แรงปรารถนา ตอนที่ 10
เวลาเช้า รวีพรรณกดออดที่หน้าบ้านพิทยา ไม่มีคนมาเปิดประตู เธอแปลกใจ เดินไปตรงประตูทางโรงรถ ไม่มีรถจอดในบ้านซักคัน รวีพรรณครุ่นคิด ไม่พอใจมาก
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าไปที่ไหนกัน”
ภายในออฟฟิศ นพ อาร์คิเทค ที่หน้าของทำงานของพิทยา รวีพรรณยืนอยู่กับปวีณา เธอมองปวีณาด้วยสีหน้าคาดคั้นมาก
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ ว่าคุณพิทไปไหน”
รวีพรรณเหวี่ยงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ทันที
“เธอเป็นเลขาประสาอะไร เจ้านายไปไหนทำไมไม่รู้”
ปวีณาเริ่มโมโห
“คุณก็ไม่ใช่ภรรยาคุณพิทนี่คะ ทำไมจะต้องอยากรู้ไปซะทุกเรื่อง”
รวีพรรณอึ้งที่โดนปวีณาย้อน
บวรเดินเข้ามาพอดี ปวีณาโล่งใจที่เห็นบวรเดินเข้ามา แต่พอหันไปสบตาบวร ปวีณาก็หันไปทางอื่นแบบเชิดๆ บวรชะงักไปเล็กน้อย
“มีอะไรกันเหรอ”
ปวีณาเสียงห้วน
“คุณรวีมารอพบคุณพิท แต่ฉันบอกแล้วว่าไม่รู้ว่าคุณพิทไปไหน เธอก็ไม่เชื่อ”
รวีพรรณหันมามองคาดคั้นเอากับบวร
“พี่ไม่รู้ว่าแตกับพิทไปที่ไหน รวีมีอะไรรึเปล่า”
“รวีมีธุระสำคัญที่ต้องคุยกับพิทน่ะค่ะ แต่รวีติดต่อพิทไม่ได้เลย”
“เห็นพิทบอกว่าจะปิดมือถือ เพราะมันไม่อยากให้ใครรบกวน”
รวีพรรณชะงัก ปวีณาดูหน้าซึมไป บวรแอบสังเกตเห็น
“พี่ไปทำงานก่อนนะ” บวรยิ้มๆแล้วก็เดินออกไป
“ฉันก็ขอตัวเหมือนกัน”
ปวีณาเดินตามบวรออกไป รวีพรรณหัวเสียสุดๆ
ปวีณานั่งซึมอยู่ที่โต๊ะ บวรเดินผ่านมาพอดีเห็นอาการก็หยุดมอง
“เธอชอบพิทเหรอ”
ปวีณาหันขวับมามองบวรหน้าถอดสี
“คุณพูดอะไร”
“ไม่ต้องปฎิเสธหรอก ฉันเห็นสีหน้าเธอก็รู้แล้ว”
ปวีณาหันหน้าไปทางหน้าต่าง น้ำตาซึม บวรเหล่มองรู้ว่า ปวีณาร้องไห้
“ทำใจซะเถอะ ยังไงเธอกับพิทก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
“ฉันรู้ นี่ฉันก็พยายามอยู่ แต่อกหักมันไม่ได้หายง่ายๆเหมือนคนเป็นไข้หวัดนะคะ”
บวรหันไปมองปวีณาด้วยความเห็นใจ
ภายในบ้านพักตากอากาศ พิทยานั่งทำงานต่ออย่างตั้งใจ ... สุอาภาเดินเอากาแฟมาวางให้ที่โต๊ะแล้วมองงานพิทยาอย่างสนใจ
“ขอบคุณครับ”
สุอาภาเดินไปนั่งเล่นที่โซฟาแอบมองอย่างเอาใจช่วยพิทยา แล้วก็เผลอหลับไป
พิทยาแก้แบบแปลนห้างสรรพสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งมองอย่างภูมิใจ เธอตื่นขึ้นมาพอดี เห็นพิทยานั่งมองหน้าจออยู่ก็เดินเข้าไปหาอย่างดีใจ
“เสร็จแล้วเหรอ”
พิทยาพยักหน้าให้ยิ้มๆ
“เยส!”
สุอาภาเผลอเข้ามากอดพิทยา พิทยาชะงัก เธอนึกขึ้นได้รีบผละออกห่างทำกลบเกลื่อนไปกดเลื่อนดูงานของเขาในโน้ตบุ๊ก
“นายนี่ฝีมือสุดยอดจริงๆ รับรองว่าสองพ่อลูกนั่นพูดอะไรไม่ออกแน่ นี่ถ้านายถูกซื้อตัวไปอยู่บริษัทอื่น ป๋าฉันจะทำไงดีเนี่ย”
“วางใจเถอะคุณแต ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
พิทยามองสุอาภาแววตาจริงจัง จนเธอเขิน
“งานเสร็จแล้ว กลับกันเลยมั้ย”
“ไหนๆ เราก็มาถึงนี่แล้ว เราไปเที่ยวกันต่อดีกว่า”
พิทยายิ้มให้ สุอาภาสีหน้าประหลาดใจ
พิทยาพาสุอาภาไปเที่ยวด้วยกัน เริ่มด้วยการช็อปปิ้ง ทั้งคู่ช่วยกันเลือกซื้อของอย่างสนุกสนาน เธอเลือกซื้อของฝากเยอะแยะมากมาย เขาคอยหยิบออก แต่สุดท้ายเธอก็ซื้อมาจนได้ เขาได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ
สุอาภาเดินช็อปปิ้งจนเริ่มเหนื่อยและร้อนเพราะแดดส่อง เธอหยุดเดินเอามือยกบังแดดอีกข้างก็ยกขึ้นมาพัด หันมองหาเขาแต่ไม่เห็นวี่แวว จู่ๆ เขาก็เอาหมวกมาสวมให้เธอ และเอาพัดยัดใส่มือให้อีกมือหนึ่ง เธออึ้งไปหันไปมองเขา เห็นเขาใส่หมวกและถือพัดเหมือนกัน ทั้งสองคนหัวเราะให้กันยิ้มๆ เดินไปพัดไปอย่างมีความสุข
พิทยากับสุอาภามากินสเต็กด้วยกัน น้ำเกรวี่เลอะมุมปากเขา เธอหัวเราะแล้วเอามือชี้ที่มุมปาก เขาเช็ดออกอย่างเขินๆ ต่างคนต่างหัวเราะกัน
พิทยากับสุอาภาเดินชมวิว ถ่ายรูปไปเรื่อย ผลัดกันถ่าย ทำท่าทางตลกๆ ไปนั่งกระเช้าลอยฟ้า ขับรถเอทีวี ขี่ม้า ขึ้นบอลลูนลอยฟ้าชมวิวด้วยกัน เขากับเธอถ่ายรูปด้วยกันตามที่ต่างๆ ท่าทางมีความสุขมาก
ภายในออฟฟิศภูวดล … ภาสันต์ กับภูวดลยืนอยู่กับทาคาโน่
“ผมจะตั้งใจทำงานเต็มที่ และจะพยายามเรียนรู้งานให้เร็วที่สุดครับ”
ทาคาโน่ยิ้ม
“ผมมั่นใจว่าคุณทำได้ ผมดีใจที่คุณให้โอกาสลูกชายของคุณมาช่วยงาน ผมเป็นคนรักครอบครัว การที่คนในครอบครัวช่วยเหลือกัน จะทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”
ทาคาโน่หันไปตบบ่าภูวดลบอก “ยินดีต้อนรับ”
ภูวดลยิ้มรับ ภาสันต์แอบเซ็ง หลังทาคาโน่เดินออกไป ภาสันต์หันมาพูดกับภูวดล
“ทำให้ได้อย่างที่พูด แล้วก็อย่าทำให้ฉันขายหน้าเป็นอันขาด”
ภาสันต์พูดจบก็เดินออกไป ภูวดลหันไปมองตามพ่อด้วยแววตาแค้น
ภายในห้องรับแขกบ้านสุอาภา ถุงซึ่งใส่ของฝากวางเต็มโต๊ะ พิทยากับสุอาภายืนอยู่กับ นพ บวร วรรณวดี ป้าณี และแม่บ้าน สุอาภาหยิบถุงขึ้นมา2-3ถุงบอก
“นี่ของป้าณีกับทุกๆคนจ๊ะ”
ณีเข้ามารับถุงจากมือสุอาภา พวกแม่บ้านต่างยิ้มดีใจ
“ขอบคุณนะคะคุณหนู”
“ทำไมซื้อของมาเยอะแยะอย่างนี้ล่ะลูก” นพถาม
“ที่เห็นนี่ยังส่วนน้อยนะครับ ยังมีในรถอีกเพียบ ไม่รู้ว่าซื้อมาขายรึเปล่า” พิทยาบอก
สุอาภาหันขวับ
“ทำเป็นพูดว่าฉัน นายนั่นแหละที่สนับสนุนให้ฉันซื้อโน่นซื้อนี่”
“ถ้าผมขัดใจคุณ คุณก็เหวี่ยงใส่ผมใช่มั้ยล่ะ”
“เดี๋ยวนี้ฉันก็ไม่ค่อยเหวี่ยงแล้วซักหน่อย พูดซะจนทุกคนเห็นฉันเป็นนางมารร้ายไปหมดแล้ว”
สุอาภาทำงอน ระหว่างที่ทั้งคู่เถียงกันไปมา นพ บวร วรรณวดี และณีหันไปมองแล้วก็อมยิ้ม
“เราสองคนนี่เถียงกันเป็นเด็กๆไปได้” นพบอก
พิทยากับสุอาภาเหล่มองหน้ากัน
“เป็นผัวเมียกันมันก็ต้องมีกัด เอ๊ย มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแหละครับป๋า ชีวิตคู่จะได้ไม่จืดชืด มีสีสัน แถมยังช่วยทำให้รักกันมากกว่าเดิมด้วยนะครับ”
สุอาภากับพิทยาทำหน้าไม่ถูก
“เอาทฤษฎีนี้มาจากไหนคะพี่ใหญ่” วรรณวดีถาม
“เพิ่งคิดสดๆร้อนๆเมื่อตะกี้”
ทุกคนร้อง “โธ่” แล้วก็พากันหัวเราะออกมา นพมองภาพลูกๆแล้วก็ยิ้มสบายใจ
“ชีวิตป๋าตอนนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากการได้เห็นลูกๆของป๋ามีความสุข”
ลูกทุกคนเข้าไปกอดนพพร้อมกัน แล้วบวรก็หันมาทางพิทยา
“ไอ้น้องเขย..ยืนเฉยทำไม?! มากอดป๋าด้วยกันสิ”
พิทยาเข้ามาทาด้านหลังสุอาภาแล้วก็เอื้อมมือมากอดนพร่วมกับคนอื่น ทำให้เหมือนเค้ากอดสุอาภาไปด้วย ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอย่างรู้สึกดี ณีมองภาพตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ
ในเวลาต่อมา ที่ร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ ภายในห้างสรรพสินค้า พิทยารับมือถือคืนมาจากพนักงาน สุอาภายืนข้างๆ
“ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบคุณครับ”
พิทยารับเครื่องมาเปิด แล้วก็เห็นเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นรวีพรรณ สุอาภาชะโงกเข้ามาดูข้างๆ
“คุณรวีโทรหานายหลายครั้งเลย จะมีอะไรรึเปล่า”
พิทยาหันไปมองสุอาภา แต่นึกเป็นห่วงรวีพรรณ
ในเวลาต่อมา พิทยากับสุอาภาเข้ามาในร้าน รวีพรรณที่กำลังบริการลูกค้า ทันทีที่เห็นทั้งคู่ก็ชะงักไปนิดนึง แล้วรวีพรรณก็เดินยิ้มเข้าไปหา
“กลับมาจากไปฮันนีมูนเมื่อไหร่คะ”
“วันนี้เองครับ แล้วผมกับคุณแตก็ไม่ได้ไปฮันนีมูน”
“พิทติดงานด่วนน่ะค่ะก็เลยต้องไปดู”
“ผมเห็นรวีโทรหาผมหลายครั้ง มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ รวีแค่ต้องการใครซักคนที่คุยด้วย”
สุอาภารู้ตัว[vd
“คุณรวีคงอยากคุยกับนายสองคน ฉันจะไปนั่งรอด้านโน้น”
สุอาภาจะเดินไป แต่พิทยาคว้ามือสุอาภาเอาไว้ รวีพรรณเห็นแล้วก็อึ้ง
“อยู่ฟังด้วยกัน รวีมีอะไรพูดมาได้เลยครับ”
สุอาภารู้สึกดีมาก ผิดกับรวีพรรณที่ไม่พอใจ
ด้านหนึ่งของร้าน ทั้งสามคนนั่งด้วยกัน
“มันใกล้วันแต่งงานเข้ามาทุกที รวีรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รวีก็ไม่เคยยอมรับมันได้เหมือนกัน รวีไม่อยากแต่งงาน รวีอยากจะหายตัวไปตอนนี้เดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ”
รวีพรรณแสร้งบีบน้ำตาไหล สุอาภามองด้วยความเห็นใจ พิทยารู้สึกผิด..หยิบกระดาษยื่นให้ แต่เธอกลับจับมือพิทยาแล้วก้มหน้าร้องไห้ สุอาภาชะงักมอง รวีพรรณเงยหน้าขึ้นมา
“รวีขอโทษนะคะ รวีไม่ได้อยากรบกวนพิทกับคุณแต แต่มีแค่คุณสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ”
รวีพรรณกุมมือพิทยาแน่น สุอาภาหันไปมองทั้งคู่ก็รู้สึกตัวเองเป็นส่วนเกิน แล้วเธอก็แกล้งทำเป็นว่ามีสายเข้า เธอหยิบมือถือออกมา
“พี่ต่ายโทรมา ฉันออกไปรับสายก่อนนะ”
พิทยาพยักหน้า สุอาภาเดินออกไป ก้มมองมือถือในมือ ไม่ได้มีใครโทรเข้ามา เธอมองทั้งคู่ด้วยสีหน้าเศร้า
ภายในห้องรับแขก พิทยากับสุอาภากลับเข้ามาในบ้าน
“คุณแต…ตั้งแต่คืนนี้ ผมจะลงมานอนข้างล่างตามเดิมนะครับ”
สุอาภานิ่งไปซักพักแล้วบอก
“อือ..นายคงจะอึดอัดสินะที่ต้องอยู่ในห้องเดียวกับฉัน”
“ไม่ใช่นะครับ แต่...มันไม่สมควร เพราะเราแต่งงานกันแต่ในนาม”
สุอาภาแอบเจ็บและน้อยใจ คิดว่าพิทยาก็ยังไม่ลืมรวีพรรณ
สุอาภาพูดตอกย้ำตัวเอง
“นั่นสิ เราแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น”
สุอาภาพูดจบก็หันหลังเดินขึ้นบันไดหน้าเศร้า พิทยามองตามสุอาภาอย่างไม่เข้าใจว่าสุอาภาเป็นอะไร
ภายในห้องน้ำ สุอาภายืนมองตัวเองที่หน้ากระจก
“จำไว้สุอาภา ว่าคนที่พิทรักคือคุณรวีพรรณ อย่าคาดหวังจะให้เค้าเปลี่ยนใจมารักเธอ”
สุอาภาพยายามสะกดจิตตัวเอง
วันถัดมา เวลากลางวัน ที่นพอาร์คิเทค ทาคาโน่ ภาสันต์ เดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับภูวดล
พิทยา บวร และปวีณารออยู่ และออกจะแปลกใจที่เห็นภูวดล สามคนลุกขึ้นไหว้ทาคาโน่กับภาสันต์
“ทุกคนคงรู้จักลูกชายผมดีอยู่แล้ว ต่อไปนี้ลูกชายผมจะเข้ามาทำโปรเจกต์นี้ด้วย”
บวรผงะ พิทยาชะงัก ภูวดลหันไปมองพิทยาด้วยสายตาท้าทาย
“ผมยังอ่อนประสบการณ์ ถ้ายังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับ”
บวรมองภูวดลอย่างไม่ไว้ใจ พิทยาไม่พูดอะไรออกมา ปวีณามองพิทยากับภูวดลก็รู้สึกแปลกใจ
“เริ่มประชุมได้เลย” ทาคาโน่บอก
พิทยาเอาแบบออกมาวางบนโต๊ะ
ทาคาโน่ ภาสันต์ ภูวดลกำลังดูแบบร่างที่พิทยาแก้ไข ภาสันต์เห็นแล้วก็ทึ่งกับสิ่งที่พิทยาแก้ไขมา ผ่านเวลา ทั้งสามคนยังคงปรึกษากัน ฝ่ายพิทยา บวร กับปวีณามองลุ้นกันอยู่ว่า ลูกค้าจะชอบใจรึเปล่า ไม่นานทั้งสามคนก็หันหน้ามาบอก
“พวกเราโอเค”
