มายาตวัน ตอนที่ 1
ใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ตอนสาย เมื่อ 2 ปีก่อน หากมองจากสะพานลอยคนข้าม บริเวณแยกสำคัญกลางเมือง จะเห็นจอโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนตึกสูง
และในจอยามนั้นเป็นโฆษณา Perfect เฟอร์นิเจอร์ ที่มี เขตต์ตวัน พระเอกชื่อดังของวงการบันเทิงเดินอยู่ในโชว์รูม แนะนำสินค้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีกระฉับกระเฉง เดินไปนั่งไขว่ห้างที่โซฟาหรู ก่อนจะเห็นเป็นภาพเขตต์ตวันกระโดดตัวลอยขึ้นไปนอนตะแคงยิ้มเจ้าเสน่ห์อยู่บนเตียงดีไซน์เก๋รูปทรงทันสมัยแล้ว โฆษณาชิ้นนี้ถูกปิดท้ายสโลแกนของ Perfect เฟอร์นิเจอร์
นักศึกษาสาวคนหนึ่งในมือถือแมกกาซีนหน้าปก เขตต์ตวัน ในชุดลำลองอย่างหล่อเหลา เธอเดินลงบันไดสะพานลอยมา เห็นถังขยะที่ตีนสะพานมีป้ายรูปเขตต์ตวันยิ้มหล่อ ทำท่าชี้ให้ทิ้งขยะลงถัง ตั้งไว้เด่นหราอีกต่างหาก
เวลาผ่านมาอีกสักครู่หนึ่ง เมื่อนักศึกษาสาวคนเดิมเดินผ่านร้านเพาเวอร์บาย ก็เห็นคัตเอาต์ภาพขนาดเท่าตัวจริงของเขตต์ตวันยืนเท่ ยกสองมือชี้ไปที่ตู้เย็นยี่ห้อหนึ่งอยู่ เธอเสียบหูฟังเข้าที่หูระหว่างเดินผ่านจอทีวีพลาสมาที่ตั้งโชว์อยู่ ทีวีทุกเครื่องเปิดโฆษณาของ เฟอร์นิเจอร์เพอร์เฟกต์ วนไปเวียนมา
เสียงดีเจดังผ่านหูฟังของเธอ
“เอางี้นะ ผมว่า 2 ปีมานี่ ไม่มีใครฮ็อตเกินเขตต์ตวัน”
ภายในห้องส่งจัดรายการวิทยุ ดีเจหนุ่ม 2 คนกำลังจัดรายการสด ดีเจคนที่ 2 บุคลิกและน้ำเสียงมีจริตออกสาวเล็กน้อย พูดเสริมดีเจคนแรก
“คนนี้ถือว่าดังชั่วข้ามคืนตัวจริง เล่นหนังแค่เรื่องเดียวแท้ๆ เลยนะพี่”
“ใช่ ...มายา สนุกมากๆ ดูแล้วแอบน้ำตาซึม”
“แต่พี่ว่ามั้ย ประวัติชีวิตฮีลึกลับมาก”
“แล้วแกจะไปอยากรู้ประวัติเค้าทำไมล่ะ จะผูกดวงคู่กะแกเหรอ”
ดีเจคนที่ 2 หัวเราะเสียงดังนำมาก่อน
“จะบ้าเหรอพี่...”
“เย็นนี้นะครับ อย่าลืม รอบสื่อมวลชน หนังเรื่องที่สองของเขตต์ตวัน แฟนคลับตามไปเป็นกำลังใจกันได้”
ดีเจคนที่ 2 นึกขึ้นได้จึงบอก
“เออพี่...เห็นปกชุดว่ายน้ำรึยัง เซ็กซี่มาก เอางี้นะ เก้งกวางบ่างชะนีจะตบกันตาย แย่งซื้อจนหมดเกลี้ยงทุกแผงแล้ว น้องหาซื้อไม่ได้เลย”
ดีเจออกสาวนางนั้นทำท่าร้อนอกร้อนใจมาก
บนแผงหนังสือหน้าปากซอย เห็นแมกกาซีนเล่มหนึ่ง ภาพปกเป็นเขตต์ตวันถอดเสื้อสวมกางเกงชายหาด โพสท่ารื่นเริงแจ่มใสเซ็กซี่มากๆ บนแผงนั้นยังมีแมกกาซีนอีกหลายเล่มที่เขตต์ตวันเป็นนายแบบปกอยู่
หญิงสาวคนหนึ่งถาม พลางชี้ให้คนขายดู
“มีเล่มใหม่มั้ยคะ คนเปิดดูจนเยินหมดแล้ว”
โดยไม่มีใครคาดคิด มัทนา นักศึกษาสาวปี 2 จากคณะนิเทศศาสตร์ เดินมาฉกแมกกาซีนเยินเล่มนั้นขึ้นมากอดหน้าตาเฉย
“นี่เธอ ฉันจองแล้วนะ” หญิงสาวบอก
มัทนายิ้มหน้าตาย แต่ยังกอดแมกกาซีนแน่น แล้วส่งเงินให้คนขาย
“พอดีไม่ต้องทอนค่ะ”
มัทนาวิ่งตัวปลิวชิ่งหนีออกจากแผงหนังสือไปทันที หญิงสาวได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆปนงงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“หน้าด้าน”
เวลาต่อมา มัทนานั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะทำงานในห้องนอน เธอวางแมกกาซีนลงตรงหน้า สีหน้าฉายแววปลาบปลื้ม
“กว่าจะหาซื้อมาได้ แทบพลิกแผ่นดิน”
บนโต๊ะทำงานมัทนามีแมกกาซีนปกอื่นๆ ของเขตต์ตวันตั้งกองอยู่อีกนับสิบเล่ม มัทนายิ้มปลื้มมองภาพปกอย่างพิจารณา แล้วพูดกับรูปของเขตต์ตวัน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าพี่ตวันทำให้คนไม่ปลื้มหนังไทยอย่างมัท กลายเป็นแฟนคลับหนังไทยไปซะได้”
มัทนายิ้มกว้าง เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวของวันวาน
ครั้งนั้น เพื่อนหญิงคนหนึ่งเดินลากแขนมัทนามาที่หน้าโรงหนัง เห็นป้ายโปสเตอร์หนังเรื่อง “มายา” ที่มีเขตต์ตวันเป็นพระเอกเรื่องแรกปิดโชว์หราอยู่
“ดูเป็นเพื่อนเราหน่อยนะมัท พระเอกใหม่หล่อนะแก”
เพื่อนพูดพลางลากมัทนาให้มาดูโปสเตอร์ใกล้ๆ เธอมองรูปเขตต์ตวันแล้วส่ายหน้าดิก
“ไม่เอา ไม่อยากดู”
“เฮ้ย มีแต่คนว่าเรื่องนี้ดีมากๆ ดราม่าน้ำตาแตก ขนาดอาจารย์จิตตรี เฮี้ยบๆ ยังปลาบปลื้มซะ ไปดูด้วยกันนะมัท ไม่อยากดูคนเดียวฉันกลัว”
“กลัวอะไร”
“กลัวร้องไห้น่ะสิ อายเค้า เอาแกไปร้องไห้เป็นเพื่อนดีกว่า”
มัทนายืนยันอย่างมั่นใจ
“เสียใจ คนอย่างฉันไม่มีวันเสียน้ำตาให้หนังไทยน้ำเน่าหรอกย่ะ”
ผ่านเวลาพักใหญ่ ท่ามกลางผู้คนในโรงหนัง ... มัทนานั่งร้องไห้ปาดน้ำตาเนืองๆ อยู่ ส่วนเพื่อนร้องไห้ขี้มูกโป่ง มัทนาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นสั่งน้ำมูกฟืดใหญ่
เย็นวันหนึ่ง ที่หน้าโรงหนัง มัทนาในชุดใหม่เดินมาหน้าโรงหนังพร้อมเสียงความรู้สึกของมัทนา
“เรื่องมายา นี่มัทดูตั้งสองรอบ ดีนะที่หนังออกซะก่อน ไม่งั้นคงมีรอบที่สามตามมาแน่ๆ”
มัทนาเงยหน้ามองโปสเตอร์หนัง ก่อนยิ้มปลื้มๆ แล้วเดินเข้าไปดูหนังอีกเป็นรอบที่สอง
ในค่ำคืนหนึ่ง มัทนานั่งกลางระหว่างเพื่อนและวาสิฏฐีน้องสาวคนเล็กอยู่ในห้องนอนมัทนา ทุกคนกำลังลุ้นจ้องดูทีวีที่มีการถ่ายทอดสดการประกาศรางวัลด้านการแสดงอยู่
บนจอโทรทัศน์ พิธีกรชาย-หญิงกำลังจะประกาศผลรางวัล
พิธีกรหญิงหันไปบอกพิธีกรชาย
“ตอนนี้ผลอยู่ในมือดิฉันแล้วนะคะ ตื่นเต้นจังเลย...รางวัลนี้ดิฉันขอประกาศเองนะคะ ดารานำฝ่ายชายยอดเยี่ยมประจำปีนี้ได้แก่...” พิธีกรพูดพลางแกะซอง
ภายในห้อง สีหน้ามัทนาลุ้นจนตัวเกร็ง เธอบีบมือน้องสาวกับเพื่อนไว้แน่น
ที่หน้าจอ พิธีกรหญิงยิ้มดีใจแล้วบอก
“จากภาพยนตร์เรื่องมายา...คุณเขตต์ตวัน”
มัทนา เพื่อน และน้องสาว กระโดดกรี๊ดกร๊าดเสียงดังลั่นจนไม่ได้ยินอะไรจากโทรทัศน์อีก
ทั้งสามคนกอดกันกลมกระโดดหมุน ไปรอบๆ มัทนาค่อยๆ หันไปมองทางจอทีวี เห็นเขตต์ตวันยิ้มแย้มดีใจชูรางวัลให้ช่างภาพเก็บภาพ
มัทนายิ้มปลื้มใจจนน้ำตาคลอๆ
คืนนั้นมัทนายิ้มปลื้มอยู่ในห้องนอน มองดูภาพปกพระเอกสุดหล่อคนโปรดแล้วพูดกับภาพ
“เย็นนี้เจอกันนะคะพี่ตะวัน”
มัทนาเก็บแมกกาซีนเข้ากองหนังสือ แล้วลุกเดินไปที่เตียงเห็นป้ายไฟที่ถูกเตรียมไว้พร้อม เธอเช็กความพร้อมของป้ายไฟที่เขียนว่า TAWAN พอเปิดไฟ ป้ายชื่อไฟก็ติดสว่างสีสันสดใส
ในช่วงหัวค่ำที่หน้าโรงภาพยนตร์ มัทนายืนถือป้ายไฟเชียร์เขตต์ตวันอยู่ในกลุ่มแฟนคลับที่มีป้ายไฟหลากหลายรูปแบบ วาสิฏฐีและเพื่อนยืนขนาบข้างมัทนา
พิธีกรกำลังสัมภาษณ์ผู้กำกับอยู่บนเวทีมีชื่อเรื่องหนังใหม่ของเขตต์ตวัน เรื่อง “ฤามีฉันคนเดียวในโลก”
“ผู้กำกับก็ตอบให้หายข้องใจกันไปแล้วนะครับ ว่าทำไมชื่อเรื่องมันถึงได้เศร้าบาดใจขนาดนี้ เป็นดรามาของคนโสดว่างั้นเถอะ งั้นเรามาถามพระเอกของเรื่องกันดีกว่าว่า หนังเรื่องนี้มันเศร้าน้ำตาหยด
ติ๋งๆ จริงมั้ย”
เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดสนั่นจากแฟนคลับก็ดังลั่นในบริเวณสถานที่จัดงาน...
มัทนากับเพื่อนและน้องดูตื่นเต้น วาสิฏฐีเตรียมกล้องถ่ายรูป ส่วนเพื่อนมัทนาเตรียมกล้องถ่ายวิดีโอ
“ขอเสียงกรี๊ดต้อนรับให้พระเอกสุดฮ็อตของเราหน่อยครับ... คุณเขตต์ตวัน”
เสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องต้อนรับดังสนั่น
เขตต์ตวันเดินหล่อพร้อมโปรยยิ้มเจ้าเสน่ห์ออกมาหน้าเวทีพร้อมสายรุ้งที่พุ่งโปรยปรายใส่ เขาโบกมือทักทายแฟนๆ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดสนั่น มัทนายิ้มปลื้มดีใจที่ได้เจอตัวเป็นๆ เธอมองตามเขตต์ตวันอย่างไม่วางตา เขตต์ตวันยิ้มแย้มส่งจูบเลยมาให้ทางกลุ่มมัทนา เพื่อนและน้องกรี๊ดกันสนั่น มัทนาได้แต่ยิ้มเขินๆ
ผ่านเวลามาพักใหญ่ หลังงานแถลงข่าวเปิดตัวหนัง...ผู้จัดการพาเขตต์ตวันหลบลงมาที่ลานจอดรถใต้ดิน บอดี้การ์ด 2-3 คนคอยนำหน้าคุ้มกันให้ นักข่าวกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามาขวางหน้า เขตต์ตวันแอบชักสีหน้าเซ็งๆ ผู้จัดการรีบช่วยกันเขตต์ตวัน
“ขอทางด้วยนะคะ คุณตวันต้องรีบไปงานโชว์ตัวต่อค่ะ”
บอดี้การ์ดและผู้จัดการช่วยแหวกทางให้เขตต์ตวันไปที่รถ นักข่าวคนแรกถาม
“ขอสัมภาษณ์เรื่องข่าวลือตอนนี้หน่อยได้มั้ยครับ”
ผู้จัดการคอยกันพร้อมพูดโต้ไป
“เรื่องไหนอีกคะ ข่าวลือมีรายวันเลยนะคะ เยอะไปหมด ขอไม่ตอบดีกว่าค่ะ ขอทางด้วยค่ะ”
เขตต์ตวันพยายามข่มอารมณ์เดินตามผู้จัดการไปขึ้นรถ นักข่าวคนที่ 2 ถาม
“มีข่าวลือว่าคุณไปออฟคุณตวันมาจากบาร์ แล้วติดใจเลยเอามาปั้นเป็นเรื่องจริงมั้ยคะ”
ผู้จัดการสาวชะงักไปเลย เขตต์ตวันหยุดกึก หันไปจ้องหน้านักข่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณถามผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง ตกลงเดี๋ยวนี้เค้าเลิกอบรมให้นักข่าวรู้จักให้เกียรติแหล่งข่าว
แล้วเหรอครับ”
เขตต์ตวันจ้องหน้านักข่าวด้วยหน้าตาจริงจัง
“ก็ถ้าไม่จริง เราจะได้ช่วยแก้ข่าวให้ไงคะ”
“แน่ใจเหรอว่าจะช่วยแก้ข่าวให้ น่าจะเล่นข่าวนี้อีก 3-4 วันมากกว่า”
เขตต์ตวันมีสีหน้า ท่าทางกวนๆ หาเรื่อง ผู้จัดการรีบตัดบทก่อนบานปลาย
“ช่างเถอะตวัน ไว้สัมภาษณ์ต่อวันหลังนะคะ ไปขึ้นรถตวัน”
เขตต์ตวันถูกดันขึ้นรถไป นักข่าวคนที่ 3 เกิดความหมั่นไส้
“ถ้าข่าวมันไม่ขาย กูก็ไม่อยากสัมภาษณ์มันหรอก”
นักข่าวพากันส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ กับพฤติกรรมพระเอกเทวดา
รถตู้ของเขตต์ตวันแล่นผ่านไป ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของนักข่าว
รถตู้เขตต์ตะวันที่แล่นไปตามทางออก...กลุ่มแฟนคลัวิ่งกรูมารอส่งพระเอกขวัญใจ...มัทนา เพื่อน และน้องสาวก็มาด้วย เหล่าแฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดๆ โบกไม้โบกมือ ส่วนมัทนาพยายามเพ่งมองหาเขตต์ตวันในรถตู้ แต่ไม่ได้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแต่อย่างใด
ไม่คาดคิด รถตู้แล่นมาจอดข้างกลุ่มแฟนคลับ เขตต์ตวันเปิดกระจกหน้าต่างรถมายิ้มให้...แฟนคลับกรี๊ดแตก
เขตต์ตวันยกกล้องดิจิตอลถ่ายรูปแฟนคลับไว้ แฟนคลับยิ้มแย้มโพสท์ท่าน่ารักให้ถ่ายรูป บางคนทนไม่ไหวพยายามจะยื่นมือเข้าไปจับพระเอกในรถ
รถตู้รีบแล่นออกไป แฟนคลับวิ่งตามรถพลางส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด เขตต์ตวันยื่นตัวออกมาจากรถถ่ายรูปย้อนหลังล้อเล่นกับแฟนคลับ มัทนาถูกทิ้งให้ยืนถือป้ายไฟไว้ด้านหลังคนเดียว มัทนายิ้มปลื้มมองตามอารมณ์ในใจคิดว่า เขตต์ตวันช่างน่ารักเป็นกันเองจังเลย
มัทนาถือป้ายไฟพร้อมยกมือบ๊าย บายให้ เขตต์ตวัน บ๊าย บายตอบมาให้...มัทนาอดกรี๊ดปลาบปลื้มออกมาเล็กๆ ไม่ได้
เวลากลางคืน ภายในห้องนอน มัทนากำลังพิมพ์ข้อความยิ้มปลื้มไปมาอยู่หน้าเครื่องคอมฯ ก่อนคลิกเข้าเว็บไซต์ www.Tawanfanclub.com ซึ่งเป็นเว็บแฟนคลับของเขตต์ตวัน
มัทนาพิมพ์ข้อความพร้อมพูด
“วันนี้ไปงานเปิดตัวหนังใหม่พี่ตวันมา เลยเอารูปสุดหล่อมาแปะให้เพื่อนๆ ดูกันจ้ะ”
รูปเขตต์ตะวันยิ้มหล่อมาดเท่บนเวทีถูกโหลดขึ้นจอคอม...มัทนาพิมพ์ข้อความบรรยายภาพ
“ยิ้มกระชากใจ...กรี๊ด” ใส่ชื่อผู้โพสต์ “ตะวันฉายกลางใจฉัน”
มัทนายิ้มปลื้มไปมา
เวลากลางคืน เขตต์ตวันขับรถออกมาจากคอนโดฯกลางดึก รถมาหยุดรอจังหวะจะเลี้ยวออกไปถนนใหญ่ พอเขาเลี้ยวออกไปได้ วัยรุ่นชายคนหนึ่งก็ขับมอเตอร์ไซค์ตามรถตวันไปห่างๆ
ผ่านเวลาสักพัก เขตต์ตวันจอดรถหน้าอพาร์ทเมนท์ของยุพินแล้วรีบเดินเข้าอพาร์ทเมนท์ไปทันที
แต่ทุกย่างก้าวเดินของเขากลับถูกจับภาพเอาไว้อย่างตัวเนื่อง
ยุพินรีบเปิดประตูให้เขตต์ตวันเข้าไปในห้องพัก... เสียงชัตเตอร์กดรัวจนกระทั่งทั้งคู่เข้าไปในห้อง
เวลาเช้า... แผงหนังสือ หนังสือข่าวก็อสซิปดาราลงรูปภาพข่าวเขตต์ตวันย่องเข้าคอนโดยุพินเป็น ช็อตๆ รวมถึงภาพยุพินเปิดประตูรับเขาเข้าห้องไป... ทุกเล่ม ภาพข่าวเดียวกันราวกับถูกส่งมาจากต้นตอเดียวกัน
เขตต์ตวันดีแตกหิ้วสาวขึ้นคอนโด - เขตต์ตวันซ่อนกิ๊ก เผยโฉมหน้าแฟนสาวพระเอกสุดฮ็อต - เขตต์ตวันหื่นกลางดึกดอดเข้าคอนโดสาว
ตอนสายวันรุ่งขึ้น ภายในคอนโดฯของเขตต์ตวัน เขากำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสียงแข็งด้วยความไม่พอใจมาก
“ทำแบบนี้ได้ยังไง รีบไปแก้ข่าวเดี๋ยวนี้เลย... ผมไม่สน พูดไม่เข้าใจรึไง ฮัลโหล ฮัลโหล”
เขตต์ตวันหงุดหงิด โกรธจัด เตะอัดโซฟาอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง
ในเวลาต่อมา ตำรวจกรูมาหน้าห้องพักยุพินแล้วถีบพังประตูห้องเข้ามา ภายในห้อง เขตต์ตะวันหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ ในมือถือมีดเปื้อนเลือดไว้ มีศพยุพินนอนตายอยู่บนเตียงด้านหลัง
ตำรวจพูดเสียงดุ ดังบอก
“ยกมือขึ้น”
เขตต์ตวันตกใจรีบยกมือขึ้น
“โยนอาวุธมาข้างหน้า”
เขตต์ตวันทำตามอย่างว่าง่าย ตำรวจเข้ามาจับกุมตัวเขาในทันที
ในเวลาต่อมา กองทัพนักข่าวกรูไปหาเขตต์ตวันทันทีที่ลงจากรถตู้ เขาสวมแว่นดำเดินก้มหน้าก้มตาท่ามกลางการคุ้มกันของตำรวจและบอดี้การ์ด ช่างภาพทั้งหนังสือและทีวีต่างแย่งกันเก็บภาพ เสียงนักข่าวแย่งกันถามเซ็งแซ่...
“มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้ตาย? คุณตวันเป็นคนทำร้ายผู้ตายรึเปล่า? ผู้ตายเป็นใคร? ทะเลาะกันเพราะข่าวที่หลุดออกมาใช่มั้ย?”
ผู้จัดการส่วนตัวของเขตต์ตวันสีหน้าเครียดบอก
“ขอโทษนะคะ ยังให้สัมภาษณ์ไม่ได้ค่ะ”
ฝ่ายทนายได้แต่ยกมือปฏิเสธ ไม่ตอบอะไร สีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
“คุณตะวันยังตอบอะไรไม่ได้นะครับ ขอโทษครับ”
“ขอทางด้วยครับ” ตำรวจบอก
เขตต์ตวันหน้านิ่งเครียดเก็บอาการอยู่ภายใต้แว่นดำ นักข่าวทิ่มไมค์เข้ามาแทบจะกระแทกปาก เขาปัดกระเด็น ท่าทางหงุดหงิดหัวเสียมาก
ทุกคนกันให้เขตต์ตวันเดินขึ้นโรงพักไป กองทัพนักข่าวสัมภาษณ์ไม่ได้ก็ตามเก็บภาพทุกช็อต
เวลาบ่าย ทั้งพ่อ แม่ มัทนา สาวิตรีพี่สาวคนโตซึ่งเป็นครู ศกุนตลาพี่สาวคนรองเป็ฯนางพยาบาล และวาสิฏฐีน้องสาวคนเล็ก กำลังนั่งดูทีวีอย่างสนใจ ภาพในจอทีวีเป็นภาพตอนที่นักข่าวรุมล้อมถ่ายภาพเขตต์ตวันขณะไปโรงพัก พร้อมเสียงผู้ประกาศข่าวบรรยาย
“คุณเขตต์ตวันไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้ทางตำรวจกำลังสืบหาประวัติผู้ตายอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้มีกระแสข่าวออกมาว่าผู้ตายอาจจะมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับคุณเขตต์ตวัน”
มัทนาลุกขึ้นโวยวายและกดปิดทีวีทันทีแล้วว่า
“ไม่มีทาง ข่าวมั่วๆ”
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิลูก รอฟังข้อเท็จจริงก่อน” พ่อบอก
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะพ่อ พี่ตวันไม่มีทางทำเรื่องเลวๆ ยังงั้นเด็ดขาด พี่เค้าถูกใส่ร้าย พวกนักข่าวเกลียดพี่เค้าจะตายไป” มัทนาพูดอย่างมั่นใจก่อนเดินขึ้นบ้านไปด้วยสีหน้าร้อนใจเหมือนจะไปทำอะไรบางอย่าง พ่อได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้า
วาสิฏฐียืนยันเห็นด้วยกับพี่สาว
“พี่มัทพูดจริงๆค่ะ พ่อกับแม่อย่าไปเชื่อข่าวไร้สาระพวกนี้นะคะ พี่ตวันไม่มีทางไปฟาดกับผู้หญิงคนนั้นหรอกค่ะ”
แม่พูดเสียงดุจริงจัง
“เดี๋ยวเถอะนะสิฏฐี พูดจาน่าเกลียด ใครได้ยินเข้าเสียชื่อตายเลย อุตส่าห์มีทั้งพ่อทั้งแม่เป็นอาจารย์”
วาสิฏฐีทำหน้าตางอนๆ แล้วลุกเดินตามมัทนาขึ้นบ้านไป
สาวิตรีมีสีหน้าไม่สบายใจบอก
“ขออย่าให้เป็นเรื่องจริงเลยนะคะ ลูกศิษย์สาก็แฟนคลับเค้าทั้งนั้น เค้าเป็นไอดอล สาไม่อยากเห็นเด็กๆ ผิดหวัง”
“ที่โรงพยาบาลนกก็กรี๊ดกันจะตาย คุณหมอหลายคนยังชอบเลยนะคะ ขออย่าให้เป็นเรื่องจริงเล๊ย” ศกุนตลาบอก
แม่มีสีหน้าไม่สบายใจบอกพ่อ
“เปิดข่าวช่องอื่นดูสิคะคุณ”
พ่อกระเซ้า
“แม่ยกตัวจริง”
แม่มีท่าทีเขินเล็กน้อย ตีตักพ่อ
“พ่อนี่”
พ่อหยิบรีโมทมากด เปิดทีวีหาดูข่าวอื่นต่อไป ทุกคนดูสนใจกับข่าวเขตต์ตวันเพราะอยากรู้ความจริง
มัทนาเข้ามาในห้องนอน และนั่งโพสท์กระทู้นัดแฟนคลับเขตต์ตวันที่หน้าเว็บไซต์
“เพื่อนๆ เราไปรวมตัวให้กำลังใจพี่ตวันที่คอนโดกันเถอะ 5 โมงเย็นเจอกัน...”
ผู้โพสต์“ตะวันฉายกลางใจฉัน”
บ่ายแก่ๆ ภายในออฟฟิศหนังสือพิมพ์สยามสาร ไชยวัฒน์ บรรณาธิการนั่งรีไรท์ตรวจงานข่าวอยู่...เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น
“เข้ามา” ไชยวัฒน์เงยหน้ามอง
ประตูห้องเปิดถูกออก...สาระวารีเดินยิ้มแย้มก้าวเข้ามาก่อน แล้วจับประตูให้ มีคณาเดินใช้นิ้วดันกลางแว่นให้กระชับสันจมูก ตามเข้ามาติดๆ
“เรียกมาขึ้นเงินเดือนให้เหรอคะ” สาระวารีถาม
มีคณายิ้มๆ ตีแขนเพื่อนเบาๆ
“แหม เพิ่งจะขึ้นไปหยกๆ นั่งก่อน” ไชยวัฒน์บอก
สองนักข่าวสาวเดินไปนั่งตรงข้ามกับไชยวัฒน์
“ผมคุยกับหัวหน้าโต๊ะข่าวของพวกคุณแล้วนะ ผมมีงานมอบหมายให้คุณสองคนรับผิดชอบร่วมกันเป็นกรณีพิเศษ”
สองเพื่อนซี้สบตากันเล็กน้อย
“ขอเดานะคะ คดีของเขตต์ตวันแหงๆ”
ไชยวัฒน์สีหน้ายิ้มแย้ม
“ถูกแผงเลยจ้ะ ข่าวนี้กำลังเป็นที่สนใจ เราจะรายงานผ่านๆ ไม่ได้ ใครเจาะลึกเกาะติดได้มากกว่ากัน รับรองยอดขายพุ่งกระฉูด ผมก็เลยต้องขอตัวมือหนึ่งของ 2 โต๊ะมา”
ไชยวัฒน์สีหน้ายิ้มแย้ม มั่นใจ หันมองสองสาวแล้วพูดต่อ
“ช่วยงาน การนำเสนอข่าวของเราจะได้แตกต่างจากข่าวบันเทิงทั่วไป”
สาระวารีเหล่มองมีคณาที่ยิ้มๆพร้อมกับยักคิ้ว อารมณ์ประมาณทำพูดดีหลอกใช้เรา...มีคณาได้แต่ยิ้มๆไปมา ไชยวัฒน์หันมองมีคณา
“มี่ก็ตามเรื่องคดีความไป รายงานให้ละเอียดยิบ ข้อกฎหมายอะไรเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็ทำกรอบให้ความรู้คนอ่านไปได้เลย เอาให้มีข่าวเล่นได้ทุกวัน”
“ค่ะบอกอ”
ไชยวัฒน์หันมามองสาระวารี
“ส่วนวารีก็เล่นประเด็นเรื่องผลกระทบทางการตลาดทั้งโฆษณา หนัง งานอีเวนท์ ของตวันกับข่าวอื้อฉาวครั้งนี้ สัมภาษณ์คนที่เกี่ยวข้องถึงอนาคตในวงการของเค้าหลังจากนี้ เหมือนกัน ต้องหาประเด็นใหม่ๆ มาเล่นข่าวให้ได้ทุกวัน”
สาระวารีมองค้อนไปมาแล้วแขวะ
“แหมบอกอ จะมีอะไรให้เล่นนักหนาคะ สัมภาษณ์หมอดูให้ช่วยดูดวงนายตวันซักกรอบดีมั้ยคะ”
“ไอเดียโดนมาก ชาวบ้านชอบ โทรสัมภาษณ์เลยผมจะรอตรวจต้นฉบับ”
สาระวารีค้อนใส่
“บอกออ้ะ”
“อ้ะ อัพเดทข้อมูลกันหน่อย ตอนนี้พระเอกของเรายื่นเรื่องขอประกันตัวจากศาลไปได้เรียบร้อยแล้ว” ไชยวัฒน์พูดพลางส่งกระดาษที่พริ้นท์ออกมาจากเว็บไซต์ให้สาระวารี แล้วพูดต่อ
“เย็นนี้บรรดาแฟนคลับนัดรวมตัวกันที่หน้าคอนโดของเค้า...รีบไปกันได้แล้ว ผมต้องการลงให้ทันกรอบเช้าพรุ่งนี้”
“ไม่รับปากนะคะ ทันก็ทัน”
สาระวารีพูดแล้วลุกเดินออกไปด้วยสีหน้าปั้นปึงเล็กน้อย มีคณายิ้มแหยๆ
“ไม่ต้องห่วงนะคะบอกอ มี่รับรองว่าทัน”
“ขอบใจจ้ะ เพราะยังงี้แหละผมถึงจับคู่ให้คุณสองคนรับผิดชอบข่าวนี้ด้วยกัน”
มีคณายิ้มๆ ดันแว่นกระชับหน้าแล้วรีบตามเพื่อนออกไป
“วารีรอด้วย”
ไชยวัฒน์ยิ้มพอใจว่ามีข่าวใหญ่กระตุ้นยอดขายแน่ๆ
เวลาเย็น มัทนา วาสิฏฐี และบรรดาแฟนคลับมารวมตัวกันหนาตาหน้าคอนโดเขตต์ตวัน มีป้ายเชียร์ให้กำลังใจต่างๆนาๆ อาทิ รักพี่ตวัน พี่ตวันสู้ สู้ พี่ตวันไม่ผิด เอากำลังใจมาให้ พวกเรารักพี่
บรรดานักข่าวทั้งทีวี หนังสือพิมพ์มาทำข่าวกันพอสมควร...กล้องข่าวทีวีจับภาพมัทนาที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่...
สาระวารียื่นเทปเข้าไปอัดเสียง ส่วนมีคณาคอยจดใส่สมุดแบ็คอัพอีกชั้น
“พวกเรามารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจพี่ตวัน พวกเรามั่นใจว่าพี่ตวันไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ตอนนี้พี่ตวันยังเป็นผู้บริสุทธิ์”
ภายในคอนโดของผู้จัดการส่วนตัว บนจอทีวี ข่าวภาคค่ำได้นำเอาเทปการสัมภาษณ์ของมัทนามาออกรายการ เขตต์ตวัน ผู้จัดการส่วนตัว และทนายกำลังคุยกันอย่างเคร่งเครียด
บนจอทีวี มัทนาให้สัมภาษณ์และยกมือไหว้
“พวกเราขอร้องพี่ๆ สื่อมวลชนอย่าเขียนข่าวที่ไม่มีมูล ทำให้พี่ตวันต้องเสียชื่อเสียงอีกเลยนะคะ”
เขตต์ตวันที่ฟังทนายอยู่อดไม่ได้ที่จะหันมาดูทีวี แฟนคลับคนนี้พูดเข้าท่า จังหวะที่หันมา ผู้จัดการส่วนตัวก็กดปิดทีวีพอดิบพอดี
“อ้าว ปิดทำไมล่ะพี่”
“ไม่มีอะไรหรอกพวกแฟนคลับ ดีนะที่ไหวตัวทันย้ายมาพักที่คอนโดพี่ ไม่งั้นวุ่นวายตาย...มีสมาธิหน่อยตวัน คุณทนายกำลังหาทางช่วยอยู่นะ”
เขตต์ตวันถอนใจอย่างเซ็งๆ แล้วหันพูดกับทนาย
“ขอโทษครับ”
เขตต์ตวันกำลังฟังขั้นตอนทางกฎหมายต่างๆ จากทนายอย่างเคร่งเครียด
เช้าวันหนึ่ง ภายในห้องพิจารณาคดี เขตต์ตวันกำลังถูกอัยการซักต่อหน้าศาล มีผู้พิพากษาร่วมพิจารณาคดี 3 คน
“จำเลยเป็นคนซื้ออพาร์ทเมนท์ห้องนี้ให้ผู้ตายใช่หรือไม่”
เขตต์ตวันตอบหน้านิ่ง
“ครับ”
ผ่านเวลามา อัยการว่า
“จำเลยได้ให้เงินค่าใช้จ่ายรายเดือนให้กับผู้ตายเป็นประจำทุกเดือนใช่หรือไม่”
“ครับ”
“คืนก่อนที่ผู้ตายเสียชีวิต จำเลยได้ไปพบกับผู้ตายที่ห้องพักจนมีข่าวซุบซิบออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นความจริงใช่หรือไม่”
“ครับ”
ผู้จัดการของเขตต์ตวันที่นั่งฟังอยู่ถึงกับเครียด แอบดมยาดมไปมา
….......
