แรงปรารถนา ตอนที่ 6
ภายในบ้าน พราวพิไลมองพิทยากับบวรด้วยความตกใจมาก
“พราวคิดไว้แล้วเชียวว่าซักวันต้องเกิดเรื่อง! นี่ขนาดพราวเตือนแตไว้ก่อนแล้วนะ”
“พราวพอจะนึกออกมั้ยว่าภูวดลจะนัดคุณแตไปที่ไหน” พิทยาถาม
พราวพิไลคิดนิดนึงด้วยสีหน้าลังเล
“พราวก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นที่นี่นะคะ”
พิทยากับบวรมองพราวพิไลด้วยความสงสัย
ภายในคอนโดฯ สุอาภานอนอยู่บนเตียงในสภาพหมดสติ ภูวดลยืนมองด้วยสีหน้าพอใจ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เอามือลูบแขน ลูบหน้าสุอาภาแล้วก็ยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำ
บนถนน รถติดยาว ภายในรถของบวร เขาเป็นคนขับ พิทยานั่งข้างๆ ทั้งสองคนสีหน้าร้อนใจมาก
“ทำไมรถมันติดแบบนี้วะ!”
พิทยาหันไปทางบวร
“ผมไปก่อนดีกว่าครับคุณใหญ่”
บวรพยักหน้า พิทยารีบลงจากรถวิ่งไปทันที บวรสีหน้ากังวลใจมาก
ภายในคอนโดฯ ภูวดลกำลังอาบน้ำอย่างใจเย็น ฮัมเพลงอย่างมีความสุขมาก
พิทยาวิ่งมาตามถนนที่รถยังติดยาว พลางหันไปมองหารถ จนเห็นมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันหนึ่งแล่นมา
พิทยารีบโบกเรียก แล้วขึ้นรถทันที มอเตอร์ไซด์แล่นออกไป
ภูวดลใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ กดเปิดเพลงสร้างบรรยากาศ เดินไปปิดผ้าม่านในห้อง ก่อนจะเดินมาหาสุอาภา แล้วก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อสุอาภาทีละเม็ด
พิทยาวิ่งพรวดพราดเข้ามาด้านใน พยายามสงบสติ ลอบมองรปภ.ที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ มองไปตรงประตูทางเข้าด้านในคอนโดฯที่ปิด พิทยาแกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์ ไม่นานมีผู้อาศัยเดินออกมา เขาเร่งฝีเท้า ทำเนียนเดินเข้าไปตอนช่วงที่ประตูยังไม่ทันได้ปิดดี โดยที่รปภ.ไม่ทันสังเกตเห็น
ภูวดลถอดเสื้อสุอาภาออกมา จนเหลือแต่เสื้อสายเดี่ยวข้างใน ภูวดลเอาไอโฟนออกมาเพื่อถ่ายคลิป...เขายื่นมือไปลูบหน้า ลงมาถึงคอ ใกล้กับหน้าอกของสุอาภา
หน้าจอไอโฟน มีแต่ภาพแขนภูวดลปรากฎอยู่ในคลิป
ภูวดลเอาไอโฟนตั้งที่โต๊ะข้างเตียง โน้มหน้าลงมาหอมหน้าผากสุอาภา ก่อนจะหอมแก้ม
ในไอโฟน เป็นภาพที่เห็นแต่ข้างหลังของภูวดล
พิทยาเข้ามาในลิฟท์กดชั้นที่อยู่บนสุด สีหน้าร้อนใจมากๆ สายตาจับจ้องเลขชั้นตลอดเวลา
ภูวดลกำลังจะจัดการสุอาภา พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น ภูวดลเซ็งมาก หันไปมองด้วยสีหน้าแปลกใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ภูวดลหมดอารมณ์ หันไปกดปิดวีดีโอที่ไอโฟน ลุกเดินออกไป
ภูวดลเดินออกมาที่หลังประตูถาม
“ใคร”
พิทยาแกล้งดัดเสียง
“คุณภูวดลใช่มั้ยครับ”
ภูวดลนิ่วหน้า
“ใช่...มีอะไร”
พิทยาโกหก
“รปภ.แจ้งมาว่ารถคุณโดนชนครับ”
ภูวดลตกใจ เลยไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรรีบเปิดประตู ทันทีที่เห็นพิทยา ภูวดลรู้ว่าโดนหลอกจะปิดประตูแต่ไม่ทัน พิทยาผลักเข้ามาอย่างแรง ทำให้ภูวดลเซ พิทยาเข้ามาต่อยภูวดลเปรี้ยง! จนภูวดลเสียหลักทรงตัวแทบไม่อยู่ พิทยารีบจ้ำเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ภูวดลหันมองตามด้วยความไม่พอใจ
พิทยาเข้ามาเห็นสภาพสุอาภาก็อึ้ง และตกใจ
“คุณแต”
พิทยาจะเข้ามาหาสุอาภา แต่ภูวดลตามเข้ามาจับไหล่พิทยาให้หันมาแล้วต่อยจนพิทยาหน้าหัน ปากแตก! สองคนพุ่งเข้าหากันทันที ต่างฝ่ายต่างบีบไหล่อีกฝ่าย
“แกทำแบบนี้กับคุณแตได้ยังไง”
“นังนี่มันทำฉันก่อนก็สมควรแล้วที่ต้องโดนแบบนี้”
ภูวดลผลักพิทยาออกไปแล้วจะต่อย แต่พิทยาหลบทัน ก่อนจะซัดภูวดลไปอีกสองสามหมัด จนภูวดลมึนล้มไปบนพื้น พิทยาตามเข้ามาซ้ำอีก...อัดภูวดลไม่หยุดด้วยความโมโหมากจนภูวดลหน้าแหก เลือดกลบปาก พอพิทยาเห็นภูวดลไม่มีทางสู้..ก็รีบไปหาและเขย่าตัวสุอาภาทันที
“คุณแต...คุณแต”
สุอาภาไม่ฟื้น พิทยาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วรีบเดินออกไปทันที
ภูวดลนอนหมดแรง มองตามพิทยาด้วยความโกรธแค้น
พิทยาอุ้มสุอาภาลงมาเจอบวรวิ่งเข้ามาพอดี บวรเห็นก็ตกใจ
“ทำไมแตเป็นแบบนี้”
“ไว้ไปคุยกันในรถ ตอนนี้รีบพาคุณแตกลับก่อนเถอะครับ”
บวรพยักหน้าแล้วทั้งหมดก็รีบเดินออกไปด้วยกัน
ภายในห้องพักในโรงพยาบาล ศรีพิไลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องเห็นภูวดลหน้าบวม เยิน นอนอยู่บนเตียง ก็ตกใจ
“ตายแล้วลูกแม่”
ภูวดลแกล้งโอดโอยทำเป็นเจ็บปวด
“แม่ครับ”
ศรีพิไลรีบเข้ามากอดลูกด้วยความเป็นห่วง
“บอกแม่มาว่าใครเป็นคนทำ”
ภูวดลทำสีหน้าลำบากใจ ไม่อยากพูด
“อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยครับ ผมเข้าใจเค้าดี ถ้าเป็นผมโดนอย่างเค้า ผมก็คงโกรธ”
ศรีพิไลรู้ทันที
“ไอ้พิทยาใช่มั๊ย!แม่จะแจ้งความให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุก”
ภูวดลรีบจับมือแม่ห้าม
“อย่าครับแม่ ช่างมันเถอะครับ”
“มันทำร้ายลูกหลายครั้งแล้ว แม่จะไม่ปล่อยมันไว้อีก ไม่อย่างนั้นมันก็จะได้ใจ คิดว่าเราไม่กล้าทำอะไรมัน!”
“ผมไม่อยากต่อเวรต่อกรรม ถือซะว่าผมชดใช้แทนคุณพ่อก็แล้วกัน เรื่องนี้อย่าบอกให้คุณพ่อกับคุณย่ารู้เด็ดขาดนะครับ ผมไม่อยากให้พวกท่านไม่สบายใจ คุณแม่รับปากผมสิครับ”
“ถ้าลูกต้องการแบบนั้นแม่ก็จะทำตาม เรื่องคุณพ่อกับคุณย่าไม่ต้องห่วง แม่จัดการเอง”
ภูวดลพยักหน้า หันไปทางอื่นแล้วลอบทำหน้าร้าย
ที่มุมหนึ่งในบ้าน นพลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหมาก พิทยา บวร วรรณวดียืนอยู่ด้วย
“ป๋าจะไปเอาเรื่องมัน”
พิทยารีบห้าม นพชะงัก
“อย่าครับคุณอา...คนดีดีอย่างคุณอาไม่สมควรไปยุ่งกับเค้า ผมเล่นงานมันไปก็หนักเอาการ มันคงไม่กล้าอีกแล้วล่ะครับ”
นพหอบหายใจถี่พลันรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา นพเซ บวร วรรณวดีรีบเข้ามาประคอง พิทยาตกใจ
“ป๋า!”
“นั่งก่อนค่ะ”
บวรกับต่ายประคองให้นพนั่งลง
“ป๋าเป็นอะไรครับไ บวรถาม
“ป๋าคงโมโหมากไปหน่อย”
ระหว่างนั้นณีเดินเข้ามา
“คุณแตรู้สึกตัวแล้วค่ะ”
ทุกคนหันไปมอง
นพรีบเข้ามาหาสุอาภาในห้องนอน พิทยา บวร วรรณวดี ณีเดินตามเข้ามา
“แต...”
สุอาภาเห็นนพก็ดีใจมาก นพเข้ามากอดสุอาภา
“ป๋า!”
บวรกับวรรณวดีโล่งใจที่สุอาภาปลอดภัย พิทยาเองก็สบายใจเช่นกัน
สุอาภากำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
“แตจำได้ลางๆว่าเค้าฉีดอะไรบางอย่างเข้าหน้าแต แล้วแตก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับแตเหรอคะป๋า”
“ภูวดลมันพยายามจะทำมิดีมิร้ายกับลูก โชคดีที่พิทตามไปช่วยลูกเอาไว้ได้ทัน”
สุอาภาหันไปมองพิทยาด้วยแววตาเต็มไปด้วยคำว่าขอบคุณ พิทยามองสุอาภาด้วยความเป็นห่วง
ห้องรับแขก ภายในบ้าน รวีพรรณมองหน้ารมณีด้วยความแปลกใจที่แม่เล่าเรื่องภูวดลให้เธอฟัง ภายในห้องมีณรงค์อยู่ด้วย
“พิทน่ะเหรอคะทำร้ายคุณภูวดลจนต้องนอนโรงพยาบาล”
“ใช่...มันโมโหคุณภาสันต์ แต่มันทำอะไรคุณภาสันต์ไม่ได้ก็เลยมาเล่นงานพ่อดลแทน แม่ไม่นึกเลยว่านายพิทยาจะป่าเถื่อนได้มากขนาดนี้”
“พ่อดลนี่น่าสงสารโดนเล่นงานซะหนัก แต่ก็ยังไม่เอาเรื่องมัน ลูกเห็นแล้วนะว่าใครที่ลูกควรจะฝากชีวิตด้วย”
“คุณพ่อพูดถูก แม่หวังว่าครั้งนี้คงจะทำให้ลูกตาสว่างขึ้นมาซักที”
รวีพรรณนิ่งคิด ไม่แน่ใจ
ห้องพักในโรงพยาบาล เวลาเย็น รมณี รวีพรรณ ณรงค์มาเยี่ยมภูวดล ศรีพิไลก็อยู่ด้วย รวีพรรณอึ้งไปที่เห็นสภาพของภูวดล
“คุณโดนหนักมากขนาดนี้เลยเหรอคะ”
ภูวดลไม่พูดอะไรออกมา
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ”
“โถ...โดนขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก พ่อดลนี่ช่างเข้มแข็งจริงๆ” รมณี ชื่นชมออกนอกหน้า
ศรีพิไลคิดบางอย่างออกแล้วพูดส่งซิกให้ รมณีตอบรับ
“รมณี ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเลย ลงไปหาทานอะไรเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“ได้สิจ๊ะ...เดี๋ยวให้ยัยรวีอยู่เป็นเพื่อนพ่อดล คุณณรงค์..ไปด้วยกันนะ”
“จ๊ะ”
รมณี ณรงค์ ศรีพิไลเดินออกไป
“ขอน้ำผมดื่มหน่อยสิครับ” ภูวดลบอก
รวีพรรณหันไปเอาแก้วน้ำยื่นให้ภูวดลดื่ม...แต่น้ำเลอะปาก รวีพรรณรีบเอากระดาษมาเช็ดปากให้
เขาจับมือเธอไว้
“ขอบคุณครับ”
รวีพรรณชะงักแล้วรีบดึงมือออก ภูวดลทำหน้าเศร้า
“ขอโทษครับ ผมลืมไปว่าคุณกับนายพิทยายังคบกันอยู่”
รวีพรรณเงียบไม่พูดอะไร จนภูวดลนึกสงสัย
“คุณรวี ผมขอโทษนะครับที่ต้องถาม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของคุณกับนายพิทยาเป็นยังไงบ้าง”
“คุณถามทำไม”
ภูวดลทำเป็นถอนหายใจ
“ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะเล่าให้คุณฟังดีมั้ย”
“มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ผมบอกคนอื่นว่าที่ผมโดนนายพิทยาทำร้ายเพราะเค้าโกรธเรื่องที่พ่อผมไม่ยอมรับเค้า แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง นายพิทยาเข้าใจผมกับคุณสุอาภาผิด มันก็เลยทำให้เค้าโมโหมาก เค้ายังบอกผมด้วยนะครับว่าไม่ให้ผมเข้าใกล้คุณสุอาภาอีก เพราะว่า...”
