่าแม่บ้านช้อย เขาเป็นคนดี อย่าไปทำเล่นๆ กับเขาเลย”
“ไม่ได้เล่นๆ กูจริงจัง”
ทั้งคู่มองกัน หยั่งท่าที
“ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน คนนี้กูจริงจัง”
อรอินทุ์ เดินกลับมา เห็นทั้งคู่ดูขึงขัง
“คุยอะไรกันน่ะ ดูซีเรียสจัง”
อรอินทุ์ ยื่นไม้ที่เก็บมาให้พาทิน
“วาดรูปให้ฉันหน่อย”
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 5
พาทินกวาดไม้ในมือไปบนทราย อยู่พักหนึ่งจนเสร็จ ทั้งสามมองรูปที่พาทินวาดบนหาดทราย อรอินทุ์มองดูรูปแล้วยิ้ม เธอรู้สึกว่ามันดูไม่เหมือนเธอ
“ไม่เห็นเหมือนฉันเลย”
พาทินได้ยินอรอินทุ์ วิจารณ์ เขานึกถึงพิชชาคราวที่ต่อว่าเขาในแบบเดียวกัน
“ใช่ พี่ไม่เคยวาดเหมือนเลย”
แขนคู่หนึ่งเข้ามาสวมกอดพาทินจากด้านหลัง พาทินรู้สึกได้ทันทีว่าเป็นพิชชา จิราพัชรประหลาดใจที่พิชชาเข้ามากอดพาทิน อรอินทุ์รู้สึกงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก พิชชาน้ำตาไหล
“พี่วาดได้แย่มาก”
พาทินดีใจ
“พิชชา”
เย็นนั้น จิราพัชรและอรอินทุ์ นั่งอยู่ที่ลานด้านหน้าสตูดิโอ ดนัยชงกาแฟยกเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะ หันไปมองพาทินและพิชชานั่งอยู่ชั้นบน อรอินทุ์หันมาบอก
“ปล่อยพวกเขาคุยกันตามลำพังเถอะค่ะ พวกเขาไม่ได้เจอกันหลายปี”
ดนัยถาม
“เป็นลูกพี่ ลูกน้องหรอกเหรอ”
จิราพัชรไม่ชอบใจ
“ทำไมต้องซักไซร้ อะไรมากมาย”
ดนัยมองหน้าจิราพัชร
“คุณเป็นใคร”
“ผมเป็นเพื่อนของไอ้ทิน แล้วก็เป็นแฟนของพิชชาด้วย”
ดนัยไม่ชอบท่าทีของจิราพัชรนัก เขาลุกเดินออกไปจากวงสนทนา อรอินทุ์ปราม
“พัชรพูดแบบนั้นทำไม”
“ก็ผมรำคาญนี่ พี่เขาจะถามโน่นนี่ทำไม ผมอึดอัด”
จิราพัชรดูว้าวุ่นใจ สงสัยความผูกพันของพิชชาและพาทิน
“สองคนนั่น เป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริงเหรอ”
“ก็ทินเขาเคยบอกว่าอย่างนั้นนะ แล้วจริงเหรอที่เธอเป็นแฟนกับพิชชา”
จิราพัชรยิ้มให้แทนคำตอบ เขายังสงสัยถึงคำตอบที่ยังไม่ชัดเจน
“เป็นญาติกันทางฝ่ายไหน”
พาทินและพิชชานั่งคุยกันที่ลานระเบียง ท่ามกลางข้าวของที่พาทินเพิ่งย้ายเข้ามา ยังไม่ได้จัด
“ไม่นึกว่าจะพบกันแบบนี้ เธอกลายเป็นคุณช้อยไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
พิชชายิ้ม
“ไม่รู้เหมือนกัน”
พาทินมองพิชชาด้วยสายตาโหยหาคิดถึง
“พิชชา...เป็นไงบ้าง”
พิชชาตื้นตันเมื่อเขาถาม ความรู้สึกล้นจน น้ำตารื้น พิชชายิ้ม
“ฉันสบายดีค่ะพี่...แม่ก็ดีกับฉันมาก...ถึงพี่ชายฉันจะเกเร แต่เขาก็ไม่ได้รังแกฉันเลย”
พาทินรู้สึกเจ็บลึกๆ ในใจ กับสิ่งที่พิชชาบอก
“พี่รู้ว่าเธอต้องลำบากหนีหนี้”
“คือ...” พิชชาไม่อยากให้เขากังวล “เราไม่ค่อยมีเงิน แต่ฉันกับแม่ก็ช่วยกันทำงาน ตาม
ประสาแม่ลูก ก็พออยู่ได้ ฉันเป็นคนเข้ากับคนง่าย เลยมีงานทำเล็กๆ น้อยๆ อยู่เรื่อยๆ” เธอมองเขาด้วยความซึ้งใจ “พี่เป็นห่วงฉันหรือคะ”
พาทินพยักหน้ารับ เขาสงสารเธอ น้ำตาคลอ ก้มหน้าซ่อนสายตา พิชชายิ้ม เข้าใจความรู้สึกของเขา
“ห่วงมากไหม”
