xs
xsm
sm
md
lg

แรงปรารถนา ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรงปรารถนา ตอนที่ 3

จันทร์จำนงเดินเข้ามาในห้องกับพิทยา ก่อนจะหันมาถาม

“คุณคงไม่โกรธ ที่ฉันพูดตรงๆกับลูกเจ้านายคุณ”
“ไม่เลยครับ ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดแบบนั้นกับคุณแต เออ..หมายถึงคุณสุอาภาน่ะครับ”
“แสดงว่าฤทธิ์เดชไม่เบา”
“ทำนองนั้นครับ”
“ฉันสงสารคุณจริงๆ ต้องแบกทั้งงานหนัก แล้วยังต้องมาแบกคนแบบนี้เอาไว้อีก”
“ถ้าคุณนายจันทร์ไม่สะดวกใจ คราวหน้าผมจะไม่พาเธอมา”
“พามาเถอะ ชีวิตฉันจะได้มีสีสันมากขึ้น ฉันจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้คุณเอง”
พิทยานิ่งไปด้วยความแปลกใจ จันทร์จำนงยิ้ม

สุอาภาดูเวลา..สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว
“ป่านนี้ยังไม่เสร็จอีก”
สุอาภาเริ่มหงุดหงิด งุ่นง่าน ลุกขึ้นยืน แล้วก็เห็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังวิ่งเล่นอยู่สะดุดหกล้ม
“โอ๊ย”
สุอาภาตกใจมาก รีบเข้ามาดู เห็นเด็กร้องไห้ ที่เข่ามีเลือดอาบ สุอาภารีบอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วพาออกไป เด็กคนหนึ่งมองตาม
พิทยากลับมาที่สนามเด็กเล่น แปลกใจที่ไม่เห็นสุอาภา แต่เห็นเด็กคนหนึ่ง พิทยาเดินไปหา
“น้องเห็นพี่ผู้หญิงที่นั่งตรงนี้มั้ย”

ในห้องพยาบาล เด็กร้องไห้ พยาบาลกำลังทำแผล สุอาภากอดเด็กเอาไว้
“ไม่ต้องร้องนะ ทนเจ็บแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หาย”
เด็กเจ็บมาก กอดสุอาภาแน่น สุอาภากอดเด็กด้วยความสงสาร
พิทยาเห็นสุอาภากับเด็กก็ผงะ มองเธออย่างรู้สึกดี แล้วสุอาภาก็หันมาเห็น พิทยารีบปรับสีหน้าแทบไม่ทัน

สุอาภาเดินออกมาหาพิทยาที่รออยู่
“ไม่นึกว่าจะเล่นบทนางฟ้ากับเค้าเป็นด้วย”
“ฉันไม่ได้เล่น ฉันเป็นอยู่แล้ว”
พิทยาแทบสำลัก
“คุณนายจันทร์ชวนทานข้าว”
“ฉันไม่...”
พิทยาสวนทันที
“ห้ามปฏิเสธ”
พิทยาเดินไป สุอาภาเซ็ง

ภายในห้องอาหาร พิทยากับสุอาภานั่งตรงข้ามคุณนายจันทร์จำนง อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะ
“ขนมจีนซาวน้ำ ฉันสั่งให้แม่ครัวเค้าทำสุดฝีมือ เด็กอย่างคุณคงจะทานเป็น...”
“ฉันทานได้ทุกอย่างแหละค่ะ ฉันเป็นคนตามใจปาก ตามใจท้อง ไม่เคยคุม เพราะคนเราจะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ มีกินก็กินเข้าไป ตายแล้วกินอะไรก็ไม่ได้ ไม่รู้รสอีกต่างหาก”
จันทร์จำนงมองนิ่งรู้สึกได้ทันทีว่า สุอาภาเป็นคนตรงๆไม่เสแสร้ง พิทยาผงะกับคำพูดของสุอาภาเลยเอาศอกสะกิดแขนสุอาภา
“คุณแต...”
“อะไร”
“ทำไมพูดจาแบบนี้”
“ฉันพูดความจริง ท่านชอบคนจริงจังไม่ใช่เหรอคะ”
จันทร์จำนงแทบสำลักเมื่อคำพูดของตัวเองถูกใช้คืนสนอง
พิทยารีบหันมาทางจันทร์จำนงบอก
“ผมขอโทษด้วยนะครับ คุณแตเธอจบนอก เลยไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาทซักเท่าไหร่”
สุอาภาโมโหเลยพูดประชด
“ใครจะเหมือนนายล่ะ ดีจนหาข้อบกพร่องไม่เจอ”
พิทยาจะอ้าปากพูด สุอาภาเลยเอาช้อนตักขนมจีนยัดเข้าปากพิทยาทันที พิทยาแทบสำลัก

จันทร์จำนงมองพิทยากับสุอาภาอย่างจับสังเกตแล้วก็รู้สึกสงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี้

พิทยากับสุอาภาไหว้ลา จันทร์จำนงรับไหว้

“ถ้าได้ตัวอย่างวัสดุที่คุณนายต้องการแล้ว ผมจะรีบเอามาให้ดูนะครับ”
“แค่นี้ไม่ต้องกวนเธอหรอก ให้คุณสุอาภาเอามาให้ฉันก็ได้”
สุอาภาหน้าเหวอไปทันที
“ฉันเหรอคะ”
“หรือว่า...คุณสุอาภาไม่รู้เรื่องวัสดุ”
พิทยาจะบอกว่าสุอาภาไม่รู้ แต่สุอาภาอวดดีกลัวเสียฟอร์ม
“รู้ค่ะ เรื่องวัสดุนี่ฉันถนัด”
จันทร์จำนงพยักหน้าบอก
“งั้นเธอก็คงเป็นมืออาชีพจริง...ฉันไปล่ะ”
สุอาภางงมาก หันไปทางพิทยา
“ฉันนึกว่าเค้าเกลียดฉันซักอีก”
พิทยายิ้มๆไม่ตอบอะไร เพราะรู้ว่าจันทร์จำนงคิดจะทำอะไร

พิทยาขับรถ แต่ขับช้า จนสุอาภาหงุดหงิดรำคาญและเริ่มสั่ง
“แซงขวาขึ้นไปสิ ขับตามมันทำไมเนี่ย ออกได้แล้ว ออกออก ดูเดะ... ออกไม่ได้แล้ว”
“ผมเป็นคนขับนะคุณ ผมรู้ว่าควรทำยังไง”
สุอาภาหัวเสีย สุดทน เสียงดังบอก
“จอด ฉันบอกให้จอด”
พิทยาเอารถจอดเข้าข้างทาง แล้วหันมา
“ถ้าไม่พอใจ ก็เรียกแท็กซี่กลับเองไป”
“นายนั่นแหละลงไป”
พิทยาเหวอ สุอาภาดันพิทยา
“ลงไปสิ”
พิทยาไม่ลง สุอาภาปีนเข้ามาจะทับตัวพิทยา เขาตกใจรีบเปิดประตูรถลงไป แล้วสุอาภาก็เข้ามานั่งแทนที่คนขับ
“คุณจะทำอะไร”
“ฉันขับเอง ขึ้นรถ”
พิทยาอึ้งและงงมาก

รถพิทยาแล่นมาบนถนนด้วยความเร็วสูง สุอาภาขับรถแซงคันโน้น ปาดคนนี้ จนเสียวไส้
“รถผม ไม่ใช่รถสปอร์ตเหมือนรถคุณนะ ช้าหน่อยก็ได้”
สุอาภาไม่สนใจ ยิ่งเหยียบคันเร่ง รถคันหน้าขับช้า สุอาภาเปิดไฟเลี้ยวขอทาง แต่รถข้างๆไม่ให้ จี้จนเกือบชนรถพิทยา สุอาภารีบหักหลบ แล้วก็โมโห
“แค่นี้ก็ไม่ให้ ขี้งก”
สุอาภาแซงสำเร็จ แล้วก็ขับจี้คันที่ไม่ให้ทางเธอ พิทยาชักใจคอไม่ดี
“ระวังหน่อยสิ รถผมนะ”
“เงียบเหอะน่า”
สุอาภาแซงรถคันที่ไม่ให้ทาง แล้วก็ปาดหน้า รถคันนั้นไม่ยอม แซงมาปาดหน้าสุอาภาเอาคืน
พิทยาตกใจ สุอาภาโมโหมาก
“ไอ้บ้า!”
รถสุอาภาแล่นตามรถคันนั้นไปติดๆ รถคันนั้นขับไม่ให้สุอาภาแซง
“มันจงใจแกล้งฉันชัดๆ ไม่รู้จักฉันซะแล้ว”
สุอาภาเหยียบคันเร่งจมมิด แต่ก็ยังแซงไม่ได้
“นี่ถ้าเป็นรถฉัน ป่านนี้แซงมันได้แล้ว”
พิทยาเซ็งมาก สุอาภาขับไล่บี้มันไปใกล้ๆ แล้วก็ตัดสินใจเบนออกมาขนาบข้าง หันไปมองรถข้างๆ เปิดกระจก ท้าทาย พิทยาอยากจะบ้า...มือจิกเบาะด้วยความกลัว แล้วพิทยาก็เห็นว่ามีการทำถนนด้านหน้า
“คุณแต! ระวัง”
สุอาภาหันไปเห็นกรวยตั้งอยู่ด้านหน้าก็ตกใจ รีบหักหลบ ทำให้ชนท้ายคันนั้นเต็มๆเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พิทยาตัวโยน มือถือหล่นจากกระเป๋ากางเกงโดยที่พิทยาไม่รู้ตัว
รถสองคนจอดอยู่กลางถนน
ภายในรถ...พิทยากับสุอาภาหน้าตื่น โดยเฉพาะสุอาภา พิทยาได้สติคนแรกหันไปจับไหล่สุอาภาเป็นห่วงมาก
“คุณแต คุณเป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ตรงนี้”
สุอาภาจิ้มที่หน้าอกตัวเอง พิทยาหน้าแดงซ่าน ไม่นึกว่าสุอาภาจะกล้าบอก
“มันกระแทกพวงมาลัย อกฉันยุบหมดแล้วมั๊งเนี่ย ยิ่งมีน้อยๆอยู่”
พิทยาอึ้งกับสิ่งที่สุอาภาพูด

กลางถนน คู่กรณีกำลังดูรอยชนที่ท้ายรถตัวเอง ก่อนจะหันไปทางพิทยากับสุอาภา
“รถผมยับหมดแล้ว”
“สมน้ำหน้า ขับซะกลางถนน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของถนนเหรอไง”
พิทยาตกใจรีบสะกิดสุอาภา
“คุณแต!”
สุอาภาไม่สน
“ฉันขอแซงแล้วไม่ยอมให้แซง มันก็ช่วยไม่ได้”
คู่กรณีโมโหมากบอก
“คุณผิด”
พิทยารีบกันสุอาภาออกทันที แต่สุอาภาก็ยังยื่นหน้ายื่นตาออกมาแบบไม่กลัว
“ผิดไง”
“ชนท้าย ไงก็ผิด”
สุอาภาหัวเสียมากถาม
“จะเอาเท่าไหร่”
พิทยาอึ้ง คู่กรณีไม่พอใจ
“หมื่นนึงพอมั้ย”
คู่กรณีฉุน
“เอะอะก็เอาเงินฟาดหัว มีมากนักเหรอไงวะ หรือว่าหาเงินได้ง่าย แค่ไปนอน..”
สุอาภาปรี๊ดแตก พิทยาเองก็ผงะไม่นึกว่าไอ้หมอนี่จะกล้าพูด
“แก!”
สุอาภาพุ่งเข้าไปตบหน้าคู่กรณีเพียะ!! พิทยาตกใจมาก...รีบจับตัวสุอาภาห้ามเอาไว้
“คุณแต...อย่า!”
“ก็ดูมันพูดถึงฉันสิ”
“อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงนะเว๊ย!”
คู่กรณีจะเข้ามาเอาเรื่อง คราวนี้พิทยาเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ต่อยเปรี้ยง!! จนมันหน้าหันเลือดกลบปาก

สุอาภาตกใจ พิทยามองคู่กรณีด้วยความโกรธ

รวีพรรณ รมณี ณรงค์นั่งอยู่ในร้านอาหาร นาฬิกาแขวนผนังในร้านบอกเวลาหกโมงเย็น รมณีหน้าตึงมาก รวีพรรณใจคอไม่ดี

“พิทคงกำลังมาน่ะค่ะ รถอาจจะติด”
รมณีกับณรงค์ไม่พอใจ รวีพรรณกังวลใจ กดส่งเมสเสจให้พิทยา

บนสถานีตำรวจ พิทยาเซ็นต์ชื่อในใบแจ้งความ ต่อหน้าตำรวจ มีสุอาภา และคู่กรณีอยู่ด้วย
“ตกลงตัดจบที่ 5000 บาทเป็นค่ารักษาพยาบาลนะครับ”
สุอาภาไม่พอใจจะพูด พิทยาหันไปมอง ทำให้สุอาภาไม่กล้า พิทยาควักเงินออกมาจ่าย
“แล้วก็เสียค่าปรับอีก 300 บาทด้วยครับ”
สุอาภาเอาเงินออกมาจ่ายตำรวจ คู่กรณียิ้มสะใจ

พิทยาเร่งฝีเท้าเดินออกมา มีสุอาภาเร่งเดินตามมาข้างๆ
“พิท...เงินที่นายเสียไป ฉันจะจ่ายคืนให้”
“ไม่ต้อง” พิทยาเสียงห้วน
สุอาภาผงะไปนิดนึง พิทยามาถึงรถ เอากุญแจมากดเปิด แล้วก็เห็นมือถือตัวเองที่หล่นอยู่บนเก้าอี้ เขาหยิบมือถือขึ้นมา เห็นรวีพรรณโทรเข้ามาหลายครั้ง แล้วก็มีข้อความฝากไว้ พิทยารีบกดเปิด
“พิทอยู่ไหนแล้วคะ”
พิทยาเซ็งมาก แล้วก็รีบโทรกลับหารวีพรรณ แต่เธอไม่รับสาย พิทยาหัวเสียสุดๆจนสุอาภาแปลกใจ
“นายโกรธฉันมากเหรอ”
พิทยาหันขวับมาพูดเสียงดุจนสุอาภานิ่งงันไป
“ใช่ ผมโกรธคุณ โกรธมาก วันนี้ผมมีนัดกับพ่อแม่ของรวี นี่เลทไปเกือบชั่วโมงแล้ว”
สุอาภาคิดนิดหนึ่งแล้วบอก
“ขึ้นรถ เร็วสิ เอากุญแจมาให้ฉัน ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ขับรถนายชนอีก”
พิทยามองสุอาภาอย่างลังเล

พิทยารีบเดินเข้ามาในร้านอาหารแต่ไม่เจอใครแล้ว ที่ด้านหลังสุอาภาตามมาติดๆ พิทยาเศร้ามาก หันไปบอกเธอ
“เค้ากลับกันไปหมดแล้ว”
สุอาภารู้สึกผิด
“ฉันจะไปอธิบายให้ทุกคนฟังเอง”
“ไม่ต้อง”
“ไม่ได้ ฉันเป็นต้นเหตุทำให้นายมาไม่ทัน”
“ผมพูดตรงๆ ว่าผมยังไม่ไว้ใจคุณ”
“ฉันบอกนายแล้วไงว่า ฉันเลิกล้มความคิดที่จะทำให้นายกับคุณรวีเลิกกันแล้ว ให้ฉันได้ช่วยอะไรนายบ้างเถอะ”
สุอาภาดูจริงจังและจริงใจมาก พิทยานิ่งไปซักพักแล้วก็พยักหน้า สุอาภายิ้มดีใจ

