อาญารัก ตอนที่ 1
บริเวณท้องทุ่งที่นาผืนใหญ่ราวสิบไร่ของนายน้อม ซึ่งอยู่ในตำบลแห่งหนึ่งของอำเภอบ้านแพน จังหวัดสุพรรณบุรี ครอบครัวน้อม 6 ชีวิตกับอีกหนึ่งที่กำลังจะลืมตามาดูโลก อาศัยกันอยู่ในที่ดินผืนนี้อย่างแร้นแค้น
เนียนหญิงชาวบ้านหน้าตาสวยซึ่งท้องแก่จวนคลอด เอาน้ำดื่มมายื่นให้แดง ผู้เป็นสามีที่กำลังไถนาอยู่กลางท้องทุ่ง
แดงนั้นดูมีอาการไม่ดีนัก ท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบาย หน้าซีดเหงื่อแตกพลั่ก
“จะเพลแล้วหยุดพักก่อน เถิดพี่แดง” เนียนเอ่ยขึ้น
“ขอบใจมากเนียน แต่มันเหลืออีกนิดเดียว พี่ขอไถให้เสร็จก่อนเพล” แดงฝืนสังขารบอก
“พี่แดงไม่ค่อยสบาย ให้เนียนทำต่อนะ”
“ไม่ได้ เนียนท้องแก่มาก อีกเดือนเดียวก็จะคลอด พี่กลัวเนียนคลอดก่อนกำหนด พี่ห่วงเนียนกับลูกมากรู้ไหม” แดงกลับเป็นห่วงผู้เป็นเมียของตนมากกว่า
“รู้สิจ๊ะ อีกเดือนเดียว เนียนก็จะได้เห็นหน้าลูกของเรา” เนียนยิ้มชื่น
“พ่อชื่อแดง ลูกชื่อแดงน้อย เนียนว่าดีไหมจ้ะ” แดงบอกพลางหันมากอดเนียน
“ดีที่สุดจ้ะ แดงน้อย ได้ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แต่ เอ้อ...เราจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูกไม่ให้ต้องลำบากเหมือนเรา”
ระหว่างนั้นเสียงคุณนายเจ้าหนี้ก็ดังแปร๊ดมาจากริมคันนา
“ก็เอาขี้เถ้ายัดปากตอนมันเกิดให้มันตายไปซะ”
เนียนกับแดงอุทานพร้อมกัน “คุณนาย”
สองคนตกใจมากเมื่อหันไปมองเห็นคุณนายยืนท้าวสะเอวอยู่ มีบ่าวผู้ชายกางร่มให้ อีกคนถือกระเป๋าเสื่อจันทบุรี
คุณนายยิ้มร้าย มองมายังสองคนยื่นมืออีกข้างไปด้านหน้า
“เงินสองชั่ง เอามาคืนข้าซะดีๆ”
เวลาเดียวกันที่บ้านขุนภักดีภูบาล คุณเรียมเมียเอกของขุนภักดีภูบาล นอนน้ำตาคลออยู่บนเตียง หน้าตาซีดเซียวมาก คุณนายทองจันทร์ผู้เป็นแม่ของท่านขุนยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง ท่านขุนภักดีภูบาล หรือชื่อเดิมว่า เทพ ก็หน้าเศร้าไม่แพ้กัน เรียมมองขุนภักดีสีหน้าแววตาขอโทษขอโพย
“คุณพี่ขุนขา เรียมขอโทษ ที่ทำให้คุณพี่ขุนผิดหวัง ที่อยู่กินกันมาหลายปีพอตั้งท้องทีไรมีอันให้เขาไปจากเราตั้งแต่เดือนสองเดือนทุกที”
“โลกนี้มันแปลก คนมีอันจะกิน อยากมีลูก ลูกไม่อยากอยู่ด้วย ไอ้ที่อดมื้อกินมื้อมีลูกเอามีลูกเอา” คุณนายทองจันทร์บ่น
“แม่เรียมจ๋า อย่าโทษตัวเองสิจ้ะ นานเพียงใดพี่ก็รอได้ สักวัน พี่เชื่อว่าสักวันลูกจะอยู่กับเราได้ถึงเก้าเดือน พี่ขอแค่สักคนเดียวก็พอ”
“พ่อเทพพูดถูกนะแม่เรียม แม่เรียมยังสาวยังแส้ แม่ก็รอได้เหมือนกัน ว่าแต่พ่อเทพ เถิดอย่าได้ริอ่านไปหาลูกจากผู้หญิงอื่นทีเดียว จำไว้” คุณนายทองจันทร์ว่า
“โธ่ คุณแม่ ผมไม่ใช่ขุนแผนนะครับ เรียมจ๋า พี่ต้องไปตรวจราชการดูแลราษฎรที่ศรีประจันต์ เสร็จงานพี่จะรีบกลับมา ตั้งสำรับรอพี่ไว้นะจ๊ะ”
“ค่ะ เรียมจะรอ ไปดีมาดีนะคะ พี่ขุน”
ขุนภักดีโอบกอดเรียมแบบเอาใจเข้าใจ และรักใคร่
ฟากคุณนายยังคงอาละวาดใส่เนียนและแดงอยู่กลางทุ่งนา เนียนนั่งลงพนมมือไหว้ มีแดงนั่งพนมมือใกล้ๆ
“นางเนียน ไอ้น้อมพ่อเอ็งอยู่ไหน ไปเรียกมันมา”
“พ่อไปหาหมอ พ่อเขาอาเจียนเป็นเลือดจ้ะ คุณนาย” เนียนบอก
“ต๊าย ไอ้น้อมอาเจียนเป็นเลือด นี่พ่อเอ็ง เป็น...”
คนรับใช้ชายสองคนบอกพร้อมกัน “เป็นฝีในท้องขอรับ คุณนาย”
คุณนายบ่นอุบ “ตายแน่ๆ มันไปหาหมอกลับมาเอ็งรีบบอกมันนะ ถ้าไม่มีสองชั่งก็อย่าหวังจะได้โฉนดคืนไป”
“คุณนายเจ้าขา ที่ดินนี่สิบไร่ราคามากกว่าสองชั่ง ขอเวลา เกี่ยวข้าวได้จะรีบเอาไปขายได้เงินไปคืนคุณนายนะเจ้าคะ” เนียนอ้อนวอนขอร้อง
“หมดเวลาของพวกเอ็งแล้ว เงินสองชั่งเท่านั้น ที่ข้าต้องการ”
เนียนถลาเข้าไปกอดขาคุณนาย
“กรุณาเราเถิดนะเจ้าคะคุณนาย”
คุณนายสะบัดเท้าโดยแรงและเร็ว ท่าทีรังเกียจ
“เอามือสกปรกเปื้อนดินโคลนของเอ็งออกไปจากซิ่นสวยๆ ของข้า”
เนียนร้อง “ว้าย” ถูกดีดลงไปกองฟุบกับพื้น
แดงตกใจแกมโมโห “คุณนาย ใจร้าย
ฝ่ายหนักประคองน้อมเดินไอโขลกๆ เข้ามาในบ้าน ท่าทางน้อมอ่อนเพลียมาก ส่วนหนักปากก็ด่าไปด้วย
“หมออะไรใจร้ายใจดำเหมือนอีกา ปากว่าตาขยิบ แบบนี้คนจนมิตายกันหมดรึพ่อ เราแค่ขอติดไว้ก่อน มันก็ไม่ยอม”
“เกิดมาจนมันก็ต้องทนกัดก้อนเกลือกินแบบนี้แหละวะ พ่อปลงซะแล้วไอ้หนักเอ๊ย ปล่อยพ่อตายไปเถอะ
มีเสียงเอะอะร้องไห้ดังมาจากด้านหน้า
“เสียงใครร้องไห้”
สองคนมองไป ร้องพร้อมกันอย่างตกใจ
“เนียน”
“คุณนายใจอีกามันมาทวงเงินสองชั่ง” น้อมนึกรู้
สองคนผวาไปทันที
ทางด้านคุณนาย กำลังทำท่าจะกลับ เพราะรู้ว่าทำเนียนล้ม
“ข้าจะรอพ่อเอ็งอยู่ที่บ้าน อ้อ บอกพ่อเอ็งด้วย รอหน้าประตู ห้ามเข้าไปในบ้านเดี๋ยวเชื้อโรคฝีในท้องมันจะหลุดเข้าบ้านข้าจะให้ไอ้สองคนนี่ออกมารับเงิน” คุณนายหน้าเลือดพูดใส่หน้า
“คุณนายเจ้าขา กรุณาเถิดเจ้าค่ะ” เนียนชะงัก แจบแปล๊บขึ้นมา หันมาทางสามี “โอ๊ย พี่แดงจ๋า เนียน เนียน เป็นอะไรไม่รู้”
เนียนจะลุกขึ้น หลังจากฟุบอยู่ แต่ลุกไม่ไหว แดงมองเห็นอาการผู้เป็นเมียก็ตกใจมาก
“เลือด”
คุณนายหันกลับมา พอดีกับที่หนักและน้อมพรวดมาถึงพอดี คุณนายเห็นน้อมกำลังไอ รีบถอยกรูดไปบังหลังคน รับใช้สองคน
“นางคุณนายเอ็งทำอะไรน้องกู” หนักโมมาก
น้อมมองไปหน้าตื่น “เนียน ตกเลือด”
“ข้าไม่เกี่ยว ไอ้น้อม อย่าเข้ามาใกล้ข้า รีบเอาเงินมาสองชั่ง มาเร็วๆ เข้า” คุณนายปัดความผิด
“นางคุณนายใจอีกาไม่เห็นหรือว่า น้องกูตกเลือด ยังมีหน้ามาทวงเงิน” หนักเลือดขึ้นหน้า
“คุณนาย สะบัดตีนใส่เนียน ทำเนียนตกเลือด” แดงบอก
“มึงตาย”
หนักแค้นจัด กระโจนใส่ ผลักคนรับใช้สองคนออกไปบีบคอคุณนายทันที
“ไม่จริง น้องเอ็งมาสะดุดตีนกูเอง ว้าย...”
“กูไม่ฟัง กูจะฆ่ามึง” หนักโมโหสุดขีด
น้อมร้องห้าม “อย่า ไอ้หนักอย่า ไอ้แดง รีบพาเนียนกลับบ้าน ไปบอกไอ้โพล้งกับยัยแพรช่วยกันไปตามหมอตำแยมาทำคลอด”
แดงรีบอุ้มเนียนพาดบ่าวิ่งกลับบ้านไป น้อมหันมาไหว้คุณนายที่ยังโดนหนักบีบคออยู่ คุณนายยังตาเหลือกเพราะโดนบีบคอพูดอะไรไม่ออก
ตอนสายๆ รถม้ารูปทรงสวยสมฐานะของขุนภักดี วิ่งเหยาะๆ เข้ามาตามถนนในตำบลศรีประจันต์ ละแวกบ้านกำนันแสง โดยมีเอก บ่าวคนสนิทตามมารับใช้ ชาวบ้านสองข้างทางต่างหันมามองชี้ชวนกันแบบตื่นเต้น
“นายเอก ไหนล่ะบ้านกำนันแสง”
“นั่นสิขอรับ กระผมก็ไม่ทราบว่าหลังไหน”
“ก็ไหนเอ็งว่าให้ข้าแวะมากินข้าวเพลบ้านกำนันแสง”
“ก้อ กระผม ก็ว่าอย่างนั้นแหละขอรับ ท่านขุน ถามชาวบ้านดีกว่า รับรองว่าเขารู้แน่”
ขุนภักดี ส่ายหน้าดักคอในความกะล่อนของบ่าว
“เอ็งนี่วอนโดนเตะจริงๆ”
ขุนภักดีจอดรถม้า เอกวิ่งลงไปถาม เห็นชาวบ้านชี้ไปทางหนึ่ง
ด้านหนักบอกกับคุณนายทั้งที่มือยังบีบคอ
“นางคุณนายมึงรวยจนตายก็กินไม่หมด อย่างกนักเลย ให้เวลากูกับพ่อ สามเดือนเกี่ยวข้าวเอาไปขายได้เงินมาใช้หนี้มึง พูดอย่างนี้เข้าใจไหม”
หนักปล่อยคอให้คุณนายพูด
“ไม่เข้าใจไอ้หนักมึง หยุดขู่เข็ญกู กูจะทำให้พวกมึงทั้งโคตรไม่มีแผ่นดินจะซุกหัวนอน”
“แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุดซา กูหาศาลาวัดนอนก็ได้ นางคุณนายใจอีกา มึงนั่นแหละ ตายไปก็ได้ที่ติดตัวไปแค่โลงศพยาวสองเมตรกว้างเมตรเดียวโฉนดผืนนี้ก็เอาติดตัวไปไม่ได้” หนักด่า
“มึง...ว้ายไอ้น้อมลูกชายเอ็งบังอาจแช่งข้า”
น้อมทรุดตัวลงกราบคุณนายกับพื้นนา
“คุณนายขอรับ กระผมกราบ ขอให้พื้นนานี่เป็นพยาน ขอเวลา กระผมสามเดือนจริงๆ ขอเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ากระผมหาเงินสองชั่งมาคืนคุณนายไม่ได้ กระผมยอมให้คุณนายยึดที่นาสิบไร่นี่ได้ขอรับ”
คุณนายบอก “สามเดือนมากไป ข้าให้สามวัน”
“พ่อเขาบอกว่าสามเดือน ถ้ามึงว่ามากไป กูยอมติดคุกหัวโตตายคาคุกโทษฐานบีบคอมึงตาย ที่นาสิบไร่ของพวกกู มึงก็ไม่ได้ แต่ที่มึงจะได้ก็คือที่โลงศพ ยาวสองเมตรกว้างหนึ่งเมตร อย่างที่บอก”
หนักทำท่าจะบีบคอต่อ
คนรับใช้คุณนายรีบบอก “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”
คนรับใช้อีกคนเสริม “ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้”
จากนั้นสองคนประสานเสียง “ตกลงเถิดขอรับ คุณนาย” ด้วยเห็นใจคนจนเหมือนกัน
คุณนาย มองหนัก มองน้อมที่ก้มลงกราบ แล้วกราบอีก พูดออกมาอย่างเหยียดหยัน
“ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่เห็นแก่นางน่วมเมียเอ็งที่เคยเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของข้า แต่มันดันโง่ไปเอาคนอย่างเอ็งมาเป็นผัวจนตรอมใจตาย”
“แม่กูเป็นไข้จับสั่นตาย ไม่ได้ตรอมใจตาย”
หนักโมโห ยอมปล่อยคุณนายน้อมกราบอีกครั้ง
ไม่นานต่อมา เนียนกำลังเจ็บท้องร้องโอดโอย บิดตัวเร่าๆ สองมือจับเชือกที่ผูกกับขื่อไว้แน่น โพล้งสามีแพร และแดง ดูอยู่ข้างๆ
“โอ๊ย ปวด เจ็บท้องใจจะขาดแล้วพี่แพร พี่โพล้ง ทำไมหมอตำแย ไม่มาสักที” เนียนร้องบอก
“นั่นสิ ไหนละหมอตำแย” แดงสงสัย
“แกไม่อยู่ไปทำคลอดที่ตำบลอื่น” แพรบอก
“เอ้า” 3 คนอึ้ง
แพรเอ่ยขึ้น “ข้าก็เลยจะทำคลอดเอง”
“หา” สองชายอึ้งไปเป็นแถบ
เนียนพูดไม่ออก ปวดไปทั่วร้องโอดโอยอย่างเดียว
“โชคดีที่เลือดนั่นมันแค่ออกมาเตือน ไม่ใช่ตกเลือด อดทนไว้เนียน” แพรบอก
“ทนไม่ไหวแล้วพี่แพร” เนียนหน้าโทรมไปด้วยเหงื่อเค็มหน้า
“นางแพร เอ็งทำคลอดเป็นแน่นะ” โพล้งไม่เชื่อใจเมีย
แพรฉุน “ไอ้โพล้งเอ็งอย่าปากเสีย”
“ถามจริง พี่แพรทำคลอดมาแล้วกี่คน” แดงคาใจ
“ยังไม่เคยทำคลอดใครสักคน” แพรบอกหน้าตาเฉย
คราวนี้สามคนเนียน แดง และโพล้ง ประสานเสียง “อะไรนะ”
“ใจเย็น ข้าเคยช่วยงานคุณผดุงครรภ์ที่สถานีอนามัยเขาทำคลอด” แพรสั่งการทันที “ตาโพล้ง เอ็งไปต้มน้ำร้อน อย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า ไอ้แดงไปหา ของใช้สำหรับเด็กอ่อนมาให้ลูกแกไวๆ เข้า”
สองคนออกไปจากห้อง เนียนยังคงร้องโอดโอยต่อไป แพรพยายามกล่อมเด็กในท้องเนียนให้คลอด
หนักประคองพ่อเดินเข้ามา ถึงหน้าบ้านเจอแดงกำลังฉีกผ้าขาวม้าเก่าๆ ที่พาดอยู่แบบงงๆ อยู่ ยินแต่เสียงเนียนร้องโอดโอยดังลอดออกมา
“เนียนตกเลือดมากไหม ไอ้แดง” หนักถามน้องเขย
“ไม่ได้ตกเลือด แต่กำลังจะคลอด” แดงว่า
หนักกระโดดตัวลอย “กูจะได้หลานแล้ว พ่อเราจะมีหลานแล้ว” พลางกอดพ่อหันไปจะไปหาแดงชะงัก “ไอ้แดง นั่นมึงฉีกผ้าขี้ริ้วไปทำอะไร”
“ทำผ้าอ้อม ให้แดงน้อย”
“หา มึงจะเอาผ้าขี้ริ้วเช็ดตีนไปทำผ้าอ้อมให้ลูกมึง มึงบ้าแล้วไอ้แดง”
“ก้อ พี่แพรเขาสั่งให้ชั้นไปหาของใช้เด็กอ่อน ชั้น ชั้น...” แดงอึกอัก
“เข้าใจละ พ่อเข้าไปดูเนียน ไอ้แดงไปกับกู” หนักบอก
หนักดึงแขนแดงพาเดินออกไป น้อมมองตามแปลกๆ ใจ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ขุนภักดีกับเอกพากันมาใกล้ถึงบ้านกำนันแสงแล้ว
“ไหนล่ะ..บ้านกำนันแสง ยังไม่เห็นมีวี่แวว”
“นั่นสิขอรับ คุณเทพ วี่แววบ้านยังไม่เห็น เห็นแต่สาวๆ วี่แววว่าจะสวยๆ เดินให้ว่อน” เอกตีฝีปาก
“แค่สองคน ไกลขนาดนั้นนายเอก เอ็งรู้ได้ยังไงว่าสวย”
“เห็นท่าเดินนวยนาดขนาดนั้นรับรองว่าสวยแน่ๆ ขอรับ คุณเทพสาวไม่สวยไม่กล้าเดินนวยนาดขนาดนั้น ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย เป็นได้เห็นดีกันแน่”
ขุนภักดีส่ายหน้าระอาความล้นของเอก
“นี่ถ้าเอ็งไม่ใช่เพื่อนเล่นกันมาแต่เด็กของข้า เอ็งโดนเตะตกม้าแน่นายเอก”
“ถ้าในฐานะคนรับใช้เตะกระผมได้ แต่ในฐานะเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ท่านขุนเกิด เตะกระผมมันจะผิดจริยธรรมของความเป็นเพื่อนนะขอรับ” เอกเล่นลิ้นมาดทะเล้น
“เอ็งน่ะมันมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกจริงๆ”
“ขืนปาถูกกระผมก็หัวโนเพราะโดนท่านขุนปาเอาบ่อยๆ สิขอรับ ผมมีประโยชน์นะขอรับ”
“เอ็งมันขี้โม้”
“กระผมน่ะ มีเอาไว้ให้ท่านขุนด่า แก้ท้องอืดท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว มีเอาไว้เป็นไปรษณีย์ส่งจดหมายรัก มีเอาไว้เก็บความลับยามที่ท่านขุนแอบไป…”
เอกฝอยฟุ้งไม่ทันจบคำ ท่านขุนสวนขึ้นอย่างอารมณ์ดี “พอที”
จากนั้นสองนายบ่าวหัวเราะร่วน ท่านขุนขี่รถม้าไปยังสาวๆ อยากเห็นว่าสวยจริงไหม
ขณะที่ช้อยกับสนกำลังเดินทุ่มเถียงกันมา สนดูมีจริตจะก้านเดินนวยนาดงามสง่า ส่วนช้อยดูทะเล่อทะล่ามาก
“ช้อย ข้าร้อนจะแย่แล้ว เอ็งรีบกางร่มสิ”
“คุณสนกางเองสิเจ้าคะ สองมือของช้อยถือของหนักก็หนัก ร้อนก็ร้อน ผิวแตงร่มใบเสียหายหมดแล้ว”
สนฟังและหงุดหงิด “เอ๊ะ...นางช้อยเอ็งกล้าต่อปากต่อคำข้าหรือ เอ็งมีหน้าที่กางร่มให้ข้า เรื่องอื่นข้าไม่รับรู้
“ ก็ได้เจ้าค่ะ คุณสน ชี้นกเป็นไม้ช้อยก็บอกว่าใช่ ทำผิดแล้วว่าถูกช้อยก็จะทำ”
ช้อยพยายามยักแย่ยักยันกางร่มให้นาย กางไปกางมาร่มกลับลู่ขึ้นด้านบนเพราะลมพัดแรงมาก
ขณะเดียวกัน ขุนภักดีก็เหยาะม้ามาถึง ช้อยกับสนผวาตามร่มที่โดนลมกระโชกไป ตัดหน้าม้า
“ว้าย” สนร้องอย่างตกใจ
“แย่แล้ว” ขุนภุกดีก็ตกใจ
ม้าของขุนภักดีโฉบเอาสนล้มลง
“ช่วยด้วย พ่อกำนันเจ้าขา มีไอ้บ้าขี่ม้ามาไล่เตะคุณสนเจ้าค่ะ”
ท่านขุนผวาไปหาสน รีบประคองขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง ข้าขอโทษ” ท่านขุนเอ่ยขึ้น
“ชั้นไม่รับ แก” แต่พอเห็นหน้าหล่อเหลาก็เหวอ ติดอ่างไป “ว้าย เอ้อ เอ้อ…”
สนตะลึงในความหล่อ ขุนภักดีก็ตะลึงในความงาม สองคนมองหน้ากัน
“อุแม่จ้าว... สวยจริงๆ ด้วย”
“เทพบุตรจุติลงมาจากฟากฟ้าแท้ๆ” สนเพ้อ
พลันก็มีเสียงปืนดังปังออกมาจากหน้าบ้าน
“ใครวะ ใครบังอาจขี่ม้ามาไล่เตะลูกสาวกำนันแสง”
กำนันแสงถือปืนวิ่งออกมา เห็นภาพขุนเทพ หรือขุนภักดีภูบาล กำลังประคองสนก็ยิ่งโมโห
“บังอาจ ตายซะเถิดมึง กอดลูกสาวกูทำไมโจรห้าร้อย”
กำนันแสงยิงขู่ ยิ่งทำให้ขุนภักดีผวากอดสนแน่นขึ้นอีก
“อย่า...”
