xs
xsm
sm
md
lg

อาญารัก ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อาญารัก ตอนที่ 2

ขณะที่เนียนกำลังนั่งรำพึงคิดถึงพ่อกับแดงน้อยอยู่ตรงท่าน้ำ

“พ่อจ๋า แดงน้อยลูกแม่ อีกไม่กี่วัน แม่จะได้พบหน้าลูก”
ช้อยเดินมาตะโกนข้างหูเนียนดังๆ
“กระตู้วู้”
เนียนสะดุ้งตกใจ
“ช้อย ตกใจหมด”
“ตกใจเพราะกลัวใครเขาจะจับได้ว่ามานั่งตาลอยใจลอยคิดถึงผัวที่บ้านรึ” ช้อยอำ
เนียนเสียววูบ “ช้อยพูดอะไรน่าเกลียด”
“พูดน่ารักก็ได้ ถามจริงโดนจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาหรือเปล่า”
เนียนยิ่งตกใจ เอกเดินเข้ามาพอดี
“เนียน คุณนายเรียมมาบอกให้ชั้นพาเนียนไปเยี่ยมพ่อที่บ้านแพน”
“แต่คุณสนต้องการให้เนียนไปซักรีดเสื้อผ้าให้คุณสน” ช้อยขัดขึ้น
“นี่เป็นคำสั่งของคุณนายเรียม ใครกล้าขัด” เอกขึ้นเสียง
“อยู่บ้านเดียวกัน ไม่คิดจะปรองดองกันหรือยังไง” ช้อยไม่ยอม
“พี่เอกจ๊ะ วันนี้ให้เนียนไปซักผ้าให้คุณสนก่อนเถิดจ้ะ” เนียนไม่อยากมีปัญหา
เอกเซ็ง ช้อยยิ้มสะใจ

ฟากสนนั่งกระดิกเท้าทำไขว่ห้าง มีช้อยกำลังขัดเท้าให้ ชี้ชวนให้ชม
“เอ็งเก่งมากช้อย ดูสิว่านางน้องสาวคนสวยของคุณนายเรียมมันจะซักผ้าของข้าให้สะอาดได้ไหม”
“ได้เจ้าค่ะ ถ้ามันซักไปสักอาทิตย์หนึ่ง”
สองคนหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ชี้ชวนกันให้ดูเนียน

ตรงบริเวณลานที่เนียนมานั่งซักผ้าของสนริมคลอง เนียนนั่งเอามือขยี้ผ้าแต่ไม่สะอาด เนียนเปลี่ยน เอาผ้าวางบนไม้ใช้แปรงไถไปมา
เวลาผ่านไป จากสายเป็นเที่ยงแดดเปรี้ยง เนียนยังซักผ้าไม่เสร็จ เหงื่อโทรมกายไปหมด เอกเดินมาหาเนียน
“ไฮ้..เนียน ทำไมคุณสนใช้ให้เนียนซักผ้ามากมายเยอะแยะขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เอก”
“นี่มันมากยังกับผ้าของคนทั้งบ้านมารวมกัน แกล้งกันชัดๆ” เอกบ่น
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่เอก เนียน ทำได้”
เอกลงนั่งข้างๆ
“พี่ช่วยเอง”
“ไม่ต้อง พี่เอกอย่าทำจ้ะ คือว่ามัน มัน มี...”
เนียนพูดไม่ทันจบ เอกควานลงไปหยิบเอากางเกงในขึ้นมา
“ไฮ้ กางเกงในก็เอามาให้ซักด้วยรึนั่น”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“มัวแต่ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวก็เป็นลมหรอกนะจ๊ะ”
“ตากแดดไถนาเป็นวัน มันยังหนักกว่านี้”
เอกพึมพำอย่างรู้ทันสน “คุณสนเริ่มก่อสงครามสวาทกับเนียนแล้ว เฮ้อ...”
เนียนทำเป็นไม่ได้ยิน ก้มหน้าก้มตาซักผ้าที่ริมคลองต่อไป
ไม่นานต่อมา เนียนกำลังตากผ้าใกล้เสร็จ ผ้าของสนสะอาดสะอ้าน พาดเต็มราว

สนกับช้อยแอบมองจากบนหน้าต่างหลังบ้าน
“ไม่น่าเชื่อ มันซักจนเสร็จ แถมสะอาดด้วยช้อย”
“ก็มันพวกเดียวกับวัวควายไถนาทั้งวันมันก็ไหวไงเจ้าคะ”
“ก็ข้าอยากให้มันทำไม่ไหว ทำยังไงดีล่ะ”
“ทำอย่างนี้สิเจ้าคะ คุณสนเจ้าขา สะอาดได้ก็สกปรกได้อีกเจ้าค่ะ”
ช้อยยกน้ำอะไรสักอย่างที่ดูสกปรกเลอะเทอะ ง้างขึ้นแล้วสาดโครมลงไปที่ราวผ้า

ขณะที่เนียนตากผ้าเสร็จ ก้มลงหยิบตะกร้าผ้า จู่ๆ มีน้ำ สาดโครมลงมาเป็นน้ำสกปรกด้วย สาดมาใส่ทั้งเนียนและ
บนเสื้อผ้า เนียนเงยหน้าขึ้นไปมอง

สนกับช้อยยืนยิ้มไม่มีถังที่เทน้ำแล้ว และทำไม่รู้ไม่ชี้สีหน้าสะใจ
“อ้าว...เอ็งเอาผ้าข้ามาตากขวางทางน้ำทำไม” สนว่า
“ดูสิ เอ็งทำเสื้อผ้าคุณสนเปียกปอนเลอะเทอะหมดแล้ว”
“เอ็งต้องซักคืนให้ข้าให้สะอาดเหมือนเดิมรู้ไหม” สนบอก
“ทราบเจ้าค่ะ คุณสน แต่…”
“แต่อะไร” สนแว้ด
“วันนี้เย็นแล้ว เนียนต้องไปทำอาหารเจ้าค่ะ”
“เอ็งจะทำอาหารให้พี่ขุนใช่ไหม อย่ามาสะเออะ วันนี้พี่ขุนจะกินข้าวเย็นที่นี่ คนเรือนโน้นไม่เกี่ยว ฟังนะพรุ่งนี้ เอ็งมาซักผ้าข้าให้สะอาดแต่เช้า และจำไว้ว่าอย่าสะเออะไปใส่รองเท้าให้พี่ขุนอีก”
“แต่ พรุ่งนี้เนียนจะไปเยี่ยมพ่อ พ่อเนียนป่วยเจ้าค่ะ”
“ใครห้ามเอ็ง เอ็งซักผ้าเสร็จเอ็งก็ไปสิ” สนบอก
“ยังไม่รีบขอบพระคุณคุณสนที่เมตตาอีก” ช้อยวางอำนาจใส่
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ คุณสน”
เนียนหน้าหมองเศร้า

เรียมถามเนียนทันทีที่เจอหน้า
“พ่อเป็นยังไงบ้างเนียน”
“เอ้อ...” เนียนน้ำตาจะหยด “ยังไม่ได้ไปเจ้าค่ะ”
“อ้าว นี่ไอ้เอกมันเกเรไม่ยอมไปส่งเอ็งหรือ” ทองจันทร์ฉุน
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“อะไรอะไรก็เปล่า แล้วมันอะไรกันเล่า” เรียมซัก
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”
“อุบ๊ะ เนียน เอ็งเป็นอะไรของเอ็ง พูดจาวนเวียนสองสามประโยค”
พอดีขุนภักดีเดินเข้ามา ตามด้วยเอกหิ้วกระเป๋ายิ้มรื่นรมย์เข้ามาทั้งสองคน
“คุณแม่กับเรียมกำลังคุยอะไรกันครับ”
“ไม่ได้คุยกำลังสอบสวน เนียน คือแม่เรียมเขาอนุญาตให้มันไปเยี่ยมตาน้อมพ่อมัน แต่มันก็ไม่ยอมไป ถามอะไรก็ตอบว่าไม่มีอะไร”
“สรุปแล้วมีอะไรกันแน่” ขุนภักดีเป็นคนถาม
เอกมองหน้าเนียน ขยับปากจะพูด
เนียนรีบขัด “เอ้อ...”
“กระผมทราบขอรับ ว่ามีอะไร” เอกเอ่ยขึ้น
“มีอะไรไอ้เอก” สามคนถามพร้อมกัน
“เนียนไม่สบายพอดีเจ้าค่ะ” เนียนรีบชิงตอบ
เอกทำหน้าเซ็ง ทุกคนฟังเลยไม่ติดใจ ขุนภักดีเกิดอารมณ์ดีขึ้นมา
“เอกเอ็งไปหายามาให้เนียนกินสิ เอ้อคุณแม่ แม่เรียม วันนี้ผมอยากฟังดนตรีเพราะๆ ตอนมื้อเย็น เรียมจ๊ะ พี่อยากฟังเรียม เล่นจะเข้เพราะๆ”
“แม่สนจะรอแย่นะคะ” เรียมท้วง
“รอไปสิ พี่ไม่ไป พี่อยากฟังเรียมเล่นจะเข้ ไม่ได้ฟังมานานแล้ว”

ทุกคนจึงเงียบงันกันไป เพราะขุนภักดีพูดเสียงเข้ม

เย็นนั้นสองนายบ่าวตั้งสำรับรอที่ชานเรือน สนแต่งตัวสวยเต็มที่ รอแล้วรออีกก็ไม่เห็นแววขุนภักดี

“ทำไมคุณพี่ไม่มาสักที นี่พระอาทิตย์ตกดินแล้วนะ”
“เดี๋ยวก็มาเจ้าค่ะ ท่านขุนไม่ผิดข้อตกลงกับคุณสนหรอกเจ้าค่ะ”
“แล้วสามวันที่ผ่านมานั่นเล่า ใครผิดข้อตกลงกับข้า”
ระหว่างนั้น เสียงจะเข้ดังแว่วมาจากเรือนใหญ่ สองคนมองหน้ากัน
“ใครเล่นจะเข้”
นายแทนบ่าวอีกคนเดินผ่านมา
“ไอ้แทน มีแขกมาหรือ ถึงมีใครเล่นจะเข้ที่เรือนใหญ่”
“ไม่มีแขก มีแต่คุณนายเรียมท่านเล่นจะเข้ นัยว่า ท่านขุนท่านอยากฟัง เบิกบานกันใหญ่”
แทนพูดจบเดินไปอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าสนโกรธแน่ มีเสียงเพล้งไล่หลัง ตามด้วยเสียงสน
“นี่แน่ะเบิกบานกันใหญ่”
ช้อย มองจานชามแตกกระจาย อาหารหกเลอะเทอะเต็มพื้นเรือน สนวิ่งเข้าห้องไป ช้อยนั่งทำหน้ากลุ้มใจ

เรียมเล่นจะเข้ มีขุนภักดีนั่งฟัง แต่สายตามองไปที่เนียน ที่นั่งเยื้องไปทางด้านหลังของเรียมตลอด ทองจันทร์ฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม เรียมเล่นจบ ท่านขุนปรบมือแต่ตามองเนียนที่แต่งตัวสวยหน้าแฉล้ม
“พี่มีความสุขเหลือเกิน เรียม ผมมีความสุขจริงๆ ครับ คุณแม่”

ด้านสนร้องไห้น้ำตาโชกหมอน ช้อยได้แต่ปลอบ
“อย่าร้องไห้เจ้าค่ะ คุณสนเจ้าขา ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นต่อไปเจ้าค่ะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ ก็เพราะพยายามไงเจ้าคะ คุณสนของช้อยถึงมีวันนี้”
“เอ็งไม่รู้หรอกว่า ข้าขมขื่นแค่ไหน”
“รู้สิเจ้าคะ ความรู้สึกของคุณสนมันคือความรู้สึกเดียวกับที่คุณนายเรียม เคยรู้สึกมาก่อน คุณนายเรียมหวานอมขมกลืนแค่ไหนตอนที่ ท่านขุนไม่กลับไปเรือนใหญ่เลย กงกรรมกงเกวียน มันเวียนกลับเจ้าค่ะ” ช้อยเปรียบเปรย
“นี่เอ็งกำลังตำหนิว่าข้าทำบาปกับคุณนายเรียม เลยเจอกรรมสนอง”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ช้อยเปรียบเปรยเจ้า ให้เห็นสัจธรรมเจ้าค่ะ เลิกร้องไห้มาช่วยกันคิดกำจัดนางมารหัวใจของคุณสนต่อนะเจ้าคะ ขืนนานไปคุณสนของช้อยจะโดนทิ้งให้แห้งเหี่ยวหัวโตเป็นแตงเถาตายคาเรือนเล็กนี่นะเจ้าคะ”
“โอ๊ย...เอ็งอย่ามาขู่ ข้าทนไม่ได้แล้ว เอ็งรีบไปตามไอ้เหิมมา”
“มาทำไมเจ้าคะ”
“มาฉุดนางเนียน”
ช้อยแทนที่จะตกใจ กลับดีใจผวากอดสน
“ไชโย คุณสนกลับมาฉลาดปราดเปรื่องเหมือนเดิมแล้วเจ้าค่ะ เอ...แต่ว่า จะดีหรือเจ้าคะ ก้อไอ้เหิมมั่นเป็นตัวกากีของคุณสน”
“แล้วเอ็งคิดว่าใครดี”
“ช้อยแค่กลัวมันเปิดโปง เรื่องของคุณสนกับตัวมัน”
“มันสาบานกับพ่อกำนันแล้ว ถ้ามันผิดคำสาบาน มันตายหยั่งเขียด”
ช้อยพยักหน้ารับหงึกๆ เห็นชั่วตามกัน

คืนนั้นเนียนนั่งพนมมือสวดมนต์เสร็จก้มลงกราบพระ เนียนใจคอไม่ดี
“พ่อจ๋า พ่ออย่าเป็นอะไรนะจ้ะ แดงน้อยของแม่ อย่าป่วยบ่อยนะลูก”
เนียนกราบพระจบ ลุกไปยืนที่หน้าต่าง นึกถึงภาพสายตาขุนภักดีที่มองข้ามหลังคุณนายเรียมมาที่ตนตลอดเวลา
ยิ่งคิดเนียนรู้สึกใจคอไม่ดี มองไปนอกห้องแต่เนียนต้องสะดุ้ง รีบหลบแอบทันที

ที่แท้ขุนภักดีนั่นเองที่เดินวนเวียนไปมารอบต้นไม้ ตาก็เหลือบไปที่หน้าต่างห้องเนียน เดินวนไปเจอเอากับเอกที่วนมาปะเอาหน้าท่านขุนเช่นกัน
“ไอ้เอก มาลอบดูข้ารึ”
“เปล่าขอรับ คือกระผมจะเดินกลับห้องเห็นอะไรไหวๆ วนเวียนรอบต้นมะขาม นึกว่าไอ้เสือหนักมาบุกบ้านท่านขุน”
“ไอ้ขี้โม้ ขี้ปด”
“ถ้าอย่างนั้นกระผมขอถามคุณเทพตรงๆ ก็ได้ ว่ามาหัดเดินจงกรม หรือคิดปริศนาโลกีย์ขอรับ”
“ไอ้มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก”
“กระผมไม่รบกวนคุณเทพแล้วขอรับ”
เอกแกล้งเดินหนีไป ท่านขุนมากระชากบ่ามา
“แต่ข้าต้องการรบกวน เอ็ง”
“ขอรางวัลค่ารบกวนเป็นกางเกงแพรเสื้อกุยเฮงผ้าขาวม้าไหมอย่างดีก็พอขอรับ” เอกรู้ทัน
“หนอยแน่ะเดี๋ยวเตะก้านคอหัก”
“ขืนเตะ เถ้าแก่สื่อสวาทก้านคอหักตาย คุณเทพก็สิ้นสวาทที่มาดหมายสิขอรับ”
“แหม เอ็งนี่มันวอน อย่าเดาสุ่มนะ”
“กระผมเดาผิดหรือขอรับ” เอกย้อนขำๆ
“เปล่า เอ็งเดาถูก”
“กระผมเดาต่อนะขอรับ ถ้าท่านขุนรักเธอจริงกระผมก็ยินดีเป็นพ่อสื่อ”
“เอ็งจะสื่อยังไง”
“ปากสิขอรับ กระผมน่ะปากเป็นเอก เรื่องสื่อรัก กระผมกล่อมได้เสมอ” เอกคุยโว
“แต่ ข้าไม่ต้องการให้เขาพอใจข้าเพราะการกล่อม ข้าต้องการให้เขาเต็มใจรักตอบข้า”
“ดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยวขอรับ รับรองว่าเขายอมแน่” เอกสอนท่านขุน
“ถ้าเขายอม แต่แม่เรียมไม่ยอม” ขุนภักดีกังวล
“คุณนายเรียมเธอเคยไม่ยอมคุณเทพเรื่องนี้หรือขอรับ คำน้อยไม่เคยปริปากว่า ปากของท่านมีไว้สวดมนต์เท่านั้นแหละขอรับ ท่านสุดประเสริฐ”
“ก็เพราะเขาสุดประเสริฐอย่างนั้น ข้าถึงไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา คราวแม่สน ข้าก็ต้องไปขออภัยเขา คราวนี้ถ้าข้ายังซ้ำรอยอีกทั้งที่บอกว่าสุดท้ายแล้ว ข้าจะมองหน้าเขาได้ยังไง”
ขุนภักดีหน้าหมอง เอกหัวร่องอหายขำเอามากๆ
“โบราณว่าเมียสองต้องห้าม เมียสามตามตำรา ริอ่านจะมีเมียมากอย่าออกปากสัญญากับเมีย ท่านต้องหัดพูดให้มันเลี่ยงๆ สิขอรับ”
“นี่เอ็งสอนให้ข้าโกหกเมีย บาปกรรม”
“โกหกพระบาปกรรม แต่โกหกเมียไม่บาปดอกขอรับ คุณนายเรียมท่านไม่ว่าแต่คนที่จะว่า น่ะคุณสนขอรับ” บ่าวจอมกะล่อนบอกอย่างรู้จริง
ขุนภักดีอึ้งไป
“ขอประทานโทษ คุณเทพยังไม่ได้เอ่ยชื่อเธอคนนั้นให้พ่อสื่อทราบนะขอรับ” เอกยิงมุก ทำเป็นไก๋ไม่รู้เรื่อง
“อย่ามาแกล้งถาม เอ็งรู้แล้วว่าหมายถึงใคร”
“แม่ช้อย”