“จำเลยได้ใช้มีดเล่มดังกล่าวนี้...ทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ชีวิตใช่หรือไม่” อัยการโชว์วัตถุพยาน มีดที่ซีลไว้อย่างดีขึ้นมา
เขตต์ตวันสีหน้านิ่ง
ผ่านเวลาไป อัยการขณะหันไปรายงานต่อผู้พิพากษา
“จากพยานหลักฐานทั้งหมด ทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ขอให้ศาลที่เคารพลงโทษตามโทษานุโทษต่อไป”
เขตต์ตวันหน้านิ่งขรึม ขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวถึงกับหน้ามืดเป็นลมไปจนทนายต้องรีบประคองตัวเอาไว้
บ่ายวันหนึ่ง ผู้จัดการส่วนตัวพาเขตต์ตวันเดินหลบๆ เพื่อจะกลับไปที่รถ แต่ไม่พ้นสายตานักข่าวจนได้ นักข่าว 2-3 คนวิ่งกรูเข้าไปหา และถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เขตต์ตวันยกมือขึ้นปิดหน้าเดินหนีด้วยความรำคาญ
“ขอโทษนะคะ ทางตำรวจขอร้องไม่ให้สัมภาษณ์นะคะ”
นักข่าวตะโกนถาม
“มีกระแสข่าวออกมาว่าผู้ตายเป็นเมียเก็บของคุณตวัน”
เขตต์ตวันหยุดกึกหันไปมอง
“คุณซ้อมเมียจนตาย คุณจะแก้ข่าวมั้ยครับ”
เขตต์ตวันเหลืออดพุ่งไปกระชากคอนักข่าว ช่างภาพรีบระดมกดชัตเตอร์เก็บภาพขายอย่างไม่ยั้งมือ ผู้จัดการส่วนตัวรีบเข้าไปขวาง
“ตวัน ปล่อย ไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้...เชื่อพี่นะตวัน”
ผู้จัดการส่วนตัวลากเขตต์ตวันไปจนได้ แต่เขายังหันไปจ้องหน้านักข่าวด้วยหน้าตาโกรธเอาเรื่อง
ช่างภาพรัวชัตเตอร์ไม่ยั้งจนเขาขึ้นรถลับตัวไป
มายาตวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในห้องนอน มัทนานั่งแก้ข่าวตามเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ต่างๆ ให้เขตต์ตวัน มัทนาพิมพ์รัวอย่างเร็ว น้ำตาคลอๆ ด้วยความเห็นใจ
เสียงความคิดของมัทนาขณะพิมพ์ข้อความแก้ข่าว
“มันแค่ข่าวลือ พวกคุณไม่รู้อะไรจริง หยุดโจมตีพี่ตวันได้แล้ว”
มัทนากดแป้นเอนเทอร์ ก่อนจะไล่ดูกระทู้ต่อๆ ไป เธอพิมพ์ตอบโต้ด้วยด้วยสีหน้าโกรธจัด
เสียงความคิดของมัทนาดังขึ้นมาอีก
“พวกคุณใจร้าย คุณอยากเหยียบคนล้มให้ตายไปเลยใช่มั้ย คุณไม่มีสิทธิ์มาด่า มาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ มันเป็นบาปกรรมรู้มั้ย”
มัทนากดแป้นเอนเทอร์อย่างใส่อารมณ์ แล้วระเบิดอารมณ์ตบแป้นพิมพ์โครมๆ ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์ดันเก้าอี้ล้อเลื่อนกระแทกเข้ากับโต๊ะคอมฯ เธอเดินไปยืนหันหน้าเข้ามุมห้อง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาไปมา รู้สึกอัดอั้นตันใจและเห็นใจเขตต์ตวันมากๆ
ผ่านเวลามา เวลาเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน ….
โฆษณา Perfect เฟอร์นิเจอร์ตัวใหม่กับพระเอกโฆษณาคนใหม่...พระเอกวัยรุ่นกึ่งเดินกึ่งเต้นแนวฮิพฮ็อพมาตามโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เดิม หันมองสินค้ายิ้มแย้ม แล้วก็เต้นบีบอย หมุนตัวอยู่กลางพื้นโชว์รูม...ภาพโฆษณาบนจอภาพขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนตึกสูงบริเวณสะพานลอยคนข้ามแยกสำคัญกลางเมือง
นักศึกษาสาวคนเดิมเดินเข้ามา ในมือถือแมกกาซีนหน้าปกพระเอกวัยรุ่นในชุดแฟชั่นอย่างหล่อติดมือมาด้วย นักศึกษาเดินลงบันไดมา บริเวณถังขยะที่ตีนสะพานลอยมีป้ายรูปพระเอกวัยรุ่นทำท่ารื่นเริง
ชี้ให้ทิ้งขยะลงถังขยะอีกต่างหาก
คัทเอาต์ภาพเขตต์ตวันยืนเท่ห์ยกสองมือชี้ตู้เย็นยี่ห้อหนึ่งอยู่ถูกพนักงานมายกออกไป แล้วยกคัทเอาต์ภาพพระเอกวัยรุ่นคนนั้นโพสท์ท่าแนวๆ ชี้ไปที่ตู้เย็นเครื่องเดิมแทน
เช้าวันหนึ่ง … ไฟ on air ที่หน้าห้องจัดรายการวิทยุ ภายในห้อง 2 ดีเจกำลังคุยข่าวบันเทิงจัดรายการอยู่
“จะพูดยังไงดีล่ะ เหมือนเทวดาตกสวรรค์ว่ามั้ย”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่น้องเอาใจช่วยพี่ตวันของน้อง วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษา ใครผิดใครถูกเดี๋ยวก็รู้”
“วันนี้พี่น้องนักข่าวต้องระวังเหยียบกันตายนะครับ ผมป็นห่วง”
เวลาสาย บริเวณหน้าศาล กลุ่มนักข่าววิ่งชนกันล้มยื้อแย่งกันเก็บภาพเขตต์ตวันอย่างเอาเป็นเอาตาย เขามาในชุดสูททันสมัยอย่างหล่อ สวมแว่นดำเดินเดินลงจากรถ และอยู่ในวงล้อมของการ์ดและผู้จัดการส่วนตัวเพื่อเข้าไปภายในศาลอาญา
มัทนาและวาสิฏฐียืนรวมอยู่ในกลุ่มแฟนคลับที่มาคอยให้กำลังใจเขตต์ตวันในมุมที่จัดให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยคุมสถานการณ์ดูความเรียบร้อยอยู่...
บอดี้การ์ดคอยกันให้เขตต์ตวัน ทนาย และผู้จัดการเดินเข้าไปด้านใน
เขตต์ตวันหันมองไปทางแฟนคลับ โบกมือทักทายให้ มีบางคนเผลอกรี๊ด ตำรวจมีสีหน้าขอร้องพร้อมส่ายมือห้ามส่งเสียงดัง
มัทนาและแฟนคลับโบกมือบ๊าย บายตอบ หลายคนร้องไห้ รวมทั้งวาสิฏฐีด้วย...มัทนาสวมกอดน้องสาวเอาไว้
“เชื่อพี่นะสิฏฐี พี่ตวันเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องพ้นทุกข้อกล่าวหา กลับมาเล่นหนังให้เราดูเร็วๆนี้ล่ะ”
วิสิฏฐีพยักหน้ารับ แต่เพราะยังเด็กเลยร้องไห้กอดพี่สาวเอาไว้
มัทนาน้ำตาคลอมองตามเขตต์ตวันเดินเข้าไปในศาลได้ในที่สุด เธอสายตามั่นใจว่า เขตต์ตวันเป็นผู้บริสุทธิ์ พี่ตวันเป็นผู้บริสุทธิ์ มัทนาสวมกอดน้องสาวเอาไว้
ภายในห้องพิจารณาคดี ผู้พิพากษาสีหน้าเคร่งขรึมเดินออกมาขึ้นบัลลังก์ทั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่ศาลกล่าวนำ
“ทำความเคารพศาล”
เขตต์ตวัน ผู้จัดการส่วนตัว อัยการ และทุกคนในศาล ลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ผู้พิพากษาทั้งสามคนนั่งประจำที่ ทุกคนนั่งลง บรรยากาศเงียบกริบ ผู้จัดการส่วนตัวหันมาสบตากับเขตต์ตวันแล้วพยักหน้าให้กำลังใจ ขณะที่เขาสีหน้านิ่ง
ผู้พิพากษาคนกลางแกะซองคำพิพากษาออกเพื่ออ่าน ห้องพิพากษาเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขตต์ตวัน
ผู้จัดการส่วนตัวสีหน้าท่าทางลุ้นจนมือเกร็ง เขตต์ตวันสีหน้านิ่งๆ ขบกรามเบาๆ จนขึ้นสัน
มีคณากอดคอกับสาระวารีอย่างดีใจ เพื่อนนักข่าวต่างกระโดดเฮกันลั่นออฟฟิศสยามสาร ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข
“ฉันบอกแล้วว่าตวันไม่ผิด” สาระวารีบอก
“หมดเคราะห์ซะที” มีคณาว่า
ไชยวัฒน์ยิ้มแย้มเข้ามาบอก
“เอ้าๆ แยกย้ายกันไปทำงาน เดี๋ยวปิดต้นฉบับไม่ทันกันพอดี”
สาระวารีถาม
“บอกอจะพาดหัวข่าวสยามสารว่าไงดีคะ”
“เอาตัวโตๆ แบบทั้งหน้าเลยนะ ศาลตัดสิน เขตต์ตวันบริสุทธิ์ ดีมั้ย”
ทุกคนปรบมือเฮ
“สุดยอดเลยค่ะบอกอ” มีคณาว่า
“ไม่ทำให้เค้าไม่ได้หรอก ตีข่าวกันซะเค้าเสียหายไม่มีชิ้นดี เมื่อเค้าไม่ผิด ก็ต้องแก้ให้ยิ่งใหญ่ เค้าจะได้กลับมาอย่างสง่างาม”
“นี่ถ้าไม่ติดว่ามีเมียมีลูกแล้วนะ จะหอมให้ฟอดนึงเลย” สาระวารีว่า
“ไก่หยอกหมาซะแล้ว เดี๋ยวพี่คิดจริงแล้วจะหนาว”
เพื่อนนักข่าวหัวเราะเยาะชอบใจกัน สาระวารีหันไปเท้าสะเอวจ้องหน้าเพื่อนๆ ท่าทางเอาเรื่อง
“รีบไปทำงานต่อได้แล้ว”
มีคณาขำๆ จูงมือเพื่อนออกไป ไชยวัฒน์ยิ้มสบายใจออกมาสำหรับข่าวดีๆ พนักงานคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาพร้อมแฟกซ์
“บอกอคะ...มีแฟกซ์เชิญสื่อมวลชนค่ะ คุณตวันจะแถลงข่าวด่วนค่ะ”
ไชยวัฒน์รับแฟกซ์มาอ่านดู มีคณา สาระวารีและเพื่อนๆ นักข่าวมาล้อมๆ รอฟังรายละเอียดอย่างแปลกใจ
ในเวลายามเย็น มัทนา เพื่อน และวาสิฎฐี รีบร้อนวิ่งเข้ามาในล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่ง
“เร็วๆ เข้า ป่านนี้แถลงข่าวเสร็จแล้วมั้ง”
“เค้าแถลงข่าวกันห้องไหนล่ะพี่มัท”
มัทนารีบวิ่งไปถามพนักงานโรงแรม
“ขอโทษนะคะ คุณตวันแถลงข่าวห้องไหนคะ”
พนักงานโรงแรมผายมือบอกทาง
“ห้องพิมาน อยู่ชั้นลอยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ ...ไปเร็ว”
มัทนารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำทุกคนขึ้นบันไดไปชั้นลอย
เขตต์ตวัน นั่งอยู่ระหว่างทนายและผู้จัดการส่วนตัว ทนายกำลังจะจบการแถลงข่าวอยู่ ภายในห้องพิมานที่จัดการแถลงข่าว มีคณา สาระวารี และนักข่าวช่างภาพมารอฟังการแถลงข่าวเป็นจำนวนมาก
บรรดาแฟนคลับรวมตัวกันที่มุมหนึ่ง ทั้งถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ ยกป้ายเชียร์ ทนายความพูดต่อ
“ผมขอยืนยันตามคำพิพากษาอีกครั้งนะครับว่าคุณเขตต์ตวันเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ฆาตกรรมผู้ตาย และไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับผู้ตายมากไปกว่าคนเคยรู้จัก เคยให้ความช่วยเหลือกันมาเท่านั้น
เอง”
สาระวารียกมือถาม
“แล้วทราบตัวคนร้ายรึยังคะ”
“ทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ครับ ผมมีเรื่องแถลงข่าวเท่านี้นะครับ”
มัทนา กับเพื่อนและวาสิฏฐีวิ่งมาถึงห้องแถลงข่าว ทั้งสามคนดีใจมาก รีบเข้าห้องมา มัทนาชะเง้อมองไปที่เขตต์ตวัน แล้วยิ้มดีใจที่พระเอกหนุ่มยังหล่อดูดี แม้จะมีสีหน้านิ่งขรึมไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคย และดูจะก้มหน้ามากกว่าปกติ
นักข่าวคนที่ 1ยกมือถาม
“คุณตวันครับ ช่วยตอบข้อสงสัยข่าวลือเรื่องคุณกับ...”
ไม่ทันจะถามจบ มัทนานำโห่ กลุ่มแฟนคลับโห่ตาม สาระวารีแอบกระซิบบอกเพื่อน
“สมน้ำหน้า”
นักข่าวคนเดิมบอก
“แฟนคลับโปรดเข้าใจด้วยนะครับ ผมทำไปตามหน้าที่ คุณตวันเป็นบุคคลสาธารณะ คนย่อมอยากรู้เรื่องราวชีวิตของคุณตวันเป็นธรรมดา”
เขตต์ตวันขยับตัวพูดใส่ไมค์
“ต่อไปคงไม่ใช่แล้วล่ะครับ”
ทุกคนงงๆกับคำพูดของเขตต์ตวัน..ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาคนเดียว แม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวยังเหล่มองด้วยความสงสัย เขาพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงชัดเจน
“ผมขอยุติบทบาทตัวเองในวงการบันเทิงทั้งหมดนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป”
ทุกคนตกใจมาก แฟลชรัวระนาว...ผู้จัดการส่วนตัวอ้าปากค้าง มัทนายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ แฟนคลับพากันช็อกพูดไม่ออก
“ขอบคุณครับ” เขตต์ตวันลุกขึ้นเดินออกไปทางหลังห้อง
“ตวัน” ผู้จัดการส่วนตัวร้องเรียกและรีบลุกตามไป นักข่าวและแฟนคลับฮือจะตาม...แฟนคลับบางคนมีช็อกจนร้องไห้
“พี่ตวัน” แฟนคลับร้องเรียกพร้อมกัน
“คุณตวันคะ/ครับ” นักข่าวเรียก
บอดี้การ์ดต้องคอยกันกองทัพนักข่าวและแฟนคลับเอาไว้ไม่ให้ตามไป มัทนาสีหน้าคาใจปนไม่พอใจ หลบวิ่งออกไปจากห้องขณะทุกคนกำลังวุ่นวาย
ผู้จัดการสว่นตัวรีบวิ่งแทรกตัวเข้ามาในลิฟท์ก่อนที่จะปิด เขตต์ตวันถอนใจเซ็งๆ ผู้จัดการพูดอย่างไม่พอใจ
“ตวันทำแบบนี้กับพี่ไม่ได้นะ”
“ผมทำงานต่อไปไม่ได้แล้วพี่ ผมไม่ได้ชอบงานในวงการ ผมเข้ามาเพราะความจำเป็นพี่ก็รู้”
“ตวันไม่อยากได้เงินไว้ตั้งตัวรึไง”
“ผมคิดว่าผมได้มาพอแล้วครับ”
“นี่มันโอกาสทองนะตวัน ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว ประชาชนรอการกลับมาของตวันอยู่ ทั้งหนัง ทั้งโฆษณา ทั้งงานอีเวนท์ รอคิวตวันกันทั้งนั้นเลย”
“แล้วตอนที่ผมถูกกระแสโจมตีเค้าหายไปไหนกันหมดล่ะครับ”
“มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว ตวันก็น่าจะเข้าใจ”
ลิฟท์เปิดพอดี เขตต์ตวันจะเดินออก ผู้จัดการส่วนตัวกางมือขวางไว้
“พี่ไม่ให้ตวันไป สัญญาเรายังไม่หมด”
เขตต์ตวันจ้องหน้า
“ผมขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พี่เคยทำให้ผม แต่ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าพี่คิดว่าพี่ยังกอบโกยผลประโยชน์จากสัญญาเอาเปรียบผมไม่สมใจ ก็ไปฟ้องร้องเอา ลาก่อนครับพี่” เขตต์ตวันยกมือไหว้แล้วเดินเบียดออกไปเลย
ผู้จัดการมองตามแล้วร้องเรียก
“ตวัน”
เขตต์ตวันเดินตรงไปลานจอดรถโดยไม่หันกลับมาอีก
“ตวันหายเครียด เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ โทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ”
เขตต์ตวันยกมือปัดอากาศขึ้นเหนือหัว อารมณ์เลิกหวังเถอะ เดินไปขึ้นรถ
ผู้จัดการส่วนตัวได้แต่ถอนใจออกมาอย่างเสียดาย
เขตต์ตวันขับรถออกมาจากลานจอดรถ เขากำลังเปิดบูลทูธเสียบหู ขณะกำลังก้มๆเงยๆ กดโทรศัพท์ต่อหาเพื่อน ก็ตกใจสุดขีดเบรกรถแทบหัวทิ่ม มัทนาวิ่งโผล่มากางแขนขวางหน้ารถเอาไว้
เขตต์ตวันสีหน้าหงุดหงิดบีบแตรไล่ต่อเนื่องจนไม่ได้ยินที่มัทนาพูด มัทนาโวยวาย น้ำตาคลอด้วยความผิดหวัง
“คุณมันขี้แพ้ คนเค้าทุ่มเทสู้เพื่อคุณกันทั้งนั้น คุณถอดใจ ทิ้งพวกเรายังงี้ได้ยังไง”
รปภ.วิ่งเข้ามาจับตัวมัทนา เขตต์ตวันสนใจต่อโทรศัพท์หาเพื่อนมากกว่ามองหน้ามัทนา
“คุณหลีกทางด้วยครับ”
รปภ.ลากมัทนาออกไป มัทนาร้องดิ้นโวยวายทั้งน้ำตา เขตต์ตวันไม่ทันได้สนใจมองมัทนา ได้แต่คุยโทรศัพท์หน้าเครียดๆ
“ฉันเอง แกเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยรึยัง โอเค ฉันออกมาจากโรงแรมแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่สนามบิน” เขตต์ตวันกดตัดสายแล้วขับรถเลยออกไปทันที
มัทนามองรถตวันที่แล่นผ่านไปอย่างช้าๆ น้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมา เธอสะบัดรปภ.สุดแรงจนหลุด ยืนตะโกนไล่หลัง ทั้งน้ำตา
“ไปเลย ไปไหนก็ไปเลย ฉันไม่รักคุณแล้ว”
มัทนาวิ่งปาดน้ำตาแห่งความผิดหวังกลับเข้าไปด้านในโรงแรม
2 ปีถัดมา … บริเวณมหาวิทยาลัย มัทนาในชุดรับปริญญาคณะนิเทศนศาสตร์ กำลังถ่ายรูปกับครอบครัวพ่อ แม่ สาวิตรี ศกุนตลาที่มาในชุดพยาบาล วาสิฏฐี ในชุดนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ทุกคนยิ้มแย้มชื่นมื่นดีใจกับความสำเร็จของมัทนา...