ที่ห้องรับแขก ภายในบ้าน รมณีหันมาทางรวีพรรณที่ยืนข้างณรงค์ด้วยความโกรธมาก
“แม่อุตส่าห์ยอมลดตัวร่วมโต๊ะกับมัน แต่มันกลับไม่โผล่หัวมา นี่แสดงว่ามันไม่ให้ความเคารพแม่ซักนิด มันเห็นแม่เป็นตัวอะไร”
“ปกติพิทไม่ใช่คนแบบนี้นะคะ รวีว่าพิทคงต้องติดอะไรซักอย่าง”
“ต่อให้ติดอะไรก็เถอะ แค่โทร.หรือกดส่งเมสเสจมาบอก มันจะทำไม่ได้เลยเหรอ”
รวีพรรณแก้ตัวให้ไม่ถูก
“จะไม่มีการให้โอกาสนายพิทยาอีกเป็นครั้งที่สอง!”
รวีพรรณหน้าเสีย พูดไม่ออก พลันเสียงกดออดดังขึ้น ณรงค์ รวีพรรณ รมณีหันไปที่ประตูรั้วบ้าน
เห็นพิทยาอยู่ที่หน้าประตูรั้วก็ตกใจ รวีพรรณขยับจะออกไป
“ไม่ต้องไปเปิดประตูให้มัน” รมณีบอก
“แม่...”
“แล้วต่อไปนี้อย่าให้แม่เห็นมันมาเหยียบที่นี่อีก ขึ้นห้อง!”
รวีพรรณยังนิ่ง
“ยัยรวี!”
ณรงค์เข้ามาจับแขนลูกสาว
“ทำตามที่แม่เค้าบอก”
รวีพรรณหันไปมองพิทยาอีกครั้ง แล้วก็หันหลังเดินเข้าไป รวีพรรณกับณรงค์เดินตาม

นอกตัวบ้าน พิทยาเห็นไฟชั้นล่างบ้านรวีพรรณปิดต่อหน้าต่อตาก็ถอนหายใจ หันไปทางสุอาภาที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“กลับเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
พิทยาขึ้นรถ สุอาภามองอย่างเห็นใจ

นอกตัวบ้านสุอาภา พิทยาจอดรถ เธอหันไปทางเขาพร้อมกับจับแขนแสดงความห่วงใย พิทยาหันไปมอง
“ฉันไม่สบายใจเลยที่ทำให้นายมีปัญหากับคุณรวี ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย บอกนะ ฉันพร้อมช่วยนายทุกอย่าง”
“ขอบใจ”
สุอาภาพยักหน้า แล้วลงจากรถ

สุอาภาสีหน้ายังรู้สึกผิด มองตามรถพิทยาที่แล่นออกไป แต่ทันทีที่รถพิทยาแล่นออกไปนอกบ้านแล้ว สุอาภาก็หน้าร้ายขึ้นมาทันที
“คิดว่าฉันจะหวังดีกับนายจริงๆเหรอ นายก็ยังโง่เหมือนเดิม”
สุอาภายิ้มพร้อมยักไหล่แล้วก็ฮัมเพลงอย่างอารมณืดีเดินเข้าไปในบ้าน

เวลาต่อเนื่องมา พิทยาเปิดไฟ เดินเข้ามาในห้องนอนอย่างคนหมดเรี่ยวหมดแรง นั่งลงที่โต๊ะทำงาน ครุ่นคิด แล้วก็ตัดสินใจเปิดโน๊ตบุ๊ก ก่อนจะพิมพ์ อีเมล รวีพรรณลงไปในช่อง “raweepan@yahoo.com….”

วันถัดมา รวีพรรณกำลังอ่านอีเมลที่เขาส่งมาจากทางไอโฟน แล้วก็นึกเป็นห่วงพิทยาขึ้นมา
“พิท...”

นอกตัวบ้านพิทยาในเวลาเช้า พิทยายืนอยู่กับสุอาภา และช่างซ่อมรถ
“ฉันจะให้ช่างเอารถนายไปซ่อม”
“ไม่เป็นไร วันนี้ผมว่าจะเข้าอู่อยู่แล้ว”
“ไม่ต้องเลย เรื่องเมื่อวานเป็นความผิดของฉัน เพราะฉะนั้นฉันต้องรับผิดชอบ ขอกุญแจ”
พิทยาถอนหายใจแล้วก็ส่งกุญแจรถให้ เธอหันไปให้ช่าง
“เอารถไปเลย”
ช่างรับคำแล้วขับรถพิทยาออกไป
“ต่อจากวันนี้ไป ฉันจะเป็นคนมารับมาส่งนายเอง”
“ผมเรียกแท็กซี่มารับได้”
“นั่งแท็กซี่ทุกวัน เปลืองตาย ช่วงนี้นายต้องเก็บเงินไว้ เพราะท่าทางเงินจะเป็นปัจจัยเดียวเท่านั้นที่ทำให้แม่กับพ่อคุณรวียอมรับในตัวนาย”
พูดเรื่องนี้แล้วพิทยาก็เครียด สุอาภาเห็นพิทยาไม่ค่อยดีเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย นายมีอะไรกินมั้ย”
พิทยามองหน้าสุอาภา

บนโต๊ะอาหาร ภายในบ้าน พิทยาเอาข้าวต้มกับกับข้าวมาวางตรงหน้า มีไข่ต้มกับผักกาดดอง
“ผมมีกับข้าวแค่นี้แหละ”
“แค่นี้ก็หรูแล้ว”
พิทยาเอาไข่แดงออกให้ แล้วตักไข่ขาวใส่จานอีกใบให้สุอาภา เธอชะงัก คิดไม่ถึงว่าพิทยาจะจำได้
“นายยังจำได้อีกเหรอว่าฉันกินแต่ไข่ขาว”
“ทำไมจะจำไม่ได้ เพราะทุกครั้งผมต้องเป็นคนกินไข่แดง”
พิทยาก้มหน้ากินข้าว สุอาภามองพิทยาอึ้งไป แล้วก็กินข้าว เขานึกอะไรออก หันไปคว้าแม็กกี้มาให้สุอาภา
“อีกอย่างที่คุณขาดไม่ได้”
สุอาภาอึ้งอีกหน พิทยาก้มหน้ากินข้าวต่อ สุอาภานิ่งไปพักแล้วก็เปิดฝาแม็กกี้แต่เปิดไม่ออก..เลยดึงอย่างแรงทำให้แม็กกี้ระชอกใส่เสื้อเต็มๆ สุอาภาผงะ พิทยาเงยหน้ามองก็ชะงัก
“เสื้อฉัน!”
สุอาภาถอนหายใจ

ภายในห้องนอน พิทยาเอาเสื้อเชิ้ตมาให้สุอาภา
“เดี๋ยวคุณเอาเสื้อมาให้ผม ผมจะรีบซักให้”

สุอาภาพยักหน้า แล้วพิทยาก็เดินออกไป สุอาภารีบปลดกระดุมถอดเสื้อ

เวลาผ่านไปอีกเล็กน้อย รวีพรรณขับรถมาจอดหน้าบ้านพิทยา...เธอหันไปมองที่ตัวบ้านเห็นรถสุอาภาจอดอยู่ข้างใน รวีพรรณแปลกใจ

“ใครมาแต่เช้า”

ที่หลังบ้าน พิทยารับเสื้อมาจากสุอาภา
“ขอบใจนะ”
พิทยาแปลกใจที่สุอาภาเปลี่ยนไปมาก มีคำ “ขอบคุณ” ที่เขาไม่เคยได้ยินบ่อยนัก พิทยาไม่ได้พูดอะไร หันไปเอาเสื้อใส่ลงในกะละมัง เธอเดินออกไป แล้วก็หยุด..ลังเล หันมาแอบดูเห็นพิทยาซักเสื้อให้ด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง

ภายในบ้าน สุอาภากำลังดูรูปพิทยากับรวีพรรณที่วางโชว์บนชั้น... แล้วก็เบ้หน้าหมั่นไส้ พลันเสียงกดออดดังขึ้น
สุอาภาหันไปเห็นรวีพรรณยืนอยู่หน้าประตู...ก็ชะงัก ครุ่นคิด แล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาในทันที

รวีพรรณยืนรอที่หน้าประตูรั้ว สุอาภาที่ใส่เสื้อเชิ้ตของพิทยา ปลดกระดุมหนึ่งเม็ดให้คอกว้างๆ ผมยุ่งนิดๆพอให้เซ็กซี่เดินออกมาเปิดประตู ... รวีพรรณผงะ รู้สึกชาไปทั้งตัว
รวีพรรณพึมพำแทบจะไม่มีเสียงออกมา
“คุณสุอาภา!”
สุอาภาแสร้งยิ้มจริงใจ
“มอร์นิ่งค่ะคุณรวี...”
พิทยาเดินออกมาไม่เห็นสุอาภาก็แปลกใจ พิทยามองหา...แล้วก็เห็นสุอาภายืนหันหลังอยู่กับรวีพรรณที่นอกตัวบ้าน พิทยาแทบช็อก รีบเดินออกไปทันที

พิทยารีบเดินออกมา สุอาภาหันไป รวีพรรณหันมามองพิทยาที่หน้าตาตื่นมาก
“พิทมาพอดี...งั้นแตกลับเลยนะคะ ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ”
สุอาภายิ้มแหย่ พิทยาแปลกใจมากที่สุอาภาไม่ป่วนเหมือนทุกครั้ง
“เสื้อฉันไว้ที่นายก่อนก็แล้วกัน ฉันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน แล้วค่อยเข้าออฟฟิศ”
สุอาภาหันไปทางรวีพรรณ
“ถ้าไงวันนี้ฝากคุณรวีไปส่งพิทด้วยนะคะ”
รวีพรรณยิ้มรับแบบฝืนๆยังทำหน้าไม่ถูก สุอาภาเดินออกไป พิทยาหันไปมองรวีพรรณลุ้นว่ารวีพรรณจะโกรธเค้ารึเปล่า

ภายในห้องรับแขก พิทยามองหน้ารวีพรรณด้วยความประหลาดใจ
“คุณแตอธิบายทุกอย่างให้รวีฟัง”
“ค่ะ เค้ายังบอกอีกด้วยว่าเรื่องระหว่างเค้ากับคุณไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้ามีอะไรอยากให้เค้าช่วย เค้าก็พร้อมที่จะช่วยเราทุกอย่าง”
พิทยาฟังแล้วก็ระแวงขึ้นมาทันที

ภายในห้องทำงาน พิทยาใช้แมคบุ๊กทำการวาดแบบตึก ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
สุอาภาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกาแฟ พิทยาหันไปมอง
“ฉันซื้อกาแฟมาฝาก”
สุอาภาวางกาแฟบนโต๊ะ พิทยาหรี่มองสุอาภาด้วยความระแวดระวังจนเธอรู้สึกได้
“ไม่ได้ใส่ยาพิษให้นายกินหรอก ไม่ต้องห่วง”
“ผมไม่ได้กลัวคุณใส่ยาพิษ”
สุอาภายิ้มกำลังจะเดินออกไป พิทยารีบเรียกเอาไว้
“เดี๋ยว!”
สุอาภาหยุดหันมา พิทยาลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าสุอาภา
“ผมไม่รู้นะว่าที่คุณดีกับผม เป็นเพราะคุณแกล้งทำ หรือว่าคุณรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”
สุอาภาพยายามนิ่งไม่แสดงออกใดใด
“ถ้าเป็นอย่างหลัง ผมก็ขอบคุณ แต่ถ้าเป็นอย่างแรก ผมบอกได้เลยว่าคุณกำลังเสียเวลา ผมกับรวีไม่มีทางเลิกกัน และอย่าพยายามฝืนเป็นในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น”
สุอาภาถึงกับอึ้ง...ไปไม่ถูก พิทยาพูดจบก็เดินกลับไปนั่ง เธอมองเขาด้วยความไม่พอใจอย่างแรง

ภายในห้องน้ำหญิงในออฟฟิศรวีพรรณ พนักงานคนที่ 1 ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับหนังสือพิมพ์ เดินผ่านห้องน้ำห้องหนึ่งที่ปิดประตูเอาไว้ ก่อนจะมาหาพนักงาน2 ที่ยืนแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก เธอยื่นหนังสือพิมพ์ให้เพื่อน
“แกเห็นข่าวนี้ยัง”
พนักงานคนที่ 2ที่แต่งหน้าอยู่หันมามองหนังสือพิมพ์แล้วบอก
“นี่มันแฟนคุณรวีพรรณ”
“ใช่น่ะสิ...สุอาภา คุณหนูจอมซ่าส์ วีนแตกกลางถนน แต่ครั้งนี้มีบอดี้การ์ดสุดหล่อมาคุมเข้มอย่างใกล้ชิด”
“คราวที่แล้วเค้าก็เป็นข่าวด้วยกันครั้งนึงแล้วไม่ใช่เหรอ?! หรือว่าเค้าจะกิ๊กกันจริงๆ”
“มันก็ไม่แน่”
“คุณรวีพรรณสวยขนาดนี้ ยังจะปันใจไปให้คนอื่นได้อีก”
“มันสวยคนล่ะแบบนี่ยะ คุณรวีพรรณเธอสวยเย็นๆ ไม่ค่อยถึงใจ แต่คุณสุอาภา สวยร้อนเหมือนไฟ รสชาติก็คงเข็ดฟันพิลึก ฉันว่าสองคนนี้อาจจะมีอะไรที่ลึกซึ้งกันไปแล้วก็ได้”
พนักงานสองคนคุยกันเสร็จก็เดินออกไป

ไม่นานรวีพรรณเดินออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินทุกอย่างถึงกับหวั่นไหวไปเล็กน้อย

แรงปรารถนา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ในเวลาต่อมา สินีนาฎเอาหนังสือพิมพ์มาวางตรงหน้ารวีพรรณ เธอมองภาพข่าวที่ถูกแอบถ่ายกลางถนนสายหนึ่ง สุอาภายืนเอาเรื่องกับคู่กรณี โดยมีพิทยายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสุอาภากับคู่กรณี พิทยายกมือห้าม หันไปทางสุอาภา

รวีพรรณเงยหน้ามองสินีนาฎด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“คุณสุอาภาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังแล้ว”
สินีนาฎอึ้ง
เค้าเล่าให้เธอฟังเอง แล้วเธอก็เชื่อเค้า”
รวีพรรณพยักหน้า
“แล้วทำไมฉันต้องไม่เชื่อ”
“เพราะว่าเค้าคือยัยสุอาภาจอมแหลยังไงล่ะ เธอห้ามเชื่อคำพูดยัยนั่นเด็ดขาด ใครๆก็รู้ว่ามันคิดจะแย่งพิทไปจากเธอ อย่าทำตัวโง่ให้มันสวมเขาหน่อยเลย เธอต้องเอาคืนบ้าง”
“ฉันไม่ได้โง่ แต่ฉันเชื่อใจพิท”
“ระวังเถอะ ความเชื่อใจของเธอ มันจะทำให้เธอเสียใจ!”
รวีพรรณฟังแล้วก็นิ่ง สินีนาฎมองรวีพรรณด้วยความหงุดหงิดแล้วก็เดินออกไป
รวีพรรณค่อยๆหยิบภาพข่าวขึ้นมาดู เห็นความห่วงใยที่พิทยามองสุอาภาก็นึกถึงคำพูดของพนักงานที่เมาท์กันในห้องน้ำ
“คุณรวีพรรณเธอสวยเย็นๆ ไม่ค่อยถึงใจ แต่คุณสุอาภาสวยร้อนเหมือนไฟ รสชาติก็คงเข็ดฟันพิลึก ฉันว่าบางทีสองคนนี้อาจจะมีอะไรที่ลึกซึ้งกันไปแล้วก็ได้”
รวีพรรณสีหน้ากลัดกลุ้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลันเสียงมือถือดังขึ้น รวีพรรณหยิบออกมาพอเห็นชื่อหน้าจอก็ผงะไปด้วยความเซ็ง

ที่บ้าน รมณีกำลังดูข่าวพิทยากับสุอาภาสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“เห็นข่าวแล้วใช่มั้ย”
รวีพรรณรู้ทันทีว่าแม่โทรมาเรื่องอะไร
“ค่ะ”
“นี่ถ้าพ่อดลไม่โทรมาบอกแม่ แม่ก็คงไม่รู้ จนขนาดนี้แล้ว ยังจะปกป้องมันอีก!”
รวีพรรณชะงัก ที่รู้ว่าภูวดลเป็นคนเอาข่าวนี้มาบอก
“พิทไม่ได้ทำเรื่องเสียหายอะไรนี่คะแม่”
รมณีปิดหนังสือพิมพ์สีหน้าไม่พอใจอย่างแรง
“พูดออกมาได้ว่าไม่เสียหาย คนที่เสียหายคือแม่กับคุณพ่อ ที่เมื่อวานมันไม่มาตามนัด เพราะมันไปอยู่กับยัยสุอาภา มันเห็นความสำคัญของยัยนั่นมากกว่าลูก มากกว่าครอบครัวของเรา”
รวีพรรณได้แต่เงียบอย่างพูดไม่ออก
“ลูกควรจะฉลาดได้แล้วนะรวี ไม่ใช่ปล่อยให้โดนมันหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ เดี๋ยวพ่อดลจะรับลูกออกไปทานข้าว”
รวีพรรณผงะ
“แม่คะ”
รมณีเสียงเข้ม
“ลูกห้ามปฏิเสธ! แล้วก็จำไว้ด้วยเพราะที่แม่ทำลงไปทั้งหมด เพราะแม่หวังดี”
รมณีวางสาย รวีพรรณไม่กล้าขัดใจ