ภูวดลทำเป็นไม่อยากพูด รวีพรรณอยากรู้
“เพราะว่าอะไรคะ”
ภูวดลทำเป็นถอนใจ
“ผมว่าคุณอย่ารู้เลยดีกว่า”
“บอกฉันมาเถอะค่ะคุณภูวดล”
“เพราะว่าคุณสุอาภาเป็นผู้หญิงของเค้าน่ะสิครับ”
รวีพรรณอึ้งมาก ภูวดลลอบยิ้มอย่างพอใจ
รวีพรรณกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยสีหน้าคิดหนัก แล้วก็ย้อนคิดถึงตอนที่ภูวดลบอกเรื่องพิทยา คำว่า “ผู้หญิงของเค้า” ที่ภูวดลพูดยังดังก้องอยู่ในหัวสมอง เมื่อประกอบกับภาพที่เธอเห็นพิทยากับสุอาภาที่บ้านในวันที่พิทยาไม่สบายยิ่งทำให้เธอหวั่นไหว เชื่อว่าสุอาภาจะแย่งพิทยาไปจากเธอจริงๆ
ภายในห้องพักในโรงพยาบาล เวลากลางคืน ภูวดลหน้าตาเจ้าเล่ห์มองคลิปที่ถ่ายสุอาภาเอาไว้แล้วก็กดปิด ก่อนจะกดโทรออก ไม่นานก็มีคนรับสาย
“ผมมีคลิปเด็ดอยากส่งให้ ถ้าผมส่งให้ตอนนี้จะทันหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าพรุ่งนี้รึเปล่า”
ภูวดลยิ้มร้ายที่มุมปาก
วันรุ่งขึ้น นพหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู แล้วก็ชะงักเห็นภาพสุอาภาสองสามรูปที่แคปมาจาคลิป...พร้อมกับพาดหัวข่าว “ภาพลับร้อนฉ่าไฮโซสุอาภากับชายหนุ่มปริศนา” นพมือกำหนังสือพิมพ์แน่นด้วยความโมโหมากกับภาพที่เห็น
ทันใดนั้นนพก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา หนังสือพิมพ์ร่วงลงพื้น นพทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงบนโซฟา
สุอาภา บวร วรรณวดีออกมาเห็นเข้าพอดีก็ตกใจ รีบวิ่งเข้ามา
“ป๋า!”
ทั้งสามคนร้องเรียกและรีบเข้ามาดูนพ นพสีหน้าแย่มาก บวรสั่งทันที
“ต่าย รีบเรียกรถพยาบาล”
วรรณวดีพยักหน้าแล้วก็รีบออกไป สุอาภาจะร้องไห้
“ป๋า...ป๋าทำใจดีดีไว้นะคะ”
บวรเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์บนพื้น หยิบขึ้นมา พอเห็นภาพข่าวก็อึ้ง
ที่ร้านอาหารของรพีพรรรณ เวลาเช้า พิทยาเข้ามาเห็นรวีพรรณกำลังบริการลูกค้า เธอหันมาเห็นเขาก็ผงะ
“รวี”
รวีพรรณสีหน้าเรียบเฉยบอก
“รวีกำลังทำงาน แป๊บนะคะ”
รวีพรรณเดินออกไป พิทยาสีหน้าเจื่อน สินีนาฎได้ทีรีบเดินเข้ามาหา
“ทานไรมาเหรอยังพิท”
“เรียบร้อยแล้ว สิ...รวีเค้าเป็นอะไรเหมือนเค้าไม่พอใจผม”
“แล้วพิทไปทำอะไรให้รวีไม่พอใจรึเปล่าล่ะ”
พิทยานิ่วหน้า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อก็มีลูกค้าเข้าร้านมา
“สิไปรับลูกค้าก่อนนะ”
สินีนาฎปรายตามองพิทยาก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้ามีความสุขที่ได้เห็นพิทยากับรวีพรรณมีปัญหากัน พิทยาตัดสินใจเดินไปหารวีพรรณที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“รวี...”
“เดี๋ยวก่อนนะคะพิท”
“คุยกับผมซักห้านาทีก่อนได้มั้ย”
รวีถอนหายใจแล้วหันมา พิทยาพูดต่อ
“รวีไม่พอใจอะไรผมรึเปล่า ผมโทรมา รวีก็ไม่รับสาย พอผมมาหา รวีก็เหมือนกำลังหลบหน้าผม”
รวีพรรณหันมามองหน้าพิทยาเต็มๆ ทำให้เห็นรอยช้ำที่มุมปากของพิทยาก็ยิ่งตอกย้ำเรื่องที่ภูวดลเล่าให้ฟัง เห็นแล้วโมโหทำให้เธอไม่อยากพูด และ ทำเป็นก้มหน้าคิดเงินต่อไป
“ช่วงนี้รวียุ่งมาก”
“แน่นะครับ ถ้าผมทำอะไรให้รวีโกรธ ผมอยากให้รวีบอกผมมาตรงๆ”
รวีพรรณหันมาพร้อมสีหน้าโมโหและเสียใจ จนพิทยาผงะกับท่าทางโกรธเกรี้ยวของรวี
“ทำไมพิทถึงคิดว่ารวีโกรธพิท หรือว่าพิทไปทำอะไรเอาไว้ รวีว่าพิทต่างหากที่ต้องพูดกับรวีตรงๆ”
พิทยากำลังจะอ้าปากถาม แต่เสียงมือถือพิทยาดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เขาหยิบมือถือออกมากดรับสาย
“ครับพี่ใหญ่ ...คุณอาอยู่โรงพยาบาล!”
พิทยาตกใจมาก รวีพรรณชะงักไปนิดนึง
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
พิทยาวางสายแล้วหันไปทางรวีพรรณ แต่ยังไม่ทันพูด เธอชิงพูดก่อน
“พิทรีบไปเถอะ คุณอาของพิทสำคัญกว่ารวี”
รวีพรรณพูดจบก็เดินออกไปด้วยความน้อยใจกึ่งโมโห พิทยามองตามรวีพรรณอย่างไม่เข้าใจ เมื่อพิทยาคล้อยหลัง เธอก็หันมามองตามและเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่แคร์เธอเลย
พิทยารีบเดินมาหาบวรกับวรรณวดีที่นั่งเครียดอยู่หน้าห้องผ่าตัด
“คุณใหญ่ คุณต่าย มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
บวรกดเปิดไอโฟนส่งให้พิทยาดูเป็นหน้าข่าวออนไลน์... เขาเห็นรูปสุอาภากับแขนกับด้านหลังของผู้ชายคนหนึ่ง พิทยาอึ้งตะลึงงัน
“ทันทีที่ป๋าเห็นภาพนี้ ป๋าก็หายใจไม่ออก พวกเรารีบพาป๋ามาส่งโรงพยาบาล ถึงได้รู้ว่าป๋าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่ป๋าไม่เคยบอกพวกเราแล้วก็ไม่ยอมรักษา จนตอนนี้อาการของป๋าหนักมาก หมอบอกว่าอาจจะต้องผ่าตัด” บวรพูดเสียงสั่น
พิทยาตกใจมากเป็นห่วงนพขึ้นมาทันที
“ไอ้ภูวดลมันลอบกัดเรา เอารูปยัยแตส่งให้นักข่าว พี่จะส่งคนไปเล่นงานมัน!” บวรพุโด้วยความโกรธ
“อย่าทำแบบนี้ครับพี่ใหญ่ พ่อนายภูวดลเป็นคนมีอิทธิพลไม่น้อย ถ้าเกิดเค้ารู้ว่าเป็นฝีมือพี่ใหญ่ คนที่จะมีปัญหาคือคุณอานะครับ”
บวรคิดตามแล้วก็เห็นด้วยแต่ก็อดโมโหไม่ได้
“หมายความว่าเราทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอไง!”
พิทยาเงียบและเครียด แล้วก็นึกขึ้นได้
“นี่คุณแตอยู่ไหนครับ”
บวรกับวรรณวดีหันไปตรงที่นั่งก็ตกใจ
“เมื่อกี้ยัยแตยังนั่งอยู่ตรงนี้”
พิทยา บวร วรรณวดีมีสีหน้าเป็นห่วงสุอาภา
ภายในสวนของโรงพยาบาล สุอาภานั่งร้องไห้อยู่ที่ม้านั่งด้วยความเสียใจมาก ที่ด้านหลังพิทยาเดินออกมาเห็นเธอก็มองด้วยความเห็นใจก่อนจะเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆ เธอหันไปเห็นเขาก็ชะงักจะลุกเดินออกไปเพราะอับอายกับภาพข่าวที่ลง แต่เขาจับมือเธอเอาไว้
สุอาภาหันมามอง พิทยากุมมือเธอบีบแน่นอย่างให้กำลังใจ สายตาที่เขามองเต็มไปด้วยความห่วงใยจนเธอรู้สึกได้
พิทยายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้สุอาภา ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกัน เธอถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก เขาค่อยๆ โอบเธอดึงเข้ามากอด สุอาภาร้องไห้อย่างหยุดไม่ได้
สุอาภานั่งนิ่ง แต่ยังสะอื้นเล็กๆอยู่
“รู้สึกดีขึ้นรึยัง”
สุอาภาส่ายหน้าบอก
“ฉันเป็นลูกที่อตัญญูคอยสร้างแต่ปัญหาให้ป๋า ไม่เคยทำให้ป๋าภาคภูมิใจ แล้วดูสิว่าป๋าต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะฉัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ มันผิดที่ผู้ชายคนนั้น อย่าโทษตัวเองอีก”
สุอาภาทั้งเสียใจ ทั้งโกรธตัวเอง...แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์
“นายว่าฉันเลวมั้ยพิท”
พิทยาชะงักไปนิดนึง เธอพูดต่อ
“หลายคนว่าฉันเป็นคนเลว คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่อยากแล้วก็ไปกับผู้ชายคนไหนๆก็ได้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากให้ฉันเข้าไปคบค้าสมาคมด้วย”
พิทยาถอนใจแล้วบอก
“ที่จริงคุณเองก็ไม่ใช่คนที่ดีนัก”
สุอาภาหันมาด้วยความฉุนและกำลังจะด่า
“แสดงว่านายก็คิดว่าฉันเลว นาย...”
“ฟังให้จบก่อน คุณไม่ใช่คนดีแต่ก็ไม่ถึงกับเลว คุณแค่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งจะทำอะไรก็ทำ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าคุณไม่เคยเสียหายเรื่องชู้สาว”
สุอาภาเห็นแววตาที่จริงใจของพิทยาก็รู้สึกดีขึ้น พิทยาจับมือสุอาภาอย่างให้กำลังใจ
“ผมว่าเราเข้าไปรอคุณอาข้างในดีกว่า พอคุณอาฟื้น แล้วเห็นหน้าคุณ ท่านจะได้ดีใจ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยากระชับมือเธอแน่น เธอมองมือเขาที่จับอยู่อย่างรู้สึกดี อบอุ่น แล้วทั้งคู่ลุกเดินจูงมือไปด้วยกัน
ทั้งคู่เดินมาใกล้หน้าห้องฉุกเฉิน ก็เห็นหมอเดินออกมา พิทยากับสุอาภาก็ปล่อยมือออกจากกันแล้วรีบไปสมทบกับบวรและวรรณวดีทันที
หมอเดโชหน้าเครียดมากบอก
“คุณนพยังไม่พ้นขีดอันตราย ทางเดียวที่จะรักษาคุณนพได้ก็คือการผ่าตัด แต่ไม่ว่าผมจะพูดยังไง คุณนพก็ไม่ยอม คงต้องขอให้พวกคุณช่วยกันพูดแล้วล่ะครับ”
ทุกคนตกใจ เครียดและมองหน้ากัน
ภายในห้องพักวีไอพีในโรงพยาบาล นพนอนอยู่ที่เตียง มีสายออกซิเจนเสียบจมูก หน้าซีด สภาพแย่มากจนทำให้ทุกคนใจหาย
สุอาภากับวรรณวดีถึงกับน้ำตาซึม พิทยาสีหน้าแย่ บวรจะร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้
สุอาภาจับแขนนพ
“ป๋า”
นพหันมามองทุกคนแล้วพยายามยิ้มออกมา
“เศร้ากันทำไม ป๋ายังไม่ตายซักหน่อย”
วรรณวดีแว๊ดขึ้นมาทันที
“ป๋ายังจะพูดเล่นอยู่ได้”
แล้วเธอร้องไห้ออกมาพลางถาม
“มันไม่ตลกแล้วนะป๋า ทำไมป๋าถึงไม่ยอมผ่าตัดค่ะ”
นพเงียบมีความหวาดกลัวปรากฎขึ้นในแววตา
“คุณอาครับ คุณอาผ่าตัดเถอะนะครับ มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยรักษาคุณอาได้” พิทยาบอก
นพเงียบไปชั่วอึดใจแล้วบอก
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะให้ฉันผ่าตัดได้ยังไง”
“แต่ถ้าป๋าไม่ผ่า...มันจะอันตรายมากนะครับ” บวรว่า
“จะผ่าหรือไม่ผ่า มันก็อันตรายทั้งนั้น ตอนนี้ป๋ายังมีสติ ยังมองเห็น ยังได้ยิน ยังรับรู้ แต่ถ้าป๋าผ่าตัด แล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น เกิดป๋าไม่ฟื้นหรือเป็นแย่กว่านั้น ป๋าก็จะไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รับรู้...ว่าลูกของป๋าเป็นยังไง”
นพน้ำตารื้นหันไปมองทุกคนที่ยืนอึ้ง เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมจับมือสุอาภาที่จับแขนเขาอยู่
“โดยเฉพาะ...แตของป๋า ป๋ายังไม่อยากตาย ป๋ายังตายตอนนี้ไม่ได้ ถ้าป๋าเป็นอะไร แล้วใครจะปกป้อง คุ้มครองดูแลลูกของป๋า”
สุอาภาน้ำตาร่วง นพน้ำตาคลอยกมือขึ้นมาจับหน้าสุอาภา สุอาภากับวรรณวดีร้องไห้โผกอดนพพร้อมกัน
“ป๋า!”
บวรทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ไหวหันหลังเดินออกไปทันที พิทยาสงสัยหันไปมองตามบวร
มุมหนึ่งในโรงพยาบาล พิทยาเดินออกมาเห็นบวรแอบมายืนร้องไห้อยู่คนเดียวทั้งเสียใจทั้งโมโหที่ช่วยอะไรไม่ได้ พิทยามองบวรด้วยความเข้าใจ...เดินมาใกล้ บวรยังไม่รู้ตัว
“คุณใหญ่”
บวรหันไปเห็นพิทก็ตกใจรีบเช็ดน้ำตา
“ฉันขี้ขลาดมากใช่มั้ยที่ต้องแอบมาร้องไห้คนเดียว”
“การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเราขี้ขลาดนะครับ แต่มันคือการแสดงความรู้สึกและมันก็ไม่แปลกที่คุณใหญ่จะเป็นแบบนี้”
บวรยังร้องไห้แบบแมนๆไม่ฟูมฟาย
“ฉันเสียใจที่ฉันช่วยป๋า...ช่วยแตไม่ได้ ทั้งๆที่ฉันเป็นลูกชายคนโต เป็นพี่คนโตของบ้าน แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง!”