พิทยา บวร ปวีณาหันมามองกันด้วยความดีใจ
“ขั้นต่อไปผมจะรีบทำ Design devalopment ให้คุณทาคาโน่ดูอย่างเร็วที่สุดนะครับ” บวรบอก
ทาคาโน่หันไปทางภาสันต์
“ผมบอกคุณแล้วเห็นมั้ยว่าคุณพิทยาต้องทำได้ แถมยังทำงานเสร็จเร็วกว่าที่บอกเราเอาไว้ซักอีก คุณคงไม่มีปัญหาในตัวคุณพิทยาแล้วนะ”
ภาสันต์พูดไม่ออก
“ครับ”
ภาสันต์หันไปมองพิทยาด้วยสีหน้านึกไม่ถึงว่ามันจะเก่ง รวมทั้งภูวดลด้วย
“อ้อ...อีกอย่าง คืนนี้ผมต้องกลับไปดูงานที่ญี่ปุ่นประมาณสองสามอาทิตย์ คงต้องฝากให้คุณภาสันต์กับคุณภูวดลช่วยดูแลทางนี้ให้แทน”
พิทยากับบวรชะงักไปนิดนึง ภาสันต์ตาลุกวาวดีใจที่ทาคาโน่จะไม่อยู่
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
ภาสันต์หันไปจ้องหน้าพิทยาประมาณว่าให้เตรียมตัวเอาไว้ เขาจ้องหน้ากลับและไม่หวั่นไหวใดใด
ภายในออฟฟิศภูวดล พิทยา แป๋ว บวรเดินมาด้วยกันตามทาง
“เราต้องระดมทีม ระดมสมอง เพราะปกติขั้นตอนนี้ใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนถึงจะทำเสร็จ แต่เรามีเวลาเดือนเดียว แล้วยิ่งคุณทาคาโน่ไม่อยู่แบบนี้ สองพ่อลูกนั่นต้องหาโอกาสกลั้นแกล้งเราแน่ เพราะฉะนั้นเราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
พิทยาเงียบ ปวีณาแปลกใจแล้วถามขึ้น
“แล้วทำไมคุณภาสันต์กับคุณภูวดลต้องแกล้งพวกเราด้วยล่ะคะ”
บวรกับพิทยาเงียบ ปวีณานิ่วหน้า พิทยาหยุดเดินแล้วหันไป
“ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ แล้วจะตามไปเจอที่รถ”
บวรพยักหน้า หันไปทางปวีณา
“หน้าที่ของเธอคือทำงาน ไม่ต้องซอกแซกถามในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องรู้”
บวรเดินออกไป ปวีณาไม่เข้าใจที่อยู่ดีดีก็โดนเหวี่ยงใส่อีกแล้ว
ภายในห้องน้ำชาย พิทยากำลังล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว ระหว่างนั้นภูวดลเดินเข้ามา...สองคนชะงักมองหน้ากัน แต่พิทยาทำเป็นไม่สนใจ
พิทยาปิดก๊อกน้ำดึงกระดาษมาเช็ดมือ และกำลังจะเดินออกไป ภูวดลหันมา
“เจ็บหนักขนาดนั้นไม่น่าหายเร็วเลยนะ”
พิทยาชะงักเริ่มเอะใจ กับคำพูดของนักเลงที่รุมทำร้ายเขา
“พวกแกทำร้ายฉันทำไม ต้องการอะไร”
นักเลงคนนั้นกระชากคอเสื้อพิทยาเข้ามา แล้วบอกว่า
“แกไปขัดขาใครเค้าล่ะ”
พิทยามองภูวดลอย่างอึ้งๆ
“คุณให้คนมาจัดการผมใช่มั้ย”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามาปรักปรำ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องแกข้อหาหมิ่นประมาท”
พิทยาพูดไม่ออก ภูวดลยิ้มมุมปาก
“ตั้งใจทำงานให้ดี เพราะถ้าแกล้มเมื่อไหร่ ฉันจะเหยียบแกให้จมดิน”
ภูวดลกับพิทยาจ้องหน้าอย่างไม่มีใครกลัวใคร แล้วภูวดลก็เดินชนไหล่พิทยาออกไป
พิทยาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
ภายในห้องทำงานรวม ในนพอาร์คิเทค ตอนบ่าย พิทยายืนอยู่ตรงหน้าปวีณาและทีมงานหลายคน
“เดือนนี้ทั้งเดือน ทุกคนต้องทำงานหนักกันหน่อยล่ะนะ แล้วก็เตรียมตัวมานอนที่ออฟฟิศกันได้เลย”
“งานหนักพวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว...จริงมั้ย” ปวีณาบอก
ทีมงานรับคำถ้วนหน้า
“จริงครับ / จริงค่ะ”
พิทยายิ้มบอก
“ขอบคุณทุกคนมาก”
พิทยาสบายใจแล้วก็นึกถึงสุอาภาขึ้นมา
ภายในบ้านพิทยา สุอาภากำลังคุยโทรศัพท์
“นายเพิ่งหายแท้ๆ ยังต้องกลับมาทำงานหนักขนาดนี้อีก ถ้าไงก็ดูแลตัวเองด้วย”
พิทยายิ้มที่ได้ยินน้ำเสียงที่เป็นห่วงของสุอาภา
“เป็นห่วงผมเหรอครับ”
สุอาภาอึ้ง เขิน
“ห่วงสิ..ห่วงว่าถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่าย ป้าณีจะหาว่าฉันดูแลนายไม่ดี”
พิทยาอมยิ้ม
“วันนี้ผมกลับดึกนะ คุณก็อยู่บ้านดีดี ห้ามหนีไปเที่ยวที่ไหน”
“ถ้าฉันไป แล้วนายจะเห็นเหรอ”
พิทยาชะงัก เสียงเข้ม
“คุณแต!”
“ฉันล้อเล่น ฉันไม่ไปไหนหรอกน่า รีบไปทำงานได้แล้ว”
พิทยายิ้มแล้วก็วางสาย
ในเวลาสกลางคืน พิทยายังคงทำงานกับทีมงาน ระหว่างนั้นปวีณาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดพิซซ่า
“พิซซ่ามาแล้วค่ะ”
ทุกคนดีใจมาก
“พักทานพิซซ่ากันก่อน”
ทีมงานเข้าไปเอาพิซซ่าจากปวีณา ระหว่างนั้นเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาหยิบขึ้นมาเห็นเบอร์แปลก กดรับสาย
“สวัสดีครับ...ว่าไงนะครับ”
ภายในบาร์แห่งหนึ่งในโรงแรม พนักงานเดินนำพิทยาเข้ามาด้านใน
“อยู่ทางนั้นครับ”
พิทยาเห็นรวีพรรณฟุบหลับที่โต๊ะก็หันไปทางพนักงาน
“ขอบใจ”
พนักงานเดินออกไป พิทยารีบเดินมาหารวีพรรณเห็นไวน์หมดขวดอยู่บนโต๊ะ
“รวี...”
รวีพรรณเงยหน้าขึ้นมาเห็นพิทยาก็ดีใจ เธอแกล้งเมาบอก
“พิท...ดื่มด้วยกันนะคะ น้อง…”
เธอจะหันไปสั่งพนักงาน แต่พิทยาคว้าแขนเธอเอาไว้
“พอเถอะรวี...กลับบ้านนะครับ”
รวีพรรณหันไปมองพิทยาแต่ยังไม่ยอมลุก
สุอาภาเดินเข้ามาในโรงแรม มองหาบาร์...แต่ไม่เจอ เลยหันไปหาพนักงานที่กำลังเดินมา
“โทษนะคะ อยู่ตรงไหน”
รวีพรรณจับแขนพิทยาพยายามจะดึงให้เขานั่งลง
“รวีไม่อยากลับ พิทดื่มเป็นเพื่อนรวีก่อนนะ รวีอยากเมา เมาแล้วจะได้ไม่ต้องนึกถึงว่ารวีจะต้องเจอกับอะไรต่อจากนี้”
พิทยาจับตัวเธอเอาไว้
“ปัญหาไม่ได้แก้ด้วยการเมานะครับ กลับบ้านนะ”
รวีพรรณเหลือบมองไปที่ประตูทางเข้า แล้วก็คิดย้อนกลับไป
รวีพรรณกำลังคุยโทรศัพท์กับสุอาภาแล้วก็แกล้งเมา
“ตอนนี้รวีอยู่ที่... รวีขับรถกลับบ้านไม่ไหว คุณแตช่วยมารับรวีทีได้มั้ยคะ”
รวีพรรณหน้าตาร้ายกาจมาก
รวีพรรณพยายามขืนตัวเอาไว้
“รวีไม่กลับ...รวีไม่อยากกลับ”
แต่พิทยาไม่ยอมดึงรวีพรรณขึ้นมาแล้วประคองพาเดินออกไป รวีพรรณสีหน้าไม่พอใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน พิทยาพาเธอเดินออกไป สวนกับสุอาภาที่เดินเข้ามาจากอีกทางพอดี
สุอาภามองหารวีพรรณไปรอบๆ แต่ไม่เห็นก็แปลกใจ
“คุณรวีอยู่ไหน”
พิทยาประคองรวีพรรณออกมา รวีพรรณทำเป็นโวยวาย
“พิทพารวีออกมาทำไม รวีบอกแล้วไงว่าไม่กลับบ้าน”
“ผมโทรเรียกสิให้มารับคุณแล้ว เค้าบอกว่าอยู่แถวนี้ อีกไม่นานคงมาถึง”
รวีพรรณตกใจ
สุอาภาเร่งเดินออกมาที่ลอบบี้ด้วยความเป็นห่วงรวีพรรณที่หายตัวไปไหน?
รวีพรรณสีหน้าแย่ไม่รู้จะทำยังไงที่ผิดแผน พิทยาชะเง้อมองที่ประตูทางเข้าว่าเ มื่อไหร่สินีนาฎจะมา
ขณะที่รวีพรรณคิดว่าแผนพังแน่แล้ว แต่กลับเหลือบไปเห็นสุอาภาออกมาจากโรงแรมพอดี
รวีพรรณยิ้มสีหน้าร้ายแล้วก็แกล้งซบพิทยาทันที
“พิท...พิทหย่ากับคุณแตแล้วมาแต่งงานกับรวีแทนได้มั้ย”
พิทยาอึ้งไม่นึกว่ารวีจะพูดประโยคนี้ออกมา
“รวี”
รวีพรรณกอดพิทยา
“มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย ถึงรวีรู้ว่าเรื่องของเราไม่มีหวัง แต่รวีก็สวดมนต์อ้อนวอนอยู่ทุกวันเพื่อให้เราได้มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง”
พิทยามองรวีพรรณด้วยความเศร้าใจและรู้สึกแย่มากๆ เขายกมือขึ้นมากอดรวีพรรณเพื่อปลอบใจ สุอาภาเดินออกมาหันไปเห็นพิทยากับรวีพรรณกอดกันก็อึ้งมาก...ได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น
รวีพรรณผละออกจากพิทยาเห็นว่าสุอาภายังยืนมองอยู่ ก็ยกมือขึ้นมาคล้องคอพิทยาเอาไว้
“รวีรักพิทนะคะ ยังรักอยู่เสมอ รักไม่เคยลืม พิทเป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในหัวใจของรวี”
พิทยาเสียใจมาก รวีพรรณยื่นหน้าขึ้นมาจูบปากพิทยาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว สุอาภาแทบช็อกกับภาพที่เห็น...รีบหันหลัง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจแล้วก็จ้ำเดินออกไปทันที
พิทยารีบดึงรวีพรรณให้ออกห่างด้วยความตกใจ แล้วรวีพรรณก็แกล้งหมดสติ เขารีบประคองเธอเอาไว้ในอ้อมกอด...สีหน้ายังอึ้งไม่หาย พลันรถสินีนาฎแล่นมาจอดตรงหน้า สินีนาฎรีบลงจากรถ
“ตายแล้วยัยรวี สิไม่นึกว่าจะดื่มหนักขนาดนี้”
“รีบพารวีขึ้นไปนั่งในรถก่อนเถอะ” พิทยาบอก
สินีนาฎเปิดประตู พิทยาพารวีพรรณเข้าไปนั่งในรถ
“ขอบใจมากนะพิท”
พิทยาพยักหน้า สินีนาฎรีบขึ้นรถแล้วขับออกไป พิทยายืนนิ่งแล้วก็ถอนหายใจออกมา รู้สึกผิดกับสุอาภามาก
สุอาภากลับเข้ามาในบ้านเดินมานั่งที่โซฟา ภาพที่รวีพรรณกับพิทยาจูบกันผุดขึ้นมา เธอน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ
ฝ่ายพิทยากลับเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้ายังรู้สึกไม่ดี ปวีณารีบเดินเข้ามาหา
“คุณพิทคะ เราติดปัญหานิดหน่อยค่ะ”
พิทยาหันไปมองแล้วก็รีบตั้งสติ ก่อนจะทำงานต่อ
ที่บ้านพิทยา เวลาเช้า … พิทยากลับเข้ามาเจอสุอาภาเดินลงมาจากบันได เธอมองหน้าเขาไม่ติด พิทยาเองก็รู้สึกผิดกับเธอมากเช่นเดียวกัน
“คุณแต..ผมมีเรื่องจะคุย”
สุอาภารีบตัดบท
“ฉันไม่ว่าง ต้องรีบออกไป”
สุอาภาพูดจบก็จ้ำเดินออกไปจากบ้านทันที พิทยาเซ็งที่บอกเธอไม่ทัน
ภายในร้านกาแฟ เวลาเช้า สุอาภานั่งนิ่ง พราวพิไลกำลังจะดื่มกาแฟร้อน
“พราว...”
“ฮึ”
“ฉันเห็นคุณรวีกับพิทจูบกัน”
พราวพิไลทำกาแฟร้อนลวกปาก หันไปมองสุอาภาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
วันและเวลาเดียวกัน รวีพรรณดูมีความสุขมาก สินีนาฎเอากาแฟดำมาให้รวีพรรณ
“กาแฟดำช่วยแก้เมาค้าง”
รวีพรรณรับแก้วมาวางบนโต๊ะ
“ขอบใจ”
สินีนาฎหรี่ตามองรวีอย่างสงสัย
“เมื่อคืนเธอเมาจริง หรือว่าแกล้งเมา”
รวีพรรณชะงักหันไปมองสินีนาฎ
“ฉันเห็นเธอจูบพิท”
รวีพรรณยิ้ม
“คนอย่างฉันดื่มไวน์แค่แก้วเดียว ก็หลับไม่รู้เรื่องแล้ว เธอคิดว่าไงล่ะ”
สินีนาฎอึ้ง รวีพรรณยิ้มมีความสุข สินีนาฎลอบมองเพื่อนอย่างไม่พอใจ
สุอาภาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง พราวพิไลนิ่วหน้าสงสัย
“ทำไมยัยแฟนเก่าต้องโทรหาแกให้มารับด้วย แสดงว่านังนั่นจงใจจะให้แกเห็นเค้ากับคุณพิท”
“ฉันไม่รู้”
“แกจะมามัวนั่งตายซากแบบนี้ไม่ได้ ถามคุณพิทไปเลยถามให้รู้เรื่อง”
“เมื่อเช้าเค้าก็พยายามจะคุยกับฉัน แต่ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น”
“ไม่ได้สิแต ไม่คุยกันแล้วมันจะเคลียร์กันเหรอ คุณพิทอาจจะอยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แกฟัง เพื่อบอกว่ามันไม่มีอะไร”
“เห็นเต็มสองตาขนาดนั้น คงไม่มีอะไรไม่ได้หรอกมั้ง”
“อย่ามานั่งคิดเอาเอง แกต้องคุยกับเค้า”
“ไม่..ฉันไม่คุย!”
สุอาภาสีหน้าหนักแน่นมาก
แรงปรารถนา ตอนที่ 10 (ต่อ)
สุอาภาเดินมาตามทางภายในนพอารฺคิเทค สีหน้ามีแววลังเลแล้วก็หยุดเดิน
“แล้วจะเข้าไปถามยังไง พูดออกไปตรงๆ มันจะดีเหรอ”
สุอาภาถอนใจ ตัดสินใจจะหันหลังกลับแต่เจอพิทยาเข้าพอดี เธอหน้าถอดสี แต่เขาดีใจสุดๆที่เห็นเธอมาที่นี่เลยรีบจ้ำเดินมาหา
“คุณแต...”