สนถูกกอดร้อง “อุ๊ย”
เอกปราดมากันขวางไว้
“โจรห้าร้อยที่ไหน กำนันแสงแหกสองตาดูให้ดี นั่นน่ะ ท่านคือขุนภักดีภูบาล”
ทุกคนตื่นเต้น “ขุนภักดีภูบาล”
“ผู้เป็นศรีสง่าน่าภาคภูมิของเมืองสุพรรณ” เอกสำทับ
กำนันเข่าอ่อนทรุดฮวบ
ไม่นานต่อมา ทุกคนอยู่ที่ชานเรือนบ้านกำนันแสง กำนันนำทีมคุกเข่ากับพื้นยกมือพนมแต้
“กระผมผิดไปแล้ว กระผมหมิ่นประมาทท่านด้วยกายวาจาและกระสุนปืนกระผมสมควรโดนลงโทษ”
“ไม่มีการลงโทษ เข้าใจผิดกันต่างหาก ถ้าจะผิดก็ชั้น เองที่ขี่ม้าไปโฉบเอา เอ้อ...น้องสาวคนนี้”
ขุนภักดีมองสนที่ยิ้มหวานให้
“แม่สนลูกสาวกระผมเอง มันกำลังจะเอาของไปถวายหลวงพ่อที่วัด” กำนันแสงบอก
“สนเองก็ผิดจ้ะพ่อกำนัน สนวิ่งไปหาม้าเอง คนผิดที่สุดก็นางช้อยมัน ไม่ดูตาม้าตาเรือ ดันตะโกนใส่ความว่าท่านขุนขี่ม้ามาไล่เตะสน”
ช้อยรีบรับ “เจ้าค่ะ...ช้อยผิดเองอีกแล้ว”
“เอาเป็นว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” ขุนภักดีตัดบท
“ขอบพระคุณมากขอรับ ที่กรุณาเชิญขอรับ เชิญในบ้านขอรับ กระผมยินดีรับใช้ท่านขุน” กำนันบอก
“ไม่ต้องมารับใช้กันเอง พวกเรามีหน้าที่รับใช้ชาวบ้านร่วมกันต่างหาก ที่มานี่ก็มาดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน แล้วก็ถือโอกาสแวะมาขอข้าวขอน้ำกำนันแสงกิน” ท่านขุนว่า
“ท่านขุนท่านถือเป็นโชคทีเดียวแหละที่ได้มาแวะกินข้าวกินน้ำบ้านกำนัน”
เอกบอกพลางปรายตาไปมองสน สลับกับมองท่านขุนเหมือนรู้ใจ สนทำเอียงอาย
ช้อยกระซิบบอกนายสาวคนสวย “น้ำขึ้นต้องรีบตักเจ้าค่ะ คุณสน รีบไปเข้าครัวตักน้ำทำ แกงเจ้าค่ะ”
สนกระซิบตอบ “นางช้อยเอ็งจะบ้า เกิดมาข้าเคยทำที่ไหน”
ช้อยกะซิบอีก “ทำเป็นพิธี ว่าข้าวมื้อนี้ฝีมือคุณสนไงเจ้าค่ะ ขุดบ่อล่อปลา หน่อยสิเจ้าคะ” พลางกระทุ้งสีข้างสน
“สนจะเข้าครัว ทำอาหารให้ท่านขุนรับประทานเองค่ะ” สนเอ่ยขึ้นเสียงหวาน
กำนันแสงร้อง “เฮ่ย” ไม่อยากจะเชื่อ เอามือไชหูป้อยๆ
ขุนภักดี สบตากับสนอีกครั้ง สนทำท่าสะเทิ้นอายส่งสายตาชมดชม้อย
ส่วนที่ตลาดบ้านแพน หนักพาแดงมาเลือกของมากมาย แต่ยังไม่ได้หยิบสักชิ้น คนขายชักสีหน้า เมียงมองท่าทีไม่พอใจ
“เราจะเอาเงินที่ไหนซื้อ พี่หนัก” แดงหารือ
“กูตัดใจแล้ว ว่าวันนี้เป็นไงเป็นกัน” หนักว่า
“พี่หนักพูดอะไรข้าฟังไม่เข้าใจ” แดงฟังแล้วงง
“มึงไม่ต้องเข้าใจ มึงเลือกของใช้ที่จำเป็นไปให้มากที่สุด”
“เลือกของอยู่เป็นนานสองนาน หยิบอันโน้นชี้อันนี้ นี่จะมาซื้อของหรือว่าจะมาชี้ของ” คนขายบ่นอุบ
“ซื้อสิวะ ไอ้แดงมึงไปรอหน้าร้าน กูจะไปเอาเงินมาจ่ายค่าของพวกนี้”
หนักดึงแดงออกไปนอกร้าน คนขายมองแล้วด่าตามหลังอย่างไม่พอใจ
“ไอ้ขี้โม้ น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง มีเงินจริงทำไมไม่รีบจ่ายวะ”
หนักขยับหมัดจะชก แดงดึงรั้งไว้
“อย่ามีเรื่องเลยพี่หนัก”
“บอกว่าจะซื้อก็ซื้อซิวะ” หนักบอก
แล้วสองคนก็พากันออกไป
ด้านน้อมกับโพล้งเดินวนไปวนมาอยู่นอกชาน ท่าทีเป็นกังวล มีเสียงเนียนร้องโอดโอยดังออกมาจากในห้อง
“ยัยแพรมันทำคลอดเป็นแน่นา ไอ้โพล้ง”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน มันบอกว่ามันทำคลอดเนียนนี่แหละคนแรก” โพล้งว่า
น้อมตาเหลือก “หา”
มีเสียงเนียนกรีดร้องดังสุดเสียง ผสมกับเสียงแพรบอกให้เบ่งเป็นระยะ
“เบ่ง เนียนเบ่ง นั่น มันมุดหัวออกมาแล้ว”
น้อมกะโพล้งประสานเสียง “มุดหัวออกมาแล้ว”
สองคนตื่นเต้น ดีใจมาก
เนียนกรีดร้องต่อแล้วหยุด พร้อมกับมีเสียงเด็กทารกร้องอุแว้สวนออกมา
“ออกมาทั้งตัวแล้ว” แพรร้องลั่น
เนียน ถอนใจเฮือกน้ำตานองหน้า ความเจ็บปวดคลายลง
“ขอดูลูกแดงน้อย หน่อยสิพี่แพร ผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย”
แพรเอาผ้าห่อเด็ก แล้วยกมาให้เนียนดูใกล้ๆ พลางคลี่ผ้าให้เห็น พูดยิ้มๆ
“ดูเอาเองสิ”
เนียนเห็นหน้าก็เด็กดีใจมาก ร้องให้โฮๆ
“ผู้ชาย ลูกแดงน้อยของชั้น เป็นผู้ชาย ชั้นอยากกอดลูกใจจะขาดแล้วพี่แพร”
เนียนเอาเด็กวางบนท้องของตัวเองโอบกอดไว้ เนียนมองลูกแล้วเป็นลมพับไปเพราะอ่อนแรง
แดงยืนชะเง้อรอหนักอยู่ในชุมชนที่หนักพามา
“พี่หนักไปเอาที่ไหนนะ”
ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงหวีดร้องอย่างหวาดกลัวของผู้คน
แดงตกใจหันซ้ายหันขวา ผู้คนวิ่งกันอลหม่าน ตะโกนบอกกัน
“โจรโพกหน้ามาปล้นร้านทอง แม่นกเอี้ยง” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้น
อีกคนตะโกนตาม “โจรใจทรามมันยิงแม่นกเอี้ยงเลือดกระจาย”
“ใครไปมองหน้ามัน มันไล่ยิงดะ” คนแรกโพนทะนาอีก
“แย่แล้ว”
แดงตกใจทำท่าจะวิ่งหนี มีมือมากระชากบ่า
“ไอ้แดง จะไปไหน”
แดงหันมา เจอหนักยืนอยู่
“ไปตามหาพี่หนัก รีบหนีกันเถิด มีโจรโพกหน้ามาปล้นร้านทองแม่นกเอี้ยง”
“นางคนรวยใจดำ ช่างมันปะไร เอ็งเอาเงินนี่รีบไป ซื้อของ ส่วนสร้อยให้ไอ้โพล้งเอาไปขายให้พ่อข้าไปรักษาตัว”
หนักยัดเงินใส่มือแดง พร้อมกับถุงสร้อย แดงยืนตะลึง
“พี่หนัก ไปเอาเงินกับทองมาจากไหน”
หนักไม่ตอบวิ่งปะปนไปกับผู้คนหายไป
ขุนภักดีกำลังจะกลับ เดินมาที่รถม้า กำนันแสงตามมาส่ง พร้อมสน กับช้อย และบริวารในบ้าน
“ขอบใจมากกำนันแสง ฝีมือทำอาหารแม่สนร่อยมาก”
สนอึกอัก ช้อยกระแทกสีข้าง
“คุณสนเธอเบญจกัลยาณีแท้ๆ เจ้าค่ะ”
“สวย เก่ง ฉลาด แสนดี แม่ศรีเรือน เพียบพร้อมไปหมดทุกประการ” เอกพูดลอยๆ
“ขอบพระคุณท่านขุนมากค่ะ สนก็แค่ฝีมือชาวบ้าน ธรรมดา” สนยิ้มหวาน
“แม่สนถ่อมตัว” ขุนภักดีว่า สองคนมองสบตากัน
“วันหน้าเชิญอีกนะขอรับท่านขุน” กำนันแสงบอก
เอกตอบแทนอย่างรู้ใจนาย “ขอรับท่านขุนท่านมาแน่”
ท่านขุนสบตากับสน
“แม่สนจะทำอาหารอร่อยให้พี่เอ๊ย ข้ากินอีกไหม”
สนทำเป็นเขินอาย ช้อยกระทุ้งสีข้างอีก
“ด้านได้อายอดนะเจ้าคะ เวลาวารีไม่เคยคอยใคร” ช้อยกระซิบพูดไม่ขยับปาก “รับปากเจ้าค่ะ คุณสน”
“ค่ะ รับปากค่ะ เอ๊ยสนยินดีทำอาหารให้คุณพี่ เอ๊ยท่านขุนรับประทานอีกค่ะ”
จู่ๆ มีคนวิ่งหน้าตื่นมารายงาน
“กำนันแสง แย่แล้ว มีโจรโพกหน้าปล้นทองแม่นกเอี้ยง ที่บ้านแพน เขาว่ามันอาจหนีตำรวจมาทางตำบลเรา”
“ขอให้มันมาเถิด จะจับตัวไปเข้าตะรางให้เข็ด” ขุนภักดีบอก
“สนห่วงท่านขุนจะไปเจอโจรกลางทางแล้วโดนมันทำร้าย เหลือเกินค่ะ” สนเอ่ยขึ้น สีหน้ากังวล
“พี่ก็ห่วงว่า มันจะมาที่นี่แล้วมาทำร้ายแม่สนน่ะสิ”
เอกสรุปให้ “ถ้าอย่างนั้น ท่านขุนอยู่รอดูจนแน่ใจว่ามันมาที่นี่จริงไหมดีไหมขอรับ”
“สนจะทำอาหารเย็นให้ท่านขุนรับประทานอีกมื้อดีไหมคะ หรือว่าท่านขุนต้องรีบกลับไปรับประทานมื้อเย็นที่บ้านคะ” สนใส่จริตขณะพูด
“เรื่องกินเรื่องเล็ก เรื่องหน้าที่การดูแลชาวบ้านต้องมาก่อน ข้ามีหน้าที่รับใช้ชาวบ้าน ไม่ได้มีหน้าที่ใช้ชาวบ้าน ข้าจะออกไปลาดตระเวนหาโจรจนแน่ใจว่ามันไม่ได้บุกมาที่ศรีประจันต์ จึงจะกลับมา” ท่านขุนบอก
“แม่สนคนดีของพ่อ ไปตระเตรียมน้ำท่าขนมแห้งให้ท่านขุนกับพ่อกินระหว่างทางตามหาโจร”
“จ้ะ...พ่อกำนัน”
สนเหลียวมามองสบตาขุนภักดีอีก
“ขอบใจมากแม่สนคนดี”
สนเป็นปลื้มแทบจะลอยจากพื้นให้ได้ กำนันแสงดูอาการลูกสาวกับท่านขุนออก เข้าใจและพึงพอใจมาก
ฟากเนียนฟื้นแล้วอุ้มลูกเห่กล่อมอยู่ในอ้อมกอด มีโพล้ง แพร และน้อมมุงดู
“ลูกแดงน้อยคลอดก่อนกำหนด เขาจะแข็งแรงเหมือนเด็กอื่นไหมจ้ะพ่อ” เนียนเอ่ยขึ้น
“ก็ภาวนาขอให้มันแข็งแรง เถิดนะ รอดมาได้เป็นดวงตาดวงใจของเราก็บุญของเด็กมันหนักหนาแล้วเนียนเอ๊ย” น้อมบอก
เนียนนึกได้ “พี่แดงหายไปไหน นานเหลือเกิน”
“ข้าเห็นมันฉีกผ้าขาวม้าทำผ้าอ้อม อยู่ใต้ถุนเรือน ตอนเนียนจะคลอด” โพล้งบอก
“พี่แดงไม่สบาย จะไปเป็นลมเป็นแล้งหรือเปล่า พี่โพล้งรีบไปดูสิ” เนียนห่วงผัวมาก
“ไอ้หนักพามันไปน่ะ รึมันจะพากันไปกู้เงินใครเขาไปซื้อของมาให้ลูก แต่ทำไมมันสองคนหายไปนานนัก” น้อมว่า
ทุกคนแปลกใจและรอคอยแดงกับหนัก
แดงเดินหอบหิ้วของมาตามถนนหน้าบ้าน ใจคอไม่ดี เดินใจลอย ไม่ทันเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์พ่วงของตำรวจ รถบรรทุกกำลังวิ่งสวนมาอีกทาง
“พี่หนักเอาเงินจากไหนมาซื้อของ เอาทองจากไหนมาให้พี่โพล้งเอาไปขาย มาจ่ายค่ารักษาพ่อน้อม”
แดงชะเง้อรอหนัก นึกถึงเหตุการณ์ในตลาด ตั้งแต่ยินเสียงปืนดังปัง ตามมาด้วยเสียงผู้คนร้องวี้ดว้าย และพากันพูดแต่เรื่องโจรโพกผ้ามาปล้นยิงแม่นกเอี้ยงจนเอาเงินมาให้แดง
แดงยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว
“รึว่า...พี่หนักแกไป...”
