xs
xsm
sm
md
lg

แรงปรารถนา ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรงปรารถนา ตอนที่ 8

ภายในห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาเดินมาเปิดประตู พิทยายืนอยู่
“คุณรวีกลับไปแล้วเหรอ”
(พิทยาพยักหน้า
“รวีโดนเร่งให้แต่งงานกับภูวดล”
“คุณรวีก็แย่เลยสิ”
พิทยาพยักหน้า สีหน้ากลัดกลุ้มมาก
“มันน่าเจ็บใจตรงที่ผมช่วยอะไรรวีไม่ได้”
สุอาภาจับแขนพิทยา
“ช่วงเวลานี้ คุณรวีต้องการกำลังใจจากนาย นายควรจะไปหาคุณรวีบ่อยๆ”
พิทยาจับมือสุอาภา
“ขอบคุณนะครับที่คุณเข้าใจ แต่คุณไม่ต้องกังวลใจไปนะ ผมจะบอกคุณทุกครั้งที่ผมไปหารวี”
พิทยายิ้มให้สุอาภา สุอาภายิ้มออกมาแต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าลึกๆ

เช้าวันถัดมา บริเวณร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ภาสันต์กำลังคุยอยู่กับทาคาโน่
“แน่ใจนะว่าเรื่องที่ดินที่คุณบอกผม จะไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง”
“มันเป็นที่ดินของคุณแม่ผม จะมีปัญหาได้ยังไง คุณทาคาโน่ทำสัญญารอเอาไว้ได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เพราะว่าผมติดต่อบริษัทอาร์คิเทคที่ผมจะให้ออกแบบห้างฯเอาไว้แล้ว”
ภาสันต์สีหน้ายินดีมาก
“ถ้าวันนี้คุณว่าง เราเข้าไปคุยกับเค้าไว้ก่อนก็ได้นะครับ ผมใจร้อน อยากเห็นโปรเจกต์เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเร็วๆ”
ทาคาโน่มองภาสันต์อย่างเห็นด้วย

ในเวลาต่อมา ภาสันต์กับทาคาโน่เดินออกจากลิฟท์ ภาสันต์ตกใจเมื่อเห็นป้ายชื่อว่าเป็นบริษัทนพ อาร์คิเทค ภาสันต์หันไปทางทาคาโน่
“บริษัทนี้เหรอครับที่คุณจะให้เค้าทำงานให้เรา”
“ใช่...คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
ภาสันต์ชะงัก
“เออ...ไม่มีครับ ไม่มีปัญหา”
ทาคาโน่เดินเข้าไป ภาสันต์ได้แต่ถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตามทาคาโน่เข้าไป

ภายในห้องประชุม ทาคาโน่เข้ามาในห้อง เจอนพ บวร พิทยา ปวีณา ทั้งหมดลุกขึ้นยืนโค้งต้อนรับทาคาโน่
“วันนี้ผมพาหุ้นส่วนมาด้วย”
ทาคาโน่หันไป ทุกคนมองตาม ไม่นานภาสันต์ก็เดินเข้ามา ทุกคนอึ้งไปยกเว้นปวีณา
ทาคาโน่แนะนำภาสันต์และพิทยา
“นี่คุณภาสันต์ แล้วนี่ก็คือ ทีมออกแบบของเรา”
พิทยาจำต้องยกมือไหว้ภาสันต์ บวรเลยต้องยกมือไหว้ตาม ปวีณาไหว้ ภาสันต์รับไหว้แบบไม่เต็มใจ
ภาสันต์พูดอะไรไม่ออก นพเองก็พูดไม่ออกเช่นกันหันไปมองพิทยาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เริ่มคุยกันเลย จะได้ไม่เสียเวลา”
ทุกคนนั่งลง บรรยากาศตึงเครียดทันที

การประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนยืนกันอยู่
“ไม่ทราบว่าคุณทาคาโน่ต้องการให้ผมส่งแบบร่างแรกเมื่อไหร่”
“อืมม์..เรายังพอมีเวลา คุณลองดูก็แล้วกัน”
“ครับ”
“ถ้าผมหรือคุณภาสันต์ต้องการอะไรเพิ่มเติม โทรหาคุณโดยตรงเลยได้มั๊ย”
“ได้ครับ”
“โอเค...งั้นผมก็ไม่กวนเวลาทำงานพวกคุณแล้ว”
ทุกคนโค้งให้ทาคาโน่ แล้วพิทยา บวร ปวีณาก็ยกมือไหว้ภาสันต์
“แป๋ว..ไปส่งคุณภาสันต์กับคุณทาคาโน่” นพบอก
“ค่ะ”
ปวีณาผายมือให้ภาสันต์กับทาคาโน่ที่เดินออกไป แต่ภาสันต์ก็ไม่วายปรายตามองพิทยาแวบนึงก่อนจะเดินออกไป นพกับบวรหันมาทางพิทยา
“ทำไมโลกมันกลมแบบนี้! นี่เราต้องทำงานให้คนเห็นแก่ตัวอย่างนายภาสันต์จริงๆเหรอป๋า” บวรถาม
นพถามพิทยา
“พิทโอเครึเปล่า ถ้าต้องรับงานนี้แล้วทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันจะบอกคุณทาคาโน่ว่าเราไม่ทำ”
“ไม่ดีหรอกครับ ทำแบบนี้บริษัทจะเสียเครดิต คุณอาไม่ต้องห่วง..ผมเป็นคนแยะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
“แต่ผมว่าเค้าอาจจะไม่จ้างเราแล้วก็ได้นะป๋า ป๋าคิดว่าคนอย่างนายภาสันต์จะยอมทำงานกับพิทเหรอครับ”
นพสีหน้าลังเลและนิ่งไป

ภาสันต์เดินออกมากับทาคาโน่ด้วยสีหน้าอึดอัดมาก
“ความจริงบริษัทอาร์คิเทคในประเทศไทยที่ดังกว่านี้มีอีกตั้งเยอะแยะ ทำไมคุณถึงเลือกที่นี่”
ทาคาโน่หยุดเดินหันมา ทำให้ภาสันต์ต้องหยุดเดินตาม
“ผมเชื่อใจในฝีมือคุณพิทยา เค้าได้รางวัลเยอะ และสไตล์ของเค้าอยู่ในคอนเซปต์ที่ผมต้องการ ผมพอใจที่จะให้คุณพิทยาเป็นสถาปนิก หรือคุณมีปัญหา”
ภาสันต์ไม่กล้าบอก
“คุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผมจะกล้ามีปัญหาได้ยังไง”
“ถ้างั้นก็ดี เราจะได้ร่วมงานกันไปนานๆ”
ทาคาโน่เดินออกไป ภาสันต์ไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้

ภายในห้องทำงาน พิทยากำลังเครียด เสียงเคาะประตูดังขึ้น บวรเปิดประตูเข้ามา
“ฉันเข้ามาดูว่าแกโอเครึเปล่า เห็นกลางวันก็ไม่ออกไปทานข้าว”
“ผมกำลังสมองแล่นน่ะครับ ก็เลยยังไม่อยากออกไปไหน พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง หนักกว่านี้ผมก็เจอมาแล้ว เรื่องแค่นี้ เล่นงานผมไม่ได้”
บวรยิ้มพร้อมพยักหน้า
“ฉันรู้ว่าแกเก่งไอ้น้องเขย”
พิทยายิ้ม พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาหยิบขึ้นมาเห็นชื่อ “รวี” ก็กดรับสาย
“ครับรวี รวีเป็นอะไร”
บวรมองอย่างสงสัยที่ได้ยินน้ำเสียงตกใจของพิทยา

ภายในห้องรับแขก พิทยาประคองรวีพรรณเข้ามาในบ้าน
“นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ไปปฏิบัติธรรม รวีคงไม่ต้องรบกวนพิทให้มารับรวีที่ออฟฟิศแล้วพามาส่งหรอกค่ะ”
“เรื่องเล็กน้อยเองครับ รวีแน่ใจนะว่าจะไม่ไปหาหมอ ท่าทางรวีดูไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่ล่ะค่ะ รวียังมีงานที่ต้องทำ นอนพักซักหน่อยก็น่าจะดีขึ้น พิทกลับบ้านเถอะเดี๋ยวคุณแตเธอจะรอ”
พิทยามองอย่างลังเลแล้วก็พยักหน้า พอจะเดินออกไป รวีพรรณก็แกล้งทำเป็นเซจะล้ม พิทรีบเข้ามาประคองรับเอาไว้ในอ้อมกอด
“ผมว่าผมอยู่เป็นเพื่อนรวีก่อนดีกว่า รวีหิวมั๊ย เดี๋ยวผมหาอะไรให้ทาน”
“ก็ดีค่ะ”
พิทยาเดินออกไป รวีพรรณมีสีหน้าพอใจมาก

บนโต๊ะอาหาร เวลากลางคืน รวีพรรณทานข้าวต้ม มีพิทยานั่งอยู่ข้างๆ
“ผมขอโทรบอกคุณแตก่อนนะว่าผมมาอยู่เป็นเพื่อนรวี”
รวีพรรณรีบจับแขนพิทยาแล้วพูด
“พิทคะ อย่าโทรบอกคุณแตเลยค่ะ รวีกลัวคุณแตจะเข้าใจพิทกับรวีผิด”
“ไม่หรอกก็รวีไม่สบาย”
รวีพรรณทำสีหน้าลำบากใจ จนพิทยารู้สึกได้
“มีอะไรรึเปล่ารวี”
“วันก่อนที่รวีไปหาพิทที่บ้าน พอรวีออกมา คุณแตก็โทรหารวีค่ะ คุณแตบอกไม่ให้รวีไปหาพิทที่บ้านอีก”
พิทยานิ่วหน้า
“ไม่น่าเป็นไปได้ที่คุณแตจะพูดแบบนั้น คุณแตเป็นคนบอกผมเองว่าให้ผมมาหารวีบ่อยๆเพราะช่วงนี้รวีต้องการกำลังใจ บางทีรวีอาจจะฟังผิด”
“รวีฟังไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ถ้าพิทไม่เชื่อที่รวีพูดก็ไม่เป็นไรนะคะ ความจริงพิทน่าจะรู้จักนิสัยคุณแตดีว่าเธอเป็นคนยังไง นิสัยคนเรา มันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ”
พิทยาฟังและคิดตาม
“ผมจะไปถามเค้า”
รวีพรรณรีบห้าม
“อย่าค่ะ...รวีไม่อยากให้พิทมีปัญหากับคุณแต รวีไม่อยากเห็นพิทโดนคุณแตอาละวาดใส่เหมือนที่ผ่านมา ทางที่ดีอย่าบอกคุณแตดีกว่า แล้วก็อย่าไปถามอะไรคุณแตเรื่องรวีอีก รวีอยากอยู่อย่างสงบ พิทเห็นใจรวีเถอะนะคะ”
พิทยาเห็นใจมาก รวีพรรณทำหน้าเศร้าก่อนรวบช้อน
“ดูสิ รวีเลยทานอะไรไม่ลงเลย”
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ รวีอิ่มแล้ว อยากขึ้นไปนอนพัก”
“ผมพาขึ้นไปนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รวีพอเดินไหวแล้ว พิทกลับบ้านไปเถอะ”
รวีพรรณลุกเดินออกไปแล้วก็แกล้งทำเป็นเซจะล้ม พิทรีบเข้ามาประครอง รับไว้ในอ้อมกอด
“ผมว่าผมอยู่เป็นเพื่อรวีก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมพารวีขึ้นไปบนห้องนะครับ”
รวีพรรณพยักหน้าแล้วก็หันไปลอบยิ้ม

ภายในห้องนอน พิทยาประครองรวีพรรณลงนอนแล้วห่มผ้าให้รวี
“ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าผมจะแวะมาดูรวีอีกทีนะครับ”
รวีพรรณจับมือพิทยามากุมไว้
“ขอบคุณนะคะพิท”
พิทยาพยักหน้ายิ้มลุกขึ้นเดินออกไป รวีพรรณยิ้มร้ายอย่างพอใจ แล้วก็หยิบมือถือออกมากดโทรออก

เสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น สุอาภาในชุดนอน...กดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณรวี”
รวีพรรณยืนกอดอกหน้ายิ้ม แต่ทำเสียงรู้สึกผิด
“ฉันจะโทรมาคุณว่าพิทเพิ่งออกจากบ้านฉันนะคะ”
สุอาภารู้สึกจุก พูดไม่ออก
“พิทไปหาคุณมาเหรอคะ”
รวีพรรณทำเป็นตกใจ ทั้งๆที่ยิ้มสะใจ
“นี่คุณแตไม่ทราบว่าพิทมาหาฉัน”
“ค่ะ...พิทไม่ได้บอก”
รวีพรรณยิ้มที่มุมปาก
“สงสัยพิทจะลืม คุณแตอย่าเข้าใจผิดนะ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่สบายนิดหน่อย พิทก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็แปลกนะคะเรื่องแค่นี้...ทำไมพิทต้องไม่บอกคุณแตด้วยก็ไม่รู้”
สุอาภาอึ้งสุดๆ

ภายในห้องรับแขก สุอาภาเดินไปเดินมา สีหน้าคิดหนักเรื่องพิทยา พลางนึกย้อนถึงคำพูดของพิทยา
“แต่คุณไม่ต้องกังวลใจไปนะ ผมจะบอกคุณทุกครั้งที่ผมไปหารวี”
สุอาภานิ่วหน้า
“ไหนว่าจะบอกเราทุกครั้ง แล้วทำไมถึงไม่บอก”
ไม่นานพิทยากลับเข้ามา สุอาภาหยุดเดิน...หันไป ต่างคนต่างนิ่งงันกันไป
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ฉันยังไม่ง่วง”
สุอาภาลองหยั่งเชิงถาม
“วันนี้งานเยอะเหรอ ถึงเพิ่งกลับ”
พิทยานิ่งไป นึกถงคำพูดของรวีพรรณ
“ทางที่ดีอย่าบอกคุณแตดีกว่า แล้วก็อย่าไปถามอะไรคุณแตเรื่องรวีอีก รวีอยากอยู่อย่างสงบ พิทเห็นใจรวีเถอะนะคะ”
พิทยาตัดสินใจพยักหน้า
“ใช่...”
สุอาภาจุก...เสียใจที่พิทยาโกหกแต่ต้องทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“นายขึ้นไปอาบน้ำเถอะ กลับมาเหนื่อยๆ”
พิทยาไม่พูดอะไรเดินขึ้นบันได สุอาภามองตามด้วยสีหน้าเจ็บปวด ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างหมดแรง