บนโต๊ะทำงานของพิทยา เขายื่นแบบวัสดุก่อสร้างให้สุอาภา
“เอาไปให้คุณนายจันทร์ที่บ้าน”
สุอาภาผงะเพราะไม่อยากไป
“นายก็ไปกับฉันสิ”
“ผมไม่ว่าง มีงานต้องเคลียร์”
“ถ้างั้นก็ให้คนอื่นเอาไป ฉันจะอยู่ช่วยนาย”
“คุณจำไม่ได้เหรอ คราวที่แล้วคุณนายจันทร์ท่านสั่งให้คุณเป็นคนเอาไป ขัดคำสั่งผู้ใหญ่ มันไม่ดี”
สุอาภาจำต้องรับมาแล้วพิทยาก็เดินออกไป สุอาภาเซ็งมาก...ไม่อยากไปเพราะกลัวจันทร์จำนง

เวลาต่อมา ภูวดลขับรถ รวีพรรณนั่งข้างๆ ภูวดลหันไปทางรวีพรรณ
“ขอบคุณนะครับที่ออกมาทานข้าวกับผม”
“คุณแม่สั่งให้ฉันมากับคุณ คุณจะพาฉันไปทานข้าวที่ไหน”
ภูวดลผงะไปด้วยความเสียหน้านิดนึง แล้วฝืนยิ้มทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“บ้านคุณย่าผมครับ เวลามีเรื่องไม่สบายใจผมจะชอบไปที่นั่น ถ้าคุณได้ไป คงช่วยให้คุณสบายใจขึ้นแน่ๆ”
ภูวดลหันไปมองรวีพรรณแล้วก็ยิ้มให้ รวีพรรณหันหน้าไปทางอื่น ภูวดลลอบมองรวีพรรณด้วยสีหน้าร้าย

ภายในห้องทำงาน พิทยากำลังร่างแบบ แต่ไม่มีสมาธิ หยิบมือถือจะโทรออกแต่ลังเล เขาถอนหายใจ พยายามจะร่างแบบต่อ แต่ก็เกิดความกังวลขึ้นมา
“จะไปทำอะไรให้คุณนายจันทร์ไม่พอใจรึเปล่า คงไม่มีอะไร อย่าคิดมาก”
พิทยาตัดสินใจก้มหน้าทำงานต่อ

ที่บ้านสวนจันทร์จำนงในเวลาต่อมา สุอาภายืนยื่นแบบวัสดุก่อสร้างให้จันทร์จำนงที่นั่งเก้าอี้ จันทร์จำนงรับแบบมาก่อนแล้วก็ตีที่น่องสุอาภาดังเพี๊ยะ!! สุอาภาสะดุ้งโหยงตกใจ..และเจ็บ
“ตีฉันทำไม”
“ใครสอนให้ยืนค้ำหัวเวลาพูดกับผู้ใหญ่”
สุอาภาไม่พอใจแต่ต้องอดกลั้น
“ไม่มีใครสอน”
“มิน่า...นั่งลง”
“ไม่มีเก้าอี้ แล้วจะให้ฉันนั่งตรงไหน”
“ไม่มีเก้าอี้ก็คุกเข่ากับพื้น”
สุอาภาผงะ จันทร์จำนงมองดุ สุอาภาไม่กล้าจำต้องคุกเข่า จันทร์จำนงก้มดูแบบ สุอาภาค้อน
“หน้างอเป็นม้าหมากรุกเชียวนะ โดนตำหนิแค่เนี้ยะ”
สุอาภาหน้าถอดสี จันทร์จำนงเงยหน้าขึ้นมา
“ท่าทางที่บ้านคงตามใจน่าดูล่ะสิ ใครขัดใจ ใครสอนอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย”
สุอาภาเงียบแต่หน้าหงิก เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันขอตัวกลับเลยนะคะ ถ้าคุณนายเลือกแบบได้แล้ว ค่อยโทรมาบอกแล้วกัน”
สุอาภาทำท่าจะลุก
จันทร์จำนงน้ำเสียงเด็ดขาดบอก
“เธอต้องรอ! จนกว่าฉันจะเลือกเสร็จ”

สุอาภาชะงักไม่กล้าลุกขึ้นจำต้องคุกเข่าต่อไป ไม่กล้าขัดคำสั่ง จันทร์จำนงลอบมองสุอาภาแล้วก็ยิ้มพอใจ

นอกตัวบ้าน ภูวดลกับรวีพรรณลงมาจากรถ รวีพรรณมองไปรอบๆ แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความชอบเลยทำให้ลืมความอึดอัดใจที่มากับภูวดล เขาเดินมายืนข้างๆ

“เป็นอย่างที่ผมบอกมั้ยครับคุณรวี”
รวีพรรณหันมายิ้ม
“บ้านคุณย่าของคุณร่มรื่นแล้วก็อากาศดีมาก ฉันชอบจริงๆด้วยค่ะ”
“ถ้าคุณรวีชอบ ผมพาคุณมาที่นี่บ่อยๆได้นะครับ”
รวีพรรณหันไปมองภูวดลแล้วยิ้มให้ก่อนจะหันไปมองต้นไม้ใบหญ้าแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด เขามองเธอที่มีสีหน้าพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามเกมที่เค้าวางเอาไว้
“คุณรวีอยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะเข้าไปดูว่าคุณย่าอยู่รึเปล่า”
“ค่ะ”
ภูวดลเดินเข้าไปข้างใน รวีพรรณหันไปชมนกชมไม้ต่อสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น

สุอาภาเหน็บกินเท้าเพราะคุกเข่านาน เริ่มจะไม่ไหว ยุกยิกไปมา เหล่มองจันทร์จำนงที่ยังก้มหน้าดูแบบ ก็ค่อยๆหย่อนก้นจะนั่ง แต่จันทร์จำนงเงยหน้าขึ้นมา
“ฉันเลือกเสร็จแล้ว”
สุอาภาตกใจเลยเสียหลักเซ..ล้มตัวกระแทกไปบนพื้น จันทร์จำนงตกใจ
“อุ๊ย!”
“ซุ่มซ่ามจริง”
สุอาภาลุกขึ้นมาคุกเข่า
“ก็คนไม่เคยนั่งคุกเข่านานๆนี่คะ”
“เถียงคำไม่ตกฟาก”
“ไม่ได้เถียงค่ะ เค้าเรียกว่าชี้แจง”
“แบบนี้เค้าเรียกว่าเถียง ผู้ใหญ่พูดอะไรก็ต้องฟัง เพราะมันคือคำสอน”
“แต่บางครั้งผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไปนะคะ”
“ชาติก่อนเกิดเป็นหอยตลับรึไง”
“มันเกี่ยวไรกับหอยตลับ”
เคยเห็นหอยตลับมั้ย”
สุอาภาพยักหน้าแต่ก็แปลกใจ
“ก็อ้าปากตลอดเวลายังไงล่ะ ลองเงียบให้ฉันดูซักสามนาทีสิ ว่าจะทำได้มั้ย”
สุอาภาหน้างอ จันทร์จำนงอมยิ้มแล้วก็รีบเก็กหน้าดุ
“ฉันเอาปากกาขีดหน้าแบบที่ฉันเลือกเอาไว้แล้ว”
สุอาภารับแบบมาจากจันทร์จำนงและไม่พูดอะไร
“เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า”
สุอาภาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ผู้ใหญ่ถามก็ต้องตอบ ไม่ใช่พยักหน้า”
สุอาภาถอนหายใจแล้วก็เอากระดาษกับปากกาออกมา..จดบางอย่างก่อนจะยื่นให้จันทร์จำนง
จันทร์จำนงอ่าน
“คุณนายสั่งให้ฉันเงียบสามนาที ลืมไปแล้วเหรอคะ”
จันทร์จำนงชะงักมองสุอาภาที่สีหน้ากวนก็คิดสั่งสอน
“คุกเข่ารอฉันตรงนี้ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“คุณจะไปไหน”
จันทร์จำนงไม่ตอบเดินออกไปเลย สุอาภาไม่พอใจมาก
“เรื่องไรจะคุกเข่ารอ เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”
สุอาภาจะยืนแต่เซจะล้ม ภูวดลรีบเข้ามาโอบเอวประคองตัวสุอาภาเอาไว้พอดี เธอหันไป จมูกเกือบชนจมูกภูวดล ทั้งคู่ต่างชะงักงันกันไป
“คุณสุอาภา”
“คุณภูวดล”
ภูวดลมองสุอาภาด้วยความชอบใจแล้วก็ยิ้มมุมปาก เธอเห็นสายตาของภูวดลก็รู้สึกไม่ไว้ใจ
“ปล่อย ฉันยืนเองได้”
ก่อนปล่อยมือจากสุอาภา ภูวดลใช้ปลายนิ้วลูบหลังสุอาภาเบาๆแล้วก็ดึงมือกลับออกมา เธอรู้สึกหวาดระแวงอย่างแรงแล้วก็รีบผละออกมายืนห่างๆ

พิทยาเดินมาตามทางเห็นรวีพรรณยืนอยู่ก็แปลกใจ
“รวี”
รวีพรรณหันไปเห็นพิทยาก็ตะลึง
พิทยายิ้มกว้างดีใจรีบเดินมาหา
“รวีมาที่นี่ได้ยังไงครับ”
รวีพรรณทำหน้าไม่ถูก

ภายในห้องรับแขก จันทร์จำนงยืนอยู่กับพิทยา รวีพรรณ ภูวดล สุอาภา บรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นมาทันที
“โลกมันกลมจริงๆ คุณรวีพรรณเป็นแฟนคุณพิทยา แล้วก็เป็นเพื่อนกับพ่อดลหลานฉัน”
ภูวดลหันไปยิ้มให้รวีพรรณ พิทยาเหล่มองภูวดลอย่างไม่พอใจ สุอาภามองพิทยา รวีพรรณ และ ภูวดล อย่างจับสังเกต
สุอาภาพูดกับพิทยา
“ไหนว่าไม่ว่างมาไง”
“ผมกลัวคุณจะทำให้เสียงานก็เลยต้องมาดู”
สุอาภาเบ้หน้า รวีพรรณ ไม่พอใจที่รู้ว่าพิทยามาเพราะสุอาภา
“ไหนๆก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทานข้าวด้วยกันก่อน”
“ที่ผมมาหาคุณย่า เพราะจะมาขอข้าวทานเนี่ยแหละครับ”
จันทร์จำนงยิ้มแล้วหันไปทางพิทยา
“ขอบคุณครับ แต่...”
สุอาภารีบตอบ
“ตกลงค่ะ แตกำลังหิวพอดี ไม่เกรงใจนะคะ”
“คุณแต! เสียมารยาท”
“คนหิวนี่เสียมารยาทเหรอคะคุณนาย”
จันทร์จำนงอมยิ้มบอก
ไม่เสียหรอก อยู่ทานด้วยกันคุณพิท”
พิทยาพูดไม่ออกจำต้องรับคำ สุอาภายิ้มพอใจ..หันไปมองรวีพรรณกับพิทยาด้วยแววตาไม่หวังดี

ภูวดลเห็นแววตานั้นของสุอาภาเข้าพอดีก็พอจะรู้ว่าสุอาภากำลังคิดอะไร

บนโต๊ะอาหารเวลานั้น จันทร์จำนงนั่งหัวโต๊ะ ข้างหนึ่งมีพิทยากับสุอาภานั่งอยู่ อีกข้างเป็นภูวดลกับรวีพรรณ สุอาภานั่งตรงข้ามรวีพรรณ พิทยานั่งตรงข้ามภูวดล ทุกคนกำลังทานอาหาร บรรยากาศเงียบงัน ไม่มีใครพูดจากับใคร

แล้วจันทร์จำนงก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา โดยจันทร์จำนงหันไปทางพิทยากับรวีพรรณ
“คุณสองคนคบกันมานานเหรอยัง”
“7 ปีแล้วครับ”
สุอาภาทำเป็นตกใจ
“7 ปี?! โบราณว่าเลข 7 น่ะอาถรรพ์ จะเลิกไม่เลิกก็ตรงปีที่ 7 เนี่ยแหละ”
สุอาภาหันมองไปรวีพรรณและจับแขนพิทยา
“คงต้องหนักแน่นกันหน่อยนะคะ ฉันเป็นห่วง”
รวีพรรณไม่ค่อยพอใจแต่ไม่แสดงออก ภูวดลลอบมองสุอาภายิ้มอย่างรู้ทัน จันทร์จำนงมองพิทยา สุอาภา รวีพรรณก็รู้สึกแปลกๆ ภูวดลทำเป็นปกป้อง
“ผมว่าอย่าไปเชื่ออะไรแบบนั้นเลยครับคุณสุอาภา มันไม่ใช่ทุกคนเสมอไปหรอกครับ”
สุอาภามองภูวดลอย่างรู้ทันว่าเสแสร้ง พิทยามองภูวดลไม่ชอบใจ
“จริงอย่างที่คุณภูวดลพูด ผมกับรวีเชื่อใจกัน เพราะฉะนั้นไม่มี ใคร หรืออะไร มาทำให้ผมกับรวีเลิกกันได้หรอกครับ”
พิทยากับภูวดลจ้องหน้าท้าทาย จันทร์จำนงรู้ทันทีว่าสองคนนี้มีปัญหากันอยู่ รวีพรรณเงยหน้ามองพิทยากับภูวดลใจคอไม่ดี ภูวดลกำช้อนแน่น
สุอาภากับจันทร์จำนงเห็น แล้วเพียงไม่กี่วินาทีภูวดลก็คลายมือ และแสร้งยิ้มออกมา
“คุณเป็นคนที่น่าอิจฉามากนะครับคุณพิทยา ผมอยากหาแฟนให้ได้อย่างคุณจัง”
ภูวดลจงใจส่งสายตาหวานใส่รวีพรรณ
“ไม่รู้ว่ายังมีคนที่ทั้งสวยและแสนดีอย่างคุณรวีพรรณหลงเหลืออยู่อีกมั้ย”
รวีพรรณรีบเมินหน้าไปทางอื่นทำให้พิทยาหัวเสีย จันทร์จำนงมองภูวดลอย่างรู้ว่าคิดอะไรอยู่

หลังมื้ออาหาร ทั้งหมดเดินออกมาด้วยกัน ภูวดลหันไปทางรวีพรรณ
“เรากลับกันเลยนะครับคุณรวี”
“ผมไปส่งรวีเอง”
ภูวดลผงะ พิทยาหันไปทางรวีพรรณ
“รวีกลับกับพิทเองค่ะ ขอบคุณคุณภูวดลมากนะคะ”
ภูวดลจำต้องฝืนยิ้มบอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี”
พิทยากับรวีพรรณเดินไปขึ้นรถ พิทยาขับรถออกไป
ภูวดลหัวเสียมาก สุอาภามองอย่างรู้ทัน ภูวดลหันมาเห็นสุอาภายิ้มเยาะ เธอเดินไปที่รถตัวเอง
“เดี๋ยวครับ คุณสุอาภาครับ”
สุอาภาหันไป ภูวดลยื่นนามบัตรมาให้ สุอาภาก้มมอง
“นามบัตรผมครับ เผื่อคุณสุอาภามีอะไรอยากให้ผมช่วย โทรมาหาผมได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
สุอาภามองอย่างรู้ทัน
“ฉันคงไม่มีอะไรต้องให้คุณช่วยหรอกค่ะ”
สุอาภาไม่รับ ภูวดลถือวิสาสะเอานามบัตรใส่ช่องหน้ากระเป๋าสะพาย สุอาภาชะงัก
“เชื่อผมสิครับ คุณต้องมีอะไรให้ผมช่วยแน่ๆ หรือบางที อาจจะเป็นการร่วมมือกัน”
สุอาภาหยิบนามบัตรออกมาใส่กระเป๋าเสื้อภูวดล
“ฉันว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว เพราะคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับใคร”
สุอาภาขึ้นรถขับออกไปทันที ภูวดลโมโหสุดๆ ถึงกับเตะก้อนหินบนพื้นอย่างแรง แล้วก็หยิบมือถือออกมากดโทรออก ภูวดลรอสายไม่นาน
“อยู่ไหน ออกมาเจอที่เดิม”
ภูวดลกดวางสายแววตากร้าว