จู่ๆ เสียงใครคนหนึ่งเป่าปากอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแดงสะดุ้งเหลียวมองไปในอาการตกใจมาก เมื่อเห็นหนักแอบอยู่หลังพุ่มไม้ข้างทาง ยื่นหน้ามาเรียก
“ไอ้แดง กูอยู่นี่”
“พี่หนัก”
แดงกำลังจะข้ามไปหาหนัก แต่มองไปเห็นตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงกำลังจะผ่านมา ก็ยิ่งตกใจจะข้ามไปหาหนัก
“ตำรวจมา”
แดงวิ่งตัดหน้ารถพ่วงของตำรวจซึ่งเบรกทัน แต่รถบรรทุกอีกคันตามมาติดๆ เบรกไม่ทัน ชนร่างแดงกระเด็นกระดอนแล้วฟาดลงกับพื้น โพล้งมาถึงพอดี
“ไอ้แดง ไม่ไม่นะ”
ข้าวของในมือแดงกระจายไปทั่ว แดงนอนเลือดสาด หนักพรวดออกมาจากที่ซ่อน ตกใจมาก
“ไอ้แดง”
ตำรวจคนหนึ่ง ลงมาจากรถจะไปดูแดง เห็นหนักชะงัก ถาม
“บ้านนายหนักอยู่ที่ไหน ใครรู้บ้าง”
หนักส่ายหน้าแล้วหันกลับ โพล้งเห็นหนักก็ตื่นเต้นรีบบอก
“ไอ้แดงโดนรถชน เร็วพี่หนัก”
ตำรวจที่กำลังจะมาช่วยแดง ได้ยิน พากันมองไปที่หนัก ที่หันตัวกลับทันที
“นายหนัก อยู่นั่น”
ตำรวจสองคนวิ่งตาม หนักวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว โพล้งยืนตะลึง
ไม่นานต่อมาที่หน้าบ้านของเนียนมีเสียงร้องไห้ของเนียนกับแพรดังระงม พร้อมกับเสียงทารกแดงน้อยร้องจ้า ส่วนในบ้าน เนียนประคองกอดแดงที่นอนกำลังจะตายเต็มที ของที่แดงซื้อมาวางกองรวมกัน ข้าวของเปื้อนเลือดของแดงไปหมด
“พี่แดงจ๋า อย่าทำอย่างนี้กับเนียนและลูก พี่แดงอย่าทิ้งเนียนกับลูก” เนียนร้องครวญคร่ำ ใจจะขาดตาม
“พี่เสียใจ พี่ขอโทษ” แดงพูดเสียงตะกุกตะกัก “พี่บุญน้อย ไม่มีวาสนาดูแลเนียนกับลูก ให้พี่สวัสดีและบอกลาลูกเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายด้วยเถิด”
แดงน้ำตาไหลพราก แพรและทุกคนน้ำตาซึม แพรส่งแดงน้อยให้เนียน เนียนยกลูกชายให้แดงดู เอาลูกน้อยวาง
แนบอกผัว พร้อมกับเอามือของแดงมาโอบกอดลูกและประคองจับไว้
“สวัสดีลูกแดงน้อยของพ่อ ขอให้เลี้ยงง่าย ไม่งอแง โตขึ้นให้เป็นที่พึ่งของแม่นะลูกนะ พ่อ พ่อขอโทษที่อยู่ดูแลลูกไม่ได้ พ่อ.. ลาก่อน”
แล้วแดงก็สิ้นใจตายในอ้อมกอดของเนียน ที่โอบประคองให้แดงกอดลูกน้อยไว้
“พี่แดง”
เนียนเอาหน้าแนบหน้าของแดงด้วยความอาลัยรักอย่างที่สุด ทุกคนหน้าเศร้า มองดูภาพสามคนอย่างเวทนา สลดหดหู่ใจตามๆ กัน
อาญารัก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ดึกมากแล้วคุณเรียมนั่งคาสำรับอาหาร รอท่านขุน มีกบบ่าวบนเรือนคอยพัดวีอาหารไม่ให้แมลงหวี่แมลงวันตอม เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน คุณนายทองจันทร์โผล่มามองเรียม บ่นว่าตามประสา
“แม่เรียม นั่นไม่ยอมกินข้าวกินปลา นั่งรอท่าผัวจนสองยาม แม่เจ้าประคุณเอ๊ย เดี๋ยวก็เจ็บไข้ได้ป่วยไปหรอกแบบนี้สิลูกถึงไม่ติดสักที”
“เรียมไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณแม่ เรียมห่วงพี่เทพ กลัวจะไปเจอเหตุร้ายน่ะค่ะ”
“พ่อเทพเขาดวงแข็ง พระท่านดูดวงให้ตั้งแต่เกิดว่าพ่อเทพ จะแคล้วคลาด จากเหตุร้ายทางร่างกาย แต่จะไม่แคล้วคลาดจากเหตุร้ายอันเนื่องมาแต่ เอ้อ...”
“อันเนื่องมาแต่อะไรคะ คุณแม่”
คุณนายทองจันทร์คิดในใจ “เรื่องผัวๆ เมียๆ ลูกๆ เต้าๆ” แล้วตัดสิใจพูดออกมา “แม่ขอเตือนแม่เรียมนะว่า…”
คุณเรียมรอฟัง “ว่าอะไรคะ คุณแม่”
“แม่เรียม อย่าใจดีมีเมตตามากเกินไป ผู้หญิงสมัยนี้ มันอยากมีหน้ามีตามีผัวรวย”
“หมายถึงเรียมหรือคะ คุณแม่”
คุณนายขัดอกขัดใจ “ไฮ้...ใครจะไปหมายถึงแม่เรียม แม่เรียมเป็นลูกชาติลูกตระกูล มั่งมีศรีสุขผู้ชายดีๆ ที่ไหนก็อยากได้มาเชิดหน้าชูตา แม่หมายถึงผู้หญิงอื่นน่ะ”
“อ้อ ไม่เป็นไรดอกค่ะ คุณแม่ อะไรที่เป็นความพอใจของพี่เทพ เรียมยินดีค่ะ”
“เอ๊ะแม่เรียม เพิ่งเตือนไปหยกๆ ไม่ฟังกันเลยรึ”
ยินเสียงม้าร้องดังแว่วมา เรียมกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
“เสียงม้าร้อง พี่เทพกลับมาแล้วค่ะคุณแม่”
“หน้าบานเป็นจานเชิงเลยนะแม่เรียม เอาเหอะ กลับมาช้ายังดีกว่าไม่กลับมาไปหาที่อื่นนอกบ้าน”
คุณนายทองจันทร์พลอยดีใจไปด้วย เรียมรีบฉวยขันเงินลอยน้ำดอกมะลิ ลุกไปรอรับท่านขุน กบรีบผวาตามไป
ท่านขุนลงจากหลังม้า เอกถือบังเหียนม้าทั้งสองไว้จะพาม้าเข้าคอก
“นายเอก เอ็งเย็บปากเรื่องราวที่เราไปบ้านกำนันแสงวันนี้ให้สนิททีเดียวเชียว” ท่านขุนกำชับ
“ขอรับ ไม่สั่งก็ไม่บังอาจเปิดแผลเอ๊ยเปิดปากดอกขอรับ เรื่องคอขาดบาดใจแท้ๆ”
เรียมเดินออกมารอที่หัวบันไดเรือน
“พี่เทพ”
“แม่เรียมรอพี่จนป่านนี้ แย่จริง พี่ เอ้อ พี่…”
กบสอดขึ้น “คุณนายเรียม รอท่านขุนรับประทานอาหารอยู่นะเจ้าค่ะ”
ท่านขุนหน้าเสียสบตาเอกพูดไม่ออก เรียมสังเกตเห็นแต่เป็นคนไม่พูดมาก
“โถ แม่เรียมยังไมได้รับประทานอาหารหรือ พี่ก็หิวโซมาพอดี”
เอกกระแอมเบาๆขำๆ แต่เจอท่านขุนแอบเหยียบเท้าเป็นเชิงปราม
“ไอ้เอกรีบเอาม้าไปพักผ่อนป้อนน้ำป้อนท่า ชั้นจะรีบไปกินข้าวกับ แม่เรียม”
ท่านขุนรีบเดินไปหาเรียมรับน้ำมาดื่ม โอบกอดเรียมเข้าไปในชานเรือน เสียงอะไรบางอย่างตก ท่านขุนหันไป
มอง รีบชี้ให้เอกเก็บ กบมองไป เห็นห่อใบตองอาหาร มีเศษอาหารเหลือหลุดมาจากห่อ
นายเอกรีบเก็บ กบชี้หน้าเอก เอกจุ๊ปากส่ายหน้าห้ามพูด กบค้อนขวับ
เช้าวันต่อมาแพรแกะของที่โพล้งรวบรวมมาเอามากองไว้ตรงหน้าเนียนที่อุ้มลูกหน้าหมอง
“เอ๊ย...ไอ้แดง มันอุตส่าห์ไปหาของมาให้ไอ้แดงน้อยจนได้”
“ไอ้หนักพามันไปกู้เงินใครมาก็ไม่รู้” น้อมแปลกใจ
“เอ้อ ...ชั้นว่าพี่หนักไม่ได้พามันไปกู้เงินที่ไหนดอก” โพล้งว่า
“นี่เอ็งจะบอกว่าพี่หนักเขาเสกเงินมารึ ตาโพล้ง” แพรฉงน
“ยังมีเงินเหลือ มีสร้อยคอทองคำอีกเส้น” น้อมว่าอีก
ทุกคนตกใจ ไม่อยากเชื่อ “สร้อยคอทองคำ”
“นั่นน่ะสิให้กู้เงินก็ยังพอทำเนา แต่เอาทองมาให้กู้นี่มันประหลาดเกิน” โพล้งแปลกใจ
น้อมชักฉุน “ไอ้โพล้ง ใครพูดอะไรเอ็งก็ขัดคออยู่เรื่อย คนเขากำลังทุกข์โศก เลิกทะลึ่ง ได้ไหม”
“ก็ได้ ชั้นพูดแล้วอย่าตกใจเศร้ามากขึ้นละกัน”
“เอ็งจะพูดอะไร” น้อมสงสัย
“ตอนชั้นไปตามหาไอ้แดง ชั้นเห็นตำรวจขับรถพ่วงกันมา เห็นไอ้แดง กำลังวิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถไป ก็เลย...”
“โดนรถตำรวจชนเอา เวรกรรมแท้ๆ แล้วมันจะรีบร้อนข้ามไปทำไม” แพรแปลกใจเช่นกัน
“ชั้นเห็นพี่หนักโผล่หน้ามาจากหลังต้นไม้ฝั่งตรงกันข้าม จะข้ามมาช่วยไอ้แดง แล้วตำรวจก็ปรี่มาถามหาบ้านนายหนักกับพี่หนัก”
“ไม่เห็นจะเป็นไง” น้อมว่า ยังงงอยู่
“ชั้นก็ว่างั้นแหละ แต่พี่หนักเอ็งส่ายหน้า ส่วนไอ้ชั้นก็ดันเซ่อ ตะโกนเรียก พี่หนัก” โพล้งโทษตัวเอง
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไง” แพรว่า
“ตำรวจก็เลยรู้ว่าพี่หนักคือพี่หนัก” โพล้งพูดชวนงง
ทุกคนงวยงง “แล้วไง”
“ก็แล้วไงทำไมตำรวจถึงอยากตามหาพี่หนัก ใช้ขี้หัวคิดสิว่าพี่หนักเอาเงินเอาทองมาจากไหน” โพล้งชุกฉุน
ทุกคนหลุดปากออกมาพร้อมกัน “ปล้น”
ต่างคนต่างหน้าซีดตกใจมาก
“กูว่าแล้ว ไอ้ลูกคนนี้ ตอนเกิดมันเอารกสะพายแร่งมาทีเดียว โบราณ เขาถือ...ถ้าไม่ดีจนเหลือเชื่อก็ชั่วสุดประมาณ” น้อมหน่าย
“พี่หนัก โธ่ ...ศพพี่แดงยังไม่ทันเผาพี่หนักก็ต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน” เนียนสงสารพี่ชาย
“รีบซ่อนเงินซ่อนทองให้มิดชิด ปิดปากให้สนิท ภาวนาอย่าให้ตำรวจจับพี่หนักได้”
โพล้งบอก ทุกคนเศร้ามากกว่าเดิม
วันต่อมา อาหารตั้งเต็มสำรับ ท่านขุนภักดี คุณเรียม และคุณนายทองจันทร์ กำลังจะกินอาหารร่วมกัน
ขุนภักดี มีสีหน้าเหม่อลอย เดี๋ยวเผลอยิ้มเดี๋ยวเผลอหุบยิ้มไม่ยอมตักอาหาร มีแต่ใบหน้าสนยิ้มหวาน ลอยวนเวียนไปมา จนไม่รู้ว่าคุณเรียมมองจับสังเกตเงียบๆ
คุณนายทองจันทร์ อดไม่ได้ พูดออกมา
“นั่นพ่อเทพจะดมกับข้าว แทนการกินรึ เป็นแบบนี้มาพักนึงแล้ว”
ขุนภักดีสะดุ้ง
“คุณแม่ เอ้อ คือหามิได้ครับ คือ ผม ...”