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น...วาสิฏฐีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพ่งดู
“พี่มัท โทรศัพท์... สยามสาร”
มัทนาน้ำเสียงดีใจมาก รีบเอาโทรศัพท์จากน้องสาวแล้วพูดต่อ
“สยามสารเหรอ เอามานี่เร็วๆ … สวัสดีค่ะ มัทนาพูดอยู่ค่ะ ค่ะ ว่างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
มัทนากดตัดสาย ทุกคนรอฟังด้วยความสงสัยอยากรู้ เธฮรีบมารายงานทุกคนอย่างตื่นเต้นดีใจ “สยามสาร เรียกมัทไปสัมภาษณ์ค่ะ”
วาสิฏฐีเฮฮาดีใจเข้าไปสวมกอดพี่สาวและครอบครัว
บ่ายวันหนึ่ง มัทนาในชุดทะมัดทะแมงเดินเข้ามาเงยหน้ามองตึกเห็นป้ายชื่อหนังสือพิมพ์ “สยามสาร” เธอยิ้มดีใจและเดินเข้าตึกไปอย่างมั่นใจ
มีคณา และ สาระวารี เปิดประตูห้องประชุมเข้ามา...มัทนานั่งอยู่ในห้องประชุม เธอสัมภาษณ์กับไชยวัฒน์เสร็จแล้ว มัทนายกมือไหว้สองสาวๆรับไหว้ยิ้มแย้ม
สาระวารีและมีคณาจับตามองมัทนาสีหน้าคุ้นๆ
“น้องหน้าตาคุ้นจังเลยค่ะบอกอ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนมั้ยจ๊ะ” สาระวารีถาม
มัทนามองหน้าสาระวารีแล้วว่า
“ไม่เคยมั้งคะ”
มีคณาก็รู้สึกคุ้นๆ
“เคยออกทีวี เล่นโฆษณาอะไรมั้ย”
มัทนายิ้นเขินบอก
“อ๋อ เคยออกข่าวนิดๆ น่ะค่ะ ตอนมีข่าวคุณเขตต์ตวัน”
สาระวารีตบโต๊ะ
“อ๋อ นึกออกแล้ว แฟนคลับเขตต์ตวัน ไม่น่าล่ะหน้าคุ้นๆ”
“ตอนนั้นยังเด็กอยู่น่ะค่ะ”
ไชยวัฒน์ยิ้มแย้ม แนะนำ
“คนนี้พี่มี่ มีคณาอยู่โต๊ะข่าวอาชญากรรม ส่วนนี่พี่วารี อยู่โต๊ะจเร”
มัทนาทำหน้าหน้าตางงๆ
“งงล่ะสิ งานโต๊ะพี่ก็ประมาณข่าวเจาะ ทำสกู๊ปขุดคุ้ยเรื่องฮ็อตๆ ของพี่เน้นที่เกี่ยวกับการเมืองกะเศรษฐกิจ จะว่าไปก็งานจับฉ่าย สุดแล้วแต่บอกอท่านจะบัญชา ลูกเมียน้อย”
สาระวารีเหยียดปากใส่ไชยวัฒน์เล็กน้อย
“ก็เกินไปวารี...มัทไปเรียนรู้งานที่โต๊ะมี่ก่อน จากนั้นค่อยมาฝึกงานกับวารีต่อ...สองคนนี่ยอดฝีมือของเรา เรียนรู้งานจากพี่เค้าให้เยอะๆ ล่ะ”
มัทนา ยิ้มปลื้มให้สาระวารี และ มีคณา
มัทนาเข้ามาทำงานได้ไม่นานเราสามคนก็ซี้ปึ้กจนได้สมญา สามทหารเสือสาว
ผ่านเวลามา มัทนา สาระวารี และมีคณาเดินคุยกินขนมกันมาตามทางเดินหน้าตึกสยามสาร พวกเธอสวนกับหนุ่มเซอร์ของฝ่ายศิลป์ที่ตะโกนแซว สาระวารีเท้าสะเอวตอบโต้ด้วยหน้าตาเอาเรื่อง หนุ่มศิลป์ถึงกับหน้าแตกรีบเดินหนี สาระวารีทำท่าเตะส่งอีกต่างหาก
“บอกอเม้นท์ว่า เราสามคนคือความแตกต่างที่ผสมกันลงตัว สวย เก่ง มีเสน่ห์ไปคนละแบบ”
มีคณาปีนหน้าต่างบ้านไม้หลังหนึ่งในซอยลึกเพื่อดูสถานการณ์เอาไปเขียนข่าว มัทนายืนมองด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างล่าง
ตำรวจคุมตัวหญิงโสเภณีหลายคนออกมาจากบ้าน ทุกคนอายสื่อก้มหน้าก้มตา มีคณาปีนหน้าต่างแอบเข้าไปดูสภาพภายในบ้านเพื่อจะได้บรรยายข่าวได้ละเอียดกว่าใคร
“พี่มี่ระวังนะคะ” มัทนาบอก
ในใจเธอคิดว่า
“พี่มี่ก็แสนจะสุภาพเรียบร้อย แต่ทำงานลุยไม่แพ้ผู้ชาย อ่อนหวาน อ่อนโยนขนาดนี้ ทำข่าวอาชญากรรมเน้นหนักเรื่องโสเภณีกับยาเสพติดได้ไง งงกะผู้หญิงคนนี้จริงๆ”
มัทนาหันมองไปทางหน้าบ้าน เห็นมีคณาเดินยกนิ้วจิ้มแว่นให้กระชับดั้งทำหน้าจ๋อยๆ แหยๆ เพราะโดนตำรวจดุแล้วไล่ลงบันไดออกมาจากบ้าน
มัทนาได้แต่ยิ้มๆ ขำๆ
มัทนาตามสาระวารีและช่างภาพลงเดินตามเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพื่อสำรวจป่า สาระวารี เดิน
กระฉับเกระเฉงลุยป่าเก่งไม่แพ้ผู้ชาย
สาระวารีเดินลุยไปบ่นไป
“ถ้าไม่มีแบ็กอัพดี ไม่กล้าทำอุกอาจขนาดนี้หรอก”
มัทนาเดินตามสาระวารี ในใจให้คำจำกัดความสาระวารีว่า
“พี่สาวคนนี้ สวย แกร่ง แรง ซ่า น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ตรงกับเธอคนนี้ที่สุด”
สาระวารีหยุดเดินหันมาพูดกับมัทนา
“พ้นเขาลูกหน้าเธอจะเห็นว่าป่าถูกลักลอบตัดจนเหี้ยนเลย”
มัทนาตกใจ ตาเบิกโพลงเล็กน้อย
“พ้นเขาลูกหน้าเลยเหรอพี่วารี”
สาระวารีตอบหน้าตาปกติ
“อืม เดินตามมาเร็วๆ เลย”
มัทนาหยุดมองตาม เสียงในใจดังบอก
“เห็นห้าวๆ ยังงี้ ใครอย่ามาแซวว่าเป็นทอมเชียว เธอเล่นงานตายเพราะเธอยืนยันหนักแน่น
ว่าเธอคือหญิงไทยแท้แม่ศรีเรือน”
สาระวารีหยุดเดิน หันมามองถาม
“ยืนแบ๊วอะไรอยู่มัท...อย่าออกนอกเส้นทางล่ะ”
สาระวารีพามัทนาเดินอ้อมตามคนนำทางไป เธอมองตามอย่างสงสัย
“จะเดินอ้อมกันทำไม”
มัทนาตัดสินใจเดินตรงตัดทางไปเพราะเห็นว่านิดเดียว ไม่คาดคิด... มัทนาโดนแหดักสัตว์ยกลอยขึ้น มัทนากรีดเสียงสนั่นลั่นป่า ทุกคนหันมามองด้วยความตกใจและรีบวิ่งกลับมาช่วยมัทนา
“ในที่สุด มัทก็มีโต๊ะข่าวเป็นของตัวเอง”
เวลาสายในหลายเดือนต่อมา มัทนานั่งหน้าเซ็งเท้าคางอยู่ในคอกที่รายล้อมไปด้วยรูปดารา-นักร้อง หน้าโต๊ะมีแต่ข่าวดาราบันเทิงเต็มไปหมด
หัวหน้าโต๊ะข่าวบันเทิงเดินเข้ามาหาแล้วบอก
“มัท...บอกอเรียกไปพบแน่ะ”
“ค่ะพี่”
มัทนาลุกยืนอย่างห่อเหี่ยว สีหน้าเซ็งๆ เดินไหล่ตกออกไป
“เห็นว่าจะย้ายเธอไปทำข่าวโต๊ะอื่นนะ” หัวหน้าโต๊ะบอก
มัทนาตัวยืดตรงแน๋ว อ้าปากกว้างยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ภายในห้องบรรณาธิการ มัทนายกมือไหว้ไชยวัฒน์ หน้าตาเบิกบานสุดๆ
“ขอบคุณมากค่ะบอกอ...มัทรู้ตัวแล้วนะคะ มัทอยากทำงานโต๊ะข่าวการเมืองที่สุดเลยค่ะ ย้ายโต๊ะวันนี้เลยใช่มั้ยคะ”
“ใจเย็นๆ นั่งลงก่อนมัทนา”
มัทนายิ้มอย่างมีความหวังนั่งลงตามคำสั่ง
“มัทต้องทำสกู๊ปใหญ่ให้ผมเสร็จก่อน รับรองว่าสกู๊ปนี้ไม่มีใครเหมาะสมทำข่าวเท่ากับมัทอีกแล้ว” ไชยวัฒน์ยิ้มมั่นใจ มัทนามีสีหน้าสงสัย
“สกู๊ปอะไรเหรอคะ”
ไชยวัฒน์ลุกขึ้นยืน ยิ้มมั่นใจบอก
“ตามหาเขตต์ตวัน”
มัทนาผงะไปเล็กน้อย
“มัทเป็นแฟนคลับตัวยงเขตต์ตวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอะ”
มัทนาเหยียดปากอย่างเซ็งๆ
“อดีตแล้วล่ะค่ะบอกอ คนขี้แพ้ยังงั้นเสียแรงเชียร์”
“เอาน่าคิดซะว่าทำงาน มีแหล่งข่าวจากผู้หวังดีแต่ไม่ประสงค์ออกนาม โทรมาบอกผมว่า เขตต์ตวันเป็นเด็กกำพร้าที่หลวงพ่อจรูญ วัดสวนป่าที่ภูเก็ตเก็บมาเลี้ยง”
มัทนานิ่งไปอย่างเก็บข้อมูล
“แหล่งข่าวเชื่อถือได้เหรอคะ พวกโรคจิตโทรมาอำเราเล่นรึเปล่า”
“ไม่หรอก หลายเรื่องที่เค้าพูดมันมีเค้าความจริง คิดว่าเป็นคนใกล้ตัวนายตวันนั่นแหละ...เค้ายังบอกอีกนะว่ามีข้อมูลคดีอื้อฉาวของนายตวันอยู่ในมือด้วย จะทยอยส่งมาให้เรา”
มัทนามองหน้าไชยวัฒน์ด้วยสีหน้าอยากรู้เหมือนกัน
“จำไว้นะมัท ข่าวอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเขตต์ตวันยังขายได้เสมอ ไม่ว่าเค้าจะพูดหรือไม่ ก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้น”
มัทนาพยักหน้ารับเห็นด้วย
“ค่ะบอกอ”
“ผมให้เวลามัทเต็มที่เลย จะไปๆกลับๆ ภูเก็ตหรืออยู่ยาวยังไงก็ได้ ขอให้มีสกู๊ปข่าวอัพเดทที่สุดของนายตวันที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้นอกจากสยามสารที่เดียว มาให้ได้ก็แล้วกัน”
“แล้วบอกอจะให้มัทไปภูเก็ตเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้เลย”
มัทนาคาดไม่ถึง
“พรุ่งนี้”
ไชยวัฒน์พยักหน้ารับ
“ผมสั่งฝ่ายบัญชีเตรียมค่าใช้จ่ายให้แล้ว เดี๋ยวมัทลงไปรับได้เลยนะ...ผมให้สัญญาว่าเสร็จงานนี้แล้ว ผมจะย้ายคุณไปโต๊ะข่าวการเมือง”
มัทนาดีใจมากกับข้อต่อรอง เธอลุกขึ้นยืนมุ่งมั่น
“ตกลงค่ะบอกอ มัทจะไม่ทำให้บอกอผิดหวังค่ะ รับรองหน้าบันเทิงสยามสารต้องเป็นทอล์ก
ออฟ เดอะ ทาวน์ ฮ็อตระเบิด”
ไชยวัฒน์ยิ้มแหยๆบอก
“ขอแค่ดังกระหึ่มก็พอจ้ะ อย่าถึงขั้นระเบิดเลย บอกอเสียววาบๆ”
“โอเคค่ะบอกอ ดังกระหึ่มแน่นอนค่ะ” มัทนาพูดอย่างอารมณ์ดี
ไชยวัฒน์และมัทนา ไฮไฟว์แปะมือให้กัน
มัทนายิ้มมั่นใจว่าต้องทำสกู๊ปข่าวนี้ให้ดังเปรี้ยงให้ได้เพื่อแลกกับการต้องย้ายไปทำข่าวโต๊ะการเมือง
มายาตวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
เวลาบ่าย มัทนาและมีคณาเดินเข้าไปนั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวที่คนไม่เยอะแล้ว สาระวารีสั่งอาหารเป็นคนสุดท้ายกับเจ๊คนขายรูปร่างตุ้ยนุ้ย
สาระวารีบีบนวดบ่าให้เจ๊
“แห้งชามน้ำชามเหมียนเดิม วันนี้หิวจัด ให้เวลา 5 นาทีนะเจ๊ เกินนั้นจะลุกมาลุยหน้าเตาเอง”
เจ๊คนขายยิ้มๆ
“โมโหหิวมาจากไหนจ๊ะ นั่งรอแป๊บนึงนะ”
“จ้ะเจ๊” สาระวารีแกล้งบีบชั้นไขมันข้างเอวทั้งสองข้างของเจ๊อย่างมันเขี้ยวแล้วบอก
“จ้ำม่ำซะจริงนะน้องเอ๋ย”
เจ๊คนขายเขิน ตีแขนสาระวารีเบาๆ
“น้องวารีนี่”
สาระวารีเดินยิ้มแย้มอารมณ์ดีไปนั่งที่โต๊ะ
มัทนารินน้ำใส่แก้วให้พี่ๆ
“อิจฉาพี่วารีจัง ทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน”
“ก็โวยวายมากๆ เหมือนพี่สิ แคลอรี่มีเท่าไหร่ผลาญเรียบ”
“บอกอเค้าให้มัทไปทำข่าวเขตต์ตวันประเด็นอะไรเหรอจ๊ะ” มีคณาถาม
“ประวัติน่ะพี่มี่ มีแหล่งข่าวโทรมาบอกข้อมูลใหม่ มัทต้องลงไปภูเก็ตพรุ่งนี้เลย อยากได้อะไรกันมั่งคะ”
“อ้าว นี่มัทต้องไปภูเก็ตเหรอ พี่ก็ต้องไปตราดเร็วๆ นี้เหมือนกัน” สาระวารีบอก
“มัทได้ยินแว่วๆว่าพี่วารีต้องไปเกาะช้างใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่ เกาะยานก เกือบติดชายแดนเขมรโน่นแน่ะ”
มีคณาถามสาระวารีอย่างสงสัย
“มีประเด็นข่าวอะไรน่าสนใจเหรอวารี”
“กาสิโน มีข่าวว่าเจ้าของเกาะทำเรื่องขอเปิดกาสิโนถูกกฎหมายที่โน่น และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้รับอนุญาต”
“ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อยังงี้ มี่ว่าไม่น่ายอมให้สัมภาษณ์ง่ายๆหรอก”
สาระวารียักไหล่
“ก็ท้าทายดี”
สาระวารีชักโมโหหิว บ่น แค่ลวกเส้นใส่เครื่องทำไมช้าจัง เธอตะโกนไปหน้าร้าน
“จะกินกันเองแล้วเจ๊ ได้ยัง”
มัทนาขำๆ ชอบใจหันมองไปทางเจ๊ขายก๋วยเตี๋ยว สาระวารีเหล่มองมัทนา
“อารมณ์ดีไว้เยอะๆ นะน้อง เดี๋ยวจะขำไม่ออก งานเราก็ไม่หมูเลยนะมัท นายตวันนี่เฮี้ยวกับนักข่าวยังกะอะไรดี เค้าขยาดกันทั้งนั้นแหละ”
มัทนายิ้มๆ
“ก็ท้าทายดีเหมือนกันล่ะค่ะพี่วารี คุ้มที่จะเสี่ยง เพราะมัทจะได้ย้ายไปโต๊ะการเมืองซะที”
มัทนาพูดกระหยิ่มยิ้มย่อง มีคณาถอนใจยาวออกมา
“น่าอิจฉาจังเลย มีแต่งานท้าทายทำกันทั้งนั้น ช่วงนี้พี่ก็มีแต่ข่าวโสเภณีเด็ก ตามปราบไม่หมดไม่สิ้นซะที” มีคณามีสีหน้าเหนื่อยใจ
“ก็มีงานแฟชั่นการกุศลที่บอกอจะให้พี่มี่ไปแทนมัทไงคะ”
มีคณาเบะปากอย่างเซ็งๆ
“พี่ไม่ชอบนี่นา”
มัทนาสีหน้ากระล่อน
“งั้นลองซ้อมไปงานแฟชั่นโชว์กับมัทเย็นนี้ก่อนนะคะ เผื่อจะติดใจ...ทั้งพี่มี่ทั้งพี่วารีเลยนะ จะได้มีเวลาเมาท์กันนานๆ พรุ่งนี้มัทก็ต้องไปภูเก็ตแล้ว เมื่อไหร่จะได้กลับก็ไม่รู้” มัทนาส่งสายตาอ้อน ยื่นมือไปเกาแขนวารีที มีคณาที
“ไม่ต้องมาทำแมวใส่ฉัน ไปก็ได้ย่ะ” สาระวารีบอก
มีคณาปั้นยิ้มพยักหน้ารับปาก มัทนาดีใจร้อง “เย้”
สาระวารีพูดให้กำลังใจเพื่อน
“คิดบวกไว้สิมี่ อยู่ๆ มี่ก็ต้องไปงานแฟชั่นโชว์ที่ไม่ปลื้ม ฟ้าอาจจะกำหนดให้มี่ได้เจอเรื่องดีๆ ก็ได้นะ”
“ขอให้เป็นยังงั้นทีเถอะย่ะ” มีคณาถอนใจส่ายหน้าไม่เชื่อ
สาระวารีอมยิ้ม นึกสนุก
“ก็ไม่แน่น๊า บางทีเราทั้งสามคนได้อยู่ห่างๆกันนานๆ บ้าง อาจจะมีหนุ่มๆ กล้าเข้ามาทำให้หัวใจเรา” สาระวารีทำมือรูปหัวใจตรงตำแหน่งหัวใจ
“กระตุกกะเค้ามั่ง”
สาระวารีทำท่ากระตุกแบบแดนเซอร์จัดมา 2 ที มัทนาหัวเราะชอบใจ มีคณาขำปนอาย เตือนเพื่อน “วารี ไม่อายคนเค้ารึไง”
“ทำไมล่ะ เห็นชอบเต้นกันจั๊ง เลิกฮิตแล้วเหรอะ” สาระวารีทำท่าหัวใจกระตุกมาอีก 3 ทีซ้อน มัทนาตบมือหัวเราะถูกใจ มีคณาอดขำไม่ได้พร้อมกับตีผสมผลักเพื่อนไปแรงๆ เป็นที่ครื้นเครงกันไป
เวลาหัวค่ำ ที่งานแฟชั่น นางแบบกำลังเดินแฟชั่นเสื้อผ้าหรูหราออกงานกลางคืนอยู่บนแคทวอล์ก...