พิทยาเงียบฟัง บวรหยิบมือถือออกมา
“เพื่อนฉันส่งนี่มาให้ดู”
บวรยื่นให้พิทยา เขารับมาอ่านแล้วก็ตกใจ
“ในอินเตอร์เน็ตโจมตีแตกันใหญ่ ขุดข่าวเก่าๆของแตขึ้นมาพูด หาว่าแตมั่ว ไม่รู้จักพอ นอนกับผู้ชายไม่เลือก ไม่เท่านั้น...มันยังด่ามาถึงป๋าถึงพวกเราด้วย ใช้คำพูดกันแบบไม่นึกถึงใจกันบ้าง คนพวกนี้ไม่ได้รู้จักเราซักนิดแต่กลับมาวิจารณ์กันสนุกปาก นี่ถ้าป๋าเห็นต้องทรุดลงไปอีกแน่ ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันไม่เคยเห็นป๋าแย่ขนาดนี้มาก่อน”
พิทยาฟังแล้วก็รู้สึกแย่ตามไปด้วย
แรงปรารถนา ตอนที่ 6 (ต่อ)
พิทยากับบวรกลับเข้ามาในห้องพักวีไอพี นพนอนหลับไปแล้ว แต่สุอาภากับต่ายเฝ้าอยู่
“คุณใหญ่ คุณต่าย คุณแตไปทานข้าวเถอะครับ ผมจะอยู่เฝ้าคุณอาให้เอง”
“พวกเราทานอะไรกันไม่ลงหรอกพิท”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องทานครับ ถ้าพวกคุณทรุดกันไปอีก คุณอาจะเป็นห่วง สิ่งที่คุณอาต้องการตอนนี้คือกำลังใจนะครับ” พิทยาบอก
ทั้งสามคนมองหน้ากัน
“พิทพูดถูก เราอย่าทำให้ป๋าเป็นห่วงพวกเราเลย” บวรว่า
“งั้นก็ฝากดูป๋าด้วยนะ” วรรณวดีบอก
“ครับ”
บวรกับวรรณวดีเดินออกไปก่อน พิทยาหันไปมองสุอาภาด้วยความสงสาร แล้วเธอก็เดินตามพี่ๆออกไป
ภายในโรงอาหารของโรงพยาบาล ทุกคนนั่งกันนิ่งและจ๋อยมาก กินอะไรกันไม่ลง บวรเงยหน้ามองน้องสาวสองคนด้วยความเป็นห่วง แล้วก็หยิบแครอทในจานข้าวขึ้นมาใส่ปากทำเป็นเขี้ยว ก่อนจะสะกิดมือสุอาภากับต่าย
สุอาภากับวรรณวดีเงยหน้าเห็นบวรยิ้มแฮ่ก็ผงะ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ บวรสบายใจแล้วก็เอาแครอทออกจากปาก
“เห็นน้องสาวของพี่ยิ้มได้ พี่ก็สบายใจ พี่ทำได้เท่านี้แหละ”
สุอาภาจับมือพี่ชายถาม
“ไหนบอกสบายใจไงคะ แล้วทำหน้าเศร้าทำไม แตกับพี่ต่ายก็อยากเห็นพี่ชายของเรายิ้มเหมือนกันนะคะ”
“ถ้างั้น เราก็ต้องมายิ้มพร้อมๆกัน ทำให้ป๋าเห็นว่าพวกเราเข้มแข็ง ป๋าจะได้เปลี่ยนใจยอมผ่าตัด”
ทั้งสามคนยิ้มให้กัน ระหว่างนั้นมีลูกค้าโรงพยาบาลเดินมาเห็นสุอาภาก็จำได้ เลยเมาท์กันระยะเผาขน
“ยังกล้าออกมาเดินอีกทำอะไรไม่มียางอายซักนิด”
ลูกค้าอีกรายบอก
“ถ้ามียางอายคงไม่ปล่อยให้มีภาพฉาวหลุดออกมาหรอก เด็กมีปัญหาก็งี้แหละ พ่อไม่รู้จักสั่งสอน”
สุอาภาฉุนทันทีที่พูดถึงนพเลยหันขวับไป
“ฉันจะไปทำอะไรกับใคร แล้วมันไปหนักตรงส่วนไหนของพวกคุณ!”
ลูกค้ทั้ง 2คนตกใจมาก ไม่นึกว่าสุอาภาจะหันมาด่า บวรกับต่ายรีบจับแขนห้ามน้องสาวไว้
“มันไม่ได้หนักตรงส่วนไหนของพวกฉัน แต่มันหนักแผ่นดินที่มีคนอย่างเธอยืนอยู่”
สามพี่น้องชะงักไปทันที สุอาภากำมือแน่น บวรกับวรรณวดีเริ่มไม่พอใจ
ลูกค้าคนที่ 2 ทำหน้ากวนถาม
“ว่าแต่มาโรงพยาบาลทำไมอ่ะ มาตรวจว่าเป็นโรคอะไรรึเปล่าใช่มั้ยเพราะว่ามั่ว-ไม่-เลือก”
ลูกค้าสองคนหันมาหัวเราะคิกคักสะใจ สุอาภาสติขาด สีหน้าเอาเรื่องเต็มที่
“พวกคุณต่างหากที่ต้องไปตรวจ ให้หมอเอาหมาในปากออก ก่อนที่มันจะหลุดไปไล่กัดคนอื่น”
ลูกค้าสองคนฉุนมาก วรรณวดีรีบปรามน้อง
“แต..ไม่เอา พอได้แล้ว..กลับ!”
วรรรวดีกับบวรรีบพาน้องสวาวจะเดินออกไป แต่ลูกค้าสองคนไม่ยอม ลูกค้าคนแรกตะโกนไล่หลัง
“ด่าแล้วหนีไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ โธ่เอ๊ยไม่เก่งจริงนี่หว่า อ้อ ลืมไปว่าคงจะเก่งแต่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียว”
สุอาภา วรรณวดี บวรหยุดกึกในทันที
สุอาภาจะหันไป แต่วรรณวดีจับแขนน้องสาวเอาไว้ แล้วหันไปใส่แทนทันที
“ท่าทางคุณสองคนคงไม่เคยเรียนวิชาพุทธศาสนา ถึงได้สร้างวจีกรรมที่เป็นอกุศลกรรมได้ดีขนาดนี้ วจีกรรมสร้างง่ายค่ะ ออกแรงไม่กี่แคลอรี่ ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สร้างบาปกรรมได้แล้ว คุณสองคนนี่สุดยอด ขอให้กรรมชั่วที่คุณทำ ส่งผลไปถึงลูกถึงหลานพวกคุณนะคะ”
ลูกค้าทั้ง 2 คนเหวอไปในทันที สุอาภากับบวรตกใจที่วรรณวดีมานิ่มๆ แต่ทำเอาแทบกระอัก ลูกค้าสองคนถึงกับพูดไม่ออก..เลยรีบเดินหนีออกไปทันที วรรณวดีถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโมโห หันไปทางน้องสาวกับพี่ชายที่มองด้วยสายตาอึ้ง วรรณดีหน้าแหยบอก
“มันสุดทนจริงๆ”
บวรหัวเราะออกมา ทำให้สุอาภากับวรรณวดีหัวเราะตามไปด้วย บรรยากาศก็เลยดีขึ้น
นพตื่นขึ้นมาเห็นพิทยานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ มองไปรอบๆห้องไม่มีใครอยู่
“คุณอา...”
“หายไปไหนกันหมด”
“ไปทานข้าวกันครับ คุณอาครับ ผมอยากให้คุณอาคิดเรื่องการผ่าตัดอีกครั้ง” พิทยาบอก
“อย่ามาเกลี้ยกล่อมฉันซะให้ยาก ยังไงฉันก็ไม่ผ่า!”
“ทำไมคุณอาไม่คิดในทางกลับกันบ้างครับ ว่าการผ่าตัดจะช่วยทำให้คุณอามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น”
“พิท...เธอไม่มีวันเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ตอนนี้ยัยแตเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่มีใครช่วยลูกแมวตัวนี้เอาไว้ อีกไม่ช้าไม่นาน มันก็คงไม่รอด ฉันไม่อยากเสี่ยงแม้แต่วินาทีเดียวที่จะละสายตาไปจากลูกแมวตัวนี้ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงแตมากที่สุด”
นพพูดแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า พิทยาเห็นนพแล้วก็เศร้า นพก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก...นพเอามือกุมอก หายใจไม่ออก พิทยาเห็นแล้วก็ตกใจ
“คุณอาเป็นอะไรครับ”
“ฉัน...เจ็บ”
พิทยาหน้าตาตื่น รีบกดเรียกพยาบาล
“รีบเข้ามาหน่อยครับ คนไข้อาการแย่แล้ว”
นพคว้ามือพิทยาเอาไว้ และพูดสะดุดด้วยความยากลำบาก
“พิท...ฉันอยากให้เธอรับปากฉัน ถ้าเกิดฉันเป็นอะไรขึ้นมา ช่วยดูแลยัยแตให้ฉันที อย่า -ทิ้ง – เค้า – ไม่ว่า – จะมี - อะไร - เกิดขึ้น”
พิทยาเหมือนจะร้องไห้
“คุณอาอย่าพูดแบบนี้สิครับ คุณอายังต้องอยู่กับผมไปอีกนาน”
นพกระชับมือพิทยาแน่น
“รับปากฉัน...สัญญากับฉัน...เธอจะดูแลแตแทนฉันได้มั้ย”
ไม่นานพยาบาลก็รีบเข้ามาพอเห็นนพก็ตกใจมาก รีบเอาออกซิเจนจะมาครอบปาก แต่นพกลับปัดมือพยาบาลออก พิทยากับพยาบาลตกใจ
“เธอยังไม่ได้รับปากฉัน...พิท”
“ตกลงครับ ผมจะดูแลคุณแต ผมจะดูแลคุณแตให้คุณอา”
นพสบายใจแล้วก็หมดสติไปทันที พิทยาตกใจมาก หมอเดโชเข้ามาเห็นพอดีก็รีบเข้ามาตรวจ เห็นว่ายังหายใจก็รีบหันไปสั่งพยาบาล
“พาเข้าห้องผ่าตัดด่วน !”
พิทยาใจเต้นระทึกเป็นห่วงนพสุดๆ
สามพี่น้องรีบวิ่งมาหาพิทยาที่หน้าห้องผ่าตัด ทุกคนสีหน้าแย่
“เกิดอะไรขึ้นกับป๋า!” บวรถาม
“ คุณอาอาการไม่ดีเลยครับ หมอก็เลยต้องรีบผ่าตัดด่วน”
วรรณวดีจะเป็นลม บวรรีบเข้ามาประคอง
“ต่าย!”
สุอาภายิ่งรู้สึกแย่มาก...เครียดจนทนยืนตรงนี้ต่อไปอีกไม่ไหว เธอรีบวิ่งออกไปทันที พิทยาหันไปเห็นก็ตกใจ
“คุณแต!”
พิทยารีบตามสุอาภาออกไป
สุอาภามายืนที่ริมหน้าต่างบานใหญ่เพราะเครียดจนหายใจไม่ออก เธอรีบสูดอากาศแต่กลับหน้ามืดทำท่าโงนเงนตัวออกไปนอกหน้าต่าง เขายื่นมือมาคว้าตัวเธอเอาไว้แล้วดึงเข้ามากอด
“คุณแต!”
สุอาภาผละออกมาเห็นพิทยาก็ร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างหนัก
“ถ้าป๋าเป็นอะไร ฉันจะทำยังไง ฉันจะทำยังไงพิท ถ้าป๋าไม่อยู่ ฉันก็อยู่ไม่ได้”
พิทยาเองก็จะร้องไห้ตามไปด้วย
“คุณอาจะต้องไม่เป็นอะไร คุณอาจะต้องหาย เชื่อผมนะครับคุณแต”
สุอาภาพูดอะไรไม่ออก พิทยาดึงสุอาภามากอด สองคนยืนกอดกันอยู่อย่างนั้น
สุอาภากับพิทยาเดินมาด้วยกันแล้วก็ชะงักที่เห็นกลุ่มนักข่าวยืนอยู่ แต่เขากับเธอไม่ได้สนใจและสงสัย นักข่าวคนหนึ่งหันมาเห็นสุอาภาเข้าพอดี
“คุณสุอาภา มาโน่นแล้ว”
นักข่าวทุกคนหันขวับกรูกันเข้ามา สุอาภากับพิทยาตกใจมาก ทั้งสองคนจับมือกันวิ่งหนีไปอีกทาง นักข่าวรีบไล่ตามไปทันที บรรยากาศในโรงพยาบาลดูโกลาหลมาก
พิทยากับสุอาภาวิ่งลงบันไดมาถึงชั้นล่าง แต่แล้วเขากับเธอก็ต้องเบรกเอี๊ยด เพราะเจอนักข่าวอีกสองสามคน หันไปด้านหลังก็มีนักข่าว ทั้งคู่หนีไปไหนไม่ได้ นักข่าวเข้ามาล้อมไว้
พิทยาโอบสุอาภาเข้ามาแล้วเอาแจ็กเก็ตคลุมหัวสุอาภาเพื่อบังหน้าไม่ให้นักข่าวถ่ายรูป แล้วก็ฝ่าวงล้อมนักข่าวออกไปได้สำเร็จ
นักข่าววิ่งตาม แต่ทั้งสองคนหายไป กลุ่มนักข่าวหยุดมองหา และแปลกใจ
“หายไปไหนแล้ว”
“แยกกันตามหาเถอะ” นักข่าวอีกคนบอก
นักข่าวแยกย้ายกันเดินออกไป
มุมหนึ่งที่ลับตาคน พิทยายืนกอดสุอาภาเอาไว้ เขาค่อยๆหันไปมอง..พอไม่เห็นนักข่าวก็โล่งอก แล้วก็หันมา..จมูกชนกับจมูกสุอาภา ทั้งคู่ชะงักแล้วก็รีบผละออกจากกัน
“พวกเค้ารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“สมัยนี้ข่าวไวมาก เราไม่มีทางรอดพ้นสายตาพวกนั้นไปได้ ผมว่า...เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
สุอาภาสวนกลับทันที
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่จนกว่าป๋าจะผ่าตัดเสร็จ”
พิทยาถอนหายใจ มองหน้าสุอาภาแล้วครุ่นคิด
บวรกับวรรณวดีกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานพยาบาลเดินออกมา ทั้งคู่รีบเข้าไปหา
“คุณหมอให้ออกมาแจ้งว่า อาการของคุณนพยังไม่คงที่ อาจต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าปกติค่ะ”
“แล้วป๋าจะเป็นอะไรมากมั้ยคะ”
“ตอนนี้ดิฉันยังตอบไม่ได้ ขอโทษนะคะ”
พยาบาลพูดจบก็เดินเข้าไป วรรณวดีรู้สึกแย่ บวรเข้าโอบน้องสาวไว้
พิทยาโผล่หน้าออกมาจากมุมหนึ่ง เขามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีนักข่าวจึงหันมาบอกสุอาภา
“ถ้าเราขึ้นบันไดหนีไฟที่อยู่ตรงนั้น จะถึงหน้าห้องผ่าตัดพอดี”
สุอาภาพยักหน้า เขาจับมือเธอแล้วรีบพาเดินออกมา
ที่หน้าห้องผ่าตัด บวรกับต่ายหันไปเห็นนักข่าวกลุ่มหนึ่งก็เอะใจ
“คนพวกนั้นเหมือนนักข่าวเลยนะคะ”
“นั่นสิ...หรือว่า...”