เอกแกล้งยั่ว เลยโดนขุนภักดีเตะโครมจริงๆ

เช้าวันต่อมา ขณะที่เนียนนั่งซักผ้าของเก่าเมื่อวาน เอกเริ่มทำตัวเป็นพ่อสื่อสวาทตามที่รับปากขุนภักดีเมื่อคืน ปราดมานั่งช่วยซัก หยิบกางเกงในขึ้นมาทำหน้าเบ้

“นี่มันเหมือนกางเกงในเมื่อวานกับผ้าเมื่อวาน เอามาซักอีกทำไม”
“มันเลอะอีกนี่จ้ะพี่เอก”
“นี่กลั่นแกล้งกันขนาดนี้เลยหรือ แล้วยอมทำไม”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“เนียนนี่สมกับที่คุณนายเรียมท่านรับเป็นน้องสาวจริงๆนะ ไม่เคยปริปากว่าใครสักที เอ้อ เนียนจ๊ะ” เอกมองซ้ายขวาก่อนจะกระซิบ “พี่มีอะไรจะบอก”
“บอกมาสิจ๊ะ”
“ท่านขุนท่านรักเนียน อยากจะยกย่องให้เป็นเมีย วาสนามาถึงแล้ว”
เนียนตะลึงอึ้งไป แล้วรีบส่ายหน้าร้องไห้ออกมา
“ชั้นรับวาสนานี้ไม่ได้ดอกจ้ะ พี่เอก”
“เอาละวา เจอคนใจกล้าผลักราชรถที่มาเกยเข้าให้แล้ว ทำไมเล่าเนียน”
“เนียนเป็นดอกหญ้าต่ำต้อยตามท้องนา ท่านขุนเปรียบเสมือนแจกันทองในคฤหาสน์ ต่างกันราวฟ้ากับดิน และพ่อก็บอกว่าสักวันจะมารับเนียนกลับบ้านจ้ะ”
“หมายความว่า เนียน ไม่ได้จะอยู่ที่นี่ตลอดไป”
“จ้ะ”
เนียนร้องไห้ไปซักผ้าไปอยู่อย่างนั้น

ฝ่ายขุนภักดีเดินวุ่นทั่วเรือน เจตนาหาเนียน แต่เจอเอากับเรียม ไม่กล้าถามตรง
“พี่เทพชะเง้อหาอะไรคะ”
“เปล่า เอ้อ เรียมอยู่คนเดียวหรือจ้ะ”
กบเสนอหน้า “กบอยู่ด้วยเจ้าค่ะ”
“อ้อ เอ้อ ไอ้เอกมันพาเนียนไปเยี่ยมพ่อที่บ้านแพนแล้วละสิ”
“ยังเจ้าค่ะ”
“ทำไมยังไม่รีบไป เห็นแอบร้องไห้ร้องห่ม มัวไปทำอะไรอยู่” เรียมแปลกใจ
“ซักผ้าเจ้าค่ะ” กบบอก
“ซักผ้า” สองคนงงอุทานพร้อมกัน
“ผ้าของใคร” ขุนภักดีสงสัย
“เอ้อ ของคุณสนเจ้าค่ะ”
เท่านั้นเอง ขุนภักดีก็หน้าตึงหัน พรวดลงเรือนไป กบทำท่าเสียวไส้ เรียมมองตามสงบนิ่ง

เนียนยกแขนป้ายน้ำตา เอกแปลกใจไม่หาย
“ทำไมเนียนถึงร้องไห้มากมายขนาดนี้ มีอะไรปิดบังพี่ไว้หรือ”
“ไม่มี อะไรจ้ะ”
ระหว่างนั้นสนเดินนำช้อยที่ หอบผ้าห่มผ้าปูที่นอนหมอน ปลอกหมอน ลากตามพื้นจนสกปรกมากเข้ามา
“โยนลงไปช้อย โยนลงไปให้เนียนมันซักให้หมดภายในวันนี้ห้ามไปไหนถ้าซักไม่หมด”
“เจ้าค่ะ” เนียนรับคำ
“คงไม่ได้แล้วขอรับ คุณสน วันนี้ยังไงซะ เนียนเขาก็ต้องไปเยี่ยมพ่อพ่อเขาป่วยหนัก” เอกเอ่ยขึ้น
“ก็พ่อมันใช่พ่อคุณสนซะเมื่อไหร่” ช้อยสาระแน
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่เอก” เนียนบอก
“เจ้าตัวมันยังไม่เป็นไร แล้วไอ้เอกจะมาทำตัวเป็นทนายหน้าหอ กางปีกปกป้องมันทำไม มีนอกมีใน มีสินบนอะไรกันหรือ” สนหันมาเอาเรื่องเอก
“ไม่มีดอกขอรับ คุณสน มีแต่ความจริงที่ว่า อีกไม่ช้า เนียนเขาอาจมีฐานะเสมอหรือเหนือกว่าคุณสน จะเป็นรองก็แต่คุณนายเรียม” เอกจงใจพูดใส่
“ไอ้เอก”
สนกรี๊ดใส่ ตกใจผสมด้วย
“ข้าจะไปฟ้องคุณแม่ทองจันทร์”
“ช้อยไปฟ้องด้วยเจ้าค่ะ”
สองนายบ่าววิ่งตะลุยออกมาเจอเอาขุนภักดียืนจังก้าขวางหน้าอยู่ สองคนชะงัก ท่านขุนมองมาตาเขียวปัดที่สน
“จะไปไหนแม่สน”
“จะไปเอ้อ...” สนอึกอัก
“ไปซื้อตะพาบน้ำมาทำแกงให้ท่านขุนรับประทานเจ้าค่ะ”
สองคนทำท่าจะชิ่งไป
“ไม่ต้องไปหยุดอยู่ตรงนั้น”
ขุนภักดีสั่งเสียงเข้ม มองไปที่เนียนกับผ้าล้นกะละมังแถมมีอีกหอบใหญ่โปะอยู่แทบจะท่วมหัวเนียน
“ไอ้เอก ข้าได้ยินแม่เรียมบอกว่าเอ็งจะพาเนียนไปเยี่ยมพ่อที่บ้านแพน แล้วมานั่งทำอะไรกันที่นี่”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” เนียนรีบบอกไม่อยากให้มีเรื่อง
“มีขอรับ เนียนมานั่งซักผ้า กระผมก็ช่วยเนียนซักผ้าขอรับ” เอกบอก
“ผ้าของ...ใคร...” ขุนภักดีเน้นคำ
“คุณสนขอรับ” เอกบอก
ขุนภักดีเหลียวมาจ้องสน ช้อยกระซิบ
“โทษมันเลยเจ้าค่ะ”
“สนสั่งให้ช้อยเอาไปให้พวกเรือนหลังบ้านซัก แต่เนียนอาสาซักให้เองนะคะ”
ขุนภักดีอารมณ์ขุ่น พูดอย่างไม่ไว้หน้า “แม่สนปดพี่ ทีหลังอย่าให้น้องสาวของแม่เรียมซักผ้า ใช้เขาทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น คนรับใช้มีเป็นโขยง ให้ใช้ ใช้ไปสิ”
“แต่เนียนเป็นคนทำเสื้อผ้าสนเลอะเทอะนะคะ”
“ให้มันเลอะเทอะต่อไป” ขุนภักดีเสียงดัง แล้วสั่งเอก “ไอ้เอก”
“ขอรับ”
“เอาเสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้งพวกนั้นโยนลงน้ำคลำ ตรงนั้น ให้หมด”
สนกับช้อยตะลึง เนียนตกใจ เอกยิ้มแฉ่งสะใจ
“พี่ขุน อย่านะคะ” สนร้องลั่น
“อย่าทำอย่างนี้กับเนียนอีก จำไว้ โยนลงไปไอ้เอก”
เอกจัดการโยนเสื้อผ้าลงไปด้วยความเต็มใจ ขุนภักดีมองเนียนอย่างสงสารยิ่งหลงยิ่งรักเต็มใจ
สนเสียใจร้องไห้วิ่งหนีไป ช้อยลนลานตามหลังติดๆ

ตอนสายวันเดียวกันนั้น โพล้งพายเรืออยู่กลางคลอง พาน้อมมาใกล้ถึงบ้านขุนภักดีภูบาลแล้ว
“ใกล้ถึงหรือยัง ไอ้โพล้ง”
“เกือบแล้ว ลุงน้อม ไหวไหมล่ะ”
“ต้องไหวสิวะ ยังไงก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนข้าตาย”

โพล้งจ้วงพายเรือต่อไป

ส่วนที่บนเรือนใหญ่ ทองจันทร์กำลังฟังสนฟ้องเรื่องเนียน สีหน้าพลอยหงุดหงิดไปด้วย แต่ไม่มากมายดังที่สนหวัง

“ฮ้า...อะไรมันจะหลงรักกันราดเร็วปานกามนิตหนุ่มถึงเพียงนี้”
“สนถึงว่าสิคะ คุณแม่ ยังไม่ทันข้ามเดือน พี่ขุนทั้งรักทั้งหลงเนียนหัวปักหัวปำเลยนะคะ เนียนมันยั่วพี่ขุน มันทำเสน่ห์เล่ห์กลสารพัดสารพัน”
“ชั้นเห็นมันออกจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว” ทองจันทร์ว่า
“แหม..มันเป็นพวกข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่งเหมือนผลมะเดื่อค่ะ”
“แต่ชั้นก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจริง
“จริงสิค่ะ คุณแม่ สนแว่วมาว่า พ่อมันเอาใส่ตะกร้าล้างน้ำมาตบตาคุณแม่ค่ะ มันกำลังจะหาทางลัดมาเป็นคุณนายที่นี่ค่ะ คุณแม่”
“อืม ถ้างั้นแม่สนไปเรียกเนียนมาให้แม่สอบถามสิ” ทองจันทร์บอก
สนหันกลับ เจอเรียมยืนทำหน้าสงบนิ่งอยู่
“คุณพี่ สนขอทางไปตามเนียนมาพบคุณแม่หน่อยค่ะ”
“เนียนเขาไปเยี่ยมพ่อ และอยากจะบอกว่า เนียนเขาไม่ได้จะอยู่ที่นี่ตลอดไปดอกนะ พ่อเขาฝากไว้เพราะไม่มีหลักประกันเงินกู้ แม่สนกลับเรือนเถิดนะจ๊ะ เห็นวิ่งไปวิ่งมา เดี๋ยวจะเป็นลมน่ะจ้ะ”
สนสะบัดหน้าเดินพรืดออกไป เรียมหันมาทางทองจันทร์
“แม่เรียม ที่แม่สนเขามาฟ้องว่าพ่อเทพจะเอาเนียนมาเป็นเมีย จริงรึ”
“เรียมว่าคุณแม่สอบถามจากพี่เทพเองดีกว่าค่ะ”
ทองจันทร์พยักหน้าเห็นด้วย

เนียนลงเรือเรียบร้อย เอกกำลังจะพายออกไป แต่แล้วเขม้นมองไปเบื้องหน้า
“กว่าจะไปได้ ไฮ้ นั่น เรือใครหว่า พายเข้ามาทางบ้านเรา”
เนียนชะเง้อมอง เห็นโพล้งเปิดผ้าขาวม้าที่โพกหัวออก
“พี่โพล้ง”
“เนียน ลุงน้อมแกมาเยี่ยม” โพล้งตะโกนบอก
“พ่อ”
เนียนดีใจน้ำตาไหลพราก

ทางด้านสนโกรธขึ้งจนพาลไปหมด
“คุณแม่ ไม่เห็นจะโกรธมันมากมายอย่างที่ข้าต้องการ”
“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อนเจ้าค่ะ ค่อยๆ ใส่ร้ายไปเรื่อยเดี๋ยวคุณท่านก็เกลียดมันสักวันเจ้าค่ะ”
“กว่าจะถึงวันนั้น ข้าโดนมันแย่งตำแหน่งแน่”
สนหงุดหงิด

ฝ่ายทองจันทร์กำลังต่อว่าขุนภักดี
“พ่อเทพ คิดจะมีเมียสามรึนี่ พ่อเทพเป็นสมภารกินไก่วัด มันจะโดนติฉินนินทานะอายไปทั่วเมืองสุพรรณนะพ่อเทพ”
“คุณแม่ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนครับ”
“แม่สนเขามาฟ้องฉอดๆ เป็นฉากๆ ว่าพ่อเทพทั้งรักทั้งหลงเนียนมันถึงขั้นไม่พอใจ สั่งให้เอาเสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้งของแม่สนไปขว้างลงน้ำครำ”
“คุณแม่ครับ ที่ผมทำอย่างนั้น เพราะผมต้องการสั่งสอนสน ที่ไปใช้เนียนเหมือนข้าทาส ทั้งที่คนรับใช้มีเต็มบ้าน แต่กลับใช้เนียนซักผ้าของตัวเอง ซักกระทั่งกางเกงใน”
ทองจันทร์ตกใจ “ไฮ้...แม่สนมันบอกว่าเนียนมาอาสาทำให้เอง เพราะอยากปรองดอง”
“เนียนอาจยอมทำให้เพราะอยากปรองดอง แต่สนกับนางช้อยนั่นแหละครับ ปองร้ายเนียน และผมก็ไม่อยากเห็นสิ่งร้ายๆ ต้องมาเกิดกับคนดีๆ อย่างเนียน”
“แต่พ่อเทพคงไม่ว่ามันดีถึงขนาดยกย่องมาเป็นเมียอีกคน เนียนน่ะมันอยู่เป็นตัวประกันเงินกู้ มันไม่ได้จะอยู่ตลอดไป” ทองจันทร์ดักคอลูกชาย
ขุนภักดีใจหายแว้บ
“จริงหรือครับ”
“อย่าเจ้าชู้นักเลย พ่อเทพ อย่ามาถือคติเมียสองต้องห้าม เมียสามตามตำรา และพ่อเทพก็เคยบอกแม่ไม่ใช่รึ ว่าพ่อเทพไม่ใช่ขุนแผน”
ขุนภักดีนึกไม่พอใจสนมากขึ้น

ไม่นานต่อมาทองจันทร์ เรียม และขุนภักดี นั่งมองน้อมที่เนียนประคองมากับเอกแล้วทรุดตัวลง
“กระผมมากราบขอยกลูกสาวให้รับใช้คุณท่านกับคุณนายตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ขอรับ”
เนียนตกใจ “พ่อ”
น้อมพูดต่อ “กระผมไม่มีดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชาตามธรรมเนียมฝากตัวมากราบ มีแต่สองมือพนมแทนสิ่งของดังว่า กระผมขอประทานโทษด้วยขอรับ เนียนกราบฝากตัวท่านทั้งหมดสิลูก”
เนียนตกใจที่พ่อบอกให้อยู่ตลอดไป แต่ก็รีบก้มลงกราบ ทั้งสามคน
“เนียนเล่า เต็มใจอยู่กับชั้นตลอดไปไหม” เรียมถาม
เนียนมองหน้าพ่อที่มีแต่ความหวังจะให้เนียนอยู่ “เนียนเต็มใจอยู่เจ้าค่ะ”
ขุนภักดีถอนใจอย่างโล่งอก ทองจันทร์ทำท่าจะพูด แต่ไม่ทันลูกชาย
“ทางข้าก็จะรับฝากลูกสาวและจะดูแลให้ดีที่สุดตลอดไป นายน้อมเบาใจได้”
“ฝากกันเรียบร้อยแล้วเอ็งสบายใจตายตาหลับกลับบ้านได้ละสิ นายน้อม”
“ขอรับกระผม กระผมกราบลา ท่านทั้งหมดขอรับ”

น้อมก้มลงกราบ ขุนภักดียิ้มกริ่ม ทองจันทร์มองลูกชายชักไม่พอใจขึ้นมา ส่วนเรียมนิ่งสงบอย่างเคย

อาญารัก ตอนที่ 2 (ต่อ)

ทางด้านช้อยรีบมารายงานสน

“คุณสนเจ้าขา พ่อนางเนียนมา เจ้าค่ะ”
“ดีมาก ข้าจะได้เบาใจสักที”
ช้อยฉงน “เบาใจทำไมเจ้าคะ”
“ก็พ่อมันมารับมันกลับบ้าน ข้าก็ไม่มีมารหัวใจ” สนว่า
“ทำไมคุณสนคิดว่าพ่อมันมารับกลับบ้านเจ้าคะ”
“อ้าว แล้วพ่อมันมาทำอะไร”
“มากราบบูชาท่านทั้งสาม” ช้อยบอก
สนเดาอีก “ขออภัยที่เอานางเนียนมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ ที่นังเนียนมาหาทางลัดเป็นคุณนาย”
“ผิดหมดเจ้าค่ะ”
“แล้วมันมาทำไม”
“มากราบกรานขอฝากฝัง ยกนังเนียนให้ท่านรับไว้ดูแลตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่เจ้าค่ะ”
“โอ๊ย อีเนียนอีคางคกขึ้นวอ อี ลูกชาวนาต่ำต้อย” สนแผดเสียง

ท่านขุนโผล่เข้ามาทันได้ยินพอดี สองคนสะดุ้ง ช้อยถอยกรูด
“ความต่ำต้อย หรือความสูงส่ง ของคนเราเขาวัดกันที่การกระทำของคนคนนั้นต่างหาก พี่พบปะดูแลชาวบ้านของพี่มานานหลายปีคนสูงส่งแต่เป็นชาวนามีมากมาย คนต่ำต้อยแต่เกิดในดงผู้ดีมีถมไป”
สนหน้าคว่ำ “พี่ขุน ตำหนิสน”
“จะว่าตำหนิก็ได้ และยังไม่หมดแค่นี้ นั่งสิสน”
สนชักรู้สึกไม่ค่อยดี ขุนภักดีชี้บอกให้นั่ง

ขณะเดียวกัน เนียนกับน้อมกำลังร่ำลากันที่ท่าน้ำ น้อมดูมีกระจิตกระใจดีขึ้นมาก
“ลูกรักของพ่อ พ่อรักลูกเหมือนชีวิต”
เนียนร้องไห้ “แต่เนียนสงสารพ่อ พ่อไม่มีใครดูแลรับใช้ ในยามป่วยไข้ ไม่สบายอย่างนี้”
“หมอบอกว่าพ่อดีขึ้นมาก เนียนอย่ากังวลเรื่องอาการของพ่อ เนียนอยู่ดีมีสุขเท่านี้พ่อก็สุขที่สุดในชีวิตแล้วลูกรักเอ๊ย หนักเอาเบาสู้ อดทน ซื่อสัตย์ต่อพวกท่านนะลูกรัก”
“จ้ะ...พ่อ”
น้อมยื่นมือสั่นๆ มาจับมือลูกสาวกุมไว้ สองพ่อลูกสบตากัน เนียนจะกอด น้อมส่ายหน้าห้าม น้ำตาไหล