เหล่าแขกวีไอพีมองตามแฟชั่นเสื้อผ้าอย่างสนใจ มัทนา สาระวารีและมีคณา อยู่ในโซนสื่อมวลชน
“เสื้อผ้าแบรนด์ตะวันนี่สวยทุกชุดเลยเน๊อะ” สาระวารีบอก เธอปลื้มชุดหนึ่งจนต้องยกโทรศัพท์
มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้
“น่าภูมิใจที่เป็นแบรนด์คนไทย” มีคณาบอก
“ดีไซเนอร์เค้าปลื้มเขตต์ตวันมากเลยตั้งชื่อแบรนด์ว่า ตวัน” มัทนาบอก
“ดีไซเนอร์นี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ชื่อจันทิรา คงผู้หญิงแหละพี่...ฟินาเล่แล้ว”
ทุกคนหันมองไปที่แคทวอล์ก... เห็น ลลิสา ในชุดสุดท้ายสวยหรูแต่แอบเซ็กซี่กว่าทุกชุด เดินตามรันเวย์ท่ามกลางเสียงปรบมือ... ช่างภาพระดมถ่ายรูปกันยกใหญ่
“คนนี้ใช่ลิซ่ารึเปล่ามัท” สาระวารีถาม
“ดูช่างภาพรัวชัตเตอร์ขนาดนี้จะใครซะอีกล่ะพี่ ชีแหละลิซ่าไดนาไมต์”
สาระวารีจับตามองจุดขายอย่างขำๆ
“จะหน้าทิ่มมั้ยนั่น”
มีคณาหยิกแขนมีคณาอย่างเขินๆ
“น่าจะมาแบ่งกันมั่งเน๊อะ”
มีคณาเขิน
“วารี ทะลึ่ง”
สาระวารีหันไปกระซิบขำๆ กับมัทนา นางแบบทั้งหมดเดินตามมายืนโพสท์ท่าต่อจากลลิสา
“พี่อยากเห็นหน้าดีไซน์เนอร์จังเลย” มีคณาพูดขึ้น
“เตรียมใจผิดหวังไว้ได้เลยพี่มี่”
“ทำไมล่ะ”
เสียงระเบิดสายรุ้งดังเปรี้ยงปร้าง...สายรุ้งสีเงินสีทองพุ่งกระจายเต็มเวทีพร้อมป้ายผ้าขนาดใหญ่ถูก
ทิ้งลงกลางเวที...กลางป้ายเป็นภาพวาดเงาดำผู้หญิงสวยผมยาวสยาย มีประกายสีส้มของแสงอาทิตย์อยู่ด้านหลัง และมีชื่อแบรนด์ “ตวัน” เขียนประกบอย่างมีดีไซน์
เหล่านางแบบหันไปปรบมือให้ป้ายชื่อแบรนด์ที่ทิ้งลงมา
“คุณจันทิราเธอรักสันโดษไม่ยอมเปิดตัว มัทพยายามขอสัมภาษณ์ผ่านผู้จัดการเค้าหลายครั้งแล้ว โดนปฏิเสธตลอด”
มัทนาหันกลับไปพร้อมยกกล้องขึ้นซูมไปที่ป้ายปิดโชว์แบรนด์ตะวันเอาไว้ เสียงกดชัตเตอร์ของมัทนาดังรัว
งานปาร์ตี้หลังงานแฟชั่นโชว์ มัทนา สาระวารีและมีคณา เต้นรำสนุกสานกับเหล่าผู้สื่อข่าว นางแบบ และแขกวีไอพีมาร่วมงานปาร์ตี้หลังเสร็จจากงานแฟชั่นโชว์ ในงานมีการยิงประทัดสายรุ้ง โปรยวิบวับ
มัทนาก็เต้นออกแนวน่ารัก สาระวารีเต้นออกแนวสนุกสนานขี้เล่น ส่วนมีคณายังคงเต้นแบบเหนียมๆ ขยับแว่นไปมา เจ้าตัวไม่อยากเต้นแต่ไม่กล้าขัดใจเพื่อน มีคณาจะเดินหนีออกไปแต่เจอมัทนาและสาระวารีดึงจับแขนไว้พาเต้นล้อมหน้าล้อมหลังหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน
ผ่านเวลามาสักครู่ ที่มุมหนึ่งในงานปาร์ตี้ ทั้ง 3 ทหารเสือสาวยกแก้วน้ำหวาน 3 แก้วชูขึ้นมาชนพร้อมกัน มีคณามองหน้ามัทนาแล้วอวยพร
“พี่ขอให้มัทเดินทางไปภูเก็ตด้วยความปลอดภัยนะจ๊ะ”
“แล้วก็ขอให้เขตต์ตะวันยอมให้สัมภาษณ์น้องรักของพี่แบบหมดเปลือกเลย” สาระวารีบอก
มัทนายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ”
“เชียร์”
สามสาวชนแก้วน้ำหวานกันอีกครั้ง มัทนาแอบมีสีหน้ากังวลกับงานนี้อยู่เหมือนกัน
ในเวลากลางคืน มัทนาเดินกลับเข้าบ้านมา วาสิฏฐีรีบวิ่งมาเกาะแขนพี่สาวแล้วบอก
“เตรียมตัวโดนซักฟอกให้ดีเถอะพี่มัท”
“ครบองค์ประชุมมั้ย” มัทนาถาม
“จัดเต็ม”
มัทนาถอนใจเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น วาสิฏฐีตามติดพี่สาวไป ทั้งพ่อแม่และพี่สาวอีกสองคนนั่งรอการกลับบ้านของเธอกันพร้อมหน้า ทุกคนหันมองมัทนาเป็นตาเดียว มัทนายิ้มแย้ม พูดเล่น
“เหมือนรอคอยนางเอกปรากฏตัวยังไงก็ไม่รู้”
“ยังมาทำหน้าเป็นอีกนะ เราโทรมาบอกพี่สาว่าจะไปภูเก็ตไม่มีกำหนดกลับเหรอะ” แม่ถาม
“ก็ไปๆมา ๆ น่ะค่ะแม่”
“แม่ล่ะอยากให้มัททำงานรับราชการซะจริงๆ จะได้ไม่ต้องร่อนไป ร่อนมายังงี้”
สาวิตรีรีบช่วยน้อง
“แหม คุณแม่คะ สาก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยตามรอยคุณพ่อคุณแม่แล้วไงคะ นกก็เป็นพยาบาล สิฏฐีก็เรียนกฎหมาย”
วาสิฏฐียิ้มแป้นรีบเสริม
“มีบริษัทจองตัวให้ไปทำงานแล้วด้วย”
มัทนาทิ้งค้อนให้น้องสาว
“แหวะ”
สาวิตรีพูดต่อ
“ทุกคนก็นิ่งๆ กันทั้งนั้น ปล่อยมัทเค้าแหวกแนวไปซักคน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
มัทนาปั้นยิ้มบอก
“กดไลค์ ให้กิฟท์ พี่สาพูดถูกที่สุดค่ะคุณแม่ มัทไม่ชอบงานนิ่งๆ มัทชอบเดินทางหาความรู้ ชอบพบปะคนเยอะๆ เราจะได้มี ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ตลอดเวลา สนุกดีออก”
“เราน่ะสนุกแต่แม่เป็นห่วง ลาออกซะดีมั้ย จะได้ไม่ต้องไป”
มัทนาตกใจ
“ช่างเค้าเถอะคุณ เค้าชอบก็ปล่อยเค้าไป” พ่อบอก
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
มัทนารีบไปประจบบีบนวดพ่อ แม่แอบทิ้งค้อนหมั่นไส้อย่างเอ็นดู
“แล้วไปสัมภาษณ์ใครถึงภูเก็ตล่ะ”
“มัทจะไปทำสกู๊ปเรื่องของเขตต์ตวันน่ะค่ะ”
เสียงศกุนตลากรี๊ดลั่นพร้อมลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้...ทุกคนตกใจ
ศกุนตลาชี้ถาม
“ตัวอะไรน่ะ”
“ว้าย” สาวิตรีเบิกตาโพลง สีหน้ากลัวๆอย่างตกใจและรีบลุกหนีออกมา
พ่อ และแม่เดินหันไปดู เจออีกัวน่าวิ่งผ่ากลางบ้านเลย ทุกคนหันไปมองวาสิฏฐีที่ยิ้มแหยๆอย่างรู้นิสัย
“หนูเห็นมันน่ารักดีก็เลยขอเพื่อนมาเลี้ยง”
“เอาไปคืนเพื่อนเลยนะ ชอบเอาสัตว์ประหลาดมาเลี้ยงในบ้านซะเรื่อยเลยเด็กคนนี้นี่...” แม่ส่ายหน้า หันกลับมา มองหา
“อ้าว ยัยมัทหายตัวไปซะแล้ว”
แม่ถอนใจออกมาอย่างอ่อนใจ
มัทนาหนีขึ้นห้องนอนมาปิดประตูห้องเบาๆ แล้วถอนใจพิงประตูด้านใน
“ อีกัวน่าช่วยชีวิต ขอบใจนะสิฏฐี”
มัทนาเดินไปเปิดตู้มุมห้อง หยิบกล่อง รองเท้าผ้าใบคู่เก๋ถูกเก็บไว้อย่างดีออกมา พร้อมพูดกับรองเท้า
“รองเท้าคู่บุญจ๋า คราวนี้นำโชคให้มัททำงานสำเร็จด้วยนะจ๊ะ จุ๊บๆ”
มัทนาเอารองเท้าไปวางข้างประตูห้อง พร้อมพูด
“คู่นี้ลืมไม่ได้เลย” มัทนาย้ำ
จากนั้นเธอก็ยกเก้าอี้มาปีนเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่เหนือตู้เสื้อผ้าเพื่อจะเตรียมจัดกระเป๋า
เธอยกกระเป๋าลงมาวางที่เตียง พอเปิดออกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรูปภาพทั้งจากแมกกาซีนและรูปถ่ายของเขตต์ตวันที่ถูกเก็บไว้อย่างดี
มัทนาอึ้งไปเล็กน้อย เธอนั่งหยิบรูปขึ้นมาดูไปด้วยความรู้สึกเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ เธอมองรูปที่ตัวเองถ่ายไว้พร้อมพูดว่า
“ไม่น่าเชื่อว่ามัทจะต้องมาตามสืบประวัติของพี่อีก”
มัทนาวางรูปถ่ายลง แล้วหยิบรูปเขตต์ตะวันที่เห็นหน้าชัดเจนจากปกแมกกาซีนขึ้นมาดู
“พี่จะหน้าตาเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ไม่รู้นะ”
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ จนมัทนาสะดุ้งเล็กน้อย เสียงศกุนตลาดังถามขึ้น
“พี่เข้าไปได้มั้ยมัท”
“เชิญค่ะพี่นก ประตูไม่ได้ล็อค”
มัทนารีบปิดกระเป๋าเดินทางลง ศกุนตลามีสีหน้าไม่สบายใจนักเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงก็อบแก็บสีชมพูสดแพ็คใหญ่และเดินมานั่งข้างๆ มัทนา
ศกุนตลาส่งถุงก็อบแก็บให้
“แม่ให้เอามาให้ กลัวเราลืมติดตัวไปด้วย”
“ขอบคุณค่ะ ถุงสารพัดประโยชน์ของคุณแม่ มัทไม่ลืมหรอกค่ะ” มัทนาเอาไปวางไว้บนกระเป๋าเดินทาง
ศกุนตลาจับมือน้องสาว
“พี่มีเรื่องอยากมาเตือนมัท”
มัทนาหันมองด้วยสีหน้าสงสัย
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ก็เรื่องเขตต์ตวันน่ะสิ ที่จริงพี่ก็ไม่อยากเอาความลับคนไข้มาพูดหรอกนะ แต่เห็นว่าเราเป็นพี่น้องกัน พี่เป็นห่วงมัท”
“ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ดูพี่นกซีเรียสจังเลย”
ศกุนตลาถอนใจบางๆ ออกมาก่อนเล่า
“เมื่อ 4-5 เดือนก่อนมีคนไข้พิเศษมานอนที่ตึกพี่ คุณตวันเป็นเจ้าของไข้ ออกค่า รักษาให้หมดแล้วก็มาเยี่ยมบ่อยมาก แต่พอเค้ากลับไป คนไข้พี่ก็เอาแต่ร้องไห้ถามอะไรก็ไม่ตอบ สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ หัวหน้าพี่เลยขอไม่ให้เค้ามาเยี่ยมอีก ป้องกันไม่ให้เค้ามาพูดจาอะไรสะเทือนใจคนไข้”
มัทนาสงสัย
“คนไข้ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ผู้หญิง หน้าตาสะสวยเชียวล่ะ เห็นน้องๆ เค้าบอกว่าเคยเป็นนางแบบ พี่ก็ไม่ค่อยรู้จัก รู้สึกจะชื่อ... ดูสิจำไม่ได้ซะแล้ว ชื่อติดอยู่ริมฝีปากนี่ล่ะ”
ศกุนตลาพยายามนึก จนหงุดหงิดตัวเอง มัทนามีสีหน้าเก็บข้อมูล
“แล้วเค้าป่วยเป็นอะไรมาเหรอคะ”
ศกุนตลาอึดอัดใจเล็กน้อยที่พูดความลับคนไข้
“มัทห้ามพูดไปนะ เค้ามารักษาอาการติดยาจ้ะ”
มัทนาอึ้งไป
“ติดยาเหรอคะ”
มัทนามีสีหน้าติดใจสงสัย
หน้าโรงแรมอโณทัย เมืองภูเก็ตตอนบ่าย มัทนาสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่งก้าวเข้ามาที่ล็อบบี้โรงแรม...
มัทนาลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
“เชน” ชายหนุ่มสูงใหญ่ใส่สูทเนี๊ยบสีเข้มยืนเขียนเอกสารอยู่ก่อนแล้ว มัทนาบอกroyd’ko
“เช็คอินค่ะ ชื่อมัทนาค่ะ”
เชนขยับตัวออกให้มัทนา เธอหันไปมองยิ้มอย่างมีมารยาทให้
“ขอบคุณค่ะ”
“จองห้องไว้รึยังคะ” พนักงานต้อนรับถาม
“สยามสารจองไว้ให้แล้วค่ะ”
เชนหันมามองทางมัทนาเล็กน้อยอย่างสนใจ ก่อนจะหันไปกรอกเอกสารต่อ พนักงานเช็คคอมพิวเตอร์จนเจอชื่อก่อนยื่นเอกสารเข้าจองให้
“ช่วยกรอกข้อมูลแล้วเซ็นชื่อด้วยนะคะ”
มัทนากรอกข้อมูลชื่อที่อยู่เบอร์โทรแล้วเซ็นชื่อกำกับปิดท้าย เชนแอบชำเลืองมองหน้ามัทนาแล้วอมยิ้ม
“ห้องพักอยู่ชั้น 8 นะคะ เดี๋ยวพนักงานพาขึ้นไปค่ะ” พนักงานต้อนรับส่งกุญแจให้พนักงาน
มัทนายื่นเอกสารที่กรอกเสร็จให้พนักงานต้อนรับไป พนักงานชายมาช่วยลากกระเป๋าเดินนำไปทางลิฟท์ ขณะเดินมัทนารู้สึกเหมือนมีคนมองตามอยู่ตลอดเวลา มัทนาหันกลับมา เห็นเชนเท้าแขนกับเคาน์เตอร์
ยืนมองตาม พร้อมส่งรอยยิ้มสุภาพเป็นมิตรให้... มัทนายิ้มตอบด้วยมารยาทก่อนเดินไปขึ้นลิฟท์ไป
เชนมองตามมัทนาไปพร้อมกับยิ้มหล่อ
ภายในห้องพัก มัทนาเปิดม่านหน้าต่างห้องพักจนสุด ทำให้เห็นวิวทะเลสวยงามจากมุมสูง เธอมองไกลชมวิวทะเลก่อนจะมองไปที่มุมซ้ายสุดของหาด เธอหันไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าหยิบกล้องส่องทางไกลออกมา แล้วมองส่องออกไปจนเห็นบ้านหรูหลังใหญ่ติดชายหาด
“เดี๋ยวเจอกันนะคะพี่ตะวัน”
มัทนาลดกล้องส่องทางไกลลง สีหน้าสับสนในใจเล็กน้อย ก่อนจะถอนใจออกมา
เวลาเย็น มัทนาในชุดเสื้อยืดสีสดกับกางเกงขาสั้นเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดที่รายล้อมไปด้วยนักท่องเที่ยวฝรั่งทั้งชายหญิงที่นอนอาบแดด แต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย ต่างจากตัวเธอลิบลับ สาวฝรั่งชุดบิกีนี่เดินตัดหน้าเธอลงทะเล มัทนามองตามแล้วเทียบกับตัวเอง
“นี่ฉันแต่งตัวประหลาดอยู่คนเดียวเหรอเนี่ย”
มัทนาเดินเล่นพร้อมชะเง้อมองไปทางบ้านหลังใหญ่สุดชายหาด ไม่คาดคิดว่า สายตาเธอพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มสวมแว่นดำนั่งเหม่อมองท้องทะเลออกไป ชายคนนั้นคือเขตต์ตวัน
มัทนาตกใจมากตั้งตัวไม่ทัน ไม่คาดฝันเจอแหล่งข่าวง่ายและเร็วเกินคาด เขตต์ตวันหันมองมา มัทนารีบย่อตัวลงนั่งทำเป็นเก็บเปลือกหอยอะไรไป เขตต์ตวันหันกลับไป มัทนารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหลบด้านหลังเพื่อตั้งหลักทำสติก่อน
เขตต์ตวันยกแว่นตาดำขึ้นค้างไว้เหนือหน้าผาก ทอดสายตามองไกลออกไปที่ชายทะเล สีหน้าแววตาดูขรึมและเศร้า
ฉาก 7.1ต่อเนื่อง / หลังโขดหิน / เขตต์ตวัน มัทนา
มัทนาหลบอยู่หลังเก้าอี้พลาสติกริมชายหาด เธอตั้งสติและพูดบอกกับตัวเอง
“แกจะตกใจทำไมมัท แฟนคลับเค้าเป็นแสนๆ เค้าจำแกไม่ได้หรอก”
มัทนาสูดหายใจลึกแอบชะโงกหน้ามองกลับไปที่เขตต์ตวัน เห็ฯเขาทอดสายตาเศร้า มองไกลออกไปทางทะเล
“พี่ดูเศร้าจังเลย” มัทนาพูดกับตัวเอง
เขตต์ตวันหันมองวิวมาทางมัทนา เธออดไม่ได้ที่จะเลื่อนตัวหลบลงที่กำบังอีก
“ไม่เอาแล้ว ปล่อยเค้าไปเถอะ จะขุดคุ้ยเค้าอีกทำไม”
ครั้นเธอจะลุกเดินกลับ ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงบอกอดังก้องขึ้นในหัว
“นักข่าวที่ดีต้องไม่ผูกพันความรู้สึกกับแหล่งข่าวมากจนเกินพอดี”
ในอดีต เวลากลางวัน ไชยวัฒน์กำลังสอนงานมัทนาอยู่ในห้องทำงานในช่วงที่มาเริ่มฝึกงานใหม่ๆ
“จะทำข่าวอะไรต้องทำสองด้าน คุณคุยกับคนที่เกลียด ก็ต้องคุยกับคนที่คุณรัก คุยกับคนที่ได้ประโยชน์ ก็ต้องคุยกับคนที่เราเสียประโยชน์ ไม่ใช่เลือกจะคุยด้านใดด้านเดียว”
มัทนาคิดตามอย่างเห็นด้วย ไชยวัฒน์ลุกจากโต๊ะทำงานเดินมาหามัทนา
“ข่าวที่คุณเขียนมีผลมากเพราะออกสู่สายตาคนเป็นแสนเป็นล้าน เพราะฉะนั้นต้องให้ความยุติธรรมแก่ข่าว ถ้าคุณจะทำเรื่องไม่ดีของใครก็ต้องหาทางคุยกับเค้า ให้โอกาสเค้าได้พูด ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาซัดเค้าท่าเดียวไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัว จำเอาไว้ ไม่ว่าเค้าจะพูดหรือไม่ เป็นข่าวได้ทั้งนั้น”
มัทนายิ้มรับแนวคิดอย่างเปิดใจ
“ขอบคุณมากค่ะบอกอ มัทจะจำคำแนะนำของบอกอเอาไว้เตือนใจตัวเองตอนทำงานค่ะ”
มัทนาได้คิด ฮึดจะทำข่าวต่อ รีบโผล่ออกไปดู ทันทีก็เห็นฝรั่งผู้ชายยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้า มัทนาร้องลั่นด้วยความตกใจ ฝรั่งก็ตกใจเล็กน้อย เธอยกมือไหว้ และรีบเดินก้มหน้าก้มตาออกไป
“ขอโทษค่ะ”
มัทนาออกจากที่กำบังมองหาเขตต์ตวันก็ไม่อยู่ซะแล้ว
“หายไปไหนเนี่ย”
เธอชะเง้อมองหาก่อนจะตัดสินใจเดินตามหาไปทางท้ายหาด
ในเวลาต่อมา เขตต์ตวันเดินกลับมาใกล้จะถึงบ้านพัก ก็เห็นมัทนากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมาติดๆ
ลลิสาใส่กางเกงขาสั้นจู๋ เสื้อแขนสั้นแนบเนื้อ โชว์เซ็กซี่เดินปรี่เข้ามาหาเขตต์ตวัน ลลิสาเข้ามาเกาะแขนท่าทางสนิทสนม
“จะกลับแล้วเหรอคะคุณปอน ลิซ่ากำลังจะออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนอยู่พอดีเลย”
มัทนาทำฟอร์มให้แนบเนียน ย่อตัวลงนั่งกับพื้นทราย กางผ้าเช็ดหน้าเก็บเปลือกหอยใส่ไปทีละตัว
สองตัว แต่หูผึ่งแอบฟังการสนทนาไป
“ผมหิวแล้วล่ะ”
ลลิสายิ้มเอาใจ
“งั้นกลับก็ได้ค่ะ”
ทั้งคู่ควงแขนพากันเดินกลับไป มัทนาเพ่งมองลลิสาอย่างไม่แน่ใจนัก
“ลิซ่านี่หว่า”
ลลิสากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเขตต์ตวัน เขาขำๆ แล้วโอบเอวลลิสาไว้ นางแบบสาวหอมแก้ม
เขตต์ตวันให้ฟอดใหญ่ มัทนาเหยียดปากด้วยความหมั่นไส้
“แหวะ หน้าไม่อาย”
มัทนามองเลยไปที่รั้วบ้านเขตต์ตวัน เห็นชลบุษย์ ผู้หญิงหน้าตาดีอีกคนยืนจ้องมาที่เขตต์ตวันและลลิสาด้วยสีหน้าบึ้งตึงออกแนวหึงๆ ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดกลับเข้าไป มัทนามีสีหน้าหมั่นไส้เขตต์ตวันอย่างเห็นได้ชัด
“เนี่ยเหรอะรักสันโดษ ผู้หญิงเต็มบ้านไปหมด ฉันจะแฉให้แหลกเลยคอยดูสิ”
มัทนามองเขาด้วยสีหน้าเจ็บใจ
ผ่านเวลาสักครู่ บริเวณหน้าลิฟท์ภายในโรงแรม มัทนาเดินก้มหน้าก้มตา สองมือจับชายผ้าเช็ดหน้าที่ใส่เปลือกหอยที่เก็บจากชายหาดไว้แน่น เมื่อเข้าจะเดินเข้าลิฟท์ที่ถูกเปิดออกก็ชนกับผู้ชายที่เดินออกมาอย่างจัง
มัทนาร้องด้วยความตกใจผ้าเช็ดหน้าหลุดมือ เปลือกหอยตกกระจาย
“ขอโทษครับ” เชนบอก
มัทนาเสยผมที่ปรกหน้าปรกตาอยู่ เมื่อเหลือบตามองจึงพบว่า เป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่ส่งยิ้มให้เมื่อตอนที่เธอมาถึงนั่นเอง … วันนี้ เขาอยู่ในชุดลำลองแต่ก็ยังดูหล่อมีสไตล์แบบคนแต่งตัวเป็น
“เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ”
มัทนากอบเปลือกหอยมาใส่ผ้าเช็ดหน้าเหมือนเดิม
“สงสัยผ้าเช็ดหน้าจะผืนเล็กไปนะครับ”
เชนล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ของตนมาห่อผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยเปลือกหอยของมัทนาอีกชั้น
แล้วผูกเป็นห่อ มัทนาเหล่มอง เชนสีหน้ายิ้มแย้มบอก
“รับรองคราวนี้ไม่หล่นกระจายอีกแน่ๆ”
มัทนายิ้มแหยๆ
“ผ้าเช็ดหน้าคุณเปื้อนทรายหมดเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผ้าเช็ดหน้าใหม่นะครับ ยังไม่ได้ใช้เลย รับรองสะอาด”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ทันระวัง ไม่ทราบว่าจะคืนผ้าเช็ดหน้าให้คุณได้ยังไงคะ”
“ฝากที่เคาน์เตอร์ก็ได้ครับ ผมยังพักอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ต่อไปอย่าเก็บเปลือกหอยพวกนี้กลับบ้านเลยนะครับ มันอยู่ที่ชายหาดสวยกว่า”
มัทนาหน้าเจื่อนปนแหยไปเล็กน้อย เพื่อนเชนเข้ามาเรียก “เชน...”
“แล้วคุยกันใหม่นะครับ”
เชนรีบเดินฉีกไปหาเพื่อน มัทนายกผ้าเช็ดหน้าห่อเปลือกหอยขึ้นมาดู ด้วยหน้าจ๋อยๆ อย่างรู้สึกผิด
ในเวลาต่อมา มัทนาเอาเปลือกหอยสวยๆ มาดูก่อนทิ้งคืนชายหาดบริเวณหน้าโรงแรม ทีละตัวๆ
เชนเดินตามหามัทนา เขากวาดตามองหา พอเจอเจ้าตัวก็ยิ้มพอใจแล้วเดินเข้ามาหา
มัทนาบ่นกับตัวเอง
“ หน้าแหกเลยเรา อยู่ชายหาดของพวกแกไปเถอะ”
เชนย่อตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมพูดว่า
“ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
มัทนากำลังเพลินเลยตกใจตอบสวนไปทันที
“หอย...เอ๊ย ไม่ใช่ค่ะ ชื่อมัทนาค่ะ เรียกว่ามัทก็ได้ค่ะ”
มัทนายิ้มแหยๆ เชนยื่นมือไปเช็คแฮนด์
“ผมชื่อเชน ครอส ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
มัทนาเช็คแฮนด์ตอบ
“เช่นกันค่ะ”
เชนจ้องหน้าเธอพลางส่งตาหวาน
“คืนนี้ให้เกียรติทานข้าวกับผมซักมื้อนะครับ”
มัทนาตาเบิกโพลงเล็กน้อย
มายาตวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
เวลาผ่านไป ภายในกองบรรณาธิการสยามสาร สาระวารีส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมาเล็กน้อยจากโต๊ะทำงานของมีคณา จนมีคณาตีแขนเพื่อนเบาๆ ก่อนมองไปรอบๆ กองบ.ก.