“รีบโทรเตือนแตเถอะค่ะ”
แต่ยังไม่ทันที่บวรจะโทร พิทยากับสุอาภาเปิดประตูตรงทางบันไดหนีไฟออกมา ก็เจอนักข่าวรออยู่ก่อนแล้ว สองคนตกใจมาก หมดทางหนี นักข่าวรีบกรูกันเข้ามา พิทยากับสุอาภาถอยไปชนกำแพง
บวรกับวรรณวดีเห็นเข้าก็อึ้ง รีบเดินมาหา แต่เข้ามาไม่ได้เพราะนักข่าวยืนขวาง
“ทำไงดีพี่ใหญ่” วรรณวดีถาม
บวรคิดๆแล้วก็นึกอะไรออก
“เดี๋ยวพี่มานะต่าย”
บวรรีบเดินออกไปทันที ต่ายแปลกใจว่าบวรไปไหน
นักข่าวแย่งกันถามสุอาภาไม่หยุด พร้อมกับกดชัตเตอร์ จนแฟลชสว่างวาบไปทั่ว
“ตกลงคนในภาพคือคุณสุอาภาใช่มั๊ยคะ, ใครเป็นคนปล่อยภาพนี้ออกมาคะ, เพราะภาพข่าวนี้ใช่มั้ยครับถึงทำให้คุณนพต้องเข้าโรงพยาบาล”
สุอาภาสีหน้าแย่มาก พิทยาพยายามเอาตัวบังสุอาภาเอาไว้ เขาหันไปทางนักข่าว
“คุณสุอาภายังไม่พร้อมจะตอบคำถามใดใด กรุณาหยุดถามด้วยเถอะนะครับ”
พิทยาจับมือสุอาภาจะพาเดินออกไป แต่นักข่าวตีกรอบกันเข้ามาทำให้สองคนขยับไปไหนไม่ได้
“อย่าเพิ่งไปสิครับ พวกเราอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นว่ามีคนจงใจแกล้งคุณ หรือว่าคุณเป็นคนปล่อยภาพนี้ออกมาเพื่อสร้างกระแสให้กับตัวเอง”
“เออจริงด้วย จริงด้วย”
พิทยาฉุน
“นี่คุณ! พูดจาให้มันดีหน่อยนะ”
สุอาภาเครียดมากถึงกับไม่กล้าสู้หน้าใคร พิทยาสุดทน
“ถ้างั้นก็ตอบคำถามมาสิครับ” นักข่าวคนที่หนึ่งบอก กลุ่มนักข่าวคนอื่นเออออ
“พวกเราอยากรู้ความจริง ผู้ชายในภาพเป็นใครครับคุณสุอาภา”
นักข่าวยังคงใส่ไม่ยั้ง
“นั่นสิคะ เป็นใครคะ เป็นใคร ผู้ชายเป็นใคร ตอบคำถามด้วยค่ะคุณสุอาภา”
สุอาภากำลังจะประสาทเสีย ในที่สุดพิทยาก็ทนไม่ไหว
พิทยาตะเบ็งเสียง
“อยากรู้กันนักใช่มั้ยว่าผู้ชายในภาพเป็นใคร”
ทุกคนเงียบ!! นักข่าวกับสุอาภาหันไปมองพิทยา สุอาภามองพิทยาอย่างไม่เข้าใจ บวรพารปภ.2-3 คนเข้ามา วรรณวดีหันไปทางบวร
“พี่ใหญ่”
นักข่าว สุอาภามองลุ้นพิทยา
“ผู้ชายคนนั้นก็คือ... ผมเอง”
นักข่าวฮือฮาตกใจ สุอาภาแทบช็อก บวรกับวรรณวดีอึ้ง นักข่าวรีบถ่ายรูปพิทยากับสุอาภา พิทยาโอบไหล่สุอาภาเข้ามาแนบชิด
“ผมกับคุณแต...เรารักกัน”
สุอาภาอึ้งอีกหน บวรกับวรรณวดีมองหน้ากัน
พิทยาหันไปมองสุอาภา
“และผมจะแสดงความรับผิดชอบทุกอย่าง ด้วยการแต่งงานกับคุณแต”
สุอาภาถึงกับเหวอไป พิทยาสีหน้าจริงจัง หันไปทางนักข่าว
บวรกับวรรรวดีนึกไม่ถึง นักข่าวยังคงถ่ายรูปไม่หยุด รปภ.รีบเข้ามาห้าม
“ขอความกรุณาทุกคนออกไปจากที่นี่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว เชิญครับเชิญ”
รปภ.ต้อนนักข่าวให้ออกไปด้วยความยากลำบาก สุอาภาหันไปมองพิทยาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
พิทยานั่งนิ่ง สุอาภานั่งตรงข้าม บวรกับต่ายก็นั่งกันอยู่อีกมุมหนึ่ง สุอาภามองพิทยาตาไม่กระพริบ
“นายพูดแบบนั้นออกไปทำไม ทั้งๆที่นายไม่ได้รักฉัน! และนายก็ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น”
พิทยาเงยหน้า
“ก่อนคุณอาจะเข้าห้องผ่าตัด ผมรับปากคุณอาเอาไว้ว่าผมจะดูแลคุณ”
สุอาภาอึ้ง...รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รัก แต่ก็อดเจ็บไม่ได้ที่รู้ว่าเค้าทำแบบนี้เพราะพ่อของเธอ เธอลุกขึ้นยืนบอก
“นายไม่จำเป็นต้องดูแลฉัน ฉันโตแล้ว แล้วอีกอย่างฉันมันก็เป็นผู้หญิงที่เหลวแหลกในสายตาของทุกคน เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องมาปกป้องฉัน”
“ผมไม่ได้ปกป้องคุณ แต่ผมทำเพื่อคุณอา คุณอาท่านบอบช้ำมากแล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
บวรกับวรรณวดีนิ่งฟัง
“ทางเดียวที่จะช่วยคุณอาได้ก็คือ....การที่ท่านได้เห็นว่าคุณปลอดภัย”
“นายก็เลยแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับฉัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น นายปฏิเสธฉัน แสดงท่าทางรังเกียจฉัน คนอื่นเค้าอาจจะไม่รู้ในข้อนี้ แต่ฉันรู้ แล้วฉันก็ทนไม่ได้ที่จะต้องแต่งงานกับนายโดยที่เราไม่ได้รักกัน นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันทำให้นายทุกข์มากกว่าสุข แล้วนายจะจมอยู่กับความทุกข์ไปตลอดชีวิตได้งั้นเหรอ นายอาจจะฝืนใจทำได้ แต่ฉันทำไม่ได้ เราจะไม่แต่งงานกัน ! นี่เป็นเรื่องของฉัน ฉันจะรับผิดชอบชีวิตของฉันเอง ฉันจะไม่ขอความช่วยเหลือจากนาย กลับไปได้แล้ว”
บวรกับวรรณวดีตกใจลุกขึ้นยืน
“แต!”
สุอาภามองพิทยาที่ยังนั่งอยู่ด้วยความรู้สึกสับสน พิทยาลุกขึ้นยืน
“กลับไปสิ”
“ผมไม่กลับ ผมจะอยู่รอจนกว่าคุณอาจะผ่าตัดเสร็จ”
พิทยาพูดจบก็เดินไปนั่งตรงมุมหนึ่งที่ไกลออกไป สุอาภาหันไปมองตามพิทยา กำมือแน่น แล้วก็นั่งลงหันไปทางอื่นสีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ
บวรกับวรรณวดีมองทั้งคู่แล้วก็หันมามองหน้ากันพลางถอนหายใจออกมา
นาฬิกาบอกเวลาสี่โมงเย็น ผ่านเวลา ไปเป็นหกโมงเย็น สามพี่น้องนั่งด้วยกันตรงมุมหนึ่ง พิทยานั่งอยู่ห่างออกไป
นาฬิกาบอกเวลาสองทุ่ม วรรรวดีกับสุอาภานอนเอาหัวซบไหล่บวรสองข้าง พิทยาลุกเดินมาตรงหน้าห้องผ่าตัด ไม่นานหมอเดโชก็เดินออกมา พิทยาดีใจมากหันไปทางคนอื่น
“คุณหมอออกมาแล้วครับ”
ทั้งสามคนรีบเดินมาหาหมอทันที
“การผ่าตัดสำเร็จนะครับ แต่กล้ามเนื้อหัวใจของคุณนพ ไม่มีเลือดไปเลี้ยงบางส่วน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านฟื้นช้ากว่าคนอื่น”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับหมอ” บวรถาม
“หมอตอบไม่ได้ครับ มันขึ้นอยู่กับสุขภาพของคนไข้ ถ้ายังไงคืนนี้คนไข้ยังต้องอยู่ห้องไอซียูไปก่อน พรุ่งนี้ถึงจะเข้าห้องพักปกติได้”
ทุกคนพากันเครียด
“ขอบคุณนะคะ” วรรณวดีบอก
หมอเดโชเดินออกไป
“งั้นคืนนี้เราก็นอนกันที่นี่” บวรบอก
น้องสาว 2 คนพยักหน้าเห็นด้วย
“เฉพาะเราสามคนนะคะ คนอื่นไม่เกี่ยว”
พิทยารู้ว่าสุอาภาหมายถึงเขา
“ถ้าไงพี่วานพิทพาพี่กลับไปเก็บของที่บ้านหน่อยก็แล้วกัน แล้วให้พี่ใหญ่กับแตอยู่ที่นี่” วรรณวดีบอก
“ได้ครับ”
พิทยาหันไปมองสุอาภา เธอทำไม่มอง แล้วพิทยากับวรรณวดีก็เดินออกไป
เวลากลางคืน สุอาภายืนเหม่อตรงระเบียงห้อง บวรเดินมายืนข้างๆ
“ยืนตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“แตอึดอยู่แล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรง่ายๆ”
บวรมองสุอาภาด้วยท่าทางลังเล แล้วก็ตัดสินใจ
“แต..พี่ไม่อยากให้แตไปว่าพิทเค้าแบบนั้น เค้าทำลงไปเพราะเค้าหวังดี”
สุอาภาหันมา
“แตรู้ว่าพิทหวังดี แต่แตไม่อยากให้เค้าทำดีกับแต”
บวรนิ่วหน้าถาม
“ทำไม”
สุอาภาเงียบ
“แต”
“การแอบรักมันเจ็บนะคะพี่ใหญ่ ยิ่งต้องไปรักคนที่เค้ารักคนอื่น มันยิ่งเจ็บ แล้วยิ่งเวลาเค้าทำดีกับเรา แทนที่เราจะมีความสุข แต่มันกลับเจ็บมากขึ้นเป็นร้อยเท่า แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการที่เราเห็นคนที่เรารักต้องเป็นทุกข์เพราะเรา สิ่งนั้นมันทำให้เราเจ็บจนเจียนตาย แตแต่งงานกับพิทไม่ได้หรอกค่ะ”
สุอาภาจะร้องไห้ บวรสงสารน้องมาก
“พี่ไม่เคยรู้เลยว่าแตรู้สึกยังไงกับพิท แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่แตพูดไม่ดีกับเค้า แกล้งเค้าสารพัด เป็นเพราะแตพยายามจะตัดใจจากเค้าใช่มั้ย”
สุอาภาไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้ออกมา บวรกอดน้องสาวที่ร้องไห้ไม่หยุดเอาไว้
พิทยากำลังขับรถ ต่ายนั่งข้างๆ
“ขอบใจมากนะพิท”
“ขับรถแค่นี้เองครับ สบายมาก”
“ไม่ใช่เรื่องนี้ ขอบใจในความกล้าของเธอที่บอกนักข่าวไปแบบนั้น ขอบใจที่ช่วยยัยแต”
พิทยานิ่งไปซักพัก
“อย่าขอบคุณผมเลยครับพี่ต่าย นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องทำไ
“พรุ่งนี้คงมีข่าวออกมาแน่ๆ พี่เป็นห่วงความสัมพันธ์ของเธอกับคุณรวีพรรณ”
“เรื่องนั้นพี่ต่ายไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ส่วนเรื่องผมกับคุณแต ผมยังยืนยันคำเดิม นักข่าวจะได้เลิกตามตื้อและขุดคุ้ยเรื่องของคุณแตซักที”
พิทยาสีหน้ามุ่งมั่นมาก ต่ายหันไปมองพิทยาแล้วก็ถอนหายใจ
ภายในห้องพักวีไอพี สุอาภานอนที่เตียงเสริม วรรณวดีนอนเตียงเสริมข้างๆ บวรนอนบนโซฟา บวรกับวรณวดีหลับไปแล้ว แต่สุอาภายังนอนไม่หลับ คิดหนักเรื่องพิทยา พลางภาพย้อนกลับไป
“ผู้ชายคนนั้นก็คือ...ผมเอง”
นักข่าวฮือฮาตกใจ สุอาภาแทบช็อก บวรกับต่ายอึ้ง นักข่าวรีบถ่ายรูปพิทยากับสุอาภา เขาโอบไหล่สุอาภาเข้ามาแนบชิด
“ผมกับคุณแต...เรารักกัน”
สุอาภาอึ้งอีกหน บวรกับต่ายมองหน้ากัน
“และผมจะแสดงความรับผิดชอบทุกอย่าง ด้วยการแต่งงานกับคุณแต”
พิทยานอนก่ายหน้าผาก ลืมตาโพลงในความมืด คิดหนักเรื่องสุอาภา ภาพย้อนกลับไป
“นายก็เลยแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับฉัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น นายปฏิเสธฉัน แสดงท่าทางรังเกียจฉัน คนอื่นเค้าอาจจะไม่รู้ในข้อนี้ แต่ฉันรู้ แล้วฉันก็ทนไม่ได้ที่จะต้องแต่งงานกับนายโดยที่เราไม่ได้รักกัน นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันทำให้นายทุกข์มากกว่าสุข แล้วนายจะจมอยู่กับความทุกข์ไปตลอดชีวิตได้งั้นเหรอ นายอาจจะฝืนใจทำได้ แต่ฉันทำไม่ได้ เราจะไม่แต่งงานกัน! นี่เป็นเรื่องของฉัน ฉันจะรับผิดชอบชีวิตของฉันเอง ฉันจะไม่ขอความช่วยเหลือจากนาย”
ทั้งพิทยาและสุอาภา ต่างเครียดนอนไม่หลับด้วยกันทั้งคู่
แรงปรารถนา ตอนที่ 6 (ต่อ)
เช้าวันถัดมา เสียงกดออดดังขึ้นถี่มากเหมือนคนกำลังโมโห พิทยาเดินออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจ ทันทีที่เปิดประตูก็เจอรวีพรรณยืนอยู่ พิทยาชะงัก รวีพรรณไม่พูดอะไร โยนหนังสือพิมพ์ที่มีภาพข่าวพิทยากับสุอาภาใส่ตัวพิทยา พิทยารู้ทันทีว่ารวีพรรณมาหาเค้าทำไม
“พิททำแบบนี้กับรวีได้ยังไง ไหนบอกว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ แล้วทำไม”
“ฟังผมก่อนนะรวี”
“หลักฐานชัดเจนขนาดนั้น พิทยังจะหาคำมาแก้ตัวมาได้อีกเหรอ”
“ผู้ชายในภาพคือคุณภูวดล”
“เลิกโยนความผิดให้คุณภูวดลซักที!”
