หยกเลือดมังกร ตอนที่ 22 อวสาน
วันใหม่...กิ่งเหมยตามวิ่งออกมาจากเรือนแพตามหาหยก
“หยก..หยก..หยก..เธออยู่ไหน”
กิ่งเหมยเดินหาทั้งในเรือนแพ และข้างนอกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากหยก
“หยก..เธออยู่ไหน..หยก...หยก !!”
กิ่งเหมยรู้แล้วว่าหยกหายไป เธอหน้าเสียและใจคอไม่ดี
ดุจแพรเอาแต่นอนร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจ ตงเข้ามาในห้องยืนมองลูกสาวอย่างสำนึก
“แพร...”
“ออกไป..ออกไปให้พ้น แพรเกลียดป๋า อย่ามาให้แพรเห็นหน้าอีก..ไป”
ตงน้ำตาคลอ
“ป๋าขอโทษนะลูก..ป๋ายอมรับผิด แต่ป๋าไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าป๋าไม่ยอมมัน ป๋าก็ต้องถูกทรมานจนกว่าจะยอม แล้วลูกก็จะต้องถูกมันทำร้ายยิ่งกว่านี้”
“ป๋าอย่ามาอ้างว่าไม่มีทางเลือก ถ้าป๋าเลือกทางเป็นคนดีตั้งแต่ทีแรก จุดจบก็ไม่ต้องลง เอยแบบนี้ และถึงป๋าจะรอดจากการถูกพวกมันทรมาน แต่แพรนั่นแหละที่ต้องทนทุกข์ ทรมานแทนป๋า”
“แพร..”
“แพรบอกให้ออกไป..ออกไป”
ดุจแพรคว้าหมอ แจกันปาใส่อย่างเกรี้ยวกราดและฟูมฟาย ตงต้องถอยห่างจากลูกสาวและกลั้นใจพูด
“งั้นถ้าแพรไม่อยากทนทุกข์ทรมานกับชีวิตที่เหลืออยู่ แพรก็ต้องยอมรับความจริง เราหนี พวกมันไม่รอดแล้ว..ช่วยป๋าด้วยเถอะนะแพร”
ตงบอกลูกสาวแล้วออกจากห้องไป ดุจแพรนิ่งงันน้ำตาอาบสองแก้ม แล้วปล่อยโฮเสียงดังลั่นอย่างน่าเวทนา
กิ่งเหมยนั่งร้องไห้เสียใจที่หยกหายไปที่ม้านั่งริมตลิ่ง ระหว่างนั้นหยกกลับมาถึง ถามอย่างตกใจ
“กิ่งเหมย..เกิดอะไรขึ้น…”
“หยก..เธอหายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่ นึกว่าเธอถูกพวกมันจับตัวไปแล้ว”
“ไม่มีใครจับตัวฉันไปหรอกกิ่งเหมย”
“แต่ฉันตื่นมาไม่เจอเธอ”
หยกจับมือมากุมปลอบใจ
“ฉันขอโทษ..ฉันเห็นเธอกำลังหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก”
“แล้วเธอหายไปไหนมา”
“ฉันไปหาเรือลากจูง ว่าจะให้เขามาลากเรือนแพล่องไปตามแม่น้ำ เพราะถ้าอยู่ที่นี่นานๆ คงไม่ปลอดภัย”
“เราต้องหนีอีกแล้วเหรอ..ต้องไปอีกนานเท่าไหร่”
หยกหนักใจ
“ไม่นานหรอกกิ่งเหมย ความทุกข์มันจะอยู่กับเราแค่แป๊บเดียว เชื่อฉันนะ”
หยกบอกแล้วก็ดึงกิ่งเหมยมากอดปลอบใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ในตึกร้าง...ธงรบถูกจับมัดมือมัดเท้าให้นั่งติดอยู่กับเก้าอี้มาทั้งคืน โดยมีลูกน้องเล้งเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา ระหว่างนั้นนนท์กับเจ้าสัวเล้งเข้ามาเห็นจานข้าวกับขวดน้ำยังเต็มอยู่
“ข้าวปลาไม่แตะมาทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ไม่รู้สึกหิวบ้างเหรอครับหมวด”
“ถ้าเป็นห่วงคิดจะดูแลกันดีจริงๆล่ะก็..ปล่อยฉันสิเว้ย” ธงรบโมโห
“ผมไม่อยากทำอย่างนี้กับหมวด แค่อยากให้บอกผมมาว่าจะตามหยกได้ที่ไหน”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าไอ้หยกมันไปมุดหัวอยู่ไหน ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย”
“ที่หมวดพยายามปกป้องหยก เพราะหยกเป็นตำรวจเหมือนกับหมวดใช่มั้ย”
ธงรบแสร้งหัวเราะชอบใจ
“อย่างไอ้หยกน่ะเหรอจะเป็นตำรวจ..ฮ่าๆ ใครๆ ก็รู้จักมันว่ามันเป็นกุ๊ยลูกน้องของไอ้เสี่ยตง”
“แต่ผมสืบประวัติของหยกแล้ว..ก่อนที่เขาจะมาเป็นลูกน้องเสี่ยตง เขาเป็นนักเรียนนาย ร้อยตำรวจมาก่อน”
ธงรบชะงักแต่ยังตีหน้ากวน
“ก็แค่อดีตของมัน ถามจริงเถอะ เจ้าสัวสนใจอะไรมันมากนัก หนาถึงขนาดลงทุนสืบเรื่องของไอ้หยก”
“เพราะเท่าที่ผมรู้จักเขามา เขาไม่ใช่อันธพาล เขาเป็นคนมีคุณธรรมที่มาอยู่ผิดที่ผิดทาง และตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในอันตราย คนเดียวที่ช่วยเขาได้ก็คือผม”
ธงรบเมินไม่สนใจ
“ต่อให้พูดดีขนาดไหนฉันก็ไม่เชื่อขี้ปากพวกมาเฟียหรอก”
“ผมยอมรับว่าผมเคยเป็นมาเฟีย แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมไม่เคยสนับสนุนให้คนของ ผมไปทำร้ายคนอื่น พวกผมทุกคนต้องทำธุรกิจอย่างสุจริต เพราะก่อนที่ผมจะตาย ผม อยากเปลี่ยนอันธพาลให้เป็นสุภาพบุรุษ”
ธงรบนิ่งไปแล้วหันมามองหน้าเจ้าสัว เรื่องนี้เคยได้ยินจากหยกมาแล้วแต่ไม่เชื่อ
“มันจะเป็นไป ได้เหรอเจ้าสัว”
“ดำเปลี่ยนเป็นขาว ขาวเปลี่ยนเป็นดำ ดีเปลี่ยนเป็นเลว แล้วทำไมเลวจะเปลี่ยนเป็นดี บ้างไม่ได้”
ธงรบกับเจ้าสัวมองหน้ากันอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งรีบเขามาบอก
“เจ้าสัวครับ มีรถของพวกพยัคฆ์เมฆาขับเข้ามา”
เจ้าสัวสงสัยแล้วรีบสั่งนนท์
“เตรียมรับมือ”
นนท์รับคำสั่งแล้วรีบพาลูกน้องออกไป เจ้าสัวหันมามองหน้าธงรบ ก่อนจะตามนนท์ไปทิ้งให้ธงรบอยู่กับลูกน้อง
หน้าตึกร้าง…เจ้าสัวเล้งกับพวกลุกน้องชักปืนออกมาซุ่มตั้งรับเตรียมพร้อมถ้าพวกพยัคฆ์เมฆาบุกมา
รถตู้คันหนึ่งขับเข้ามาจอดเอี๊ยด ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาเปิดประตูออกมาแต่ไม่มีใครมาสู้กับเจ้าสัว พวกมันโยนศพลง มากองที่พื้นเป็นศพที่มีผ้าคลุมปิดหัวเอาไว้ จากนั้นพวกมันก็ขับรถออกไปทิ้งให้เล้งแปลกใจ
“ระวังครับเจ้าสัว..ผมไปดูให้เองดีกว่า”
นนท์รีบเดินไปดูที่ศพ แล้วเปิดผ้าคลุมหน้าออกพบว่าเป็นศพของโหงว”
เจ้าสัวเข้ามาดูแล้วอดตกใจไม่ได้ นนท์เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนติดอยู่ที่ตัวเลยหยิบมาให้ดู
“แกไม่ต้องขอบใจฉันหรอกที่ช่วยฆ่าศัตรูของแกให้ เพราะศพต่อไปคือพวกแกทุกคน”
เจ้าสัวอ่านแล้วเจ็บใจ
“ไอ้มานพ !!”
เจ้าสัวขยำกระดาษปาทิ้งแล้วสั่งลูกน้อง
“เอาศพมันออกไป”
ลูกน้องรับคำแล้วช่วยกันแบกศพโหงวออกไป ระหว่างนั้นโทรศัพท์เจ้าสัวดัง เมื่อเห็นว่าเป็นหมอ จึงรีบรับสาย
“ว่าไงครับหมอ..ผลตรวจ DNA ออกมาแล้วเหรอครับ”
เจ้าสัวเล้งรีบเข้ามาที่ธงรบ แล้วสั่งลูกน้องที่เฝ้าธงรบอยู่ทันที
“แก้มัดให้เขาเดี๋ยวนี้”
ลูกน้องรีบทำตามคำสั่งแก้มัดให้ธงรบ พอเป็นอิสระจังหวะที่ลูกน้องเผลอธงรบก็จัดการเล่นงานแล้วแย่ง ปืนจากเอวมาส่องไปที่เจ้าสัวทันที
“แกพลาดแล้วเจ้าสัวเล้ง”
“ผมไม่ได้พลาด แต่ผมตั้งใจปล่อยคุณต่างหาก เพราะเวลานี้ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ก็จะไม่ มีใครช่วยหยกและจัดการกับมานพได้”
“เลิกพูดหว่านล้อมให้ฉันไว้ใจแกซะที..ยังไงมาเฟียก็คือมาเฟีย”
“ก็ได้หมวดธงรบ คุณอาจจะไม่อยากช่วยผมในฐานะที่ผมเป็นมาเฟียอย่างที่คุณเข้าใจ แต่ในฐานะที่ผมเป็นพ่อแท้ๆของหยก ผมจะไม่ปล่อยให้ลูกชายผมโดนตามล่าแน่นอน”
“พ่อแท้ๆของไอ้หยก..นี่เพ้อเจออะไร”
“ผมมีหลักฐานให้คุณดู ผมเพิ่งให้โรงพยาบาลส่งผลการตรวจ DNA ของผมกับหยกมา”
เจ้าสัวรับไอแพดจากลูกน้องแล้วยื่นให้ธงรบดู ธงรบลังเลอยู่ครู่แต่ก็ยอมรับเอามาดูพอเห็นเข้าก็ชะงัก
“เป็นไปได้ยังไง..ผมไม่เข้าใจ อยู่ๆไอ้หยกจะกลายมาเป็นลูกชายเจ้าสัวได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวหมวด..ไว้ผมจะเล่าให้คุณฟังทุกอย่าง แต่ถ้าคุณไม่ตกลงช่วยผมล่ะก็ หยก คงไม่รอด เพราะมานพมันรู้ว่าหยกเป็นใคร มันต้องจัดการหยกเพื่อแก้แค้นผมแน่”
ธงรบหน้าเสียมองหน้าเจ้าสัวอย่างตกใจ
หยกพากิ่งเหมย ออกมารอเรือลากจูงที่ติดต่อไว้
“เรือที่ติดต่อไว้ยังไม่มาอีกเหรอหยก”
“ยังเลย”
กิ่งเหมย น้ำเสียงเธอไม่ค่อยสบายใจเลยนะหยก
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นาน พวกมานพมันหูไวตาไว”
กิ่งเหมยฟังหยกแล้วสีหน้าไม่ดี หยกรีบจับมือเธอ
“ฉันขอโทษ..ฉันไม่ตั้งใจทำให้เธอกลัว เอาอย่างนี้แล้วกัน..ฉันจะไปตามเรืออีกที ถ้าเขา มาลากเรือให้เรา ฉันจะหาทางอื่น”
“ไปเถอะหยก..ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันอยู่ได้”
“รอฉันแป๊บเดียวนะกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ หยกหอมหน้าผากกิ่งเหมยแล้วรีบเดินออกไป กิ่งเหมยเงี่ยหูฟังเสียหยกเดินออกไป
ดุจแพรยังร้องไห้เสียใจ ระหว่างนั้นป้าจั่นเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน
“คุณหนูคะ โธ่..คุณหนูของป้า..ป้าจะไม่ยอมให้เสี่ยทำกับคุณหนูแบบนี้อีกแล้ว คุณหนู ต้องรีบหนี ไปจากที่นี่ เดี๋ยวป้าจะช่วยเอง”
“ป้า” ดุจแพรตกใจ
ป้าจั่นมาคุยกับตง ที่โวยวายขึ้นมาทันที เมื่อรู้เรื่อง
“ถ้าแกไม่อยากทำงานกับฉันอีกแล้ว จะไสหัวไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาบอกฉัน”
“แต่ป้าทำงานกับเสี่ยมานาน ป้าควรต้องมาบอก เพราะอยากเตือนสติให้เสี่ยรู้ว่าที่เสี่ย ทำไปเขาเรียกว่าหน้าไม่อาย”
“ป้าจั่น”
ตงหันมาตบหน้าจนป้าจั่นเลือดกบปาก แต่ป้าจั่นก็ยังหันมองหน้าอย่างเอาเรื่องเพื่อเปิดโอกาสให้ดุจแพรที่ แอบเดินลงมาจากชั้นสอง ได้มีจังหวะลอบออกไป แต่ดุจแพรกลับยืนดูป้าจั่นด้วยความสงสาร
“เห็นมั้ยคะ..คนอย่างเสี่ยมันหน้าไม่อายจริงๆ พอเข้าตาจนก็ขายลูก ทำร้ายผู้หญิง สมแล้วที่เสี่ยจะหมดเนื้อหมดตัวไม่เหลืออะไร”
“นังนี่..ไสหัวแกไปเลย..ถ้าฉันเห็นหน้าแกอีก แกโดนฉันยิงกรอกปากแน่..ไป !!”
ดุจแพรมองป้าจั่นที่ถูกด่า แม้จะสงสารแต่ก็ตัดสินใจลอบออกไปทางหลังบ้าน
“ฉันบอกให้ไปไง..ไปสิเว้ย”
ป้าจั่นรีบเดินออกไป ตงหันมานั่งหงุดหงิดหัวเสียได้ครู่ เก่งก็จับแขนพาดุจแพรเข้ามา
“ปล่อยฉันนะ..บอกให้ปล่อย”
“เสี่ยครับ..ผมเจอคุณหนูที่หลังบ้าน คุณหนูพยายามจะหนีออกไป”
“ยัยแพร..นี่แก..อ๋อ..นังแก่นั่นมันช่วยให้แกหนีใช่มั้ย”
ตงมองลูกสาวอย่างเอาเรื่อง ดุจแพรหน้าเสีย
หยกรีบกลับมาที่เรือนแพ เห็นกิ่งเหมยยืนรออยู่
“กิ่งเหมย..เรือกำลังจะมาแล้ว..กิ่งเหมย”
หยกเรียกไปแต่กิ่งเหมยค่อยๆหันมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่อาบแก้มอย่างหวาดกลัว
“หยก..ฮือ...หยก..หนีไป..หนีไปเถอะหยก..ฮือๆ”
“กิ่งเหมย”
หยกหน้าเสียรู้ทันทีว่าพวกมันมาที่นี่แล้ว ชาญโผล่มาเอาปืนจ่อหลังหยก ส่วนมานพเข้ามายืนประกบกิ่งเหมย
“คิดว่าหนีมาอยู่ที่นี่แล้วฉันจะตามล่าแกไม่ได้เหรอไอ้หยก”
“แกได้ตัวฉันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับแกหรอกมานพ ฉันมันก็แค่ลูกน้องของเสี่ยตง”
“ฮ่าๆ หัวหน้าพยัคฆ์เมฆาอย่างฉันต้องเสียเวลามาตามล่าแกถึงที่แบบนี้ นั่นต้อง แสดงว่าฉันรู้จักแกดีมากกว่าใครๆนะไอ้หยก”
“แกหมายความว่ายังไง”
“ไอ้เสี่ยตงมันบอกเรื่องที่แกเป็นตำรวจให้ฉันรู้แล้ว ตอนนี้ธุรกิจของมันกลายมาเป็นของ ฉันแล้ว เพราะฉะนั้นฉันคงปล่อยให้แกลอยนวลต่อไปไม่ได้”
มานพยิ้มร้ายแล้วพยักหน้าสั่ง ชาญยิ้มรับแล้วใช้ด้ามปืนกระแทกท้ายทอยจนหยกทรุดลงไปที่พื้น หยกจะขัดขืน แต่ชาญก็เอาปืนจ่อแล้วตบหน้าหยกอีกทีจงใจให้รู้ว่าหยกไม่มีทางสู้
“หยก..อย่าทำอะไรเขานะ..หยก !!”
มานพบีบปากสั่งสอน
“เงียบน่านังบอด..ถ้าแกส่งเสียหนวกหูให้ฉันรำคาญอีกล่ะก็ ฉันจะช่วย สงเคราะห์ไม่ให้ต้องอยู่ลำบากอีก”
“อย่านะมานพ !! อย่าแตะต้องกิ่งเหมย ฉันยอมแกแล้ว แกจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่อย่าทำ ร้ายเธอเด็ดขาด”
“ท่าทางแกจะรักนังบอดนี่มากนะไอ้หยก ขนาดผู้หญิงที่มีครบทุกอย่างอย่างคุณแพร มาชอบแก แต่แกก็ไม่สนใจ ทำไมวะ..ผู้หญิงตาบอดมันมีลีลาอะไรดีนัก บอกฉันมา หน่อยสิ เผื่อว่าฉันจะได้ลองดูมั่ง”
มานพยิ้มร้ายแล้วจับหน้ากิ่งเหมยมาเชยชมอย่างใกล้ชิด กิ่งเหมยสะอิดสะเอียนจนต้องผลักเต็มแรงแล้วตบหน้า เพี๊ยะ !! มานพหน้าหันแล้วฉุน
“นังบอด..แกกล้ากับฉันเหรอ”
มานพเอามือบีบคอกิ่งเหมยทันทีจนเธอหน้าดำหน้าแดง หยกโกรธจัด
“อย่าแตะต้องกิ่งเหมยของฉัน !!”
หยกบ้าคลั่งลุกพรวดขึ้นมา ชาญกับลูกน้องจะยิงใส่ แต่หยกก็งัดเชิงมวยมาปลดปืนจากมือพวกมันแล้วซัดหมัด เข่าศอกประเคนใส่ไม่ยั้ง อย่างดุดันสุดๆ ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาโดนหยกสอยร่วงไปจนเหลือชาญที่สู้กับหยกอย่างถึงพริกถึงขิงกินกันเกือบไม่ลงแต่หยกก็เล่นงานชาญจนทรุด จับชาญมาบิดแขนจนมันร้องโอดโอย
“หยุดได้แล้วไอ้หยก..หมดเวลาโชว์เก๋าของแกแล้ว ไม่งั้นนังบอดนี่ตายคามือฉันแน่ หยกชะงักเพราะมานพยิ่งออกแรงบีบคอกิ่งเหมยจนใกล้จะหมดลมหายใจ”
“หยก..หยก….”
กิ่งเหมยตาปรือน้ำตาไหลอาบแก้ม หยกได้แต่หยุดยืนมองอย่างเจ็บใจ
“กิ่งเหมย !!..มานพถ้าแกอยากจะฆ่าฉันก็มาฆ่าฉันเลยสิวะ..แต่ต้องปล่อยกิ่งเหมยไป”
หยกมัวแต่ห่วงกิ่งเหมย พวกชาญกับลูกน้องเลยพากันลุกขึ้นมาแล้วจับหยกมาเล่นงานเอาคืน พวกมันรุมอัดจน หยกทรุดแทบจะหมดเรี่ยวแรง
“ปล่อยกิ่งเหมย..ฉันขอร้อง...ปล่อยกิ่งเหมยไป”
มานพมองหยกแล้วยิ้มร้าย มือยังไม่ยอมปล่อยจากคอจนกิ่งเหมยตาค่อยๆปิดจนแน่นิ่งไปเอง
“หมดฤทธิ์แล้วเหรอนังบอด..ว้า..ว่าจะทำตามที่ไอ้หยกขอร้องซะหน่อย แต่ก็ดี..ฉันจะได้ ไม่ต้องเหนื่อยมาก เอาเป็นว่าฉันจะสงเคราะห์ให้แกหมดทุกข์หมดโศกแล้วกันนะ”
มานพยิ้มชั่วสุดๆแล้วผลักกิ่งเหมยให้ตกลงไปในน้ำ...ตู้ม !!!
“กิ่งเหมย....กิ่งเหมย !”
หยกร้องตะโกนสุดเสียงพร้อมกับชาญที่ใช้ด้ามปืนทุบต้นคอหยกทีเดียว..หยกสลบเหมือด
ตงจับแขนดุจแพรแรงๆบังคับให้นั่งลงที่โซฟา
“คิดจะหนีป๋างั้นเหรอ..ป๋าไม่ยอมให้แกไปหรอกยัยแพร”
“ใช่สิ..ตอนนี้แพรก็เป็นได้ก็แค่เชลยที่ป๋าเอาไว้แลกเปลี่ยนกับมัน ไม่ใช่ลูกสาวของป๋า อีกแล้ว”
“ป๋าอธิบายไปจนปากเปียกปากแฉะแล้วนะยัยแพร ป๋าต้องทำเพราะเราสองคน แกคิดดู นะ ถ้ามันไม่รักไม่ชอบแก ป่านนี้ป๋ากับแกเป็นศพอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้”
“แล้วป๋าไม่คิดสงสารแพรบ้างเลยเหรอ..แพรต้องใช้ชีวิตอยู่กับไอ้ซาตานอย่างมัน”
“ผู้หญิงมีหน้าที่เป็นเมีย แกก็ปรนนิบัติมันไป ก็แค่นั้นเอง มันจะอะไรนักหนาวะ”
“ป๋า !!”
เก่งเดินแยกไป เดินกลับเข้ามา
“เสี่ยครับ..มีข่าวจากนายมานพครับ”
“ว่าไง”
“นายมานพได้ตัวไอ้หยกมาแล้ว”
ดุจแพรตกใจ
“แล้วกิ่งเหมยล่ะ”
เก่งส่ายหน้า
“ไม่รอดครับ”
ตงอึ้งไปที่รู้ว่าลูกสาวตัวเองตาย ดุจแพรยิ่งตกใจรีบเข้ามาเขย่าตัวตง
“ป๋า..เห็นมั้ยว่าป๋าทำอะไรลงไป..ป๋าช่วยให้คนอื่นฆ่าลูกตัวเอง..ป๋ายังเป็นคนอยู่รึเปล่า หรือว่าป๋าเป็นเดรัจฉานเหมือนกับพวกมัน”
ตงหันมาตบหน้าลูกทันที..เพี๊ยะ !!
“แกอย่ามาด่าป๋านะยัยแพร..สักวันมันก็ต้องตาย ตาย ช้าตายเร็วก็ต้องตาย ดีซะอีกจะได้หมดเวร หมดกรรม ไม่ต้องอยู่อย่างคนพิการอีก”
ดุจแพรอึ้ง
ธงรบพาเจ้าสัวเล้งกับพรรคพวกมาถึงเรือนแพ
“นี่..นี่หยกบอกหมวดเหรอว่าเขาจะมาหลบอยู่ที่นี่” เจ้าสัวถามอย่างรู้จักสถานที่ดี
“ครับเจ้าสัว..มันว่าเป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดที่มันรู้จัก เป็นบ้านของแม่มันเอง”
“ใช่..บ้านของพราวแสง เป็นที่ๆความรักของฉันกับพราวแสงเริ่มต้นขึ้น”
“ผมจะเข้าไปดูว่ามันยังอยู่รึเปล่า”
ธงรบรีบเดินเข้าไปที่เรือนแพเรียกหาหยกอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับไม้เท้าของกิ่งเหมย
“สภาพข้างในเละเทะ แสดงว่าเรามาช้าไปแล้ว”
เจ้าสัวหน้าเครียดเป็นห่วงใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อหยิบมาดูพบว่าเป็นเบอร์มานพ !!
มานพยิ้มชอบใจเมื่อเจ้าสัวเล้งรับสาย
“เป็นไงไอ้เล้ง..รู้สึกยังไงบ้างเวลาที่แกต้องเป็นฝ่ายเดินตามคนอื่น”
“นี่แก !!”
“ใช่..ไอ้หยกอยู่กับฉันแล้ว นี่ถ้าไม่ได้ไอ้โหงวช่วยชี้ทางให้ ฉันก็คงไม่ได้ตัวสายเลือดคน เดียวของมังกรวารีมาอยู่ในกำมือหรอก”
มานพพูดไปก็หันไปมองหยกที่ฟังอย่างตกใจและงุนงง
“ถ้าแกทำอะไรลูกชายฉันล่ะก็..ฉันจะตามล่าแก”
“ตามล่าฉันเหรอ..ฮ่าๆ ก่อนที่แกจะตามล่าฉัน แกคงต้องเสียเวลาตามหาชิ้นส่วนของ ลูกชายแก ที่ฉันจะแยกออกมาเป็นชิ้นๆ ให้แกเอาไปต่อจิ๊กซอร์ประกอบเป็นตัวขึ้นมา ใหม่ แล้วเรียกมันว่า..ลูกชายของฉัน..ฮ่าๆ”
เจ้าสัวโกรธจัด
“ไอ้มานพ..ไอ้สารเลว..ฉันจะฆ่าแก..ฉันจะฆ่าแก !!”
มานพสะใจแล้วตัดสายทิ้งก่อนจะหันมามองหน้าหยก
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 22 อวสาน (ต่อ)
“งงล่ะสิไอ้หยก..ที่มารู้กำพืดที่แท้จริงของตัวเองเอาเวลานี้ เอาเป็นว่าฉันจะใจดีเล่า เรื่องของแกกับไอ้เล้งให้ฟัง”
เจ้าสัวเล้งกำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ หลังจากโดนมานพข่มขู่จะเล่นงานหยก
“ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามหาพวกมัน ฉันก็ต้องช่วยลูกชายฉันให้ได้”
“ก่อนที่เราจะหาทางช่วยไอ้หยก ไอ้มานพมันได้พูดถึงกิ่งเหมยรึเปล่าครับเจ้าสัว”
เจ้าสัวส่ายหน้า
“มันว่ามันได้ตัวหยกไปคนเดียว”
“งั้นก็หมายความว่า...มันจัดการกับกิ่งเหมยไปแล้ว โธ่เว้ย..ไอ้สารเลว ผู้หญิง ตาบอดมันก็ไม่เว้น..แกมันผุดมาจากนรกเหรอไงวะไอ้มานพ”
ธงรบหันมากำหมัดเจ็บใจจนน้ำตาคลอที่คิดว่ากิ่งเหมยโดนมันจัดการไปแล้ว แต่ระหว่างนั้นลูกน้องของเล้งคน หนึ่งรีบเข้ามารายงาน
“เจ้าสัวครับ..รีบไปดูทางนี้เถอะครับ”
เจ้าสัวกับธงรบมองลูกน้องอย่างสงสัยว่าไปเจออะไร
ลูกน้องเจ้าสัวเพาธงรบกับเล้งเข้ามาพบกิ่งเหมย ที่นอนหมดสติอยู่ที่ริมตลิ่ง
“กิ่งเหมย..กิ่งเหมย !!”
ธงรบรีบฟังเสียงหัวใจของกิ่งเหมย พบว่ายังเต้นอยู่แต่เบามาก
“เธอยังไม่ตายครับ”
“รีบพาเธอไปโรงพยาบาล นนท์ติดต่อหมอให้เตรียมช่วยเหลือเธอด่วนเลย”
ธงรบช้อนตัวอุ้มกิ่งเหมยขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“เข้มแข็งเอาไว้นะกิ่งเหมย..อย่าเป็นอะไรเด็ดขาดนะ”
หยกโดนชาญกระชากผมขึ้นมาให้เงยหน้ามองมานพชัดๆ
“เป็ยไงไอ้หยก..ได้รู้จักกำพืดตัวเองแล้ว ไม่คิดอยากขอบใจฉันสักคำเลยเหรอ”
“ฉันไม่เชื่อแก !!”
“แกฟังฉันเล่าอย่างเดียวอาจจะไม่เชื่อ งั้นฉันก็จะเล่าเรื่องหยกเลือดมังกรให้ฟังอีก มันคือ สมบัติประจำตระกูลของมังกรวารี ที่มีไว้ให้กับสายเลือดผู้มีหน้าที่รับช่วงต่อ หยกครึ่ง ชิ้นนั้นอยู่ที่แกส่วนอีกครึ่งอยู่กับไอ้เล้ง หยกชิ้นนั้นมันติดตัวแกมาตั้งแต่เกิดไม่ใช่เหรอ”
หยกอึ้งไปนึกถึงหยกเลือดมังกรที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด มันเป็นสมบัติของแม่ที่ทิ้งไว้ให้เขา
“เป็นไง..ทีนี้แกจะขอบใจฉันได้รึยังที่ช่วยสงเคราะห์ให้แกได้รู้ว่าใครคือพ่อของแก”
หยกจ้องเขม็งไม่ตอบ ชาญจิกหัวแรงๆให้พูด
“นายเขาถามแกก็ตอบสิเว้ย”
“เฮ้ย..ไม่เป็นไรหรอกไอ้ชาญ มันเป็นตำรวจปลอมตัวมาเป็นสายสืบ อย่างน้อยมันก็ต้อง มีดีพอที่จะรับมือการทรมานได้ แต่จะดีแค่ไหน..มันก็ต้องมาดูกัน”
มานพมองหยกยิ้มร้าย แต่หยกไม่หวั่นเกรงมันยังมองหน้ามันเขม็ง
กิ่งเหมยที่หมดสติอยู่ฝันถึงอาม่า ที่นั่งมองภาพถ่ายเก่าๆอยู่
“อาม่า..นั่นอาม่าใช่มั้ย”
“อาเหมย”
กิ่งเหมยเข้าไปสวมกอดอาม่าอย่างดีใจ แล้วร้องไห้ด้วยความคิดถึง
“เหมยคิดถึงอาม่าที่สุดเลย...”
“อาม่าก็คิดถึงลื้อ ห่วงลื้อสารพัดเลยนะอาเหมย ดูสิ..เจอหน้าอาม่าก็เอาแต่ร้องไห้เป็น เด็กขี้แยเชียว”
“ก็เหมยอยากกอดอาม่านี่คะ..ไม่มีอาม่าอยู่ด้วย ก็ไม่มีใครให้เหมยกอด ไม่มีใครคอยตัก เตือนเหมย ไม่มีใครบอกทางแก้ปัญหาให้เหมย”
“ลื้อโตแล้วนะอาเหมย..ลื้อกำลังจะสร้างครอบครัวของลื้อเอง ลื้อต้องรู้จักเข้มแข็งสิ”
“แต่หยก..หยกกับเหมยเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วค่ะอาม่า เหมยเข้มแข็งไม่ได้ถ้าไม่มี ทั้งอาม่า ไม่มีทั้งหยก”
อาม่าสงสารโอบกอดแล้วลูบหัว
“อาเหมย...ไหนลื้อบอกอาม่าว่า..กิ่งเหมยกิ่งนี้จะต้านแรง พายุได้ด้วยตัวเองไง”
“เหมยทำไม่ได้ค่ะอาม่า..เหมยทำไม่ได้”
กิ่งเหมยกอดอาม่าแล้วยิ่งร้องไห้เสียใจ อาม่าถอนใจยาวโอบกอดหลานสาวแน่น
หน้าห้องฉุกเฉิน…ธงรบเดินไปเดินมาเป็นห่วงกิ่งเหมย ระหว่างนั้นคมทวน ส้มเช้ง อ่างและสลึงรีบเข้ามา
“หมวด..กิ่งเหมยเป็นยังไงบ้าง” ส้มเช้งถามอย่างร้อนใจ
“หมอยังไม่ออกมาเลย”
“กิ่งเหมยจะตายมั้ย” อ่างถาม
สลึงตบหัวทันที
“นี่..นี่แน๊ะ ไอ้ปากเสีย..กิ่ง..กิ่งเหมยจะตายได้ยังไง..กิ่งเหมยต้องรอด.. รอดสิเว้ย”
“เออว่ะ..ข้านี่มันปากไม่ดีเลย...นี่แน๊ะๆ” อ่างตบปากตัวเองใหญ่
คมทวนนึกขึ้นได้
“แล้วไอ้หยกล่ะหมวด”
ธงรบมองหน้าคมทวนอย่างหนักใจ
หน้าโรงพยาบาล…เจ้าสัวเล้ง เดินกลับมาที่รถ พร้อมกับสั่งนนท์
“เตรียมคนของเราให้พร้อมที่สุด ฉันตามเจอพวกมันเมื่อไหร่ เราจะถล่มพวกมันให้เละ”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์เดินออกไปสั่งลูกน้อง ระหว่างนั้นคมทวนตามออกมา
“ฉันไปด้วย..ไอ้หยกมันเป็นลูกชายฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้มันถูกฆ่าตายเด็ดขาด”
“คมทวน..ฉันได้รับการยืนยันจากหมอแล้วว่าหยก…”
“ไม่ต้องพูด..ฉันรู้จากหมวดธงรบแล้ว”
“งั้นแกก็ควรจะไว้ใจฉัน เพราะฉันจะไม่มีทางปล่อยให้สายเลือดของฉันต้องตายเหมือนที่ ผ่านมาอีกแล้ว”
“แกจะยุติเรื่องนี้ได้เหรอไอ้เล้ง..ตราบใดที่แกยังวนเวียนอยู่กับพวกมาเฟีย สายเลือดของ แกทุกคนจะไม่มีวันอยู่อย่างสงบ”
“ตั้งแต่พราวแสงตาย ฉันก็คิดจะยุติเรื่องนี้มาตลอด เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนความดีที่พราว แสงยอมสละชีวิตเพื่อฉัน และวันนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องทำให้ได้ เพราะหยกคือความ หวังเดียวในชีวิตของฉัน”
เจ้าสัวบอกอย่างจริงจัง เดินเข้าไปหาคมทวน แล้วยื่นมือออกไปขอจับมือด้วย
“ฉันขอบใจที่ความรักของแกที่มีต่อหยกมันข้นยิ่งกว่าเลือดของฉัน แต่เลือดมันย่อมไม่ เปลี่ยนสี ตราบใดที่ฉันพ่อของไอ้หยก ฉันต้องทำให้ลูกฉันมีความสุข”
คมทวนตัดสินใจยื่นมือไปจับมือเจ้าสัว
“ไอ้หยกมันโชคดีที่มีพ่อที่รักมันถึงสองคน”
ตงคุยกับเก่งอยู่ในห้อง ขณะที่ดุจแพรเข้ามาแอบยืนฟัง
“งานนี้ไอ้มานพมันต้องฆ่าไอ้หยกปิดปากแน่..เพราะถ้าไอ้หยกรอดชีวิตแล้วเอาหลักฐาน ที่มันรวบรวมระหว่างอยู่กับฉันไปให้ตำรวจ ธุรกิจของฉันก็ต้องถูกตรวจสอบ ไอ้มานพก็ จะพลอยชวดไปด้วย"
ดุจแพรได้ยินพ่อพูดถึงหยกก็ตกใจ มองไปที่โทรศัพท์ของพ่อที่อยู่บนโต๊ะ เธอตัดสินใจตรงเข้าไปหยิบมันขึ้นมา ทันที ตงเห็นเข้าก็ตกใจ
“ยัยแพร..แกจะเอาโทรศัพท์ป๋าไปทำอะไร”
“แพรจะโทรหามานพ...แพรจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายหยก”
“แกจะบ้าเหรอยัยแพร..เอาคืนป๋ามาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ค่ะ..แพรปล่อยให้เขาตายไม่ได้”
ดุจแพรรีบถือโทรศัพท์วิ่งออกไป ตงรีบตาม
ชาญจับหยกล็อคตัวเอาไว้แน่นหนา แล้วปล่อยให้มานพซ้อมเหมือนกระสอบทราย
“อะไรกันไอ้หยก..แค่นี้ทำคอพับคออ่อน ไม่เห็นจะเหมือนไอ้เล้งพ่อแกเลย”
หยกนิ่งไปแล้วหัวเราะลงคอเบาๆ เหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ฉันสมเพชแกจริงๆมานพ..ทั้งๆที่เจ้าสัวเล้งพร้อมปั้นแกให้เป็นผู้สืบทอด เขาอยากให้แก ยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าเขา แต่แกกลับมักใหญ่ใฝ่สูง เห็นขุนเขาตรงหน้าเป็นแค่เนินดิน”
มานพเข้าไปจิกหัว
“ไอ้หยก..แกจะโดนฉันแยกส่วนเป็นชิ้นๆส่งไปให้พ่อแกอยู่แล้ว ยังมาทำ ปากดีอีกเหรอ”
“ฉันพูดไม่ผิดหรอก ฉันอยู่กับพวกมาเฟียมานาน จนเห็นเหมือนกับที่เจ้าสัวเล้งเห็น ความ ยิ่งใหญ่ที่ พวกแกพยายามห่ำหั่นใส่กันมันก็แค่ภาพลวงตา ยิ่งไขว่คว้าก็ยิ่งหาไม่เจอ”
“ไอ้หยก !!”
มานพกระชากคอเสื้อหยกมาแล้วชกอัดเข้าหน้าจนเลือดกบปากอย่างฉุนเฉียว หยกไม่แสดงอาการเจ็บออกมาแม้ แต่นิดเดียวและยังตอกย้ำให้มานพได้เจ็บใจอีก
“แต่ถ้าแกคิดว่าจะหาเจอ มันก็คงเป็นเลือดของแกเอง..ไอ้มานพ”
“ได้ไอ้หยก แกกล้าท้าทายให้ฉันฆ่าแก..ฉันก็จะทำมันเดียวนี้”
มานพชักปืนออกมาแล้วเล็งพร้อมจะยิง หยกมองปืนตรงหน้าแล้วหลับตาอย่างตั้งใจที่จะตายพร้อมบอกกับตัวเองในใจ
“กิ่งเหมย..ฉันพร้อมที่จะตามไปดูแลเธอแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์”
หยกหลับตาน้ำตาไหลจากหางตามาที่แก้มช้าๆ
ภาพในความฝันของกิ่งเหมย...เธอกอดอาม่าร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก อาม่าค่อยๆจับหน้าหลานสาวขึ้นมาปาดน้ำตา
“ตอนที่ลื้อเป็นเด็ก เวลาที่ลื้อโดนรังแกกลับมา ลื้อไม่เคยร้องไห้สักครั้งให้อาม่าเห็น แต่ลื้อจะกลับมาเล่าให้อาม่าฟังว่าไอ้หยกมันมาช่วยเหลือลื้อยังไง”
“ค่ะอาม่า หยกช่วยเหลือเหมยมาตลอด จนเหมยรู้ว่าถ้าเหมยมองหันหลังกลับไปเมื่อไหร่ เหมยจะต้องเห็นหยกอยู่ข้างหลังเหมยตลอดเวลา”
“แต่ก็มีครั้งนึงที่ไอ้หยกมันมาช่วยลื้อไม่ทัน..ลื้อจำได้มั้ย”
“จำได้ค่ะอาม่า แต่วันนั้นเหมยก็เอาตัวรอดมาได้เพราะเหมยสู้กับเด็กพวกนั้นเอง พอเจอ หน้าหยกเหมยยังว่าหยกเลยที่ไม่มาช่วย”
อาม่ายิ้มรับ
“ที่จริงวันนั้นไอ้หยกไม่ได้ทิ้งลื้อหรอก มันอยากจะตามไปช่วยลื้อใจจะขาด แต่ อาม่าต่างหากที่ขอไม่ให้มันไป”
“อาม่า”
“อาม่ารู้ว่าวันนึงลื้อต้องตาบอด รู้ว่าวันนึงลื้อจะต้องอยู่อย่างลำบาก อาม่าถึงตั้งชื่อลื้อว่า กิ่งเหมย เพราะกิ่งเหมยกิ่งนี้จะต้องต้านแรงพายุได้ด้วยตัวเอง”
“อาม่าบอกกิ่งเหมยไปแล้วก็น้ำตาไหลอาบแก้ม กิ่งเหมยเห็นน้ำตาของอาม่าแล้วก็รู้สึกผิด
“กิ่งเหมยของอาม่า..ลื้อต้องเข้มแข็งสิ..ลื้อต้องทำได้”
“อาม่า..เหมยขอโทษ”
อาม่าถามย้ำ
“ลื้อต้องทำได้ใช่มั้ย”
“ค่ะอาม่า..เหมยต้องทำได้ กิ่งเหมยกิ่งนี้จะต้านพายุได้ด้วยตัวเอง”
อาม่าดีใจยิ้มตาหยีทั้งน้ำตาแล้วดึงหลานสาวมาโอบกอดแนบแน่น
หน้าห้องฉุกเฉิน...ธงรบกับทุกคนยังรออยู่อย่างใจจรดใจจ่อ ระหว่างนั้นหมอเดินออกมา
“หมอคะ..กิ่งเหมยเป็นยังไงบ้าง” ส้มเช้งเข้าไปถามทันที
“เธอปลอดภัยแล้วครับ”
“จริงนะครับหมอ” ธงชัยถามย้ำ
“ครับ..แต่ตอนนี้หมอต้องให้เธอพักฟื้นก่อน หมอขอตัวเข้าไปดูเธอต่อนะครับ”
หมอกลับเข้าไป ส้มเช้งดีใจกระโดดเข้าไปสวมกอดกับหมวดธงรบทันที
“ไอ้เหมยรอดแล้วค่ะหมวด..ส้มเช้งดีใจจังเลย..เย้ๆ”
“ครับ..ผมก็ดีใจ”
ส้มเช้งชะงัก รีบถอยออกมาเพราะลืมตัว
“ส้มเช้งขอโทษค่ะ..เผลอดีใจไป”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ถ้างั้นผมฝากทางนี้ด้วยแล้วกัน ผมจะตามไปช่วยหยกอีกแรง”
อ่างรีบบอกทันที
“ฝากหลานชายผมด้วยนะครับหมวด”
“ครับ”
ธงรบรับคำแล้วเดินออกไป สลึงหันมาหางตาเหล่ๆมองส้มเช้งอย่างจับผิด
“ลืม..ลืมตัวหรือ..หรือตั้งใจ..หา...ส้ม..ส้มเช้ง”
ส้มเช้งชะงักถลึงตาใส่สลึง
นพนิ้วแตะไกพร้อมจะฆ่าหยกที่นิ่งหลับตาพร้อมตายเพื่อไปพบกิ่งเหมย แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของ มานพดังขึ้นขัดจังหวะพอดี มานพชะงักไปครู่หยิบขึ้นมาดูเบอร์แล้วกดรับ
“มานพเหรอ..นี่ฉันเอง”
ขณะเดียวกันที่หน้าห้องตงมาเคาะประตูเรียก
“ยัยแพร..เปิดประตูให้ป๋าเดี๋ยวนี้..ยัยแพร”
มานพสงสัยที่ดุจแพรโทรมาหาเขาเอง
“อะไรครับเนี่ยคุณแพร..ถึงกับโทรมาหาผมเองเลยเหรอ”
“ฉันตัดสินใจแล้ว..ฉันยอมทุกอย่างที่แกต้องการ ถ้าอยากได้ตัวและหัวใจของฉัน ฉันก็ พร้อมจะให้”
“พร้อมให้ผมทั้งตัวและหัวใจ..ฮ่าๆ นี่แสดงว่าคุณรู้แล้วสินะว่าชีวิตของไอ้หยกกำลัง อยู่ในมือผม..ใช่มั้ยคุณแพร”
ดุจแพรชะงัก
“ก็ฉันยอมแล้วไง”
“ผมไม่ได้เป็นไอ้หน้าโง่นะ ที่จะยอมให้คุณเอาตัวเองมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพราะยังไง คุณก็หนีผมไม่พ้นอยู่ดี”
“ก็ได้..งั้นฉันขอแค่ไปเจอหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย ฉันขอร้องล่ะ”
มานพฟังแล้วนิ่งคิด และหันไปมองหยกก่อนจะตอบกลับไป
“ก็ได้ครับ..ผมจะให้คุณมาเห็นหน้าไอ้หยกเป็นครั้งสุดท้าย แต่จะเป็นการเห็นมันถูกฆ่า ตายต่อหน้าต่อตา จะได้เป็นภาพฝังใจว่าคุณจะรักใครไม่ได้อีกนอกจากผมคนเดียว”
ดุจแพรอึ้งหน้าเสีย
ดุจแพรเปิดประตูออกมาหาตง พร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้
“แพรคุยกับเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แกคุยกับมันว่าไง”
“ก็อย่างที่ป๋าอยากให้แพรทำมาตลอดไง แพรคือเครื่องมือที่ทำให้ป๋ายังมีลมหายใจไว้ทำ เรื่องชั่วๆต่อ”
“ยัยแพร”
“ไม่ต้องมาโกรธแพรหรอกค่ะ..เพราะมีแต่แพรคนเดียวที่ช่วยป๋าได้ แล้วก็ไม่ต้องพูดขอบ ใจแพรด้วยนะ เพราะแพรถือว่านี่คือการตอบแทนพระคุณบุพการี ยังไงซะเกิดมาชาติ นึงก็ควรต้องทำดีบ้าง ไม่อย่างนั้นก็อย่าเกิดเป็นคนซะเลยดีกว่า อายหมามันเปล่าๆ”
ตงหน้าเสียที่โดนลูกสาวหลอกด่าเหน็บสอน ดุจแพรเดินผ่านพ่อไปแล้วหยุดหันมาสั่งต่ออีก
“อ้อ..เจ้านายป๋าเขาสั่งให้แพรไปพบ ป๋าคงต้องพาแพรไปหาเขา แล้วแพรจะช่วยบอกให้ เขาตบรางวัลให้ป๋า”
ดุจแพรเดินออกไป ตงหันมาหน้าเครียดกัดกรามเพราะคำพูดของลูกมันทิ่มแทงใจและดูถูกเขาสุดๆ
เจ้าสัวเล้ง กับคมทวนยืนรอลูกน้อง ไม่นานนักลูกน้องของเจ้าสัวกลุ่มใหญ่เข้ามา
“พวกเราพร้อมแล้วครับเจ้าสัว รอแค่เจ้าสังสั่งเท่านั้น”
เจ้าสัวพยักหน้ารับขอบใจลูกน้องทุกคน ระหว่างนั้นธงรบตามเข้ามา
“ได้ข่าวไอ้หยกบ้างรึยังครับเจ้าสัว”
“ยัง..แต่ฉันส่งนนท์ให้ไปสืบแล้ว แล้วยังขอร้องให้พรรคพวกที่ยังเชื่อใจได้ทุกคนในวงการ ช่วยตามหาพวกมันให้ฉันด้วย คิดว่าน่าจะได้ข่าวอะไรมาบ้าง”
“แล้วอาการกิ่งเหมยล่ะหมวด”
“หมอว่าปลอดภัยแล้วครับ”
คมทวนกับเจ้าสัวโล่งอก ระหว่างนั้นนนท์โทรศัพท์เข้ามา เจ้าสัวรีบกดรับทันที
“ว่าไงนนท์...ขอบใจมาก..ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” เจ้าสัววางสายแล้วหันมาบอกทุกคน “รู้แล้วว่ามันอยู่ไหน...ทุกคนพร้อมแล้วใช่มั้ย”
พวกลูกน้องในแก๊งค์มังกรวารีทุกคนชูมือส่งเสียงเฮรับ
“นี่จะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย..มันจะไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อลูกของฉันอย่างเดียว แต่จะ เป็นการกวาดล้างความสกปรกที่ทำให้ลูกผู้ชายอย่างพวกเราทุกคนต้องถูกตราหน้าว่า เป็นอันธพาล เพราะฉันอยากเห็นพวกเราทุกคนมีอาชีพที่สุจริต เป็นพ่อของลูก เป็นสามี ของเมียและเป็นสุภาพบุรุษ..ไม่ใช่นักเลง !!”
เจ้าสัวย้ำเจตนารมณ์ตัวเองอย่างชัดเจน เรียกขวัญและกำลังใจจากลูกน้องทุกคนให้ฮึกเหิม คมทวนกับธงรบเพิ่งได้เห็นว่าเจตนารมณ์ของเจ้าสัวเชัดเจนในวันนี้เอง
เจ้าสัวเดินนำหน้าลูกน้อง มีธงรบกับคมทวนตามไปช่วยเหลือด้วย
บริเวณโกดัง...ตงพาดุจแพรเข้ามาโดยมีลูกน้องพยัคฆ์เมฆาพาเดินนำมาหยุด ลูกน้องกันตงไม่ให้ตาม
“คุณมานพสั่งให้คุณแพรเข้าไปคนเดียว”
“อะไรวะ..แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“รู้..ก็ลูกน้องคุณมานพเหมือนกัน”
“ไอ้เวรเอ้ย”
ตงฉุนเลยกระชากคอเสื้อมันมาจะชกหน้า แต่ก็เจอลูกน้องอีกคนยกปืนจ่อทั้งเก่งและตง ทำเอาไม่กล้า
“ป๋า..พอเถอะค่ะ”ดุจแพรปราม
ตงเจ็บใจผลักมันออกไป
“ก็ได้วะ....แพร..ป๋าอยากคุยกับแพรให้ เข้าใจป๋าจริงๆก่อน”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่แพรจะไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะป๋า”
“แต่ป๋าทำเพราะรักลูกนะ..ถ้าเราหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเราก็อยู่กันไม่ได้ ไอ้ลำพังคำว่า ศักดิ์ศรีมันไม่ได้ช่วยทำให้ท้องเราอิ่มได้หรอก ป๋ารู้ดีเพราะป๋าเคยลำบากมาแล้ว เชื่อป๋า สิแพร ป๋าเป็นกรรมกรแบกหามโดนดูถูกมามากพอแล้ว ป๋าไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับลูก”
ดุจแพร นิ่งเงียบมองพ่อตัวเองแววตาเหมือนจะให้อภัย ตงดึงมือลูกมาจับอย่างเสียใจ
“อย่าโกรธ..อย่าเกลียดป๋าเลยได้มั้ย ถึงป๋าจะทำกับลูกไป แบบนั้น แต่ความรักที่ป๋ามีต่อลูกก็ไม่เคยน้อยลงเลยนะแพร”
“ก็ได้ค่ะป๋า..แพรจะไม่โกรธไม่เกลียดป๋าค่ะ”
ตงดีใจมากรีบดึงลูกสาวมาสวมกอดแน่นทันที
“ขอบใจนะแพร..ป๋าขอบใจลูกจริงๆ ลูกคือหัวใจของป๋า”
ดุจแพรหน้านิ่งไร้ความรู้สึก
“ค่ะป๋า”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 22 อวสาน (ต่อ)
ลูกน้องพาดุจแพรเดินเข้ามาด้านใน ทันทีที่เธอเห็นสภาพหยกที่โดนมานพเล่นงานเธอก็หน้าเสียน้ำตาคลอ
“หยก...”
“มาแล้วเหรอครับคุณแพร..เป็นไงครับ..เห็นเข้าถึงกับน้ำตาไหลเลยเหรอ” มานพยิ้มเยาะ
ชาญเอาน้ำสาดใส่หน้าหยกจนได้สติขึ้นมา หยกเห็นดุจแพรก็ตกใจ
“คุณแพร”
ดุจแพรจะเข้าไปหา แต่มานพกันเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้
“ไม่ได้ครับ..ผมบอกแล้วไงว่าที่ผมให้คุณมาที่นี่ก็เพราะอยากให้คุณมาเห็นกับตาเวลาที่ ผมฆ่ามันต่อหน้าคุณ”
“ฉันแลกตัวฉันกับเขาไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ไม่ได้หรอกครับ..ไอ้หยกมันเป็นตำรวจ ถ้าผมปล่อยมันไปมันก็ต้องย้อนกลับมาเล่นงาน ผม เล่นงานพ่อคุณ ทางเดียวที่มันจะออกไปได้ก็คือต้องเป็นศพเท่านั้น”
ดุจแพรยืนมองหยกอย่างเจ็บปวดที่ขอร้องช่วยชีวิตหยกจากมานพไม่ได้ ซ้ำมานพยังเข้ามาลูบหน้าลูบตาเธอ
“จุ๊ๆ ไม่ต้องตัวสั่นขนาดนั้นหรอกครับคุณแพร เห็นคนตายต่อหน้าต่อตาครั้งแรกมัน อาจจะน่ากลัว แต่ผมเคยผ่านมาแล้ว ถ้าผ่านครั้งแรกไปได้ ครั้งต่อไปก็ชินเอง”
มานพบอกแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเธอ ดุจแพรรู้สึกสะอิดสะเอียนที่สุดแต่ต้องฝืนให้มานพไว้ใจ
ตงอยู่กับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆา พวกมันไม่ให้ความเคารพตงสักนิด
“ไม่มานั่งด้วยกันเหรอครับเสี่ย..แถวนี้มันมีแต่ที่ของพวกลูกน้อง ที่ของหัวหน้ามันไม่ มีให้นั่งหรอก”
เก่งหงุดหงิดจะเอาเรื่องพวกมันแต่ตงยกมือห้าม
“อดทนเอาไว้ไอ้เก่ง”
เก่งหัวเสียต้องถอยตามที่ตงสั่ง ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งของพยัคฆ์เมฆารีบเข้ามาเตือนพรรคพวก
“เฮ้ย..แย่แล้วเว้ย ไอ้เจ้าสัวเล้งมันยกพวกมาที่นี่เต็มไปหมด”
“ไอ้เล้งเหรอ..หึๆ..งั้นพวกเราก็ได้เวลายืดเส้นยืดสายแล้วสิเว้ย..ไปเว้ย..เล่นมังกรวารี ให้มันหารูกลับรังไม่เจอเลย”
ลูกน้องเฮรับกันลั่นก่อนจะยกพวกพากันออกไป เก่งรีบชักปืนออกมาแล้วหันมาปกป้องตง
“เป็นเรื่องแล้วครับเสี่ย..จะเอายังไงดีครับ”
“ไอ้เล้งคงไม่ปล่อยฉันไว้แน่..วันนี้แกกับฉันต้องลุยให้รอดให้ได้”
ตงพูดไปก็จะล้วงมือจะไปหยิบปืนที่เหน็บอยู่ในอกเสื้อ แต่พบว่าปืนหายไปแล้ว
“ปืนฉัน ?...ปืนฉันหายไปไหน”
ตงหน้าเสีย นึกขึ้นได้ว่าปืนหายไปตอนที่ดุจแพรสวมกอดเขานั่นเอง
ชาญถีบหยกล้มลงพื้นแล้วยกปืนจ่อ ดุจแพรหลับตาไม่กล้ามอง มานพต้องจับหน้าบีบ
“หลับตาทำไมล่ะครับ..ผมบอกให้คุณดูไง..ลืมตาขึ้นมาดูว่าเวลาคนถูกยิง แล้วเลือดมัน ค่อยๆไหลออกมามันจะทรมานมากขนาดไหน”
“อย่ายุ่งกับคุณแพร..จะฆ่าฉันก็ฆ่าเลยสิวะ” หยกตวาด
“แกตายแน่ไอ้หยก..ไม่ต้องกลัวว่าจะตายช้าไปกว่านี้หรอก” มานพบีบหน้าดุจแพร “ดูซะคุณ แพร..ดูให้จำฝังใจว่าถ้าคุณไม่รักผมขึ้นมาวันไหน จุดจบคุณจะไม่ต่างจากไอ้หยก”
มานพบีบหน้าจนดุจแพรต้องลืมตา มานพพยักหน้าให้ชาญจัดการฆ่าหยก แต่อยู่ๆมานพก็ชะงักหน้าเสีย
“ปล่อยหยกเดี๋ยวนี้..ไม่งั้นฉันยิงแกจริงๆ”
มานพก้มลงไปดูที่ท้องเห็นดุจแพรใช้ปืนของตงจ่อพุง
“นี่เธอ”
“บอกให้คนของแกปล่อยหยก..เร็วสิ”
มานพมองดุจแพรอย่างเจ็บใจและกำลังจะตัดสินใจหันไปสั่งชาญ แต่ระหว่างนั้นเสียงปืนจากข้างนอกดังขึ้น ทุกคนหันไปตามเสียงมานพเลยฉวยจังหวะแย่งปืนจากดุจแพรมาได้แล้วใช้ปืนนั้นจี้เธอแทน ส่วนหยกก็ฉวย จังหวะแย่งปืนจากชาญใช้จี้มันไว้เหมือนกัน ทั้งหยกทั้งมานพกลับมาชิงไหวชิงพริบกัน
ต้นเหตุเสียงปืนมาจากการเปิดฉากยิงปะทะกัน ของพรรคพวกเจ้าสัวเล้ง กับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆา
บางส่วนยิงกัน บางส่วนเปิดฉากแลกหมัดและโรมรันพันตูกันด้วยอาวุธที่พกมา ซัดกันนัวไม่เลี้ยง
เจ้าสัวกับคมทวนสู้กับพวกนักเลง ช่วยกันซัดพวกมันด้วยเชิงมวยที่เหนือกว่า ก่อนจะลุยเข้าไปข้างในต่อ
ธงรบกับนนท์เล่นงานพวกมันอีกกลุ่มก่อนที่นนท์จะช่วยเปิดทางให้ธงรบเข้าไปข้างในอีกคน
หยกกับมานพมองหน้ากันอย่างวางเชิง มีคนของแต่ละฝ่ายเป็นตัวประกัน ลูกน้องอีกคนเข้ามาบอกมานพ
“คุณมานพครับ..พวกไอ้เจ้าสัวเล้งมันบุกมาที่นี่”
“คนของเราอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ถ้ายังจัดการไอ้เล้งไม่ได้ ฉันจะเลิกจ้างพวกแก..ไป”
ลูกน้องรีบออกไปตามคำสั่ง หยกกับมานพยังคุมเชิง
“ปล่อยคุณแพรไปซะไอ้มานพ..แล้วแกมาวัดกับฉันดีกว่า ใครดีคนนั้นก็รอด”
“แกเอาลูกน้องฉันมาเป็นข้อต่อรองเหรอไอ้หยก ต่อให้แกฆ่ามันฉันก็ไม่ปล่อยนังนี่หรอก”
มานพไม่สนใจว่าชาญจะถูกหยกเอาปืนจ่อ รีบคุมตัวดุจแพรออกไปด้วยกัน หยกเป็นห่วงคุณแพรเลยเปิดโอกาสให้ชาญพลิกกลับมาเล่นงาน บิดมือจนปืนหลุดมือ ชาญเตะปืนทิ้งไป ไกลๆแล้วตั้งท่าเชิงมวยพร้อมเล่นงานเต็มที่ หยกจ้องชาญเขม็งแล้วเปิดฉากลุยใส่ด้วยเชิงมวยที่หนักหน่วงเอาเรื่อง เป็นการเอาคืนทีชาญซ้อมตัวเอง
เจ้าสัวเล้งกับคมทวน ลุยเข้ามาข้างในเล่นงานลูกน้องพยัคฆ์เมฆาที่มาขวางทางไปได้คนสองคน เก่งกับตงก็ โผล่เข้ามายิงใส่ เจ้าสัวกับคมทวนต้องแยกกันหลบวิถีกระสุน
คมทวนพยักหน้าให้เจ้าสัวรู้ว่าเขาจะล่อเป้าให้เอง เพื่อให้เจ้าสัวจัดการกับพวกมัน คมทวนวิ่งออกไปล่อเป้าที่ยิงว่อนเฉียดฉิว จนพลาดโดนกระสุนเฉี่ยวแขนล้ม แต่ก่อนที่เก่งจะเข้ามายิงซ้ำคมทวน เจ้าสัวก็รีบเข้าไปใช้มือเปล่าจัดการกับเก่งแล้วสู้กับเก่ง ตงเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีทิ้งลูกน้องแล้วเข้าไปข้างใน
หยกสู้กับชาญด้วยมือเปล่า หยกโชว์ฝีมือดุดันจัดการกับชาญจนสู้ไม่ได้แพ้ราบคาบ แถมยังโดนหยกหัก แขนดัง..กร่อบ !! หยกไม่ฆ่าคนเลยทิ้งให้มันนอนร้องครวญครางแล้วจะรีบตามไปช่วยกิ่งเหมย แต่ชาญกลับ คลานไปหยิบปืนที่พื้นขึ้นมาจะยิงใส่หยกจากข้างหลัง
เปรี้ยง !!! เสียงปืนจากธงรบที่เข้ามาช่วยหยกเอาไว้ ชาญตายคาที่
“หมวด”
“เป็นไงบ้าง..หวุดหวิดเลยใช่มั้ยเนี่ย”
“ก็เกือบไปครับ แต่ตอนนี้มานพมันได้ตัวคุณแพรไปด้วย ผมต้องรีบไปช่วยเธอ”
ธงรบพยักหน้ารับแล้วตบบ่าหยกเพื่อบอกเรื่องสำคัญ
“กิ่งเหมยปลอดภัยแล้วนะหยก”
“ว่าไงนะครับหมวด..กิ่งเหมยยังมีชีวิตอยู่เหรอครับ”
“เออสิวะ..กิ่งเหมยใจสู้เพื่อรอแกกลับไปหาเขาไง แกกับเขาสัญญากันไว้ไม่ใช่เหรอ”
หยกดีใจ
“ครับ..ขอบคุณมากครับหมวด”
หยกรีบตามไปช่วยดุจแพร
มานพรากตัวดุจแพรเอาปืนจี้ออกมาด้านนอก
“มานี่”
“ปล่อนฉันนะ..ปล่อย”
มานพไม่สนใจจะลากดุจแพรขึ้นรถหนีไปด้วยกัน แต่ระหว่างนั้นตงเข้ามาขวาง
“ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้ไอ้มานพ”
“ป๋า”
“ไม่ต้องห่วงนะแพร..ป๋าจะไม่ปล่อยให้มันทำอะไรแพรอีกแล้ว”
“ไอ้หมาลอบกัด..แกยอมก้มหัวให้ฉันไปแล้วนะเว้ย”
“ก็แค่เคยเว้ย..แกกำลังจะเป็นฝ่ายจนตรอกแล้ว..คิดให้ดีไอ้มานพ ลำพังแกคนเดียว แกสู้พวกไอ้เล้งไม่ได้หรอก”
มานพเจ็บใจ
“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
มานพยิ้มร้ายแล้วเอาปืนจ่อดุจแพร หยกวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือดุจแพรพอดี
“คุณแพร”
มานพตวาด
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละไอ้หยก พวกแกไม่มีทางเล่นงานฉันได้หรอก...ฆ่าไอ้หยกซะเสี่ยตง ถ้าไม่อยากเห็นลูกสาวแกต้องเจ็บตัว..ฆ่าไอ้หยกซะ”
หยกชะงักหน้าเสียเมื่อตงค่อยๆหันปากกระบอกปืนมาทางหยก
“ป๋า..อย่านะ..แพรขอร้อง”
“ป๋าขอโทษนะแพร..ชีวิตมันกับชีวิตของลูก..ป๋าเลือกคนที่ป๋ารักมากที่สุด”
“แต่แพรบอกป๋าแล้วไง..ว่าป๋าเลือกทำดีได้ นี่คือโอกาสของป๋าที่จะไถ่โทษให้ตัวเอง ป๋าไม่ต้องทำเพื่อแพรหรอกค่ะ..แค่ทำดีเพื่อตัวเองกับชดใช้ให้กิ่งเหมยก็พอ”
“ไม่ต้องห่วงกิ่งเหมยแล้วครับคุณแพร ตอนนี้กิ่งเหมยปลอดภัยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
มานพตวาด
“มัวยืนเซ่ออะไรอยู่ได้วะ..ฉันสั่งให้ฆ่าไอ้หยกไง..ฆ่ามันสิเว้ย”
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
ทางด้านส้มเช้งกับอ่างและสลึงเข้ามาหากิ่งเหมยที่รู้สึกตัวแล้ว
“ไอ้เหมย...ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่ เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมดเลยนะแก”
กิ่งเหมยนึกถึงหยกทันที
“แล้วหยกล่ะส้มเช้ง..ได้ข่าวหยกรึเปล่า”
“โห..รู้สึกตัวขึ้นมาได้ แกก็ถามหาไอ้หยกเลยนะ”
“เอ้า..ก็เขาเป็นคนรักกัน ไม่ให้ถามหาได้ยังไงล่ะ ใจเย็นๆนะกิ่งเหมย ตอนนี้ทุกคนกำลัง ไปช่วยไอ้หยกอยู่” สลึงบอก
กิ่งเหมยฟังแล้วยังใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นหยกเปิดประตูเข้ามาเนื้อตัวยังเต็มไปด้วยคราบเลือด
“กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยหันขวับทันที
“หยก !!...นั่น..นั่นเธอจริงๆเหรอหยก”
หยกรีบเข้าไปหากิ่งเหมย แล้วดึงเธอมาสวมกอดทันที
“ฉันเองกิ่งเหมย..ฉันนึกว่าฉันจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว”
“ฉันก็เหมือนกัน...ฉันกลัวจะไม่ได้อยู่กับเธอแล้วนะหยก”
สองคนกอดกันอย่างดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอีก ส้มเช้งกับอ่างและสลึงพากันถอนใจโล่งอกยาว
“พวก..พวกข้าก็..ก็ดีใจ..หมด..หมด..เคราะห์หมดโศกกัน..ซะ..ซะที”
“ยังหรอกน้า...ยังมีเรื่องสำคัญที่ฉันต้องบอกกิ่งเหมย”
“มีอะไรเหรอหยก” กิ่งเหมยถามอย่างแปลกใจ
กิ่งเหมยรีบเดินมาตามทางเดินอย่างร้อนรน หยกรีบตามมาห้าม
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
“ไม่นะหยก..หมอต้องช่วยชีวิตคุณแพร เธอจะต้องมีชีวิตรอดสิ”
“ฉันขอร้องให้หมอช่วยแล้ว..แต่หมอก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ยังไงเธอก็ต้องจากเราไป”
“ไม่จริง..คุณแพรจะต้องไม่ตาย..ทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องล่ะหยก ฉันขอร้อง”
หยกดึงกิ่งเหมยมาโอบกอดเอาไว้
“ฉันขอโทษกิ่งเหมย..ฉันขอโทษ”
“คุณแพร...” เก่งเหมยร้องไห้อย่างเสียใจ
พยาบาลเข้ามา
“คุณคะ..คุณหมอให้มาตาม..คือว่าคนเจ็บเขา...”
พยาบาลสีหน้าหนักใจ หยกมองหน้าพยาบาลแล้วเครียด
ดุจแพรนอนอยู่ในห้องฉุกเฉินหายใจรวยริน หยกพากิ่งเหมยเข้ามาข้างๆดุจแพร
“คุณแพร..คุณแพร..”
“กิ่งเหมย..กิ่งเหมยขอฉัน..ฉันจับมือเธอหน่อยได้มั้ย”
หยกช่วยยื่นมือกิ่งเหมยให้ดุจแพรไปกุมเอาไว้
“ทำไมคุณแพรต้องทำแบบนี้...ทำไม..ทำไม”
“เพราะ...เพราะฉันอยากเห็นเธอสองคนมีความสุข”
“แต่ฉันจะมีความสุขได้ยังไงในเมื่อคุณ...”
“ไม่เอาสิกิ่งเหมย..จำได้มั้ยว่าเราสาบานกันที่ศาลเจ้าว่ายังไง เราจะเป็นพี่น้องกัน ช่วย เหลือดูแลกัน เวลาที่เรามีความสุข เราก็จะสุขด้วยกัน เวลาที่เรามีความเศร้า เราก็จะ ปลอบใจกัน”
“ฉันจำได้..แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”
ดุจแพรหายใจอ่อนล้าลงมาก
“นี่..นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการทำให้น้องสาวของฉันมีความสุข มากที่สุดแล้ว...น้องของพี่”
“คุณแพร...”
“หยก..หยก” ดุจแพรร้องเรียก
หยกเข้าไปกุมมือดุจแพรทับกับมือกิ่งเหมยที่กุมอยู่
“ครับคุณแพร”
“สัญญานะว่าเธอจะดูแลน้องสาวของฉัน อย่าทำให้กิ่งเหมยต้องเสียใจ”
“กิ่งเหมยคือชีวิตของผม..ผมจะดูแลเธอ จะทำให้เธอมีความสุขที่สุด”
ดุจแพรยิ้มรับอย่างเหนื่อยอ่อน
“ขอบใจนะหยก...ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมาคู่กัน แต่แค่ฉันได้ ผ่านมาแล้วได้รักเธอ..ฉัน...ฉัน...ฉันก็ดีใจแล้ว...ขอบใจนะหยก”
หยกตกใจ
“คุณแพร !!”
“เมื่อ..เมื่อวันที่กิ่งเหมย...ลืมตา...ขึ้นมา..อีก..อีกครั้ง..ฉัน..ฉันก็จะได้เห็นเธอสองคน..มี...มีความสุข”
สิ้นคำพูดมือของดุจแพรร่วงลง กิ่งเหมยกับหยกปล่อยโฮออกมาด้วยกัน กิ่งเหมยกอดดุจแพรเอาไว้แล้วร้องไห้เสียงดัง ระหว่างนั้นหมอกับพยาบาลรีบเข้ามาเพื่อจัดการตามจุดประสงค์ของดุจแพร
“ขอโทษด้วยนะครับ หมอต้องรีบทำตามจุดประสงค์ของผู้บริจาค”
หยกพยักหน้ารับแล้วช่วยพยุงกิ่งเหมยถอยออก ให้หมอจัดการกับศพของดุจแพร
ส่วนธงรบประคองคมทวนที่โดนยิงเฉี่ยวได้รับบาดเจ็บเข้ามาพร้อมกับเจ้าสัวเล้งที่เป็นคนพามาส่ง หยกที่ออกมารอด้านนอกตรงเข้าไปหาทันที
“พ่อ..เป็นยังไงบ้าง”
“นิดหน่อยน่าไอ้หยก”
“แล้วคุณแพรล่ะ”
ธงรบถามอย่างร้อนใจ หยกนิ่งไปนิดนึงด้วยแววตาเศร้าๆแล้วส่ายหน้าเบาๆว่าไม่รอด
“โธ่คุณแพร”
เจ้าสัวเข้ามาจับบ่าหยกบีบเบาๆ
“พวกเราทุกคนเป็นหนี้บุญคุณเธอแล้วล่ะหยก”
หยกพยักหน้ารับ
“แล้วเสี่ยตงล่ะครับ”
“ฉันพยามคุมตัวมันไว้แล้ว แต่มันพอมันยิงลูกสาวตัวเองมันก็คุ้มคลั่งอาละวาด ไม่ยอม ให้ใครเข้าใกล้ ตอนนี้มันหนีเตลิดไปแล้ว แต่ชั้นจะสั่งลูกน้องแล้วว่าให้ช่วยกันตามหา ตัวให้เจอ”
“ขอบคุณมากครับ..เจ้าสัว”
เจ้าสัวงมองหน้าหยกแล้วยิ้มรับ ทั้งคู่มองหน้ากันเหมือนมีบางอย่างอยากจะพูดกัน คมทวนเข้าใจดี
“ไอ้หยก..ถึงเวลาแล้วที่เอ็งกับพ่อแท้ๆของเอ็งจะต้องคุยกัน”
คมทวนบอกหยกแล้วพยักหน้าให้ธงรบช่วยพาเข้าไปรักษาตัว หยกกับเจ้าสัวมองหน้ากัน
เจ้าสัวเล้งมองลูกชายด้วยแววตาดีใจเป็นล้นพ้น
“ระหว่างทางมา คมทวนบอกฉันว่าเธออยากรู้จักพ่อที่แท้จริง อยากตามหามานานแล้ว”
“ครับ..ถึงแม้ว่าพ่อคมทวนจะเลี้ยงดูผมมาอย่างดี แต่การได้รู้ว่าเลือดในตัวผมมาจาก ใคร มันคือสิ่งที่ผมตั้งใจรอโอกาสนั้นมาตลอด โอกาสที่จะได้ถามเขา”
“เธออยากรู้อะไรเหรอหยก”
หยกนิ่งไปครู่น้ำตาคลอ
“รู้มั้ยครับพ่อว่าเวลาที่เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาโดยไม่รู้ว่ากำพืด ตัวเองเป็นยังไง แล้วต้องนั่งมองคนที่เขามีความสุขอยู่ในครอบครัวที่มีครบทุกอย่าง มันทุกข์มากขนาดไหน”
“พ่อขอโทษนะหยก...ถ้าพ่อรู้ความจริงว่าสายเลือดของพ่อยังมีชีวิตอยู่ พ่อจะไม่มีวันทิ้ง ให้ลูกต้องอยู่กับความทุกข์แน่นอน ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามหาพ่อก็จะทำ”
“ขอบคุณครับพ่อ..ผมผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้เพราะคำสั่งสอนให้รู้จักเข้มแข็งของ พ่อคมทวน แต่คำถามเดียวที่ผมอยากรู้ก็ยังติดอยู่หัวผมอยู่ตลอด..ในเมื่อวันนี้พ่อได้ มายืนตรงหน้าผมแล้ว รับปากผมได้มั้ยครับว่าจะพูดความจริงกับผม”
“หยก..ลูกคือลูกผู้ชาย เธอเป็นสุภาพบุรุษ ที่ทำให้พ่อภูมิใจ พ่อจะไม่มีวันโกหกลูก”
หยกตั้งใจถาม
“ผมเกิดมาด้วยความรักของพ่อกับแม่รึเปล่าครับ”
“หยก...”
เจ้าสัวมองหยกที่น้ำตาคลอถามแล้วจึงยื่นมือไปลูบหน้าหยกเบาๆอย่างตื้นตัน ตัวเขาเองก็น้ำตาคลอเบ้า
“ใช่สิหยก..ลูกเกิดมาด้วยความรักของพ่อกับแม่ เราสองคนรักกันมาก ความรักของเรา ยิ่งใหญ่ เราไม่เคยเห็นแก่ความสุขของตัวเอง มีแต่จะเติมเต็มความรักให้แก่กันทุกนาที”
เจ้าสัวบอกหยกแล้วก็ดึงหยกมากอดแน่น
“ทั้งชีวิตของพ่อไม่เคยลืมแม่ของลูก และพ่อก็เชื่อว่าแม่เขาก็ไม่เคยลืมพ่อเหมือน กัน เขาถึงได้มอบหยกเลือดมังกรให้ลูกไง เพื่อที่วันนึงเราสองคนพ่อลูกจะได้กลับมา เจอกัน...พ่อรักลูกนะหยก”
หยกดีใจตื้นตัน
“พ่อครับ...ผม..ผม...ผมดีใจจังเลยครับพ่อ”
หยกยิ้มทั้งน้ำตาและกอดพ่อแน่น เจ้าสัวเองก็ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
สองพ่อลูกกอดกันร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติยินดี
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 22 อวสาน (ต่อ)
หลายเดือนผ่านไป...อยู่มาวันหนึ่งหยกจูงมือกิ่งเหมยที่มีผ้าพันตาเข้ามานั่งที่เตียง มีหมอเดินตามมาด้วย
“ตื่นเต้นมั้ยกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยพยักหน้า
“ตื่นเต้นสิหยก...มือฉันเย็นไปหมดแล้ว ฉันว่าฉันทำไม่ได้หรอกหยก”
“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอกิ่งเหมย อย่าทำให้ความตั้งใจของคุณแพรต้องเสียเปล่าสิ”
กิ่งเหมยนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ก็ได้”
หยกยิ้มรับแล้วพยักหน้าให้หมอ ช่วยปลดผ้าพันตาออกจากรอบศีรษะกิ่งเหมย
“เสร็จแล้วยังไม่ต้องรีบลืมตานะครับ..คุณไม่ได้เห็นแสงสว่างมานานอาจจะต้องใช้เวลา ปรับสายตาสักระยะ” หมออธิบาย
“ค่ะ”
หมอช่วยปลดผ้าพันแผลออกจนหมด แต่กิ่งเหมยยังหลับตาอยู่ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง
“ใจเย็นๆนะกิ่งเหมย..ค่อยๆลืมตาช้าๆ”
“หยก..ฉัน..ฉัน...”
กิ่งเหมยตื่นเต้น หยกเข้าไปจับมือ
“จำคำสัญญาของเราได้มั้ย..ว่าทันทีที่เธอเห็นอีกครั้ง..คนแรกที่ เธอเห็นก็คือฉัน”
กิ่งเหมยพยักหน้า
“จำได้”
“งั้นฉันอยู่ตรงหน้าเธอแล้วนะกิ่งเหมย..เธอต้องทำได้”
กิ่งเหมยตั้งใจทำตามที่หยกบอกค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ แต่สายตาก็ยังเบลอๆและมีอาการแพ้แสงอยู่บ้าง
“ใจเย็นๆนะกิ่งเหมย..ค่อย...ใจเย็นๆ..ฉันอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว”
กิ่งเหมยพยายามมองหน้าหยก สายตาปรับโฟกัสอยู่ครู่ก็เริ่มเห็นเค้าหน้าลางๆ เธอเริ่มใช้มือลูบหน้าหยก
“เห็นหน้าฉันรึยังกิ่งเหมย”
“หยก...ฉัน...ฉัน...”
กิ่งเหมยมองใกล้ๆ ทุกอย่างยังไม่ชัดมากแต่ก็พอเห็นใบหน้าหยกได้
“ฉันเห็นเธอแล้วหยก..ฉันเห็นเธอแล้ว”
“กิ่งเหมย”
หยกสวมกอดกิ่งเหมยด้วยความดีใจ ที่เธอกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง
ส้มเช้งเอาของขวัญมาให้กิ่งเหมย หลังจากกิ่งเหมยกลับมาจากโรงพยาบาล
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยเขินๆ
“อะไรของแกเนี่ย”
“แกเนี่ย..ถ้าไม่อยากเซอร์ไพรซ์ฉันบอกให้ก็ได้ ก็ชุดอุปกรณ์วาดรูปใหม่ของแกไง ตอนนี้ ตาแกกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ฉันก็เลยซื้อมารับขวัญแกไง”
“ส้มเช้ง..แกเนี่ย”
“ทำไม..ฉันรู้ใจแกมากกว่าไอ้หยกใช่ป่ะล่ะ”
“ก็เออน่ะสิ”
สองสาวหัวเราะชอบใจกัน หยกมองแล้วมีความสุขก่อนที่หมวดธงรบจะเข้ามา
“สนุกอะไรกันอยู่เหรอครับ เสียงหัวเราะดังไปถึงข้างนอกเลย อ๋อ..ยินดีเรื่องที่กิ่งเหมย กลับมามองเห็นได้แล้วใช่มั้ยครับเนี่ย”
“แหม..ถามเองตอบเองเสร็จเลยนะคะหมวด” ส้มเช้งขำๆ
“จะได้ไม่เสียเวลาม้าเร็วส่งข่าวดีไงครับคุณส้มเช้ง”
“ข่าวดีอะไรเหรอคะ” กิ่งเหมยสงสัย
“ข่าวดีของผมกับไอ้หยกน่ะสิครับ เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ผู้การ รู้สึกตัวแล้ว หมอยืนยันด้วยว่าจะกลับมาเป็นปกติได้”
“จริงเหรอหมวด” หยกถามอย่างตื่นเต้น
“ก็เออสิวะไอ้หยก...แกกับฉันจะได้เกียรติยศกลับคืนแล้วเว้ย”
หยกดีใจหันไปกอดกิ่งเหมยทันที
“ได้ยินมั้ยกิ่งเหมย..ฉันจะได้กลับไปเป็นตำรวจแล้ว..ไชโยกิ่งเหมย..ไชโย”
หยกดีใจ อุ้มกิ่งเหมยหมุนไปรอบๆอย่างลิงโลด
เจ้าสัวเล้งยืนมองเรือนแพอยู่คนเดียว ระหว่างนั้นหยกเดินเข้ามาในชุดตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอก
“พ่อครับ”
เจ้าสัวหันไปเห็นลูกชายตัวเองก็ดีใจ
“หยก..นี่ลูก...”
“ทำไมครับพ่อ..เคยเห็นแต่ผมที่เป็นไอ้หยกในแกงค์มาเฟียเลยไม่คุ้นตาใช่มั้ยครับ”
“ก็ใช่..แต่จะว่าไปแบบนี้ก็เหมาะกับลูกที่สุดแล้ว พ่อภูมิใจแกจริงๆหยก”
คมทวนเข้ามา
“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่ภูมิใจ..เจ้าสัวเล้ง ผมกับพราวแสงก็ตั้งหน้าตั้งตาวันนี้ มานานแล้วเหมือนกัน”
เจ้าสัวยิ้ม
“ดีใจด้วยนะคมทวน..ความดีในตัวหยกมาจากการเลี้ยงดูของคุณ”
“ขอบคุณครับเจ้าสัว..คุณร่วมดีใจและภาคภูมิใจไปกับหยกได้ แต่ความรู้สึกที่แท้จริง ของคุณคงไม่ใช่แบบนี้”
เจ้าสัวมองหยกแล้วถอนใจ ก่อนจะหยิบเอาหยกเลือดมังกรที่เอามาประกอบกันใหม่ขึ้นมา
“ฉันเอาหยกเลือดมังกรมาประสานเป็นชิ้นเดียวกัน เพราะมันคือสมบัติประจำตระกูล ที่มีไว้ให้ผู้สืบทอดต่อจากฉัน แต่ฉันรู้ว่าฉันคงจะไปบังคับให้หยกมาทำงานที่ตัวเองไม่ ถนัดไม่ได้”
“ผมขอโทษครับพ่อ...หน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมรับปากกับพ่อคมทวน ว่าจะทำเพื่อแม่”
“แต่ที่แม่เอ็งอยากเห็นเอ็งเป็นตำรวจเพราะอยากให้อาชีพนี้ป้องกันเอ็งจากอันตรายของ มาเฟีย ในเมื่อวันนี้พ่อแท้ๆของเอ็งยุติอันตรายนั้นได้หมดแล้ว เอ็งไม่ลองคิดดูใหม่วะ”
คำทวนพูดเตือนสติ หยกนิ่งไปแล้วมองเล้ง แต่เจ้าสัวกลับยิ้มชอบใจแล้วจับมือหยกมาวางหยกเลือดมังกรให้หยกเก็บเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกหยก..แค่ลูกเก็บสมบัติประจำตระกูลของเราเอาไว้ แล้วยอมรับว่าเลือด ในตัวของลูกคือมังกรวารี แค่นี้พ่อก็ดีใจแล้ว ส่วนเรื่องที่ลูกจะมาช่วยงานพ่อเมื่อไหร่..ก็ แล้วแต่พร้อมแล้วกัน เพราะทั้งหมดมันคือของลูก พ่อมีหน้าที่แค่รักษาไว้ให้เท่านั้น”
เจ้าสัวดึงหยกมากอดเอาไว้แน่น อย่างพ่อที่รักและห่วงใยลูก ก่อนจะเดินออกไป
ทิ้งให้หยกยืนอยู่ริมเรือนแพกับคมทวน หยกกำหยกเลือดมังกรแน่นอยู่ในมือ
ด้านเจ้าสัวเล้งเดินกลับมาที่รถโดยมีนนท์คอยเปิดประตูรถให้
“ขอบใจนนท์..เออ..แล้วตกลงได้ข่าวเรื่องไอ้ตงบ้างรึเปล่า”
“ไม่ได้ข่าวเลยครับ คนของเราตามหาเขาไม่เจอ คิดว่าคงหนีออกนอกประเทศไปแล้ว”
เจ้าสัวถอนใจ
“ถึงจะหนีรอดไปได้ก็เถอะ แต่คนเราเมื่อหมดบุญก็ถึงเวลาต้องชดใช้กรรม”
เจ้าสัวขึ้นรถแล้วออกไปพร้อมกับลูกน้อง
พอคล้อยหลังเจ้าสัวออกไปได้ครู่เดียว วัยรุ่นสองสามคนก็ถีบชายจรจัดคนหนึ่งที่ เนื้อตัวสกปรกมอมแมมเซถลาลงไปกองกับพื้น
“ไปให้พ้นเลยได้ขอทาน..อย่าให้เห้นหน้าแถวนี้อีกนะเว้ย”
ชายจรจัดคนนั้นคือตงที่พิการเดินขาเป๋ เสื้อผ้าขาดวิ่นผมเผ้ารุงรัง
“ขอ..ขอข้าวให้ฉันกินหน่อยนะ..ฉันหิว..ขอข้าว..ขอข้าวหน่อยนะ”
ตงรีบเข้าไปกราบเท้าพวกวัยรุ่น ขอร้องจนหมดสภาพอดีตมาเฟียชื่อดัง
“ให้ๆมันไปเถอะวะ...จะได้เลิกยุ่งกับพวกเรา”
พวกวัยรุ่นตัดรำคาญโยนข้าวกล่องให้แล้วพากันออกไป ตงรีบคว้าข้าวกล่องมานั่งเปิดเอามือจ้วงกินอย่าง หิวโซ ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสมเภทเวทนากับชะตาชีวิตที่หมดแล้ว ซ้ำเมื่อกินไปได้ไม่กี่คำก็หยุดนิ่งแล้วนั่งร้องห่มร้องไห้
“ป๋าขอโทษ...ป๋าขอโทษ..ป๋าผิดไปแล้ว...ฮือๆๆๆ...”
วันใหม่...ในศาลเจ้า หยกในชุดเต็มยศสีขาวสะอาดตากับกิ่งเหมยในชุดเจ้าสาวสวยงาม มีดอกไม้แซมประดับผม พากันมากราบไหว้ขอพรจากเทพเจ้า
ธงรบช่วยรับธูปจากหยกกับกิ่งเหยไปปักที่กระถางธูป ก่อนที่กิ่งเหมยจะหันไป มองที่ภาพถ่ายของอาม่าในมือของส้มเช้งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ขอบคุณอาม่ามากเลยนะคะ วันนี้เหมยมีความสุขที่สุดแล้ว”
หยกโอบไหล่กิ่งเหมย
“ผมก็ต้องขอบคุณอาม่าเหมือนกัน”
สองคนยิ้มให้กัน
“เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกไปกันเถอะ ทุกคนรออยู่”
หยกกับกิ่งเหมยพยักหน้ารับ
บริเวณด้านหน้าศาลเจ้า มีการจัดงานเลี้ยงฉลองงานแต่งของหยกกับกิ่งเหมย มีทั้งโต๊ะจีน และมีดนตรีมาแสดง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
หยกกับกิ่งเหมยก้าวออกมาพร้อมเสียงเฮดีใจของทุกคน อ่างกับสลึงเอาพลุกระดาษมาจุดดังโป้งป้าง ธงรบกับส้มเช้งเดินยิ้มมาตามหลัง
เจ้าสัวเล้ง คมทวน และผู้การสมิงที่นั่งรถเข็นมาด้วยยืนรอรับด้วยสีหน้ายินดี หยกเห็นก็ดีใจมาก
“ผู้การ !!”
“ดีใจด้วยนะหยก ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จจนได้ ฉันภูมิใจในตัวเธอจริงๆ”
“เพราะผู้การให้โอกาสผมต่างหากล่ะครับ”
ธงรบโอบไหล่หยก
“ได้โอกาสแล้วไอ้หยก..ขอเลื่อนขั้นเลย ขอตอนนี้ผู้การเสนอชื่อแกให้ หลายขั้นแน่”
หยกชะงักแล้วยิ้ม
“ไม่เอาหรอกครับหมวด..ให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนดีกว่า”
“ดีมากหยก..ความดีจะพิสูจน์ตัวเอง”
“แต่อย่าใช้งานลูกชายผมหนักนักนะครับผู้การ เดี๋ยวเขาจะไม่มีเวลามาปั๊มทายาทให้ ตระกูลมังกรวารีของผม ผมยิ่งเหลือเขาอยู่คนเดียวอยู่ด้วย” เจ้าสัวบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
คมทวนเสริมทันที
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับเจ้าสัว..เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาพร้อมกันมานานแล้ว ไม่เกินเดือน เดี๋ยวก็ท้องแล้ว ผมฟันธง”
กิ่งเหมยอาย
“น้าคมทวน !!”
สลึงแทรกเข้ามา
“จะ..จะจริง..ผมเห็น...ด้วย กิ่ง..กิ่งเหมย..ลูก..ลูกดกแน่”
กิ่งเหมยยิ่งอาย
“น้า !!”
“ไอ้หยก..งั้นเอ็งโชว์ให้พ่อเอ็งดูทีสิวะว่าพ่อเอ็งได้หลานสืบสกุลแน่”
“ได้เลยน้า”
หยกหันไปดึงกิ่งเหมยมาหอมแก้มฟอดใหญ่จนกิ่งเหมยตกใจ แต่แค่นั้นไม่พอหยกช้อนตัวกิ่งเหมยอุ้มสองแขน
“กินเลี้ยงตามสบายนะครับทุกคน..ผมขอลัดพิธีพาเจ้าสาวเข้าหอก่อน”
หยกบอกแล้วก็อุ้มกิ่งเหมยวิ่งนำหน้าออกไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน ส่วนกิ่งเหมยร้องโวยวายดังลั่น
“ไอ้บ้าหยก..ปล่อยนะ..ปล่อยฉัน”
หยกไม่สนใจฟังยังคงอุ้มกิ่งเหมยวิ่งไปอย่างร่าเริง ขณะที่ทุกคนพากันหัวเราะอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์