“อาหารที่เรียมทำไม่ถูกปากคุณพี่หรือคะ”
ท่านขุนแก้ตัวพัลวัน “ไม่ใช่นะแม่เรียม อาหารถูกปากถูกใจพี่น่ากินทุกอย่างพี่ขอโทษ คือใจพี่พะวงไปถึง…”
ผู้เป็นแม่สวนคำออกมา “ชาวบ้านศรีประจันวันก่อน พ่อเทพไปเจอดีอะไรมาล่ะ”
“เอ้อ....โจรครับ โจรปล้นร้านทองบ้านแพนหนีไปศรีประจัน ยังตามจับตัวไม่ได้ ผมเลยกังวล”
คุณนายทองจันทร์จ้องจับผิดลูกชาย “แต่หน้าตาพ่อเทพเหมือนกังวลเรื่องอื่นนา”
ระหว่างนั้นเอกเดินนำหน้าสนมีช้อยหิ้วปิ่นโตตามหลังมาเถาใหญ่มาก
“คุณเทพขอรับ กำนันแสง ที่ศรีประจันต์ให้คุณสนทำอาหารถูกปากวันก่อนมาให้คุณเทพรับประทานขอรับ”
คุณนายทองจันทร์กระแทกช้อนบนจานดังพอควร พลางมองสองคนที่มา บ่นพึมพำ
“ตัวต้นเหตุกังวลมาแล้ว”
ท่านขุนตกใจไม่น้อยแต่ก็แอบดีใจที่เห็นหน้าสน
“แม่สน”
“ค่ะ... พ่อกำนันให้สนทำอาหารที่คุณพี่บอกว่าอยากรับประทานอีกมาให้ค่ะ”
ท่านขุนแนะนำให้รู้จักกับมารดา “แม่สนจ๊ะ นั่นคุณแม่ของพี่”
สนยกมือไหว้เก้กัง “สวัสดีค่ะ คุณ..เอ้อ”
“คุณนายทองจันทร์ย่ะ” หญิงชราสวนคำ บอกห้วนๆ “นั่นคุณนายเรียม ภรรยาของขุนภักดีภูบาล”
สนรีบไหว้ด้วยท่าทีอ่อนน้อมไปยังทั้งสองคน
“สนกราบเจ้าค่ะ คุณนายทองจันทร์ สวัสดีค่ะ คุณนายเรียม”
“นายเอกไปรับแม่สนมาที่นี่รึ” คุณนายทองจันทร์มองอย่างไม่พอใจเอก)
“หามิได้ขอรับ คุณสนพายเรือมาเองกับแม่ช้อยขอรับ” เอกออกตัว
“ช่างมีความพยายามจริงนะ คงใช้เวลานานสินะ” หญิงสูงวัยอดแขวะไม่ได้
“ประมาณสองชั่วโมงค่ะ” สนพาซื่อ
“โถ น่าสงสาร งั้นรีบกลับไปเถิดจ้ะ เดี๋ยวจะค่ำมืดดึกดื่นเอากลางทาง เจอโจรปล้นเอา”
สนจ๋อย
“เอ้อ งั้นสนกราบลานะค่ะ คุณนายทองจันทร์ คุณนายเรียม”
“แม่สนเดินทางมาตั้งไกล สงสัยว่ายังไม่ได้ทานอาหารเย็น” คุณเรียมเอ่ยปากชวน
“แม่เรียม” คุณนายทองจันทร์รีบปราม
ช้อยสาระแนทันควัน “ ใช่เจ้าค่ะ คุณสนเธอทำอาหารเสร็จปุ๊บรีบมาปั๊บกลัวไม่ทันมื้อเย็นของ ท่านขุน”
“ทานด้วยกันซะที่นี่สิจ้ะ แม่สน” คุณเรียมชวนอีก
สนทำอึกอัก ช้อยกระซิบ
“ด้านได้อายอดเจ้าค่ะ คุณสน รับปากเจ้าค่ะ”
“รับปากค่ะ เอ๊ย ขอบพระคุณค่ะ คุณนายเรียม”
คุณนายทองจันทร์หน้าตึง คุณเรียมหน้านิ่งสงบ ท่านขุนมองคุณเรียมท่าทีเกรงใจมาก สนรีบตักกับข้าวที่ทำมาใส่จานให้ท่านขุน
“แม่สนจ๊ะ ที่ทำอาหารมานี่ก็ขอบใจมากแล้ว ไม่ต้องมาตักอาหารให้พ่อเทพหรอกจ้ะ นั่นมันหน้าที่ของแม่เรียมเขา”
เจอน้ำคำของคุณนายเข้า สนถึงกับอึ้งไปคิดในใจอย่างเคืองแค้น
“อีแก่นี่ไม่ชอบหน้าเรา” แต่พูดไปอีกอย่าง “ขอประทานโทษค่ะ สนไม่ได้ตั้งใจ”
ดูเหมือนวงอาหารมื้อนี้รสชาติกร่อยมาก
วันถัดมาเนียนอุ้มแดงน้อยที่ร้องไห้จ้า ตัวร้อนจี๋ มาหาแพร
“แดงน้อย แดงน้อยของแม่ ตัวร้อนอีกแล้ว โธ่ลูกเอ๊ย เพิ่งเกิดมาสองเดือน ก็มีแต่สามวันดีสี่วันไข้ อ้าวพี่แพร มาพอดีโอ๊ โอ๋ ไม่ร้องนะลูกรัก ป้าแพรกำลังช่วยหายามาให้หนูแล้ว”
แพรหายไปแล้วกลับมาส่ายหน้า
“ยาของแดงน้อยใกล้จะหมดแล้ว เนียน”
“ใกล้หมดอีกแล้ว” เนียนตกใจ
“ตาโพล้งบอกว่า เงินก็ใกล้จะหมด ไหนจะค่ารักษาแดงน้อย ไหนจะรักษา” แพรบอก
“เหลือแต่สร้อย โพล้งมันไม่กล้าเอาออกขายแถวนี้ กลัว แม่นกเอี้ยงมันจำของมันได้” น้อมเอ่ยขั้น
“เนียนอยากจะออกไปทำไร่ทำนาหาเงินมาประทังชีวิตก็ทำไม่ได้”
“เอางี้ถ้าไว้ใจกัน พี่จะพาแดงน้อยไปเลี้ยงที่บ้านพี่ให้เอง” แพรอาสา
“แต่เนียนไม่มีเงินจ้างพี่แพร”
“ครว่าพี่อยากจะได้ค่าจ้าง เอานมมาให้มันกิน เอายามารักษามันก็พอแล้ว เราไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาตินะเนียน”
เนียน ซาบซึ้งน้ำใจแพรจนน้ำตาไหล
“พี่แพรจ๋า เนียนขอบคุณพี่เหลือเกิน”
จู่ๆ โพล้งวิ่งหน้าตาตื่น กระหืดกระหอบเข้ามาบอกข่าวร้าย
“เนียน เนียน เรื่องใหญ่ พี่หนักโดนตำรวจจับได้แล้ว”
เนียนกะแพรตกใจมากอุทานลั่น “พี่หนักโดนจับ”
เนียนทุกข์ระทมต่อไป
ด้านท่านขุนภักดีออกอาการกระสับกระส่าย นั่งไม่ติดที่เดินวนเวียนไปมา คุณเรียมชำเลืองมองนิดหนึ่งแล้วไม่พูดอะไร แต่คุณนายทองจันทร์อดรนทนไม่ได้
“พ่อเทพ นั่งไม่ติดนั่งไม่ได้ยังกับเป็นริดสีดวงทวาร” ผู้เป็นแม่เหน็บแนม
“คุณแม่ละก้อจ้องจับผิดผมไปได้” ท่านขุนรีบไปนั่งข้างเมีย “เรียมจ้ะ”
“พี่เทพคงอยากจะออกไปดูแลทุกข์สุขชาวบ้านหรือคะ” คุณเรียมถาม
“ไฮ้ แม่เรียม พ่อเทพออกไปทำงาน ไปดูแลชาวบ้านมาทุกวันแล้วนี่วันอาทิตย์ จะออกไปไหน”
“วันธรรมดาผมไปทำงานที่ศาลากลางครับ คุณแม่” ขุนภุกดีบอก
“ได้ยินพวกบ่าวข้างล่างมันซุบซิบกันว่า บางวันพ่อเทพไปทำงานไกลถึงศรีประจันต์ ก็คงวันที่กลับมาค่ำๆ มืดๆ บ่อยๆปล่อยให้แม่เรียมรอแล้วรออีกนั่นแหละ”
“ตอนหลังเรียมไม่ได้รอแล้วค่ะ คุณแม่” คุณเรียมแก้ต่างแทน
คุณนายทองจันทร์กระซิบดุ “แม่รู้นะ ว่าไปทำอะไร”
ขุนภักดีนิ่งอึ้งไปสบตาเรียมเหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไร
“พี่เทพคะ เรียมมีอะไรจะคุยกับพี่เทพ”
ท่านขุนใจหายแว้บ
“ปรามซะบ้างแหละดีแม่เรียมเอ๊ย” คุณนายทองจันทร์ว่า
คืนนั้น ขุนภักดีสีหน้าตกใจมากพอฟังจบ
“เรียมจะแยกห้องนอนกับพี่เทพ”
“ไม่นะเรียม หัวเด็ดตีนขาด พี่ไม่ยอมแยกห้องนอนกับเรียมเด็ดขาด”
“แยกเถิดค่ะ เพื่อความสบายใจของพี่เทพ และเรียมเอง เรียม ไม่สบายใจที่เห็นพี่เทพทุรนทุราย อยู่ในห้อง แต่หัวใจพี่ลอยไปบ้านกำนันแสง”
“ไม่จริง พี่ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
“ คุณพี่อย่าปดเรียมเลยค่ะ ที่เรียมขอแยกห้อง ไม่ใช่เพราะโกรธพี่เทพ แต่เรียม ขอเปิดโอกาสให้คุณพี่ใช้บางคืนบางวันให้คุณพี่กับแม่สน”
เรียมแอบเมินหน้าหนีไปน้ำตาคลอ แต่ท่านขุนดีใจมากแต่ก็ยังกลัวเรียมโกรธ
“เรียม พูดจริงหรือนี่ เรียมอนุญาตพี่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เรียมอนุญาตให้คุณพี่ มีโอกาสอยู่กับแม่สนให้ถูกต้องตามประเพณีดีกว่าให้คนเอามานินทากาเลเป็นว่าเล่นกันลับหลัง”
“เรียมของพี่ เรียมช่างแสนดี แสนประเสริฐ ในใจของพี่ไม่เคยเทิดทูน ใครเท่าเรียมอีกแน่ๆ”
“ค่ะ เรียมทราบดี อะไรที่เป็นความสุขของคุณพี่ ก็ย่อมเป็นความสบายใจ ของเรียมเสมอ”
ท่านขุนโอบกอดเรียมไว้ ยินดีอย่างที่สุด เรียมแอบเมินหน้ากลั้นน้ำตาไว้
“พี่จะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว พี่สัญญา” ท่านขุนให้คำมั่น
ทางด้านเนียนกำลังเก็บพริกเก็บมะนาว เพื่อจะเอาไปขาย จู่ๆ โพล้งเดินรีบร้อนเข้ามาส่งเงินให้
“พี่ไปเยี่ยมพี่หนักที่คุก เขาสั่งให้เอาสร้อยไปขาย ที่บางกอก ถ้าได้ถึงสองชั่งให้อาไปไถ่ที่นาจากคุณนายใจอีกาซะ”
เนียนตื้นตันใจ “โธ่พี่หนักยังมีแก่ใจห่วงพวกเรา พี่หนักเสียสละเพื่อแดงน้อยกับ เนียนแล้วก็พ่อ จนตัวเองต้องติดคุก เนียนเสียใจเหลือเกิน”
“พี่หนักให้บอกมาว่า ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานเขาจะออกมาหาลุงน้อมหาเนียนกับแดงน้อย”
“พี่หนักได้อภัยโทษหรือพี่โพล้ง”
“เปล่า เขาจะแหกคุก”
เนียนได้ฟังก็ตกตะลึง
“แหกคุก”
วันต่อมาคุณนายทองจันทร์ยืนหน้าตึง ท่าทีฉุนเฉียว ขณะตำหนิคุณเรียม
“แม่เรียมนี่ ใจดีไม่เข้าเรื่องเข้าราว เป็นแม่รึ ผัวอยากมีเมียน้อย แม่จะแพ่นให้กบาลแยก สับเสื้อผ้าโยนให้หมากินไม่ทำหน้าชื่นอกตรมอนุญาตแบบแม่เรียมแน่”
“คุณแม่ขา ถ้าเรียมห้าม แล้วพี่เทพจะเชื่อเรียมหรือคะ ไปทำลับๆ ล่อๆ ยิ่งจะเสียหาย มากกว่าพามาอยู่ในบ้านนะคะ”
“พามันมาเฉยๆ ที่ไหน ต้องยกขันหมาก เอาสินสอดไปให้กำนันแสง ทั้งเงินทั้งทอง สารพัด ต้องจัดเรือนใหม่ให้อยู่ดูแลกัน ยังกับจะต้อนรับ ลูกสาวเจ้าพระยานาหมื่น”
กบหันไปเห็นพอดี “มากันแล้วเจ้าค่ะ คุณนายทองจันทร์”
ท่านขุนพาสน ตามด้วยช้อย และมีนายเอกตามมาด้วยกันเป็นพรวน
“อยากจะตบหน้าไอ้เอกให้หันไปหันมา ทำตัวเป็นทนายหน้าหอให้พ่อเทพไปซะทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องแม่สนนี่ด้วย”
ขุนภักดีหน้าระรื่น พาสนมากราบคุณนายทองจันทร์ ผู้เป็นมารดา
“คุณแม่ครับ ผมพาแม่สนมากราบ เรียมจ๋า พี่พาแม่สนมาฝากเนื้อฝากตัว”
“สนกราบคุณแม่ค่ะ กรุณาอบรมสั่งสอนสนด้วยนะคะ สนสัญญาว่าจะดูแลรับใช้ห่วงใยคุณแม่เสมือนหนึ่งสนเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณแม่ค่ะ”
คุณนาย รับไหว้เสียไม่ได้ “ขอบใจย่ะ จำคำพูดของตัวเองไว้ให้แม่นนะย่ะ แม่สนจำไว้ด้วย ว่านอกจากชั้น บ้านนี้แม่เรียมเป็นใหญ่ที่สุด เคารพนับถือเชื่อฟังเขาให้มากๆ ด้วยนะยะ”
สนหันไปไหว้เรียม
“สนสัญญาว่าจะทำอย่างที่คุณแม่แนะนำค่ะ อ้อ ตระกูลของสน มีลูกง่ายค่ะ สนว่าอีกไม่ช้าไม่นาน สนคงมีหลานให้คุณแม่ทองจันทร์ได้เชยชมแน่ค่ะ”
ทุกคนอึ้งพูดไม่ออก เพราะสนทำหน้าซื่อจี้จุดอ่อนของตระกูลภักดีภูบาล
วันต่อมาเนียนกำลังรวบรวมผักหญ้าจะเอาไปขาย มีใครบางคน มายืนอยู่ตรงหน้าเห็นแต่ขาและเท้า มือของคนนั้นยื่นต่ำลงมาเหมือนจะประคองเนียน เนียนเงยหน้ามองตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นหนักนั่นเอง
“พี่หนัก”
หนักมองน้องด้วยสายตารักใคร่ห่วงใยดึงน้องมาลูบหน้าลูบหน้าลูบตา
“พี่แหกคุกมา” หนักบอกตรงๆ
“พี่มาที่นี่ทำไม เดี๋ยวโดนตำรวจตามจับได้อีก”
“พี่ไม่ยอมให้ใครจับพี่ได้อีก พี่คิดถึงและห่วงทุกคน พี่จะมาดูหน้าแดงน้อย”
“แดงน้อยอยู่บ้านพี่แพร พี่แพรเขารับเลี้ยงให้จ้ะ”
“เงินที่ขายทองได้เอาไปให้นางคุณนายใจอีกา หรือยัง”
เนียนส่ายหน้า
“ยัง แดงน้อยกับพ่อป่วยบ่อยมาก พ่อไม่ยอมไปหาหมอแต่เนียนไม่ยอม ระหว่างชีวิตพ่อกับนาผืนนี้ เนียนขอเลือกชีวิตพ่อ”
“เนียนทำถูกต้องแล้ว รอสักนิดพี่จะปล้นเขาเอาเงินมาไถ่ที่นา ให้ได้” หนักชื่นชมน้อง
“อย่าปล้นอีกเลย เลิกเอาชีวิตไปเสี่ยงเถอะนะ”
พี่เสี่ยงไปมากแล้ว เสี่ยงอีกเรื่อยๆไป ยังดีกว่างอมืองอตีนไม่ทำอะไรเลย พี่ได้แต่ภาวนา ขอให้ตัวมีชีวิตอยู่นานพอที่จะให้แดงน้อยเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่เขาต้องการ จะได้ไม่อาภัพตกต่ำอย่างที่พวกเราเป็น”
เนียนสะท้อนใจครางออกมา “โธ่...พี่หนัก”
“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ที่เราต้องเอาเงินไปคืนนางคุณนายใจอีกา”
“สามวัน”
ขาดคำของเนียนเสียงคุณนายดังเจื้อยแจ้วมาก่อนตัว
“สามวันกำลังจะมาถึง แม่เนียน ตาน้อม แกอยู่ไหน”
“คุณนายมาทวงเงินแล้ว” เนียนบอก
“พี่อยากจะไปฆ่ามันนัก”
“พี่หนักรีบไปหาแดงน้อยเถิดจ้ะ อย่าให้มีเรื่องมีราวอีกเลย นึกถึงแดงน้อยกับพ่อเข้าไว้นะพี่หนัก”
หนักกอดน้องสาว น้ำตาซึม เนียนน้ำตาไหล แล้วหนักก็ผละไป เนียนรีบป้ายน้ำตา คุณนายปรากฏตัวขึ้น
“ไงแม่เนียน แหมบีบน้ำตาขอความเห็นใจอีกแล้ว ลืมแล้วหรือว่า เมื่อเกือบสามเดือนที่แล้ว ไอ้โจรห้าร้อยหนักพี่ชายเอ็ง มันบีบคอบังคับข้ายังไงข้าจะให้เวลาเพราะเห็นแก่พ่อเอ็งแม่เอ็ง”
“แต่ก็ยังมีเวลาอีก สามวันจะครบสามเดือน นะจ๊ะ คุณนาย”
“ก็เพราะงั้นน่ะสิ ข้าถึงต้องมาขู่เอ๊ยมาเตือนพวกเอ็ง ว่าหน้าด้านหน้าทนต่อไปอีก ข้าจัดการชั้นเด็ดขาดแน่ จำไว้”
“ค่ะ คุณนาย” เนียนน้อมรับ
คุณนายใจอีกาสะบัดหน้า เดินกลับ คนรับใช้ชายสองคนเดินตาม
ไม่นานต่อมาเนียนพายเรือมาในคลองโดยมีน้อมนั่งมา และไอโขลกๆ ไปด้วย สองพ่อลูกมุ่งหน้าไปยังบ้านท่านขุนภักดี
“ไกลจังนะพ่อ”
“ไกลยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดู”
“พ่อแน่ใจหรือว่าขุนภักดีจะยอมให้พ่อกู้เงิน” เนียนเป็นกังวล
“พ่อไม่แน่ใจ แต่พ่อของพ่อก็ปู่ของเอ็งแหละ เคยเป็นคนรับใช้ท่าน พ่อของท่านขุนภักดีท่านมาก่อน แต่ขาดตอนการติดต่อไปตั้งกะท่านพ่อของท่านตาย พ่อเองก็เคยดูแลที่นาให้คุณนายทองจันทร์”
“คุณนายทองจันทร์จะจำพ่อได้ไหม”
“ก็ท่านนี่แหละให้เงินพ่อสามชั่งไปทำมาหากิน ที่เอาไปซื้อนาสิบไร่นี่ก็เงินท่านให้”
เนียนใจชื้นขึ้นมา “พวกท่านใจดีจังนะพ่อ”
“ใจดีมาถึงรุ่นท่านขุน พ่อได้ยินว่า ชาวบ้านรักท่าน ขุนภักดีคนนี้มากเพราะ มีเมตตาต่อผู้ยากไร้ ท่านเอาใจใส่ ทุกข์สุขของชาวบ้าน จนเลื่องลือระบือไปทั่ว ทั้งเมืองสุพรรณ”
เนียนฟังแล้วมีสีหน้าชื่นชม และมีความหวังไปด้วย
ขณะนั้นช้อยเขม้นมองไป เห็นเรือลำน้อยเบนหัวมาเทียบท่า ช้อยวางอำนาจใส่เพราะมองไปเห็นสาวสวย แต่งตัวปอนๆ เป็นคนพาย โดยมีตาแก่ไอโขลกๆ นั่งมาด้วย ช้อยไม่พอใจ หัวเรือเบนมาจะเทียบท่า
“โยงเรือเข้ากับเสาสิลูก” น้อมบอก
เนียนเอาเชือกจะโยงเรือ มีเท้าของช้อยเขี่ยออก เนียนมองหน้า
“เอ็งเอาเรือมาโยงท่านี้ไม่ได้ นี่ท่าน้ำส่วนตัว ของสามีคุณนายสน เจ้านายข้า”
“อ้อ สวัสดีจ้ะ ชั้นกับพ่อจะมาขอพบท่านขุนภักดีจ้ะ” เนียนบอก
“ไม่ได้ ไม่อยู่ ถึงอยู่ก็ไม่ให้พบ คิดจะมาเสนอตัวเป็นเมียน้อยท่านขุนรึ”
“เปล่าจ้ะ เราสองคนจะมา...”
เนียนพูดไม่ทันจบช้อยสวนออกมา “มาอะไร”
“มา เอ้อ…” เนียนพูดไม่ออก
“นั่นไงอึกอักไม่กล้าพูดความจริง ไปซะ” ช้อยตะเพิดส่ง
“ได้โปรดเถิดนะจ้ะ” เนียนอ้อนวอน
“พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรืออย่างไร”
ระหว่างนั้นเอกโผล่มาพอดี
“เอ๊ะ นั่น นั่น อาน้อมนี่นา”
“ใช่จ้ะ เอ นั่น นั่น ชั้นจำไม่ค่อยได้” น้อมทัก เพ่งมองพลางนึก
“เอกไง อาน้อมละก้อ ชั้นเอกจำไม่ได้ซะงั้นพ่อของอาเคยอยู่ที่นี่ กับพ่อของชั้นไงล่ะ แม่ช้อยจ๊ะ คุณสนเรียกหา รีบไปสิจ้ะ ก่อนที่ เธอจะกริ้วโกรธา”
“นายเอกรับผิดชอบที่ต้อนรับสองคนนี่เองละกัน”
ช้อยเดินกระฟัดกระเฟียดไปไม่พอใจที่เห็นกับตาว่าเนียนหน้าตาสะสวย แต่รู้ว่าเอกคือคนสนิทมากของขุนภักดีจึงไม่กล้าเบ่งใส่
ส่วนสนอยู่บนเรือนกำลังนั่งลูบคลำสร้อยคอ และเสื้อผ้าสวยงาม พลางส่องกระจกดูเงาตัวเองแบบคนหลงเงา
“ใครจะมาสวยสดงดงาม มีเสน่ห์มัดใจพี่ขุนเท่าแม่สนคนสวยแห่งศรีประจันต์ไม่มีอีกแล้ว อีแก่ทองจันทร์ นางคุณนายเรียม สักวันเถิดพวกแกต้องจำแม่สนคนสวยไปจนตาย”
ยินเสียงประตูเปิดโครมคราม ช้อยพรวดมาถึงตัว
“คุณสนคนสวยเจ้าขา พายุร้ายกำลังพัดมาใกล้ตัวแล้วเจ้าค่ะ”
สนฉงน “นางช้อยบ้า เอ็งมาเอะอะมะเทิ่งอะไรกลางวันแดดเปรี้ยงพายุร้ายที่ไหนจะพัดมา ใกล้ชั้น ชั้นสวย ชั้นน่าหลงใหล พี่ขุนไม่ไปนอนเรือนใหญ่กับคุณนายเรียมมาเป็นอาทิตย์แล้วไสหัวไป ชั้นกำลังมีความสุขกับการชมความสวยของตัวเอง”
“ถ้าเกิดว่ามีใครมันสาวมันสวยกว่าคุณสนขึ้นมาล่ะเจ้าคะ” ช้อยรีบสอพลอ
สนสนใจขึ้นมาทันที “ใคร มันเป็นใคร”
ช้อยดึงสนไปที่หน้าต่างแง้มม่านมอง แล้วชี้ไปด้านล่าง
สนเขม้นมองลงไป เห็นใบหน้าสวยของเนียนแม้จะดูเศร้าและหมองหม่น แต่ก็งามหมดจดเป็นที่สุด สนไม่พอใจมาก
“ต๊าย”
"มันสาวมันสวยมาก ทั้งที่เสื้อผ้ามันน่าเกลียดใช่ไหมเจ้าคะ" ช้อยว่า
"มันเป็นใคร"
"นัยว่าจะมาพบท่านขุน"
"พบคุณพี่ ไม่ยอม ชั้นไม่ยอม" สนโวยวายลั่น
"ไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ มันไปใกล้จะถึงเรือนใหญ่แล้วเจ้าค่ะ"
ช้อยบุ้ยใบ้ไป เห็นเรียมกับน้อมขึ้นเรือนใหญ่ไปแล้ว
อาญารัก ตอนที่ 1 (ต่อ)
เนียน น้อม และเอก ทั้งสามเดินไปเกือบใกล้เรือนใหญ่ น้อมนึกได้จึงเอ่ยถาม
“เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าท่านขุนไม่อยู่ ถึงอยู่ก็ไม่ให้พบ”
“แม่ช้อยน่ะสิ คนรับใช้ของคุณสนปากตะไกร ลูกสาวกำนันแสง” เอกบอก
“แม่คนนั้นแกบอกว่า คุณนายสนเป็นภรรยาของท่านขุน” น้อมเล่า
เอกกระซิบ “เมียน้อยน่ะ ไม่ใช่คุณนายใหญ่ อย่าได้เอ่ยแบบนี้ให้คุณนายทองจันทร์ท่านได้ยินทีเดียว ท่านไม่โปรดคุณสน”
“คุณนายทองจันทร์ท่านยังแข็งแรงดีไหม”
“แข็งแรง ปากร้ายแต่ใจดี พูดจาขวานผ่าซาก แต่มีเมตตา อาน้อมต้องพูดกับคุณนายทองจันทร์ให้ตรงไปตรงมาเถิด”
เนียนเดินตามหลังสองคนมองรอบตัว กลับมาเข้าที่น้อมเดินคุยมากับเอก
“ขอบใจมาก ที่แนะนำ อาจะเรียนท่านไปตรงๆ อย่างนี้”
“อาน้อมมีอะไรมาเป็นหลักประกันให้ท่านอุ่นใจว่าจะไม่โกงท่านไหม”
น้อมมีสีหน้าหมองหม่น “จะไปมีอะไรที่ไหน เล่าพ่อเอก”
เอกมองไปที่เนียน มองแล้วยิ้ม น้อมมองตามเอก
“แต่ชั้นว่ามี ก้อ แม่เนียนนั่นไงล่ะ”
“ไฮ้…”
“ไม่ต้องไฮ้...ชั้นไม่ได้คิดอกุศล ชั้นหมายความว่า เอาแม่เนียนมาเป็นคนรับใช้ของท่าน มีเงินก็ค่อยมาไถ่ตัวแม่เนียนกลับไป”
“แต่เนียนมันยังไม่รู้ตัวเลยพ่อเอก”
“ก็ค่อยบอกหลังจากที่ท่านตกลงก็ได้นี่นา ลูกสาวอาน้อมนี่ช่างสวยงามเหมือนช้างเผือกที่ซุกซ่อนอยู่ในป่าจริงๆ เลยนะ”
สีหน้าเนียนยามนั้นออกตื่นๆ มองไปรอบๆ สายตาไปสะดุดที่เรือนหลังหนึ่งที่เล็กกว่า เห็นม่านไหวๆ อยู่ เหมือนมีใครกำลังจ้องมองมาที่เนียน
เนียนจ้องมองไปแล้วเนียนก็สะดุ้งใจคอไม่ดีอึ้งไป
ที่แท้เป็นสนมองมาที่เนียนสายตาดุร้ายเกลียดชังมาก มีช้อยมองอยู่เยื้องไปทางด้านหลัง
“ช้อย เอ็งไปสืบสาวราวเรื่องสิว่าพวกมันมาทำไมกัน”
สนไม่พูดเปล่า ผลักช้อยไปไวๆ
เนียนหน้าเสียพอนึกได้ พึมพำใจใจ
“คุณนายสน ที่ผู้หญิงคนนั้นบอกเมื่อสักครู่แน่แน่”
เอกเอ่ยขึ้น “ถึงแล้วอาน้อม รอสักครู่ ชั้นขอขึ้นไปเรียนท่านก่อน”
“ขอบใจจ๊ะพ่อเอก”
ครู่ต่อมาเนียนก้มลงกราบทั้งสองคุณนาย น้อมไหว้พนมมือค้าง
“เอ หน้าตาพ่อคนนี้ดูคุ้นๆ คลับคล้ายคลับคลาอยู่นะ”
“คือกระผมชื่อน้อม สมัยก่อนกระผมมีหน้าที่ดูแลที่นาของท่านคุณพ่อของท่านขุนขอรับ”
“จำได้แล้ว ตาน้อมเอ็งหายหน้าหายตาไปซะนานนม ไปอยู่ที่ไหนมาล่ะ” คุณนายทองจันทร์ถามไถ่
“บ้านแพนขอรับ ได้เงินที่ท่านให้ไปสามชั่งแบ่ง เอาไปซื้อที่นาสิบไร่ แต่ตอนหลังป่วยเรื้อรัง ต้องเอานาไปจำนองเขาไว้สองชั่งขอรับ”
“พรุ่งนี้เช้าคุณนายใจอีกาจะมายึดที่นาของอาน้อมแล้วขอรับ” เอกเล่าเสริม
“เข้าใจละ เอาเถิด ชั้นจะให้เงินนายน้อมสองชั่ง ไปไถ่ที่นา”
“เป็นพระคุณมากขอรับ”
“พวกชั้นไม่เคยออกเงินกู้กินดอกหรอกนะ กินเงินคนจนไม่ลง” คุณนายว่า
น้อมเกรงใจ “แต่...”
“อาน้อมแกเกรงใจ แกต้องการยกลูกสาวของแกให้เป็นตัวประกัน เอ๊ย เป็นหลักประกันขอรับ” เอกบอก
เนียนตกใจมองหน้าพ่อ น้อมสลดตาม ตามองเนียนเศร้าหมอง
“พูดจาน่าเกลียดมากนายเอก ตัวประกันหลักประกันอะไรกัน ชั้นเชื่อใจนายน้อมเพราะเป็นคนเก่าแก่ของคุณแม่” คุณเรียมเอ่ยขึ้น
“แต่ก็ไม่เลวนะ ลูกสาวเอ็งเขาเศร้าสร้อยพิกล เขาเต็มใจหรือ” คุณนายปรารภ มองมายังเนียน
เนียนสบตาพ่อแล้วก้มลงกราบอีก
“เต็มใจเจ้าค่ะ”
คุณรียมถาม “ชื่ออะไรล่ะ”
“เนียนเจ้าค่ะ”
“ชั้นยินดีรับเนียนไว้แต่ไม่ใช่คนรับใช้ ดอกนะ ชั้นจะเลี้ยงดูเนียนเหมือนน้องสาวของชั้น”
เนียนปลื้มจนน้ำตาไหล คุณนายทองจันทร์พยักหน้า
“คุณนายเรียมเขาใจกว้างเหมือนน้ำใจเจ้าพระยา ทำตัวให้มันดีนะเนียน”
“เจ้าค่ะคุณท่าน”
คุณนายทองจันทร์มองเนียนพูดเบาๆ
“สวยเกินไป แต่เจียมเนื้อเจียมตัวดี”
ด้านสนนั่งรอช้อยอยู่บนเรือนในใจร้อนเป็นไฟ ช้อยพรวดมาหอบฮั่ก
“มันมาทำไม”
“มันมากู้เงินไปไถ่ทีนา แล้วยกลูกสาวให้เป็นน้องสาวของคุณนายเรียมเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ น้องสาว นี่นังเรียมมันบ้าบอคอโป่งแท้ๆ”
“มันคงวางแผนคิดจะยกให้ท่านขุนนั่นแหละเจ้าค่ะ แต่มันทำทางอ้อมส่วนคุณนายสองคนก็คงรับเอาไว้ แก้ลำที่คุณสนมาเป็นเมียน้อยท่านขุน” ช้อยปากไว
“หยุดพูดว่าข้าเป็นเมียน้อยพี่ขุนนะ แล้วอีแก่นั่นมันว่ายังไง” สนหมายถึงแม่ผัวคู่อริ
“ช้อยเห็นยิ้มแย้มแจ่มใส เห็นดีเห็นงามไปตามกันนะเจ้าคะ”
“พวกมันกำลังจ้องรังแกข้า พวกมันอิจฉาข้า แล้วพวกมันจะได้ เห็นดีกัน”
“คุณสนอย่าบุ่มบ่ามนะเจ้าคะ คุณสนต้องดูทีท่ามันไปก่อน เพราะตอนนี้มันยังไม่มีอะไรกับท่านขุน” ช้อยแนะ
“แล้วแกจะให้ข้ารอจนกว่ามันจะมีอะไรกับพี่ขุนงั้นรึ ไหนแกสอนข้าว่า ด้านได้อายอด”
“ตอนนี้อดทนไว้ก่อนเจ้าค่ะ”
สนฮึดฮัดขัดใจมาก
ฝ่ายเนียนมาส่งน้อมที่ท่าเรือ เนียนน้ำตาไหลห่วงใยพ่อมาก
“เนียนพ่อขอโทษ ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะเอาเนียนมาเป็นตัวประกัน”
“เนียนเต็มใจจ้ะพ่อ”
“ที่พ่อทำไปนี่ ก็เพื่อให้เนียนได้อยู่ดีกินดี ไม่ต้องอดมื้อ กินเมื้อ ไม่ต้องทำไร่ไถนา ท่านทั้งสองก็ดูจะเมตตาเนียนไม่น้อย”
“เนียนขอบคุณพ่อมาก พ่อพูดถูก ถ้าเนียนกลับไปบ้าน เนียนก็ต้องไปแบ่งอาหารการกินของพ่อกับแดงน้อย พ่อเอาเงินไปไถ่ที่นา นะจ้ะ แต่ถ้าพ่อป่วยอีก ก็ไม่ต้องไปไถ่นาดอกไปรักษาตัวซะ”
“ไอ้โพล้งมันแอบมากระซิบว่า สองวันก่อนไอ้หนักมันแอบไปดักเจอมันที่ท้ายป่าช้า ฝากเงินมาสองตำลึง ไม่ต้องห่วงพ่อกับแดงน้อย นางแพรมันรักยังกับลูกก็ไม่ปาน ทำตัวดีๆนะลูก พ่อรักเอ็งนะ พ่อไปก่อน”
“พ่อดูแลตัวเองดีๆ นะจ๊ะ เนียนก็รักพ่อจ้ะ”
เนียนน้ำตาไหลประคองพ่อขึ้นเรือปลดเชือกโยงเรือให้พ่อ พอน้อมนั่ง เนียนผลักเรือออกห่างฝั่ง น้ำตาไหล ไม่ นึกว่านี่คือการพบพ่อครั้งสุดท้าย
น้อมมองหน้าเนียนใจหายวาบ น้ำตาซึมสองแก้ม เหมือนมีลางบอกว่าจะบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย
เรียมนั่งพับเพียบกับพื้นในห้องคุณเรียมก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเงยหน้าสบตาเรียม ที่นั่งบนเก้าอี้
“ไปรื้อเสื้อมาดูกันสิเนียน”
“เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องพูดเจ้าค่ะ กับชั้น พูดเจ้าค่ะ คะขาก็พอแล้ว”
“ค่ะ...คุณนายเรียม”
“ไม่ต้องเรียกชั้นว่าคุณนายเรียม เรียกชั้นว่า พี่เรียมก็ได้”
“ไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ คุณนาย เอ้อ...งั้นเนียนขออนุญาตเรียกคุณเรียมนะเจ้าคะ”
“ตามใจเถิด ช่างอ่อนน้อมถ่อมตนดีเหลือเกินนะเนียน”
สองคนอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้ากองโตพอสมควรล้วนสวยงามทั้งสิ้น วางตรงหน้าเนียน มีเรียมยิ้มองให้
“คุณเรียมจะให้เนียนหมดนี่หรือคะ”
“ใช่ ให้เนียนหมดนี่เลย คนสวยๆ อย่างเนียน แต่งตัวสวยๆ ถึงจะสมกับความสวย”
เนียนไหว้นอบน้อม
“ขอบพระคุณมากค่ะ แต่เนียนไม่สวยเท่าคุณเรียมดอกค่ะ คุณเรียมทั้งสวยทั้งสง่า ทั้งน่านับถือ”
“ช่างพูดจริงนะ เอาละ จะให้กบพาเนียนไปพักห้องเดียวกับเขา ก่อนแล้วจะจัดห้องด้านล่างตึกนี้ให้เนียนอยู่ภายหลังนะ” คุณเรียมบอก
“ค่ะ เนียนอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ค่ะ เอ้อ เนียนต้องทำอะไรบ้างสั่งเนียนนะคะ”
“ไม่ต้องทำอะไรดอก อยู่ใกล้ชั้นเข้าไว้ ชั้นเลี้ยงเนียนให้เป็นน้องไม่ใช่เป็นบ่าว เอาของไปเก็บ อาบน้ำอาบท่า แล้วขึ้นมารอชั้นที่ห้องนี่”
“ค่ะ”
ช้อยดึงสนให้มาดูเนียนใกล้ๆ ตรงข้างเรือนคนใช้
“เอ็งจะดึงข้าไปไหน ช้อย”
“ไปดูหน้านางคนอยากมีผัวเป็นท่านขุนไงเจ้าคะ มันมาโน่นแล้วกับนางกบ”
สนมองตามไป ของขึ้นโดยอัตโนมัติ โกรธตัวสั่นไปหมด
“โอ๊ย”
“คุณสนของขึ้น ดูสิเจ้าคะ สั่นไปหมดเลย”
สนก้าวฉับฉับออกไป มีช้อยตามไปทันที อยากมีเรื่องเต็มทน
เนียนเดินมากับกบ หอบเสื้อผ้ามาด้วยกันที่หน้าเรือนแถวคนรับใช้
“เนียนโชคดีมากรู้ไหม คุณนายทองจันทร์ท่านโปรดใครง่ายซะที่ไหน ดูแต่คุณสนสิ หน้าท่านยังไม่อยากจะแล คุณสนก็เหลือรับ เจ้าเล่ห์เพทุบายปากร้าย สารพัด แต่คุณท่านกำลังหลงรักหัวปักหัวปำหัวคะมำ”
กบชะงักกึก เพราะสนกับช้อยมายืนเยื้องไปเบื้องหน้านิดหน่อย
“นี่หรือคนรับใช้คนใหม่”
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ คุณสน คุณนายเรียมท่านให้บอกทุกคนว่าเนียนเป็นน้องสาวท่านเจ้าค่ะ” กบบอก
“เรียกอะไรก็เรียกได้ ยังไงก็แค่นางตัวประกันเงินกู้ นี่มันยิ่งกว่าขี้ข้าอีกนะ ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาเรียกว่านางทาส” สนด่าใส่หน้า
ตลอดเวลาเนียนนิ่งสงบ ก้มหน้าก้มตา
“ไหนว่าไม่ใช่ขี้ข้า แล้วทำไมใช้ให้หอบเสื้อหอบผ้ามาซัก”
“คุณนายเรียมไม่ได้ใช้ให้เอามาซักหรอกเจ้าค่ะ” กบบอกอีก
สนด่า “ข้าไม่ได้ถามเอ็ง ข้าถามมันว่ามันชื่ออะไร ตอบที่ข้าถามสิ”
“เนียนเจ้าค่ะ.. เสื้อผ้านี่ คุณเรียมท่านให้เนียนเอาไปใส่เจ้าค่ะ”
นายบ่าวร้องลั่น “ต๊าย”
สนกระชากมาตื่นเต้นมาก เพราะสวยกว่าของสนที่ใส่อีก
“แกทำเสน่ห์ใส่คุณพี่เรียม.. แน่ๆ”
สนโยนเสื้อกองนั้นลงพื้น ช้อยกระซิบยุส่ง
“กระทืบสิเจ้าคะ.. คุณสน ไม่อย่างนั้นมันใส่เสื้อสวยกว่าคุณสนแน่”
สนยกเท้า มีเสียงคุณนายทองจันทร์ดังแหลมมา