พิทยาขับรถอยู่ดีดีก็จอดที่ริมถนนสวยๆ รวีพรรณนึกแปลกใจ
“พิทจอดรถทำไม”
พิทยาหันมา
“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องคุณภูวดล”
รวีพรรณชะงัก พิทยาลงจากรถ เธอเดินตามลงมา พิทยาหันไป
“ทำไมคุณถึงมากับคุณภูวดล”
“รวีมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยค่ะ”
“เรื่องอะไร ทำไมรวีไม่บอกผม”
รวีพรรณคิดนิดนึงแล้วก็หยิบมือถือออกมากดเปิด..ก่อนจะยื่นให้พิทยาดู พิทยารับมาเห็นภาพข่าวก็ตกใจและร้อนใจมาก
“คุณก็รู้ว่ามันไม่มีอะไร”
“รวีรู้ค่ะว่า รวีไม่ควรคิดมาก แต่มันก็อดคิดไม่ได้ คุณสุอาภาเธอเป็นคนสวย มีเสน่ห์ พูดกันตามตรงว่ารวีไม่มีอะไรสู้เธอได้”
พิทยาส่งมือถือคืนให้รวีพรรณ แล้วก็จับมือเธอขึ้นมา
“รวีห้ามคิดแบบนี้อีกเด็ดขาด เพราะมันเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ของเรา ไม่ว่าใครจะพูดยังไง รวีอย่าไปฟัง รวีฟังผมคนเดียวก็พอ ขอให้รวีมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาแทนที่รวีได้ รวีเชื่อผมนะครับ”
พิทยามองรวีพรรณด้วยความรัก เธอสบายใจมากขึ้นแล้วก็ยิ้มออกมา พิทยายิ้มดีใจ
“ต่อไปนี้ ถ้ารวีมีเรื่องข้องใจอะไรเกี่ยวกับผมและคุณสุอาภา รวีต้องมาถามผมคนเดียว ตกลงนะ”
“ค่ะ”
พิทยากับรวีพรรณยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ

ภายในผับ เวลากลางคืน ภูวดลกำลังแทงสนุ๊กฯ ลูกลงหลุม สาวๆกรี๊ดลั่นด้วยความดีใจ เขายิ้มแย้มเข้ามาโอบสาวๆ พลันเสียงมือถือดังขึ้น ภูวดลเห็นชื่อ “รมณี” ก็ชะงัก..นิ่งคิด
“เงียบก่อนนะจ๊ะสาวๆ”
สาวๆ พยักหน้า ภูวดลกดรับสาย
“สวัสดีครับ... คุณรวีแยกกับผมไปนานแล้วครับคุณน้า เห็นไปกับคุณพิทยาน่ะครับ”

ขณะพูดใบหน้าภูวดลผุดสีหน้าชั่วร้ายขึ้นมาทันที

รวีพรรณกลับเข้ามาในบ้านเจอรมณีเดินออกมา เธอยกมือไหว้แม่ รมณีมองมาหน้าตาเอาเรื่อง

“ไปกับมันมาอีกแล้วใช่มั้ย ทำไมลูกถึงไม่เชื่อแม่ ทั้งๆที่ไอ้พิทยามันทำกับลูกสารพัด แต่ลูกก็ยังโง่เชื่อมัน! นี่ลูกหลงมันมากขนาดนี้เลยเหรอ”
รวีพรรณสุดทนบอก
“รวีไม่ได้หลงนะคะแม่”
“ลูกแน่ใจได้ยังไง ความหลงมันเหมือนเศษผงเข้าตาไปแล้วก็ไม่รู้ตัว รู้มั้ยว่ากำลังเลือกทางเดินไปนรกให้ตัวเอง”
“จะไปนรกหรือสวรรค์ก็ช่างเถอะค่ะ รวีรู้แต่ว่า รวีเต็มใจเลือกเค้าด้วยตัวรวีเอง”
รมณีอึ้งที่รวีเถียง
“ลูกยังไม่เข้าใจชีวิตดีพอ” รมณีว่า
“แม่เลยจะมาเทศนาสั่งสอนให้รวีเข้าใจแจ่มแจ้งใช่มั้ยคะ”
รมณีสีหน้าผิดหวังบอก
“ รวี! ทำไมพูดกับแม่แบบนี้ แม่รักและห่วงลูกมากนะ”
“ถ้าแม่รักหนู อยากให้หนูมีความสุข แม่ก็ควรให้หนูได้เลือกคนที่หนูรักเอง หนูรักพิทค่ะ แม่ได้ยินมั้ยคะ”
รวีพรรณร้องไห้วิ่งออกไป รมณีช็อกอย่างแรง

รมณีเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเห็นณรงค์เพิ่งนั่งลงบนเตียง หยิบหนังสือมาอ่าน รมณีหันไปมองและเดินเข้ามา
“ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง เก็บไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“คุณล่ะ รู้ทันผมเสียเรื่อย”
รมณีนั่งลงข้างๆ
“เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วนะคะ มองกันออก”
“ยัยรวีอาละวาดอะไร ได้ยินเสียงแว่วๆ”
“จะเรื่องอะไรอีก นอกจากเรื่องของนายนั่น นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานไปกับมันนะ ยังขึ้นเสียงกับฉัน ลูกเราไม่เคยเป็นแบบนี้”
รมณีเสียใจ ณรงค์เข้ามาโอบปลอบใจ
“นี่ชั้นป็นฝ่ายผิดเหรอคะ”
“เราก็เหมือนคนปลูกต้นไม้แหละคุณ ทะนุถนอมตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดเล็กๆ ระแวดระวังแมลง เฝ้ารดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย จนกระทั่งมันผลิบาน เติบโต แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นต้นไม้ที่สวยงาม แล้วอยู่ดีดีวันหนึ่ง ก็ทำท่าว่าจะถูกกาฝากเข้ามาเกาะอาศัยให้ร่มเงา เราจะทนเฉยมองดูความงอกงามของกาฝาก แล้วทำให้ต้นไม้ของเราเหี่ยวแห้งตายไปได้ยังไง”
รมณีกลุ้มใจร้องไห้ ณรงค์ดึงมากอดแล้วลูบหลังให้กำลังใจ

วันถัดมา ภายในห้องประชุม ในออฟฟิศ นพโยนแบบไปตรงหน้าสถาปนิก 2- 3คน สถาปนิกกลุ่มนั้นหน้าเสียสุดๆ ภายในห้อง พิทยา บวร ปวีณา นั่งอยู่ด้วย
“เนี่ยนะคืองานที่ผมบอกให้พวกคุณกลับไปแก้”
กลุ่มสถาปนิกหน้าจ๋อยไปตามๆ
“ผมขอถอนพวกคุณออกจากโปรเจกนี้!”
ทุกคนตกใจมาก นพหันมาทางพิทยา
“พิท...เหลือเวลาอีก 3 วันที่เราต้องส่งแบบ“บ้านกันน้ำ” เพื่อเข้าประกวด เธอต้องทำให้ทัน”
พิทยาอึ้ง บวร ปวีณาหันไปมองพิทยาด้วยความตกใจ

พิทยาเดินเข้ามาในห้องทำงาน บวรกับปวีณาเดินตามมาติดๆ
“พิท! / คุณพิท!”
บวรกับปวีณาผงะที่พูดพร้อมกัน
“ให้ฉันพูดก่อน”
ปวีณาหน้างอ ไม่กล้า
บวรหันไปทางพิทยา
“นายจะทำได้เหรอ มีเวลาแค่สามวันเองนะ”
“นั่นสิคะคุณพิท งานนี้ไม่ใช่งานเล็กๆนะคะ”
“ไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ มันเป็นหน้าตาของบริษัทเรา” พิทยาบอก
บวรกำลังจะอ้าปากพูด แต่ปวีณาชิงพูดตัดหน้าก่อน
“ให้แป๋วช่วยนะคะ”
บวรมองเหล่ไม่ชอบใจปวีณา
“แป๋วได้ช่วยผมแน่ แต่ช่วยเอางานที่ผมกำลังทำอยู่ ไปทำต่อให้ผมที”
บวรแอบยิ้ม ปวีณาหันมาเห็นพอดี บวรรีบหันไปทางพูดกับพิทยา
“ไหวนะพิท”
“ไหวครับพี่ใหญ่”
พิทยาสีหน้าเครียด

มุมหนึ่งในออฟฟิศ สุอาภาหันไปมองบวร
“พิทต้องเร่งทำงานให้ป๋า”
“อือ..น่าสงสารมันจริงๆ ป๋าก็เหลือเกิน งานด่วนทีไรให้พิททำตลอด สามวันนี้มันเลยต้องย้ายสัมมะโนครัวมานอนที่ออฟฟิศ”
สุอาภาฟังแล้วก็นึกอะไรออก

เวลาเย็น ภายในห้องครัวในบ้านของสุอาภา เธอกำลังคนข้าวต้มเครื่องในหม้อ โดยมีณีคอยช่วยอยู่ข้างๆ
“วันนี้ท่าทางจะมีสึนามิในกรุงเทพ คุณหนูของป้าเข้าครัวทำอาหารเอง”
สุอาภายิ้มแล้วตักน้ำซุปใส่ช้อนหันไปทางณี
“ชิมสิคะว่ารสดีเหรอยัง”
ณีชิมแล้วบอก
“อืม...อร่อยเลยล่ะค่ะ”
สุอาภายิ้มดีใจ
“ป้าหยิบกระติกเก็บความร้อนให้แตทีสิคะ”
ณีมองอย่างแปลกใจ
“คุณแตไม่ได้ทำให้คุณพ่อทานเหรอคะ”

สุอาภาหันไปยิ้ม ไม่ตอบอะไร

แรงปรารถนา ตอนที่ 3 (ต่อ)

นพ วรรณวดี และบวรต่างมองณีด้วยความตกใจมาก

“ยัยแตทำข้าวต้มเอาไปให้พิท” วรรณวดีว่า
“ค่ะ..เบาๆค่ะ เดี๋ยวคุณแตได้ยิน”
บวรตบเข่าฉาดแล้วกระซิบ
“ผมว่าไม่ธรรมดาแล้วนะครับพี่น้องและป๋า งานนี้อะเมซิ่งสุดๆ”
นพ วรรณวดี ณีครุ่นคิดตามที่บวรพูด สุอาภาเดินลงมาพอดี ทุกคนรีบสะกิดกันให้เงียบ แล้วก็หันไปยิ้มให้สุอาภาพร้อมกัน หน้าตาทุกคนดูผิดปกติมากๆ
“คืนนี้แตกลับดึกนะคะ จะช่วยพิททำงาน ไปนะคะป๋า”
ทุกคนหุบยิ้มแทบไม่ทัน สุอาภาเข้ามาหอมแก้มนพแล้วเดินออกไป ทุกคนหันมามองหน้ากัน อ้าปากค้าง
“อะเมซิ่งจริงๆด้วยค่ะ”
นพนิ่วหน้าด้วยความสงสัย

ภายในออฟฟิศ เวลากลางคืน สุอาภาเอากระติกข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ
“ข้าวต้มฝีมือฉัน”
พิทยาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่คุณทำอาหารมาให้ผมทาน”
“ต้องโชคดีสิ”
สุอาภาทำลอยหน้าลอยตา พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
ปวีณาเปิดประตูเข้ามาพร้อมอาหารกล่อง พอเห็นสุอาภาก็ผงะ หน้าตึงขึ้นมาทันที
“แป๋วซื้อข้าวมาให้คุณพิทน่ะค่ะ”
พิทยายังไม่ทันตอบ สุอาภาชิงพูดออกมา
“ฉันทำข้าวต้มมาให้พิทแล้ว เธอเก็บไว้ทานเองเถอะ”
ปวีณาหน้าแตกทันที รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง พิทยารีบพูด
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เออ...คุณพิทมีอะไรจะให้แป๋วช่วย”
สุอาภารีบพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่มี ฉันจะอยู่ช่วยพิทเอง กลับไปได้แล้ว”
ปวีณาโมโหมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ฝืนยิ้มให้พิทยาแล้วเดินออกไป สุอาภาหันมาทางพิทยา
“เสน่ห์แรงนะเราน่ะ”
“พูดอะไรของคุณ! คุณเองก็กลับบ้านไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ อย่าลืมสิว่าฉันฝึกงานอยู่กับนาย นี่เป็นนาทีทองของนายเลยนะ อยากใช้ให้ฉันทำอะไรใช้มาได้เลย แต่ขอทานข้าวก่อน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง”
สุอาภาเปิดฝากระติก พิทยามองเธอแล้วก็ถอนหายใจ กังวลว่าสุอาภาจะทำให้เค้าทำงานได้ช้าลง

ภายในร้านอาหารของรวีพรรณ เวลากลางคืน สินีนาฎยื่นหน้ามาข้างๆรวีพรรณที่กำลังเอาเค้กจัดใส่จานให้ลูกค้า
“วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่ได้โทรคุยกับพิท”
“ฉันยุ่งนี่สิ”
สินีนาฎเอาจานเค้กมาจากมือรวีพรรณ
“แต่ตอนนี้ไม่ยุ่งแล้ว รีบโทรหาพิทเค้าซะ เร็วสิ!”
รวีพรรณเริ่มแปลกใจ
“ทำไมเธอต้องอยากให้ฉันโทรหาพิทขนาดนี้ด้วย”
สินีนาฎเหวอไปแล้วก็รีบแก้ตัว
“ฉันเป็นห่วงเธอ แล้วฉันก็หวั่นใจแทน คนทำงานด้วยกันเจอกันตลอดเวลา รักแท้แพ้ใกล้ชิดไม่เคยได้ยินเหรอ”
“มันไม่มีอะไรหรอก ฉันกับพิทเราเข้าใจกันแล้ว”
“งั้นก็ตามใจ ถ้าน้ำตาเช็ดหัวเข่าเมื่อไหร่ อย่ามาฟูมฟายก็แล้วกัน”
สินีนาฎจ้ำเดินออกไป รวีพรรณงงมาก แล้วก็เริ่มคิดตามที่สินีนาฎพูด

พิทยายืนเปิดหนังสือเพื่อหาข้อมูล ภายในห้องมีสุอาภานั่งคอยจับจ้องมองตามพิทยา เห็นแววตาที่มุ่งมั่นและสีหน้าที่มีความตั้งใจเต็มเปี่ยมของพิทยา ก็ยิ่งขับเน้นให้เห็นความหล่อคมเข้ม สุอาภาเผลอมองพิทยานิ่งนาน
พิทยาหันมาที่โต๊ะเพื่อหยิบไอแพด แต่กลับเห็นสุอาภามองเค้าอยู่ สุอาภาตกใจ รีบคว้าหนังสือมาอ่าน แต่หนังสือกลับหัว พิทยาอมยิ้ม สุอาภามองเห็นว่าตัวเองถือหนังสือกลับหัวอยู่ก็พูดไม่ออก
พิทยาขำๆ แล้วก็หันไปทำงานต่อ สุอาภาอายมากแล้วก็เห็นไฟที่หน้าจอมือถือพิทยากระพริบ แต่พิทยาไม่เห็นเพราะยืนหันหลังให้โต๊ะ
สุอาภามองพิทยาอย่างลังเล แล้วก็ตัดสินใจเดินไปดูที่มือถือ เห็นชื่อ “รวี” สุอาภาผงะมองพิทยานิดนึงแล้วก็ค่อยๆเอาเศษกระดาษบนโต๊ะปิดมือถือ แต่ไฟที่หน้าจอยังลอดผ่านกระดาษออกมา สุอาภาเลยเอากระดาษหลายๆแผ่นปิดทับลงไปด้วยความสบายใจ

สินีนาฎมองรวีพรรณด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก
“พิทไม่รับโทรศัพท์มือถือ โทรไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับ แบบนี้ต้องอยู่กับยัยสุอาภาแน่ๆ”
“อย่ามองคนแง่ร้ายนักสิ”
“ถ้างั้นเราต้องพิสูจน์”

รวีพรรณสีหน้ายังดูลังเล

ณีกำลังพูดโทรศัพท์ อยู่ที่มุมโทรศัพท์ในบ้านนพ

“คุณแตยังไม่กลับค่ะ มีงานด่วนเลยยังต้องทำงานอยู่ที่ออฟฟิต จะให้บอกคุณแตว่าใคร โทรมาคะ.....อุ่ย”
คนโทร.มาวางหูโทรศัพท์ไปทันที

สินีนาฎมองรวีพรรณด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก
“เธอต้องไปหาเค้าที่ออฟฟิศ”
“ไม่ดีหรอกสิ มันเหมือนไปก้าวก่ายเรื่องงานของเค้า”
“ก้าวก่ายอะไร เธอเป็นแฟนเค้านะ ฉันว่าเธอต้องทำตัวเป็นคนรักของพิทมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากเสียเค้าไป”
รวีพรรณครุ่นคิด

