มายาสีมุก ตอนที่ 5
เขมทัตเดินคุยกับภัททิมาที่ทำตัวเรียบร้อย
“ลุงขอบใจหนูมาก ที่ช่วยชีวิตคีรินทร์ ถ้ามีอะไรที่ลุงพอทำให้ได้บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ เราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว”
ภัททิมาทำหน้าเศร้าบีบน้ำตา
“ตอนนี้คุณป้ากับหนู ลำบากเหลือเกินคะ ไม่มีที่พึ่งที่ไหนแล้วคุณลุงพอเป็นที่พึ่งให้พวกเราได้มั้ยคะ”
เขมทัตอึ้ง จำนนกับบุญคุณที่ภัททิมาช่วยคีรินทร์ไว้
ไข่มุกลากกระเป๋าหลายใบมากองรวมกันที่ห้องโถงของบ้านคีรินทร์อย่างเหนื่อย ชลลดามองอย่างสะใจ ภัททิมาเห็นลากกระเป๋าก็เอ็ดให้
“ลากอย่างกับเข่งผัก ใบหนึ่งหลายหมื่นนะยะ เจ๊งไป จะมีปัญญาซื้อใช้ชั้นไหม”
ไข่มุกพูดไปหอบไป
“คุณนายกับคุณลูกไก่เอาแน่เหรอคะ จะมาอยู่บ้านนี้”
“ไม่ใช่แค่อยู่ แต่ต่อไป ชั้นอาจจะได้เป็นเจ้าของบ้านนี้ด้วย”
ชลลดาเปิดกระเป๋าหยิบธูปกำใหญ่มาจุด หลับตาท่องคาถาทำปากมุบมิบ เสร็จก็กระทืบเท้าเปรี้ยงๆ 3 หน เป่าพรวดไปทั่วบ้าน ภัททิมาสะกิด
“คุณแม่ขา ทำอะไร”
“เมตตามหานิยม รับรองหลงกันทั้งบ้าน”
มณีกร่างเดินเข้ามากับช้อย
“ใครเชิญพวกเธอมาในบ้านชั้นมิทราบ เล่นพิเรนแบบนี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
ชลลดากับภัททิมาที่หลับตาท่องคาถาอยู่ก็โผล่งลืมตา ช้อยสำลักควัน
“นึกว่าไฟไหม้ โอ๊ยเหม็นไปหมด”
“คนจะเข้าบ้านเข้าเรือน ก็ต้องดูฤกษ์ดูยาม โบราณว่าให้ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง จะได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีเสนียดมารบกวน”
มณีท้าวสะเอวเสียงลั่น
“เสนียดจะมาเข้าบ้านชั้นไม่ว่า”
ชลลดาพูดอย่างหมายมั่น
“ดิชั้นจะย้ายเข้ามาอยู่ ในฐานะแม่ของหนูลูกไก่ ชัดนะคะ หนูลูกไก่ ห้องไหนใหญ่สุดในบ้านนี้ พาแม่ไปสิลูก”
ไข่มุกยืนหน้าเจี๋ยม รู้ว่าศึกหนักกำลังก่อตัวแน่ ได้แต่อ้ำอึ้ง
“คือหนูไม่รู้ว่า ห้องไหน”
“ไม่มีห้องไหนทั้งนั้น เชิญแม่กับญาติเธอออกไปเดี๋ยวนี้”
ไข่มุกทำอะไรไม่ถูก ชลลดาเดินวนไปวนมารอบตัวมณี มือก็ถือธูปกำใหญ่ ควันโขมง
“หาที่ปักธูปไม่เจอเลย ฝากไว้หน่อยนะคะคุณเจ้าของบ้านใหญ่”
ชลลดาทำปักธูปใส่มณีซ้ายทีขวาที มณีปัดมือชลลดาอย่างแรง มองอย่างเอาเรื่อง ชลลดาเมินหน้า ไปปักธูปที่กระถางต้นไม้ ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน มณีโกรธจัดปรี๊ดแตก
“แน่จริงก็เดินเข้าไป ชั้นเรียกตำรวจแน่ ข้อหาบุกรุก”
ชลลดากับภัททิมาก็อึ้ง สบตากันว่าเอาไงดี เขมทัตหน้านิ่งเดินเข้ามา มองมณีอย่างเอาจริง เสียงเข้ม
“คุณ...พอได้แล้ว ผมเป็นคนอนุญาตให้พวกเขามาพักที่นี่เอง”
มณีอึ้ง ชลลดากับภัททิมาได้ทีก็ยิ้มหยันใส่มณี เดินระรื่นเข้าไปในบ้าน ไข่มุกรีบหิ้วกระเป๋าวิ่งตามชลลดาและภัททิมาเข้าไปในบ้าน
บ้านจินจูที่เกาหลี สายน้ำเกลือห้อยข้างเตียง จินจูนอนหลับตาบนเตียง สภาพอิดโรยตรอมใจเหมือนใกล้จะตาย หน้าตาซีดเสียวมาก แทยอนที่นั่งข้างเตียงมองนิ่งขรึม
“จินจู ทำไมเธอทำร้ายตัวเองขนาดนี้”
จินจูค่อยๆ ลืมตามองตรงแทยอน
“อีกไม่นาน ชั้นจะได้พบยองแอแล้ว” จินจูยิ้มทั้งน้ำตา “ชั้นกับลูก จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ไม่มีใครมาแยกเราได้”
“ชั้น...มีเรื่องจะสารภาพ”
“พี่แทยอน พี่จะพูดอะไร”
น้ำเสียงแทยอนเข้มแต่สั่นเครือ เลื่อนมือไปกุมมือจินจูไว้
“แต่เธอต้องสัญญาก่อนว่าจะยกโทษให้ ชั้นทนเห็นเธอสภาพนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
จินจูมีสีหน้างง
“ยกโทษ เรื่องอะไร”
แทยอนสบตาตรงจินจู พูดเสียงหนัก
“ยองแอ ลูกสาวเธอยังไม่ตาย”
จินจูอึ้ง ตาเบิกโพลงกับคำพูดของแทยอน
ห้องนั่งเล่นบ้านเขมทัต ชลลดากับภัททิมานั่งวางท่า กรีดนิ้วหยิบน้ำที่ช้อยเอามาเสิร์ฟ ช้อยมองค้อน ชลลดาแกล้งจิบน้ำแล้วยกแก้วออกห่างพิจารณา
“อุ๊ยตาย มีฝุ่นในน้ำ เอาไปเปลี่ยนหน่อยนะ” ชลลดาแกล้งยื่นแก้วใส่หน้านุชนารถ พยักพเยิดให้รับไป นุชนารถทำไม่เห็น ชลลดาก็เอาไปขวางหน้าทำเชิ่ดใส่ “เอาไปสิ แน่ะ ทำเฉยอีก ไม่มีคนสอนมารยาทเหรอ”
นุชนารถรับมาแล้วกระแทกลงบนโต๊ะ ชลลดามองแล้วเมิน ยิ้มเยาะนิดๆ ทำเป็นมองรอบๆบ้าน เขมทัตกับรัตนาอยู่ใกล้ๆ ภัททิมา มณีมองแล้วเบะปากรังเกียจ
“บ้านสวยดีนะคะ แต่ติดอยู่นี้ด นี้ดเดียวจริงๆ คือแบบ ของตกแต่ง มันแปลกๆ ดูไม่เข้ากับบ้านเลยค่ะ เหมือนเอาคลองถม มาไว้ในพารากอน”
ช้อยอดไม่ไหว สอดปาก
“ของตกแต่งในบ้านทุกชิ้นคุณมณีเลือกเองกับมือจะแปลกได้ยังไง”
“อุ๊ย ถึงว่า” ชลลดาปรายตามองมณี “โบสุดๆ อย่างกับหลุดมาจากยุคนางทาส แต่ไม่เป็นไรนะคะคุณพี่” ชลลดาปราดไปเกาะแขนเขมทัต “ต่อไปชลจะช่วยดูแล จัดบ้านให้สวยมากขึ้น คุณพี่กลับมาบ้านจะได้สบายหู สบายตา สบายใจ ไม่มีของเก่าของแก่รกตา”
มณีควันขึ้น ขบเขี้ยว
“หนอย เก่าก็ลายครามย่ะ ดีกว่าใหม่เซียงกง กระแดะนัก”
ภัททิมามองนุชนารถ รู้สึกไม่ถูกชะตา นุชนารถมองกลับอย่างหยิ่งๆ ภัททิมาชักเอะใจเลยยิ่งวางท่า
“คุณนุชคะ ห้องนอนชั้นมีฝุ่นอยู่ รบกวนจัดการให้หน่อยนะคะ ชั้นเป็นภูมิแพ้”
“ชั้นไม่ใช่คนรับใช้ค่ะ เป็นพยาบาล”
ภัททิมาทำท่าตกใจเว่อร์ๆ
“อุ๊ย แหม ไม่ได้ตั้งใจจะใช้นะคะ แต่เห็นคุณนุชอยู่ว่างๆ”
“ใครกันแน่จ๊ะที่ว่าง เร่ไปเร่มา ไม่ทำงานสักคน”
“ใช่ค่ะ คนอาไร้ ขี้เกียจขนจะขึ้นตัว”
“นั่นสิคะ งั้นคนขยันอย่างแม่ช้อยก็ทำให้หน่อยนะ เดี๋ยวชั้นทำเองขนจะพันตัว”
เขมทัตมองสาวๆ โต้กันไปมาก็เหนื่อยใจ รัตนามองภัททิมา ยิ้มให้อย่างผูกมิตร ทำท่าอ้าปากจะคุย
แต่ภัททิมาเห็นสะบัดหน้าพรืดเบ้ปากทั้งรำคาญและรังเกียจ
ไข่มุกมาเกาหลีกับคีรินทร์ พอถึงสนามบินอินชอน ไข่มุกมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น คีรินทร์มองยิ้มๆ แล้วรั้งข้อศอกให้เดินคู่
จินจูใส่แว่นดำเดินมาช้าๆ กับแทยอนและยูรี จินจูเดินสวนกับไข่มุก จินจูมองไข่มุกอย่างสะดุดตาแว่บหนึ่ง คีรินทร์รั้งให้ไข่มุกเดินเร็วขึ้น จินจูมองตามหลังแล้วหันกลับมา
“ส่งแค่นี้ก็พอ เดี๋ยวชั้นกับพี่ยูรีก็ขึ้นเครื่องแล้ว”
“ชั้นอยากตามไปด้วย เธอยังไม่หายดีเท่าไหร่ ชั้นเป็นห่วง”
จินจูส่ายหน้า ปลดแขนออก
“ชั้นไปได้ ไม่ต้องห่วง ไปเถอะพี่ยูรี”
จินจูกับยูรีเดินกำลังจะเข้าประตู แทยอนมองส่งตาโศก แทยอนกำลังจะหันหลังกลับ แต่ยูรีเสียงดังขึ้นมา
“จินจู จินจู”
จินจูหน้ามืดล้มอยู่ในอ้อมกอดยูรี แทยอนมองจินจูที่เป็นลมอย่างตกใจมาก
คีรินทร์กับไข่มุกนั่งอยู่ด้านหลังรถหรู ไข่มุกเกาะกระจกมองวิวอย่างตื่นเต้น คีรินทร์ยิ้มเอ็นดู มีเด็กข้างทางโบกมือให้ ไข่มุกโบกตอบ
“โซลวิวสวยดีนะคะ ชั้นเพิ่งเคยมาเมืองนอกเป็นครั้งแรก กลางคืน ที่นี่น่าจะสวย น่าเที่ยวจัง”
“ครั้งแรกอะไร แอ๊บอีกละ มากับผู้ชายเป็นครั้งแรกล่ะสิ ทำมาเป็นพูด”
ไข่มุกทำหน้าตูม ค้นของในกระเป๋าหยิบสมุดออกมาเปิดในสมุดเป็นแบบจำลองบอร์ดของไข่มุก คีรินทร์มองแล้วตกใจ
“เฮ้ย อะไรเนี่ย”
“บอร์ดของชั้นค่ะ แบบพกพาสะดวก นี่แน่ะ ปากเสีย ตัดหนึ่งแต้ม”
ไข่มุกขีดฆ่าดาวออกหนึ่งดวง ยิ้มเย็นมองคีรินทร์
“แสบมาก นี่ชั้นยังไม่พกมาเลยนะ ไม่เอา เมื่อกี้ไม่นับ”
“ว่าชั้นแสบ ตัดไปอีกดวง”
ไข่มุกทำท่าจะขีดฆ่า คีรินทร์แย่งปากกาในมือ ไข่มุกยิ้ม หยิบอีกแท่งในกระเป๋า
“ขี้โกงนี่ ลูกไก่ อย่าโกงชั้น ห้ามตัดนะ”
คีรินทร์จะแย่งสมุด ไข่มุกชูสูง
“ตอนแรกว่าจะไม่ตัด แต่ว่าชั้นขี้โกง งั้นลบหนึ่ง”
“โหย เมียเรา ใจร้ายที่สุดในสามโลก ไว้ชั้นกลับไปจะแปะจุ๊บในบอร์ดชั้นแก้แค้นบ้าง คอยดู”
ไข่มุกหัวเราะสดใส คีรินทร์แกล้งหอมข้างแก้มเร็วๆ แล้วอมยิ้ม
จินจูนอนอยู่บนเตียงหลับตา แทยอนคลุมผ้าห่มให้อย่างทะนุถนอม จินจูลืมตาขึ้น แทยินจับมือจินจูมาแนบที่ใบหน้าตัวเอง จินจูมองแทยอนอย่างเฉยชา
“ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วย”
แทยอนไล้นิ้วบนหลังมือแผ่วเบา
“เธอต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงก่อน ชั้นสัญญา ถ้าเธอหายดีเมื่อไหร่ ชั้นจะพาเธอไปหาลูกจนเจอ นอนซะจินจู”
“สัญญานะคะ”
จินจูสบตาแทยอน แทยอนมองด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง พยักหน้าให้ จินจูยอมหลับตาลง แทยอนลูบผมจินจูเบาๆ ใบหน้าเศร้าสร้อย
ไข่มุกนั่งอยู่ในล็อบบี้โรงแรมหรู คีรินทร์เดินเข้ามาหาแล้วยิ้มให้
“ชั้นจะเข้าไปคุยเรื่องงานกับประธานก่อน เดี๋ยวจะมีพนักงานพาเธอไปที่ห้องนะ พักผ่อนไปก่อนได้เลย”
“คุณไม่ไปด้วยเหรอคะ ไม่เหนื่อยเหรอ นั่งเครื่องตั้งหลายชั่วโมง”
“มือชั้นนี้แล้ว สบายมาก” คีรินทร์ทำท่าเอะใจ “ฮั่นแน่ แอบเป็นห่วงชั้นล่ะสิ ทีหลังไม่ต้องแอบ ห่วงตรงๆ เลยก็ได้ ชั้นชอบ”
“พูดเล่นอีกแล้วคุณนี่ ไปทำงานเลย”
“อ๊ะแน่ ทักหน่อยทำเป็นเขิน ไปก็ได้”
คีรินทร์ทำท่าจะเดินไปแต่หันหลังกลับมาจุ๊บหน้าผากไข่มุกทีนึง ไข่มุกสะดุ้ง คีรินทร์ยิ้มทะเล้นแล้วเดินไป
พอเข้ามาในห้องพัก ไข่มุกเปิดม่านมองออกไปข้างนอกเป็นวิวเมืองโซลสวยมาก ไข่มุกยิ้มนิดๆ มองไปรอบห้องอย่างมีความสุข ไข่มุกเดินมาที่เตียงแล้วทุ่มตัวลงนอนแต่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน ไข่มุกหยิบมาดู
“ตามมาถึงนี่เลย”
ไข่มุกกดรับ แทรกเสียงชลลดาเข้ามา
“ถึงแล้วล่ะสิ สวยมั้ยล่ะเกาหลี”
“สวยดีค่ะ แต่รถเยอะ คุณผู้หญิงมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“นิดนึงย่ะ ไปแล้วอย่าเอาแต่เที่ยวเพลินล่ะ พาสปอร์ตก็เก็บให้ดีๆ อย่าให้ความแตกเชียว ไม่งั้นถ้าโดนเขาทิ้งที่นั่น ชั้นไม่ตามไปช่วยนะยะ อ่อ อย่าลืมอ้อนคุณรินซื้อของมาฝากชั้นเยอะๆ ด้วย”
“แต่หนูเกรงใจ ไม่มีตังด้วย”
“ฮึ้ย เกรงใจอะไร อ้อนไปเถอะน่า ไม่เสียหาย แค่นี้นะ”
ชลลดาตัดสาย ไข่มุกอึ้งถือสายค้าง ใบหน้าเริ่มกังวล
ยูรีเดินถือตะกร้าผลไม้เข้ามาในห้อง จินจูกำลังลุกขึ้นจากเตียง ยูรีปราดเข้าไปประคอง
“จินจู จะไปไหน ลุกขึ้นทำไม”
“ชั้นอยากไปเดินเล่นหน่อยน่ะ พี่ยูรี”
“ไม่ได้ๆ ท่านคิมสั่งไว้ว่าให้อยู่เฉยๆ เชื่อชั้นเถอะนะ”
จินจูจับมือยูรี
“แค่นิดเดียวเอง ชั้นจะออกกำลังกายให้รีบหายให้เร็วที่สุด จะได้ไปเจอลูกที่เมืองไทย เขาต้องรอชั้นอยู่”
จินจูส่งสายตาอย่างมีความหวัง ยูรีมองอย่างเป็นห่วง
ไข่มุกเดินเล่นชมวิวในสวนด้วยใบหน้ากังวลนิดๆ แต่พอเห็นดอกไม้บานก็ยิ้มออก จินจูเดินอยู่ไม่ไกล กำลังเดินเหม่อ มองรอบด้าน ไข่มุกกับจินจูเดินเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ ไข่มุกเห็นเงาคนทำท่าจะเงยมองแต่นกพิราบขาวบินตัดหน้า พอมองเลยไปก็เห็นฝูงนกพิราบกำลังจิกอาหารอยู่ในสวน ไข่มุกตาโตเดินเข้าไปใกล้อย่างนึกสนุก
คลาดกับจินจูที่กำลังจะเดินสวนกัน
จินจูใส่แว่นดำดูท่าทางเหนื่อยอ่อนเดินมาเรื่อยๆ แล้วหยุดนั่งพักตรงม้านั่ง ใบหน้านิ่วไม่สบายและเศร้า
ไข่มุกเดินถือดอกไม้สวยๆ ดมเล่นอย่างมีความสุขแล้วนั่งลงหันหลังชนกัน ไข่มุกนั่งร้องเพลง ชื่อเพลง “จอมนางวังหิมะแดง” จินจูได้ยินก็ขมวดคิ้วนิดๆ
ไข่มุกร้องเพลงไปเริ่มออกอาการร่ายรำโดยใช้ผ้าแบบตวัดอากาศไปมา จินจูใบหน้าเรียบเฉยแต่เริ่มมองอย่างสนใจ ไข่มุกทำท่าตวัดผ้าแล้วหันกลับมาสบตาจินจู ชะงัก จินจูมองหน้าไข่มุก ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ไข่มุกเขม้นมอง จินจูมองตอบ
“หืม หน้าคล้ายจินจูมาก แต่ซุปตาร์จะมาเดินคนเดียวได้ยังไง สงสัยทำศัลยกรรมมาแหง เหมือนซะ” ไข่มุกพึมพำแล้วเขม้นมอง “โห สวยมาก สวยจริงๆ ผิวเนียนใสปิ๊ง ทำยังไงถึงเหมือนขนาดนี้เนี่ย”
“เหมือนขนาดนั้นเลยเหรอ”
จินจูถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไข่มุกอึ้ง ยิ้มอายๆ
“อุ้ย ฟังภาษาไทยออกด้วย ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไร”
“คุณมาเที่ยวที่นี่เหรอคะ ชั้นเองก็เพิ่งมาถึงวันแรก”
จินจูไม่ตอบ แต่ส่ายหน้าให้ไข่มุกอย่างไว้ตัวนิดๆ ไข่มุกยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน สดใส จินจูเลยยิ้มจางๆ ตอบ
จินจูเดินเล่นกับไข่มุก จินจูเดินหน้านิ่งห่างออกไปนิดหน่อย แต่ไข่มุกยิ้มเต็มที่อย่างมีความสุข
“หนูชอบดูหนังเกาหลีย้อนยุคมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะหนังของจินจูเป็นแฟนพันธุ์แท้เลย คุณรู้มั้ยคะ หนูจำท่าในหนังของจินจูได้หมดเลยนะ”
จินจูเลิกคิ้วถาม
“จริงเหรอ”
“คุณทำท่าเหมือนไม่เชื่อ งั้นดูนี่นะคะ” ไข่มุกวิ่งออกไปตั้งท่ามวย กระโดดเตะอากาศแล้วชกรัวหมัดติดต่อ พอลงพื้นก็ตวัดวาดเท้าไปข้างหลัง “มังกรขาวพิฆาตปฐพี”
“ท่านี้ชื่อ มังกรขาวปฐพีพินาศ”
ไข่มุกทำหน้าตกใจ
“จริงด้วย คุณจำเก่งกว่าหนูอีก”
ไข่มุกตวัดเท้ากลับมายืน เตะขาสูงรัวไม่ยั้ง ตวัดตัวหมุนลงมายืนตั้งท่า จินจูมองนิ่ง
“อินทรีทะยานฟ้า อันนี้จากเรื่อง จอมนางสะเทือนโลกันต์”
จินจูพยักหน้าให้ว่าถูกต้อง ไข่มุกยิ่งเพลินฉีกยิ้มกว้าง ก้มลงหยิบกิ่งไม้มาทำเป็นดาบ รำดาบอย่างคล่องแคล่ว
“ดาบเลือดหงส์สยบพิภพ ย่าห์”
ไข่มุกตวัดกิ่งไม้รัวแล้วทำท่าโดดแบบกำลังภายใน ลงบนพื้นม้วนหน้ากลิ้งตัวแล้วลุกขึ้นมายืน ใบหน้าเลอะฝุ่น หัวยุ่ง จินจูส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ต้องจับดาบด้วยมือซ้าย ซอนอินถนัดซ้าย”
ไข่มุกรีบเปลี่ยนดาบในมือ
“หนูลืมไป ซอนอินที่จินจูเล่นเป็นเทพธิดาดาบซ้าย นี่แสดงว่าคุณต้องเป็นแฟนหนังจินจูเหมือนกันใช่มั้ยคะ จำแม่นมาก”
ไข่มุกมองจินจูตาเป็นประกาย จินจูยิ้มนิดๆ อย่างนึกเอ็นดู แต่ยังไว้ท่า
“หนูมีพรสวรรค์ อาจจะมีมากกว่าจินจูตัวจริงด้วยซ้ำ”
“ไม่หรอกค่ะ จินจูเก่งกว่าหนูเยอะ หนูไม่กล้าเทียบหรอก”
“คิดอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่สิคะ จินจูทั้งเก่งทั้งสวย เพอร์เฟคทุกอย่าง”
จินจูได้ยินทำหน้าขมขื่นนิดๆ แค่นยิ้มให้ตัวเอง
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แบบนั้นหรอก”
“ยกเว้นจินจูไว้คนนึงค่ะ แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาไม่ค่อยสบาย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง หนูอยากให้เขาหายไวๆ”
“ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ขอบใจนะ”
“แหม คุณไม่ต้องขอบคุณแทนหรอกค่ะ คุณไม่ใช่...”