ขุนภักดีกำลังต่อว่าสนอยู่บนเรือนเล็ก
“ทำไมแม่สนถึงทำตัวไม่น่ารัก สมกับเป็นคนของบ้านขุนภักดีภูบาล ไปฟ้องคุณแม่ว่าพี่กับเนียนเสียๆ หายๆ”
“ก็มันจริงนี่ค่ะ พี่ขุนแน่ใจได้ยังไงว่าเนียนไม่โดนจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาตบตาพี่ขุน ปูทางเป็นคุณนายทางลัดของพี่ขุน” สนเถียง
“หยุดนะแม่สน ลองคิดถึงตัวแม่สนเองบ้าง ถ้าเรียมเขาคิดว่า กำนันแสงจับสนใส่ตะกร้าล้างน้ำมาตบตาพี่เป็นคุณนายทางลัด แม่สนกับกำนันแสงจะเสียหายแค่ไหน”
สนตกใจ ร้องไห้โฮ “พี่ขุนใจร้าย พี่ขุนเบื่อสน หมดรักสนแล้ว สนน้อยใจ สนเจ็บใจ สนใจสลาย”
“แม่สนพูดจาไม่มีเหตุผล พี่ละเกลียดนักคนไม่มีเหตุผล ตีโพยตีพายอย่างแม่สนนี่”
“พี่ขุนเกลียดสนแล้ว เพราะพี่ขุนมีรักใหม่ เป็นนางไพร่ชาวนา พี่ขุนรักมันมากกว่าสน”
ขุนภักดีโกรธมาก “หยุดนะแม่สน ถ้าไม่อยากโดนพี่ลงโทษให้เจ็บตัว”
สนเต้นเร่าๆ
“คุณพี่ จะเฆี่ยนสน คุณแม่เจ้าขา ช่วยสนด้วย พี่ขุนจะโบยสน”
ท่านขุนหมดความอดทน ตวาดก้อง “หยุดร้องแรกแหกกระเชิงเดี๋ยวนี้นะแม่สน อย่าท้าทายคำสั่งสอนของพี่ ทำตัวให้ดีเหมือนเก่า แล้วพี่จะไม่โกรธแม่สน”
พูดจบท่านขุนปึงปังลงเรือนไป สนซบหน้าสะอื้นไห้ ช้อยถลามาเอาบ่ารองรับหน้าสนที่พาดลงมา
“นี่น่ะหรือข้าวใหม่ปลามัน นี่น่ะหรือน้ำผึ้งพระจันทร์ มันวายเร็วเหลือเกิน” สนคร่ำครวญ
“โอ๋ๆๆ คนดีของช้อย คืนนี้ไปที่สวนหลังบ้านสิเจ้าคะ ไอ้เหิมมันจะมาพบเพื่อฟังคำสั่ง คุณสนนะเจ้าคะ”
สนพยักหน้าปาดน้ำตา

น้อมกำลังจะสิ้นใจอยู่แล้ว มีโพล้ง และแพรที่อุ้มทารกแดงน้อย กำลังดูใจ
“ข้านอนตายตาหลับแล้ว” น้อมยิ้ม “ขอดูหน้าแดงน้อยหลานข้าก่อนตายหน่อยสิ ไอ้โพล้ง”
โพล้งอุ้มแดงน้อยมาให้ผู้เป็นตาดู น้อมเยื้อนยิ้มให้หลานผู้อาภัพ
“แดงน้อยของตา ขอให้หลานแคล้วคลาดจากโรคภัย โตเป็นผู้ใหญ่ไปดูแลแม่ของหลานนะ”
แพรรับแดงน้อยมาจากโพล้ง
“ไอ้โพล้ง นางแพร ฝากแดงน้อยด้วย ฝากดูแลมันอบรมสั่งสอนให้มันเป็นคนดี อย่าให้มีความชั่วมาเฉียดกรายเหมือน...” น้อมไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
สองคนรับรู้ว่าหมายถึหนัก รีบรับปาก “จ้ะ...ลุงน้อม”
น้อมหลับตาลงยิ้ม ก่อนจะขาดใจตายอย่างสงบ

เวลาเดียวกันกระแสจิตพ่อลูกส่งมาถึงกันเนียนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ใจคอไม่ดี
“พ่อ”

เนียนลุกนั่งกอดเข่าเจ่าจุก คิดถึงพ่ออยู่อย่างนั้น จวบจนรุ่งเช้า

สนออกมาพบกับเหิมในสวนรกครึ้มหลังบ้านตามที่ช้อยนัดหมาย เหิมมองตาสนยิ้มแย้ม มีเลศนัย เลยถูกด่า

“ไอ้เหิม เอ็งอย่ามองด้วยสายตาแบบนี้เด็ดขาด”
“แหม...ทีเมื่อสามปีก่อนไม่เห็นจะว่า เห็นแต่ทำท่าอยากให้มอง ไอ้เหิมดีใจจนเนื้อเต้นที่แม่สนคนสวย คิดถึงจึงเรียกมาพบ” เหิมเล่นลิ้น
“หยุดพล่าม ข้าเรียกเอ็งมาใช้งานถนัดของเอ็ง”
“ไอ้เหิมยอมถวายหัวทำให้ แม่สนคนสวยได้ทั้งนั้น จะให้ทำอะไร”
“ฉุดผู้หญิง” สนบอก
“งานถนัดจริงดังว่า ว่าแต่นางนั่นเป็นใคร”
“คนรับใช้บ้านนี้
เหิมแปลกใจ “คนรับใช้”
สนพยักหน้า แววตาวามวับดุร้ายด้วยความแค้นใจ เมื่อนึกถึงเนียน

ขณะเดียวกันเนียนกำลังนั่งปักผ้าปูโต๊ะเงียบๆ มุมหนึ่งบนเรือนใหญ่ โดยไม่รู้ว่ายามนั้นขุนภักดีแง้มหน้าออกมาจากห้องแอบมองอยู่ ในมือถือน้ำหอมขวดหนึ่ง ยิ้มแล้วยิ้มอีก
ขุนภักดีขยับจะออกไป เอ่ยปากเรียกเนียนเบาๆ “เนียน”
เนียนสะดุ้งมองเห็นท่านขุน เนียนกวาดตามองจะเลี่ยงไปไหนดี
“เจ้าคะ” เนียนขานรับพลางกระเถิบจะถอยหลบ
“ทำอะไรน่ะ”
“ทำ เอ้อ...”
เนียนไม่ทันได้ตอบ ทองจันทร์สวนมาจากอีกทาง ตอบให้แทน
“มันก็ทำผ้าปูตั่งปูโต๊ะของมันไปเรื่อยๆ น่ะสิ อยู่บ้านท่านไม่นิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ผ้าสวยๆ ที่ปูอยู่น่ะ ฝีมือมันทั้งนั้น”
ขุนภักดีมองอย่างชื่นชม “สวยมาก เนียนนี่ขยันจริงนะ”
ทองจันทร์มองเห็นขวดน้ำหอมในมือก็ยิ้ม
“น้ำหอมฝรั่ง”
“ครับ”
“ของแม่เรียมละสิ” ทองจันทร์รู้ว่าลูกชายจะให้เนียน แต่แกล้งไม่รู้ “แม่เรียม ขาอยู่ในห้องแน่ะ คงชื่นใจใหญ่ ผัวมีแก่ใจเอาของกำนัลมาให้”
ขุนภักดีเลยพูดไม่ออก “เอ้อ...”
“รีบไปสิ เขาจะได้ชื่นใจ”
“ครับ คุณแม่”
“มีเมียเหมือนแม่พระแสนดีเป็นศรีแก่ตัว ถนอมน้ำใจกันไว้บ้างเถิดพ่อเทพ”
ทองจันทร์สั่งสอนลูกชาย ขุนภักดีรีบเดินไปทางห้องเรียมแต่ไม่วายแอบปรายตาไปทางเนียน
เนียนยิ่งหนักใจและไม่สบายใจมากขึ้น
“เนียน มาคุยกันหน่อยสิ” ทองจันทร์เรียก
เนียนตัวสั่นใจสั่นไปหมด

ส่วนที่สวนรกครึ้มหลังบ้านท่านขุน สนอธิบายความสงสัยของเหิมต่อ
“ทำไมต้องไปฉุดมันกะอีแค่นางคนรับใช้”
“นางคนใช้คนนี้ ไม่ใช่คนใช้ธรรมดา เพราะว่ามัน…”
เหิมมองสนอย่างรู้เท่าทัน
“มันเป็นหอกข้างแคร่ จะมาแบ่งกินน้ำใต้ศอกคุณนายเรียมอีกคน แม่สนก็เลยดิ้นพราด”
“ใช่....ดังนั้นเอ็งต้องฉุดมัน”
สนเริ่มโกรธมาก
“ฉุดมันเอาไปไหนล่ะ” เหิมถาม
“เอาไปบ้านเอ็งจะเอาทำแม่หรือทำเมียก็ช่าง ถามโง่ๆ ไปได้ ข่มขืนมันสักเจ็ดวัน ดูสิมันจะมีหน้ากลับมาอยู่ที่นี่อีกไหม”
เหิมยิ้มเยาะ “แม่สนนี่ยังรักษาความอำมหิตไว้คงเส้นคงวาดีแท้ๆ”
“คนที่สอนให้ข้าอำมหิตก็เอ็งไงล่ะ”
“ขอบใจที่ชม แม่สนตีราคาข่มขืนมันไว้เท่าไหร่”
“สองชั่ง”
“น้อยไป สำหรับผู้หญิงบ้านท่านขุนภักดีภูบาล มันเสี่ยงตายเสี่ยงคุกมาก”
“สามชั่ง”
“งานอย่างนี้ คนเดียวทำไม่ได้ มันต้องมีพรรคพวกมาช่วย” เหิมเล่นแง่
“ไอ้คนเห็นแก่ได้ ห้าชั่งตกลงไหม”
“ตกลง เพราะเห็นแก่วันชื่นคืนสุขเก่าๆ ของเราที่ผ่านมา”
“เอ็งอยากให้พ่อกำนัน ฆ่าเอ็งตายอย่างหมาก็ตามใจ ถ้าไม่หยุดเพ้อเจ้อ” สนด่า
เหิมได้สติ “ก็ไอ้เหิมมันยังไม่อิ่มรักแม่สนนี่นา”
สนขึ้นเสียง “ไอ้เหิม”
“จะให้ลงมือเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ ตอนก่อนเพล”
“จ่ายสด” เหิมยื่นมือไปแตะข้อมือสน
“อย่ามาแตะต้องแม้ขี้ตีนปลายเล็บข้า พรุ่งนี้เช้าเอ็งมาแอบดูหน้ามันเอาไว้ มันจะลงมาเก็บดอกไม้ทุกวัน ที่สวนกุหลาบหลังบ้าน”
เหิมหัวเราะ
“นางคนใช้ราคาแพงคนนี้มันชื่ออะไร”
“เนียน” สนบอกอย่างแค้นๆ

ด้านคุณนายทองจันทร์มองจ้องเนียน ถามอ้อมๆ
“ทำไมจู่ๆ พ่อเอ็งก็ เกิดอยากจะยกให้อยู่กับพวกข้าตลอดไปเอาง่ายๆ เอ็งรู้ไหม”
“เอ้อ...เนียน ทราบเจ้าค่ะ”
“เล่ามาสิ”
“พ่อคงรู้ดีว่าไม่อาจหาเงินมาใช้หนี้คุณนายเรียมได้ เจ้าค่ะ”
“พ่อเอ็งไม่ได้บอกอะไรเอ็งมากกว่านั้นแน่นะ”
“บอกเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์ตบเข่าฉาดใหญ่ “นั่นปะไร สารภาพมาเลยว่าพ่อเอ็งบอกอะไรเอ็งอีก”
“พ่อบอกให้เนียน จงรักภักดี ซื่อสัตย์บูชา ท่านทั้งสาม ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่เจ้าค่ะ”
“ไม่มีเรื่องอื่นที่พ่อเอ็งบอกไว้อีกแน่นะ” ทองจันทร์ถามย้ำ
“ไม่มีเจ้าค่ะ เนียนกล้าสาบานเจ้าค่ะ แต่ถ้าวันใดที่ท่านทั้งสามไม่เมตตาเนียน จะให้เนียนไปจากที่นี่เนียนก็จะขอกราบลา เจ้าค่ะ”
“สบตาข้าอย่าหลบ”
เนียนสบตาซื่อๆ ท่าทีน่าสงสาร สีหน้าฉงนใจ
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ เนียนทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือเปล่าเจ้าคะ”
เนียนพูดไปน้ำตาคลอ ทองจันทร์มองหน้าซื่อๆ ของเนียนแล้วสงสาร ใจอ่อน
“เอ็งยังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ถ้าเอ็งจะผิดก็เพราะเอ็งดีเกินไป สวยเกินไปจำไว้ มันจะเกิดภัยกับตัวเอ็งเอง”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ เนียนจะจำคำของคุณท่านเอาไว้เจ้าค่ะ”
เนียนก้มลงกราบ ทองจันทร์แอบถอนใจพลางพึมพำเหมือนคนปล่อยปลง

“อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

ขวดน้ำหอมของขุนภักดีวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เรียมหยิบมามองยิ้มบางๆ ไม่แสดงอารมณ์

“ขอบคุณมากค่ะ พี่เทพ ที่เอาน้ำหอมมากำนัลเรียม แต่พี่เทพคงจำผิดไป เรียมไม่ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ เรียมใช้กลิ่นจัสมิน”
ความจริงเรียมรู้ทันว่าผู้เป็นสามีจะเอาไปให้เนียน แต่ทำเฉย ขุนภักดีหน้าเสียไปนิดหนึ่ง
“พี่ขอโทษ พี่คงทำงานมากจนจำสับสน”
“สับสนจนจำผิดกลิ่นหรือคะ”
“แหม เรียมอย่าขับให้พี่จนแต้มสิจ้ะ เรียมจ๋า เรียมรู้ตัวไหมว่า เรียมคือสุดบูชาของพี่เสมอ”
“รู้ค่ะ พี่เทพเคยพูดกับเรียมแบบนี้มาแล้ว ตอนที่พี่เทพอยากได้แม่สน”
“เรียม โธ่...อย่าแขวะพี่สิทูนหัว”
“เรียมไม่ได้แขวะพี่เทพ แต่เรียมรู้ว่าพี่เทพกำลังจะมาขออะไรเรียม”
“เรียม....เอ้อ คือ...พี่... พี่...” ขุนภักดีเลยติดอ่างไป
“พี่เทพไม่ได้ตั้งใจเอาน้ำหอมมาให้เรียม แต่จะเอามากำนัลเนียน”
“เรียม”
“อย่ามัวชักแม่น้ำทั้งห้า พี่เทพฟังคำขาดของเรียมและสัญญากับเรียมไว้ให้จงดี ถ้าพี่เทพหลอกเนียนเล่น ทำให้เนียนน้ำตาตก เรียมกับพี่เทพโกรธกันจนวันตาย”
ขุนภักดีตกตะลึง คาดไม่ถึง
“เรียม นี่ นี่เรียม....กำลังจะบอกว่า…”
“พี่เทพรักเนียนไหม”
“รัก เอ้อ...รักจ้ะ แต่ไม่รักมากเท่าเรียมดอกจ้ะ”
“วุ๊ย อย่ามาปากหวานก้นเปรี๊ยว เรียมไม่ใช่แม่สนคนงาม ชอบออกโรงเต้าโขนเต้นงิ้ว เอาเป็นว่า เรียมอนุญาตเรื่องเนียน”
“เรียม” ขุนภักดีเนื้อเต้น ดีใจ “พี่ขอขอบใจเรียมที่สุด เรียมคือแม่พระ เรียมคือผู้ประเสริฐประจำชีวิตพี่ เรียมคือ…”
“พอค่ะ...แต่พี่เทพจะขืนใจเด็กไม่ได้ ต้องให้เขาสมัครใจ รับปากไหม”
ท่านขุนพยักหน้า
“รับจ้ะ รับแน่นอน”
เรียมยื่นน้ำหอมคืนให้
“พรุ่งนี้เช้าพี่เทพเอาไปให้เนียนเองนะคะ”
ขุนภักดีแทบจะยกมือไหว้ เรียมผู้แสนประเสริฐ

เช้าวันต่อมา ขณะที่เนียนกำลังเก็บมะลิอยู่หลังบ้าน สีหน้าเนียนมีความสุข ดูสวยงามมากท่ามกลางดอกไม้
เหิมโผล่มาแอบมอง เหิมตะลึง หลงเพ้อไปเลย
“เนียน นั่นรึเนียนสาวใช้ อุแม่จ้าวช่างเนียนนวลละมุนละม่อมสมชื่อไปทั้งตัว หัวจดปลายเท้าไม่ต้องเอาเงินก็คุ้มค่าที่ได้ฉุด ได้ไปจะเอาไปกก ไปกอด ตลอดไปแม่คุ้นเอ๊ยสวยงามอะไรปานนั้น”
เนียนยังคงเก็บดอกไม้ สนเดินเจ้าเล่ห์มาหา ร้องทัก
“เนียนจ๊ะ”
เนียนสะดุ้งจนมะลิแทบร่วงจากมือ
“คุณสน”
“ไม่ต้องตกใจ ข้าไม่ได้จะมาฆ่ามาเอ็งง จะมาขอโทษเนียน”
“ไม่ต้องขอโทษเนียนหรอก เจ้าค่ะ คุณสนไม่ได้ทำอะไรเนียนนี่คะ”
“ทำสิ ข้าใช้ให้เนียนซักผ้า”
“คุณสนมีสิทธิ์ใช้ เนียนแค่คนอาศัย เนียนสมควรทำให้คุณสน เจ้าค่ะ”
“ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเนียนมีฐานะเป็นน้องสาวของคุณพี่เรียม ข้าอับอาย ข้านอนคิดเสียใจทั้งคืน เนียนจ๊ะ เรามาเป็นเพื่อนกันเถิดนะ”
“อย่าลดตัวมาเป็นเพื่อนกับเนียนเลย เจ้าค่ะ เอาเป็นว่า คุณสนเมตตาเนียน และเนียนก็ยินดีรับใช้คุณสนต่อไป เจ้าค่ะ”
“ขอบใจจ้ะเนียน ถ้าอย่างนั้น เพื่อการผูกมิตรของเราสองคน พรุ่งนี้เนียนไปเป็นเพื่อนทำบุญที่วัดได้ไหม”
“ได้ เจ้าค่ะ”
สนยิ้มดีใจ ปรายตาไปที่ท้ายสวน