พิทยากำลังใช้ดินสอลองร่างแบบคร่าวๆ สุอาภานั่งอยู่ที่โซฟา หันไปดูเวลาห้าทุ่มกว่า เธอเริ่มหาว เขายังตั้งใจทำงานมาก เมื่อหันมาเห็นก็บอก
“ง่วงขนาดนี้ กลับบ้านไปนอนซะ”
“ฉันไม่ได้ง่วง แค่หาวเฉยๆ นายมีอะไรให้ฉันทำอีกมั้ย”
พิทยาคิดนิดนึงแล้วก็หยิบหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งเดินมายื่นให้สุอาภา
“อ่านแล้วสรุปให้ผมฟัง”
“โอเค”
สุอาภาเอาหนังสือมานั่งอ่าน พิทยายิ้มๆแล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่อ พลางลอบมองเธอเป็นระยะๆเห็นสุอาภาตั้งใจอ่านก็รู้สึกดี

ในเวลาต่อมา รวีพรรณขับรถมาจอดและมองไปที่ออฟฟิศด้วยสีหน้าลังเล...คำพูดของสินีนาฎดังขึ้น
“ฉันเป็นห่วงเธอ แล้วฉันก็หวั่นใจแทน คนทำงานด้วยกันเจอกันตลอดเวลา รักแท้แพ้ใกล้ชิดไม่เคยได้ยินเหรอ ฉันว่าเธอต้องทำตัวเป็นแฟนพิทมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากเสียเค้าไป”
รวีพรรณตัดสินใจดับเครื่องยนต์

สุอาภาอ่านหนังสืออยู่ดีดีก็สัปหงก โงนเงนไปมา พิทยาเงยหน้าเห็นก็อมยิ้ม
“ไหนบอกว่าไม่ง่วง”
พิทยาส่ายหัว แล้วก็ลุกเดินไปหาสุอาภา นั่งลงข้างๆ ค่อยๆเอาหนังสือที่วางอยู่บนตักเธอมาวางบนโต๊ะ แล้วทันใดนั้นสุอาภาก็สัปหงก..หัวมาซบไหล่พิทยา พิทยาชะงัก
รวีพรรณเดินมาตามทางที่มีแสงสลัวๆ สีหน้าค่อนข้างตื่นเต้นว่าจะเจอกับอะไร
พิทยาหันไปมองสุอาภาที่นอนซบไหล่ตัวเองก็ค่อยๆจับตัวเธอให้นอนลงบนโซฟา แต่ช่วงที่วางตัวเธอลงนอน เขาประคองตัวไม่อยู่ทำให้ตัวเองหน้าคว่ำ หน้าเกือบจะชนหน้าสุอาภาที่หลับสนิท
พิทยายั้งเอาไว้ได้ทันถึงกับถอนหายใจออกมา แต่พอเห็นหน้าสุอาภาระยะใกล้มาก ก็ทำเอาหัวใจเต้นแรง เขามองสุอาภานิ่งนาน ค่อยๆยกมือเกลี่ยผมที่ปิดหน้าสุอาภา
รวีพรรณยืนอยู่หน้าห้องเห็นภาพนั้นก็อึ้งตะลึงงัน ! กำมือแน่นด้วยความเสียใจและโมโห ก่อนจะจ้ำเดิน ออกไปจากตรงนั้น โดยที่พิทยาไม่รู้ตัว

รวีพรรณเดินออกมา สีหน้ายังตะลึงกับภาพของพิทยาและสุอาภาที่เห็นไม่หาย เธอค่อยๆเดินออกมาอย่างช้าๆ พลางคิดย้อนกลับไป
“คุณก็รู้ว่ามันไม่มีอะไร”
“รวีรู้ค่ะว่ารวีไม่ควรคิดมาก แต่มันก็อดคิดไม่ได้ คุณสุอาภาเธอเป็นคนสวยมีเสน่ห์ พูดกันตามตรงว่ารวีไม่มีอะไรสู้เธอได้”
พิทยาส่งมือถือคืนให้รวีพรรณ แล้วก็จับมือเธอขึ้นมา
“ขอให้รวีมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาแทนที่รวีได้ รวีเชื่อผมนะครับ”
รวีพรรณเดินมาถึงแล้วหยุดเดิน น้ำตาไหลลงมาด้วยความเสียใจ
เธอหันหลังพิงกับรถแล้วก้มหน้าร้องไห้ พลันมีผ้าเช็ดหน้ายื่นมาตรงหน้า เธอแปลกใจเงยหน้าเห็นภูวดลเป็นคนยื่นผ้าเช็ดหน้านั้นมาให้
“คุณภูวดล! คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมาที่นี่”
“ผมไปหาคุณที่ร้าน เพื่อนของคุณบอกผม ผมเป็นห่วงก็เลยตามมา มันมีอะไรเกิดขึ้นข้างในใช่มั้ยครับ”
รวีพรรณลำคอตีบตันพูดอะไรไม่ออก ร้องไห้มากขึ้น ภูวดลได้แต่ยืนมองด้วยความสงสัย

บริเวณริมน้ำสวย เวลากลางคืน รวีพรรณหยุดร้องไห้แล้ว ภูวดลที่อยู่ข้างๆหันมา
“รู้สึกดีขึ้นเหรอยังครับ”
“ไม่ค่ะ แต่น้ำตา...ไม่มีจะออกมาแล้ว”
รวีพรรณเศร้ามาก ภูวดลแกล้งทำเป็นโมโห
“คุณพิทยาทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติคุณซักนิด เค้าโกหกคุณตลอดเวลา ปากก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรกับคุณสุอาภา แต่พอลับหลังกลับทำตรงกันข้าม”
“หยุดพูดเถอะค่ะ รวีไม่อยากฟัง รวีขออยู่คนเดียวนะคะ”
รวีพรรณเดินออกไป ภูวดลหันไปมองตามรวีพรรณด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

ภายในห้องทำงาน พิทยาขยี้ๆๆๆแบบที่ตัวเองร่างด้วยความหัวเสีย
“คิดอะไรไม่ออกเลย”
พิทยาลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย แล้วก็หันไปเห็นสุอาภายังนอนหลับสนิทบนโซฟา พิทยาลุกเดินไปหา
“คุณแต...คุณแต”

สุอาภาไม่ตื่น พิทยาถอนหายใจ แล้วก็เดินไปเอาสูทที่พาดอยู่บนเก้าอี้ มาห่มตัวให้สุอาภา แล้วตัวเองก็เดินไปนั่งเก้าอี้ ก่อนจะเอนหลังนอนหลับ

เช้าวันถัดมา สุอาภาตื่นขึ้นมาแล้วก็บิดขี้เกียจทั้งๆที่หลับตา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นสูทที่ห่มตัวเองอยู่ ก็รู้ว่าเป็นฝีมือพิทยา เธอลุกขึ้นนั่ง หันไปมองเขาที่นอนอยู่บนเก้าอี้ เธอลุกเดินเอาสูทไปห่มให้เขา

ขณะที่สุอาภากำลังเอาสูทห่มให้พิทยา เขารู้สึกตัวจับแขนเธอหมับ
“ทำอะไร”
พิทยาพูดทั้งๆที่หลับตา สุอาภาตกใจ ทำให้เสียหลัก เซล้มไปนั่งตักพิทยา
พิทยาลืมตาขึ้นมา เห็นสุอาภานั่งตักตัวเอง ต่างคนต่างชะงัก นิ่งกันไป
ทันใดนั้นแม่บ้านเปิดประตูเข้ามาเห็นก็ตกใจมาก สุอาภากับพิทยาก็ตกใจ สุอาภารีบลุกขึ้นยืน
“ขอโทษค่ะ ป้าไม่ทราบว่ามีคนอยู่”
แม่บ้านหน้าเหรอหรารีบเดินออกไป พิทยารีบลุกขึ้นหันไปทางสุอาภา
“เออ..ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะ”
สุอาภาทำหน้าไม่ถูกรีบเดินออกไป พิทยาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ภายในห้องรับแขกตอนเช้า บวร วรรณวดี มองหน้าณีด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“แตเพิ่งกลับมาบ้านเมื่อตะกี้”
“ค่ะ”
“แสดงว่าเมื่อคืนแตค้างที่ออฟฟิศ” วรรณวดีบอก
“กับพิท”
บวรกับวรรณวดีมองหน้ากัน
“แตทำแบบนี้ไม่ถูก ถ้าเกิดใครเห็นเค้า งามไส้แน่ ป้าต้องเตือนคุณหนูของป้านะ”
“เอ้า..ไหงเป็นป้าล่ะคะ ต้องเป็นคุณคุณสิคะ เพราะคุณคุณเป็นพี่ของคุณหนู”
“ขนาดป๋าพูดแตยังไม่ฟัง แล้วป้าคิดว่าต่ายกับพี่ใหญ่พูด แตจะฟังเหรอคะ” วรรณวดีว่า
“ขนาดคุณที่เป็นพี่ คุณหนูยังไม่ฟัง แล้วคุณคิดว่าถ้าป้าพูด คุณหนูจะฟังเหรอคะ”
วรรณวดีกับบวรนิ่งไปแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“นี่ป๋าก็ไม่อยู่ซะด้วย ไม่รู้ออกไปไหนแต่เช้า”

ภายในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กำลังติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้กับนพที่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจเขาหันไปมองหมอเดโชที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“จำเป็นต้องติดด้วยเหรอหมอ มันน่ารำคาญ”
“จำเป็นครับ ผมต้องติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจไว้กับตัวท่านเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ท่านสามารถทำงาน หรือ ทำอะไรได้ตามปกติ แต่ต้องห้ามอาบน้ำ ห้ามว่ายน้ำ หรือทำให้เครื่องเปียก ห้ามทำเครื่องตก ห้ามออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวของแขนมากๆ”
หมอพูดจบ เจ้าหน้าที่ก็เอาเครื่องบันทึกเหน็บไว้ที่เข็มขัดของนพ นพสีหน้าเซ็งเอาเสื้อออกมาปิดไว้

ภายในห้องชงกาแฟ ปวีณาแทบสำลักกาแฟตรงหน้ากรองทิพย์
“พี่ทิพย์เห็นกับตาเหรอคะ”
“พี่ไม่เห็น แต่คนที่เห็นคือป้าหมวย..แม่บ้าน แกเปิดประตูเข้าไปจะทำความสะอาดห้องคุณพิท แต่กลับเจอคุณสุอาภานั่งตักคุณพิทยาอยู่”
ปวีณากำมือแน่น โมโหหึงมากมาย กระแทกแก้วกาแฟ แล้วก็เดินออกไป กรองทิพย์มองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“โมโหอะไรขนาดนี้เนี่ย”

ปวีณาจ้ำเดินมาตามทางด้วยความหัวเสีย แล้วก็ชนเข้ากับบวรเข้าอย่างจัง!! บวรเจ็บ
“โอ๊ย! เดินดูทางหน่อยสิคะคุณใหญ่”
บวรฉุนกึกบอก
“ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้ ไม่ใช่เธอ! เธอต่างหากที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ จะรีบไปไหนห๊ะ!”
“ฉันไม่ได้รีบไปไหนหรอกค่ะ คุณต่างหาก..ควรจะรีบกลับไปสั่งสอนน้องสาวของคุณว่าอย่าทำเรื่องประเจิดประเจ้อในออฟฟิศ”
“พูดอะไรของเธอ”
ปวีณาไม่ตอบ แต่กลับทำฮึดฮัดใส่แล้วเดินเฉียดบวรออกไป บวรเหวอ
“เฮ้ย! นี่!”
บวรหงุดหงิดสงสัยว่าสุอาภาทำอะไร

เสียงมือถือรวีพรรณดังขึ้น เห็นชื่อพิทยาที่หน้าจอ รวีพรรณนิ่งมอง ลังเล สินีนาฎยื่นมือมาจับมือรวีพรรณที่ถือมือถือเอาไว้ รวีพรรณหันไปมอง เสียงมือถือยังดังอย่างต่อเนื่อง
“อย่ารับนะรวี ครั้งนี้มันเกินให้อภัย เมื่อคืนหลังจากเธอออกมาจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีทางรู้ ผู้ชายน่ะมีโอกาสเค้าก็เอา ลองประเคนให้ถึงปากขนาดนี้ ไม่มีใครไม่เอาหรอก พิทเค้าก็เป็นผู้ชาย ไม่มีทฤษฎีใดเอามาปรับยกเว้นได้”
รวีพรรณฟังสินีนาฏบิ้วก็ยิ่งโมโหและเจ็บปวด ก้มมองชื่อพิทยาที่ยังคงปรากฏที่หน้าจอมือถือ แล้วก็ตัดสินใจกดปิดเครื่องทันที

สินีนาฏลอบมองรวีพรรณแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ

พิทยาอยู่ในห้องทำงานสีหน้าเครียดเคร่งขณะวางสายที่รวีพรรณไม่รับ เขาตัดสินใจโทร.กลับไปอีกครั้ง แต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว พิทยาแปลกใจ ระหว่างนั้นสุอาภาเปิดประตูพรวดเข้ามา พิทยาหันไปมอง

“ไปข้างนอกกัน”
“ผมต้องทำงาน”
“นั่งอยู่แต่ในห้องแบบนี้ คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออก นายต้องออกไปเปิดหูเปิดตาเปิดสมองซะบ้าง”
สุอาภาจับแขนพิทยาจะดึงออกไป เขาเริ่มไม่พอใจ
“นี่คุณแต...รู้จักคิดหน่อยได้มั้ย!ผมเหลือเวลาอีกแค่ 2 วันที่ต้องทำงานให้เสร็จ อย่าเอาแต่ใจตัวเองหน่อยเลย” พิทยาแกะมือสุอาภาออก
“ฉันไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง ฉันกำลังช่วยนายอยู่ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เราเป็นทีมเดียวกัน”
พิทยานิ่วหน้าถาม
“ใครเป็นทีมเดียวกับคุณ”
สุอาภาไม่สนใจบอก
“ถึงนายไม่อยากให้ฉันเป็น ฉันก็จะเป็น…หยุด! ไม่ต้องพูด ฉันมีไอเดียดีดีที่จะทำให้นายคิดงานออก”
สุอาภายิ้มพร้อมยักคิ้วด้วยความมั่นใจ เขามองเธอด้วยความสงสัย

สุอาภาพาพิทยาเดินมาที่หน้าทางเข้าชุมชนริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง เขามีสีหน้าแปลกใจมาก
“ชุมชนนี้โดนน้ำท่วมทุกปี แต่พวกเค้ามีวิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้านในการรับมือกับน้ำท่วม”
“คุณรู้ได้ไง”
“ดูข่าว นายเอาแต่ก้มหน้าทำงานอยู่กับโต๊ะ นึกอะไรไม่ออกก็จ้องแต่กระดาษ แล้วมันจะคิดออกได้ไง เดี๋ยวเราไปคุยกับหัวหน้าชุมชนกัน”
สุอาภาเดินเข้าไปตามทางด้วยความกระตือรือร้น พิทยามองตามแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

หัวหน้าชุมชมชายวัยประมาณ 50 กว่าๆ เดินนำสุอาภากับพิทยามาตามทาง แล้วก็ชี้ให้ดูตามรอยน้ำท่วมที่บ้านแต่ละหลังโดน พร้อมทั้งชี้ไปที่ระดับน้ำในแม่น้ำ..พิทยากับสุอาภาตั้งใจฟังมาก
พิทยากับสุอาภานั่งเรือยนต์ หัวหน้าชุมชนนั่งด้านหน้า คอยอธิบายเวลาที่เรือขับผ่านไปตามที่ต่างๆ ชาวบ้านที่อยู่ตามบ้านริมน้ำ หันมาโบกมือ ยิ้มและทักทาย สุอาภากับพิทยายิ้มและโบกมือตอบ สองคนหันมายิ้มให้กัน ดูมีความสุขกันมาก
คนเรือเอาเรือเข้ามาจอด หัวหน้าชุมชนขึ้นมาก่อน ตามมาด้วยพิทยา เขาหันไปยื่นมือให้เธอจับและดึงเธอขึ้นมา เธอเสียหลักเล็กน้อยจะล้ม แต่เขารับประคองรับเอาไว้ทำให้ตัวแนบชิดกัน สองคนชะงักกันไป แล้วก็รีบผละออกจากกัน
พิทยากับสุอาภาหันไปทางหัวหน้าชุมชน
“ขอบคุณมากนะครับที่พาพวกผมไปดูตามที่ต่างๆ แล้วก็ให้ความรู้ ผมได้อะไรเยอะมาก”
“ยินดีครับ ถ้าสิ่งที่คุณทำมันจะช่วยทำให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบเดียวกับพวกเรา มีทางแก้ปัญหา”
“ถ้าผลงานผมสำเร็จเมื่อไหร่ ผมจะกลับมาทำให้ที่ชุมชนนี้เป็นที่แรกนะครับ”
หัวหน้าชุมชนยิ้มด้วยความดีใจ
“เออ..นี่ก็เย็นแล้ว อยู่ทานข้าวกันก่อนนะครับ”
พิทยากับสุอาภามองหน้ากัน