วันถัดมา ภายในบ้าน ภาสันต์เดินคุยโทรศัพท์มาที่โต๊ะอาหารพร้อมถือซองเอกสารมาด้วย..สีหน้าสดชื่นมาก ศรีพิไลกับภูวดลนั่งอยู่
“วันไหนก็ได้ครับ แล้วแต่คุณทาคาโน่จะนัด แล้วผมจะรอ สวัสดีครับ”
ภาสันต์นั่งลงที่หัวโต๊ะ สองแม่ลูกมองภาสันต์อย่างแปลกใจ
“อารมณ์ดีเรื่องอะไรคะ”
“คุณทาคาโน่ร่างสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ศรีพิไลชะงัก
“แต่เรายังไม่ได้ที่ดินมาจากคุณแม่เลยนะคะ”
ภูวดลผงะ รู้ทันทีว่าเรื่องอะไร
“ยังต้องกังวลใจอะไร ในเมื่อเราต้องได้มันมาแน่นอน ใช่มั๊ยลูกพ่อ”
ภูวดลยิ้มเจื่อนบอก
“ครับ”
ภาสันต์หัวเราะตบบ่าภูวดล
ฮ่าๆๆ มันต้องแบบนี้สิ ค่อยสมกับที่เกิดมาเป็นลูกชายฉัน”
ภาสันต์หันไปหยิบซองเอกสารวางตรงหน้าภูวดล
“นี่เป็นแบบการ์ดแต่งงาน แกเอาไปให้หนูรวีเลือก”
“ครับ”
“วันนี้ผมมีความสุขจริงๆ”
ภาสันต์หันไปยิ้มให้ศรีพิไลที่ยิ้มตอบแล้วก็หันไปมองภูวดลอย่างเป็นห่วง ภูวดลกำมือแน่นไม่พอใจ

บริเวณโรงรถในบ้าน พิทยากำลังโทรศัพท์
“ผมกำลังออกจากบ้านนะรวี คุณเป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ ถ้างั้นผมจะรีบเข้าไป”
พิทยาเป็นห่วง แล้วก็ขึ้นรถขับออกไป
สุอาภาเดินออกมาจากในบ้าน ได้ยินทุกอย่างก็หน้าเศร้า

ภูวดลเดินเข้ามาในห้องรับแขกบ้านรวีพรรณ ระหว่างนั้นคนใช้เดินมา
“คุณรวีไม่สบายเหรอ”
“ค่ะ”
“แล้วไปหาหมอเหรอยัง”
“ยังค่ะ แต่เมื่อคืนเพื่อนคุณรวีมาดูคุณรวีแล้วค่ะ”
ภูวดลผงะ ถาม
“เพื่อน! ผู้ชาย หรือผู้หญิงW
“ผู้ชายค่ะ”
ภูวดลเอะใจ
“รู้มั๊ยว่าใคร”
คนใช้มองหน้าภูวดลแล้วนิ่งไป

ภูวดลเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้อง รวีพรรณที่ยังอยู่ในชุดนอนถึงกับตกใจ
“เข้ามาได้ยังไง”
“แล้วทำไมผัวจะเข้าห้องเมียไม่ได้”
รวีพรรณอึ้ง...ภูวดลเดินมาใกล้
“ได้ข่าวว่าไม่สบาย แต่หน้าตาดูสดชื่นมากเลยนี่ อ้อหรือว่าเมื่อคืนได้ยาดีจากไอ้พิทยา”
รวีพรรณฉุน
“พูดอะไรให้เกียรติฉันบ้างนะ”
“เกียรติของคุณ มันหมดไปนับตั้งแต่วันที่คุณเป็นเมียผมแล้ว”
รวีพรรณจ้องภูวดลด้วยตาแข็งกร้าว

พิทยาจอดรถหน้าบ้าน..เปิดประตูรถลงมา

ภายในห้องนอน ภูวดลย่างสามขุมเข้ามาหารวีพรรณ รวีพรรณค่อยๆถอย
“ให้มันไปขนาดไหนแล้วล่ะ”
รวีพรรณโมโหเลยประชด
“ฉันจะให้พิทไปมากขนาดไหน มันก็เรื่องของฉัน”
ภูวดลฉุนกระชากแขนรวีพรรณเข้ามาจ้องหน้า
“มันเป็นเรื่องของคุณได้ยังไงในเมื่อคุณเป็นเมียผม”
“แต่ฉันไม่ได้เต็มใจ คุณข่มขืนฉัน ทำให้ฉันเป็นของคุณ แล้วอย่านึกว่าเรื่องนี้จะทำให้ฉันยอมแต่งงาน ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่กับคนอย่างคุณ!”
ภูวดลตกใจและโมโหมาก
“ผมก็ไม่ยอมให้คุณได้ไปอยู่กับไอ้พิทยามันเหมือนกัน!”
รวีพรรณกับภูวดลจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครกลัวใคร

ที่ห้องรับแขก พิทยายืนอยู่กับคนใช้
“คุณรวีอยู่ข้างบนกับคุณภูวดลค่ะ”
พิทยาตกใจมากรีบวิ่งออกไปทันที คนใช้ยืนงง

ภูวดลยังยืนจ้องหน้ารวีพรรณด้วยความโมโหมาก
“คุณลืมข้อตกลงของเราไปแล้วเหรอ ถ้าผมบอกไอ้พิทยา”
รวีพรรณสวนกลับทันที
“อยากบอกก็บอกไปเพราะฉันรู้แล้วว่าการบีบน้ำตาทำตัวให้น่าสงสาร มันทำให้พิทเชื่อฉัน และที่สำคัญก็คือ พิทยังรักฉันอยู่”
ภูวดลยิ่งโมโห บีบแขนรวีพรรณแน่น รวีพรรณเจ็บ
“ฉันเจ็บ! ปล่อย!”
ภูวดลไม่ปล่อยดึงรวีพรรณเข้ามาพยายามจะลวนลาม แต่รวีพรรณไม่ยอมขืนตัวเอาไว้ แล้วก็กัดแขนภูวดลเต็มแรง
“โอ๊ย!”
ภูวดลปล่อยรวีพรรณ หน้าตาโมโหแค้นมาก
“นังบ้า!”
ภูวดลเงื้อมือจะตบรวีพรรณ แต่พิทยาเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี
“จะทำอะไร”
ภูวดลหันไปเห็นพิทยาก็ชะงัก รวีพรรณรีบทำดราม่าผละจากภูวดลวิ่งไปหาพิทยาทันที
“พิท..ช่วยรวีด้วย”

รวีพรรรณน้ำตาไหลได้ราวกับสั่งได้ ภูวดลอึ้งกับท่าทางของรวีพรรณที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ พิทยาเข้ามายืนปกป้องรวีพรรณ
“นี่ไม่ใช่เรื่องของแก หลีกไป!”
“ผมไม่หลีก ผมจะไม่ยอมให้คุณทำอะไรรวีเป็นอันขาด”
ภูวดลแค่นยิ้มบอก
“ยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้แสนดีอยู่อีกเหรอ”
รวีพรรณมองภูวดลลุ้นว่าภูวดลจะพูดอะไร พิทยามองอย่างไม่พอใจ
“เค้าเป็นเมียฉันแล้ว ได้ยินชัดมั๊ย!”
รวีพรรณตกใจ พิทยาชะงักกับคำพูดของภูวดล
“พิท...อย่าไปเชื่อเค้านะคะ เค้าใส่ร้ายรวี มันไม่ใช่ความจริง”
พิทยานิ่งไปชั่วอึดใจ รวีพรรณลุ้นมากว่าพิทยาจะเชื่อเธอหรือไม่ แล้วพิทยาก็หันไปทางภูวดลสีหน้าโกรธมาก
“คุณมันก็ถนัดแต่ทำให้ผู้หญิงเสียชื่อ คนแบบคุณน่าจะไปเอากระโปรงแม่มานุ่งมากกว่า”
รวีพรรณโล่งอก พิทยาเชื่อเธอ
“ไอ้พิทยา”
ภูวดลจะต่อย แต่เจอพิทยาสวนกลับ ต่อยเปรี้ยงจนภูวดลปากแตก! รวีพรรณแอบยิ้มสะใจ ภูวดลหันมองจะเอาเรื่องพิทยาให้ได้ รวีพรรณรีบขวาง
“อย่านะคุณภูวดล ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ”
“กล้าเหรอ!”
“ก็ลองดู”
รวีพรรณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรออก ทำให้ภูวดลไม่กล้า ภูวดลมองพิทยากับรวีพรรณอย่างไม่พอใจแล้วจ้ำเดินออกไป พิทยาหันไปมองรวีพรรณด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก

พิทยาพารวีพรรณมานั่งที่โซฟาในห้องนอน รวีพรรณยังสะอื้นเล็กๆ
“โชคดีนะคะที่พิทมาหารวีทัน ไม่อย่างนั้น”
รวีพรรณน้ำตาไหล พิทยาเอากระดาษบนโต๊ะมาซับน้ำตาให้
“เค้าเคยทำร้ายคุณใช่มั๊ยรวี”
รวีพรรณทำนิ่งเหมือนยอมรับ ทำให้พิทยาโกรธมาก
“ไอ้สารเลว!”
“อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยนะคะพิท คุณภูวดลเป็นคนเจ้าอารมณ์ ใครขัดใจไม่ได้ รวีไม่อยากให้พิทต้องมาเดือดร้อนเพราะรวี”
“แล้วรวีต้องมารองรับอารมณ์เค้าแบบนี้น่ะเหรอ”
“รวีทนได้ค่ะ แต่ถ้ารวีเห็นพิทโดนเค้าทำร้าย รวีคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต พิทไม่ต้องเป็นห่วงรวีนะคะ รวีรู้ว่ารวีจะรับมือกับเค้ายังไง”
พิทยาโกรธแทน รวีพรรณลอบยิ้มอย่างพอใจ

ภายในห้างสรรพสินค้า บวรเดินตามสุอาภากับวรรณวดีที่กำลังชอปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลิน หิ้วถุงเต็มสองมือ บวรสีหน้าเบื่อมาก
“สาวๆครับ เมื่อไหร่จะชอปเสร็จซักที พี่ไม่มีมือจะถือแล้วนะ”
วรรณวดีหันไปมอง
“ความจริงเราก็ซื้อเยอะแล้วนะแต พี่ว่าไปหาอะไรทานกันดีกว่า”
“เป็นความคิดที่ดีมาก”
“พี่ใหญ่กับพี่ต่ายไปทานก่อนเถอะ แตไม่หิวยังอยากซื้อของ”
สุอาภาเดินฉับๆออกไป บวรกับวรรณวดีมองอย่างแปลกใจ
“ท่าทางยัยแตแปลกๆ พี่ใหญ่ว่ามั๊ย”
“นั่นสิ เวลาที่มันชอปปิ้งแบบเอาเป็นเอาตาย แสดงว่ามันมีเรื่องไม่สบายใจ ...หรือว่า”
“หรือว่าอะไรพี่ใหญ่!”
บวรไม่ตอบ รีบเดินมาหาสุอาภา วรรรวดีรีบตามมาติดๆ
“แต สารภาพมาซะดีดี แกกับพิททะเลาะกันใช่มั๊ย”
วรรณวดีชะงัก สุอาภาผงะ
“เปล่าซักหน่อย”
บวรหรี่ตามอง
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ”
“งั้นก็แล้วไป”
“ทำไมพี่ใหญ่ถึงคิดว่าแตกับพิททะเลาะกัน”
“พี่นึกขึ้นมาได้ว่าพี่ได้ยินรวีโทรหาพิทวันก่อน พี่ยังแปลกใจว่าเค้ายังคุยกันอยู่อีกเหรอ”
“เค้าไม่ได้โกรธกันนี่คะ แล้วทำไมเค้าจะคุยกันไม่ได้”
“แตพูดถูก ว่าแต่..แตไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆใช่มั๊ย เพราะจะว่าไปหน้าแตก็ดูหมองๆนะ”
สุอาภาโกหกบอก
“เมื่อคืนแตนอนไม่ค่อยหลับค่ะ”
บวรยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ไอ้พิทมันกวนทั้งคืนล่ะสิ”
สุอาภาหน้าแดง
“พี่ใหญ่”
วรรณวดีหัวเราะ บวรขำ
“ฉันล้อเล่น แกรีบมีลูกสิ รับรองได้เลี้ยงลูกจนหลับแน่”
สุอาภาพูดไม่ออก พลันเสียงมือถือดังขึ้น
“ว่าไงพราว!... แกใจเย็นๆนะ ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้”
วางแล้วแล้ว สุอาภากันมาบอก
“พราวขับรถชนคนค่ะ!”
บวรกับต่ายตกใจ

พิทยากลับเข้ามาในบ้าน บ้านทั้งหลังเงียบสนิท
“คุณแตไปไหน”

พราวพิไลสีหน้าเหนื่อยเดินเข้ามาในบ้านกับสุอาภาในเวลากลางคืน
“ขอบใจมากนะที่อยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งวัน”
“เรื่องแค่นี้เอง แกยังโชคดี ที่ดูจากกล้องวงจรปิดแล้วถึงรู้ว่าเด็กนั่นข้ามถนนตัดหน้ารถแกเอง ถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน”
พราวพิไลทำหน้าอ้อนพยักหน้าแล้วหันไปทางสุอาภา
“แต...อย่าเพิ่งกลับบ้านได้ป่ะ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะ ฉันยังหลอนอยู่เลย”
“ได้ ฉันก็ยังไม่อยากกลับบ้านเหมือนกัน”

พิทยาผุดลุกผุดนั่งด้วยความหัวเสีย หันไปดูเวลาจะห้าทุ่มแล้ว
“ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านอีก ไปไหนของเค้า”
พิทยาเอามือถือออกมาจะโทรหาแล้วก็ลังเล
“โตเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่เด็กๆ ควรจะรู้เวลาด้วยตัวเอง”
พิทยาตัดสินใจไม่โทร แต่ก็เป็นห่วงสุอาภา