ฟากขุนภักดีถือน้ำหอมเดินส่ายตาหาเนียนอยู่ที่ท่าน้ำ แต่ดันมาเจอกบเอา
“กบ เอ็งเห็นเนียนไหม”
“เห็นเจ้าค่ะ เก็บดอกมะลิอยู่ที่สวนหลังบ้านเจ้าค่ะ”
ท่านขุนเดินพรวดไป กบมองตาม สายตาไปจ้องที่น้ำหอมในมือท่านขุนที่แอบไว้ด้านหลัง กบสูดอากาศพูดลอยๆ
“หอมกลิ่นดอกรักฟุ้งกระจาย”
แทนแอบมากอดกบจากด้านหลัง
“ดอกรักจากพี่ไงจ้ะแม่กบโอ๊บ..อ๊บ”
กบหันมาตบหน้าแทนเผียะ
“ทะลึ่ง มาก็ไม่บอกให้รู้ตัว ข้าจะได้ตั้งหลัก”
แทนทำหน้าสูดดมกลิ่นแก้มกบ หอมชื่นใจ

ส่วนสนมองเนียนเก็บมะลิยิ้มร้าย ขณะที่เหิมมองหน้าสองคนเทียบเคียงกัน เหิมเห็นใบหน้าสวยของเนียนที่ดูซื่อใสสวยงามน่าอิจฉา
“แม่สนว่าสวยมากแล้ว แม่เนียนคนนี้ สวยยิ่งกว่า ทั้งสวย ทั้งหวาน เหมือนนางฟ้าใจดีไม่มีผิด ผิดกับแม่สนสวยดุดันน่าหวั่นเกรง”
สองคนคุยกันอยู่
“ข้าช่วยเนียนเก็บดอกไม้นะ”
เนียนไหว้ “ขอบคุณมาก เจ้าค่ะ”
สองคนช่วยกันเก็บดอกไม้ สนเก็บไปแอบมองไปในใจนึกว่าพรุ่งนี้มึงตายแน่
ระหว่างนั้นขุนภักดีเดินมาหยุดมองสองคนท่าทีฉงน มองเนียนสลับกับมองสน ก่อนจะยิ้มย่องพออกพอใจ
“เนียน แม่สน เกิดอะไรขึ้น เหตุไฉนมายืนยิ้มย่องเก็บมะลิเคียงกันอย่างนี้หรือว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี แม่สนละพยศมาญาติดีกับเนียน โชคดีของเรา”
เหิมเห็นขุนภักดีโผล่มา ก็ตกใจมาก
“เฮ้ย...ท่านขุน”
เหิมหันตัววิ่งอ้าว เหยียบเอาไม้แห้งดังกร๊อบ ท่านขุนได้ยินเสียงมองไปทันที
“ใคร...บังอาจมาแอบมองอะไรในบ้านข้า”
เนียนกับสนได้ยินก็ตกใจ โดยเฉพาะสน
“พี่ขุน”
เนียนร้อง “อุ๊ย”
“พี่ได้ยินเสียงใครมาเหยียบกิ่งไม้แห้งดังกร๊อบ เมื่อกี้”
สนเสียววาบ “สนเองค่ะ เมื่อกี้สนเหยียบกิ่งไม้แห้งค่ะ ใช่ไหมจ้ะเนียน”
เนียนอึกอัก “เอ้อ...” เพราะรู้ว่าไม่ใช่
“ใช่ไหมเนียน” ขุนภักดีถามย้ำ

“ใช่...เจ้าค่ะ”

ด้านเหิมซึ่งตกใจกลัวขุนภักดี หนีเตลิดห่างบ้านออกมามากแล้ว ยืนหอบแฮ่กๆ จนลิ้นห้อย

“โอ๊ย..หัวใจจะหยุดเต้น แค่เห็นสีหน้าเอาเรื่องของท่านขุน”
เหิมมีสีหน้าหวาดกลัวขุนภักดีเอามากๆ

ฟากสนเกิดมองไปเห็นขวดน้ำหอมในมือขุนภักดี สนดีใจมากกระตู้วู้ขึ้นมา
“น้ำหอมกลิ่นที่สนชอบ”
“พี่จำไม่ได้หรอกว่าแม่สนชอบกลิ่นนี้”
“แหม...เนียนดูสิ พี่เทพแกล้งหยอกข้าเล่น” สนกระเง้ากระงอด
สนเอื้อมจะดึงจากมือขุนภักดี แต่ท่านขุนยั้งไว้ ตามองเนียน
“แม่สนเข้าใจผิด พี่ไม่ได้หยอกแม่สน”
สนมองแล้วเข้าใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ก้อถ้าพี่เทพไม่ได้เอามากำนัลสน พี่เทพจะถือมาตามหาสนทำไมคะ”
“แม่สนเข้าใจผิด พี่ไม่ได้ตามหาสน พี่มาตามหา...”
มีเสียงเรียกเนียนอย่างตื่นเต้นขัดขึ้นก่อน
“เนียน เนียน”
เนียนและทุกคนหันไปมองเอก สนโกรธแทบจะโดดบีบคอเนียน
“คุณท่านให้มาตาม บอกให้รีบไปบ้านแพนเดี๋ยวนี้”
เนียนเสียววูบ ใจเสีย นึกรู้ทันที “พ่อ…”
เอกพยักหน้า “จ้ะ...พี่เสียใจด้วย”
เนียนทำท่าจะเป็นลม สนสะใจ เขยิบหนีจะปล่อยให้ล้ม แต่ขุนภักดีมองอยู่ปราดเข้าไปประคองเนียน
“เนียน โธ่เอ๊ย”
สนขัดใจนัก กระทืบเท้าเร่าๆ มองตามขุนภักดีอุ้มเนียนออกไป
“อีเนียน มึงชะตาขาดยังไม่รู้ตัว”

เรียมแต่งตัวให้เนียนอย่างสวยหรู เนียนใส่ผ้าซิ่นยกตีนสีดำ เสื้อลูกไม้สีดำ ใบหน้าเนียนหม่นหมองน้ำตาซึม มีกบจัดของลงกระเป๋าหวายให้เนียนอยู่ในห้องด้วย
“คุณนายเรียมเจ้าขา เนียนแต่งตัวยังไงก็ได้เจ้าค่ะ”
“ไม่ได้ ต้องสมฐานะ เนียนเป็นน้องสาวชั้น และเนียนก้อกำลังจะเป็น…”
กบสะดุดหูหยุดเก็บของ ยื่นหน้ามาฟัง เรียมหันมาเจอจึงหยุดพูดต่อ เรียมเดินไปเปิดกำปั่น หยิบเครื่องประดับ ระหว่างที่กบปิดกระเป๋า
“คอเนียนโล่งไป ข้อมือก็ยังขาด ส่วนเสื้อก็ต้องมีเข็มขัดทับกันซิ่นหลุด”
เนียนตื้นตันถึงน้ำตาซึมก้มลงกราบ เรียมบรรจงใส่ทุกอย่างให้เนียน
กบพึมพำ “บุญหล่นทับเนียนเข้าให้จนได้ นึกแล้ว”

ฟากช้อยหัวเราะสะใจแทบฟันร่วงที่รู้ข่าวว่าพ่อเนียนตาย
“เวรกรรมตามสนองพ่อนางเนียนตาย สมน้ำหน้าเทวดาลงโทษมัน”
“ลงโทษข้าต่างหาก ไอ้เหิมเลยไม่ได้ฉุดมันวันนี้ตามที่ตกลงกัน มันทำข้าอายขายหน้า ไปขี้ตู่ว่าพี่ขุนเอาน้ำหอมมากำนัลข้า”
“แล้วท่านเอามากำนัลใครเจ้าคะ”
สนของขึ้น “โอ๊ยนางโง่ แค่นี้คิดไม่ออกรึ พี่ขุนไม่ไว้หน้าข้ายังไม่พอ พอมันลมใส่ พอรู้ว่าพ่อมันตาย พี่ขุนผวาไปอุ้มมันเดินไปต่อหน้าต่อตาข้า”
“ท่านขุนทำเกินไปจริงๆ เจ้าค่ะ ส่งไอ้เหิมตามไปฉุดมันถึงงานศพเลยสิเจ้าคะ”
สนมองไปนอกหน้าต่างกรี๊ดออกมา
“อ๊าย...มึงอยากให้ความแตก กูโดนจับเข้าคุกรึ โอ๊ย”
“ว๊าย...ผีขี้อิจฉาเข้าสิงคุณสน”
“กูทนไม่ไหวแล้ว”
สนกระชากช้อยลงเรือนไปทันที
“คุณสนจะไปไหนเจ้าคะ”
“ไปดูอีกิ้งก่าได้ทอง”
สนบอก จากนั้นสองนายบ่าววิ่งตามกันไป

เนียนแต่งตัวเป็นคุณนายเต็มที่ มีกบ ถือกระเป๋าหวายยืนอยู่ข้างๆ กบเหมือนรู้ว่าเนียนกำลังจะเป็น
คุณนายคนที่สาม เอกกำลังบอกอะไรเนียนที่เงียบมากไม่พูดอะไรทั้งสิ้นเพราะเศร้าโศกเรื่องพ่อเสีย
“แต่งตัวคุณนายมาก สวยสง่าจริงๆ เนียน”
“เป็นเพราะคุณนายเรียมท่านเมตตาเนียน รีบไปกันเถิดจ้ะ พี่เอก”
“เดี๋ยวสิเนียน”
“รออะไรอีกจ้ะ เนียนใจร้อนเป็นไฟอยากไปกราบพ่อเต็มทีแล้ว”
สนปราดเข้ามามีช้อยตามมาติดๆ ยืนเท้าสะเอวมองอย่างเอาเรื่อง
“ทำเชิดหน้าเป็นคุณนาย นางกิ้งก่าได้ทอง”
“เอ้อ...” เนียนอึ้ง
“นางคางคกขึ้นวอ” สนด่า
ช้อยด่าตาม “นางใส่แมงปอตุ้งติ้ง”
“เห็นจะไม่ใช่ใส่แมงปอตุ้งติ้งหรอกนะนางช้อย ถ่างตาดูสิยะใส่สร้อยคอหนักแปดบาทย่ะ” กบว่า
สองคนตะลึง “สร้อยคอหนักแปดบาท”
สนวิ่งผวามาทำท่าราวจะกระชากสร้อยออกจากคอเนียน ดีที่เอกมากันไว้
“สร้อยข้อมือข้างละสองบาท เข็มขัดนาคหนักห้าสิบบาท” กบบอกอีก
ถึงทีเอกช่วยเสริม “แหวนเพชรสองกะรัตขาววับงามจับตา”
“เอ็งแอบลักหยิบของคุณพี่เรียมมาใส่ใช่ไหม เอาคืนมานะ” สนโวยลั่นด้วยความริษยา
ขุนภักดีเดินมากับเรียม ทันได้ยินพอดี เรียมเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ทำไมจะต้องเอาคืน ในเมื่อเนียนมีฐานะเป็นน้องสาวของชั้น ชั้นแต่งตัวให้เนียนเพื่อให้สมกับเป็นน้องสาวชั้น”
“แม่สนอย่าว้าวุ่นไปหน่อยเลย แม่สนก็รู้ดีว่าพี่ไม่ชอบคนตีโพยตีพาย อาละวาดฟาดงวงฟาดงา นี่บ้านผู้ดี ไม่ใช่โรงงิ้ว” ขุนภักดีตำหนิ
“สนตีโพยตีพายเพราะสนต้องล้อมคอกก่อนที่วัวจะหายต่างหากคะพี่ขุน” สนยังไม่ยอมเลิกรา
“สำรวมหน่อยแม่สน เนียนเขาไปจัดงานศพพ่อเขากับพี่ เขาก็ต้องดูดีที่สุด ไม่ขายหน้าให้ใครมานินทาเอาได้”
สนอึ้ง “พี่ขุนจะไปงานศพพ่อเนียน”
“ใช่ พี่จะเป็นเจ้าภาพให้เขา”
“คุณพี่เรียมขา สนไม่เข้าใจ” สนหันมาฟ้องเรียม
“ไม่ต้องเข้าใจดอก ไม่มีเวลามาเจรจาเหลวไหล เรียมจ๊ะ รีบให้ไอ้แทนมันไปกระจายข่าวบอกบรรดาข้าราชการ งานเมืองที่คุ้นเคยกับพี่ว่า เชิญไปงานศพนายน้อมด้วย”
“ค่ะ พี่เทพ รีบไปเถิดค่ะ พี่เทพ เนียนใจจะขาดเพราะอยากกราบพ่อแล้วค่ะ”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ คุณนายเรียม”
เรียมเดินมาโอบเนียนอย่างรักใคร่ เนียนกราบแทบอก สนอกแทบระเบิด ช้อยถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

ขุนภักดีเดินวางมาดสง่างาม พยายามเดินช้าๆ เพื่อจะเคียงข้างเนียนที่พยายามเดินตามหลังอย่างเจียมตน

อาญารัก ตอนที่ 2 (ต่อ)

เรียมเดินกลับมาจากท่าน้ำมาถึงหน้าเรือนใหญ่ สนตามติดมีช้อยตามหลังท่าทีหวาดๆ ส่วนกบคอยตามประกบดูแลเรียม

“คุณพี่รู้เห็นเป็นใจ คุณพี่คิดยังไง ส่งเสริมให้ผัวมีเมียน้อย” สนโวยวาย
“แม่สน ลืมแล้วรึ ตอนคราวแม่สน ชั้นก็ไม่รู้เห็นเป็นใจสักหน่อย แต่ชั้นรับรู้ ไม่ตีโพยตีพาย ให้มันได้อะไรแย่ๆ ขึ้นมา” เรียมบอก
“คุณพี่ทนได้ เพราะเนียนมันเกาะคุณพี่ไว้ แต่สนสิคะ สนทนไม่ได้ สนช้ำใจ สนเสียใจอกจะระเบิดตาย ทำไมเราต้องเอาหอกมาวางข้างแคร่ให้มันทิ่มแทงเราด้วย”
ทองจันทร์ยืนอยู่หน้าเรือนได้ยินพอดี
“ลืมตัวไปแล้วรึ ว่าแม่สนเองก็หอกเหมือนกัน วางทิ่มอยู่ข้างแคร่ของแม่เรียมมาตั้งนาน แม่สนเอาแต่ใจตัวเป็นที่ตั้ง แม่สนเคยลองเอาใจเขามาใส่ใจเราสักครั้งบ้างไหม”
“คุณแม่ด่าสนว่าเป็นอีหอกข้างแคร่”
“แม่สนยอมรับเองนะ ชั้นไม่ได้ด่า แม่สน แค่ เตือนสติให้สำเหนียก อย่าให้การเตือนของชั้นปรียบเสมือนสีซอให้ควายฟังล่ะ” ทองจันทร์เหน็บ
“ว๊าย คุณแม่ด่าสนซ้ำสองว่าสนเป็นควาย”
ช้อยกระซิบบอก “ดูถูกกันแท้ๆ”
“ถ้าชั้นพูดแม่สนฟังเข้าใจก็ดีไป ไม่ใช่คายออกแต่ถ้าฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ แม่สนทำกับคนอื่นไม่เป็นไร แต่พอหวั่นใจว่าจะโดนบ้าง ก็จะเป็นจะตาย” ทองจันทร์อบรม
“คุณแม่ลำเอียง เห็นนางลูกชาวนาดีกว่าลูกกำนัน ปล่อยให้มันมาตีเสมอสน” สนโวยไม่เลิก
“ถ้าอย่างนั้นแม่เรียมของชั้นเขาลูกนายอำเภอ แม่สนก็อย่าได้มาเทียบตีตนเสมอแม่เรียม ด้วยการมาต่อว่าต่อขาน กล่าวหาเขา อีกต่อไป”
เรียมตัดบท “แม่สนจ๋า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด กลับเรือนตรองดูว่าขอบเขตของแม่สนอยู่ตรงไหน แล้วบ้านเราจะสงบสุขจ้ะ”
“รอฟังข่าวดีหลังจากพ่อเทพกลับมาจากงานศพพ่อของเนียนเขาเถิดนะ”
พูดจบทองจันทร์ก็พยักหน้าให้เรียม สองคนพากันขึ้นเรือน กบตามไปรับใช้
สนมองตามสายตาอาฆาตมาดร้าย
“อีแก่ มึงจำไว้” สนคำรามในคอแค่ช้อยได้ยิน “มึงรอข่าวดีของมึงไปเถิด กูจะรอสมน้ำหน้าพวกมึงตอนเกิดข่าวร้ายกับอีเนียน”

งานศพน้อมแม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่จัดขึ้นอย่างดูดีมีเกียรติ ที่บ้านกลางทุ่งนา มีข้าราชการพ่อค้า คุณนายมากันเป็นแถว เนียนยืนรอขอบคุณแขกหน้างานตอนแขกมางาน ขุนภักดีก็ทำตัวเป็นเจ้าภาพเต็มที่ ทุกคนมองเนียนอย่างชื่นชมและรู้ดีถึงอนาคตเนียน ต่างไหว้ขุนภักดีอย่างนอบน้อม แทบพาลจะไหว้ไปถึงเนียน
“ขอบพระคุณมาก เจ้าค่ะ ที่ให้เกียรติอิชั้น”
เนียนขอบคุณแขกซ้ำไปซ้ำไปซ้ำมาหน้างาน
ขุนภักดียืนมองยิ้มกริ่มภาคภูมิใจเนียนที่กิริยางดงามไม่มีที่ติ เอกยืนใกล้ ทุกคนเข้ามาไหว้ท่านขุนท่าทีนอบน้อมเกรงใจ
“ขอบใจที่มา เชิญ เชิญ นั่ง ทุกคน” ขุนภักดีโอภาปราศัยไม่ถึงตัว
ห่างออกมา ชาวบ้าน 2 คน กระซิบนินทาไปมา
“เป็นบุญของตาน้อม งานศพแกหรูหราซะจริงๆ”
“มาจากบุญของของนางเนียนมันน่ะสิ เพราะมันเป็นคนของท่านขุน
“คนแบบไหน คนรับใช้ หรือคนที่เป็นเมีย ดูมันแต่งตัวสิ หยั่งกับคุณนาย ดูแขกที่มางานสิ ถ้าไม่ใช่บารมีท่านขุน ใคร้จะมางานพ่อมัน”
โพล้งเดินมาข้างๆ “จุ๊ๆๆ ปากรึนั่น มางานศพนะไม่ใช่งานเทกระจาดพูดมากแท้ๆ”
นั่นแหละหญิงชาวบ้านสองคนจึงหุบปาก