ภายในบ้านหัวหน้าชุมชน พิทยา สุอาภา หัวหน้าชุมชน ภรรยานั่งทานข้าวกันบนพื้น
“ทานกันได้รึเปล่าครับ อาหารพื้นๆ”
“ได้ครับ”
สุอาภามองไปที่น้ำพริกแล้วถาม
“นี่อะไรคะ”
“น้ำพริกแมงดาค่ะ เคยทานมั้ยคะ” เมียหัวหน้าชุมชนถาม
“ไม่เคยค่ะแต่จะลองดู หน้าตาน่าทานมาก”
“เอาข้าวเหนียวจิ้มลงไปแบบนี้ค่ะ”
เมียหัวหน้าชุมชนทำแล้วยื่นให้สุอาภา เธอรับมากินแล้วก็เผ็ดสุดๆจนพูดไม่ออก พิทยาหัวเราะเพราะสุอาภาหน้าแดง ปากแดง พิทยารีบเอาน้ำให้ สุอาภารับมาดื่มอักๆๆจนหมดแก้ว ทำน้ำหกเลอะปาก พิทยารีบเอากระดาษทิชชู่เช็ดปากให้
“อายเค้ามั้ยน่ะ โตแล้วยังทานเลอะ”
หัวหน้าฯกับภรรยามองสุอาภากับพิทยาแล้วก็อมยิ้ม พากันสะกิดกันดู
“พวกคุณน่ารักกันดีนะครับ ไม่ทราบว่าแต่งงานกันมานานเหรอยัง”
พิทยากับสุอาภาหันขวับมามองหัวหน้าฯพร้อมกัน พิทยารีบพูดขึ้นมาก่อน
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันครับ คุณสุอาภาเป็นลูกเจ้านายผม”
หัวหน้าฯกับภรรยาเหวอไป
“ขอโทษนะคะ ดูท่าทางพวกคุณเหมือนคนรักกัน”
พิทยากับสุอาภาทำหน้าไม่ถูก
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมมีแฟนอยู่แล้ว”
สุอาภาแอบเจ็บในสิ่งที่พิทยาพูดเลยก้มหน้ากินข้าว พิทยาลอบมองเธอแล้วก็ถอนหายใจออกมา

ชุมชนริมแม่น้ำ เวลากลางคืน พิทยากับสุอาภาเดินกลับออกมาด้วยกัน สุอาภาดูนิ่งมากจนพิทยาแปลกใจแต่ไม่อยากถาม
“กลับออฟฟิศเลยนะ”
“อือ...”
สุอาภาเดินมาขึ้นรถ พิทยาแปลกใจมากที่สุอาภาเปลี่ยนท่าทีไป

เวลาต่อมา พราวพิไลมานั่งข้างสุอาภา
“แสดงว่าคุณพิทยาเค้าเชื่อแกอย่างไม่มีข้อสงสัยว่าแกจริงใจกับเค้า”
สุอาภาพยักหน้า พราวพิไลพูดต่อ
“แล้วแฟนเค้าไม่หึงแกเหรอ”
“ฉันไม่รู้ แต่ถ้าหึงก็ดีจะได้เลิกกัน”
“แกนี่มันโรคจิต มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น”
“แกอย่าลืมว่าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มเรื่องนี้”
สุอาภาดูแค้นๆ พราวพิไลมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงนิดๆ
“แต...”
พราวพิไลจับแขน สุอาภาหันมา
“ฉันไม่เคยห้ามเวลาแกจะทำอะไร แต่ฉันอยากเตือนอย่ารุนแรงกับเค้าให้มากนัก ถ้ามันสะท้อนกลับมาหาตัวแกเอง แกจะเจ็บ”
“คนอย่างฉันเจ็บจนชาชินแล้ว”
สุอาภาหันไปทางอื่นแววตาเศร้าอย่างเห็นได้ชัด พราวพิไลอึ้ง

วันต่อมา เวลากลางวัน นพดูแบบบ้านกันน้ำที่พิทยาร่างขึ้นมาคร่าวๆซึ่งสเก็ตด้วยดินสอด้วยความพินิจพิเคราะห์และตั้งใจ พิทยาลุ้นจนหายใจเข้าหายใจออกไม่ทั่วท้อง นพเงยหน้ามองพิทยา พิทยาเหงื่อตก
“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเธอให้มาทำงานนี้”
พิทยายิ้มด้วยความดีใจสุดๆ

สุอาภาตื่นเต้นดีใจอยู่ตรงหน้าพิทยา
“ป๋าโอเค เย้! วู้วู้”
พิทยาอดยิ้มออกมาไม่ได้ที่เห็นท่าทางของสุอาภา
“อย่าเพิ่งดีใจขนาดนั้น เรายังเหลืองานใหญ่อีกหนึ่งชิ้นที่ต้องทำ”
“เรา! หมายความว่านายยอมรับว่าฉันเป็นทีมนายแล้วใช่มั้ย”
“มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ไง"
“เยส! แล้วงานชิ้นใหญ่ที่ว่าคืออะไร”

สุอาภาดีใจมากๆ ทำมือทำไม้ประกอบ

แรงปรารถนา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ภายในห้องทำงานยามนั้น พิทยากำลังทำโมเดลบ้านกันน้ำ ขณะที่สุอาภากำลังตั้งใจทำต้นไม้โมเดลมากๆๆ เอากระดาษสีมาตัดเล็กๆทากาว...แล้วแปะกระดาษสีๆลงบนต้นไม้สีหน้าตั้งใจ จนทำให้พิทยาอดยิ้มออกมาไม่ได้

แดดเริ่มคล้อยลงต่ำ..โมเดลบ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
ที่หน้าห้อง นพแอบยืนมองแล้วก็ยิ้มน้อยๆออกมาอย่างรู้สึกดีที่สุอาภาตั้งใจทำงานจริงๆ ก่อนจะเดินออกไป
กลางคืน..โมเดลบ้านทำเสร็จ สุอาภาเอาต้นไม้มาประดับตกแต่งรอบนอกบ้าน ทั้งสองคนหันมายิ้ม พร้อมตีมือให้กันที่ทุกอย่างสำเร็จ

ภายในห้องนอน พิทยาอาบน้ำเสร็จเดินออกมาเห็นเวลาห้าทุ่ม..เขาลังเลอยู่นิดหนึง แล้วก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหารวีพรรณ แต่รวีพรรณไม่รับสาย ระบบตัดเข้าฝากข้อความ พิทยาสีหน้าครุ่นคิด ลังเลว่าจะฝากข้อความดีหรือไม่ แล้วก็ตัดสินใจ...
“รวีครับ”

เช้าวันถัดมา รมณีเดินออกมาหาภูวดลที่นั่งรออยู่ เขาเห็นรมณีก็ลุกขึ้นไหว้ รมณีรับไหว้
“ขอบใจมากนะพ่อดลที่มาหาน้า น้าจนปัญญาไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้วจริงๆ”
“อย่าพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลกันแบบนั้นสิครับ คุณน้ามีอะไรอยากให้ผมช่วย บอกมาได้เลย
รมณีถอนหายใจสีหน้ากลัดกลุ้มบอก
“ยัยรวีไม่คุยกับน้ามาหลายวันแล้ว เราทะเลาะกันเพราะไอ้ผู้ชายคนนั้น น้ากลุ้มใจกลัวรวีจะเตลิดไปกับมันจนกู่ไม่กลับ ก็เลยอยากให้พ่อดลช่วยไปดูๆยัยรวีให้ที”
“ได้ครับคุณน้า”
ภูวดลรับคำอย่างหนักแน่น

ภายในร้านอาหาร พนักงานจัดโต๊ะเตรียมเปิดร้าน รวีพรรณกำลังฟังข้อความที่พิทยาฝากเอาไว้ เสียงพิทยาดังออกมา
“สองสามวันมานี้ เราไม่ได้คุยกันเลย ผมขอโทษนะครับ ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานประกวดแบบบ้านกันน้ำ พรุ่งนี้เป็นวันตัดสิน ผมอยากให้คุณมาเป็นกำลังใจให้ผม ถ้าคุณว่าง สิบโมง ที่...หวังว่าคุณจะมา”
รวีพรรณวางสาย
“พรุ่งนี้ ก็คือ วันนี้”
รวีพรรณหันไปดูเวลา 9.30 สีหน้าลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี

ภูวดลลงจากรถที่จอดหน้าร้าน หันไปเห็นรวีพรรณรีบเดินมาที่รถด้วยท่าทางรีบร้อน ยังไม่ทันที่ภูวดลจะอ้าปากเรียก รวีพรรณก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
“รีบไปไหน”
ภูวดลอยากรู้เลยรีบขึ้นรถขับตามรวีพรรณออกไป

ภายในงาน แบบโมเดลบ้านของพิทยาได้รับความสนใจจากคณะกรรมการและแขกเหรื่อที่เข้าชมงาน พิทยากำลังยืนพรีเซนต์ สุอาภา นพ บวร วรรณวดีมองด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะสุอาภาที่มองพิทยาด้วยแววตาเป็นประกายมาก นพหันไปเห็นแววตานั้นพอดี ก็เริ่มเอะใจ
พิทยายืนอยู่หน้าผลงานตัวเองร่วมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆสีหน้าตื่นเต้น
รวีพรรณเข้ามาในงานเห็นพิทยายืนอยู่ เธอมองตามสายตาเขาเห็นสุอาภาที่ยิ้มให้กำลังใจ เขายิ้มตอบ รวีพรรณชะงัก อึ้งไป
คณะกรรมการเดินออกมา ทุกคนตื่นเต้นมาก
“ผู้ที่ได้รับรางวัลการออกแบบบ้านกันน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ได้แก่ คุณพิทยา พิพัฒนะ จากบริษัทนพอาคิเทค”
พิทยา สุอาภา นพ บวร วรรณวดีต่างดีใจกันสุดๆ ทุกคนปรบมือ รวีพรรณเองก็พลอยดีใจปรบมือตามไปด้วย รวีพรรณตัดสินใจจะเดินเข้าไปพิทยา แต่สุอาภาเหลือบไปเห็นรวีพรรณเข้าพอดีก็ผงะ...ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาทันที
จังหวะที่พิทยากำลังจะหันไปเห็นรวีพรรณ สุอาภาวิ่งเข้าไปกอดพิทยาแล้วดึงพิทยาให้หันมาอีกทาง รวีพรรณตะลึงกับภาพที่เห็น
“ดีใจด้วยนะพิท”
พิทยาที่ไม่ได้คิดอะไรเพราะกำลังดีใจเลยกอดสุอาภาตอบโดยอัตโนมัติ
รวีพรรณถึงกับทนดูไม่ได้หันหลังเดินออกไปทันที
พิทยาผละจากสุอาภาแล้วก็หันไปกอดบวร นพ วรรณวดีด้วยความดีใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นด้านหลังรวีพรรณที่เดินออกไปแล้ว พิทยาตกใจและพึมพำ
“รวี”
พิทยากำลังจะตาม แต่เจอนักข่าวเข้ามาถ่ายรูป กับนพ บวร วรรณวดีและสุอาภา พิทยายืนอยู่ตรงกลางติดกับสุอาภา มีนพยืนข้างพิทยา บวรกับวรรณวดียืนข้างสุอาภา พิทยาต้องฝืนยิ้มถ่ายรูป หันไปมองรวีพรรณอีกที..รวีพรรณหายไป พิทยากังวลใจมาก แต่ยังออกไปไม่ได้
ภูวดลยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ
รวีพรรณเดินออกมาด้วยความโกรธและเสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

รมณีมองภูวดลที่กำลังเล่าเรื่องพิทยากับสุอาภาด้วยความตั้งใจ
“เค้าสองคนกอดแสดงความยินดีกัน ทั้งๆที่คุณรวีก็ยืนอยู่ตรงนั้น ผมไม่รู้ว่าพวกเค้าไม่เห็นจริงๆ หรือแกล้งไม่เห็นกันแน่”
รมณีมีรอยยิ้มสะใจปรากฎจางๆบนใบหน้า
“จะว่าไปเป็นแบบนี้ก็ดี ยัยรวีจะได้ตัดใจซักที”
ภูวดลทำเป็นเห็นใจ
“แต่ท่าทางคุณรวีจะเสียใจมากนะครับ เฮ้อ ผู้ชายมีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ดันไปเลือกเอาคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า คุณน้าน่าจะพูดกับคุณรวีบ้าง เกิดไปเสียใจทีหลังมันจะแก้ไขไม่ได้”
“น้าพูดมาไม่รู้กี่หน ครั้งล่าสุดก็ขึ้นเสียงกับน้า โกรธมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ แต่เอาเถอะ น้าจะไม่มีวันยอมให้มันได้ตัวลูกสาวน้าไปแน่ ไม่มีวัน!”
“คุณรวีโตแล้ว คุณน้าจะบังคับได้เหรอครับ”
“ก็ให้มันรู้ไปว่าระหว่างพ่อแม่กับผู้ชายคนเดียว จะยอมตัดพ่อตัดแม่ทิ้ง ถ้าลูกสาวน้าทำแบบนั้น น้าเองก็ใจเด็ดเหมือนกันแหละจ๊ะ ไม่เชื่อพ่อดลคอยดู”
ภูวดลลอบยิ้มด้วยความพอใจอย่างมาก

ภายในงาน พิทยาโทร.หารวีพรรณ แต่ติดต่อไม่ได้ เขายิ่งร้อนใจ พิทยาต่อโทร.หารวีพรรณอีกครั้ง แต่บวรเดินออกมาตาม
“พิท...มีคนมาขอสัมภาษณ์นาย”
พิทยาพยักหน้าเก็บมือถือ แล้วเดินตามบวรออกไป
ที่บ้านบ้านสุอาภา ในเวลาเย็น เย็น พิทยา สุอาภา นพ บวร วรรณวดีต่างยืนชนแก้วกัน นพยืนถือรางวัลอยู่ในมือ บวรกำลังจะดื่ม
“เฮ้ยเฮ้ย อย่าเพิ่งดื่มสิวะ รอป๋าพูดก่อน” บวรยืนค้าง
บวรหน้าแหย
“ครับครับ”
นพหันไปทางพิทยา
“ฉันต้องขอบคุณเธอมากนะพิท ที่ทำให้บริษัทเราคว้ารางวัลนี้มาได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นรางวัลนี้..เธอสมควรจะเก็บเอาไว้”
พิทยารับรางวัลเอาไว้มองด้วยความภาคภูมิใจ
“รางวัลนี้ไม่ใช่ของผมคนเดียวครับ แต่เป็นของคุณแตด้วย”
สุอาภาอึ้ง ทุกคนหันไปมองสุอาภา
“ถ้าไม่ได้คุณแตพาผมไปดูชุมชนที่โดนน้ำท่วม ผมคงคิดงานชิ้นนี้ไม่ออก ขอบคุณนะครับคุณแต”
สุอาภายิ้มให้กับพิทยาด้วยความดีใจ สองคนมองหน้าและยิ้มให้กันนิ่งนาน จนทำให้คนที่เหลือรู้สึกแปลกๆ แล้วสุอาภาก็หันมาเย้ยใส่พ่อ พี่ชายและพี่สาว
“เห็นแล้วนะคะทุกคนว่า แตตั้งใจทำงานมากขนาดไหน แล้วแตก็ทำสำเร็จ ใครอยากขอโทษแตเป็นคนแรกก็เชิญเลยค่ะ”
บวรเขกหัว สุอาภาเจ็บ
“โอ๊ย! ใครสอนพี่ใหญ่ให้ขอโทษแบบนี้”
“ไม่ได้ขอโทษ แต่หมั่นไส้เว๊ย แหม..ช่วยแค่นี้ ทำยืด ถุย!”
สุอาภาหัวเสียอ้อน
“ป๋า”
“เดี๋ยวป๋าเอาคืนให้เอง ถุยถุยถุย...”
บวรรีบหลบหลังวรรณวดีที่พลอยโดนไปด้วย
“หยุดเลยค่ะ! น้ำลายลงอาหารหมดแล้ว เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ทั้งป๋าทั้งพี่ใหญ่..สกปรก!”
“เอ้าพวกเรา...เจ้าแม่ประทับร่างแล้ว”
สุอาภา พิทยา นพ และบวร แกล้งหันไปไหว้ วรรณวดียิ่งหัวเสีย
“รวมหัวกันแกล้งต่ายเหรอ”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ แล้วสุอาภากับพิทยาก็หัวเราะก่อนจะหันมามองหน้ากัน สองคนค่อยๆหยุดหัวเราะและยิ้มอย่างรู้สึกดีให้กัน