สุอาภารีบโกหก
“เออ ฉัน...ฉันมาหาพี่ใหญ่”
สุอาภาจะเดินไป แต่เขาจับแขนเธอรั้งเอาไว้
“คุยกับผมก่อน”
พิทยาลากสุอาภาเดินออกไป สุอาภาสีหน้าแย่มาก
พิทยาลากสุอาภาออกมาที่มุมหนึ่งภายในออฟฟิศ เธอดึงแขนออกจากเขา
“มีอะไรก็รีบๆพูดมา”
“เมื่อคืนรวีเมา” พิทยาเริ่มต้นพูด เธอผงะ แล้วรับฟังต่อไป
“ก็เลยให้พนักงานโทรตามผมให้มารับ แต่ผมโทรเรียกสิให้มาพารวีกลับบ้าน แล้ว...”
สุอาภามองพิทยาว่าจะพูดอย่างที่เธอเห็นมารึเปล่า เธอนิ่งฟัง คำพูดของพิทยาที่เริ่มอึกอัก
“รวีก็...ก็...เออ...จูบผมเพราะความเมา ไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น”
“แค่นี้ใช่มั้ยที่จะบอก”
พิทยาอึ้ง
“คุณไม่เชื่อที่ผมพูดเหรอ”
“ฉันไม่รู้ นายกลับมาตอนเช้าแล้วจะให้ฉันคิดยังไง”
พิทยานึกอะไรออกก็จับแขนลากสุอาภาให้เดินตามเขาไป เธออดแปลกใจไม่ได้
“จะพาฉันไปไหน”
พิทยาไม่ตอบ พาสุอาภาเดินออกไป
พิทยาพาสุอาภาเข้ามาในห้องทำงานรวม แป๋วกับทีมงานหันไปมองอย่างแปลกใจ
“ผมรบกวนเวลาทุกคนซักครู่”
สุอาภานิ่วหน้ามองพิทยา
“ช่วยยืนยันกับภรรยาผมทีว่า เมื่อคืนหลังจากที่ผมออกไป ผมกลับมาทำงานที่นี่จนถึงตอนเช้า”
สุอาภาตกใจที่พิทยาพูดแบบนั้นออกไป พวกทีมงานพากันอมยิ้ม ยกเว้นปวีณา แล้วปวีณาก็ตัดสินใจ ลุกขึ้นยืน
“จริงค่ะคุณสุอาภา คุณพิทกลับมาทำงานกับพวกเราจนถึงตอนเช้า”
“ใช่ครับ พวกเราทุกคนเพิ่งกลับเข้ามาทำงานเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง” ทีมงานว่า
เขาหันไปทางเธอแล้วก็จับมือเธอเอาไว้
“เชื่อผมแล้วนะคุณแต”
“เชื่อคุณพิทเถอะค่ะ คุณพิทไม่ใช่คนขี้โกหก” ปวีณาบอกย้ำ
พิทยาหันไปมองปวีณาด้วยแววตาขอบคุณ ทุกคนเออออเห็นด้วย เขาหันไปมองเธอที่ทำหน้าไม่ถูก
บริเวณลานจอดรถ สุอาภากับพิทยาเดินออกมาด้วยกัน
“ความจริงเมื่อคืนฉันเห็นนายกับคุณรวี” สุอาภาบอก
พิทยาหันไปมองสุอาภาด้วยสีหน้าประหลาดใจมาก
“แต่ฉันไม่พูด เพราะอยากรู้ว่านายจะโกหกฉันรึเปล่า แต่นายก็ไม่ทำ”
สุอาภาหยุดเดินแล้วหันมา เขาหยุดเดินตาม
“ขอบคุณมากนะพิทที่ไม่ปิดบังฉัน”
“เราเป็นสามีภรรยากัน เราไม่ควรโกหกกัน สัญญานะว่าต่อไปนี้เราจะพูดกันแต่ความจริง”
สุอาภายิ้มรับแล้วยื่นนิ้วก้อยออกไป
“สัญญา”
พิทยาเกี่ยวก้อยสุอาภา สองคนยิ้มให้กัน แล้วก็ปล่อยมือออกจากกัน
“ว่าแต่ทำไมคุณถึงไปที่นั่นได้”
“คุณรวีโทรมาเพราะบอกว่าติดต่อนายไม่ได้ แต่หลังจากวางสายฉัน เค้าคงให้คนโทรหานายอีกล่ะมั้ง”
พิทยาฟังที่สุอาภาเล่าแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
ในเวลากลางวัน พิทยาเข้ามาในร้านอาหาร รวีพรรณเห็นพิทยามาก็ดีใจมากรีบเดินเข้าไปหา แล้วแกล้งทำเป็นรู้สึกผิดทันที
“รวีดีใจจังเลยค่ะที่เห็นพิทมาหารวี รวีไม่กล้าโทรหาเพราะรู้ตัวว่าเมื่อคืนรวีทำตัวแย่มาก รวีนึกว่าพิทจะโกรธซะแล้ว”
“ผมไม่โกรธ ผมเข้าใจว่าทุกอย่างที่คุณทำลงไปเพราะความเมา ที่ผมมาก็เพราะอยากมาดูว่า คุณโอเคขึ้นเหรอยัง”
“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ”
“คุณแตบอกว่าเมื่อคืนคุณก็โทรหาคุณแตด้วยเหรอครับ”
รวีพรรณตกใจรีบแก้ตัว
“ใช่ค่ะ ตอนแรกรวีติดต่อพิทไม่ได้ก็เลยโทรหาคุณแต แต่พนักงานที่นั่นก็ยังโทรไปหาพิทอีก คงเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด นี่คุณแตคงเข้าใจผิดพิทสินะคะ รวีจะไปอธิบายให้คุณแตเข้าใจเอง”
“ไม่ต้อง”
รวีดีใจลึกๆเพราะนึกว่ามีปัญหากัน
“ผมกับคุณแต..เราเข้าใจกัน”
รวีพรรณอึ้งมาก
“คุณแตไม่โกรธพิทเลยเหรอ”
“ไม่...เพราะผมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เค้าฟัง ผมกับคุณแตเรียนรู้แล้วว่าการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขก็คือการไม่โกหก และตอนนี้คุณแตก็โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ รู้จักใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์”
รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโหแล้วก็ลอบสังเกตเห็นพิทยาแววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงสุอาภา จนเธอเริ่มเป็นกังวลใจ
“ดูท่าทางพิทกับคุณแตจะโอเคกันมากเลยนะคะ”
“ครับ...ตอนแรกเราก็ยังปรับตัวเข้ากันไม่ได้ แต่หลังจากที่กลับจากเขาใหญ่ ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นมาก” พิทยาบอก
รวีพรรณทำเป็นยินดี
“ดีแล้วค่ะ รวีจะได้สบายใจว่าพิทจะไม่โดนคุณแตรังแกอีก นี่ก็เที่ยงแล้ว อยู่ทานข้าวกับรวีที่นี่ก่อนนะคะ”
“วันนี้ไม่ได้ครับ ผมมีธุระสำคัญต้องรีบไปทำต่อ เอาไว้วันหลังผมกับคุณแตจะมาทานกับรวีนะ”
รวีพรรณจำต้องฝืนใจทั้งๆที่ในใจเต็มไปด้วยความอารมณ์ที่คุกรุ่นพร้อมจะระเบิด
รวีพรรณสีหน้าหงุดหงิด โมโหสุดๆ เข้ามาในห้องน้ำ ปิดประตูดังปัง! เป็นการระบายความโกรธ ที่แผนของเธอพังไม่เป็นท่า
“มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
รวีพรรณเครียดมาก
ออฟฟิศภูวดล บริเวณโถงกลาง ยามบ่าย พิทยายื่นซองเอกสารให้เลขาฯที่ยืนอยู่
“ผมฝากเอกสารให้คุณภาสันต์เพื่อฝากส่งให้คุณทาคาโน่ด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
เลขาฯยังไม่ทันรับซอง ภูวดลก็เดินอาดๆมาหา
“ฝากไว้ที่ฉันก็ได้”
พิทยาหันไป ภูวดลเดินมาตรงหน้า
“กลับไปทำงานได้แล้วไป”
เลขาฯจำต้องเดินกลับไป
“ส่งมาให้ฉันสิ”
“ไม่ได้ นี่เป็นเอกสารสำคัญ” พิทยาบอก
“เอกสารสำคัญแล้วไง แกคงไม่รู้ว่าฉันกับพ่อมีหุ้นเท่ากันเพราะฉะนั้นฉันก็มีสิทธิ์ที่จะดูเอกสารนี้”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะมาใหม่วันหลัง วันที่คุณภาสันต์อยู่”
พิทยาหันหลังจะเดินออกไป ภูวดลรีบเดินมาขวางตรงหน้า พิทยาหยุดเดิน
“ทำแบบนี้ คิดจะเอาหน้ากับพ่อฉันเหรอไง!เอามา..ฉันจะจัดการเอง”
ภูวดลยื่นมือมา แต่พิทยาไม่ให้ ภูวดลจับที่ซองเอกสารจะแย่งมา แต่พิทยายื้อเอาไว้
“นี่ไม่ใช่เล่นขายของ อย่ามาทำอะไรเป็นเด็ก”
ภูวดลฉุนเฉียว
“ฉันไม่ใช่เด็กนะเว๊ย!”
“คนเป็นผู้ใหญ่ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ไม่ใช่พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย พูดคำหยาบ คุณคงต้องไปเรียนมารยาทเพิ่มอีกเยอะ ถึงจะทำงานเป็น”
ภูวดลกำมือแน่นที่เจอพิทยาใส่เป็นชุด แล้วจันทร์จำนงก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมสีหน้าประหลาดใจ
“พิท...พ่อดล...”
พิทยากับภูวดลหันไปเห็นจันทร์จำนง ภูวดลก็สงบเสงี่ยมทันที
“ทำไมพิทถึงมาอยู่ที่นี่”
“บริษัทคุณอารับทำงานให้คุณทาคาโน่ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับคุณภาสันต์ครับ”
จันทร์จำนงดีใจมาก
“แสดงว่าพ่อดลกับเธอก็ได้ทำงานด้วยกัน”
พิทยากับภูวดลเหล่มองหน้ากัน ภูวดลไม่ตอบ
“ใช่ครับ”
จันทร์จำนงมองหน้าพิทยากับภูวดลด้วยสีหน้ามีความหวังที่อยากให้ทั้งสองคืนดีกัน
ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เวลาบ่าย สุอาภาไหว้จันทร์จำนงแล้วนั่งลง
“ไม่ได้เจอกันซะนาน สบายดีนะ”
“สบายดีค่ะ แล้วคุณนายล่ะคะ”
“เดี๋ยวดีเดี๋ยวป่วยตามอายุน่ะ สั่งอะไรก่อนสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทานมาแล้ว คุณนายนัดฉันออกมามีอะไรให้ฉันช่วยคะ”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าพิทกับพ่อดลร่วมงานกัน”
สุอาภาชะงัก
“ค่ะ ฉันก็เพิ่งทราบ”
จันทร์จำนงดีใจยิ้มปลาบปลื้ม
“ฉันอยากให้คุณช่วยฉัน ทำให้พี่น้องหันหน้ามาคุยกัน”
สุอาภาอึ้ง
“เรื่องนี้..ฉันว่ามันยากมากนะคะ แทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ฉันรู้ว่าพ่อดลดูเป็นผู้ร้ายในสายตาของทุกคน แต่ความจริงเค้าน่าสงสาร เค้าถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่รังแกฉัน ได้แต่วัตถุเงินทองไม่เคยได้ความรักและความเข้าใจ โดยพื้นฐานเค้าไม่เคยคิดอยากทำร้ายใคร แต่ความก้าวร้าวที่แสดงออกมาก็เพื่อเรียกร้องความสนใจ”
สุอาภาตั้งใจฟังแต่ไม่ได้คล้อยตามในสิ่งที่จันทร์จำนงพูด
“ฉันคิดว่าพิทจะช่วยดึงด้านที่ดีงามของพ่อดลออกมา แล้วฉันก็ไม่อยากเห็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันต้องมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง สิ่งที่ทำให้คนแก่อย่างฉันมีความสุขก็คือการได้เห็นลูกหลานรักใคร่กัน”
สุอาภายังเงียบ
“คุณจะช่วยฉันได้มั้ย”
สุอาภาพูดอย่างลำบากใจมาก
“ระหว่างพิทกับหลานชายคุณนาย มันมีอะไรมากมาย จนฉันคิดว่าเค้าสองคนคงไม่สามารถจะลงรอยกันได้”
จันทร์จำนงอึ้งแล้วถาม
“ทำไม เค้าเคยมีปัญหาอะไรกัน”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วอย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ ฉันต้องขอโทษคุณนายจริงๆที่ฉันช่วยคุณนายไม่ได้ ฉันขอตัวกลับนะคะ”
สุอาภาไหว้จันทร์จำนงแล้วลุกเดินออกไป ทิ้งให้จันทร์จำนงนั่งด้วยความผิดหวัง
พิทยาเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาในบ้าน สุอาภาอยู่ที่ห้องรับแขกเมื่อเห็นพิทยากลับมาก็หันไปมอง
“ครับคุณนายจันทร์จำนง ทานข้าวที่บ้านคุณนายวันพรุ่งนี้”
สุอาภาชะงักหูผึ่ง ตั้งใจฟังทันที
“อย่าปฏิเสธเลยนะ ฉันไม่ได้เจอเธอตั้งนานแล้ว”
พิทยาพูดอย่างลำบากใจ
“ครับ พรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยงนะครับ”
พิทยาวางสาย แล้วหันไปทางสุอาภาที่เดินมาหา
“คุณนายจันทร์ชวนนายไปทานข้าวที่บ้านเหรอ”
“อือ”
สุอาภานึกย้อนกลับไป
“ฉันอยากให้คุณช่วยฉัน ทำให้พี่น้องหันหน้ามาคุยกัน - แล้วฉันก็ไม่อยากเห็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันต้องมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง สิ่งที่ทำให้คนแก่อย่างฉันมีความสุขก็คือการได้เห็นลูกหลานรักใคร่กัน”
สุอาภารู้ทันทีว่าเป็นแผนของจันทร์จำนงเลยนึกเป็นห่วงพิทยา
“ฉันขอไปด้วยคนนะ”
พิทยาหันมามองสุอาภาสีหน้าแปลกใจ
วันต่อมา พิทยาขับรถมาจอดหน้าบ้านสวนจันทร์จำนง เขาลงจากรถพร้อมกับสุอาภา เธอมีสีหน้าลำบากใจมากๆ แล้วก็หันไปทางพิทยา
“พิท...แน่ใจนะว่านายจะเข้าไป”
พิทยานิ่วหน้าถาม
“มีอะไรเหรอคุณแต”
“เออ...เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
สุอาภายิ้มๆ พิทยาเพียงแต่นิ่วหน้าสงสัยและไม่ได้ถามต่อ สุอาภาถอนหายใจแล้วก็เดินตามพิทยาเข้าไป
พิทยากับสุอาภาเดินมาเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ใกล้กับตัวบ้าน พิทยากับสุอาภาหันไปมองรถ
“ท่าทางคุณนายจะมีแขก” พิทยาบอก
สุอาภามองรถแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่า ภูวดลต้องมาแน่ๆ เธอมองเขาอย่างเป็นห่วง
พิทยามากับสุอาภาเดินเข้ามาในบ้านก็ผงะที่เห็นภูวดลนั่งอยู่ สุอาภาได้แต่ถอนใจออกมาที่ความคิดตัวเองถูกต้อง ภูวดลเห็นพิทยากับสุอาภาก็ตกใจลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดอะไรกัน จันทร์จำนงก็เดินออกมา
“มากันแล้วเหรอ”
จันทร์จำนงเห็นสุอาภาก็ชะงักไปนิดนึง พิทยากับสุอาภายกมือไหว้จันทร์จำนง จันทร์จำนงรับไหว้แล้วก็ยิ้ม
“คุณย่าชวนมันมาเหรอครับ”
สุอาภาไม่พอใจ ภูวดลหันไปมองพิทยาอย่างไม่พอใจ
“ใช่.! คุณนายชวนพิทมา”
“ย่าขอล่ะนะ ย่าอยากทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเราสองคน ให้ย่าได้มั้ย”
ภูวดลเงียบหันไปมองพิทยาด้วยแววตากร้าว
ที่โต๊ะอาหาร จันทร์จำนงนั่งหัวโต๊ะ มีพิทยา สุอาภา นั่งข้างหนึ่ง ภูวดลนั่งอีกข้าง ตรงข้ามที่พิทยานั่ง
ภูวดลเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจ จันทร์จำนงเห็นท่าไม่ดี เลยตักกับข้าวให้พิทยา
“น้ำพริกปลาร้า ฉันทำเอง”
“ขอบคุณครับ”
พิทยาจะทาน
“เดี๋ยวสิ ทานเปล่าๆจะไปอร่อยได้ยังไง พ่อดล หยิบผักให้พี่เค้าสิลูก”
ภูวดลเงยหน้ามอง
“มีมือก็หยิบเองสิ”
“พ่อดล” จันทร์จำนงเสียงดุ
ภูวดลถอนใจหันไปมองจานผักสดที่อยู่ใกล้ๆตัวเอง แล้วก็หยิบขึ้นมายื่นให้พิทยา แต่แกล้งทำจานหล่นตรงหน้าทำให้ผักหล่นใส่ตัวพิทยา สุอาภาไม่พอใจ จันทร์จำนงชะงัก
“อุ๊ย...ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
สุอาภาโกรธแทนพิทยา
“ไม่ได้ตั้งใจอะไร เห็นอยู่ว่าคุณจงใจ”
พิทยาจับแขน
“คุณแต...”