ด้านเนียนรับแขกจนหมดแล้ว ขุนภักดียืนคียงกัน
“เนียนแขกมาเกือบหมดแล้ว เข้าไปนั่งฟังพระเถิด”
“เจ้าค่ะ”
“เหนื่อยมากละสิเหงื่อหยดทีเดียว”
ขุนภักดีส่งผ้าเช็ดหน้าให้ เนียนไม่กล้ารับ ท่านขุนยัดใส่มือยิ้มให้ส่งสายตาหวาน ระหว่างนั้นคุณนายใจอีกาเดินเข้ามากับบ่าวชายสองคนตามเดิม
“โอ้โฮ ชั้นมาผิดงานหรือเปล่า”
“ไม่ผิดขอรับ” บ่าวคนหนึ่งบอก
“ยังกะงานศพจ้าวใหญ่นายโต ไปเรียกนางเนียนมาสิ แหมเอาที่นาที่ชั้นเมตตาให้ไถ่ไปขายมาจัดงานศพพ่อละสิไม่ได้การละ ต้องทวงบุญคุณกันหน่อย” คุณนายเสียงดังลั่นงาน
เนียนหันไปมอง คุณนาย ขุนภักดีหันขวับไปจ้องสีหน้าไม่พอใจ คุณนายถลึงตาเขียวใส่
“งานนี้ท่านขุนภักดี ภูบาลเป็นเจ้าภาพ”
คุณนายตกตะลึง มองขุนภักดีแล้วรีบย่อตัวทรุดนั่งลงไหว้ ตอหลอประจบ
“ว๊าย ท่านขุน อิชั้น ไหว้เจ้าค่ะ อิชั้นไม่เคยเห็นท่านมาก่อนได้ยินแต่ชื่อเสียงของท่าน เป็นบุญที่ได้พบท่านกราบท่านวันนี้”
“คุณเนียนมีฐานะเป็นน้องสาวของคุณนายเรียม ภรรยาท่านขุน” เอกบอก
คุณนายหันไปหาเนียน
“แหม ไหว้ละจ้ะ คุณนายเนียน เสียใจด้วยนะจ้ะ ที่พ่อของคุณนายตาย”
ขุนภักดีถามเนียน “เนียนจ้ะ แม่คนนี้ชื่ออะไรไม่ทราบ”
“เอ้อ คุณนาย…”
เอกชิงตอบแทนเนียน “คุณนายใจอีกา ขอรับ”
“คุณนายใจอีกา ได้ยินว่าจะมาทวงบุญคุณเนียนเรื่องที่นาอะไรรึ”
“เปล่าเจ้าค่ะ อิชั้นจะมาชื่นชมที่พี่น้อมแกใจร้อนเอาเงินมาไถ่ที่นา ทั้งที่บอกว่า จะไถ่เมื่อไหร่ก็ได้เจ้าค่ะ”
“ช่างบิดตะกรูด คำพูดได้เก่งแท้ๆ กลับไปซะ อย่าได้มายุ่งที่นี่อีก”
พูดจบขุนภักดีแตะแขนเนียน สองคนหันกลับ คุณนายมองตาม ใจแป้ว
“กลับไปซะ ได้ยินท่านบอกแล้วไม่ใช่รึ คุณนาย ขี้ปดมดเท็จ พูดจาเอาดี ใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น”

เอกด่าไม่ไว้หน้า

พระสวดเสร็จ แขกเหรื่อกำลังพักกินอาหารที่ทางเจ้าภาพจัดมาให้ เนียนนั่งใจคอไม่ดีห่วงหาลูกแดงน้อย แพรมานั่งข้างๆ อย่างรู้ใจ

“คิดถึงลูกละสิ” แพรกระซิบ “รอให้ดึกๆ ข้าจะพาเอ็งไปกอดไอ้แดงน้อย”
“ขอบใจจ้ะพี่แพร เอ้อ …”
“เอ็งจะเอ่ยถึงพี่หนักใช่ไหม” แพรรู้ทันอีก
“เอ้อ...”
“ใคร้มันจะกล้า แหกคุกหนีออกมาหาลุงน้อม ตอนป่วยหนักมันก็เจอลุงแกไล่เปิด มันให้เงินแกก็ไม่เอา”
โพล้งยื่นหน้ามา
“แต่ข้าเอา ขืนไม่เอาป่านนี้แดงน้อยมันตายไปแล้ว จะเอาเงินที่ไหนรักษา”
เนียนน้ำตาแทบร่วง
“เนียนห่วงพี่หนักเหลือเกิน”
แหวนเพื่อนบ้านเดินมากระซิบเบาๆ
“พี่เนียน พี่หนักมา”
เนียนสะดุ้งโหยงมองรอบตัว

ความมืดโรยตัวครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ตรงมุมลับตา หนักกางแขนโอบเนียนไว้ สองคนพี่น้องกอดกันร้องไห้
“พี่ขอโทษ เนียน พี่ไม่ได้อยากเป็นโจร แต่พี่ พี่…”
“ไม่ต้องอธิบายดอก เนียนเข้าใจ เนียนขอบคุณพี่ เนียนห่วงพี่เนียนรักและคิดถึงพี่เสมอ”
“ขอบใจน้องรักของพี่ คืนนี้ดึกมาก ผู้คนกลับไปแล้ว พี่จะลอบมากราบเท้าพ่อขอขมา”
“ระวังตัวมากๆ ด้วย พี่หนัก ตำรวจมากันเต็ม”
“พี่รู้แล้ว พี่ดีใจที่ท่านขุนเมตตาเนียนมาก ฟังพี่นะเนียน ผู้ชายถ้าเมตตากันขนาดนี้ แปลความได้ว่า ท่านรักและต้องการได้เนียนเป็นเมียแน่นอน”
“อย่าพูดสิ พี่หนักจ๋า ท่านมีคุณนายแล้วถึงสองคน”
“ท่านก็มีคนที่สามได้ เพราะท่านมีปัญญาจะเลี้ยงดู ตกลงรับรักท่านซะ ลูกแดงน้อยของเนียน จะได้สบายไปด้วย พี่จะโดนจับโดนฆ่าวันใดก็ไม่อาจคาดเดา อนาคตของแดงน้อยฝากไว้กับเนียน” หนักกำชับหนักแน่น
เนียนยังน้ำตาไหล ไม่ทันได้รับคำ เสียงคนเอะอะดังเข้ามา
“ไหนใครว่าเห็นไอ้เสือหนักมาป้วนเปี้ยนแถวนี้”
หนักผละจากเนียนทันควัน เนียนผลักหนักออกไปทันที หนักกระโจนหายไป ตำรวจโผล่มาเจอ เนียนยังน้ำตาไหล
“คุณเนียน มาทำอะไรแถวนี้ครับ ไอ้เสือหนักมันมาดักปล้นทอง อยู่นะครับ มันเลวเหลือเกิน จับได้ละก้อ ประหารชีวิตแน่นอน” ตำรวจบอก
ขุนภักดีพรวดตามมา
“เนียน” ท่านขุนออกอาการห่วงเนียนมาก “ตามหาจะแย่ มาทำอะไรในที่มืดๆ เปลี่ยวอย่างนี้ไอ้เสือหนักมันมาดักปล้นรู้ไหม”
แพรโผล่มาช่วยไว้ เนียนตอบไม่ถูก
“เนียนเขาหน้ามืดเจ้าค่ะ แล้วก็ทำท่าจะอาเจียน เอ้อ อิชั้นเลยพาหลบมาไกลไปนิด”
“โถ เนียน เสียใจมาก ชั้นรู้ รีบกลับไปที่เต้นท์เถิด ที่นี่อันตราย”
ขุนภักดีประคองเนียนออกไป ตำรวจยังส่ายตามองไปรอบๆ แพรแอบถอนใจเฮือก
ที่แท้หนักอยู่บนต้นไม้ใหญ่เหนือหัวตำรวจนั่นเอง ตำรวจรีบเดินตามท่านขุนไป แพรมองไปบนต้นไม้ เห็นหนักมองลองมา
หนักกระซิบ “ฝากน้องฝากหลานชั้นด้วย”
แพรพยักหน้ารับ ตำรวจหันมาดุแพร
“ยังไม่รีบตามมา ไม่กลัวไอ้เสือหนักรึนั่น”
แพรวิ่งอ้าวทำทีเป็นตกใจกลัว
“กลัว ฉี่จะราดแล้วจ้ะ”

ขณะเดียวกัน สนอยู่ที่สวนรกหลังเรือนเล็ก กำลังสั่งการเหิมเรื่องแผน มีช้อยยืนระวังอยู่ด้านหลัง เหิมดูหวาดหวั่นมากๆ
“แม่สนจ๋า อยากจะเปลี่ยนใจไม่ทำงานนี้แล้วจ้ะ บอกตรงๆ กลัวท่านขุนจนหัวหดแล้ว” เหิมบอก
“เอ็งเปลี่ยนใจไม่ได้ ถ้าเอ็งเปลี่ยนใจ ข้าจะไปฟ้องพ่อกำนันว่าเอ็งผิดสัญญามายุ่มย่ามกับข้าอีก เอ็งตายแน่”
“โธ่ แม่สนจ๋า”
“ฟังข้า พรุ่งนี้นางเนียนมันเผาส่งตัวพ่อมันไปนรกแล้ว มะรืนนี้เอ็งมารอฉุดมันหลังสวนมะลิ”
“ขอต่อรองให้มันห่างไกลจากตรงนี้ได้ไหม บอกตรงๆ ระย่อท่านขุนเป็นที่สุด” เหิมโอดไม่หาย
“ตกลงเถิดเจ้าค่ะ คุณสน มันจะได้สะดวกในการฉุดคร่า โธ่เอ๊ยไอ้เหิม เสียแรงได้ชื่อว่าบ้าผู้หญิง” ช้อยแดกดัน
“ข้าบ้าจำเพาะผู้หญิงสวยเท่านั้น ผู้หญิงไม่สวยนิสัยไม่ดี อย่างแม่ช้อยให้กินเปล่า ข้าไม่เอาดอกจ้ะ”
ช้อยโกรธ “ไอ้เหิม”
“พวกเอ็งจะแหกปากด่ากันไปทำไมเดี๋ยวเถิด ใครในบ้านได้ยิน พินาศกันหมด เอ็งกลับไปซะไอ้เหิม”
เหิมแบมือขอเงิน
“ห้าชั่งจ้ะ แม่สนคนสวย”
สนควักส่งให้ แทนกับกบเดินมาพอดี
“เฮ้ย มีคนบุกรุกเข้ามา” แทนตะโกน
“เอามีดไล่แทงมันไปเลยไอ้พี่แทน ข้าจะรีบไปรายงานพวกในบ้าน”
กบว่าแล้ววิ่งกลับไป แทนถือมีดวิ่งพรวดมา แทบจะชนเอาสนกับช้อย
สนตวาด “ไอ้แทน นั่นเอ็งจะฟันข้ารึ”
“คุณสน” แทนตกใจ
“คุณสนมาพบคนที่มาจากศรีประจันต์มาบอกว่าพ่อกำนันป่วย เอ็งรีบไปให้พ้น ก่อนที่คุณสนจะฟ้องให้ท่านขุนมาโบยแกโทษฐานจะมาฟันคุณสน” ช้อยบอก
แทนจ๋อย ท่าทีงวยงง เหิมแอบมองอยู่ยิ่งใจคอไม่ดี

เนียนแอบมาที่บ้านแพรและโพล้ง กอดแดงน้อยเดี๋ยวกอดเดี๋ยวจูบวนเวียนปากก็พร่ำพูด
“ลูกแดงน้อยของแม่ แม่ห่วง แม่คิดถึงลูกใจจะขาด แม่อยากใกล้ชิดอยากให้นมอยากกอดอยากจูบ อยากทำทุกอย่างให้ลูก แต่แม่บุญน้อยไม่อาจทำอย่างที่ต้องการได้ อภัยให้แม่นะลูกรัก”
“เอ็งอย่าด่าว่าตัวเองเลยเนียน ชีวิตคนเรามันทำอะไรทุกอย่างที่ต้องการในเวลาเดียวกันไม่ได้ แต่ถ้าเอ็งมีความหวัง สักวันเวลาที่เอ็งหวังจะมาถึง”
“ข้าสัญญาว่าจะดูแลมันเหมือนหลานในไส้ของข้า เอ็งไปอยู่ตรงนั้น ใช่ว่าเอ็งจะไม่ได้ทำหน้าที่แม่ ที่หมายของความเป็นแม่ คือทำให้ลูกอยู่ดีมีสุข” โพล้งเสริม
“โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีอนาคต มีการศึกษา ถ้าเอ็งทำได้สำเร็จ นั่นคือเอ็งได้ทำหน้าที่แม่ของเอ็งสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้นว่า เอ็งจะไม่ได้อยู่กับลูก”
“แต่เนียนต้องปิดบังซ่อนเร้นความเป็นแม่ของเนียนกับทุกคนไปจนตลอดชีวิต ทำไมชีวิตมันโหดร้ายอย่างนี้” เนียนครวญคร่ำ
“ชีวิตที่รู้ว่าลูกอยู่ตรงนี้ ดีกว่าชีวิตที่ไม่รู้ว่าลูกเป็นตายร้ายดียังไง” โพล้งปลอบ
“เท่ากับเอ็งได้เสียสละเพื่อลูก เอ็งว่ามันไม่ดีดอกรึ” แพรว่า
เนียนกอดลูกแนบอกน้ำตาไหลลงรดหน้าลูก เนียนเช็ดน้ำตาให้ลูก
“จ้ะ เนียนเข้าใจ แดงน้อยจ๋า ลูกคือชีวิตคือลมหายใจคือแสงสว่างของแม่ ขอบคุณลูกที่ทำให้ชีวิตของแม่มีความหวัง ถ้าบุญแม่มีมากพอ สักวันเราแม่ลูกคงได้เปิดเผยให้ทุกคนรับรู้ว่าเราคือแม่ลูกกัน”

เนียนกอดลูกมองหน้าลูกไม่วางตา ราวกับว่าจะประทับไว้กลางดวงใจ

โลกกว้างทางแคบอะไรเช่นนั้น ไอ้เหิมกลัวงานพลาด เลยมาหาหนัก เพื่อจ้างไปฉุดผู้หญิงแทน โดยไม่รู้ว่าหนักเป็นพี่ชายของหญิงที่สนให้มันไปฉุดคร่า

“ในฐานะที่เราเป็นมิตรในหมู่โจรด้วยกัน วันนี้ข้าเอาลาภมาฝากเอ็งว่ะไอ้หนัก”
“ลาภอะไรวะ ไอ้เหิม”
“ผู้หญิง”
“เฮ้ย ข้าไม่เอาดอก ข้าหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน จะเอาผู้หญิงมาถ่วงชีวิตข้าให้ตำรวจพบเจอง่ายขึ้นทำไม” หนักไม่เอาด้วย
“ไม่ได้ให้เอ็งเอามาเป็นเมีย แต่ให้ไปฉุดเอาเป็นเมียชั่วคราว ข่มขืนเล่นแล้วถีบหัวส่ง แถม เอ็งจะได้รับส่วนแบ่งสามชั่งเชียวนา”
“แล้วทำไมเอ็ง ไม่ข่มขืนเองเอาเงินสามชั่งมาแบ่งให้ข้าทำไม” หนักแปลกใจ
“ทีแรกข้าก็ว่าจะข่มขืนซะเองดอก แต่ว่าข้าเกิดปอดแหกขึ้นมา”
“ปอดแหก”
“ก้อผู้หญิงที่ว่านั่น เป็นผู้หญิงบ้านท่านขุนภักดีภูบาล”
หนักได้ฟังถึงกับลุกพรวดตื่นเต้น
“ไฮ้ ผู้หญิงบ้านท่านขุนภักดี ภูบาล ใครวะบังอาจมาจ้างเอ็งไปฉุดคร่า”
“อย่าพูดดีกว่าว่าใคร เอาเป็นว่า ผู้หญิงที่ให้ฉุด สวยงามปานเทพธิดา สาบานได้เลยนะไอ้หนัก”
หนักเริ่มสนใจเพราะเป็นผู้หญิงจากบ้านขุนภักดี แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเนียน
“ขอคิดดูก่อน ข้าไม่อยากก่อกรรมทำเข็ญกับลูกสาวใครเขา”
เหิมยิ้ม รู้ว่า

วันต่อมาเนียนนั่งอยู่กับขุนภักดีในเรือ เอกอยู่ท้าย ด้านหน้าเป็นคนขับเรือ เรือแล่นมาตามลำน้ำมุ่งหน้ากลับบ้านภักดีภูบาล
ขุนภักดีมองเนียนที่นั่งหน้าหมองเศร้าน่าสงสารอยู่ ท่านขุนมองเอามองเอากำลังหาวิธีจะบอกรักเนียน ส่วนเนียนใจลอยคิดถึงลูกกับพี่ชาย สะท้อนใจเมื่อนึกถึงตอนกอดลูกไว้ในอ้อมกอดร้องไห้
เสียงขุนภักดีเรียกเนียนเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“เนียนจ๊ะ”
เนียนยังไม่ได้ยินน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ขุนภักดีสงสารยกผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้เนียน
“อุ๊ย”
เนียนถอยหลบ
เอกยิ้มรีบหันหน้าออกไปนอกเรือ
“ชั้นรู้ว่าเนียนไม่อาจหายเศร้าโศกเรื่องพ่อได้ง่ายๆ ชั้นเห็นใจเนียนสงสารเนียนเป็นที่สุด”
“ขอบพระคุณ เจ้าค่ะ เนียนขอโทษที่ทำให้ท่านขุนเป็นกังวล”
“ชั้นต้องกังวล ห่วงใยทุกข์สุขของเนียนสิ เพราะชั้นรักเนียน”
ขุนภักดีพูดตรงๆ เนียนตกตะลึงพูดไม่ออก
“รักมากด้วย รักจนอดใจไม่ไหว เชื่อใจ ไว้ใจชั้นนะเนียน ชั้นจะดูแลยกย่องเนียนให้เกียรติเนียน”
“เอ้อ...”
“เนียนห่วงความรู้สึกคุณเรียม ใช่ไหม”
ขุนภักดีเชยคางเนียนมาสบตา เนียนพยักหน้า
“เจ้าค่ะ เนียนไม่ต้องการอกตัญญู เนรคุณท่านนายเรียม”
“ช่างเป็นเด็กดี เด็กซื่อสมกับที่คุณเรียมรักใคร่เมตตา คุณเรียมเต็มใจรับเนียนมาเป็นคนในครอบครัวเราจ้ะ ชั้นจะไม่เร่งรัดเนียน ชั้นอยากให้เนียนเต็มใจและมีความรู้สึกอย่างเดียวกันกับที่ชั้นมีต่อเนียน กลับไปไตร่ตรองแล้วพรุ่งนี้ให้คำตอบชั้น”
เนียนเงียบนิ่งงันไป ขุนภักดีสบตา ส่งสายตาบอกรักเนียน จนเนียนเขินอายหันหน้าหลบสายตา