ไข่มุกชะงัก มองหน้า ทำหน้าพิจารณา ชักคุ้นๆ จินจูถอดแว่นยิ้มเยือกเย็น ไข่มุกทำท่ากรี๊ดแบบไม่มีเสียงตาโต ปากสั่น
“จิน จินจู”
“วันนี้หนูทำให้ชั้นสนุกมาก ขอบใจนะที่ชอบชั้น”
ไข่มุกมองหน้าจินจู จินจูยิ้มอ่อนโยน ไข่มุกอึ้งตาค้าง ทำท่าจะกรี๊ดอีกแต่ หงายหลังลงไปอย่างคนลมจับ
ศาลาพักในสวน จินจูนั่งข้างๆ ไข่มุกที่พัดตัวเองแต่ตาจ้องจินจูอย่างปลาบปลื้ม จินจูมองหน้าไข่มุกรู้สึกถูกชะตาขึ้นมานิดๆ ปนเอ็นดู
“ดีขึ้นหรือยัง มึนหัวอยู่หรือเปล่า”
“หนูแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยนะค่ะ เลยเป็นลม ไม่ได้เป็นอะไร”
“ก็ดี งั้นชั้นไปก่อนนะ”
จินจูลุกทำท่าจะเดินออกไป ไข่มุกลุกตามหยิบโทรศัพท์ทำท่ากระมิดกระเมี้ยน
“เอ่อ ขอถ่ายรูปคู่หน่อยนะคะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”
“ได้ มายืนตรงนี้สิ” จินจูพยักหน้าตีหน้าขรึม ไข่มุกยืนข้างๆ ใช้ไอโฟนถ่ายรูปคู่ ไข่มุกยกมือไหว้ขอบคุณ “ชั้นไปก่อนล่ะ ไว้ถ้าเรามีโชคชะตาต่อกัน คงได้เจอกันอีก”
จินจูเดินไป ไข่มุกวิ่งตามไปดักหน้า มองหน้าดีใจและมีความสุข
“หนูก็ดีใจที่ได้พบคุณค่ะ ดีใจมากๆ ดีใจที่สุดในชีวิตเลย”
จินจูยิ้มให้ สบสายตาไข่มุก แล้วเดินจากไป
คีรินทร์นั่งอยู่ในห้องทำหน้าเอือมสุดๆ ข้างๆ เป็นไข่มุกกำลังทำตาเป็นประกาย
“จริงๆ นะคะคุณรินทร์ จินจูตัวจริงน่ารักมากๆ เป็นกันเอง ไม่หยิ่งสักนิด ใจดี น่ารักด้วย”
“เว่อร์เปล่าเนี่ย”
“ไม่เว่อร์ค่ะ ตัวจริงสวยกว่าในทีวีเยอะ ชั้นดีใจจริงๆ ที่ได้เจอเหมือนฝันเลย ได้ถ่ายรูปคู่ด้วย ฝันที่เป็นจริงชัดๆ เสียดายลืมขอลายเซ็น”
คีรินทร์มองยิ้มๆ
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าบ้านเขาอยู่ไหน”
“อืม ลืมไปเลยค่ะ ไม่ได้ถามไว้”
“น่าจะถามเนอะ จะได้เอาเธอไปหย่อนทิ้งไว้สักสองคืน ชั้นจะได้ตะลุยราตรีโซลให้ชุ่มปอด”
ไข่มุกมองหน้า ยิ้มเย็น
“ไปสิคะ แต่ระวังแต้มติดลบนะ”
“โหย ความดีชั้นเยอะเกินแต้มไปแล้ว ทั้งพามาเกาหลี ทั้งได้เจอจินจู เอาน่า ทำดีขนาดนี้ขอฟาดสักทีนะครับ คุณภรรยา”
คีรินทร์กอดอ้อน ไข่มุกดึงออกแล้วยิ้มให้ คีรินทร์นึกมีหวังแล้ว
“ได้เลย” ไข่มุกเอาหมอนฟาด “เอาอีกหลายๆ ทีก็ได้”
“โกงนี่นา เอามานี่เลย”
“เอาไปสิคะ” ไข่มุกทำท่ายื่นหมอนให้
“ชอบแกล้งชั้นดีนัก ระวังชั้นเอาคืนสองเท่า”
“ชั้นก็เอาคืนกลับสามเท่าไง”
ไข่มุกแกล้งยื่นให้คีรินทร์คว้า คีรินทร์โถมเข้าหาทั้งตัว กอดทั้งคนทั้งหมอน
ไข่มุกดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอด
ที่บ้านเขมทัต ชลลดากับภัททิมานั่งทาเล็บอวดสีกัน รัตนานั่งมองอย่างสนใจ นุชนารถมองอย่างหมั่นไส้
“พี่ไข่มุกทาเล็บสวยจัง ขอหนูนาดูหน่อยสิคะ”
ภัททิมาชักหนี
“อย่าแตะ เดี๋ยวสีหลุด อยากทาก็ให้นางพยาบาลประจำตัวทาให้” ภัททิมาปรายตามองนุชนารถ “แต่ยาทาเล็บชั้นแพงๆ ทั้งนั้น ใช้เป็นมั้ย ระวังหน่อยละกัน ถ้าหกไปจะไม่มีเงินมาซื้อคืนชั้น”
“ชั้นไม่อยากแตะของๆ คนอื่น โดยเฉพาะของที่เจ้าตัวไม่รู้ผ่านอะไรมาบ้าง กลัวติดเชื้อ”
ภัททิมาถลึงตา ชลลดาทำท่าจะใส่แต่เห็นเขมทัตกับมณีเดินมาก่อน ชลลดายิ้มหวานให้เขมทัต มณีค้อนขวั่บ
“สวยกันใหญ่ วันๆ ไม่มีอะไรทำหรือไง หรือชอบแต่เกาะชาวบ้านเขากิน”
ชลลดายกนิ้วโชว์
“ไม่สวยเหรอคะคุณมณี หรือสีนี้ไม่ชอบก็มีอีกนะคะ” ชลลดาทำท่าหยิบสีอื่นมาโชว์ “อย่างอันนี้พวกรุ่นป้าๆ จะชอบกัน เหมาะกับคุณมณีดีนะ”
“หล่อนว่าชั้นป้าเหรอ ยัยกาฝาก”
เขมทัตดึงมณี มณีสะบัด
“ไม่เอาน่าคุณมณี คุณชลเขา...”
“หยุด หยุดเลย ถ้าจะเข้าข้างยัยนี่ก็ไม่ต้องพูด หล่อนก็ด้วยชลลดา ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ ให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร อย่าทำวางก้ามให้มากนัก เดี๋ยวจะโดนดีดออกจากบ้านไม่รู้ตัว”
“อุ๊ยๆ กลัวจังเลย อย่าดีดแรงนะคะ เดี๋ยวจะเจ็บเข้าเล็บเอง”
ชลลดายิ้มหวานสายตาร้ายปรายไปทางเขมทัตเป็นนัยๆ สบตากับมณี มณีมองหน้าแค้นจัด
ที่เกาหลี คีรินทร์จูงมือไข่มุกเดินอยู่บนกำแพง ไข่มุกป้องตามองอย่างตื่นเต้น คีรินทร์ถ่ายรูปไข่มุกตอนเผลอด้วยโทรศัพท์ ไข่มุกรู้ตัวหันมาจะแย่ง
“อย่าถ่ายตอนเผลอสิคะ ตาหยีแน่ๆ เลย”
“น่ารักดีออก เป็นธรรมชาติ แบบว่าธรรมชาติให้มาแค่นี้ไง” ไข่มุกค้อนใส่ คีรินทร์หัวเราะแล้วโอบเข้ามาถ่ายคู่กัน แกล้งทำท่างอนแก้มป่องใส่กล้อง “อะหือ ดูสิ ชั้นน่ารักซะไม่มี ไป บ่ายนี้ว่างทั้งวัน ชั้นจะพาเธอเที่ยวให้ทั่วเลย เดินให้ขาขวิดเลย”
“คุณนั่นแหละจะขวิดก่อน”
คีรินทร์จับมือไข่มุกเดิน ไข่มุกวิ่งนำแล้วหันกลับมามอง คีรินทร์ยกนิ้วโป้งชมว่าเยี่ยม ไข่มุกชักมันทำท่ารำ คีรินทร์หัวเราะคอยจับภาพตลอด ไข่มุกทำท่ากระโดดไปมาแบบในหนัง โชว์คิวบู๊ตามแบบหนังของจินจู คีรินทร์หัวเราะเสียงดัง แล้วกวักมือเรียกไข่มุกเข้ามาใกล้ ไข่มุกเดินมาหา คีรินทร์โอบไหล่เข้ามาถ่ายรูปคู่ ทำปากนับ หนึ่งสองสาม
แล้วขโมยหอมแก้มไข่มุก หัวเราะร่าเริง
คีรินทร์เดินใกล้ๆ กับไข่มุก ไข่มุกมองไปรอบๆ อย่างมีความสุขแล้วสะดุ้ง เมื่อมีมือยื่นถือดอกไม้มาขวางหน้า คีรินทร์ยิ้มให้แล้วยื่น ไข่มุกยื่นมือมาจะรับ คีรินทร์ยกหนีจากมือแล้วเสียบทัดหูให้ ไข่มุกยิ้มเขินคีรินทร์ถ่ายรูป มองด้วยความเอ็นดู
คีรินทร์กับไข่มุกไปเดินที่ดองนัม ไข่มุกเลือกดูของอย่างสนใจ คีรินทร์หยิบกล่องขนมของฝากขึ้นมาดูทำท่ามองอย่างแปลกใจ ไข่มุกหัวเราะคิกคัก คีรินทร์เลือกหยิบขนมอื่นๆ เต็มมือ ทำท่าจะเอาเงินแต่ก็ไม่มีมือจะเอา มองไปทางไข่มุก ไข่มุกหยิบมาจ่ายให้
“ซื้อทำไมเยอะแยะคะ”
“ก็เธอทำหน้าเหมือนอยากกิน ขนมพวกนี้เด็กๆ ชอบ”
“แต่ชั้นไม่เด็กแล้วนะ”
“งั้นคืนนี้พิสูจน์กันมั้ยล่ะ”
คีรินทร์ทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“คุณนี่ ทะลึ่งได้ตลอดเวลา”
คีรินทร์ยิ้มหวานเอาใจไข่มุก ไข่มุกแกล้งทำหน้างอเลยหลุดขำ คีรินทร์ยื่นขนมให้ ไข่มุกรับมาสบตามองหวานๆ
จินจูยืนอยู่หน้ากระจกกำลังใส่ตุ้มหูไข่มุก แทยอนมองด้วยสายตารักใคร่
“เจอเรื่องอะไรมาเหรอจินจู ดูเธอสดชื่นขึ้นมาก ชั้นดีใจจริงๆ”
จินจูหันกลับมาหา
“พอดีชั้นบังเอิญเจอเพื่อนใหม่ เป็นคนไทย เด็กคนนี้น่ารักมาก เห็นเขาแล้วนึกถึงลูก ยองแอคงอายุรุ่นๆ เดียวกัน คงจะน่ารักและเก่งไม่แพ้เขา”
“งั้นหรือ ดูท่าเธอจะถูกชะตากับเด็กคนนี้มากนะ”
“คืนนี้เราออกไปทานข้าวนอกบ้านกันมั้ย โซลกลางคืนยังสวยเหมือนเดิมหรือเปล่า แทบจะลืมไปแล้ว”
แทยอนมองอย่างแปลกใจ
“จริงเหรอจินจูเธอไม่ยอมออกไปข้างนอกกับชั้นนานมากแล้วนะ”
“ชั้นต้องทำตัวทำใจให้แข็งแรงคะ ลูกรอชั้นอยู่”
จินจูมองหน้าแทยอนอย่างเข้มแข็ง แทยอนยิ้มรับด้วยแววตาสดใสไม่แพ้กัน
ห้องอาหารเกาหลีสุดหรู คีรินทร์กับไข่มุกนั่งดูเมนูด้วยกัน คีรินทร์จิ้มเมนู
“เมนูชื่อดังของที่นี่ ไก่ตุ๋นโสมเอานะ”
“เอาค่ะ อันนี้อะไรคะ”
“จาจังมยอน บะหมี่ผัดซีอิ๊วดำ เอาอันนี้ด้วยนะ” ไข่มุกพยักหน้า “บิบิมบับ ต็อกโบกี เนื้อคาลบี บุลโกกิ กิมจิชิเก เอาอันไหนดี”
“เอา...เอาหมดเลยค่ะ”
พนักงานยืนจด คีรินทร์หันมามองขำๆ พนักงานเดินไป
“โห อะไรจะหิวขนาดนั้น สั่งมากินหมดนี่สามชั้นถามหาแหง”
“ก็วันนี้ชั้นออกแรงเยอะนี่คะ นี่หิวท้องร้องแล้ว”
“ก็เล่นคิวบู๊ทั้งวันซะขนาดนั้น ไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว”
แทยอนกับจินจูเดินเข้ามาในร้าน กำลังจะเดินผ่านโต๊ะไข่มุก ไข่มุกเห็นจินจูก็ดีใจ เผลอร้องเรียก
“คุณจินจู”
จินจูหันมา ถอดแว่นมอง เห็นเป็นไข่มุกก็ยิ้มนิดๆ แทยอนแตะแขนกระซิบถาม
“รู้จักกันเหรอ”
“ก็เพื่อนคนไทยที่ชั้นบอกไงคะ” จินจูมองไข่มุกที่ยิ้มกว้างให้ “สงสัยชะตาของเราจะต้องกันจริงๆ”
มายาสีมุก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ไข่มุกยิ่งยิ้มเข้าไปใหญ่ จินจูยิ้มนิดๆ อย่างเอ็นดูแล้วเดินไปที่โต๊ะในห้องส่วนตัวที่จองไว้ แทยอนมองจินจูที่นั่งอยู่ท่าทางมีความสุขนิดๆ สลับกับมองไข่มุกผ่านทางกระจก
แทยอนมองเรียกพนักงาน ทำท่ากระซิบบอก พนักงานพยักหน้าเข้าใจ พนักงานเดินมาที่โต๊ะคีรินทร์
“คุณครับ คุณคิมขอเชิญไปร่วมโต๊ะด้วยกันครับ”
คีรินทร์กับไข่มุกมองหน้ากัน ไข่มุกดีใจ รีบพยักหน้า
ทั้งสี่คนนั่งกินอาหารในห้องส่วนตัว จินจูคุยกับไข่มุกอย่างถูกใจ
“ความดีความชอบต้องยกให้เขาด้วย คุณคิมเขาทำหนังเก่ง ที่ชั้นดังได้ก็เพราะเขา”
ไข่มุกหันไปหาแทยอน
“หนูได้ยินชื่อคุณคิมบ่อยเหมือนกันค่ะ เป็นแฟนหนังของคุณเลยด้วยแต่ส่วนใหญ่หนูจะชอบดูหนังที่คุณจินจูเล่น โดยเฉพาะเรื่องจอมนางวังหิมะแดง หนูดูจนแผ่นสึกเลยค่ะ”
“เรื่องนั้นแทบจะดังไปทั่วเอเชียเลยก็ว่าได้ เล่นได้สมบทบาทจริงๆ สมกับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของทั้งจินจูและชั้นเลย”
ไข่มุกพยักหน้ารับ หันหาจินจู
“ใช่ค่ะ ว่าแต่ พักหลังๆ นี้หนูไม่ค่อยเห็นคุณเล่นหนังใหม่เลย”
“ชั้นอายุมากขึ้นแล้ว ก็อยากจะพักผ่อนบ้าง”
“คุณยังสวยปิ๊งไม่เปลี่ยนเลยค่ะ ไม่แก่สักนิด ตอนนี้แฟนๆ กำลังรอดูหนังเรื่องใหม่ของคุณนะคะ หนูเองก็ด้วย”
“คนนี้เขาแฟนคลับตัวยงครับ ท่ารำ คิวบู๊ จำได้แม่นเป๊ะ” คีรินทร์บอก
“ชั้นพิสูจน์มาแล้ว จริงมั้ย”
จินจูสบตากับไข่มุก ไข่มุกยิ้มกว้างให้ แทยอนมองทั้งสองคนอย่างปลื้มใจนิดๆ
“จินจูกำลังจะมีหนังเรื่องใหม่เร็วๆ นี้ล่ะ เป็นเรื่องที่ลงทุนสร้างร่วมกันระหว่างไทยกับเกาหลี นี่อีกไม่นานก็คงจะไปประเทศไทยเหมือนกัน”
“ถ้ามาไทยเมื่อไหร่ เชิญไปพักที่โรงแรมผมได้เลยนะครับ รับรองว่าจะบริการเต็มที่”
“ได้ ชั้นไปแน่นอน”
จินจูยิ้มให้ไข่มุกอย่างอ่อนโยน ไข่มุกยิ้มรับหวานเต็มที่ แววตามีความสุขมากๆ
คืนนั้นระหว่างอยู่ในห้องพัก คีรินทร์หันไปหาไข่มุกที่นั่งอยู่บนเตียงสีหน้ามีความสุขมาก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ชั้นนอนไม่หลับเลยค่ะ ได้เจอจินจูตั้งสองครั้ง แถมพรุ่งนี้ก็จะได้เจออีก ตื่นเต้นมากๆ ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย”
คีรินทร์คลานข้ามเตียงเข้าไปหา
“ดีใจเหรอ งั้นก็ขอรางวัลให้ชั้นทีนึงนะ จะได้หายตื่นเต้น”
“รางวัลอะไรคะ”
“รางวัลที่พาเธอมาเจอซุปตาร์ในดวงใจไง” คีรินทร์ยื่นปาก ทำจุ๊บๆๆ ไข่มุกเขินเอามือปิดปากคีรินทร์ คีรินทร์ทำเสียงอ้อนใส่ “น่า นะๆ”