สุอาภาหันไปมองพิทยาที่ส่งสายตาห้าม จันทร์จำนงรีบแก้ไข้สถานการณ์
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเอาผักจานใหม่มาให้ นวล...นวล...มันหายไปไหน คุณแตช่วยไปเอาผักสดกับฉันที”
สุอาภาปฏิเสธไม่ออก รู้ว่าจันทร์จำนงจะเปิดโอกาสให้พิทยากับภูวดลอยู่ด้วยกัน เธอจำต้องลุกเดินออกไปกับจันทร์จำนง พิทยาเก็บผักที่หล่นตามตัวใส่จาน ภูวดลมองอย่างไม่สบอารมณ์
ภายในครัว จันทร์จำนงกำลังเอาผักสดใส่จาน สุอาภายืนอยู่ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“คุณนายคะ คุณนายเลิกวางแผนที่จะทำให้พิทกับคุณภูวดลคืนดีกันเถอะค่ะ มันไม่ได้ผลหรอก”
“คุณไม่ช่วยก็อย่ามาห้าม การที่ลูกชายฉันทิ้งแม่ของพิท และไม่ยอมรับพิทเป็นลูกเป็นบาดแผลในใจฉัน ยังไงก่อนที่ฉันจะตาย ฉันก็อยากทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นฉันคงนอนตายตาไม่หลับ”
สุอาภาพูดไม่ออก
บนโต๊ะอาหาร ภูวดลมองพิทยาด้วยแววตาไม่หวังดี
“ที่แกกลับมาเข้าใกล้ย่าฉันอีกเพราะแกต้องการอะไร ทรัพย์สมบัติ เงินทอง หรือการได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานชายอีกคนของคุณนายจันทร์จำนง”
“ผมไม่เคยหวังอะไรจากคุณนายจันทร์”
ภูวดลคิดนิดนึง
“หรือว่าแกต้องการแก้แค้นที่ฉันจะได้แต่งงานกับคุณรวี”
“ผมไม่เคยคิดแค้นคุณ เพราะความแค้นเป็นการต่อเวรต่อกรรม ทำให้ผมต้องเวียนว่ายตายเกิดมาเจอกับคุณอีก ซึ่งผมไม่ต้องการ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณด้วยซ้ำ”
ภูวดลลุกขึ้นยืน
“ถ้างั้นก็ไปซะ! ไปจากที่นี่ แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับย่าของฉันอีก”
ระหว่างนั้นจันทร์จำนงกับสุอาภาถือจานผักสดมาด้วยเข้ามาได้ยินพอดี
“พ่อดล! ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้น”
ภูวดลหันมาทางจันทร์จำนง
“เมื่อไหร่คุณย่าจะเลิกบอกว่ามันเป็นพี่ผมซักที ผมกับไอ้เด็กกำพร้าเนี่ย ไม่ได้เป็นอะไรกัน!”
จันทร์จำนงอึ้งมาก สุอาภาโกรธสุดๆกระแทกจานลงบนโต๊ะ
“มันจะมากไปแล้ว!”
พิทยาตกใจที่เห็นสุอาภาของขึ้น รีบลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะห้าม แต่ไม่ทัน
“พิทไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า พิทมีทั้งพ่อทั้งแม่ เพียงแต่พ่อแท้ๆของพิทเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่ยอมรับพิทก็เท่านั้น”
“พ่อฉันไม่ได้เห็นแก่ตัว พ่อฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแม่ของมัน”
“ยอมรับแล้วเหรอว่าพ่อนายกับพ่อพิทคือพ่อเดียวกัน”
ภูวดลกำมือแน่นที่เสียรู้สุอาภา ทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่องแต่เจอพิทยาเข้ามาขวาง
“อย่าทำอะไรคุณแตอีกเป็นครั้งที่สอง!”
ภูวดลผงะ จันทร์จำนงแปลกใจในคำพูดของพิทยา พิทยาหันไปทางจันทร์จำนง
“ผมขอโทษนะครับคุณนาย ผมคงอยู่ทานข้าวกับคุณนายไม่ได้ ผมลาล่ะครับ”
พิทยายกมือไหว้จันทร์จำนงแล้วก็จับแขนสุอาภาพาเดินออกไป จันทร์จำนงหันไปมองภูวดลด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยสับสนไม่เข้าใจ
พิทยากับสุอาภาเดินออกมาจากบ้านสวนจันทร์จำนงด้วยกัน สุอาภายังมีอารมณ์โมโหมาก
“นายไม่น่าห้ามฉันเลย น่าจะปล่อยให้ฉันด่ามันอีก ดูสายตาที่มันมองนายสิ มันเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ฉันอยากจะควักลูกตามันออกมาจริงๆ”
พิทยาขำกับท่าทางของสุอาภา เธอหยุดกึกหันไปทางเขาที่หัวเราะไม่หยุด
“หัวเราะอะไร นี่ฉันกำลังโกรธอยู่นะ หรือว่านายเสียใจจนเป็นบ้าไปแล้วห๊ะ”
“ผมชักไม่แน่ใจแล้วน่ะสิว่า คุณหรือผมที่โดนเค้าว่า”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์จะต่อว่านายได้!”
พิทยารู้สึกดีมากบอก
“ที่คุณขอมากับผม เพราะคุณรู้ว่านายภูวดลจะมาใช่มั้ย”
สุอาภาพยักหน้า
“คุณนายมาขอให้ฉันช่วยทำให้นายกับภูวดลคืนดีกัน ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่คุณนายก็ยังดื้อ”
พิทยาจับมือสุอาภาขึ้นมา เธอชะงัก
“ขอบคุณมากนะครับคุณแต ขอบคุณจริงๆที่อยู่เคียงข้างผม”
สองคนมองหน้ากันอย่างรู้สึกดี
ภูวดลจ้ำเดินจะออกไป จันทร์จำนงตามมาติดๆ
“หยุดนะพ่อดล! ย่าบอกให้หยุด ทำไมเราถึงไม่เชื่อย่าว่าพิทเป็นพี่ชายของเราจริงๆ”
ภูวดลไม่หยุดหันมาถาม
“คุณย่ามีหลักฐานอะไรมาบอกว่ามันเป็นพี่ชายผม”
“ย่าไม่มี แต่ย่ามั่นใจว่าพิทเป็นลูกของภาสันต์”
จันทร์จำนงสีหน้ามั่นใจมากจนภูวดลเงียบไป จันทร์จำนงรีบพูดต่อ
“พิทเป็นคนดี ย่าอยากให้พ่อดลเปิดใจกว้างยอมรับพิทซักครั้ง ถ้าลูกได้รู้จักตัวตนของเค้า ลูกจะรู้ว่าย่าพูดไม่ผิด”
“มันสร้างภาพหลอกคุณย่าต่างหาก แล้วคุณย่าก็หลงเชื่อมัน นี่คุณย่าอายุมากจนแยกแยะความจริงกับความหลอกลวงไม่ออกเหรอครับ”
จันทร์จำนงฉุนกึก
“พ่อดล!”
ภูวดลชะงัก
“ถึงมันจะใช่หรือไม่ใช่ลูกของพ่อ ผมก็ไม่มีทางยอมรับมัน ผมไม่มีทางยอมมีสายเลือดเดียวกับมัน ผมเกลียดมันครับคุณย่า คุณย่าได้ยินชัดมั้ยครับว่า ผมเกลียดมัน!”
จันทร์จำนงสะดุ้ง แล้วภูวดลก็จ้ำพรวดๆออกไป จันทร์จำนงเสียใจมากจนแทบทรุดลงไปตรงนั้น
ภูวดลเดินออกมาที่รถซึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้านจันทร์จำนง เขาเห็นพิทยากับสุอาภากำลังเดินออกไป ก็ครุ่นคิดบางอย่าง ภูวดลขึ้นรถ ปิดประตูอย่างแรง
สุอาภากับพิทยาเดินด้วยกัน ทันใดนั้นเสียงรถดังขึ้น สุอาภากับพิทยาหันไปเห็นรถภูวดลพุ่งเข้ามาหา ทั้งเขาและเธอต่างตกใจมาก เขารีบเอาตัวกอดเธอเอาไว้ รถภูวดลแล่นมาจงใจให้เฉียดพิทยาแล้วรถก็แล่นออกไป
สุอาภากับพิทยาหันไปมองตามหน้าตาตื่น สุอาภาโมโหสุดๆ
“ไอ้บ้า! มันจงใจแกล้งเราชัดๆ”
“ช่างเค้าเถอะครับคุณแต คนขี้ขลาดอย่างนายภูวดลก็ทำได้เท่านี้ ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรนะ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยากลุ้มใจ
ภายในบ้าน เวลาเย็น ภาสันต์มองหน้าภูวดลที่มีสีหน้าไม่พอใจ ศรีพิไลยืนอยู่ด้วย
“แกพูดกับคุณย่าแบบนี้ได้ยังไง”
“ผมพูดผิดตรงไหน”
ภาสันต์ เอานิ้วจิ้มหน้าผาก
“นี่แกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ทำไมแกถึงได้โง่แบบนี้ห๊ะ”
ภูวดลไม่พอใจ ศรีพิไลรีบห้าม
“พูดกับลูกดีดีสิคุณ”
“พูดกับมันดีดี แล้วมันเคยได้เรื่องมั้ยล่ะ แกก็เห็นว่าคุณย่าพยายามจะดึงให้มันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ถ้าเกิดแกทำให้คุณย่าไม่พอใจ แล้วคุณย่าเปลี่ยนใจยกที่ดินตรงนั้นให้มันแทนแก ก็บรรลัยกันหมดล่ะงานนี้”
ภูวดลอึ้งไปเมื่อคิดตามที่ภาสันต์พูด ศรีพิไลเองก็ใจเสีย
“แล้ว...แล้วพ่อจะให้ผมทำไง ในเมื่อผมพูดกับคุณย่าไปแล้ว”
“ถ้าแค่นี้ แกยังคิดไม่ออกก็ไปกินหญ้าแทนข้าวไป”
ภาสันต์หัวเสียเดินออกไป
“แม่..ผมจะทำยังไงดี”
ศรีพิไลเข้ามากอดปลอบใจ
“ค่อยๆคิดนะลูกนะ”
ภูวดลสีหน้าเครียดทันที
วันถัดมา ... รวีพรรณยืนอยู่กับสุอาภาที่ร้ายขายของแต่งบ้าน
“ขอบคุณคุณแตมากนะคะที่ออกมาเป็นเพื่อนฉันซื้อของแต่งร้าน ฉันไม่ถนัดด้านนี้จริงๆ แล้วสิก็ต้องทำงานประจำเลยไม่มีเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว”
รวีแสร้งยิ้มซื่อ สุอาภาเดินออกไปก่อน รวีพรรณหันไปมองตามสุอาภาด้วยสีหน้าร้ายก่อนจะเดินตามสุอาภาออกไป
รวีพรรณกับสุอาภากำลังเลือกภาพวาดสำหรับตกแต่งร้านด้วยกัน สุอาภาหยิบภาพขึ้นมา
“เลือกภาพนี้ไปตกแต่งร้านดีมั้ยคะคุณรวี ภาพออกโทนสีเขียวใบเตยจะทำให้อยากอาหารค่ะ”
“ฉันเลือกคนมาซื้อของได้ถูกคนจริงๆ คุณแตว่าไง ฉันก็ว่างั้นค่ะ”
สุอาภายิ้มหันไปเลือกภาพวาด ระหว่างนั้นเพื่อนรวีพรรณเดินเข้ามา
“รวี...รวีจริงด้วย”
รวีกับสุอาภาหันไป
“เกด”
เพื่อนรวีพรรณเข้ามาทักทาย สุอาภามองๆ
“ดีใจจังที่เจอเธอ เย็นนี้ฉันนัดพวกนังกี้นังปุ้มไปแด๊นซ์ ไปด้วยกันนะ”
“ฉันไม่ค่อยไปเที่ยวอะไรแบบนั้น”
“บรรลุนิติภาวะมาหลายปีแล้วนะยะ ยังจะกลัวตรวจบัตรประชาชนอยู่อีกเหรอไปด้วยกันนั่นแหละ นานๆสามีฉันจะอนุญาตซักที ไปนะรวีนะ นะๆๆ”
รวีพรรณสีหน้าลำบากใจมากๆ หันไปทางสุอาภา
“คุณแตไปกับรวีนะคะ”
สุอาภาชะงักแล้วอึ้งไป
“ฉันเนี่ยนะคะ”
รวีพรรณเดินคุยมากับสุอาภา
“ฉันไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนกลุ่มนี้หรอกค่ะแต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง พวกนี้เที่ยวเก่งแต่ฉันเอาแต่เรียน คุณแตเข้าใจใช่มั้ย”
“ค่ะ...ฉันเข้าใจ”
“กวนคุณแตอีกซักครั้งนะคะ มีคุณแตไปด้วย ฉันจะได้หาข้ออ้างรีบกลับ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวฉันบอกพิทให้นะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันบอกพิทเอง”
รวีพรรณยิ้มแต่หันไปลอบทำหน้าเจ้าเล่ห์
เวลาเย็นที่นพอาร์คิเทค พิทยากำลังทำงานเคร่งเครียด กับปวีณาและทีมงาน มือถือพิทยาที่วางบนโต๊ะ มีสายเข้าขึ้นชื่อที่หน้าจอว่า “สุอาภา” แต่พิทยาไม่ได้ยินเพราะปิดเสียงเอาไว้และไม่เห็นอีกด้วย สุอาภาวางสาย
“สงสัยยุ่งจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แน่ๆ”
สุอาภาคิดแล้วก็ส่งเมสเสจออกไป
ภายในผับ เวลากลางคืน รวีพรรณทักทายกับเพื่อนๆ มีสุอาภายืนอยู่ด้วย
“ดื่มไรดี” เพื่อนคนแรกถาม
“ขอน้ำส้มแหละกัน” รวีพรรณบอก
“นางเอกตลอดเลยนะเธอน่ะ คืนนี้ห้ามเป็นนางเอกจ๊ะ” รวีพรรณว่า
เพื่อนรวีเอาคอกเทลมาให้ รวีพรรณชะงัก สีหน้าลำบากใจสุดๆ สุอาภาเห็นก็เลยรับแก้วมา
“แก้วนี้ฉันขอนะคะ เอาน้ำส้มให้คุณรวีเถอะค่ะ”
“ก็ได้”
เพื่อนรวีหันไปเรียกพนักงาน รวีพรรณหันมาทางสุอาภา
“ขอบคุณนะคะ”
สุอาภายิ้มให้อย่างจริงใจแล้วก็ดื่มคอกเทล รวีพรรณหันไปลอบมองหน้ากับเพื่อนอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันไปมองสุอาภาด้วยแววตาไม่หวังดี
แรงปรารถนา ตอนที่ 10 (ต่อ)
พิทยาเข้าในห้องทำงาน ทิ้งตัวนั่งลงอย่างหมดแรง แล้วก็เอามือถือบนโต๊ะขึ้นมา เห็นข้อความจากสุอาภา พิทยากดเปิดอ่าน
“คืนนี้กลับดึก ไปกับคุณรวี”
พิทยาไม่ได้ติดใจอะไร
ภายในผับ สุอาภาวางแก้วคอกเทลลงบนโต๊ะ เพื่อนๆรวีพรรณออกไปเต้นกับที่กลางฟลอร์
“เดี๋ยวถ้าเพื่อนฉันกลับมา ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า ฉันไม่สนุกเลยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
ระหว่างนั้นมีผู้ชายเดินมาหาสุอาภา รวีพรรณหันไปมอง
“สวัสดีครับ ออกไปเต้นกันมั้ยครับ”
“ไม่”
“ออกไปสนุกด้วยกันเถอะนะครับ พวกเพื่อนๆผม อยากรู้จักคุณ” ผู้ชายคนนั้นพูดพลางหันไปดูผู้ชาย2-3คนที่กลางฟลอร์
สุอาภาเริ่มไม่พอใจ ลุกขึ้นยืน
“ฉันบอกว่าไม่...ฉัน”
สึอาภารู้สึกมึนหัวขึ้นมาทันที ผู้ชายเข้าจับแขนสุอาภา
“ไปด้วยกันนะครับ”
รวีพรรณมองสุอาภาแล้วก็ยิ้มร้ายมาก ก่อนจะลุกขึ้นทำเป็นยืนห้าม
“เพื่อนฉันเค้าไม่อยากเต้น ปล่อยเถอะค่ะ”
ผู้ชายหันมามองรวีพรรณส่งซิกบางอย่างให้กัน ผู้ชายทำไม่สนใจลากสุอาภาที่ไม่มีแรงให้ออกไป
“ปล่อย...ฉัน..ไม่...ไป”
ผู้ชายพาสุอาภาเข้ามาในกลุ่มที่อยู่กลางฟลอร์ สุอาภาถูกผู้ชายล้อมรอบ รวีพรรณยิ้มด้วยความพอใจ
ระหว่างนั้นเพื่อนรวีพรรณเดินกลับมา
“ยาของพวกเธอออกฤทธิ์ดีมาก พวกเธอหมดหน้าที่แล้ว กลับไปซะ”
รวีพรรณเอาเงินออกมายื่นให้กับพวกที่แสดงว่าเป็นเพื่อนรวีพรรณ ผู้หญิงพวกนั้นรับเงินมาแล้วก็เดินออกไป รวีพรรณมองสุอาภาแววตาไม่หวังดี
“ฉันจะทำให้พิทเกลียดแก นังสุอาภา!”