นั่นทำให้นพ บวร และวรรณวดีเริ่มเอะใจ

บนโต๊ะอาหาร รวีพรรณนั่งหน้าเศร้าเขี่ยข้าวในจานไปมา ณรงค์เห็นอาการรวีพรรณก็ถอนใจ

“เขี่ยข้าวไปมาแบบนี้ มันจะอิ่มมั้ยลูก”
รวีพรรณเงยหน้าบอก
“รวีไม่หิวค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องทาน ลูกพ่อซูบลงมาก ไม่สดใสเหมือนเก่า พ่ออยากได้ลูกคนเดิมกลับมา ฟังพ่อนะรวี พ่อรู้ว่าสิ่งที่พ่อพูด ลูกอาจจะไม่อยากฟัง แต่พ่อก็ต้องพูด อย่าให้ผู้ชายคนเดียวทำลายชีวิตครอบครัวที่เคยอบอุ่นของเรา ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่หวังดีกับลูก อย่าตีค่าความหวังดีของแม่เค้าผิด”
รวีพรรณยังเงียบ แล้วรมณีก็เดินออกมาพร้อมกับแก้วน้ำส้ม รวีพรรณกับณรงค์หันไปมอง รมณีเอาแก้วน้ำส้มมาวางตรงหน้ารวีพรรณ
“ถ้าไม่อยากทานข้าว...ดื่มน้ำส้มให้หมดก็ยังดี แม่คั้นเองกับมือเลยนะ”
รวีพรรณมองรมณีรู้สึกผิดมากแล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมา รวีพรรณลุกขึ้นยืน ยกมือกราบแทบอกรมณี
“แม่คะ รวีขอโทษ...”
รมณีดีใจดึงรวีพรรณมากอด เธอกอดแม่แน่นแล้วก็ร้องไห้อย่างสุดอัดอั้น ณรงค์มองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มออกมา
“แม่ไม่โกรธลูกเลย เราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าให้คนนอกมาทำให้เราต้องแตกคอกันเลยนะลูกนะ”
รมมณีพูดพลางลูบหัวลูกสาว รวีพรรณปล่อยโฮออกมาอย่างหนักเพราะกำลังเสียใจเรื่องพิทยาอยู่ รมณีกันไปยิ้มกับณรงค์ด้วยความสบายใจ

วันถัดมา ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง รวีพรรณไหว้ศรีพิไลที่ยืนอยู่กับภูวดล
“ร้านตกแต่งได้น่ารักมากเลยจ๊ะหนูรวี”
“แถมอาหารยังอร่อยทุกอย่างเลยนะครับคุณแม่”
“พูดแบบนี้แสดงว่ามาทานบ่อย”
ภูวดลหันไปส่งยิ้มหวานให้รวีพรรณ จนเธอทำหน้าไม่ถูก รีบหันไปทางศรีพิไล
“เชิญที่โต๊ะดีกว่าค่ะ รวีให้เด็กจัดที่นั่งไว้ให้แล้ว”
รวีพรรณกำลังจะเดินนำศรีพิไลกับภูวดลไปทีโต๊ะ แต่พิทยากลับเข้ามาในร้าน รวีพรรณ ภูวดล ศรีพิไลผงะ ศรีพิไลจำพิทยาได้ พิทยาเห็นภูวดลกับศรีพิไลก็อึ้ง แต่ก็ยกมือไหว้ ศรีพิไลเชิดใส่ไม่สนใจ พิทยาเก้อ หันไปทางรวีพรรณ
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“รอเดี๋ยวนะคะ”
พิทยาพยักหน้า รวีพรรณพาภูวดลกับศรีพิไลไปนั่ง ภูวดลมองพิทยาไม่วางตา

ที่หลังร้าน รวีพรรณเดินมาหาพิทยาที่ยืนรออยู่
“พิทมาทำไม”
“ผมโทร.หารวี แต่รวีไม่รับสาย ผมก็เลยต้องมาหารวีด้วยตัวเอง เมื่อวานผมเห็นรวีไปนะ”
รวีพรรณนิ่งเงียบ สีหน้าบึ้งตึง
“พิทเห็น”
“ครับ แต่ว่าตอนนั้นมันวุ่นๆ ผมก็เลยเรียกรวีไม่ทัน”
รวีพรรณสุดทน
“เลิกโกหกรวีซักที!”
พิทยาตกใจที่รวีพรรณเสียงดัง
“รวีเห็นพิทกับผู้หญิงคนนั้น...”
“มันไม่ใช่อย่างที่รวีเข้าใจ คุณแตแค่กอดแสดงความยินดีกับผม”
“แล้วพิทก็กอดเค้าตอบ”
พิทยาถึงกับจุกที่คอหอยพูดไม่ออก เธอพูดต่อ
“ถ้ารวีกอดแสดงความยินดีกับผู้ชายคนอื่นบ้าง พิทจะรู้สึกยังไง”
“ผมบอกรวีไปแล้วไงว่าผมกับคุณแตไม่มีอะไรกัน...ทำไมรวีไม่เชื่อ”
รวีพรรณสวนกลับทันทีจนพิทยาชะงัก
“รวีเคยเชื่อพิท! แต่ความเชื่อใจที่รวีมีให้พิท มันกลับทำร้ายรวีเอง อย่าให้รวีต้องเสียความรู้สึกกับพิทไปมากกว่านี้เลยนะคะ”
รวีพรรณโมโหจนน้ำตารื้น
“บางที...เราอาจจะต้องอยู่กับตัวเองกันซักพัก”
พิทยาใจหายวาบ
“ไม่นะรวี...!”
พิทยาจับแขนรวีพรรณทั้งสองแขน
“ผมขอร้องล่ะรวี อย่าทำแบบนี้ เราค่อยๆคุยกันสิครับ”
“ปล่อยค่ะ”
“ผมไม่ปล่อย!”
รวีพรรณพยายามแกะมือพิทยาออก แต่พิทยากลับดึงรวีพรรณที่น้ำตาไหลพรากมากอด
“ปล่อยนะพิท!”
ทันใดนั้นภูวดลเดินออกมา กระชากไหล่พิทยาให้ออกห่างจากรวีพรรณแล้วผลักเขาอย่างแรงจนเซ
“คุณรวีบอกให้ปล่อย ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
รวีพรรณตกใจ พิทยาโมโหมาก
“นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับแฟนผม คุณไม่เกี่ยว”
“ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าคุณรวีเป็นแฟนคุณ ที่ผ่านมาผมเห็นคุณใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมากกว่าคุณรวีซะอีก ทำไมคุณถึงทำกับคุณรวีแบบนี้ ทั้งๆที่คุณรวีรักคุณ คุณทำได้ยังไงห๊ะ !หรือว่าสุอาภาให้คุณได้ถึงใจกว่า”
พิทยากำมือแน่นเงื้อหมัดชกภูวดลเปรี้ยง!! รวีพรรณตกใจมาก ภูวดลหน้าหันเลือดซึมมุมปาก รวีพรรณหันไปตวาดพิทยาดังลั่น
“ออกไปจากร้านรวีได้แล้ว”
พิทยาอึ้ง หันไปมองรวีพรรณแววตาเสียใจและเจ็บปวด เธอจ้องหน้าเขาอย่างเอาจริง เขาเลยเดินออกไป รวีพรรณหันไปมองภูวดลด้วยสีหน้ารู้สึกผิด รีบเข้ามาดู
“เจ็บมากมั้ยคะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ”
รวีพรรณมองภูวดลเป็นห่วง ภูวดลหันไปลอบยิ้มสะใจ

ภูวดลที่มีรอยช้ำที่มุมปาก เดินตามศรีพิไลที่กำลังโมโหเข้ามาในบ้าน
“ไอ้หมอนั่นชกลูกสองครั้งแล้วนะ ครั้งนี้แม่จะเอาเรื่องมัน”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณแม่ เพราะว่างานนี้คนที่ชนะคือผม”
ศรีพิไลมองภูวดลอย่างแปลกใจ ภูวดลยิ้มอย่างมีความสุข

มุมหนึ่งในบ้านสุอาภา บวรมองพิทยาด้วยความตกใจ
“รวีขอแยกทางกับแกชั่วคราว!”
พิทยาพยักหน้า บวรถึงกับอึ้งไปเลย สุอาภาเดินผ่านมาเห็นและได้ยินเข้าพอดีก็หาที่แอบฟัง บวรพยายามให้กำลังใจพิทยา
“แค่แยกชั่วคราว แสดงว่ารวียังมีใจให้แกอยู่ อย่าเพิ่งคิดมาก”
“ไม่คิดมากไม่ได้หรอกพี่ใหญ่ ที่ผ่านมารวีเข้าใจผมมาตลอด แต่คราวนี้เค้าไม่เชื่อผม”
“แล้วเค้าไม่เชื่อแกเรื่องอะไร”
พิทยานิ่งไปซักพักบอก
“รวีคิดว่าผมกับคุณแต..มีอะไรกัน”

บวรตกใจ อึ้ง สุอาภายิ้มด้วยความดีใจมาก

ภายในร้านกาแฟยามบ่าย สุอาภาสีหน้ามีความสุขนั่งอยู่กับพราวพิไล

“ไงฝีมือฉัน...ได้ผลเกินคาด ตอนนี้ยัยรวีพรรณขอแยกทางกับนายพิทยาชั่วคราว และอีกไม่นาน เค้าต้องเลิกกัน!”
พราวพิไลมองสุอาภาอย่างเป็นห่วง
“แต..ฉันถามจริงเหอะ แกชอบคุณพิทรึเปล่า”
สุอาภาสำลักกาแฟ
“ถามอะไรบ้าๆ”
“ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะว่าแกตั้งใจมากเหลือเกิน ฉันไม่เคยเห็นแกจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องไหนแบบนี้มาก่อน”
“ฉันยอมแพ้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เค้าไม่มีอะไรเลยนะพราว นอกจากจะเป็นคนดีซะเหลือเกิน ดีจนฉันกลายเป็นเพียงคนเลวๆที่เค้ายืนกรานกับป๋าว่าเค้าไม่อยากแต่งงานด้วย”
สุอาภามีแววตามีความเสียใจ
“งั้นขออย่างได้มั้ย”
“ถ้าให้ได้ก็จะให้”
“อย่าให้เป็นเพราะว่าแตแคร์เค้ามากเกินไป จนทนเห็นเค้าไปมีความสุขกับคนอื่นไม่ได้ ถึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เค้ามา เพราะเค้าไม่ใช่คนอย่างที่เราเคยคบหามานะแต คุณพิทยาเป็นคนหยิ่ง ความหยิ่งของเค้าจะทำลายแตเข้าจนได้ ถ้าเค้ารู้ว่าแตมีเจตนายังไงกับเค้า”
สุอาภาฟังพราวพิไลพูดแล้วก็อดคิดตามไปด้วยไม่ได้ แม้จะทำเป็นไม่สนใจก็ตาม
“แหมพราว..หมู่นี้ทำไมถึงคิดอะไรลึกซึ้งนัก ฉันไม่คุยกับแกแล้ว คุยแล้วเครียดไปดีกว่า”
สุอาภาพูดจบก็เดินฉับๆออกไป แต่สีหน้าดูจะกังวลใจอยู่ไม่น้อย พราวพิไลมองตามเพื่อนเป็นห่วง

มุมหนึ่งในบ้าน นพกำลังคุยโทรศัพท์กับหมอ ด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ผมมีภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ !!...แล้วต้องรักษายังไง”
นพยังไม่ทันฟัง...ก็เห็นบวรกับวรรณวดีเดินเข้ามาพอดี
“แค่นี้ก่อนนะหมอ”
นพรีบวางสาย หันไปทางบวรกับวรรณวดีที่มีท่าทางอึกอัก
“มีอะไรจะพูดกับป๋า”
บวรสะกิดให้วรรณวดีพูด
“พี่ใหญ่เล่าให้ต่ายฟังว่า รวีแฟนพิท บอกกับพิทให้ห่างกันซักพักค่ะ ต่ายคิดว่ามันอาจจะเกี่ยวกับแตค่ะป๋า”
นพชะงักและอึ้งไปทันที
“ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็อย่ามาพูดใส่ร้ายน้องกันนะ”
บวรถอนใจ
“พวกเราไม่ได้ใส่ร้ายน้องนะครับป๋า พฤติกรรมของแตมันแปลกตั้งแต่ตอนที่ขอเข้าไปฝึกงานที่บริษัทแล้ว และหลังจากนั้น มันก็ทำตัวสนิทสนมกับพิทมาก ดีกับพิท อย่างชนิดที่เรียกว่ากลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ”
“ป๋าก็รู้ว่ายัยแตไม่ใช่คนที่ทำดีกับคนอื่นง่ายๆ ก่อนหน้านี้แตก็ทั้งโกรธและเกลียดพิท อย่างกับอะไรดี”
นพคิดนิดนึงแล้วถาม
“เราสองคนคิดว่ายัยแตจงใจจะทำให้พิทมีปัญหากับแฟน”
บวรกับวรรณวดีมองหน้ากันแล้วก็เงียบก่อนจะพยักหน้าพร้อมกัน วรรณวดีมีสีหน้าเป็นกังวลมาก นพได้แต่ทอดถอนหายใจด้วยความคิดหนัก

นพมองรูปครอบครัว แต่สายตามองไปที่รูปพิทยาแล้วก็ครุ่นคิดอะไรออก

วันถัดมา เวลาเช้า พิทยาเดินมายืนข้างๆนพ นพหันมา
“อารู้เรื่องเธอกับหนูรวีแล้ว อาว่ามันถึงเวลาที่เธอต้องทำให้หนูรวีเห็นว่าเธอจริงจังกับเค้าซักที”
พิทยานิ่วหน้า
“อาจะไปสู่ของหนูรวีให้”
พิทยาอึ้ง นพพูดต่อ
“เงียบทำไม หรือเธอไม่ต้องการให้อาทำแบบนี้”
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่นึกว่าคุณอาจะ...”
นพยิ้มอย่างรู้ใจ
“เพราะฉันเคยขอให้เธอแต่งงานกับยัยแตใช่มั้ย”
พิทยานิ่งไปซักพักแล้วก็พยักหน้า
“นั่นเพราะฉันคิดผิด การแต่งงานต้องเกิดจากคนสองคนที่รักกันไม่ใช่ถูกบังคับให้รักกัน”
พิทยาโล่งใจมากบอก
“ขอบพระคุณคุณอามากนะครับที่กรุณาผม”
นพยิ้มให้พิทยาอย่างใจดี

สุอาภาเดินเข้ามาในห้องพิทยาก็แปลกใจที่เขาไม่อยู่ แล้วไม่นานพิทยากับนพก็เดินมาที่หน้าห้อง
สุอาภาหันไปมองเห็นนพตบบ่าพิทยา
“เรื่องนั้น ฉันจะดูฤกษ์ให้ก่อน”
“ครับ”
สุอาภาเดินมา
“ดูฤกษ์เรื่องอะไรเหรอคะ”
นพกับพิทยาหันไปมองสุอาภา
“ป๋าจะไปสู่ขอหนูรวีให้พิทเค้าน่ะ”
สุอาภาตกใจหน้าถอดสี แล้วนพก็เดินออกไป สุอาภากำมือแน่นไม่พอใจ