ฟากหนักอยู่ที่บ้านแหล่งกบดาน ได้ยินเสียงนกร้องสามที จึงแง้มประตูออกมา โพล้งรีบผลุบเข้ามาในเรือน
“รีบร้อนจะเป็นจะตาย มีอะไรไอ้โพล้ง”
“แดงน้อยไม่สบายมาก”
“อีกแล้วรึ โธ่ แดงน้อยเอ๊ย”
“เงินที่ เนียนให้ไว้ เกรงว่าจะไม่พอ เพราะนางแพรมันจะเอาแดงน้อยเข้าไปรักษาในเมือง ชั้นก็เลยมาบอกพี่หนัก”
หนักทอดถอนใจ ภาพเหิมชวนไปฉุดผู้หญิงบ้านท่านขุน จ่ายสามชั่งผุดขึ้นในหัว
หนักพึมพำ “เอาก็เอาวะ”
โพล้งงง “เอาอะไรพี่”
“เอาเอ็งไปช่วยกันฉุดคร่าผู้หญิง”
โพล้งตาเหลือก “ไฮ้”
“ก็พวกเราต้องการเงินไปรักษาไอ้แดงน้อยไม่ใช่รึ สามชั่งเชียวนา”
“สามชั่ง”
“ข้าไม่อยากทำแต่ต้องทำ ข้าไม่มีทางเลือกนี่หว่า”
“ว่าแต่ว่าพี่หนักจะไปฉุดคร่าใคร”
“ใครกูไม่สนใจแล้ว กูอยากได้เงินมารักษาหลานกู รู้เท่านี้พอ กูชั่วกูเลวมามากแล้ว ยังไงกูก้อไม่พ้นนรกไม่พ้นโดนยิงตาย ตายเป็นตาย"

หนักปลดปลงในความเลวและชะตากรรมของตนเอง

เช้าวันต่อมาเนียนลงมาเก็บดอกมะลิ สนเดินตามเขม็งถลึงใส่

“วันนี้มึงพินาศยับเยินแน่อีเนียน” สนคำรามในลำคอ
แต่พอเนียนเงยหน้าสนกลับยิ้มหวานมาให้
“คุณสน”
“เนียน เสียใจด้วยนะเรื่องพ่อน่ะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณสน”
“หายโกรธที่ข้าเข้าใจผิด คิดว่าเนียนขโมยของคุณพี่เรียมวันก่อนหรือยัง”
“เนียนไม่โกรธดอกเจ้าค่ะ เนียนไม่สมควรโกรธคุณสนเจ้าค่ะ”
“แหมช่างดีงามจริงๆ สมกับที่คุณพี่เรียมรัก ขอบใจนะเนียน”
“คุณสนเธอขวานผ่าซาก ปากร้ายใจดี ปากไว พูดไปแล้วก็นึกได้” ช้อยสร้างภาพ
“นึกได้ว่าไม่ควรไปต่อว่าเนียน วันก่อนนั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ข้าจะพูดจาบ้าบอคอโป่งกับเนียน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ เนียนเก็บมะลิเสร็จแล้ว เนียนขอตัวนะเจ้าคะ”
เนียนหันกลับ ไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้สนกับช้อยมากนัก
สนดึงมือเนียนไว้เต็มแรงจนเนียนถลา “เดี๋ยว”
ช้อยรีบบอกแก้ต่าง “ไม่ต้องตกใจ คุณสนเธอสะกิดเบาๆ เท่านั้นแต่เท้าดันสะดุดรากไม้จึงกลายเป็นกระชาก”
“คุณสนจะให้เนียนทำอะไรเจ้าคะ”
“ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า ไปทำบุญเพลนี้เป็นเพื่อนข้าก่อนที่ข้าจะไปเยี่ยมพ่อที่ศรีประจันต์”
“เจ้าค่ะ” เนียนรับคำ
สนยอมปล่อยมือ เนียนออกเดินหนีใจคอไม่ดี สนกับช้อยมองตาม
“เสร็จกูแน่นางเนียน”
“นางเนียนเสร็จคุณสน ยังเหลือแต่...เอ้อ”
“นางเรียมกับอีนางทองจันทร์อีแก่ปากร้าย”
สนคำรามตาวาววับ สองนายบ่าวยิ้มให้กัน

เนียนมาขออนุญาตเรียมกับทองจันทร์
“เนียนมาขออนุญาตคุณท่านกับคุณนายเรียม ไปทำบุญกับคุณสนเจ้าค่ะ”
“แม่สนมันโดนอะไรสิงใจขึ้นมาถึงอยากจะทำบุญสุนทาน” ทองจันทร์ไม่อยากจะเชื่อ
สนเดินเข้ามาหาทองจันทร์
“พ่อกำนันของสนป่วยค่ะคุณแม่ สนอยากทำบุญสะเดาะเคราะห์พอดีสนเห็นพ่อของเนียนเขาตาย เลยชวนกันไปทำบุญให้พ่อเขาค่ะ”
เรียมมองมาสงสัยขึ้นมา
“ก็ดี เอ๊ะ เมื่อวานซืนแทนมันวิ่งตามผู้ชายคนหนึ่งไปที่หลังบ้านเรากบมันก็บอกว่า แม่สนกับช้อยอยู่ตรงนั้นเห็นใครบ้างหรือเปล่า”
“โอ๊ยมีรึสนจะไม่เห็น ก็มันเป็นคนของพ่อกำนัน มาตามสนให้ไปเยี่ยมพ่อนี่คะ”
“แล้วทำไมมันไปลับๆ ล่อๆ ที่หลังบ้าน แล้วทำไมแม่สนมาบอกวันนี้ ทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวาน”
“ก็พี่ขุนยังไม่กลับมาจากเผาศพนี่คะ สนไปลามาไหว้ค่ะ ต้องขออนุญาตพี่ขุนก่อนนี่คะ”
“เอาเถิด ชั้นอนุญาต แม่สนจะไปก็รีบไป เนียนถ้าเอ็งไม่เต็มใจก้อไม่ต้องไป”
ทีแรกสนยิ้มแย้มแต่ฟังจบสนก็ต้องชะงักหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“เนียนเต็มใจไปเจ้าค่ะ”
สนรีบดึงมือเนียนให้รีบออกไป ทองจันทร์มองตามแปลกใจนัก
“แม่สนมันดูลุกรี้ลุกลนพิลึกๆนะแม่เรียม”
“คงใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะพ่อป่วยน่ะค่ะ คุณแม่”
“ทำไมมันไม่ลุกรี้ลุกรนตอนเมื่อวานที่รู้ข่าว แปลกแท้ๆ แม่มองตามันไม่มีแววเศร้าโศกเหมือนเนียนตอนที่พ่อป่วยสักนิด”
ระหว่างนั้นขุนภักดีออกมาจากข้างในห้อง
“เนียนเล่าจ้ะเรียม”
“หยุดหายใจเข้าหายใจออกเป็นเนียนก่อนเถิดพ่อเทพ แม่เรียมนั่งหัวโด่ตรงนี้ เกรงใจกันบ้าง” ทองจันทร์ด่า
“เรียมกับพี่เทพพูดกันเรื่องเนียน ตกลงกันแล้วค่ะคุณแม่”
ทองจันทร์ตกใจ “ไฮ้”
ขุนภักดีพยักหน้ายืนคำ
“ครับคุณแม่”
ทองจันทร์ส่ายหน้าปวดหัว

ตอนสายๆ ตรงจุดนัดพบ เหิมส่งเงินสามชั่งให้หนัก
“สามชั่งของเอ็ง ขอบใจมากว่ะไอ้หนัก ข้าเผ่นก่อนละ”
“เดี๋ยว ผู้หญิงกี่คน”
“คนเดียว”
“ชื่ออะไร” หนักซักไซ้
“เดี๋ยวเอ็งก็รู้เองแหละวะ เพราะจะมีคนปล่อยผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้ตามลำพังให้เอ็งฉุดตรงโน้น รับรองว่าเอ็งไม่ผิดหวังแน่ๆ สวยเหมือนนางฟ้าว่ะ”
“สวยเหมือนนางฟ้า” หนักรำพึง
เหิมพูดจบรีบร้อนออกไปทันที หนักกับโพล้งมองหน้ากัน

สนกับช้อยพาเนียนเดินมาถึงจุดหมายที่นัดกับเหิม สนให้ช้อยหิ้วปิ่นโตอาหารเนียนช่วยหิ้ว
“เนียนไม่เคยมาแถวนี้เลยใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ เนียนไม่เคยมาแถวนี้ วัดอยู่ที่ไหนเจ้าคะ คุณสน”
สนมองหน้าช้อยแล้วยิ้ม
“ตรงโน้น เดินไปอีกนิดก็เห็นหลังคาโบสถ์แล้ว”
สามคนเดินต่อไป

หนักกับโพล้งย่องมาแอบมองว่าใครที่เหิมให้มาฉุด สองคนย่องมา
“ขอแอบมาดูหน้านางคนที่ไอ้เหิมมันจ้างให้ฉุดทีวะว่าสวยแค่ไหน” หนักว่า
“ได้ยินเสียงหวานๆ ของผู้หญิงคุยกันกระหนุงกระหนิงมาแล้วพี่หนัก”
หนักกับโพล้งรีบหลบวูบ มองไปที่เสียงผู้หญิงดังแว่วมา แล้วหนักกับโพล้งก็ตะลึง มองเห็นสามคนเดินมา
“เนียน” หนักกะโพล้งตกใจ
หนักจะวิ่งออกไป โพล้งดึงไว้
“ใจเย็นพี่หนัก ยังมีผู้หญิงอีกสองคนนอกจากเนียน”
“แต่มันบอกให้เราฉุดคนเดียวเท่านั้น มันหมายถึงใคร แล้วทำไมเนียนต้องมากับนางสองคนนั่น”
สองคนแอบมองต่อไป

ถึงจุดนัดช้อยสะกิดสน สบตากัน ช้อยพยักหน้ากระซิบ
“ได้เวลาชะตาร่วงของมันแล้วเจ้าค่ะ คุณสน”
สนเริ่มแผนทันที “โอ๊ย ข้า ปวดท้อง”
“ตายจริง คุณสนหน้าซีดมาก หยั่งกับจะเป็นลม” ช้อยเล่นอย่างสมบทบาท
“เนียนพัดให้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง คุณสนปวดท้องเพราะกินแกงอ่อมเผ็ดๆเข้าไปแน่ๆ
“โอ๊ย ปวดท้องทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะไปถ่ายทุกข์”
“เนียนพาไปนะเจ้าคะ”
“ไม่เอา ข้าจะไปกับช้อย เนียนนั่งรอตรงนี้ เดี๋ยวข้าก็กลับมา”
“อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวจะหลงทาง” ช้อยกำชับ
“จ้ะ”
ช้อยลากสนออกไป สนรีบเดินตัวปลิวเหมือนไม่ได้ปวดท้อง สองคนยิ้มย่องให้กัน เนียนนั่งลงกับขอนไม้ ถือปิ่นโตรอเงียบๆ ตามองตามสนกับช้อย

หนักกับโพล้งเห็นเหตุการณ์ตลอด หันมามองหน้ากันกระซิบ
“เนียน”
“มันจ้างกูมาฉุดน้องกูเอง” หนักแค้น
“อีนางสองคนนั่นรู้เห็นเป็นใจ” โพล้งบอก
“ไอ้เหิมชาติชั่ว มันให้กูมาฉุดคร่าน้องกูไปข่มขืน กูจะไปฆ่ามัน”
“เย็นไว้พี่หนัก คิดกลับตาลปัดสิ โชคดีแค่ไหนที่มันโง่มาจ้างพี่ โดยที่มันไม่รู้ว่าเนียนเป็นน้องของพี่ ถ้ามันไปจ้างคนอื่น โอย ไม่อยากจะเดาอนาคตเนียน”
“ป่นปี้แน่น้องกู ดีละ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ตามอีนางคนชั่วสองคนนั่นไป ไอ้โพล้ง”

สองคนแอบย่องตามสนกับช้อยไป

อาญารัก ตอนที่ 2 (ต่อ)

ฝ่ายเนียนนั่งสงบเสงี่ยมรอสองคนเงียบๆ พลางแหงนหน้ามองดวงอาทิตย์ เห็นว่าตะวันกำลังจะตรงหัวแล้ว

“ดวงอาทิตย์จะตรงหัวแล้ว จะไปทันพระฉันเพลหรือ”
เนียนลุกขึ้นชะเง้อหาวัด

ทางด้านสนกับช้อยกำลังวิ่งลัดเลาะหนีไปทางท่าเรือ
“เร็วช้อย รีบไปขึ้นเรือหนีไปให้พ้นจากที่นี่ให้ไวที่สุด”
“สะใจสาแก่ใจแล้วใช่ไหมเจ้าคะ คุณสน นางเนียนเจอวันวิปโยคโศกศัลย์แล้ว”
“อีเนียนมันรู้จักคุณสนลูกกำนันแสงน้อยไปซะแล้ว”
จู่ๆ หนักกับโพล้ง โพกหน้าด้วยผ้าขาวม้าโผล่พรวดออกมาขวาง กระโดดเข้าใส่สองคน
“มึงก็รู้จักกูไอ้เสือหนักน้อยไปอีสนใจดำลูกไอ้กำนันแสง” หนักคำราม
“อีช้อยนายว่าขี้ข้าพลอย กูจะสั่งสอนมึงให้จำกูไปจนตาย” โพล้งว่า
สนกะช้อยร้องลั่น “ ว๊าย”
“เอ็งเป็นใคร” สนงง
“กูเป็นคนที่จะมาข่มขืนมึง” หนักบอก
สนกะช้อยมองหน้าอย่างตื่นตกใจ
“เอ็งเข้าใจผิด แกต้องไปข่มขืนโน่นอีเนียนไม่ใช่พวกข้า” สนบอก
“กูไม่ข่มขืนอีคนไหนทั้งนั้น นอกจากมึงสองคน” หนักพูดใส่หน้า
“ไปให้พ้นนะ”
“กูจองมึงอีสน” หนักบอก
“กูจองมึงอีช้อย” โพล้งว่า
สองคนยกมือไหว้ปลกๆ
“อย่าทำอะไรข้านะ ข้าเป็นเมียขุนภักดีภูบาล” สนบอก
“เมียใครกูไม่กลัว คนชั่วใจอำมหิตอย่างมึงต้องเจอกับกู”
“เอ็งอยากได้สร้อย อยากได้อะไรข้าให้หมดเลย” สนทำท่าจะแกะสร้อยข้อมือให้
“กูไม่ต้องการ ฉุดมัน” หนักสั่งโพล้ง
สนกะช้อยตาเหลือก “ว๊าย”
สองคนโดดเข้าล๊อคคอปิดปากสนกับช้อย ที่ดิ้นรนตาเหลือกตาปลิ้นลากหายเช้าไปในรกในพง

ฝ่ายเนียนเดินสะเปะสะปะหาวัด มองไปยังไกลๆ เพื่อหาหลังคาโบสถ์
“ไหนล่ะ หลังคาโบสถ์”
เนียนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เดินขาลากจนหลงทาง จากเพลจนดวงอาทิตย์บ่ายคล้อย

ด้านขุนภักดีกระสับกระส่ายจะให้เนียนมาตอบรับรัก เดินวนเวียนไปมา เมียและแม่ดูอาการออก
“พี่เทพ เดินเหมือนหนูติดจั่น”
“อย่างพ่อเทพเขาต้องเรียกว่า ราชสีห์ติดบ่วงนายพราน”
“คุณแม่กับเรียมช่วยกันหยอกผมเป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียว ก็นี่มันบ่ายสามแล้ว ทำไมเนียนยังไม่กลับมาจากทำบุญ”
“นั่นสิคะ พระฉันเพลกรวดน้ำก็เสร็จพิธีแล้ว ทำไมหายไปนานนัก” เรียมเองก็แปลกใจ
“กบ เอ็งไม่ต้องมาแอบฟัง ไปตามไอ้เอกไอ้แทนมาเดี๋ยวนี้” ขุนภักดีสั่ง
กบโผล่หน้ามารับคำ ทำหน้าอายๆ
“เจ้าค่ะ”
กบค่อยๆ คลาน ไม่ทันใจท่านขุนเอาเลย
“สนิมสร้อยจริงๆ นางกบเดี๋ยวเถิดพ่อจะปาหัวร้างข้างแตก”
ขุนภักดีเองกลับพรวดออกไปก่อนกบ เรียมกับทองจันทร์เหลียวมองหน้ากัน

ครู่ต่อมาขุนภักดีอยู่ที่ลานบ้านออกคำสั่งให้เอกกับแทนไปตามหาเนียน
“ไอ้แทน ไอ้เอกรีบแยกย้ายกันไปตามหาเนียน เดี๋ยวนี้”
“ ขอรับ ท่านขุน”
สองคนประสานเสียง แล้ววิ่งปรู๊ดออกไปทันที ขุนภักดีออกอาการห่วงเนียนจนนอกหน้า

ตรงบริเวณป่ารกชัฏที่หนักเอาสนมาข่มขืน สนโดนมัดมือ มัดเท้ามัดปาก โดนหนักขย้ำขยี้จนหมดแรง ร้องขอให้หนักปล่อยพูดรอดผ้าออกมา
“ปล่อย ปล่อยข้า ไหว้ละ”
“กูไม่ปล่อย มึงใจดำอำมหิตนัก มึงหลอกคนอื่นมาให้โดนกูข่มขืน ทีนี้มึงรู้แล้วใช่ไหม ว่าโดนข่มขืนมันเป็นยังไง”
สนน้ำตาท่วมตา ไหลเป็นเผาเต่าพยายามยกมือไหว้ หนักจิกหัว
“ไม่ต้องมาร้องขอให้กูปล่อยมึง กูยังไม่สาสมอิ่มเอมในตัวมึง ไป”
หนักลากสนออกไปจากที่นั่น

เนียนเดินถือปิ่นโตวนเวียน จนหมดแรงไปวัดก็ไม่ถูกแถมกลับบ้านก็ไม่เป็น เนียนได้เรียกหาช้อยกับสน
“เกิดอะไรกับคุณสนหรือเปล่านะ ทำไมหายไปนานมากอย่างนี้คุณสนเจ้าขา ช้อย คุณสน ช้อย คุณสน”