รวีพรรณมองสุอาภาที่กำลังโดนผู้ชายรุมล้อมด้วยสีหน้าที่ร้ายกาจ
เวลาเดียวกัน รถพิทยากำลังติดไฟแดง พลันเสียงมือถือดังขึ้น พิทยากดรับสาย
“ครับรวี... ผมอยู่ใกล้ๆแถวนี้ ผมจะรีบไป”
พิทยาวางสาย แล้วรีบขับรถออกเลนขวาเพื่อกลับรถทันที
พิทยาเข้ามาในผับและมองหาสุอาภา แต่ไม่เห็น แล้วก็เห็นรวีพรรณยืนอยู่ พิทยารีบเดินเข้ามาหา
“รวี”
รวีพรรณหันไปทำเป็นดีใจที่พิทยาเดินเข้ามา
“คุณแตอยู่ไหน”
“โน่นค่ะ”
พิทยาหันไปเห็นผู้ชายกำลังรุมสุอาภาก็ไม่พอใจ
“คุณแตเธอดื่มหนักมากค่ะ รวีพยายามห้ามไม่ให้คุณแตออกไปเต้นกับผู้ชายพวกนั้น แต่คุณแตไม่ฟัง รวีขอโทษนะคะ”
“มันไม่ใช่ความผิดรวี”
พิทยาพูดจบก็เดินตรงเข้าไปจับแขนสุอาภา เธอหันมาเห็นพิทยาก็ดีใจ ยิ้มกว้าง แต่หน้ามึนมาก
“พิท…มาสนุกกัน”
“กลับบ้าน !”
พิทยาจะลากสุอาภาที่สลึมสลือออกไป พวกผู้ชายหันมาไม่พอใจ
“เฮ้ย! จะพาไปไหน”
พิทยาหันมาชี้หน้าตาแข็งกร้าว
“ไม่ใช่เรื่องของพวกคุณ!”
พิทยารีบพาสุอาภาออกไปทันที รวีพรรณทำทีรีบเข้ามาช่วย
“รวีช่วยค่ะ”
รวีพรรณกับพิทยาช่วยกันประคองสุอาภาออกไป
พิทยาพาสุอาภาเข้าไปนั่งในรถ เธอยังมึนสุดๆ พิทยาปิดประตูแล้วหันมาทางรวีพรรณที่ยืนหน้าเป็นกังวลอยู่
“รวีขอโทษจริงๆนะคะ ถ้ารวีไม่ชวนคุณแตออกมาเป็นเพื่อน คงจะไม่เกิดเรื่องเกิดราวแบบนี้”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ มันเป็นเพราะตัวคุณแตเอง”
“รวีไม่นึกว่า พอแอลกอฮอล์เข้าปากคุณแต จะทำให้เธอใจกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนั้น เหล้านี่มันทำให้คนขาดสติได้จริงๆ นี่ถ้าพิทมาไม่ทัน รวีไม่อยากจะคิดเลยว่าคุณแตกับผู้ชายพวกนั้นจะไปถึงไหนต่อไหน”
พิทยายิ่งฟังก็ยิ่งโมโหสุอาภา
“ขอบใจรวีมากนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พิทรีบพาคุณแตกลับบ้านเถอะ”
พิทยาพยักหน้าแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป รวีพรรณสีหน้าพอใจมาก
เช้าวันถัดมาที่บ้านพิทยา สุอาภานอนบนเตียงในชุดเดิม ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบห้องด้วยสีหน้าแปลกใจ
บริเวณห้องรับแขก พิทยาสีหน้ายังดูเหนื่อยๆคุยโทรศัพท์อยู่
“ได้ยินว่าคุณแตสบายดี รวีก็โล่งใจ พิทอย่าโกรธคุณแตนะคะ ที่คุณแตดื่มเยอะ คงเป็นเพราบรรยากาศพาไปมากกว่า”
พิทยาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“จะเป็นเพราะบรรยากาศหรืออะไรก็ตาม ก็ควรจะระวังตัวเอาไว้บ้าง ผมห้ามตั้งไม่รู้กี่ครั้งแต่ก็ไม่เคยเชื่อ ถ้าเมื่อคืนผมไปไม่ทัน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
พิทยาตัดพ้อเล็กๆ แต่รวีพรรณเข้าใจว่าพิทยาตำหนิสุอาภา
“รวีเห็นใจพิทจริงๆ ไม่อยากให้มีปัญหากัน แต่จะว่าไป..”
รวีพรรณทำเป็นไม่กล้าพูด เขาเห็นรวีพรรณไม่พูดต่อก็สงสัย
“รวีมีอะไรก็พูดมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
รวีพรรณแกล้งถอนหายใจอย่างหนัก
“คนเราเคยทำผิดยังไงก็มักจะทำผิดซ้ำสองซ้ำสามแบบเดิม นิสัยบางอย่างก็เปลี่ยนยาก”
พิทยานิ่งเงียบไปเลย รวีพรรณออกตัว แต่ก็แอบใส่ไฟเข้าไปอีก
“ที่พูดเนี่ย...ไม่ได้ว่าคุณแตนะคะ รวีพูดตามที่เคยเห็นมา คงยากที่จะทำให้คุณแตเปลี่ยนตัวตนของเธอ พิทคงต้องอดทนมากขึ้น ยังไงก็พยายามใจเย็นๆ ถ้าอยากให้รวีช่วยอะไรก็บอก บางทีผู้หญิงคุยกันจะง่ายกว่า รวีเห็นใจพิทจริงๆ”
รวีพรรณแววตาสะใจ แต่พิทยาเหนื่อยใจ
สุอาภาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงมา เจอพิทยาที่เพิ่งวางสายจากรวีพรรณ พิทยาหันไปเห็นสุอาภาก็หน้าตึง
“ฉันกลับมาบ้านได้ไง”
“เมามากจนจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
สุอาภาอึ้ง
“เมา”
“ก็เมาน่ะสิ ผมเตือนคุณหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ดื่ม ทำไมคุณถึงไม่เชื่อผมบ้างห๊ะ”
“ฉันดื่มคอกเทลไปแก้วเดียวจะเมาได้ไง”
“ถ้าไม่เมาแล้วที่ออกไปเต้นอยู่กลางฟลอร์กับผู้ชายพวกนั้น ก็ตั้งใจล่ะสิ”
สุอาภาชะงัก อึ้ง และพยายามนึก แต่จำไม่ได้ พิทยาหึงมาก
“คงสนุกมากใช่มั้ย”
สุอาภางง
“พูดอะไรของนาย ฉันไปเต้นอะไรกับใคร”
“ผมเห็นกับตาตัวเองยังจะโกหกอีก ไหนสัญญาว่าจะไม่โกหกกัน”
สุอาภาไม่พอใจที่พิทยาขึ้นเสียง
“ฉันไม่ได้โกหก! ถ้าฉันออกไปเต้นจริงๆ ทำไมฉันจะจำไม่ได้”
พิทยาโมโห
“ยอมรับความจริง มันน่าอายตรงไหนห๊ะ! อ้อ หรือว่าอายเพราะเมื่อคืนทำอะไรมากกว่านั้น”
สุอาภาตกใจและโมโห
“นายพิทยา!”
พิทยาอึ้งรู้ตัวว่าพูดแรง สุอาภาพูดต่อ
“นายจะดูถูกฉันเกินไปแล้ว! ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ใช่นายนะที่ไปยืนจูบกับคุณรวีในผับ”
พิทยาเหวอที่เธอวกกลับมาเรื่องนี้อีก
“ผมบอกคุณไปแล้วไงว่าเรื่องระหว่างผมกับรวีเป็นอุบัติเหตุ อย่าเอาสองเรื่องนี้มาปนกัน”
“มันก็เรื่องเดียวกันนั่นแหละ มันเป็นเรื่องของความไว้ใจและเชื่อใจ ฉันไม่คุยกับนายแล้ว”
สุอาภาโมโหมากๆ จ้ำเดินออกไป พิทยาใจเสียที่เห็นเธอโกรธก็เลยรีบตามออกไป
“คุณแต..คุณจะไปไหน”
พิทยารีบตามออกมา
สุอาภาจ้ำเดินออกมาที่รถ
“คุณแต ผมถามว่าคุณจะไปไหน”
“อย่ามายุ่ง!”
“เรื่องเมื่อวานนี้ยังไม่เข็ดอีกเหรอ”
สุอาภาหยุดเดินแล้วหันมา
“เพิ่งรู้ว่าฉันถูกคุมตัวไว้ในคุก! ออกไปไหนเองไม่ได้แม้แต่กลางวันแสกๆ”
“คุณแต !”
สุอาภาลอยหน้าไม่สน
“เอาเป็นว่าถ้าฉันเป็นอะไรไป ฉันจะเขียนโน๊ตแปะหน้าผากไว้ว่าฉันทำตัวเอง นายไม่ต้องมารับผิดชอบ”
พิทยาฟังแล้วจี๊ดจะเข้าไปห้าม พลันมือถือตัวเองดังเสียก่อน พิทยาหยิบออกมา...เห็นหน้าจอก็รีบรับ
“ครับ พี่ใหญ่ ว่าไงนะครับ”
สุอาภาเปิดประตูรถกำลังจะเข้าไปนั่ง พิทยาไปคว้าข้อมือเอาไว้
“นายพิทบูล ฉันบอกแล้วไงว่า...”
พิทยาสวนขึ้นมาก่อน
“ป๋าให้พี่ใหญ่โทรมาชวนเรา...”
สุอาภามองตาเขียว พิทยาเปลี่ยนสรรพนามทันที
“คุณกับผม ไปออกรอบด้วยกัน”
สุอาภาสะบัดมือออกจะขึ้นรถ
“ฉันไม่ไป”
พิทยาคว้าแขนเอาไว้อีก
“หยุดนะคุณแต! อย่าให้คุณอารู้ว่าเราทะเลาะกัน ผมไม่อยากเห็นคุณอาทรุดลงไปอีก”
สุอาภาชะงัก คิดตามที่พิทยาพูด
บริเวณสนามกอล์ฟ พิทยาและสุอาภาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดตีกอล์ฟแล้ว เขาจูงมือเธอที่สีหน้าไม่เต็มใจเดินเข้ามาตามทาง เธอพยายามดึงมือออก
“ปล่อย...ฉันเดินเองได้”
“อยากให้คุณอา พี่ใหญ่ พี่ต่ายรู้เหรอว่าเรากำลังมีปัญหากัน”
สุอาภาจำยอมให้พิทยาจับมือเดิน นพ บวร วรรณวดีเห็นทั้งคู่ก็ยิ้มและโบกมือทักทาย
“ฮันนีมูนนี่ดีนะ ยาเค้าแรงจนถึงวันนี้เลย”
ทั้งสามคนยิ้มๆ ทำตาล้อคู่สามีภรรยาที่ยังดูสวีตหวาน สุอาภาหมั่นไส้จะชักมือออก พิทยาจับไว้ไม่ทัน เลยเปลี่ยนมาโอบเอวเธอแทน
สุอาภาตาเขียว
“คุณอาทักแบบนี้ เดี๋ยวคุณแตเขินไม่ให้ผมเข้าใกล้ล่ะแย่เลย”
“ป่านนี้แล้วยังจะเขินอะไรอีก เดี๋ยวป๋าก็ไม่ได้อุ้มหลานซักที”
“ใช่ ป๋าเค้าฟิตกล้ามรออุ้มเจ้าตัวเล็กมาหลายเดือนแล้วนะ” วรรณวดีว่า
สุอาภายิ่งอาย
“ป๋า พี่ต่าย”
“ไม่ต้องค้าน รับออร์เดอร์ป๋าไว้ รู้มั้ยถ้าได้เล่นกับหลาน คนแก่จะแข็งแรง” บวรว่า
นพชะงัก
“เออใช่ๆ เฮ้ย ใครแก่ นี่เดี๋ยวจะทำโฮลอินวันให้ดูเป็นขวัญตา”
นพหันไปเอ็ดบวรที่แหย่หนวดเสือ ทุกคนหัวเราะ แล้วสุอาภากับพิทยาก็หันมาหัวเราะใส่กัน ก่อนจะชะงักกันไป
“แตขอตัวไปทางนั้นก่อนนะคะ”
สุอาภาเดินไปเลย
“ดูๆ! ดูมันเขิน”
สุอาภาเดินหลบออกมาแล้วถอนใจ เพราะรู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนพูด
สุอาภาเดินหน้าเหวี่ยงออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงคนทัก
“แต...”