“เบาๆ สิวารี”
มัทนาโทรมาเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนรุ่นพี่ฟัง...ทั้งสองคนกดสปีคเกอร์โฟนคุย
สาระวารีคุยกลับไปอย่างตัดพ้อตัวเอง ก่อนถามต่อด้วยความอยากรู้
“พี่ไปทำข่าวไม่เห็นเคยเจอยังงี้มั่งเลย...แล้วมัทจะไปดินเนอร์กับเค้ามั้ย”
ภายในห้องพักมัทนาในโรงแรม เธอคุยโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“แต่งตัวเสร็จนานแล้ว”
สาระวารีกรีดเสียงแซวดังลอดสายออกมา มัทนายิ้มๆ กดตัดสายไปแล้วลุกขึ้นยืนส่องกระจก สีหน้าไม่มั่นใจนักกับชุดที่ใส่ เพราะเธอตั้งใจมาทำข่าวจึงไม่ได้เตรียมชุดสวยหรูอะไรมามากมาย
เชนและมัทนานั่งคุยกันในร้านอาหารฝรั่งบรรยากาศหรูหรา ขณะกำลังรออาหารที่สั่งอยู่
มัทนารู้สึกประหม่า
“คุณเชนพามาร้านหรูจังเลย ดูมัทแต่งตัวสิคะ มัทมาทำงานไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าสวยๆ มาด้วย”
“คุณมัทสวยอยู่แล้วล่ะครับ แต่งตัวยังไงก็สวย”
เขามองเธออย่างไม่วางตา จนเธฮต้องแก้ความอึดอัดด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น
“คุณเชนเป็นลูกครึ่งชาติไหนคะเนี่ยทำไมดูเหมือนคนไทยจังเลย”
“อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ “ครอส”เป็นนามสกุลพ่อบุญธรรมของผมครับ”
เชนรีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องทันที
“เอ๊ะ แล้วคุณมัทมาทำงานอะไรที่ภูเก็ตเหรอครับ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“บอกได้สิคะ มัทมาทำข่าวค่ะ”
“คุณมัทเป็นนักข่าวเหรอครับเนี่ย มาทำสารคดีเหรอครับ”
“มัทเป็นนักข่าวสายบันเทิงค่ะ มัทมาตามสืบเรื่องคุณเขตต์ตวัน”
เชนยิ้มๆบอก
“งานหินเลยนะครับ บ้านหลังใหญ่ๆ ท้ายหาดน่ะบ้านเค้า แต่เค้าค่อนข้างเก็บตัว ขนาดผมไปๆมาๆภูเก็ตบ่อยมาก ออกงานใหญ่ของจังหวัดตลอด ยังไม่เคยเจอตัวเลยครับ”
มัทนาสีหน้าหนักใจ
“คุณเชนพูดยังงี้มัทเครียดเลย จะคว้าน้ำเหลวซะก็ไม่รู้”
“มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ ผมกว้างขวางที่นี่พอสมควร”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ด้วยความเต็มใจครับ”
เชนส่งตาหวานมองมัทนาตลอด มัทนาเขินปนประหม่า หยิบแก้วน้ำมาดื่มกลบความเขิน
เสียงในความคิดของมัทนาบอก
“บ้าจริง ทำหน้าหล่อใส่ฉันอยู่ได้ ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
เชนค่อยๆ เลื่อนมือมา มัทนาตาเบิกเล็กน้อย จิบน้ำค้างที่ริมฝีปาก
“ไม่นะ ไม่ ดึงมือหนีเร็วๆ ยัยมัท” มัทนาสั่งตัวเอง
เชนเลื่อนมือใกล้เข้ามาแล้วหยิบแก้วไวน์ไปจิบ มัทนาถอนใจเป่าปากออกมาแรงไปหน่อย จนน้ำในแก้วกระจายเปื้อนปากและจมูกเล็กน้อย เธอรีบดึงผ้าเช็ดมือบนตักมาซับน้ำที่เปื้อนหน้าชนิดแทบปิดไปครึ่งหน้าด้วยความอาย เชนมองมัทนายิ้มๆ เอ็นดู
เช้าวันต่อมา มัทนาสวมกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบคู่เก่งเดินมายังละแวกบ้านของเขตต์ตวัน เธอมาหยุดที่เพิงขายผลไม้ข้างทางซึ่งไม่ห่างจากบ้านของอดีตพระเอกหนุ่มนัก แม่ค้าพูดสำเนียงใต้ ปอกผลไม้ไปถามเธอไป
“เอาอะไรจ๊ะหนู”
“สับปะรดค่ะ...ป้าคะ บ้านหลังใหญ่ๆนั่นใช่บ้านพระเอกเก่ารึเปล่าคะ”
“ใช่จ้ะ บ้านคุณเขตต์ตวัน...15 บาทจ้ะ”
มัทนาหยิบเงินจ่ายไป เด็กสาวคนหนึ่งเดินกลับมาหน้าตาเซ็งๆ
“ไงเอ็ง ได้งานมั้ย”
“ ยังไม่รู้เลยป้า สัมภาษณ์ตั้งนาน แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมา ยุ่งยากวุ่นวาย”
“ อยากทำงานบ้านดาราก็งี้แหละ”
มัทนาสงสัยอยากรู้
“บ้านคุณเขตต์ตะวันเค้ารับสมัครคนงานใหม่เหรอคะ”
มัทนาสีหน้าตื่นเต้น เริ่มมีความหวัง
ในเวลาต่อมา มัทนาเดินมาส่องดูผ่านรั้วบ้านเขตต์ตะวัน เธอมองเข้าไป ทันใดนั้นรปภ.เปี๊ยกก็โผล่มาบังสายตาจนเธอสะดุ้งโหยง เปี๊ยกพูดสำเนียงทองแดง ฟอร์มดุเข้ม
“มาสมัครงานเหรอะ”
มัทนารีบฉีกยิ้มบอก “ค่ะ”
“เข้ามาให้ไวๆ เลย เจ้านายกำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว”
รปภ.เปี๊ยกเปิดประตูรั้วให้มัทนาเดินเข้ามา... เธอยื่นสับปะรดให้กับรปภ.
“ให้คุณ หวานเจี๊ยบเลยนะ”
เปี๊ยกยังทำฟอร์ม
“สวย เอ๊ย ขอบใจ”
มัทนาเดินเข้าไป เปี๊ยกมองจนเหลียวหลัง หลงปลื้มจนเข่าอ่อนยกมือกุมหัวใจ เธอเดินไปที่ประตูหน้าตัวบ้านส่ายสายตาด้อมๆ มองๆ
เอกชัยใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสตัดกันสนุกสนานเดินจูงหมาสองตัวพันธ์เกรทเดนมาทางสนาม...ตัวหนึ่ง
สีขาว มีรอยด่างสีดำรอบตา ส่วนอีกตัวมีลายจุดทั่วตัว
มัทนารีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ หนูมาสมัครงานเป็นลูกจ้างค่ะ”
“พูดกลางชัดดีนี่”
มัทนายิ้มแย้มบอก
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาบัตรประชาชนมาซีร็อกแล้วตามฉันเข้าไปสัมภาษณ์”
เอกชัยเดินเอาหมาไปให้รปภเปี๊ยก.จูงเชือกไว้
มัทนาหยุดคิด พึมพำ
“บัตรประชาชน เอาไงดีวะ”
เอกชัยเดินกลับมา
“เอาบัตรมาเร็วสิ ฉันต้องพาเจ้าด่างกับเจ้าจุดไปเดินเล่นข้างนอก”
“เอ่อ บัตรประชาชนไม่มีค่ะ”
“ทำไมไม่มี เป็นพวกต่างด้าวรึไง”
“เปล่าค่ะ ลืมเอามา”
มัทนาฉีกยิ้มหน้าแหยๆ
ตอนสายๆ ไชยวัฒน์คุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องทำงาน
“ ใช้เอกสารปลอมยังงี้ มันผิดกฎหมายนะมัท”
มัทนาสีหน้าเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ยืนคุยโทรศัพท์มือถือหลบมุมอยู่ที่ตลาด
“มัทก็ไม่ได้เอาไปใช้หรอกค่ะบอกอ เผื่อเอาไว้เฉยๆ ยามฉุกเฉิน ดีกว่าถูกเค้าจับได้นะคะว่าเป็นนักข่าวของสยามสาร ถูกฟ้องไม่รู้ด้วยนะ”
ไชยวัฒน์เริ่มหวั่นใจเหมือนกัน
“งั้นก็โอเค บอกอพอมีพรรคพวกที่นั่น จะรีบจัดการให้ทันทีเลย”
มัทนาสงสัย พูดโต้ตอบกลับไป
“บอกอจะไปหาใครรูปร่างหน้าตาอายุใกล้เคียงกับมัทได้คะ มัทยิ่งสวยไม่ซ้ำใครอยู่ด้วย”
“จ้า หน้าไม่โหลว่างั้น เอาน่ะบอกอรับรอง เรื่องนี้หนูมัทไม่ต้องเป็นห่วง ทำใจให้สบายนิ” ไชยวัฒน์แกล้งพูดสำเนียงทองแดงใส่
มัทนาค่อยยิ้มออกอย่างมีความหวังว่าแผนการจะสำเร็จ
เอกชัยกำลังดูซีร็อกรูปบัตรประชาชนของมัทนา เป็นผู้หญิงรูปร่างท้วมหน้าอ้วนกลม แต่ความสูงใกล้เคียงกับมัทนา ชื่อ นางสาว จุติมา แจ่มแก้ว เอกชัยเงยหน้ามองรู้สึกว่า ไม่เหมือนกับมัทนาเลย แต่เธอก็อุตส่าห์ยิ้มสู้
“เธอไปเอาบัตรประชาชนของใครมา”
“ของหนูเองค่ะ”
เอกชัยเสียงดัง
“โกหก หน้าไม่เห็นจะเหมือนกันเลย”
เขตต์ตวันเดินออกมาจากโถงบ้าน หน้าตาบึ้งตึงเหมือนโกรธใครมาสักร้อยชาติ
“มีอะไรเหรอเอก”
มัทนาหันมองเขตต์ตวัน เผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“เค้ามาสมัครงานเป็นลูกจ้างเรา เอาบัตรประชาชนใครมาอ้างก็ไม่รู้” เอกชัยบอก
มัทนายืนยันแข็งขัน
“รูปหนูจริงๆค่ะ”
เขตต์ตวันรับแผ่นกระดาษซีร็อกบัตรประจำตัวจากเอกชัยมาดู แล้วเงยหน้ามองมัทนาก่อนฉีกกระดาษซีร็อกกระจุยด้วยความโมโห
เขตต์ตะวันจ้องหน้ามัทนาอย่างดุดัน
“เธอเป็นใครกันแน่ นักข่าวปลอมตัวมาแหงๆ”
มัทนาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ใช่นักข่าว”
เขตต์ตะวันเสียงดุสั่งเอกชัย
“จับตัวเอาไว้”
เอกชัยตั้งท่าจะจับ มัทนาตกใจวิ่งหนี
เขตต์ตวันเดินตามหันไปทางสนาม ตะโกนเสียงดัง
“ด่าง จุด จัดการ”
มัทนาตกใจหันมองไปทางสนาม...เจ้าด่างเจ้าจุดวิ่งพุ่งคู่กันมาพร้อมเห่ากระจาย เธอตกใจกลัวสุดขีด อ้าปากหวอ เสียงนาฬิกาปลุกดังขัดขึ้นทันที
มัทนาเด้งขึ้นมานั่ง สีหน้าตกใจกลัวสุดขีด เลื่อนมือไปกดปิดนาฬิกาปลุก เธอหยิบกระดาษซีร็อกผู้หญิงอ้วนท้วมเหมือนในฝันที่โต๊ะข้างเตียงมาดู ดูแล้วบ่นออกมา
“จะรอดมั้ยเนี่ยมัทนา...”
แล้วเธอก็แกล้งพูดล้อเลียนเสียงบอกอ
“เรื่องนี้หนูมัทไม่ต้องเป็นห่วง ทำใจให้สบายนิ... ขอบคุณค่ะบอกอ เหมือนหนูยังกะแกะ”
มัทนาดูสำเนาบัตรประจำตัวแล้วถอนใจออกมาอย่างหนักใจ
ผ่านเวลาซักครู่ มัทนาแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูบ้านๆ ด้วยเสื้อผ้าราคาถูกๆ สวมรองเท้าแตะ ให้สมบทบาท
ที่จะไปสมัครงานเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน...มัทนาเดินออกมาจากลิฟท์ สวนกับเชนที่ล็อบบี้พอดี เธอยิ้มให้ เชนเดินผ่านเลยไป แล้วเชนก็ชะงักหันกลับมามองเธออีกที
“จำมัทไม่ได้เหรอคะ”
เชนขำๆ เดินกลับมา
“ต้องปลอมตัวขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เค้าเช็กละเอียดจะตายไปคุณเชน นี่ขนาดแค่รับลูกจ้างทำงานบ้านนะคะ”
“คงกลัวสปาย”
“ประมาณนั้นล่ะค่ะ มัทต้องรีบไปแล้ว เย็นๆ จะกลับมารายงานผลนะคะ”
“โชคดีนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ บ๊าย บายค่ะ”
มัทนารีบเดินออกไป เชนมองยิ้มตาม
เวลาต่อมา มัทนาพยายามยื้อเอาหลังดันประตูรั้วไม่ให้รปภ.เปี๊ยกปิดประตู เปี๊ยกลำบากใจ พูดสำเนียงทองแดง
“กลับไปเถอะน้อง เค้าไม่รับแล้ว ถึงน้องสวย พี่ก็ไม่ใจอ่อนหรอก”
มัทนาพูดอ้อนวอน แถมเลียนเสียงทองแดง เอาใจสุดฤทธิ์
“ให้ฉันเข้าไปก่อนเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว เราคนบ้านเดียวกันนิ”
เอกชัยยังคงใส่เสื้อผ้าสีดสดตามสไตล์เดินออกมาดู
“อะไรกัน อ้าว เธอน่ะเอง”
มัทนาดันเปี๊ยกเข้ามาจนได้ เธอยกมือไหว้เอกชัย
“รับหนูไว้พิจารณาอีกซักคนเถอะนะคะคุณ หนูจน หนูน่าสงสาร หนูอยากได้งานทำค่ะ เห็นแก่ลูกนกลูกกาตาดำๆเถอะนะคะ”
รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดพร้อมบีบแตร รปภ.เปี๊ยกรีบเปิดประตูรั้ว รถของเขตต์ตวันขับมามาจอดข้างเอกชัยและมัทนา เขากดกระจกหน้าต่างลงมา มัทนารีบก้มหน้าหลบสายตาเล็กน้อย แต่ก็แอบๆ เหลือบตามอง
เข้าไป เห็นเขตต์ตวันนั่งนิ่งอยู่อีกฝั่ง สวมแว่นดำ
ลลิสานั่งริมหน้าต่างยื่นหน้ามาพูดกับเอกชัย
“มีเรื่องอะไรกันคะคุณเอก”
“เด็กนี่จะมาสมัครทำงานบ้านเราน่ะลิซ่า”
มัทนายกมือไหว้ลลิสา
“ให้โอกาสหนูอีกคนเถอะนะคะ หนูอยากได้งานจริงๆ ที่บ้านหนูลำบากกันมากนะคะ”
ลลิสาพูดตัดความรำคาญ
“รับไว้พิจารณาอีกคนแล้วกันคุณเอก เกะกะหน้าบ้าน”
มัทนายกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ”
มัทนาแอบมองเลยไปที่เขตต์ตวัน ลลิสากดกระจกหน้าต่างปิดพร้อมรถที่แล่นเข้าไป ภายในรถ ลลิสาพูดซบไหล่เขตต์ตวัน
“หน้าตาสะสวยยังงั้น อย่าหวังจะรับเลย ลิซ่าหวงเจ้าของบ้าน”
เขตต์ตวันยิ้ม พลางส่ายหน้า
ภายในห้องทำงาน เอกชัยและชลบุษย์ช่วยกันเช็กเอกสารและอ่านประวัติคนที่มาสมัครทำงานบ้าน
ชลบุษย์แยกใบสมัครออกมาส่วนหนึ่ง
“พวกนี้ไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน ไม่เอานะคะ ไม่มีใครมาช่วยฝึกให้”
เอกชัยแยกในสมัครอีกกลุ่ม
“พวกนี้อายุมากเกินไปหน่อย” เอกชัยหยิบใบสมัครมาวางอีกปึก
“เหลือคุณสมบัติผ่านประมาณ 10 กว่าคน มาช่วยกันเลือกอีกที”
เอกชัยและชลบุษย์ช่วยกันคัดเลือกคนอีกรอบ
เสียงเคาะประตูดังนำมาก่อนที่เยาะ สาวใช้วัยสาว ที่มีบุคลิกคิดว่าตัวสวย เย่อหยิ่ง ปากร้ายแต่มีน้ำใจ เปิดประตูให้ลลิสาที่เดินหน้าเชิดเข้ามาในห้องทำงาน
“นี่ตกลงได้เด็กรับใช้รึยัง งานโหลดขนาดนี้เดี๋ยวเด็กที่เหลือก็พากันออกหมดหรอก”
ชลบุษย์แขวะลอยๆขึ้นมา
“ที่เด็กมันทยอยกันลาออกคงเพราะทนบางคนไม่ไหวมากกว่างานหนัก”
ลลิสาเหล่ๆ มองชลบุษย์ที่มีท่าทางเขม่นๆ
เยาะพูดสำเนียงใต้บอก
“ไอ้พวกที่เหลือก็บ่นเหนื่อยแรง อยากจะออกไปทำงานโรงงานกันหมดแล้วล่ะค่ะ ป้าหน่อยก็แก่ ถึงเยาะยังสาวยังสวยหนัดเหนียน แต่คนเดียวก็ไม่ไหวหรอกนะคะคุณเอก”
เยาะมีสีหน้าอ้อนขอความเห็นใจ เอกชัยรีบตัดบท
“กองนี้โอเคหมดทุกคนนะลิซ่า จะเอาใครก็โทรตามได้เลย”
เยาะยิ้มแย้มดีใจ
“ฉันเลือกเอง”
ลลิสาเข้ามาดูใบสมัครที่คัดไว้แล้ว เยาะไปประจบช่วยเลือก ลลิสาหยิบใบสมัครแผ่นหนึ่งให้เอกชัย
“ฉันเลือกคนนี้ ทั้งอ้วนทั้งดำ”
เยาะเสริมเจ้านาย สำเนียงใต้ สีหน้าดูถูกและรังเกียจ
“ใช่ค่ะขี้เหล้งขี้เท่ง หาความสวยไม่เจอเลยค่ะ”
ลลิสาดูรูปอีกครั้งแล้วยิ้มพอใจ ลลิสาเหล่มองชลบุษย์
“ฉันไม่อยากให้ใครมาแข่งสวย เพราะบ้านนี้ ฉันควรสวยที่สุดในบ้าน สมกับเป็นคนรักของคุณปอน”
ลลิสายิ้มเย้ยชลบุษย์ก่อนจะเดินกรีดกรายออกไป เยาะยิ้มปลาบปลื้มเจ้านายแล้วเดินกรีดกรายตามลลิสาออกไป ชลบุษย์เหยียดปากหมั่นไส้ ลุกเดินออกไปอีกคน เอกชัยถอนใจส่ายหน้า
บริเวณหน้าบ้านเขตต์ตวัน มัทนานั่งคุยกับรปภ.เปี๊ยกทำประจ๋อประแจ๋แต่แอบสืบความลับ เปี๊ยกก็ชอบสาวสวยอยู่แล้วจึงเล่าให้ฟัง
“พี่เปี๊ยกทำงานที่นี่นานแล้วเหรอคะ”
เปี๊ยกพูดสำเนียงทองแดง
“ตั้งแต่บ้านสร้างเสร็จแหละจ้ะ”
“คุณตวันใจดีมั้ยจ๊ะ”
“ตวันไหน”
“ก็เจ้าของบ้านพี่ที่เคยเป็นดาราไง”
“อ๋อ คุณปอนน่ะเหรอะ เจ้านายแกเงียบๆ ไม่ค่อยพูด นายเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบรับแขก”
“ผู้หญิงสวยๆ ที่นั่งรถมาด้วยเมื่อกี้ เมียนายพี่เหรอ”
เปี๊ยกกำลังจะอ้าปากตอบ แม่บ้านหน่อยเดินออกมาตาม ขัดจังหวะพอดี
“เธอ เธอ”
มัทนาลุกขึ้นยืน
“เรียกหนูเหรอคะป้า”
“เธอชื่อ จุติมา รึเปล่า”
“ค่ะ”
“คุณเอกชัยรับเธอเข้าทำงานแล้ว รีบตามฉันมาเร็วๆ เลย”
“ค่ะป้า”
มัทนายิ้มแย้มดีใจมาก รีบตามป้าแม่บ้านเข้าไปทันที
ภายในห้องทำงาน เอกชัยดูรูปในกระดาษซีร็อกบัตรประชาชน สาวอ้วนหน้ากลม ชื่อ นางสาว จุติมา แจ่มแก้ว แล้วเงยหน้ามองมัทนาที่ยืนยิ้มอยู่หน้าโต๊ะทำงานแล้วก้มลงมองรูปจากซีร็อกอีกครั้ง
“ไหนขอดูบัตรตัวจริงซิ”
“ได้ค่ะ”
มัทนาหยิบบัตรประชาชนยื่นให้ เอกชัยดูบัตรตัวจริงก็ยังเป็นสาวอ้วนหน้ากลม ชื่อ จุติมา
“เธอไม่เหมือนกับในรูปเลยนะ”
“หนูผอมลงค่ะ มีแต่คนหาว่าหนูไปศัลยกรรมมา แต่อย่างหนูจะเอาเงินจากที่ไหนคะ กินครบมื้อแต่ละวันยังยากเลย”
เอกชัยพิจารณาไปมาแล้วส่งบัตรคืนให้ มัทนามีสีหน้าลุ้นๆ
“อย่าปล่อยตัวให้อ้วนอีกแล้วกัน”
มัทนาดีใจ
“ตกลงรับหนูเข้าทำงานแล้วใช่มั้ยคะ”
เอกชัยพยักหน้ารับ เธอยกมือไหว้แล้วรีบเก็บบัตร
“ขอบคุณมากค่ะ”
เอกชัยยิ้มๆ แอบสะใจ
“ไปขอบคุณคุณลิซ่าดีกว่า เค้าเห็นรูปบัตรเธอปุ๊บ สั่งให้รับเธอเลย ... ช่วยไม่ได้”
มัทนางงๆ เล็กน้อยกับคำพูดและท่าทางของเขาที่มีอาการขำๆ
ผ่านเวลามาอีกเล็กน้อย... เอกชัยพามัทนาเดินชมบ้านและมอบหมายงานพร้อมคุยไป
“เรียกหนูว่ามัทก็ได้ค่ะคุณเอกชัย”
“เธอเรียกฉันว่าคุณเอกเหมือนคนอื่นก็ได้นะ ฉันทำงานที่นี่เป็นผู้ช่วยคุณปอน ดูแลแทนทุกๆเรื่อง”
“เลขาส่วนตัวเหรอคะ”
“ไม่ใช่ นั่นเป็นหน้าที่ของชลบุษย์เค้า เดี๋ยวเธอก็ได้เจอ”
เอกชัยเปิดประตูเข้ามาในห้องหนังสือ...ประมาณห้องสมุดขนาดย่อม มีหนังสือเต็มตู้และเชลฟ์ต่างๆ
มัทนาเดินตามเข้ามา
“บ้านนี้มีห้องสมุดด้วยเหรอคะ”
“นี่แหละหน้าที่ประจำของเธอ คุณปอนจะใช้เวลาในห้องหนังสือช่วงหลังเที่ยงของทุกวัน เพราะฉะนั้นช่วงเช้าเธอต้องเข้ามาทำความสะอาดให้เรียบร้อย เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
เอกชัยเดินนำออกไป มัทนาเดินตามไปจนถึงทางขึ้นชั้นบน เอกชัยหยุดแล้วหันมากำชับ
“คุณปอนรักความเป็นส่วนตัว เธอห้ามขึ้นไปข้างบนเด็ดขาดโดยเฉพาะห้องทำงานชั้นบน ถือเป็นเขตหวงห้าม”
“ตอนนี้คุณปอนทำงานอยู่ข้างบนเหรอคะ”
“ใช่”
“แล้วยังงี้ใครจะทำความสะอาดชั้นบนล่ะคะ”
“ป้าหน่อย คนเก่าคนแก่ของบ้านนี้ คนที่ออกไปตามเธอนั่นแหละ....ตามฉันมานี่”
มัทนาหน้ามองขึ้นไปชั้นบนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะหันมองตามเขาไป เอกชัยเดินพูดคนเดียวไปเรื่อยเพราะคิดว่ามัทนาตามมา
“ถ้าคุณปอนทิ้งหนังสืออะไรไว้บนโต๊ะเธอไม่ต้องเก็บ กางไว้เหมือนเดิม เศษกระดาษอะไรตกพื้น อย่าทิ้ง เอาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ คุณปอนจะเป็นคนทิ้งเอง”
มัทนามองตามเอกชัยที่พูดไม่หยุด พึมพำ
“นกแก้วเจ้าระเบียบเอ๊ย”
เอกชัยหยุดเดินหันมามอง มัทนารีบยิ้มแหย วิ่งตามไป
“มาแล้วค่ะ”
“ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”
“ได้ยินค่ะ ต่อเลยค่ะ”
“งั้นฉันจะย้ำอีกรอบแล้วกัน”
มัทนาแอบกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ เล็กน้อย
เอกชัยเปิดประตูห้องพักเด็กรับใช้เข้าไปให้มัทนาดู
“นี่ห้องพักของเธอ”
มัทนาเดินเข้าไปดูแล้วยิ้มพอใจ
“บ้านนี้จะมีเรือนลูกจ้างแยกออกมาตะหาก ถ้าบ้านใหญ่ไม่เรียกใช้ ห้ามเข้าไปในบ้านเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“ค่ะคุณเอก”
เอกชัยเดินเข้าไปชี้ให้ดู อินเตอร์คอม
“แต่ละห้องจะมีอินเตอร์คอมที่บ้านใหญ่จะเรียกใช้เธอผ่านเครื่องนี้ เธอก็แค่กดรับปุ่มนี้ แล้วตอบกลับไป”
เอกชัยเดินนำออกไปอีก มัทนาเดินตามออกไปติดๆ
“ห้องแรกที่ใหญ่สุดเป็นห้องของป้าหน่อย มีปัญหาขาดเหลือ ขับข้องใจอะไรก็บอกป้าเค้า...เธอตามฉันไปที่สนาม มีงานความรับผิดชอบของ เธออีกอย่าง”
มัทนาบ่นพึมพำ
“จะมีความลับอะไรนักหนา”
เสียงเอกชัยร้องเรียก
“มัท ตามมาเร็วๆ”
“มาแล้วค่ะ” มัทนารีบวิ่งตามออกไปติดๆ
มัทนาเดินตามออกมาที่สนาม เห็นเอกชัยกำลังเล่นกับเจ้าด่างกับเจ้าจุดอยู่ มัทนายิ้มแหยๆ หยุดดูอยู่ห่างๆ
“เข้ามาสิ”
“ดุมั้ยคะ”
“ใหญ่แต่ตัวเท่านั้นล่ะ”
มัทนาเดินเข้ามาหาด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ
“ตัวนี้ชื่อเจ้าด่าง ตัวนี้ชื่อเจ้าจุด ลูบหัวมันสิ”
มัทนายิ้มใจดีสู้เสือเข้าไปเล่นกับเจ้าด่างและเจ้าจุด
“เธอมีหน้าที่พาเจ้าสองตัวนี่ออกไปเดินเล่นชายหาดตอนเช้ากับตอนเย็น ดูแลให้น้ำให้อาหาร อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็แปรงขนเช้าเย็น ง่ายๆ แค่นี้ทำได้มั้ย”
มัทนาเล่นกับหมาสองตัวอย่างเข้ากันได้ดี
“สบายมากค่ะ”
เอกชัยดูนาฬิกาข้อมือแล้วบอก
“คุณปอนกำลังจะออกไปข้างนอก ฉันจะพาเธอไปรายงานตัว”
มัทนาชะงักไปเล็กน้อย
“จำเอาไว้อย่างนึงนะมัท ถ้าอยากจะอยู่ทำงานที่บ้านหลังนี้นานๆ อย่าเป็นคนสอดรู้สอดเห็น อย่าช่างซักช่างถาม อย่าขี้สงสัย เห็นอะไรก็ปล่อยผ่านไปซะ ทำงานไปตามหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ คุณปอนไม่ชอบคนจุ้นจ้าน”
“ค่ะ”
“ตามมา”
เอกชัยเดินนำไปทางหน้าบ้าน มัทนาลูบหัวเจ้าด่างเจ้าจุด
“เดี๋ยวค่อยเล่นกันใหม่นะ ขอไปรายงานตัวก่อน”
มัทนาสูดหายใจลึกอย่างเตรียมตัวเตรียมใจแล้วเดินตามเอกชัยไปหน้าบ้าน
เขตต์ตวันแต่งตัวหล่อเหลาเดินนำออกมาจากโถงบ้าน เขาเดินมาที่หน้าระเบียง กวาดตามองดูสนามอย่างพักสายตา เอกชัยเดินยิ้มแย้มมาทางสนามมาหาเขตต์ตวัน
“จะไปแล้วเหรอะ”
“เอ้อ เอก เรื่องงาน...”
เขตต์ตวันชะงักหยุดพูดไปเมื่อเห็นมัทนาเดินตามหลังเอกชัยมา
“ใครน่ะ”
“เด็กรับใช้คนใหม่ ไหว้คุณปอนซะสิ”
มัทนายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
เขตต์ตวันรับไหว้ตามมารยาท
“น้องเค้าชื่อมัทจะมาทำงานแทนหมุย ดูแลห้องหนังสือกับเจ้าด่างเจ้าจุด”
เขตต์ตวันพยักหน้ารับทราบ
“เจอเจ้าสองตัวนั่นรึยังล่ะ”
“เจอแล้วค่ะ ตัวใหญ่แต่ใจดี”
มัทนายิ้มแย้ม ลลิสาเดินปรี่ออกมาโวยวาย เยาะช่วยถือตระกร้าใส่ขนมผลไม้ทานเล่นตามติดออกมา
“ใครรับแม่คนนี้เข้าทำงาน” ลลิสาถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ทุกคนหันไปมอง...
“ฉันสั่งให้รับยัยอ้วนๆ ดำๆ ชื่อจุติมาอะไรซักอย่างไม่ใช่เหรอะคุณเอก”
“ผมก็ทำตามที่คุณสั่งทุกอย่าง เด็กคนนี้ล่ะครับคือคนที่คุณเลือก”
“ไม่ใช่”
เยาะรีบเสริม สีหน้าชิงชัง สำเนียงใต้
“ไม่ใช่หน้ายังงี้แน่นอนค่ะคุณเอก แม่คนนี้ว่าไม่สวยแล้ว ยัยจุติมายิ่งขี้เหล้งขี้เท่งก
ว่านี้อีกค่ะ”
มัทนาเถียงหน้าตาย
“ใช่ค่ะ หนูชื่อจุติมา แจ่มแก้ว เมื่อก่อนหนูอ้วนค่ะ แต่หนูลดน้ำหนักมาได้สองปีแล้วค่ะ”
ลลิสาจ้องหน้ามัทนาอย่างไม่ชอบเด็กสวยๆ
“ฉันไม่ชอบเด็กคนนี้ รับคนใหม่เถอะค่ะคุณเอก”
“อะไรกันคะ ก็คุณเอกรับหนูเข้าทำงานแล้วนี่คะ” มัทนาบอก
“รับได้ก็ไล่ออกได้ย่ะ การเลือกเด็กรับใช้ในบ้าน ไม่ใช่แค่ทำงานเก่งอย่างเดียว มันต้องอยู่ที่รู้สึกถูกชะตาด้วย เพราะเราต้องเจอหน้ากัน ทุกวัน เช้ายันเย็น ถ้าลองฉันไม่ชอบขี้หน้าเธอก็อยู่ด้วยกันไม่ยืดหรอก”
เยาะทำสีหน้ารังเกียจ เหยียดใส่ตามเจ้านาย มัทนาหันมองหน้าเอกชัยด้วยสีหน้าขอร้อง เอกชัยสงสาร ได้แต่ถอนใจ หันถามเขตต์ตวัน
“แกว่ายังไงปอน”
มัทนามองหน้าเขตต์ตวันด้วยสีหน้าอ้อนวอนขอความเห็นใจ
เขตต์ตวันสีหน้านิ่ง
“ให้เงินปลอบขวัญเค้าไป แล้วหาคนใหม่”
ลลิสายิ้มหยันๆ แล้วควงแขนเขตต์ตวันไปที่รถ เยาะยิ้มสะใจ ยกตระกร้าของว่างตามไปส่งลลิสาที่รถ
เอกชัยรู้สึกเห็นใจ พูดพอได้ยินกันสองคน
“ขอโทษทีนะหนู ความสวยบางทีมันก็ไม่ใช่ใบเบิกทางเสมอไปหรอก อ้ะ ค่าทำขวัญ” เอกชัยพูดพลางถอนใจและหยิบเงิน 2 พันส่งให้
มัทนาไม่รับเงิน วิ่งตามไปอ้อนวอนเขตต์ตวันต่อ เอกชัยตกใจ
“เฮ้ย จะทำอะไร”
มัทนาวิ่งไปขวางหน้าเขตต์ตวันและลลิสาก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นรถ คนขับรถและแม่บ้านช่วยกันยกกล่องพลาสติกออกมาจากโถงบ้าน มัทนายกมือไหว้บอก
“ให้งานหนูทำเถอะนะคะ บ้านหนูเดือดร้อน หนูอยากได้งานจริงๆค่ะ”
เขตต์ตวันมองมัทนาสีหน้านิ่งๆ ลึกๆ แล้วก็สงสาร เพราะเป็นคนใจดีมีเมตตาอยู่แล้ว ลลิสาตวาดเสียงดัง
“ฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง บอกว่าไม่รับ ไม่รับ ไปให้พ้น”
ลลิสาผลักมัทนาออกไปให้พ้นทางอย่างแรง จนเสียหลักหงายไปกระแทกกับลังที่แม่บ้านและคนขับรถช่วยกันขนลงมาพอดี ลังหลุดมือตกมาตามบันไดระเบียงหน้าบ้าน ฝาเปิด เสื้อผ้าผู้หญิงดีไซน์สวยงามที่เก็บใส่ในถุงพลาสติกใส หลุดออกมากองที่พื้นหลายชุด...หนึ่งในนั้นมีเสื้อผ้าชุดฟินาเล่ที่ลลิสาใส่คืนเดินแบบ
มัทนาจับตามองเสื้อชุดนั้นอย่างจำได้ สีหน้าติดใจสงสัยขึ้นมา
เขตต์ตวันด่าเสียงดุ
“ซุ่มซ่ามจริงๆ”
แม่บ้านรีบไปช่วยเก็บ มัทนาหน้าจ๋อยไป
“ถ้าเกิดเสื้อผ้าเสียหายขึ้นมา น้ำหน้าอย่างแกจะมีปัญญาชดใช้มั้ย”
ลลิสาตะโกนเรียก
“เปี๊ยกมาลากมันออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
“เยาะเองค่ะ”
เยาะวางตระกร้าของว่างตั้งท่าจะเข้าไปจับตัวมัทนา
เอกชัยรีบเรียก ช่วย
“หนู มานี่”
มัทนารีบลุกไปหาเอกชัย เยาะมองตามมัทนาด้วยความหมั่นไส้ปนเจ็บใจ ลลิสารีบไปประจบเอาใจ
“เสื้อเปื้อนมั้ยคะคุณปอน”
“ไม่หรอก”
“สังหรณ์ลิซ่าผิดมั้ยล่ะคะ บอกแล้วว่าไม่ถูกชะตา”
“รีบไปกันเถอะ”
เขตต์ตวันหยิบแว่นดำที่เหน็บอกเสื้อขึ้นสวมแล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นรถ ไม่ได้สนใจอะไร มัทนาถูกเอกชัยจูงมือลากเดินไปทางหน้าบ้าน มัทนาหันกลับมามองทางเขตต์ตวันตลอดเวลา
มัทนามีสีหน้าเจ็บใจเสียดายโอกาสมากๆ
ติดตาม "มายาตวัน" ตอนที่ 2