“แม่สนกำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่หรือยะ เสี้ยนที่ติดอยู่ที่เสื้อของแม่เรียมเขาทั้งใหญ่ทั้งแหลมทั้งหนานะยะ มันตำเท้าถึงฉีกเลือดสาดเจ็บปวดไปนานนะยะ”
สนสะดุ้งช้อยดึงสน ถอยออกมา สนไม่พอใจคุณนายทองจันทร์เพิ่มมากขึ้นอีก
“สนไม่ได้จะไปเหยียบนะคะ คุณแม่ แต่สน”
“คุณสนเธอจะหยิบน่ะเจ้าคะ คือแม่คนนี้ทำหล่นน่ะเจ้าคะ”
“งั้นรีบเก็บสิยะ จะช่วยเอาไปส่งให้เนียนถึงห้องนอนเลยก็ดีนะยะ”
เนียนรีบก้มลงเก็บโดยเร็วไม่อยากสร้างศัตรูกับสน
“เนียนเก็บเองเจ้าค่ะ”
สนมองตาม ไม่พอใจมากๆ
ขณะเดียวกัน
โพล้งกับน้อมมายืนหน้าบ้านคุณนาย น้อมดูแย่เอามากๆ เพราะพายเรือมาไกล ไอตลอดเวลา
“คุณนาย ใจอีกาอยู่ไหม”
ครู่หนึ่ง จึงเห็นคุณนายโผล่หน้ามาด่าเปิง
“ใครมาบังอาจเรียกชั้นแบบนี้ อ้อ..ตาน้อม จะมาผัดหนี้อีกละสิ”
“ลุงน้อมเขาเอาเงินสองชั่งมาใช้หนี้ รีบเอาโฉนดมาคืนให้เขาไวไว” โพล้งบอก
“นั่นแกไอเสียงยังกับเรือกลไฟ ไปยืนห่างๆ รั้ว ส่วนเอ็งเอาเงินเข้ามา ข้าจะเอาโฉนดมาให้”
“รีบไปไอ้โพล้ง”
โพล้งรีบเข้าไป น้อมยืนโงนเงนแล้วล้มลงไปกอง โพล้งหันมาตกใจ
“ลุงน้อม”
คุณนายกลับออกมา “อย่ามาตายหน้าบ้านข้า เอาเงินมา แล้วเอาโฉนดไป”
“ทำตามที่เขาบอกแล้วรีบพาข้ากลับบ้าน ข้าจะไปทำพินัยกรรมยกที่นาให้เนียนมัน” น้อมบอก
โพล้งพยักหน้ารับ
ส่วนท่านขุนเดินเข้ามาในห้องยิ้มกริ่ม มองไปที่เบื้องหน้า ทำท่าคิ้วขมวด
เห็นด้านหลังของเนียน ตัวเท่าเรียมแถมใส่ชุดเรียมกำลังยืนปัดที่นอนอยู่
ท่านขุนย่องกริบไปด้านหลัง ตะครุบหมับหอมแก้มเข้าเต็มรัก
“แม่เรียมสุดที่รักคนดีของพี่”
ร่างนั้นดิ้นขลุกขลักไปมา ตัวสั่นงันงกไปหมด
“แม่เรียมตัวสั่น ไม่สบายรึ”
“ปะ...ล่อ..ย” เนียนตกใจ
ท่านขุนชะงัก แปลกใจ
“ไม่ใช่เสียงแม่เรียม”
ขุนภักดีจับร่างสั่นเทาของเนียนให้หันมา ในระยะใกล้ชิดมาก
“เอ้อ...” เนียนอึกอัก
ขุนภักดี ตะลึงในความสวยความสาวของเนียน
เนียนระทวยตกใจจนทำท่าจะเป็นลม
“หล่อนเป็นใคร อ้าว เป็นลมไปแล้ว”
ท่านขุนโอบประคองเนียนไว้ ติดใจเนียนเข้าให้แล้ว
ตกตอนเย็น สนกับช้อยทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่แถวประตูหน้าบ้าน ด้านที่มีถนน สองบ่าวนายปรึกษากันและรอขุนภักดีกลับเพื่อชิงตัวไปยังเรือนของสน
“วันนี้วันศุกร์” สนเอ่ยขึ้น
“เอากระปุกไปใส่กระเป๋า พรุ่งวันเสาร์เอากระเป๋าไปใส่กระปุก”
ช้อยเสริมล้อเล่น แต่โดนสนหยิกแรงๆ อย่างหงุดหงิด
“ข้ากำลังแคลงใจ เพราะเห็นหน้านางน้องสาวสมมุติของคุณนายเรียม เอ็งดันมาล้อเล่น เอ็งทำได้ไหมที่จะไม่ให้พี่ขุนไม่เห็นหน้านางเนียน”
“ทำได้ แต่สำเร็จยากเจ้าค่ะ ท่านไม่เห็นมันเย็นนี้ก็เห็นคืนนี้ พรุ่งนี้เช้า พรุ่งนี้กลางวัน พรุ่งนี้เย็น หรือไม่ก็เห็นตลอดเวลา เพราะคุณนายเรียม เอานางเนียนหนีบติดตัวไว้ราวกับมันเป็นเส้นผมของคุณนาย สำคัญสุดวันนี้วันศุกร์ท่านขุนอยู่เรือนใหญ่กับคุณนายเรียม ลามปามไปถึงวันเสาร์และอาทิตย์ด้วยเจ้าค่ะ” บ่าวผู้สอพลอร่ายยาวเป็นหางว่าว
“แต่ที่ผ่านมา ไม่ว่าวันไหน พี่ขุนอยู่เรือนข้าเสมอ จะกลับไปหานังคุณนายเรียมที่เรือนใหญ่ เพราะว่าเกรงใจอีแก่ทองจันทร์นั่น” สนว่า
“แต่วันนี้ไม่ใช่วันที่ผ่านมา น้ำผึ้งพระจันทร์มันหมดเสน่ห์แล้ว ช้อยถึงบอกให้ไปดักชิงตัวท่านขุนก่อนที่ท่านจะไปถึงเรือนใหญ่ไงเจ้าคะ”
“ไหนเอ็งบอกว่าข้ากับพี่ขุนยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน พี่ขุนคงไปไหนไม่พ้นเรือนของข้าดอก”
“โถคุณสนเจ้าขาอย่ามัวหลงรูปตัวเองอยู่เลยเจ้าค่ะ เก่าๆ มันเป็นสนิม ใหม่กว่าหน้าตาจุ๋มจิ๋ม”
สนกังวลหนัก รีบจับหน้าตาตัวเอง
“ทำไมเอ็งไม่รีบบอกข้า เร็วรีบไปดักพี่ขุน”
ขณะ 2 คนกำลังจะไป จู่ๆ เอกโผล่หน้าออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังสองคน
“เสียใจด้วยคุณสน แม่ช้อย ท่านขุนท่านกลับมาและขึ้นเรือนใหญ่ไปแล้ว”
สองคนตกใจร้องประสานเสียง “ต๊าย”
“เห็นกบมันว่า เมื่อกี้ก่อนที่ท่านขุนจะกลับมา เนียนกำลังไปจัดที่นอนให้คุณนายเรียม”
สองคน ร้อง “ว๊าย” พร้อมกันอีก
“มันยังบอกอีกว่า ท่านขุนท่านว่าจะไปหาเรียมที่ห้อง” เอกว่า
“อกจะแตก” สองคนร้องพร้อมกัน
“สุดท้าย กบมันบอกว่า คุณนายเรียมไม่ได้อยู่ที่ห้อง แต่กบมันบอกไม่ทัน”
สองคนตะลึง “อะไรนะ”
เอกพูดเท่านั้นก็หัวเราะขำๆ แล้วเดินจากไป
ขณะที่เรียมกับทองจันทร์ วิ่งตามกบมาถึงหน้าห้อง สามคนต้องชะงัก เมื่อเห็นท่านขุน วางเนียนที่เป็นลมอยู่ลงกับพื้น ด้วยสายตาพิศวง งงงวย ดูออกว่าหลงรัก กบชี้มือค้างให้สองคนดู
“พ่อเทพ” คุณนายเรียกเสียงดัง
“เนียน” เรียมตกใจ
ท่านขุนเงยหน้าเหลียวมามองทุกคน
“แม่คนนี้ใส่เสื้อและซิ่นของเรียม เข้าไปอยู่ในห้องนอนของเรียม”
เรียมกับทองจันทร์มองหน้ากันแล้วยิ้มๆ ส่วนกบแอบหัวเราะคิกคัก
“แม่คนนั้นมันคือลูกสาวตาน้อม คนดูแลที่นาเก่าของคุณพ่อพ่อเทพ” ผู้เป็นแม่บอก
“นายน้อมแกมาหาพี่เทพ จะมาขอกู้เงินสองชั่งไปไถ่ที่นาจากคุณนายอะไรนะกบ” เรียมหันมาทางกบ
“คุณนายใจอีกาเจ้าค่ะ” กบบอก
“แต่พี่เทพไม่อยู่ เรียมก็เลยให้เงินนายน้อมไปสองชั่ง นายน้อมแกเกรงใจไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน แกเลยยกลูกสาวให้..เอ้อ…”
เรียมพูดไม่ทันจบทองจันทร์ก็พูดเสริม “มาเป็นคนรับใช้ของพวกเรา จนกว่าจะหาเงินมาคืน แต่แม่เรียมเขา...”
เรียมต่อความให้ “เรียมเวทนาเด็ก ดูซื่อๆ อ่อนน้อมถ่อมตน เรียมก็เลยตัดสินใจจะเลี้ยงไว้เป็นน้องสาว ขอประทานโทษพี่เทพด้วย ที่เรียมตัดสินใจโดยไม่ได้ปรึกษาพี่เทพก่อนค่ะ”
ขุนภักดีภูบาลไม่ว่ากรำร ยิ้มพึงพอใจมองดูเนียนอีกครั้ง
“เรียมทำถูกต้องทำดีที่สุด”
ระหว่างนั้นเสียงเนียนครางอือออออกมา
“เอ...แต่ทำไมเนียนมันถึงเป็นลมล่ะพ่อเทพ” ทองจันทร์สงสัย
ท่านขุนอึกอัก “เอ้อ...”
เนียนลืมตาเห็นแต่หน้าขุนภักดี ก็ตกใจมาก กลัวโดนกอดจูบอีก หวีดลั่น
“ว๊าย อย่านะ”
ทองจันทร์กับเรียมร้องเรียกพร้อมกัน “เนียน”
พอเนียนได้ยินเสียงสองคนตะลีตะลานคลานไปหา แล้วหลบไปอยู่ด้านหลัง ดูท่าทีว่ากลัวขุนภักดีมาก
“เนียนเขาตกใจกลัวท่านขุนจนเป็นลมเจ้าค่ะ ตัวสั่นงันงก เหมือนผีโดนข้าวสารเสกอาคมสาดใส่เลยเจ้าค่ะ” กบบอก
ทองจันทร์กับเรียมหันไปมองเนียน เป็นจริงดังกบว่ายิ่งสงสัย
“เมื่อสักครู่เอ็งร้องหวีดว่าอย่า...อย่าอะไรของเอ็งบอกมาสิ”
ถูกคุณนายถามเนียนยิ่งไม่กล้าเอ่ยปากก้มหน้างุด ท่านขุนหัวเราะขำปนเอ็นดูพลางยิ้มกริ่ม
“แม่เนียนของคุณแม่ ตกใจที่ผมไปทึกทักเขาว่าเป็นเรียม เพราะเขายืนหันหลัง แถมใส่เสื้อใส่ซิ่นของเรียม ตัวก็เท่ากับเรียม ผมก็เลย...”
“ทักผิดแค่นี้เอ็งตกใจขนาดเป็นลมเลยรึ ขวัญอ่อนเหลือเกินนะเนียน” ทองจันทร์ว่า
สีหน้าแววตาของขุนภักดีบ่งบอกชัดเจน จนเรียม ทองจันทร์และกบรู้สึกได้ว่า ท่านขุนพอใจเนียนที่เอาแต่ก้มหน้า
น้อมอาการดูไม่ดีมากๆ มีโพล้งกำลังดูแล
“เนียนของพ่อ พ่อได้ทำหน้าพ่อที่ดีสำเร็จแล้ว ที่นาสิบไร่จะตกเป็นของเอ็งและต่อไปถึงแดงน้อย” น้อมไอจนเลือดกระจาย หายใจหอบถี่ๆ “เหนื่อย...เหนื่อยเหลือเกิน”
“เหตุก็เพราะลุงน้อมพายเรือกลับมาจากบ้านท่านขุน ตั้งไกลโขนั่นแหละ จึงหมดเรี่ยวหมดแรง ถึงลมใส่ ข้าไปบอกเนียนมันนะ ว่าลุงป่วยมาก”
น้อมร้องห้ามเสียงหลง
“อย่านะ ถ้าเอ็งไปบอกเนียน ก็เท่ากับว่าเอ็งกำลังทำลายอนาคตของเนียนกับแดงน้อย เนียนมันมีคนอุปถัมภ์ค้ำชู ที่ใจบุญเมตตาปราณี คุณนายเรียมท่านยกย่องให้มันเป็นน้องสาวท่าน ข้าไม่ยอมให้มันกลับมาจมปลักอยู่ที่นี่อีกแน่ ไปตามนางแพรมาข้าจะให้มันเขียนพินัยกรรม”
โพล้งพยักหน้ารับคำ
บนชานเรือนหลังใหญ่ ขุนภักดีกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ท่าทีสดชื่น อยู่กับเรียมและทองจันทร์ มีกบ และเนียนคอยดูแล
เนียนนั้นก้มหน้าไม่กล้าสบตาท่านขุน ที่แอบชำเลืองมาบ่อยๆ ส่วนกบคิกคักร่าเริง
“วันนี้พ่อเทพเจริญอาหารมากกว่าทุกวันนะเรียม” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น
“ค่ะ...โดยเฉพาะอาหารที่เนียนเขาทำ” เรียมว่า
ท่านขุนยิ้มพอใจ
“เนียนเขาทำอะไรหรือจ้ะ...เรียม”
“ต้มยำพุงปลาช่อนค่ะ...พี่เทพ”
ขุนภักดียิ้มย่อง มองเนียนที่ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ด้วยแววตาหวานฉ่ำ
อาญารัก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ระหว่างนั้นสนกับช้อยพากันเดินขึ้นมาบนเรือน พร้อมด้วยสำรับอาหาร ช้อยเดินแทบจะเหยียบกบที่รีบหลบจนหน้าแทบคะมำ
สนจงใจเดินเหยียบมือเนียนที่นั่งก้มหน้าเท้าแขนอยู่ เนียนตกใจรีบชักแขนหนี โดยไม่มีใครทันเห็นนอกจากช้อย
“พี่ขุนขา...สนทำแกงเผ็ดตะพาบน้ำที่พี่ขุนสั่งไว้มาให้รับประทานค่ะ”
“มาช้าไป พ่อเทพเขากินต้มยำพุงปลาช่อนฝีมือเนียนไปแล้ว และที่ชั้นจำได้ วันนี้วันศุกร์ แม่สนไม่มีหน้าที่มาป้วนเปี้ยนที่นี่” ทองจันทร์แดกดัน
“สนก็แค่เจตนาดี เพราะพี่ขุนสั่งให้ทำแกงเผ็ดตะพาบน้ำให้ แต่ถ้าพี่ขุนรับประทานไปแล้ว...สนเอากลับนะคะ”
สนไม่ยอมวางอาหาร แต่ทำส่งให้ช้อย ที่ยืนอยู่ใกล้ตรงที่เนียนนั่งพอดี สนสบตาบ่าว ช้อยสบตารู้ใจ รับชามแกงตะพาบน้ำพลาดทำให้ถาดตกลงไปบนหัวเนียนข้าวของหกกระจาย
เนียนตกใจร้อง “อุ๊ย”
เรียมเองก็ตกใจ “ตายจริง เนียน เลอะเทอะหมดแล้ว”
“แม่สนซุ่มซ่ามจริงๆ นางช้อยก็เซ่อซ่าตาบอด นั่นหัวคนนะหัวตอ” ทองจันทร์ฉุน
“สนขอประทานโทษค่ะ...ช้อยมันโง่เง่าเต่าตุ่น กลับไปสนจะไปหักนิ้วสั่งสอนมัน ขอโทษด้วยนะเนียน พี่ขุนขา สนเอ้อ…”
ขุนภักดีตัดบททันที “จะกลับเรือน... รีบไปเถอะ”
สนผิดหวังนัก ส่งสายตาออดอ้อนไปทางขุนภักดี ที่เอาแต่มองไปทางเนียน
“พริกเข้าหูเข้าตาแสบหมดแล้ว รีบไปล้างหน้าล้างตาซะ”
“ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วขึ้นมารอชั้นที่ห้องพระ จะสอนให้จัดดอกไม้ไหว้พระ” เรียมบอก
“ค่ะ”
เนียนถดถอยหลังออกไป ท่านขุน และทองจันทร์มองตาม สงสารเนียนมากๆ
สนมองแล้วไม่พอใจอย่างยิ่ง
“อ้าว...แม่สนไหนว่าจะกลับเรือน มายืนทำตาเถลือกถลนอยู่ทำไม” ทองจันทร์ว่า
สนจึงถอยออกไปแอบจ้องเนียนตาแทบถลน
กบเห็นรีบกระซิบบอกเนียน “ตาคุณสนถลนยังกะตางูตอนจะปล่อยพิษฉกเหยื่อ”
เนียนไม่อยากดู รีบถอยตัวออกไปให้พ้นโดยเร็ว มีสายตาของขุนภักดีมองตามบ่งบอกความรู้สึกรักและเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง
ทองจันทร์เห็นจึงกระแอม นั่นแหละท่านขุนจึงหันมากินอาหารต่อ
ฟากสนกลับมาถึงเรือน ก็เอาแต่นอนร้องไห้คร่ำครวญ มีช้อยนั่งพูดประจบเอาอกเอาใจ
“พี่ขุน มองนางเนียนตาเป็นมัน เหมือนอยากจะกินมัน”
“ใช่เจ้าค่ะ...วันนี้กินพุงปลาของมัน อีกไม่นานท่านขุนกินพุงนางเนียนแน่”
“ข้าทนไม่ได้ ข้าเจ็บที่นี่” สนชี้ใจตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งแค้น “นางเนียนมันแกล้งทำเซ่อซ่าเงอะงะให้ดูน่าสงสาร น่าหมั่นไส้แท้ๆ”
“ใช่แต่ท่านขุนเท่านั้นที่มองมันอย่างเอ็นดู ทองจันทร์ คุณนายเรียมก็ให้เอ็นดูมัน ช้อยบอกแล้วไงเจ้าคะ ว่าสองคุณนายนั่น วางแผนแก้ลำคุณสน วางแผนดึงท่านขุนกลับ โดยใช้นางเนียนเป็นเหยื่อล่อ”
“แล้วก็ดูท่าว่าพี่ขุนก็เต็มใจจะฮุบเหยื่อด้วยสิ ช้อยเอ็งต้องช่วยข้าดึงพี่ขุนกลับมาหาข้า”
“ต้องตัดไฟแต่ต้นลมเจ้าค่ะ...ของแบบนี้ขืนรอนานไปจะกลายเป็นว่า กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ คุณสนตกกระป๋องแน่นอน”
สนโมโหมาก “โอ๊ย...หยุดพูด เอ็งอย่าเอาลูกกำนันอย่างข้าไปเปรียบลูกชาวนาอย่างมันใครเป็นถั่วใครเป็นงาบ้าบอคอโป่ง”
“คุณสนลูกกำนันก็เป็นงาสิเจ้าคะงา...ส่วนนางเนียนลูกชาวนามันก็เป็นถั่ว งามันแพงถั่วมันถูกกว่าเจ้าค่ะ”
สนยิ้มร้ายออกมา “พอที...ข้าอยากรู้เรื่องตัดไฟแต่ต้นลมของเอ็ง”
“ทำร้าย ทำลาย กลั่นแกล้ง เสือกไสไล่ถีบนางเนียนมันทุกวิถีทาง ก่อนที่มันจะกลายเป็นเมียของท่านขุนเจ้าค่ะ แต่ช้อยละหวั่นใจว่าจะไม่พ้นคืนนี้”
สนยิ่งแค้นแทบกระอัก “โอ๊ย...ช้อยเอ็งอย่าพูดให้ข้าใจหาย เอ็งต้องรีบทำอะไรก็ได้ตอนนี้เดี๋ยวนี้ ให้พี่ขุนมาเรือนข้า”
“เจ้าค่ะ…เพื่อคุณสน ช้อยจะตะลีตะลานไป บอกท่านขุนว่าคุณสนตัวร้อนเหมือนไฟลน”
“แต่ข้าร้อนที่ใจ ไม่ใช่ที่ตัว พี่ขุนจะมาหรือ”
“เชื่อหัวอีช้อยเถิดเจ้าค่ะ ท่านขุนตะลีตะลานมาหาคุณสนแน่นอนเจ้าค่ะ นอนครางฮือๆ..เข้าไว้อย่าหยุด เดี๋ยวช้อยจะให้พวกในครัวต้มน้ำร้อนมาให้คุณสน”
สนนอนครางฮือๆๆ ช้อยรีบออกไป
เนียนจัดดอกไม้สวยงาม เรียมมองยิ้มอย่างพอใจ ทองจันทร์ที่อยู่ด้วยก็พยักหน้าเห็นงามตามกัน
“แค่แนะให้ดูที่ปักอยู่นิดหน่อยก็จัดดอกไม้ใช้ได้แล้วนี่เนียน”
“มะนาวกลมเกลี้ยงไม่ต้องมีคนคลึง เห็นตัวอย่างของเก่าที่มีอยู่ ก็ทำได้” คุณนายว่า
ระหว่างนั้นขุนภักดีโผล่หน้าเข้ามาในห้องพระ
“เรียมจ๋า...พี่มาขอกราบพระด้วยคนนะจ้ะ”
ทองจันทร์รู้ทันลูกชายหันไปค้อนขวับ
“พ่อเทพจะมากราบขออะไรพระ”
“ขอให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรง ขอให้เรียมกับผมมีลูกสักคน”
เรียมทำหน้าเฉยๆ ส่วนเนียนรีบก้มหน้างุด
“มาสิคะ พี่เทพ เนียนเขยิบให้ท่านขุนนั่งสิ”
เนียนเขยิบทำให้ท่านขุนต้องนั่งแปะใกล้เนียน
จังหวะนั้นช้อยโผล่พรวด คลานกระหืดกระหอบเข้ามา มีกบพยายามทัดทาน
“ท่านขุนเจ้าขา คือว่า…”
“ช้อยเอ็งกล้าสาระแนมาถึงห้องพระเรือนข้าทำไม” คุณนายนึกฉุน ไม่พอใจมาก
“กบห้ามแล้วเจ้าค่ะ แต่ช้อยเขาว่าเรื่องใหญ่เจ้าค่ะ”
“มีเรื่องใหญ่อะไรรึ...ช้อย” เรียมถาม
“คุณสนเจ้าค่ะ...ตัวร้อนจี๋ยังกับถูกไฟลน” ช้อยบอก
“ป่วยไวยังกับเล่นกล เมื่อตอนเย็นยังเห็นลอยหน้าลอยตาเถลือกถลนเหมือนตางูเห่า” หญิงชราแขวะอย่างรู้ทัน
“พี่เทพไปดูแม่สนเถิดค่ะ” เรียมบอก
ท่านขุนส่ายหน้า
“พี่ไม่ใช่หมอ ช้อยเอ็งไปบอกนายเอก ให้มันไปตามหมอสุขศาลา บอกว่าข้าให้มาดูอาการแม่สน”
ช้อยแทบทรุด แผนไม่เป็นไปดั่งคาด
“นางช้อย ท่านขุนให้ตามหมอยามารักษาทำไมเอ็งทำหน้าจะเป็นจะตาย หรือว่าเอ็งอยากได้หมอตำแยไปรักษาอาการไข้นายเอ็ง” ทองจันทร์ตะเพิด
ช้อยรีบถอยถดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านสนกำลังเอาลูกปะคบร้อนๆ ปะคบตามหน้าตาเนื้อตัวและแขน ยินเสียงประตูห้องเปิด สนยิ้มย่อง
“แผนการสำเร็จ พี่ขุนมาแล้ว”
สนรีบกระโดดกลับนอนห่มผ้าคลุมโปงครางฮือๆ
ช้อยเดินเข้ามาหน้าตาหงุดหงิดทำท่าขัดใจ มองไปที่สนนอนคลุมโปง รู้ว่าเจอด่าแน่ ช้อยเดินมานั่งทรุดตัวข้างๆ สน แตะไปที่ผ้าห่ม สนทำเป็นสั่นสะเทิ้ม
“หนาว..โอ๊ยหนาว ฮือๆ พี่ขุนขาสนหนาวใจจะขาด”
ครู่ต่อมา เอกเดินนำหมอจากสุขศาลาถือกระเป๋าหมอตามเข้ามา
“คุณสนเจ้าขาช้อยเองเจ้าค่ะ”
สนดึงผ้าคลุมหัวออก ทำสั่นสะเทิ้ม มองไปกลายเป็นเอกพาหมอจากสุขศาลามา
“นางช้อย เอ๊ะ” สนมองช้อยอย่างโกรธขึ้ง แล้วหันไปว่าเอก “ไอ้เอก เอ็งทะลึ่งเข้ามาในห้องข้าทำไมนางช้อยไหนเอ็งว่าจะไปตาม...”
“เจ้าค่ะ...ช้อยไปตามท่านขุน ท่านขุนให้ช้อยไปตามนายเอก สั่งให้นายเอกไปตามหมอจากสุขศาลามาเจ้าค่ะ”
สนกริ้ว “อีช้อย...”
“กระผมขออนุญาตตรวจอาการคุณสนนะขอรับ”
“ไม่ให้ตรวจ ข้าหายแล้ว ช้อยเอ็งไล่นายเอกกับหมอไปให้พ้นจากเรือนข้าเดี๋ยวนี้”
หมองง แต่เอกยิ้มพยักหน้ากับหมอ
“หายเพราะตัวเชื้อไข้คุณสนมันกลัวหัวหดเพราะเจอหมอน่ะขอรับ”
สนตวาด “บอกให้ไป”
เอกยิ้มอย่างรู้ทัน
พอหมอออกไปจากห้องกับเอกแล้ว สนลุกพรวด เอาหม้อดินที่ช้อยใส่น้ำร้อนทุ่มโครมลงกับพื้นน้ำร้อนกระจาย ระบายอารมณ์ ช้อยกระโดดหลบแทบไม่ทัน สนไล่ทุบตีช้อยพัลวัน
“คุณสนเจ้าขาช้อยทำสุดฝืมือแล้วนะเจ้าคะ...แต่ทำไมมันกลับตาลปัตร”
“เพราะเอ็งเอาฝีตีนทำต่างหาก มันถึงเป็นอย่างนี้” สนโมโหมาก
ช้อยไม่วายเสี้ยมหาเรื่องเนียน “ฟังนี่ดีกว่าเจ้าค่ะ อยู่ดีๆ...ท่านขุนอยากจะกราบพระขึ้นมา เพราะนางเนียนมันทำดอกไม้ถวายพระแน่ๆ เจ้าค่ะ”
“โอ๊ย...ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟังชื่อมันอีกแล้ว นางตัวกากี”
“ฟังอีกนิดเดียวเจ้าค่ะ นี่ขนาดมันเหยียบบ้านท่านขุนไม่ทันข้ามคืน คุณสนยังตกกระป๋องแล้วนะเจ้าคะ ไม่ถีบก็เหมือนถีบ”
“อีช้อย...กูจะถีบมึง”
สนถีบช้อยโครมใหญ่
ฝ่ายขุนภักดีไหว้พระเสร็จแล้ว แต่ยังนั่งแกร่วอยู่
“แม่ไหว้พระเสร็จแล้ว แม่จะเข้านอนก่อนละ พ่อเทพแม่เรียม” ทองจันทร์บอกแล้วลุกเดินออกไป
“เชิญเจ้าค่ะ...คุณแม่ เนียนจ๊ะ ช่วยนั่งรอจนธูปไหม้หมดก้าน แล้วค่อยกลับห้องนะ”
“เจ้าค่ะ” เนียนก้มหน้าพูด
“ไปกันเถิดเจ้าค่ะ พี่เทพ”
เรียมกับขุนภักดีพากันเดินออกไป เนียนแอบเงยหน้าปรายตามองตาม ท่านขุนหันมาพอดี เนียนรีบก้มหน้างุดต่อ
ส่วนที่บ้านแพน พินัยกรรมของน้อมเขียนเสร็จ โดยฝีมือของแพร มีโพล้งอุ้มแดงน้อยไว้นั่งอยู่ด้วย
“จะเซ็นชื่อยังไงกันล่ะ ลุงน้อม เขียนหนังสือไม่เป็นนางแพร”
“ใครเขาเซ็นชื่อกัน เขาปั้มนิ้วมือกันตะหาก ตาโพล้ง นี่หมึกปั๊มนิ้วให้ลุงน้อมปั๊มมือแทนการเซ็นชื่อ”
แพรจับนิ้วน้อมมาจุ่มหมึกกดลงไปบนกระดาษพินัยกรรม
“พวกข้าอ่านไม่ออก แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าเอ็งเขียนตามที่ลุงน้อมบอก” โพล้งตั้งแง่เอากับเมีย
“ไอ้โพล้ง วอนโดนถีบตกเรือนจริงๆ เอ็งนั่นแหละปั๊มนิ้วเป็นพยานซะ”
โพล้งเอานิ้วจุ่มหมึกกดลงไปบนกระดาษ น้อมยิ้มสมใจ มองแดงน้อยอย่างเอ็นดู
“แดงน้อยเอ๊ย...ตา ไม่ห่วงอะไรแล้ว ตาตายตาหลับแน่ๆ”
“อ้าว แล้วจะหลับสนิทได้ยังไง ไม่ห่วงพี่หนักบ้างหรอกรึ” โพล้งว่า
แพรแอบทุบโพล้ง น้อมถอนใจ
“อย่าได้เอ่ยชื่อมันให้กูได้ยินอีก กรรมใดที่มันก่อให้เป็นไปตามเวรตามกรรมของมัน ไอ้หนักมันทำให้กูช้ำใจที่สุด”
น้อมพูดไปน้ำตาก็ไหล
ภายในห้องนอนของเนียน ด้านหลังเรือนใหญ่ ซึ่งเป็นเรือนแถวชั้นเดียวของพวกคนงานและคนใช้
กบนอนหลับอยู่ในมุ้ง ส่วนเนียนให้นึกห่วงพ่อห่วงลูกห่วงคนที่บ้านแพน ผุดลุกผุดนั่ง จนกบตื่น
“เป็นอะไรเนียน เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง”
“ชั้นเป็นห่วงพ่อจ้ะ แกไม่สบายเรื้อรัง ยังจะพายเรือกลับบ้านแพนตามลำพังคงจะเหนื่อยแย่ ดีไม่ดีจะป่วยเอา”
“ป่วยจริง เขาก็ส่งข่าวมาเองแหละน่า นี่ ถามจริง หน้าตาสวยๆ อย่างนี้มี มีคู่รักรออยู่ที่บ้านแพนใช่ไหม”
คำพูดซื่อๆ เล่นเอาเนียนสะดุ้ง เสียงผู้เป็นพ่อดังก้องในหู
“เนียน จำคำพ่อเอาไว้ อย่าได้บอกใครว่าเอ็งมีผัวมีลูก มีพี่ชื่อ..ไอ้เสือหนัก”
เนียนเลยส่ายหน้า
“ไม่มีใครมาเหลือบแลผู้หญิงยากจนมอมแมมอย่างชั้นหรอกพี่กบ”
“เนียนเป็นเพชรในตม ถูกค้นพบโดยคุณนายเรียม ตอนนี้กำลังส่องประกายที่นี่ ถามจริงๆ ท่านขุนท่านพูดอะไรหรือทำอะไรเนียนมากกว่าเรียกชื่อผิด จำเสื้อผ้าผิด” กบเล่นโวหาร แล้ววกกลับมาเรื่องเมื่อเย็น
“เอ้อ เปล่าจ้ะ”
“ตอบไม่เต็มเสียง ชั้นเคยแอบเอ๊ยบังเอิญเห็น ท่านขุน ท่านย่องไปด้านหลังคุณนายเรียมแล้วขโมยกอดจูบ”
กบหัวเราะคิกคัก เนียนสุดจะเขินอาย จึงลุกไปยืนที่หน้าต่างห้อง นึกถึงตอนที่ท่านขุนมาโอบกอดจากด้านหลัง แถมหอมแก้มเรียกชื่อแม่เรียมจ๋า
เนียนคิดแล้วใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ขณะเดียวกันเรียมนอนสงบนิ่ง แต่ไม่หลับ ส่วนท่านขุนเริ่มจากนอนหงาย ทอดถอนใจ เพราะในหัวเห็นแต่ภาพเนียนตกใจตอนโดนขโมยกอดจูบจากด้านหลัง
ท่านขุนพลิกซ้าย ทอดถอนใจ เรียมปรายตามองเงียบๆ
ภาพเนียนภาพเดิมตามมารบกวนขุนภักดีอีก
ท่านขุนทอดถอนใจซ้ำ เรียมปรายตามอง ท่านขุนพลิกขวา เรียมหันมามองแอบถอนใจเบาที่สุด
ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ภาพเนียนตามมารบกวนอีก จนท่านขุนลุกขึ้นมานั่งสลัดหัวแรงๆ
“พี่เทพไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“เปล่าจ้ะ ขอโทษนะเนียน เอ๊ยเรียม พี่นี่แย่จริง พลิกตัวจนเรียมนอนไม่หลับ”
“เรียมยังไม่หลับต่างหากเจ้าค่ะ”
“เรียมหลับเถิด พี่จะออกไปนั่งรับลมที่หน้าเรือนสักครู่”
ขุนภักดีหันมาโอบกอดเรียมก้มลงหอมแก้ม แล้วผละเดินออกไป เรียมมองตามครุ่นคิด เริ่มปะติดปะต่อว่าอะไรทำให้ท่านขุนนอนกระสับกระส่าย
เรียมเผลอตัวอุทานออกมา “เนียน”
แต่สีหน้าของเรียมยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
ทางด้านสนยัง ไม่เลิกคลุ้มคลั่ง อาละวาดและไปลงที่ช้อย ช้อยก็หาทางช่วยสุดฝีมือ
“นางเนียนมันก็แค่ลูกชาวนาไม่มีปัญญาเอาเงินมาไถ่ที่นาดอก”
“นั่นสิเจ้าเจ้าคะ คุณสนลูกสาวกำนันมีแต่พวกมันจะเอานามาจำนอง จะพ่ายแพ้มันไม่ได้เจ้าค่ะ”
“มันบริสุทธ์ผุดผาดมาหรือเปล่า หรือว่าพ่อมันจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาตบตาผู้คน”
“นั่นสิเจ้าคะ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันบริสุทธิ์ผุดผาดไม่เคยต้องมือชายมาก่อน”
“ข้าจะทำยังไงให้พี่ขุนคิดว่ามันโดนจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาเล่า”
“แหม คุณสนเจ้าขา ก็ไอ้บริสุทธิ์นี่มันร่อนใส่ตะกร้าล้างน้ำมา ใคร้จะไปจับได้ คุณสนเองก็รู้อยู่แก่ใจตัวนี่เจ้าคะ ว่ามันมองกันไม่ออก
สนตวาดแว้ด “อีช้อย หยุดนะ” ที่แท้สนเคยมาก่อน “เอ็งสาบานไว้ว่ายังไง”
“ช้อยไม่ทวนคำสาบานหรอกเจ้าค่ะ ช้อยจะให้มันตายไปกับช้อยเจ้าค่ะ”
ช้อยเงียบงันไป แล้วสนก็ตื่นเต้นมองไปที่นอกหน้าต่าง
“จำคำพูดเอ็งไว้ ว้าย...ช้อย เอ็งรีบไปเอาน้ำร้อนมาประคบหน้าข้าใหม่ ไวไวเข้า”
“จะปะคบไปตบตาใครอีกล่ะเจ้าค่ะ”
สนชี้ลงไปข้างล่าง “โน่น พี่ขุนเดินมาโน่นแล้ว กำลังตรงมาทางเรือนข้า”
สนรีบนอนลง ช้อยวิ่งให้วุ่นไปหมด
ขุนภักดีเดินมาทางเรือนของสนจริงๆ แต่มาหยุดห่างออกไป ช้อยวิ่งพรวดพราดยกหม้อน้ำร้อนมาเจอเอาท่านขุนช้อยหยุดกึก
“ช้อย แม่สนเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ เออ... ตัวยังร้อนจี๋”
“ข้าสั่งให้ไปตามหมอเอ็งไม่ได้บอกไอ้เอกให้ไปตามหรือ”
“บอกแล้วเจ้าค่ะหมอเอ้อ ก็มาแล้วเจ้าค่ะ”
“มาแล้วก็ดีแล้ว เดี๋ยวก็หายเอง”
“เอ้อ เชิญเจ้าค่ะ ท่านขุน คุณสนรออยู่เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องรอข้า”
พูดจบท่านขุนก็เดินเลี้ยวไปทางท่าน้ำ
ช้อยยืนงงอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก เผลอทำหม้อน้ำร้อนหล่นใส่เท้าตัวเองจนต้องกระโดดเหยง
สนนอนป่วยการเมืองรอช้อยรอขุนภักดีอยู่ในห้อง ครู่หนึ่งเห็นช้อยเดินเขยกเท้าขึ้นมา
“เร็ว ไหนเล่าน้ำร้อน”
“ตกแตกไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เอ็งนี่โง่จริง เดี๋ยวพี่ขุนขึ้นมาก็จับได้ว่าข้าปดเอาหรอก”
“จับไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
“ทำไม” สนงง
“ท่านไปแล้วเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ นี่นี่...”
“นี่สันนิษฐานได้ว่า คุณสนตกกระป๋องแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ” ช้อยว่า
สนของขึ้น “อีช้อย...”