พิทยาอึ้งที่รวีพรรณเชื่อภูวดล
“นี่รวี...เชื่อผู้ชายคนนั้นมากกว่าผมเหรอ”
“ใช่! รวีก็ไม่นึกเหมือนกันว่ารวีจะเชื่อคนอื่นได้มากกว่า แต่เพราะสิ่งที่พิททำ มันทำให้รวีรู้ว่าหลายปีที่เราคบกัน รวีไม่ได้รู้จักพิทเลย รวีเหมือนคนโง่ที่ถูกพิทหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
พิทยาจับแขนสองข้างของรวี
“รวี...คุณต้องฟังผม ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี เค้าหลอกคุณแตไปเพื่อทำมิดีมิร้าย ผมไปช่วยคุณแตออกมา พี่ใหญ่ก็ไปด้วย ถ้าคุณไม่เชื่อ ไปถามพี่ใหญ่ดูก็ได้ ผมกับคุณแตไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
“ถ้าเกิดเป็นอย่างที่พิทเล่า แล้วทำไมพิทถึงพูดกับนักข่าวไปแบบนั้น”
“ที่ผมพูดเพราะว่าตอนนี้คุณอาไม่สบายมาก คุณอายังไม่ปลอดภัย รวีก็รู้ว่าคุณอามีบุญคุณกับผมมากแค่ไหน ท่านเหมือนชุบชีวิตใหม่ให้กับผม ถ้าอะไรที่ทำให้คุณอาได้ ผมก็พร้อมจะทำทุกอย่าง”
รวีพรรณอึ้ง
“อย่าบอกนะว่าพิทแต่งงานกับสุอาภาเพราะต้องการทดแทนบุญคุณ”
พิทยาพยักหน้ายอมรับ รวีแทบช็อก รวีพรรณพูดต่อ
“ถึงแม้ว่าสิ่งที่พิททำ จะทำให้รวีเป็นทุกข์งั้นเหรอ”
“ผมขอโทษ ขอโทษที่ผมทำตามคำพูดที่บอกกับรวีไม่ได้ แต่ผมอยากให้รวีรู้ว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ยังรักรวีเสมอ”
รวีพรรณทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“ถึงจะรัก...แต่พิทก็เลือกบุญคุณมากกว่า”
พิทยาเงียบไปซักพักแล้วก็พยักหน้า รวีพรรณกำมือแน่น ตบหน้าพิทยาเพี๊ยะ!! พิทยานิ่งงันไป
รวีพรรณน้ำตาไหลแล้วก็หันหลังเดินออกไป ทิ้งให้พิทยายืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียว
รวีพรรณจอดรถเข้าข้างทาง เพราะขับรถต่อไปอีกไม่ไหว... เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนักมากด้วยความเสียใจ น้อยใจและเจ็บปวด
ภายในร้านอาหาร สินีนาฎกำลังหัวเสียใส่รวีพรรณ
“เธอเห็นแล้วใช่มั้ย นี่ไงล่ะสิ่งที่ฉันเตือนเธอมาตลอด สุดท้ายเธอก็โดนนังนั่นแย่งพิทไปจริงๆ”
รวีพรรณนิ่งเงียบ
“เลิกเป็นคนดีซักที เป็นคนดีแล้วต้องโดนรังแก เธอยังจะเป็นอยู่อีกเหรอ ป่านนี้นังสุอาภามันคงเที่ยวป่าวประกาศบอกใครต่อใครแล้วว่ามันชนะเธอ เธอจะเอาแต่เงียบแบบนี้ไม่ได้แล้วนะรวี”
รวีพรรณสุดทนลุกขึ้นยืน
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไงล่ะสิ ! ให้ฉันไปแย่งพิทกลับคืนมางั้นเหรอ”
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำ ! ฉันจะแย่งพิทคืนมาจากนังนั่น ทำให้นังนั่นรู้ว่าพิทเป็นของฉันมาก่อน”
สินีนาฎพูดจบก็เดินออกไปด้วยความรำคาญ รวีพรรณทรุดตัวลงนั่งสีหน้าเจ็บปวด
ภายในห้องไอซียู นพยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง สุอาภาสีหน้าเศร้านั่งจับมือพ่ออยู่ข้างๆ วรรณวดีกับบวรยืนอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง
“ทำไมป่านนี้ป๋าถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”
“หมอบอกแล้วไงแตว่าป๋าจะฟื้นช้ากว่าคนอื่น แต่ยังไงป๋าก็ต้องฟื้นขึ้นมาแน่ๆ”
สุอาภาพยักหน้า ระหว่างนั้นเสียงมือถือบวรดังขึ้น
“ฮัลโหล...ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
บวรวางสายแล้วหันมา
“มีงานด่วนเข้ามา พี่ต้องเข้าออฟฟิศ”
“พี่ใหญ่ไปเถอะค่ะ แตดูแลป๋าเอง”
“พี่จะรีบกลับมานะ”
สุอาภาพยักหน้าแล้วก็รีบออกไป วรรณวดีกับสุอาภาจับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ภายในออฟฟิศ ปวีณามองภาพข่าวพิทยากับสุอาภาในหนังสือพิมพ์ด้วยความโมโหจนต้องฉีกหนังสือพิมพ์ทิ้ง กรองทิพย์เข้ามาเห็นก็ตกใจรีบเข้ามา
“แป๋ว! ฉีกหนังสือพิมพ์ทำไม นี่มันของบริษัทนะ”
ปวีณาไม่ตอบ กรองทิพย์เข้ามาเห็นภาพพิทยากับสุอาภาก็รีบอ่านเนื้อข่าว
กรองทิพย์ตกใจ
“แม่เจ้า!คุณพิทยากับคุณสุอาภาจะแต่งงานกัน”
“นังสุอาภาต้องบังคับคุณพิทแน่ๆ ไม่งั้นไม่มีทางที่คุณพิทจะแต่งงานกับมันเด็ดขาด”
กรองทิพย์ตกใจกับท่าทางของปวีณา
“ชู่ว์ แป๋ว..ทำไมเรียกคุณสุอาภาเค้าแบบนั้น”
“แป๋วจะเรียก พี่ทิพย์จะทำไม นังสุอาภา นังสุอาภา นังสุอาภา”
บวรเข้ามาได้ยินพอดี
“นี่!”
กรองทิพย์กับปวีณาหันไปเห็นบวรก็ตกใจ กรองทิพย์หน้าเสีย ปวีณาทำไม่สนใจจะเดินออกไป
“ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ฉันได้ยินเธอพูดถึงน้องสาวฉันอีก พี่ทิพย์ครับ จัดการให้เค้าเซ็นต์ใบตักเตือนด้วย ถ้าครบสามครั้งเมื่อไหร่ โดนไล่ออก!”
ปวีณาตกใจ ถลึงตาใส่บวร จะเอาเรื่อง กรองทิพย์รีบจับแขนปวีณาเอาไว้ บวรมองอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินออกไป
“เห็นมั้ย..เป็นเรื่องจนได้ สงบปากสงบคำไว้บ้างเถอะ”
ปวีณาหงุดหงิดหัวเสียไม่พอใจ
สุอาภากับวรรณวดียังคงเฝ้านพอย่างใกล้ชิด ไม่นานนพขยับตัว...สุอาภากับต่ายเห็นก็ดีใจมาก
“ป๋า!”
นพค่อยๆลืมตาขึ้นมาหันไปมองลูกสาวทั้ง 2 คนด้วยความรู้สึกมึนๆงงๆอยู่
หมอเดโชเดินออกมา หาสุอาภากับและต่าย
“เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลทำเรื่องย้ายคุณนพไปอยู่ห้องปกตินะครับ แต่ยังไงช่วงนี้อย่าพยายามให้มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจทำให้คุณนพเครียดอีกเป็นอันขาด เพราะอาการของคุณนพยังไม่น่าไว้ใจ ผมกลัวว่าถ้าคุณนพเป็นขึ้นมาอีก อาการจะแย่ลงมากกว่าเดิม”
สุอาภากับวรรณวดีหน้าเสียเป็นกังวลขึ้นมาทันที
นพนอนอยู่ในห้องยังมีสายออกซิเจนเสียบที่จมูก สุอาภากับต่ายยืนข้างเตียง นพยื่นมืออกมาหาสุอาภา
นพน้ำเสียงอ่อนแรงเรียก
“แต”
สุอาภาจับมือนพเอาไว้
“ค่ะป๋า”
“เรื่องนั้น...ข่าวเป็นยังไง”
สุอาภากับต่ายเหลือบมองหน้ากัน สุอาภาฝืนยิ้มบอก
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะป๋า”
“อย่ามาโกหกป๋า”
สุอาภาหน้าเจื่อน นพหันไปทางวรรณวดี
“ต่าย...ป๋าอยากรู้ว่าข่าวนั่นมันไปถึงไหนแล้ว”
วรรณวดีอึกอัก..สุอาภาส่งสายตาไม่ให้พี่สาวพูด
“ป๋าถาม...ทำไมไม่ตอบ”
สุอาภารีบเปลี่ยนเรื่อง
“ป๋าคะ ป๋าเพิ่งฟื้น ป๋าอย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอื่นเลยนะคะ ป๋านอนพักก่อนเถอะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องอื่น นี่เป็นเรื่องของลูกป๋า จะให้ป๋าทำเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง”
สุอาภากับต่ายพูดไม่ออก ระหว่างนั้นพิทยาเดินเข้ามาเห็นนพฟื้นแล้วก็ดีใจมาก
“คุณอาครับ”
พิทยารีบเดินมาที่ข้างเตียง สุอาภากับต่ายหันไปมอง
“พิท...ฉันอยากรู้เรื่องความคืบหน้าของข่าวยัยแต”
พิทยาชะงัก เหลือบมองสุอาภากับต่าย นพเริ่มสงสัย
“ทำไมถึงไม่มีใครยอมพูดอะไรเลย พิท เล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” นพเสียงเริ่มดัง
“ป๋าคะ..ป๋าอย่าเพิ่งโมโหสิคะ เดี๋ยวก็เป็นขึ้นมาอีกหรอก”
“ถ้างั้นก็บอกป๋ามาสิว่ามันมีอะไร มันแย่มากนักเหรอไงถึงบอกให้ป๋ารู้ไม่ได้”
นพเริ่มหอบ..สุอาภา วรรณวดี พิทยามองหน้ากัน แล้วพิทยาก็ทนไม่ไหว
“ทุกอย่างมันจบแล้วครับคุณอา”
นพนิ่วหน้าหันไปมองพิทยา
“พิท!” สุอาภาปราม
สุอาภาจ้องพิทยา เขาดูลังเลนิดนึง
นพพยายามเปล่งเสียง
“หมายความว่ายังไง พูดมาพิทยา ฉันบอกให้พูด”
“ผมจะแต่งงานกับคุณแตครับ”
นพอึ้ง...สุอาภาไม่พอใจมาก วรรณวดีเริ่มเครียด
“ฉันบอกนายไปแล้วไงว่าเราจะไม่แต่งงานกัน! นายไม่ต้องมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการรับผิดชอบในสิ่งที่นายไม่ได้ทำ”
นพมองพิทยากับสุอาภาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนหันไปเห็นก็ตกใจ สุอาภาร้องเรียก
“ป๋า”
สุอาภาหันไปมองพิทยาอย่างไม่พอใจอย่างแรง
สุอาภาหันมาใส่พิทยาด้วยความหัวเสีย
“นายบอกป๋าทำไม!”