สุอาภาหันไปเห็นทัศน์เดินตรงเข้ามาหา
“ดีใจจังที่ได้เจอคุณ ผมนึกว่าคุณเปลี่ยนสนามไปแล้วซะอีก”
“พอดีช่วงนี้แตยุ่งๆ”
พิทยาเดินตามออกมามองหาสุอาภา แล้วก็เห็นเธอคุยกับทัศน์ พิทยาหน้านิ่วไม่พอใจ หึงโดยไม่รู้ตัว เขารีบเดินมาหาทันที
“ไม่ได้เล่นนาน เดี๋ยวลูกพัตต์ฝืดหมด สงสัยผมคงต้องติวเพิ่มให้แล้วมั้งครับ” ทัศน์ว่า
พิทยาเดินมาได้ยินพอดี
“ไม่รบกวนคุณดีกว่าครับ เดี๋ยวผม สอนภรรยาผมเอง”
พิทยาเดินเข้ามาโอบเอวสุอาภาเข้ามาหาตัว ทัศน์หน้าจ๋อยชะงักไปทันที
“นี่แตแต่งงานแล้ว”
พิทยาตอบแทน
“ใช่ครับ”
สุอาภาสะบัดตัวออกมาจากพิทยา
“แต่งได้ ก็หย่าได้ค่ะ”
พิทยาสะอึก ไม่นึกว่าสุอาภาจะกล้าพูดต่อหน้าคนอื่นแรงขนาดนี้
“เอ่อ ผมไม่รบกวนคุณสองคนแล้ว ขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบว่าแตมีสามีแล้ว พอดี..ไม่เห็นแหวนแต่งงาน” ทัศน์พูดพลางมองไปที่มือซ้ายของสุอาภา
พิทยาชะงัก ทัศน์รีบเดินไปอย่างหน้าแตก พิทยาหันมาถามสุอาภา
“เค้าเป็นใคร”
สุอาภาไม่ตอบจ้ำเดินออกไป ยิ่งทำให้พิทยาหัวเสีย
บริเวณสนามกอล์ฟ พิทยายืนปรับไม้อยู่ ลูกกอล์ฟกระแทกมาโดนหลัง แคดดี้ของสุอาภามาเก็บลูกให้ สุอาภาทำไม่รู้ไม่ชี้
พิทยาวอร์มท่ากับไม้ ลูกกอล์ฟมาโดนแขนเต็มแรง พิทยาสะดุ้งโหยง หันไปเห็นสุอาภาทำไม่รู้ไม่ชี้อีก ก็มองๆ แต่ไม่อยากทะเลาะเลยหันมาวอร์มท่าอีกครั้ง ลูกกอล์ฟกระเด็นมา แต่คราวนี้พิทยาหลบได้ มองสุอาภาท้าทาย
สุอาภาเอาไม้หวดสนามหญ้าอย่างแรง จนตัวเองเซและล้มลงไปซะเอง พิทยาขำ แคดดี้รีบประคองสุอาภาให้ลุก สุอาภาฟึดฟัด … นพ บวร ต่ายมองๆสถานการณ์
“ไอ้แตมันจะตีกอล์ฟ หรือตีไอ้พิทกันแน่” บวรว่า
“คนรักกันก็หยอกกันอย่างนี้แหละ” นพบอก
พิทยาจะเข้าไปดูสุอาภา แต่เธอรีบคว้าไม้มาหวดลูกเฉียดพิทยาไปนิดเดียว พิทยาแทบหงาย
“แบบนี้รึเปล่าคะ ที่เรียกว่า รักจัดหนัก”
นพ บวร วรรณวดี เพ่งมองสุอาภากับพิทยาที่ดูแง่งอนกันพิกล พิทยาตั้งหลักได้ หันมาเห็นทั้งสามคนมองมาก็รีบเอาผ้าขนหนูทำทีไปซับหน้าให้สุอาภา สุอาภาจะกระเถิบหนี แต่พิทยาเข้าไปโอบไว้ซะแน่น หันไปส่งซิกสายตาดุ
“ทุกคนมองเราอยู่ รู้หน้าที่หน่อยสิ”
สุอาภาหันไปเห็นทุกคนส่งยิ้มให้ก็รีบหันไปฉีกยิ้มใส่พิทยา
ที่บ้านสวน ภายในห้องรับแขก จันทร์จำนงพูดออกอย่างโล่งอก
“คิดได้ก็ดีแล้ว ยังไงเรากับพิทก็เป็นสายเลือดเดียวกัน ต่อไปมีอะไรจะได้พึ่งพากันได้”
ภูวดลสีหน้าตึงมากแต่ก็หันไปหวานเอาใจย่าด้วยการยกมือไหว้
“คราวที่แล้ว ผมใจร้อนเกินไปทำให้คุณย่าต้องพลอยไม่สบายใจไปด้วย ผมขอโทษคุณย่านะครับ”
“ย่าไม่รับหรอก”
ภูวดลชะงัก
“ไปขอโทษพี่เราโน่นเค้าจะได้รู้ ว่าจริงๆแล้ว เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรนั่นแหละ ย่าถึงจะสบายใจ”
ภูวดลยังนิ่งเงียบอยู่ รู้สึกว่าชักจะยากเกินไปซะแล้ว
“ว่าไงล่ะ อยากให้ย่าสบายใจจริงๆรึเปล่า”
“ผมมีคุณย่าคนเดียวที่รักและหวังดีกับผมที่สุด ถ้าไม่เห็นแก่คุณย่าแล้วจะเห็นแก่ใครล่ะครับ”
ภูวดลซบตักทันที จันทร์จำนงลูบหลังหลานอย่างเอ็นดู ยิ้มพอใจที่ภูวดลรับปาก แต่สีหน้าภูวดลกลับมีแววตาเคืองพิทยาอยู่
บริเวณโต๊ะพักผ่อนในสนามกอล์ฟ พิทยาดูรอยแดงที่โดนลูกกอล์ฟฝีมือสุอาภาบนแขนตัวเอง
“ไอ้แต สามีดีๆหายากนะเว้ย รู้จักทะนุถนอมหน่อย” บวรบอก
“ช่วยไม่ได้ พิทเค้าดวงซวย โชคไม่ดีเอง แตไม่ได้ตั้งใจ”
นพ บวร วรรณวดีมองๆหน้ากัน
พิทยารีบแก้เกม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อยู่ข้างนอกบ้าน ผมยอม ไว้ค่อยคิดบัญชีตอนอยู่บ้าน”
นพกับบวรปรบมือหัวเราะชอบใจกันใหญ่
“พี่ใหญ่ ไม่ขำนะคะ”
ปรากฎว่าวรรณวดีหยุดหัวเราะช้าสุด สุอาภาส่งสายตาพิฆาตไปหาพี่สาว ทำเอาวรรณวดีอ้าปากค้างแล้วก็ค่อยๆหุบปากลง
ลูกนัท ออแกไนซ์เซอร์ตัวแม่เมียงๆมองๆมา พอแน่ใจว่าใช่ ก็รีบปรี่เข้ามา
“น้องแต ! อุ๊ยใช่จริงๆด้วย”
ลูกนัทรีบไหว้นพอย่างรู้มารยาท นพรับไหว้
“สวัสดีคุณลูกนัท ไม่ได้เจอนาน สวยขึ้นนะ”
ลูกนัทยิ้มชอบใจ
“คุณนพนี่ปากหวานน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
ลูกนัทหันไปทางสุอาภากับพิทยา
“ตั้งแต่แต่งงานไปเนี่ย หายหน้าหายตาเลยนะคะคุณน้อง พี่ลูกนัทล่ะคิดถึ๊งคิดถึง เจอตัวก็ดีแล้ว... คุณนพขา ลูกนัทขอตัวคู่เนี๊ยะไปช่วยงานการกุศลหน่อยเถอะค่ะ”
ลูกนัทหมายถึงพิทยากับสุอาภา
“งานแชร์รีตี้ฟอร์ไชลด์ ที่คุณลูกนัทจัดทุกปีใช่มั้ยค่ะ” วรรณวดีถาม
“แม่นแล้วค่ะ คุณต่ายความจำดี๊ดี พอดีว่าคอนเซปต์ปีเนี๊ยะเป็นธีมคู่รัก “พลังแห่งรักเพื่อเด็กไร้บ้าน” เราจะรวบรวบคู่รักเซเลบทั่วฟ้าเมืองไทยมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ถ้าขาดเจ้าแม่ปาร์ตี้อย่างน้องแตไป งานคงกร่อยน่าดู...นะคะ นะคะน้องแต”
สุอาภาเหล่พิทยาแล้วถาม
“พี่ลูกนัทจะให้แตเดินแบบคู่กับ...”
“อ๊ะแน่นอนค่ะ ของดีมี เราต้องเอาไปอวดใช่มั้ยคะ”
สุอาภาจะปฏิเสธ
“แตไม่...”
“ไม่ปฏิเสธครับ ผมกับคุณแตยินดี”
สุอาภาเหวอกำลังจะพูดแย้ง
“ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าช่วยการกุศลดีกว่าเราไปปาร์ตี้เย้วๆไม่ได้อะไรตั้งเยอะนะลูก ป๋าก็อยากเห็นลูกสาวตัวเองบนแคทวอล์ค ดูซิว่าจะสู้พวกนางแบบได้มั้ย”
นพออกมารับลูกให้ซะเต็มที่ ทำเอาสุอาภาพูดไม่ออก
นพพูดกับพิทยา
“ฝากยัยแตด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณนพ น้องแต วันนี้ลูกนัทลัคกี้จริงๆ โฮะๆๆ”
สุอาภามองค้อนพิทยา
สุอาภาเดินกระแทกกระทั้นมาที่รถด้วยท่าทางไม่พอใจมาก พิทยาเดินไปเปิดประตูด้านคนขับ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง ! มันเรื่องอะไรถึงกล้าเสนอหน้าแทนฉันว่าจะไปงานอะไรนั่น”
พิทยาชี้ที่รอยลูกกอล์ฟบนแขน
“ทำบาปมาเยอะแล้ว รู้จักทำบุญซะบ้าง”
สุอาภากระชากแขนพิทยาที่จะขึ้นรถ พิทยาหันมา
“ฉันไม่เชื่อ ไหนบอกว่าเกลียด ไม่ชอบออกสังคม”
“นั่นมันก่อนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ ถ้าคุณออกสังคมผมก็ต้องไปด้วย มันเป็นหน้าที่ของสามีที่ดี”
สุอาภาเบ้หน้า
“อย่างนายเนี่ยเหรอสามีที่ดี”
พิทยาถอนใจรู้ว่าสุอาภาหมายถึงอะไร สบตาจริงจัง พูดอ่อนโยน
“ผมขอโทษที่พูดจาดูถูกคุณ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก เลิกงอนผมซักทีเถอะ”
สุอาภามองหน้าพิทยาแล้วก็เชิดหน้าใส่ก่อนจะขึ้นรถปิดประตูปัง!!! พิทยาครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี แล้วก็นึกออก
สุอาภานั่งหน้าตึงแล้วก็ค่อยๆนิ่วหน้าสงสัย
“นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้าน จะไปไหน”
พิทยาไม่ตอบ แต่เลี้ยวรถเข้าไปทางห้างสรรพสินค้าทันที
พิทยาเดินนำสุอาภาเข้ามาในห้างสรรพสินค้า
“พาฉันมานี่ทำไม”
พิทยาไม่ตอบ แต่จูงมือพาสุอาภาเดินไป สุอาภาขึ้นเสียง
“ทำแบบนี้จะหาเรื่องกันเหรอ นายพิทบูล !”
สุอาภายืนตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง เพราะเบื้องหน้าคือเคาน์เตอร์เครื่องประดับเพชร
“ตกลงนายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
พิทยาหันมาบอก
“ถ้าไม่ให้ผมมากับคนที่ผมจะซื้อแหวนให้ แล้วจะให้มากับใคร”
“จะมากับใครก็เรื่องของนาย”
สุอาภาใส่อารมณ์แล้วก็ชะงัก นึกออกถึงความหมาย
“...นาย นายจะซื้อแหวนให้ฉัน”
สุอาภาหน้าเหวอมาก เหมือนเป็นปรากฎการณ์อันมหัศจรรย์ของโลก พนักงานขายแอบยิ้มในความเหวอของคุณภรรยา
“มีแหวนติดนิ้ว คนเค้าจะได้รู้ว่าคุณมีเจ้าของแล้ว จะได้ไม่มีใครหน้าไหนมายุ่งกับคุณ”
สุอาภาอึ้งไปเลย เหลือบตามองพิทยาอย่างไม่แน่ใจ พิทยาเองก็ทำหน้าไม่ถูก เขินๆ หันไปเลือกแหวนเพชรวงเล็กๆน่ารักๆ
“ผมขอดูวงนี้ครับ”
พนักงานขายหยิบแหวนส่งให้ พิทยาหยิบแหวนขึ้นมาดูแล้วก็หันไปทางสุอาภา
“ชอบรึเปล่า”
สุอาภาทำฟอร์มบอก
“ก็งั้นๆ”
พิทยาไม่สนใจกับคำตอบของสุอาภา ดึงมือเธอมาสวมแหวนให้ที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ทันที สุอาภาอึ้ง
“ไซส์พอดีเป๊ะ ตกลงรับวงนี้เลยนะคะ” พนักงานขายบอก
“ครับ” พิทยารับคำแล้วหันไปทางสุอาภาพลางกำชับ
“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะ”
สุอาภาไม่อาจพูดอะไรมากไปกว่านี้ ความโกรธหายไปจนหมดสิ้น รู้สึกดีสุดๆ พิทยาเองก็เช่นกัน สุอาภาสีหน้าสุขใจก้มมองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย
“แหวนเนี่ยเป็นสมบัติเก่า ตกทอดกันมาตั้งแต่คุณทวดของป้า น้ำงามที่สุด แล้วกระรัตขนาดเนี้ยะ หาไม่ได้อีกแล้วนะจ๊ะ หนูรวีสวมดูซิ ว่าพอดีนิ้วรึเปล่า”
แหวนเพชรรูปทรงโบราณน้ำงามหยดแบบอลังการกว่าแหวนของสุอาภามากๆ รวีพรรณมองแหวนอย่างรู้สึกกดดัน ไม่อยากแม้แต่จะหยิบขึ้นมา
“เห็นมั้ยว่าคุณป้าเอ็นดูเราขนาดไหน”
รมณีหันมาพูดกับศรีพิไล
“จะดีเหรอเธอ...แหวนวงสำคัญแท้ๆมายกให้รวีแบบนี้”
ศรีพิไลไม่ทันจะตอบ แต่ภูวดลชิงออกหน้าซะก่อน
“นั่นน่ะสิครับ ผมว่ามันไม่ถูก”
ทั้งศรีพิไล และรมณีต่างชะงักกันไป
“พ่อดล...ทำไมพูดแบบนี้” ศรีพิไลว่า
ภูวดลหยิบแหวนขึ้นมา
“ไม่ถูก ถ้าจะให้คุณรวีสวมแหวนวงสำคัญด้วยตัวเอง ต้องให้ว่าที่เจ้าบ่าวสวมให้ถึงจะถูก”
ภูวดลสวมแหวนเข้าที่นิ้วของรวีพรรณทันที ศรีพิไลและรมณีต่างโล่งใจกันไป แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันอย่างพอใจ
“รู้สึกว่าจะคับไปหน่อย เดี๋ยวป้าให้คนเอาไปแก้ให้ หนูรวีใส่ จะได้ไม่อึดอัด” ศรีพิไลว่า
รวีพรรณมองภูวดลอย่างไม่พอใจ อยากจะชักมือออก แต่ภูวดลแกล้งจับมือไว้ไม่ปล่อย ทันใดนั้นมือถือของศรีพิไลดังขึ้น ศรีพิไลดูที่หน้าจอแล้วหันไปรับสาย
“ค่ะ ศรีพิไลพูดค่ะ คุณแต๋ม มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
รวีพรรณดึงมือออกจากภูวดลจนได้ แต่ภูวดลก็ไม่ยอมแพ้ พูดกับรมณี
“คุณน้าครับ เสร็จจากนี่ ผมขอพาคุณรวีไปรับประทานอาหารด้วยกันข้างนอกได้มั้ยครับ”
“แหม ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ”
รวีพรรณเสียงแข็ง
“ไม่ได้ค่ะ รวีติดธุระ”
รมณีจิกตาเขียวใส่รวีพรรณ แต่เธอส่งสายตาไม่ยอมตอบมา ศรีพิไลที่วางสายแล้วหันมาบอกทุกคน
“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าหนูรวีไม่ว่าง ครั้งนี้ป้ายอมให้ปฏิเสธได้ แต่หนูห้ามปฏิเสธเรื่องที่ป้าจะขอให้ช่วยนะ”
รวีพรรณ ภูวดล และรมณีต่างชะงักกันไป ทุกคนสงสัยว่าเป็นเรื่องอะไร
แรงปรารถนา ตอนที่ 10 (ต่อ)
รวีพรรณกับรมณียืนส่งอยู่ รถของศรีพิไลกับภูวดลแล่นออกไปจากบ้านรวีพรรณไปแล้ว รมณีพูดอย่างโล่งอก
“ดีแล้วล่ะลูก ที่เรายอมไปงานเดินแบบการกุศลตามที่คุณป้าขอ รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามผู้ใหญ่แบบเนี้ยะ ท่านจะได้เอ็นดูเรามากๆ”
รมณีสบายใจหลงนึกว่ารวีพรรณว่าง่ายขึ้นมาแล้ว แต่เธอกลับครุ่นคิดบางอย่าง
ภูวดลหัวเสีย จ้ำเดินเข้ามาในบ้าน ศรีพิไลเดินตามเข้ามา
“จะบ่นอะไรนักหนา แม่แค่ขอให้เรากับหนูรวีไปเดินแบบให้แค่นี้”
“ทั้งงานมีแต่พวกชอบสาระแนเรื่องชาวบ้าน เฟค เสียเวลา!”