สุอาภาเอาแก้วไวน์ออกจากมือพราวพิไล แต่เธอไม่ยอมปล่อย พราวพิไลหน้าแดงเพราะเมา
“พอได้แล้วพราว แกดื่มไปเกือบหมดขวดแล้วนะ”
พราวพิไลเสียงอ้อแอ้
“ก็ถ้าไม่ดื่ม...คืนนี้ฉันนอนไม่หลับแน่ ขออีกแก้วเดียวนะ นะแตนะ”
“ไม่ได้”
สุอาภาดึงแก้วมาทำให้ไวน์หกใส่เสื้อ สุอาภาผงะ
“อุ๊ย...ฉันขอโทษ”
“ไม่เป็นไร ฉันว่าแกขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็นอนเหอะ ตาแกจะปิดอยู่แล้ว”
“ก็ได้”
สุอาภาถอนหายใจแล้วก็พยุงพราวพิไลพาเดินขึ้นไปชั้นบน

แรงปรารถนา ตอนที่ 8 (ต่อ)
สุอาภากลับเข้ามาในบ้าน พิทยาเสียงแข็งดังขึ้น
“ไปไหนมา”
สุอาภาหันไปเห็นพิทยาเดินมาตรงหน้า เธอกำลังจะตอบแต่พิทยาได้กลิ่นไวน์
“กลิ่นไวน์...ไปเที่ยวมานี่เอง”
“ไม่ใช่”
สุอาภาอึ้งพูดยังไม่ทันจบ
พิทยา เห็นคราบไวน์บนเสื้อ
“ไม่ต้องมาปฏิเสธ แสดงว่าดื่มหนักมากถึงเลอะเทอะขนาดนี้”
สุอาภาชักฉุน
“ฉันไม่ได้ดื่ม”
พิทยาไม่ฟัง
“เมื่อไหร่จะเลิกโกหกซักที โกหกตัวเองยังไม่พอ ยังจะโกหกคนอื่นอีก”
“นายพูดอะไรของนาย!ฉันไม่เข้าใจ”
“คุณทำอะไรเอาไว้น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ยังต้องให้ผมพูดออกมาอีกเหรอ”
“ฉันไม่ใช่เทวดาจะได้รู้ความคิดของนาย ถ้านายไม่พูดออกมาแล้วฉันจะรู้เรื่องมั๊ย”
“ผมนึกว่าคุณเข้าใจรวีแล้ว ที่ไหนได้คุณก็ยังเป็นคุณหนูสุอาภาจอมวีนคนเดิมไม่เคยมีความจริงใจ เมื่อไหร่คุณจะเลิกหลอกผมซักที!”
สุอาภาชะงัก
“ฉันไปหลอกอะไรนาย”
พิทยาสวนกลับทันที
“หลอกว่าคุณกลับตัวได้แล้วไง! ผมหลงเชื่อว่าคุณเป็นคนดี เข้าใจทุกอย่าง แต่คุณก็ยังสร้างภาพเก่งเหมือนเดิม”
สุอาภาโกรธมากตบหน้าพิทยาเพี๊ยะ!!อย่างแรง พิทยาหน้าหัน เธอน้ำตาไหลด้วยความโมโห
“นายไม่เคยไว้ใจแล้วก็เชื่อใจฉันเลยใช่มั๊ย”
พิทยาไม่ตอบ สุอาภาเจ็บปวดจ้ำเดินออกไปจากบ้านทันที พิทยาได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก

วันต่อมา ภายในบ้านสุอาภา ณีเอาเครื่องดูดฝุ่นเดินเข้ามาในห้อง ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แล้วก็เปิดเครื่องดูดฝุ่น พลันมีเสียงดังแทรกเข้ามา
“โอ๊ย”
ณีตกใจรีบปิดเครื่องแล้วหันไปมองรอบๆห้อง แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากเตียงที่ดูป่องๆ
“สงสัยหูจะฝาด”
ณีเปิดเครื่องดูดฝุ่นต่อ เสียงดังขึ้นมาอีก
“โว๊ย!”
ณีสะดุ้งโหยงด้วยความกลัว รีบปิดเครื่องดูดฝุ่นทันที
“ชัดเลยคราวนี้ อยู่ไม่ได้แล้ว”

ณี นพ บวร วรรณวดี ยืนอยู่หน้าห้องนอนสุอาภา
“อะไรของเธอห๊ะณี! ผีเผออะไรกัน” นพว่า
“นั่นสิป้า ผีอะไรมาซะเช้าขนาดนี้” บวรบอก
“แต่ป้าได้ยินเสียงจริงๆนะคะ เสียงมันดัง โอ๊ย...โว๊ย”
“หูฝาดแล้วป้า”
“ไม่ล่ะค่ะ ไม่เชื่อคอยดูนะคะ”
ณีตัดสินใจค่อยๆเปิดประตูห้องด้วยความตื่นเต้น แล้วทุกคนก็ตกใจสุดขีดร้อง “เหวย” เจอผู้หญิงยืนอยู่ในสภาพผมยุ่งเหยิงมาก เมื่อเธอเสยผม ทุกคนเลยเห็นว่าเป็นใคร
“แต! / คุณหนู”

ทุกคนรุมซักสุอาภาในทันที
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” นพถาม
“แล้วพิทล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกัน” วรรณวดีถาม
“นั่นสิคะ” ณีว่า
“ตกลงแกสองคนทะเลาะกันจริงๆใช่มั๊ย” บวรถาม
สุอาภาสุดทนบอก “หยุด” ทุกคนเงียบ
“แตกลับมาเมื่อคืน มันดึกแล้ว ก็เลยไม่อยากรบกวนใคร พิทไม่ได้มาด้วย เพราะแตไม่ได้ชวน แล้วแตกับพิทก็ไม่ได้ทะเลาะกัน
ทุกคนพูดขึ้นว่า“ไม่จริง”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ ออกไปกันได้แล้ว แตจะนอนต่อแล้วก็ห้ามเข้ามาดูดฝุ่นอีกนะคะ”
สุอาภาดันทุกคนออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้าดังปัง! ทุกคนยืนเหวอและงงว่า เกิดอะไรขึ้น

ภายในร้านอาหารของรวีพรรณ พิทยานั่งอยู่กับรวีพรรณ
“คุณแตไม่เปลี่ยนอย่างที่รวีบอกไว้จริงๆ”
รวีพรรณยิ้มพอใจที่รู้ว่าพิทยากับสุอาภาทะเลาะกัน
“เป็นเพราะรวีแน่ๆเลยใช่มั๊ยคะ”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ เป็นเพราะนิสัยคุณแตต่างหาก”
“ใจเย็นนะคะพิท รวีว่าพิทกลับไปหาคุณแตเถอะค่ะ ไปนั่งคุยกันดีดี”
“เค้าออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนคงจะโกรธผมมาก แต่ครั้งนี้เค้าทำไม่ถูกจริงๆ”
รวีพรรณยิ่งสะใจแต่ทำเป็นรับฟัง พิทยาหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด รวีพรรณยิ้มอย่างมีความสุข
สินีนาฎมองพิทยากับรวีพรรณไม่พอใจ

ภูวดกลกำลังโทรศัพท์คุยกับสินีนาฎที่แอบมาคุยที่มุมหนึ่ง
“คุณบอกผมทำไม คุณเป็นเพื่อนกับคุณรวีไม่ใช่เหรอ”
“สิไม่ได้เห็นด้วยกับรวีทุกเรื่องนะคะ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ทั้งๆที่รวีกำลังจะแต่งงานกับคุณ เค้าไม่ควรกลับไปยุ่งกับพิทอีก สิว่าคุณรีบมาที่นี่ก่อนที่คุณจะเสียรวีไปดีกว่า”
สินีนาฎสีหน้าร้ายวางสาย ภูวดลโมโหเพราะรู้สึกว่าถูกหยามน้ำหน้ากันมากเกินไปแล้ว

ผ่านเวลามา รวีพรรณเอาอาหารมาวางตรงหน้า พิทยาเงยหน้ามอง
“นี่ค่ะ ของโปรดของพิท รวีให้แม่ครัวทำสุดฝีมือเลยนะคะ”
“ขอบใจมากนะรวี แต่ผมยังไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะเพราะมันเลยเวลามาแล้ว ทานซักนิดก็ยังดี อย่าทำให้รวีเสียน้ำใจเลยนะคะ” รวีพรรณพูดพลางตักอาหารขึ้นมา
รวีพรรณยื่นช้อนไปตรงหน้าพิทยา พิทยายิ้มแล้วก็หยิบช้อนมาทานเอง รวีพรรณพอใจ ที่ด้านหลังสินีนาฎมองอยู่ด้วยความโมโหหึง
พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาหยิบออกมาเห็นชื่อ “คุณใหญ่” ก็รู้ทันทีว่าบวรโทรมาเรื่องอะไร
พิทยาหันไปทางรวีพรรณ
“ผมขอออกไปโทรศัพท์ก่อนนะ”
รวีพรรณพยักหน้า พิทยาเดินออกไป รวีพรรณสีหน้ามีความสุข

บวรกำลังคุยโทรศัพท์ เสียงบวรไม่พอใจ
“แกอยู่ไหน!”
พิทยาชะงัก
“ผมอยู่กับรวีครับ”
บวรโมโหทันที
“เมียหนีออกจากบ้าน แต่แกกลับไปอยู่กับรวีเนี่ยนะ”
“ผมกับรวี..เราบริสุทธิ์ใจต่อกันนะครับ คุณแตต่างหากที่ทำอะไรไม่บริสุทธิ์ใจกับผม”
“ไม่บริสุทธิ์ใจ อะไรของแก เลิกพูดจากำกวมซักทีบอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
พิทยาเงียบไปสามวินาที
“ผมว่าคุณใหญ่ไปถามคุณแตดีกว่าครับว่าเมื่อคืนเค้าไปไหนมา”
บวรนิ่วหน้าด้วยความงง
“เมื่อคืน เมื่อคืนมันก็อยู่เป็นเพื่อนพราวไง เพราะพราวมันขับรถชนคน”
พิทยาอึ้งที่เข้าใจสุอาภาผิด!

ภายในร้าน รวีพรรณกำลังดื่มน้ำหันไปเห็นภูวดลที่สีหน้าไม่สบอารมณ์เดินจ้ำมาที่ร้าน รวีพรรณตกใจ รีบลุกไปหาสินีนาฎ โดยที่ภูวดลไม่เห็น
“สิ...ถ้าคุณภูวดลมาถามหาฉัน...บอกไปว่าฉันไม่ได้เข้าร้านนะ ฉันไปก่อน”
รวีพรรณก็รีบออกไป สินีนาฎหันไปเห็นภูวดลเดินเข้ามาในร้านก็ยิ้มมุมปาก

พิทยากำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ รวีพรรณรีบเดินมาหา
“รวี”
พิทยากำลังจะเล่าเรื่องที่ตัวเองเข้าใจสุอาภาผิด แต่รวีพรรณพูดออกมาก่อน
“พิท..คุณภูวดลมา รีบพารวีออกไปจากที่นี่ที รวีกลัวเค้าจะทำอะไรรวีอีก”
พิทยาตกใจมองรวีพรรณเป็นห่วง

ภายในร้าน ภูวดลยืนอยู่กับสินีนาฎ
“ออกไปแล้ว แล้วคุณปล่อยให้รวีออกไปกับไอ้หมอนั่นได้ยังไง”
“เอ๊า! แล้วจะให้ฉันไปห้ามไง ทำไมคุณไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
ภูวดลหัวเสีย
“โธ่เว๊ย! แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าพวกเค้าไปไหนกัน”
สินีนาฎมองหน้าภูวดลอย่างรู้คำตอบว่า พิทยาพารวีพรรณจะไปไหน

พิทยาพารวีพรรณเข้ามาในบ้าน รวีพรรณทำเป็นลำบากใจ
“รวีกวนพิทอีกแล้ว ขอโทษนะคะ แต่ขืนรวีกลับบ้านไปตอนนี้ ต้องเจอคุณภูวดลดักรออยู่แน่ๆ ยิ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แบบนี้ เค้าจะทำอะไร ยังไง เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ อยู่ที่นี่รับรองปลอดภัย”
พลันเสียงออดดังขึ้น พิทยากับรวีพรรณหันไปมองสงสัยว่าใครมา

พิทยาเดินมาเปิดประตูเห็นภูวดลยืนอยู่ก็ตกใจมาก เขาเหลือบตามองไปที่ตัวบ้านด้วยสีหน้าเป็นห่วงรวีพรรณ แต่พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธ
“คุณรวีอยู่ไหน”
“ผมจะรู้ได้ไงว่ารวีอยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้องมาโกหก แกไปหารวีที่ร้านแล้วก็ออกมาด้วยกัน รวีอยู่ในบ้านแกใช่มั๊ย”
ภูวดลจะเดินเข้าไป แต่พิทยารีบขวางเอาไว้
“รวีไม่ได้อยู่ที่นี่”
ภูวดลหรี่ตามองแล้วขยับตัวจะเข้าไป
“ฉันไม่เชื่อ”
พิทยารีบเอาตัวขวางไว้
“หยุด! คุณไม่มีสิทธิ์เข้าบ้านผม”
“ในเมื่อแกบอกเองว่ารวีไม่อยู่ แล้วทำไมฉันถึงจะเข้าไปดูไม่ได้”
“ที่นี่เป็นบ้านของผมเป็นที่ส่วนบุคคล ถ้าคุณยังยืนยันที่จะเข้าไป ผมก็ต้องปกป้องสิ่งที่เป็นของผม และมันคงจะไม่ผิด ถ้าหากผมต้องทำรุนแรงกับคุณ”
พิทยาจ้องภูวดลด้วยสีหน้าเอาจริง ภูวดลชักฝ่อ ได้แต่กำมือแน่น
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกซ่อนคุณรวีเอาไว้”
ภูวดลตากร้าวมองพิทยาแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป พิทยาหันไปมองตามภูวดลพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วก็นึกเป็นห่วงรวีพรรณขึ้นมา