“คุณก็เห็นว่าทันทีที่คุณอาฟื้น คนที่คุณอาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือคุณ ท่านไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเพิ่งผ่าตัดออกมา แล้วถ้าผมไม่บอกคุณอาเรื่องนี้ คุณอาอาจจะทรุดหนักลงไปอีกก็ได้ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับผม แต่เราต้องทำทำเพื่อคุณอา คุณอาจะได้สบายใจหมดความกังวลว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณอีก”
สุอาภาหันหน้าไปทางอื่นแล้วก็ยืนเงียบ
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม”
สุอาภาหันมามองพิทยาเขาพูดต่อ
“ผมเองก็ไม่ต่างจากคุณ แต่ถ้าเราสามารถทำให้คนที่เรารักด้วยกันทั้งคู่มีความสุข เราจะทำเพื่อเค้าไม่ได้เชียวเหรอ ผู้ชายที่อยู่ในห้องตอนนี้เค้าเป็นพ่อของคุณแค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น มันคงไม่หนักหนา ถ้าเราจะทำเพื่อเค้า”
สุอาภามองหน้าพิทยาพูดอะไรไม่ออก หมอเดโชเดินออกมาพอดี สุอาภากับพิทยารีบเดินเข้าไปหาหมอ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่คุณนพเจ็บหน้าอกเป็นเพราะแผลจากการผ่าตัด”
สุอาภาโล่งใจ
“ขอบคุณมากนะคะ”
หมอเดโชเดินออกไป ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน พิทยามองสุอาภาแอบลุ้นว่าเธอจะตัดสินใจยังไง
สุอาภากับพิทยากลับเข้ามาในห้องพักวีไอพี เห็นวรรณวดีกำลังห่มผ้าให้นพ
“พิท แต” นพหันมาเรียก
สุอาภาชิงพูดออกมาก่อน
“ที่พิทบอกป๋าไปเป็นความจริงค่ะ เราสองคนจะแต่งงานกัน”
พิทยาหันไปมองสุอาภาอย่างโล่งใจที่เธอยอมแต่งงานกับเขา เธอจับมือพิทยา สองคนมองหน้ากัน
“แต ต่ายออกไปก่อน...ป๋าขอคุยกับพิทสองคน”
สองพี่น้องนิ่วหน้ามองนพด้วยความสงสัย
นพอยู่กับพิทยาสองคน
“ถ้าการที่เธอแต่งงานกับยัยแต เป็นเพราะสิ่งที่ฉันขอเธอเอาไว้ก่อนผ่าตัด ฉันไม่อยากให้เธอเก็บมาคิด ที่ฉันพูดไปตอนนั้นเพราะฉันนึกว่าตัวเองจะต้องตาย อย่าคิดตอบแทนบุญคุณของฉันด้วยวิธีนี้ ฉันไม่อยากเห็นเธอจมอยู่กับความทุกข์”
“ผมสามารถอยู่กับความทุกข์ของผมได้ แต่ถ้าผมเห็นคุณอาต้องเป็นทุกข์ ผมทนไม่ได้ครับ คุณอามีพระคุณกับผมมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมทำ มันยังถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณอาทำเพื่อผมมาตลอด”
นพจะพูด แต่พิทยาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณแตเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของคุณอา ถ้าแก้วตาดวงนี้เกิดรอยร้าว คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคุณอา ขอให้ผมได้เป็นคนดูแลและปกป้องแก้วตาดวงนี้ให้คุณอาเถอะนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุด ทำให้เทียบเท่ากับที่คุณอาทำ ผมจะไม่ทำให้คุณแตเสียใจ”
พิทยาจับมือนพ...แววตามุ่งมั่นจริงใจ นพได้แต่มองพิทยาด้วยความตื้นตันจนน้ำตาคลอเบ้าพูดไม่ออก
สุอาภานั่งซึมอยู่หน้าห้อง วรรณวดีมองน้องสาวด้วยความเห็นใจ บวรรีบเดินเข้าไปหา
“มาทำอะไรกันอยู่ที่หน้าห้อง” บวรถาม
“ป๋ารู้เรื่องพิทกับแตแล้ว” วรรณวดีบอก บวรตกใจ
“ตอนนี้ป๋าคุยกับพิทอยู่” วรรณวดีพูดต่อ
บวรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ระหว่างนั้นพิทยาเดินออกมา สามพี่น้องรีบเข้าไปหา
“ทุกคนเข้าไปหาคุณอาเถอะครับ”
บวรกับวรรณวดีไม่กล้าถามต่อและเดินเข้าไปในห้อง ที่นอกห้องเหลือพิทยากับสุอาภาเพียงสองคน
“หลังจากคุณอาออกจากโรงพยาบาล เราจะแต่งงานกัน”
สุอาภาเงียบไป พูดไม่ออก พิทยาเดินกลับออกไป
สุอาภานั่งจับมือนพซึ่งนอนอยู่บนเตียง มีบวรกับต่ายยืนอยู่ด้วย
“ป๋าสบายใจที่ได้รู้ว่าพิทจะเป็นคนดูแลแต”
สุอาภาจำต้องฝืนยิ้มออกมา.. .บวรกับวรรณวดีมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมา
ที่บ้านสวน จันทร์จำนงมองหน้าพิทยา แล้วยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“ฉันยินดีแล้วก็เต็มใจที่เธอจะให้ฉันเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเธอในวันแต่งงาน นั่นแสดงว่าเธอยังระลึกถึงฉันอยู่”
“คุณนายเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ แล้วผมก็อยากให้เกียรติคุณแต อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี ขอบคุณคุณนายมากนะครับที่เมตตาผม”
“เลิกเรียกฉันว่าคุณนายซักที เรียกฉันว่าย่าเถอะ”
“ให้ผมเรียกอย่างเดิมเถอะนะครับ”
“เอาล่ะๆ เธอจะเรียกฉันว่ายังไงก็ตามแต่จะสะดวกเธอก็แล้วกัน ฉันไม่บังคับ เดี๋ยวเธอจะไม่มาหาฉันอีกเลย”
พิทยายิ้มน้อยๆ จันทร์จำนงมองพิทยาด้วยความปลื้มใจและรู้สึกดี
หลายวันถัดมา บวรเปิดแชมเปญเสียงดัง สุอาภา วรรณวดี ณีเฮดังลั่น นพยิ้ม บวรเทแชมเปญลงไปในแก้วสามใบ นพกำลังจะหยิบ แต่เจอวรรรวดียกแก้วออกไป นพชะงัก
“ป๋าห้ามดื่มค่ะ”
“ขอป๋าดื่มซักอึกไม่ได้เหรอ มีเรื่องน่าดีใจตั้งสองเรื่อง เรื่องแรก ป๋าได้กลับบ้าน เรื่องที่สองลูกสาวสุดที่รักของป๋าจะแต่งงาน ยังไงมันก็ต้องดื่ม”
สุอาภาได้ฟังแล้วก็ยิ้มเจื่อน
“แต่ป๋าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะคะ ร่างกายยังไม่แข็งแรง”
“จริงด้วยค่ะ ช่วงนี้ป๋าห้ามแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด” สุอาภาบอก
“ต่ายพูดถูกแล้วครับป๋า ป้าณีเฝ้าป๋าอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ” บวรสำทับ
“ตกลงค่ะคุณใหญ่ ป้าจะแลดูดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
“ทีงี้ล่ะสามัคคีกันขึ้นมาเชียวนะ”
เหล่าพี่น้องหัวเราะชอบใจ แล้ววรรณวดีก็หันไปทางป้าณี
“ป้าณีคะ ขอเครื่องดื่มของป๋าด้วยค่ะ”
“จัดไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ป้าณีหันไปยกแก้วชาร้อนเข้ามาวางตรงหน้านพ บวรยกแก้วขึ้นมา
“ขอดื่มให้กับป๋าของพวกเราที่กลับมามีสุขแพบ”
“สุขภาพ!” วรรรวดีกับสุอาภาพูดขึ้นพร้อมกัน
“พูดไม่ผิด แล้วมันจะตลกเหรอ”
ทุกคนหัวเราะ
“ขอให้ป๋ากลับมามีสุขภาพแข็งแรงประดุจหินผาบนยอดเขาสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านท้าพายุฝน และอยู่กับพวกเราไปนานๆนะคร๊าบ เอ้า ชัยชัยชัย”
วรรณวดี, สุอาภา, ณี ร้องต่อ
“โยโยโย”
บวรร้อง “วู้...”
นพยิ้มไม่หุบ ลูกๆเอาแก้วมาชนกันแล้วก็ดื่ม ความสุขคืนกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่พอพ้นสายตาของทุกคน สุอาภากลับหันไปทำหน้าไม่สบายใจ
ภายในร้านกาแฟ เวลาเย็น พราวพิไลเอาเครื่องดื่มมาให้สุอาภาที่นั่งอยู่
“แกไปเข้าคอร์สเจ้าสาวหรือยังแต”
“ยัง”
“ยังอีกเหรอ อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว เดี๋ยวสวยไม่ทันหรอก”
“ไม่สวยก็ไม่สวย ไม่ได้อยากแต่งซักนิด”
พราวพิไลจับแขนเพื่อนมองอย่างเห็นใจ
“แต...ฉันเข้าใจแกนะ แต่ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว แกต้องยอมรับและมีความสุขไปกับมัน”
“เค้าไม่ได้แต่งงานกับฉันเพราะความรัก ที่เค้าแต่งเพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ แกจะให้ฉันมีความสุขได้ยังไง ฉันว่าฉันคงเป็นเจ้าสาวที่โชคร้ายมากที่สุดในโลก”
พราวพิไลมองสุอาภาด้วยความเห็นใจ ยื่นมือมาจับแขนสุอาภาให้กำลังใจ
เช้าวันถัดมา พิทยาเดินนำสุอาภาเข้ามาในบ้าน แล้วหันไปบอก
“บ้านรกหน่อยนะ ผมกำลังทำความสะอาดก่อนที่คุณจะมาอยู่”
สุอาภาไม่สนใจบอก
“ฉันมีเรื่องที่จะทำความตกลงกับนายก่อนที่เราจะแต่งงานกัน การแต่งงานของเราเป็นการแต่งงานกันแต่ในนาม เพราะฉะนั้นเราสองคนยังมีอิสระ มีสิทธิ์ที่จะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ก็ได้”
พิทยายังคงนิ่งฟังต่อไป
“นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย”
“เข้าใจ”
“เข้าใจก็ดี”
“แต่...การที่คุณจะไปไหน กับใคร เมื่อไหร่ คุณต้องบอกผมทุกครั้ง”
“ขนาดป๋าฉันยังไม่ต้องรายงาน แล้วนายเป็นใคร! ทำไมฉันต้องบอกด้วย”
“เพราะว่าผมเป็นสามีของคุณ และผมก็จะไม่ยอมให้คุณไปไหนมาไหน หรือไปทำอะไรกับผู้ชายคนอื่น”
สุอาภามองหน้าพิทยาอึ้ง เข้าใจว่าเขาหวง พิทยาขยับมาตรงหน้า ยืนในระยะใกล้มาก
“ผมจะไม่มีวันให้คุณทำลายชื่อเสียงของคุณอาและครอบครัวของคุณอีก”
สุอาภาอึ้ง...เสียใจที่พิทยาพูดมาทั้งหมดเพราะเป็นห่วงนพ ไม่ใช่หวงเธอ
“นายไม่ต้องห่วง ป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่ายเป็นครอบครัวของฉัน ฉันไม่มีวันทำร้ายพวกเค้าเจอกันวันแต่งงาน”
สุอาภาหันหลังจ้ำเดินออกไปด้วยสีหน้าเจ็บปวด พิทยามองตามสุอาภาแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้ม
สองสามวันถัดมา ภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมเวลาเช้า สุอาภาในชุดเจ้าสาวแบบไทย ยืนหน้าเศร้ามองตัวเองอยู่หน้ากระจก พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาหันไปเห็นนพเดินยิ้มเข้ามา นพเห็นสีหน้าลูกสาวก็ชะงัก
“วันนี้เป็นวันมงคล ทำไมถึงทำหน้าเศร้าแบบนั้น”
สุอาภาเข้ามากอดนพ
“ก็แตจะไม่ได้อยู่กับป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่ายอีกแล้วนี่คะ”
นพดึงสุอาภาออกมาแล้วบอก
“คิดถึงก็มาหา ไม่เห็นจะยากตรงไหน”
“ยากสิคะ ทำไมจะไม่ยาก เกิดแตอยากเจอป๋าขึ้นมากะทันหัน กว่าแตจะขับรถมาหาป๋า มันต้องใช้เวลาตั้งหลายนาที”
“ลูกโทรมาหาป๋าก่อนก็ได้ ได้ยินเสียงให้คลายความคิดถึงไปก่อนไง”
“ป๋าอ่ะ ป๋าพูดเหมือนอยากให้แตไปอยู่ที่อื่น แตไม่อยากอยู่กับพิทสองคนเลยนะคะ”
“เมื่อก่อนเรากับพิทยังอยู่บ้านเดียวกันได้เลย”
สุอาภาชะงักบอก
“นั่นมันเมื่อก่อน”
“แรกๆก็คงจะปรับตัวลำบากหน่อย แต่พอนานวันเข้า เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง ป๋าไม่อยากให้แตตั้งป้อมกับพิท ป๋าอยากให้แตเปิดใจ มองพิทเหมือนอย่างที่แตเคยมอง พิทเป็นคนดีและป๋าก็มั่นใจว่าเค้าจะไม่มีวันทำให้แตเสียใจ วันนี้แตอาจจะยังไม่เชื่อป๋า แต่ซักวันแตจะรู้ว่าป๋าพูดไม่ผิด”
นพจับหัวให้กำลังใจ สุอาภาได้แต่ถอนหายใจออกมา นพจับคางสุอาภา
“ยิ้มให้ป๋าชื่นใจหน่อยสิ”
สุอาภาพยายามยิ้มออกมา นพจับแขนสุอาภาสองข้าง
“ต้องแบบนี้สิ ถึงสมกับเป็นลูกสาวป๋า”
นพหันมายืนข้างๆแล้วยกแขนขึ้นมา
“ขอให้ป๋าได้ดูแลลูกสาวของป๋าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะป๋าจะยกหน้าที่นี้ให้กับพิท”
สุอาภามองนพซึ้งใจแล้วก็ควงแขนนพ นพกับสุอาภายิ้มให้กัน แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินออกไป
ภายในห้องจัดเลี้ยง จันทร์จำนงเอามงคลสวมหัวให้พิทยากับสุอาภาที่ตั่งรดน้ำ ด้านหลังบวร ต่าย พราวพิไล ยืนเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว มองภาพตรงหน้าไปก็ยิ้มไป
จันทร์จำนงใส่มงคลเสร็จก็หันไปรับน้ำสังข์จากพราวพิไลที่นั่งอยู่ด้านข้าง มารดให้ทั้งสองคน
“ย่าขอให้หลานทั้งสองรักกัน อยู่กันด้วยความเข้าใจนะจ๊ะ”
พิทยากับสุอาภาไหว้จันทร์จำนง จันทร์จำนงหันไปคืนน้ำสังข์ให้ณีแล้วก็เดินออกไป นพเดินเข้ามา ณีส่งน้ำสังข์ให้ นพเดินเข้ามาหา
“วันนี้เป็นวันที่ป๋าดีใจมากที่สุด ป๋าขอให้ลูกมีความสุข หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน และพยายามประคับประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น”
สุอาภามองนพน้ำตาคลอเบ้า ทั้งคู่ไหว้นพ นพเข้ามาลูบหัวเธอแล้วก็เดินออกไป แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันเข้ามารดน้ำสังข์ให้ทั้งสองคน
พิทยากับสุอาภากำลังเซ็นต์ใบทะเบียนสมรส โดยมีทุกคนร่วมเป็นสักขีพยาน
หน้าห้องจัดเลี้ยง สุอาภากับพิทยาในชุดงานกลางคืนกำลังยืนถ่ายรูปกับแขก บวรกับปวีณาคอยต้อนรับแขกที่ทยอยกันมาเรื่อยๆ ปวีณาลอบมองทั้งคู่ด้วยความอิจฉา ปวีณาหันไปเห็นบวรมองมาพอดีก็รีบเดินไปรับแขกด้านอื่น บวรได้แต่ส่ายหัวปลงๆ
วรรณวดี ณี และกรองทิพย์อยู่ที่โต๊ะเซ็นต์ชื่อคอยส่งของชำร่วย
พราวพิไลกับแก๊งค์เพื่อนเข้ามาแสดงความยินดีกับสุอาภา กอดกันแล้วก็ถ่ายรูปด้วยกัน สุอาภากับพิทยาโดนดันจนทำให้ยืนชิดกันมาก สองคนหันมามองหน้ากัน พิทยาตัดสินใจเอามือโอบเอวสุอาภา สุอาภารู้สึกเขินๆแปลกๆ
ในห้องจัดงาน ประธานกำลังคล้องพวงมาลัยให้คู่บ่าวสาว แล้วก็พูดบนเวที ยกแก้วให้แขกในงานร่วมไชโย นพ จันทร์จำนง บวร วรรณวดี ณี พราวพิไล และเพื่อนๆสุอาภา ยกแก้วร้องไชโย ทุกคนดูมีความสุข
แรงปรารถนา ตอนที่ 6 (ต่อ)
พิทยากับสุอาภาเดินควงกันมาเพื่อตัดเค้ก พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน ทำหน้ากันไม่ถูก แล้วทั้งคู่ก็เดินกันต่อไป นพ จันทร์จำนง บวร ต่าย ป้านี พราวพิไล มองด้วยความชื่นชม
พิทยากับสุอาภาเดินมาถึงหน้าเค้กแต่งงาน พิทยาจับมือสุอาภา สองมองหน้ากันอีกครั้ง แล้วก็หันไปตัดเค้ก นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูป ทั้งสองคนตัดเค้กกันเสร็จ ทุกคนปรบมือ แล้วพราวพิไลก็ตะโกนขึ้นมากลางฝูงชน
“หอมแก้ม”
พิทยากับสุอาภาชะงัก นพ บวร วรรรวดี ณีกรองทิพย์ แขกเหรื่อคนอื่นช่วยกันตะโกน
“หอมแก้ม...หอมแก้ม...หอมแก้ม...”