หนักกำลังลากสน โพล้งกำลังลากช้อย สองคนสภาพยับเยินน้ำตาไหลพราก
“เอามันสองคนไปใส่เรือ” หนักบอก
“เอางั้นหรือพี่”
“เอางี้แหละ ไปเรือของมัน จะได้ไม่มีใครผิดสังเกต”
สนกะช้อยโดนลากไปต่อ เสียงเนียนเรียกหาสองคน
“คุณสนเจ้าขา ช้อย คุณสนเจ้าขา อยู่ไหนเจ้าคะ ได้ยินเนียนไหมเจ้าคะ เนียนเป็นห่วง”
ทั้งสนกับช้อยมีสีหน้าดีใจ สบตากันพยายามจะตะโกน สนแหกปากจนผ้ามัดปากหลุด
“ช่วย...”
หนักตบปากสน เอาผ้ายัดปากไว้
“กูไม่ยอมให้เขาช่วยมึงดอก มึงเห็นหรือยังว่าผู้หญิงคนนั้นน้ำใจงามแค่ไหน เขาใจดีห่วงมึง แต่มึงใจร้ายใส่ทำร้ายเขา”
เสียงเนียนดังเข้ามาอีก “คุณสนเจ้าขา เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ได้ยินเนียนแล้วตอบด้วย เจ้าค่ะ”
สนจะอกแตกตาย หนักชี้ไปที่เรือ
“เรืออยู่นั่น เร็วเอานางสองคนไปสั่งสอนในเรือ”

หนักกับโพล้งแบกสนกับช้อยไปตามที่หนักชี้

เรือเบนหัวออกจากท่า โดยมีโพล้งกับหนักเอาผ้าคลุมหัวตวัดมาปิดตั้งแต่ดั้งจมูกเอาไว้เพื่อพรางตัว โพล้งพายเรือออกไปจากท่า เนียนมาถึงที่ท่าเรือเห็นท้ายเรือไวๆ และเห็นคนพายคลุมหน้าไม่รู้ว่าใคร ไม่คิดว่าเป็นโพล้งกับหนัก

หนักกมองไปเห็นน้องก็อุทานออกมา “เนียน”
“เอาไงดีล่ะ ดูท่าเนียนจะหลงทาง” โพล้งว่า
ระหว่างนั้นเอกกับแทนวิ่งมาพอดี เรียกพร้อมกัน
“เนียน”
เนียนดีใจ “พี่เอก พี่แทน”
“หากันเกือบตาย” เอกบ่น
“หาไม่เจอท่านขุนเอาตายแน่” แทนว่า
“ท่านขุนห่วงจะแย่ รีบกลับไปเถิด” เอกบอก
“แต่คุณสนกับช้อย” เนียนกังวล
“ช่างเถิดสองคนนั่นเขาเอาตัวรอด”
สองคนรีบพาเนียนไป

หนักมาจิกหัวสนกับช้อยยกขึ้นให้มาดูเนียน
“มึงสองคนเห็นไหมว่าคนดีผีคุ้ม คนชั่วผีไม่ปราณี ผู้หญิงคนนั้นเขาต้องเป็นคนที่ท่านขุนอยากได้เป็นเมียแน่ๆ แล้วมึงก็ริษยาเขากูจะให้มึงซมซานกลับไปเหมือนนกปีกหักอีกเจ็ดวันข้างหน้า”
สนกับช้อยน้ำตาไหลพราก ไม่สำนึก แต่กลับเกลียดชังเนียนมากขึ้น

เนียนมองเรือที่ลอยห่างออกไป ก่อนหันกลับไปกับสองคน แทนหิ้วปิ่นโตให้เนียน
เนียนเดินออกไปช้าๆ แทนเดินห่างอยู่ด้านหน้า
เอกรีบเกลี้ยกล่อมเนียน “เนียน อย่าว่าพี่ยุ่งกับชีวิตของเนียน ตกลงใจกับท่านขุนเถิด เนียนก็เหลือตัวคนเดียว รังแต่จะโดนคนรังแก ถ้ามีท่านขุนคอยปกป้อง เนียนก็จะรอดปลอดภัย ท่านขุนถือตัวหนักหนา แต่กับเนียนท่านไม่เคยสักครั้งเดียว ตลอดเวลา ท่านห่วงใย ดีต่อเนียนแค่ไหน ใยไม่ตอบแทนสนองความดีของท่านเล่า ท่านรอเนียนอยู่รู้ไหม”
สีหน้าเนียนคิดหนัก

ขุนภักดีมองใบหน้าเนียนใต้แสงจันทร์ ผุดผาดสวยงาม
“เนียน”
“เจ้าคะ”
“ตอบสิว่าเนียนพร้อมจะให้ชั้นปกป้องดูแลเนียน”
“เอ้อ... ท่านขุนปกป้องดูแลเนียนมาตลอดแล้วเจ้าค่ะ เนียนขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“ชั้นไม่ต้องการขอบพระคุณบ่อยๆ ของเนียน ชั้นต้องการให้เนียนตอบรับความรักความห่วงใยของชั้น”
ขุนภักดีมองไปที่หน้าของเนียน
“ถ้าเนียนตอบว่าไม่ ชั้นก็จะไม่รบกวนเนียนอีก และเนียนก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปในฐานะน้องสาวของคุณเรียม ตอบสิเนียน ตอบอย่าทำให้ชั้นคลั่งใจอีกต่อไป ชั้นพร้อมเสมอสำหรับคำตอบของเนียน”
เนียนผละถอยมา แล้วก้มลงกราบ
“เนียนยินดีรับการปกป้องดูแลของท่านขุนเจ้าค่ะ”
“เนียน” ขุนภักดีดีใจรุกต่อ “เนียนตอบไม่หมด เนียนยังไม่ได้ตอบรับ รักชั้น เนียนตอบให้ตรงคำถามสิจ้ะ” ท่านขุนเริ่มใจมา
เนียนอายมาก “เจ้าค่ะ”
“เจ้าค่ะ อะไร รักหรือไม่รัก”
“เอ้อ...”
“อายมากก็ไม่ต้องออกเสียง แค่ขยับปากก็พอ”
เนียนเงยหน้าดูพระจันทร์ ขุนภักดีรอคำตอบเนียน เห็นเนียนขยับปาก ไม่กล้าส่งเสียง
“รักเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีดึงเนียนมากอดไว้แนบอก
“ชื่นหัวใจของชั้น”
ขุนภักดีจูบเนียนที่หน้าผาก เนียนหลับตาพริ้มไม่กล้าลืมตา ท่านขุนกระซิบ
“นี่คือจูบมัดจำ เนียนออกทุกข์เมื่อไหร่ ชั้นจะรับขวัญเนียนประกาศให้ทุกคนในบ้านรู้ว่าเนียนคือคุณนายของบ้านนี้”
เนียนน้ำตาซึมในอ้อมกอดของขุนภักดี

ฝ่ายหนักกับโพล้ง ลากสนกับช้อยออกมาโยนลงบนพื้นเรือน
“เอาผ้าพันปากมันออกทั้งสองคน”
โพล้งเอาผ้ามัดปากออกทั้งสองคน สองคนอ้าปากจะร้องแต่แทบจะหมดเสียงได้แต่ร้องกรี๊ดๆๆ อย่างอ่อนแรง
“เชิญมึงสองคนแหกปากร้องให้สาแก่ใจ ร้องได้ร้องไป เจ็ดวันเจ็ดคืน”

สองคนกลับร้องไม่ออกได้แต่กลอกตาส่ายหน้าร้องไห้ใส่กันอย่างแค้นใจ

ทางด้านแดงน้อยซึ่งยังป่วยหนัก อยู่ในอ้อมแขนของแพร ที่กำลังยืนละล้าละลัง และจำใจต้องเดินออกมาจากโรงพยาบาล พร่ำบ่นกับหลาน

“แดงน้อยเอ๊ย เงินที่แม่เอ็งให้ป้ามาหมดแล้ว แต่เอ็งก็ยังไม่หาย ถ้าป้าขายตัวเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาเอ็งได้ป้าจะทำ แต่มันจนใจ ใคร้จะมาลงทุนซื้อผู้หญิงไม่สาวไม่สวยแม้จะสดอย่างป้า”
ระหว่างนั้นโพล้งซึ่งสภาพดูโทรมมาก ทำหลบๆ ซ่อนๆ เข้ามาทางด้านหลัง
“กระตู้วู้ ยายแพร”
แพรขันขวับมา “ว๊าย ไอ้โพล้ง เอ็งหายหัวไปไหนมา หลานป่วยจนหมดเงินรักษา ต้องพามันออกจากโรงบาน เอ็งยังมาทะลึ่งใส่ ข้าจะคลั่งใจตาย”
“เอ็งไม่ต้องคลั่งใจตาย รีบพาแดงน้อยกลับเข้าไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
“ไอ้โพล้ง ข้าเพิ่งออกมาเพราะหมดเงิน จะกลับเข้าไปได้ยังไง นึกว่า ข้าเป็นแม่เจ้าของโรงพยาบาลรึ เดี๋ยวถีบหน้าเอ็งหงาย”
“ถีบมาเลยอยากเห็นขาอ่อนเก่าๆ ของเอ็งเหมือนกัน”
แพรยกเท้าค้าง
“หยุดหยอกข้าไม่ใช่เวลามาตลก” แพรบิดหูโพล้งเต็มๆ “บอกแล้วว่าไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาไอ้แดงน้อย”
“แล้วใครว่าไม่มีเงินจ่าย”
พลางโพล้งดึงแดงน้อยมาอุ้ม สอดเงินใส่ชายผ้าที่ห่อแดงน้อยเอาไว้
“สามชั่ง พอค่ารักษาไหม”
แพรตะลึงด่าเอาอีก “สามชั่ง ไฮ้ มึงริอ่านเป็นโจร มึงไปปล้นใครมา”
โพล้งเลยเซ็ง “จะเอายังไงกัน ไม่มีเงินก็ด่า มีเงินก็ว่า อย่าปากสว่าง ไม่ต้องถาม ข้าจะรีบไปหาเมีย”
แพรฉงน “เมีย”
“ตกใจเร๊อะ อกหักใช่ไหมนางแพร ข้าไม่แลปากร้ายอย่างเอ็งร๊อก”
แดงน้อยร้องไห้พอดี แพรหันไปหาแดงน้อย
“แดงน้อย หลานเอ๊ย เอ็งรอดตายแล้ว ไอ้โพล้งบอกมานะว่ามึง”
แพรหันมาอีกที โพล้งหายไปแล้ว


เวลาผ่านไป
วันนี้ขุนภักดียิ้มย่องอยู่บนเรือน แล้วยิ้มหวานให้เนียน
“เจ็ดวันนานเหมือนเจ็ดปีสำหรับพี่ ออกทุกข์กันทีนะเนียน”
“เจ้าค่ะ”
“คุณเรียมจะเรียกช่างมาตัดเสื้อผ้าให้เนียน เตรียมตัวเป็นคุณนายของพี่”
“เจ้าค่ะ”
“พี่สั่งให้เขาจัดห้องให้เนียนใหม่ อยู่บนเรือนไม่ใช่ห้องเก็บของเล็กๆ ข้างล่างเหมือนเมื่อก่อน”
เนียนไหว้ชดช้อย “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“เลิกเจ้าค่ะได้แล้ว ใช้คำพูดเสียใหม่ว่าค่ะ พี่ขุน”
“เจ้าค่ะ ท่านขุน”
“เอ หัวดื้อจริงแฮะ ใครรู้ว่าพี่ให้เมียพูดเจ้าค่ะ เจ้าคะเจ้าขาด้วยเสียชื่อหมด เขาจะหาว่าพี่หลงอำนาจยศฐา”
“เนียนไม่กล้าอาจเอื้อมหรอกเจ้าคะ”
“ต้องแก้ลำความไม่กล้าของเนียนซะบ้าง ยื่นแก้มมาให้หอมทีสิจ้ะ”
เนียนอ้าปากค้าง เขินอาย
“อย่าเจ้าค่ะ”
“ยังพูดเจ้าค่ะอยู่อีก พูดว่า ค่ะพี่ขุนเดี๋ยวนี้”
ขุนภักดีหัวเราะชอบใจยื่นจมูกไปหอมแก้มเนียนเบาๆ เนียนสะดุ้ง
“อุ๊ย” เนียนอายม้วน
“จะเรียกพี่ขุนแทนที่จะเรียกท่านขุนหรือยัง ถ้ายังจะหอมแก้มให้ช้ำทั้งสองข้าง”
เนียนยิ้มเงอะงะแต่ดูน่ารักไปหมดในสายตาท่านขุนที่ยื่นหน้าไปที่แก้ม เนียนเอามือดันไว้เบาๆเบนแก้มหนี
“เรียกแล้วค่ะ พี่ขุน”
“ดีมาก” ขุนภักดีหอมอีกฟอด
“พอเถิดค่ะ พี่ขุน”
“พอสำหรับวันนี้ หลังพิธีแต่งงานเมื่อไหร่พี่เรียกคืนบวกดอกเบี้ยทบต้น”
ขุนภักดียิ้มอย่างเอ็นดูหลงใหลเนียน

ครบ 7 วัน หนักกับโพล้งยังคงโพกหน้าเอาสนกับช้อยมาปล่อยไว้ที่ท่าเดิม
“กูเป็นโจรมีสัจจะ กูบอกว่าจะเอามึงเป็นเมียเจ็ดวันก็เจ็ดวันจริงๆ จำไว้อย่าริอ่านทำชั่วๆ แบบนี้อีกเด็ดขาด” หนักใช้นิ้มทิ่มหน้าผากสนแรงมาก “กูจะมาฉุดมึงอีกคราวนี้เจ็ดปีเลย”
สนกับช้อยร้องไห้กระซิกๆ บอบช้ำหมดทั้งกายและใจ
“กูเกลียดมึง...กูขยะแขยงมึง ฆ่ามึงได้กูจะฆ่ามึง ไอ้คนชั่ว”
“มึงกับกูก็ชั่วเสมอกัน กูรู้คนอย่างมึงฆ่าใครก็ได้ทั้งนั้น กระทั่งผู้มีพระคุณ ระวังเถิดท้องไส้ขึ้นมา มึงจะมีหน้ากล้าบอกผัวว่าลูกใคร”
สนกับช้อยตกใจได้ยินเรื่องมีลูก
“คุณสนเจ้าขา” ช้อยกระซิบ “อย่าไปต่อปากกับมัน เดี๋ยวมันบ้าฉุดไปต่อ”
สนจึงหยุดไป
“แก้มัดมัน ให้มันซมซานกลับไปหาข้อแก้ตัวกับขุนภักดี มึงแก้ตัวให้ดีๆ ก็แล้วกันว่ามึงพากันหายหัวไปไหนมา” หนักบอก
“เสียดายเนาะ ถ้าแม่ช้อยนิสัยเลี้ยงเชื่องเหมือนอีแดงหมาที่บ้านจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่” โพล้งหยอกล้อ
“ถุย”
ช้อยถุยน้ำลายใส่โพล้งที่โพกหน้าอยู่ โดนหน้าโพล้งที่หัวเราะพอดี สองคนแก้มัดสนกับช้อยที่หมดเรี่ยวหมดแรง สภาพทรุดโทรมบักโกรกไม่สดใสสวยงามเหมือนเดิม
“ขอกูเห็นหน้าชั่วๆ ของมึงสักครั้งได้ไหม”
“ไม่จำเป็น แต่ยังไงมึงก็เป็นเมียเจ็ดวันของกู กูจะบอกชื่อเสียงเรียงนามของกูให้มึงจำผัวคนนี้ไปจนวันตาย” หนักว่า
“มึงเป็นใคร” สนตะคอกถาม
“กู ไอ้เสือหนัก” หนักบอก
สองคนร้อง “ว้าย”
“ชื่นใจไหม ที่ชีวิตนี้ได้มีผัวเป็นไอ้เสือชื่อกระฉ่อนเมือง” หนักแสยะยิ้มเยาะหยัน
จากนั้นหนักกับโพล้ง กระโดดลงน้ำว่ายหายไปจากท่าน้ำ
สนกับช้อยโผเข้ากอดกันร้องไห้โฮๆๆ
“กูอยากตาย กูอยากตาย ทำไมกูต้องกลายเป็นเมียไอ้มหาโจรนั่นด้วยช้อย กูอยากตายฮือๆๆๆ”
“ช้อยเองก็ป่นปี้ยับเยิน แต่ยังไม่อยากตาย ฮือๆๆๆ”
สองคนตีอกชกหัวร้องไห้โฮๆ น่าเวทนา

ผิดกับเหตุการณ์ในเรือนใหญ่ ทุกคนดูสดชื่นมีความสุข เนียนนั่งสงบเสงี่ยม ช่างเสื้อกำลังวัดตัวเนียน
“ตัดหลายๆ แบบ หลายๆ สี หลายๆ ชุด นะช่าง” ขุนภักดีคอยกำกับ
“เจ้าค่ะ...ท่านขุน คุณเนียนสวยเหมือนหุ่นโชว์เสื้อในห้างที่บางกอก ใส่อะไรก็สวยทั้งนั้นเจ้าค่ะ” ช่างเสื้อบอก
“ให้มีทั้งชุดไปทำบุญ ไปตลาด ชุดอยู่บ้าน อย่าให้ขาดตกบกพร่องนะจ๊ะช่าง” เรียมว่า
“รับรองเจ้าค่ะ” ช่างรับคำยิ้มแย้ม
“เอ้อ ที่คุณเรียมให้เนียนก็แยะแล้ว เนียนใส่อะไรก็ได้ค่ะ” เนียนเกรงใจ
“ไม่ได้ดอกเนียน ที่ชั้นให้มันใช้แล้ว ไม่สมฐานะคุณนายเนียน” เรียมบอก
ทองจันทร์เปลี่ยนสรรพนามจากเรียกเนียนว่าแกมาเป็นเจ้า
“เจ้าหยุดถ่อมตัวจนเกินจำเป็นได้แล้ว จำไว้นะเนียน การที่เจ้ามุ่งมั่นมองคนอื่นดีงามไปหมด หายนะอาจมาเยือน รู้จักคลางแคลงใจในคนอื่นไว้บ้าง เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”
“คุณแม่พูดถูก จ้ะเนียน อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเองจ้ะ”
“เนียนทนโดนรังแก โดยไม่ปริปากบ่นไม่ได้นะ มีอะไรก็บอกพี่ที่นี่ไม่มีอิทธิพลเถื่อน พี่ให้ความยุติธรรมกับทุกคนเท่าเทียมกัน” ขุนภักดีบอก
“ได้ยินแล้วก็จำไว้นะเนียน เอ๊ะ พ่อเทพ แม่พวกชอบใช้อิทธิพลเถื่อนเรือนเล็กหายไปหลายวันจริงๆ” ทองจันทร์นึกได้
“คงเพราะว่ากำนันแสงแกป่วยนาน” ขุนภักดีพูดไปเรื่อยๆ ไม่ห่วงใยนัก
“ตอนไปคุณสนก็ไม่ได้หิ้วผ้าผ่อนท่อนสไบติดตัวไปสักชิ้นนะเจ้าคะเหมือนจะไปกลับวันเดียวใช่ไหม เนียน เอ้อ คุณเนียน” กบหันมาถาม
“เอ้อ...ชั้นไม่ทันได้สังเกต” เนียนว่า
“เจ้าน่ะสังเกต แต่เจ้าไม่อยากพูดให้แม่พวกนั้นเสียหาย เจ้ามันเป็นซะแบบนี้ หวังดีกับคนดีๆ ก็ดีไป แต่หวังดีกับงูเห่ามันจะทำร้ายเอาภายหลัง”
“พี่เทพน่าจะส่งใครตามไปดูที่ศรีประจันต์ นะคะ กบ ไปตามนายเอกนายแทนมา” เรียมสั่ง
“เจ้าค่ะ” กบรีบไป