น้ำเสียงของพิชชา ทำให้ความรู้สึกข้างใน บังคับให้พาทินมองตาเธอ เขาซ่อนน้ำตาไม่อยู่
“มากที่สุด”
พิชชาพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นสายตาของพาทินส่งความรู้สึกทุกอย่างมายังเธอ พิชชาหลบตาพา
ทิน กลัวความรู้สึกตัวเอง เธอนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่
“คุณพ่อคุณแม่ ยังอยู่ที่โน่นเหรอคะ”
พาทินเก็บความรู้สึกนั้นกลับมาซ่อนไว้
“อืม แต่อีกไม่นานก็คงย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
“ฉันคิดถึงพวกท่านเสมอๆ คิดถึงพี่ ช่วงนี้ฉันคิดถึงพี่มาก...มันคงเป็นลางอะไรสักอย่าง...จะเป็นอะไรก็แล้วแต่” เธอเงยหน้ามองฟ้า “ขอบคุณมากที่ทำให้ฉันได้พบพี่อีก ฉันดีใจมากจริงๆ”
พาทินมองพิชชา สิ่งที่เธอพูดทำให้เขายิ่งรู้สึกว่า ความรู้สึกของเขาและเธอเป็นแบบเดียวกัน พาทิน
เอื้อมมือไปกุมมือของเธอไว้ พิชชายิ้มรับความรู้สึกที่เขาส่งมา
อรอินทุ์วางกรอบรูปถ่ายของเธอกับพาทินที่ถ่ายคู่กัน ไว้บนโต๊ะทำงานของเขา พาทินเดินเข้ามา
“คุณไม่ไปส่ง พิชชาเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก จิราพัชรพาเธอกลับไปที่โรงแรมแล้ว”
“เธอดูน่ารักดีนะคะ เห็นคุณเกือบร้องไห้ออกมา คงดีใจที่ได้พบกัน”
พาทินคิดทบทวน
“ผมรู้สึกแปลก”
“ทำไมเหรอคะ”
“มันเป็นทางการยังไงไม่รู้ เหมือนเธอทำตัวให้ห่างเหิน”
อรอินทุ์รู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่พาทินรู้สึก
“คุณบินกลับเที่ยวกี่โมง กินกาแฟก่อนไหม”
อรอินทุ์ยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ”
จิราพัชรขับรถพาพิชชา กลับไปหอพักที่โรงแรม ทั้งคู่นั่งนิ่งในรถมาพักใหญ่
“เป็นลูกพี่ ลูกน้องกันเหรอ”
พิชชาหันไปมองเขา
“ใช่”
จิราพัชรยิ้ม
“โลกแคบจังเนอะ ที่เธอดันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพาทินมัน...อืม เรามาเริ่มกันใหม่ได้ไหม เรื่องที่ผ่านๆ มา ลืมไปให้หมด ขอให้ผมเริ่มต้นใหม่นะ เราสองคน” จิราพัชรรู้สึกเคอะเขิน “เออ ก็คิดซะว่า เพื่อนสนิทของญาติผู้พี่ มาทำความรู้จักก็แล้วกัน” เขาหัวเราะเบาๆ “เขาจะได้ไม่รู้ว่าผมทำคุณตกงาน”
พิชชาตกใจเมื่อจิราพัชรพูดเรื่องตกงาน
“คุณไม่ได้บอกว่าฉันกำลังตกงานใช่ไหม”
“เปล่าๆ ผมไม่ได้พูดอะไร”
“งั้นคุณช่วยไปอธิบายหัวหน้าแผนก เรื่องเข้าใจผิดได้ไหม ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เขาคิด”
จิราพัชรแปลกใจที่พิชชากระตือรือร้นเรื่องงาน
“ฉันอยากได้งานคืน ไม่อยากให้พี่ทินรู้ว่าฉันถูกไล่ออกจากงาน”
จิราพัชรรู้สึกลำบากใจกับคำขอของพิชชา
“ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเอ่ยปากขอร้องใคร...ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
พิชชามองเขา เธอพอจะเข้าใจนิสัยของเขา
“ฉันขอโทษค่ะ ที่ขอคุณมากไป”
ทั้งคู่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ จิราพัชรพูดขึ้นเรียบนิ่ง
“มันสำคัญกับเธอมากเหรอ งานแบบนี้”
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่6