มีปวีณาเพียงคนเดียวที่เบ้หน้าหมั่นไส้ พิทยากับสุอาภามองหน้ากัน ไม่สามารถทนต่อเสียงต้านทานได้ เสียง “หอมแก้ม” ยังดังไม่หยุด พิทยาค่อยๆยื่นหน้าเข้าไป สุอาภาเขินมาก แล้วพิทยาก็เอาจมูกแตะแก้มสุอาภา แขกเหรื่อส่งเสียงเฮดังลั่น นักข่าวถ่ายรูปแชะ!!! กลายเป็นภาพนิ่ง
ภายในบ้านพิทยา เวลากลางคืน พิทยากับสุอาภานั่งพับเพียบบนพื้นกำลังก้มกราบนพที่นั่งอยู่บนเตียง บวรกับวรรณวดียืนอยู่ด้วย นพยิ้มด้วยความปลื้มใจ แล้วพิทยากับสุอาภาก็เงยหน้าขึ้นมา
“การแต่งงานหมายถึงการที่ชายหญิงสองคน ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน และยังเป็นการบอกอีกอย่างว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบมากขึ้น และพร้อมที่จะมีครอบครัว” นพบอก
พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน
“ป๋าอยากให้เราสองคนมีความเห็นอกเห็นใจกัน และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา
ทั้งคู่ชะงักกับคำว่า “สามีภรรยา” สองคนเหล่มองหน้า ทำหน้าไม่ถูก บวรกับวรรณวดีมองพิทยากับสุอาภาแล้วก็อมยิ้ม
“ฝากน้องด้วยนะพิท”
“คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลคุณแตให้ดีที่สุด”
นพยิ้มพอใจแล้วลุกขึ้นยืน สุอาภากับพิทยาลุกขึ้นยืนตามแต่สะดุด พิทยารีบโอบเอวประคองเอาไว้ นพ บวร วรรณวดีถึงกับยิ้มออกมา ทั้งคู่เขิน..แล้วพิทยาก็รีบปล่อยมือ
“ฉันเห็นแล้วว่าเธอดูแลยัยแตได้เป็นอย่างดี กลับกันได้แล้ว” นพหันไปทางลูกสองคน
พี่ชายกับพี่สาวหันไปหาทั้งคู่
“อย่าดื้อกับพิทนะแต ถ้าน้องสาวฉันดื้อ ฉันอนุญาตให้แกสั่งสอนได้” บวรบอก
“พี่ก็อนุญาตเหมือนกัน”
“พี่ใหญ่ พี่ต่าย!”
บวรกับวรรรวดีขำ พิทยายิ้มออกมา สุอาภาหันไปมอง พิทยารีบหุบยิ้มแทบไม่ทันแล้วก็ทำเฉไฉหันไปยกมือไหว้ทั้งสามคน สุอาภาก็เข้ามากอดพ่อ พี่ชายและพี่สาวก่อนจะผละออกมา
“แตลงไปส่งนะคะ”
นพรีบพูด
“ไม่ได้ไม่ได้...คืนนี้เป็นคืนส่งตัวเข้าหอ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามออกจากห้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเสียฤกษ์”
พิทยากับสุอาภาผงะ บวรตบบ่าพิทยา
“พี่จะปิดบ้านให้เอง ตามสบายเลยไอ้น้อง”
บวรยิ้มกริ่มจนพิทยาเขิน แล้วทั้งสามก็เดินออกไป พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากันแบบไม่รู้จะยังไงต่อไป
นพ บวร วรรณวดีเดินออกมานอกตัวบ้านด้วยกัน บวรพูดเสียงกรุ้มกริ่ม
“ป๋าว่าคืนนี้จะมีพิทยา หรือ สุอาภาจูเนียร์เลยป่ะ”
วรรรวดีตีแขนบวรบอก
“ทะลึ่งแล้วพี่ใหญ่!”
บวรโวยวายใส่
“เอะอะก็ตี แกเป็นแม่ฉันเหรอไงห๊ะไอ้ต่าย ฉันเจ็บนะเว้ย”
“โอ๊ย!! ขี้บ่นจริงๆเลย ตัวโตซะเปล่าแค่นี้ก็เจ็บ”
สองพี่น้องทะเลาะกันไปตามทาง นพหัวเราะแล้วก็ส่ายหัวก่อนจะเดินออกไป
ภายในห้องนอนพิทยา สุอาภาถอดพวงมาลัยออกมาวางบนโต๊ะ แล้วก็หันไปทางพิทยา ทั้งสองคนยังคงทำหน้าและทำตัวกันไม่ถูกกับการเป็นสามีภรรยากันคืนแรก
“เออ คุณแตครับ ที่คุณอาพูดเมื่อกี้...”
“ฉันก็ว่าจะบอกนายเรื่องนี้แหละ นายไม่ต้องทำตามที่ป๋าบอกหรอก”
“ดีครับ ที่เราคิดอย่างเดียวกัน ผมยกห้องนี้ให้คุณ”
สุอาภาชะงัก
“แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน”
“ผมจะลงไปนอนที่ห้องรับแขก แต่ผมคงต้องมาใช้ห้องอาบน้ำกับห้องแต่งตัว”
สุอาภาพยักหน้า
“ถ้างั้น..นายก็อาบน้ำก่อนเถอะ”
“คุณแตอาบก่อนเถอะครับ”
“ก็ได้”
สุอาภาเดินเข้าไปในห้องน้ำ พิทยาเดินมานั่งรอที่โซฟาแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
ภายในห้องน้ำ สุอาภาถอดตุ้มหูอยู่หน้ากระจกพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนักเช่นกัน แล้วก็เอื้อมมือไปด้านหลังจะถอดซิปเสื้อ แต่เอื้อมมือไม่ถึง เธอพยายามอยู่สองสามครั้งก็ยังไม่สำเร็จ เธอครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี หันไปมองที่ประตูด้วยสีหน้าลังเล
พิทยาอ่านแมกกาซีนรอสุอาภาอยู่ที่โซฟา แล้วก็หาวนอน เริ่มง่วง ระหว่างนั้นสุอาภาเดินออกมา พิทยาหันไปเห็นเธอยังอยู่ในชุดแต่งงานก็แปลกใจ สุอาภาสีหน้าแบบไม่รู้จะพูดยังไง
“เออ..ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย นายช่วยรูดซิบเสื้อลงให้ฉันหน่อยนึงสิ คือ...ฉันเอื้อมมือไม่ถึง” พิทยาผงะ แล้วลุกขึ้นยืน
สุอาภาพูดจบก็หันหลังให้พิทยา เขาเดินมายืนข้างหลัง เธอใจเต้นแรงเพราะเขาอยู่ใกล้เหลือเกิน พิทยาเห็นผมสุอาภาปิดซิบอยู่
“ขอโทษนะครับ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาใช้มือข้างหนึ่งยกผมเธอขึ้นมา กลิ่นหอมจากเส้นผมทำให้เขาสะท้านไปทั้งตัว เขาตั้งสติใช้มืออีกข้างจับที่ตัวซิบ ค่อยๆดึงซิบลงมา สุอาภาหน้าแดงซ่านใจเต้นแรงมาก แล้วก็รีบหันไป
“พอ...”
สุอาภาชะงักเพราะหน้าใกล้กับพิทยามาก สองคนแทบจะลมหายใจรดใส่กัน เธอรีบตั้งสติแล้วก็ถอยออกมา
“ขอบใจ”
สุอาภารีบหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที พิทยาได้แต่ยืนนิ่งรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
สุอาภาออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน หันไปเห็นพิทยานอนหลับอยู่บนโซฟา เธอเดินเข้ามาจับแขนปลุก แต่เขาไม่ตื่น
“พิท...พิท”
พิทยายังไม่ตื่นเธอย่อตัวลงข้างเขา มองเขาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรัก เธอยกมือขึ้นมาทำท่าลูบหน้าพิทยา แต่แบบไม่โดนหน้า เขาขยับตัว เธอชะงักตกใจนึกว่า พิทยาตื่น แต่พิทยายังหลับต่อไป
“คงจะเหนื่อยมาก”
สุอาภาหันไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้พิทยา ก่อนจะเดินไปขึ้นเตียง เธอมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้อยู่กับพิทยาสองคน สุอาภายิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วก็ล้มตัวลงนอน ยิ้มทั้งๆที่หลับตา
แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในห้อง...สุอาภาตื่นลืมตาลุกขึ้นมานั่ง และมองโซฟาเป็นอันดับแรก แต่ไม่เห็นพิทยา
“ไปไหนแต่เช้า หรือว่าอยู่ห้องน้ำ”
สุอาภาคิดนิดนึง...แล้วก็ลุกเดินไปค่อยๆโผล่หน้าไปดูในห้องน้ำ ไม่มี...สุอาภาแปลกใจ
สุอาภาเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นพิทยากำลังใส่กางเกง พอทั้งคู่เห็นกันก็ตกใจ พิทยารีบดึงกางเกงขึ้นมา แล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาบังตัวเองเอาไว้ สุอาภารีบหันหน้าไปทางอื่น
“ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ในนี้ ฉันขอโทษ”
สุอาภารีบออกไป พิทยาพ่นลมหายใจออกมา
สุอาภาออกมายืนหน้าห้องแต่งตัว หน้าแดงซ่านด้วยความอายสุดๆ
สุอาภาเดินลงมา...เห็นพิทยากำลังง่วนทำอาหารอยู่ในครัวก็หยุดยืนมอง รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในความฝันที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก พิทยาหันมา เธอสะดุ้งถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“อาหารเสร็จพอดี”
สุอาภากับพิทยานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน
“ผมขอโทษที่เมื่อคืนหลับไปโดยไม่รู้ตัว ความจริงคุณน่าจะปลุกผม”
“ฉันปลุกนายแล้ว แต่นายไม่ตื่น”
พิทยาชะงัก สุอาภาก้มหน้ากินข้าวต่อ พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น
พิทยาหยิบมากดรับ
“ฮัลโหล...ผมกำลังจะเข้าไป เดี๋ยวเจอกัน”
พิทยาวางสายแล้วหันมาบอก
“ผมต้องไปทำงานแล้วนะครับ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาลุกขึ้นจะเอาจานออกไป
“วางไว้แหละเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พิทยาวางจานไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินออกไป ไม่นานสุอาภาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าใส่แบบที่วางอยู่บนเก้าอี้ สุอาภารู้ว่าพิทยาลืม
สุอาภาถือกระเป๋าใส่แบบรีบตามพิทยาออกมาที่โรงรถ
“พิท...นายลืมกระเป๋า”
พิทยาผงะ เธอเดินเอากระเป๋ามาให้ พิทยารับกระเป๋ามาถือเอาไว้
“ขอบคุณนะครับ ผมลืมจริงๆ”
สุอาภาเห็นเนคไทที่พิทยาใส่เบี้ยว
“เนคไทนายเบี้ยวน่ะ “
พิทยาขยับเนคไทก็ยังไม่ตรง สุอาภาเดินมาตรงหน้าแล้วก็จัดเนคไทให้พิทยา พิทยาอึ้งมองหน้าเธอ สุอาภาขยับเนคไทจนตรงก็ถอยออกมา
“โอเคแล้ว นายรีบไปทำงานเถอะ”
สุอาภาพูดแล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่บ้าน พิทยามองตามสุอาภา
“คุณแตครับ เย็นนี้...รอผมทานข้าวด้วยนะครับ”
สุอาภาชะงักไปนิดนึง ลึกๆก็ดีใจแต่ทำนิ่งไม่แสดงออก ได้แต่พยักหน้าแทน เธอหันหลังเดินออกไป เขายิ้มออกมา..แล้วก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ ขับรถออกไป
ไม่นานสุอาภาที่หลบอยู่หลังกำแพงโผล่หน้าออกมามองตามพิทยา และยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี
วันเดียวกัน เวลากลางวัน ภูวดลกลับเข้ามาในบ้านเจอศรีพิไลรออยู่ ก็ผงะ
“คุณแม่”
“หายไปไหนมาทั้งคืน!”