“อย่ามาอ้อนซะให้ยากค่ะ คุณกำไรไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบ”
“ไม่รู้ล่ะ ชั้นจะเอารางวัล ดีใจมากขนาดนี้ไปบวกแต้มเพิ่มเลยยี่สิบแต้ม มาเร็วๆ จุ๊บชั้นซะดีๆ” คีรินทร์ยื่นปากเข้าไปใกล้ “ห้ามเบี้ยวนะครับ เขินล่ะสิ อ่ะ ชั้นหลับตาให้ก็ได้”
คีรินทร์หลับตาพริ้มยื่นปากครางเสียงอ้อน ไข่มุกทำท่ายื่นหน้าเข้าออกสองสามครั้งแล้วตัดใจหลับตาปี๋ คีรินทร์ยิ้มกริ่ม แอบลืมตามอง ไข่มุกยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากเร็วๆ ทีนึง ลืมตามองเห็นคีรินทร์ลืมตายิ้มหวานใส่ก็สะดุ้ง
“ลืมตาทำไมคะ”
“อะไร เพิ่งลืมเอง อ่ะ ให้อีกรอบ แก้เขิน”
ไข่มุกทำท่าเขิน ค้อนใส่ คีรินทร์ยิ้มให้แล้วใช้ปลายนิ้วไล้ปากไข่มุกเบาๆ แตะแผ่วๆ อย่างคนเพิ่งตกหลุมรัก
ทั้งสองสบตากันอย่างซาบซึ้ง
วันต่อมาที่สวนในบ้านจินจู ไข่มุกกำลังออกท่าทางเตะต่อยคิวบู๊ให้จินจูดู จินจูยืนถือไม้ยาว มองขมวดคิ้ว ใช้ไม้กดพลิกแขนไข่มุกให้คว่ำลง
“ท่านี้แขนต้องคว่ำลงแล้วก็ยกสูงขึ้นอีกนิด”
ไข่มุกพยักหน้าแข็งขัน จินจูดึงไม้ออก ไข่มุกทำท่าเตะต่อย กระโดดตัวลอยขึ้นฟ้าแล้วตีลังกากลับมายืนตั้งท่าเดิม จินจูเลื่อนไม้ไปสอดปลายคางให้เชิดขึ้น
“ดีมาก แต่อย่าลืมเรื่องความอ่อนช้อยสง่างาม ท่ารำนอกจากความแข็งแกร่งแล้ว ท่าทางยังต้องอ่อนช้อยเหมือนกิ่งไผ่ลู่ลม คางต้องเชิด ห้ามก้มหน้าเด็ดขาด”
จินจูดึงไม้ออก ไข่มุกทำท่าวาดมืออย่างอ่อนช้อย แววตาเข้มแข็งท่าทางสง่างาม จินจูพยักหน้า เอาไม้วางลงกับโต๊ะ ไข่มุกเดินเข้ามาใกล้
“ขอบคุณคุณมากนะคะ วันนี้หนูได้เคล็ดลับไปเยอะเลย”
“ชั้นชอบที่หนูเป็นคนตั้งใจ น่ารัก...ชั้นก็หวังว่าลูกสาวของชั้นจะน่ารักไม่แพ้กัน”
“คุณมีลูกด้วยเหรอคะ ไม่เห็นเคยได้ข่าวเลย”
จินจูนิ่งอึ้ง ปรับสีหน้าเยือกเย็น
“ชั้นหมายถึง ถ้าชั้นมีน่ะ”
“เอาอย่างนี้มั้ยคะ ตอนนี้คุณก็สอนหนู แล้วถ้าคุณมีลูกแต่ตอนลูกโตคุณสอนไม่ไหวแล้ว หนูจะช่วยสอนให้เอง รับรองว่าจะให้สวยเหมือนต้นฉบับเปี๊ยบ”
จินจูยิ้มนิดๆ แต่แววตาเอ็นดู
“ก็เอาสิ”
“หนูต้องกลับแล้วค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยสอนหนู หนูไม่นึกเลยว่าจินจูตัวจริงจะยอมสอนให้หนูแบบนี้”
จินจูมองไข่มุกแววตาอ่อนโยน ยิ้มให้ทั้งปากทั้งตาอย่างถูกใจ
“ชั้นก็ดีใจที่ได้เจอกันหนู หนูทำให้ชั้นมีความหวัง ที่จะรอคนที่รักกลับคืนมา ขอบใจมากนะ”
ไข่มุกยิ้มหวาน จินจูมองแล้วดึงมากอดเพราะคิดถึงลูกตัวเอง
ไข่มุกรู้สึกได้ว่าโดนกอดแน่น ก็ยิ่งกอดตอบอย่างดีใจ รู้สึกอบอุ่น ยิ่งกว่าที่เคยขอให้วันดีกอด
เมื่อกลับจากเกาหลี ไข่มุกหยิบของฝากออกมาจากถุง ไข่มุกหยิบเครื่องรางออกมาให้มณี มณีรับมาดูอย่างตื่นเต้น
“อันนี้เครื่องรางของเกาหลีค่ะ คนที่นั่นเขาเชื่อกันว่าจะปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ทำให้เงินทองไหลมาเทมาค่ะ”
มณีได้ยินก็ยิ้ม ลูบคลำพอใจ
“เออ ดีๆ หมู่นี้พวกมารชักเยอะ แหม สวยดีจัง เอ้า ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปเร็วๆ” มณีชูขึ้นตรงหน้าชลลดาแล้วโบกไปมา “ชู่วๆ ออกไปไวๆ ไอ้พวกอัปมงคล”
“เครื่องรางอะไร หน้าตาพิกล”
“โอ๊ะ โดนด่าซะแล้ว จำเอาไว้นะ ไล่มันออกไป ชู่วๆ ปัดรังควาน ชิ่วๆ สิ่งร้ายออกไป โชคดีจงเข้ามา ร่ำรวยๆ”
ชลลดามองแหยงๆ ขยับตัวหลบ มณีขยับเครื่องรางตาม
ไข่มุกเปิดถุงหยิบเอาของที่ระลึกกับขนมกล่องๆของเกาหลีและสตรอเบอร์รี่ออกมาส่งให้ภัททิมากับชลลดา
ชลลดารับมาทำท่าไม่ปลื้มแต่ก็ทำหวานใส่
“แหม ขอบใจมากนะจ๊ะลูกรัก ลูกโต๊โตท่าทางจะหวาน”
มณีแทรกทันที
“แหม สะตอตัวแม่ได้สตรอเบอร์รี่ เหมาะกันจริงจรี๊ง”
ชลลดาค้อนมณีขวับ ภัททิมาได้ทีโน้มตัวกระซิบกับไข่มุก
“นี่ ชั้นไม่เอาของที่ระลึกเห่ยๆ อย่างนี้หรอก นี่แกไม่ได้ซื้อของแพงๆ หรูๆ มาบ้างหรือไงยะ เอามาซะดีๆ”
ไข่มุกพูดหน้าตาเฉย
“ไม่มีหรอกค่ะ ชั้นไม่มีเงิน”
ไข่มุกทำหน้านิ่ง ภัททิมามองของที่ระลึกในมือทำท่าเหมือนอยากเขวี้ยงทิ้ง
วันต่อมาที่ห้องฟิตเนสของโรงแรม ทุกคนกำลังวอร์มร่างกาย มณียืดร่างกายอย่างสุดเหวี่ยงแล้วแอบมองชลลดาเป็นระยะ กีกี้ แองจี้ น้องแพรวยืนอยู่กลางวง วอร์มแบบขี้เกียจๆ ภัททิมาหยิบผ้าพาดบ่าทำท่าเดินออก ชลลดาจับแขนไว้
“ไม่เอาแล้วค่ะแม่ หนูเบื่อ เหนื่อยจะตาย ไปทำอย่างอื่นที่มันสร้างสรรค์ดีกว่า”
“ทำอะไร”
ภัททิมาโพสท์ท่าเซ็กซี่
“ก็หาทางอ่อยคุณรินไงคะ
ภัททิมาเดินออกมา ชนเข้ากับกีกี้ที่ยืนขวางอยู่ กีกี้จิ๊ปากขัดใจ ภัททิมาจิ๊กลับ
“เกะกะจริง ขวางทางคนเดิน”
“เธอนั่นแหละมาเดินชนชั้น”
ภัททิมายักไหล่เดินออกไปนอกห้อง กีกี้มองตาม แต่เพลงดังขึ้นก่อน ไข่มุกเต้นนำอยู่ด้านหน้า ชลลดาขยับไปยืนข้างมณี มณีมองแล้วสะบัดหน้าใส่ เต้นไม่สนใจ
“วันนี้ชุดสวยนะคะ ลิเกหลงโรงมาเอง”
มณีมองชุดที่มีกากเพชร
“ไม่รู้จักของดีก็อย่ามาพูด”
ไข่มุกเต้นนำ ชลลดาแกล้งทำเป็นต่อยไปโดนมณี มณีไม่ยอมแพ้เตะกลับ ทั้งสองคนผลัดกันออกท่าทางแบบกระแทกกระทั้น แกล้งโดนกันเฉียดไปเฉียดมา กีกี้มองไข่มุก
“โอ๊ย อารมณ์ค้างไม่หาย แกล้งคนดีกว่า ครูคะมาทางนี้หน่อย”
“มีอะไรคะ”
“ไม่มีท่าใหม่ๆ สอนมั่งเหรอ น่าเบื่อจะตาย”
น้องแพรวได้ทีเสริมต่อ
“ใช่ๆ เอาแบบง่ายๆ สวยๆ มีมั้ย”
“เราเพิ่งเปลี่ยนท่าในคลาสไปเมื่อวันก่อนค่ะ ต้องเต้นให้ชินอีกสองอาทิตย์แล้วถึงจะเป็นท่าคลาสใหม่”
ไข่มุกเดินกลับที่ แองจี้โวย
“โอ้ มาย ก็อด สองวีค เซ็งจะตาย เป็นครูภาษาอะไร ขี้เกียจคิดท่าใหม่ล่ะสิ”
คนอื่นๆทำหน้างง ไข่มุกข่มอารมณ์สอนเต้นต่อ กีกี้ยิ้มสะใจ
“ครูที่นี่สอนไม่ดีเลย เนื้อตัวก็ช้ำไปหมด”
ไข่มุกไม่ตอบโต้ คนอื่นๆเริ่มมองสาวๆ แล้วส่ายหน้า สามสาวเลยได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ เต้นต่อไป
มณีกับชลลดาที่นัวเนียกันอยู่จ้องตาเขม็ง มณีผลักชลลดาออกห่าง
“คิดว่าสาวกว่าแล้วไง อย่างน้อยชั้นก็ไม่เคยเป็นหนี้ใคร ให้ขายหน้าแล้วกัน ผัวก็รวย ไม่ต้องง้อใคร”
“งั้นก็ระวังผัวตัวเองดีๆ แล้วกัน เก็บให้มิด ไม่งั้นโดนฉกไม่รู้ตัว”
ชลลดาตอกกลับแล้วเดินกระแทกไหล่มณีออกไป ขณะนั้นมีนักเลงชายมองจากนอกห้องสตูดิโอสอนเต้น ชลลดาเดินผ่านหน้าออกไป ไม่ได้สนใจ นักเลงมองตามประกายตาวาววับ
ชลลดากำลังเปิดตู้ล็อคเกอร์อย่างหงุดหงิด นักเลงเดินเข้ามาเอาอย่างกร่างจัด ชลลดาสะดุ้งเฮือก
“เอ็งหนีข้าไม่พ้นหรอกนังคุณนาย”
“ว้าย แก”
“ไม่เห็นไม่กี่วัน ดูดียังกับไปชุบตัวมา เอ้า ไหนล่ะเงิน นี่มันเลยกำหนดมาแล้วนะเว้ย”
“ชั้นไม่มี แกตามมาที่นี่ได้ยังไง”
“ตามมาได้ไงไม่สำคัญ สำคัญว่าถ้าไม่มีจ่ายก็เตรียมมือด้วนได้เลย”
นักเลงควักมีดออกมาขู่ ดึงมือชลลดามา เงื้อจะตัด มณีเดินเข้ามา ชลลดามองเห็นผ่านกระจก รีบกระซิบบอก
“ตัดมือชั้นแกก็ไม่ได้เงิน นู่น นังคนที่เดินเข้ามามันรวย ไปปล้นยัยนั่นแทนสิ”
มณีเข้ามาเห็นก็โวย
“ว้าย นี่มันห้องผู้หญิงนะยะ เข้ามาได้ยังไง”
“ไม่อยากตายก็รีบส่งเงินมา เร็วๆ นังคุณนายหมูตอน”
มณีได้ยินก็โกรธจัด
“หนอย หมูตอนเหรอ รู้จักชั้นน้อยไปซะแล้ว แกตาย”
มณีพุ่งเข้าหาใช้วิชามวยบู๊ตึ๊งเตะเข้าตัวนักเลง นักเลงจุก มณีต่อยเข้าที่แขน ออกเสียงดังแต่หมัดไม่แรง ต่อยได้สองทีก็เจอนักเลงยกมีดขู่ เข้ามารัดคอไว้
“ฤทธิ์เยอะนักนะ เดี๋ยวจิ้มให้ไส้แตก ไขมันกองเลย ส่งเงินมา”
มณีตาเหลือก ไข่มุกเข้ามาเห็นรีบใช้ขาเตะมีดหลุดกระเด็น มณีกัดแขนคนร้ายร้องลั่นแล้วหนีออกมาได้ ไข่มุกต่อยเข้าที่ท้องนักเลงแล้วหลบหมัดที่สวนมาเตะเข้าชายโครงจนคนร้ายล้มไป
“ช่วยด้วย มีโจรอยู่ในห้องแต่งตัวผู้หญิง ยามอยู่ไหน รปภ. ช่วยด้วย มาเร็วๆ”
นักเลงได้ยินก็รีบลุกหนี ไข่มุกขยับจะตามแต่ชลลดาจับเอาไว้ กลัวรู้ว่าตามใครมา
“อย่าตาม เดี๋ยวโดนมันแทงหรอก”
นักเลงวิ่งกำลังจะออก เจอเดชมาดักไว้ทำท่าจะชก นักเลงลอดแขนออกไปได้ เดชวิ่งตามไป มณีมองอย่างตกใจ ขวัญเสีย แต่ชลลดาหน้าเครียดหนัก
คีรินทร์ วัฒนา เดช นั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์กล้องวงจรปิด คีรินทร์ชี้ไปที่จอ
“คุณเดช กรอตรงเมื่อกี้นิดนึงสิ”
เดชกรอ จอภาพขึ้นเป็นชลลดาแล้วมีคนร้ายเข้ามา ชลลดาคุยกับคนร้าย
“ทำไมคนร้ายถึงเข้าไปคุยกับคุณชลลดา ปกติแล้วพวกนี้มักจะลงมือเลยทันทีนะครับ”
“อืม ใช่ ท่าทางคุยเหมือนคนเคยรู้จักกันด้วย โจรปกติไม่มายืนพูดอย่างงี้หรอก”
คีรินทร์มองนิ่ง
“ผมว่า นี่ไม่ใช่การปล้นธรรมดาแน่”
ทุกคนมองในจอ คีรินทร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ชลลดา เดช มณี เขมทัตอยู่ในห้องทำงานคีรินทร์ ชลลดาวางท่าเฉย ปั้นหน้าปึ่ง
“ชั้นไม่รู้จัก จะหาว่าชั้นพาไอ้โจรบ้านั่นมาปล้นตัวเองเหรอประสาท”
“แต่ท่าทางคุณดูเหมือนไม่ค่อยแปลกใจ เหมือนรู้จักด้วยซ้ำ”
“ก็ชั้นเจอคนมาเยอะ ไม่ใช่พวกเอะอะโวยวาย เหมือนใครบางคน” ชลลดาปรายตามองมณี “ ผู้ดีอย่างชั้น ไม่ทำอะไรเสียจริตหรอกย่ะ”
“เหรอ ถ้าชั้นเอาแต่ดัดจริตไม่ช่วยหล่อน ป่านนี้โดนกระซวกตายไปแล้วย่ะ แหม่ มันน่านัก”
ชลลดาค้อนขวั่บ
“แต่ยังไงก็เถอะ ชั้นไม่รู้จริงๆ ย่ะ อย่ามาใส่ความ” ชลลดาหันไปอ้อนเขมทัต “จริงๆ นะคะคุณพี่ ชลจะไปรู้จัก
ได้ยังไง”
“เอาล่ะ พอแล้วๆ อย่าคิดมากน่านายเดช คุณชลเขาจะไปรู้จักนักเลงพวกนั้นได้ยังไง อย่าพูดกันให้ไม่สบายใจเลย”
ชลลดาอมยิ้มพอใจ มณีมองหน้าอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่
ชลลดากับภัททิมาหลบมาคุยกันในมุมลับๆ ของโรงแรม
“ตายแน่เลยค่ะคุณแม่ ถ้าคราวหน้ามันไปถึงบ้านแน่เลย เราจะทำยังไง”
“ตอนแรกแม่กะจะเบี้ยว แต่ตอนนี้ท่าจะยากแล้ว ถ้าเราไม่ใช้หนี้มัน เราอยู่ไม่เป็นสุขแน่”
“ไม่เอานะคะ ลูกไก่กลัว เดี๋ยวมันดักเอาน้ำกรดสาดเสียโฉมจะทำยังไง หนูรับไม่ได้”
“ไม่ต้องกลัว แค่ใช้หนี้มันก็จบ”
“แล้วเราจะเอาเงินจากไหนล่ะคะ”
ชลลดายิ้มร้าย สายตามองอย่างเป็นต่อ
ชลลดาอยู่กับไข่มุกที่ห้องฟิตเนส ไข่มุกมีสีหน้าหนักใจมาก
“สามล้าน”
“ใช่ สามล้าน แกต้องไปรีดเงินผัวแกมาให้ชั้น เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“เงินตั้งเยอะขนาดนั้น เขาจะให้ได้ยังไงคะ”
“มันหน้าที่ของแกย่ะ จะใช้วิธีไหนก็ได้แต่ชั้นต้องได้เงิน ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่”