“แล้วเราใช้เวลาคุ้มค่านักนี่ หนูรวีซะอีก รู้งานว่าอะไรเป็นอะไร”
ภูวดลบ่นคนเดียวอย่างรู้ทัน
“มีแผนอะไรล่ะมากกว่า”
ศรีพิไลบ่นขึ้นมาเอง
“งานนี้อะไรๆก็ดูดีอยู่หรอก เสียอย่างเดียว ไปเชิญยัยคุณหนูใจแตกกับสามีรากหญ้ามาด้วย”
“คุณแม่ว่าไงนะ คู่ไอ้พิทยาก็มาด้วยเหรอ”
“ใช่น่ะสิ พวกจัดงานก็บ้าสร้างกระแส ยอมเอาพวกเหลวแหลกมาดึงเรตติ้ง นี่ถ้าไม่ใช่งานใหญ่ แม่ไม่ให้เรากับหนูรวีไปร่วมสังฆกรรมด้วยหรอก แต่ถ้าเราไม่ไปแชร์รีตี้งานนี้ คนเค้าก็จะนินทาเอา”
ภูวดลฟังศรีพิไลแล้วชะงักไป แววตาเซ็งๆ เปลี่ยนเป็นมีเล่ห์เหลี่ยมรู้ทันขึ้นมา !
หลายวันต่อมา เวลากลางวัน ณ สถานที่จัดงานแชร์ริตี้ฟอร์ไชล์ด บรรยากาศการเตรียมงานการกุศลเพื่อเด็กไร้บ้าน เห็นป้ายงาน และสตาฟวิ่งวุ่น มีการจัดดอกไม้ เคลื่อนย้ายข้าวของมาประดับประดารอบงานดูหรูหรา คู่รักเซเลปทยอยกันเข้ามาในงาน
บนแคตวอล์ก ลูกนัทกับดีไซเนอร์กำลังกำกับภูวดลและรวีพรรณที่ซ้อมท่าเดินกันอยู่
“เริ่ดค่ะเริ่ด อู๊ย คู่นี้เค้าเหมาะกันม๊ากมากนะฮะ”
ดีไซเนอร์ยิ้มหวานให้ภูวดลกับรวีพรรณ แต่กระซิบกับลูกนัท
“อะไรๆก็ดี แต่ทำไมชีเกร็งเหมือนไม่อยากเข้าใกล้ว่าที่สวามีล่ะ”
ภูวดลเห็นรวีพรรณคอยแต่จะเขยิบออกห่าง เลยแอบเสียงเขียวใส่
“นี่มันต่อหน้าคนอื่นทำตัวให้น่ารักหน่อย”
“อายเหรอที่คนเค้าจะรู้ว่าตัวเองน่ารังเกียจแค่ไหน”
ภูวดลจะกระชากแขนวรวีพรรณ แต่เห็นดีไซเนอร์กับลูกนัทมองมาเลยเปลี่ยนท่าเป็นโอบไหล่ จ้องตาสวีต
ลูกนัทรีบปรบมือ
“เยส แบบนี้แหละค่ะ”
ลูกนัทหันไปพูดกับดีไซเนอร์
“สงสัยเครื่องเพิ่งร้อน”
ภูวดลได้ใจดึงรวีพรรณเข้ามาแนบตัวยิ่งขึ้น ยิ่งรวีพรรณรังเกียจ ภูวดลก็ยิ่งแกล้ง
“ยิ้มหวานให้พวกสาระแนนั่นหน่อยสิ หรืออยากให้ฉันจูบโชว์”
รวีพรรณเม้มปากสนิท เมื่อเห็นภูวดลโน้มลงมาทำท่าจะเอาจริง ลูกนัท ดีไซเนอร์ และบรรดาสตาฟเห็น ก็อ้าปากเหวอ
“ตายแล้ว...หนังสด!”
รวีพรรณยอมฝืนยิ้มออกมา ภูวดลเลยหยุดแค่นั้น สองคนแค่สบตากันระยะใกล้
“แหม อะดรีนาลีนหลั่งเลยฮ่ะ”ลูกนัทพูดพลางปาดเหงื่อ
แล้วเหล่าสตาฟก็หันเหความสนใจไปทางด้านหลัง ภูวดล รวีพรรณหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น??
อีกมุมหนึ่ง พิทยากับสุอาภาเพิ่งมาถึง ลูกนัทรีบเข้าไปทักทาย
“มาได้เวลาพอดีเลยนะคะ กำลังซ้อมกันอยู่เลย”
รวีพรรณเดินมาหาสุอาภากับพิทยา ทั้งคู่ต่างประหลาดใจ
“รวีก็มางานนี้ด้วยเหรอ ทำไมผมไม่ยักรู้”
รวีพรรณไม่ทันจะตอบ ภูวดลก็เอื้อมมาโอบไหล่รวีพรรณรีบเสนอหน้าทันที
“รวีเค้าอยากมาเซอร์ไพรส์ พอรู้ว่าแกกับคุณสุอาภามา เค้าก็รีบตกลงมางานเลยนะ”
รวีพรรณมองภูวดลที่เข้ามาอย่างไม่ไว้ใจ
“แหม งั้นเชิญทักตามสบายนะฮะ แล้วเดี๋ยวพี่ค่อยให้สตาฟมาตาม”
ลูกนัทผละออกไป
“ผมเองก็ไม่อยากขัดใจ ในเมื่อคู่หมั้นอยากจะเปิดตัวคู่เราทั้งที”
ภูวดลลูบไล้ไหล่รวีพรรณอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ พิทยาเห็นสีหน้ารวีพรรณอึดอัดเต็มทีก็ไม่พอใจ
“กรุณาสุภาพด้วย คุณรวีอาจจะไม่ได้คิดเหมือนคุณ”
“นายไม่รู้หรอกว่ารวีกับฉัน คิดลึกซึ้งแนบชิดกันแค่ไหน”
พิทยาขบกรามไม่พอใจมากๆ สุอาภามองพิทยาที่ดูเหมือนหึงรวีพรรณก็เจ็บแปลบ
“ถ้าพูดอะไรดีๆไม่ได้ หยุดพูดก็ไม่มีใครเค้าว่า”
“ฉันไม่หยุด แกมีสิทธิ์อะไรมาห้าม”
พิทยาเลือดขึ้นหน้าจะเข้าไป แต่สุอาภาดึงเอาไว้
สุอาภาพูดเสียงดัง จงใจเสียงดังให้คนได้ยิน
“ให้เค้าพูดไปเถอะ ใครๆเค้าก็รู้ ว่าผู้ชายขี้โม้ จริงๆแล้วเป็นพวกไร้น้ำยา”
คนในงานได้ยินเสียงสุอาภาดังขึ้นต่างหันมา ภูวดลชักหน้าเสีย
“ทำไมไม่พูดอีกล่ะคะ ยิ่งพ่นออกมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งประจานธาตุแท้ของตัวเอง”
ภูวดลขู่เสียงเบา
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ก็อย่ามาเสียมารยาทกับเพื่อนฉัน ต่อหน้าพวกฉัน คุณรวีเธอเป็นผู้ดี ไม่สมควรได้รับกิริยาต่ำๆแบบที่นายแสดง”
ภูวดลขึ้นจะเข้ามาหาสุอาภา แต่พิทยาสีหน้าเอาจริงรีบมาขวางไว้ สายตาคนในงานจับจ้องมา ภูวดลพูดไม่ออก...แล้วก็ลากรวีพรรณให้เดินออกไป พิทยาได้แต่ถอนใจ อย่างเป็นห่วงรวีพรรณ
สุอาภากระแทกกระเป๋าถือลงบนโต๊ะในมุมแต่งตัวอย่างหัวเสีย
“ยังแสบไม่ทิ้งลายคุณหนูกระแตเหมือนเดิม”
“นี่นายชม หรือว่าด่าฉันกันแน่”
“ขอบคุณที่ช่วยปกป้องรวี”
สุอาภาชะงัก ไม่นึกว่าพิทยาจะมาขอบคุณ
“ก็มันทนไม่ได้ คนอะไร มีปากสักแต่เอาไว้พ่นของเน่าเสีย นรกเรียกพ่อ”
“ก็เลยต้องเจอตัวแม่อย่างคุณ แต่ห่วงตัวเองไว้บ้างก็ดี ผมไม่อยากให้นายนั่นนึกอาฆาตอะไรคุณขึ้นมาอีก”
ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน
“นายจะว่าฉัน...” / “ผมเป็นห่วงคุณ”
สุอาภาชะงัก เมื่อสายตาห่วงใยของพิทยามองมา สุอาภาสะเทิ้นเบาๆก่อนจะพยักหน้าให้พิทยาอย่างว่าง่าย
“ฉันต้องแต่งตัวแล้ว”
“อือ...”
พิทยาจะออกไป แต่กลับเห็นสุอาภาทำท่าจะถอดแหวนออก
“ทำอะไร”
“ถอดเก็บไว้ เดี๋ยวเค้าต้องให้ใส่เครื่องประดับอย่างอื่น”
“ผมจะบอกดีไซเนอร์เองว่าเปลี่ยนอะไรได้ทุกอย่าง แต่ห้ามคุณถอดแหวนของผม”
สุอาภาชะงัก พิทยาเดินไป สุอาภามองตามหลังแล้วยิ้มอย่างเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่
ที่มุมหนึ่ง รวีพรรณแอบฟังอยู่
“ที่แท้เธอก็อยากจะเอาหน้ากับพิท เธอมันร้ายกว่าที่ฉันคิด แต่หลังจากงานนี้ ฉันต้องได้พิทคืนมา!”
รวีพรรณสีหน้าเจ้าเล่ห์ มองสุอาภาอย่างมีแผนร้ายในใจ
เวลาเย็น นพ บวร และวรรณวดีเข้ามาในงาน ทุกคนสีหน้าชื่นมื่น แต่แล้วความหมองมาเยือนเมื่อรมณีกับศรีพิไลมองเหยียดมา
“น่าเสียดาย งานเกือบจะเพอร์เฟกอยู่แล้ว ไม่น่ามีหญ้าคามาขึ้นปะปนบนพรมทองคำเลยจริงๆ”
ทั้งสามคนชะงัก รู้ว่ารมณีจงใจเหน็บพิทยา
“คุณรมณี คุณศรีพิไลนี่เอง ผมนึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเจอพวกคุณ” นพบอก
“แต่ทีแรกฉันไม่นึกเลย ว่าต้องเจอพวกคุณ เพราะคุณสมบัติคู่รักที่ได้รับเชิญมางาน ไม่น่าจะผ่าน” ศรีพิไลว่า
“แล้วคุณสมบัติของคู่รักที่โดนพ่อแม่หัวโบราณมัดมือชกให้แต่งงานกันนี่ ผ่านกว่ายังไงเหรอครับ” บวรถาม
“แก...!”
รมณีเถียงแทน
“ใจเย็นๆค่ะ พ่อแม่เลือกคู่ที่เหมาะสมให้ลูก ยังไงก็ดีกว่าบางคน ที่ต้องคว้าผู้ชายจนๆมาคอยกลบรอยมลทินให้ลูกที่ใจแตก”
บวรกับวรรรวดีชะงัก รีบหันไปมองนพอย่างเป็นห่วง
“อย่าไปฟังนะคะป๋า”
นพแตะไหล่ลูกว่าไม่เป็นไร แล้วหันไปส่งสายตาเอาจริงบอกรมณี
“ถ้าผู้ชายจนๆที่คุณพูด หมายถึงพิทยาล่ะก็ เค้าไม่ใช่คนจนในสายตาของผม สำหรับผม พิทคือคนร่ำรวยที่สุด เพราะความสามารถและความดีในตัวเค้าตีค่าออกมาเป็นตัวเงินไม่ได้”
ศรีพิไลกับรมณีชะงัก
“แต่อย่างว่า คนที่มองคนแต่เปลือกมีเยอะ จะพูดอะไรก็เชิญเถอะครับ แต่อย่ามาพูดให้คนที่ไม่คิดคับแคบเหมือนกันได้ยินเลย”
ศรีพิไลกับรมณีแค้นจนตัวสั่น วรรณวดีกลัวจะมีเรื่องมากกว่านี้จึงเข้าไปแตะแขนนพ และพาพ่อออกมากับบวร
“อย่าไปสนใจค่ะ อีกหน่อยพวกนี้ก็ต้องเสียใจที่ไปเอาลูกเสือลูกตะเข้มาเลี้ยง !”
ศรีพิไลรีบลูบแขนรมณีอย่างปลอบและเอาใจ
หลังเวที รวีพรรณที่เปลี่ยนชุดแล้ว ดวงตามีแววร้ายลึก เพราะคิดเรื่องแก้แค้นอยู่ กำลังยืนให้สตาฟเย็บแก้ชุดให้ เห็นสตาฟเก็บงานแล้วปักเข็มเย็บผ้าไว้ใกล้ๆแถวนั้น
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณรวี เดี๋ยวเตรียมตัวเลยนะคะ โชว์ใกล้จะเริ่มแล้ว”
สตาฟเดินไป รวีพรรณเหลือบมองเห็นทุกคนมัวยุ่งกับการแต่งตัว ไม่มีใครมาสนใจ ก็หยิบเข็มเย็บผ้าขึ้นมาไว้ในมือก่อนเดินมุ่งตรงไป...
สุอาภาหันหลังเตรียมตัวอยู่ ไม่ได้สังเกตว่ามีใครมาทางด้านหลัง
สุอาภาเริ่มรู้สึกว่ามีใครมา หันไป ปรากฎว่าไม่มี สุอาภาหันกลับ รีบเปลี่ยนมาใส่รองเท้าเดินแบบ แล้วก็ชะงัก นิ่วหน้า ยกเท้าขึ้น ค่อยดึงเอาบางอย่างออกมา ปรากฎว่าสายหนังที่รัดข้อเท้า....เข้าไปอยู่ใต้เท้าเพราะรีบใส่เกินไป สุอาภาใส่ใหม่ให้ดี พอเงยหน้าขึ้นก็ชะงัก
รวีพรรณยืนหน้าซีดอยู่ใกล้ๆ ที่ข้อมือด้านในมีรอยโดนของมีคมข่วนเลือดออกซิป
“คุณรวี !”
สุอาภาตกใจหน้าซีดไม่แพ้กัน
ภายในห้องน้ำ สุอาภาช่วยเอาน้ำล้างแผลให้รวีพรรณ
“ขอบคุณนะคะคุณแต เลยต้องรบกวนคุณ”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ คุณรวีดีขึ้นมั้ยคะ”
รวีพรรณลังเลก่อนบอก
“รู้สึกปวดๆค่ะ ไม่รู้ว่าเข็มนั่น สะอาดรึเปล่า”
สุอาภาเป็นห่วง
“ใส่ยาฆ่าเชื้อดีกว่า เดี๋ยวฉันไปถามให้ว่าเค้าเก็บยาไว้ที่ไหน”
สุอาภาจะรีบไป
“เดี๋ยวค่ะคุณแต ฉันรู้ว่าเค้าเก็บยาไว้ที่ไหน”
สุอาภาเดินเข้ามาในห้องที่ใช้สำหรับเก็บของ ทั้งอับทั้งรก ทั้งทึบและไม่มีใครอยู่
“ห้องเนี่ยเหรอที่เก็บกล่องยา”
สุอาภาลงมือค้นหาที่โต๊ะและตามชั้นวางของแต่ก็ไม่เจอ ด้านหลังภูวดลแต่งตัวพร้อมเดินแบบเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เรียกผมมาที่นี่ทำไม”
สุอาภาเงยหน้ามองผู้มาใหม่ แล้วก็ผงะไปอย่างแรง
ภูวดลแปลกใจพอกัน
“คุณ”
ทันใดเสียงประตูหน้าห้องปิดดังปัง!! สองคนหันขวับ สุอาภาไปที่ประตูปรากฎว่าโดนปิดล็อกจากข้างนอกแล้ว
“เปิดไม่ได้...นี่...! มีคนอยู่ในนี้ เปิดประตูให้ที!”