พิทยากลับเข้ามาในบ้าน รวีพรรณลุกเดินมาหา
“ใครมาเหรอคะพิท”
“ภูวดล”
รวีพรรณตกใจ หน้าตาตื่น
“เค้ารู้ได้ยังไงว่ารวีอยู่ที่นี่”
“ใจเย็นนะรวีไม่ต้องกังวล เค้ากลับไปแล้ว เดี๋ยวคุณก็ล็อกประตูบ้านให้เรียบร้อย แล้วผมจะรีบกลับมา”
รวีพรรณนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ
“พิทจะไปไหนเหรอคะ”
“ผมจะไปรับคุณแต ผมเพิ่งรู้ว่าผมเข้าใจคุณแตผิด”
รวีพรรณอึ้ง คิดหาทางขัดขวางแล้วก็นึกออก
“แล้วถ้าเกิดคุณภูวดลเค้าย้อนกลับมาตอนที่พิทออกไปแล้ว รวีจะทำยังไง คนอย่างเค้าไม่เลิกราง่ายๆ แน่”
รวีพรรณทำตื่นกลัวโอเวอร์ บีบน้ำตาสุดฤทธิ์ พิทยามองรวีพรรณด้วยสีหน้ากังวลใจมากๆ

สุอาภา บวร วรรณวดี นพเดินมาที่โต๊ะอาหารในบ้าน ณีกำลังจัดอีกที่ก็แปลกใจ
“จัดให้ใครเหรอคะป้า”
ณียิ้มกริ่มบอก
“คุณพิทค่ะ”
สุอาภาผงะ
“เค้าจะมาทานอาหารเย็นด้วย” บวรบอก
สุอาภาหันมองบวรอย่างรู้ทัน
“เค้าขอมาทานด้วย หรือพี่ใหญ่โทร.บอกให้เค้ามาคะ”
บวรรีบปฏิเสธพัลวัน
“เฮ้ย...พี่ไม่ได้โทร ไม่เชื่อถามป๋ากับต่ายดู”
นพกับต่ายรีบพยักหน้า
“พิทโทรมาเอง...ใช่มั๊ยต่าย” นพว่า
วรรณวดีรีบพูด
“ใช่ค่ะป๋า จริงนะแต พี่ใหญ่ไม่ได้โกหกเลยซักนี๊ด”
“ป้าเป็นพยานค่ะ ป้าได้ยินกับหูว่าคุณใหญ่โทรไป”
ทุกคนถลึงตามองณี แล้วณีก็นึกได้
“ไม่ได้โทรไปหาคุณพิทเล้ย” ณีพูดพลางยิ้มแห้งๆ
สุอาภามองสี่คนอย่างไม่เชื่อ ระหว่างนั้นเสียงมือถือบวรดังขึ้น บวรหยิบออกมาเห็นชื่อพิทยา
“ตายยากจริงๆ สงสัยจะโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว...ว่าไงพิท”
บวรฟัง ชะงัก สีหน้าเจื่อนทันที
“เลื่อนไม่ได้เหรอ... โอเค”
บวรวางสายหันไปทางสุอาภา
“พิทติดงานด่วน มาไม่ได้แล้ว”
ทุกคนถอนใจอย่างเซ็งๆ สุอาภาแอบผิดหวังเล็กๆ แต่ทำไม่สนใจ หันไปทางณี
“เก็บค่ะป้า เกะกะ!”
สุอาภาพูดจบก็เดินออกไป ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยความกลุ้ม นพหันไปมองสุอาภาด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ภายในห้องนอน พิทยาเอาชุดนอนของตัวเองให้รวีพรรณ
“ใส่ชุดนี้ไปก่อนละกันนะครับ”
รวีพรรณแสแสร้งทำเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะ รวีขอโทษนะคะ พิทเลยไม่ได้ไปรับคุณแตกลับบ้านเลย”
“ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ รวีตามสบายนะ”
พิทยาเดินออกไป รวีพรรณยิ้มด้วยความพอใจมาก

ภายในห้องรับแขก พิทยากดเบอร์ “สุอาภา” ขึ้นมาแล้วโทรออก แต่ปลายสายปิดเครื่อง พิทยาถอนหายใจคิดนิดนึงก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปหา
ไม่นานพิทยาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงมา พิทยาหันไปก็อึ้งที่เห็นรวีพรรณใส่ชุดนอนของสุอาภาเดินลงบันไดมา พิทยาลุกขึ้นยืนพูดไม่ออก
“พิทไม่ว่าใช่มั๊ยที่รวีเอาชุดนอนของคุณแตมาใส่ คือ...รวีใส่ชุดนอนของพิทแล้วมันหลวมมาก ถ้าพิทไม่พอใจ รวีขึ้นไปเปลี่ยนก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับไว้ผมอธิบายให้คุณแตฟังเอง คุณแตเธอไม่ใช่คนหวงของ”
รวีพรรณลอบทำหน้าหมั่นไส้
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
พิทยาเดินออกไป รวีพรรณมองตาม

พิทยาออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดนอนก็ชะงักนิดนึงที่เจอรวีพรรณนั่งที่โซฟาดูอัลบั้มรูป รวีพรรณทำหน้าตาสดใสถาม
“พิทยังเก็บรูปพวกนี้ไว้อีกเหรอ”
พิทยามองแล้วก็เดินมานั่งข้างๆ เป็นรูปที่พิทยากับรวีพรรณสมัยเรียนมหาลัย
“รูปนี้เป็นรูปคู่รูปแรกของเรา ดูพิทสิยืนห่างรวีเป็นวาไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา”
“ก็ถ่ายรูปคู่กับดาวมหา’ลัยนี่ เขินจะตาย”
รวีพรรณเอาข้อศอกดันแขนพิทยา
“ก็เพราะเขินอย่างนี้แหละ รวีถึงได้รัก”
รวีพรรณหันไปมองพิทยา ทำเอาเขาทำหน้าไม่ถูกเลยทำเป็นดูรูปต่อไป
“รูปนี้ตอนเราไปออกค่ายอาสา”
“หลังจากถ่ายรูปนี้เสร็จ พิทก็ลื่นตกลงไปในน้ำ”
“หมดสภาพ น่าอายสุดๆ”
รวีพรรณกับพิทยาหันมาหัวเราะให้กัน แต่หน้าใกล้กันมาก ทั้งคู่นิ่งงันกันไป รวีพรรณมองพิทยาแววตามีความหมายยื่นหน้าเข้ามาใกล้หวังจะให้พิทยาจูบ แต่พิทยาได้สติรีบลุกขึ้นยืน
“นี่ก็ดึกแล้ว รวีนอนเถอะ”
พิทยารีบเดินออกไป รวีพรรณเซ็งมาก

พิทยานั่งลงที่โซฟารู้สึกผิดกับสุอาภาที่เมื่อกี้เค้าเกือบเผลอจูบรวีพรรณ

ภายในห้องนอน สุอาภาหยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมาดูเห็นมีข้อความเข้ามา สุอาภากดเปิด เห็นเป็นข้อความจากพิทยาเขียนว่า “ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิด” สุอาภาเริ่มจะใจอ่อนลงนิดๆ...พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาวางมือถือลงที่เดิม..เดินไปเปิดประตูเห็นนพยืนยิ้มอย่างใจดีอยู่
“ป๋าเข้าไปได้มั๊ย”
“ได้สิคะ”
นพเดินเข้ามา ก่อนจะปิดประตู หันไปทางสุอาภา
“ป๋าอย่าบอกให้แตกลับบ้านนะคะ แตยังไม่อยากกลับ ขอแตอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ”
“แล้วแตคิดจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่”
สุอาภานิ่งไป

“จำที่ป๋าเคยบอกได้มั๊ย การแต่งงานหมายถึงการที่ชายหญิงสองคน ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน และยังเป็นการบอกอีกอย่างว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่ และคนที่เป็นผู้ใหญ่จะไม่แก้ปัญหาด้วยวิธีหนีปัญหา”
“แตไม่ได้หนีนะคะ แตแค่ต้องการพัก”
“พักได้...แต่อย่านาน เวลามีแต่เดินหน้าไม่มีถอยหลัง มันผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป จะย้อนกลับมาแก้ไขอะไรไม่ได้อีก ป๋าอยากให้แตอดทน ซึ่งป๋ารู้ว่าลูกของป๋าไม่ค่อยมีคำนี้ซักเท่าไหร่ แต่ป๋าอยากให้ลูกฝึก ป๋าอยากให้แตใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ให้คิดถึงใจเค้าใจเรา เพราะว่าตอนนี้ลูกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว”
สุอาภานิ่งไปแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“พูดฟังดูง่ายนะคะ พอเอาเข้าจริง..มันไม่ง่ายเลยซักนิดเดียว”
นพตบบ่าสุอาภาให้กำลังใจ
“แต่ถ้าลูกพยายาม...ป๋าเชื่อว่าลูกต้องทำได้ และมันจะเป็นผลดีกับตัวลูกเองอีกด้วย”
สุอาภาหันไปมองนพด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เช้าวันต่อมา นพ บวร วรรรวดีอยู่ที่โต๊ะอาหาร ณีกำลังเทกาแฟใส่แก้วให้บวร ไม่นานสุอาภาเดินออกมา ทุกคนเงยหน้ามอง
“แตจะกลับบ้านพิทค่ะ”
ทุกคนยิ้มดีใจ ณีเทกาแฟเพลินล้นหกใส่มือบวร บวรสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย! อีกแล้วนะป้า”
ณีตกใจหน้าแหยรีบวางกาที่ใส่กาแฟบนโต๊ะ ทุกคนอมยิ้ม บวรสะบัดมือด้วยความปวดแสบปวดร้อน

ในเวลาต่อมา สุอาภาเดินมาหยุดตรงประตูทางเข้าบ้านคิดว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น

สุอาภาเดินเข้ามาในบ้าน...เห็นรวีพรรณเดินลงมาจากข้างบนในชุดนอนของเธอก็หยุดเดินด้วยความอึ้งและตะลึง สุอาภาคิดย้อนเรื่องที่พิทยาโทร.มาบอกบวรว่า ติดงานด่วน
สุอาภาอึ้งมาก คิดแล้วก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้
รวีพรรณเห็นสุอาภากลับมาก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะทำเป็นกังวลรีบเดินลงมาหา
“คุณแตกลับมายังไงคะเนี่ย เพราะฉันแท้ๆ เมื่อคืนพิทเลยไม่ได้ไปรับคุณ”
สุอาภายังอึ้ง
“ฉันมีเรื่องนิดหน่อย พิทเค้าห่วงก็เลยอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืน คุณแตอย่าโกรธพิทนะคะ”
สุอาภาจุก ก่อนจะสังเกตเห็นชุดนอนที่รวีใส่ว่าเป็นชุดของตัวเอง
“อุ๊ย..คุณแตไม่พอใจรึป่าวคะเนี่ยที่ฉันใส่ชุดนอนของคุณ ฉันอธิบายได้นะคะ”
สุอาภาได้สติ ขืนยิ้ม
“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ ชุดของฉันใครจะใส่ก็ได้”
“คุณแตไม่หวงของเหมือนที่พิทบอกจริงๆ ผิดกับฉัน ฉันเป็นคนขี้หวง ยิ่งถ้าเป็นของที่รักมาก ฉันจะหวงมากเป็นพิเศษ”
สุอาภาฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ พิทยาเดินออกมาจากในครัว
“รวี...อาหารเช้าเสร็จแล้ว”
สุอาภากับรวีพรรณหันไป พิทยาเห็นสุอาภากลับมาก็ดีใจ
“คุณแต”
“อาหารเช้าของรวีเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ พิทควรจะได้คุยกับคุณแตก่อน รวีขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”
“ครับ”
รวีพรรณเดินขึ้นบันไดด้วยใบหน้าที่มีความสุข พิทยารีบเดินเข้ามาหา สุอาภาชิงพูดออกมาก่อน
“นี่เหรองานด่วนที่คุณติด วันหลังไม่ต้องโกหก บอกตรงๆฉันก็เข้าใจ”
พิทยาชะงัก
“ที่ผมไม่บอกเพราะผมไม่อยากให้คุณคิดมาก”
สุอาภาสวนทันควัน
“ฉันไม่เคยคิดมากเรื่องคุณ! คุณจะติดงานด่วน งานร้อนกับใคร มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“คุณไม่มีเหตุผลเลยนะคุณแต”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบเนี้ย แล้วใครจะทำไม”
สุอาภาฟาดงวง ฟาดงา ก่อนจะเดินหัวเสียออกไป
“เดี๋ยวสิคุณแต..คุณจะไปไหน”
พิทยารีบตามสุอาภาออกไป
พิทยารีบตามสุอาภาออกมา แต่ไม่ทัน สุอาภาขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย พิทยาได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม รวีพรรณยืนมองอยู่ด้านในบ้านด้วยความสะใจ

เช้าสายภายในวัดแห่งหนึ่ง รมณีกับณรงค์ยืนรอรวีพรรณมารับ
“เลทไปสิบห้านาทีแล้ว ทำไมลูกยังไม่มาอีก”
“รถอาจจะติดมั๊งคุณ” ณรงค์ว่า
รมณีมองหาเห็นรถคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า เป็นภูวดลที่ลงมาจากรถและตรงเข้ามาไหว้
“สวัสดีครับคุณอา”
“อ้าวพ่อดล”
ภูวดลยิ้มซื่อ

ที่บ้านพราวพิไล สุอาภานั่งถอนหายใจไม่หยุด พราวพิไลเดินออกมาพร้อมถือแก้วน้ำสองใบเห็นเข้าก็สงสัย เดินมานั่งข้างๆพร้อมยื่นแก้วให้สุอาภา
“แกเป็นอะไร มาถึงก็เอาแต่ถอนหายใจไม่หยุด”
สุอาภารับแก้วน้ำมาจากเพื่อน...ไม่ตอบ ยิ่งทำให้พราวพิไลอยากรู้ ระหว่างนั้นเสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น เธอเห็นชื่อ “รวี” พราวพิไลชะโงกหน้าเข้ามาดู
“ยัยนี่โทรหาแกทำไม”
สุอาภาไม่ตอบและไม่รับสาย วางมือถือลงบนโต๊ะ
“ทำไมแกไม่รับ”
“ฉันไม่อยากคุย”
พราวพิไลสงสัยเลยกดรับโทรศัพท์ สุอาภาตกใจหันไปถลึงตาใส่พราวพิไล พราวพิไลกดเปิดสปีคเกอร์โฟน เสียงรวีพรรณดังออกมา
“ฮัลโหล”
พราวพิไลพยักเพยิดให้สุอาภาพูด สุอาภามองพราวพิไลอย่างไม่พอใจ แต่จำต้องพูด
“ค่ะคุณรวี”
“นึกว่าคุณแตจะโกรธจนไม่ยอมพูดกับฉันซะแล้ว”

แรงปรารถนา ตอนที่ 8 (ต่อ)
พราวพิไลนิ่วหน้า
“โทรมามีอะไรคะ”
“รวีลืมบอกเรื่องชุดนอนค่ะ ซักเสร็จแล้วรวีจะเอามาคืนให้นะคะ”
“ค่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณแตที่ให้ฉันยืมของของคุณ”
รวีพรรณวางสาย พราวพิไลหันไปมองสุอาภาแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย
“ชุดนอนอะไรวะ ไอ้แต...แกต้องเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้”
สุอาภาเงียบหันไปมองพราวพิไลด้วยสีหน้าหนักใจ

รวีพรรณยิ้มอย่างอารมณ์ดี...กลับเข้ามาในบ้านเจอรมณีกับณรงค์นั่งอยู่ก็นึกได้ว่าลืมไปรับ รวีพรรณหน้าเสียอย่างแรง รีบเข้ามาอธิบาย
“คุณพ่อคุณแม่!! รวีขอโทษที่ลืมไปรับค่ะ พอดีรวีมีประชุมด่วน แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่กลับมายังไงกันคะ”
“พ่อดลไปรับพวกเรากลับมา”
รวีพรรณอึ้งกังวลใจทันทีว่า ภูวดลจะฟ้องเรื่องเธอรึเปล่า รมณีลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“แน่ใจนะว่านัดกับลูกค้า ไม่ได้อยู่กับนายพิทยาทั้งคืน”
รวีพรรณตกใจจนหน้าถอดสีรู้เลยว่า พ่อกับแม่รู้มาจากภูวดล รมณีเดินมาตรงหน้าลูกสาวสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ลูกกลับไปยุ่งกับมันอีกทำไม”
“เลิกกัน...ก็ใช่ว่าจะต้องเลิกกันไปเลยนี่คะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่ได้! แม่ไม่ยอม แม่เลือกคนที่ดีที่สุดให้ลูกแล้ว แต่ทำไมลูกถึงยังกลับไปยุ่งกับคนต่ำๆอย่างมันอีก”
รวีพรรณไม่พอใจ
“ก็เพราะว่าคนที่แม่เลือก ไม่ได้เป็นคนที่รวีเลือก”
รวีพรรณกับณรงค์ตกใจ ณรงค์ลุกเดินมาหารวีพรรณ
“ทำไมถึงพูดจาแบบนี้ออกมา!”
รวีพรรณหันไปทางพ่อ
“ก็มันจริงนี่คะพ่อ ไหนๆรวีต้องตกนรกทั้งชีวิตแล้ว รวีก็ขอมีความสุขให้เต็มที่ก่อนเถอะค่ะ”
“แต่เค้ามีเมียแล้ว”
“แล้วไงคะ รวีไม่ได้คิดจริงจังซักหน่อย แค่สนุกชั่วครั้งชั่วคราว รวีจะคุมอย่างดี ไม่ปล่อยให้ท้องหรอกค่ะ”
รมณีกับณรงค์อึ้งกับท่าทางของรวีพรรณ พูดจบเธอก็จ้ำเดินออกไป รมณีกับณรงค์อ้าปากค้างหันมามองหน้ากัน
“คุณได้ยินที่ลูกพูดรึเปล่า คุณว่าลูกพูดจริงหรือต้องการยั่วโมโหเรา” ณรงค์บอก
รมณีสีหน้าร้อนรน
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อยุติเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ศรีพิไลจะรู้แล้วยกเลิกงานแต่งงาน”
รมณีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไง

เวลาบ่าย ณีเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของนพภายในบ้าน นพที่กำลังยืนอยู่ที่ชั้นหนังสือหันมามอง
“มีอะไรณี ทำหน้าหยั่งกับเห็นผี”
ณี เงียบ นพปิดหนังสือหันมาเต็มตัว
“หรือว่าเห็นผีอีกแล้ว”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ”
นพนิ่วหน้ามองณีด้วยความสงสัยและแปลกใจ

ภายในห้องรับแขก นพเดินออกมาเจอรมณียืนคอแข็งอยู่ นพเดินยิ้มเข้ามาหา
“สวัสดีครับคุณรมณี วันนี้ผมต้องโชคดีมากแน่ อยู่ดีดีคุณก็มาหาผมถึงที่บ้าน...เชิญนั่งก่อนสิครับ”
“ฉันมาไม่นานเดี๋ยวก็กลับ ฝากบอกคนของคุณว่าอย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน”
นพชะงักถาม
“คนของผม”
ณีแอบฟังอยู่ไม่ห่างออกไป วรรณวดีเห็นก็ย่องเข้ามาจี้เอว
“ว๊าย! คุณต่าย เบาสิคะ” !!
ณีนึกได้ว่าเสียงดังจึงรีบปิดปากตัวเอง
วรรณวดีแปลกใจ หันไปเห็นรมณีก็ชะงัก
“มาทำไม”
“ถ้าอยากรู้ว่ามาทำไม ก็เงียบๆค่ะ”
วรรณวดีกับณีหันไปแอบดูและแอบฟังกันต่อ
“ก็นายพิทยายังไงล่ะ! รู้ก็รู้ว่ารวีกำลังจะแต่งงาน แต่ก็ยังมาข้องแวะข้องเกี่ยวทั้งๆที่มีเมียอยู่แล้ว ที่ทำแบบนี้เพราะต้องการทำลายชื่อเสียงกันใช่มั๊ย”
นพนิ่วหน้าถาม
“ผมว่าคุณเข้าใจผิด พิทรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ บางทีอาจจะเป็นคนของคุณมากกว่าที่ไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร”
รมณีฉุนกึก
“นี่จะบอกว่าลูกสาวฉันเป็นฝ่ายเข้าหามันก่อนงั้นเหรอ”
“ใจเย็นสิครับ ผมยังไม่ได้พูดชื่อลูกสาวคุณออกมาซักนิด ร้อนตัวไปรึเปล่า เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง”
นพมองหน้ารมณีด้วยมาดกวน รมณีกำมือแน่นด้วยความโมโห วรรณวดีกับณีตั้งใจดู ตั้งใจฟังกันมาก บวรเดินมาเห็นก็แปลกใจ
“ดูอะไรกัน”
วรรณวดีกับณีหันมาเอานิ้วแตะปากพร้อมกัน
“ชู่วว์!”
บวรชะงักเมื่อหันไปเห็น บวรร้อง “เฮ้ย” แล้วชี้หน้าไปที่รมณีกำลังจะพูดคุยกับนพ
“ถ้าอยากรู้ว่ามาทำไม ก็เงียบค่ะ”
บวรหันไปตั้งใจฟังพร้อมๆกัน

รมณีพูดต่อ
“ลูกสาวฉันไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นแน่ ถ้าเป็นยัยสุอาภาลูกสาวคุณก็ไม่แน่ เพราะรายนั้นถนัดทำแต่เรื่องชั่วเรื่องฉาวเรื่องต่ำอยู่แล้ว”
นพกำมือแน่น..โมโห แต่ยังไม่ทันพูด ทั้งสามคนก็พากันเดินออกมาด้วยความโมโหเช่นกัน นพกับรมณีหันไปมอง
“ไม่ใช่แค่น้องสาวผมที่ถนัดทำแต่เรื่อง พวกผมก็ถนัดเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องทำร้ายคนแก่เนี่ย!” บวรถลกแขนเสื้อทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง
วรรณวดีกับณีก็ถลกแขนเสื้อ ยืนกร่างเอาเรื่องไม่แพ้บวร
รมณีตกใจรีบถอย
“ว๊าย! สั่งสอนลูกๆของแกให้มีมารยาทหน่อยนะ มีอย่างที่ไหนมาพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้”
“ก็ผู้ใหญ่ไม่น่าเคารพ เราจะพูดดีด้วยทำไม” วรรณวดีบอก
“จริงค่ะคุณต่าย แหมมันน่าเอาน้ำร้อนมาสาดจริงจริ๊ง”
“ฉันไม่ใช่หมานะ!”
นพหันไปทางรมณี
“ทางที่ดีคุณรีบกลับไปดีกว่า เพราะผมไม่มีปัญญาห้ามพวกเค้าซะด้วย”
รมณีหันไปมองทุกคนที่ทำท่าจะเอาเรื่องก็ชักฝ่อ รมณีหันไปทางนพ
“อย่าลืมบอกคนของแก ถ้ายังมายุ่งกับลูกสาวฉันอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
บวรขยับตัว รมณีกลัวจัดร้องออกมาดังลั่น
“ว๊าย!”
รมณีก็รีบจ้ำเดินออกไปทันที ทุกคนหัวเสียอย่างแรง นพได้แต่ถอนหายใจ
“มันเกิดอะไรขึ้นครับป๋า ทำไมยัยป้านั่นถึงมาหาเรื่องแตอีก”
“ป๋าก็ไม่แน่ใจ แกสองคนลองไปดูยัยแตที่บ้านพิทหน่อยสิ”
บวรกับวรรรวดีพยักหน้า

ในเวลาต่อมา สองพี่น้องยืนอยู่กับพิทยา
“แกไม่รู้ว่าแตไปไหน” บวรว่า
พิทยาพยักหน้า
“นี่ตกลงยังไม่คืนดีกันอีกเหรอ”
“ผมพยายามจะพูดกับคุณแต แต่คุณแตไม่ฟัง”
“ถ้าไม่คุยแล้วจะเข้าใจกันได้ยังไง ถ้างั้นเอางี้”
พิทยากับวรรรวดีมองบวรอย่างสงสัยว่า บวรจะทำอะไร

มุมหนึ่งในบ้าน พราวพิไลหันมาทางสุอาภา
“เท่าที่ฟังแกเล่ามาทั้งหมด ฉันว่าแกต้องสวมบทบาทเป็นเมียหลวงได้แล้ว”
“พูดอะไรของแก” สุอาภาว่า
“เห็นอยู่ว่านังแฟนเก่าพยายามจะแย่งพิทคืนมาจากแก อย่าบอกนะว่าแกดูไม่ออก”
“พิทไม่ได้เป็นของฉัน เค้าจะแย่งพิททำไม แล้วอีกอย่าง เค้าสองคนก็ยังรักกัน”
“รักกันแล้วไง ตอนนี้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาคุณพิทคือแก นี่ต่างหากคือความจริงและยัยนั่นก็ควรจะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณพิทอีกต่อไปแล้ว ถ้าแกยังไม่เชื่อฉันตอนนี้ก็ไม่เป็นไร คอยดูต่อไปแล้วกัน นังนั่นต้องทำอะไรที่รุนแรงมากขึ้น”
สุอาภาไม่พูด พลันเสียงมือถือดังขึ้น สุอาภากดรับสาย
“ค่ะพี่ใหญ่ … ทานข้าว ที่ไหนคะ”
ภายในร้านอาหารวิวสวย สุอาภาเดินเข้ามา พนักงานเข้ามาต้อนรับ
“กี่ที่ครับ”
“จองไว้แล้วค่ะ ชื่อ บวร”
“ทางนี้ครับ”
พนักงานเดินนำสุอาภามานั่งที่โต๊ะ
“รับเครื่องดื่มอะไรก่อนดีครับ”
“น้ำเปล่าแล้วกัน”
พนักงานเดินออกไป สุอาภาหันไปดูวิว ไม่นานพิทยาเข้ามานั่งตรงข้าม สุอาภาหันไปก็ผงะที่เห็นพิทยาก็รู้ทันทีว่าเป็นแผนของบวร
“เป็นแผนของพี่ใหญ่ใช่มั๊ย ถ้างั้นฉันจะกลับ”
สุอาภาขยับตัวจะลุกขึ้น แต่พิทยาคว้ามือสุอาภาเอาไว้ได้ทัน แล้วรีบพูด
“ผมขอโทษ... รวีโดนคุณภูวดลตามรังควาน พ่อกับแม่รวีไม่อยู่บ้าน ผมเป็นห่วง..ก็เลยให้รวีมานอนค้างที่บ้าน แล้วผมก็ต้องขอโทษคุณอีกเรื่อง ที่วันก่อนผมเข้าใจคุณผิด ผมยอมรับผิดทุกอย่าง”
สุอาภามองพิทยาที่มองเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความจริงใจก็ใจอ่อน แต่ยังทำฟอร์มอยู่
“นายก็เมสเสจมาขอโทษแล้วไง”
พิทยา กระชับมือสุอาภาแน่นขึ้น
“มันก็ไม่เท่ากับการที่ผมได้พูดคำๆนี้ออกมาเอง ผมรู้สึกแย่มากที่ผมพูดไม่ดีแล้วก็ทำไม่ดีกับคุณ คุณจะยกโทษให้ผมได้มั๊ย”
สุอาภารู้สึกดีที่พิทยาขอโทษจากใจจริง
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันไม่มีทางยกโทษให้นายง่ายๆ แต่ป๋าบอกให้ฉันรู้จักอดทน ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ยิ้มไร ฉันยังไม่ได้บอกซักคำว่ายกโทษให้”
พิทยาค่อยๆยิ้มขำเล็กๆออกมา
“ยังจะหัวเราะอีก”
“แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าคุณยกโทษให้ผม”
สุอาภาจะยิ้มก็ไม่กล้าเลยทำฟอร์ม
“ทำเป็นรู้จักฉันดี”
“ผมรู้จักคุณดีจริงๆนะคุณแต แค่มองตาคุณก็รู้แล้วว่าคุณคิดอะไร”
พิทยามองหน้าสุอาภาด้วยแววตาเป็นประกาย ทำเอาสุอาภานิ่งไป ทำหน้าไม่ถูกและพูดไม่ออก เลยรีบดึงมือออกจากพิทยา
“ถ้างั้นนายก็ควรจะรู้ว่าตอนนี้ฉันหิวแล้ว สั่งอะไรทานกันเถอะ”
พิทยาพยักหน้าหันไปเรียกพนักงาน สุอาภาลอบมองเขาแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พิทยาหันมาเจอเธอยิ้มอยู่ สุอาภาเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทันก่อนจะทำเป็นหันไปมองทางอื่น พิทยาเองก็อมยิ้มมีความสุขเช่นกัน

ภายในคอนโดฯ ภูวดลเปิดประตูเจอรวีพรรณยืนอยู่ก็รู้ว่าเธอมาหาเขาทำไม รวีพรรณสีหน้าไม่สบอารมณ์
“คิดว่าฟ้องพ่อกับแม่ฉัน แล้วจะห้ามฉันเรื่องพิทได้เหรอ”
ภูวดลยิ้มแบบถือไพ่เหนือกว่า
“ผมไม่รู้ว่าห้ามได้หรือห้ามไม่ได้ ผมรู้แต่ว่า งานแต่งงานของเราถูกเลื่อนขึ้นมาให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม ต้องขอบคุณคุณอย่างมากที่ทำให้ทุกอย่างได้ดั่งใจผม”
รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโห แต่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมา คู่นอนของภูวดลก็เข้ามากอดภูวดลจากข้างหลัง รวีพรรณถึงกับอึ้ง
“ทำไรอยู่อ่ะคะคุณดล คิตตี้รอนานแล้วนะ”
“อีกไม่เกินหนึ่งนาทีผมจะตามเข้าไป นอนรอผมบนเตียงได้เลยนะจ๊ะ”
คิตตี้ปรายตามองรวีพรรณแล้วก็เดินเข้าไป ภูวดลหันมา
“พรุ่งนี้เรามีนัดลองชุดแต่งงาน ถ้าคุณไม่ไป คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ภูวดลยิ้มมุมปากร้ายกาจแล้วปิดประตูใส่หน้ารวีพรรณอย่างแรง รวีพรรณโมโหสุดๆ
“นึกว่าแค่นี้จะทำให้ฉันกลัวงั้นเหรอ ยังไงฉันก็ไม่มีวันแต่งงานกับคุณ”

ภายในห้องนอน สุอาภาเปิดผ้าห่มเตรียมจะนอน แต่หันไปเห็นผ้าม่านยังไม่ได้ปิด เลยเดินมาจะปิดผ้าม่านประตูบานเลื่อนตรงระเบียง แต่กลับเห็นไฟสว่างออกมาจากห้องรับแขกข้างล่างก็แปลกใจ

หน้าจอในเครื่องแมคบุ๊ก...เป็นภาพการออกแบบห้างสรรพสินค้า พิทยาจริงจังกับการทำงานที่โต๊ะอาหารในห้องรับแขก สุอาภาเดินลงบันไดมาเห็นก็เดินมาหา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
พิทยาเงยหน้าบอก
“พรุ่งนี้ผมมีพรีเซนต์งานน่ะครับ ก็เลยต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
พิทยายกแก้วกาแฟจะดื่มแต่หมด พิทยาลุกขึ้นจะเดินไปชงกาแฟเพิ่มแต่สุอาภารู้ใจ เดินมาคว้าแก้วจากมือพิทยา
“ฉันชงให้เอง นายทำงานเหอะ”
พิทยายิ้มและพยักหน้า นั่งลงทำงานต่อ สุอาภาเดินไปชงกาแฟ
สุอาภาหันหลังกลับมา
“กาแฟที่อร่อยที่สุดในโลกได้แล้ว”
พิทยาลุกขึ้นเดินมาหาสุอาภาเป็นจังหวะเดียวกับที่สุอาภายื่นแก้วมาพอดี ทำให้แก้วกาแฟกระแทกตัวพิทยา กาแฟหกใส่ พิทยาร้องลั่นเพราะร้อน
“โอ๊ย!”
สุอาภาตกใจมาก รีบวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ
“ฉันขอโทษ นายเป็นไง”
“ทั้งร้อนทั้งแสบ”
พิทยารีบถอดเสื้อออกมา สุอาภาหน้าตาตื่นที่เห็นรอยแดงบนตัวพิทยา
“เดี๋ยวฉันไปเอายามาทาให้นะ”
สุอาภารีบเดินออกไป พิทยาเอามือพัดตรงที่โดนกาแฟลวก
สุอาภากับพิทยานั่งกันอยู่ที่โซฟา สุอาภากำลังเอายาทาตรงที่บริเวณที่โดนน้ำร้อนลวกให้พิทยา เธอรู้สึกอายๆไม่ค่อยกล้ามองเต็มตา ทำให้ทายาไม่ถูกจุด
“คุณแต”
“ห๊ะ”
“ผมไม่ได้เจ็บตรงนั้น”
สุอาภาหันมาดู เห็นทายาตรงที่อื่นก็ยิ้มแหยให้พิทยา แล้วก็ทายาตรงที่พิทยาโดนน้ำร้อนลวก สุอาภาทายาด้วยความตั้งใจและนุ่มนวล พิทยามองสุอาภาแล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี สุอาภาเงยหน้าเห็นพิทยายิ้มพอดี พิทยารีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ยิ้มอะไร”
“ยิ้มคุณนั่นแหละ คุณน่ารักมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยรู้ตัวมั๊ย”
พิทยาอึ้งไปที่ตัวเองหลุดปากชมสุอาภาออกมา ทั้งคู่ต่างเขิน สุอาาภาทำตลับยาหลุดมือตกลงพื้น สุอาภาก้มลงเก็บ จังหวะเดียวกันพิทยาก็จะก้มเก็บ สุอาภาหยิบตลับยาได้เงยหน้าขึ้นมา หน้าผากสุอาภาเสยคางพิทยาเข้าเต็มๆ ทั้งคู่ร้องลั่น
“โอ๊ย!”
สุอาภาจับหัวตรงด้านหน้าที่ติดกับหน้าผาก พิทยาจับคาง สองคนมองหน้ากันแล้วก็พากันหัวเราะออกมาในความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“ไหนดูสิว่าหัวโนรึเปล่า”
พิทยาขยับเข้ามาจนตัวติดกับสุอาภา แล้วจับหัวสุอาภามาดู
“หัวโนมั๊ยอ่ะ” สุอาภาถาม
พิทยาอมยิ้มแล้วแกล้งพูด
“ปูดเป็นลูกมะกรูดเลย”
สุอาภาตกใจเงยหน้ามองพิทยา
“จริงเหรอ”
พิทยาแกล้งทำหน้าเครียด
“จริง...ท่าทางจะไม่ยุบง่ายๆด้วยนะ”
สุอาภาหน้าเสียด้วยความกังวล
“เหรอ ถ้าเอาผมปิดไว้ จะเห็นรึเปล่า”
สุอาภารีบเอาผมมาปิดตรงด้านหน้าทำให้สุอาภาดูตลกมากจนพิทยาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ สุอาภาเริ่มเอะใจ เห็นพิทยาหัวเราะไม่หยุดก็รู้ทันที
“นายหลอกฉันเหรอ”
“ถือเป็นการเอาคืนที่คุณชอบหลอกผมบ่อยๆก็แล้วกัน”
พิทยายังหัวเราะไม่เลิก สุอาภาเอานิ้วทายาป้ายปากพิทยา พิทยาสะดุ้ง
“เฮ้ย!”
สุอาภาหัวเราะ
“สมน้ำหน้า อยากแกล้งฉันทำไม”
พิทยาชี้หน้าเอาเรื่อง สุอาภาชักฝ่อรีบลุกขึ้นยืน
“จะทำอะไรฉัน”
พิทยาไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นยืน สุอาภารีบหันหลังวิ่งหนี สองคนวิ่งไล่กันเป็นเด็กๆ จังหวะหนึ่งสุอาภาหลบได้แล้วเฉียด พิทยาลื่นล้มก้นกระแทกพื้น
สุอาภาแลบลิ้น
“แบร่ๆ”
สุอาภาหัวเราะชอบใจวิ่งหนีขึ้นบันได พิทยามองตามยิ้ม แววตาเป็นประกายมีความสุข

เช้าวันต่อมา พิทยากำลังทำข้าวต้มอยู่ในครัว สุอาภาเดินเข้ามาเห็น
“ทำไร”
พิทยาหันไปบอก
“ข้าวต้ม”
สุอาภานิ่งมองข้าวต้ม พลางนึกย้อนกลับไป
“คุณแตคงไม่ชอบทานรสหวาน”
“ใช่ค่ะ พิททำหวานไปหน่อยนึง”
“นี่เป็นรสชาติของฉันค่ะ พิทคงเคยชิน เพราะเค้าทำให้ฉันทานบ่อยๆ”
สุอาภาคิดนิดนึงแล้วพูดออกไป
“ฉันไม่ชอบข้าวต้มที่นายทำ มันหวานเกินไป”
“แล้วคุณอยากทานรสชาติไหนล่ะ”
“อืมม์...ไม่รู้สิ”
“เอ้า..ถ้าไม่รู้ แล้วผมจะทำให้ถูกใจคุณได้ไง ถ้างั้นก็มาทำด้วยกัน คุณจะได้หัดทำข้าวต้มเป็นอีกหนึ่งอย่างนอกจากการชงกาแฟ”
สุอาภามองพิทยาอย่างเห็นด้วย

พิทยาตักข้าวต้มใส่ช้อนเป่าให้หายร้อน แล้วยื่นไปให้สุอาภาชิม สุอาภาชิมแล้วก็ส่ายหน้าไม่ชอบ ก่อนจะยืนนึก..แล้วก็หันไปหยิบซีอิ๊วเหยาะลงไป ตามมาด้วยพริกไท พริกป่น น้ำส้มสายชู เห็นอีกทีข้าวต้มก็เต็มไปด้วยพริก
พิทยามองแบบไม่น่ากิน แต่สุอาภาภูมิใจมาก ตักข้าวต้มขึ้นมา เป่าให้หายร้อนแล้วยื่นไปตรงหน้าพิทยาส่ายหน้า สุอาภายื่นช้อนไปใกล้เพื่อให้พิทยากิน พิทยากล้าๆกลัวๆแต่ก็กินเข้าไป
พิทยานิ่งไปสองวินาทีแล้วหันไปมองสุอาภาพร้อมกับยกนิ้วโป้งบอกว่าอร่อย สุอาภาดีใจ

สุอาภากับพิทยายืนอยู่ด้วยกัน บนโต๊ะมีข้าวต้มโรยหน้าด้วยไข่เจียวสองชามวางอยู่
“นี่เรียกว่าข้าวต้มสูตรคุณหนูกระแต นายห้ามทำข้าวต้มสูตรนี้ให้ใครทานเด็ดขาด นอกจากฉันคนเดียว”
พิทยาอมยิ้ม
“ครับคุณหนูกระแต ว่าแต่ทานได้เหรอยัง ผมหิวแล้ว”
พิทยาจับท้องตัวเองที่ร้องดังออกมาพอดี สุอาภาขำ เธอกับเขากำลังจะนั่งลงทานข้าวต้ม แต่เสียงรวีพรรณดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ”
สุอาภากับพิทยาเห็นรวีพรรณถือถุงเดินเข้ามา สุอาภาแอบเซ็งนิดนึงที่รวีพรรณมาขัดจังหวะ
“ประตูบ้านพิทไม่ได้ล็อก รวีก็เลยเดินเข้ามา นี่กำลังจะทานอาหารเช้ากันเหรอคะ”
“ครับ”
“น่าทานจังเลย”
สุอาภาหันไปมองพิทยาว่าจะชวนรวีพรรณทานมั๊ย พิทยานิ่งไป คำพูดของสุอาภาดังขึ้น
“ห้ามทำข้าวต้มสูตรนี้ให้ใครทานเด็ดขาด นอกจากฉันคนเดียว”
“รวีทานด้วยกันมั๊ย”
สุอาภาแอบใจแป้ว พิทยาพูดต่อ
“แต่ว่าข้าวต้มหมดแล้ว ผมจะไปทำอย่างอื่นให้ทาน”
สุอาภาดีใจแอบยิ้มออกมาคนเดียว
“ไม่ล่ะค่ะ รวีแค่เอาของมาคืนคุณแต เสร็จแล้วก็จะกลับ”
รวีพรรณหยิบชุดนอนออกมาจากในถุงที่ถือมาวางบนโต๊ะ
“นี่ค่ะ...ชุดนอนของคุณใส่สบายมากเลย ฉันอยากได้แบบเดียวกับคุณฝากซื้อได้มั๊ย”
“ฉันไม่แน่ใจว่ามันยังมีขายอยู่รึเปล่า”
“ว้า...น่าเสียดายจัง ถ้าฉันขอ คุณจะให้ฉันมั๊ย”
“ฉันใส่มาหลายครั้งแล้ว คุณไม่ถือเหรอคะ”
“ถ้าฉันต้องการ...ต่อให้เคยถูกใช้มาแล้ว ฉันก็ไม่ถือหรอกค่ะ”
รวีพรรณพูดแล้วก็ปรายตามองพิทยาแว๊บนึง สุอาภารู้สึกแปลกๆกับคำพูดของรวีพรรณ แต่พิทยาไม่คิดอะไร รวีพรรณเปลี่ยนเรื่อง หันไปทางพิทยา
“รวีต้องไปทำงานแล้ว ไม่ใช่สิต้องบอกว่า รวีไปทำงานวันนี้เป็นวันสุดท้าย รวีลาออกมาดูแลร้านอาหารเต็มตัว ต่อไปนี้เราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
สุอาภาชะงักไป มองรวีพรรณที่ยิ้มให้พิทยา

ภายในออฟฟิศ สินีนาฎมองซองขาวในมือก่อนจะเงยหน้ามองรวีพรรณ
“แน่ใจแล้วเหรอว่าจะลาออก”
รวีพรรณพยักหน้าสีหน้ามั่นใจ
“วันแต่งงานของฉัน..ใกล้เข้ามาทุกที นั่นเท่ากับว่าเวลาของฉันเหลือน้อยลง สิ่งที่ฉันต้องทำในตอนนี้ก็คือแย่งพิทคืนมาให้เร็วที่สุด”
“เธอยอมสละอนาคตตัวเองเพื่อผู้ชายคนเดียวเลยเหรอ”
รวีพรรณมองสินีนาฎ
“ที่ผ่านมาฉันปล่อยให้ชีวิตขึ้นอยู่กับความต้องการของคนอื่นมามากพอแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันอยากทำ ชีวิตฉัน..มันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วสิ”
สินีนาฎมองรวีพรรณอย่างไม่เข้าใจ แววตารวีพรรณเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ภายในร้านเวดดิ้ง ภูวดลในชุดเจ้าบ่าวดูนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก พนักงานร้านเดินมาหา
“ไม่ทราบว่าเจ้าสาวจะมาเหรอยังคะ”
“ขอผมโทรตามก่อน”
ภูวดลหยิบมือถือออกมากดโทรออก แต่รวีพรรณปิดเครื่อง ภูวดลโมโหมาก
“กล้าทำแบบนี้กับผมเหรอรวีพรรณ”

แรงปรารถนา ตอนที่ 8 (ต่อ)

ภายในห้องประชุม เวลากลางวัน พิทยากำลังพรีเซนต์แบบร่างแรกให้ทาคาโน่ ภาสันต์ นพ บวร และปวีณาฟัง

ทุกคนตั้งใจฟังพิทยาด้วยสีหน้าบอกความชื่นชม มีภาสันต์เพียงคนเดียวที่เบ้หน้าด้วยความไม่ชอบใจ
พิทยาพรีเซนต์งานเสร็จ ทาคาโน่ปรบมือ ยิ่งทำให้ภาสันต์ไม่พอใจ
“ผมพอใจเกือบ 100 %”
พิทยา นพ บวร แป๋วยิ้ม แต่ภาสันต์ติงขึ้นมา ทุกคนหันไปมอง
“แต่ผมไม่ชอบ ข้อแรก ผมไม่เห็นด้วยเรื่องที่จะสร้างสองตึก ข้อสอง เรื่องขุดสระน้ำด้านหน้าห้างฯ สิ่งที่พูดมามันสิ้นเปลือง”
“ที่ผมสร้างตึกสองตึก และขุดสระน้ำด้านหน้า ผมทำตามหลักฮวงจุ้ย...หน้าน้ำหลังภูเขา“น้ำ”ถือว่ามีสภาพเคลื่อนไหวและมีความเป็นหยาง “ภูเขา”สงบนิ่งและมีความเป็น หยิน เมื่อสองอย่างรวมกัน จะก่อให้เกิดความสมบูรณ์ ซึ่งตึกที่สองเปรียบเหมือนเป็นภูเขา”
“งมงาย”
“หลักฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นเรื่องของความเชื่อและศรัทธา แต่ที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่คุณทาคาโน่ต้องการ”
ภาสันต์หันขวับไปมองทาคาโน่
“คุณพิทยารู้ใจผมมากกว่าหุ้นส่วนของผมซักอีก”
ภาสันต์หน้าแตก!! นพ บวรลอบยิ้มอย่างสะใจ
“คุณเป็นคนเก่งจริงๆ พ่อแม่ของคุณคงจะภูมิใจในตัวคุณน่าดู”
ภาสันต์แทบสะอึก นพมองเหล่ภาสันต์
“ผมไม่มีพ่อ แล้วก็ไม่มีแม่ครับ คุณนพท่านเป็นผู้อุปการะคุณที่เลี้ยงดูผมมา”
คำพูดของพิทยาทำให้ภาสันต์สะท้านเล็กๆ ทาคาโน่หันไปทางนพด้วยสีหน้าทึ่ง
“ขนาดคุณพิทยาไม่ใช่ลูกแท้ๆ คุณยังสั่งสอนเค้าจนได้ดีขนาดนี้ ผมนับถือ ถ้าพ่อแท้ๆของคุณรู้ เค้าคงจะเสียใจที่ไม่ได้เห็นความสำเร็จของลูกชาย”
ภาสันต์ทำหน้าไม่ถูก นพปรายตามอง ภาสันต์รู้สึกเสียหน้าอย่างแรงเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอาเป็นว่าถ้าคุณทาคาโน่โอเค ผมก็ไม่มีปัญหา”
“ผมจะบอกว่าให้คุณปรับอะไรตรงไหนยังไง ไม่เยอะมากหรอก แต่อันนี้เร่งให้ผมเลยนะซักหนึ่งอาทิตย์..เสร็จมั๊ย”
“ถ้าไม่เยอะ ผมคิดว่าเสร็จครับ”
ทาคาโน่คุยงานต่ออีกเล็กน้อย ภาสันต์ได้แต่มองพิทยาด้วยความไม่พอใจ

ภายในออฟฟิศ พิทยาเดินมากับบวร
“สะใจจริงๆตอนเห็นหน้าคุณภาสันต์ แกเห็นรึเปล่า”
“ผมไม่ได้มองครับ แล้วก็ไม่อยากสนใจด้วย”
“ดีแล้วที่แกคิดได้แบบนี้ แกทำงานนี้ให้ดีเลยนะพิท เค้าจะได้เสียใจที่ไม่รับแกเป็นลูก”
พิทยาไม่พูดอะไร แล้วปวีณาก็เดินมาหา บวรมองด้วยความเซ็ง
“คุณพิทคะ ในห้องประชุมเมื่อกี้ คุณพิทสุดยอดมากค่ะ”
บวรเบ้หน้า
“เบื่อพวกประจบ ฉันไปทำงานก่อนนะไม่อยากอารมณ์เสีย”
ปวีณาหันขวับไปมองบวรไม่พอใจ บวรเดินออกไป ปวีณามองตามอย่างไม่พอใจแล้วก็หันมายิ้มให้พิทยา

ยามบ่าย ภายในออฟฟิศ รวีพรรณยืนอยู่หน้าโต๊ะหันหลังให้ประตู เธอกำลังเก็บของบนโต๊ะใส่กล่องกระดาษ เสียงเคาะประตูดังขึ้น รวีพรรณเข้าใจว่าเป็นเลขาฯเลยไม่ได้หันไปมอง
“เข้ามา”
เสียงฝีเท้าดังมาหยุดอยู่ข้างหลัง รวีพรรณแปลกใจว่าทำไมเลขาฯไม่พูด..พอหันไปก็ตกใจ ภูวดลที่ยืนอยู่
“ทำไมไม่ไปลองชุดแต่งงาน! ไม่กลัวที่ผมบอกเหรอ”
“คุณจะทำอะไรฉันได้ จะฆ่าฉันให้ตายเหรอ คุณไม่กล้าหรอกเพราะคนอย่างคุณมันก็ดีแต่พูด”
ภูวดลโมโหมากจับแขนรวีพรรณแล้วดึงเข้ามาใกล้ เธอตกใจ
“ปากดีนักนะ”
ภูวดลไม่ตอบ จะเข้ามาจูบ รวีพรรณเบือนหน้าหลับตาด้วยความกลัว ภูวดลเห็นสีหน้ารวีพรรณก็หัวเราะพร้อมกับปล่อยมือ เธอลืมตาหันมามองอย่างแปลกใจ ภูวดลแค่นยิ้ม
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ทำบ่อยๆช้ำกันพอดี เก็บของทำไม อย่าบอกนะว่าคุณลาออก”
“ใช่..ฉันลาออก แต่ไม่ใช่เพราะจะออกมาเตรียมงานแต่งงาน ฉันลาออกเพราะจะได้มีเวลาอยู่กับพิทมากขึ้น”
ภูวดลผงะกำมือแน่นด้วยความโมโห ขยับจะเข้ามาจัดการ รวีพรรณเอากรรไกรออกมาจากในกล่อง หันไปยื่นใส่หน้าภูวดล
“อย่าแม้แต่คิดจะทำอะไรฉันอีก ถ้าฉันหนีจนหลังชนฝาเมื่อไหร่ ฉันจะสู้จนขาดใจ ยังไงคุณก็ไม่มีวันได้ตัวฉันไปอีกครั้งแน่”
รวีพรรณสีหน้าเอาจริง จนภูวดลต้องยับยั้งความโกรธเอาไว้
“แล้วคุณจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับผม”

ภูวดลพูดจบก็จ้ำเดินออกไปด้วยความโมโห รวีพรรณรีบเดินไปล็อกประตูแล้วก็หันหลังพิงประตูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ภูวดลเดินออกมาสีหน้าโกรธแค้น แววตาร้ายกาจ พลันนึกอะไรชั่วๆออก ภูวดลเอามือถือออกมากดโทร.ออก

“มีเรื่องอยากให้ช่วย”

ภายในออฟฟิศนพ …พิทยาเดินหิ้วกระเป๋าใส่แบบและโฟโต้บอร์ดมาที่รถ เปิดประตูรถด้านหลัง เอาของใส่เข้าไป พอกำลังจะหันหลังกลับโดนคนทุบเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรง ทำเอาพิทยามึน...หันมาเห็นนักเลง 2 คน แต่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เจอรุมอัด

บวรกับปวีณาเดินมาชนกันตรงประตูทางออก ปวีณาแทบกระเด็นหันไปมองบวรไม่พอใจ
“โอ๊ย! ทำไมเดินไม่ดูคะ”
“เธอต่างหากที่เดินไม่ดู ชนมาได้...ฉันเจ็บนะ”
“ฉันเจ็บยิ่งกว่าคุณอีกนะคะคุณใหญ่”
บวรไม่สนใจจะเดินออกไป ก็เจอปวีณาที่ออกตัวพร้อมกัน ชนกันตรงประตูอีก สองคนหันมาโวยใส่กัน
“โว๊ย!”
“ให้ฉันออกก่อนสิ”
“ทำไมฉันต้องให้เธอออกก่อนห๊ะ!”
“เพราะฉันกำลังรีบ”
“ฉันก็รีบเหมือนกัน”
บวรกับปวีณาต่างไม่ยอม แย่งกันเดินออกประตู แต่ปวีณาสู้แรงบวรไม่ไหว โดนบวรดันกระเด็นจนล้มไปบนพื้น ส้นรองเท้าส้นสูงหักหนึ่งข้าง พร้อมๆกับกระเป๋าสะพายที่กระเด็นไปคนละทาง
บวรหันมาเห็นก็ตกใจและรู้สึกผิด รีบเข้ามา บวรยื่นมือออกไป
“ฉันช่วย”
แป๋วโมโหปัดมือบวรออกอย่างแรง
“ไม่ต้องมาช่วย!”
บวรไม่พอใจ
“งั้นก็ตามใจ”
บวรไม่พอใจจ้ำเดินออกไป ปวีณาลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินมาเก็บส้นรองเท้ากับกระเป๋าสะพายบนพื้น หันไปมองตามบวรด้วยความหัวเสีย

บริเวณลานจอดรถ พิทยาถูกอัดจนหมดสภาพ แก้มแตกมีเลือดซิปลงไปกองกับพื้น
นักเลงคนแรกดึงพิทยาให้ลุกขึ้นยืน แล้วล็อกตัวพิทยาเอาไว้ อีกคนเข้ามาอัดพิทยาอีกสองสามหมัดจนเลือดทะลักออกปาก
“พวกแกทำร้ายฉันทำไม ต้องการอะไร”
นักเลงคนแรกกระชากคอเสื้อพิทยาเข้ามา
“แกไปขัดขาใครเค้าล่ะ”
พิทยานึกไม่ออก แล้วนักเลงคนนั้นก็เอามีดสั้นออกมา พิทยาตกใจ
“นี่แค่สั่งสอน ยังไม่ใช่ของจริง”
พิทยางง ไม่เข้าใจ นักเลงคนนั้นกำลังจะแทงพิทยา แต่เสียงบวรดังขึ้น
“ทำอะไร”
นักเลงหันมาเห็นบวรก็ชะงัก บวรเห็นพิทยาก็ตกใจ
“พิท!”
บวรโมโหมากเข้ามาจัดการพวกนักเลง พิทยาทรุดลงไปกองกับพื้น บวรสู้แต่สู้ไม่ไหว ขณะที่กำลังจะพลาดท่า เสียงปวีณาก็ดังขึ้น
“ทางนี้ค่ะคุณตำรวจ!”
นักเลงสองคนตกใจนึกว่าตำรวจมาจริงๆเลยรีบวิ่งหนี บวรหันไปเจอปวีณาวิ่งมา สองคนรีบเข้าไปดูพิทยา
“พิท...พิท!”
แต่พิทยาหมดสติไปแล้ว

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล สุอาภา นพ วรรณวดีรีบเข้ามาในห้องเห็นบวรกับปวีณายืนอยู่ และพิทยาที่ยังนอนหมดสติอยู่บนเตียง มีปลาสเตอร์ปิดรอยแตกที่แก้ม มุมปากช้ำ
นพหันไปทางบวรกับปวีณา
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพิทโดนทำร้ายมากขนาดนี้”
“ผมไม่รู้ครับป๋า มาถึงก็เห็นพิทกำลังโดนซ้อม นี่ผมให้รปภ.เช็กจากกล้องวงจรปิดอยู่เผื่อจะเห็นหน้าพวกมัน แล้วจะได้ตามถูกว่าเป็นใคร”
วรรณวดีแปลกใจ
“ที่ผ่านมาบริษัทเราไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเลยนะคะ”
นพกังวลใจ สุอาภาหันมาทางบวร
“หมอว่าพิทเป็นยังไงบ้างคะ”
“ปลอดภัย มีแค่รอยฟกช้ำภายนอก แต่ให้รอดูอาการที่โรงพยาบาลซักวันสองวันก่อน”
สุอาภาหันมาจับมือพิทยาด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก ปวีณาเห็นความห่วงใยของสุอาภาที่มีต่อพิทยาก็ได้แต่เศร้าใจ

ปวีณากำลังรอรถอยู่ด้านนอกโรงพยาบาล ไม่นานบวรก็ขับรถมาจอด ปวีณาแปลกใจ บวรลงจากรถเดินมาหา
“รอรถเหรอ”
“ค่ะ”
บวรหรุบตามองรองเท้าเธอที่มีส้นข้าง ไม่มีส้นข้าง
“ใส่รองเท้าแบบนี้คงกลับบ้านไม่ถนัด ฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไร”
“ให้ฉันไปส่งเถอะหน่า ถ้าไม่ได้เธอโกหกพวกมันว่าตำรวจมา ฉันคงโดนเล่นงานไปด้วยอีกคน ถือเป็นคำขอบคุณแล้วกัน”

บวรอึกอักพูดแบบไม่ค่อยมองหน้าเธอ ปวีณามองๆบวรแล้วก็ตัดสินใจขึ้นรถ บวรสบายใจแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป

เวลากลางคืน ภายในคอนโดฯ ภูวดลกำลังคุยโทรศัพท์

“พวกแกทำดีมาก”
ภูวดลวางสาย สีหน้าพึงพอใจสุดๆ

เวลากลางคืน ภายในโรงพยาบาล สุอาภายังคงนั่งจับมือพิทยาเฝ้าอยู่ไม่ห่างจากเตียง ไม่นานพิทยารู้สึกตัว เธอดีใจมาก
“พิท”
“คุณแต”
พิทยาจะลุกขึ้นนั่ง แต่เจ็บปวดไปทั้งตัว
“นายจะเอาอะไร ฉันเอาให้”
“ผมหิวน้ำ”
สุอาภารีบเทน้ำใส่แก้วแล้วเอาหลอดใส่ก่อนจะให้พิทยาดื่ม พิทยาดื่มเสร็จ สุอาภาเอาแก้ววางบนโต๊ะ
“นายรู้รึเปล่าว่าคนที่ทำร้ายนายเป็นใคร”
พิทยาส่ายหน้า
“ผมไม่รู้ อยู่ดีดีพวกมันก็เข้ามาทำร้ายผม ถามว่าผมไปขัดขาใครเค้ารึเปล่าแต่ผมนึกไม่ออก”
สุอาภาสีหน้าแย่ฟังแล้วก็รู้สึกไม่สบายจนพิทยาจับความรู้สึกได้
“คุณแตเป็นอะไรครับ”
สุอาภาหันมา
“ฉันเป็นห่วงนาย”
พิทยาอึ้งเพราะเห็นถึงห่วงใยที่ส่งผ่านทางสายตา
“ครั้งนี้นายโชคดีที่พี่ใหญ่มาช่วยได้ทัน แต่ถ้าเกิดครั้งหน้า นายไม่ได้โชคดีอย่างนี้ล่ะ เกิดนายโดนหนักมากกว่านี้ ฉันจะทำยังไง”
สุอาภาน้ำตาไหล ตัวสั่นด้วยความกลัว...พิทยายกมือเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะกุมมือสุอาภาแน่น
“ผมจะระวัง...ไม่ให้เป็นอะไรเด็ดขาด”
“นายพูดแล้วนะ ถ้านายผิดคำพูด นายเจอฉันเล่นงานแน่”
พิทยายิ้ม
“ถ้าผมจะโดนทำร้ายอีกครั้ง คงเป็นฝีมือคุณมากกว่า”
สุอาภาชะงักแล้วก็ยิ้มออกมา ทั้งคู่ยิ้มให้กัน

รุ่งขึ้น ที่นพ อาร์คิเทค รวีพรรณเดินหน้าบานเข้ามา แต่เห็นบวรกำลังยืนคุยกับหัวหน้ารปภ. รวีพรรณกำลังจะเดินมาทัก
“ผมพยายามดูหน้าคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ตอนที่พวกมันรุมทำร้ายคุณพิทยา...”
รวีพรรณชะงักที่ได้ยินชื่อ “พิทยา” เลยหยุดเดินแล้วยืนฟัง
“แต่ผมไม่เห็นเลยครับเพราะตรงนั้นเป็นมุมอับพอดี”
บวรหัวเสียบอก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วตรงนั้นไม่มีกล้องตัวอื่นอีกแล้วเหรอ”
“ไม่มีครับ”
บวรเซ็งมาก
“ไปทำงานต่อได้แล้วไป”
หัวหน้ารปภ.เดินออกไป บวรเดินไปอีกทางโดยที่ไม่เห็นรวีพรรณ รวีพรรณยืนนิ่งอย่างครุ่นคิด นึกย้อนกลับไป
“แล้วคุณจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับผม”
รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโหเมื่อคิดได้ว่าเป็นฝีมือภูวดล

ภูวดลเปิดประตูคอนโดฯมาเจอรวีพรรณยืนอยู่ก็ไม่แปลกใจซักนิด
“ฝีมือคุณใช่มั๊ย”
ภูวดลทำหน้ายียวน
“พูดอะไร”
“คุณส่งคนไปทำร้ายพิทใช่มั๊ย”
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นผม”
“เรื่องชั่วๆแบบนี้มีคุณคนเดียวที่ทำได้!”
“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าไอ้พิทยามันอาจจะไปขวางหูขวางตาใครคนอื่นเค้าก็ได้”
“พิทไม่ใช่คนแบบนั้น อย่าเล่นสกปรกอีก”
“ถ้าไม่อยากเห็นมันเจ็บมากกว่านี้ ก็อย่ากลับไปยุ่งกับมันอีก นี่แค่บทเรียนบทที่หนึ่ง คุณก็เห็นแล้วว่าผมไม่ได้ดีแต่พูด และหวังว่าเย็นนี้เราคงจะได้ไปลองชุดแต่งงานด้วยกัน อย่าให้ผมต้องรอเก้อเป็นครั้งที่สอง”
รวีพรรณพูดไม่ออก ภูวดลยิ้มมุมปาก แล้วปิดประตูใส่หน้าเธอดังปัง!! รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ ที่ทำอะไรไม่ได้

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล สุอาภาเข็นโต๊ะที่วางอาหารมาตรงหน้าพิทยา ก่อนจะเอาหมอนหนุนหลังพิทยาเพื่อให้นั่ง พิทยายกแขนตักข้าวกิน แต่ไม่ถนัดเพราะยังเจ็บอยู่
“ฉันป้อนนายเอง”
พิทยาหันไปมองสุอาภาอย่างรู้สึกดี... เธอบรรจงเป่าข้าวให้พิทยาแล้วก็ป้อน เขาเอาแต่มองหน้าเธอเลยไม่ได้กิน สุอาภาแปลกใจ
“ทำไมไม่ทาน”
พิทยาผงะ นึกขึ้นได้ก็ยิ้มๆ แล้วก็กินข้าวที่สุอาภาป้อนด้วยสีหน้ามีความสุข
สุอาภาตักอาหารไปก็พูดไป
“ทานหมูหน่อยนะ โปรตีนจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ”
สุอาภาตักหมูทอดป้อน พิทยากินไปยิ้มไป..ระหว่างนั้นนพ วรรรวดี ณีเปิดประตูเข้ามาเห็นเธอกำลังป้อนข้าวก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม พิทยากับสุอาภาหันไปเห็นทุกคนก็ชะงัก
“คุณท่านขา สงสัยซุปตุ๋นไก่ดำของป้าจะเป็นหมันแล้วล่ะค่ะ เพราะดูท่าทางคุณพิทจะได้ยาบำรุงดีดีจากคุณหนูซะแล้ว”
นพกับวรรณวดีอมยิ้ม สุอาภากับพิทยาเขิน สุอาภารีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่มีอะไรสู้ฝีมือต้มน้ำซุปของป้าณีได้หรอกค่ะ เดี๋ยวแตเอาให้พิททานเลย”
สุอาภารับกระติกใส่น้ำซุปมาวางบนโต๊ะ..เปิดฝา..เทน้ำซุปใส่ในฝา
“ค่อยๆดื่มนะพิท ระวังร้อน”
นพ ต่าย ป้าณีหันมายิ้มให้กันอย่างรู้สึกดีกับภาพตรงหน้า แต่ความสุขมักสั้นเสมอ เมื่อภาสันต์กับทาคาโน่เปิดประตูเข้ามา ทุกคนในห้องต่างชะงักกันไป แต่จำต้องยกมือไหว้ภาสันต์กับทาคาโน่ ยกเว้นนพ
ภาสันต์เห็นพิทยาเจ็บหนักก็ปรากฎความสะใจในแววตา
“เห็นบอกว่าโดนคนทำร้าย ไม่นึกจะว่าหนัก”

พิทยาเงียบ

“จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่ถ้ามันมีผลกระทบกับงาน ก็คงต้องยุ่ง คุณมีศัตรูที่ไหนรึเปล่าถึงโดนจัดหนักขนาดนี้”
นพรีบตอบ
“พิทเป็นคนดี ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ถ้าจะมีก็มีอยู่คนเดียว”
นพจ้องหน้า ภาสันต์ไม่พอใจเพราะรู้ว่านพหมายถึงเขา
“หาตัวคนที่ทำร้ายได้เหรอยัง” ทาคาโน่ถาม
“ยังค่ะ”
ทาคาโน่สีหน้าดูจะเป็นกังวล
“คุณเจ็บขนาดนี้จะทำงานให้ผมไหวเหรอ ดูจากบาดแผลคงต้องพักฟื้นอีกนานกว่าจะหาย”
“ผมทำไหวครับ”
ภาสันต์ได้ทีรีบพูด
“ถ้าไม่ไหวก็บอกกันตรงๆ ฉันจะได้หาคนอื่น อย่ากั๊กงานเอาไว้เพราะเวลาของฉันเป็นเงินเป็นทอง ถ้าเลทไปวันนึงก็เสียหายหลายล้าน”
นพกับพิทยามองภาสันต์อย่างรู้ทัน พิทยาไม่พอใจที่ภาสันต์ดูถูก เขายืนยัน
“ผมทำไหวจริงๆครับ กำหนดส่งงานยังคงเป็นกำหนดเดิม ขอให้คุณทาคาโน่เชื่อมั่นในตัวผมเถอะนะครับ”
ทาคาโน่เงียบ ภาสันต์คิดว่าทาคาโน่ต้องปฏิเสธแน่ แต่...
“ตกลง ผมเชื่อคุณ”
ภาสันต์อึ้งถึงกับทำหน้าไม่ถูก ส่วนคนอื่นๆหันมายิ้มให้กันด้วยความดีใจ

บริเวณหน้าห้องพัก ภาสันต์ออกมาโวยวายกับทาคาโน่
“ถ้าเกิดเค้าทำไม่ได้อย่างที่พูด เราไม่เสียเวลาไปอีกเหรอ ไหนคุณว่าอยากให้การก่อสร้างเริ่มภายในสองเดือนนี้ไง”
“ผมเชื่อในสายตาของผมว่าคุณพิทยาทำได้”
“ถ้าเค้าทำไม่ได้ขึ้นมา ผมจะถือว่าคุณผิดข้อสัญญาของเรา และคุณจะต้องชดใช้”
ภาสันต์พูดแบบถือไพ่เหนือกว่าแล้วก็เดินออกไป ทาคาโน่มองตามภาสันต์ด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ

ภายในร้านเวดดิ้ง เวลาเย็น รวีพรรณในชุดเจ้าสาวเดินออกมาทำเอาภูวดลตะลึงไปเล็กน้อย รมณีกับศรีพิไลที่มาด้วยถึงกับปรบมือและยิ้มด้วยความชอบใจ
“หนูรวีสวยเหมือนเจ้าหญิงไม่มีผิด ลูกว่าอย่างนั้นมั๊ย” ศรีพิไลบอกพลางหันไปถามภูวดล
“ครับ คุณรวีสวยมาก”
รวีพรรณหันไปมองภูวดลอย่างไม่พอใจ
“แม่ว่าลูกสองคนถ่ายรูปคู่กันซักหน่อยดีกว่า ถือเป็นพรีโฟโต้เวดดิ้ง”
รวีพรรณจะปฏิเสธ แต่ภูวดลรีบแย่งพูด
“ตกลงครับ”
ภูวดลเข้ามาโอบเอวรวีพรรณดึงมาชิดติดตัว รวีพรรณหันไปมองอย่างไม่พอใจ แต่ไม่กล้าทำอะไร...รมณีกับศรีพิไลปลาบปลื้มมาก ภูวดลยื่นหน้าไปใกล้หน้ารวีพรรณจนจมูกแทบจะโดนแก้ม รวีพรรณขยะแขยงมากแต่ต้องอดกลั้น
“ยิ้มหน่อยสิลูก” รมณีบอก
รวีพรรณต้องฝืนยิ้ม...ภูวดลหันไปมองหน้ารวีพรรณแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ รมณีถ่ายรูปว่าที่คู่บ่าวสาวแชะ!!!

รวีพรรณเข้ามาในห้อง … รู้สึกรังเกียจตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองกระจกด้วยความโมโหที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบภูวดล

รวีพรรณเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาได้ยินภูวดลคุยกับศรีพิไล
“แม่ขอบใจลูกมากนะที่เสียสละเพื่อคุณพ่อ”
รวีพรรณได้ยินเลยหยุดยืนแล้วแอบฟัง
“ถ้ามันจะทำให้พ่อเห็นผมมีค่าในสายตาขึ้นมาบ้าง ผมก็ยอม แต่แม่ครับ หลังจากที่คุณย่าให้ที่ดินกับผมเป็นของขวัญแต่งงาน และผมโอนเป็นชื่อคุณพ่อเรียบร้อย ผมก็หย่ากับคุณรวีได้ใช่มั๊ยครับ”
รวีพรรณฟังแล้วก็อึ้งที่ได้รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมภูวดลถึงต้องการแต่งงานกับเธอนัก
“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันเถอะนะลูกนะ”
ภูวดล ศรีพิไลเดินออกไป รวีพรรณออกมาจากที่ซ่อนฉายแววตาร้ายกาจเพราะนึกอะไรออก

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล พิทยานั่งบนเตียง...พยายามจะทำงานแต่ทำไม่ได้ เพราะไม่สบายตัว
สุอาภาออกมาจากห้องน้ำเห็นพิทยาก็มองอย่างเห็นใจ
“ถ้านายยังคิดไม่ออก ก็นอนพักเถอะ”
“ไม่...ผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว”
“แต่...”
“ยังไงผมก็ต้องทำ คุณก็เห็นว่าคุณภาสันต์พยายามจะกันผมออกจากโปรเจกต์นี้ ผมไม่มีวันยอมแพ้เค้าเด็ดขาด ผมต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ”
“นายจะเอาชนะเค้าไปเพื่ออะไร”
พิทยานิ่งไป
“เพื่อแม่ของผม ผมต้องการทำให้เค้าเห็นว่าแม่เลี้ยงดูและสั่งสอนผมมาดีแค่ไหน เค้าจะได้เลิกดูถูกเหยียดหยามแม่ของผมซักที”
สุอาภาชะงัก พิทยาพูดแล้วก็ทั้งโมโหและเสียใจ เธอมองพิทยาด้วยความเข้าใจ
“ฉันอาจจะช่วยนายเรื่องงานไม่ได้ แต่ฉันจะเป็นกำลังใจให้นายเอง”
พิทยาหันไปมองสุอาภา สองคนยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น

เวลากลางคืน ภูวดลเดินโอบเอวออกมาจากคอนโดฯกับคิตตี้ คิตตี้คลอเคลียภูวดลตลอด นักสืบกำลังถ่ายภาพเอาไว้ทุกอิริยาบถ
กำลังโหลดความคิดเห็น