“เมื่อคืนผมปาร์ตี้หนักไปหน่อย ขับรถกลับไม่ไหวก็เลยนอนค้างที่คอนโดฯครับ”
“ตั้งแต่ลูกออกจากโรงพยาบาล ลูกไม่เคยอยู่ติดบ้านเลยนะ”
“คนเรามันก็ต้องออกไปหาความสุขกันบ้างสิครับคุณแม่”
“แม่เข้าใจ...แต่อีกไม่นาน ลูกก็ต้องหมั้นกับหนูรวี เลิกทำตัวสัมมะเลเทเมาแบบนี้ซักที ถ้าคุณพ่อรู้เข้า แม่ก็ช่วยอะไรลูกไม่ได้”
ภูวดลชะงัก
“นี่ผมยังต้องหมั้นกับคุณรวีอีกเหรอครับ”
ศรีพิไลงง
“ก็ต้องหมั้นสิ เราประกาศสื่อออกไปชัดเจนขนาดนั้น”
“ผมว่าเรื่องนี้เราต้องคุยกันนะครับ ผมยังไม่พร้อม!”
ศรีพิไลหน้าเหวอ ภาสันต์เดินออกมาหลังจากได้ยินทุกอย่าง
“ไม่พร้อม แกก็ต้องพร้อม!”
ภูวดลกับศรีพิไลหันไปทางภาสันต์
“แกรู้มั้ยว่าคุณย่าไปเป็นผู้ใหญ่ให้ไอ้พิทยาตอนมันแต่งงาน”
ภูวดลกับศรีพิไลตกใจ
“ทำไมคุณแม่ทำแบบนั้น”
“ก็เพราะคุณแม่ยังปักใจเชื่อว่ามันเป็นหลานในไส้ยังไงล่ะและนั่นก็เป็นเพราะแกที่ไม่เอาไหน ถ้าแกไม่ทำอะไรซักอย่างมีหวังคุณย่าได้ยกสมบัติทั้งหมดให้ไอ้พิทยามันแน่”
ศรีพิไลหน้าตาตื่นบอก
“ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม”
“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้! ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ลูกชายคุณคนเดียว แกต้องแต่งงานกับหนูรวี! เพื่อให้คุณย่าเห็นว่าแกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ภูวดลเงียบกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ
ภาสันต์จ้องหน้าภูวดล
“แกต้องแต่งงานกับหนูรวีพรรณ ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเคยได้จากฉัน แกจะไม่ได้ซักแดง”
ภาสันต์พูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้ภูวดลยืนโมโหและเสียใจ ศรีพิไลหันมาทางลูกชายมองด้วยความสงสารแล้วจับแขนปลอบใจ ภูวดลสะบัดแขนออกจากแม่แล้วจ้ำเดินออกไป
“พ่อดล!”
ศรีพิไลรีบตามภูวดลออกไป
ภูวดลเดินหัวฟาดหัวเหวี่ยงเข้ามาในห้องนอน ศรีพิไลเดินตามเข้ามา
“แม่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูก ทำไมลูกถึงไม่ยอมหมั้น ทั้งๆที่แม่เห็นว่าลูกก็เข้ากันได้ดีกับหนูรวี”
“ผมยอมรับว่าผมถูกใจคุณรวี เพราะเธอแปลกไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผมเคยเจอ มันทำให้ผมรู้สึกท้าทาย อยากค้นหา แต่ถ้าแม่ต้องให้ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้ไปตลอดชีวิต ผมไม่ครับ”
ศรีพิไลนิ่วหน้าถาม
“แม่ไม่เข้าใจ ในเมื่อลูกถูกใจแล้วทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“คำว่าถูกใจของผม ไม่ได้แปลว่าผมรักคุณรวีนะครับแม่ ชีวิตมันก็เหมือนการปรุงอาหาร ผู้หญิงก็เป็นเหมือนเครื่องปรุงรส...อาหารจะอร่อยก็ต้องใส่เครื่องปรุงหลายชนิด คุณแม่เข้าใจที่ผมพูดใช่มั้ยครับ”
ศรีพิไลตกใจ
“หมายความว่าลูกคิดเล่นๆกับหนูรวีเค้างั้นเหรอ ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นรมณีได้ถอนหงอกแม่แน่”
“คุณแม่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่หมั้นกับคุณรวีหรอกครับ ยังไงผมก็ต้องหมั้นเพราะพ่อให้ทางเลือกทางผมแค่ทางเดียว แต่ผมขอบอกคุณแม่ตรงนี้เลยนะครับว่าผมก็ยังจะใช้ชีวิตของผมตามเดิม”
ศรีพิไลตกใจสุดๆ ภูวดลสีหน้าร้ายกาจหันไปทางอื่น
สุอาภากำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ แล้วก็เหลือบไปเห็นเสื้อยืดตัวหนึ่งแขวนอยู่ สุอาภารู้สึกคุ้นตามาก เข้าไปดึงเสื้อตัวนั้นออกมา เห็นว่าทั้งเก่าทั้งซีด ลายบนเสื้อก็จาง แต่สุอาภาก็ยังจำได้ดี
“ยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอ”
สุอาภาคิดย้อนกลับไป
ในอดีต มุมหนึ่งในบ้าน สมัยที่สุอาภาและพิทยายังอยู่ในวัยมัธยม เธอยื่นกล่องของขวัญให้เขา
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์”
พิทยายิ้มดีใจรีบกล่องมาจากสุอาภา
“แกะเลยสิ แตอยากรู้ว่าพิทชอบรึเปล่า”
เขายิ้มแล้วแกะกล่องของขวัญ เป็นเสื้อใหม่เอี่ยมตัวเดียวกัน เขายิ้มกว้าง
“พี่ชอบมาก ขอบใจนะจ๊ะ พี่ใส่เลยนะ”
สุอาภาพยักหน้า แล้วพิทยาก็ใส่เสื้อทับตัวที่ใส่อยู่
“พอดีเลยอ่ะ”
สุอาภากับพิทยายิ้มให้กัน
สุอาภามองเสื้อแล้วก็ยิ้มออกมา...ก่อนจะเอาเสื้อมากอดแน่น ด้วยความคิดถึงคืนวันเก่าๆ พลันเสียงกดออดดังขึ้น สุอาภาแปลกใจว่าใครมา?!
สุอาภาเปิดประตูบ้าน เห็นบวรกับวรรณวดียืนอยู่และพูดขึ้นพร้อมกัน
“เซอร์ไพร์ส!”
สุอาภาดีใจมาก
“พี่ใหญ่ พี่ต่าย!”
สามพี่น้องกอดกันแน่น
ที่บ้านพิทยา วรรณวดีกำลังล้างจานในซิ้งค์แล้วหันมาทางสุอาภาที่ยืนอยู่ตรงข้าม บวรยืนเปิดตู้เย็นอยู่ด้านหลัง
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เคยได้ยินมั๊ยจ๊ะ”
“อย่าเพิ่งบ่นสิคะพี่ต่าย แตกะว่าจะทำอยู่แล้ว”
“คิดได้แบบนั้นก็ดีเพราะมันคือหน้าที่ของศรีภรรยาที่ดี”
“พี่ต่ายอย่าใช้คำนี้กับแตเลยนะคะ แตยังไม่ชิน มันแปลกๆ”
บวรหันมาพร้อมปิดตู้เย็นบอก
“ไม่ชินก็ต้องหัดให้ชิน เพราะตอนนี้แกคือ นาง สุอาภา พิพัฒนะ”
สุอาภาคว้าส้มบนโต๊ะโยนใส่ บวรรับหมับ นำมาแกะแต่แกะไม่ได้
“ขอบใจ กำลังหิว เฮ้ย! ส้มปลอมเหรอวะ”
“เยส...”
“บ้านแกนี่มันไม่มีอะไรกินเลยซักอย่าง”
“บ้านพิทไม่ใช่บ้านแต”
“บ้านผัวก็เหมือนบ้านเมียนั่นแหละ”
“พี่ใหญ่”
บวรกับวรรณวดีหัวเราะ พลันเสียงกดออดดังขึ้นอีก สามคนหันไปมอง
ประตูบ้านถูกเปิดออกอีกครั้ง นพยืนยิ้มพร้อมถือถุงของสด
“เซอร์ไพร์ส!”
นพผงะแล้วหุบยิ้มแทบไม่ทันที่เห็นบวรกับวรรณวดียืนอยู่กับสุอาภาด้วย
“เจ้าใหญ่ เจ้าต่าย!”
สองพี่นอ้งพูด “เซอร์ไพร์ส!” ขึ้นพร้อมกัน
นพมองบวรกับวรรณวดีแล้วหรี่ตาด้วยความสงสัย
บนโต๊ะอาหาร นพเอาถุงของสดวางบนโต๊ะ หันไปทางลูกๆ
“เราสองคนมาที่นี่ทำไม”
“แล้วป๋ามาทำไม”
นพอึกอัก
“เออ...ป๋า ป๋าบังเอิญผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมาดู”
“บังเอิญผ่านมา แล้วก็บังเอิญซื้อของมาด้วยเหรอคะ มีแต่ของสดทั้งนั้น” วรรณวดีว่า
นพทำหน้าตายบอก
“ก็ใช่น่ะสิ ป๋าซื้อมาจะเอาไปทำให้พวกเราทานนั่นแหละ แต่เผอิญผ่านบ้านพิทก่อน”
“อ๋อ” สองพี่น้องมองนพอย่างรู้ทัน
นพรีบเปลี่ยนเรื่อง
“นี่ๆ ไม่ต้องรุมป๋าเลยนะ เราสองคนยังไม่ตอบป๋าเลยว่ามาที่นี่ทำไม”
“ผมกับต่ายก็บังเอิ๊ญบังเอิญผ่านมาเหมือนป๋านั่นแหละครับ” บวรบอก
นพมองบวรกับต่ายรู้ทัน
“อ๋อเหรอ”
“จะทำฟอร์มใส่กันทำไมคะ ห่วงแตก็บอกมาเหอะ” สุอาภาบอก
ทุกคนถาม “ใครห่วง”
สุอาภาชะงัก
“พวกเราเป็นห่วงพิทมากกว่า กลัวแกจะโขกสับใช้งานเค้าถึงต้องมาดูให้เห็นกับตา”
ต่ายกับนพพยักหน้าเห็นด้วย สุอาภาแกล้งหน้างอ
“ถ้าไม่ได้ห่วงแต งั้นก็กลับไปเลยค่ะ แตอยู่คนเดียวได้ ไม่ง้อหรอก”
สุอาภาสะบัดหน้าทำงอน นพ บวร วรรณวดีเหวอ รีบสะกิดกัน แล้วนพกับวรรณวดีก็ผลักบวรให้มายืนด้านหลังสุอาภา บวรชะงัก นพกับวรรณวดีทำหน้าแบบให้บวรพูด บวรถอนใจแล้วก็สะกิดแขนสุอาภา สุอาภาปัดมือพี่ชายออก
“แต..พวกเราล้อเล่น ที่แห่กันมาเนี่ยก็เพราะเป็นห่วงแตนั่นแหละ..อย่างอนเลยนะ ดีกันเหอะ.นะแตนะ”
บวรชูนิ้วก้อยไปข้างๆ สุอาภาหันมา
“จะให้แตคืนดีก็ได้ แต่..”
ทุกคนมองหน้าสุอาภาด้วยความสงสัย
ภายในบ้านพิทยา สุอาภากำลังแจกจ่ายงาน
“ป๋าล้างผัก พี่ใหญ่สับหมู พี่ต่ายหุงข้าว”
สามคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“รับทราบครับพ้ม!”
สุอาภาหัวเราะชอบใจ
ทุกคนช่วยกันทำอาหาร นพล้างผัก บวรสับๆๆๆหมูอย่างแรงด้วยความเมามันส์เลยเจอวรรณวดีดุใส่ บวรหน้าแหย
สุอาภาเอาพริกที่หั่นแล้วใส่ครก ก่อนจะตำๆๆ พริกกระเด็นเข้าตา..แสบ
นพเอาผักลงกะทะ น้ำมันกระเด็นโดนแขน ลูกทั้งสามคนพลอยโดนไปด้วยแล้วทุกคนก็หันมาหัวเราะให้กัน
สุอาภาจับหม้อต้มซุป แต่ร้อนมากถึงกับสะดุ้ง ต้องรีบเอามือมาจับใบหูตัวเอง
ภายในห้องครัวเล็กๆเห็นความชุลมุนวุ่นวาย ทั้ง 4 คนเบียดกัน ชนกันเป็นที่สนุกสนาน
ในเวลาเย็น พิทยากลับเข้ามาในบ้าน เห็นรองเท้าวางอยู่สามคู่ก็แปลกใจ
“ใครมา”
พิทยาเดินเข้าไปเห็นนพ บวร วรรณวดี สุอาภายกจานอาหารออกมาจากในครัวก็ผงะ
“พิท...กลับมาได้เวลาพอดี” นพบอก
พิทยาดีใจที่เห็นทุกคนที่นี่
บนโต๊ะอาหาร สุอาภา พิทยานั่งข้างเดียวกัน ตรงข้ามมีนพ บวร วรรณวดีนั่งอยู่ นพตักอาหารให้พิทยา “ผัดผักนี่ฝีมือป๋า”
พิทยากินแล้วบอก
“อร่อยมากครับ”
นพยิ้ม บวรตักหมูทอดให้พิทยา
“หมูทอดนี่ฝีมือฉัน”
“เยี่ยมเลยครับพี่ใหญ่”
บวรยิ้มยืด วรรณวดีตักน้ำซุปให้
“ต้มยำฝีมือพี่จ๊ะ”
“สุดยอดครับ แล้วจานไหนของคุณแตครับ”
สุอาภาชี้ไปที่จานๆหนึ่งสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ
“ยำวุ้นเส้น”
พิทยาตักขึ้นมา สุอาภากับคนอื่นมองลุ้น เขากินเข้าไปก็ผงะเพราะว่ามันเผ็ดมาก พิทยารีบดื่มน้ำ ทุกคนตกใจ
“เผ็ดมาก”
สุอาภาหน้าเสีย
“ไม่อร่อยใช่มั้ย ถ้างั้นก็ทิ้งเหอะ”
สุอาภาจับจานจะยกออกไปทิ้ง แต่พิทยาจับแขนเธอเอาไว้
“เผ็ด แต่อร่อยครับคุณแต...ไม่ต้องทิ้งหรอกครับ ผมจะทานให้หมดเลย”
สุอาภายิ้มออกมา นพ บวร วรรณวดีหันมาลอบยิ้มให้กัน พิทยาตักยำวุ้นเส้นทานอีก สุอาภาหันไปดึงทิชชู่ให้
“เหงื่อนายออกเต็มหน้าแล้ว”
พิทยารับกระดาษมาจากมือสุอาภาแล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าตัวเอง บวรกับวรรณวดีสะกิดกันมองทั้งคู่แล้วก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม นพมองยิ้มอย่างมีความสุข มื้ออาการมีแต่ความสุขอบอวลไปทั่วบริเวณ