สุอาภาร้อนรน อยากจะออกไปให้ได้ ภูวดลรู้สึกแปลกๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รวีพรรณยืนอยู่หน้าห้อง แล้วนึกย้อนกลับไป
กดข้อความส่งไปหาภูวดล เขียนว่า “มีเรื่องจะคุยด้วย มาเจอที่ห้องด้านหลังหน่อย” รวีพรรณยิ้มมุมปาก เธอกดลบข้อความนั้น แววตาสะใจเล็กๆ มองไปที่ประตูห้อง
“อยู่ในนั้นซักครึ่งชั่วโมงก็จะได้ออกมา อดทนกันหน่อยนะ”
รวีพรรณพูดจบก็เดินออกไป
หลังเวที พิทยาหล่อเป๊ะอยู่ในชุดพร้อมเดินแบบ ดีไซเนอร์คอยเช็กความเรียบร้อยอยู่
“เลือกถูกจริงๆ! ที่ให้คู่คุณเดินชุดฟินนาเล่ หล๊อ หล่ออ่ะ”
ความหล่อของพิทยาเล่นเอาดีไซเนอร์เคลิ้มไป พิทยายิ้มเกรงใจ ดีไซเนอร์หันไปบอกสตาฟ
“ตามคุณสุภาอามาได้แล้ว”
สตาฟรีบวิ่งไปตามคำสั่ง ดีไซเนอร์ไม่วายหันมายิ้มเคลิ้มใส่พิทยาอีกหน พิทยาหลบสายตาด้วยความไม่คุ้น
สุอาภาทั้งทุบประตู ทั้งร้องโวยวาย แต่เสียงเพลงจากข้างนอกกระหึ่มเข้ามากลบหมด
“มีคนติดอยู่ข้างใน ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ภูวดลกำลังดูข้อความที่รวีพรรณส่งมาก็ได้แต่เคียดแค้นที่เสียรู้ สุอาภาหันมาเห็นมือถือในมือภูวดลก็ดีใจ
“นายมีมือถือ รีบโทรไปเรียกใครก็ได้ให้มาเปิดประตูสิ ฉันบอกไม่ได้ยินรึไง”
ภูวดลยังนิ่ง
“หยุดเห่าเดี๋ยวนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้ามาสั่งห๊ะ!”
สุอาภาไม่กล้า ภูวดลจะโทรออกแต่สัญญาณไม่มี
“ไม่มีสัญญาณ”
สุอาภาหน้าเสีย ภูวดลเซ็งมาก
บริเวณหลังเวที สตาฟสีหน้าซีดเซียวประหนึ่งกำลังจะโดนเชือด
“หาทั่วแถวนี้แล้ว ไม่เจอจริงๆค่ะ โทรไปก็ไม่รับสาย”
“หรือว่าคุณแตจะออกไปหาพวกคุณอาข้างนอกรึเปล่าครับ” พิทยาว่า
วรรณวดีเดินเข้ามาด้านใน เห็นพิทยาหล่อหรูก็ยิ้มให้
“ป๋าให้พี่มาช่วยดู ว่าพิทกับแตเรียบร้อยดีรึเปล่า”
พิทยา ดีไซเนอร์ ลูกนัท สตาฟชะงัก
“คุณน้องแตไม่ได้อยู่กับคุณป๋าข้างนอกเหรอคะ”
วรรณวดีส่ายหน้า
“โชว์จะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“โอย...ฉันอยากจะเป็นลม”
สตาฟกับลูกนัทรีบหิ้วปีกดีไซเนอร์ไว้แทบไม่ทัน พิทยา วรรณวดีต่างไม่สบายใจ รวีพรรณเดินเข้ามา สีหน้าไม่ดี
รวีพรรณพูดกับดีไซเนอร์
“พี่คะ คุณภูวดลบอกว่ามีธุระ ขอตัวกลับไปก่อน รวีห้ามไว้ไม่ทันจริงๆ”
ดีไซเนอร์ตาเหลือกจะเป็นลมยิ่งกว่าเดิม
“นายภูวดลก็ไม่อยู่เหรอ” รวีพรรณพูดขึ้น
“หมายความว่าไงคะ มีใครหายไปอีกเหรอคะ” รวีพรรณถาม
“คุณแตน่ะครับ ไม่รู้ว่าไปไหน”
รวีพรรณทำท่าแปลกใจ
“รวีขอให้คุณแตไปเอายามาใส่แผลให้ แต่ก็น่าแปลกที่คุณแตหายไปพร้อมกับคุณภูวดล”
รวีพรรณจงใจพูดให้ทุกคนคิด พิทยาชะงักไปนิดนึงเริ่มเป็นห่วงสุอาภา วรรณวดีเองก็เหมือนกัน
ดีไซเนอร์ร้องคร่ำครวญ
“นางแบบก็หาย นายแบบก็ชิ่ง โอย...ฉันอยากตาย”
“อีก 2 นาทีก็จะได้เวลาแล้วด้วย จะทำยังไงดี โอมายก๊อด!” ลูกนัทบอก
“ผมจะไปตามคุณแต”
พิทยาทำท่าจะไป แต่ลูกนัทพูดขึ้น
“คุณพิทยาเห็นแก่พี่ อย่าเพิ่งไปไหนอีกเลย ขอร้อง”
“พี่จะให้พี่ใหญ่ช่วยหายัยแตเอง พิทรออยู่นี่แหละ” วรรณวดีรีบผละไป
“แต่คุณแตไม่อยู่แบบนี้ ผมอยู่ก็เท่านั้น ผมจะไปทำอะไรได้”
ดีไซเนอร์มองพิทยากับรวีพรรณที่ยืนอยู่ข้างกัน หันไปสบตากับลูกนัท คิดอะไรได้บางอย่าง
ด้านหลัง ทางออกไปสู่แคตวอล์ก คิวนายแบบนางแบบเป็นแถวยาวรอออกโชว์ คิวหลังสุด พิทยายืนกระสับกระส่าย รวีพรรณที่ยืนอยู่ข้างๆขอโทษไม่ขาดปาก
“ขอโทษนะพิท เพราะรวีคนเดียว รวีไม่น่ารบกวนคุณแตเลยจริงๆ”
“ไม่ใช่ความผิดรวีหรอกครับ”
รวีพรรณเห็นพิทยาหงุดหงิดสุอาภา ก็แอบยิ้มพอใจ...ไม่ไกลกันนัก ลูกนัทกระซิบดีไซเนอร์อย่างหวาดเสียว
“แบบเนี้ยะ ข้างนอกเค้าไม่หงายเงิบกันหมดเหรอ งานคู่รักแต่ดันเป็นคู่รักเก่าเดินด้วยกัน”
“ก็ดีกว่าโชว์หายไปอีกชุด โชคช่วยนะ ชุดของคุณรวีดีไซน์ไม่โดดกับชุดของคุณพิทยาเท่าไหร่ เฮ้อ ถือว่าเรียกกระแสก็แล้วกัน !” ดีไซเนอร์บอก
ลูกนัทและดีไซเนอร์ต่างหวาดเสียว แต่ไม่มีทางเลือก
นพพูดอย่างไม่สบายใจ
“ป๋าไม่เชื่อว่ายัยแตจะเหลวไหลขนาดนั้น มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“พี่ว่าเรารีบไปตามหาแตกันเถอะ”
นพบอกวรรณวดี
“ป๋าไปด้วย”
แล้วทั้งสามคนก็รีบเดินออกไปพร้อมกัน
ภายในงาน คู่รักเซเลบอื่นๆทยอยกันออกไปเดินเฉิดฉายบนแคตวอล์ก ที่ด้านหลัง พิทยาและรวีพรรณรออยู่ที่คิวสุดท้าย พิทยาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
รวีพรรณเหลือบมองไป เห็นเวทีอยู่ข้างหน้าอีกเพียงไม่กี่ก้าว ก็ลอบยิ้มอย่างโล่งอก
ที่หลังเวที นพหันไปทางสตาฟ บวรกับวรรณวดียืนอยู่ด้วย
“กระเป๋าลูกสาวผมยังอยู่ แสดงว่าลูกสาวผมไม่ได้ไปไหน น่าจะยังอยู่แถวนี้ ตามรปภ.มาช่วยหาอีกทีได้มั้ย”
สตาฟพยักหน้าแล้วก็รีบออกไป นพ บวร วรรณวดีสีหน้าร้อนรนกังวลใจกันมาก
ภายในห้องเก็บของหน้าของภูวดลหน้าตาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาถอดเสื้อนอกออก ปลดกระดุมสองสามเม็ด เพราะอากาศในห้องร้อนมาก สุอาภาที่เหงื่อชุ่มหน้ามองภูวดลตกใจ
สุอาภาตกใจ
“จะทำอะไรของนาย ถอดเสื้อทำไม”
“ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาทำอะไรคุณหรอก ร้อนจะตายอยู่แล้ว คุณไม่ร้อนบ้างเหรอไง อยากจะถอดบ้างก็ไม่ว่ากัน”
“ไอ้บ้า!”
สุอาภากลัวภูวดลมากๆ ภูวดลเดินไปทุบประตู ตะโกนเสียงดัง
“มีใครอยู่ข้างนอกรึเปล่า”
สุอาภาร้อนรน กังวล และระแวงภูวดลสุดๆ
บนแคตวอล์ก คู่รักเซเลบเดินเรียกเสียงปรบมือ และแสงแฟลชสาดกระจาย ศรีพิไลเหลือบไปเห็นว่าพวกของนพหายตัวไป
“พูดผิดซะที่ไหน นี่แม่ลูกสาวตัวดีกับลูกเขยรากหญ้าคงมีเรื่องน่ะสิ ถึงได้หายกันไปหมด”
รมณีส่ายหน้า
“วาสนาไม่ถึงก็อย่างนี้แหละ งามหน้าซะจริง”
ศรีพิไลกับรมณียิ้มสะใจ ก่อนจะเบนหน้ากลับมาที่แคตวอล์กแล้วต้องผงะ !
บนแคทวอล์ค พิทยาเดินออกมาส่งมือรอ ก่อนที่มือเรียวเล็กของรวีพรรณจะยื่นมาจับ และปรากฎตัวออกมาคู่กัน
รมณี ศรีพิไลช็อก ! กับภาพตรงหน้า
ภูวดลพยายามจะเปิดประตู แต่เปิดไม่ได้ สุอาภาสีหน้าแย่มาก แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงแกร็กดังขึ้นที่หน้าห้อง
ภูวดลกับสุอาภามองหน้ากัน ประตูถูกเปิดออก ภูวดลกับสุอาภายิ้มดีใจ แต่ต้องรีบหุบยิ้มแทบไม่ทันเพราะคนที่เปิดประตูคือ นักข่าวที่ถ่ายรูปภูวดลกับสุอาภาเอาไว้ แสงแฟลชสว่างวาบเข้าตาสองคนเต็มๆ แล้วนักข่าวก็รีบวิ่งหนีไปทันที โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัว
ภูวดลกับสุอาภานิ่วหน้าสงสัย
“เค้าถ่ายรูปเราทำไม”
บนแคตวอล์ก พิทยาเดินแบบเคียงคู่กับรวีพรรณต่อสายตาคนนับร้อย บรรดานักข่าวรีบยกกล้องแชะภาพกระจาย เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่ว …. ลูกนัทแอบเมาท์อย่างเสียวไส้กับดีไซเนอร์
“ท่ากระแสแรงยิ่งกว่าข่าวแผ่นดินไหวอีกนะคะคุ้ณ!”
ดีไซเนอร์ยิ้มแหย พิทยาโพสท์ท่าทั้งที่ใจไม่อยู่กับตัว รวีพรรณพยายามเข้ามาชิด เขาโพสท์หลบออกเล็กน้อย พอไม่ให้ใกล้เกิน
สุอาภากับภูวดลเดินออกมาเห็นทั้งคู่บนเวทีก็อึ้งกันมาก
พิทยากับรวีพรรณเดินไปตรงด้านหน้าเวที รวีพรรณเห็นภูวดลกับสุอาภาก็ยิ้มที่รู้ว่าแผนของเธอสำเร็จ
ระหว่างนั้นนพ บวร วรรรวดีเดินออกมาเห็นสุอาภาก็ดีใจ ทั้งหมดรีบเข้ามาหา
“แต...หายไปไหนมา” วรรณวดีถาม
ยังไม่ทันที่สุอาภาจะตอบ บนเวที รวีพรรณก็แกล้งสะดุดชายกระโปรงทำท่าจะล้ม ทุกคนในงานตกใจ ฮือฮา !! สุอาภา ภูวดล นพ บวร วรรณวดีหันไปเห็นพิทยาโอบรับร่างของรวีพรรณไว้ได้ทัน...ทุกคนอ้าปากค้างหน้าตาตื่น นักข่าวกดชัตเตอร์ระรัว
รวีพรรณปรายตามองสุอาภาด้วยสีหน้าพอใจแล้วก็เหนี่ยวพิทยาให้ลงมาใกล้กับหน้าตัวเอง ทำเป็นว่าจะล้ม พิทยาไม่ทันระวังเสียหลักหน้าโดนรวีที่หันมาปากเฉียดโดนกัน นักข่าวรีบแชะภาพกระจายยิ่งกว่าเดิม พิทยารีบผละออกหันไปเห็นสุอาภามองอยู่พอดีก็ผงะ
ภูวดลกำมือแน่นไม่พอใจ พ่อและพี่ๆรวมทั้งสุอาภาต่างทำหน้าไม่ถูก ศรีพิไลกับรมณีเหวอกันสุดๆ
“บัดสีบัดเถลิง ! แล้วนี่พ่อดลของฉันไปไหน”
ศรีพิไลกดมือถือจนมือแทบหงิก แล้วหันไปบอกรมณี
“โอ๊ย ทำไมไม่รับเนี่ย … นี่ ! ช่วยกันโทรหน่อยสิคะ”
ปรากฎว่ารมณีลมขึ้นจะเป็นลมเวไป ศรีพิไลรีบประคองเอาไว้
“ตายแล้วรมณี!”
ศรีพิไลอยากจะบ้า !
พิทยาพรวดกลับเข้ามาด้านหลังอย่างรีบร้อน
“พิทต้องออกไปแท้งค์กิ้วแขกก่อนนะคะ”
พิทยาไม่สนใจ ปราดเข้าไปหาสตาฟอย่างร้อนใจ
“คุณแตอยู่ไหน”
รวีพรรณมองพิทยาที่ร้อนรนอย่างขัดใจ ระหว่างนั้นสุอาภา ภูวดล นพ บวร วรรณวดีเข้ามาด้านใน พิทยาหันไปเห็นสุอาภาก็โล่งใจสุดๆ
“คุณแต..คุณหายไปไหนมา ผมเป็นห่วงคุณมากรู้มั้ย”
สุอาภาไม่พูดอะไรออกมาเพราะยังอึ้งกับเหตุการณ์ที่เห็นบนเวที
“ฉันกับเมียแกถูกคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ ขังไว้ในห้องเก็บของ”
ภูวดลปรายตามองรวีพรรณที่หน้าถอดสี แล้วก็รีบทำหน้าวิตกขึ้นมาทันที
“เป็นเพราะฉันทำให้คุณเกิดเรื่อง แล้วก็ทำให้คุณอดเดินแบบคู่กับพิท ฉันขอโทษนะคะคุณแต”
ภูวดลมองรวีพรรณอย่าอึ้งในความตอแหล !
“ไม่เป็นไรค่ะ ความจริงฉันก็ไม่ค่อยอยากมางานนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
พิทยาฟังสุอาภาพูดแล้วก็ใจแป้ว รู้ว่าสุอาภาโกรธเค้าเพราะเหตุการณ์บนเวที
นพ บวร วรรณวดีมองสุอาภากับพิทยาแปลกใจ
“หมดเรื่องแล้วก็ให้พิทเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกอาจะออกไปรอข้างนอก” นพบอก
พิทยาพยักหน้า ทุกคนเดินออกไป
รวีพรรณหันไปเจอภูวดลจ้องอยู่ก็รีบทำหน้าให้เป็นปกติ
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”
รวีพรรณจ้องหน้าภูวดล แล้วก็ยิ้มมุมปาก
“รอให้ถึงพรุ่งนี้ คุณก็จะรู้เอง”
รวีพรรณเดินเชิดออกไป ภูวดลมองตามเธอด้วยความสงสัย
เวลากลางคืน พิทยากับสุอาภากลับเข้ามาในบ้าน เขาอยากอธิบายเรื่องบนเวที
“คุณแต...เรื่องบนเวทีที่คุณเห็น”
สุอาภาไม่ฟังบอก
“ฉันเหนื่อยแล้ว ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ”
สุอาภารีบจ้ำเดินขึ้นไปทันที พิทยาถอนหายใจเฮือกใหญ่
สุอาภาสีหน้าเศร้าเดินเข้ามาในห้องนอน ภาพพิทยากับรวีพรรณบนเวทีผุดขึ้นมา สุอาภาก้มมองแหวนแต่งงานที่ใส่อยู่ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน