ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 11
ช่วงเวลาตอนกลางวัน ขณะที่สุรัมภานั่งเศร้าซึมอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงเรียน เพื่อนสนิทเดินเข้ามาหา
“ยัยภา...เป็นอะไรรึเปล่า”
สุรัมภาแสร้งเป็นยิ้มกลบเกลื่อน “เปล่า”
เพื่อนไม่เชื่อ “ไม่ต้องโกหกฉัน...วันก่อนมีโทรศัพท์เข้า รีบปิดสายหนี แล้วฉันแอบเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง แฟนใช่มั้ย”
สุรัมภารู้สึกกลัว ทำท่าจะร้องไห้ออกมา เพื่อนตกใจ
“ภา...มีอะไรไม่สบายใจบอกฉันได้นะ อย่าเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว...เพื่อนต้องช่วยเพื่อน”
สุรัมภามองหน้าเพื่อน ท่าทีอึดอัดใจยังไม่กล้าเล่าความจริง เพื่อนไม่อยากคาดคั้น
“ไม่พร้อมวันนี้ก็ยังมีวันหน้า....อย่ามัวทำหน้าเศร้าให้เฉาเกินวัย ไปสูบฉีดพลังสาว!” ว่าแล้วก็ลากสุรัมภาออกไป
สุรัมภาแปลกใจ “ไปไหน”
สุรัมภาเดินเข้ามายืนที่มุมหนึ่ง เพื่อนๆ ในชั้นกำลังตั้งวงตีวอลเล่ย์บอลกันอย่างสนุก
“เนี่ยนะ..สูบฉีดพลัง” สุรัมภางง
“เรียนหนักก็ต้องรักสุขภาพด้วย”
เพื่อนยิ้มร่าจะวิ่งเข้าไป แต่สุรัมภายืนนิ่งลังเล
เพื่อนในวง โยนลูกวอลเล่ย์บอลใส่ สุรัมภารับไว้
“ภา...มาเล่นด้วยกัน”
เพื่อนมองสุรัมภาเป็นตาเดียว สุรัมภาถือลูกวอลเล่ย์วิ่งเข้าไปในวง สุรัมภาเริ่มเล่น สนุกสนานกับเพื่อนๆ ลืมความทุกข์ขมในใจไปชั่วขณะ
ชนกชนม์มาเคารพศพอุษาที่วัด กำลังรับธูปจากธีรดนย์ แล้วไหว้ศพอุษา นำธูปไปปักใส่กระถาง
ชนกชนม์บอกธีรดนย์ “ฉันเสียใจด้วย”
ธีรดนย์มองหน้าชนกชนม์ ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร
“นายต้องสู้นะ ฉันเป็นกำลังใจให้นาย...เพื่อนรัก”
ชนกชนม์บอกธีรดนย์ด้วยความจริงใจ ธีรดนย์มองหน้าชนกชนม์ ยิ้มบางๆ
ชนกชนม์เหลียวไปเห็นสุตาภัญกำลังจะเดินเข้ามา ธีรดนย์มองสุตาภัญ แล้วหันมามองชนกชนม์
“วันนี้นายไม่มีแม่....แต่นายยังมีตา”
ชนกชนม์บอกธีรดนย์ ตัดใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวสุตาภัญอีกต่อไป
ธีรดนย์ยิ้มให้ ชนกชนม์ลุกขึ้น เดินออกไป
สุตาภัญเดินเข้ามา เจอกับชนกชนม์ ทั้งสองมองหน้ากันแว้บเดียว ชนกชนม์เดินผ่านไป เหมือนคนไม่รู้จักกัน สุตาภัญก็เดินไป
ชนกชนม์เดินผ่านสุตาภัญ รู้สึกเจ็บปวดในใจ เจอกับชนิกานต์ที่ด้านนอก
สุตาภัญเดินเข้ามาไหว้ศพอุษา ธีรดนย์เดินเข้ามาหา
“ตาเสียใจด้วยนะธี” สุตาภัญบอกเสียงเศร้า
ธีรดนย์ไม่พูดไม่จา โผเข้ามากอดสุตาภัญแน่นสุตาภัญสงสาร กอดปลอบใจธีรดนย์...
ชนิกานต์มองเข้าไป เห็นธีรดนย์กอดสุตาภัญ ก็เสียใจ
“นิกกี้...เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม”
“ขอโทษนะ ฉันไม่พร้อมคุยเรื่องนี้”
ชนิกานต์เดินออกไป ชนกชนม์มองตาม รู้สึกผิดที่ทำให้ชนิกานต์เสียใจ
ชนกชนม์หันกลับไปมองภาพสุตาภัญกอดธีรดนย์ ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีก ตัดสินใจเดินออกไปจากงาน
สุตาภัญให้กำลังใจธีรดนย์
“ธีต้องเข้มแข็งนะ ตาเชื่อว่าธีทำได้”
“ผมจะทำได้ไง ถ้าไม่มีตาคอยให้กำลังใจ”
สุตาภัญอึ้ง
“ตา....ตาอย่าทิ้งผมไปนะ ผมไม่มีใคร ตาคือความหวังและแรงบันดาลใจในชีวิตของผม...สัญญากับผมสิตา....ตาจะรักผม ตาจะอยู่เคียงข้างผม”
“ค่ะ...ตาสัญญา”
ธีรดนย์เข้าสวมกอดสุตาภัญอีก สุตาภัญน้ำตาไหลเจ็บปวดในใจที่ต้องรับรักธีรดนย์
กฤติยามองเห็นภาพธีรดนย์กอดสุตาภัญ ก็รู้สึกเสียใจ รู้ดีว่าธีรดนย์รักสุตาภัญมาก
ทางด้านสุรัมภาเล่นวอลเล่ย์บอล อย่างสนุกสนาน ใช้ชีวิตวัยใสอย่างมีความสุขกับเพื่อนๆ
ครู่ต่อมาสุรัมภานั่งพักเหนื่อยอยู่ เพื่อนคนเดิมเอาน้ำมาให้สุรัมภา
“เชื่อรึยังว่ากีฬาเป็นยาวิเศษ ดูสิ...หน้าใสอมชมพูขึ้นมาเชียว”
สุรัมภาตื่นเต้นดีใจ “จริงเหรอ”
“จริงสิ ดูเธอมีความสุขขึ้น...ไม่อมทุกข์เหมือนแต่ก่อน”
สุรัมภายิ้มให้เพื่อน รู้สึกดีที่เพื่อนทำให้เธอผ่อนคลาย....
“ไปล้างหน้ากันเถอะ ใกล้เข้าเรียนแล้ว”
เพื่อนจะเดินออกไป สุรัมภารั้งมือไว้ เพื่อนแปลกใจ
“เธอสัญญาได้ไหมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
เพื่อนพยักหน้า พร้อมจะรับฟังความลับของสุรัมภา
“ผู้ชายที่เธอพูดถึง....ไม่ใช่แฟนฉัน...แต่เขา...เขา...”
สุรัมภาตั้งใจจะเล่าเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับตนให้เพื่อนฟัง
ระหว่างนั้นชยางกูรเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าสุรัมภาห่างออกไปหน่อย สุรัมภาตกใจ
“ฉันไปก่อนนะ” สุรัมภาก้มหน้า รีบเดินหนีไปทันที
เพื่อนแปลกใจ “ภา”
เพื่อนหันไปมอง เห็นชยางกูรยิ้มทักอย่างหล่อ เพื่อนจึงคิดว่าชยางกูรเป็นแฟนสุรัมภา
“อาการแบบนี้ งอนกับแฟนแน่”
สุรัมภาเดินหนีไป มีแมสเสจเข้ามาที่มือถือ สุรัมภาเปิดดู เป็นคลิปวิดิโอวันนั้นที่ชยางกูรถ่ายไว้ สุรัมภาตกใจรีบกดลบทิ้งทันที
ชยางกูรเดินเข้ามาหาสุรัมภา
“ฉันเตือนแล้วไง อย่าดื้อกับฉัน”
“ทำยังไงแกถึงจะเลิกรังควาญฉันซะที” สุรัมภาแค้นมาก
“เป็นคำถามที่ดีมากจ้ะที่รัก...ฉันหิว...” ชยางกูรพูดเป็นนัย
สุรัมภากลัวชยางกูรถอยห่าง
“ไม่ต้องกลัว ฉันมันคนขี้เบื่อ เบื่อรสชาติเดิมๆ”
“นายต้องการอะไร”
“ฉันอยากกินพี่สาวเธอ”
สุรัมภาตกใจที่ชยางกูรจะให้เธอเป็นนกต่อ ลวงสุตาภัญมาให้
เย็นนั้น สุตาภัญนั่งอ่านหนังสือที่สวนหน้าบ้าน สุรัมภาเดินเข้ามาหา...สุตาภัญดีใจมาก
“ภา...พี่ขอบใจนะเรื่องแม่วานนี้”
“ช่างมันเถอะ...มีอะไรก็ต้องช่วยกัน เราเป็นพี่น้องกันนี่”
สุตาภัญแปลกใจแล้วกลายเป็นดีใจ “ภาให้อภัยพี่แล้ว”
“ภายอมรับว่าภาโกรธพี่ตามาก แต่ภาก็ไม่มีความสุขที่ต้องเป็นแบบนี้ มันน่าอายมาก ที่เราผิดใจกันเพราะผู้ชาย...ภารู้ว่าไม่มีใครรักและจริงใจเท่ากับพี่น้องกันเอง”
สุรัมภาพูดไปร้องไห้ สุตาภัญฟังแล้วตื้นตันใจมาก
“พี่ขอบใจภามากนะ ต่อไปนี้ พี่ไม่จะไม่ขัดภา ไม่ทำให้ภาเสียใจอีก”
สุตาภัญเข้าสวมกอดสุรัมภา ด้วยความดีใจและมีความสุขมาก สุรัมภาพอใจที่สุตาภัญเชื่อเธออย่างสนิทใจ
วันต่อมาขณะที่ชนกชนม์กำลังจัดแผงขายเครื่องประดับที่ตลาดสวนรถไฟ
“เปิดแผงใหม่ทั้งทีไม่ชวนนางฟ้ามาร่ายมนต์วะ” โจเพื่อนที่มหาลัยเข้ามาแซว
“แกหมายถึงใคร”
“นั่น...ยังมีหน้ามาถาม ก็ตาไง...ตามติดกันยังกว่าตังเม..เขาไปไหนล่ะ”
“คงไปช่วยงานศพแม่ธีมั่ง....”
โจนึกได้ “เออ ข้ารับปากจะไปช่วยงานมัน...” โจเกิดลังเล “รึจะให้ข้าอวตารร่างอยู่ช่วยแกด้วย!”
“ไม่ต้อง รีบไปเหอะ ช่วยธีทำงานเป็นสองแรงแทนฉันด้วย”
ชนกชนม์ตะโกนบอกโจ
โจเดินผ่านไป สวนกับเพทายและปอนที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง มองไปยังแผงของชนกชนม์
ชยางกูรยกขาขึ้นไขว้บนโต๊ะ คุยโทรศัพท์กับเพทาย
“ขอบใจที่รายงาน...เย็นนี้มีเรื่องสนุกเล่นกันอีกแล้ว”
ระหว่างนั้นพนักงานถืองานเข้ามาให้ ชยางกูรยังคงเอาเท้าวางไว้บนโต๊ะ ไม่เกรงใจพนักงาน
“อาเอางานมาให้ตรวจครับ”
“วางไว้ ฉันไม่ว่าง” ชยางกูรทำท่าจะเดินออกไป
“ต้องสรุปแบบส่งให้โรงงานภายในพรุ่งนี้นะครับ” พนักงานรุ่นพ่อบอก
ชยางกูรหน้าตึงไม่พอใจ “ฉันไม่ชอบให้ใครมาสั่งฉัน ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง”
“ครับ”
ชยางกูรเดินออกไปจากห้อง พนักงานกลุ้มใจกับวิธีทำงานของชยางกูร
ชยางกูรจะเดินออกไป สวนกับชลนิภา
“ลูกกูรจะไปไหน”
ชยางกูรรีบแก้ตัวทันที
“ผมนัดคุยกับลูกค้าครับ เป็นลูกค้ารายใหญ่จากบรูไน”
ชลนิภายิ้มแฉ่งเชื่อสนิทใจ
“เอ่อ..คุณแม่ครับ เย็นนี้ไปเดินเล่นที่ตลาดนัดรถไฟนะครับผมจะรอที่นั่นเลย”
“จ้ะ”
ชยางกูรเดินออกไป ชลนิภาจะเดินไปยังห้อง ได้ยินพนักงานนินทาชยางกูร
“วันๆ แทบไม่ทำอะไร เอาแต่เต๊ะท่า”
พนักงานหญิงอีกคนซึ่งเคยถูกชลนิภาเล่นงาน เพราะทำงานผิดพลาด ซึ่งธนกรเข้ามาปกป้องไว้เห็นด้วย
“แตกต่างกับคุณชนกชนม์ราวฟ้ากับเหว...พี่ชายรู้จักนอบโน้มให้เกียรติคน”
“แถมมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย...คุณชนกชนม์นี่แหละที่จะทำให้บริษัทเจริญ” คนแรกบอก
“เอาคุณชยางกูรมา งานนี้มีหวังเจ๊ง” คนที่สอง
เสียงชลนิภาดังขึ้น “ว่างมากก็ไปเขียนใบลาออกซะ”
พนักงานทั้งสองตกใจ รีบสลายตัวไปทำงานทันที ชลนิภาไม่พอใจ
ชนกชนม์ตั้งแผงเสร็จ ยืนดูความเรียบร้อย หยิบกล่องเครื่องประดับขึ้นมา เพื่อเตรียมจัดวางของ
ชลนิภาเดินเข้ามาในห้อง มองไปยังโต๊ะทำงาน แล้วเห็นภาพจำในอดีต ตอนชนกชนม์นั่งสเก็ตช์แบบเครื่องประดับในห้องนี้ ซึ่งชลนิภาแปลกใจว่าทำอะไร?
“แกวาดภาพบ้าบออะไร”
“ผมสเก็ตแหวนครับคุณแม่”
ชนกชนม์โชว์ภาพแหวนให้ชลนิภาดู
เวลาเดียวกันชนกชนม์หยิบแหวนออกจากกล่อง เอามาวางเรียง เพื่อเตรียมขายตอนค่ำ
ชลนิภายังอยู่กับภาพจำครั้งนั้น มองภาพสเก็ตของชนกชนม์ แปลกใจที่ชนกชนม์ออกแบบได้สวย มีพนักงานเข้ามาหาชนกชนม์
“สำเร็จแล้วครับคุณชนกชนม์”
ชลนิภาแปลกใจ “อะไรกัน”
“คุณชนกชนม์ลองสเก็ตเครื่องประดับให้ลูกค้าครับ ลูกค้าชอบงานที่คุณชนกชนม์ดีไซน์มาก สั่งผลิตหลายชุดเลยครับ”
ชนกชนม์ยิ้มพอใจ ชลนิภาจ้องมองชนกชนม์ แล้วยิ้มบางๆให้
ชนกชนม์จัดวางเครื่องประดับดีไซน์เก๋แปลกตา ทั้ง แหวน, สร้อย, ต่างหู ไว้อย่างสวยงาม“ ขอให้คุณแม่เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ” ชนกชนม์ยิ้มๆ
ภาพชนกชนม์ที่สวนรถไฟ เป็นภาพเดียวกับตอนที่ชนกชนม์ยืนยิ้มให้ชลนิภาในอดีต และค่อยๆ เลือนหายไป
ชลนิภาเดินตรงมาที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักออกมา หยิบภาพแหวนที่ชนกชนม์สเก็ตไว้ในอดีตขึ้นมามองดู ชลนิภารู้สึกเศร้าใจ พาลคิดถึงชนกชนม์ น้ำตาซึม
ด้านสุตาภัญลากสุรัมภาเข้ามาที่โต๊ะในสนามหญ้า
“มีอะไรคะพี่ตา”
“มีขนมให้ลองชิม” สุตาภัญยกถ้วยขนมขึ้นมา “กล้วยหนีรัก!”
สุรัมภาอึ้ง
สุตาภัญบอกต่อ “กล้วยบวชชี”
สุรัมภาหัวเราะขำในมุกพี่สาว
สุตาภัญจะป้อนให้ชิม สุรัมภาถอยหนี
“ไม่เอา..ใส่ยาพิษแก้แค้นเปล่าเนี่ย”
“ใครจะกล้าวางยาน้องสาวสุดสวยได้ล่ะจ้ะ...อ้ำๆ”
ตักขนมป้อนให้น้อง สุรัมภากินกล้วยบวชชีของสุตาภัญ
“รสชาติเป็นไง”
“หวานมัน หอมด้วย...แต่..ขาดอยู่อย่างนึงอ่ะ”
“อะไรเหรอ”
“ขาดความอร่อย” สุรัมภาบอก
สุตาภัญหน้าเสีย
“ล้อเล่งจ้า”
สุรัมภาแหย่เล่น สุตาภัญแสร้งเล่นบทงอน
“พี่ไม่ขำนะ” แล้วเดินหนีไป
“ภาขอโทษ มันเป็นกล้วยหนีรัก ที่อร่อยที่สุดในโลกเลย...ต่อไปภาไม่แกล้งพี่อีกแล้ว”
สุตาภัญยืนหันหลังให้อยู่อย่างเดิม สุรัมภารู้สึกผิด เข้าไปจับตัวสุตาภัญหันกลับมา
สุตาภัญทำตาเหล่ แลบลิ้นใส่สุรัมภา
“พี่ตา!”
“แหว่!!!”
สุตาภัญเข้าไปแกล้งหลอกผี สุรัมภาวิ่งหนี ทรุดตัวหัวเราะที่สนามหญ้า สุตาภัญเข้าไปแหย่ไม่เลิก
ทั้งสองสาวหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ที่ตลาดนัดสวนรถไฟตอนเย็นๆ ชลนิภาโทรศัพท์หาชยางกูรแต่ลูกชายไม่รับสายสักที
“ทำไมลูกกูรไม่รับสาย”
ชลนิภาเดินเล่นไปเรื่อย เพื่อรอชยางกูร
ระหว่างนั้นชนกชนม์ขายเครื่องประดับอยู่ที่มุมหนึ่ง ทั้งสองไม่เห็นกัน
หัวค่ำวันนั้นสุตาภัญและสุรัมภานอนมองท้องฟ้าอยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน
“นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้หัวเราะด้วยกันอย่างนี้”
“คงเป็นตอนเราหนีไปเที่ยวทะเล”
สองสาวนึกถึงวันไปเที่ยวทะเล และวิ่งเล่นด้วยความสนุกสนาน
สุตาภัญพลิกตัวมาหาสุรัมภา “ปิดเทอม...เราไปเที่ยวทะเลด้วยกันอีกนะ”
สุรัมภาพยักหน้า และเข้าเรื่องทันที “พี่ตา...เย็นนี้ไปเที่ยวกับภานะ”
สุตาภัญแปลกใจที่สุรัมภาชวนไปข้างนอก
“นึกไงถึงชวนไปข้างนอก มีแผนล่ะสิ พี่รู้นะ”
สุรัมภาหน้าเสีย กลัวสุตาภัญจับได้ว่าเธอตั้งใจชวนสุตาภัญไปเจอชยางกูร
“จะให้พี่ออกเงินซื้อเสื้อผ้า” สุตาภัญว่าต่อ
“เบื่อคนรู้ทัน...” สุรัมภาแกล้งอ้อน “นะคะพี่สาวสุดที่รัก”
“พี่ไปด้วยคนได้มั้ยครับ”
สุตาภัญและสุรัมภาดีดตัวขึ้นมา สุตาภัญไม่พอใจที่พงษ์ภูมิยังมาหาอีก
“ไม่ได้ค่ะ” สวุตาภัญเสียงขุ่น
พงษ์ภูมิหน้าเสีย ไม่พอใจ
สุตาภัญเดินหนี สุทินเข้ามาต่อว่า สองพ่อลูกเปิดฉากทะเลาะกันอีก
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธ...เธอต้องไปกับคุณพงษ์ภูมิ”
“ตาไม่ไปกับผู้ชายใจทรามคนนั้น”
“อย่าเสียมารยาทกับแขกของฉัน!”
“แขกรึตัวนำโชคคะ การออกเดทของตาคงมีผลต่อการเลื่อนขั้นของคุณพ่อ”
“ยัยตา”
สุทินโกรธสุตาภัญมาก เสาวนิตย์เข้ามาปราม
“คุณพ่อไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น แม่เองที่เป็นคนเชิญคุณพงษ์ภูมิ”
“คุณแม่” สุตาภัญแปลกใจ
“ลูกก็โตแล้ว การคบหาทำความรู้จักใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด คุณพงษ์ภูมิเองก็เป็นคนดี”
สุตาภัญสวนคำขึ้นมา “แต่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ”
เสาวนิตย์แปลกใจที่สุตาภัญไม่พอใจพงษ์ภูมิมาก แต่ไม่ได้ซักต่อ พยายามโน้มน้าวสุตาภัญ
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกลูก แม่อยากให้ลูกเปิดโอกาสให้คุณพงษ์ภูมิและตัวเองบ้าง แม่ขอ...”
สุตาภัญยังลังเล ไม่อยากไปกับพงษ์ภูมิ
“ตารักแม่นะคะ แต่ตา...”
สุรัมภาเข้ามาบอกสุตาภัญ
“พี่ตาไปเถอะค่ะ ภาไปด้วย”
สุทินไม่เห็นด้วย “มันไม่เหมาะนะลูก”
“นะคะคุณพ่อ ให้ตาไปเป็นเพื่อนพี่ตา พี่ตาจะได้อุ่นใจ” สุรัมภาอ้อน
สุทินไม่มีทางเลือก จำต้องพยักหน้ายอม สุรัมภาหันไปมองพี่สาวรอฟังคำตอบ
สุตาภัญบอกสุทิน “ตายอมไปครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ”
สุรัมภายิ้มพอใจที่สุตาภัญยอมออกไปข้างนอกด้วยตามแผน
ตอนเย็นๆ เสาวนิตย์วกมาถามเรื่องราวกับสุทิน
“วันที่ลูกตาไปสนามกอล์ฟกับคุณ เกิดอะไรขึ้นคะ ลูกตาถึงไม่พอใจคุณพงษ์ภูมิ”
สุทินบอกไม่หมด “คุณพงษ์ภูมิแตะเนื้อต้องตัวยัยตานิดหน่อย ยัยตาก็เอะอะโวยวายเกินเหตุ”
เสาวนิตย์ตกใจ และไม่พอใจ จนเผลอตัวขึ้นเสียง “คุณปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกได้ยังไง”
สุทินไม่พอใจมาก “อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน! ฉันเป็นพ่อ ฉันรู้ว่าฉันต้องทำยังไง”
“แต่คุณยังคิดประเคนผู้ชายนิสัยแย่คนนี้ให้ลูก”
“อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่...มันยังไม่มีอะไรเสียหาย...แล้วมันก็นิสัยผู้ชาย”
เสาวนิตย์ไม่พอใจนักที่สุทินมองเป็นปัญหาเล็กน้อยและเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน
“คุณพงษ์ภูมิก็ดูจะสนใจยัยตาจริงจัง เขาจะทำให้ยัยตามีความสุข”
เสาวนิตย์แย้ง หลุดปาก “แน่ใจนะคะ ว่าลูกมีความสุข...ไม่ใช่คุณ”
สุทินตวาดลั่นบ้าน “หุบปาก!”
เสาวนิตย์ตกใจหงอในทันที
“อย่ามาก้าวก่ายความคิดของฉัน มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะนำความสุขมาให้ครอบครัว”
“ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ”
สุทินเดินออกไป เสาวนิตย์จำต้องยอมรับบทเป็นช้างเท้าหลังผู้สงบเสงี่ยมต่อไป
ค่ำนั้น ที่งานสวดศพอุษา ภายในวัด ณวัตรยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง หันไปถามชนิกานต์
“ลูกเห็นธีรดนย์รึเปล่า”
“นิกกี้ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“ไม่มาดูแลแขก..รึว่าไม่สบาย”
ทุกคนกังวลและเป็นห่วงธีรดนย์
“ธีมาแล้วค่ะ” ชนิกานต์ร้องขึ้น
ณวัตรหันไปมอง ธีรดนย์ถือกีต้าร์ตัวหนึ่งเข้ามา ชนิกานต์แปลกใจว่าธีรดนย์จะทำอะไร
ขณะเดียวกันนั้น กัณฐิกานั่งเศร้าอยู่หน้าโกฏิยายแก้ว ข้างโบสถ์
“ฉันขอสาบานต่อหน้าแม่ ความผิดพลาดที่ฉันทำลงไปในครั้งนี้ มันจะเป็นครั้งสุดท้าย หากฉันผิดคำพูด ขอให้ชีวิตฉันไม่พบความสุข ไม่มีใครรักอีกเลย”
กัณฐิการ่ำไห้สาบานต่อหน้าอัฐิยายแก้วอย่างน่าเวทนา
กฤติยาได้ยินคำสาบานของแม่ก็รู้สึกสงสาร
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 11 (ต่อ)
ส่วนที่งานศพอุษาบรรยากาศเศร้าสลด ธีรดนย์ถือกีต้าร์เดินตรงไปยังหน้าโลงศพแม่ ทุกคนฉงน โดยเฉพาะณวัตรและชนิกานต์มองด้วยความแปลกใจ
“นายธีจะทำอะไร” ณวัตรพึมพำ
ธีรดนย์เดินมายืนหน้าโลงศพบอกทุกคนในงาน
“ผมขอบคุณทุกท่านมากนะครับ ที่มาเป็นเกียรติในงานศพแม่ผม บางคนอาจจะมองเห็นแค่ชีวิตของแม่บ้าน หรือคนใช้คนหนึ่ง ที่เสียชีวิต ตายไปก็หาใหม่ได้ไม่ยาก”
ณวัตรรู้สึกสะเทือนใจ รู้ดีว่าธีรดนย์ไม่พอใจเขา
“แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของผม แม่ผู้ให้ชีวิต ผมมีแม่เพียงคนเดียว ไม่สามารถหาแม่คนใหม่มาแทนได้”
ชนิกานต์ร้องไห้โฮ สะเทือนใจกับคำพูดของธีรดนย์นัก
“ก่อนแม่จากไป..แม่เคยพร่ำบ่นอยากฟังผมร้องเพลง ผมไม่ได้ทำตามคำขอของแม่สักที..จนถึงวันนี้....ผมพร้อมแล้ว...ผมขออนุญาตร้องเพลงให้แม่ผมฟังนะครับ”
ธีรดนย์หันกลับไปมองยังโลงศพ มองภาพถ่ายของอุษาแน่วนิ่ง
เสียงกีต้าร์ อินโทรเพลง “อิ่มอุ่น” ของศุ บุญเลี้ยง ดังขึ้น เสียงธีรดนย์ขับขานบทเพลงให้แม่ฟังดังต่อเนื่อง
ภาพชีวิตของเหล่าลูกไม้กับมารดา ร้อยเรียงกับเนื้อเพลง “อิ่มอุ่น” แทบเป็นเนื้อเดียวกัน
“อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
…
อุ่นอกอ้อมแขน อ้อมกอดแม่ตระกอง
รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
…
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสอง เชื่อมโยงผูกพัน”
เวลาเดียวกันชลนิภาเดินในตลาดรถไฟ หันไปที่มุมหนึ่ง รู้สึกตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นชนกชนม์กำลังประกาศขายเครื่องประดับ ชลนิภายืนมอง ตกตะลึง
ธีรดนย์ร้องเพลง ที่หน้าโลงศพ
เสาวนิตย์เข้ามาเลือกชุดให้สุตาภัญ ดูแลสุตาภัญ
ธีรดนย์ร้องเพลงหน้าโลงศพ
กัณฐิการ้องไห้หน้ารูปยายแก้ว กฤติยาเข้ามาประคองกัณฐิกา สัมผัสจากลูกทำให้กัณฐิการู้สึกดี
ธีรดนย์ร้องเพลงหน้าโลงศพ
ชนิกานต์มองภาพแล้วร้องไห้ ณวัตรเข้าไปโอบกอดปลอบใจ
ชนกชนม์ขายของ อย่างตั้งใจ ชลนิภามองชนกชนม์ รู้สึกสุขใจ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ที่เห็นชนกชนม์ทำมาหากิน
สุตาภัญแต่งชุดสวยที่เสาวนิตย์เลือกให้ เสาวนิตย์เข้าไปดูแลชุดให้เรียบร้อย สุรัมภาเข้ามาในห้อง ทั้งสามแม่ลูกกอดกันอย่างมีความสุข
กฤติยาโอบกอดให้กำลังใจกัณฐิกา ต่อหน้าภาพยายแก้ว
ธีรดนย์ร้องเพลงท่อนสุดท้าย หน้าโลงศพ
ณวัตรและชนิกานต์ร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ
ธีรดนย์หันกลับมาบอกแขกในงาน
“สิ่งที่ผมอยากฝากบอกลูกๆ ทุกคน...อย่ารอ....อย่าอาย ที่จะบอกรัก กอดคุณแม่...หอมคุณแม่...มอบรักและดูแลกัน....ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ธีรดนย์บอกทุกคนในสภาพน้ำตาไหลนองหน้า
ชนิกานต์สะท้อนใจร้องไห้โฮออกมา ณวัตรเข้าสวมกอดปลอบใจลูกสาวสุดสวาท
สุรเดชยืนอยู่มุมหนึ่ง เห็นชนิกานต์และณวัตรกอดกัน ในใจคิดอะไรบางอย่าง?
บริเวณตลาดนัดรถไฟตอนกลางคืนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน หนึ่งในนั้นคือชนกชนม์ ที่สวมมาดพ่อค้ามือใหม่ไม่เคยท้อ คืนนี้เขามาขายเครื่องประดับ
ชนกชนม์ร้องเรียกลูกค้า “แหวน..สร้อย..ต่างหู..ดีไซน์เองครับ...รับรองว่าไม่เหมือนใคร มีจี้สร้อยตามราศีเกิดด้วยนะครับ เชิญซื้อได้ครับ”
มีผู้คนเข้าไปมุงดู หยิบจับเครื่องประดับ อย่างสนใจ
ชลนิภาจะเข้าไปหาชนกชนม์ แต่แล้วชยางกูรเดินเข้ามา
“คุณแม่จะไปไหนครับ”
ชลนิภาไม่กล้าบอกว่าจะไปหาชนกชนม์ ชยางกูรมองไปที่ร้าน
ชยางกูรรู้ทันทีแสร้งยิ้มดีใจ แล้วแกล้งถาม “พี่ชนม์นี่ครับ คุณแม่คิดถึงพี่ชนม์”
“เปล่า กลับเถอะ แม่ไม่อยากเดินแล้ว”
ชลนิภาจะเดินออกไป ทว่าชยางกูรรั้งไว้
“อย่าเพิ่งกลับสิครับ คุณแม่เห็นไหมครับ...พี่ชนม์ไม่ได้เสียคนอย่างที่เรากังวล”
ชลนิภามองไปเห็นชนกชนม์ขายของด้วยความตั้งใจ
“พี่ชนม์รู้จักทำมาหากินสู้ชีวิต...คุณแม่น่าจะไปให้กำลังใจพี่ชนม์นะครับ”
ชลนิภายิ้มให้ชยางกูร จะเดินเข้าไปที่ร้านชนกชนม์
แต่ระหว่างนั้นเพทายและปอนเดินเข้ามาที่แผงชนกชนม์ตามแผนของชยางกูร เริ่มหาเรื่อง
“ก๊อปของฉันมาขายได้ไงวะ”
ชลนิภาหยุดเดิน มองดูอยู่ห่างๆ ชยางกูรยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ขณะเดียวกันสุตาภัญและสุรัมภาเดินมาที่ทางเข้าตลาดนัดรถไฟ
“ของสวยๆ เยอะแยะเลย” สุรัมภาตื่นตาตื่นใจ
พงษ์ภูมิมองไปอย่างดูแคลน “ไม่น่าสนใจ...มีแต่ของเก่าของมือสอง พี่ไม่ใช้ของพวกนี้”
“ตากับน้องชอบค่ะ ของเก่าอาจมีตำหนิ แต่มีคุณค่าทางจิตใจ บางทีของใหม่ แพคเกตจิ้งดีก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป”
สุตาภัญจงใจประชดลูกเจ้านายพ่อ พงษ์ภูมิเสียหน้า พยายามเสนอทางเลือกอื่น
“พี่ว่าเราไปหาร้านชิลๆ ติดแอร์ นั่งดื่มกันดีกว่า”
สุตาภัญปฏิเสธ “ไม่ค่ะ ตาชอบธรรมชาติ แล้วอีกอย่างที่นี่คนเยอะดี ตารู้สึกปลอดภัยค่ะ”
ท้ายประโยคสุตาภัญจงใจพูดกระทบเหตุการณ์ที่พงษ์ภูมิคิดล่วงเกินตนที่สนามกอล์ฟ
สุรัมภาได้ที เสนอความคิดเพื่อกำจัดพงษ์ภูมิออกไป
“พี่พงษ์ภูมิไม่ชอบที่นี่ กลับก่อนก็ได้ค่ะ”
สุตาภัญยิ้มพอใจที่สุรัมภาก็ช่วยหาทางไล่พงษ์ภูมิ พงษ์ภูมินิ่งคิดตัดสินใจ
ฝ่ายชนกชนม์บอกเพทาย พยายามควบคุมอารมณ์
“ฉันไม่ได้ก๊อปใครทั้งนั้น! พวกนายอย่ามาหาเรื่อง”
เพทายไม่ยอมง่ายๆ “แก้ตัวง่ายไปเปล่าวะ ทั้งแหวน สร้อย เหมือนทุกอย่าง จริงมั้ยวะ” หันไปถามปอน
ปอนรับลูก “ใช่..คิดว่าเป็นลูกชายเจ้าของจิลเวอรี่ใหญ่ จะก๊อปของใครก็ได้เหรอวะ!”
ชลนิภาได้ฟังก็ผิดหวังในตัวชนกชนม์ และรู้สึกเสียหน้า
ชยางกูรสบโอกาสใส่ไฟชลนิภาทันที “พี่ชนกชนม์ไม่น่าทำอย่างนี้เลย...”
ชนกชนม์ต่อว่าพวกเพทาย
“พวกนายจงใจหาเรื่องฉัน ชยางกูรสั่งมาใช่ไหม”
ชลนิภาได้ฟังก็หันไปมองหน้าลูกสุดที่รัก ชยางกูรรีบปฏิเสธ
“พี่ชนม์ใส่ร้ายผมอีกแล้ว”
ชนกชนม์คาดคั้นเพทายและปอน
“บอกความจริงมา...ใครสั่งพวกนายมาแกล้งฉัน”
“ไม่มีใครสั่งเว้ย เก็บของกลับไปซะ”
เพทายโวยวายแล้วคว่ำแผงเครื่องประดับของชนกชนม์ เครื่องประดับตกพื้นกระจาย
เพทายและปอนมองเย้ย หวังจะให้ชนกชนม์ลุกขึ้นมาต่อยตีในมาดนักเลง
ชลนิภามองดู ว่าชนกชนม์จะแก้ปัญหาอย่างไร ชนกชนม์ก้มเก็บข้าวของ ไม่เอาเรื่องเพทายและพวก เพทายไม่พอใจ
ชลนิภาบอกชยางกูร “กลับกันเถอะ”
ชลนิภาจะกลับไป ชยางกูรไม่พอใจ มองไปยังเพทาย นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่สวนรถไฟแห่งนี้
เวลานั้นชยางกูรสั่งเพทายและปอน
“รังควาญให้มันสติแตก...จนเลือดขึ้นหน้า”
ชนกชนม์ก้มลงมองเครื่องประดับ เพทายตามมาเหยียบมือชนกชนม์ไว้
ชนกชนม์แหงนมองหน้า เห็นเพทายมองเย้ยหยันแล้วบี้เท้าเหยียบมือเต็มแรง ชนกชนม์ทนไม่ไหวที่ถูกรังแก ผลักเพทายแล้วลุกขึ้นต่อยเต็มแรง เพทายเซหลุนๆ ไป
ชลนิภามองเหตุการณ์อย่างไม่พอใจที่ชนกชนม์เลือกใช้ความรุนแรง ขณะที่ชยางกูรยิ้มสะใจเข้าทางตน
ชนกชนม์เลือดขึ้นหน้า เข้าไปทำร้ายเพทาย ปอนเข้ามาช่วย ชนกชนม์ต่อยสู้ไม่ยอมถอย
เพทายกับปอนเข้ามารุมเล่นงานชนกชนม์ 2 ต่อ 1ที่สุดชนกชนม์เสียท่าถูกรุม
ผู้คนเริ่มแตกตื่น ขยับออกมุงดูเหตุการณ์ ชลนิภาเห็นแล้วก็เดินปรี่เข้าไปหาตรงที่ชนกชนม์ล้มอยู่
“คุณแม่อย่าเข้าไปเลยครับ”
ชยางกูรกังวลใจ กลัวชลนิภาเข้าไปช่วยเหลือชนกชนม์
ฟากสุตาภัญเห็นสุรัมภาชะเง้อมองหาใครสักคนจึงเดินเข้ามาถาม
“ภาแอบนัดใครไว้เปล่าเนี่ย”
สุรัมภารีบแก้ตัว “เปล่า..พี่ตา..รออยู่ตรงนี้นะ ภาเห็นเพื่อน แว้บไปทักแป๊บนึง”
สุรัมภาพูดจบก็เดินออกไป..สุตาภัญมองตามด้วยความแปลกใจ...
พงษ์ภูมิเข้ามาชวนสุตาภัญ “ไปเดินดูของด้านโน้นกัน”
สุตาภัญยิ้มให้ แต่กลับเดินหนีไปอีกทาง พงษ์ภูมิไม่พอใจ
เวลาเดียวกันชนกชนม์เซล้มลงที่พื้น เพทายและปอนตามเข้ามาซ้ำ ชลนิภาเดินเข้ามาโวยวายเสียงดัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ใครก็ได้ช่วยเรียกตำรวจ!”
เพทายกับปอนหันไป เห็นชลนิภาและชยางกูรเดินเข้ามา จังหวะนั้นชยางกูรลอบส่งสัญญาณให้ เพทายกับปอนต่อยหน้าชนกชนม์ทิ้งทวนแล้ววิ่งหนีไป
ชนกชนม์ลุกขึ้น มองไปยังชลนิภาอย่างดีใจ
“คุณแม่...” ชนกชนม์เดินเข้าหาแม่ “ขอบคุณมากนะครับที่คุณแม่ช่วยผมไว้...”
ชนกชนม์พูดไม่ทันขาดคำ ชลนิภาก็ตบหน้าชนกชนม์ฉาดใหญ่
“แกมันเลวไม่เคยเปลี่ยน”
ชนกชนม์ทั้งตกใจและเสียใจ
“ฉันคิดว่าแกจะทำมาหากินอย่างสุจริต ก๊อปของคนอื่น แล้วยังทำตัวนักเลง”
ชนกชนม์อธิบาย “พวกมันตั้งใจหาเรื่องผม”
ชลนิภาไม่เชื่อ “ไม่ต้องแก้ตัว! นิสัยอย่างแกดีแต่แก้ตัวกับใช้กำลัง!”
ชยางกูรทำเป็นดี เข้ามาห้ามชลนิภา
“คุณแม่อาจเข้าใจผิด...ฟังพี่ชนม์อธิบายก่อนนะครับ”
“แกเห็นไหม น้องที่แกเกลียดชังยังเข้าข้างแก ทุกคนพยายามให้โอกาส...แต่แกกลับทำลายมันด้วยตัวแกเอง”
ชนกชนม์รู้สึกผิดหวังที่ชลนิภาไม่ฟังเหตุผล แต่ยังไงก็รู้สึกดีที่ชลนิภามาช่วยไว้
“อย่างน้อยผมก็ขอบคุณนะครับ ที่คุณแม่เป็นห่วง..เข้ามาช่วยผม”
“ฉันมาห้ามเพราะไม่อยากให้แกทำเสียชื่อตระกูลฉัน! ฉันจะดีใจมาก ถ้าแกรีบเปลี่ยนนามสกุล!”
ชลนิภาด่าเสร็จก็เดินออกไป ชยางกูรเหยียดยิ้มใส่ชนกชนม์ แล้วเดินตามแม่ไป
ชนกชนม์ทรุดตัวลงอย่างคนหมดแรง หัวใจแทบสลาย เมื่อชลนิภายังเข้าใจผิดและมองเขาในแง่ร้าย และคราวนี้หนักหนาถึงขั้นไม่อยากให้ใช้นามสกุลร่วม
ที่ศาลาสวดอภิธรรมศพ ภายในวัด กฤติยากำลังนั่งเตรียมของที่ระลึกในงานศพที่มุมหนึ่ง
สุรเดชยืนมองกฤติยา จะเดินเข้าไปหา แต่กัณฐิกาเห็นก่อน ไม่พอใจมากรีบเข้าไปหาสุรเดชทันที
“มีอะไรไปคุยข้างนอก”
“ผมไม่ได้มาหาคุณแม่..มาหาแฟนครับ”
สุรเดชจะเดินไปหากฤติยาให้ได้ แต่กัณฐิกาลากตัวสุรเดชออกไป ณวัตรเห็นเหตุการณ์ก็แปลกใจ ว่าสุรเดชเป็นใคร จึงตามไป
กฤติยาหันมาเห็นก็รู้สึกกังวลใจ
ขณะที่สุตาภัญเดินเลือกของ พงษ์ภูมิเข้ามาจับแขน สุตาภัญจับมือพงษ์ภูมิออก
“ฉันน่ากลัวมากใช่ไหม” พงษ์ภูมิถาม
“คุณไม่ได้น่ากลัวแต่เป็นตัวอันตราย”
“ไม่เอาน่า...ฉันมาดี...แล้วฉันไม่เคยให้โอกาสใครที่เคยปฎิเสธฉัน”
“ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติ...นี่คงเป็นเกียรติครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน”
สุตาภัญประกาศชัดเจน ว่าจะเจอพงษ์ภูมิอีก
“ฉันลืมมือถือไว้ที่รถ ไปกับฉัน”
สุตาภัญจะเดินหนีออกไปอีกทางพงษ์ภูมิเข้ามาจับแขนขู่
“ขัดใจฉันเท่ากับตัดโอกาสการงานพ่อเธอ...เป็นลูกสาวที่ดีอย่าทำให้พ่อแม่ลำบาก”
สุตาภัญจึงต้องเดินไปกับพงษ์ภูมิอย่างจำยอม พงษ์ภูมิยิ้มพอใจ
กัณฐิกาลากสุรเดชออกมาที่มุมหนึ่งแล้วต่อว่าอย่างเอาเรื่อง
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับพวกฉันอีก”
“ง่ายๆ เลยครับคุณแม่...ผมร้อนเงิน” สุรเดชแบมือขอเงิน
กัณฐิกาไม่พอใจ “ตกฟากดาวไถรึไงถึงได้ไถฉันตลอดเวลา”
“ครั้งสุดท้าย!”
สุรเดชแบมือขอเงิน กัณฐิกาไม่มีทางเลือก เอาเงินยัดใส่มือ แต่ดึงกลับ”
“ฉันจะแน่ใจได้ไงว่าแกพูดจริง ไม่มาแบล๊คเมล์ฉันทั้งชีวิต
ณวัตรเดินเข้ามาถามกัณฐิกา
"มีอะไรกัน" หันมาถามกัณฐิกา "เด็กนี่เป็นใคร?"
กัณฐิกาอึกอัก "เอ่อ..คือ..."
แว้นขี้ยาจอมกะล่อนยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณท่าน ผมชื่อนายสุรเดช...คุณท่านมาก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณท่านว่า”
กฤติยาเข้ามาหาสุรเดช
“สุรเดช”
ณวัตรอึ้ง ฉงน “หนูแอนรู้จักเด็กนี่ด้วยเหรอ”
“สุรเดชเป็นแฟนแอนค่ะ”
ณวัตรตกใจระคนแปลกใจ กัณฐิกาไม่พอใจนักที่กฤติยาต้องบอกอย่างนั้น
“ว้าว...เป็นการแนะนำตัวที่เฟี้ยวเงาะมาก...ที่รัก” สุรเดชกระดี๊กระด๊า
“แอนขอตัวก่อนนะคะ”
กฤติยาดึงตัวสุรเดชออกไป สุรเดชดีใจมากตะโกนบอกกัณฐิกา
“แล้วผมจะรีบเอาขันหมากมาสู่ขอนะครับ...คุณแม่”
ณวัตรถามกัณฐิกาอย่างจริงจัง “เรื่องมันเป็นยังไง”
กัณฐิกาตกใจที่ถูกคาดคั้นซักความจริง
กฤติยาพูดขอร้องสุรเดช ขณะพากันเดินออกมาถึงอีกมุมหนึ่งในวัด
“ฉันขอร้อง อย่ามาวุ่นวายกับชีวิตฉันกับแม่อีก”
“ไม่เอา..ไม่เศร้า...ชีวิตพี่ตอนนี้เศร้าสุดๆ ต้องกบดานหนีตำรวจ ย้ายที่นอนไม่ซ้ำแต่ละวัน”
กฤติยารู้ทัน “พี่เดชต้องการเท่าไหร่ ฉันจะหาเงินมาให้”
กฤติยายื่นข้อเสนอให้ รู้ดีว่าสุรเดชต้องการไถเงิน
ส่วนณวัตรรุกถามกัณฐิกา
“กุ๊ยนั่นเป็นแฟนกับหนูแอน”
“หนูแอนเลิกคบแล้วนายนั่นไม่ยอม...ฉันพยายามช่วยเคลียร์ให้หลาน ก็ถูกมันขู่จะเล่นงานฉัน ถึงขั้นสร้างเรื่องเสียๆ หายใส่ความฉัน”
“ผมจัดการเรื่องนี้เอง...มันจะได้หยุดรังควาญคุณกับหนูแอน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ...มันได้เงินไปคงจบ” กัณฐิการีบบอกณวัตร “หากมันใส่ความฉัน คุณอย่าไปเชื่อมันนะคะ”
“ผมเชื่อใจคุณเสมอ”
กัณฐิกายิ้มพอใจที่หาทางปิดบังความจริง และปกป้องตัวเองและลูกจากสุรเดชได้สำเร็จ
สุรเดชบอกกฤติยา
“พี่ไม่ได้คิดไถเงินแอน แต่พี่เดือดร้อนจริงๆ”
“แล้วแอนจะเอาเงินให้...” จะเดินออกไป
“เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย...พี่อยากได้โปรโมรชั่นเสริม”
สุรเดชจ้องมองกฤติยาเป็นนัย กฤติยารู้ว่าสุรเดชต้องการอะไร
“แอนให้พี่ได้”
สุรเดชยิ้มพอใจที่กฤติยาจะยอมเป็นของตน
ที่โบกี้รถไฟ ภายในสุสานรถไฟ ชยางกูรกำลังส่งเงินให้เพทายค่าตัวที่ไปก่อกวนชนกชนม์
“รางวัลของพวกแก”
เพทายชวนชยางกูรไปหาสาวๆ “ไปหาของอร่อยมาฉลอง”
“ฉันมีของดีไว้ฉลองแล้ว”
เพทายสงสัย แต่ไม่ได้ซัก ชวนปอนเดินออกไป
“หาเหยื่อแถวนี้ดีกว่า”
เพทายกับปอนเดินออกไป ชยางกูรคิดจะหาทางจัดการกับสุตาภัญ เดินออกไป เจอชนกชนม์ดักรออยู่
พงษ์ภูมิเดินมาที่รถ แล้วทำทีหามือถือ แต่ครู่ต่อมาก็คว้ามือถือในกระเป๋ากางเกง แสร้งว่าเจอมือถือ
“อยู่นี่เอง”
“ไปกันได้แล้วค่ะ”
“ฉันอยากถ่ายรูป”
พงษ์ภูมิมองขู่ สุตาภัญจำต้องเดินไปคู่พงษ์ภูมิที่รถ พงษ์ภูมิถือมือถือ โอบตัวสุตาภัญ เพื่อถ่ายภาพคู่
สุตาภัญรู้ว่าพงษ์ภูมิคิดจะฉวยโอกาส พยายามระวังตัว
ชนกชนม์ถามชยางกูร
“นายทำอย่างนี้เพื่ออะไร”
“แกเคยพูดว่าชีวิตเสเพลของฉันจะหมดตัว แต่เปล่าเลย ชีวิตฉันมีแต่ได้กับได้...งานบริษัทซึ่งควรเป็นของแกก็เป็นของฉัน”
ชนกชนม์รู้สึกผิดหวังและเสียใจกับชีวิต
“ผู้หญิงของแกก็จะเป็นของฉัน ฉันบอกแล้วไง...ฉันจะทำลายชีวิตแก ไอ้หมาขี้เรื้อน!”
ชยางกูรหัวเราะเยาะชนกชนม์ ชนกชนม์ทนไม่ไหว ต่อยชยางกูร ชยางกูรหลบแล้วเล่นงาน
ชนกชนม์จนนอนหมอบไปกับพื้น
“แกมันหมดสภาพแล้ว” ชยางกูรเหยียบตัวชนกชนม์ “หยุดเพ้อฝันจะเป็นคนดีได้แล้ว..สังคมนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้คนดีได้ยืนหรอก ในฐานะคนเคยอยู่บ้านเดียวกัน ฉันแนะนำให้แกไปเข้าแก๊งลูกหมา เล่นยาค้ายา แล้วชีวิตแกจะรุ่ง”
ชยางกูรหัวเราะเยาะชนกชนม์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นชื่อสุรัมภา ชยางกูรยิ้มย่อง
“อย่าเพิ่งตายล่ะ รอฟังข่าวดีของฉัน มันจะทำให้แกตายทั้งเป็น”
ชยางกูรเตะเสยชนกชนม์อีกเต็มแรง แล้วเดินหัวเราะออกไป
ชนกชนม์นอนทรุดตัว หมดสภาพคาที่
พงษ์ภูมิโอบกอดสุตาภัญ สุตาภัญระวังตัว
“ยิ้มนะครับ หนึ่ง สอง ส้าม”
พงษ์ภูมิจะหันมาหอมแก้มสุตาภัญ ถูกสุตาภัญผลักออกไปชนรถ
“อย่าคิดฉวยโอกาสกับฉัน”
พงษ์ภูมิโมโห “ทำเป็นไม่เคย...รึว่าไม่ถูกใจที่เริ่มจากกุ๊กกิ๊ก หน้าอย่างเธอคงอยากข้ามช๊อตปลดตะขอชั้นใน”
สุตาภัญโกรธ จนตบหน้าพงษ์ภูมิ “กรุณาให้เกียรติผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเพศแม่ของคุณด้วย!”
สุตาภัญสะบัดตัวจะเดินหนีออกไป พงษ์ภูมิดึงตัวไว้ ดันร่างมาชิดที่รถ
“ฉันไม่ปล่อยให้เธอตบหน้าฟรี!”
“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน” สุตาภัญร้องตะโกนพร้อมกับดิ้นรนขัดขืน
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 11 (ต่อ)
สุรัมภายืนรออยู่มุมหนึ่ง สักครู่จึงเห็นชยางกูรเดินเข้ามาหา ถามเป็นนัย
“อาหารที่ฉันสั่งอยู่ไหน”
สุรัมภาจำต้องพาชยางกูรไปหาสุตาภัญ
ฟากพงษ์ภูมิพยายามลวนลามสุตาภัญ แต่แล้วจู่ๆ นอกจากสุตาภัญไม่ดิ้นหนี แถมยังเปลี่ยนเป็นพูดอ่อนหวานอีกด้วย
“อย่าใจร้อนสิ....ฉันไม่ชอบอาหารจานด่วน”
พงษ์ภูมิมองสุตาภัญด้วยความแปลกใจ
“อยากกินของอร่อย...ค่อยๆ ทาน”
สุตาภัญโอบกอดแล้วลูบไล้ตัวพงษ์ภูมิอย่างอ่อนหวาน พงษ์ภูมิยิ้มกริ่ม
“โรแมนติกซะด้วย.....จัดให้”
พงษ์ภูมิค่อยๆ ลูบไล้ตัวสุตาภัญ จังหวะนั้นมือสุตาภัญล้วงไปหยิบที่ช๊อตไฟฟ้าจากกระเป๋าถือขึ้นมาช๊อตพงษ์ภูมิ
“โอ๊ย”
สุตาภัญยิ้มสะใจที่จัดการพงษ์ภูมิได้
“ออกเดทกับคนดีฉันพกความจริงใจ แต่ออกเดทกับคนทรามอย่างนายมันต้องใช้ไอ้นี่”
สุตาภัญตรงเข้าไปช็อตพงษ์ภูมิอีกครั้ง พงษ์ภูมิร้องเสียงหลง สุตาภัญวิ่งหนีออกไป พงษ์ภูมิเจ็บแค้นสุตาภัญมาก คิดหาทางเอาคืน
ชยางกูรเดินเข้ามามุมที่สุรัมภาบอก แต่ไม่เจอสุตาภัญ ชักไม่พอใจ
“พี่สาวเธออยู่ไหน”
“ภาให้พี่ตารออยู่ตรงนี้”
“อย่ามาเล่นตลกกับฉัน” ชยางกูรกระชากตัวสุรัมภาพูดขู่ “ไม่งั้นเธอต้องรับผิดชอบ”
สุรัมภาตกใจกลัว พอเหลียวมองไปเห็นสุตาภัญวิ่งมา ชยางกูรรีบปล่อยมือสุรัมภา
“พี่ตาหายไปไหนมา แล้วคุณพงษ์ภูมิล่ะ”
“เลิกพูดถึงมันได้แล้ว มันจะลวนลามพี่ ภากลับกันเถอะ”
“ให้ชยางกูรไปส่งนะคะ”
ชยางกูรยืนยิ้มเผล่อยู่ที่มุมหนึ่ง สุตาภัญเพิ่งสังเกตเห็นชยางกูร แปลกใจที่สุรัมภาสนิทสนมกับชยางกูร
“กลับกันเองก็ได้”
สุตาภัญลากตัวสุรัมภาออกไปทันที ชยางกูรมองตาม มั่นใจว่าสุรัมภาต้องจัดการเรื่องนี้ได้
สุตาภัญเดินหนี สุรัมภาไล่ตาม
“พี่ตา...เดี๋ยวก่อนสิ”
“ภาไปคบคนเลวอย่างนั้นได้ยังไง ภาไม่รู้เหรอว่าเขาทำเลวอะไรไว้บ้าง เขาเคยคิดขืนใจพี่!”
สุรัมภารู้สึกสะเทือนใจ เพราะเกิดขึ้นกับตัว แต่ไม่แสดงออก รับฟังพี่สาวไม่ตกใจกับเรื่องนี้
“ค่ะ”
สุตาภัญแปลกใจ “ภารู้แต่ยังคบหากับเขา...เกิดอะไรขึ้นภา”
“เขาสำนึกผิดแล้ว เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ภาฟัง เขาอยากให้ภาเป็นตัวกลาง...ขอโทษพี่ตา”
สุตาภัญไม่เชื่อใจ “คนอย่างนั้นรู้จักคำว่าขอโทษ แค่ให้เกียรติคนยังคิดไม่เป็นด้วยซ้ำ...พี่ไม่เชื่อ!”
สุรัมภาตีบทเศร้า “แล้วพี่ตาเชื่อใจภารึเปล่าคะ”
“ไม่มีใครที่พี่จะเชื่อใจเท่าน้องสาวของพี่”
“ให้ชยางกูรไปส่งนะคะ”
สุตาภัญอัดอัดใจ แต่จำยอมเพื่อสุรัมภา สุตาภัญพยักหน้ารับ
สุตาภัญจะเดินออกไป เจอกับชนกชนม์ที่ถือกล่องเครื่องประดับ จะออกไปจากตลาดนัดชนกชนม์เห็นสุตาภัญและสุรัมภา จึงรีบเดินหนีไป สุตาภัญเห็นชนกชนม์มีรอยฟกช้ำ ก็เป็นห่วง รีบตามชนกชนม์ไป
สุรัมภาไม่พอใจที่สุตาภัญรักและห่วงใยชนกชนม์มากรู้สึกโกรธสุตาภัญ
ชยางกูรเดินเข้ามาหาสุรัมภา
“ไม่อยากพลาดโอกาส...ทำตามที่ฉันบอก”
สุรัมภาจำใจทำตามที่ชยางกูรบอก
ด้านธีรดนย์เดินเข้ามาบริเวณคฤหาสน์ เจอกับชนิกานต์ยืนดักรออยู่ เพราะอยากคุยกับธีรดนย์
“ธีรดนย์....ฉัน”
ธีรดนย์ไม่สนใจ เดินเลี่ยงหนีไป ชนิกานต์ไม่สบายใจ
ชนกชนม์เอาหมวกแก๊ปที่ใส่หรุบปิดหน้า จะเดินออกไป สุตาภัญวิ่งตามเข้ามา
“นายมาทำอะไร”
ชนกชนม์หลบตาซ่อนหน้า “ฉันมาขายของ ขายไม่ค่อยดี ฉันกลับล่ะ”
ชนกชนม์เดินเลี่ยงหนีออกไป สุตาภัญตามชนกชนม์ไป
พงษ์ภูมิยืนมองโกรธสุตาภัญมาก ยกโทรศัพท์โทร.หาสุทินทันที
“คุณอาสุทินครับ”
พงษ์ภูมิตั้งใจจะฟ้องสุทินเรื่องสุตาภัญ
ธีรดนย์หนีมาที่สระน้ำ...ชนิกานต์วิ่งไล่ตาม
“ฉันขอบใจนายมากที่ช่วยฉัน”
ธีรดนย์หันกลับมามองชนิกานต์
“นายรักฉันใช่ไหม”
ธีรดนย์มองชนิกานต์สายตาซึ้งใจ แต่กลับระเบิดหัวเราะออกมา ชนิกานต์แปลกใจ
ฝ่ายชนกชนม์จะเดินออกไป สุตาภัญเข้ามาขวางไว้
“นายไปโดนอะไรมา”
“เปล่า”
ชนกชนม์จะเดินหนีต่อ สุตาภัญดึงหมวกออก เผยให้เห็นรอยฟกช้ำที่โดนเพทาย ปอน และชยางกูรต่อย
“นาย”
สุตาภัญตกใจและเป็นห่วงจะเข้าไปดูแผลให้ ชนกชนม์ผลักมือออกพร้อมกับตวาดใส่
“เราตกลงกันแล้วไง เราเลิกคบกัน...ไม่เจอกันอีก”
สุตาภัญรู้สึกเจ็บแปลบที่ชนกชนม์พูดเรื่องนี้ ทำลายความหวังดีของเธอ
“ใช่...ไม่รู้จักกัน”
“เราจะเป็นคนแปลกหน้า”
“ไม่ว่านายจะเป็นตายร้ายดียังไง ฉันก็จะไม่สนใจนาย”
สุตาภัญรู้สึกเสียใจมาก เดินหนีออกไป ชนกชนม์มองตาม เป็นห่วงความรู้สึกสุตาภัญ แต่ต้องห้ามใจไว้
ธีรดนย์หัวเราะใส่ชนิกานต์ดังลั่น ชนิกานต์บอกธีรดนย์
“เลิกหลอกตัวเองเถอะ”
ธีรดนย์หยุดหัวเราะ มองหน้าชนิกานต์
“นายรักฉัน ไม่งั้นนายคงไม่เสียสละทุกอย่างเพื่อฉัน”
“เธอช่างเป็นผู้หญิงมองบวก ปิดหูปิดตาไม่รู้ความจริง”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วนายยอมรับผิดแทนฉันเพื่ออะไร”
“ฉันคิดว่าพ่อเธอบอกเรื่องนี้แล้วซะอีก”
ชนิกานต์แปลกใจอยากรู้ความจริง
ธีรดนย์เล่าเรื่องที่คุยกับณวัตรให้ฟัง
“ผมขอบ้านหนึ่งหลัง...พร้อมเงินเป็นทุนให้ผมเรียนจบ หลังจากนั้นผมจะทำงานหาเลี้ยงตัวเอง แล้วเราจะไม่มีพันธะต่อกัน สิ่งที่ผมขอคงไม่มากเกินไปสำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น”
“มันน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่เธอเสียสละเพื่อฉันและลูก” ณวัตรบอก
“อย่ามองผมดีเกินไป นี่ไม่ใช่การเสียสละ แต่เป็นการแลกเปลี่ยน...ที่ยุติธรรมที่สุด”
ธีรดนย์บอกข้อเสนอกับณวัตรไปตอนนั้น
ชนิกานต์รู้ความจริงก็เสียใจ
“เสร็จงานศพ ฉันเป็นอิสระ...ฉันจะไปจากที่นี่”
ธีรดนย์พูดจบก็เดินออกไป ชนิกานต์ตะโกนไล่หลัง
“ไม่ได้นะ นายทิ้งฉันไปไม่ได้”
สุตาภัญเดินออกมา เจอสุรัมภา ก็กลัวสุรัมภาเข้าใจผิดเรื่องชนกชนม์
“ภา...พี่กับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน..เรา”
“ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ...ภาไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชนกชนม์แล้ว ภารู้ว่าไม่เหมาะและเป็นไปไม่ได้ พี่ตาไปรอภาที่ลานจอดรถนะคะ....ภาจะไปตามชยางกูร”
“จ้ะ”
สุตาภัญเดินไปที่มุมหนึ่งสุรัมภามองตามไป ชยางกูรเดินเข้ามายิ้มให้สุรัมภา แล้วเดินไปทางสุตาภัญ สุรัมภารู้สึกไม่ดี แต่ก็ยอมให้เป็นอย่างนั้น...เพื่อตัวเอง
ไม่นานต่อมาสุทินเดินเข้ามาหาพงษ์ภูมิ
“ลูกสาวผมอยู่ไหนครับ”
“ป่านนี้คงมีความสุขเอ้าท์ดอร์กับแฟนกุ๊ยที่ไหนสักแห่ง”
สุทินไม่พอใจมาก มองหาสุตาภัญและสุรัมภา
ฝ่ายสุตาภัญยืนรอสุรัมภา ยินเสียงมีคนเดินเข้ามา คิดว่าเป็นน้องสาว หันกลับไปแต่ต้องตกใจ
“นาย”
“ฉันดีใจนะที่เธอให้โอกาสฉันแก้ตัว”
“ถึงน้องฉันจะพูดถึงความดีของฉัน...อย่าหวังว่าฉันจะเชื่อใจนาย”
ชยางกูรออกปากชื่นชม “ได้งี้สิ ฉลาด มองคนทะลุ” เข้ามาจับเนื้อต้องตัว “ผู้หญิงแบบนี้ล่ะที่ฉันต้องการ”
สุตาภัญสะบัดตัวหนี “ฉันว่าแล้วเชียว นายไม่มีวันทิ้งลายชั่ว ภาไม่น่าหลงกลเชื่อใจนาย”
“น้องเธอไม่ได้เชื่อใจฉัน...แต่สถานการณ์บังคับ”
สุตาภัญสงสัย “หมายความว่าไง”
“อย่าสนใจเรื่องอื่นเลย สนใจเรื่องของเราดีกว่า”
ชยางกูรเข้ามาหา โถมเข้าไปกอดรัด สุตาภัญดิ้นหนีสู้สุดแรงเกิด
ขณะที่ชนกชนม์จะเดินออกไป สุรัมภาวิ่งเข้ามาหา
“ภา”
“ภาไม่ได้มากวนใจพี่ชนม์นะคะ ภาอยากมาช่วยทำแผล”
“ไม่เป็นไร...พี่กลับไปทำที่บ้านได้”
“ภาขอได้ดูแลพี่ชนม์เป็นครั้งสุดท้ายนะคะ”
สุรัมภาขอร้องน่าสงสาร ชนกชนม์นิ่งคิดตัดสินใจ
ชยางกูรลวนลามสุตาภัญอย่างเอาจริงเอาจัง สุตาภัญคว้าเครื่องช็อตขึ้นมาจะช็อตใส่ แต่ชยางกูรไวกว่า คว้าข้อมือสุตาภัญไว้ บิดจนเครื่องช๊อตร่วงตกพื้น
“ของเล่นเด็กใช้กับฉันไม่ได้หรอก”
สุตาภัญตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
ชยางกูรต่อยเข้าท้องสุตาภัญเต็มแรง สุตาภัญเจ็บจนจุก ตัวงอเป็นกุ้งทรุดตัวลงกับพื้น
สุรัมภาเข้ามาดูแผลชนกชนม์ ด้วยความรักและเป็นห่วง จู่ๆ ชนกชนม์เปลี่ยนใจ
“ภากลับไปได้แล้วล่ะ ป่านนี้พี่ตาคงรอภา”
สุรัมภาอึกอัก ไม่กล้าบอกว่าจัดฉากให้ชยางกูรอยู่กับสุตาภัญ
“พี่ตาเขาไม่ได้รอภา..เขาอาจมีความสุข”
สุรัมภาหยุดพูด ชนกชนม์แปลกใจ
“ภาพูดอะไร”
ชนกชนม์เห็นเพทายและปอนเดินอยู่ สุรัมภาเห็นเพทายก็ออกอาการกลัว
“ไม่มีอะไรค่ะ ภากลับก่อนนะคะ”
สุรัมภาเดินหนี ชนกชนม์สงสัยในพฤติกรรมของสุรัมภา ตามไป
เพทายหันไปมองสุรัมภา คิดอะไรบางอย่าง
ร่างสุตาภัญถูกวางลงบนพื้นโบกี้รถไฟ
“เธอเป็นคนบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้..ไม่งั้นเราคงได้นอนในห้องแอร์เย็นฉ่ำ”
สุตาภัญนอนจุก ร้องโอดโอย
“ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ฉันปล่อยแน่...แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ชยางกูรเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเอง สุตาภัญตกใจกลัว
สุรัมภาเดินหนี ชนกชนม์เข้ามาซัก
“บอกพี่มา ตาอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกเป็นห่วงพี่ตาสักที ในเมื่อพี่สองคนรักกันไม่ได้” สุรัมภาย้อนเอา
ชนกชนม์อึ้ง...แต่ก็ตอบสุรัมภา
“พี่รู้ว่าพี่รักตาไม่ได้...แต่พี่ไม่สามารถเลิกห่วงใยตาได้”
สุรัมภาผิดหวังและเสียใจ
“ภากำลังปกปิดอะไรพี่...ภาไม่ห่วงพี่สาวตัวเองรึไง”
ชนกชนม์จี้ใจดำ สุรัมภาสับสนในใจ
ฝ่ายชยางกูรถอดเสื้อของตัวเอง โยนทิ้งไป สุตาภัญมองชยางกูรอย่างหวาดหวั่น และกลัวชยางกูร
ชนกชนม์เข้าไปจับตัวสุรัมภา
“ภา...ตาอยู่ไหน”
สุรัมภาไม่อยากบอก แต่ถูกชนกชนม์คาดคั้น และความรู้สึกลึกๆ สุรัมภาก็ห่วงสุตาภัญ
“พี่ตาอยู่กับชยางกูร”
ชนกชนม์ตกใจมาก “ตา”
ด้านสุตาภัญนอนเจ็บอยู่ ชยางกูรเดินตรงเข้ามาหาสุตาภัญ สุตาภัญถดตัวถอยหนี
ฝ่ายชนกชนม์วิ่งมาหาสุตาภัญ ทุกที่ที่คิดว่าจะอยู่ แต่ไม่เจอ ชนกชนม์เป็นห่วง
สุรัมภายืนที่มุมหนึ่ง ไม่กล้าเข้าไปหาสุตาภัญ เพราะกลัวชยางกูร เพทายกับปอนเดินเข้ามาหา สุรัมภาเห็นก็ตกใจถอยหนี
“ไม่ได้เจอหน้าตั้งนาน คิดถึงฉันบ้างไหม”
สุรัมภาผวากลัว “แก”
สุรัมภาตกใจจะหนี เพทายคว้ามือไว้ แล้วแย่งโทรศัพท์ในมือสุรัมภาขึ้นมากดของตัวเอง กดโทร.ออก
“วันไหนอยากสนุก...โทร.หาฉัน”
เพทายส่งโทรศัพท์คืนให้ สุรัมภากลัวมากรีบวิ่งหนีออกไป
ปอนสงสัย “กูรมันกินแล้ว แกชอบกินกากรึไงวะ”
พูดจบปอนหัวเราะใส่เพทาย แต่เพทายคิดอะไรบางอย่าง ยิ้มมีเลศนัย
สุตาภัญถอยหนีไปจนสุดโบกี้ ชยางกูรเข้ามาซุกไซ้หมายจะขืนใจ สุตาภัญพยายามดิ้นหนี
ชนกชนม์เข้ามาดึงตัวชยางกูรออกไป แล้วต่อยไม่ยั้ง
“ฉันบอกแล้วอย่าทำอย่างนี้กับตา!”
สุตาภัญคลายความกังวลใจที่ชนกชนม์มาช่วยไว้ทัน
ชนกชนม์จะเข้าไปต่อยซ้ำ ชยางกูรคว้าท่อนเหล็กขึ้นมาทำร้ายชนกชนม์ ชนกชนม์หลบหลีกต่อสู้ สุตาภัญลุ้นด้วยความเป็นห่วง
ชนกชนม์เสียท่าล้มลง ชยางกูรเอาท่อนเหล็กเข้ามาล็อคคอ
“แส่หาเรื่อง”
ชยางกูรกดท่อนเหล็กล๊อคคอ ชนกชนม์พยายามดิ้นหนี
สุตาภัญเจ็บและจุกอยู่ แต่ฝืนลุกขึ้นมาช่วยดึงตัวชยางกูรออก แต่ชยางกูรผลักสุตาภัญล้มลงไปอีก ชยางกูรใช้ท่อนเหล็กล๊อคคอชนกชนม์ แต่เกิดกลัวชนกชนม์จะตาย จึงยั้งมือไว้
ชนกชนม์สบโอกาสผลักชยางกูรออก ฝืนตัวลุกขึ้น ชยางกูรเตะตัดขาชนกชนม์ล้มลงอีก
ชยางกูรลุกขึ้นเตะเสยชนกชนม์ฟุบลงไป นอนร้องโอดโอย
ชยางกูรจะเข้าไปซ้ำ แต่เปลี่ยนใจไปหาสุตาภัญ ซึ่งกำลังถอยหนีอย่างหวาดกลัว
ชยางกูรบอกเย้ยชนกชนม์ “แกอยู่ด้วยก็ดี จะได้เป็นพยานรักของฉันกับผู้หญิงที่แกรัก”
ชยางกูรย่างสามขุมเข้าไปหาสุตาภัญ
เสียงสุรัมภาเรียกดังขึ้น “พี่ตา พี่ตา”
ชยางกูรได้ยินกลัวคนตามมาช่วย ตัดสินใจ วิ่งหนีหายไปในความมืด
สุตาภัญลุกขึ้น เข้าไปหาชนกชนม์
“นาย”
ชนกชนม์โผกอดสุตาภัญอย่างเป็นห่วงและรักสุดหัวใจ
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
ทั้งสองกอดกันกลมด้วยความรักและเป็นห่วงกันและกัน
สุรัมภายืนมองที่มุมหนึ่งเสียใจที่เห็นทั้งสองรักกันมากขนาดนี้
จู่ๆ เสียงสุทินก็ตะโกนลั่น
“สุตาภัญ”
สุตาภัญและชนกชนม์หันไปมองเจอสุทินยืนหน้าตาเอาเรื่องอยู่
สุตาภัญตกใจ “คุณพ่อ!”
สุทินปรี่เข้ามาหาสุตาภัญ โกรธมากที่เห็นลูกสาวกอดอยู่กับผู้ชาย
ฝ่ายธีรดนย์จะเดินหนีไป ชนิกานต์เข้ามาโวยวาย
“นายไปไม่ได้ นายต้องอยู่ที่นี่ นายสัญญากับฉันแล้ว นายจะไม่ทิ้งฉัน”
ธีรดนย์ผลักชนิกานต์ล้มลงไปตรงพื้นหญ้าริมสระ
“เลิกตอแยฉันได้แล้ว ฉันเกลียดเธอ”
ธีรดนย์เดินหนีออกไป ชนิกานต์เสียใจแต่ไม่ยอม
สุตาภัญถอยห่างจากชนกชนม์ สุทินเดินเข้ามาหาชนกชนม์ ซัดหมัดใส่หน้าชนกชนม์
“คุณพ่อกำลังเข้าใจผิด ชนกชนม์ช่วยตาไว้”
“คุณอาครับ...ผม”
ชนกชนม์จะอธิบายความจริง พงษ์ภูมิเข้ามาต่อยชนกชนม์ สุตาภัญโกรธจัดเข้าไปผลักพงษ์ภูมิออกไป
“หยุดนะ!”
พงษ์ภูมิเหยียดหยันสุตาภัญ “ทำทีเป็นเล่นตัวกับฉัน ที่แท้ก็ชอบของเถื่อนถ่อยอย่างพวกกุ๊ย!”
สุตาภัญไม่พอใจตบหน้าพงษ์ภูมิฉาดใหญ่ พงษ์ภูมิไม่พอใจ หันไปฟ้องสุทิน
“เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าลูกสาวแสนดีของคุณอาเป็นยังไง”
“ผมขอโทษครับคุณพงษ์ภูมิ...ผม…”
พงษ์ภูมิสวนคำขึ้นอย่างโมโห “คิดหาคำแก้ตัวกับพ่อผมแล้วกัน” แล้วหันไปเยาะสุตาภัญ “ฉันบอกแล้วฉันไม่ชอบของเก่าของมือสอง!”
พงษ์ภูมิเดินออกไป สุทินเสียหน้ามาก หันไปมองสุตาภัญตาขวาง สุตาภัญกลัวสุทิน
“กลับไปบ้าน!” สุทินสั่งเสียงกร้าว
ธีรดนย์หนีเข้ามาในห้อง ชนิกานต์ตามเข้ามา
“ออกมาก่อน เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!”
“เลิกตื๊อฉันซะที!”
“ฉันขอร้องละ อย่าทิ้งฉันไป ฉันรักนาย ฉันรักนายจริงๆนะ” ชนิกานต์อ้อนวอน
“แต่ฉันเกลียดเธอ เธอฆ่าแม่ฉัน”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันขอโทษ..จะลงโทษยังไงก็ได้ อย่าทิ้งฉันไป”
“ลงโทษ...ใช่คนอย่างเธอต้องได้รับโทษ”
ธีรดนย์ขาดสติ กระชากตัวชนิกานต์ล้มลงไปนอนที่เตียง
ชนิกานต์ตกใจ “นายจะทำอะไร”
ธีรดนย์พุ่งเข้ามากอดรัดจะขืนใจชนิกานต์
“ปล่อยนะ อย่า...” ชนิกานต์ร้องลั่น
ธีรดนย์อยู่ในอารมณ์โกรธ ไม่ฟังเสียง โถมตัวเข้าขืนใจอย่างเสียสติจนชนิกานต์นิ่งไป ครู่หนึ่งธีรดนย์ซุกหน้าที่คอชนิกานต์ เห็นชนิกานต์นิ่งไป ธีรดนย์กลับมามีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำผิด
ธีรดนย์จะถอนตัวออกจากร่างชนิกานต์ ทว่ามือของชนิกานต์กลับโอบกอดคอธีรดนย์รั้งไว้
ธีรดนย์จึงก้มหน้าลงซุกไซ้กอดจูบชนิกานต์
แรงปรารถนาของสองหนุ่มสาวโหมไฟราคะจนคุโชน นำพาทั้งคู่ดำดิ่งสู่ห้วงเสน่หา โดยขาดการยับยั้งชั่งใจ
ขณะเดียวกันกฤติยายืนนิ่งอยู่บนดาดฟ้า หันหน้ามาบอกสุรเดช
“ฉันรู้ว่าพี่ต้องการอะไร..ฉันจะให้...ทุกอย่าง”
สุรเดชยืนมองกฤติยา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา
“พี่รักแอนมากนะคะ”
กฤติยาไม่ตอบ เข้ามาโอบกอด สุรเดชยิ้มกริ่ม
“บอกให้พี่ชื่นใจสักคำ...รักไหม?”
กฤติยายิ้มให้ ไม่ตอบ ปลดกระดุมเสื้อสุรเดชช้าๆ สุรเดชจับมือกฤติยาไว้
“แอน....รักพี่ไหม”
กฤติยาไม่ตอบ ปลดกระดุมจนหมดเข้ามาลูบไล้สุรเดช
สุรเดชเหมือนจะเคลิ้มไปด้วย แต่ผลักกฤติยาออกไป บอกอย่างหงุดหงิดไม่พอใจ
“กูรักมึง”
“รักฉันก็นอนกับฉัน”
“กูมีศักดิ์ศรี....กูไม่ได้ต้องการแค่ตัว แต่กูต้องการใจมึง”
กฤติยาร้องไห้ “ฉันให้พี่ไม่ได้”
“เพราะไอ้ธีใช่ไหม”
สุรเดชตะโกนใส่หน้ากฤติยาอย่างคั่งแค้น
ส่วนภายในห้องนอน ธีรดนย์นอนซุกอยู่ในผ้าห่ม หันหลังให้ชนิกานต์ รู้สึกสับสนกับสิ่งที่ทำลงไป
ชนิกานต์นอนหันหน้าไปอีกด้าน น้ำตาซึม เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้
บนดาดฟ้าเวลานั้นสุรเดชกำลังต่อว่ากฤติยาอย่างแค้นเคือง สองคนโต้กันไปมา
“ไม่มีไอ้ธี มึงคงรักกู...กูจะไปฆ่าแมร่ง”
“อย่านะ! ปล่อยเขาไปเถอะ ฉันรักเขา แต่เขาไม่ได้รักฉัน”
“แล้วทำไมมึงไม่รักกู”
“ความรักบังคับกันไม่ได้”
สุรเดชพูดจาหว่านล้อม “เชื่อพี่...รักคนที่เขารักเราเราก็จะมีความสุข”
“ฉันหลอกตัวเองไม่ได้ ถึงฉันไม่มีใครรัก แต่ฉันดีใจ ที่ฉันมีคนที่ฉันรัก”
“ไอ้เชี๊ย”
สุรเดชสบถโวยวายลั่น ผิดหวังที่กฤติยาไม่รักตน กฤติยาร้องไห้ ผิดหวังในความรักที่มีต่อธีรดนย์เช่นกัน
ชนกชนม์ตามมายืนอยู่หน้าบ้านสุตาภัญ อยากเข้าไปช่วยอธิบายให้สุทินเข้าใจ สุรัมภาคอยห้าม
“ให้พี่เข้าไปเถอะ พี่อยากอธิบายความจริงให้พ่อของภาเข้าใจ”
“อย่าเลยค่ะ พี่เข้าไปตอนนี้ มันจะแย่ยิ่งกว่าเดิม”
“พี่เป็นห่วงตา”
“ภาจะบอกความจริงค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ชนกชนม์จับมือสุรัมภา “พี่ฝากด้วยนะภา”
สุรัมภาพยักหน้าให้ “พี่ชนม์เลิกคบพี่ตาเถอะค่ะ”
ชนกชนม์อึ้ง...ปล่อยมือออก
“ภาไม่ได้ขอเพื่อภา...พี่ชนกชนม์ก็เห็น..ทุกครั้งที่พี่ใกล้ชิดพี่ตา พี่ตาต้องโดนคุณพ่อเล่นงาน พี่จะให้พี่ตาต้องเดือดร้อนตลอดไปเหรอคะ”
ชนกชนม์อึ้ง พูดไม่ออก เพราะจริงอย่างที่สุรัมภาพูดไว้
“คุณพ่อไม่มีวันยอมรับพี่...ความรักระหว่างพี่กับพี่ตา มันเป็นไปไม่ได้...หยุดแค่นี้เถอะค่ะ เห็นแก่ความสุขของพี่ตา”
ชนกชนม์ฟังแล้วก็ถอดใจ พูดอะไรไม่ออก สุรัมภาเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ชนกชนม์รู้สึกสับสนและเสียใจมาก
ด้านเสาวนิตย์บอกสุตาภัญ
“เล่าความจริงสิลูก คุณพ่อจะได้เข้าใจ”
“ตาบอกไปหมดแล้วนี่คะว่าพี่พงษ์ภูมิจะขืนใจตา”
สุทินขึ้นเสียง “โกหก! แกเอาเรื่องนี้มาอ้าง หาทางไปพบแฟนกุ๊ย”
เสาวนิตย์ขอร้อง “คุณฟังลูกบ้างสิคะ”
“เธอหุบปากได้แล้ว!”
สุทินตวาดใส่ เสาวนิตย์จำต้องนิ่ง
“คุณพ่อก็รู้ว่าลูกชายหัวหน้าคุณพ่อเป็นคนยังไง พอตาไม่เล่นด้วยก็พาลหาเรื่อง”
“แล้วที่ฉันเห็นแกกอดรัดกับไอ้ผู้ชายคนนั้นคืออะไร”
“ชยางกูรจะขืนใจตา.....ชนกชนม์ช่วยตาไว้ค่ะ”
เสาวนิตย์ตกใจ สุทินอึ้งไม่ชั่วขณะ แต่ไม่เชื่อ
“แล้วไอ้ผู้ชายหื่นกามอยู่ไหน ทำไมฉันไม่เห็นมัน แกโกหกเอาตัวรอด!”
สุรัมภาเดินเข้ามาในห้อง สุตาภัญหันไปมองสุรัมภา...
“ภา...ภาช่วยบอกความจริงกับคุณพ่อ”
สุตาภัญมีความหวัง อยากให้สุรัมภาอธิบายให้สุทินเข้าใจ
“พี่ตานัดแฟนไว้...หาเรื่องไล่ให้พี่พงษ์ภูมิกลับไปพี่ตาจะได้อยู่กับแฟน”
สุตาภัญตกใจ แล้วกลายเป็นโมโหเข้ามาต่อว่าสุรัมภา “ภาพูดอะไร? ภาโกหกทำไม” พร้อมกับเข้ามาเขย่าตัวสุรัมภา “ภาเป็นคนให้พี่กลับไปกับชยางกูร”
“พี่ตาอย่าบังคับภา..ภาไม่อยากโกหกอีก”
“ภา! ภาต้องพูดความจริง!”
สุทินเข้ามาปกป้องสุรัมภา ต่อว่าสุตาภัญ
“หยุดข่มขู่น้องได้แล้ว!” สุทินตวาดบอกสุรัมภา “ลูกขึ้นห้อง”
สุตาภัญมองสุรัมภา สุรัมภาเดินขึ้นห้องไป สุตาภัญเสียใจที่สุรัมภาสร้างเรื่องทำร้ายเธอ
เสียงโทรศัพท์ของสุทินดังขึ้น. สุทินสีหน้ากังวล
สุทินคุยโทรศัพท์ “ครับหัวหน้า” รับฟังด้วยสีหน้ากังวล
ระหว่างนั้นสุรัมภาเดินมายืนที่ระเบียงนอกห้อง มองไปหน้าบ้าน เห็นชนกชนม์ยังยืนรออยู่ด้วยความเป็นห่วงสุตาภัญ สุรัมภาเสียใจเอาแต่โทษพี่สาว
“พี่ตาบังคับให้ภาต้องทำอย่างนี้”
สุทินกดวางสาย หันไปต่อว่าสุตาภัญ
“เป็นไงล่ะผลงานแก หัวหน้าโทร.มาต่อว่าฉันยกใหญ่ งานฉันพังก็เพราะแก”
สุตาภัญย้อน “คุณพ่อห่วงแต่ตัวเองไม่เคยห่วงตา”
“ไม่ต้องมาเถียงฉัน!”
สุทินเข้ามาโวยใส่สุตาภัญ เสาวนิตย์เข้ามาห้าม
“คุณคะใจเย็นก่อนนะคะ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”
สุทินตบหน้าเสาวนิตย์จนล้มลงไปกับพื้น สุตาภัญไม่พอใจ
“ฉันสั่งแล้วว่าอย่ามาก้าวก่ายความคิดฉัน ฉันออกคำสั่งได้คนเดียว!”
สุตาภัญสุดจะทนไหว ระเบิดออกมา “หยุดซะทีได้ไหมคะ!”
เสาวนิตย์ตกใจที่สุตาภัญต่อว่าพ่อ สุทินหันขวับไปมองสุตาภัญ
“แกจะทำอะไร”
“ตาทนไม่ไหวแล้วที่ต้องทนรับฟังคำสั่ง และทำในสิ่งที่ไร้เหตุผล ตาเกลียดการเลี้ยงลูกด้วยวิธีเผด็จการ!”
สุทินโกรธจัด “แล้วแกจะทำอะไรได้ ยังไงแกก็ต้องอยู่ในการควบคุมของฉัน”
สุตาภัญบอกอย่างจริงจัง “ตาไม่ยอมให้คุณพ่อกดขี่ข่มเหงตาและทุกคนอีก”
“ใครคิดกระด้างกระเดื่องกับฉัน ไม่ใช่ลูกฉัน”
สุตาภัญอึ้งนิ่งไป เสาวนิตย์กังวลใจ
“ตาเป็นลูกคุณพ่อค่ะ แต่ตาไม่ขออยู่บ้านนี้อีกต่อไป”
สุทินตกใจที่สุตาภัญกล้าท้าทายตน เสาวนิตย์ตกใจมาก
“ลูกตา”
สุตาภัญเดินหนีขึ้นห้องไปทันที เสาวนิตย์มองไปที่สุทินเป็นเชิงขอร้อง
สุทินโกรธสุตาภัญมาก หันไปบอกเสาวนิตย์เสียงกร้าว
“พรุ่งนี้เช้าฉันต้องไม่เห็นสุตาภัญอยู่ในบ้านหลังนี้”
สุทินเดินออกไป เสาวนิตย์ปล่อยโฮที่เกิดปัญหาใหญ่ สุทินไล่สุตาภัญออกจากบ้าน
ชนกชนม์ยืนมองอยู่ที่หน้าบ้านครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดใจยอมไปจากชีวิตสุตาภัญ ชนกชนม์เดินคอตกออกไป
สุตาภัญเดินเข้ามาในห้อง ยืนพิงร้องไห้บริเวณระเบียงห้อง....เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สุตาภัญมองไปยังด้านนอก เห็นชนกชนม์เดินออกไปจากบ้าน สุตาภัญเดินไปยืนมองที่ระเบียงบ้าน ร้องไห้ที่ต้องปล่อยให้ชนกชนม์จากไป
ชนกชนม์เดินมาที่หน้าบ้าน จะเดินเข้าไป แปลกใจที่เห็นรองเท้าหลายคู่ ชนกชนม์ได้ยินเสียงดังจากในบ้านก็แปลกใจ พอจะหันกลับออกไป ก็เจอกับสุรเดช
“กู๊ดมอร์นิ่งเพื่อนรัก”
“ไอ้เดช แกหาเรื่องให้ฉันเกือบติดคุก ไอ้เพื่อนเลว”
ชนกชนม์ต่อยหน้าสุรเดชเต็มแรง สุรเดชเซไป แต่กลับหันมายิ้มให้ชนกชนม์
“หายกันแล้วนะเพื่อน”
สุรเดชเข้ามากอดไหล่ชนกชนม์ ชนกชนม์สะบัดออก
“แกกลับมาทำไม”
“บ้านฉันนี่หว่า”
“ตำรวจตามล่าตัวแก”
“มันไม่ได้เฝ้าที่นี่ 24 ชั่วโมงนี่หว่า ฉันแวะมาคิดถึงบ้าน คิดถึงแก เป็นไงบายดีไหม”
สุรเดชเห็นสีหน้าชนกชนม์ไม่ดีนัก
“ทำหน้ายังกะคนอกหัก...มานี่เลย...ยารักษาใจ”
สุรเดชลากตัวชนกชนม์เข้าไปในบ้าน
ประตูห้องหนึ่งเปิดออก ชนกชนม์อึ้ง เห็นเปี๊ยกและเพื่อนๆ กำลังปาร์ตี้ยา และต่างอยู่ในอาการเมายา ในบรรยากาศแสงสลัว มีไฟกะพริบวิบวับ
“วิมานสวรรค์เปิดบริการท่านแล้ว”
เปี๊ยกส่งหลอดยาให้สุรเดช สุรเดชส่งให้ชนกชนม์
“ยาวิเศษ รักษาได้ทุกโรค เมื่อกี้กูพึ่งแซด..ตอนนี้หายปลิดทิ้ง” สุรเดชยื่นยาให้ชนกชนม์ “มองตาก็รู้ใจ มึงกำลังเสียใจโครตๆ บำบัดซะ”
สุรเดชส่งยาให้ ชนกชนม์รับหลอดยา ทำท่าจะขว้างทิ้ง
สุรเดชรั้งไว้ถามย้ำ “แน่ใจนะ”
ชนกชนม์มองหลอดยา แล้วหวนคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้
ตอนชลนิภาเข้ามาด่าทอต่อว่าที่สวนรถไฟ
“ฉันมาห้ามเพราะไม่อยากให้แกทำเสียชื่อตระกูลฉัน!ฉันจะขอบใจแกมาก ถ้าแกรีบไปเปลี่ยนนามสกุลซะ”
ตอนชยางกูรทำร้ายและเยาะเย้ยชนกชนม์
“หยุดเพ้อฝันจะเป็นคนดีได้แล้ว..สังคมนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้คนดีได้ยืนหรอก..ในฐานะคนเคยอยู่บ้านเดียวกัน...ฉันแนะนำให้แกไปเข้าแก๊งลูกหมา เล่นยาค้ายา...แล้วชีวิตแกจะรุ่ง”
ชนกชนม์มองหลอดยา นิ่งคิดตัดสินใจอีกครั้ง
สุรเดชส่งไฟแช็คให้ ชนกชนม์รับไฟแช๊ค ยืนตัดสินใจ
เหตุการณ์สุตาภัญเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขา..
สุตาภัญตกใจและเป็นห่วงจะเข้าไปดูแลแผลชนกชนม์ ชนกชนม์ผลักมือออก
“เราตกลงกันแล้วไง เราไม่เจอกันอีก”
สุตาภัญรู้สึกเจ็บแปลบที่ชนกชนม์พูดเรื่องนี้ ทำลายความหวังดีของตน
“ใช่...ไม่รู้จักกัน”
“เราจะเป็นคนแปลกหน้า”
“ไม่ว่านายจะเป็นตายร้ายดียังไง ฉันก็จะไม่สนใจนาย”
เหตุการณ์สุรัมภาขอร้องให้ชนกชนม์เลิกยุ่งสุตาภัญ...
“พี่ชนกชนม์ก็เห็น ทุกครั้งที่พี่ใกล้ชิดพี่ตา พี่ตาต้องโดนคุณพ่อเล่นงาน พี่จะให้พี่ตาต้องเดือดร้อนตลอดไปเหรอคะ”
ชนกชนม์อึ้ง..พูดไม่ออก เพราะจริงอย่างที่สุรัมภาพูดไว้
“คุณพ่อไม่มีวันยอมรับพี่ ความรักระหว่างพี่กับพี่ตา มันเป็นไปไม่ได้...หยุดแค่นี้เถอะค่ะ...เห็นแก่ความสุขของพี่ตา”
ชนกชนม์ถือไฟแช็คในมือ น้ำตาไหลรดมือ
ครู่หนึ่งมือข้างที่เปื้อนน้ำตาของชนกชนม์ กดเปิดไฟแช็ค เปลวไฟสว่างวาบแล้วดับวูบลง
ไม่นานต่อมา ในแสงสลัว ชนกชนม์เมายาสนุกกับเพื่อนๆ
สุตาภัญนั่งมองภาพถ่ายครอบครัว น้ำตานองหน้า
ชนิกานต์ใส่เสื้อผ้าเสร็จ หันไปมองที่เตียงนอน ธีรดนย์หันหลังให้ ชนิกานต์เดินออกไปจากห้องเงียบๆ
ครู่ต่อมาธีรดนย์พลิกกลับมา รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
ชนกชนม์นอนเมายา อยู่ในอาการเคลิ้ม สับสนกับชีวิต
สุตาภัญหยิบเสื้อผ้าออกมาใส่จัดกระเป๋าเพื่อเตรียมออกไปจากบ้าน บนหัวเตียงเห็นภาพถ่ายครอบครัวที่วางอยู่
สุรัมภานั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่งในห้อง มองภาพที่ถ่ายกับสุตาภัญ เสียใจกับการกระทำของตัวเอง
ธีรดนย์ยืนลุกมายืนที่หน้าประตูห้อง ไม่เห็นชนิกานต์แล้ว ธีรดนย์เดินกลับมาในห้อง มองภาพแม่ที่อยู่ในห้อง ธีรดนย์เจ็บแปลบที่ไม่เชื่อฟังคำสอนของแม่ ไม่ให้รังแกชนิกานต์ ธีรดนย์ร้องไห้ นั่งลงบนเตียง รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ
สุตาภัญหยิบสร้อยล๊อคเก็ตของชนกชนม์มานั่งกุมไว้ ข้างๆ มีกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ สุตาภัญร้องไห้เสียใจคิดถึงชนกชนม์จับใจ
ชนกชนม์เดินมาหยุดที่หน้าหิ้งพระ ในภาวะเสียใจและสับสน
“ผมขอโทษครับ...เป็นคนดีมันเหนื่อยเหลือเกิน...ผมไม่ไหวแล้ว...ผมขอยอมแพ้”
ชนกชนม์สิ้นหวังไร้ที่ยึดเหนี่ยว ทรุดตัวร้องไห้โฮอยู่ตรงหน้าหิ้งพระนั่นเอง
รุ่งเช้าขณะที่ชนิกานต์เดินออกมาที่หน้าคฤหาสน์ เจอธีรดนย์ยืนดักรออยู่แล้ว ชนิกานต์ไม่กล้าคุยด้วย จะเดินหนีไป ธีรดนย์รีบบอก
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ชนิกานต์แปลกใจ ธีรดนย์เดินนำไปก่อน ชนิกานต์ยอมเดินตามไป
ที่มุมหนึ่ง กฤติยาเดินเข้ามาเห็นทั้งสองเดินออกไป ท่าทีแปลกใจสงสัย
ชนิกานต์เดินเข้าหยุดตรงสระน้ำ
“นายมีอะไร”
ธีรดนย์หันไปมองที่โต๊ะ ชนิกานต์มองเห็นถาดใส่น้ำเตรียมไว้ ยิ่งแปลกใจ
ธีรดนย์ส่งกล่องใส่ยาคุมกำเนิดให้ชนิกานต์
“ยาคุม”
“เธอต้องกินยา..จะได้ไม่มีปัญหาตามมา”
ชนิกานต์รู้สึกแย่ที่ต้องตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ส่วนธีรดนย์รู้สึกผิด
“เรื่องเมื่อคืน...ฉันขอโทษ”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น....ฉันไม่อยากฟัง”
ธีรดนย์ขอร้อง “เธอกินยาเถอะ”
ธีรดนย์ส่งแก้วน้ำให้ ชนิกานต์รับแก้วน้ำมา ธีรดนย์พอใจ
ชนิกานต์วางแก้วน้ำ “แล้วถ้าฉันไม่กินล่ะ”
ธีรดนย์กังวลใจ “ไม่ได้นะ ไม่งั้นเธออาจท้อง เรื่องมันจะยุ่งไปมากกว่านี้”
ระหว่างนั้นณวัตรเดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง เรียกหาธีรดนย์
“ธีรดนย์”
สองคนตกใจ ขณะที่ณวัตรเข้ามามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรกัน”
ชนิกานต์และธีรดนย์อึกอักไม่ทันตั้งตัว
ขณะเดียวกันสุทินกำลังยืนติดกระดุมแขนเสื้อ เตรียมตัวออกไปทำงาน เสาวนิตย์เข้ามาขอร้อง
“คุณคะ อย่าไล่ลูกออกจากบ้านเลย ลูกตาเป็นผู้หญิง จะไปอยู่ไปกินยังไง”
“เธอก็เห็นว่ามันปีกกล้าขาแข็ง ประกาศตัดขาดจากฉันเอง จะเป็นตายร้ายดีก็ช่างมัน มันไม่ใช่ลูกฉัน”
เสาวนิตย์ร้องไห้เสียใจ ก้มลงกราบสุทิน
“ฉันกราบล่ะค่ะ อย่าตัดลูกเลยนะคะ...ฉันขอร้อง”
เสาวนิตย์ร้องไห้วิงวอน สุทินมองด้วยความสงสาร เริ่มลังเล
สุตาภัญเดินถือกระเป๋าเข้ามา พูดขึ้นเสียงดัง
“คุณแม่อย่าทำอย่างนั้นเลยค่ะ”
เสาวนิตย์ตกใจที่เห็นสุตาภัญถือกระเป๋าพร้อมออกไปจากบ้าน สุทินไม่พอใจ
ณวัตรรุกถามคาดคั้นธีรดนย์และชนิกานต์
“ฉันถามว่าคุยอะไรกัน”
ชนิกานต์ชิงตอบแทนธีรดนย์ “นิกกี้ไม่ค่อยสบาย...ธีเอายามาให้ค่ะ”
ณวัตรนึกเป็นห่วง “ลูกเป็นอะไรมากรึเปล่า พ่อพาไปหาหมอ”
“ปวดหัวนิดหน่อย ทานยาก็ดีขึ้นค่ะ”
ณวัตรคลายความกังวล หันไปบอกธีรดนย์
“ขึ้นไปคุยกับฉันที่ห้อง”
“ครับ”
ณวัตรเดินออกไป ธีรดนย์หันไปมองชนิกานต์ ส่งแก้วน้ำให้ ต้องการให้ชนิกานต์
กินยาคุมกำเนิด ธีรดนย์เดินออกไป ชนิกานต์หันมองตาม
จังหวะนั้นกฤติยาเดินออกมาจากมุมที่หลบอยู่ เห็นธีรดนย์เดินผ่านไปพร้อมกับณวัตร
ส่วนชนิกานต์มองยาในมือ กฤติยาหันกลับไปที่ชนิกานต์ เห็นชนิกานต์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม...
แต่พอชนิกานต์ดื่มน้ำเสร็จ กลับเศร้าใจ รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ทำลงไป
กฤติยายืนมองอย่างแปลกใจระคนสงสัย ว่าชนิกานต์เป็นอะไรแน่
ส่วนสุตาภัญยืนตาแข็งมองสุทิน เสาวนิตย์เข้าไปหาลูก แย่งกระเป๋าวางไว้
“ลูกไปกราบขอโทษคุณพ่อ บอกว่าสิ่งที่ลูกพูดไป ลูกขาดสติยั้งคิด ไม่ได้ตั้งใจ....ลูกสำนึกผิดแล้ว ขอให้คุณพ่อให้อภัยลูกด้วย”
เสาวนิตย์พาสุตาภัญมาหาสุทิน แต่สุทินเมินหน้าหนี สุตาภัญก้มลงกราบเท้าผู้เป็นพ่อ
สุทินอึ้งแปลกใจ เสาวนิตย์ดีใจคิดว่าสุตาภัญสำนึกผิดยอมขอโทษ
“คุณพ่อคะ ตารักคุณพ่อ คุณพ่อเป็นผู้ให้ชีวิตตา...แต่ตาขอเลือกใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ตาลาล่ะค่ะ” พูดจบสุตาภัญก็ยกมือไหว้ลา
สุทินไม่พอใจที่สุตาภัญไม่ขอโทษ สุทินเดินหนีออกไป
เสาวนิตย์เสียใจไม่พอใจ เข้ามาตบตีสุตาภัญ
“ทำไมลูกทำอย่างนี้ ลูกไม่รักพ่อไม่รักแม่แล้วใช่มั้ย”
เสาวนิตย์ทุบตีสุตาภัญ แล้วทรุดตัวลง ร้องไห้โฮ
สุรัมภายืนมองเหตุการณ์บ้านแตกอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เสาวนิตย์ร้องไห้แทบขาดใจ และเสียใจนักที่สุตาภัญไม่ยอมขอโทษพ่อ สุตาภัญสวมกอดเสาวนิตย์
“แม่อย่าร้องนะคะ.....ตารักแม่นะ”
“รักแม่ก็อย่าไป”
“ไม่ได้ค่ะ..ตาทนเห็นแม่ถูกทุบตีไม่ไหวแล้ว...” สุตาภัญขอร้อง “แม่ไปกับตา ตาจะหางานทำเลี้ยงแม่เอง”
เสาวนิตย์เสียงแข็ง “ไม่”
สุตาภัญผิดหวังและแปลกใจ “ทำไมล่ะแม่ พ่อทำร้ายแม่ แม่ยังจะทนให้พ่อห่มเขงใช้กำลังกับแม่อยู่อย่างนี้เหรอคะ”
“แม่ไปแล้วใครจะดูแลน้อง ใครจะดูแลคุณพ่อ”
สุตาภัญอึ้ง ไม่คิดว่าเสาวนิตย์ห่วงใยสุทินมาก
สุทินยืนฟังอยู่มุมหนึ่ง รู้สึกสะเทือนใจ
“ใครจะทำอาหารให้คุณพ่อ ใครจะทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ใครจะคอยหิ้วถุงกอล์ฟให้คุณพ่อ เวลาที่คุณพ่อต้องไปออกรอบกับหัวหน้า”
เสาวนิตย์พร่ำพูดถึงภารกิจที่ต้องดูแลสุทิน สุตาภัญไม่พอใจ ขัดขึ้น
“ตาไม่เข้าใจ เขาทำร้ายแม่แม่ยังจะทน”
“ถ้าลูกมีครอบครัว ลูกจะเข้าใจแม่....แม่ทิ้งหน้าที่ของแม่ไม่ได้”
สุตาภัญร้องไห้เสียใจที่เสาวนิตย์ยอมจำนนต่อสุทิน
“แม่....ตาไปแล้ว.. แล้วตาจะหาเวลามาเยี่ยมแม่”
สุตาภัญกราบเท้าแม่ เสาวนิตย์ใจหายกอดรั้งไว้ สุตาภัญเอามือออก แล้วถือกระเป๋าออกไปจากบ้าน เสาวนิตย์มองภาพนั้นด้วยใจแทบสลาย
สุตาภัญถือกระเป๋าเดินออกมาหน้าบ้าน เจอสุรัมภายืนอยู่ สุตาภัญตัดสินใจเดินเข้ามาหาสุรัมภา
“พี่ไม่รู้ว่าภาทำอย่างนั้นเพื่ออะไร? ภามีเหตุผลอะไร”
สุรัมภาอึ้ง พูดไม่ออก
“พี่เสียใจที่ภาทำร้ายพี่...แต่พี่ให้อภัยภา”
สุรัมภาน้ำตาซึม
สุตาภัญพูดต่อ “ถึงวันนี้เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่เรามีสายเลือดเดียวกัน...เราเป็นพี่น้องกัน”
สุตาภัญพูดจบก็เดินออกไป สุรัมภามองตามพี่สาวอยากเข้าไปกอด แต่ไม่กล้า
สุตาภัญเดินออกไป รอคอยว่าสุรัมภาจะพูดอะไรออกมา แล้วในที่สุดสุรัมภาตะโกนเรียก
“พี่ตา”
สุตาภัญหยุดเดิน ยืนรอฟังคำพูดสุรัมภา
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
สุตาภัญน้ำตาหยดรินรดแก้ม ด้วยความซึ้งใจ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าสุรัมภาก็ยังรักเธอ
สุตาภัญยิ้มทั้งน้ำตา
สุรัมภายืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำมือตน
เสาวนิตย์ยืนมองสุตาภัญเดินออกไปจากบ้าน หัวใจแทบสลาย...ทรุดตัวร้องไห้ไร้เรี่ยวแรง
สุตาภัญถือกระเป๋าเดินออกจากบ้านแล้วจึงหันกลับไปมองบ้านเป็นครั้งสุดท้าย
สุตาภัญเดินออกไปจากเขตบ้านอย่างทรนง
สุทินยืนมองลูกสาวอยู่ที่มุมหนึ่ง น้ำตาหยดไหลรินออกมา เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
แต่ที่สุดสุทินฮึดปาดน้ำตาทิ้ง ไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอของชายชาติทหารอย่างตน
ติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 12