สุอาภาจ้ำเดินตามเข้ามาในห้อง นพแปลกใจ
“ป๋าจะไปสู่ขอยายนั่นให้พิทเหรอคะ”
นพตกใจกับน้ำเสียงแตเลยปราม
“กระแต!”
“แตขอโทษค่ะ คือ..แตแปลกใจ พิทเค้าโดนบังคับรึเปล่า”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“แฟนเค้าไม่อยากให้แตเข้าไปตอแยกับพิทยังไงล่ะคะ ท่าทางเค้าขี้หึงจะตาย”
“ก็น่าให้เค้าหึงนี่น่า”
สุอาภาหลบตา นพสังเกตอาการ
“นี่แตไม่พอใจกับการแต่งงานของเค้ารึเปล่า”
“แตจะมีสิทธิ์อะไรไปไม่พอใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของแต เค้ารักกันจะแต่งงานกัน มันก็เรื่องของเค้า ว่าแต่ป๋าเหอะ ฟาวล์รึเปล่าเรื่องที่อยากให้แตแต่งงานกับเค้า แต่กลับต้องไปขอผู้หญิงคนอื่นให้ลูกชายสุดที่รักของป๋าแทน”
“เพราะเรื่องนั้น ทำให้ป๋าตัดสินใจที่จะช่วยพิท อะไรที่ป๋าทำให้เค้าได้ ป๋าก็จะทำ ชีวิตทั้งชีวิตของพิทน่าสงสารมามากพอแล้ว”
สุอาภานิ่งไปซักพัก
“ไงป๋าก็ระวังตัวไว้ด้วย เพราะพ่อแม่ผู้หญิงเค้าไม่ค่อยจะพิศวาสพิท เค้าเป็นโรครังเกียจความจนอย่างแรง”
“ป๋าซะอย่าง ฝ่ายโน้นเรียกมาแพงแค่ไหน ก็สู้ขาดใจ”

สุอาภาทำเป็นยิ้มทั้งที่ในใจเจ็บปวดอยู่ลึกๆ

ภายในห้องเสื้อแต๋มตอนกลางวันบรรยากาศกำลังมาคุ สุอาภาหันขวับมาทางแต๋ม ด้วยสีหน้าเหวี่ยงเอาเรื่อง

“พี่แต๋มไม่มีชุดที่มันสวยกว่านี้เหรอไงคะ มีแต่ชุดอะไรก็ไม่รู้ โอ๊ย เซ็งเซ็งเซ็ง!”
ลูกค้าทั้งร้านหันมามองสุอาภาแล้วก็เดินออกไป
แต๋มถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อกกับอาการเหวี่ยงของสุอาภา
“คุณแตไปอารมณ์เสียจากที่ไหนมาฮะเนี่ย พูดซะลูกค้าออกจากร้านเจ๊ไปหมดแล้ว”
“ไม่มีลูกค้า เดี๋ยวแตเหมาทั้งร้านก็ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
แต๋มเหวอ สุอาภาจ้ำเดินเข้าไปดูด้านใน แต๋มพ่นลมหายใจส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ
ระหว่างนั้นรมณีกับเพื่อนคุณนายเดินเข้ามา แต๋มฉีกยิ้มกว้าง...รีบเข้ามาต้อนรับ ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณรมณี รอซักครู่นะคะ เดี๋ยวแต๋มเข้าไปเอาชุดที่ตัดเสร็จแล้วมาให้”
“จ๊ะ”
แต๋มเดินออกไป รมณีหันมาทางเพื่อน แต่เพื่อนกลับเห็นสุอาภาอยู่ที่ด้านในร้าน ก็เลยหันมาบอก
“นั่นมันยัยสุอาภาที่เป็นข่าวบ่อยๆนี่”
รมณีหันขวับไปมองพอเห็นสุอาภาก็เบ้หน้ารังเกียจขึ้นมาทันที ก่อนจะหันมาทางเพื่อน ตัวเองเลยยืนหันหลังให้สุอาภา
“ตัวจริงเค้าดูสวยกว่าในรูปข่าวที่ลงอีกนะ”
“สวยแต่รูป จูบไม่หอมเคยได้ยินมั้ย”
เพื่อนนิ่วหน้ามองสงสัย รมณีพูดต่อ
“ยัยนี่พ่อตามใจ ผิดก็กลายเป็นถูก...ก็เลยเสียคน แล้วก็อาจจะเสียตัวไปแล้วด้วยก็ได้”
รมณีส่งน้ำเสียงเยาะๆเพื่อนฟังแล้วก็ตาโต อยากรู้ต่อทันที
“เมาท์”
“เมาท์ที่ไหน เรื่องจริงล้วนๆ นี่ถ้าฉันมีลูกเป็นยัยนั่น ฉันคงจะแทบบ้าตาย เพราะวันๆมีแต่เรื่องผู้ชาย” สุอาภาที่ยืนอยู่หลังราวแขวนเสื้อผ้าได้ยินทุกอย่างก็กำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ หันไปเห็นแต๋มเดินมาก็นึกอะไรออกทันที
“พี่แต๋มคะ...ช่วยออกแบบเสื้อให้แตหน่อยนะคะ แตจะใส่ไปงานแต่งงานพี่ชาย”
สุอาภาจงใจพูดเสียงดังให้รมณีได้ยิน แล้วมันก็ได้ผล เพราะรมณีได้ยินจริงๆ
แต๋มประหลาดใจ
“พี่ชาย คุณใหญ่จะแต่งงานเหรอคะ”
“ไม่ใช่พี่ใหญ่ค่ะ แต่เป็นพี่ชายอีกคนของแต ชื่อพิทยา”
รมณีแทบสะอึกตั้งใจฟังทันที
“ป๋ากำลังจะไปสู่ขอผู้หญิงให้เค้า แตก็เลยอยากตัดชุดไว้แต่เนิ่นๆ งานนี้จัดเต็มนะคะ แตบอกได้เลยว่าเป็นงานช้างแห่งปี”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ เออ..พี่ถามได้มั้ยเอ่ยว่าเจ้าสาวเป็นใคร”
“คุณรวีพรรณ..ลูกสาวคุณรมณียังไงคะพี่แต๋ม”
แต๋มตกใจยกมือขึ้นมาปิดปาก พร้อมกับปรายตามองรมณีที่ยืนกำมือแน่นอยู่กับกลุ่มเพื่อน
เพื่อนหันไปมองรมณีด้วยความแปลกใจมาก
“ลูกเธอกำลังจะแต่งงานเหรอรมณี”
สุอาภาหันไป...ทำเป็นประหลาดใจที่เพิ่งเห็นรมณีก็เดินเข้าไปหาใกล้ๆพร้อมยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณรมณี แหมบังเอิ๊ญบังเอิญนะคะ”
รมณีไม่ชอบหน้าแต่จำต้องรับไหว้ แต๋มมองแบบรู้สึกไม่ค่อยดี
“มาตัดชุดใส่วันงานของลูกสาวเหมือนกันเหรอคะเนี่ย”
รมณีฉุนอย่างแรง
“อย่ามาพูดมั่วๆ”
สุอาภาทำลอยหน้าลอยตา
“ไม่มั่วนะคะ คุณพ่อฉันกำลังหาฤกษ์เข้าไปสู่ขอคุณรวีพรรณ คุณนี่ใจกว้างเหมือนแม่น้ำ น่านับถือจริงๆ รางวัลคุณแม่ดีเด่นปีนี้น่าจะตกเป็นของคุณ”
รมณีแทบจะเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่ โกรธจนตัวสั่น สุอาภาทำเป็นแปลกใจ
“อย่าบอกนะคะว่าไม่รู้”
สุอาภาแกล้งปิดปากแล้วพูดต่อ
“ตายจริง! ฉันปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเริ้ม ถ้าถึงวันที่คุณพ่อพาพิทไปสู่ขอคุณรวีพรรณเมื่อไหร่ คุณก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องนะคะ”
สุอาภายิ้มพร้อมยกมือไหว้รมณีแล้วก็เดินออกไป รมณีกำมือแน่นด้วยความโมโหมาก หันไปเห็นเพื่อนๆมองมาก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก

เวลาเย็น ภายในบ้าน รมณีหันมาทางณรงค์ด้วยความโมโหมาก
“ยังไงฉันก็ไม่ยอมยกยัยรวีให้มันแน่ ให้ฉันตายไปเสียก่อนยังดีกว่า ในเมื่อมองเห็นทางข้างหน้าว่าลูกเราต้องตกระกำลำบากแค่ไหน นายนั่นน่ะมีอะไรบ้าง มรดกที่แม่มันทิ้งให้ก็ไม่มี เงินเดือนที่ทำมาหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็ไม่พอยาไส้ อีกหน่อยถ้ามีลูกด้วยกัน ลูกไม่ต้องเกิดมาแร้นแค้นเหรอคะ”
“ใจเย็นก่อนคุณ”
“ฉันเย็นไม่ไหวแล้ว ขนาดจะนั่ง ยังนั่งไม่ติด เกิดปุบปับมันมาสู่ขอยัยรวีซะวันนี้พรุ่งนี้ เราจะทำยังไง”
“ผมว่าเราต้องให้ลูกไปที่ไหนไกลๆซักพัก”
“จะไปไหนได้ แกต้องทำงาน”
“ผมเจอคุณวิธาน เจ้านายรวีวันก่อน เค้าบอกว่าเค้าต้องไปดูงาน พอดีเลขามีปัญหาทำท่าจะไปด้วยไม่ได้ เค้าก็บ่นอยู่ว่าจะหาใครไปแทน เพราะไปหลายวัน ผมจะลองโทร.บอกคุณวิธานให้ยัยรวีไปช่วย ผมว่าไม่น่ามีปัญหา แต่คุณก็อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไป รอให้ผมคุยกับคุณวิธานก่อน”
รมณีพยักหน้า ยิ้มด้วยความสบายใจ พลางคิดอะไรได้บางอย่าง

ภายในออฟฟิศ รวีพรรณนั่งตรงข้ามวิธาน
“ผมอยากให้คุณไปดูงานกับผมที่ต่างประเทศ หวังว่าคุณจะไม่ขัดข้อง”
รวีพรรณสีหน้าดูลังเลนิดหน่อย มองหน้าวิธาน
“ไปที่ไหนคะ”

ที่บ้านภูวดล….ภูวดลนั่งอยู่กับรมณี
“อเมริกา”
“ใช่จ๊ะ ยัยรวีต้องไปทำงานแทนเลขาของบริษัทที่มีปัญหาไปไม่ได้ พอดีรวียังมีวีซ่าอเมริกาอยู่ก็เลยต้องไปแทน”
ภูวดลยิ้มรับพลางลอบหันไปหรี่ตาร้ายกาจ

ภายในร้านอาหาร สินีนาฎเดินมายืนข้างๆรวีพรรณ
“ไปน่ะดีแล้วรวี จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ เธอจะได้สบายใจขึ้น”
“ฉันควรบอกพิทรึเปล่า”
“ไม่ต้องบอก ถือเป็นการสั่งสอนที่พิทคิดนอกใจเธอ”
รวีพรรณนิ่งไปซักพักแล้วก็พยักหน้า สินีนาฎยิ้มมุมปากมีความสุขที่เห็นพิทยากับรวีพรรณมีปัญหากัน

หลายวันต่อมา ที่ไซต์งานก่อสร้าง บวรกำลังคุยกับผู้รับเหมา พิทยาที่ดูเหม่อๆ ยืนอยู่ด้วย บวรพูดกับผู้รับเหมา
“เอาตามนั้นแหละนะ”
ผู้รับเหมาพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป บวรหันไปเห็นสีหน้าพิทยาก็พอจะรู้ว่าเป็นอะไร
“พิท...พิท! กลับบ้านไปพักเถอะ”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“ร่างกายไม่เป็น แต่ใจ..ป่วยหนัก”
พิทยาถอนหายใจ บวรถาม
“บอกรวีเรื่องที่ป๋าจะไปสู่ขอเหรอยัง”
“ยังครับ ผมไม่รู้ว่ารวีจะรับโทรศัพท์ผมรึเปล่า”
“นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉันว่ารวีคงใจเย็นลงแล้วล่ะมั๊ง”
“ไม่รู้สิครับ ตั้งแต่คบกันมา รวีไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมก็เลยกลัว”
“แกอย่ามานั่งคิดเอาเองแบบนี้ อย่างที่ฉันเคยพูด...แยกกันชั่วคราว ไม่ได้แปลว่าเลิกกัน”
บวรตบบ่าพิทยาให้กำลังใจ...แล้วก็เดินออกไป พิทยานิ่งคิด

ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศ พิทยามองหน้าสินีนาฎสีด้วยความหน้าประหลาดใจ
“รวีกำลังจะไปทำงานที่อเมริกา”
สินีนาฎแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ใช่... นี่รวีไม่ได้บอกพิทเหรอ”
“ไม่ได้บอก”
“ตายจริง ท่าทางครั้งนี้รวีจะโกรธพิทมาก พิทที่เป็นแฟนกลับไม่รู้แต่คนที่รู้ดันเป็นคุณภูวดล ถ้ามีอะไรให้สิช่วยบอกมาได้เลยนะ ยังไงพิทกับรวีก็เป็นเพื่อนที่สิรักด้วยกันทั้งคู่”
สีนีนาฎจับแขนพิทยาที่พยักหน้าหน้าเศร้า แล้วลอบยิ้มดีใจที่เห็นความร้าวฉาน แล้วพิทยาก็นึกอะไรออก
“ถ้างั้นสิช่วยผมทีว่าตอนนี้รวีไปไหน ยังไงวันนี้ผมต้องคุยกับเค้าให้ได้”
สินีนาฎเซ็งไปในทันที

สุอาภาเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพิทยาแต่เขาไม่อยู่ เธอแปลกใจ
“ไปไหนของเค้า”
สุอาภาหันไปเห็นบวรเดินมา ก็รีบเดินไปหา
“พี่ใหญ่...พิทอยู่ไหน”
“เห็นว่าจะไปหารวี พี่ว่าเดี๋ยวก็คงคืนดีกันแล้วแหละ”
บวรพูดจบก็เดินออกไป แต่สุอาภากังวลขึ้นมาทันที

ภายในห้างหรู ภูวดลกับรวีพรรณเดินดูเสื้อหนาวด้วยกัน
“ขอบคุณนะคะที่มาซื้อเสื้อเป็นเพื่อนฉัน ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่คุณแม่ฉันบอกทุกอย่างก็ได้”
“ผมเป็นคนไม่ทำอะไรตามใจใคร นอกจากตัวเอง ผมเต็มใจที่จะมาเป็นเพื่อนคุณ”
รวีพรรณนิ่งไป ภูวดลหันไปเห็นเสื้อหนาวตัวหนึ่ง ก็หยิบออกมา
“ตัวนี้มั้ยครับ เนื้อผ้าแบบนี้ลมไม่เข้า แถมยังไม่หนักด้วย”
“ลองดูก็ได้ค่ะ”
“ผมช่วย”
ภูวดลถือเสื้อให้รวีพรรณใส่ รวีพรรณใส่เสร็จ..หันไป ทำให้หน้าใกล้กับภูวดล เขามองเธอด้วยแววตาวาบหวาม พิทยายืนอยู่พอดี รวีพรรณหันไปเห็นก็ผงะ ภูวดลหันไปเห็นพิทยาก็เซ็ง
รวีพรรณ รีบผละออกห่างภูวดลทันควัน 
“พิท...”
พิทยาเดินมาตรงหน้ารวีพรรณ ทำเหมือนภูวดลไม่มีตัวตน
“รวีจะไปดูงานที่อเมริกาเหรอ”
รวีพรรณแปลกใจมาก
“พิทรู้ได้ไง”
พิทยาไม่ตอบแต่บอกว่า
“ถ้าผมไม่บังเอิญรู้ รวีคิดจะบอกผมเมื่อไหร่”
“คราวนี้พิทรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าการที่เรารู้เรื่องจากคนอื่นมันรู้สึกยังไง”
พิทยาหน้าชาไปทั้งแทบ ภูวดลมองพิทยาด้วยแววตาสะใจ
พิทยาเสียงอ่อนลง
“รวี ผมไม่อยากให้เราทะเลาะกันแบบนี้เลยนะครับ รวีช่วยฟังผมซักนิดได้มั้ย”
รวีพรรณเงียบเหมือนจะใจอ่อน แต่เสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาหยิบออกมาเห็นชื่อ “สุอาภา” ก็ตัดสินใจไม่รับ หันไปทางรวีพรรณ
“ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ เป็นเรื่องของ เรา”
เสียงโทรศัพท์ก็ยังดังไม่หยุด
“รับโทรศัพท์ก่อนเถอะค่ะ”
พิทยาหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อสุอาภาก็ลังเลไปนิดนึง ก่อนจะตัดสินใจกดรับ หันหลังยืนคุยเสียงเบา แต่รวีพรรณมองอย่างรู้ว่าใครโทรมา
“มีอะไร คุณอยู่โรงพยาบาล เดี๋ยวผมไป”

พิทยาหันมา แต่รวีพรรณกับภูวดลหายไปแล้ว พิทยาหัวเสียสุดๆ

ติดตาม "แรงปรารถนา" ตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น