“เจ้าขา คุณสนเจ้าขาอย่าเพิ่งคลั่ง ยังมีเวลา หาเรื่องใส่มันอีกแยะเจ้าค่ะ ใจเย็นๆ เจ้าค่ะ”
สนร้องไห้โฮๆๆ ส่ายหน้าไปมา ช้อยได้แต่ปลอบ
ฝ่ายขุนภักดีเดินมาถึงท่าน้ำ กำลังจะก้าวไปที่ศาลา ได้ยินเสียงถอนใจเฮือกเบาๆ ของเนียนนั่นเอง ที่นั่งเศร้าสร้อยอยู่
“พ่อจ๋า เนียนห่วงพ่อ แดงน้อยลูกแม่ แม่ห่วงหนูคิดถึงหนูใจแทบขาด..แต่แม่ไม่มีทางเลือก” เนียนพึมพำกับตัวเอง
ขุนภักดีเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ถอนใจคิดถึงใครที่บ้านรึ”
เนียนสะดุ้งตกใจหันขวับมาไม่กล้าร้อง เอามือปิดปากไว้แน่น
“เห็นชั้นเป็นยักษ์เป็นมาร หรือยังไง ถึงทำท่ากลัวขนาดนั้น”
เนียนรีบทรุดตัวลงนั่งพับเพียบที่พื้น ก้มหน้านิ่ง
“หามิได้เจ้าค่ะ”
“ต่อไปเจอหน้าชั้นก็อย่าทำตัวสั่นงันงกอย่างนี้อีก รู้ไหม”
“ทราบเจ้าค่ะ เอ้อ อิชั้น เอ้อ ไปได้หรือยังเจ้าคะ”
ขุนภักดีหัวเราะขำๆ ปนเอ็นดู
“จะรีบลนลานไปไหน เพิ่งบอกไม่ให้กลัว เอาเถิดจะไปก็ไป เดินไปดีๆ ไม่ต้องวิ่งเดี๋ยวจะหกล้มหกลุก”
ขุนภักดียิ้มย่องอารมณ์ดี แล้วหันตัวกลับ เดินไปจากท่าน้ำ แต่เนียนนั่นเองที่หกล้มจนได้ เนียนพยายามตะเกียกตะกายลุก ท่านขุนยื่นมือมาตรงหน้า
“ลุกไหวไหม”
เนียนไม่กล้ายื่นมือไปจับตอบ หดไว้ด้านหลัง แล้วรีบคลานหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ชั้นน่าเกลียดน่าชังนักรึ เจ็บจุกจะแย่ยังไม่ยอมรับความช่วยเหลือเวรกรรม แท้ๆ”
จู่ๆ เอกโผล่มา จนขุนภักดีตกใจ เอกพูดอย่างรู้ใจนาย
“แม่เนียน สะสวยไปหมดทั้งรูปร่างหน้าตา ยิ่งได้แต่งตัวงามๆ ที่คุณนายเรียมให้ อุเหม่ นางฟ้ามาจุติเราดีๆ นี่เองนะขอรับ คุณเทพ”
ขุนภักดีเตะก้นเอกหยอกเล่น
“ใครใช้ให้เอ็งมาแอบดูข้า”
“กระผมเป็นพ่อสื่อสวาทของท่านขุนนี่ขอรับ กระผมได้กลิ่นความรักลอยมาเตะจมูก”
ขุนภักดียกเท้าจะเตะอีก เอกหลบวูบ ท่านขุนหัวเราะขันอารมณ์ดี
“เตะก้นเอ็งนั่นแหละไม่ใช่เตะจมูก”
หลายวันต่อมา สนยังคงกลุ้มใจไม่เลิกเรื่องเนียน ปรับทุกข์กับช้อย
“ข้าไม่เจอหน้าพี่ขุนมาสามวันแล้วนะช้อย”
“คิดซะว่ามันไม่ใช่วันของคุณสนเถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้ ข้าเคยเห็นหน้าพี่ขุน ทุกเช้าค่ำ แต่ตอนนี้ ส่ายตาหาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เอ็งไปสืบมาหรือยังว่าพี่ขุนไปหลบอยู่ที่ไหน”
“หรือว่าท่านจะหลบไปอยู่ในห้องนางเนียน”
“นางช้อยเอ็งจะยั่วให้ข้าคลั่งใจตาย”
“ว่าได้หรือเจ้าคะ รอแป๊บ ช้อยไปสืบให้นะเจ้าคะ”
ช้อยวิ่งลงเรือนไป สนแทบคลั่งเอามือทุบอก
“อีเนียน มึงทำกูอกจะแตกตาย”
ไม่นานช้อยวิ่งกลับมา หอบแฮ่กๆ
“ได้การแล้วเจ้าค่ะ ไอ้แทนมันบอกว่าพวกในครัวมันหัวเราะคิกคักซุบซิบนินทากันว่า ท่านขุนท่านติดอยู่กับคุณนายเรียมแจบนเรือน”
“แปลว่าไม่ได้อยู่กับนางเนียน” สนว่า
“ก้อเพระนางเนียนมันติดอยู่กับคุณนายเรียมน่ะสิเจ้าคะ” ช้อยบอก
สนตบอกผาง แค้นอกแทบระเบิด
“อีเนียน อีมารหัวใจ”
“หาทางแก้เจ้าค่ะ ยังไงวันนี้วันจันทร์ วันของคุณสน ผัดหน้าทารูดให้สวยกว่านางเนียน แล้วรีบไปทวงข้อตกลงกันเจ้าค่ะ”
ช้อยรีบไปเอากระจกเอาแป้งเอาเครื่องประทินโฉมมาให้นายหญิง สนรีบทำตามที่ช้อยจัดแจง
ขณะที่ขุนภักดีกำลังจะไปทำงาน เอกมายืนรอรับกระเป๋าเอกสาร เรียมเดินมาส่ง มีเนียนเดินตามหลัง ถือกระเป๋าเอกสาร ถือรองเท้าตามหลังมาด้วย
“เย็นนี้พี่จะกินอาหารเรือนนี้ จะมีใครทำต้มยำพุงปลาให้พี่กินไหมจ้ะเรียม” ขุนภักดีเปรยขึ้น
“คุณพี่กินต้มยำพุงปลาช่อนมาสามวันติดกันแล้วนะคะ” เรียมว่า
“พี่อยากกินทุกวันนี่จ้ะเรียม”
“แต่วันนี้ เป็นวัน...”
ขุนภักดีสวนขึ้น “วันอะไรไม่สำคัญ พี่จะกินต้มยำพุงปลาช่อนกินที่นี่”
“ค่ะ เนียน ส่งกระเป๋าเอกสารของท่านขุนให้นายเอก”
“นี่เจ้าค่ะ”
เนียนส่งให้เอก ขุนภักดียื่นมือมารับแทนจนมือชนมือเนียนจังๆ เนียนสะดุ้ง ท่านขุนทำไม่รู้ไม่ชี้มองรองเท้าที่มือเนียนพลางบอก
“รองเท้าด้วย”
เนียนก้มลงวางรองเท้าที่หน้าเท้าของขุนภุกดี ท่านขุนสอดเท้าลงไปยิ้มย่อง เนียนกำลังจะผูกเชือกรองเท้าให้ สนกับช้อยมาถึง สนมองอย่างไม่พอใจ
“พี่คุณเจ้าขา วันนี้วันจันทร์ หน้าที่สนดูแลพี่ขุนค่ะ”
ช้อยรีบกระซิบ “มันกำลังแย่งหน้าที่คุณสนเจ้าค่ะ”
สนกระซิบตอบ “แต่...”
“ด้านได้อายอดเจ้าค่ะ”
สนรีบปราดไปก้มลงกระแทกเอาเนียนเซไป
“หน้าที่สนใส่รองเท้าให้พี่ขุน เนียนเอ็งถอยไป”
ทว่าขุนภักดีกลับชักเท้าหนีมือสนที่แย่งรองเท้าอีกข้างมาจากมือเนียน
“แม่สน จ๋า เนียนเขาใส่จนเสร็จไปข้างหนึ่งแล้ว ให้เขาใส่อีกข้างให้เสร็จ”
สนถึงพูดไม่ออก สบตาช้อยพยักหน้าให้สู้ต่อ
“พี่ขุนเจ้าขา เย็นนี้ สนรอพี่ขุนกลับมากินแกงตะพาบน้ำที่เรือนสนนะคะ คุณพี่เรียมเตือนพี่ขุนแทนสนด้วยนะคะ”
เรียมมองหน้าขุนภักดีที่ทำหน้าดื้ออยู่ ก่อนจะหันมาทางสน
“ไม่ต้องเตือน พี่เทพก็ได้ยินแม่สนพูดแล้วขอตัวก่อน เนียนรีบไปย้ายของมาไว้บนเรือนใหญ่สิ”
สนกับช้อยมองหน้ากัน
เนียนรีบลุกตามเรียมไป ขุนภักดีมองตามไม่อยากให้เนียนไปเร็ว สนแทบคลั่งมองเนียนอย่างกับจะเลือดกินเนื้อ
กลับมาถึงหน้าเรือนเรือนสนร้องกรี๊ดๆ อาละวาดใส่ช้อย
“นางเนียนมันย้ายไปอยู่บนเรือนใหญ่ ไหนเอ็งว่าด้านได้อายอด นี่ข้าด้านข้าอายมาหลายครั้งหลายคราข้าก็ยังอด อดทุกอย่าง”
“นั่นสิเจ้าคะ มันน่าแค้นใจแทนคุณสนจริงๆ ทีนางเนียนท่านขุนยิ้มแต้ ยื่นตีนให้มันใส่รองเท้าให้ พอคุณสนจะใส่ให้หดตีนหนีเอาดื้อๆ ช้อยว่าท่านขุนทำกับคุณสนเกินไปแล้ว คุณสนไม่ใช่เมียขัดดอกนะเจ้าคะ” ช้อยยุเป็นการใหญ่
“เอ็งต้องช่วยข้า ทำให้นางเนียนมีอันต้องโดนเฉดหัวไปจากบ้านนี้”
“เชื่อหัวอีช้อยเถิดเจ้าค่ะ”
“เชื่อหัวอีช้อย ข้าเคยเชื่อหัวเอ็งมาแล้ว พินาศอับเฉามาก็เพราะหัวเอ็งเป็นปี”
“แต่ช้อยก็แก้ตัวได้ จนคุณสนกลายมาเป็นคุณนายที่สองของท่านขุนมีเงินมีทองมีบุญวาสนานะเจ้าคะ”
“เอ็งไม่ต้องมาทวงบุญคุณ”
“ช้อยแค่เตือนความจำ ขึ้นไปวางแผนบนเรือนนะเจ้าคะ กำแพงมีหูประตูมีช่องเจ้าค่ะ”
ช้อยดึงแขนสนขึ้นเรือนไป
ขึ้นมาบนเรือนแล้ว ช้อยกระชากลากเสื้อผ้าออกมาจากตู้มาขยำแล้วโยนลงพื้น สนมองอย่างแปลกใจ
“กระทืบเลยเจ้าค่ะ”
“เอ็งบ้ารึ เอ็งกระชากเสื้อข้ามาขยำลงโยนลงพื้น แล้วยังให้ข้ากระทืบซ้ำ ไม่เอาหรอกเสื้อผ้าข้าสวยๆ แพงๆ ทั้งนั้น”
“ยิ่งแพงยิ่งดี ยิ่งต้องทำให้มันยับเยินสกปรกที่สุด”
“เพื่ออะไร”
“เพื่อเอาไปโยนให้นางเนียนมันซักให้ไงเจ้าคะ มันต้องซักรีดเสื้อผ้าคุณสน ให้เรี่ยมที่สุด”
สนพยักหน้าตาม แต่ยังค้าน
“เสื้อผ้าข้ามิพังหมดรึ เสียดายน่ะ”
“ก็ฟ้องท่านขุนสิเจ้าคะ ว่ามันทำเสื้อผ้าคุณสนพัง”
“จริง...ด้วย พี่ขุนจะได้เฆี่ยนมัน เอ...ถ้าพี่ขุนไม่เชื่อไม่เฆี่ยนมันล่ะ”
“ก็เฆี่ยนคุณสนแทนสิเจ้าคะ”
“นางช้อยบ้า”
“ช้อยหยอกเล่นหรอกเจ้าค่ะ ท่านขุนไม่กล้าเฆี่ยนคุณสนดอกเจ้าค่ะ ท่านสัญญากับพ่อกำนันไว้ดิบดี”
สองนายบ่าวเข้าใจกัน
ไม่นานต่อมา เสื้อผ้าของสนจมอยู่ในกะละมังที่มีแต่ดินโคลนเลอะเทอะไปหมด สองคนยืนมองยิ้มพอใจ
“เลอะเทอะเละเทะได้ทีแล้วเจ้าค่ะคุณสน”
“รีบไปจิกหัวนางเนียนให้มันมาเอาเสื้อผ้าของข้าไปซัก”
ช้อยรีบวิ่งออกไป สนเอาเท้าเกี่ยวกางเกงในหลายตัวย่ำลงไปในกะละมัง
เนียนกำลังกวาดบ้านถูบ้านช่อง เช็ดขอบหน้าต่าง จัดข้าวของทำสารพัด โดยมีทองจันทร์กับเรียมมองอย่างพึงพอใจ
“เนียนมันขยันมากแบบนี้ นางกบสบายแฮไปเลย” ทองจันทร์ว่า
“กบมันถึงได้รักเนียนไงคะ เนียนไม่พูดมากไม่ลามปามด้วยนะคะ คุณแม่”
“ดี...แม่เบื่อพวกไม่รู้กาลเทศะจุ้นจ้าน เหมือนนายบ่าวเรือนเล็กโน่น”
เนียนหิ้วถังน้ำทรุดลงนั่งถอยหลังผ่านหลังสองคนไป
“วันนี้พอก่อนเนียน ไปพักผ่อนนั่งเล่นซะบ้าง” เรียมยิ้มบอก
“เอ็งทำงานเหมือนวัวเหมือนควาย พ่อเอ็งรู้เข้าจะหาว่าข้าเอาเอ็งมาเลี้ยงแทนวัวควาย” ทองจันทร์เสริม
“พ่อไม่คิดอย่างนั้นดอกเจ้าค่ะ พ่อสั่งเนียนเอาไว้ว่าให้ทำดีที่สุดสมกับที่ท่านเมตตาเนียนเจ้าค่ะ”
“ไม่สบายใจอะไรหรือเนียน ดูหน้าตาเศร้าๆ คิดถึงบ้านรึ” เรียมถาม
เนียนอึกอักนิ่งไปไม่กล้าพูด
“หัดกล้าเอาไว้บ้างเนียน ไม่งั้นเอ็งจะโดนคนใจร้ายมันข่มเหงเอาลับหลังข้ากับเรียม เอ็งเศร้าสร้อยเพราะห่วงพ่อเอ็งใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ”
“โถ...ชั้นจะให้คนพาเนียนไปเยี่ยมพ่อ” เรียมสงสาร
เนียนยกมือไหว้ดีใจจนออกนอกหน้า เผลอตัว “จริงหรือเจ้าคะ”
“เอ๊ะ แก่ปูนนี้จะพูดเล่นกับเอ็งรึ” ทองจันทร์เย้า
“เนียนขอประทานโทษ เนียนขอบพระคุณคุณนายกับคุณนายเรียมมากเจ้าค่ะ”
เนียนรีบหิ้วถังคลานออกไป
“ชั้นบอกให้เรียกชั้นว่าคุณพี่ ทำไมไม่ยอมเรียกสักที”
“เนียนไม่กล้าตีตัวเสมอคุณนายเรียมดอกเจ้าค่ะ”
“เอ็งนี่แปลก มีคนอย่างคุณนายเรียมลูกสาวนายอำเภอเก่า เมียท่านขุนภักดีภูบาลขอนับญาติด้วยเอ็งยังกล้าปฏิเสธ” ทองจันทร์ว่า
“เนียนถือเป็นเกียรติ แต่เป็นเกียรติที่เนียนไม่สมควรได้รับเจ้าค่ะ เนียนต่ำต้อยติดดิน แต่ท่านสูงส่งเกินกว่าเนียนจะไปเทียบเทียม” เนียนพูดจากใจ
“เวลากล้าพูดขึ้นมา เอ็งก็พูดได้จับใจแท้ๆ”
ทองจันทร์ส่ายหน้าระอา แต่เรียมยิ้มเอ็นดูพยักหน้าให้เนียนออกไป
น้อมอาการแย่ลงกว่าเดิมอีก
“ไอ้โพล้ง ข้าต้องรีบไปหาทองจันทร์กับคุณนายเรียม ก่อนที่ข้าจะตาย”
“อ้าว ก็ให้ชั้นไปรับเนียนมามิสะดวกกว่าหรือลุงน้อม”
“ข้าเกรงใจท่าน ทำให้เนียนเสียเวลารับใช้ท่าน มันไม่สมควร และข้ามีเรื่องสำคัญจะขอร้องพวกท่าน”
น้อมทำสีหน้าขึงขัง โพล้งพยักหน้าทำตาม แล้วน้อมก็ตกตะลึง เมื่อเห็นหนักยืนตระหง่านกำลังทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเท้า ก้มลงกราบเท้าน้อม
“พ่อจ๋า”
น้อมหดเท้าหนี หนักพยายามจะกอดเท้าพ่อ
“มึงอย่ามาเรียกกูว่าพ่อ กูไม่มีลูกเป็นโจร มึงเป็นต้นเหตุให้ไอ้แดงพ่อของไอ้แดงน้อยหลานกูตาย”
หนักร้องไห้ “พ่อจ๋า ชั้นผิดชั้นเลว แต่ชั้นก็คือลูกของพ่อ ชั้นตัดสินใจทำไปเพราะชั้นทนเห็นความยากแค้นของทุกคนไม่ได้”
“กูไม่ต้องการฟัง กูไม่อยากเห็นหน้ามึง ไปให้พ้น ตราบใดที่กูยังไม่ตาย ห้ามมึงมาเหยียบที่นี่อีก”
น้อมพูดไปหอบไป หนักร้องไห้ โพล้งกระซิบบอก
“ทำตามที่ลุงบอกเถิด เอ็งโกรธมากอาการจะหนักขึ้น”
หนักร้องไห้ไปแล้วยัดถุงเงินใส่กระเป๋าให้โพล้ง ก่อนจะร้องไห้วิ่งถอยหลังออกไปทางหลังเรือน ตะโกนเข้ามาบอก
“พ่อจ๋า ชั้นขอโทษ ชั้นรักพ่อ รักน้อง รักหลาน”
น้อมเองก็ร้องไห้ น้ำตาไหลพรากๆ เสียงของหนักค่อยๆ จางหายไป
โปรดติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 2