ชลลดาจิ้มนิ้วเฉดหัวไข่มุก ไข่มุกทำหน้าคิดไม่ตกปนเศร้าใจ
ไข่มุกเดินสีหน้ากังวลมาตามทางเดิน ผ่านหน้าห้องเขมทัต ได้ยินเสียงเลยเดินกลับไปแอบฟัง ภายในห้อง เขมทัตกำลังเปิดดูแฟ้มงานของคีรินทร์ พยักหน้าพอใจ
“ดี ทำรายงานออกมาได้ดีมาก ดูแล้วโปรเจ็คนี้น่าจะไปได้สวย”
“ครับ ผมก็ว่างั้น นี่ผมเก็บข้อมูลของโรงแรมที่เราจะร่วมทุนในโซลแล้ว แต่เอาเข้าจริงโปรเจ็คก็ใหญ่กว่าที่คิด อาจจะใช้งบลงทุนเกินจากที่ตั้งบ้างนิดหน่อย”
“อืม แต่ตอนนี้จะทำอะไรต้องดูให้ดี ควบคุมเรื่องเงินให้ได้ เพราะตอนนี้โรงแรมเราเองก็ได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ลูกค้ายุโรปมากันน้อยลง ต้องระวังเรื่องเงินสดขาดมือกับเงินหมุนเวียนในโรงแรมให้ดีๆ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับพ่อ ผมจะควบคุมค่าใช้จ่ายแต่ในส่วนที่จำเป็น รับรองว่าจะประหยัดให้โรงแรมเราให้มากที่สุด”
ไข่มุกยืนอยู่หน้าห้อง สีหน้าเห็นใจ ถอนหายใจหนักหน่วง ทำหน้าตัดใจว่ายังไงก็ไม่ได้แน่
เมื่อกลับมาบ้าน ไข่มุกเดินเข้ามาในห้องครัวจะหยิบน้ำในตู้เย็น เห็นมณีคุยกับช้อยเสียงดัง
“นี่ ช้อย เดี๋ยวนี้ซื้อกับข้าวอะไรอาทิตย์ละตั้งเกือบพัน หัดประหยัดซะมั่งสิยะ รู้มั้ยว่าเงินทองมันหายาก เห็ดเข็มทองซื้อมาทำไม ทีหลังซื้อเห็ดหูหนูสิ”
“โอ๊ย คุณนายขา ข้าวของสมัยนี้ไม่ได้ถูกนะคะ หมูสับต้องซื้อทีละครึ่งโล จะมาสามสิบบาทไม่ได้แล้ว ไหนจะไข่ ข้าวสาร น้ำตาล พากันขึ้นราคาให้หมด แถมอีกอย่าง” ช้อยปรายตามองไข่มุก “คนก็เพิ่ม จะให้ซื้อเท่าเดิมก็ไม่พอกินสิคะ”
ชลลดาเดินเข้ามาในครัว ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เปิดช็อกโกแลตในตู้เย็นกิน มณียิ่งแค้น
“นั่นสิ โรงแรมก็แย่ บ้านก็มีกระสือมาสูบเลือดสูบเนื้อ กินฟรีอยู่ฟรี ดู๊ดู เกิดมาชั้นไม่เคยเห็นใครหน้าหนาเป็นฟุตบาทอย่างนี้มาก่อน”
“อุ๊ย คุณมณีอย่าซีเรียสสิคะ คิดมากเหี่ยวไว เดี๋ยวจะหาว่าชั้นไม่เตือน”
“ไม่ต้องมาสร้างภาพเป็นนางเอกย่ะ แกมันนางตัวร้าย ตัวร้ายในละครทีวีชัดๆ”
“อ๋อเหรอ ชอบจังเลยเป็นตัวร้ายเนี่ย เหมาะกับชั้นสุดๆ”
ชลลดาทำท่าเชิ่ดใส่เดินนวยนาดถือองุ่นที่มณีเพิ่งซื้อมาออกไป มณีหันไปหาไข่มุก
“โอ๊ย แม่เธอนี่มันเหลือทนจริงๆ ยัยลูกไก่”
มณีมองหน้าไข่มุก ไข่มุกหลบตาอย่างอายแทน
ที่ห้องนอนชลลดา ชลลดานั่งกระแทกบนเตียง ไข่มุกยืนอยู่ในห้องกอดอก
“นี่เพราะต้องมาเกาะกินหรอกนะ ถึงต้องทำมึนยอมให้โขกสับ เชอะ ด่าได้ด่าไป เหนื่อยเมื่อไหร่ก็หยุดเอง ชั้นไม่แคร์”
“ฮึ ลูกไก่เบื่อมาก เมื่อไหร่จะมีเงินคืนๆ ไอ้นักเลงซะที”
“ว่าไงนังมุก เมื่อไหร่คุณรินจะให้ยะ”
“หนูจะไม่ขอหรอกค่ะ แค่นี้ก็อายเขาจะตายแล้ว เป็นสามีไม่ใช่ธนาคารนะคะ เห็นใจเขาบ้าง ธุรกิจเขาต้องใช้เงินลงทุนตั้งเยอะ จะไปขอได้ยังไง”
“เห็นใจทำไมยะ เงินมีตั้งมากมาย สามล้านแค่จิ๊บๆ”
“อ๋อ หรือว่าแกสบายแล้วเอาตัวรอดคนเดียวยะ หนอย ถ้าแกไม่ยอมทำ ชั้นจะแฉ เอาสิ”
ไข่มุกถอนใจ
“ก็เอาสิ แฉเลย อย่างมากชั้นก็แค่กลับไปตำส้มตำขาย เป็นตัวประกอบอย่างเก่า สบายใจดี จะทำอะไรก็เชิญ”
“หนอย แน่นักนะ ถ้าแฉ แกกับนังแม่ของแกโดนเข้าคุกแน่ ยัยมณีไม่เอาไว้หรอก”
“ใช่ แล้วคุณรินทร์ก็จะสลัดแก ให้ชั้นเป็นเมียตัวจริงแทน ส่วนแกอยู่ในคุก ขังลืม”
“ถ้าติดก็ติดด้วยกัน หนูจะแฉกลับบอกว่าคุณผู้หญิงบังคับให้ทำ เป็นตัวแม่คิดแผนการ ทีนี้พวกคุณก็ไม่รอดหรอก ดีออกนะคะ มีข้าวกินฟรีไม่ต้อง มานั่งขอใครกินแบบนี้ คุณผู้หญิงคงชอบ”
ชลลดาอึ้ง เสียงอ่อนลง พยายามกล่อม
“เอางี้แล้วกัน ถ้าขอมาได้ ชั้นให้เลยหมื่นนึง มาถึงขนาดนี้แล้วต้องช่วยกันสิ ขี่หลังเสือลงมาก็เสือกัด สู้ขอเงิน
มาแล้วความลับยังอยู่ เธอสบาย ชั้นสบาย วินๆ ทั้งคู่ ไม่ดีหรือไง”
“หนูไม่เอาด้วยค่ะ อยากขอก็ขอเอง ไม่ยุ่งแล้ว แล้วไม่ต้องมาสั่งหรือขู่อีกนะคะ ยังไงก็ไม่แน่นอน”
ไข่มุกเดินออกไปจากห้อง ภัททิมากับชลลดาอึ้ง มองกันเองอย่างงงๆ จากนั้นภัททิมาก็กรี๊ดลั่น แต่ชลลดานิ่งคิด ทำหน้าเครียด
คืนนั้นไข่มุกนอนหันหลังให้คีรินทร์บนเตียงด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล คีรินทร์หันหน้าเข้าหาทำปูไต่บนไหล่
“นี่เธอ แต้มชั้นครบร้อยยังเนี่ย ตอนนี้ชั้นความประพฤติดีสุดยอดนะ รีบๆ บวกเข้า จะได้ซะบะล่ะฮึ่มกันไวๆ”
คีรินทร์กอดเอาไว้ หอมบนไหล่
“แต่ว่า อาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้นะคะ”
คีรินทร์พลิกตัวไข่มุกให้หันหา
“ทำไมล่ะ นึกว่าชั้นจะทำไม่ได้เหรอ ช่วงนี้ชั้นไม่ปากหมาใส่เธอ แล้ว นี่เดี๋ยวจะซื้อซิปมาติดปาก รูดให้เงียบกริบ รับรองว่าถึงแน่”
“พอเถอะค่ะ ชั้นไม่ได้มีความสำคัญกับคุณขนาดนั้น ถึงวันไหนไม่มีชั้น คุณก็คงไม่เป็นไร ยังมีคนอื่นอยากเป็นคนรักของคุณอีกเยอะแยะ”
คีรินทร์ขมวดคิ้ว
“พูดอะไรของเธอ จะไม่มีได้ไง อย่าลืมสิว่าเธอเป็นเมียชั้น อ๊ะ อย่าบอกนะว่าจะทิ้งชั้นไปหากิ๊ก ชั้นไม่ยอมจริงๆ ด้วย ทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้ ชั้นจะไปออกทีวีเรียกร้องความเป็นทำนะ”
ไข่มุกนิ่ง น้ำตาคลอ
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ไม่ใช่”
คีรินทร์มองหน้า นึกรู้ คีรินทร์ลูบแก้มไข่มุกเบาๆ แล้วประคองเอามือแนบไว้
“ถ้าเป็นเรื่องแม่ชั้น ก็อย่าคิดมากเลย แม่เป็นคนปากร้ายใจดี คุณนายมณีเขาก็พูดไปงั้นแหละ แป๊บๆ ก็ลืม เลิกไปเอง”
ไข่มุกน้ำตาไหลเงียบๆ
“แต่ชั้น ทำให้คุณยุ่งยากวุ่นวาย ทำให้เดือดร้อน”
คีรินทร์เช็ดน้ำตา ยิ้มให้
“ไม่หรอกลูกไก่ ผมอยากบอกให้คุณรู้เอาไว้” คีรินทร์หอมหน้าผากไข่มุกเบาๆ “ผมดีใจจริงๆ ที่เราได้ แต่งงานกัน คุณเป็นคนน่ารัก ผมไม่เคยเสียใจเลยที่ได้คุณมาอยู่ด้วย ลูกไก่กุ๊กๆ ของผม”
ไข่มุกซุกเข้าที่หน้าอกคีรินทร์ สะอื้นเบาๆ คีรินทร์กอดไข่มุกแน่น จูบที่เรือนผมอย่างรักใคร่
คีรินทร์กับไข่มุกนอนกอดกันอย่างมีความสุข ไข่มุกทำท่ารู้ตัวจะเขยิบออกห่าง แต่คีรินทร์กอดเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว คืนนี้ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ขอนอนกอดเฉยๆ นะ”
ไข่มุกยิ้มในอ้อมกอดคีรินทร์ หลับตาลงอย่างเป็นสุข คีรินทร์เอนหัวซบหัวไข่มุก เกิดความผูกพันโดยไม่รู้ตัว
วันต่อมา ภัททิมายืนอยู่หน้าบ้านแอบมองคีรินทร์กับไข่มุก คีรินทร์โอบไหล่ไข่มุกยิ้มหวานให้ พากันเดินไปที่รถ
คีรินทร์เปิดประตูให้แล้วชะโงกทำท่าจะจูบแต่มือไข่มุกบังไว้ คีรินทร์หัวเราะแล้วปิดประตูให้ ภัททิมามองอย่างอิจฉาริษยามาก สะบัดหน้าจะเดินเข้าบ้านแต่ชลลดามาดักหน้าไว้
“ว้าย คุณแม่ ตกใจหมด”
ชลลดายื่นบัตรประชาชนให้
“เอ้า เอานี่ไป ลูกไก่”
บัตรประชาชนเป็นรูปภัททิมา แต่เป็นชื่อนามสกุลของไข่มุก
“นี่มันของปลอมนี่คะ แม่เอามาให้ทำไม”
“นี่แหละ เครื่องมือที่จะช่วยลูกจับคุณริน ไหนๆ นังมุกก็ไม่ยอมขอเงินให้ ก็เฉดหัวมันทิ้งซะ แย่งคุณรินมาเป็นของลูกเลย ทีนี้จะได้ไม่ต้องง้อมันอีก”
ชลลดายิ้มเหี้ยมอย่างคนเจ้าแผนการ ภัททิมามองบัตรในมือทำหน้างงๆ
คีรินทร์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ มีเสียงเคาะประตู คีรินทร์เซ็นงานไม่ได้เงยหน้ามอง
“เข้ามาเลยครับ” ขาเรียวใส่ส้นสูงเดินเหมือนนางแบบเข้ามาแล้ววางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ “ขอบใจมากคุณอ้อ”
คีรินทร์เซ็นต์งานต่อ เห็นอีกฝ่ายยังไม่ไปก็ขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมอง แววตาตกใจ เมื่อเห็นภัททิมาใส่ชุดทำงานแบบเซ็กซี่มองสบตายั่วยวน
“ฮัลโหลค่ะบอส มอร์นิ่งคิส” ภัททิมาทำท่าส่งจูบ
“คุณมาทำไม คุณไข่มุก”
“ก็มาเป็นผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของบอสไงคะ”
คีรินทร์ทำหน้างง ภัททิมาเอามือเท้าโต๊ะบิดไหล่ก้มตัวลงมาหน้าอกทะลัก
“ยินดีรับใช้ ทุกเรื่อง ทุกที่ ทุกเวลานะคะ”
ภัททิมามองยั่วแล้วลุกขึ้น หันหลังเดินกลับ สะโพกบิดซ้ายขวาอย่างเชิญชวน คีรินทร์มองตามยักยิ้มกลืนน้ำลาย ทำหน้าอยากฟัด
มายาสีมุก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่ห้องซ้อมเปียโน คธากดเปียโนเพลงเป็นเพราะๆ ไข่มุกโผล่เข้ามายิ้มให้ คธาหยุดมือ ไข่มุกมายืนที่เปียโน
“ไปเกาหลีมาสนุกมั้ยคุณลูกไก่”
“สนุกมากค่ะคุณอา หนูได้เจอจินจูด้วยนะคะ”
คธาเล่นเปียโนผิดคีย์ ชะงักอย่างนึกไม่ถึง สีหน้าเหมือนจะกระตือรือร้น ตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่พยายามคุมสติไว้
“เจอจินจูเหรอ”
“ไม่ใช่แค่เจอค่ะ ยังได้คุย ได้เดินเล่น จินจูเลี้ยงข้าวหนู แถมก่อนกลับก็ยังพาไปบ้าน สอนคิวบู๊ด้วยนะคะ พูดแล้วจะหาว่าคุย หนูได้กอดด้วยนะ จินจูตัวจริงน่ารักสุดๆ ไม่ถือตัว แถมดีแสนดี โอ๊ย หนูต้องเป็นแฟนคลับไปชั่วชีวิตแน่”
คธามีแววตาตื่นเต้น
“แล้วเขาสบายดีมั้ย ยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“สบายดีแล้วก็สวยกว่าในหนังตั้งเยอะค่ะ แถมยังมีแฟนมาคอยดูแลเทคแคร์ตลอด แฟนเขาก็น่ารักนะคะ ดีกับจินจูมาก ท่าทางจะรักกันมานานแล้ว”
คธาอึ้ง ถามเบาๆ
“แฟนเขา...ใครกัน”
“ก็คิมแทยอน เจ้าพ่อใหญ่วงการหนังของเกาหลีไงคะ เขาดังจะตายอย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก เขากำกับหนังของจินจูตั้งหลายเรื่อง”
คธาดวงตาเศร้า ถามเบาๆ
“จินจู แต่งงานกับคุณคิมเหรอ”
“แต่งไม่แต่งไม่รู้ค่ะ แต่เขาดูแลจินจูดีมากๆ เห็นแล้วน่าอิจฉา คุณคิมดูรักจินจูมาก ทั้งใจดี อ่อนโยน ทั้งคู่เหมาะสมกันมาก ถ้าออกข่าวมีหวังได้เป็นคู่รักตัวอย่างแน่ คุณอาว่ามั้ยคะ”
คธานิ่งอึ้ง ทำหน้าเศร้าหมอง มองเปียโน นึกย้อนความหลัง
ภาพในอดีต งานแถลงข่าวจินจู จินจูในชุดสวยยืนอยู่ข้างเปียโน กำลังร้องเพลงเกาหลีเพราะๆ ซึ้งๆ นักข่าวยืนออถ่ายรูปกันเต็มไปหมด จินจูร้องไปลอบสบตากับคธาไป คธาอมยิ้ม มองจินจูอย่างมีความสุข
คธาช่วยจินจูใส่หมวกกันน็อค สบตาหวานซึ้ง
“หนาวมั้ยครับ เอาเสื้อผมไปใส่นะ”
คธาเอาเสื้อให้จินจูใส่ จินจูยิ้มเขิน สบตาหวานซึ้ง
“ขอบคุณมากค่ะ”
จินจูซ้อนมอเตอร์ไซค์คธา ใส่เสื้อของคธา มือกอดเอวซบหลังอย่างมีความสุข คธายิ้ม เอามือแตะที่มือจินจูที่กอดอยู่เบาๆ
จินจูกับคธายืนอยู่บนสะพานที่มีไฟสวยๆ ติดพราว มีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ไกลๆ จินจูยิ้มมองแม่น้ำ“สวยจังเลยค่ะ ขอบคุณนะที่พาชั้นเที่ยว”