ช่างตัดเสื้อวัดตัวเนียนเสร็จพอดี

สนเดินกระปรกกระเปลี้ย ท้อแท้ ไม่มีกระจิตกระใจ ช้อยประคับประคองเดินมาหกล้มหกลุกเป็นที่น่าเวทนา

“ข้าอยากตาย นั่นต้นไม้ข้าจะผูกคอตาย ข้ามองหน้าใครไม่ได้แล้ว”
สนวิ่งไปเร็วรี่ ช้อยวิ่งตามไปโอบรัดฉุดไว้
“คุณสนขา สามปีก่อนคุณสนก็ยังมองหน้าใครได้ อย่าเพิ่งผูกคอตาย ท่องชื่อมันไว้ไอ้เสือหนัก อีเนียน คุณสนต้องแก้แค้นมันสองคนก่อนผูกคอตายเจ้าค่ะ” ช้อยเสี้ยม
“สามรวมทั้งไอ้เหิม ไอ้เหิมมันทรยศหักหลังกู” สนคำราม
“ไอ้คนเนรคุณนั่น จัดการไม่อยากดอกเจ้าค่ะ แค่เอาเงินปาหน้ามันมันก็มาให้แก้แค้นถึงที่ แต่อีเนียนต่างหากที่น่ากลัวที่สุด” ช้อยว่า
“อีเนียน ข้าน่าจะฆ่าเอ็งตั้งแต่เอ็งมาถึงวันแรก”
“ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สาย ใกล้ถึงบ้านแล้ว อย่าป้ำเป๋อละเมอพูดจาผิดๆ ถูกๆ อย่าเผลอเปิดแผลออกมาว่าเราไปโดนอะไรมา”
“คราวนั้นไอ้เหิม มันทำไปเพราะหลงรักกูแต่ครั้งนี้ไอ้เสือหนักมันทารุนกูราวกับว่ามันแค้นกูมาแสนปี หยั่งกับกูไปสร้างความแค้นแสนสาหัสให้มัน” สน
ช้อยแปลกใจ “นั่นสิเจ้าคะ นึกขึ้นมาก็แปลกใจนะเจ้าคะ ทำไมมันต้องเกลียดเราทั้งที่เพิ่งเคยพบกัน เงินมันก็ไม่เอา ทองหยองมันก็ไม่แตะ”
สนสุดทนฟังตวาดช้อย พลางร้องกรี๊ดๆๆ ไล่ทุบตีช้อย
“กูทนฟังไม่ได้แล้วอีช้อยมึงหยุด เพราะมึง มึงแนะนำให้กูทำอย่างนี้กูถึงต้องเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ อีช้อยอย่าหนีกูนะ”
“อย่ามาลงที่ช้อยสิเจ้าคะ ช้อยบอกแล้วไงเจ้าคะ ว่าอีเนียนต่างหาก คือตัวการ อย่าตีช้อยสิเจ้าเจ้าคะ ช้อยก็เจ็บช้ำเหมือนกัน”
“แต่กูเจ็บช้ำกว่า กูจะตีมึงฐานแนะนำให้พบหายนะ”
สนฉวยไม้ดุ้นใหญ่ข้างทางไล่ตีช้อยระบายความแค้น

เอกกับแทนเดินมาคุยกันมา
“ทำไมคุณสนถึงไม่นั่งเรือไปศรีประจันต์จากท่าน้ำบ้านเรา” แทนตั้งข้อสังเกต
“ทำไมคุณสนต้องทำให้มันยุ่งยาก มาขึ้นเรือที่ท่าเปลี่ยวๆ” เอกก็สงสัย
“คงเพราะคุณสนเธอใจนักเลงเหมือนพ่อเธอไม่กลัวใครทั้งนั้น” แทนบอก
“คงเพราะคุณสนเธอลมพัดลมเพ เดาใจยาก เปลี่ยนใจได้เสมอ” เอกว่า
เสียงช้อยร้องดังเข้ามา “ว๊าย”
สองคนตกใจร้อง “เฮ้ย”
“กูจะตีมึง อีช้อยอย่าหนีนะ” คราวนี้เป็นเสียงสน
สองคน จำได้ “ช้อย คุณสน”
เสียงช้อยดังขึ้นอีก “คุณสนเจ้าขา อย่าตีช้อย อย่าตีช้อย เราลงเรือลำเข็ญลำเดียวกันนะเจ้าคะ”
สองคนมองหน้ากัน
“คุณสนกำลังอาละวาดช้อย ไปเร็ว” เอกบอก
สองคนพยักหน้า พากันตามเสียงของช้อยไป

ห้องนอนใหม่ของเนียน สะอาดสะอ้าน มีเตียงคู่สำหรับนอนสองคน มีมุ้งสวยงาม เนียนยืนดูนิ่งๆ ทำตัวไม่ถูก
“ห้องใหม่ของเนียน ชอบไหม” ขุนภักดีเอ่ยถาม
“เอ้อ ดีเกินไปสวยเกินไปใหญ่โตเกินไปสำหรับคนอย่างเนียนค่ะ”
“ดีน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคุณนายของท่านขุนภักดี ภูบาล นั่นไม่ใช่แค่ห้องของเนียนคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นห้องของพี่ด้วยนะจ้ะ”
“เอ้อ..ค่ะ”
“ถ้าห้องเล็กๆ ใส่เตียงเล็กๆ เวลานอนก็ต้องเบียดกัน กอดกันแน่นทั้งคืนกันตกเตียง เอาไหม” ขุนภักดียั่วล้อ หัวเราะขำ
เนียนเขินอาย หัวใจเผลออิ่มเอิบชีวิตเหมือนฝัน ขุนภักดีมองเนียนตาหวานฉ่ำอย่างสุขใจ

ขณะที่สนไล่ตีช้อยอยู่นั้น ช้อยหนีสะดุดรากไม้หกล้ม
“อีเนียนมึงตาย”
“ว๊าย...อย่าเจ้าค่ะ คุณสน นี่ช้อยนะเจ้าคะไม่ใช่อีเนียน”
สนมองไปที่ช้อยกลายเป็นหน้าเนียน สนเลือดเข้าตาเสียใจจนเสียสติบ้าคลั่ง
ช้อยกระชากไม้มาได้เหวี่ยงทิ้งไป สนไม่เลิกรา กระโจนมาคร่อมร่างช้อย จิกหัวกระชากไปมาทั้งตบหน้า
ทั้งเอาหัวโขกพื้นดิน
“อีเนียน อีมารชีวิต อีมารความรักของกู”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คุณสนเป็นบ้า ช่วยด้วย คุณสนจะฆ่าช้อยโอ๊ย คุณสนเจ้าขา นี่ช้อยไมใช่อีเนียน”
เอกกับแทนวิ่งมาถึง ตกใจ
“คุณสน”
“ช้อย”
“ตายละวา รีบไปช่วยกันคุณสนออกมาจากช้อย” เอกบอก
เอกกับแทนไปช่วยกันดึงสนกันมาจากการทุบตีช้อย
“ปล่อยกู ปล่อยกู กูจะฆ่าอี.น...” สนร้องลั่น
ช้อยรีบพูดทับเสียงสน “คุณสนเจ้าขา ท่านขุนมาแล้วเจ้าค่ะ”
สนชะงักปาก มีสติขึ้นมา แทนกับเอกดึงสนออกมาจากช้อย สนส่ายตามองหาท่านขุน
“พ...พะ..พี่ขุนมา”
แอกกะแทนมองหน้ากัน
“ท่านขุนไม่ได้มาครับ แต่ให้ผมมา” แทนว่า
เอกบอก “เรากำลังจะไปหาคุณสนที่ศรีประจันต์”
สนหายบ้าเป็นปลิดทิ้ง สบตากับช้อยใจหายใจคว่ำ
“จะไปทำไม เอ้อ พ่อกำนันอาการดีแล้ว”
“อ้อ เอ...เมื่อสักครู่เหมือนได้ยินคุณสนเอ่ยชื่อคุณเนียนแว่วๆ” เอกคาใจ
สนกะช้อยสะอึก
“พวกเอ็งหูหาเรื่อง แล้วเมื่อกี้ เอ็งเรียกอีเนียนว่ากระไรนะ”
“คุณเนียนขอรับ” เอกบอก
สนตาเขียวปัด ช้อยสะกิด
สองคนยืนกราน “คุณเนียน”
ช้อยกระซิบเตือน “ใจเย็นๆ เจ้าค่ะ ถึงเรือนก็รู้ ตอนนี้อย่าหงอยให้มันเห็นเจ้าค่ะ”
สนพยักหน้ายืดอกทำเชิดต่อไป
เอกยั่วเพราะไม่ใคร่ชอบสน “คุณสนไม่อยู่แค่เจ็ดวัน อะไรอะไรมันก็เปลี่ยนไป”
“ใครถาม ไม่ต้องมาสาระแนเล่า”
ทั้งหมดจึงพากันเดินออก เอกกับแทนแปลกใจในความทรุดโทรมของสนกับช้อยจึงลอบมองบ่อยๆ
“กระเป๋าเล่าขอรับคุณสน” แทนถาม
“ถามทำไม เอ็งอีกคนก็สู่รู้นักนะไอ้แทน” สนด่า
“กระผมจะหิ้วให้น่ะขอรับ” แทนว่า
“คุณสนลืมเอากระเป๋ากลับมา เอ็งไม่ต้องมาถามซอกแซก” ช้อยตัดบท
“เอ๊ะ ช้อย เจ็ดวันก่อนชั้นจำได้ว่าเห็นช้อยหิ้วไปแต่ปิ่นโต ไม่มีกระเป๋าแล้วก็ใส่ชุดเดิมนี่แหละ” เอกยื่นหน้าทำดมๆ กลิ่น “โฮ้โหกลิ่นตุๆ ยังกับใส่ๆถอดๆ เจ็ดวันไม่เคยเปลี่ยน”
เอกพูดล้อ แต่เป็นคำพูดที่แทงใจดำสนและช้อยมาก สองคนกรี๊ดลั่นเพราะมันคือความจริง
“อ๊าย”
“ไอ้เอก ผีตายโหงเจาะปากเอ็งรึ พี่ขุนให้มาดูแลรึให้มาสอบสวน”
นั่นแหละแทนกับเอกจึงสงบปากสงบคำ

ช้อยแต่งตัวให้สนเสร็จ แต่สนหน้าตายังหงอยเหงา
“ช้อย ข้าไม่กล้าสบตาพี่ขุนกับอีแก่นั่น”
ช้อยรวบเท้าสนบีบนวดให้กำลังใจกอดขาสนด้วยเอาหน้าแนบขาสน ด้วยความภักดี
“คุณสนเจ้าขา ของพรรค์นี้มันมีแค่รอยประทับในใจไม่ใช่บนหน้าผากนะเจ้าคะ สบตาให้ตายก็รู้เจ้าค่ะ ถ้าคุณสนไม่สบตาสิเจ้าคะ จะเป็นพิรุธ”
“ใจพิรุธมันก็ต้องแสดงพิรุธ ยังไงข้าก็กลัว”
“คนดีของอีช้อย คุณสนต้องสู้ ต้องไม่แสดงพิรุธให้ใครจับได้นะเจ้าคะ กลบพิรุธด้วยการทำตัวให้น่าเวทนาน่าสงสารเข้าไว้เจ้าค่ะ”
“ข้าจะพยายาม แต่มันช่างยากเย็น ยากทำใจ”
“ทำใจให้ด้านชาไว้ ด้านได้อายอดอย่าลืมสิเจ้าคะ ท่องไว้เจ้าค่ะแล้วคุณสนจะได้ทุกอย่างที่หวังไว้”
“ขอบใจเอ็งมาก ช้อย เอ็งไม่โกรธหรือที่ข้าคลั่งไล่ตีเอ็ง”
“ไม่โกรธเจ้าค่ะ ช้อยไม่มีทางโกรธคุณสน นิดเดียวก็ไม่เคยคิดจะโกรธช้อยยอมตายถวายหัวเพื่อความสุขความพอใจของคุณสนคนเดียวเจ้าค่ะ”
สนซึ้งในความรักภักดีที่ช้อยมีให้ น้ำตาไหลริน สะอื้นไห้ โผเข้ากอดช้อยเอาไว้
“ขอบใจเอ็งมาก ในโลกนี้คงมีเอ็งคนเดียวที่ซื่อสัตย์กับข้า”
“สาบานได้เลยเจ้าค่ะ ไปสู้ชีวิตไปฉกฉวยความรักของท่านขุนกลับคืนมาให้ตัวเองให้มากที่สุดกันเจ้าค่ะ คุณสน”
ช้อยประคองสนให้ลุก

ขณะที่ขุนภักดี นั่งสบายอารมณ์ มีเนียนนั่งแต่งตัวสวย หน้าสวยแฉล้มข้างๆ กำลังพัดวีให้ สนกับช้อยตามกันเข้ามา พอเห็นภาพนั้น สนแทบกรีดร้อง
แต่ทำได้แค่คำรามในคอ “อีเนียน อีมารยาสาไถย์”
ช้อยสะกิดเตือนสนจึงยกมือไหว้ท่านขุน
ขุนภักดีเห็นสนทักเรื่อยๆ ไม่ตื่นเต้น “อ้อ สนกลับมาแล้ว”
“ค่ะ พี่ขุน”
“พ่อเป็นยังไงบ้าง”
สนตอบแต่ตาชำเลืองเนียนที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ “สบายดีแล้วค่ะ สนถึงได้รีบกลับมาดูแลคุณพี่ไงคะ”
“ฮ้าย ไม่ต้องห่วง เนียนเขาดูแลพี่เต็มที่” สีหน้าขุนภักดีเอิบอิ่มมีความสุขมาก “ไม่มีขาดตกบกพร่อง”
เนียนเห็นว่าสนมา ทำท่าจะปลีกตัว
“เนียนขอตัวก่อนนะคะ พี่เทพ”
สนกะช้อยอุทานพร้อมกัน “พี่เทพ”
“พี่บังคับเนียนให้เรียกพี่อย่างนี้ ทั้งที่เขาไม่เต็มใจ บอกกันตรงนี้ให้รับรู้ นี่แหละคุณนายคนที่สามของพี่”
“คุณนายคนที่สาม” สนแทบช็อก
สนกับช้อยตะลึงจนพูดไม่ออก เนียนค่อยๆ ถอยไป แต่ขุนภักดีคว้าข้อมือไว้
“ใช่จ้ะ ไหนๆ สนก็ญาติดีชวนเนียนไปทำบุญร่วมกันแล้วปรองดองกันไว้ทั้งสองคน”
“ค่ะ” เนียนรับคำ
“เอ้อ ..ค่ะ เนียนคงฟ้อง เอ้อบอกไปแล้วว่าเราไม่ทันไปทำบุญ”
สนกับช้อยแอบสบตากัน ลอบมองเนียนที่ทำหน้านิ่งอยู่ เริ่มไม่สบายใจกลัวเนียนมาฟ้องอะไร เลยรีบพูดก่อน
“อ้าว...เนียนไม่ได้บอกพี่สักหน่อย ยังไงกันรึ”
“คือสน สนปวดท้องมาก เลยหลบไปถ่ายทุกข์ แต่ปวดท้องมากขึ้นไปอีกจนเดินไม่ไหว”
ช้อยรีบเสริม “ปวดขนาดชักดิ้นชักงอไปเลยเจ้าค่ะ เป็นลมเป็นแล้งเลยนะเจ้าคะ”
“กลับมาหาเนียนไม่ทันพระฉันเพล ขอโทษด้วยนะเนียน”
“ค่ะ คุณสน”
“เนียนเขาไม่บอกพี่เพราะกลัวพี่จะเคืองสน เนียนน่ารักอย่างนี้แหละ” ขุนภักดีเป็นปลื้ม
“ค่ะ” สนกัดฟันพูด “สนใจคอไม่ดีห่วงเนียนรอจนค่อยยังชั่ว ย้อนกลับมาหาเนียนหายไปแล้ว สนกลัวพี่เทพจะตำหนิว่าสนทิ้งเนียนจะแย่”
“ไอ้คนที่มารอรับ มันเร่งเร้ามาก ช้อยก็เลยบอกให้คุณสนรีบไปดูพ่อกำนันเจ้าค่ะ ช้อยขอรับผิดเองที่ทิ้งแม่ เอ้อ คุณเนียนไว้คนเดียว จะลงโทษช้อยยังไงก็ได้เจ้าค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกจ้ะช้อย” เนียนบอก
“เนียนเขาไม่เอาเรื่องใครดอก” ท่านขุนว่า
“แหมสนโล่งใจมากคะ ที่เนียนปลอดภัย”
“เราครอบครัวเดียวกัน พี่วานมาช่วยกันดูแลเรื่องพิธีแต่งงานของพี่กับเนียนด้วย”
สนแทบคลั่งจะอกแตกตาย ช้อยต้องคอยสะกิด
“ค่ะ คุณพี่ สนทำเต็มที่ค่ะ”
“ขอบใจ ไม่มีอะไรก็กลับเรือนเถิดสน พี่กับเนียนจะคุยกันต่อ”

สนแทบจะบ้าตายตรงนั้น ช้อยรีบคว้ามือสนไว้

ติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น