คธาเดินเข้าไปใกล้
“อุตส่าห์มาทั้งที ถ้าไม่ได้เที่ยวก็น่าเสียดาย แต่ผมคงพาออกมาได้แต่ตอนกลางคืนเท่านั้น”
“แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ ชั้นชอบช่วงเวลาที่เป็นอิสระอย่างนี้ที่สุดเลย”
จินจูหันกลับมา หน้าคธาอยู่ใกล้จนปากแทบจะชนกัน จินจูนิ่ง สบตามองกันและกันอย่างรักใคร่
ที่เกาหลี จินจูเตรียมตัวลากกระเป๋า ยูรีช่วยถือเดินออกมานอกบ้านกัน
“จะไปจริงเหรอ”
“ใช่ ชั้นตัดสินใจแล้ว” จินจูมองออกไปเห็นแทยอนยืนอยู่พร้อมกระเป๋า “คุณ มาได้ยังไง”
“ให้ชั้นไปด้วยคนนะ”
จินจูแปลกใจ
“เอ่อ”
“ชั้นจะปล่อยเธอไปเมืองไทยคนเดียวได้ยังไง ให้ชั้นไปด้วย เราจะไปตามหายองแอด้วยกัน”
แทยอนมองจินจู สบตาอย่างรักใคร่ปนวิงวอน จินจูเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าตกลง
เมื่อจินจูกับแทยอนเดินทางถึงเมืองไทย ทั้งคู่เข้าพักที่โรงแรมของคีรินทร์ คีรินทร์จับมือกับจินจูและแทยอน ต้อนรับที่มาพักโรงแรม ไข่มุกปลื้มดีใจมากที่ได้เจอจินจูอีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติกับทางโรงแรม พวกเรายินดีมากที่ได้ต้อนรับคุณทั้งสองคน”
ไข่มุกยื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้จินจู ยิ้มหน้าบานดีใจมาก
“สำหรับคุณคะจินจู หนูดีใจมากที่สุดเลย ที่ได้เจอคุณอีก”
จินจูยิ้มสดชื่นมองดอกไม้ก็แปลกใจ
“ดอกไม้สวยมาก แต่หนูรู้ได้ยังไงว่าชั้นชอบสีนี้”
ไข่มุกยิ่งตื่นเต้นดีใจ
“จริงเหรอคะ หนูบอกทางฝ่ายต้อนรับให้ช่วยจัดสีนี้เพราะหนูชอบ งั้น เราก็ชอบสีเดียวกัน”
จินจูกับไข่มุกหัวเราะร่วมกันอย่างสนิทสนม แทยอนพลอยดีใจไปด้วยที่เห็นจินจูมีความสุข
“ขอบคุณมาก ที่ให้การต้อนรับที่อบอุ่น แต่การไทยมาครั้งนี้ของผมกับจินจู เราอยากเป็นส่วนตัว หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ถึงสื่อ”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะกำชับกับทุกฝ่ายให้ นี่คุณพ่อคุณแม่ผมครับ”
คีรินทร์แนะนำเขมทัตและมณี แทยอน จินจู จับมือกับเขมทัต
“ยินดีครับ หวังว่าทั้งสองท่านจะได้เที่ยวอย่างสนุก ถ้าต้องการหรือมีอะไรที่ทางโรงแรมเราบริการได้ ช่วยบอกเลยนะครับ นี่คุณมณี ภรรยาผม”
มณีจับมือทักทายกับแทยอนและจินจู
“คุณจินจูตัวจริงสวยกว่าในหนังอีก ส่วนคุณแทยอน ดิชั้นขอฝากเนื้อฝากตัวสักนิดหนังใหม่ขอเล่นเป็นแม่นางเอกนะคะ”
“ให้เล่นเป็นนางเอกเลยครับ คุณนายถ่อมตนเกินไป ว่าแต่คุณเขมทัตจะอนุญาตรึเปล่า”
เขมทัตส่ายหน้ายิก
“ถ้าเอาไปแล้วไม่เอามาคืน ผมรีบยกให้เลยครับ”
ทั้งหมดหัวเราะมีความสุขกันใหญ่ มณีค้อนให้
พิพัฒน์เดินมาที่ล็อบบี้ หยุดคุยกับวัฒนาที่มองกลุ่มคีรินทร์ให้การต้อนรับจินจูและแทยอน
“สองท่านนี่เป็นแขกคนสำคัญ คุณแทยอน เป็นผู้อำนวยการสร้างชื่อดัง ส่วนคุณจินจูก็เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเกาหลี ถึงตอนนี้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดังอยู่ คุณพัฒน์ชอบไหมหนังเกาหลี”
“อย่าว่าแค่ดูหนัง พูดเกาหลีผมก็พอได้นะ เคยหัดไว้จีบสาว”
วัฒนายิ้ม สำทับให้
“งั้นดีเลย ให้เป็นไกด์พาสองท่านนี้เที่ยว พอไหวไหมครับ”
พิพัฒน์ยิ้มแหยๆ เพราะโม้ มองไปเห็นภัททิมาที่เดินตัดหน้าจะเข้าไปทางกลุ่มคีรินทร์ก็เปลี่ยนสีหน้าชะงัก ทำอึกอัก
“เออคือ...ผมรู้แค่งูๆ ปลาๆ เดี๋ยวจะแปลผิด”
ภัททิมาทำท่าจะมองมา พิพัฒน์รีบหลบหลังวัฒนา หน้าตื่นๆ จนวัฒนาทัก
“อ้าว หลบอะไรคุณพัฒน์ อะไรจะกลัวดาราใหญ่ขนาดนั้น”
พิพัฒน์ร้อนรนจะหลบไป
“ไม่ได้กลัวดารา ไม่มีไรหรอกครับ ผมขอตัวนะ ทำธุระค้างไว้”
วัฒนามองพิพัฒน์อย่างสงสัยแล้วก็มองกลับไปที่ภัททิมา พิพัฒน์รีบหลบไปอีกทางไม่ให้เจอภัททิมา จนเกือบจะชนกับคธาที่เดินเข้ามาทักพิพัฒน์
“เขามีงานอะไรกันครับวันนี้ คนเยอะเชียว”
“ต้อนรับดารากับผู้กำกับชื่อดังจากเกาหลี เจ้าบทบาทเลยคนนี้ แสดงเก่ง ผมเคยดูหนังเธอหลายเรื่อง”
“ดาราเกาหลีเคยมาโรงแรมเราหลายคนแล้ว”
“แต่คนนี้ดังมาก และดังมานานแล้วด้วย แฟนคลับเพียบ”
“ชื่ออะไรครับ”
“ปาร์คจินจู”
คธาอึ้ง ตกใจ นึกไม่ถึง
เขมทัตพาแทยอนแยกตัวออกไปเดินชมโรงแรม ภัททิมาเดินมาถึงก็เข้าแทรกแอบดันก้นใส่ไข่มุกที่ยืนใกล้จินจูไข่มุกต้องขยับตัวห่างไป ภัททิมาไหว้อ่อนช้อย
“ดิชั้นเป็นเลขาคุณคีรินทร์ ชื่อไข่มุกคะ มาแนะนำตัวกับคุณจินจู แฟนคลับตัวแม่ของคุณเลยนะคะ ทุกเรื่องไม่เคยพลาด โดยเฉพาะเรื่องอารีดังชั้นรักเธอ คุณเล่นได้ถึงบทบาทม๊าก”
จินจูยิ้มน้อยๆ รักษามารยาท ไข่มุกงงแอบกระซิบภัททิมา
“ไม่ใช่อารีดัง...ซา รัง เฮ โย ชั้นรักเธอ”
ภัททิมาหน้าเสีย ยิ้มกลบเกลื่อน
“อะไรซังๆ ดังๆ นั่นหละคะ ความจำไม่ค่อยดี ว่าแต่ต้องการอะไรในโรงแรมนี้บอกได้นะคะ ไข่มุกรู้หมด จัดให้ได้ทุ๊ก...อย่าง”
จินจูดูออกว่าภัททิมาข่ม ทำเด่นเกินไข่มุก
“ขอบใจ แต่คงไม่ต้องรบกวน ชั้นมีลูกไก่ช่วยดูแลอยู่แล้ว”
จินจูเดินไปโอบไหล่ไข่มุก ทำท่าจะเดินไป
“แหม มีภัทอีกคนจะเป็นไรไป ได้พาเที่ยวให้สะใจไปเลย ที่ช็อป ที่กินในเมืองไทย ไม่มีใครเกินคนนี้คะ ขอบอก”
จินจูไม่สน ยิ้มแล้วพูดกับไข่มุก
“ไปห้องพักเถอะจะได้คุยกัน มีของหลายอย่างมาฝาก รับรองต้องชอบแน่”
สองคนเดินจับมือกันออกไป ภัททิมาหน้าแตก มณีมองตามไปแล้วก็ถามคีรินทร์
“เมียเราไปสนิทกับซุปเปอร์สตาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรจะสนิทสนมกันปานนี้ โอบไหล่กอดกันเหมือนรู้จักเป็นสิบปี”
คีรินทร์ยิ้มอารมณ์ดี
“ลูกไก่เขาเป็นคนน่ารัก ใครเห็นก็ต้องรักอยู่แล้วล่ะแม่ หรือแม่ไม่รัก”
มณีค้อนใส่คีรินทร์ ภัททิมามองสองคนเดินไปอย่างหมั่นไส้ พูดเบาๆ ให้คีรินทร์ได้ยิน
“จริงคะใครๆ ก็รัก โดยเฉพาะกับผู้ชาย”
คีรินทร์หันไปมองภัททิมาอย่างอึ้งๆ ในคำพูด
จินจู แทยอนและไข่มุก เดินตรงมาหน้าลิฟต์ ทั้งหมดเข้าไปในลิฟต์ แต่ก่อนประตูลิฟต์จะปิด แทยอนมองไปทันเห็นคธาแว่บๆ ที่มายืนมอง แต่ก่อนจะทันพูดอะไร ประตูลิฟต์ก็ปิดลง แทยอนอึ้ง หน้าเครียดอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“มีอะไรหรอคะ”
จินจูถามเมื่อสังเกตเห็น แทยอนสั่นหน้า ยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่...ไม่มีอะไร คงเหนื่อย เลยชักตาลาย”
จินจูกับไข่มุกยิ้มให้ แทยอนยิ้มตอบนิดๆ แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นเครียด ไม่แน่ใจกับภาพที่เห็น
ชลลดาลงจากแท็กซี่หน้าบ้านคีรินทร์จะเข้าประตู นักเลงเข้าไปประชิดตัว ชลลดาหันมาเห็นก็สะดุ้งตกใจจะรีบหนีเข้าบ้าน นักเลงตามดักหน้าไว้
“คุณนาย จะรีบไปไหน คุยกันก่อน”
“ไม่คุย ชั้นปวดท้อง จะไปเข้าห้องน้ำ”
นักเลงดึงแขนชลลดา ชลลดาก็ยื้อกลับ
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ลีลานักนะ”
นักเลงลาก ชลลดาเซ
“โอ๊ย อย่าทำอะไรชั้นเลย ชั้นกลัวแล้ว”
“ก็บอกให้มาคุยกันดีๆ อยากเจ็บตัวหรือไง”
นุชนารถมองออกมาจากบ้าน เห็นเหมือนแท็กซี่มาจอดแล้วขับออกไป แต่ไม่เห็นใครเลยยังยืนมองอย่างแปลกใจ
นักเลงลากชลลดาถึงรถตู้ที่จอดห่างออกไป ผลักเข้ารถตู้ มองอย่างเหี้ยม นักเลงถอดเสื้อออก เหลือแต่เสื้อกล้าม ชลลดาก็หลับตาปี๋
“ชั้นแก่แล้ว อย่าข่มขืนชั้นเลย”
“มันร้อนโว้ย แก่หนังเหี่ยวขนาดนี้ ไม่หน้ามืดหรอก ลูกพี่ข้าหงุดหงิด ฝากให้มาถามเรื่องเงิน คุณนายจะว่ายังไง”
“ถ้าชั้นมีให้ไปนานแล้ว อยู่ดีๆ ดอกบานเป็นดอกเห็ดยักษ์ ใครจะหาใช้ทัน ผัดอีกหน่อยแล้วกัน”
นักเลงหยิบมีดเล่มใหญ่มาขู่
“จะขอผัดเหรอ” นักเลงกระชากมือชลลดา “ก็ได้ แต่ต้องคิดดอกเบี้ย”
“โอ๊ย เจ็บนะ แค่ที่คิดยังไม่พอเหรอ จะเอาอะไรจากชั้นอีก”
นักเลงยิ้มเหี้ยมลูบมือชลลดา
“มือคุณนายส๊วย สวย คิดว่ามันเป็นดอกเบี้ย ขอเอาไปฝากลูกพี่แล้วกัน” นักเลงตะคอกแล้วเอามือชลลดาวางแนบกับพื้นเบาะ ทำท่าจดๆ มีดลงจะสับตามมือตามแขนแบบไม่แน่ใจ “เอาท่อนไหนดีว่ะ แค่นี้หรือตรงนี้ หรือว่า...เอามันทั้งแขนนี่”
ชลลดากรี๊ดลั่น ตาเหลือกแล้วหลับตาปี๋ ตัวสั่นดึงมือกลับแต่นักเลงดึงไว้
“ไม่นะ...ไม่...อย่า....กรี๊ด”
นักเลงสับมีดลงมา ชลลดาร้องกรี๊ดลั่น
นุชนารถแหวกม่าน มองออกไปนอกรั้ว ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย
“โอ๊ย...ช่วยด้วย”
นุชนารถได้แต่ชะงัก แอบมอง
ที่โรงแรมคีรินทร์ คธาจับจ้องมองจินจูซึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำคนเดียวจะไปหาไข่มุกที่ยืนรอที่ล็อบบี้
จินจูรู้สึกเหมือนมีใครจับจ้องเธออยู่ หันมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใคร เลยเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น คธายังตามมาห่างๆ จินจูยิ่งเดินเร็วขึ้นอีก เหลือบไปดูข้างหลังจนชนกับไข่มุกที่มองมา จินจูตกใจแต่ก็ตั้งสติได้
“มีอะไรเหรอคะ”
จินจูยิ้มจับมือไข่มุก
“ไม่มีอะไร ว่าจะไปดูหนูสอนเต้นที่ฟิตเนส”
“วันนี้ไม่มีสอนคะ ว่าง เราไปเที่ยวกันไหมคะ เดี๋ยวจะพาชมให้ทั่วเมืองเลย”
“น่าสนใจมาก แต่เสียดายวันนี้ชั้นมีธุระ เอาไว้วันหน้าแล้วกัน”
“งั้นให้หนูพาไปธุระก็ได้คะ” ไข่มุกเห็นจินจูทำท่าเกรงใจ “ไม่ต้องเกรงใจด้วยนะคะ บริการเต็มที่”
จินจูยิ้มอย่างเอ็นดู
“ขอบใจมาก ถ้างั้นก็ต้องรบกวนนะ”
ไข่มุกยิ้มรับอย่างดีใจ เดินจับมือไปกับจินจู คธากำลังจะก้าวออกจากที่หลบแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นแฟนคลับที่แอบอยู่ โผล่ออกมาก่อน แฟนคลับมองตามหลังจินจูอย่างหลงใหลแล้วยังแอบตามไปห่างๆ
คธามองสงสัย ชักนึกห่วงจินจู
ภัททิมาเสิร์ฟกาแฟของว่างให้คีรินทร์ที่โต๊ะทำงาน คีรินทร์นั่งเซ็นเอกสาร
“รับกาแฟของว่างก่อนสิคะ พักนี้คุณทำงานหนักจัง ไข่มุกเห็นคุณนั่งทำงานตั้งแต่เช้า ยังไม่ได้พักเลยเป็นห่วง”
คีรินทร์เซ็นเสร็จยื่นให้ภัททิมา
“ขอบคุณมากนะครับ ต้องจัดการหลายเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนที่เกาหลี ว่าแต่คุณเห็นลูกไก่ไหม เขาอยู่ที่ฟิตเนสหรือป่าว”
ภัททิมาส่ายหน้า
“ออกไปกับจินจูคะ ขานี้เที่ยวเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รู้ที่เที่ยวเยอะคะทั้งกลางวันกลางคืน”
คีรินทร์ทำหน้าสงสัย
“จริงเหรอ แต่...เท่าที่ผมรู้จักลูกไก่เขาก็...”
“แหม ไข่มุกเป็นญาติกับยายลูกไก่นะคะมีหรือจะไม่รู้นิสัยใจคอกัน แม่คนนี้ต้องดูกันนานๆ ดูสิจะไปเที่ยวไหนยังไม่บอกคุณรินทร์เลย”
คีรินทร์ครุ่นคิดตามคำภัททิมา สงสัยว่าจะพาจินจูไปไหนกัน
ไข่มุกพาจินจูกับแทยอนมาที่โรงพยาบาลที่จินจูเคยหลบมาคลอดลูก จินจูและแทยอนนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าหน้าที่ไล่นิ้วดูแฟ้มเอกสารต่างๆ แล้วก็ส่ายหน้ามองจินจู
“เมื่อก่อนระบบจัดเก็บก็ยังไม่ค่อยดีมาก ผมว่าน่าจะมีบันทึกไว้บ้าง”
“แต่ก็” เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า “นี่ก็ดูมาหลายแฟ้มแล้วนะครับ”
จินจูสีหน้าสลด แทยอนก็นั่งขรึม
“รบกวนดูอีกนิดเถอะคะ เรื่องนี้สำคัญสำหรับชั้นจริงๆ”
เจ้าหน้าที่มองหน้าจินจูอย่างเห็นใจแล้วก็หยิบอีกแฟ้มมาดู
ไข่มุกที่นั่งห่างออกมา มองอย่างอดสงสัยไม่ได้ พยาบาลสองคนเดินคุยกันผ่านหน้าไข่มุกได้ยินเข้าหู
“เรื่องตั้ง 20 ปีแล้ว ใครจะไปจำได้ พวกพยาบาลป้าๆ ก็ออกไปหมดแล้ว แต่ก็น่าเห็นใจเขานะ”
“ชั้นว่าป่านนี้ประวัติโดนปลวกกินไปหมดแล้วมั๊ง มาหาอะไรตอนนี้ คงเจอหรอก”
ไข่มุกได้ยินอย่างงงๆ มองไปก็เห็นจินจูเดินกลับมาอย่างผิดหวัง หน้าเรียบเฉย ไข่มุกลุกขึ้นยิ้มอย่างเอาใจ
“จะไปไหนต่อดีคะ ไปทานข้าวกันไหม หนูรู้จักที่อร่อยหลายแห่งหรือจะไปช็อปปิ้งก็ได้”
จินจูเงียบ แทยอนตอบเสียงขรึม
“พวกเราอยากกลับโรงแรม”
ไข่มุกหน้าจ๋อย เดินตามจินจูและแทยอนที่เดินออกไป
ไข่มุกขับรถพาจินจูและแทยอนกลับโรงแรม ระหว่างทางแอบมองกระจกส่องหลังก็เห็นจินจูนั่งนิ่งทอดสายตานอกหน้าต่าง แทยอนมีสีหน้าเรียบขรึม
“เราจะไม่ยอมแพ้ ไม่ต้องห่วง ชั้นจะหาคนช่วยให้ได้”
จินจูตาเหม่อลอยนอกหน้าต่าง เหมือนจะหมดกำลังใจ ไข่มุกหันมายิ้มให้
“มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ ไม่ต้องเกรงใจ บอกได้เลย”
แทยอนมีสีหน้าเรียบตอบไข่มุก
“ขอบใจ แต่บางเรื่อง เราต้องจัดการเอง”
ไข่มุกมองจินจูจากกระจกมองหลัง เห็นใบหน้าเศร้าเหม่อมองนอกหน้าต่างรถก็เศร้าตามไปด้วย
คืนนั้นไข่มุกกลับมาห้องนอนด้วยสีหน้ายังกังวลไม่หาย คีรินทร์นอนที่เตียงมองไข่มุกงอนหน่อยๆ ไข่มุกเดินไปเดินมาท่าครุ่นคิด
“ไปไหนมาทำไมไม่บอก โทรไปก็ปิดมือถือ”
“ขอโทษนะคะ มือถือแบตหมด ชั้นพาคุณจินจูไปธุระที่โรงพยาบาล ไม่รู้มีเรื่องอะไร แต่เธอดูเครียดไปเลย”
คีรินทร์ลุกขึ้นนั่ง
“ทีชั้นเครียดกว่าเธอไม่ยักเห็นใจ ที่จริงให้เขาไปรถโรงแรมก็ได้ ไม่เห็นต้องพาไปเลย”
“แหม ดาราคนโปรดมาทั้งทีชั้นก็ต้องเต็มที่หน่อยสิคะ แล้ววันนี้ก็ไม่มีสอนด้วย”
คีรินเดินไปหาไข่มุก
“ไม่สอนเธอก็ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนชั้น ไม่ใช่ไปไหนๆ กับคนอื่นทั้งวัน กลับมาจนป่านนี้”
ไข่มุกทำพูดล้อๆ
“คุณก็มีผู้ช่วยเลขาคนใหม่แจ่มแจ๋ว คอยดูแลอยู่แล้ว จะยังต้องการเพื่อนคนนี้อีกเหรอ”
“ไข่มุก เขาไปสมัครงานกับพ่อตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้ตอนอยู่ๆ ก็โผล่มา ชั้นไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย พูดแบบนี้...หึงหรอ” ไข่มุกทำเฉย
“ฮึ”
“วันนี้เธอไปโดยไม่บอก แถมมาหึงผิดๆ อีก” คีรินทร์ชี้บอร์ดสะสมจูบของตัวเองมีรอยจุ๊บ 2 อัน “นั่น ชั้นให้แต้มเธอเพิ่มแล้ว มาซะดีๆ”
คีรินทร์ดึงไข่มุกมาใกล้ ไข่มุกจะรั้งตัวออก
“กลับมาเหนื่อยๆ ไม่เล่นนะ จะอาบน้ำแล้ว”
คีรินทร์กอดกระชับไข่มุกแน่นขึ้น แล้วสบตาตรง หน้าผากแทบจะชนกัน
“งั้นอาบด้วย” ไข่มุกส่ายหน้าหยิกไม่พูดอะไร แต่ไม่ผลักตัวออก “หายไปแบบนี้ ไม่รู้ละยังไงก็ต้องถูกทำโทษ”
ไข่มุกหลบสายตาคีรินทร์อย่างเขิน พูดพอได้ยิน
“งั้น...จุ๊บนิ๊ดเดียวพอ อย่าเยอะคุณ”
“อืม นิ๊ด เดียว”
คีรินทร์หอมฟอดใหญ่ที่แก้ม ไข่มุกเหวอ ถอยห่าง รีบเช็ดที่แก้ม
“ไหนว่านิด คนบ้า”
คีรินทร์ยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น ช้อยเสิร์ฟกาแฟให้เขมทัตที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ มณีในชุดสวยจะออกไปข้างนอกนั่งทานข้าวต้มกับนุชนารถ ชลลดาที่มือพันแผลหุ้มไว้ เดินเข้ามานั่งข้างนุชนารถ เขมทัตเห็นก็ทัก“อ้าว มือไปโดนอะไรมา”
“เจ็บนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะคุณพี่ ขอบคุณนะคะที่ห่วง”
มณีค้อนอย่างหมั่นไส้
“นิดหน่อยที่ไหน พันแผลซะมิดชิดขนาดนั้น เป็นขี้ทูตกุดถังหรือป่าวก็ไม่รู้ นุช...จัดการ”
“ไม่ต้อง”
นุชนารถตีหน้าเฉย
“ไม่ต้องไม่ได้ เผื่อเป็นโรคติดต่อ”
นุชนารถคว้ามือชลลดา ยื้อกันไปมา
“จะบ้าหรอ โรคติดต่ออะไร ชั้นบอกไม่ต้องไง พูดไม่รู้เรื่องหรอ”
นุชนารถแกล้งรีบแกะผ้าพันแผลจนหลุด เห็นเล็บสั้นกุด โดนตัดออก ชลลดารีบกำมือ แต่ไม่ทันสายตามณีที่สังเกตเห็น
“ทำไมเล็บสั้นจุดจู๋แบบนั้น ขี้ทูตกินแน่”
ชลลดาทำเก๋ แบมือสองมือเทียบกัน
“เทรนใหม่ สั้นข้างยาวข้าง” ชลลดาค้อนใส่มณี “เอ้าท์จริง”
เขมทัตมองอย่างยิ้มๆ
“แปลกดี เข้าใจทำ” เขมทัตหันบอกมณี “อ้าวคุณเสร็จหรือยัง เดี๋ยวไม่ทันรีบไปกันเถอะ”
มณีค้อนให้ชลลดาที่กระดิกนิ้วโชว์เล็บสองข้าง มณีกระฟัดกระเฟียดลุกไป เหลือชลลดากับนุชนารถ นุชนารถมองชลลดาเหมือนรู้ทัน
“โกหกใครได้ก็โกหกไป แต่ไม่ใช่กับดิชั้น เมื่อวานมีเรื่องกันใช่มั้ย ได้ยินเสียงร้องมาถึงในบ้าน หยั่งกับหมูโดนเชือด”
“อ้าว...ได้ยินแล้วทำไมไม่ไปช่วย”
นุชนารถทำหน้าใส่
“เรื่องของใคร คนนั้นก็แก้เอาเองสิ ไม่ชอบจุ้นจ้านเรื่องคนอื่น”
“ไม่จุ้นจ้านแล้วสู่รู้ได้ยังไงว่าชั้นมีเรื่อง เจียมตัวไว้ซะบ้าง อย่าหาเรื่องใส่ตัว มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย”
นุชนารถยิ้มหยัน
“ไม่มีอะไรจริงเหรอ อย่าคิดว่าจะปิดได้ตลอด อีกไม่นานหางโผล่แน่”
นุชนารถเดินออกไป ชลลดานั่งอย่างแค้นใจที่นุชนารถรู้ทัน
รัตนายิ้มดีใจที่ได้รถเข็นใหม่เป็นไฟฟ้ากดให้แล่นเองได้ รัตนาขยับปุ่มเล่นไปมา
“สุดยอดเล้ย แบบนี้อยากได้มานานแล้ว ขอบคุณมากนะคะคุณพ่อ”
มณีมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“ไปซื้อให้ทำไมก็ไม่รู้ ต้องเสียเงินซื้อแบตเตอรี่อีก ก้อนตั้งหลายพัน เดี๋ยวได้ตะลอนไปไหนเองคนเดียวแน่”
“เอาน่า ลูกมีความสุขขึ้นตั้งเยอะ คุณไม่เห็นเหรอ จะไปได้ไกลสักแค่ไหน นุชก็คอยดูอยู่ทั้งคน”
“จะดูไม่ไหวแล้วคะ เดี๋ยวนี้หนูนาดื๊อ ดื้อ ตั้งแต่...” นุชนารถมองไข่มุก “มีคนให้ท้ายแบบนี้ เดี๋ยวพี่นุชจะปล่อยให้ดูแลกันไปให้เข็ดดีไหมคะ”
“เชอะ ไม่ตอบ”
รัตนางอน กดปุ่มไปมา รถเคลื่อนพรวดเข้าไปเกือบชนนุชนารถ รัตนาหยุดไว้ทัน ตกใจยิ้มขำ
“โอย เห็นไหม พูดยังไม่ทันขาดคำ”
“ขอโทษคะพี่นุช หนูนายังไม่ชิน พี่นุชไม่อยากไป ชวนพี่กุ๊กไก่ก็ได้” รัตนายิ้มให้ไข่มุก “เราออกไปซิ่งกันเถอะ เดี๋ยวหนูนายกล้อให้ดู”
รัตนาตื่นเต้นขับรถไฟฟ้าเคลื่อนออกไปจากห้อง ไข่มุกยิ้มลุกตามไปหันมาบอกเขมทัตกับมณีและนุชนารถที่นั่งค้อนให้
“เดี๋ยวหนูไปดูให้ก็ได้คะ”
รัตนาขับรถไฟฟ้าออกมาตามทางในบ้าน ขับผิดๆ ถูกๆ จนจะพุ่งเข้าใส่ภัททิมาที่เดินมา ภัททิมาตกใจ
“ต๊าย พุ่งเข้ามาได้ ยัยง่อยนี่ ง่อยกินแล้วยังอยากซิ่ง ชั้นเป็นไรขึ้นมาเดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่”
รัตนาหน้าจ๋อย ยกมือไหว้ขอโทษ ไข่มุกที่เดินตามหลังมาเสียงแข็งใส่ภัททิมา
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ หนูนาเพิ่งได้รถใหม่ยังขับไม่คล่อง กดอะไรก็ยังไม่ค่อยเป็น ไม่ได้ตั้งใจชนคุณหรอก”
ภัททิมามองไข่มุกสายตาแข็งกร้าว
“หนอย ทำมาอวดดีขึ้นเสียงใส่ชั้นหรอ อย่าลืมกำพืดตัวเอง พอได้ดีทำปากกล้า ระวังตัวไว้เถอะ”
รัตนาโกรธแทนไข่มุก
“ทำไมต้องมาว่าพี่กุ๊กไก่ละคะ พูดไม่เห็นเพราะเลย”
ภัททิมายิ้มหยัน
“ลูกไก่เหรอ โธ่เอ๊ย ขอทานถูกหวยละไม่ว่า” ภัททิมาเดินเข้าไปพูดใส่หน้าไข่มุก พูดพอได้ยินกันสองคน “ทุกอย่างที่นี่เป็นของชั้น แกแค่มาชั่วคราว อย่าทำตัวพองขนมาพูดว่าชั้นอีก ไม่งั้นโดนเฉดหัวกลับสลัมแน่”
ภัททิมามองไข่มุกหัวจรดเท้า แล้วเดินเชิดหน้าออกไป
“ทำไมเขาถึงกล้าว่าพี่กุ๊กไก่แบบนั้นคะ นิสัยแย่จัง”
ไข่มุกหน้าเจื่อน บอกรัตนา
“ไม่เป็นไรคะ ช่างเขาเถอะ เดี๋ยวพี่ต้องแต่งตัวไปทำงานก่อน วันนี้มีสอนเต้นตอนเย็น หนูนาค่อยหัดบังคับรถ อย่าไปไหนไกลนะ”
รัตนายิ้มพยักหน้ารับ
นุชนารถกับช้อยเตรียมขนมของว่างไว้รอคีรินทร์ ภัททิมาเดินเข้ามาทำมองโน่นนี่แล้วฉวยมือจะหยิบเข้าปาก
นุชนารถเลื่อนจานหนี ช้อยก็มองอย่างหมั่นไส้
“ขนมนี่เตรียมไว้ให้คุณรินทร์และคนบ้านนี้เท่านั้น”
“คนมาอาศัยไม่เกี่ยว”
“หุบปากไปเลยนะนางช้อย” ภัททิมาพูดยั่วอย่างหมั่นไส้แล้วมองนุชนารถ “ส่วนเธอ แอ่นระแน๊นไปหา
คุณรินทร์เขาขนาดไหนรู้ตัวบ้างไหม สงสัยจริ๊ง เสิร์ฟขนมก่อน แล้วค่อยเสิร์ฟตัวตามหลังแน่ๆ”
“ถึงชั้นจะทำแบบนั้นก็ไม่ได้หนักหัวใคร อย่ามายุ่ง ถ้าไม่อยาก...”
ภัททิมาท้าวสะเอวของขึ้น
“นี่แกกล้าดียังไงมาขู่ชั้น เป็นแค่ลูกจ้าง” ภัททิมาจะฉวยจานขนม “เอามานี่ชั้นจะเอาไปให้คุณรินทร์เอง”
นุชนารถเลื่อนจานขนมไปอีกทางไม่ยอม ช้อยก็เอาตัวเองเข้ากั้นไว้
“ถึงว่า มาห้ามคุณนุช ที่แท้หวังฉกกินเอง”
“ชั้นบอกให้เอามานี่ พวกแกรุมชั้นเหรอ”
สามคนคว้ากันไปคว้ากันมา ต่างคนต่างไม่ยอม รัตนากดรถเข็นมามอง
“พี่นุชขา หนูนาอยากไปเล่นข้างนอก ไปกับหนูนาหน่อยสิคะ”
นุชนารถรำคาญกระแทกเสียงใส่
“อยากไปเล่นที่ไหนก็ไปเถอะ ไม่ว่าง ไม่เห็นหรือไง”
นุชนารถหันมายื้อแย่งจานขนมกันต่อกับภัททิมา รัตนามองอย่างผิดหวัง เลยกดรถให้แล่นไปเอง
มายาสีมุก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ไข่มุกเดินลงบันไดมองออกไป เห็นรถเข็นรัตนาแล่นไปทางหน้าบ้านคนเดียวก็มองตามอย่างนึกห่วง ประตูหน้าบ้านเปิดออก คีรินทร์ขับรถเข้ามา
รัตนาขับรถเข็นออกมาตามทางหน้าบ้าน แต่บังคับผิดๆ ถูกๆ รถกระตุกแล่นเร็วบ้างช้าบ้าง พอลงทางลาด รถไหลเร็ว จนรัตนาตกใจมือสั่น ลืมเบรก
“เอ้ย ทำไมมันไม่หยุด ช่วยด้วย ช่วยหนูนาด้วย”
คีรินทร์ขับรถเร็วเข้ามา ไข่มุกวิ่งรุดออกมาจากบ้าน แต่เห็นรัตนาระยะไกล รถคีรินทร์กำลังจะพุ่งเข้ามาหาอย่างเร็วไข่มุกตะโกนลั่น
“หนูนา เฮ้ย ไม่ทันแล้ว”
ไข่มุกหันซ้ายหันขวาเจอท่อนไม้ขนาดเหมาะมือเลยฉวยมาถือแล้วขว้างหมุนควงไปในอากาศ ท่อนไม้ขัดกั้นหน้าล้อรถเข็นไฟฟ้าพอดี รถหยุดกึก รัตนาเงยหน้าเห็นรถคีรินทร์ที่พุ่งเข้ามาอย่างเร็ว รีบยกมือกันไว้หลับตาปี๋
“อ๊าย”
คีรินทร์เห็นรัตนารีบแตะเบรก
“หนูนา”
ไข่มุกวิ่งเร็วแล้วกระโดดพุ่งตัวไปผลักหนูนาให้พ้นรถ แต่พลาดชายเสื้อโดนแฮนด์รถเข็นเกี่ยวไว้ ดึงให้ตัวเองล้มลงตรงหน้ารถคีรินทร์ที่พุ่งเข้ามาอย่างเร็ว ไข่มุกตาตื่นตกใจ ไข่มุกเอามือกั้นไว้อย่างกลัว
“เอ้ย”
นุชนารถกับภัททิมาและช้อยได้ยินเสียงเบรกดังสนั่นก็ชะงัก หยุดมองหน้ากันไปมา หันไปทางต้นเสียง
เขมทัตวิ่งนำหน้ามณีออกมาทันเห็นรถคีรินทร์เบรกอย่างแรงเส้นยาแดงผ่าแปดเกือบถึงตัวไข่มุก ไข่มุกล้มฟุบลงกับพื้นนิ่ง คีรินทร์ลงจากรถมาดูไข่มุกอย่างตกใจ
“ลูกไก่ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมวิ่งมาขวางหน้ารถแบบนี้”
ไข่มุกพูดเสียงตกใจ
“ไม่เป็นไรคะ ถ้าช้ากว่านี้ รถคุณได้ชนหนูนาแน่”
รัตนาที่ล้มกับพื้นร้องไห้
“โอ๊ย หนูนาเจ็บ”
เขมทัตกับมณีวิ่งไปดู
“เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนบ้าง”
“เห็นไหม แม่พูดยังไม่ทันขาดคำ ได้เรื่องจนได้”
รัตนากอดเขมทัตตกใจ
“นึกว่าจะโดนพี่รินทร์ขับรถชนตายแล้ว ดีนะพี่กุ๊กไก่มาช่วยทัน”
คีรินทร์มองหน้าไข่มุกแล้วกอดแน่น
“ผมใจหายหมดเลย คุณไม่เป็นไรแน่นะ”
ไข่มุกส่ายหน้ายังไม่หายตกใจ คีรินทร์มองไข่มุกนิ่ง แล้วดึงเธอมากอด นุชนารถออกมายืนหน้าประตูมองคีรินทร์ที่กอดมุกอย่างทั้งเศร้าและโกรธ
มณีนั่งที่โซฟามองนุชนารถอย่างไม่สบอารมณ์มากเรื่องรัตนา นุชนารถนั่งหน้ามุ้ยเครียดที่เกิดเรื่องกับรัตนา
“ต่อไปนี้ เธอต้องคอยดูแลหนูนาทุกฝีก้าว อย่าปล่อยให้ไปไหนคนเดียวอีก ดีนะที่วันนี้เคราะห์ดี รินทร์หยุดรถทัน ไม่งั้นชั้นไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ชลลดากับภัททิมายิ้มหยันเดินเข้ามาในห้อง ทำยืนแกร่วรอฟัง นุชนารถได้แต่ถอนหายใจหงุดหงิด
“ปกตินุชก็ดูแลเอาใจใส่ตลอดนะคะ วันนี้มาเกิดเรื่องเพราะได้รถใหม่มากกว่า”
ชลลดาได้ทีเดินมาใกล้นุชนารถ
“จะไปโทษรถได้ไง ได้รถใหม่มาเธอยิ่งต้องคอยดู ไม่ใช่ปล่อยให้ไปไหนต่อไหนเองแบบนี้ ความรับผิดชอบน่ะ สะกดถูกมั้ย”
นุชนารถมองชลลดาตาขวาง มณีก็มองชลลดาว่ามายุ่งไรด้วย ภัททิมาช่วยสำทับ
“หนูนาได้รถใหม่แล้ว อีกไม่นานคงได้เปลี่ยนพยาบาลใหม่แน่”
“ชั้นอบรมคนของชั้นอยู่ พวกเธอเกี่ยวอะไรด้วย”
“แหม ดิชั้นเห็นคุณพี่อบรมใจดีเกินไป เลยช่วยอีกแรง”
“ช่วยกันยำ เอ๊ย ช่วยกันย้ำหลายคนแบบนี้ จะได้จำขึ้นสมอง”
ชลลดากับภัททิมายิ้มหยัน นุชนารถนั่งนิ่งได้แต่แค้นใจกดดัน
คีรินทร์ตั้งใจทำแผลให้ไข่มุกที่เข่าถลอกอย่างทะนุถนอม ไข่มุกมองแอบยิ้มอย่างปลื้มใจ คีรินทร์เงยหน้าเห็นไข่มุก
“ยังทำยิ้มอีก คุณทำผมใจหล่นลงไปตาตุ่ม ป่านนี้ยังไม่ขึ้นมาที่เก่าเลย”
“ชั้นไม่เป็นไรมากหรอก ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ไม่ยักรู้ว่าคุณมือเบาแบบนี้ เอาน่าเดี๋ยวให้แต้มเพิ่ม”
เขมทัตเดินเข้ามาดู
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม”
“นิดหน่อยเองคะ แค่เข่าถลอก คุณรินทร์ใส่ยาให้แล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ดีนะที่ผมเบรกทัน ไม่งั้นป่านนี้ได้เป็นพ่อม่ายเจ้าเสน่ห์แล้ว”
ไข่มุกค้อนให้คีรินทร์
“ขอบคุณมากคะ คุณไปล้างมือ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ กลับมาเหนื่อยๆ”
คีรินทร์เดินออกไป เขมทัตยิ้ม
“ขอบใจมากนะลูกไก่ ถ้าวันนี้ไม่ได้เธอช่วยเห็นทีเกิดเรื่องใหญ่แน่ ขอบใจเหลือเกินที่ช่วยชีวิตหนูนา”
“ยังไงหนูก็ต้องเข้าไปช่วยคะ ตอนที่เกิดเรื่องกับคุณรินทร์ หนูก็ไม่ได้ทิ้งเขานะคะ” เขมทัตนิ่งไป “พ่อรู้ กับหนูนาลูกไก่ยังไม่ทิ้ง แล้วกับคีรินทร์จะทิ้งได้ไง”
ไข่มุกยิ้มดีใจที่เขมทัตเข้าใจเธอ
คีรินทร์ยืนอยู่ปลายเตียง เปลี่ยนเสื้อผ้า ปลดกระดุมกำลังจะถอดเสื้อ นุชนารถเปิดประตูเข้ามาแล้วโผเข้ากอดคีรินทร์ร้องไห้
“คุณรินทร์ นุชขอโทษ นุชไม่ได้ตั้งใจ ใครๆ ก็รุมว่า หาว่านุชผิด นุชดูแลหนูนามานานแค่ไหนคุณรินทร์ก็รู้ ไม่เคยเกิดเรื่องอะไร พอพลาดครั้งเดียวกลายเป็นหมาหัวเน่า รุมกันใหญ่เลย”
คีรินทร์จับแขนนุชนารถออกห่างแต่นุชนารถก็รัดแน่น สะอึกสะอื้นที่โดนด่าและกดดัน
“นุช ไม่เอาน่า ค่อยๆ พูดจากัน อย่าฟูมฟายแบบนี้”
“นุชขอโทษนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ยัยไข่มุกมาหาเรื่องนุช มาด่านุช เลยลืมนึกถึงหนูนาไปแว๊บเดียว ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องได้”
คีรินทร์ฟังหน้าเฉย บอกเสียงเรียบๆ
“เรื่องคราวนี้ไม่ใช่เล็ก ถ้าลูกไก่ไม่เสี่ยงชีวิตมาช่วยหนูนา ผมคงขับรถชนน้องตัวเองตายไปแล้ว มันช่วยไม่ได้หรอกที่ใครๆ จะพากันโกรธคุณ”
นุชนารถมองคีรินทร์อย่างน้อยใจ
“ใครๆ รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่า นี่คุณไม่เชื่อนุช หาว่านุชดูแลหนูนาไม่ดี” คีรินทร์เฉย นุชนารถยิ่งร้องไห้ “คุณคิดทิ้งนุช จะเฉดหัวแล้วใช่มั้ยคะ”
คีรินทร์มองนุชนารถอย่างหงุดหงิด
“ไม่เอาน่านุช ทำไมกลายเป็นคนโวยวายแบบนี้ มันน่าเบื่อรู้ไหม”
คีรินทร์พูดแล้วก็เดินไป ปล่อยให้นุชนารถร้องไห้ทรุดตัวกับเตียง มือกำผ้าปูเตียงแน่น ร้องไห้อย่างคับแค้นใจ
แทยอนกับจินจูนั่งกินข้าวที่ห้องอาหารในโรงแรม แฟนคลับที่มานั่งกินไม่ห่างนักแอบมองมาที่จินจูตลอดเวลา
คธาที่แอบดูอยู่อีกคนสังเกตเห็นว่าเป็นชายคนเดิมที่เคยตามจินจู คธาสงสัยคอยแอบสังเกต แฟนคลับเห็นคธาคอยลอบมองก็ระแวง เรียกพนักงานเช็คบิล
“น้องเช็คบิลด้วย”
พนักงานยังไม่ทันเอาบิลมา ก็เอาเงินวางบนโต๊ะ แล้วรีบลุกเดินออกไปจากห้อง คธาจะตามแต่ไข่มุกเดินมาเจอพอดี
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
คธามองไปอีกทีไม่เห็นแฟนคลับแล้ว
“ไม่มีอะไรครับ”
ไข่มุกไม่ติดใจเดินไป คธาหันไปมองจินจูอย่างนึกห่วง
ประตูห้องพักในคอนโดของแฟนคลับถูกเปิดออก แฟนคลับรีบปิดประตูเข้ามาอย่างกลัวใครเห็น ภายในห้องติดภาพจินจูเต็มไปหมด แฟนคลับมองรูปอย่างหลงใหล ยกมือแนบตัวติดกับผนังห้องเกลือกหน้าไปตามรูปจินจู
“จินจู ผมได้เจอคุณแล้ว”
คีรินทร์ฟังที่คธาเล่าว่าเจอชายท่าทางแปลกๆ คอยตามจินจูเห็นมาสองครั้งแล้ว เดชก็ฟังอย่างตั้งใจ ไข่มุกนึกเป็นห่วงจินจู
“ถึงว่าวันนั้นคุณอาท่าทางแปลกๆ”
“อาจเป็นพวกแฟนคลับที่คลั่งไคล้ดารา นี่ขนาดเราปิดข่าวยังแอบรู้อีก ขอบคุณคุณคธาที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ พวกเราต้องช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้มากกว่านี้”
“มาอีกที ผมล็อกตัวส่งตำรวจแน่” เดชพูดอย่างหมายมาด
“ถ้าเป็นแฟนคลับโรคจิตละแย่แน่ น่ากลัวจังเลยพวกนี้”
“แฟนคลับบางคนรักแรงจนน่ากลัว พอดาราหรือนักร้องคนนั้นไม่สนใจตอบก็เสียใจ ถึงขั้นทำร้ายเขาก็มีนะ”
“แฟนคลับที่คุณคธาว่าอยู่ตรงนี้รึเปล่า” คีรินทร์จับหัวไข่มุกอย่างเอ็นดู ไข่มุกทำงอน พูดกับคธา
“ไม่ใช่สักหน่อย หนูเป็นแฟนคลับนิสัยดี คอยห่วงใยดูแลต่างหาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้ามีอะไร หนูช่วยคุณจินจูเอง”
คีรินทร์ยิ้มแล้วเหล่แซวไข่มุก
“ตัวแค่นี้ทำเป็นเก่งนะเรา กลัวจะโดนซะก่อนไม่ว่า”
ไข่มุกค้อนให้ คีรินทร์ยิ้ม
จินจูเดินชมดอกไม้สวยๆ ในโรงแรม มองไปที่กระจกเห็นภาพสะท้อนของคธาก็อึ้ง ชะงัก
“คุณ”
จินจูหันขวับไปมองแต่ไม่เห็นคธาแล้ว แทยอนเดินมาหาเห็นจินจูทำท่าเหมือนอึ้งแกมช็อค
“จินจู คุณเป็นไรหรอเปล่า ตกใจอะไรรึ”
จินจูสั่นหน้า ไม่บอกอะไร ทำยิ้มไม่อยากให้แทยอนคิดมาก
“ไม่มีอะไร ชั้น...ชั้นคง...นึกไปเอง นึกห่วงเรื่องยองแอด้วยคะ”
แทยอนจับมือจินจูแล้วพูดน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงเราก็ต้องได้เจอยองแอ แต่ถ้าเจอแล้วเขาอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ชั้นขออนุญาตทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวได้มั้ย”
จินจูค่อยๆ ดึงมือออก สบตาแทยอน
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้ ชั้นอยากเจอยองแอก่อนอย่างอื่นทั้งหมดคะ”
“ได้ ขอโทษนะ”
แทยอนยิ้มอย่างเข้าใจ ผิดหวังแต่ไม่กล้าพูดมาก
ห้องนอนภัททิมาที่บ้านคีรินทร์ ภัททิมากดรีโมทหลายทีแอร์ก็ไม่ยอมติด ชลลดายืนท้าวสะเอว หงุดหงิดเพราะอากาศร้อน
“ทำไมไม่ติดสักทีเนี่ย คนยิ่งร้อนๆ อยู่ ชักยั๊วะแล้วนะเว้ย”
“บอกแล้วว่ามันเสีย เช้านี้แม่เปิดตั้งหลายรอบ ก็ไม่ติด โอยไม่ไหว ร้อน เดี๋ยวตับชั้นได้แตกจริงแน่” ชลลดากับภัททิมาเปิดประตูออกไป เจอมณีกับช้อย “เจอพอดี แอร์ในห้องเสีย ช่วยตามช่างมาซ่อมให้ด้วยนะคะ”
มณีหงุดหงิด
“เสียได้ไง เมื่อก่อนยังดีอยู่ เธอทำยังไงให้เสีย มาอาศัยบ้านชั้นแล้วยังทำของชั้นเจ๊งอีก”
“มันจวนจะเจ๊ง กลับบ้านเก่าอยู่แล้วค่ะ แอร์เก่าเป็นอีแก่ขนาดนั้น เปิดทีน้ำหยดติ๋งๆ”
“คุณเพิ่งให้คนมาล้าง ช้อยจำได้ วันก่อนยังดีอยู่เลยคะ”
มณีพูดอย่างขึงขัง
“พวกเธอเป็นคนทำเจ๊งก็ต้องรับผิดชอบ หาช่างมาซ่อมให้เรียบร้อย”
“”ดิชั้นตามช่างเองก็ได้ แต่ค่าซ่อม เดี๋ยวให้เขาส่งบิลให้คุณพี่”
“เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ใครใช้คนนั้นจ่ายย่ะ ค่าไฟค่าน้ำค่าซ่อมชั้นแยกบิลหมด เดี๋ยวปลายเดือนเคลียร์ทีเดียว”
มณีสะบัดหน้าเดินไปกับช้อย ชลลดามองตามอย่างแค้น
“คุณแม่ขา ไม่มีแอร์ แล้วคืนนี้นอนไง ไม่ต้องแก้ผ้านอนหรอคะ”
“มันต้องนอนได้สิ นอนสบายด้วย”
ภัททิมามองสงสัย ชลลดายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผน
ทางเดินมุมลับตาคนในโรงแรม แฟนคลับจินจูแอบที่เสาซุ่มดักรออยู่ เห็นไข่มุกเดินมากับจินจู พอได้จังหวะก็โผล่ออกมาดักหน้าไว้แล้วยิ้มท่าทางแปลกๆ
“คุณจินจู และแล้วเราก็ได้เจอกัน ผมรอวันนี้มานานแล้ว”
จินจูกับไข่มุกชะงัก ระวังตัวทันที
“คุณจินจูกำลังมีธุระ ขอตัวก่อนคะ”
ไข่มุกพาจินจูจะเดินหลบไปอีกทาง แฟนคลับตามขวาง มองหน้าไข่มุกอย่างไม่สบอารมณ์ พูดเสียงแข็ง “ยุ่งอะไรกับจินจูของชั้น คนเขากำลังคุยกัน คุณจินจู ผมเป็นแฟนคลับคุณมานานแล้ว ไปคุยกันสองคนนะ”
แฟนคลับตรงเข้าไปแยกมือไข่มุกออกจากจินจูแล้วดึงจินจูมา ไข่มุกไม่ยอมยื้อกันไปมา ไข่มุกดันแฟนคลับออก
“ทำไมคุณทำแบบนี้ ให้เกียรติกันหน่อยสิคะ”
“คุณทำแบบนี้ไม่ดีนะ ใจเย็นๆ”
แฟนคลับมองหน้าตาขึงขัง
“ได้คุณจินจู” แฟนคลับมองไข่มุกตาขวาง “แต่ต้องให้นังนี่ไปพ้นๆ ก่อนยุ่งนักนะแก”
แฟนคลับตรงเข้าไปบีบคอไข่มุก
“โอ๊ย หายใจไม่ออก”
“จะแย่งจินจูไปคนเดียวได้ไง ชั้นเห็นแกประจ๋อประแจ๋กับเขาตลอด จินจูต้องไปกับชั้น”
แฟนคลับตะคอกใส่ จินจูตรงเข้าช่วยดึงร่างแฟนคลับออก แต่แฟนคลับเผลอปัดแขนใส่จนจินจูเจ็บเซถลาไป
“โอ๊ย”
แฟนคลับเห็นอย่างนั้นยิ่งคลั่ง หันมาโกรธไข่มุก
“เห็นไหมเป็นเพราะแก จินจูเลยต้องเจ็บ อย่าอยู่เลย”
แฟนคลับดันไข่มุกไปจนชิดกำแพงแล้วบีบคอหนักขึ้น ไข่มุกพยายามรั้งมือแต่สู้แรงไม่ไหว จะเตะผ่าหมาก
แต่แฟนคลับเอาขากันไว้อย่างรู้ทันยิ่งเค้นคอหนักขึ้นจนไข่มุกตาเหลือก สู้ไม่ไหวทำท่าจะเสียที
“โอ๊ย...ช่วย...ด้วย...”
เดชฟาดมือลงที่ท้ายทอยแฟนคลับ จนแฟนคลับทรุดตัวแล้วล็อคเอามือไพล่หลัง ดึงตัวออกมา
“มานี่ ไปคลั่งต่อในคุกเถอะ”
ไข่มุกตื่นกลัว ทรุดตัวนั่งจับคอไอกระแอม หายใจถี่ จินจูรีบมาช่วย
แทยอนขรึมนั่งมองหมอตรวจจินจูที่ห้องปฐมพยาบาลในโรงแรมคีรินทร์
“ไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่ฟกช้ำนิดหน่อย” หมอมองไข่มุก “คุณก็เหมือนกัน อาจจะมีเคล็ดที่คอบ้าง เดี๋ยวผมให้ยาทาไว้”
ไข่มุกที่ยืนใกล้จินจู นวดคอตัวเองอย่างเคล็ดขัดยอก แทยอนดูผ่อนคลายลง หันไปทางคีรินทร์และเดชที่ยืนนิ่ง
“คุณต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่านี้ ทำแบบนี้ใช้ไม่ได้”
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ต่อไปไม่ให้หลุดรอดเข้ามาในโรงแรมแน่”
“นึกไม่ถึงว่ามีเรื่องแบบนี้ รับรองทางโรงแรมจะเข้มงวดมากขึ้นครับ”
“เรื่องคาดไม่ถึง ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกคะ ชั้นเข้าใจ” จินจูยิ้มให้ไข่มุก “ขอบใจมากนะที่ช่วยชีวิตชั้น ดูสิเลยเจ็บตัวแทน ถ้าไม่ได้หนูชั้นคงแย่”
“หนูทนเห็นคุณเป็นอะไรไม่ได้หรอกคะ ถ้าตายก็ตายด้วยกัน”
จินจูกอดไข่มุกอย่างซึ้งใจ คีรินทร์นึกทึ่งในความรักของไข่มุกที่มีต่อจินจู
คืนนั้นขณะที่เขมทัตกำลังสวดมนต์ก่อนนอน มณีนอนข้างพอกหน้าขาว มีแตงกวาโปะที่ตาสองข้าง โรลม้วนผมเต็มตัวเตรียมนอน มีเสียงเคาะประตู มณีเงยหน้ามองทางประตู หยิบแตงกวาออก ลุกไปเปิดประตูอย่างหงุดหงิด
“ดึกดื่นป่านนี้ใครมาเคาะ”
พอเปิดประตูก็เห็นชลลดาใส่ชุดนอนเซ็กซี่ถือหมอนทำยิ้มน้อยๆ ให้ มณีมองอย่างอึ้ง ชลลดาได้โอกาสเลยแทรกตัวเข้าห้อง มณีปิดประตูไม่ทันจึงเสียงแข็งใส่
“เธอเข้ามาทำไม กลับไปห้องเธอเลยนะ”
เขมทัตหันมามองทำตาปริบๆ แล้วหันกลับสวดมนต์ต่อ ชลลดาพูดเน้นคำ สีหน้าเรียบ
“ก็เข้ามานอนสิคะ ห้องโน่นแอร์เสีย ไม่ยอมซ่อม แล้วจะนอนได้ไง”
“แต่ที่นี่ห้องนอนชั้นกับพี่เขม น่าเกลียดที่สุด ว่าแล้วยังไม่ออกไปอีก”
ชลลดาทำไม่สน เดินเข้าไปใกล้เขมทัตที่สวดมนต์อยู่ กระซิบบอกพอได้ยินกันสองคน
“คุณพี่ขา ห้องโน่นมันร้อน” ชลลดากระพือเสื้อ ให้เห็นร่องอก “ขอนอนด้วยคนนะคะ”
เขมทัตหยุดสวดมนต์ ลืมตา หันมาทำตาปริบๆ เหลือบมองร่องอกชลลดานิดนึง สูดลมหายใจเข้าแล้วหลับตาสวดมนต์ต่อ ชลลดามองยิ้มให้เขมทัต ว่าแล้วก็วางหมอนนอนข้างเขมทัต เขมทัตเห็นเบียดกันเลยขยับตัวให้หน่อยหนึ่ง มณีรุดไปข้างเขมทัต ท้าวสะเอวพูดเสียงแข็ง
“คุณไปขยับให้แม่นี่ทำไม”
เขมทัตหยุดสวดมนต์แต่พนมมือค้างอยู่
“ก็เห็นเบียดกัน เดี๋ยวตกเตียง”
มณีอึ้งก่อนได้สติ แหวลั่นใส่หูชลลดา
“มานอนอะไรยะ” มณีหยิบปลายเสื้อชลลดา “ออกไปจากห้องชั้นเดี๋ยวนี้”
ชลลดาหลับตาพริ้มทำไม่สนใจ
ขณะเดียวกันนั้นภัททิมาอยู่ที่ห้องนอนคีรินทร์ ไข่มุกมองภัททิมาในชุดนอนเซ็กซี่ที่ยืนอยู่กลางห้อง คีรินทร์อดลอบมองไม่ได้
“ตกลงให้ภัทนอนตรงไหนดี ด้านซ้ายหรือด้านขวา คุณรินทร์นอนตรงกลางแล้วกันนะคะ”
ไข่มุกทำหน้าเฉยมองภัททิมา
“ข้างไหนก็ดี เอ๊ย...ก็ได้ ตามสบายนะครับ” คีรินทร์เหลือบมองไข่มุก “ญาติลูกไก่ก็เหมือนญาติผม”
“คุณรินทร์ใจดีจัง ขอบคุณมากคะ”
ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์ ทำเป็นเดินไปปัดที่นอน เอาหมอนมาตบๆ แต่ทำอย่างหนักมือ
“เอาน่า เตียงเราออกกว้าง ให้คุณไข่มุกเขาหลบร้อนมาพึ่งเย็นสักคืน คงไม่เป็นไรมั้ง”
ไข่มุกอึ้ง ภัททิมายิ้มกว้าง ลงนอนทำท่าเซ็กซี่ ลูบเตียงไปมา
“เตียงนิ๊มนิ่ม สบายจังเลย”
ไข่มุกลงนอนอีกข้าง คีรินทร์ดันไข่มุกให้มานอนตรงกลาง แล้วนอนติดไข่มุกอีกด้าน
“อ้าว คุณรินทร์ไม่นอนตรงกลางละคะ” ภัททิมาถาม คีรินทร์ยิ้ม
“ตรงกลางอึดอัด แบบนี้ดีแล้ว ผมชอบนอนกอดเมีย เดี๋ยวกอดผิดคนละยุ่ง”
คีรินทร์กอดไข่มุกอย่างหนำใจ ไข่มุกทำบ่ายเบี่ยงขยับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ภัททิมามองอย่างผิดหวัง
ส่วนที่ห้องนอนเขมทัต เขมทัตต้องลงมานอนหน้าเตียง บนเตียงมณีกับชลลดานอนด้วยกัน ชลลดาแกล้งนอนพลิกไปพลิกมาหลายหน จนมณีหันมาฮึดฮัด แล้วลุกนั่งมองชลลดาอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย ขยับอยู่นั่น แบบนี้ใครจะไปหลับลง”
ชลลดาทำงัวเงีย แกล้งเห็นใจ
“ถ้าคุณพี่อึดอัด เดี๋ยวชลลงไปนอนหน้าเตียงก็ได้คะ”
ชลลดาคว้าหมอนผ้าห่มจะลงไปนอนข้างเขมทัตที่หน้าเตียง มณีรีบดึงไว้ ร้องเสียงหลง
“ไม่ต้อง”
มณีดึงจนชลลดาแทบหงายหลัง ชลลดาแอบยิ้มอย่างชอบใจ ลงนอนแผ่อย่างสบายอารมณ์ จนเหลือที่ให้มณีนอนนิดเดียว เขมทัตเห็นเสียงดังโผงกหัวขึ้นมาดูบนเตียงแอบเหล่ชลลดา ชลลดาแอบขยิบตาส่งปิ๊งให้ เขมทัตแอบยิ้ม กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน คีรินทร์ ไข่มุก ภัททิมานอนหลับบนเตียง ภัททิมาเหล่ตามองคีรินทร์แล้วยกขาสูงข้ามตัวไข่มุกไปสะกิดขาคีรินทร์ แต่เขี่ยไม่ถึง ไปโดนตัวไข่มุก ไข่มุกแอบรี่ตามอง แล้วนอนต่อ อีกสักพักเขี่ยอีก ไข่มุกคิดหมั่นไส้ความพยายามของภัททิมา ทำแกล้งละเมอเจอผี
“โอ๊ยอย่า อย่าเข้ามานะ ชั้นกลัวแล้ว”
ภัททิมาตกใจหันมองไข่มุก ไข่มุกดันไม้ดันมือ ยื่นขาไปแล้วถีบทีเดียวภัททิมาตกเตียง ภัททิมาก้นกระแทกพื้นหน้าเหยเก
“อูย ถีบมาได้ ยัยบ้า”
ไข่มุกทำลุกนั่งบนเตียง งัวเงีย ไม่รู้เรื่อง หลับต่อ คีรินทร์หลับตาพูดงัวเงีย
“ดึกดื่นแล้วเล่นอะไรกันอยู่ได้ นอนซะ”
คีรินทร์พลิกตัวไปอีกข้างนอนต่อ ภัททิมาจับก้นที่กระแทกพื้นอย่างแค้นเจ็บใจ ไข่มุกแกล้งหลับยิ้มพริ้มสะใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น คีรินทร์และไข่มุกนั่งทานอาหารเช้าที่โต๊ะในสวน ไข่มุกดูกังวล คีรินทร์ยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วถาม
“หน้าบึ้งเชียว หรือว่าหึงเรื่องเมื่อคืน ไม่เอาน่า เห็นไหมผมซื่อสัตย์ต่อภรรยาแค่ไหน ขนาดมีสาวมานอนด้วยยังไม่สนแบบนี้คุณต้องให้ผมร้อยแต้ม”
ไข่มุกส่ายหน้า
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกคะ คือชั้นว่าคุณผู้...เอ๊ย คุณแม่ชั้นมารบกวนที่นี่สารพัด ทำให้บ้านคุณเดือดร้อนมาก ชั้นเกรงใจคะ” คีรินทร์นิ่งคิด
“ผมก็คิดๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไมแม่คุณไม่กลับบ้านสักที ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะรักคุณถึงขนาดต้องมาตามติดแบบนี้ คุณเคยบอกเขาไปชายแดนมา” คีรินทร์นิ่งคิด “เข้าบ่อนใช่มั้ย นี่คงเป็นหนี้ กลับมาโดนตามทวงจนอยู่บ้านไม่ได้ละสิ”
ไข่มุกหน้าจ๋อย อึกอัก
“ก็ ทำนองนั้นล่ะคะ แล้วชั้นจะทำไงดี”
คีรินทร์ส่ายหน้ามองไข่มุกอย่างครุ่นคิด
คีรินทร์นั่งโต๊ะตรงข้ามหัวหน้านักเลงในบ่อน หัวหน้านักเลงตบโต๊ะขู่
“ถึงเงินต้นแค่ล้าน แต่นี่จะเป็นเดือนแล้ว ค่าทวงหนี้อีกตั้งหลายรอบ คุณนายแกลีลาเยอะ รวมดอกแล้วก็...สามล้าน”
คีรินทร์ครุ่นคิด
“ผมให้คุณล้านห้า ถ้าตกลงจ่ายหมดวันนี้”
หัวหน้าแก๊งค์ยิ้มเหี้ยม
“เกินไปมั้งคุณ ต่อไรมากขนาดนั้น”
“เวลาแค่นี้ได้ดอกห้าแสน ถือว่าไม่น้อยแล้ว ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไร ผมจะแจ้งความ อยากมีปัญหากับตำรวจก็ตามใจ” หัวหน้านักเลงคิดหนัก “ถ้าตกลงตามนี้ ล้านห้า เขียนเช็คให้เลย”
ชลลดายิ้มแย้มดีใจเมื่อรู้ว่าคีรินทร์ใช้หนี้ให้แล้ว วิ่งเข้ากอดจับมือถือแขนคีรินทร์ชมไม่หยุดปากจนคีรินทร์ต้องรั้งตัวออก
“ขอบใจมากนะลูก ถ้าไม่ได้คุณรินทร์ แม่แย่แน่ มีน้ำใจเป็นคนดีเหลือเกิน แบบนี้สิถึงเรียกว่าลูกเขยบังเกิดเกล้า เลือกไม่ผิดคนจริงๆ
คีรินทร์มอง หน้าเฉย
“ที่ผมทำไปทุกอย่างเพราะลูกไก่ ถ้าคุณรักลูกสาวจริง อย่าก่อหนี้ให้เขาต้องลำบากใจอีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะช่วย ต่อไปถ้าคุณยังเข้าบ่อน แม้แต่บาทเดียวก็อย่าหวังอย่างมากก็จัดงานศพให้”
ชลลดาที่ทำเป็นยิ้มขอบใจ หุบยิ้มแทบไม่ทัน
จินจูกับแทยอนรีบเดินเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างเร็ว มาหาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
“เป็นยังไงบ้างคะคุณ ได้ข่าวแล้วเหรอคะ”
เจ้าหน้าที่ยิ้ม
“เราเจอเอกสาร ว่ามีคนไข้อีกคน ที่คลอดเวลาใกล้ๆ กับคุณ แต่ลูกเขาตาย เขาอาจรู้เรื่องลูกสาวคุณ”
จินจูหันมายิ้มดีใจกับแทยอน มีความหวัง
อีกด้านหนึ่งที่บ้านวันดี วันดีกำลังนั่งจดเลขเด็ดเพื่อไปซื้อหวย
“แปดสอง หรือสองแปดว่ะ เอ หรือว่าจะเป็นหนึ่งศูนย์”
เพื่อนบ้านมาตะโกนเรียก
“นังวันดีอยู่ไหม มีคนมาหา”
วันดีโผล่หน้าถามอย่างหงุดหงิด
“อะไรวะ ข้าอยู่นี่ ใครมา ขัดลาภจริงวุ้ย”
“มีผู้หญิงสวยๆ เขามาถามหาชื่อเอ็ง อยู่โน่น” วันดีมองไป
“ใครวะ”
จินจูยืนอยู่หน้าบ้านเก่าซอมซ่อของวันดี มีกุญแจสนิมเขรอะคล้องไว้ จินจูชะเง้อคอมองเข้าไปจับกุญแจดู เพื่อนบ้านเดินออกมามองๆ แล้วร้องทัก
“มาหาใครน่ะคุณ บ้านนี้ไม่มีใครอยู่หรอก”
“ชั้นมาตามหาคนชื่อวัน พอจะรู้จักไหม”
“โอ๊ย นังวันมันย้ายไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว นังนี่น่ะแสบนัก หนีไปค่าเช่าไม่จ่ายอีกต่างหาก เห็นเขาว่าไปขายส้มตำรถเข็นอยู่ ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนน่ะนะ”
“แล้วเมื่อก่อนเขาทำอะไร”
“จะทำอาไร้ นังขี้ขอก็ต้องเป็นขอทานน่ะสิ มันยังเอาลูกเล็กมันมาขอด้วยเลย แต่ตัวลูกน่ะหน้าตาน่ารัก ใครเห็นก็เอ็นดู วิ่งตามนังวันต็อกๆ วันไหนขอได้เยอะก็ดีหน่อย วันไหนได้น้อยก็โมโหฟาดลูกซะร้องลั่นซอย ยังดีไม่หักแขนขาให้พิการ ไอ้ตัวผัวก็แสบพอกัน สงสารก็แต่ลูกมัน เฮ้อ กรรมของเด็กจริ๊ง”
จินจูได้ยินก็นิ่งอึ้ง เม้มปากแน่น สะกดกลั้นอารมณ์เศร้า
“แล้วรู้มั้ย ว่าวันย้ายไปไหน”
“โอ๊ย ใครจะไปรู้ เรื่องตั้งนานแล้ว เออ แล้วมาตามหานังวันทำไม”
จินจูไม่ตอบ สีหน้าผิดหวังเป็นอย่างมากปนกับเศร้า สงสารลูก
จบตอนที่ 5
อ่านต่อตอนที่ 6